Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Community Nursing 2 (1,3,5,6)_6231901108

Community Nursing 2 (1,3,5,6)_6231901108

Published by Jutharat JK, 2021-12-02 02:23:36

Description: Community Nursing 2 (1,3,5,6)_6231901108

Keywords: ทฤษฎีครอบครัว,การพยาบาลครอบครัว,การพยาบาลชุม,community nurse,หลักการเยี่ยม,พัฒนาการครอบครัว

Search

Read the Text Version

5 ทฤษฎีการพยาบาลและ รูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพที่เกี่ยวข้อง (Nursing theories and Health Promotion models) ทฤษฎี/รูปแบบ แนวคิดโดยสรุป ทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็ม 1. บุคคล เป็นองค์รวมที่เป็นระบบเปิด และเป็นพลวัตร มีศักยภาพใน (Orem’s Self-Care Deficit การกระทำอย่างจงใจและมีเป้าหมาย มีความสามารถในการเรียนรู้ Theory เกี่ยวกับตนเองและสามารถวางแผนระบบระเบียบ 2. สิ่งแวดล้อม คือสิ่งที่ไม่สามารถแยกจากบุคคลได้มีปฏิสัมพันธ์กับ รูปแบบจำลองข้ามทฤษฎี บุคคลตลอดเวลา สิ่งแวดล้อมอาจมีผลกระทบทั้งทางบวกและทาง หรือระยะการเปลี่ยนแปลง ลบต่อชีวิตสุขภาพ ของบุคคล ครอบครัว ชุมชน พฤติกรรม 3. สุขภาพ เป็นภาวะที่มีความสมบูรณ์ของโครงสร้างการทำหน้าที่ (Transtheoretical model) ของกายและจิต 4. การพยาบาล เป็นการสนับสนุนให้บุคคลมีความสามารถในการ ดูแลตนเอง เป็นการกระทำเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการดำรงไว้ซึ่งการ มีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี กระบวนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคคลเป็นกระบวนการที่ ต้องใช้เวลา ตัวบุคคลต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้ และความรู้สึก ผูกพันทางอารมณ์ก่อนที่บุคคลนั้นจะยอมรับพฤติกรรมใหม่ที่เหมาะ สมกว่า องค์ประกอบที่สำคัญของแบบจำลองออกเป็น 4 องค์ประกอบ คือ 1) ระยะการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม 2) กระบวนการเปลี่ยนแปลง 3) ดุลยภาพในการตัดสินใจ 4) สมรรถนะของตนเอง การส่งเสริมสุขภาพควรสอดคล้องกับระยะพฤติกรรม ได้แก่ 1) ระยะไม่สนใจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม 2) ระยะลังเลใจ 3) ระยะเตรียมตัววางแผนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 4) ระยะลงมือปฏิบัติ 5) ระยะปฏิบัติพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง

5 ทฤษฎีการพยาบาลและ รูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพที่เกี่ยวข้อง (Nursing theories and Health Promotion models) ทฤษฎี/รูปแบบ แนวคิดโดยสรุป รูปแบบความเชื่อด้านสุขภาพ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของบุคคลตามรูปแบบความเชื่อ (Health Belief Model: HBM) ด้านสุขภาพ เกี่ยวข้องกับปัจจัยดังต่อไปนี้ 1. การรับรู้โอกาสเสี่ยงของการเป็นโรค (Perceived susceptibility) 2. การรับรู้ความรุนแรงของโรค (Perceived severity) 3. การรับรู้ถึงประโยชน์ของการปฏิบัติเพื่อป้องกันโรค (Perceived benefits of taking the health action) 4. การรับรู้ต่ออุปสรรคของการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพ (Perceived barriers to perform health action) 5. สิ่งชักนำให้เกิดการปฏิบัติ(Cues to action) 6. การรับรู้สมรรถนะของตนเอง (Perceived self-efficacy) ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถ การรับรู้สมรรถนะแห่งตน คือการตัดสินความสามารถของตนเองใน ตนเองหรือการรับรู้มรรถนะ การปฏิบัติกิจกรรมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ แห่งตน มีปัจจัยสองประการคือ (Self-Efficacy theory) 1. ความคาดหวังในผลลัพธ์(outcome expectancies) 2. ความเชื่อในสมรรถนะ (efficacy beliefs) การเสริมสร้างการรับรู้สมรรถนะโดยการเรียนรู้จากแหล่งข้อมูล สำคัญ 4 แหล่ง ได้แก่ 1. การมีประสบการณ์ความสำเร็จของตนเอง (enactive mastery experience) 2. การสังเกตประสบการณ์ของผู้อื่น (vicarious experience) 3. การได้รับคำพูดชักจูงในขอบเขตของความเป็นจริงเพื่อให้เกิด ความเชื่อในความสามารถของตนเอง (verbal persuasion) 4. การส่งเสริมสภาวะทางสรีระและอารมณ์ (physiological and affective states)

