Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Ben Frankling

Ben Frankling

Published by tinn, 2020-10-09 00:42:46

Description: Ben Frankling

Search

Read the Text Version

ชวี ประวัตขิ องนกั เขยี น นกั ปรชั ญา นักการเมอื ง นักประดิษฐ์ นักปฏิรปู นกั การทตู และ นักวทิ ยาศาสตรผ์ สู้ รา้ งคณุ ปู การใหก้ บั โลกมากมาย ผแู้ ต่ง : Dennis Brindell Fradin แปลโดย : นรู ฟาติน มซู อ และคณะ

ใครคือ Ben Franklin ? Benjamin Franklin คอื บคุ คลทม่ี ีความสามารถมากมาย เขา เป็ นรัฐบรุ ษุ บางทีอาจจะมี George Washington เทา่ นน้ั ท่ที า มากกวา่ Benjamin Franklin เพอื่ ปลดปล่อยสหรฐั อเมริกาจาก อังกฤษ เขาเป็ นนกั วทิ ยาศาสตร์ อีกประการหนึง่ เขายงั เป็ นผู้ คน้ พบปรากฏการณ์ธรรมชาติทีท่ าใหเ้ กดิ ฟ้ าแลบ เขายงั เป็ นนกั ประดิษฐ์ ตอ้ งขอบคณุ เขา ทที่ าใหเ้ รามีสายล่อฟ้ า และแวน่ ตาไบโฟ คอล เขาเป็ นนกั เขียน เขาไดเ้ ขยี นหนังสือท่ีมชี ือ่ เสียงเกีย่ วกบั ประสบการณ์ของเขา และผคู้ นยงั คงใชว้ ลีนี้ “ความเร่งรบี ทาให้ ส้ินเปลือง” และคาพดู อนื่ ๆ ท่ี Ben พดู ไดเ้ ป็ นทีน่ ยิ ม Ben ไดท้ าอะไร หลาย ๆอย่างในชีวติ อันยาวนานของเขา เขาไดส้ รา้ งโรงพยาบาล แหง่ แรกในอเมรกิ า สรา้ งหอ้ งสมดุ แหง่ แรกในอเมรกิ า และยงั ชว่ ย สรา้ งสถานบรกิ ารไปรษณยี ์อกี ดว้ ย Ben ไดท้ าสงิ่ เหลา่ น้มี ากมาย จนบางคนอา้ งวา่ เขามีพลงั วเิ ศษ แต่เขาไดท้ าดว้ ยเลือดเนือ้ ของเขา เอง ในความเป็ นจริง ชีวิตของเขามกั จะเศรา้ อยบู่ อ่ ย ๆ เมือ่ สมัยเดก็ ๆ เขาไดห้ นอี อกจากบา้ นเพราะถกู ทบุ ตี ต่อมาเขาไดใ้ ชช้ ีวติ ทหี่ ่างไกล จากภรรยา และการต่อสทู้ างการเมืองเกดิ ขนึ้ ระหว่าง Ben และลกู

ชายของเขา และทงั้ หมดนค้ี ือเรอ่ื งจรงิ รัฐบรุ ษุ ของ Ben Franklin ท่ี เป็ นนกั วิทยาศาสตร์ นักประดษิ ฐ์ นักเขยี น และมนษุ ย์ บทที่ 1 เรอ่ื ง การจบั ฟ้ าแลบใสข่ วด เมื่อเดอื นมิถยุ น ค.ศ. 1752 มพี ายเุ ขา้ ใกล้ Philadelphia ทอ้ งฟ้ าเรม่ิ มดื ในขณะท่ีฟ้ ารอ้ งทาใหห้ นา้ ตา่ งสนั่ สะเทอื น ผคู้ นตา่ งก็วิ่งเขา้ ไป หลบอย่ใู นบา้ น แต่ในบา้ นที่อย่มู มุ Race ถนนสายท่ี 2 มีคนสองคน เตรยี มพรอ้ มท่จี ะออกไปขา้ งนอก คนหนึง่ ชายอายุ 46 ปี คือ Benjamin Franklin ส่วนอีกคน คือ William ลกู ชายวยั 21ปีของ Ben

Billy ไดห้ ยิบวา่ วทรี่ ปู ร่างหนา้ ตาแปลก ๆ พอ่ ของเขาไดท้ ามนั ในวันทมี่ ีพายเุ ช่นวนั นี้ มีลวดโละหะตดิ อย่ดู า้ นบนของว่าว และมี กญุ แจบา้ นท่ที าดว้ ยโลหะผกู ตกิ ับปลายเชือกว่าว Ben ไดค้ วา้ ขวด โหลและวางไวใ้ ตเ้ สือ้ คลมุ ของเขา ทง้ั คพู่ งุ่ ผ่านสายฝนดว้ ยว่าวและ ขวด พวกเขาไดม้ าหยดุ เม่อื มาถึงท่งุ นา Billy ไดว้ ่งิ ขา้ มสนามสาม รอบ เพ่อื พยายามใหว้ ่าวบนิ ในทส่ี ดุ สายลมกพ็ ัดผ่านทาใหว้ ่าวเรมิ่ ทางาน เมื่อว่าวทะยานสงู ขนึ้ ยิง่ สงู ในไมช่ า้ เมฆไดป้ กคลมุ Ben รบั สายว่าวจากลกู ชาย จากนั้นพวกเขาก็เขา้ ไปในโรงเกบ็ ของใกล้ ๆ และรอ ขณะท่ี Ben ถือเชอื กว่าว พวกเขารสู้ กึ ต่ืนเตน้ และกลัวไปดว้ ย ดว้ ยความช่วยเหลือของลกู ชาย Ben พยายามตอบคาถามเก่า ๆ เกยี่ วกบั ทเี่ ขาไดส้ งสัยวา่ ฟ้ าผา่ กบั ไฟฟ้ าเป็ นสงิ่ เดียวกนั หรอื ไม่ แต่ Ben สงสัยวา่ เป็ น เขาหวังวา่ การบินของวา่ วทา่ มกลางพายจุ ะพสิ จู น์ ได้ Ben เชอ่ื วา่ ไฟฟ้ าในเมฆฝนฟ้ าคะนองอาจทาใหเ้ กิดฟ้ าผ่าได้ ลวด

บนว่าวของพวกเขาจะดึงกระแสไฟฟ้ าจากเมฆได้ Ben ไดห้ วงั เช่นนน้ั กระแสไฟฟ้ าจะไหลลงเชือกวา่ วไปทกี่ ญุ แจ ท่ีตรงนัน้ ทาใหเ้ กดิ ประกายไฟท่ีเขาจะรสู้ กึ แต่การทดลองนน้ั อันตราย จะเกดิ อะไรข้นึ ถา้ สายฟ้ าขนาดยักษ์พงุ่ เขา้ ใส่วา่ ว กระแสไฟฟ้ า อาจจะฆ่า Ben และ Billy ไปดว้ ย เมอ่ื แสงฟ้ าแลบสอ่ งเขา้ มาใกลข้ ้นึ Benjamin ไดแ้ ตะ กญุ แจ เขารสู้ กึ ว่าไมม่ ีประกายไฟฟ้ า เขาพยายามอีกคร้งั เขายังคง ไม่รสู้ กึ อะไร ในที่สดุ Ben และ Billy กส็ ดู ลมหายใจขณะท่ีเมฆดากลนื ว่าว Benjamin ไดก้ ดป่ มุ ไม่มอี ะไรเกดิ ข้ึนแลว้ และหลังจากนนั้ ทนั ใดน้นั เขาก็รสู้ ึกเสยี วซา่ เขาเคยรสู้ กึ ถึงแรงกระแทกเช่นน้ีมาก่อน ในหอ้ งทดลองของเขา ประกายไฟจากเมฆทาใหว้ ่าวจางลง ประกาย ไฟไดข้ ยายสายไฟท่ีเปียกลงไปในกญุ แจโลหะซง่ึ Ben สามารถรสู้ ึก

