จุลสาร สปน.ปีที่20

ปที ่ี ๒๐ ฉบบั ท่ี ๘ เดอื นพฤษภาคม ๒๕๖๓

สวัสดีค่ะ เดือนพฤษภาคมนี ้ มีข่าวดีท่ีสร้ างความหวัง ๒ ให้กับหลาย ๆ คน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ เชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) มีแนวโน้ มว่า จะดีขึน้ เร่ือย ๆ จากจานวนผู้ติดเชือ้ ที่ลดลง ส่งผลให้ ใน ห ล าย พื น้ ท่ี เ ร่ิ ม กา ห น ด มา ต ร กา ร ผ่อน ค ล า ย “ล็อกดาวน์” ให้เปิ ดกิจการบางอย่างได้ แตท่ ่ีสาคญั คือ “การ์ดอย่าตก” ส่วนบางกิจการ/หน่วยงานยังคงให้ Work from Home เพื่อลดความเสี่ยงในการสมั ผสั เชือ้ ตลอดจนเพื่อความปลอดภัยของพนกั งานและสมาชิก ในครอบครัว จุลสาร สปน. สมั พนั ธ์ ฉบบั นี ้จึงขอนาเสนอ แนวทางการทางาน “Work from Home อย่างไร ให้ มีประสิทธิภาพ”, “ปนร. ขานรับนโยบายนายกฯ จีห้ นว่ ยงานราชการทางานท่ีบ้านให้มากขนึ ้ ” ในคอลมั น์ มุมราชการ, “การสร้ างสภาพแวดล้อมในการทางานที่ดี เ พ่ื อ ผ ล สั ม ฤ ท ธิ์ ข อ ง ง า น แ ล ะ ค ว า ม ส า ร า ญ ข อ ง ค น ” ในคอลัมน์ OPM Rethinking รวมถึงข่าวคราว ความเคลื่อนไหวของ สปน. กบั คอลมั น์ภาพเป็นขา่ ว

Work from home หรือที่นยิ มเรียกกนั ว่า WFH แปลความหมายตรงตวั คือ การทางาน ที่บ้าน ซ่ึงปัจจุบนั ไม่ได้เป็ นเพียง รูปแบบการทางาน ทางเลือก ในการทางานยุค Thailand 4.0 แต่ยงั เป็ น ทางรอด ในภาวะวิกฤตการระบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ซึง่ อาจต้องมีการ ปรับตวั ปรับวธิ ีคดิ รวมถึงการปรับสภาพแวดล้อมรอบตวั เพ่ือให้เกิดประสทิ ธิภาพสงู สุดในการทางาน การสร้ างสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมแก่การทางาน ช่วยให้เรา สามารถทางานได้อย่างมีสมาธิมากยิ่งขนึ ้ อาจจดั ห้องใดห้องหน่งึ หรือปรับมุมของห้องให้ เป็ นโต๊ะทางานโดยเฉพาะ สร้ างบรรยากาศ ให้รู้สึกเสมือนอยู่ท่ีทางาน หากบ้านไหนที่มีเด็ก อาจจะต้อง มีการส่ือสารพดู คยุ กนั ให้เข้าใจ หากิจกรรมให้ลกู ทา เพ่ือเบ่ียงเบน ความสนใจ หาคนท่ีไว้ใจได้ชว่ ยดแู ล และสื่อสารกบั เพ่ือนร่วมงาน เพื่อรับทราบและสร้างความเข้าใจ วา่ เวลาที่ต้องประชมุ ผา่ นวิดีโอ บางครัง้ อาจมีเสียงรบกวนบ้าง แตจ่ ะพยายามอยา่ งดีที่สดุ ๓