การพยาบาล อนามัยครอบครัว หลักการเยี่ยมและส่งเสริมสุขภาพครอบครั ว

6 การพยาบาลอนามัยครอบครัว หลักการเยี่ยมและส่งเสริมสุขภาพครอบครัว ความหมาย เป้ าหมายและวัตถุประสงค์ ของการเยี่ยมครอบครัว ของการเยี่ยมครอบครัว การพยาบาลครอบครัวหรือการเยี่ยม มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของครอบครัวในการวางแผนและดำเนินการตาม ครอบครัวจึงหมายถึง การให้บริการ แผน เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและสามารถดูแลตนเองให้เกิดสุข ด้านสุขภาพเชิงรุกในการดูแลสุขภาพ ภาวะได้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ ของบุคคลและครอบครัวในทุกกลุ่ม 1. เพื่อศึกษาและรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ของบุคคล ครอบครัว และชุมชน อายุและสถานะสุขภาพ โดยการทำงาน แล้วนำมาพิจารณาวางแผนช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสมกับสภาพปัญหา ร่วมกันระหว่างทีมสหสาขาวิชาชีพ เพื่อ 2. เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคคล ครอบครัว และชุมชนในการดูแล ให้ผู้รับบริการสามารถดูแลตนเองได้ ตนเอง จากการได้รับความรู้ คำแนะนำ และการปฏิบัติตัวเมื่อเจ็บป่วย เมื่อเกิดการเจ็บป่วย ปฏิบัติตาม โดยบุคลากรทีมสุขภาพ แนวทางการรักษาได้อย่างถูกต้อง และ 3. เพื่อลดอัตราการเกิดโรคและอัตราการตายของประชากรในชุมชน ดำรงไว้ซึ่งภาวะสุขภาพดีตามสภาพ จากการให้การดูแลอย่างต่อเนื่องและการให้คำแนะนำประชาชนให้ ของแต่ละบุคคลและครอบครัว สามารถพึ่งตนเองเมื่อเกิดปัญหาสุขภาพได้ 4. เพื่อปรับปรุงสิ่งแวดล้อมที่บ้านให้เหมาะสมกับภาวะสุขภาพของ สมาชิกในครอบครัว 5. เพื่อพัฒนาบริการสาธารณสุขที่มุ่งเน้นให้บริการเชิงรุกไปสู่ครอบครัว และชุมชนอย่างมีระบบ

