Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔

เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔

Published by Apichai Chankat, 2021-05-27 10:16:36

Description: เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔

Keywords: วิชาภาษาไทย

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการจดั การเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย (รหสั วิชา ท๓๒๑๐๑) โรงเรียนวรนารีเฉลิม จงั หวัดสงขลา สานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามธั ยมศึกษาสงขลา สตลู สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

เอกสารประกอบการจดั การเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๕ ครผู สู้ อน นายอโณทัย พกแดง นางแนง่ นอ้ ย ขวัญสงั ข์ และนายอภิชัย จนั ทรเ์ กษ โรงเรียนวรนารีเฉลมิ จงั หวัดสงขลา สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศึกษาสงขลา สตูล สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

คำนำ เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ รายวิชาภาษาไทย (รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑) ของนายอภิชัย จันทร์เกษ ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย โรงเรียนวรนารีเฉลิม จงั หวดั สงขลา ฉบบั นจ้ี ดั ทำขึ้นโดยมวี ัตถุประสงค์เพ่ือจัดทำ เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ที่ประกอบด้วยองค์ความรู้ในด้านภาษาไทยตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๑ ประกอบด้วย ๔ หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ท่องโลกวรรณคดี หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ พจนาพาที หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ ชีวีที่มีคุณธรรม และหน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ ล้ำค่าภาษากับ วัฒนธรรม เพื่อให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางประกอบการอธิบายเนื้อหา สาระประกอบกับ การใช้หนังสือเรียนและเพื่อเป็นการให้นักเรียนได้ใช้แบบฝึกทักษะในการฝึกฝน และพัฒนา ความรู้ด้านภาษาและวรรณคดีไทย สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนวรนารี เฉลมิ จังหวดั สงขลา ขอขอบพระคุณนายอโณทัย พกแดง หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ที่อำนวยการ ในการจัดทำเอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ นางแน่งน้อย ขวัญสังข์ ครูประจำรายวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ ที่ให้ความอนุเคราะห์ในการตรวจทาน แนะนำ และนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อเอกสารฉบับนี้ และขอขอบคุณนิสิต นักศึกษา ฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูที่ให้ความช่วยเหลือในการค้นหา เรียบเรียง และตรวจทานข้อมูล เพือ่ ให้ได้เอกสารประกอบการจัดการเรียนร้ทู ี่มคี วามถูกต้องและสมบรู ณม์ ากยง่ิ ขึ้น คณะผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ ๕ รายวิชาภาษาไทย (รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑) ฉบับนี้ จะเป็นแนวทางและประโยชน์แก่ครู และนกั เรยี นในการใชเ้ ปน็ ส่ือ ในการประกอบการจัดการเรยี นรู้ต่อไป คณะผู้จัดทำ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔

สารบญั หนา้ คำอธบิ ายรายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑......................................... ก หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑ วรรณคดลี ้ำค่า............................................................. ๑ ใบความรทู้ ่ี ๑ วรรณวจิ กั ษว์ รรณวิจารณ์........................................................ ๒ ใบกจิ กรรมที่ ๑ วรรณวิจกั ษ์วรรณวิจารณ.์ .................................................... ๑๓ ใบความรทู้ ่ี ๒ การเขียนรายงานทางวชิ าการ................................................. ๑๔ ใบกจิ กรรมท่ี ๒ การเขียนบรรณานกุ รม......................................................... ๑๙ ใบความรู้ที่ ๓ การตคี วาม แปลความ ขยายความ......................................... ๒๑ ใบกิจกรรมท่ี ๓ การตีความ แปลความ ขยายความ....................................... ๒๕ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ พจนาพาท.ี .................................................................. ๒๖ ใบความรู้ท่ี ๑ การอ่านจับใจความสำคญั ..................................................... ๒๗ ใบกิจกรรมท่ี ๑ การอา่ นจบั ใจความตามหลกั KWL Plus ............................ ๓๐ ใบความรู้ท่ี ๒ ระดับภาษา............................................................................ ๓๔ ใบกจิ กรรมที่ ๒ ระดับภาษา.......................................................................... ๓๙ ใบกิจกรรมท่ี ๓ บทละครพดู คำฉนั ทม์ ทั นะพาธา........................................... ๔๐ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๓ ชวี ที ีม่ คี ุณธรรม............................................................. ๔๑ ใบความร้ทู ี่ ๑ ความหมายของถ้อยคำและสำนวน......................................... ๔๒ ใบกจิ กรรมที่ ๑ ความหมายของถ้อยคำและสำนวน...................................... ๔๗ ใบกจิ กรรมที่ ๒ รจนาภาษากัณฑม์ ัทรี........................................................... ๔๘ ใบความรู้ที่ ๒ การแต่งคำประพนั ธ์ประเภทร่าย............................................ ๕๑ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ ล้ำค่าภาษากับวัฒนธรรม.............................................. ๕๔ ใบความรูท้ ี่ ๑ การเขยี นประกาศและการเขียนเชิญชวน................................ ๕๕ ใบความรทู้ ่ี ๒ อทิ ธิพลของภาษาต่างประเทศและภาษาไทยถิ่น.................... ๕๘ ใบกิจกรรมที่ ๑ สบื คุณคา่ ภาษาไทยถ่ิน ........................................................ ๖๓ บรรณานุกรม....................................................................................................... ๖๕ ภาคผนวก .................................................................................................... ๖๖ บทอาขยานทำนองเสนาะ เรือ่ ง ร่ายยาวมหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ัทรี....... ๖๗

ก คำอธบิ ายรายวิชา รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑ รายวชิ าภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๕ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๔๐ ช่วั โมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกิต ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------- วิเคราะห์ทำความเข้าใจวรรณคดีวรรณกรรม กวีนิพนธ์และอิทธิพลภาษาต่างประเทศ ภาษาถ่ิน ระดับภาษา การใช้คำสำนวน ฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรองประเภทร่าย ฉันท์ โดยเลือกใช้คำที่ไพเราะ มีความหมายแสดงออกทางอารมณ์ และวิเคราะห์องค์ประกอบ ประเมินค่าด้านวรรณศิลป์ ด้านสังคม วัฒนธรรม โดยใช้ทักษะการเรียนรู้ กระบวนการอ่านจับใจความ แปลความ ตีความ ขยายความ วิเคราะห์ และประเมินค่าการอ่าน ใช้กระบวนการเขียน เขียนพรรณนา เขียนเชิงธุระ เขียนเชิงวิชาการ บันเทิงคดี สารคดี และเขียนร่าย โดยเลือกใช้คำศัพท์ไพเราะ มีความหมายแสดงออกทางอารมณ์ในรูปแบบต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและใช้ กระบวนการฟงั การพูดแสดงความคิด โดยเน้นการพดู ตอ่ ที่ประชุมชนในโอกาสตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความตระหนัก รักและหวงแหนวรรณคดี วรรณกรรม กวีนิพนธ์ ทักษะการใช้ภาษาอย่างมี มารยาท สามารถเป็นแนวทางในการทำงาน การดำรงชีวิต ในฐานะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติและ ถ่ายทอดด้วยความภาคภูมิใจได้อย่างพอเพียงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นพลเมืองดีของ ประเทศชาติ รหัสตัวชีว้ ัด ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้อย่างถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสม กบั เร่อื งทอ่ี า่ น ม.๔-๖/๒ ตีความ แปลความ และขยายความเร่ืองทอ่ี า่ น ม.๔-๖/๓ วิเคราะห์วิจารณเ์ รือ่ งท่ีอ่านในทุก ๆ ดา้ นอยา่ งมเี หตผุ ล ม.๔-๖/๔ คาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องที่อ่าน และประเมินค่าเพื่อนำความรู้ ความคิดไปใช้ ตดั สินใจแกป้ ัญหาในการดำเนนิ ชีวติ ม.๔-๖/5 วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโต้แย้งกับเรื่องที่อ่านและเสนอความคิดใหม่ อยา่ งมเี หตผุ ล ม.๔-๖/๖ ตอบคำถามจากการอา่ นงานเขียนประเภทตา่ ง ๆ ภายในเวลาทีก่ ำหนด ม.๔-๖/๗ อ่านเรือ่ งตา่ ง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคดิ ผงั ความคิด บนั ทกึ ยอ่ ความ และรายงาน ม.๔-๖/๙ มารยาทในการอา่ น ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑ เขียนสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ภาษาเรียบเรียง ถกู ต้อง มขี ้อมูลและสาระสำคัญชัดเจน ม.๔-๖/๒ เขียนเรียงความ ม.๔-๖/๔ ผลิตงานเขยี นของตนเองในรปู แบบต่าง ๆ ม.๔-๖/๖ เขียนรายงานศึกษาคน้ คว้าเร่ืองที่สนใจตามหลกั การเขียนเชิงวิชาการและใช้ข้อมูล สารสนเทศอา้ งองิ อย่างถกู ตอ้ ง ม.๔-๖/๘ มีมารยาทในการเขยี น

ข ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑ สรปุ แนวคิด และแสดงความคิดเหน็ จากเรอื่ งทฟี่ งั และดู ม.๔-๖/๕ พูดในโอกาสต่าง ๆ พูดแสดงทรรศนะ โต้แย้ง โน้มน้าว และเสนอแนวคิดใหม่ด้วย ภาษาท่ีถกู ตอ้ งเหมาะสม ม.๔-๖/๖ มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพูด ท ๔.๑ ม.๔-๖/1 อธิบายธรรมชาตขิ องภาษา พลังของภาษา และลกั ษณะของภาษา ม.๔-๖/2 ใช้คำและกลมุ่ คำสรา้ งประโยคตรงตามวตั ถุประสงค์ ม.๔-๖/๓ ใช้ภาษาเหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะและบุคคล รวมทั้งคำราชาศัพท์อย่าง เหมาะสม ม.๔-๖/๔ แต่งบทร้อยกรอง ม.๔-๖/๕ วิเคราะห์อิทธพิ ลของภาษาต่างประเทศและภาษาถน่ิ ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑ วเิ คราะห์และวิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมตามหลกั การวจิ ารณ์เบอื้ งต้น ม.๔-๖/๒ วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเชื่อมโยงกับการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และ วิถชี วี ิตของสงั คมในอดีต ม.๔-๖/๓ วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณกรรมในฐานะที่เป็นมรดก ทางวัฒนธรรมของชาติ ม.๔-๖/4 สงั เคราะหข์ อ้ คดิ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรมเพือ่ นำไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ จริง ม.๔-๖/๕ รวบรวมวรรณกรรมพ้ืนบา้ นและอธิบายภมู ิปญั ญาทางภาษา ม.๔-๖/6 ท่องจำและบอกคุณค่าบทอาขยานตามที่กำหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตาม ความสนใจและนำไปใชอ้ า้ งองิ รวมท้งั หมด 27 ตวั ชว้ี ัด

ค โครงสรา้ งรายวิชา รหสั วชิ า ท๓๒๑๐๑ รายวิชา ภาษาไทย ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๕ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง จำนวน ๑.๐ หน่วยกติ ลำดบั ช่อื หน่วย มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละ สาระการเรยี นรู้ เวลา นำ้ หนกั ที่ ตัวชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ (ชัว่ โมง) คะแนน มาตรฐาน ตวั ชว้ี ัด/ ๑. การตีความ แปลความ ขยายความ ๑ ทอ่ งโลกวรรณคดี การเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ และการตอบคำถามจากการวิเคราะห์ ๘ ๑๐ ท ๑.๑ ม.๔-๖/๒ วิจารณ์วรรณคดี วรรณกรรม ๒ พจนาพาที ๒. การเขยี นเชิงวิชาการ ๑๐ ๑๐ ม.4-๕/๖ ๓. แนวทางการพิจารณา วิเคราะห์ ๓ ชวี ีที่มคี ณุ ธรรม ม.4-6/๗ วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตาม ๑๐ ๑๐ ท ๒.๑ ม.4-๖/๖ ที่นักเรียนสนใจ เช่น รามเกียรติ์ เสือโค ท ๕.๑ ม.4-๖/๑ คำฉันท์ จินดามณี ขุนช้างขุนแผน และ ม.๔-๖/๒ อ่นื ๆ ๑. อ่านออกเสียงรอ้ ยแก้ว รอ้ ยกรอง ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ ๒. อ่านจับใจความและวิเคราะห์วิจารณ์ ม.๔-๖/๓ วรรณคดี ๓. มีมารยาทในการอ่าน ม.๔-๖/๙ ๔. ระดบั ภาษา ท ๔.๑ ม.๔-๖/๓ ๕ . ก า ร ว ิ เ ค ร า ะ ห ์ แ ล ะ ว ิ จ า ร ณ์ ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑ การวิเคราะห์ลักษณะเด่น การประเมิน ค่า การสังเคราะห์ข้อคิดวรรณคดีเรื่อง ม.๔-๖/๒ มัทนะพาธาเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิต ม.๔-๖/๓ จริง ม.๔-๖/๔ ๑. การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง ๒. การวเิ คราะห์ ประเมนิ คา่ วรรณคดี ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑ วรรณกรรมจากเรื่อง ม.๔-๖/๕ มหาเวสสนั ดรชาดก ตอน กณั ฑม์ ทั รี ๓. หลักการเขียนพรรณนา ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑ ๔. มีมารยาทในการเขยี น ม.๔-๖/๘ ๕. การพดู อภิปรายเร่ืองตา่ ง ๆ ๖. มมี ารยาทในการฟงั การดู ท ๓.๑ ม.๔-๖/๕ และการพูด ม.๔-๖/๖ ๗. ความหมายของคำและสำนวน ๘. การแตง่ คำประพันธ์ประเภทรา่ ย ท ๔.๑ ม.๔-๖/๒ ม.๔-๖/๔

ง มาตรฐานการเรยี นรู้และ ลำดบั ชอื่ หน่วย ตวั ชว้ี ดั /ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลา นำ้ หนกั ที่ มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด/ (ชั่วโมง) คะแนน การเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑ ๙ . ก า ร ว ิ เ ค ร า ะ ห ์ แ ล ะ ว ิ จ า ร ณ์ ม.๔-๖/๒ การวิเคราะห์ลักษณะเด่น การประเมิน ม.๔-๖/๓ ค่า การสังเคราะห์ข้อคิดวรรณคดีเรื่อง ม.๔-๖/๔ ร่ายยาวเวสสันดรชาดก ตอน กัณฑ์มัทรี เพอ่ื นำไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จรงิ ม.๔-๖/๖ ๑๐. บทอาขยานและรอ้ ยกรองทม่ี ีคณุ ค่า ๔ ลำ้ คา่ ภาษากบั ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑ ๑. การเขียนประกาศ การเขียนเชิญชวน ๑๐ ๑๐ วัฒนธรรม ท ๓.๑ ม.๔-๖/๕ ๒. การพดู ต่อประชุมชน ท ๔.๑ ม.๔-๖/๑ ๓. ภาษากับวัฒนธรรม ม.๔-๖/๕ ๔. วิเคราะห์อทิ ธพิ ลของ ภาษาต่างประเทศและภาษาถ่ิน ท ๕.๑ ม.๔-๖/๕ ๕. การรวบรวมวรรณกรรมท้องถิ่นที่ แสดงให้เห็นถึงภาษาและวัฒนธรรม ท้องถิ่น ๕ น้อมนำศาสตร์ ท ๒.๑ ม.๔-๖/๖ ๑. เขียนรายงานศึกษาค้นคว้าตามหลัก ๒ ๑๐ พระราชา มงุ่ สู่การ เชงิ วชิ าการ พฒั นาพลังงานท่ี ท ๓.๑ ม.๔-๖/๑ ๒. พูดแสดงความรู้ ความคิด อย่างมี ย่ังยนื วิจารณญาณและสร้างสรรค์ ท ๔.๑ ม.๔-๖/๓ ๓. เขา้ ใจภาษาและหลักภาษาไทย รักษา ไวเ้ ป็นสมบัติของชาติ รวมระหวา่ งภาค ๕๐ กลางภาค ๒๐ ปลายภาค ๓๐ รวม ๑๐๐

จ ภาระชิน้ งาน รายวิชาภาษาไทย (รหัสวชิ า ท๓๒๑๐๑) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ ------------------------------------------------ หน่วย ภาระงาน ประเภทงาน การวัดผล การวัดผล เดยี่ ว กลมุ่ ยอ่ ย รวม การเรยี นรู้  ๑๐ ๑. ใบกิจกรรมจำนวน ๓ ใบ (๒) ๑๐  ๑ ๒. ชน้ิ งานการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ  ๑๐ ๓. สอบวัดผลหลงั เรยี น (แบบปรนัย)  ๑๐ ๔. สอบวดั ผลหลังเรยี น (แบบอัตนัย)  ๔๐ ๑. ใบกิจกรรมจำนวน ๓ ใบ   ๒. การแสดงละครพูด เรือ่ ง มัทนะพาธา  ๒ หรอื นิทานเลม่ เล็กมทั นะพาธา  ๓. สอบวดั ผลหลังเรยี น (แบบปรนยั )   ๔. สอบวดั ผลหลงั เรียน (แบบอัตนยั )   ๑. ใบกิจกรรมจำนวน ๒ ใบ   ๒. นทิ านเล็มเลก็ เร่ือง ร่ายยาวมหา  ๓ เวสสนั ดรชาดก กัณฑม์ ัทรี ๓. ส่ือเซยี มซเี สี่ยงทาย (แต่งร่าย) ๔. สอบวดั ผลหลังเรยี น (แบบปรนยั ) ๕. สอบวดั ผลหลังเรยี น (แบบอัตนยั ) ๑. ใบกิจกรรมจำนวน ๒ ใบ ๔ ๒. กิจกรรม เกม สันทนาการในช้นั เรยี น ๓. สอบวดั ผลหลงั เรยี น (แบบปรนยั ) ๔. สอบวดั ผลหลงั เรยี น (แบบอตั นัย) รวมคะแนนวัดผลและประเมินผลภาระงานนักเรียน

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๑....เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้วิชาภาษาไทย(ท๓๒๑๐๑) ๑ ท่องโลกวรรณคดี ตวั ชีว้ ดั • ตคี วาม แปลความ และขยายความเรือ่ งทีอ่ ่าน (ท ๑.๑ ม.๔-๖/๒) • ตอบคำถามจากการอ่านประเภทตา่ ง ๆ ภายในเวลาทีก่ ำหนด (ท ๑.๑ ม.๔-๖/๖) • อา่ นเรือ่ งตา่ ง ๆ แลว้ เขียนกรอบแนวคิดผงั ความคิด บันทึก ย่อความ และรายงาน (ท ๑.๑ ม.๔-๖/๖) • เขียนรายงานการศึกษาค้นควา้ (ท ๒.๑ ม.4-๖/๖) • วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลกั การวจิ ารณ์ เบือ้ งต้น (ท ๕.๑ ม.4-๖/๑) • วเิ คราะหล์ กั ษณะเดน่ ของวรรณคดีเช่อื มโยงกับการเรียนรู้ทาง ประวัตศิ าสตรแ์ ละวิถชี วี ติ ของสงั คมในอดตี (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๒)

เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๒ วชิ าภาษาไทย ใบความรทู้ ่ี ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๕ ท๓๒๑๐๑ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๑ เร่อื ง วรรณวิจกั ษ์วรรณวจิ ารณ์ คำวา่ “วรรณคดี” เกดิ จากรูปศพั ท์สมาส ระหวา่ งคำวา่ “วรณฺ ” หมายถงึ หนังสอื สี ผิว ชนดิ เพศ หรอื ตวั อกั ษร และ “คด”ี หมายถงึ เร่ือง ความ ทาง เม่ือรวมกนั แล้ว จะหมายถงึ “แนวทางของหนังสอื ” หากเมือ่ พิจารณาตามบรบิ ทและการใชใ้ นปจั จบุ นั “วรรณคดี” (Literature) หมายถึง งานประพนั ธ์ท่ี มีรูปแบบเหมาะสมกับเนื้อหา มีศิลปะการประพันธ์ชั้นสูงสามารถถ่ายทอดอารมณ์ และจินตนาการของมนุษย์ เป็นเรอื่ งราวท่นี า่ สนใจ ได้กำหนดไว้เกี่ยวกับลักษณะของวรรณคดีไว้ ๒ ประการ คอื ๒.๑ เป็นหนังสอื ดี ๑ เนอ้ื หาควรคา่ แก่สาธารณชนอ่าน ๒ ไมเ่ ปน็ เร่ืองทุภาษิต หรือชกั จงู ความคิดผู้อ่านไปในทางทไ่ี ม่เปน็ แกน่ สาร ๓ ไม่เปน็ เรอื่ งท่ีชวนคิดสรา้ งความวนุ่ วายทางการเมือง ๒.๒ เป็นหนังสือท่ีแตง่ ดี ๑ ใชภ้ าษาไทยดี ถกู ตอ้ งตามอย่างโบราณกาล หรอื ในปัจจบุ ันกาล ๒ มีคณุ ค่าทางภาษา และวรรณศิลป์ ๓ ใชภ้ าษาไดอ้ ยา่ งงดงามทั้งในด้านเสียง ความหมาย และการใชค้ ำ ๔ ไดร้ บั การยกย่องจากผู้ศึกษา สมควรแกก่ ารวจิ ักษ์และวจิ ารณ์ วรรณคดีนับว่าเปน็ งานศิลปะประเภทหน่ึง เป็นการสร้างสรรค์ความงามซึ่งกวีมุง่ แสดงออกด้วยภาษา ถ้อยคำ และสำนวนโวหารที่ไพเราะงดงาม มีสุนทรียภาพทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ความรู้สึกหรือเห็นภาพ (Word Picture) หรอื มจี ิตใจคล้อยไปตามคำพูดของกวี วรรณศิลป์ คือ ศลิ ปะของการเรยี บเรยี งถ้อยคำหรือศิลปะในการแต่งหนังสอื หัวใจของศิลปะทั้งหลาย ก็คือสุนทรียภาพ หรือความประณีตงดงาม ได้แก่ ความงามของภาษา ความงามของเนื้อเรื่อง ซึ่งกลมกลืน กับรปู แบบ ความงาม ความมีสาระของขอ้ คดิ เหน็ หรือแนวคิดทแี่ ฝงหรือแทรกอยู่ในเรื่อง องคป์ ระกอบของวรรณศิลป์ ๑. อารมณส์ ะเทอื นใจ ๒. ความนกึ คิดและจินตนาการ ๓. การแสดงออก ๔. ท่วงท่าที่แสดง หรอื สไตล์ และเทคนิคในการนำเสนอ

เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๓ การแต่งวรรณคดีและวรรณกรรมมบี อ่ เกดิ จากสิ่งตา่ ง ๆ ดงั น้ี ๑) เรือ่ งทางศาสนา เชน่ มหาเวสสันดรชาดก พระปฐมสมโพธิกถา มหาชาติคำหลวง กามนิต พระมาลัยคำหลวง นันโทปนันทสูตรคำหลวง ๒) อารมณ์ความรูส้ ึกของกวี เชน่ มทั นะพาธา เพลงยาว นริ าศตา่ ง ๆ ๓) เหตกุ ารณ์ทางประวตั ิศาสตร์ เชน่ โคลงภาพพระราชพงศาวดาร สามกรงุ สามกก๊ ราชาธิราช ๔) ความรกั ชาติ เชน่ เลือดสพุ รรณ หัวใจนกั รบ ๕) ความต้องการสดุดีหรอื ยอพระเกียรติพระมหากษัตริย์ เชน่ ลลิ ิตตะเลงพ่าย ลิลติ ยวนพ่าย การวิจักษ์วรรณคดีและวรรณกรรม คือ การพิจารณาในแง่ความงามของวรรณคดีและวรรณกรรม ว่ามีความดีเด่นหรือไพเราะอย่างไร เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ ความซาบซึ้ง ตระหนักในคุณค่าและความงาม ของวรรณคดีและวรรณกรรม ทำใหเ้ กดิ ความหวงแหน ตอ้ งการรักษาไวเ้ ป็นสมบัติของชาติ โดยหลักการวิจักษ์ วรรณคดแี ละวรรณกรรม มดี งั น้ี ๑) อ่านช้า ๆ พนิ จิ พเิ คราะห์ ทำความเข้าใจ รู้ว่าใคร ทำอะไร ท่ีไหน อยา่ งไร ๒) คน้ หาวา่ ส่ิงท่กี วแี สดงออกมอี ะไรบ้าง เพราะกวีแตล่ ะท่านจะมีทศั นะเปน็ ของตนเอง ซึ่งสื่อ ใหเ้ หน็ ปรัชญาทก่ี วยี ึดถือ ความรู้ ความนกึ คิดและคา่ นิยมตอ่ ส่ิงตา่ ง ๆ การวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม คือ การให้คำตัดสินว่าวรรณคดีและวรรณกรรมน้ันมีคุณค่าหรอื บกพร่องอย่างไร ซึ่งการวิจารณ์ควรพิจารณาเนื้อเรื่องว่าเหมาะสม สื่อความ และสื่ออารมณ์ได้ดีเพียงใด มีข้อคิดที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างไร พฤติกรรมของตัวละครมีความเหมาะสมหรือไม่ หากวิจารณ์ คำประพันธ์ประเภทร้อยกรองควรพิจารณาเรื่องรูปแบบคำประพันธ์ ว่ามีการใช้คำให้เกิดความงามด้านเสียง และความหมาย ๑) ผู้วิจารณ์จะต้องมีความรู้ในเรื่องรูปแบบ ลักษณะคำประพันธ์และวรรณศิลป์ มีประสบการณใ์ นการอ่านมาก ๒) ผู้วิจารณ์จะต้องอธิบายลักษณะของหนังสือว่าเป็นอย่างไร โดยอ่านความเห็นของผู้รู้ ท่ีนา่ เช่ือถือไดป้ ระกอบการวจิ ารณ์ ๓) ผู้วิจารณ์ควรแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับวรรณคดหี รือวรรณกรรมเรื่องนั้นว่า ชอบหรือไม่ ชอบ ดีหรอื ไม่ดี โดยมเี หตุผลประกอบทน่ี ่าเชือ่ ถอื ๔) ผ้วู จิ ารณ์จะต้องมีใจเป็นกลาง ปราศจากอคติและไมล่ ำเอียง การวิจารณ์จะทำให้ผู้วิจารณ์เข้าใจวรรณคดีและวรรณกรรมในด้านต่าง ๆ ทั้งรูปแบบ เนื้อหา และวรรณศลิ ป์ ซง่ึ จะทำให้เหน็ คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมนน้ั อยา่ งรอบดา้ น

เอกสารประกอบการจดั การเรียนรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๔ . ร ู ป แ บ บ ข อ ง ว ร ร ณ ค ด ี แ ล ะ ว ร ร ณ ก ร ร ม ถ ้ า พ ิ จ า ร ณ า จ า ก ล ั ก ษ ณ ะ ค ำ ป ร ะ พ ั น ธ ์ ข อ ง ว ร ร ณ ค ดี และวรรณกรรม สามารถแบ่งได้ ๒ ประเภท คอื คือ คำประพนั ธ์หรอื ถอ้ ยคำท่เี รยี บเรียงให้เปน็ ไปตามระเบียบของฉนั ทลักษณ์ ไดแ้ ก่ โคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน และร่าย เช่น ตะเลงพ่ายมีรูปแบบคำประพนั ธ์ประเภทโคลงกับรา่ ยมาประพันธ์ ร่วมกัน เรียกว่า ลิลิต มัทนะพาธามีรูปแบบคำประพันธ์ที่นำฉันทลักษณ์ฉันท์กับกาพย์มาประพันธ์ร่วมกัน เรยี กวา่ คำฉนั ท์ ส่วนนิราศภเู ขาทองมรี ูปแบบคำประพันธเ์ ปน็ กลอนนิราศ คือ ถ้อยคำทด่ี ี ไพเราะ มาเรียงร้อยเข้าดว้ ยกันให้สละสลวย วรรณคดีประเภท ร้อยแก้ว ไดแ้ ก่ พระปฐมสมโพธกิ ถา นิทานเวตาล สามกก๊ ในการพิจารณารูปแบบร้อยกรอง ควรพิจารณาลักษณะคำประพันธ์ คุณค่าทางวรรณศิลป์ ความไพเราะ เสยี งหนกั เสยี งเบา จงั หวะ การสรรคำมาใช้ และความถกู ตอ้ งตามฉนั ทลักษณ์ ส่วนวรรณคดีที่มีรูปแบบร้อยแก้ว ควรพิจารณาถ้อยคำที่ใช้ ภาษาที่สละสลวย การใช้สำนวนโวหาร และการดำเนินเรอื่ ง นอกจากนี้ อาจพจิ ารณารปู แบบของวรรณคดีและวรรณกรรมตามจดุ มุ่งหมายของเรื่อง คอื หมายถึง เรือ่ งทเี่ ขยี นหรอื แตง่ โดยมงุ่ ใหค้ วามบนั เทิงแก่ผู้อา่ น จะเปน็ ร้อยแก้ว หรือรอ้ ยกรองก็ได้ รปู แบบของวรรณคดีและวรรณกรรมประเภทบันเทิงคดี เช่น ใช้แสดงมหรสพต่าง ๆ เช่น บทพากย์โขน บทละครพูด ละครร้อง ละครรำ ใช้เป็นบทรำพัน พรรณนาอารมณ์ เช่น นิราศต่าง ๆ บทพรรณนา สำหรบั ร้อง เชน่ บทเห่กลอ่ ม บทเพลงเขมรไทรโยค ใช้แต่งเป็นนิทาน เช่น นิทานอีสป นิยายสำหรับขับเสภา เช่น ขนุ ช้างขนุ แผน และนยิ ายสำหรับเทศน์ เช่น มหาเวสสนั ดรชาดก ตัวอย่างของวรรณคดีและวรรณกรรมประเภทบันเทิงคดี เช่น นิทานเวตาล ลิลิตตะเลงพ่าย มัทนะพาธา มหาเวสสนั ดรชาดก หัวใจชายหนุ่ม หมายถึง เรื่องที่เรียบเรียงขึ้นจากความจริง ให้ความรู้ ความคิดเห็นที่เป็น ประโยชน์ มีสาระ เช่น สารคดีท่องเที่ยว สารคดีชีวประวัติ บทความ ความเรียง บทร้อยกรองประเภทสารคดี เช่น คมั ภรี ์ฉนั ทศาสตร์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เมื่อพิจารณารูปแบบของวรรณคดีและวรรณกรรมแล้ว ควรพิจารณาวิเคราะห์เนื้อหาและกลวิธีของ วรรณคดีและวรรณกรรม ดังน้ี ๑) ด้านเนื้อเรื่อง คือ เหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบที่เล่าให้รู้ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร มีเหตกุ ารณต์ อนใดนา่ สนใจ การวิเคราะห์ดา้ นเน้ือเรื่องเป็นการแยกแยะองค์ประกอบของเรื่องเพอ่ื รู้จักลักษณะ และความสำคญั ทแี่ สดงความสัมพันธซ์ งึ่ กันและกนั ซึง่ ประกอบด้วย ๑.๑) โครงเรื่อง เป็นการลำดับเหตุการณ์ที่เรียบเรียงอย่างเป็นเหตุเป็นผล โครง เรื่องเดียวกันอาจสร้างเรื่องได้แตกต่างกัน โครงเรื่องมักแสดงความขัดแย้งท่ีเป็นเหตุของเรื่องราวต่าง ๆ เช่น ความขัดแย้งระหวา่ งสุเทษณก์ ับมัทนา ขนุ ช้างกับขุนแผน

เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๕ ๑.๒) ตัวละคร ควรพิจารณาลักษณะนิสัยตัวละครว่าใครคือตัวเอก พฤติกรรม ตัวละครใดน่ายกย่อง น่าตำหนิ ลักษณะนิสัยตัวละครสอดคล้องกับการดำเนินเรื่องหรือไม่ โดยพิจารณา จากการกระทำและคำพูดของตัวละคร ๑.๓) ฉาก คือ เวลาและสถานที่ที่เกิดขึ้นในวรรณคดีและวรรณกรรมเรื่องนั้น ๆ ฉากที่ปรากฏจะต้องสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ควรพิจารณาว่าเวลาและสถานที่มีอิทธิพลต่อเรื่องอย่างไร หรือผู้ แต่งพรรณนาฉากตามสภาพจริงหรือจินตนาการ เช่น ฉากในประเทศจีนจากเรื่องสามก๊ก ฉากในป่าจากเรื่อง มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มทั รี ๑.๔) แก่นเรอื่ ง คอื เจตนารมณ์ท่ีผแู้ ตง่ ตอ้ งการเสนอต่อผู้อ่าน โดยแฝงอยูใ่ นเน้ือหา เป็นจุดเริม่ ต้นในการแตง่ เร่อื ง ๒) ด้านกลวิธีการแต่ง คือ การแสดงความสามารถของผู้แต่งในการถ่ายทอดอารมณ์ ความนึกคดิ และจินตนาการ เพอื่ โนม้ น้าวใหผ้ อู้ า่ นเกดิ อารมณ์รว่ มกับผ้แู ต่ง ประกอบด้วย ๒.๑) รอ้ ยแก้ว พิจารณาเร่อื งภาษาทีใ่ ช้ เชน่ - ความถกู ตอ้ งของการใช้ภาษา - ภาษาสื่อความได้ชัดเจน สละสลวย ชวนอา่ น การนำเสนอเรื่อง เชน่ - เล่าเร่ืองดว้ ยวิธีใด - การเปิด-ปิดเรื่อง และการดำเนินเรื่องสร้างความสนใจแก่ผู้อ่าน เพยี งใด การใช้สำนวนโวหาร (ใช้กบั วรรณกรรมรอ้ ยแก้ว) มีดงั น้ี บรรยายโวหาร คือ การเล่าเรอ่ื ง เลา่ เหตุการณ์ที่มีเวลา สถานท่ี ซึง่ แสดงใหเ้ ห็นความสมั พันธ์ ต่อเนื่องกัน การบรรยายมีจุดมุ่งหมายให้ผู้อ่านเข้าใจว่าเรื่องราวนั้น ๆ เกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างไร เรอื่ งราวดงั กล่าวอาจเกิดขึ้นจรงิ หรอื เป็นเรอื่ งทีเ่ กดิ จากจินตนาการของกวกี ็ได้ เช่น ตวั อยา่ งท่ี ๑ ...เมื่อชั่วพ่อกู กูบำเรอแก่พ่อกู กูบำเรอแก่แม่กู กูได้ตัวเนื้อตัวปลา กูเอามาแก่พ่อกู กูได้หมากส้ม หมากหวาน อันใดกินอร่อยกินดี กูเอามาแก่พ่อกู กูไปตีหนังวังช้างได้ กูเอามาแก่พ่อกู กูไปท่ บ้านท่เมือง ได้ช้างได้งวง ได้ปั่วได้นาง ได้เงือนได้ทอง กูเอามาเวนแก่พ่อกู พ่อกูตายยังพี่กู กูพร่ำบำเรอแก่พี่กู ด่ังบำเรอแกพ่ ่อกู พ่ีกูตาย จงึ่ ไดเ้ มืองแกก่ ทู ้งั กลม... *บรรยายถงึ ความกตัญญูของพ่อขุนรามคำแหงท่ีมีต่อบดิ าและพีช่ าย ตัวอยา่ งท่ี ๒ ภูเขาไฟฟูจิเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นมาหลายศตวรรษแล้ว แต่แรก ภเู ขานี้เปน็ ท่เี คารพบูชาของชนพ้นื เมอื งเผา่ ไอนุซ่งึ ปัจจุบนั ยังอยู่ตามหมเู่ กาะฮอกไกโด ชาวไอนขุ นานนาม ภูเขา นี้ตามช่ือเทพธดิ า “ฟชู ิ” (fuchi) ผเู้ ป็นเทพธดิ าแหง่ อัคคี ชาวญี่ปนุ่ ยังคงนบั ถอื ภูเขาไฟฟูจติ ่อมา ภเู ขาฟูจิซึ่งสูง ทสี่ ดุ และงามทส่ี ดุ ในประเทศจึงได้รับความเคารพเป็นพิเศษ เพราะถือว่าเปน็ สถานท่สี ถิตของทวยเทพ เปน็ จุด เชอ่ื มโยงระหวา่ งความลกึ ลับของสวรรคแ์ ละความเปน็ จริงของโลกมนุษย์ พรรณนาโวหาร คือ โวหารที่ใช้กล่าวถึงเรื่องราว สถานที่ บุคคล สิ่งของ หรืออารมณ์อย่าง ละเอียด สอดแทรกอารมณ์ความรู้สึกลงไปเพื่อโน้มน้าวใจให้ผู้รับสารเกิดภาพพจน์ เกิดอารมณ์คล้อยตามไป

เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๖ ด้วย ใช้ในการโน้มน้าวอารมณ์ของผู้ฟัง หรือสดุดี ชมเมือง ชมความงามของบุคคล สถานที่และแสดงอารมณ์ ความรู้สึกต่าง ๆ เป็นการให้รายละเอียดของ เรื่องราว เพ่ือให้ผู้อ่านเหน็ สภาพหรือลักษณะทีล่ ะเอียดลออและ พรรณนาความรู้สึกกระทบอารมณ์ความรู้สึกของผู้อ่าน การพรรณนาโวหารจึงมีความประณีตในการเลือกใช้ ถ้อยคำสำนวนท่ไี พเราะเพราะพรงิ้ เล่นคำ เล่นอกั ษร ใชถ้ ้อยคำท้งั เสยี งและความหมายท่ตี รงกับความรู้สึกที่ ตอ้ งการพรรณนา ทั้งน้ีการพรรณนาทำให้ผู้อา่ นผู้ฟังมองเห็นภาพ การพรรณนาจึงมักแทรกอยู่ในการเล่าเร่ือง บางกรณีอาจตอ้ งใช้อุปมาโวหารหรอื สาธกโวหารประกอบด้วย ตวั อยา่ ง เขาใช้แขนยันพื้นดิน อาการเหนื่อยอ่อน กลิ่นน้ำฝนบนใบหญ้าและกลิ่นไอดินโชย เข้าจมูกวาบหวิว อยากให้มีใครซักคนผ่านมาพบ เพื่อพาเขากลับไปหาหมอในหมู่บ้าน มดหลายตัวเดินสวน ขบวนผา่ นไปมา มันไมม่ ที ีทา่ จะสนใจเขาเลยแมแ้ ตน่ ้อย เขามองดูมันอย่างเล่ือนลอย ทำไมมันจงึ เฉยเมยกับฉัน มันคงรู้แน่ ฉันอยากให้มันเป็นคนจริง ๆ ฉันจะต้องกลับบ้านให้ได้ เขาคิดพลางเหม่อมองดยู อดสนของหม่บู ้าน ดวงอาทติ ยส์ ีแดงเข้มกำลังคลอ้ ยลงเหนอื ยอดไม้ทางทศิ ตะวันตก เทศนาโวหาร คือ โวหารท่ีมงุ่ ในการสั่งสอน โน้มน้าวจติ ใจผู้อ่านให้คล้อยตาม เป็นการกล่าว ในเชิงอบรม แนะนำสั่งสอน เสนอทัศนะ ชี้แนะ หรือโน้มน้าว ชักจูงใจโดยยกเหตุผล การเขียนเทศนาโวหาร ต้องใช้โวหารประเภทต่าง ๆ มาประกอบ อาจจะใช้บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร รวมทั้งอุปมาโวหารและ สาธกโวหารดว้ ย ตวั อย่างที่ ๑ “...ผทู้ ำความดีเหมือนผู้มีแสงสว่างอยู่กับตัว ไปถงึ ท่ีมดื คอื ท่ีคบั ขันย่อมสามารถดำรง ตนอยู่ได้ดีพอสมควรกับความดีที่ทำอยู่ ตรงกันข้ามกับผู้ไม่ได้ทำความดีซึ่งเหมือนกับผู้ไม่มีแสงสว่างอยู่กับตัว ขณะที่ยังอยู่ในที่สว่างอยู่ความสว่างก็ไม่ได้รับความเดือดร้อน แต่เมื่อใดตกไปอยู่ในที่มืดคือที่คับขัน ย่อมไม่ สามารถดำรงตนอยู่ได้อย่างสวัสดี ภัยอันตรายมาถึงก็ไม่รู้ไม่เห็น ไม่อาจหลีกพ้น คนทำดีไว้เสมอกับคนไม่ดี แตกตา่ งกนั เชน่ นี้ประการหน่ึง...” *สั่งสอนใหเ้ หน็ คุณค่าของการทำความดีและภัยของการไม่ทำความดี ตัวอยา่ งที่ ๒ “…เราโชคดีที่มีภาษาของตนเองแต่โบราณกาล จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้ ปัญหาเฉพาะในด้านการรักษาภาษานี้ก็มีหลายประการ อย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในทางการออกเสียง คือ ให้ออกเสียงให้ถูกต้องชัดเจน อีกอย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในวิธีการใช้ หมายความว่า วิธีใช้คำมา ประกอบเป็นประโยคนับเป็นปญั หาทีส่ ำคัญ ปัญหาทส่ี าม คอื ความรำ่ รวยในคำของภาษาไทย ซึง่ พวกเรานึกว่า ไมร่ ่ำรวยพอ จึงตอ้ งมกี ารบัญญตั ศิ ัพท์ใหม่มาใช้...” “...ในปจั จุบนั นปี้ รากฏวา่ ได้มีการใชถ้ ้อยคำออกจะฟมุ่ เฟือยและไมต่ รงกบั ความอัน แท้จริงอยู่เนือง ๆ ทั้งการออกเสียงก็ไม่ถูกต้องตามอักขรวิธี ถ้าปล่อยให้เป็นดังนี้ภาษาของเราก็มีแต่จะ ทรุดโทรม ชาติไทยเรามีภาษาของเราใช้เองเป็นสิ่งประเสริฐอยู่แล้ว เป็นมรดกอันมีค่าตกทอดมาถึงเรา ทุกคนมหี นา้ ทจ่ี ะต้องรักษาไว้...”

เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๗ สาธกโวหาร คือ โวหารที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดความชัดเจนด้วยการยกตัวอย่างประกอบ เพอ่ื อธบิ ายสนับสนุนความคิดเห็นให้นา่ เช่ือถือ โดยสาธกโวหารมักแทรกอยู่ในโวหารอ่ืน ๆ เชน่ บรรยายโวหาร หรือเทศนาโวหาร ตัวอย่าง ...ถา้ เธอไมอ่ ยากอยู่กับฉนั จริงจริง ยนิ ยอมทุกสง่ิ ให้เธอทิ้งไป ฉันขอแค่ เพียงให้เวลาหน่อยได้ไหม อยากเลา่ นทิ านให้ฟัง ชาวนาคนหน่ึงมีชีวิตลำพัง ไปเจองูเห่ากำลังใกล้ตาย สงสารจึงเก็บเอามาเลี้ยงโดยไม่รู้สุดท้ายจะเป็น อย่างไร คอยดูแลด้วยความจริงใจ ห่วงใย และคอยให้ความรักเป็นกังวลวา่ มันจะตาย เฝ้าคอยเอาใจทุกอย่าง แต่สุดท้ายชาวนาผู้ชายใจดี ด้วยความท่ี เขาไว้ใจ น่าเสียดายกลับต้องตายด้วยพิษงู นิทานมันบอกให้ยอมรับความ จริงว่ามีบางสิ่งไม่ควรไว้ใจ อะไรบางอย่างที่ทำดีซักแค่ไหน ไม่เชื่อง ไม่รัก ไมจ่ รงิ ... *ยกตัวอยา่ งประกอบโดยใชเ้ นอ้ื หาจากนิทานเรือ่ งชาวนากับงูเห่า อุปมาโวหาร คือ โวหารเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง เพื่อให้ผู้รับสารเข้าใจความหมาย อารมณ์ความรู้สึก หรือเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น มักใช้ประกอบโวหารประเภทอื่น เช่น เทศนาโวหาร บรรยายโวหาร โดยเฉพาะพรรณนาโวหาร เพราะจะช่วยให้รสของถ้อยคำและรสของเนื้อความไพเราะ สละสลวยย่ิงข้ึน ทั้งสารที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม โดยใช้คำแสดงการเปรียบเทียบ ซึ่งมีอยู่หลากหลาย เช่น เหมือน เสมือน คล้าย ดจุ ดัง ดั่ง ดุจดั่ง ราว ดูราว ปาน เพยี ง ประหน่งึ เช่น เฉก ฯลฯ ตวั อย่าง …ดังนี้เจา้ จะเหน็ ไดว้ า่ เมียที่พ่อจดั หาให้มีตระกูล สมชาติ สมเชื้อกันดี เพราะตระกูล ของเราก็มั่งมี มีคนนับหน้าถือตา ญาติพี่น้องทั้งฝ่ายบิดามารดาของนางก็บริบูรณ์ รูปร่างงามหาตำหนิมิได้ ผมดำราวกับแมลงผึ้ง หน้าเปล่งปลั่งดั่งดวงจันทร์ เนตรประหนึ่งตากวาง จมูกแม้นดอกงา ฟันเทียบไข่มุก ริมฝีปากเพียงผลตำลึงสุก เสียงหวานปานนกโกกิลา ขาคือลำกล้วย เอวเหมาะเจาะไม่อ้วนเกิน เวลาย่างเดิน แคล่วคล่องมสี ง่าเสมอช้างทรง เพราะฉะน้นั เจ้าจะหาทางตำหนิขัดข้องมิไดเ้ ลย... ๒.๒) ร้อยกรอง พิจารณาศิลปะการใช้ภาษาที่ทำให้เกิดความไพเราะ ความงดงาม สรา้ งความรสู้ ึกซาบซง้ึ และประทบั ใจ เช่น - การใช้คำ มีการเลือกสรรคำที่มีเสียงเสนาะ เช่น สัมผัสนอกและสัมผัสใน สัมผสั สระและสมั ผัสอักษร, การเล่นคำ เช่น การซ้ำคำ เพ่ือเน้นความหมาย - กวีโวหาร (วรรณกรรมร้อยกรอง) ได้แก่ ภาพพจน์ ซึ่งเป็น การเรียบเรียงอย่างใช้โวหาร ไม่กล่าวตรงไปตรงมา ทำให้เกิดรส กระทบความรู้สึก และอารมณ์ ดงั น้ี อปุ มา คือ การเปรียบเทยี บสิ่งหนงึ่ คล้ายหรือเหมือนกับอีกสง่ิ หนง่ึ โดยมคี ำแสดงความเปรียบ เชน่ เฉก ยอ่ ม อย่าง เปรียบ ประดุจ ดุจ ประหนง่ึ ดัง่ เหมอื น ราวกับ ราว เพยี ง เพ้ยี ง ฯลฯ - สวยเหมือนนางฟา้ - เงยี บราวกับป่าช้า - รอ้ งไหป้ านใจจะขาด

เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๘ - ซนเหมือนลิง - ลกู คนนลี้ ะมา้ ยพอ่ พระอภัยมณี ตอน หนนี างผเี สอื้ รูปรา่ งอยา่ งเปรตสมเพชใจ ชา่ งกระไรราศไี มม่ งี าม *ใช้คำวา่ “อยา่ ง” เปรยี บนางผีเสอ้ื สมทุ รว่ามรี ปู ร่างเหมอื นเปรต อุปลักษณ์ คอื การเปรยี บส่ิงหนึง่ เป็นอีกสง่ิ หน่งึ ซ่งึ แตกต่างจากการอปุ มา โดยอุปลักษณ์มัก ใช้คำว่า เป็น, คือ ในการเปรยี บ - ปญั ญาคือดาบสู้ดสั กร - ครูคือแมพ่ ิมพ์ของชาติ - ชวี ติ คอื การต่อสู้ ศตั รคู ือยากำลัง - ลกู คอื แก้วดวงตาดวงใจของพ่อแม่ - ครเู ปน็ แสงประทีปส่องทางให้ลกู ศษิ ย์ - เธอคือดอกฟา้ แต่ฉนั น้นั คอื หมาวดั ลลิ ิตยวนพา่ ย สารสยามภาคพรอ้ ม กลกานท์ คอื คมู่ าลาสวรรค์ ชอ่ ช้อย เบญญาพศิ าลแสดง เดิมเกียรติ พระฤา คอื คูไ่ หมแสรง้ สรอ้ ย กง่ึ กลาง *ใช้คำวา่ “คือ” เปรียบบกวเี ป็นดอกไม้สวรรค์ เปรียบเป็นเสน้ ไหมทร่ี อ้ ยตรงกลาง อติพจน์ คือ การใช้ถ้อยคำที่กล่าวผิดไปจากความเป็นจริง โดยกล่าวถึงสิ่งหนึ่งเปรียบเทียบ กับสิง่ ที่ดูเกนิ มากกว่าความจรงิ - ร้อนตับจะแตก - คดิ ถงึ เธอทกุ ลมหายใจเข้าออก - คดิ ถึงใจจะขาด - ไอห้ มัดทะลวงไส้ - แม้จะเอาช้างมาฉดุ ฉันก็ไม่ไป บทพากยเ์ อราวัณ เสียงพลโห่ร้องเอาชัย เลอื่ นล่ันสนั่นใน พิภพเพยี งทำลาย *เสียงโห่รอ้ งเอาชยั ของกองทัพดงั ราวกับโลกจะพงั พินาศลง บุคคลวัต คือ การกลา่ วถึงสิ่งทีไ่ ม่มชี วี ติ จิตใจใหม้ กี ารกระทำเหมือนมนุษย์ - พระจันทรย์ ิม้ ทักทายกับหมูด่ าวบนท้องฟา้ - ต้นอ้อหยอกลอ้ กับสายลมอยา่ งสนุกสนาน - เปลวไฟกลืนกนิ บา้ นทั้งหลงั เขา้ ไปอยา่ งหวิ โหย - ทะเลไม่เคยหลับใหล เธอตอบไดไ้ หม ไฉนจงึ ตืน่ - ความซื่อสตั ยว์ ง่ิ พลา่ นอยใู่ นคณะรฐั มนตรชี ุดน้ี บทพากย์เอราวัณ - สัตภัณฑ์บรรพตทัง้ หลาย ออ่ นเอนเพยี งปลาย

เอกสารประกอบการจดั การเรียนรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๙ ประนอมประนมชยั *ใหภ้ เู ขาคอ้ มศรี ษะลงเหมอื นมนุษยเ์ มือเหน็ ขบวนเสดจ็ ของพระอินทร์ สัทพจน์ คอื การใชค้ ำเลียนเสยี งธรรมชาติ - เปร้ยี ง ๆ ดังเสียงฟา้ ฟาด - บัดเดยี๋ วดังหง่างเหง่งวังเวงแวว่ - เสียงคลน่ื ซา่ ซดั สาดทีห่ าดทราย - ยุงบนิ หง่ึ ห่งึ อยขู่ ้างหูน่ารำคาญ มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มทั รี ...แต่ย่างเหยียบเกรียบกรอบก็เหลียวหลัง พระโสตฟังให้หวาดแว่วว่าสำเนียง เสยี งพระลูกแกว้ เจา้ บ่นอยู่งึม ๆ พมุ่ ไม้คร้ึมเปน็ เงาๆ ชะโงกเงอื้ ม พระเนตรเธอแลเหลือบให้ลายเล่ือม เห็นเป็น รูปคนตะคมุ่ ๆ อยคู่ ล้าย ๆ แล้วหายไป สมเด็จพระอรไทเธอเทยี่ วตะโกนกูก่ กู๋ ้อง... *คำว่า “เกรยี บกรอบ” เปน็ คำเลียนเสยี งคนเหยยี บใบไม้แหง้ *คำว่า “งมึ ๆ” เปน็ คำเลยี นเสยี งพมึ พำของคน *คำว่า “กูก่ ”ู๋ เป็นคำเลียนเสียงกรู่ อ้ งเรียกหา วรรณคดีและวรรณกรรมมบี ทบาทเหมือนงานศลิ ปะอ่ืน ๆ คือ การสรา้ งความบันเทิงใจ และจรรโลงใจ ความบนั เทิงใจ หมายถงึ ความเพลิดเพลิน ความสนุก ความอ่มิ ใจอมิ่ อารมณ์ในการอ่าน การฟัง ส่วนจรรโลงใจ หมายถึง ความชื่นบาน เบิกบาน การยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ประณีตขึ้น มีจิตใจและอารมณ์ที่ดีงาม ละเอียดอ่อน วรรณคดีและวรรณกรรมจึงเป็นสิ่งที่กล่อมเกลาจิตใจและอารมณ์มนุษย์ให้มีความดี ความงาม และรู้จักความเป็นจริงของชีวิต เข้าใจชีวิตและเข้าใจมนุษย์มากขึ้น เราอาจประเมินคุณค่าวรรณคดีและ วรรณกรรมได้ทัง้ ด้านวรรณศลิ ป์ ดา้ นอารมณ์ ด้านสังคมและวัฒนธรรม และด้านคณุ ธรรม ๑) คุณค่าด้านวรรณศิลป์ คือ การพิจารณาถ้อยคำสำนวนที่ใช้ว่ามีความงามไพเราะจับใจ อย่างไร เชน่ การใชภ้ าพพจน์ การเลน่ เสยี ง การสรรคำ เป็นต้น ๑.๑) การเลน่ เสยี ง การเล่นเสียง หมายถึง การใช้คำที่มีเสียงสัมผัสกัน ได้แก่ การเล่นเสียง พยัญชนะ การเล่นเสยี งสระ และการเลน่ เสียงวรรณยุกต์ เพ่อื เพม่ิ ความไพเราะและแสดงความสามารถของกวี ที่แมจ้ ะเลน่ เสยี งของคำแตก่ ็ยงั คงความหมายไวไ้ ด้ ๑.๑.๑) การเลน่ เสยี งพยญั ชนะ อ่อนหวานมานมติ รลน้ เหลอื หลาย หยาบบม่ ีเกลอกราย เกล่อื นใกล้ ดจุ ดวงศศฉิ าย ดาวดาษ ประดบั นา สุรยิ ะสอ่ งดาราไร้ เพ่อื ร้อนแรงแสง ๑.๑.๒) การเลน่ เสยี งสระ ดูงูขูฝ่ ดู ฝู้ พรพู รู หนสู ู่รงู ูงู สุดสู้ งสู ูห้ นหู นสู ู้ งอู ยู่ หนรู ู้งูงรู ู้ รปู ถ้มู ูทู

เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๑๐ ๑.๑.๓) การเลน่ เสยี งวรรณยกุ ต์ จิบจบั เจาเจา่ เจ้า รังมา จอกจาบจ่ันจรรจา จ่าจ้า เค้าค้อยค่อยคอยหา เหน็ โทษ ซอนซ่อนซ้อนสรว้ิ หนา้ นงิ่ เรา้ เอาขวัญ ๑.๒) การสรรคำ การสรรคำ คือ การเลือกใช้คำให้สื่อความคิด ความเข้าใจ ความรู้สึก หรือ อารมณ์ได้งดงาม เชน่ การเลน่ คำ การซำ้ คำ คำอัพภาส การหลากคำ ๑.๒.๑) การเล่นคำ ตัวอย่างท่ี ๑ “เบญจวรรณจับวลั ย์ชาลี เหมือนวันพี่ไกลสามสดุ ามา” • เบญจวรรณ คอื ชื่อนก • วัลย์ คือ ช่อื ต้นไม้ • วนั คือ วนั เวลา ตัวอยา่ งท่ี ๒ “ถงึ บางพูดพดู ดเี ปน็ ศรีศกั ด์ิ มคี นรกั รสถ้อยอร่อยจติ ” • บางพดู คอื ช่อื สถานที่ • พดู คอื การพดู เปน็ คำกรยิ า ตวั อย่างท่ี ๓ “เหน็ รอหกั เหมือนหนึ่งรักพี่รอรา แต่รอท่ารง้ั ทกุ ข์มาตามทาง” • รอ คำที่ ๑ คือ หลกั ปักกนั กระแสน้ำ • รอ คำที่ ๒ คอื หยดุ • รอ คำที่ ๓ คอื คอย ***หลกั การ คอื หาคำพอ้ งเสยี งหรือพอ้ งรปู และความหมายตา่ ง ๑.๒.๒) การซำ้ คำ การซ้ำคำ คือ การใช้คำนั้นซ้ำกันหลายครั้ง เพื่อเน้นความหมายและ กอ่ ให้เกดิ อารมณส์ ะเทอื นใจ ตัวอย่างที่ ๑ “...แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศทั่วประเทศทุก ราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟังสำเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ำเรียก พไิ รร้อง สดุ ฝีเท้าที่แมจ่ ะเย้อื งย่องยกย่างลงเหยียบดิน ก็สุดส้นิ สุดปญั ญาสุดหาสดุ ค้นเห็นสดุ คดิ ...” ตวั อย่างที่ ๒ งามทรงวงด่งั วาด งามมารยาทนาดกรกราย งามพรมิ้ ยิ้มแย้มพราย งามคำหวานลานใจถวิล ***หลักการ คอื ความหมายเหมือนแบบคำซำ้ ไม่จำเปน็ ตอ้ งวางติดกนั

เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๑๑ ๑.๒.๓) คำอพั ภาส คำอัพภาส คือ การกร่อนเสียงตัวหน้าของคำซ้ำ เช่น ลิ่วลิ่ว > ละลว่ิ , วับวบั > วะวับ, ฉวิ ฉิว > ฉะฉิว ตัวอย่าง “อ้าอรุณแอร่มระเรอ่ื รจุ ี” “สามยอดตลอดระยะระยับ วะวะวบั สลบั พรรณ” ๑.๒.๔) การหลากคำ ชมดวงพวงนางแยม้ บานแสลม้ แยม้ เกสร คิดความยามบังอร แย้มโอษฐย์ ม้ิ พริม้ พรายงาม จำปาหนาแน่นเน่ือง คลี่กลีบเหลอื งเรืองอร่าม คิดคะนึงถงึ นงราม ผวิ เหลอื งกว่าจำปาทอง ***หลักการ คือ เป็นคำพ้องความหมาย ๒) คุณค่าด้านอารมณ์ การอ่านหนังสือทำให้อารมณ์เบิกบาน เพลิดเพลิน สนุกสนาน วรรณคดีและวรรณกรรมบางเรื่องทำใหผ้ ู้อ่านเกดิ อารมณ์สะเทือนใจ มีความสขุ ความทกุ ข์ ไปตามบทประพันธ์ นัน้ ๆ ตัวอยา่ ง อารมณ์ขนั เมยี จะตายตามผวั กลวั ผหี ลอก กลวั หายใจไมอ่ อกเมื่ออาสญั เสภาเรอื่ ง ขุนชา้ งขุนแผน ตอน นางพมิ เปลี่ยนชอื่ วนั ทอง : พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหล้านภาลัย อารมณเ์ ศรา้ ...เมื่อสมเด็จพระมัทรีทรงกำสรดแสนกัมปนาท เพียงพระสันดานจะขาดจะดับศูนย์ ปริเทวิตฺวา นางเสวยพระอาดูรพูนเทวษในพระอุรา น้ำพระอัสสุชลนาเธอไหลนองคลองพระเนตร ทรงพระกันแสงแสนเทวษพิไรร่ำ ตั้งแต่ประถมยามค่ำไม่หย่อนหยุดแต่สักโมงยาม นางเสด็จไต่เต้าติดตามทุก ตำบล ละเมาะไม้ไพรสณฑ์ศิขริน ทุกห้วยธารละหานหินเหวหุบห้องคูหาวาส ทรงพระพิไรร้องก้องประกาศ เกริ่นสำเนียง พระสุรเสยี งเธอเยือกเย็นระย่อทุกอกสัตว์ พระพายรำเพยพัดทุกกิ่งก้าน บุษบงก็เบิกบานผกากร รัศมีพระจนั ทรก็มวั หมองเหมือนหนงึ่ จะเศร้าโศก แสนวปิ โยคเมอื่ ยามปัจจุสมัย ทั้งรัศมีพระสรุ ิโยทัยส่องอยู่ราง ๆ ขึ้นเรืองฟ้า เสียงชะนีเหนี่ยวไม้ไห้หาละห้อยโหย พระกำลังนางก็อิดโรยพิไรร่ำร้อง พระสุรเสียงเธอกู่ก้อง กังวานดง... ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มทั รี : เจา้ พระยาพระคลัง (หน) อารมณส์ ะเทอื นใจ อุรารานร้าวแยก ยลสยบ เอนพระองค์ลงทบ ท่าวด้นิ เหนือคอคชซอนซบ สังเวช วายชิวาตม์สุดสน้ิ สฟู่ า้ เสวยสวรรค์ ลลิ ิตตะเลงพา่ ย : สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ิตชิโนรส

เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๑๒ ๓) คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม หมายถึง วถิ ชี วี ติ ของคนในสังคมเก่ียวกับความเป็นอยู่ ความคิด ความเชอื่ คา่ นิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี ตวั อย่าง การเคารพผใู้ หญ่ โอ้เอน็ ดมู ุนีฤาษีน้อย ใหล้ ะห้อยโหยหานำ้ ตาไหล เข้ากราบเทา้ เจา้ ตาด้วยอาลัย หลานจะไปกังวลด้วยชนนี พระอภยั มณี : สุนทรภู่ การกินหมาก เจ้าขรัวย่าอ้าปากน้ำหมากพรู เล่าใหร้ ู้แตต่ น้ มาจนปลาย เสภาเรอ่ื ง ขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอน กำเนดิ พลายงาม : สนุ ทรภู่ ความเชื่อเรอ่ื งฝนั ฝนั ว่าร้องไห้จะไดช้ ม ของรักตกตมจะคนื เขา้ ทีร่ ้อนโรคโศกสรา่ งจะบางเบา มติ รเกา่ จะประคองวนั ทองน้อย เสภาเร่ือง ขุนชา้ งขนุ แผน ตอน ขุนแผนขน้ึ เรอื นขนุ ชา้ งไดน้ างแกว้ กิรยิ า : สุนทรภู่ ความเชอื่ เรือ่ งบาปกรรม เป็นแพทย์นีย้ ากนัก จะรูจ้ กั ซึ่งกองกรรม ตัดเสยี ซงึ่ บาปธรรม สิบสต่ี ัวจงึ่ เทยี่ งตรง คัมภรี ฉ์ ันทศาสตร์ แพทย์ศาสตรสงเคราะห์ : พระยาวชิ ยาธิบดี (กล่อม) ๔) คุณค่าด้านคุณธรรม วรรณคดีมักจะสะท้อนให้เห็นว่าสังคมที่มีคนดี มีคุณธรรม จะเป็นสังคมที่มีความสุข และคนที่ทำความดีจะได้รับผลดีตอบแทน วรรณคดีจึงอาจช่วยปลูกฝังคุณธรรม ต่าง ๆ ทั้งความดี ความละอายต่อบาป ให้แนวคิดที่เหมาะสมในการดำเนินชีวิต และการอยู่ร่วมกันในสังคม เช่น โคลงโลกนิติ พระอภยั มณี ไตรภมู พิ ระรว่ ง บางครัง้ คำพูดและการกระทำของตวั ละครเปน็ คณุ ธรรมสอนใจ ที่สามารถนำมาประยุกตใ์ ช้ในการดำเนินชวี ติ เช่น ทรลักษณ์อกตญั ญตุ าเขา เทพเจ้ากจ็ ะแช่งทกุ แหง่ หน ให้ทุกข์ร้อนงอนหงอ่ ทรพล พระเวทมนตร์เสอ่ื มคลายทำลายยศ พระอภัยมณี : สุนทรภู่ ท้าวเธอก็ชน่ื บานบรสิ ทุ ธิด์ ว้ ยปิยบุตรม่ิงมงกฎุ ทานอันพเิ ศษ ร่ายยาวมหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์มทั รี : เจ้าพระยาพระคลงั (หน)

เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๑๓ คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นเขยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ใี หถ้ กู ต้อง ๑. วรรณคดีและวรรณกรรม มคี วามแตกตา่ งกนั อย่างไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๒. การพิจารณารปู แบบของวรรณคดีและวรรณกรรม มีทัง้ หมดกว่ี ิธี อย่างไรบ้าง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๓. การประเมินคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม มีการประเมินคุณค่าด้านใดบ้าง (อธิบายขยายความตาม ความเขา้ ใจของนักเรียน) .............................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๔. “ขุนช้างขุนแผน” ถูกนำมาดัดแปลงเพื่อทำเป็นละคร “วันทอง” โดยนำเสนอมุมมองผ่าน “นางวันทอง” มากกว่า “ขุนช้างและขุนแผน” โดยเปน็ การเปดิ เผยความคิด ความรู้สึก และแงม่ มุ ผา่ นการเล่าโดยนางวันทอง ดังนั้นให้นักเรียนเขียนแสดงภูมิรู้โดยวิเคราะห์เนื้อหาและกลวิธีในวรรณคดีหรือละครเรื่องดังกล่าวมา โดยสงั เขป (ยกตัวอยา่ งมาเพียง ๑ ตอน : 1 EP) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๕. การพิจารณาคุณค่าทางด้านสังคมวัฒนธรรมของบทประพันธ์ นักเรียนควรพิจารณาด้านใดบ้าง อย่างไร พรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ ๑ ตัวอยา่ ง .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................ ...................................... .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๑๔ วชิ าภาษาไทย ใบความรทู้ ่ี ๒ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๕ ท๓๒๑๐๑ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ เร่ือง การเขยี นรายงานทางวิชาการ การเขยี นรายงานทางวิชาการ เปน็ การเขยี นเสนอผลการศึกษาคน้ คว้าหาความรูเ้ พม่ิ เตมิ ในเรอ่ื ง ใดเรื่องหนึ่ง เพื่อเสนอเป็นส่วนประกอบของการศึกษาวิชาต่าง ๆ การเขียนรายงานจึงเป็นการนำเสนอผล การศึกษาค้นควา้ โดยเรียบเรยี งอยา่ งเป็นระเบียบแบบแผนและมกี ารอา้ งองิ แหล่งข้อมูล สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของรายงานแบ่งออกเปน็ ๓ สว่ น ดงั นี้ ๑. สว่ นนาของรายงาน ประกอบด้วย ปกนอก มีทั้งปกหน้าและปกหลัง เพื่อใช้หุ้มส่วนอื่น ๆ ของรายงาน กระดาษที่ทำปกควรใช้ กระดาษหนากวา่ กระดาษด้านใน จะใชส้ ีใดกไ็ ด้ แตต่ อ้ งไมท่ ำให้บดบงั รายละเอยี ดที่ต้องเขยี นบนปกด้านหน้า ข้อมูลทีต่ ้องเขยี นแบ่งเป็น ๓ สว่ น คือ ส่วนบนสุดเปน็ ชือ่ เรอื่ งรายงาน ส่วนกลางเป็นช่ือ นามสกลุ ของผู้จัดทำ รายงาน ส่วนลา่ งใหเ้ ขียนรายละเอยี ดวา่ เป็นรายงานประกอบวิชาใด สถาบันใด ภาคการศกึ ษาและปีการศึกษา ใด ตัวอยา่ ง ๑.๕ นิ้ว ๑.๕ นิ้ว คำทม่ี ำจำกภำษำตำ่ งประเทศ เสนอ ๑ นิ้ว ครอู ภชิ ยั จนั ทรเ์ กษ จดั ทำโดย ๑. ............................... เลขท่ี .............. ๒. ............................... เลขท่ี .............. ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี ๕/....... รำยงำนฉบบั น้ีเป็นสว่ นหน่งึ ของรำยวชิ ำภำษำไทย ท๓๒๑๐๑ ภำคเรยี นท่ี ๑ ปีกำรศกึ ษำ ๒๕๖๔ โรงเรยี นวรนำรเี ฉลมิ จงั หวดั สงขลำ ๑ นิ้ว

เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๑๕ ปกใน เปน็ หน้าลำดบั ต่อมาจากปกนอก เขียนรายละเอียดเหมือนปกนอกทุกประการ คานา เป็นส่วนทใี่ ห้รายละเอยี ดเกี่ยวกับวตั ถปุ ระสงค์ในการทำรายงาน ขอบเขตของเนื้อหา รายงาน และคำขอบคุณผู้ช่วยสนับสนุนให้รายงานสำเร็จลุล่วง ตอนท้ายของคำนำควรลงชื่อ สกุลของผู้จัดทำ รายงาน สำหรบั หน้าคำนำไมต่ อ้ งกำกับเลขหน้าเวลาลงในสารบัญให้ระบวุ ่าเป็นหน้า “ก” ตวั อยา่ ง ก คำนำ รายงานเรื่องคำที่มาจากภาษาต่างประเทศฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๓๒๑๐๑ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับคำที่มาจาก ภาษาต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหาส่วนต่าง ๆ ทั้งความหมาย ประวัติความเป็นมา อิทธพิ ล ประเภท และตวั อยา่ งคำทมี่ าจากภาษาตา่ งประเทศ ขอขอบพระคุณครูอภิชัย จันทร์เกษ เป็นอย่างสูงที่คอยให้คำปรึกษา และให้ คำแนะนำตลอดการทำรายงานเล่มนจ้ี นสำเรจ็ ลลุ ่วงไปดว้ ยดี คณะผูจ้ ัดทำหวังว่ารายงานฉบับนจี้ ะเป็นประโยชน์สำหรับผอู้ ่านและผู้ทสี่ นใจศึกษา คน้ คว้าตอ่ ไป คณะผจู้ ัดทำ สารบัญ เป็นส่วนที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเลขหน้าที่ปรากฏหัวข้อหรือบทต่าง ๆ ตามลำดับเนื้อหา ของรายงาน นอกจากระบุเลขหน้าของหวั ขอ้ หรือบทต่าง ๆ แล้ว ส่วนหนา้ คำนำและหนา้ สารบัญระบุหน้าด้วย ตวั อกั ษร คือ หนา้ ก ในคำนำ หน้า ข หน้า ค หรอื ง ในกรณที ี่สารบญั มีมากกวา่ ๑ หน้า และตอ้ งระบเุ ลขหน้า บรรณานกุ รม ตลอดจนสว่ นประกอบตอนท้ายอื่น ๆ (ถ้ามี) เช่น ภาคผนวก อภธิ านศพั ท์ ดรรชนี เปน็ ตน้ ตัวอยา่ ง ข สารบญั บทท่ี หน้า คำนำ .................................................................................................................. ก) สำรบญั ................................................................................................................ ข ควำมหมำยของคำทม่ี ำจำกภำษำต่ำงประเทศ......................................................... ๑ คำทม่ี ำจำกภำษำบำลสี นั สกฤต............................................................................... ๒

เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๑๖ สารบัญตาราง ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเลขหน้าที่ปรากฏตารางต่าง ๆ ตามลำดับ ถ้าจำนวนตารางทป่ี รากฏในเนื้อหารายงานมีจำนวนนอ้ ยกไ็ มต่ อ้ งทำสารบญั ตาราง สารบัญภาพ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเลขหน้าที่ปรากฏภาพประกอบต่าง ๆ ตามลำดับ ถา้ จำนวนภาพประกอบทปี่ รากฏในเน้ือหารายงานมีจำนวนน้อยก็ไม่ต้องทำสารบัญภาพ ๒. ส่วนเนื้อหาของรายงาน เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ประกอบด้วยส่วนเนื้อหารายงานและส่วนของ การอา้ งองิ ท่ปี ระกอบในเน้อื หา ซง่ึ ส่วนทเ่ี ป็นเนือ้ หาจะแบง่ เป็นสว่ นทเี่ ปน็ บทนำ สว่ นเน้อื เร่ืองและสว่ นสรุป บทนา คือส่วนที่ปูพืน้ ฐานไปสู่เนื้อเรื่องรายงานอาจเปน็ การชี้แนวทางใหเ้ ห็นถึงความสำคญั หรอื วตั ถปุ ระสงค์ในการเสนอเร่ืองรายงานนน้ั ๆ หรอื อาจเปน็ การใหค้ วามหมาย ประวตั คิ วามเป็นมาของหัวข้อ รายงาน เนื้อเร่ือง คือรายละเอียดที่รวบรวมและเรียบเรยี งมาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งได้สาระตรง กับหัวข้อโครงเร่ืองในรายงาน อาจมีตาราง รูปภาพ แผนภูมิ กราฟ ประกอบด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผูอ้ ่านเข้าใจได้ ชัดเจน บทสรุป คือส่วนที่เน้นเฉพาะประเด็นสำคัญของเนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นบทสุดท้ายของเรื่อง ในบทสรุปนี้ถ้าผู้จัดทำรายงานเพิ่มประเด็นการเสนอความคิดเห็ นของตนเองโดยอาศัยพื้นฐานความรู้เดิม หรอื ประสบการณ์ที่มตี อ่ เน้อื เรือ่ งรายงานกจ็ ะช่วยใหร้ ายงานมีคณุ ค่าเพิ่มข้นึ ส่วนของรายการอ้างอิง เป็นส่วนที่อ้างอิงถึงแหล่งข้อมูลที่นำข้อมูลมาประกอบเนื้อเรื่อง ในรายงานอาจจะอยูใ่ นบทนำ เนือ้ เรือ่ ง หรอื บทสรุปก็ได้ ๓. สว่ นทา้ ยของรายงาน ประกอบด้วย บรรณานกุ รม คือรายการของแหลง่ ขอ้ มลู ทง้ั หมดทใ่ี ช้ประกอบการเขียนรายงาน ภาคผนวก คือข้อมูลที่ไม่ใช่ส่วนของเนื้อเรื่องรายงานโดยแท้จริง แต่จะมีสาระเกี่ยวเนื่อง หรือสัมพันธ์กับเนื้อเรื่อง ซึ่งถ้ามีข้อมูลดังกล่าวประกอบด้วยอาจช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจมากข้ึ น ภาคผนวกจะมี หรอื ไมม่ ใี นรายงานกไ็ ด้ อภิธานศัพท์ คือคำศัพท์ยากหรือคำศัพท์เฉพาะสาขาวิชาที่ปรากฏในเนื้อหารายงานซ่ึง นำมาเรียงลำดับตามตัวอักษรแล้วอธิบายความหมายของคำศัพท์นั้น ๆ โดยเรียงลำดับตัวอักษรคำศัพท์ ภาษาไทยตามด้วยคำคำศพั ท์ภาษาองั กฤษ อภธิ านศพั ท์จะมหี รือไมม่ ีในรายงานก็ได้ ดัชนี คือหัวข้อย่อยหรือคำสำคัญซึ่งคัดเลือกมาจากเนื้อเรื่องของรายงานแล้วนำมา เรยี งลำดับตามตวั อกั ษร โดยเรยี งลำดบั ตวั อักษรภาษาไทยตามและด้วยภาษาองั กฤษ พร้อมทั้งระบเุ ลขหน้าท่ี ปรากฏหัวข้อย่อยหรือคำนั้น ๆ ในรายงาน ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้อ่านให้สามารถค้นหาหัวข้อย่อย หรอื คำทีต่ อ้ งการได้อยา่ งรวดเรว็ ดัชนีจะมหี รอื ไมม่ ใี นรายงานก็ได้ หลายครั้งหลายคราวที่นักเรียนได้รับมอบหมายให้ทำรายงาน แต่บางครั้งเราอาจหลงลืมไปว่า “จรรยาบรรณทางวิชาการ” ยอ่ มมคี วามเกยี่ วเน่ืองสัมพนั ธ์กนั ดังนั้นมารยาทในทางวชิ าการทส่ี ำคัญอย่างหน่ึง ที่นักเรียนและผู้คนที่ทำงานทางวิชาการควรมีคือการอ้างอิงแหล่งท่ีมาหรือเรียกว่า “บรรณานุกรม” หรือ “การอ้างอิง” การทำแหล่งที่มามีหลากหลายรูปแบบไม่เฉพาะเจาะจงเปน็ แบบใดแบบหน่ึง อาจเป็นการ อ้างอิงจากหนังสือ อินเทอร์เน็ต วารสาร นิตยสาร หนังสือพิมพ์ สารานุกรม พจนานุกรม ฯลฯ ดังกล่าวมานี้