ได้ ดว้ ยความชว่ ยเหลือของ Billy เขาไดพ้ สิ จู นแ์ ลว้ วา่ ฟ้ าผา่ นาไฟฟ้ า ได้ แตพ่ ่อลกู ไม่ไดท้ า Ben หยิบขวดออกมาจากใตเ้ ส้ือคลมุ ของเขา มันถกู เรียกว่า Leyden Jar และเก็บไฟฟ้ าไว้ โถแกว้ มแี ทง่ โลหะยนื่ ออกมา Ben แตะกา้ นของโถ Leyden ดว้ ยกญุ แจ กระแสไฟฟ้ าไดไ้ หล จากกญุ แจเขา้ ไปในขวด พอเอาไฟฟ้ าเขา้ ไหเสรจ็ เขาไดม้ ว้ นเชอื กวา่ ว จากน้นั พวกเขาทัง้ สองไดเ้ ดินกลบั บา้ นพรอ้ มกบั ว่าวและขวดทมี่ ี ไฟฟ้ าอยู่ ใหมข่ องการทดลองแพร่กระจาย Ben Franklin ไดม้ ี ช่อื เสียงในการพิสจู นว์ ่าฟ้ าผา่ นาไฟฟ้ า แต่เขายังไม่พอใจ ตอนน้เี ขา ตอ้ งการทาใหฟ้ ้ าอนั ตรายนอ้ ยลง ภายในเวลาไมน่ านเขากป็ ระดษิ ฐ์ สายล่อฟ้ า มันเป็ นแทง่ โลหะถกู ยึดไวท้ ่ดี า้ นบนสดุ ของอาคารเมอ่ื ฟ้ าผ่าโดนสายไฟมนั จะว่ิงลงสพู่ น้ื ผา่ นสายไฟ อาคารและผคู้ นทีอ่ ยู่ ภายในจะไม่ไดร้ ับอนั ตราย

Ben วางสายลอ่ ฟ้ าไวท้ ่บี า้ นของเขา ในตอนทา้ ยของปี ค.ศ. 1752 อาคาร Philadelphia อนื่ ๆ รวมท้ังหนว่ ยงานของรฐั กม็ ีอาคาร เหล่าน้ีดว้ ย ต่อมาแท่งสายฟ้ าถกู วางไวท้ วั่ โลก การทดลองว่าวทาให้ Ben เป็ นนกั วิทยาศาสตรท์ ม่ี ชี อื่ เสียง สายล่อฟ้ าของเขาทาใหเ้ ขา กลายเป็ นนกั ประดิษฐ์ที่มชี ่อื เสยี ง เขาอาบนา้ ดว้ ยเหรียญรางวลั และ รางวลั เน่อื งจาก Ben ทาใหฟ้ ้ าผา่ นอ้ ยลงบางคนจึงเรียกเขาวา่ ผวู้ เิ ศษหรือพอ่ มด คนท่ีรจู้ กั เขาหวั เราะเยาะกับคาพดู ดงั กลา่ ว สาหรับพวกเขา เขาเป็ น Ben Franklin คนเดียวกับที่พวกเขารจู้ ักมา ตลอด เขาเป็ นคนฉลาดเพอื่ ใหแ้ น่ใจ แตเ่ ขาเป็ นคนไมใ่ ช่พ่อมด

บทท่ี 2 ประวัตวิ ยั เยาว์ Benjamin Franklin เกิดทบี่ า้ น ตรงถนนมลิ ค์ ( Milk Street ) ใน เมืองบอสตนั รัฐแมสซาชเู ซตส์ เกิดเมื่อวนั ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2249 ตงั้ แตย่ ังไมม่ ี สหรัฐอเมริกา แมสซาชเู ซตส์ เป็ นของอังกฤษ เป็ นหนง่ึ ใน อาณานคิ มอเมรกิ าใน 13 แห่ง ขององั กฤษ เบนมีครอบครัวท่ี ใหญม่ าก เขาเป็ นลกู ที่ 15 จาก พี่นอ้ งทง้ั หมด 17 คน พีน่ อ้ ง ของเขาเสียชีวติ ตง้ั แตย่ งั เด็ก 4 คน พอ่ แมข่ องเบนชือ่ โจซีอาห์ และ อาบีอาห์ เป็ นคนท่ีไมไ่ ด้ รา่ รวยมาก แตพ่ วกเขาผา่ นมนั มาได้ โจซอี าห์ เป็ นเจา้ ของรา้ นทีม่ ี ช่ือว่า Blue Ball เขาทาขายเทยี นและสบู่ ถัดจากรา้ นเป็ นบา้ น ครอบครวั ของเขา มนั มี แค่ 2 หอ้ งชนั้ ลา่ ง และ 2 หอ้ งชนั้ บน ชายหนมุ่ เบน แบง่ ปันเตยี งใหก้ บั พี่ชาย อกี 2 คน

โจซอี าหแ์ ละอาบอี าห์ ตอ้ งการใหเ้ บนเป็ นรัฐมนตรี แต่ เบนมี 2 เรอื่ งทีค่ อยโจมตหี รอื ตอ่ ตา้ นเขา อย่างแรก คือ เขา เกิดในวันอาทติ ย์ คนสว่ นใหญ่ เช่อื วา่ เด็กที่เกดิ วันอาทิตยเ์ ป็ น ลกู ปี ศาจ ยง่ิ ไปกว่านนั้ เขาเป็ น คนท่ีถนดั ซา้ ย ซงึ่ ถกู กลา่ ววา่ เป็ นอกี หน่งึ เครอื่ งหมายของปี ศาจ พอ่ ของเขาลงโทษเบนเมือ่ จบั ได้ ว่าเขาขวา้ งบอลหรือเขยี นดว้ ยมือซา้ ย แตม่ นั ไมไ่ ดผ้ ล เบนถนดั มือ ซา้ ยมาตลอดชวี ิต มีสงิ่ อน่ื ๆ อีกทท่ี าใหพ้ อ่ แมข่ องเขาสงสยั เบนจะ เป็ นรฐั มนตรที ด่ี ไี ด้ เขาเป็ นคนฉลาด เชน่ ทกุ มอื้ เย็นโจซีอาหก์ ล่าว คาอธิฐานอนั ยาวนานกอ่ นอาหารม้อื เย็น วนั หนึง่ พ่อของเบนกาลงั บรรจปุ ลาลงในถงั ทาไมพ่อแมข่ องเขาถึงไม่พดู ความสงา่ งามกบั ปลาทง้ั หมดในถงั เดียว? เบน แนะนา จากนนั้ โจซีอาหจ์ ะไมต่ อ้ ง กลา่ วถึงพระคณุ ในทกุ มื้อเย็น! สาหรบั คาพดู ทช่ี าญฉลาดของ เขา เบนไดร้ ับคาตาหนิ

เบนไปโรงเรยี นเพยี ง 2 ปี เรม่ิ ตงั้ แตอ่ ายุ 8 ขวบ เขาลม้ เหลวในการ คานวณแตก่ ารเขยี นดว้ ยลายมอื และ การอ่านนน้ั ถอื ว่าทาไดด้ ี เขาอ่าน หนงั สอื 2-3 เล่มท่ีครอบครวั ของ เขาเป็ นเจา้ ของ จากนนั้ ก็ยืมจาก เพ่อื นบา้ น บ่อยคร้งั ท่ีเขาอ่านหนงั สอื เกือบทงั้ คนื นอกจากนเ้ี ขายงั ชอบทากิจกรรมกลางแจง้ ว่ายนา้ และว่าวเป็ นกฬี า โปรดของเขา ส่งิ ประดิษฐแ์ รกของเบน มไี วส้ าหรบั นกั ว่ายนา้