ให้พึงระลึกไว้อยู่เสมอว่า “เรากาลงั ทางาน” เพียงแค่เปล่ียนสถานที่ จากโต๊ะทางาน เป็นมมุ ใดมมุ หนงึ่ ของบ้านกเ็ ทา่ นนั้ เพ่ือสร้างจิตสานึก และความรับผิดชอบต่องาน โดยทาทุกอย่างให้เหมือนปกติที่เราไปทางาน เช่น เวลาตื่นนอน เวลาเข้ างาน เวลาพัก ตลอดจนเวลาเลิกงาน เพ่ือไม่ให้เราโหมทางานมากจนเกินไป หรือผ่อนคลายน้อยเกินไป จนงานไมม่ ีประสิทธิภาพ จดั วางแผนงานท่ีต้องทาให้ชดั เจน ว่าในแต่ละวนั ต้องทางานอะไรบ้าง ลาดับความเร่งด่วน และความสาคัญของงาน ว่าควรทางานใด กอ่ นหลงั การเตรียมความพร้อมหากมีงานดว่ นแทรกเข้ามาระหว่างวนั รวมถึงการกาหนดเวลาส่งงานที่ชัดเจน เพื่อให้ งานสาเร็จลุล่วง ไปตามเป้ าหมายที่ตัง้ ไว้ ซึ่ง สปน. ได้ กาหนดแบบฟอร์ มแผน การปฏิบตั งิ านภายในที่พกั ของสว่ นราชการใน สปน. (แบบ WFH 01 - 04) เพ่ือดาเนินการอย่างเป็ นระบบ และเป็ นไปในทิศทางเดียวกนั โดยให้ ระบุแผนงานท่ีต้องปฏิบัติ ระยะเวลาในการดาเนินการ ข้อตกลง ในการปฏิบัติงาน และรายงานผลการปฏิบัติงานอย่างสม่าเสมอ ภายใต้การควบคมุ ของผ้บู งั คบั บญั ชาแตล่ ะฝ่ าย ควรสื่อสารกับหัวหน้ าและเพื่อนร่วมงานอย่างสม่าเสม อ ด้วยการนาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้ เกิดประโยชน์ สูงสุด เช่น การติดต่อส่ือสาร รายงานความคืบหน้าของชิน้ งานผ่าน แอปพลิเคชัน ไลน์ (Line), การประชุมผ่านแอปพลิเคชน่ั Cisco Webex Meetings ซึ่ง สปน. ได้กาหนดให้ใช้เป็ นแอปพลิเคชนั หลกั ในการประชมุ ร่วมกนั และการแชร์ไฟล์งานร่วมกนั บน OPM Drive เพ่ืออานวยความสะดวกแก่ผ้ทู างานที่บ้าน ในการทางาน แก้ไข และสง่ ไฟล์งานได้ในเวลาเดียวกนั หากการทางานที่บ้าน (WFH) ดาเนินไปได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ในอนาคตอาจไมใ่ ชแ่ คก่ ารนามาใช้เพ่ือแก้ไข ปัญหาเฉพาะหน้าในภาวะวิกฤตอีกต่อไป แต่อาจมีการพัฒนาจนนาไปส่กู ารทางานอย่างไร้ พรหมแดนต่อไป ในอนาคตก็เป็ นได้ ๔ ***********

เมื่อวันที่ ๑๓ พ.ค. ท่ีผ่านมา ปนร. ได้ ให้ สัมภาษณ์ กับสานัก ข่าว ไทยโพสต์ ถึงกรณีที่ นรม. และ ครม. เ ห็ น ช อ บ เ ร่ื อ ง ก า ร ท า ง า น เ ห ลื่ อ ม เ ว ล า ของข้ าราชการให้ มีมากขึน้ เพื่อ ลด การแพร่ระบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ว่า ในส่วนของ สปน. อยู่ในระหว่างการพิจารณา ๓ ช่วงเวลา คือ ๐๗.๓๐ น., ๐๘.๓๐ น., ๐๙.๓๐ น. และบวกไป ๘ ชม. โดยข้ าราชการ ใน สปน. กวา่ ๗๐๐ คนนนั้ จะดาเนินการ ทางานเหลื่อมเวลาอย่างไร ให้ยึดตาม ค ว า ม เ ห ม า ะ ส ม แ ล ะ ค ว า ม จ า เ ป็ น แต่ในส่วนของระบบงานต่าง ๆ ที่ต่อเนื่อง มาท่ีได้ทดลองใช้ชว่ ง ๒ -๓ เดอื นท่ีผ่านมา ก็เหน็ วา่ สว่ นตา่ ง ๆ สามารถเดนิ หน้าไปได้ ปนร. กล่าววา่ ในวนั เดียวกันนีใ้ นที่ประชมุ คณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ(ก.