เอกสารประกอบการจดั การเรียนรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๑๗ นักเรียนจะต้องอ้างอิงและระบุแหล่งที่มาในการเขียนบรรณานุกรมทุก ๆ ครั้ง โดยบรรณนานุกรมมีแนว ทางการเขยี นโดยสังเขป ดังตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี รปู แบบการเขยี นบรรณานกุ รม ๑. หลกั การเขยี นบรรณานกุ รม ๑.๑ เขียนคำว่า บรรณานุกรม กลางหน้ากระดาษห่างจากขอบบนประมาณ ๒ นิ้ว ไม่ตอ้ งขีดเส้นใต้คำว่า บรรณานุกรม ๑.๒ ถา้ รายงานทเี่ ขยี นมหี นงั สอื อา้ งอิงไมเ่ กิน ๕ เลม่ ให้ใชค้ ำวา่ หนังสอื อ้างอิง แตถ่ า้ รายงาน ทีเ่ ขยี น มีหนังสืออ้างอิงเกิน ๕ เล่ม จงึ ใช้คำวา่ บรรณานกุ รม ๑.๓ ถ้าเอกสารที่ใช้เขียนบรรณานุกรมมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ให้เรียงภาษาไทย กอ่ นตามลำดับตัวอักษรชอ่ื ผ้แู ต่ง ก - ฮ และต่อดว้ ยภาษาองั กฤษเรยี งตามลำดับตวั อักษรชื่อผแู้ ต่ง A - Z ๑.๔ ถ้าส่วนแรกของเอกสารซ้ำกัน เช่น ช่อื ผแู้ ตง่ หรอื ชอื่ ผู้เขียนบทความซ้ำกนั ให้เรียงลำดับ อักษรของชื่อ/ชื่อบทความต่อไป โดยเอกสารอ้างอิงที่เขียนในลำดับหลัง ไม่ต้องเขียนส่วนแรกซ้ำอีก แตใ่ หใ้ สเ่ ครอื่ งหมายสญั ประกาศ ( _______ ) ยาวประมาณ ๗ ตวั อักษร หรือประมาณ ๑ นว้ิ แทน ๑.๕ การเขียนบรรณานุกรมแต่ละรายการของเอกสารอ้างอิง บรรทัดแรกต้องเขียนชิดกรอบ ซ้าย ถ้าเขียนบรรทัดเดียวไมพ่ อตอ้ งต่อบรรทดั ท่ี ๒, ๓... ต้องเว้นในระยะย่อหนา้ หรอื เว้นเข้าไป ๗ ตวั อกั ษร ๒. รายละเอยี ดทางบรรณานกุ รมของหนังสือประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดงั นี้ 1. ชือ่ ผูแ้ ตง่ 2. ปีทพ่ี ิมพ์ 3. ชอ่ื เรือ่ ง 4. สถานที่พมิ พ์ (ประกอบด้วย เมอื งที่พิมพ์และสำนกั พิมพ์) โดยท้ัง 4 องคป์ ระกอบเหลา่ น้เี ราจะนำมาเรียบเรียงเปน็ บรรณานุกรมจากหนงั สอื อย่างง่าย ดังน้ี (๑) รูปแบบการเขียนบรรณานกุ รมจากหนังสือ ตาราต่าง ๆ ชอ่ื ผูแ้ ตง่ .//(ปพี มิ พ์).//ชอื่ เรอื่ ง.//เมอื งทพ่ี มิ พ์/:/สำนกั พิมพ์. ตัวอย่าง กำชัย ทองหล่อ. (2556). หลกั ภาษาไทย. กรุงเทพฯ : รวมสาส์น. ในกรณที หี่ นงั สอื ปรากฏคร้งั ทพี่ ิมพ์ เช่น พิมพค์ รั้งที่ 2 3 4 ใหเ้ ขียนดงั น้ี ชือ่ ผู้แตง่ .//(ปีพมิ พ)์ .//ชื่อเร่ือง//(ครั้งท่ีพมิ พ)์ .//เมืองท่ีพมิ พ์/:/สำนกั พิมพ์. ตวั อยา่ ง กำชยั ทองหล่อ. (2556). หลกั ภาษาไทย (พิมพ์ครั้งที่ 54). กรงุ เทพฯ : รวมสาสน์ .

เอกสารประกอบการจดั การเรียนรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๑๘ (๒) รูปแบบการเขยี นบรรณานุกรมจากอินเทอร์เน็ต ช่ือผู้เขียน.//(ปที ีเ่ ขยี นหรอื สืบค้น).//ช่อื เรอื่ ง.//สืบคน้ เม่อื วัน/เดือน/ป,ี จาก (ระบเุ วบ็ ไซต์แหล่งขอ้ มลู ). ตวั อยา่ ง โรงเรียนแก้งเหนอื พิทยาคม. (2562). การเขียนบรรณานุกรมจาก Internet. สบื คน้ เมือ่ 4 ตุลาคม 2562, จาก https://sites.google.com/site/phasathaionline/hnwy-kar-reiyn-ru9. (๓) รปู แบบการเขยี นบรรณานกุ รมนติ ยสาร ชือ่ ผู้แตง่ . (ปีท่ีพิมพ์). “ชือ่ บทความ”. ช่ือวารสาร. ปีท(่ี ฉบับที)่ , เลขหน้า. นดิ ำ มสี ุข. (๒๕๔๘). “อเิ หนำ : เพรำะรกั จงึ รนั้ ”. ปำรชิ ำต. ๑๘(๑), ๑๑๙ – ๑๓๑. (๔) รปู แบบการเขยี นบรรณานกุ รมหนังสอื พมิ พ์ ชื่อผู้แต่ง. ปี, เดอื น วนั . “ชอื่ บทความ”. ชอื่ หนงั สอื พิมพ์. หนา้ ที่อ้างองิ . ตวงศกั ดิ ์ ช่นื สนิ ธุ. ๒๕๕๑, ๖ มกรำคม. “เทย่ี วตำมรอยพระพุทธองค์ สริ มิ งคลรบั ปีหนู”. มตชิ น. ***นักเรยี นจะสงั เกตเห็นวา่ เม่ือบรรณนานุกรมมี ๒ บรรทัด บรรทัดท่ี ๒ ผูเ้ ขียนจะต้องย่อหน้าเขา้ ไป 1 Tab เสมอ

เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๑๙ คำช้แี จง ใหน้ ักเรียนเขยี นบรรณานกุ รมจากแหลง่ ขอ้ มลู ตอ่ ไปนใี้ ห้ถูกต้อง ๑. ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ๒. ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ 3. ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________

เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๒๐ 4. ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ 5. ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ 6. ธรณินทร์ ขิมเจรญิ เขยี นบทความเร่ืองภาษาบาลสี นั สกฤตในภาษาไทย เมอ่ื ปี พ.ศ. 2560 บนพืน้ ท่ี เว็บไซต์ www.matas.com ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ 7. อาจารยจ์ งชยั เจนหัตถการกิจ ไดจ้ ดั ทำเวบ็ ไซต์เพ่ือเผยแพรบ่ ทความเกย่ี วกับภาษาต่างประเทศทใ่ี ชใ้ น ภาษาไทย บนพน้ื ท่ีเวบ็ ไซตข์ องตนเองโดยใชช้ อ่ื ว่า http://www.ebooksdownloadfree.net ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ 8. นายแพทย์ณฐั พล คำวงั เขียนบทความสุขภาพเกี่ยวกบั GHB ยาเสียหนมุ่ เสยี สาว เผยแพรบ่ นเวบ็ บอร์ด ของกระทรวงสาธารณะสุข เมื่อปี พ.ศ. 2562 โดยเผยแพร่บนเว็บไซต์ https://www.dmh.go.th ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ๙. โรงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา เขียนหนังสือเรื่อง ๑๐๐ ปี วรนารีที่รัก เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๖๔ จำน วน ๔๐๐ หน้า วันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ โดยโรงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา อำเภอเมืองสงขลา จังหวัด สงขลา เปน็ ผจู้ ัดพมิ พ์ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________

เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๒๑ วชิ าภาษาไทย ใบความรทู้ ่ี ๓ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๕ ท๓๒๑๐๑ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๑ เรือ่ ง การตีความ แปลความ ขยายความ การแปลความ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงความจากเดิมที่ได้อ่านโดยใช้คำพูดใหม่หรือภาษาใหม่ มาเรียบเรียงเป็นข้อความใหม่ให้เข้าใจง่ายขึ้น แต่ต้องรักษาเนื้อหาและสาระสำคัญของเรื่องเดิมไว้ได้อย่าง ครบถ้วน หลกั การสำคญั ของการแปลความ ๑) จับใจความสำคญั หรอื สาระของเรือ่ งให้ได้ ๒) เรยี บเรียงเปน็ ข้อความใหม่ท่ีมีความหมายชดั เจน และคงความหมายเดมิ ไว้ ๓) แปลความนั้นโดยสรปุ วธิ กี ารแปลความ มีดังน้ี ๑) แปลคำศัพท์เฉพาะเป็นภาษาธรรมดา ที่ทุกคนเข้าใจหรือแปลความหมายของคำ ระดับหนึง่ ซึง่ เขา้ ใจกันเฉพาะกลุ่ม เช่น คำสแลง คำภาษาถ่นิ เปน็ คำอกี ระดบั หน่ึง พระอนั ตคณุ แปลวา่ ลำไส้เลก็ ดษุ ฎี แปลว่า ความช่นื ชม ๒) แปลสำนวน คำพงั เพย สุภาษิต เปน็ ภาษาธรรมดา (ยังไม่มกี ารตีความ) เช่น ข่มเขาโคขืนใหก้ ินหญา้ แปลวา่ กดเขาโคลงไปเพอ่ื บังคับให้โคกินหญ้า ขายผา้ เอาหน้ารอด แปลวา่ ยอมขายผ้าเพ่อื รักษาหนา้ ไว้ ๓) แปลร้อยกรองเป็นภาษาสามญั เชน่ อยธุ ยายศยง่ิ ฟา้ ลงดนิ แลฤา อำนาจบญุ เพรงพระ กอ่ เก้ือ เจดียล์ อออนิ ทร์ ปราสาท ในทาบทองแล้วเนือ้ นอกโสรม (โคลงกำสรวล : ศรปี ราชญ)์ แปลวา่ อยุธยามีความงดงามราวกับเป็นเมืองสวรรค์ ทั้งนี้เพราะบุญบารมี ของพระเจา้ แผ่นดินผ้ทู รงกอ่ ตงั้ เมอื งน้ขี ึ้น ปราสาทราชวงั และเจดียก์ ็ลว้ นเป็นสีทอง เพื่อนกินสนิ ทรัพย์แล้ว แหนงหนี หาง่ายหลายหมืน่ มี มากได้ เพ่อื ตายถ่านแทนชี- วาอาตม์ หายากฝากผีไข้ ยากแทจ้ ักหา (โคลงโลกนิติ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเดชาดศิ ร) แปลวา่ เพือ่ นกนิ นน้ั หางา่ ย แต่เพ่ือนตายซงึ่ จะคอยชว่ ยเรายามทุกข์น้นั หาไดย้ ากนัก ๔) แปลเคร่อื งหมาย รปู ภาพ สญั ลกั ษณ์ เปน็ ภาษาสามญั เชน่ ♀ แปลว่า ผู้หญงิ ♂ แปลว่า ผูช้ าย แปลว่า หา้ มสูบบหุ ร่ี

เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๒๒ การตีความ หมายถึง การอ่านที่ใช้สติปัญญาพิจารณาความหมายของคำ ข้อความที่มีความหมาย โดยนัยหรอื ความหมายแฝงท่ีผู้เขยี นตอ้ งการสือ่ ความหมาย ผูอ้ ่านจะตีความหมายของคำ สำนวน หรือข้อความ ได้ถูกต้อง ต้องอาศัยเนื้อความ แวดล้อม (บริบท) ของข้อความนั้น ๆ บางครั้งผู้อ่านจะต้องอาศัยความรู้เดิม ความสนใจ ประสบการณ์ สตปิ ญั ญา รวมท้ังจินตนาการมาตคี วามขอ้ ความท่อี า่ น ลกั ษณะของขอ้ เขยี นทต่ี อ้ งใช้ในการอ่านแบบตคี วาม ๑. มีลักษณะเป็นข้อเขียนที่ใช้ความหมายโดยนัยหรือความหมายแฝง หมายถึง ความหมาย เชิงเปรียบเทียบหรือความหมายที่ชักนำความคิดให้เกี่ยวโยงถึงสิ่งนั้น เช่น “ทุกคนพร้อมที่จะยอมตาย เพราะเขาเปน็ มอื ขวาของผ้วู ่าราชการจังหวัด” ๒. มีลกั ษณะเปน็ ขอ้ เขียนท่ีมกี ารเปรยี บเทียบหรือใชโ้ วหารเชิงเปรยี บเทียบ เช่น “เธอคือแก้ว ในดวงใจฉัน” ๓. มีลักษณะเป็นข้อเขียนที่ใช้สัญลักษณ์ หมายถึง ข้อเขียนที่ผู้เขียนกล่าวถึงแทนอีกสิ่งหน่ึง เชน่ “โลกนั ต์มแี ก้วและทรายประกอบกัน” หลกั การอ่านตีความ ๑) อ่านเรอื่ งใหล้ ะเอยี ด ทำความเขา้ ใจเร่ืองใหถ้ ่องแท้ ชัดเจน ๒) ทำความเข้าใจคำศัพท์ สำนวนหรือถ้อยคำที่มีความสำคัญ ตลอดจนคำแวดล้อมหรือ บรบิ ทประกอบดว้ ย เพ่อื ทำใหเ้ ขา้ ใจความหมายชดั เจนขึน้ ๓) ขณะที่อ่านต้องพยายามคิดหาเหตุผลและใคร่ครวญอย่างรอบคอบ แล้วนำมาประมวล เข้ากับความคิดของตนเองว่าขอ้ ความหรอื เรื่องน้นั มีความหมายถึงส่งิ ใด ๔) จับใจความสำคัญของเรื่องนั้นด้วยความรู้ความคิดอย่างมีเหตุผล ต้องระลึกไว้เสมอว่า การตคี วามไม่ใช่การถอดคำประพันธ์ ๕) เรียบเรียงถ้อยคำจากการตีความทจ่ี ะใช้บรรยายใหม้ ีความหมายชดั เจน ๖) พึงระลึกว่าการอ่านตีความควรตีความทั้ง ๒ ด้าน ควบคู่กันไป คือ ตีความด้านเนื้อหา และตีความดา้ นนำ้ เสยี ง จึงจะทำใหเ้ ขา้ ใจสารนั้นได้อย่างถอ่ งแท้ ตวั อย่างการตีความ เหมือนบายศรมี งี านทา่ นถนอม เจิมแป้งหอมน้ำมนั จนั ทนใ์ หห้ รรษา พอเสร็จงานเขาเอาทิ้งลงคงคา ต้องลอยมาลอยไปเป็นใบตอง (รำพันพลิ าป : สุนทรภู่) ตีความด้านเนื้อหา : สุนทรภู่เปรียบเทียบว่าชีวิตคนเรานั้นเหมือนบายศรี เวลามีงาน ก็จะถนอมเป็นอย่างดี แตพ่ อเสรจ็ งานกไ็ มม่ ปี ระโยชน์ ไม่มีคณุ คา่ ก็จะกลายเป็นเพยี งเศษใบตองเทา่ นัน้ ตคี วามดา้ นนำ้ เสียง : สนุ ทรภู่ตอ้ งการสะท้อนให้เหน็ ถึงชีวิตท่ีผนั แปรของคนซ่ึงเม่ือก่อนเคย มคี วามสุข มคี นยกยอ่ งให้เกียรติ แตบ่ ัดนี้ต้องมาพบกบั ความทกุ ข์ความขมขนื่ ตามลำพงั สรุปผลการตีความ : เตือนใจให้ผู้อ่านได้ยั้งคิดถึงชีวิตของคนว่า ทุกอย่างไม่แน่นอน พงึ เตรียมใจไว้สำหรับสจั ธรรมขอ้ นีด้ ้วย