เขาทาไมพ้ ายสีใบทล่ี ื่นลม้ มอื และเทา้ ไมพ้ ายชว่ ยใหเ้ ขาวา่ ยนา้ ไดเ้ ร็วขนึ้ เบนมองหาวิธใี หม่ ๆ ในการทาส่งิ ตา่ ง ๆ อย่เู สมอ วนั หนง่ึ ลมแรงเขากาลงั เล่นว่าวกบั เพ่ือน พวกเขามาท่สี ระนา้ เบนมี ความคดิ วา่ เขาถอดเสื้อผา้ ของเขาและมอบใหเ้ พือ่ นของเขา จากนน้ั เบนก็นอนลงในนา้ และเล่นว่าวตอ่ เม่อื ลมพัดวา่ วเขาถกู ลาก ขา้ มบอ่ ! เบนตดั สินใจที่จะเป็ น กะลาสเี รอื เม่ือเขาเตบิ โตขนึ้ พ่อแมเ่ ขาไม่อยากใหเ้ ขาไป ทะเล ในวันนนั้ มเี ด็กจานวน ไมน่ อ้ ยท่อี ยทู่ โ่ี รงเรยี น ตอน เขาอายุ 10 ขวบ เบนตอ้ ง ลาออกจากโรงเรียน เน่อื งจากพ่อแมข่ องเขาใหเ้ ขา ชว่ ยงานในรา้ น เบนชว่ ยตดั ไสเ้ ทียนและเทขผี้ ้งึ ลงในแมพ่ มิ พเ์ ทยี น โจซีอาห์ หวงั ว่าวันหน่งึ เบนจะเขา้ มาดแู ลรา้ นแตเ่ บนเกลียด การเทยี น 2 ปี ผา่ นไปและไมม่ ีอะไรเปลย่ี นแปลง เบนยงั คงเกลยี ด งาน เขาจะไมเ่ ดนิ ตามรอยเทา้ ของพอ่ เขา พ่อแมข่ องเขาตดั สินใจวา่ เบนจะตอ้ งเป็ นเด็กฝึ กงาน นเ่ี ป็ น เร่อื งปกติสาหรับเด็กผชู้ ายในสมยั อาณานิคม

การทาเทียน ไขมนั สตั ว์ ( ไขมนั สตั วแ์ ขง็ จากแกะและววั ) หรือน้ามนั ปลาวาฬถกู ทาใหร้ อ้ นในถงั ทองแดงและสงิ่ สกปรกจะถกู ไขมนั ออก ไขมนั สตั วท์ ี่รอ้ นลงในแม่พิมพท์ เี่ ตรยี มดว้ ยไส้ ตะเกยี ง จากนนั้ แม่พิมพจ์ ะถกู ถ่ายโอนไปยงั นา้ เย็นเพื่อทา การชบุ แขง็

เด็กฝึกงานตอ้ งทางานโดย ไมไ่ ดร้ ับค่าจา้ งเหมือนช่างฝีมือท่ี เชี่ยวชาญ ในทางกลบั กนั ช่างฝีมอื ไดส้ อนเด็กฝึกงานดา้ นการคา้ ของ เขา หลงั จากน้นั ประมาณ 7 ปี ชาย หนุ่มกพ็ ร้อมที่จะหาเงินจากการคา้ ขาย แต่เบนควรจะเรียนรู้แบบไหน? โจซีอาห์ พาเบนไปร้านคา้ ต่าง ๆ มากมาย พวกเขาไปเยยี่ มช่างทา เฟอร์นิเจอร์ และช่างก่ออิฐ พวกเขา ไปพบช่างทาทองเหลือง พวกเขาเรียก คนท่ีทาเครื่องป้ันดินเผาและ เครื่องเงิน ไม่มีอะไรน่าสนใจสาหรับเบน

แม่และพอ่ ของเขามีความคดิ อีกอยา่ งหน่ึง เบนมีพ่ีชายชื่อ เจมส์ ซ่ึงอายุ มากกว่า 9 ปี เจมสเ์ ป็ นนกั พิมพ์ เขามเี ด็กฝึ กงานอยแู่ ลว้ 2 คน อย่างไรก็ตาม เจมสต์ อ้ งการความชว่ ยเหลือเพม่ิ เติมในโรงพิมพข์ องเขา เบนไม่ อยากทางานใหพ้ ี่ชาย ถงึ กระนน้ั ก็ดดู กี วา่ การวางอิฐหรอื ทา เครือ่ งเงนิ นอกจากนพี้ ่อของเขาจะไม่ “ ไม่ ” สาหรับคาตอบอกี ตอ่ ไป ดงั นน้ั ในปี 1718 เบนอายุ 12 ปี จงึ ฝึ กงานกบั เจมสพ์ ช่ี าย ของเขา และมีการเซ็นเอกสารแลว้ เขาจงึ ตอ้ งทางานใหก้ บั เจมส์ 9 ปี จนกระทงั่ เขาอายุ 21 ปี

บทที3่ RUNAWAY (หน)ี เบนออกจากบา้ นและไปทางานในรา้ นของพ่ีชาย เจมสส์ อนใหเ้ ขา ประทบั ตรา เบนเป็ นคนเรียนรเู้ ร็วและไมน่ านก็ตพี ิมพห์ นงั สือจลุ สาร และเพลง ในฐานะเจา้ นายเจมสต์ อ้ งจา่ ยคา่ อาหารและคา่ ที่พกั ใหแ้ กผ่ ู้ ฝึ กงานของเขา เบนยา้ ยไปอย่กู บั ครอบครัว เจทสแ์ ละผฝู้ ึ กงานของเขา อาศยั อย่ทู ี่นนั่ เชน่ กนั เจมสจ์ ่ายเงนิ เพอื่ จดั หาอาหารและทน่ี อนใหแ้ ก่ ครอบครวั ของเบน เบนคิดหาทางทจ่ี ะหารายได้ เขาเสนอขอ้ ตกลง เจมสค์ วรหยดุ จ่ายเงนิ ค่าอาหารใหค้ รอบครวั ของเบน เจมสค์ วรใหเ้ งนิ ค่าอาหารแก่ เบนแทนเบนจะเล้ียงตวั เองเพียงแคเ่ อาเงนิ ทเี่ จมสจ์ า่ ยใหค้ รอบครวั เป็ น คา่ อาหารของเขา เบนถามแคค่ าถามเดียว เงนิ ค่าอาหารใดๆทีเ่ ขา ไมไ่ ดใ้ ชจ้ ่ายเขาสามารถเก็บไวไ้ ด้ เจมสย์ อมรับขอ้ เสนอ

เด็กฝึ กงานทเ่ี จอหนงั สอื เกยี่ วกบั การปรงุ อาหารดว้ ยผกั เขาเลิก กนิ เนอ้ื สตั ว์ เขากนิ ขา้ ว มนั ฝรงั่ ตม้ และขา้ วตม้ ขา้ วโพดท่เี รียกว่าพดุ ดงิ้ ทาใหพ้ ี่ชายของเขาประหลาดใจ เบนสามารถเก็บเงนิ คา่ อาหารของเขา เขาใชม้ นั ไปกบั หนงั สอื เบนชอบอา่ นบทกวี เขาตดั สินใจท่จี ะเขยี นบทกวีของเขาเอง ใน เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ. 2261 โจรสลดั ทร่ี จู้ กั กนั ในชอ่ื หนวดดาถกู สงั หาร เบนเร่ิมเขยี นบทกวีเกยี่ วกบั โจรสลดั ทรี่ จู้ กั กนั ในชอ่ื หนวดดาท่ี เริ่มตน้ ดว้ ย When you hear the bloody battle lately fought upon the seas? it will make your ears rattle, and your admiration cease