พ.ร.) ที่มี ร.นรม. (นายวิษณุ เครืองาม) เป็ นประธานนนั้ ได้มีการหารือว่าเป็ นเร่ืองที่ดีท่ีผลการทางานที่บ้าน หรือที่เรียกว่า Work from Home และการทางานเหลื่อมเวลา ที่ ก.พ. ได้มานาเสนอต่อเนื่องมาาาก ท่ีประชมุ ครม. ได้หารือกนั ซงึ่ ร.นรม. ยงั ได้สง่ั การให้ครอบคลมุ ไปถึงหนว่ ยงานของรัฐ องค์การมหาชน รัฐวสิ าหกิา เพื่อนามาเปรียบเทียบและวางแนวทาง การทางานในอนาคตของการพฒั นาระบบราชการไทย นอกาากนี ้ ในเบือ้ งต้น นรม. ได้ให้ นโยบายทุกส่วนราชการดาเนินการาัดเร่ือง เหลื่อมเวลาเน่ืองาากมีผลตอ่ เนื่องหลายเรื่อง ทงั้ เรื่องการป้ องกนั การระบาดของเชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) เร่ืองการาราารและการบริการประชาชน นรม. ให้นาข้อมูลต่าง ๆ ท่ีมีการประเมิน ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไปวางแผนเพื่ออนาคต ตลอดาน มาตรการ Work from Home ซึ่ง ครม. สงั่ การ ขอให้ได้ ๕๐:๕๐ โดย ก.พ. ได้รายงานค่าเฉลี่ยเบือ้ งต้นปฏิบตั ิได้ ๕๐:๕๐ แล้ว แต่ยงั มีบางหน่วยงาน ที่ Work from Home ไม่ได้ ๑๐๐% เช่น ฝ่ ายความมนั่ คง งานด้านสาธารณสขุ การบริการประชาชน ซ่ึงในส่วนดงั กล่าวยังคงไว้เน่ืองาากาาเป็ นแต่ในส่วนอ่ืน นรม. ได้ขอให้แต่ละหน่วยงานลองไปปรับ แผนการทางาน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและการทางานสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้และประชาชน ยงั ได้ประโยชน์ ๕

เรือ่ งโดย : นายเกียรตศิ ักดิ์ หงษ์คา นกั วเิ คราะห์นโยบายและแผนชานาญการ สานกั แผนงานและกิจการพเิ ศษ การทางานในยคุ ปัจจบุ นั เราจะเหน็ ได้วา่ หลายหนว่ ยงาน โดยเฉพาะหนว่ ยงานที่ประสบความสาเร็จในระดบั โลก มกั ให้ความสาคญั กบั การสร้างสภาพแวดล้อมในการทางานหรือ Working Environment เป็ นอย่างย่ิง โดยหน่วยงานเหลา่ นีม้ กั มองวา่ การสร้ างสภาพแวดล้อมในการทางานท่ีดีเป็ นเร่ืองพืน้ ฐานที่จะนาพาหน่วยงานไปส่คู วามสาเร็จตามเป้ าหมาย หรืออาจเกินเป้ าหมาย ที่ตงั้ ไว้ ซึ่งการสร้ างสภาพแวดล้อมในการทางานท่ีดีนีไ้ ม่ควรขาดตกบกพร่องด้านหนึ่งด้านใดไป หรือมุ่งเน้นด้านใดด้านหนึ่ง จนมากเกินไป แตค่ วรเป็ นไปอยา่ งครอบคลมุ ในทกุ ๆ ด้าน ดงั นี ้ ๑. ดา้ นการบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คล ถือเป็ นปัจจัยสาคัญยิ่งในการสร้ างสภาพแวดล้อมในการทางานท่ีดี เพราะการบริหารทรัพยากร บุคคล คือ การสร้ างกลไกหรือระบบที่จะช่วยสร้ างสมดุลการทางานของคนในหน่วยงานให้ มุ่งไปสู่เป้ าหมายของ หน่วยงาน เกิดความมุ่งม่ันตัง้ ใจต่อการทางาน รวมทัง้ เป้ าหมายต่าง ๆ หน่วยงาน การบริหารทรัพยากรบุคคลจึงเป็ นเสมือน ส่ิงจูงใจ และแรงบันดาลใจในการทางาน หากผู้ปฏิบัติงานมีส่ิงเหล่านีอ้ ย่างแรงกล้ าย่อมสะท้ อนหรือแสดงออกมาผ่าน ฝี มือ การทางาน และท้ายทสี่ ดุ คอื การสง่ ผลตอ่ เป้ าหมายตามท่ีหน่วยงานได้กาหนดเอาไว้ โดยการบริหารทรัพยากรบคุ คลนี ้ครอบคลมุ ตงั้ แตใ่ นเรื่องของการประเมินผลการทางานของบคุ คล การเลอ่ื นตาแหนง่ การเลอ่ื นเงินเดือน การให้สวสั ดิการ หรือผลประโยชน์ตอบแทน โดยประเด็นต่าง ๆ เหล่านีจ้ ะสามารถส่งผลให้เกิดสภาพแวดล้อมการทางานที่ดีได้ นนั้ ทุกขนั้ ตอน ทกุ กิจกรรมดงั กลา่ วภายใต้ การบริหารทรัพยากรบุคคลจะต้องเป็ นไปอย่างโปร่งใส ปราศจากระบบอุปถมั ภ์หรือเป็ นไปโดยสจุ ริต โดยเฉพาะการประเมินผล การทางาน หรือการเล่ือนตาแหน่งจะต้องเป็ นไปตามความรู้ความสามารถท่ีแท้จริง ซ่ึงถือเป็ นค่านิยมท่ีกลุ่ มคนรุ่นใหม่ หรือคนในยคุ ปัจจบุ นั ให้การยอมรับ หากการดาเนินการภายใต้การบริหารทรัพยากรบคุ คลในด้านหนึง่ ด้านใดเป็ นไปในลกั ษณะนี ้ ยอ่ มไมม่ ีทางท่ีจะทาให้เกิดสภาพแวดล้อมการทางานที่ดไี ด้ ๒. ด้านสมรรถนะของบคุ ลากร การยกระดับหรือการพัฒนาสมรรถนะของบุคลากรในหน่วยงานถือเป็ นรากฐานสาคัญย่ิงในการสร้ างสภาพแวดล้อม การทางานที่ดี ที่หลายหน่วยงานอาจมองว่าการพฒั นาในเรื่องอ่ืน ๆ อาจไม่จาเป็ นหรือสาคัญเท่าเร่ืองนี ้ เน่ืองจากการพฒั นา ในตัวคนนี ้ คือ หัวใจสาคัญของทุกยุคทุกสมัยในการทางาน จะเห็นได้ ว่า หากหน่วยงานเกิดภาวะวิกฤติหรือปัญหาต่าง ๆ หรือแม้แต่ความต้องการทาเป้ าหมายหน่วยงานให้ประสบความสาเร็จมากกว่าท่ีเป็ นอยู่ หากหน่วยงานไหนได้มีการลงทุ นลงแรง ในเรื่องของการพัฒนาในตัวของคน หรือบุคลากรในหน่วยงานแล้ว ย่อมไม่มีทางท่ีหน่วยงานจะพลาดหวัง จากเป้ าหมาย หรือประสบกับภาวะวิกฤติจนเกิดความเสียหายอย่างแน่นอน เพราะเมื่อคนในหน่วยงานได้รับการพัฒนาทักษะ อย่างต่อเนื่อง และรอบด้านแล้ว ย่อมมีภมู ิค้มุ กนั ทางสติปัญญา และความสามารถที่อย่ใู นระดบั การรักษาความอยู่รอดของหน่วยงานได้เสมอ การพัฒนาสมรรถนะบุคลากรนีย้ ่อมหมายความรวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้หรือทักษะจาเป็ นทัง้ ท่ีเก่ียวข้ อง โดยตรง หรือช่วยสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจ เช่น การพัฒนาทกั ษะด้านภาษาต่างประเทศ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทักษะด้านระบบความคิด เช่น การส่งบุคลากรเข้าศึกษาต่อ การจัดอบรม การปลูกฝังจิตสานึก คุณธรรม จริยธรรมให้แก่บุคลากร การจัดศึก ษาดูงาน หรือการแลกเปล่ียนบุคลากรกับหน่วยงานทัง้ ในและต่างประเทศ เป็ นต้น ซ่ึงการพัฒนาสมรรถนะบุคลากรนีจ้ ะต้องเป็ นไป อยา่ งจริงใจและตอ่ เนื่อง จึงจะทาให้เกิดสภาพแวดล้อมการทางานทด่ี ีได้ ๓. ด้านสุขภาพของบุคลากร หากบคุ ลากรในหน่วยงานมีทกั ษะความรู้ท่ีดี หรือเป็ นผ้ทู างานเก่งรอบด้านแต่ถ้าหากสขุ ภาพร่ างกายอ่อนแอ ไม่แข็งแรง และเต็มไปด้วยโรคภัย ย่อมส่งผลกระทบต่อหน่วยงานในท้ายที่สุด ดังนัน้ การสร้ างสุขภาพที่ ดีให้แก่บุคลากร จงึ เป็ นเร่ืองสาคญั ทีจ่ ะนาไปสกู่ ารบรรลเุ ป้ าหมายของหนว่ ยงาน ผา่ นการสร้างสภาพแวดล้อมการทางานที่ดี ๖

ที่เอือ้ ต่อสขุ ภาพของบคุ ลากร ซึ่งมีหลากหลายวิธีการ แต่สิง่ สาคญั คือควราะครอบคลมุ ในทุกด้านตงั้ แต่การป้ องกัน และการรักษา ตัวอย่างเช่น ในเรื่องของการป้ องกันการเกิดปัญหาด้านสุขภาพ โดยการกาหนดเวลาการทางานท่ีไม่ควรอยู่ดึกานเกิ นไป หรือการสร้ างความยืดหยุ่นในระบบการทางานไม่ให้เกิดความตึงเครียด การสร้ างพืน้ ที่เพื่อการออกกาลงั กาย หรื อการให้ มี การแข่งขันกีฬาประาาปี (ท่ีมีความหลากหลาย) รวมทัง้ การาัดให้มีการตรวาสุขภาพอย่างละเอียดเป็ นประาาทุกปี เป็ นต้น ในส่วนของการรักษาเช่นการให้ระยะเวลาในการรักษาท่ีเหมาะสมเพียงพอ รวมทงั้ สวสั ดิการในการรักษาพยาบาลที่ สอดคล้อง กบั สถานการณ์ทางเศรษฐกิาในปัาาบุ นั เป็ นต้น โดยการสร้างสขุ ภาพท่ีดีให้แก่บคุ ลากรนีา้ ะต้องเป็ นไปทงั้ ในแง่ของสขุ ภาพกายและ สขุ ภาพใา ซงึ่ าะต้องเป็ นไปอยา่ งสมดลุ างึ าะทาให้เกิดสภาพแวดล้อมการทางานที่ดีได้ ๔. ความมชี วี ติ ชีวาหรอื บรรยากาศในหนว่ ยงาน เป็ นเร่ืองาริงท่ีว่าหากหน่วยงานใดแม้ าะเป็ นหน่วยงานท่ีเต็มไปด้ วยภารกิาท่ีเคร่งเครียด หรือ เป็ นงาน ทไ่ี มส่ ามารถาะผิดพลาดได้เลย แตถ่ ้าหากหน่วยงานนนั้ มีบรรยากาศท่ีเต็มไปด้วยชีวิตชีวา หรือมีบรรยากาศของสถานท่ี การตกแตง่ และอุปกรณ์ในการทางานที่สวยงาม ทันสมัย หรื อเอือ้ ต่อการทางาน ย่อมส่งผลให้ การทางานดูง่าย ผ่อนคลาย และประสบผลสาเร็ ามากย่ิงขึน้ ซึ่งเราาะเห็นตัวอย่างเหล่านีไ้ ด้ าากบริ ษัทหรื อองค์กรในต่างประเทศหลาย