6 การแบ่งกลุ่มภาวะสุขภาพครอบครัว สามารถจำแนกเป็ น 4 กลุ่ม ดังนี้ 1. กลุ่2มภมการวาะคสมุข2ภ5า6พ8 ดี (Wellness condition) คือภาวะที่บุคคลหรือครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง มีพฤติกรรมสุขภาพที่ เหมาะสม หรืออาจมีผู้ป่วยอาศัยอยู่ในครอบครัวแต่มีการปฏิบัติตัวเกี่ยวกับโรคที่เหมาะสม 2. กลุโ่มนอภาาห์วชะูมสัุคขเภกอารพ์ คุกคาม (Health threat) คือภาวะที่บุคคลหรือครอบครัวเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพหรือความ เ34จ.็.บกกปล่ลุุผ1S่วู่ม้มc2เยชhี3ภ่ภยตuา่ถวาeาวชนวsงาะนtะeญสๆวซุิีrขดกไ้ซDาภฤดiน์gาตกiกtพาaรุร(lงบCสเMทกรreรพพiหds1าiiรas่2บอุ3Gคsง4ลrito5าu(uกHapรetiaolnth) คdือeภfiาcวitะ)ที่คบืุอคภคาลวหะทรีื่อไมค่ปรกอตบิทคั้งรัทวเาผงชริ่ญางกกับายควแาลมะเจปิตลีใ่ยจนขอแงปบลุคงคแลละหตร้ือองคกราอรบปครัรบัวตัว การแบ่งกลุ่มภาวะสุขภาพครอบครัว เรียนคุณชูมัคเกอร์ 1ม.ิฉหะลนััจ้กนดคจหวะมเากามิยดเปผร่ะงลหดเน่ส้วีายนช่แวหกย่มผใูห้า้รคัยบุณถบึสงริากคมาวารราหถมรแตื้อนอคะงนรกำอาตบัรวคหเอรรัืงวออคย่วางามมือจอำาเปช็ีพนกทีั่บต้นอางยใจห้้ากงาที่รคชา่วดยว่าเหจละืสอนโดใจยไเด้ร็วเป้าหมายของ คุณในการเขียนจดหมายปะหน้าควรกระตุ้นให้นายจ้างอ่านประวัติย่อของคุณและพิจารณาคุณสำหรับตำแหน่ง 2.หลังกากนานัร้นป้ๆอเงน้กนันควกาามรสแำพเร็รจ่กทัรกะษจะายปเรชะื้สอบหกมาราณย์ถึแงละกกาารรปฝ้ึอกงอกบันรมกทีา่เรกีแ่ยพวขร้่อกงรกะับจตายำแเชหื้อน่จงทาี่กคุบณุคต้คองลกหานรึ่ไงด้รับ ไปสู่อีอกยบุ่าคงไครลก็ตหานึม่งหหลีรกือเลจี่ยางกกคารรอทำบซค้ำรขั้วอหมูนลึ่งที่ไคปุณสู่รอีวกมคไวร้ใอนบปคระรัววัตหิยน่ึอ่งของคุณปรับแต่งจดหมายปะหน้าของคุณให้ เหมาะสมกับนายจ้างแต่ละรายและตำแหน่งงานแต่ละตำแหน่งเนื่องจากคุณกำลังสมัครตำแหน่งเฉพาะ ให้ยก ระยตตัะำวก่แออหย่นาน่งเงแยนีั่ล้ยนะใมเชห่คตคุรุกณอาคบรณวค์รทรีรั่ัเวกฉษพเปาา็คนะวเรจาะมายะเะปจ็กนงาซมึร่ืงอเแตอสารดีชยีงพมใหต้ลเหอ็นดถทึั้งงคฉวบัาบมสอาย่มาางรไกรถกข็าตอรางมคแุณนบ้ทำ่ี่เจงสีะยรทงำะทีง่ยเาป็นนะไทดก้าดีงาหกราากเรไมยดี้า่รยักบเกมินคไปรอบครัว การอกา่อจทนำกใาห้รผูเ้อยี่่ายนมหมปดรคะกวาอมบสดน้วใยจกอิจย่กาลรืมรแมสดดังงคนี้วามกระตือรือร้นอย่างแท้จริงต่องานนี้ด้วยคุณสามารถคิดแบบ 12))กกนกีาั้าบไรดรต้เเ:ตำตไแรมรี่หยีใยนชม่่มงงขตาง้อัานวนมสผูููซลท้ึ่เงผยีูร่กยวไมมทถึแงกต่าเปร็พนูดกาคุรยรเวกี่มยวตักวับกันคแวาบมบคสาบดาหยวัๆงเกมี่ียสวไกตับล์หเคงริลรนีะกอยเดเบืละีอ่เยคนยีง่รแยัขว้ลอมมะีมคผูดลัลรงสป่อนวีร้บนะคตโัยวรัชมวนา์กกขิแจอลงกบะรครริำษมัถททาีแ่มปตเ่ฏกใีิ่หยบ้ัวติขณะเยี่ยม ส3สำ)มุหกดมรืรอาอบับัรถอนเารอตทมานึรยคกีไยำลเเยพถมนีื่์่ยามออมุมาทปเกหหำกมกลรร่ืาอาาณยนรคี์ท้ีบใแ่รันสนลอากทะบมาึเารกคคสรขรรัืถ้มั่วออชภ่แมงวาูตมลยษ่ืคลอขณุณ์ะตอจค่งาตรริงครงอวแรๆบจทอจคนทบัีบ่รอจคัขวยำ้่รอาเัแวปผล็ืิลนมดะพตรลวาจดททาานงจไวดยห1สใาหั)มม้กสคารพรยวัณ้นา์ปาหงมธะรสหรภืัอ่มวนา้กมาพพาัขมรจนือพอะธิงทมใภคนำุพณา์ใกเพหิลก้จ็่คกกอกัรนนบ้รออทคีร่บยจมรนะคอตสอ่ร่บาังกวงคจเมีกราๆเิักควดนรืีคก่้อวางรามสรไ้วา้วงางใจและ โดยตยร่อวจให้แน่ใจว่าจดหมายปะหน้าของคุณอ่านง่ายใช้รูปแบบตัวอักษ2ร)เรีเยก็บบง่ราวยบอยร่าวงมทีข่เ้หอ็นมูใลช้เตพิร่มงนเี้ตหิมลีกเลี่ยง 4) กข้อารคจวัดามลเำรีดยังบกักนาเรยเอยีะ่ยเกมินไปการแบ่งจดหมายของคุณออกเป็นย่อหน3้า)ทกำาใรห้รง่่วามยตก่ัอบกคารรมออบงคเหร็ันวแในลกะจาัรดรระะบเุบขี้ยอบวินิจฉัย 5รว) มกข้ถาอึรงมูตปลิดทรี่ะตคุ่สณอานในัหด้งขหาอนมแกาสัยบดกผงูั้คบนวำคาชรมุมอนัชบบนคถืแอรัวลเทอะี่หรจิอนะ่าเวขด้ยานีงเยสีา่ยนไนมทีเ่ดอร์ ทางการพยาบาล วางแผนการพยาบาล และลงมือ การปฏิบัติการพยาบาล เกี่ยวข้อง ระยะหลังเยี่ยมครอบครัว กิจกรรมที่ปฏิบัติขณะเยี่ยมครอบครัวมี ดังนี้ 1) ทำความสะอาดอุปกรณ์และตรวจเช็คความเรียบร้อยของกระเป๋าเยี่ยม เพื่อความสะดวกพร้อมใช้ สำหรับการเยี่ยมครั้งต่อไป 2) บันทึกรายงานการเยี่ยมครอบครัว