เอกสารประกอบการจดั การเรียนรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๒๓ การขยายความ หมายถึง วิธีการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจข้อมูลข่าวสารหรือเรื่องราวต่าง ๆ ทไ่ี ดศ้ ึกษาคน้ ควา้ แปลความ ตีความ อยา่ งมวี ิจารณญาณแลว้ ถา่ ยทอดรายละเอยี ดของข้อมลู เร่ืองราวเพ่ิมเติม มากขึน้ ชดั เจน มีสาระและเหตผุ ล โดยอาศยั เรอื่ งเดิมหรือขอ้ ความที่ปรากฏเปน็ พ้นื ฐาน หลักการพจิ ารณาการขยายความ ๑) ตอ้ งมีความรู้ ความเข้าใจพื้นฐานเกีย่ วกับเร่ืองที่อ่าน ๒) พิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับความคิดหลักในเรื่องนั้น ๆ ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ในเน้ือเรอื่ ง ความร้สู กึ อารมณ์ของผ้เู ขยี นวา่ ผ้เู ขียนมีเจตนาอย่างไรในการเขยี นและมุ่งหวังให้ผู้อ่านตอบสนอง อย่างไร ๓) การเกิดความคิดแทรกและความคิดเสรมิ ๔) การลำดับข้อความที่จะนำมาสนับสนุน ควรเป็นระเบียบ ชัดเจน มีสาระ มีเหตุผล นา่ เชอื่ ถอื ๕) ควรมตี ัวอยา่ งหรอื ขอ้ มูลอ่นื ที่จะทำใหเ้ ร่ืองมนี ้ำหนักเป็นท่ีน่าเชอื่ ถือ วิธกี ารขยายความ ทำไดห้ ลายวิธี ดังนี้ ๑) การกลา่ วถงึ สาเหตแุ ละผลท่สี มั พันธ์กัน ๒) การอธิบายส่ิงทีเ่ กีย่ วข้องกบั เรือ่ งนัน้ เพ่ิมเติม ๓) การคาดคะเน (การอนุมาน) สิ่งที่น่าจะเป็นหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป โดยอาศัยข้อมูล เหตุผลจากเรอ่ื งเดมิ เป็นพื้นฐานการคดิ คาดคะเน ตัวอย่างการขยายความ “ฝนตกหยมิ ๆ ยายฉิมเกบ็ เห็ด” จากข้อความนี้ สามารถขยายความออกไปได้โดยคิดถึงสิ่งที่น่าจะเป็นและใช้เหตุผล ประกอบได้ดังนี้ ๑) หญิงชราชื่อฉิม มีฐานะยากจน เพราะต้องออกไปหาเห็ดแม้ว่าฝนจะตก แกสวมเสื้อผ้า เกา่ ๆ (อาจจะขาดกไ็ ดเ้ พราะยากจน) ๒) ยายฉิมผู้น้อี ย่ตู ามลำพงั เพราะหากมีลูกหลานก็ไม่น่าจะใจร้ายปล่อยให้แกออกไปเก็บเห็ด ตามลำพังขณะฝนตก ๓) ยายฉมิ อาศัยอยู่ในกระทอ่ มชายป่าเพราะเปน็ ภูมิประเทศทส่ี ามารถหาเหด็ ได้ ๔) ขณะที่แกออกไปเก็บเห็ดนั้นเป็นเวลาเช้าตรู่เพราะถ้าสายอาจมีคนอื่นมาเก็บไปก่อน หรือมฉิ ะนั้นดอกเห็ดกจ็ ะบานซงึ่ ไม่เปน็ ทน่ี ิยมท่ีจะรบั ประทาน ๕) เป็นชว่ งฤดูฝน ๖) ยายฉิมน่าจะเก็บเห็ดเพื่อเอาไปขาย เพราะอายุขนาดนั้นคงไม่สามารถทำงานหนัก อย่างอื่นเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองได้และที่ต้องเก็บเห็ดไปขายเป็นการดิ้นรนกระเสือกกระสนเลี้ยงชีพเพราะไม่มี ลกู หลานคอยดูแล “ความโศกเกดิ จากความรกั ความกลัวก็เกิดจากความรกั ผู้ท่ีละความรักเสียได้ ก็ไมโ่ ศกไมก่ ลัว” (พทุ ธภาษิต)

เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๒๔ จากข้อความนี้ สามารถขยายความได้ว่าเมื่อบุคคลมีความรักต่อสิ่งใด หรือคนใด เขากต็ อ้ งการให้สงิ่ นัน้ หรือคนนั้นคงอยู่กับเขาตลอดไป มนุษยโ์ ดยท่ัวไปย่อมจะกลัวว่าสิ่งน้ัน ๆ หรือคนท่ีตนรัก จะสูญหายหรือจากเขาไป ด้วยธรรมดาแล้วทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงและสูญสลายไปตามสภาพการณ์ ถ้าบุคคลรู้ความจริงขอ้ นเี้ ขาก็จะไม่โศกไมก่ ลวั ต่อไป “เหลา่ แมค่ า้ เรือพายร้องขายของ ส่งเสียงรอ้ งซือ้ ได้ไหมจะ๊ ก่อนจะสาย ท้งั ผกั ปลาผลไมส้ วนล้วนมากมาย ดวู ุ่นวายสบั สนเดนิ ชนกนั ” จากข้อความน้ี สามารถขยายความไดโ้ ดยการคาดคะเนอยา่ งมเี หตผุ ลจากความเดมิ ดังนี้ ๑) สถานท่ีขายของมีลักษณะเปน็ ตลาดน้ำ เพราะแม่ค้าพายเรือขายของ ๒) ตลาดขายของเฉพาะช่วงเช้า ไม่ขายตลาดวัน อนุมานได้จากข้อความว่า “ก่อนจะสาย” ซึ่งแสดงวา่ พอสายกห็ ยุดขาย ๓) ข้อความในวรรคที่สาม แสดงว่า การปลูกผัก ผลไม้ ในบริเวณแถบนั้นได้ผลสมบูรณ์ (แม่ค้าน่าจะเก็บผักหรือผลไม้ที่ปลูกในละแวกนั้นมาขาย เพราะต้องมาให้ทันตลาดตอนเช้า หากเก็บมาจากท่ี ไกล ๆ อาจพายเรือไมท่ ันเวลา) ๔) แสดงว่าแม่น้ำลำคลองละแวกน้ันยังดีอยู่ ยังไม่เน่าเหม็น ปลาที่อาศัยอยู่ในแมน่ ้ำลำคลอง ยังมีจำนวนมาก เพราะสามารถจบั มาขายได้ ๕) ผคู้ นท่ีอาศยั อย่ใู นละแวกนนั้ มีเปน็ จำนวนมาก

เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๒๕ คำชแ้ี จง ให้นักเรยี นอ่านคำประพันธ์พร้อมตอบคำถามใหถ้ ูกต้อง ตอนที่ ๑ ให้นักเรยี นอ่านแปลความคำประพนั ธต์ ่อไปนใ้ี ห้ถกู ตอ้ ง ๑. ความรักประเทศผู้ ยอมสละ คำศพั ท์ยาก ................................................................... ทั้งรา่ งและชีวะ ปลดเปลอื้ ง ................................................................... ................................................................... รักษาอิสร- ภาพแหง่ ไทยแฮ ยงยศสยามราชเรื้อง รัฐค้งุ อวสาน แปลความได้ว่า....................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ๒. ฝากอมุ าสมรแมแ่ ล้ ลกั ษมี เลา่ นา คำศัพทย์ าก ทราบสวยมภวู จักรี เกลือกใกล้ ................................................................... เรียมคดิ จบจนตรี โลกล่วง แลว้ แม่ ................................................................... โฉมฝากใจแม่ได้ ยิ่งด้วยใครครอง ................................................................... แปลความไดว้ า่ ....................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ตอนท่ี ๒ ใหน้ ักเรียนพจิ ารณาคำประพันธต์ ่อไปน้ี พรอ้ มตอบคำถามใหถ้ กู ตอ้ ง มอื งานบนลานขยะ ไมก้ วาดเก่ามือกรา้ นกรำงานกวาด หยดุ ยนื ปาดเหงอื่ บา้ งกลางถนน ทำหน้าทีท่ ีท่ ำอยา่ งจำทน เพราะความจนต้อยตำ่ กรรมการ ก้มหน้างุดขุดเขนิ จากงานง่าย เก็บความกระดากอายเอาไวก้ ่อน ภาระมากปากท้องตอ้ งอาทร ไมอ่ าจเกยี่ งเลีย่ งงอนเลือกงานงาม ตาหลบตาหลายคคู่ วามรสู้ กึ เกรงเขานึกรังเกียจมองเหยียดหยาม แมเ้ ขาถ่มทิ้งต่อหนา้ ก็ตาม มิอาจห้ามน้ำใจเขาไดเ้ ลย คนทิ้งท้ิงตามใจได้เกลื่อนกลาด คนตามเกบ็ ตามกวาดก็กวาดเฉย ระเบียบบทกฎหมายไม่คุ้นเคย หากใครเครง่ เขาวา่ เชยจนหน้าชา ศวิ กานต์ ปทุมสตู ิ ๑. คนท่ีประกอบอาชีพกรรมกรมักมปี ัญหาพน้ื ฐานในชวี ติ เรอื่ งใด........................................................................ ๒. เจตนาสำคญั ท่ผี เู้ ขียนมงุ่ ส่ือสารไปยงั ผู้อ่านคือ................................................................................................. ๓. คำประพนั ธท์ ่ีขีดเส้นใต้ นักเรียนสามารถตีความได้วา่ อยา่ งไร ..............................................................................................................................................................................

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๒....เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้วชิ าภาษาไทย(ท๓๒๑๐๑) ๒๖ พจนาพาที ตวั ชี้วัด • อา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้อยา่ งถูกต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกับเรื่องที่อ่าน (ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑) • วเิ คราะห์และวจิ ารณเ์ รือ่ งที่อ่าน ในทุก ๆ ดา้ นอยา่ งมีเหตผุ ล (ท ๑.๑ ม.๔-๖/๓) • มมี ารยาทในการอ่าน (ท ๑.๑ ม.๔-๖/๙) • ใชภ้ าษาเหมาะสมแกโ่ อกาส กาลเทศะ และบคุ คล รวมทั้งคำราชาศัพท์ อยา่ งเหมาะสม (ท ๔.๑ ม.๔-๖/๓) • การวเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์ การวเิ คราะหล์ ักษณะเด่น การประเมินค่า การสังเคราะห์ข้อคิดวรรณคดีเรื่องมัทนะพาธาเพือ่ นำไปประยุกตใ์ ชใ้ น ชวี ติ จริง (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑/2/3/4)

เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๒๗ วิชาภาษาไทย ใบความรทู้ ี่ ๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ ท๓๒๑๐๑ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๒ เร่อื ง การอา่ นจบั ใจความสำคัญ หมายถึง การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของ ข้อความ หรอื เรื่องทีอ่ ่าน เป็นขอ้ ความท่คี ลมุ ขอ้ ความอืน่ ๆ ในย่อหน้าหนึ่ง ๆ ไวท้ ั้งหมด หมายถึง ใจความที่สำคัญและเด่นที่สุดในย่อหน้า เป็นแก่นของย่อหน้าที่สามารถ ครอบคลุมเนื้อความในประโยคอื่น ๆ ในย่อหน้านั้นหรือประโยคที่สามารถเป็นหัวเรื่องของย่อหน้านั้นได้ หากตัดเนื้อความของประโยคอื่นออกหมด หรือสามารถเป็นใจความหรือประโยคเดี่ยว ๆ ได้ โดยไม่ต้องมี ประโยคอื่นประกอบ ซึ่งในแต่ละย่อหน้าจะมีประโยคในความสำคัญเพียงประโยคเดียว หรืออย่างมากไม่เกิน ๒ ประโยค (พน-ละ-ความ) หรือใจความรอง หมายถึง ใจความ หรือข้อความท่ีทำหน้าที่ขยาย ใจความสำคัญให้ชัดเจนขึ้น เด่นขึ้น ถ้าตัดพลความออกไป สารก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งพลความมักจะเป็น การอธิบาย ให้รายละเอียด ให้คำจำกัดความ ยกตัวอย่าง เปรียบเทียบ หรือแสดงเหตุผลอย่างถี่ถ้วน เป็นต้น วิธีการจับใจความมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าจะชอบวิธีใด เช่น การขีดเส้นใต้ การใช้สีต่าง ๆ กัน เพื่อแสดงความสำคัญมากน้อยของข้อความ การบันทึกย่อเป็นส่วนหนึ่งของการอ่านจับใจความสำคัญที่ดี แต่ผู้ที่ย่อควรย่อด้วยสำนวนภาษาและสำนวนของตนเอง ไม่ควรย่อด้วยการตัดเอาข้อความสำคัญมาเรียง ต่อกัน เพราะอาจทำให้ผู้อ่านพลาดสาระสำคัญบางตอนไปอันเป็นเหตุให้การตีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้ วิธีการอ่านจบั ใจความสำคญั มหี ลักดงั นี้ ๑. ต้ังจุดมุ่งหมายในการอา่ นใหช้ ดั เจน ๒. อ่านเรื่องราวอยา่ งครา่ ว ๆ พอเขา้ ใจ และเก็บใจความสำคญั ของแต่ละยอ่ หนา้ ๓. เมอ่ื อ่านจบให้ตง้ั คำถามตนเองวา่ เรอ่ื งท่อี ่าน มใี คร ทำอะไร ทไ่ี หน เม่อื ไหร่ อยา่ งไร ๔. นำส่งิ ทสี่ รุปได้มาเรยี บเรียงใจความสำคัญใหม่ดว้ ยสำนวนของตนเองเพื่อใหเ้ กดิ ความสละสลวย ใจความสำคญั ของข้อความในแตล่ ะยอ่ หน้าจะปรากฏดังนี้ ๑. ประโยคใจความสำคัญอยู่ตอนต้นของยอ่ หน้า ๒. ประโยคใจความสำคญั อยู่ตอนกลางของย่อหนา้ ๓. ประโยคใจความสำคญั อยู่ตอนทา้ ยของย่อหนา้ ๔. ประโยคใจความสำคัญอยู่ตอนต้นและตอนทา้ ยของย่อหน้า ๕. ผ้อู า่ นสรปุ ข้นึ เอง จากการอ่านทงั้ ย่อหนา้ (ในกรณีใจความสำคญั หรือความคดิ สำคัญ อาจอยูร่ วมในความคิดย่อย ๆ โดยไม่มีความคิดท่เี ป็นประโยคหลัก)

เอกสารประกอบการจดั การเรียนรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๒๘ ๑. ใจความสำคญั อยตู่ อนตน้ ย่อหนา้ ความสมบูรณ์ของชีวิตมาจากความเข้าใจชีวิตเป็นพื้นฐาน คือ เข้าใจธรรมชาติ เขา้ ใจความเป็นมนุษย์ และความสัมพันธท์ ี่เก้ือกูลกันระหวา่ งมนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับธรรมชาติ มคี วามรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และธรรมชาติอย่างจริงใจ ๒. ใจความสำคญั อยตู่ อนทา้ ยย่อหนา้ ความเครียดทำให้เพิ่มฮอร์โมนอะดรีนาลีนในเลือด ทำให้หัวใจเต้นเร็ว เส้นเลือดบีบตัว กล้ามเนื้อเขม็งตึง ระบบย่อยอาหารผิดปกติเกิดอาการปวดหัว ปวดท้อง ใจสั่น แข้งขาอ่อนแรง ความเครยี ดจงึ เปน็ ตวั การใหแ้ กเ่ รว็ ๓. ใจความสำคญั อยตู่ อนกลางยอ่ หนา้ โดยทั่วไปผักที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่เกษตรกรมักใช้สารกำจัดศัตรูพืช หากไม่มีความ รอบคอบในการใช้ จะทำให้เกิดสารตกค้าง ทำให้มีปัญหาต่อสุขภาพ ฉะนั้นเมื่อซื้อผักไปรับประทาน จึงควรลา้ งผักด้วยนำ้ หลาย ๆ ครงั้ เพราะจะชว่ ยกำจัดสารตกค้างไปได้บ้าง บางคนอาจแช่ผักโดยใช้ น้ำผสมโซเดยี มไบคาร์บอเนตกไ็ ด้ แต่อาจทำให้วิตามนิ ลดลง ๔. ใจความสำคัญอย่ตู อนต้นและตอนทา้ ยยอ่ หน้า การรักษาศลี เพอื่ บังคับตนเองให้มีระเบียบวนิ ัยในการกระทำทุกส่ิงทุกอย่าง เช่น เรามาอยู่ วัด มานุ่งขาวห่มขาว ไม่ใช่ถือแต่ศีลแปดข้อเท่านั้น แต่เราต้องนึกว่าศีลนั้นคือความมีระเบียบ มีวินัย เราเดินอย่าง มีระเบียบ มีวินัย นั่งอย่างมีระเบียบ กินอย่างมีระเบียบ ทำอะไรก็ทำอย่างมีระเบียบนนั่ เปน็ คนท่ีมศี ลี ถา้ เราไมม่ ีระเบยี บกไ็ ม่มีศีล ๕. ใจความสำคัญไมป่ รากฏในสว่ นใด ต้องสรปุ เอง การเดิน การว่ายน้ำ การฝึกโยคะ การออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ตลอดจน การหายใจลกึ ๆ ล้วนมสี ่วนทำใหส้ ุขภาพแขง็ แรง ใจความสำคญั คอื การทำให้สขุ ภาพแข็งแรงทำไดห้ ลายวิธี

เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๒๙ การอา่ นจับใจความใหเ้ ข้าใจงา่ ย และรวดเรว็ ผอู้ ่านควรมีแนวทางและความรพู้ ื้นฐานดงั นี้ 1. สำรวจส่วนประกอบของหนังสืออย่างครา่ วๆ เช่น ชื่อเรื่อง คำนำ สารบัญ คำชี้แจงการใช้ หนังสือ ภาคผนวก ฯลฯ เพราะส่วนประกอบของหนังสือจะทำให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องหรือหนัง สือ ท่ีอา่ นไดก้ ว้างขวางและรวดเรว็ 2. ตั้งจุดมุ่งหมายในการอ่านได้ชัดเจน เช่น อ่านเพื่อหาความรู้ เพื่อความเพลิดเพลิน หรือเพื่อบอกเจตนาของผู้เขียน เพราะจะเป็นแนวทางกำหนดการอ่านได้อย่างเหมาะสม และจับใจความหรือ คำตอบได้รวดเร็วย่งิ ขึ้น 3. ทำความเข้าใจลักษณะของหนังสือว่าประเภทใด เช่น สารคดี ตำรา บทความ ฯลฯ ซึ่งจะชว่ ยใหม้ ีแนวทางอา่ นจับใจความสำคญั ไดง้ ่ายข้นึ 4. ใช้ความสามารถทางภาษาในด้านการแปลความหมายของคำ ประโยค และข้อความ ตา่ ง ๆ อย่างถกู ตอ้ งรวดเรว็ 5. ใช้ประสบการณ์หรือภูมิหลังเกี่ยวกับเรื่องที่อ่านมาประกอบจะทำความเข้าใจ และจับใจความทอี่ า่ นไดง้ ่ายและรวดเรว็ ขึน้ การอ่านเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการศึกษาหาความรู้ และพัฒนาชีวิต ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดความรู้แล้ว ยังก่อให้เกิด ความสนุกสนานเพลิดเพลิน และส่งเสริมให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ได้ แนวคิด ในการดำเนินชีวิต การอ่านจึงเป็นหัวใจของการศึกษาทุกระดับ และเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้เรื่องต่าง ๆ ผู้อ่านจะต้องอ่านแล้ว จบั ใจความได้ สรปุ สาระสำคัญของเรอ่ื งท่ีอ่านได้ จึงจะถอื ว่าเป็นการอ่านที่ดี และมปี ระสทิ ธิภาพ นักเรยี นรู้จักหลกั การอา่ นแบบ KWL Plus หรอื ไม?่ ... การอ่านแบบปฏิสัมพันธ์ด้วยวิธี KWL-Plus เป็นเทคนิคการสอนการอ่านที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งพัฒนา และเผยแพร่โดย โอเกิล(Donna M. Ogle) ในปี 1986 รูปแบบการสอนประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญ 3 ขั้นตอน คือ Know–Want–Learn (KWL) ต่อมาในปี 1987 คาร์และโอเกิล (Eileen Carr and Donna Ogle) ได้พัฒนารูปแบบ KWL เป็นรูปแบบ KWL-Plus Strategy ด้วยการเพิ่มการทำแผนภูมิบทอ่าน และการสรปุ ความ K = Know หมายถึง ความรู้ทม่ี อี ย่แู ล้ว W = Want to Know หมายถงึ ส่ิงทีต่ ้องการรู้จากการอา่ น L = Learned หมายถึง ส่งิ ทรี่ ู้หลงั จากการอ่าน Plus = หมายถึงการเขยี นแผนภูมิและการเขยี นสรุปความ