แห่ง ที่เน้นการสร้ างบรรยากาศในท่ีทางานเพื่อลดความเครียดของพนกั งาน ซ่ึงสว่ นใหญ่ประสบผลสาเร็าเป็ นอย่างดี เช่ น การตกแต่ง ห้องทางานให้เหมอื นอยใู่ นสวนดอกไม้ หรือกลางป่ า หรือการาดั บริเวณต่าง ๆ ภายในท่ีทางานให้เหมือนกบั บ้านเพ่ือให้เกิดความรู้สกึ ผ่อนคลายให้มากที่สุด ซึ่งความรู้สึกเหล่านีล้ ้วนส่งผลต่อการทางาน การคิดวิเคราะห์ และการตัดสินใาต่าง ๆ ของพนักงาน อย่างมีนยั สาคญั การสร้ างความมีชีวิตชีวาหรือบรรยากาศในหน่วยงานนี ้ นอกาากในเร่ืองการาดั อาคารสถานที่และความพร้ อม ของอปุ กรณ์ท่ดี นู า่ ทางานแล้ว การสร้างพนื ้ ที่หรือบริเวณเฉพาะสาหรับพนกั งานก็เป็ นส่ิงาาเป็ นไม่น้อย เช่น การมี Public Space หรือ พืน้ ที่สาธารณะเพ่ือให้ พนักงานสามารถพักสมองหรือสร้ างสมาธิระหว่างวัน หรือการสร้ างพืน้ ท่ีที่มีอิสระทา งความคิด และเปิ ดโอกาสให้ นาเสนอความคิดสร้ างสรรค์ต่าง ๆ ให้ แก่หน่วยงานได้ อย่างไร้ ขีดาากัด เช่น การสร้ างเวที แข่งขัน หรือการาดั ประชนั ความคดิ การสร้างนวตั กรรมเพ่อื แก้ไขปัญหาตา่ ง ๆ ของหนว่ ยงาน เป็ นต้น ๕. ด้านการสง่ เสรมิ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งบคุ ลากรผู้ปฏบิ ตั ิงาน แม้ ว่าหลายหน่วยงานาะมีสภาพแวดล้ อมในการทางานท่ีดีในทุก ๆ ด้ าน แต่ในเรื่อง สภาพแวดล้ อม ในเรื่องความสมั พนั ธ์ของผ้คู นในหน่วยงานกลบั อย่ใู นสถานการณ์ท่ีเลวร้ าย เช่น บุคลากรไม่มีความรักต่อองค์ก ร ไม่มีความรักใคร่ กลมเกลียวสามคั คี เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตวั ไม่ให้ความช่วยเหลือ ไม่เอือ้ เฟื อ้ แบ่งปัน ไม่ทางานเป็ นทีม เต็ม ไปด้วยการกลน่ั แกล้ง ไม่มีพี่น้องในการทางาน ไม่ถ่ายทอดงาน ไม่เคยให้อภัยกันแต่เต็มไปด้วยความอาฆาตริษยาเมื่อเห็นผู้อื่นประสบความสาเร็า หรือการา้ องทาลายกันทุกเมื่อเพื่อให้ ได้ สิ่งที่ตนต้ องการ ฯลฯ ลองคิดดูว่าหากหน่วยงานหรือองค์กรใดมีสภาพ แวดล้อม ในการทางานที่มีลักษณะดังกล่าวนี ้ แม้อย่างหนึ่งอย่างใด ก็ไม่อาาทาให้งานบรรลุผลสาเร็า หรือเกิดงานท่ี มีประสิทธิภาพได้ รวมถึง ผลเสียหายท่ีอาาทาบุคลากรท่ีตงั้ ใาทางาน มีความรู้ความสามารถไม่อาาอย่ทู างานให้กับหน่วยงานต่อไปได้ในระยะยาว ดังนัน้ การสร้ างสภาพแวดล้อมการทางานท่ีดี หัวใาสาคัญาะต้องมีการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร ผู้ปฏิบัติงาน ในหน่วยงานด้วย ซึ่งมีหลากหลายวิธีการ โดยพืน้ ฐานสาคัญคือาะต้องป้ องกันการเกิดส่ิงเหล่านีข้ ึน้ เช่น กา รสร้ างให้หน่วยงาน ปราศาากระบบอปุ ถัมภ์อย่างแท้าริง ส่งเสริมคนดีคนเก่ง มีความสามารถให้มีท่ียืน รวมทงั้ การไม่สนับสนุนพฤติกรรมการเห็นแก่ตัว โดยการาัดให้ทีมที่ปรึกษาและการถ่ายทอดงานาากพ่ีส่นู ้อง การาัดกิากรรมเพื่อาูงใาให้เกิดการช่วยเหลือกันระ หว่างพนกั งาน ในโอกาสต่าง ๆ เช่น การประกวดกองงานหรือฝ่ ายที่มีผลการดาเนินงานเป็ นเลิศ การแลกเปลี่ยนหมุนเวียน หรือ Rotate การทางาน เพื่อลดความมอี ิทธิพลหรือผลประโยชน์ตอ่ ตวั บคุ คล เป็ นต้น ทงั้ หมดนีค้ ือวิธีการหรือปัาายั สาคญั ที่าะช่วยยกระดับให้เกิดสภาพการทางานที่ดีข้ึน ส่งิ สาคญั ที่นา่ พิาารณา คือ ยคุ สมยั ปัาาุบนั คนหรือบคุ ลากรต่าง ๆ มีความชาญฉลาดขึน้ เก่งขนึ ้ ประกอบกับเทคโนโลยีท่ีมีวิวฒั นากา รและความก้าวหน้า อยา่ งตอ่ เน่ือง เม่อื ปัาายั หลกั 2 สงิ่ นผี ้ สานเข้าด้วยกนั าึงทาให้งานหรือภารกิาต่าง ๆ ประสบความสาเร็าและเป็ นไปอยา่ งก้าวกระโดด แนน่ อนวา่ ยอ่ มสง่ ผลให้เกิดการแขง่ ขนั ทีร่ ุนแรงขนึ ้ ในทกุ ๆ สาขาอาชีพเพื่อไปสกู่ ารบรรลเุ ป้ าหมายสงู สดุ และการเป็ นท่ีหนงึ่ ในสาขาอาชีพนนั้ ๆ หน่ึงในปัาาัยที่มีส่วนสาคญั าึงอยู่ท่ีการยกระดบั และผลกั ดนั การทางานของหน่วยงานให้เป็ นไปอย่างมีประสิทธิภาพสงู สดุ ซ่ึงก็คือ การสร้างสภาพแวดล้อมในการทางานทีด่ นี นั่ เอง ๗

ปนร. พร้ อมด้ วยคณะผู้บริหาร สปน. กปส. ร.ปนร. (นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ) เป็ นประธาน และ สคบ. ร่วมบนั ทึกเทปถวายพระพรชยั มงคล การประชุม คณะทางานตรวจติดตามการผลิต สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พชั รสุธาพิมลลักษณ- และการกระจายหน้ากากอนามัย ( Surgical พระบรมราชินี เน่ืองในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา mask) ครัง้ ที่ ๒/๒๕๖๓ ณ ห้องประชุม ๑๐๘ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ ณ สถานี วิทยุโทรทัศน์ อรรถไกวลั วที ชนั้ ๑ สปน. (๒๐ พ.ค. ๖๓) แหง่ ประเทศไทย (๑๘ พ.ค. ๖๓) ปนร. เป็ นประธานการประชุม ศปข. ประจาวัน พร้ อมด้วย น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. นายณัฐภาณุ นพคุณ รองโฆษก กต. รวมทงั้ ผต.นร. (นายพีระ ทองโพธ์ิ) และเจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้อง ณ ห้องประชมุ ๒ ชนั้ ๒ ณ ศนู ย์บริหารสถานการณ์โควดิ - 19 สานกั งาน ก.พ. (เดมิ ) (๑๖ พ.ค. ๖๓) ๑๐๐ ๘