6 เครื่องมือและอุปกรณ์การเยี่ยมครอบครัว กระเป๋าเยี่ยมบ้าน ในกระเป๋าเยี่ยมบ้านประกอบด้วยอุปกรณ์ดังต่อไปนี้อุปกรณ์สำหรับ ล้างมือ อาจเป็นสบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดมือ 75% Alcohol ผ้า เช็ดมือ ชามรูปไต อุปกรณ์สำหรับทำแผล และอุปกรณ์สำหรับตรวจ ร่างกายเบื้องต้น เครื่องมือที่ต้องเตรียมเฉพาะรายเยี่ยม หมายถึงเครื่องมืออื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต่อการให้บริการสมาชิก ครอบครัวเฉพาะราย เช่น อุปกรณ์และแบบบันทึกการประเมิน พัฒนาการเด็ก (Denver Developmental Screening test record) แบบประเมินการเจริญเติบโต แบบประเมินความสามารถ ในการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ (Barthel ADL index) แบบประเมินความเครียด แบบประเมินความเสี่ยงต่อการหกล้ม เป็นต้น อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น เครื่องชั่งน้ำหนัก หรือสื่อการสอนต่าง ๆ เพื่อให้สมาชิกใน ครอบครัวเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลสุขภาพ ได้ถูกต้อง เช่น แบบจำลองฟัน โปสเตอร์หรือคลิปวิดีโอสาธิตวิธี การออกกำลังกาย เป็นต้น