เม่ อื คณุ ไดย้ ินการต่อสูน้ องเลือด เม่ อื เร็ว ๆ น้ีต่อสูใ้ นทะเล? มันจะทาใหห้ ูของคณุ ส่ัน และความช่ นื ชมของคณุ จะส้นิ สดุ ลง เจมสพ์ ิมพบ์ ทกวีของเบน เจมสไ์ ปสง่ เบนตามถนนเพื่อขายบทกวี ของเบน บทกวีของเบน เกย่ี วกบั การจมนา้ ไดร้ บั ความนยิ มอยา่ งมาก จนไดร้ ับการขนานนามว่า “โศกนาฏกรรมประภาคาร” ในไมช่ า้ ผคู้ นในโบตนั ก็พดู ถึง เด็กอายสุ ิบสองปี งานอีกอย่างของเบนก็คอื การชว่ ยพมิ พร์ าชกจิ จานเุ บกษา บอสตนั เป็ นหนงั สือพมิ พฉ์ บบั แรกของอเมริกา ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2264 เจมสเ์ ร่ิมทาเอกสาร ของตวั เองชอื่ นวิ องิ แลนดเ์ คอเรนท์ เบนพิมพเ์ คอเรนทแ์ ละส่งมอบสาเนาใหก้ บั ลกู คา้

เบนสนกุ กบั งาน แตพ่ ช่ี ายของเขาเป็ นเจา้ นายทแี่ ข็งกรา้ ว เจมส์ ตอ้ งการแสดงใหล้ กู นอ้ งคนอืน่ ๆ เห็นว่าเขาไมไ่ ดเ้ ขา้ ขา้ งเบน เมอ่ื เบน ทาผดิ เจมสจ์ ะจดั การเอง เบนจะกลบั มาคยุ กนั เจมสจ์ ะเอาชนะเขาได้ มากขนึ้ เท่านน้ั ประมาณเดอื นเมษายนปี พ.ศ. 2265 เบนตดั สินใจเลน่ กลอบุ ายกบั พ่ชี ายของเขา เขาเริ่มเขยี นบทความ ตลกๆเกยี่ วกบั ชวี ิตในบอสตนั เขา ไมไ่ ดเ้ ซ็นชอ่ื ดว้ ยชอื่ ของเขาเอง แตเ่ ขา สรา้ งชอ่ื ของผหู้ ญงิ คนหนงึ่ ขน้ึ มา แทน Silence Dogood ตกดกึ เบนเลื่อนบทความที่อยใู่ ตป้ ระตโู รงพิมพเ์ จมสพ์ บเขา้ เขาชอบบทความของ Silence Dogood มากจนพิมพล์ งในเคอเรนท์ เขาพิมพ์ จาหนา่ ยเป็ นเวลาครึ่งปี ทาใหผ้ คู้ น ในบอสตนั สงสยั ใครคอื Silence Dogood? เบนไดย้ นิ เจมสพ์ ดู ถึง Silence Dogood กบั เพื่อนๆ ในที่สดุ ในฤดใู บไม้ ร่วงปี พ.ศ. 2265 เบนก็เปิ ดเผยความจริงว่าเขาคือ Silence Dogood ผอู้ ่านสว่ นใหญ่หวั เราะ แตเ่ จมสโ์ กรธท่ถี กู หลอก

ในขณะเดียวกนั เจมส์ แฟรงคลนิ กาลงั มปี ัญหา เขา วิพากษว์ ิจารณเ์ จา้ หนา้ ท่ีองั กฤษท่ีทางานในรฐั แมสซาชเู ซตส์ งาน เขยี นของเขาใน courant ทาใหเ้ ขาถกู จาคกุ เป็ นเวลาหนง่ึ เดือน นนั่ ไมไ่ ด้ หยดุ เจมส์ ในชว่ งตน้ ปี พ.ศ. 2266 มกี ารออกคาสงั่ เจมส์ แฟรงคลิน ไมส่ ามารถพมิ พเ์ คอเรนทใ์ หมข่ ององั กฤษไดอ้ ีกตอ่ ไป เจมสค์ ิดหาวิธีที่จะหลีกเลย่ี งคาสงั่ เขาจะใหเ้ บนนอ้ งชายวยั สิบ เจ็ดปี ของเขาเป็ นผจู้ ดั พิมพข์ อง เคอเรนท์ แตอ่ ย่างลบั ๆเจมสก์ ็ยงั บอก เบนว่าตอ้ งทาอะไร ถา้ เจมสถ์ กู ถามวา่ เด็กฝึ กงานทางานกระดาษได้ อยา่ งไร? เขาก็มคี าตอบเชน่ กนั เจมสด์ ึงเอกสารทบี่ อกว่าเบนเรียนจบ แลว้ และตอนนกี้ ็เป็ นของตวั เองแลว้ แตเ่ จมสย์ งั ทากระดาษลบั นบ่ี ง่ บอกว่าเบนจะตอ้ งเป็ นเด็กฝึ กงานของเขาอีกสี่ปี แผนนใี้ ชง้ านไดร้ ะยะหนง่ึ ปัญหาคือเบนตอ้ งการเป็ นผเู้ ผยแพร่ โฆษณาจริงๆ เขารสู้ กึ ว่าเขาสามารถทางานบนกระดาษไดแ้ ละเขาไม่

ชอบทาหนา้ ท่ีเป็ นหนุ่ เชดิ ของพช่ี ายของเขา ทง้ั สองคนตอ่ สกู้ นั มากขนึ้ กว่าเดิม วิธีของเจมสใ์ นการจดั การส่งิ ตา่ งๆ คือเอาชนะเบน มมี าวนั หนงึ่ ท่เี จมสต์ เี ขาบ่อยเกนิ ไป เบนตดั สนิ ใจท่จี ะหนี เด็ก ฝึ กงานทหี่ ลบหนอี าจถกู ลงโทษหากเขาถกู จบั ได้

แตเ่ บนคดิ ว่าพชี่ ายของเขาจะไมต่ ามเขามา เบนอาจเปิ ดเผย แผนการดาเนนิ งานหนงั สอื พิมพ์ เจมสอ์ าจตอ้ งเขา้ คกุ อีกคร้งั เพ่อื นของเบนชว่ ยเขาเก็บของบน เรือ ในฤดใู บไมร้ ่วงปี พ.ศ. 2266 เบนขนึ้ เรือ ดว้ ยเงนิ เพยี งไมก่ เ่ี หรียญในกระเป๋ าของเขา สามวนั ตอ่ มาเขาอยใู่ นเมอื งนวิ ยอรก์ ทหี่ า่ ง จากบา้ น 200 ไมล์

บทท4ี่ Ben Franklin, printer (เครื่องพมิ พ์ เบน แฟรงคลิน) ตามทีเ่ บนคาดไวเ้ จมสไ์ มไ่ ดพ้ ยายามตดิ ตามเขา เบนหางานพมิ พ์ ในนวิ ยอรก์ ไมเ่ จอ เขาไปฟิ ลาเดลเฟี ยเพนซิลเวเนยี เด็กฝึ กงานท่ีหลบหนเี ดินทางโดยเรือไดค้ ร่งึ หนง่ึ เขาเดนิ ไปอีกหา้ สบิ ไมล์ เบนมาถึงฟิ ลาเดเฟี ยเหนอ่ื ย และสกปรก เสื้อเชต้ิ และถงุ นอ่ ง ของเขาโป่ งออกมาจากกระเป๋ าของเขา เขาหวิ จึงซ้ือเพนนโี รลทร่ี า้ น เบเกอรีสามชน้ิ