เอกสารประกอบการจดั การเรียนรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๓๐ คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนอ่านบทความเร่อื งกลว้ ย ๆ ต่อไปนี้ ผลไม้ใกล้ตัวชนิดหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามคือ กล้วย “เป็นผลไม้ที่มีตลอดปี ราคา ก็ไม่แพง แถมยังมี ประโยชน์มากมาย” คุณคา่ สารอาหารในกลว้ ยหนงึ่ ผล กล้วยเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง ในกล้วย ๑ ผล มีโปรตีนมากกว่าแอปเปิ้ล ๔ เท่า มีวิตามิน และเกลอื แร่ เชน่ วิตามนิ ซี วิตามนิ เอ โพรแทสเซียม แมกนเี ซยี ม และยังมเี สน้ ใยอาหารชว่ ยเรื่องการขับถ่ายได้ เป็นอยา่ งดี แตเ่ ราจะเลือกกนิ กลว้ ยอะไรดี หากกลว้ ยแตล่ ะชนิดนั้นมนี ้ำหนกั เทา่ กนั - กลว้ ยหอมทองมีโปรตีนสงู ชว่ ยใหร้ า่ งกายเตบิ โตและแข็งแรง - กล้วยหกั มกุ มแี คลเซยี มสงู เสริมสรา้ งกระดกู และฟนั - กลว้ ยน้ำวา้ มธี าตเุ หลก็ สูง ช่วยป้องกนั โรคโลหิตจาง - กล้วยไขม่ เี บต้าแคโรทีนสงู ชว่ ยต้านมะเรง็ - กล้วยเล็บมือนางมีฟอสฟอรัสสูง ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ส่วนใครที่มีปัญหาท้องผูก ลองกิน กล้วยสุก ๒-๔ ผล จะช่วยให้ระบบขับถ่าย ทำงานดีขึ้น เพราะกล้วยสุกมีสารเพกทินซึ่งเป็นยาระบายอ่อน ๆ แต่ถ้าแก้ท้องเสีย ควรกินกล้วยดิบฝานบาง ๆ เพราะมีสารแทนนิน ช่วยยับยั้งการเจริญเติมโตของเชื้อ ที่ทำให้ เกิดท้องเสียได้ บางคนที่ชอบกินกล้วยคำโต ๆ เคี้ยวไม่ละเอียด นอกจากจะทำให้ติดคอแล้ว ยังอาจทำให้ ท้องอดื ท้องเฟ้อ เพราะในเนอ้ื กลว้ ยมีแปง้ อยูร่ ้อยละ ๒๐-๒๕ การเคย้ี ว ไม่ละเอียดจึงทำใหก้ ระเพาะอาหารและ น้ำย่อยตอ้ งทำงานหนกั โดยไม่จำเป็น คนไทยโบราณนิยมขูดเนื้อกล้วยบดละเอียดป้อนให้เด็กทารกกิน เพราะกล้วยเป็นผลไม้ที่ย่อยง่าย สว่ นคนหนุม่ สาว กล้วยก็เหมาะเป็นอาหารลดน้ำหนัก เพราะมคี ุณคา่ ทางอาหารสูงพอ ๆ กับมนั ฝรัง่ แต่มีไขมัน และโคเลสเตอรอลต่ำ กล้วยจึงเปน็ ผลไม้มากคุณค่าทน่ี ่าซ้อื หาตดิ บ้านไว้กินรองทอ้ งเวลาหวิ ไดเ้ ป็นอย่างดี (ทมี่ า : http://www.theactkk.net/home/homenew1/DetailsNews.asp)

เอกสารประกอบการจดั การเรียนรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๓๑ ตอนที่ ๑ คำชี้แจง : ให้นักเรียนเตมิ คำตอบจากการอา่ นเรอื่ งต่อไปนีใ้ หส้ มบรู ณ์ สง่ิ ท่รี กู้ อ่ นอ่าน

เอกสารประกอบการจดั การเรียนรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๓๒ ตอนท่ี 2 สรรพคณุ คำชี้แจง : ให้นกั เรียนเตมิ คำตอบจากการอา่ นต่อไปนี้ใหส้ มบรู ณ์ ๑. นกั เรียนบอกคณุ คา่ สารอาหารของกล้วยตามทก่ี ำหนดลงในตาราง ชนดิ สารอาหาร กลว้ ยนำ้ วา้ กลว้ ยไข่ กลว้ ยหอมทอง กลว้ ยหกั มุก กลว้ ยเลบ็ มือนาง ๒. ผู้ทม่ี ีอาการท้องผกู ควรรับประทานกล้วยแบบใด เพราะอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓. สารเทนนินในกล้วยดิบมีสรรพคุณอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. สรปุ ใจความสำคัญของเร่ือง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

เอกสารประกอบการจดั การเรียนรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๓๓ ตอนท่ี ๓ ให้นกั เรียนพจิ ารณาข้อความต่อไปนี้ พร้อมระบุวา่ ใจความสำคัญอยู่ส่วนใด ๑. ลกั ษณะของการเรยี นสายสามัญจะมุ่งเน้นด้านวิชาการมากกว่าการเรียนสายอาชีพ วิชาที่เรียนจะเน้น การฝึกทักษะการคิด วิเคราะห์สร้างองค์ความรู้เพื่อใช้ต่อยอดในการเรียนต่อระดับอุดมศึกษา ในขณะที่ การเรียนสายวิชาชีพจะเน้นการฝึกทักษะด้านต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการประกอบอาชีพ การเรียนสาย อาชพี จึงให้ความสำคัญด้านวิชาน้อยกว่าการเรียนสายสามัญ ใจความสำคัญอยูส่ ่วนใด ๒. ปลาหางนกยูงเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี ทั้งยังขยายพันธุ์รวดเร็ว ท่ี สำคัญที่สุดปลาหางนกยูงเป็นปลาที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้ใส่ไว้ในแหล่งน้ำต่าง ๆ เพื่อกำจัดลูกน้ำ ยุงลาย ปลาหางนกยูงจึงเป็นปลาสวยงามท่ีคนนยิ มเลย้ี งกนั มาก ใจความสำคญั อยู่ส่วนใด ๓. บรเิ วณสวนพฤกษศาสตรม์ ไี ม้ดอกไม้ประดับหลายชนิดปลกู ไวใ้ ห้ไดช้ ่ืนชม เพราะเป็นสถานทท่ี ่รี วบรวม พันธุ์ไม้นานาชนิดไว้ให้ผู้ที่สนใจและนักท่องเที่ยวได้ศึกษาถึงสายพันธุ์ หรือถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ทั้งยังเป็นการ ดำรงสายพันธ์ุพชื เหลา่ น้นั ให้คงอยู่ จงึ สามารถพบเหน็ ไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกกนั ทว่ั ไปตามบ้านเรือน รวมทั้งท่ี หาชมได้ยาก เชน่ ตน้ ดองดึงส์ หรือแม้แตต่ น้ จันทนผ์ าทห่ี ายากและมรี าคาแพงก็มีปลกู ไว้ท่นี ี่เช่นกนั ใจความสำคัญอยู่สว่ นใด ๔. หลายคนเข้าใจว่า การแสดงความสงสารผู้ที่พิการ ด้วยการสงเคราะห์ให้เงินหรือให้ความช่วยเหลือ ประหนึ่งว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลยนั้น เป็นสิ่งที่สมควรกระทำ แต่นั่นไม่ถูกต้อง ผู้พิการไม่ปรารถนาให้คนทั่วไปมองพวกเขาแบบนั้น ขอให้เข้าใจ ให้โอกาสประกอบอาชีพสุจริตตามอัตภาพ และให้พวกเขาใช้ชีวิตร่วมกับคนปกติ เพราะสิ่งเหล่านั้นจะทำให้พวกเขาดูมีคุณค่า ไม่สร้างความรู้สึกบั่นทอน จติ ใจให้รสู้ ึกว่าตนเองอยอู่ ยา่ งไร้ค่า และไมเ่ ปน็ ที่ต้องการของคนในสงั คม ใจความสำคัญอยู่สว่ นใด ๕. การลดจำนวนรถบนท้องถนนให้น้อยลงโดยการใช้บริการรถสาธารณะ ที่จัดไว้บริการเป็นวิธีการ แก้ปัญหาการจราจรที่ทุกคนควรตระหนักรู้ รัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันรณรงค์ผ่านสื่อต่าง ๆ หรือแม้แต่ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือตามสถานที่ต่าง ๆ แต่ก็ไม่เป็นผล คนส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะ เดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถยนต์ส่วนตวั เช่นเดิม เพียงเพราะความสะดวกสบายเป็นส่วนตัวรวมถึงการปฏบิ ัติ กิจกรรมต่าง ๆ ในรถสว่ นตัวกส็ ะดวกกวา่ รถสาธารณะ ใจความสำคัญอยสู่ ว่ นใด

เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๓๔ วชิ าภาษาไทย ใบความรทู้ ี่ ๒ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๕ ท๓๒๑๐๑ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๒ เรือ่ ง ระดบั ภาษา นอกจากจะเข้าใจการใช้คำให้ตรงกับความต้องการแล้วยังจะต้องใช้คำ เหมาะสมกับฐานะ บุคคล โอกาส และกาลเทศะด้วย เช่น ในโอกาสงานพิธี ในที่ประชุม หรือในที่สาธารณะ สถานการณ์เหล่านี้ย่อมใช้ระดับภาษาที่แตกต่างกัน จึงควรทำความเข้าใจในเรื่องระดับของภาษา และใชภ้ าษาระดับตา่ ง ๆ ให้ถกู ตอ้ งเพอ่ื ใหก้ ารสื่อสารมีประสิทธิผล ในการแบ่งระดับภาษานั้น ในตำราบางเล่มอาจแบ่งออกได้ ๒ ระดับ คือ ระดับที่เป็นแบบแผน และระดับที่ไม่เป็นแบบแผน บางเล่มอาจแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ คือ ระดับพิธีการ ระดับกึ่งพิธีการ และระดับ ไม่เป็นทางการ แต่ในที่นี้ จะแบ่งระดับภาษาไทยให้ละเอียดขึ้นไปอีก โดยจะแบ่งออกเป็น ๕ ระดับ คือ ระดับพธิ ีการ ระดับทางการ ระดับกึ่งพธิ กี าร ระดบั ไม่เปน็ ทางการ และระดับกันเอง ดังรายละเอยี ดต่อไปน้ี ๑. ภาษาระดบั พธิ ีการ ภาษาระดับพิธีการ เป็นภาษาที่ใช้ในที่ประชุมที่จัดเป็นพิธีการ เช่น ในการเปิดประชุมสภา การกล่าวรายงานในพธิ มี อบปริญญาบตั ร การกล่าวเปดิ งานและปิดงานพธิ กี าร เป็นตน้ ๑.๑ ผู้สง่ สารและผู้รับสาร ผู้ส่งสารมักเป็นบุคคลสำคัญหรือมีตำแหน่งสูง ส่วนผู้รับสารมักเป็นบุคคลในวงการ เดยี วกัน หรอื อาจเปน็ กลุ่มคนสว่ นใหญซ่ ึ่งอาจเป็นประชาชนทงั้ ประเทศ ๑.๒ ความสมั พันธ์ระหว่างผู้ส่งสารและผรู้ ับสาร ส่วนใหญ่ผู้ส่งสารจะเป็นผู้กล่าวฝ่ายเดียว ไม่มีการโต้ตอบหรือมีคำถามจากกลุ่ม ผู้รับสาร นอกจากจะเป็นการกล่าวตอบที่กระทำอย่างเปน็ พิธีการในฐานะตัวแทนของกลมุ่ เท่านนั้ ๑.๓ ลกั ษณะของสาร ลักษณะของสารจะมีลักษณะเป็นพิธีรีตอง เป็นทางการ มีความจริงจังโดยตลอด ใช้ถ้อยคำที่เลือกเฟ้นว่าสละสลวย ก่อให้เกิดความรู้สึกจรรโลงใจเป็นส่วนใหญ่ ผู้ส่งสารจึงต้องเตรียมการมา ลว่ งหนา้ และมักจะนำเสนอดว้ ยการอ่าน ตวั อยา่ ง - บา้ นเมืองไทยเรา ดำรงมน่ั คงมาช้านาน เพราะคนไทยมคี วามพรอ้ มเพรียงอันเข้มแข็ง - การแสดงมุทิตาจิตและอวยพรให้แก่ข้าพเจ้าเป็น สมานฉนั ทเ์ พ่ิมความปิติยนิ ดใี หก้ ับข้าพเจ้า - กราบเรียน พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธาน องคมนตรีและรัฐบุรุษในนามของราชบัณฑิตยสถาน กระผมมีความ ปลาบปลื้มยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษได้ กรุณามาเป็นประธานในพิธีเปิดงานฉลองวันสถาปนา ราชบัณฑติ ยสถาน

เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๓๕ ๒. ภาษาระดบั ทางการ ภาษาระดับทางการ เป็นภาษาที่ใช้ในโอกาสต่าง ๆ เช่น บรรยายหรืออภิปรายอย่างเป็น ทางการในที่ประชุม ใช้ในการเขียนข้อความที่จะให้ปรากฏต่อหน้าสาธารณชนอย่างเป็นงานเป็นการ ใชเ้ ขยี นหนงั สือทต่ี ิดตอ่ กับทางราชการหรือในวงการธุรกิจ เป็นต้น ๒.๑ ผู้สง่ สารและผู้รบั สาร ผู้ส่งสารและผู้รับสารมักเป็นบุคคลในวงการหรืออาชีพ เดียวกัน มีหน้าที่และภารกิจโดยตรงเกี่ยวกับธุรกิจหรือวิชาการใน ดา้ นนัน้ ๆ ๒.๒ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งผู้สง่ สารและผู้รับสาร สัมพันธภาพระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นไปในด้านธุรกิจและ การงาน เช่น บอกหรือรายงานให้ทราบ ให้ความรู้เพิ่มเติม เสนอความคิดเห็น อาจโต้ตอบซักถามได้ใน ระยะเวลาท่ีจำกดั ไว้ให้ ซึ่งมกั จะเป็นช่วงเวลาหลังจากผสู้ ่งสารกล่าวเรยี บร้อยแลว้ ๒.๓ ลกั ษณะของสาร เนื้อหาของสารมีลักษณะเจาะจงเกี่ยวกับธุรกิจหรือความรู้ความคิดที่มีความสำคัญเป็นที่ น่าสนใจ การใช้ถ้อยคำมักตรงไปตรงมา มุ่งเข้าสู่จุดประสงค์ที่ต้องการโดยเร็ว การใช้ภาษาเน้นการสื่อสารให้ ได้ผลตามจุดประสงค์ โดยประหยัดถ้อยคำ ประหยัดเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สารชนิดนี้จึงไม่อาจใช้ ถอ้ ยคำฟ่มุ เฟือยหรือเลน่ คำแพรวพราวได้ ตัวอย่าง - ในอนาคตแผ่นดินไหวจะเกิดขน้ึ และรุนแรงมากขึ้น เพราะแผ่นดนิ ไหวแต่ละคร้งั มผี ลกระทบ ต่อเปลือกโลก - การประชุมวิชาการเรื่องโรคอ้วนครั้งน้ี จัดขึ้นเนื่องจากโรคอ้วนเปน็ ปัญหาทางสขุ ภาพที่ทุก ประเทศท่ัวโลกกำลงั ประสบอยู่ ๓. ภาษาระดบั ก่งึ ทางการ ภาษาระดบั นี้คล้ายกับภาษาระดับทางการ แตล่ ดความเป็นทางการลงเพื่อแสดงความใกล้ชิด ระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารให้มากขึ้น เช่น การประชุมกลุ่ม การอภิปรายกลุ่ม การบรรยายในห้องเรียน ใช้เขียนข่าวและบทความในหนงั สอื พิมพ์ เปน็ ต้น ๓.๑ ผู้ส่งสารและผรู้ ับสาร ผูส้ ่งสารและผ้รู ับสารมีสมั พันธภาพใกล้ชิด ความเปน็ งานเป็นการลดลง อาจมกี ารโต้ตอบหรอื แลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกันเป็นระยะ ๆ ๓.๒ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างผ้สู ่งสารและผ้รู ับสาร สัมพันธภาพระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร มีความใกล้ชดิ กันยิ่งขน้ึ ลดความเปน็ การเป็นงานลง ๓.๓ ลกั ษณะของสาร ทั้งการพูดและการเขียนมักใช้ถ้อยคำสำนวนภาษาที่ทำให้เกิดความคุ้นเคยกันมาก ขึ้น เนื้อหามักเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับความรู้ทั่วไป การแสดงความคิดเห็นเชิงวิชาการหรือเกี่ยวกับการดำเนิน

เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๓๖ ชีวิต หรือเกี่ยวกับธุรกิจ ใช้ศัพท์ทางวิชาการเท่าที่จำเป็น เพื่อผู้ฟังและผู้อ่านได้เข้าใจตรงตามจุดประสงค์ของ ผสู้ ่งสาร ตัวอยา่ ง - คนไทยขาดความมัน่ ใจและศรัทธาในความกล้าหาญของนายก - ไม่เคยแมส้ ักคร้งั ที่ไปถงึ เมอื งไหนแล้ว จะไม่ได้ออกไปชมบรรยากาศยามเชา้ ของเมืองน้นั ๔. ภาษาระดบั ไม่เปน็ ทางการ ภาษาระดับนเี้ ปน็ ภาษาทใ่ี ชใ้ นการสนทนาโต้ตอบระหว่างบคุ คลหรือกลุ่มคนเพยี ง ๔ - ๕ คน ในสถานที่หรือกาลเทศะที่ไม่เป็นส่วนตัว เช่น การเขียนจดหมายระหว่างเพื่อน การรายงานข่าว การเสนอ บทความในหนังสือพมิ พ์ เปน็ ตน้ ๔.๑ ผ้สู ง่ สารและผ้รู บั สาร ผสู้ ง่ สารและผูร้ บั สารอาจเป็นคนรู้จักกัน อาจเปน็ บุคคลที่อยู่ในวงการอาชีพเดียวกัน หรอื อาจประกอบธรุ กิจเดียวกัน ๔.๒ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างผู้ส่งสารและผู้รบั สาร สัมพันธภาพระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร เป็นไปด้วยความเป็นกันเอง เช่น สนทนาระหว่างเพื่อน การเขียน จดหมายระหว่างเพื่อน การรายงานข่าวหรือการเสนอบทความใน หนังสือพมิ พ์ ๔.๓ ลกั ษณะของสาร ม ั ก เ ป ็ น เ ร ื่ อ ง ท ั่ ว ๆ ไ ป ใ น ก า ร ด ำ เนิน ชีวิตประจำวัน อาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิ จต่าง ๆ รวมไปถึง การปรกึ ษาหารือร่วมกัน เนอื้ หาไมจ่ ำกัดอยู่ในเร่ืองวชิ าการเท่านนั้ ถอ้ ยคำสำนวนภาษาที่ใช้อาจมีถ้อยคำที่เคย ใชก้ นั เฉพาะกลุ่มก็ได้ ตัวอย่าง - กวินเธอเปน็ คนซือ่ สัตย์ ใคร ๆ ก็ปลม้ื เธอในเรอ่ื งน้ี - ความตั้งใจในการเดินทางของผมครั้งนี้ขึ้นอยู่ที่การหาเส้นทางซอกแซกไปที่น้ำตก ของอทุ ยานแหง่ ชาติเขาใหญ่ ๕. ภาษาระดับกนั เอง ภาษาระดับนี้เป็นภาษาที่ใช้กันในครอบครัว เพื่อนสนิท ซึ่งพูดจากันในเรื่องใดก็ได้ ใช้ในการพดู ไม่นยิ มบันทึกเป็นลายลกั ษณ์อักษร อาจเป็นภาษาเฉพาะกลุม่ ในท้องถิ่น ๕.๑ ผู้ส่งสารและผูร้ ับสาร ผู้ส่งสารอาจเปน็ สมาชิกในครอบครัว ญาตพิ ีน่ ้อง หรอื เพอ่ื นสนทิ สนม ๕.๒ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งผู้ส่งสารและผู้รบั สาร สัมพันธภาพระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสารเป็นไปด้วยความเป็นกันเอง รักใคร่ สนิทสนม

เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๓๗ ๕.๓ ลักษณะของสาร เนื้อหาของสารไม่มีขอบเขตจำกัด จะพูดจากันได้ทุกเรื่อง ภาษาระดับนี้ไม่นิยม บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ยกเว้นในนวนิยายและ เรื่องสั้นบางตอนที่ต้องการให้สมจริง ถ้อยคำ สำนวนที่ ใช้อาจจะมีคำคะนองที่ใช้กันเฉพาะกลุ่มหรืออาจใช้คำ ภาษาถิ่น เช่น ชอบทำตัวเป็นสาวไดอยู่เรื่อย (ได หมายถึง ไดโนเสาร์คือโบราณ ) ชอบทำอะไรเฟอะฟะ อยู่เรื่อย ( เฟอะฟะ หมายถึง แสดงกริยาไม่น่าดู) จะมี คำขานรับและคำลงท้าย ได้แก่ คะ ครับ ซินะ เถอะ รวมทั้งออกเสียงคำบางคำตามภาษาปาก เช่น ยังง้ี ยังงั้น นิยมใช้คำอุทานเสริมบทในการพูดด้วย เช่น กินหยกู กนิ ยา อาบน้ำอาบท่า เสอื้ ผง้ เสอ้ื ผา้ ในการใช้ภาษาระดับกันเอง แม้เป็นภาษาที่ไม่เป็นทางการก็ตาม ผู้ส่งสารควร คำนึงถึงความเหมาะสม ดังทีพ่ ระยาอปุ กิตศลิ ปสารไดก้ ล่าวไวเ้ กี่ยวกับคำสุภาพว่า - ไม่ใช้คำกระด้าง แสดงความไม่เคารพ เช่น อุทานว่า หือ อือ เออ โวย เป็นต้น - ไม่ใชก้ ารพดู กระชากเสียงห้วน เชน่ เปล่า ไม่รู้ ไม่มี ไมใ่ ช่ - ไมใ่ ชค้ ำหยาบ ได้แกค่ ำว่า ไอ้ อี ออื ข้ี เยี่ยว หรอื กลา่ วคำดา่ รวมท้ังคำพูดคำผวน ที่ส่อื ความหมายโดยนัยเก่ียวกับเรอ่ื งเพศ เปน็ ตน้ ตวั อย่าง - เธอนี่มนั สตรอวเ์ บอร์รีจ่ รงิ ๆ - ผู้หญิงที่ปล่อยให้พุงพลุ้ยเป็นพะโล้อย่างนี้ นอกจากจะดูไม่ได้แล้วยงั จะตายไวดว้ ย - เย็นนรี้ ีบกลบั มากนิ แกงสายบวั พรกิ สดกับกุง้ นะลูกนะ ๑. โอกาสและสถานท่ี ปัจจัยที่ทำให้ใช้ภาษาต่างระดับกันอยู่ที่โอกาสและสถานที่ ถ้าสื่อสารกับบุคคลกลุ่มใหญ่ในที่ ประชมุ กจ็ ะใช้ภาษาระดับหนึ่ง ถ้าพูดกันในตลาดร้านคา้ ภาษาก็ต่างระดับกนั ออกไป ๒. สัมพนั ธภาพระหวา่ งบคุ คล บุคคลมีสัมพันธภาพหลายลักษณะ เช่น บุคคลที่ไม่เคยรู้จัก บุคคลท่ีเพิ่งรู้จัก บุคคลที่เป็น เพื่อนสนิท ดังนั้นสัมพันธภาพก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ใช้ภาษาต่างระดับกัน แต่อย่างไรก็ตามต้องยึดหลัก พิจารณาโอกาสและสถานที่ด้วย เช่น บุคคลที่เป็นเพื่อนสนิทเมื่อพูดกันในที่ประชุมย่อมไม่อาจใช้ภาษาระดับ เดียวกบั ท่เี คยใช้เมื่อสนทนากนั ตามลำพงั ๓. ลักษณะของเน้อื หา เนื้อหาย่อมขึ้นอยู่กับโอกาสไม่น้อย เช่น เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว ก็ไม่ควรนำไปใช้กับ ภาษาระดับพิธกี ารหรอื ทางการ ๔. ส่ือทใี่ ชใ้ นการส่ือสาร สื่อที่ใช้ก็ทำให้ภาษาเปลี่ยนระดับได้ เช่น จดหมายปิดผนึกกับไปรษณียบัตร การพูดปากต่อ ปาก การพดู ด้วยเครอื่ งขยายเสยี ง การพดู ทางวิทยุหรอื ทางโทรทัศน์ ระดับภาษาท่ใี ช้ย่อมแตกต่างกัน

เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๓๘ ๑. การแบ่งระดับภาษาไม่เป็นการตายตัว ภาษาแต่ละระดับอาจมีการเหลื่อมล้ำคาบเกี่ยวกันบ้าง เช่น ภาษาระดับทางการกับภาษาระดับกึ่งทางการ หรือภาษาระดับกึ่งทางการกับภาษาระดับไม่เป็นทางการ หรอื ภาษาระดบั ไม่เปน็ ทางการกบั ภาษาระดบั กนั เอง ๒. ภาษาทั้ง ๕ ระดับ ไม่มีโอกาสใช้พร้อมกัน ระดับภาษาที่ใช้มาก คือ ภาษาระดับกึ่งทางการกับ ภาษาระดับไม่เป็นทางการ ส่วนภาษาระดับพิธีการมีโอกาสใช้น้อย และบางคนไม่นิยมใช้ภาษาระดับกันเอง ๓. ภาษาบางระดบั ใช้แทนทกี่ นั ไมไ่ ด้ ๔. การใชภ้ าษาผดิ ระดับเปน็ ผลเสียต่อการสือ่ สาร ๕. การใช้ถอ้ ยคำในภาษาจะตอ้ งแตกตา่ งกันไปตามระดับภาษาต่าง ๆ เช่น ๕.๑ คำสรรพนาม ภาษาระดบั พิธกี าร ระดับทางการ และระดับก่ึงทางการ ย่อมใชส้ รรพนาม บรุ ุษที่ ๑ และสรรพนามบรุ ษุ ท่ี ๒ ตา่ งกับภาษาระดับไมเ่ ปน็ ทางการและระดับกันเอง ๕.๒ คำนาม คำสามานยนามหลายคำใช้คำแตกต่างกนั ระหวา่ งภาษาระดับทางการข้ึนไปและ ระดับต่ำกวา่ ทางการ เช่น โรงหนัง - โรงภาพยนตร์ ใบขับข่ี - ใบอนุญาตขับรถ รถเมล์ - รถประจำทาง แสตมป์ - ดวงตราไปรษณียากร งานแตง่ งาน - งานมงคลสมรส นอกจากนี้ คำวิสามานยนามในภาษาระดบั ทางการขนึ้ ไปต้องใช้ชอื่ เต็ม ๕.๓ คำกรยิ า ใชต้ ่างกนั ในระดับตา่ ง ๆ เชน่ คำกริยากรยิ าคำว่า ตาย ใช้ตา่ งกันตามฐานะของ บุคคลและโอกาส คือ เสีย สิ้น ถึงแก่กรรม ถึงแก่อนิจกรรม ถึงแก่อสัญกรรม สิ้นชีพตักษัย สิ้นพระชนม์ สวรรคต มรณภาพ ๕.๔ คำวิเศษณ์ ภาษาระดับทางการขึ้นไปไม่นิยมใช้คำวิเศษณ์บอกลักษณะและวิเศษณ์บอก ปรมิ าณ เชน่ เปรีย้ วจีด๊ ขมป๋ี ย้มิ แฉง่ ยงุ่ จงั จะมใี ช้บา้ งบางคำ เชน่ มาก หรอื จดั ๕.๕ คำชนิดอื่น ๆ เช่น คำลงท้ายประโยค คะ ครับ ซิ นะ เถอะ ใช้เฉพาะในระดับไม่เป็น ทางการและระดับกันเอง ตวั อยา่ ง เปรียบเทียบภาษาระดับทางการและภาษาระดับไม่เป็นทางการและระดบั กันเอง พ่อ แม่ บิดา มารดา บัสเลน ชอ่ งเดนิ รถประจำทาง หมู เวยี นหวั สกุ ร อว้ ก เวยี นศีรษะ อาเจยี น

เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ วชิ าภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๓๙ คำชี้แจง : ใหน้ กั เรียนวเิ คราะห์ขอ้ ความตอ่ ไปน้ี พร้อมระบุระดบั ภาษาใหเ้ หมาะสม ๑. “ขอพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราช จงคุ้มครองประเทศชาติและประชาชาว ไทยให้ผ่านพ้นพิบัติทั้งปวง อริราชศัตรูภายนอกอย่าล่วงเข้าทำอันตรายได้ ศัตรูหมู่พาลภายในให้วอดวายพ่าย แพ้ภัยตัว บันดาลความสุขความมั่นคงให้บังเกิดทั่วมณฑล บันดาลความร่มเย็นแก่อเนกนิกรชนครบคามเขต ขอบขัณฑสีมา” .......................................................................................................... .................................................................... ๒. “ช่วงเรียนอยู่ในระดบั มัธยม ผู้ที่มีความขยันมุ่งมั่นจะเข้ามหาวทิ ยาลัยใหไ้ ด้จะไม่สนใจสิ่งแวดลอ้ มรอบกาย ทงั้ สิ้น ยกเว้นสง่ิ ทเ่ี ขาคิดวา่ จะสามารถทำให้เขาสอบเข้ามหาวิทยาลยั ได้ ชวี ติ นกั เรียนมัธยมจึงมีแต่ติว ติว และ ติว กีฬาฉันไม่เล่น กิจกรรมฉันไม่มีเวลาทำ และยิ่งห้องสมุด ฉันไม่ทราบว่าจะเข้าไปทำไม เพราะเวลาทั้งหมด จะตอ้ งใชท้ อ่ งตำราอย่างเดียว แลว้ กม็ กั จะประสบความสำเรจ็ ตามท่คี ดิ เสยี ดว้ ย คอื สอบเขา้ มหาวทิ ยาลัยได้” .............................................................................................................................................................................. ๓. “เฮ้ย! ใครเอาหมาตายมาโยนไว้ในวัดวะ เหม็นวายร้ายเลย” อีกคนหนึ่งค้านว่า “ข้าไม่เห็น มีหมานี่หว่า” แหงนหนา้ ขึน้ ทำจมกู ยน่ “ปู่บุญแกคงทำกับข้าวทิ้งไว้จนบดู เหม็นเนา่ ละ่ ม้งั ” ............................................................................................................................. ................................................. ๔. “แพทย์หญิงรุ่นพี่นี้หนังเหนียวดีจริง แก่เร็วตายยากกว่าแพทย์ชายถึง ๒ เท่า แพทย์รุ่นนี้ชอบกลที่พญา มจั จุราชชอบแพทย์ชายมากกว่า ผิดปกตจิ ริง ๆ แพทยช์ ายตายไปแล้ว ๑๒ คน แพทยห์ ญิงตายไปเพยี ง ๒ คน” ............................................................................................................................................................................ ๕. “บทละครไทยเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของวรรณกรรมไทย บทละครของไทยเป็น วรรณกรรมที่ประพันธ์ขึ้นทั้งเพื่ออ่านและเพื่อแสดง รูปแบบที่นิยมกันมาแต่เดิม คือ บทละครรำ ต่อมามีการปรับปรุงละครรำให้ทันสมัยขึ้นตามความนิยมแบบตะวันตก จึงมีรูปแบบใหม่เกิดขึ้น ได้แก่ ละครดึกดำบรรพ์ ละครพันทาง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี การรับรูปแบบละครจากตะวันตกมาดัดแปลงให้เข้ากับสังคมไทยและวัฒนธรรมไทย ทำให้การละครไทยพัฒนาข้นึ โดยมีกระบวนการแสดงทแ่ี ตกต่างไปจากละครไทยท่มี ีอยู่มา เป็นละครรอ้ ง ละครพดู และละครสงั คีต” ............................................................................................................................................

เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้ วิชาภาษาไทย (ท๓๒๑๐๑) ๔๐ คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ใี ห้ถกู ตอ้ ง ๑. ให้นักเรียนเล่าเรื่องย่อบทละครพูดคำฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกลา้ เจ้าอย่หู วั .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๒. จากบทละครพูดคำฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา พอจะอนุมานความทุกข์ของตัวละครได้ว่า สุเทษณ์เป็นทุกข์ เพราะไม่สมหวังในความรัก จัณฑีเป็นทุกข์เพราะสามีหมดรัก มัทนาเป็นทุกข์เพราะจากสามีที่รัก ส่วนชัยเสน เป็นทุกข์เพราะสูญเสียนางที่รัก นักเรียนคิดว่าใครน่าจะเป็นคนที่ทุกข์ที่สุด เพราะเหตุใด และจะปรับเปลี่ยน เน้ือเร่ืองอย่างไรจงึ จะไม่เกดิ ความทกุ ข์ดังกล่าว .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๓. บทละครพดู คำฉนั ท์ เรื่อง มทั นะพาธา ถือได้ว่าเปน็ วรรณคดแี นว “โศกนาฏกรรม” (tragedy) เพราะเหตุใด พร้อมท้ังให้นกั เรยี นยกตัวอยา่ งวรรณกรรม หรอื วรรณคดที มี่ เี น้ือเร่ืองแนวดังกลา่ วมาอยา่ งน้อย ๓ เร่อื ง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๔. ให้นักเรียนอธบิ ายความหมายของ “คำครุ-คำลหุ” ให้ถกู ตอ้ ง พรอ้ มยกตัวอยา่ งประกอบให้ชัดเจน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๕. จากการอ่านวรรณคดีบทละครพูดคำฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัว สะท้อนแนวคิดเรื่องใด และหากนักเรียนได้ประสบกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ดังกล่าว นกั เรียนจะมีวิธกี ารจัดการปญั หาดังกล่าวอยา่ งไร ......................................................................................................................................... ..................................... .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓....เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย(ท๓๒๑๐๑) ๔๑ ชวี ที ี่มีคุณธรรม ตวั ชี้วดั • อา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้อย่างถกู ต้อง ไพเราะ และเหมาะสมกบั เรื่องทีอ่ ่าน (ท ๑.๑ ม.๔-๖/๑) • วเิ คราะห์ วิจารณ์ แสดงความคดิ เห็นโต้แย้งกบั เรือ่ งทีอ่ ่าน และเสนอความคดิ ใหม่ อย่างมีเหตผุ ล (ท ๑.๑ ม.๔-๖/๕) • เขียนส่อื สารในรปู แบบตา่ ง ๆ ได้ ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ โดยใชภ้ าษาเรียบเรียงถกู ต้อง มขี ้อมูล และสาระสำคัญชัดเจน (ท ๒.๑ ม.๔-๖/๑) • มมี ารยาทในการเขียน (ท ๒.๑ ม.๔-๖/๘) • พูดในโอกาสตา่ ง ๆ พดู แสดงทรรศนะ โตแ้ ยง้ โนม้ นา้ วใจ และเสนอแนวคิดใหมด่ ้วย ภาษาถูกตอ้ งเหมาะสม (ท ๓.๑ ม.๔-๖/๕) • มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพูด (ท ๓.๑ ม.๔-๖/๖) • ใชค้ ำและกล่มุ คำสรา้ งประโยคตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ (ท ๔.๑ ม.๔-๖/๒) • แตง่ บทร้อยกรองประเภทรา่ ยสุภาพ (ท ๔.๑ ม.๔-๖/๔) • การวเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์ การวเิ คราะห์ลกั ษณะเดน่ การประเมินคา่ การสังเคราะห์ ข้อคิดวรรณคดีเรื่องรา่ ยยาวมหาเวสสันดรชาดก ตอน กณั ฑม์ ัทรี เพอ่ื นำไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ (ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑/2/3/4)