6 กระบวนการพยาบาล ในการเยี่ยมครอบครัว 1 การประเมินครอบครัว 2 การวินิจฉัยปัญหาสุขภาพครอบครัว คือ การศึกษาครอบครัวในฐานะผู้รับบริการ มีเป้าหมายเพื่อ หลังจากการเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติมจะทำให้ รวบรวมข้อมูล โดยพยาบาลและครอบครัวร่วมกันจำแนก พยาบาลสามารถมองเห็นปัญหาหรือการต้องการความช่วย ความต้องการและร่วมกันวางแผนการดูแลที่จะทำให้สมาชิก เหลือของครอบครัว และมีข้อมูลเพียงพอสำหรับนำมาระบุ และครอบครัวโดยรวมบรรลุศักยภาพสูงสุด ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลครอบครัวได้อย่างครอบคลุม ซึ่ง ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลจะเป็นพื้นฐานของการเลือกวิธี 3 การวางแผนดูแลสุขภาพครอบครัว ให้การพยาบาล เพื่อบรรลุผลลัพธ์และอยู่ในขอบเขตความรับ ผิดชอบของพยาบาล (Ralph & Taylor, 2011) 1) การจัดลำดับความสำคัญของปัญหา ซึ่งเกณฑ์ที่นำมา พิจารณาจัดลำดับความสำคัญ ได้แก่ การกำหนดข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลครอบครัวแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ (วนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย, 2554: 295) - ความสนใจของครอบครัว - ความรุนแรงของปัญหา 1) การวินิจฉัยการพยาบาลในระดับบุคคล (Individual - ความสามารถในการแก้ไขปัญหา nursing diagnoses) 2) การกำหนดวัตถุประสงค์และเกณฑ์การประเมินผล การ 2) การวินิจฉัยการพยาบาลปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล กำหนดเกณฑ์การประเมินผลแบ่งเป็น 2 ระยะคือ (Interpersonal nursing diagnoses) - เกณฑ์การประเมินผลระยะยาวหรือเป้าหมายขั้น 3) การวินิจฉัยการพยาบาลครอบครัว (Family nursing สูงสุด คือความมีสุขภาพดีที่สุด เท่าที่ความสามารถของ diagnossis) บุคคลและครอบครัวจะอำนวย - เกณฑ์การประเมินผลระยะสั้นตั้งไว้เพื่อชี้ให้เห็น ความก้าวหน้าของการพยาบาลที่วางไว 3) การกำหนดกิจกรรมการพยาบาล ควรมีความสอดคล้อง กับวัตถุประสงค์ และเหมาะสมกับบริบทของครอบครัว