เบนตดิ มว้ นสองมว้ นไวใ้ ตแ้ ขนของเขา เขายดั ไสท้ ีส่ ามเขา้ ปาก ขณะทเี่ บนเดิน หญงิ สาวชอ่ื เดโบราห์ รีด เห็นเขาจากทางเขา้ ประตขู อง เธอ เธอหวั เราะออกมาเมอื่ เห็น เบนเชา่ หอ้ งจากครอบครวั ของเดโบ ราห์ เขาพบงานดว้ ยเคร่ืองพมิ พ์ เบนทาไดด้ มี ากจนในไมช่ า้ เขาก็เร่ิม ดาเนนิ ธรุ กจิ ผวู้ ่าราชการเพนซิลเวเนยี เห็นงานพมิ พข์ องเบน เขาประทบั ใจ ผวู้ ่าราชการเสนอที่จะชว่ ยในการจดั ตงั้ ธรุ กจิ ถา้ เบนจะไปองั กฤษเพ่อื ซ้ืออปุ กรณก์ ารพมิ พผ์ วู้ ่าราชการสญั ญาเขาจะจ่ายคา่ ใชจ้ า่ ยให้

เครื่องพิมพอ์ ายสุ ิบแปดปี รสู้ ึกตน่ื เตน้ กบั ขอ้ เสนอน้ี เขา ลอ่ งเรือในปลายปี 1724 และถึงลอนดอนในวนั คริสตม์ าสอีฟ แต่ ผวู้ ่าราชการจงั หวดั ไดร้ บั การพดู คยุ ทง้ั หมด เขาไมเ่ คยสง่ เงนิ ให้ เบ็นตดิ อยใู่ นองั กฤษห่างจากบา้ น 3,000 ไมล์ แตเ่ บ็นทาสิ่งทีด่ ี ทส่ี ดุ เขาหางานทาท่โี รงพมิ พใ์ นลอนดอน ระหวา่ งเรียนอย่อู งั กฤษ ปี ครึ่งเขาไดเ้ รียนรเู้ พมิ่ เตมิ เกีย่ วกบั การพิมพ์ เขายงั ไดพ้ บกบั นกั วิทยาศาสตรแ์ ละนกั เขยี นท่มี ชี อ่ื เสยี ง ในปี 1725 ตอนอายุ เพียงสบิ เกา้ เขาเขยี นและพมิ พห์ นงั สอื เลม่ เล็กเก่ยี วกบั ศาสนา

เพอื่ ความสนกุ สนานเขาวา่ ยนา้ ในแมน่ า้ เทมส์ เมอ่ื เขา 27447 วา่ ย นา้ มากกว่าสามไมลใ์ นการเดมิ พนั ขณะทฝ่ี ูงชนเฝ้ าดู 'เขาว่ายนา้ เบ็นก็มคี วามคิด เขาจะอย่ทู ีอ่ งั กฤษไปโรงเรียนสอนว่ายนา้ โชคดสี าหรบั อเมริกาเขาเปลี่ยนใจ ว่ิงในปี 79 ฤดใู บไมร้ ว่ งปี 1726 เบ็นกลบั ไปทฟ่ี ิ ลาเดลเฟี ย ในขณะที่เขาทางานใหก้ บั เครื่องพิมพ์ จากนนั้ ในปี 1728 เขาก็เขา้ สธู่ รุ กจิ การพมิ พด์ ว้ ย ตวั เอง ปี ถดั ไปเขาเร่ิมตพี ิมพห์ นงั สอื พิมพข์ องตวั เอง / มนั คอื ราช กจิ จานเุ บกษาเพนซิลเวเนยี เบ็นเป็ นบรรณาธกิ ารเคร่ืองพมิ พแ์ ละ นกั ขา่ วดารา เขาวาดการต์ นู เร่ืองแรกของชาวอเมริกนั คนหนงึ่ ท่ี ปรากฏในหนงั สอื พิมพ์ กระดาษของเขาเป็ นกระดาษสาหรบั พมิ พ์ แผนทพี่ รอ้ มบทความ

การพิมพใ์ นรปู แบบโคโลเนยี ลผแู้ ตง่ จะวางประเภทไวบ้ นแทง่ ประกอบจากนนั้ วางไวใ้ นกรอบที่เรียกวา่ แกลลีย์ และมนั จะสง่ ตอ่ ใหก้ บั สโตนแมนผซู้ ึ่งรวมเขา้ ดว้ ยกนั อย่างแนน่ หนาบนแบบฟอรม์ แบบฟอรม์ นม้ี อบใหก้ บั สอ่ื มวลชนผซู้ ่ึงตง้ั ไวบ้ นแท่นพิมพจ์ ากนน้ั หมกึ จะถกู ตเี ป็ นประเภททีม่ ีตะลมุ พกุ กระดาษเปี ยกวางอย่บู น เย่ือ แกว้ โดยปลอดภยั

ฟริสเก็ตและพบั เก็บไวเ้ หนอื ประเภทท่ใี ชห้ มกึ หินจะถกู มว้ นอยใู่ ต้ แผน่ ซ่ึงผกู้ ดจะดงึ ลงทรี่ ะดบั และชนดิ จะถกู กดลงบนกระดาษ

นอกจากขา่ วกระดาษของเขายงั เสนอเรื่องตลกและปริศนา เมอื่ มี รายงานเพยี งเล็กนอ้ ยเบน จึงคดิ คน้ \"รายการขา่ ว\" ตวั อย่างเชน่ เขาเลา่ เร่ืองชายคนหนงึ่ ทต่ี ง้ั ใจจะพายเรือแคนกู บั ภรรยาและซอของ เขา เรือแคนพู ลิกควา่ ภรรยาวา่ ยนา้ ไมเ่ ป็ น แตแ่ ฟรงคลนิ รายงานชายคนนนั้ ชว่ ยซอของเขาไว้ \"และปลอ่ ยใหภ้ รรยาของเขา ไปท่ีดา้ นลา่ ง\" หากมตี วั อกั ษรไมเ่ พยี งพอสาหรบั บรรณาธกิ าร แฟรงคลนิ ก็สรา้ งตวั อักษรขนึ้ มา

เขาเซ็นชอ่ื ปลอมใหพ้ วกเขา นอกจากนเี้ ขายงั เตมิ เต็มดว้ ย คาแนะนาสาหรบั คนรกั กระดาษของเขา ชวี ิตรกั ของเขาเองก็เป็ นหลมุ เป็ นบอ่ ในชว่ งเวลาท่ีเขาอาศัยอย่กู บั การอ่าน เบ็นตกหลมุ รกั เดบบี้ เธอเป็ นผหู้ ญิงทคี่ ดิ ว่าเขาดตู ลก มากเมอ่ื เขามาที่ฟิ ลาเดลเฟี ยครง้ั แรก องั กฤษเขาและ เดบบ้ี ตอ้ งการแตง่ งานกนั แตพ่ วกเขาแตล่ ะคนมปี ัญหา หลงั จากเบน กลบั มาจากเบนมลี กู กบั ผหู้ ญิงคนอ่ืน เธอเป็ นใคร? ถึงวนั นเี้ ราไม่ รู้ ทารกเกิดในปี 1730 หรือ 1731 และมชี อ่ื ว่า วิลเลยี ม แฟรงคลนิ เบ็นจดั แจงเลย้ี งดเู ด็กชาย

เดบบ้ี แตง่ งานกบั ชายอ่ืนในขณะท่ีเบ็นไมอ่ ยู่ ชายคนนน้ั ทิง้ เดบบี้ เชอื่ กนั วา่ เขาเสยี ชวี ิตในการตอ่ สใู้ นบารร์ มู อย่างไรก็ตามเรื่องนไี้ มท่ ราบแนช่ ดั ภายใตก้ ฎหมายถา้ สามี ของเธอยงั มชี วี ิตอยู่ เดบบี้ จะตอ้ งไมแ่ ตง่ งานใหม่ หากทาเชน่ นนั้ เธออาจถกู จาคกุ เดบบ้ี และ เบน พบวิธแี กป้ ัญหา วันที่ 1 กนั ยายน ค.ศ. 1730 พวกเขามงี านแตง่ งานตามกฎหมาย นนั่ หมายความวา่ พวกเขาจะอยกู่ นิ ฉนั สามภี รรยาโดยไมม่ พี ธิ ีทาง กฎหมาย เดบบ้ี จะถือวา่ วิลเลียมเป็ นลกู ชายของเธอดว้ ย

เบนจามนิ และเดบอราหแ์ ฟรงคลินมีลกู ดว้ ยกนั สองคน ฟราน ซิสแฟรงคลินเรียกว่าแฟรงกเ้ี กิดในปี 1732 เขาเสียชวี ิตดว้ ยไข้ ทรพษิ เมอ่ื อายเุ พยี งสี่ขวบ ซาร่าห์ หรือทร่ี จู้ กั กนั ในชอื่ แซลล่ี เกิด ในปี 1743 เชน่ เดยี วกบั ครอบครวั อาณานคิ มอ่ืน ๆ อีกมากมาย แฟรงคลนิ อาศยั และทางานในบา้ นของพวกเขา เดโบราห์ ทางาน รว่ มกบั \"พอ่ \" ในขณะที่เธอโทรหาเบ็น เธอเย็บเขา้ เลม่ บนหนงั สือท่ี เขาพิมพ์ ดว้ ยความชว่ ยเหลอื ของเดบบ้ี ทาให้ เบ็น กลายเป็ นผขู้ ายหนงั สอื รายใหญ่ท่สี ดุ ในอาณานคิ ม เพนซิลเวเนยี ราชกิจจานเุ บกษา กลายเป็ นหนงั สอื พิมพช์ นั้ นา

ในยคุ นนั้ ปูมหลงั เป็ นทนี่ ยิ มมาก หนงั สอื เหลา่ นใี้ หข้ อ้ มลู พยากรณ์ อากาศลว่ งหนา้ และขอ้ มลู อ่ืน ๆ สาหรบั ปี หนา้ เบ็นพิมพป์ ูมหลงั ที่ เขยี นโดยคนอ่ืน จากนนั้ ในปี 1732 เขาตดั สนิ ใจสรา้ งปูมหลงั ของ ตวั เอง เขาแกลง้ ทาเป็ นวา่ ผแู้ ตง่ ชอ่ื ริชารด์ ซาวเดอร์ ริชารด์ คือ

ควรจะเป็ นผชู้ ายที่นา่ สงสาร แตน่ า่ รกั ปูมของริชารด์ ผนู้ า่ สงสาร ไดร้ บั การตพี มิ พค์ รง้ั แรกในปี 1733 แฟรงคลนิ ดาเนนิ การ ตอ่ ทกุ ปี จนถึง ค.ศ.1758 ปูมของริชารด์ ผนู้ า่ สงสารกลายเป็ นปูมหลงั ทีไ่ ดร้ บั ความนยิ ม มากทส่ี ดุ ในอเมรกิ า ขายได้ 10,000 เลม่ ตอ่ ปี มสี องเหตผุ ล สาหรบั ความสาเร็จ ประการแรกในแตล่ ะปี ริชารด์ ผนู้ า่ สงสารเลา่ เร่ืองชวี ิตของเขาเล็กนอ้ ย การอ่านมนั เหมอื นกบั การตดิ ตามละคร วนั น้ี ริชารด์ ผนู้ า่ สงสารคาพดู ท่นี า่ สนใจอื่น ๆ เป็ นปูมหลงั แรกท่ี กลา่ วถึง: \"นกั พดู ท่ดี คี นทานอ้ ย\" สนุ ทรพจน์ 1750 รวม: \"จงั หวะเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ ลดลงในปี 1753 ริชารด์ ผนู้ า่ สงสารเตอื นวา่ :\" รีบเร่งทาใหต้ น้ โอก๊ ทย่ี อดเยี่ยม \" เสียเปลา่ ” คาพดู ของผนู้ า่ สงสารริชารด์ หลายคนยงั คงไดร้ บั ความนยิ มใน ปัจจบุ นั

อนั ทจ่ี ริงริชารด์ หรือแฟรงคลนิ ผนู้ า่ สงสารไมไ่ ดป้ ระกอบคาพดู สว่ น ใหญบ่ อ่ ยครัง้ ท่เี ขาปรบั ปรงุ คาพดู เกา่ ๆ เชน่ มคี าพดู วา่ : \"ชว่ ย ตวั เองและพระเจา้ จะชว่ ยเจา้ \"เบ็นเปล่ียนเป็ น\" พระเจา้ ชว่ ยพวก เขาแทนทจี่ ะเป็ นเบ็นท่ีชว่ ยตวั เอง ผคู้ นเริ่มอา้ งคาพดู ของริชารด์ ผู้ นา่ สงสาร เด็กทไี่ ดร้ บั เงนิ อาจจะบอกวา่ \"เงนิ ท่ีเก็บไวก้ ็คือเงนิ ที่ ไดม้ า\" กอ่ นนอนเด็ก ๆ จะไดร้ บั การเตอื นวา่ \"การนอนกอ่ นนอน และตน่ื เชา้ ทาใหผ้ ชู้ ายมสี ขุ ภาพท่ีดรี า่ รวยและฉลาด\" ริชารด์ ผนู้ า่ สงสารทาใหเ้ บ็นรา่ รวย ที่จริงเขารา่ รวยพอทจ่ี ะเลิกทางานเป็ น เคร่ืองพิมพ์ ในปี 1748 เขาวางธรุ กจิ การพิมพไ์ วใ้ นมอื ของ หนุ้ สว่ น แมว้ า่ เขาจะไมเ่ กษยี ณ เบ็นอายแุ คส่ สี่ บิ สองปี มหี ลาย อย่างท่ีเขาหวงั จะทา เขารสู้ ึกเหมอื นเพิ่งเริ่มตน้ ในชวี ิต

บทที่ 5 การทาดี “พระเจา้ ชว่ ยเหลืออะไรเราบา้ ง” Poor Richard ถามในปี ค.ศ. 1747(พ.ศ. 2290) เขาตอบกลบั ว่า : “การทาดตี อ่ เขา” หลังจากเกษียรจากการพิมพ์ เบนจามิน แฟรงคลิน ก็ พยายามทาเช่นนัน้ เขาชอบวิทยาศาสตร์ตลอดมา ไฟฟ้ าทาใหเ้ ขา หลงใหล นอกจากนเี้ ขาไดท้ าการทดลองว่าว เบนจามิน แฟรงคลิน ไดท้ าแบตเตอรี่ข้ึนมาก่อน ในความเป็ นจริง เขาสร้างเงื่อนไข แบตเตอร่ีไฟฟ้ า ไฟฟ้ าช็อตและตวั นา

การผลิตแบตเตอรใี่ นยคุ แรกๆ เครอ่ื งไฟฟ้ าสถิต ลูกโลกแก้วที่หมุนได้จะ ถู ชิ้ น ส่ ว น ข อ ง ห นัง ท่ี อ่ อ น นุ่ม ท่ี เรียกว่า ชามัวร์(หนังที่ทามาจาก หนงั เลียงผา) เพือ่ ใหเ้ กดิ ไฟฟ้ าสถิต เข็มเย็บผา้ ถ่ายโอนประจไุ ฟฟ้ าจาก โลกไปยงั ขวดแกว้ ไลเดน ประจจุ ะถกู ส่งลงไปในขวดผ่านแท่งและ สายไฟไปยงั นา้ และฟอยลโ์ ลหะดา้ นใน สาเหตุ ท่ีทาใหป้ ระจตุ รงกันขา้ มก่อตัวขึ้นบนแถบ ฟอยลโ์ ลหะนอกขวด ขวดแกว้ ไลเดน ขวดแกว้ ไลเดนหลายใบเชอื่ มตอ่ กนั เพอื่ ผลติ อปุ กรณเ์ ก็บประจไุ ฟฟ้ าใน ศตวรรษที่ 18

เบนเคยพยายามทาอาหารไก่งวงโดยใชไ้ ฟฟ้ าจากขวดแกว้ ไล เดน โชครา้ ยทเ่ี ขาแตะสายไฟและทาใหต้ วั เองหลดุ ออกไป “ ฉันอยาก ทาไก่งวง แตฉ่ นั เกือบฆา่ ห่าน” : เขากล่าวตดิ ตลก อย่างไรก็ตาม เขาเช่ือว่าผคู้ นจะใชไ้ ฟฟ้ าในการทาอาหารและทาส่ิงอื่นๆทกุ วัน แนน่ อนเขาพดู ถกู ในการเดินทางของเขา แฟรงคลินกลายเป็ นนกั วิทยาศาสตร์ คนแรกที่ศึกษากระแสนา้ ในมหาสมทุ รที่ทรงพลงั เขาตงั้ ชื่อใหว้ ่า กระแสนา้ เบนพบว่ามนั สามารถชะลอหรือเร่งเรือได้ แฟรงคลินได้ เรียนรวู้ ่ากระแสนา้ อ่นุ กว่านา้ รอบๆตวั เขา เพ่ือหากระแสนา้ นกั เดนิ เรือตอ้ งจมุ่ เทอรโ์ มมเิ ตอรล์ งในมหาสมทุ ร

แฟรงคลินทาการทดลองอย่างชาญฉลาดดว้ ยความรอ้ น เขา ไดช้ น้ิ สว่ นของผา้ หลายชนิ้ จากชา่ งตดั เสือ้ ซ่ึงมสี ที ี่แตกตา่ งกนั ไดแ้ ก่ สีดา สีนา้ เงนิ สีเขยี ว สีมว่ ง สีแดง สีเหลือง และสีขาว ในตอนเชา้ ของฤดหู นาวที่มีแดดจา้ เขาไดว้ างแผ่นปะบนหิมะ หลังจากนนั้ ไม่ นาน เขาก็เห็นว่าแผ่นปะสีดาจมลงไปในหิมะท่ีลึกท่ีสดุ แผ่นแปะสี ขาวจมนอ้ ยทีส่ ดุ ทาไม ? สีเขม้ ดดู ซับความรอ้ นจากดวงอาทิตยม์ ากกว่าแสง ดงั นน้ั ผา้ สดี าจึงละลายหิมะไดม้ ากกว่าผา้ สีอ่ืนๆ จนถึงทกุ วนั นผ้ี คู้ นยงั คง ทาตามคาแนะนาของแฟรงคลิน ในวันท่ีอากาศรอ้ นและมีแดดจัด พวกเขาสวมเส้ือผา้ สีออ่ นเพอ่ื ใหเ้ ย็นสบาย

ความคดิ ของเบนเกีย่ วกบั สขุ ภาพทนั สมยั มาก ในเวลานน้ั ผคู้ น คดิ วา่ ไอระเหยแปลกๆในอากาศทาใหเ้ จ็บป่ วย แมว้ ่าเช้ือโรคยงั ไม่เป็ นที่รจู้ กั แฟรงคลิน กล่าวว่าโรคหลายชนดิ แพร่จากคนสคู่ น เขาแยง้ ว่าอากาศบริสทุ ธิ์ดีต่อสขุ ภาพ ผคู้ นควรนอน โดยเปิ ดหนา้ ตา่ ง และควรอาบนา้ ทกุ วนั

นหี่ มายถึงการนงั่ เปลือยโดยเปิ ดหนา้ ตา่ งเหมอื น ท่ีเบนทาเป็ นเวลาหนงึ่ ชวั่ โมงในแต่ละวัน เขายัง บอกใหค้ นออกกาลังกาย นอกจากว่ายนา้ และ เดนิ แลว้ เขายงั ยกดมั เบลลจ์ นถึงอายแุ ปดสบิ เบน แฟรงคลิน สนใจทกุ ส่ิงทกุ อย่าง วัน หนง่ึ เบนและลกู ชายของเขา บิลลี่กาลังขมี่ า้ ผา่ น รฐั แมรี่แลนด์ ทันใดนนั้ พายทุ อรน์ าโดก็ปรากฏ ขน้ึ “มนั อย่ใู นรปู แบบของของกอ้ นนา้ ตาลท่ีหมนุ ไปตามจดุ ของมนั และเคลอ่ื นตวั ขนึ้ เนนิ เขา้ หาเรา” เขาเขยี น เบนทาอย่างไร? เขาขมี่ า้ ของเขาไปทาง ทวิสเตอร!์ บิลลีต่ ามมา

พวกเขากา้ วฝี เทา้ ทันพายทุ อร์นาโดเป็ นระยะทางเกือบหน่ึงไมล์ พวกเขาหยดุ เม่ือก่ิงไมบ้ ินเขา้ ใกลพ้ วกเขา มนั เป็ นส่ิงที่อันตรายท่ี ตอ้ งทา แตเ่ บนอยากรอู้ ยากเห็น “สิ่ ง ท่ี ดี คื อ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ที่ ไ ม่ ส า ม า ร ถ ใ ช ้กั บ ก า ร ใ ช ้ ง า น บางอย่าง? เบนเคยถาม เขาคิดคน้ ส่ิงตา่ งๆมากมายเพ่ือพฒั นา คณุ ภาพชวี ิตของผคู้ น สายลอ่ ฟ้ าเป็ นทีร่ จู้ กั กนั ดที สี่ ดุ เตาแฟรงคลินเป็ นอีกหน่ึงผลงานของเขา เบนประดิษฐ์ อปุ กรณท์ าความรอ้ นนเ้ี มอ่ื ประมาณปี ค.ศ. 1740 เตาแฟรงคลิน นาความรอ้ นจากเตาผิงเขา้ ไปในหอ้ งแทนท่ีจะปลอ่ ยใหส้ ว่ นใหญ่ขน้ึ ไปบนปลอ่ งไฟ พวกเขาถกู วางไวใั นบา้ นหลายหลงั

เตาแฟรงคลนิ เตาแฟรงคลินเป็ นกลอ่ งเหล็ก ทเี่ หมาะกบั ภายในเตาผงิ มคี วาม รอ้ นและประหยดั เชอ้ื เพลงิ มากกวา่ เตาแบบเปิ ด อากาศจะรอ้ นเมอ่ื ไหลผา่ นชอ่ งของ กลอ่ งจากนน้ั ออกจากแผงดา้ นขา้ ง

ตะเกียงนา้ มันในสมัยน้ันมักจะไหม้ หมดอย่างรวดเร็ว เบนตัดสินใจท่ีจะ ออกแบบโคมไฟที่ดีกว่า เขาประดิษฐโ์ คม ไฟที่มีรปู ทรงสี่เหล่ียม มันมีช่องทาง ดา้ นบนเพ่ือดงึ ควัน โคมไฟแฟรงคลินลกุ เป็ นไฟตลอดทง้ั คืน ดวงตาของเบนอ่อนลงตามอายุ เวลามาถึงเม่ือเขาตอ้ งการแว่นตาสองคู่ คหู่ นงึ่ ใชส้ าหรบั อ่านหนงั สอื อี ก คู่ห น่ึ ง ส า ห รั บ ก า ร มองเห็นสิ่งที่อย่ไู กลออกไป การ ติดตามแว่นตาสองค่เู ป็ นเร่ืองที่ นา่ ราคาญ ในปี 1784 เขาได้ ประดิษฐ์แว่นไบโฟคอล(แว่นตา ชนดิ 2 เลนส)์

เ ล น ส์ส า ห รับ ก า ร ม อ ง เ ห็ น ท้ัง ระยะใกลแ้ ละระยะไกลรวมกันเป็ น แว่นเดียว ผคู้ นหลายลา้ นคนใส่ แวน่ ตานใ้ี นปัจจบุ นั แฟรงคลินรักดนตรีมาก เขา แตง่ เพลง เขาเลน่ ไวโอลิน กีตารแ์ ละ พิณ ประมาณปี ค.ศ. 1761 เบนได้ ประดิษฐเ์ ครื่องดนตรีชนดิ ใหม่ โดยนาชามที่มีความหนาตา่ งกนั มาเรียงบนแทน่ ไมท้ ี่หมนุ ได้

ขอบของชามเปี ยก เมือ่ คนย่ืนน้ิวเขา้ กบั ในชามหมนุ เปี ยกมนั ทาให้ เกิดเพลง เครื่องดนตรีใหมข่ องแฟรงคลินเรียกว่า ฮารโ์ มนกิ า้ แกว้ (หีบเพลงปากแกว้ ) มกี ารเลน่ ในยโุ รปและอเมริกาเป็ นเวลาประมาณ ส่สี บิ ปี สิ่งประดิษฐอ์ ีกอย่างหนง่ึ ของเบนคือ แขนเทียม เขาใชม้ นั เพื่อ เอาหนงั สอื ลงมาจากชนั้ วางสงู

อปุ กรณถ์ กู ใชเ้ พ่อื นาส่งิ ของออกจากชนั้ วางบนสดุ ในรา้ นขาย ของชา สิง่ ประดิษฐข์ องเขาอาจทาใหเ้ ขาเป็ นคนสาคญั แตเ่ บนปฏเิ สธท่จี ะ ไดร้ บั ประโยชนจ์ ากมนั “ โอกาสท่ีจะรับใชผ้ อู้ ื่นนนั้ เพยี งพอสาหรบั เขา” เขาอธิบาย สาหรับเบนฟิ ลาเดลเฟี ยเป็ นมากกว่าแค่ที่อยอู่ าศยั เขารกั เมอื ง นเี้ ขาตอ้ งการท่จี ะปรับปรงุ ในทางท่ีเขาสามารถทาได้ นนั่ นาพาเขาไปท่ี แผนกบริการประชาชน หนงั สือมรี าคาแพงและหาไดย้ ากในยคุ อาณานคิ ม ในปี 1731 เบ็นกอ่ ตง้ั บริษทั หอ้ งสมดุ แห่งฟิ ลาเดลเฟี ย สมาชกิ จ่าย ค่าธรรมเนยี ม เงนิ ถกู ใชไ้ ปกบั หนงั สอื ซ่ึงสมาชกิ สามารถยืมไดฟ้ รีนี่ เป็ นขนั้ ตอนหนง่ึ ในการสรา้ งระบบหอ้ งสมดุ สาธารณะของอเมริกา ไฟเป็ นอนั ตรายอยา่ งมากในยคุ ท่ีบา้ นส่วนใหญท่ าดว้ ยไม้ เบ็น กอ่ ตง้ั บริษทั ไฟรย์ เู นยี่ นในปี ค.ศ. 1736 เป็ นแผนกดบั เพลิง อาสาสมคั รแหง่ แรกของอเมริกา ฟิ ลาเดลเฟี ยจงึ กลายเป็ นหนง่ึ ใน เมอื งที่ปลอดภยั ทีส่ ดุ ในโลก

แมแ้ ตเ่ บน แฟรงคลนิ ก็ยงั ใฝ่ ฝันที่จะมโี ทรศพั ทท์ ีวีและ คอมพวิ เตอร์ ชาวอาณานคิ มยงั คงตดิ ตอ่ ทางไปรษณีย์ แตเ่ มลมกั จะ มาชา้ หรือไมไ่ ดร้ บั เลย ในปี 1737 แฟรงคลนิ กลายเป็ นผอู้ านวยการทีท่ าการไปรษณีย์ ในฟิ ลาเดลเฟี ย เจา้ หนา้ ทีอ่ งั กฤษสงั เกตเห็นผลงานท่ยี อดเย่ียมของ เขา ในปี 1753 พวกเขาแตง่ ตงั้ ใหเ้ ขาเป็ นรักษาการผอู้ านวยการ ทวั่ ไปของสหรฐั อเมริกา เขาสง่ จดหมายดีกว่า เสน้ ทางจดหมาย การ ขนสง่ ในอาณานคิ มไดร้ ับการปรับปรงุ อย่างมาก

ฟิ ลาเดลเฟี ยตอ้ งการโรงพยาบาลและโรงเรียนเพอ่ื การเรียนรู้ ระดบั สงู เป็ นอีกครงั้ ทเี่ บ็นกา้ วไปขา้ งหนา้ เขาชว่ ยหาสถาบันฟิ ลาเดล เฟี ย ตอ่ มาไดก้ ลายเป็ นมหาวิทยาลยั เพนซิลเวเนยี ในปี เดยี วกบั ที่ สถาบนั เปิ ดสอนในปี 1751 เขาไดช้ ว่ ยกอ่ ตง้ั โรงพยาบาลเพนซิลเว เนยี เป็ นโรงพยาบาลทวั่ ไปแห่งแรกของประเทศ ในชว่ งทศวรรษท่ี 1750 ฟิ ลาเดลเฟี ยเป็ นเมอื งชนั้ นาของอเมริกา เครดติ สว่ นใหญ่เป็ น ของเบนจามนิ แฟรงคลนิ เขาไดร้ บั เลือกใหเ้ ป็ นเสมยี นของสมชั ชาแห่งเพนซิลเวเนยี หรือ สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั ซิ ึ่งพบในฟิ ลาเดลเฟี ย เป็ นเวลาสบิ หา้ ปี ทีเ่ ขา บนั ทกึ การอภปิ รายและการลงคะแนนเสยี ง แตห่ ลงั จากนนั้ เขาก็นกึ ขน้ึ

ไดว้ ่า \"ฉนั เหนอื่ ยกบั การนงั่ อยทู่ ่ีนเ่ี พอื่ อภปิ รายทน่ี ่ีซ่ึงในฐานะเสมยี น ฉนั ไมม่ สี ่วนร่วมเลย\" เขาไมไ่ ดต้ อ้ งการเพยี งแคเ่ ขยี นเกย่ี วกบั เหตกุ ารณ์ เขาตอ้ งการมสี ว่ นร่วมกบั พวกเขา ในปี 1751 เขาไปหาท่ี นงั่ ในสภาและไดร้ บั ชยั ชนะ