6 4. การปฏิบัติการพยาบาลครอบครัว เป็นการนำแผนการพยาบาลที่วางไว้ไปปฏิบัติ ซึ่งพยาบาลควรตระหนัก ถึงการมีส่วนร่วมของครอบครัว โดยเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยที่ บ้าน (caregiver) ได้แสดงความรู้สึก หรือความต้องการการช่วยเหลือ และ พยาบาลควรคำนึงถึงการเสริมสร้างพลังอำนาจ ให้สมาชิกในครอบครัวเกิด ความมั่นใจและสามารถปฏิบัติการดูแลตนเองและผู้ป่วยในครอบครัวได้ 5. การประเมินผล รูปแบบของการประเมินผลการเยี่ยมครอบครัวมี 2 รูปแบบหลักๆ คือ 1) การประเมินรายครั้ง (Formative evaluation) เป็นการประเมินขณะ เยี่ยมครอบครัว ผลจากการประเมินรายครั้งจะนำมาใช้ปรับเปลี่ยนเป้า หมายการพยาบาล วัตถุประสงค์ วิธีการปฏิบัติการพยาบาลและ ลำดับความสำคัญของการพยาบาล 2) การประเมินสุดท้าย (Summative evaluation) เป็นการประเมินเมื่อ ต้องการสิ้นสุดการเยี่ยมครอบครัวและใช้สรุปผลของการประเมินที่เกิด ขึ้นว่าบรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้หรือไม่และยังมีสิ่งที่ครอบครัวต้องการ ความช่วยเหลืออีกหรือไม่เพื่อการส่งต่อที่ถูกต้อง สิ่งที่ควรประเมินผลการเยี่ยมครอบครัว มีดังนี้ (วนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย, 2554: 300) - ตรวจสอบเป้าหมายที่พยาบาลและครอบครัววางไว้ร่วมกัน - ตรวจสอบผลที่เกิดขึ้นกับสมาชิกที่มีปัญหาสุขภาพ - ตรวจสอบผลที่เกิดขึ้นกับระบบย่อยในครอบครัว - ตรวจสอบผลที่เกิดขึ้นกับภาพรวมของครอบครัว - ตรวจสอบปฏิสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวกับสิ่งแวดล้อม - ตรวจสอบการปฏิบัติตามบทบาทของพยาบาล การเยี่ยมครอบครัว แต่ละครั้งพยาบาลมีการเตรียมความพร้อมอย่างไร ความรู้ที่ต้องเตรียม เพิ่มเติมในการเยี่ยมแต่ละครั้งคืออะไร มีการใช้ทักษะทางการพยาบาล หรือทักษะอื่นที่นอกเหนือจากทักษะการพยาบาลหรือไม่ พยาบาลพึงพอใจ กับปฏิสัมพันธ์ที่มีต่อครอบครัวหรือไม่ มีการใช้การสื่อสารและการ ประสานงานระหว่างทีมสุขภาพอย่างไร

6 การบันทึกรายงาน การเยี่ยมครอบครัว วัตถุประสงค์การบันทึกรายงานการเยี่ยมครอบครัว 1) เก็บไว้เป็นหลักฐาน 2) เพื่อความต่อเนื่องของงาน 3) เพื่อรายงานความก้าวหน้า 4) เพื่อประเมินคุณภาพของการพยาบาล 5) เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย วัตถุประสงค์การบันทึกรายงานการเยี่ยมครอบครัว การบันทึกรายงานการเยี่ยมครอบครัวที่ดีต้องมี ความครบถ้วนตามกระบวนการพยาบาล สะท้อนการใช้กระบวนการพยาบาล ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้ในการแก้ ปัญหาอย่างมีระบบด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ จึงมีการนำหลัก 4C มาเป็นแนวทางในการบันทึกรายงานการ เยี่ยมครอบครัว ประกอบด้วย 1) ความถูกต้อง (Correct) หมายถึง การบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับบริการหรือครอบครัวมีความถูกต้องเป็น จริง เชื่อถือได้ตามสภาพที่เป็นจริงของผู้รับบริการ และถูกต้องตามเกณฑ์การบันทึก 2) ความครบถ้วน (Complete) หมายถึง การบันทึกข้อมูลครบถ้วนลงในเวชระเบียน ครอบคุลมหัวข้อตาม แบบตรวจสอบการบันทึกเวชระเบียน 3) ความชัดเจน (Clear) หมายถึง การบันทึกข้อมูลด้วยตัวอักษร ตัวเลข ชัดเจน อ่านง่าย ใช้ตัวย่อที่เป็นสากล 4) การได้ใจความ (Concise) หมายถึง ข้อความที่บันทึกมีความกระทัดรัด สั้น ตรงประเด็นตามสภาพที่เป็น จริงของผู้ใช้บริการ อ่านแล้วได้ใจความ

COMMUNITY NURSING 2


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook