คูมือการปลูกผักน้ําทสี่ าํ คัญทางเศรษฐกิจในสี่เมืองหลกั ของ เอเซียตะวันออกเฉียงใต 1
ผลการศึกษาภายใตการสนับสนุนของสหภาพยโุ รป (โครงการศึกษาระบบการปลกู พชื และสัตวน ้ําในเขตเมืองในเอเซยี ตะวนั ออกเฉียงใต) สารบัญ บทนาํ เทคนคิ การปลูกผกั นา้ํ บรเิ วณรอบเมืองกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย - บทนาํ - คูมือการปลกู ผกั บุงน้ําบริเวณรอบเมอื งกรงุ เทพมหานคร ประเทศไทย - คมู อื การปลูกผกั กระเฉดบรเิ วณรอบเมืองกรงุ เทพมหานคร ประเทศไทย เทคนคิ การปลูกผักนาํ้ บรเิ วณรอบเมืองโฮจมิ นิ ส ประเทศเวียดนาม - บทนาํ - คูมอื การปลกู ผกั บงุ นํ้าบริเวณรอบเมืองโฮจมิ ินส ประเทศเวียดนาม - คูมอื การปลูกผกั กระเฉดบรเิ วณรอบเมอื งโฮจิมนิ ส ประเทศเวยี ดนาม เทคนคิ การปลกู ผกั นํ้าบริเวณรอบเมอื งฮานอย ประเทศเวยี ดนาม - บทนํา - การปลูกผักบุงนํ้าบรเิ วณรอบเมอื งฮานอย ประเทศเวยี ดนาม - ๑. การปลกู ผักบงุ แบบลอยน้ํา - ๒. การปลูกผกั บุงน้าํ ในแปลงนา - คมู ือการปลูกผักกระเฉดบรเิ วณรอบเมอื งฮานอย ประเทศเวยี ดนาม - คมู อื การปลกู ผักชลี อ มบริเวณรอบเมอื งฮานอย ประเทศเวยี ดนาม - คูมอื การปลกู วอเตอรครีสบริเวณรอบเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม เทคนิคการปลกู ผกั น้ําบริเวณรอบเมอื งพนญเปญ ประเทศกัมพชู า - บทนํา - คมู อื การปลกู ผักบงุ นาํ้ บริเวณรอบเมอื งพนญเปญ ประเทศกัมพูชา - คูมอื การปลกู ผักกระเฉดบริเวณรอบเมอื งเมืองพนญเปญ ประเทศกมั พูชา บทสรปุ โดยรวม 2
บทนํา ผลการศึกษานเ้ี นนในเรือ่ งปรมิ าณและมูลคาของพืชนา้ํ ทีป่ ลูกในประเทศเอเซียตะวนั ออก เฉียงใตซ ่ึงไมไ ดร บั ความสนใจใหอ ยใู นรายงานสถิตปิ ระจาํ ปขององคการอาหารและการ เกษตรกรรมแหงโลก (FAO) ในหมวดสินคา ประเภทการเพาะเล้ียงสัตวน ํ้า ซงึ่ ในการศึกษาคร้ังน้พี บวา อาชีพเหลานี้ไดสรางรายไดแ ละสรา งงานใหก ับคนจํานวนมากใน เขตชมุ ชนรอบๆเมืองใหญ นอกจากนี้ยังไดร ับผลประโยชนท างออ มเชนความสามารถในการ บาํ บัดนาํ เสียในชุมชนเมืองใหส ามารถนาํ กลบั มาใชใหมไ ดแ ละพืชนาํ้ เหลา นีย้ ังสรา งความ เขียวขจแี ละเปนแหลงอาหารท่ีสาํ คัญในชวี ติ ประจําวนั ของคนนบั ลา นในเขตเมืองใหญๆ เหลา น้นั คูมอื การปลกู พืชน้ํานี้ไดจัดทําขึ้นมาจากผลการศึกษาของโครงการศกึ ษาระบบการปลกู พชื และสัตวน ํ้าในเขตเมอื งในเอเซียภายใตก ารสนับสนนุ ของสหภาพยุโรปตะวนั ออกเฉียงใต โดยคณะผูทําการศกึ ษาในแตละเมอื งไดร วบรวมและเขียนขน้ึ จากการเขา ไปศึกษาจาก เกษตรกรในทองถ่นิ ของพชื นาํ้ แตล ะชนิด โดยผจู ัดทาํ หวงั วา ผลงานนค้ี งเปน ประโยชนต อ ผสู นใจทวั่ ไปและผทู ่ีสนใจจะทาํ การเพาะปลกู พชื น้าํ เหลา น้ีบาง โดยระบบการปลูกพชื น้าํ ท่ี รวบรวมไวจะมีทั้งแบบพ้ืนบานและระบบการปลกู เพือ่ การคา โดยในคมู อื นีไ้ ดรวบรวมการปลูกพชื นาํ้ ในเมอื งหลักๆของประเทศในเอเซียตะวนั ออกเฉยี ง ใต คอื กรงุ เทพมหานคร ฮานอย นครโฮจิมนิ ส และพนญเพญ หลงั จากท่โี ครงการใชเ วลา ตลอดท้งั สามปใ นการเก็บรวบรวมขอมูลจากเกษตรกรผูป ลกู ผกั นา้ํ ในบริเวณชมุ ชนของเมือง หลกั ดังทก่ี ลาวมาแลว ขอมลู เหลา น้ไี ดร วบรวมมาจากผลการสัมภาษณก ลมุ เกษตรกรใน ทอ งถนิ่ การจดั ทําสมั นาเชงิ ปฏิบตั ิการในหมูบา น การทาํ แบบสอบถามรวมถงึ การสังเกตการ ทํางานของเกษตรกรในแปลงนาตลอดทงั้ ปท ีเ่ ราไดจดั การเก็บขอมลู พนื้ ฐานของครัวเรอื นใน หมบู านที่ไดรบั คัดเลือกใหเ ปนพนื้ ที่ศึกษา โดยในคูมอื นี้ไดรวบรวมหลกั การปลูกพชื น้าํ ชนิด เดียวกนั แตอาจมคี วามแตกตา งกนั บางในเร่ืองเทคนิคการปลูกในแตละเมอื งซ่ึงในคูมือน้ีกไ็ ด ทาํ การแยกวธิ กี ารปลูกในแตล ะเมอื งเขาไวดวยกนั โดยทา นสามารถดาวโหลดดวี ีดีท่ีสราง ขึ้นพรอมๆ กับคูม ือฉบับนี้ “เรอ่ื งผลผลิตทีห่ ลบซอน” ความยาวยี่สิบหานาทีโดยเน้ือหาสว น ใหญเกีย่ วกับเกษตรกรผปู ลูกพืชนาํ้ ในแตล ะประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใตโดยทา น สามารถดาวโหลดไดจากเวปไซดป าปสุ ซา (www.papussa.org) พืชนํา้ ทีพ่ บปลกู ในสเี่ มอื งหลักๆ ของเอเซียตะวนั ออกเฉียงใตที่รวบรวมไวในคมู ือนี้คือ ผักบุง ช่ือวทิ ยาศาสตร Ipomoea aquatica ผกั กระเฉด ชือ่ วิทยาศาสตร Neptunia oleracea ผกั ชีลอ ม ชื่อวทิ ยาศาสตร Oenanthe stolonifera วอเตอรครสี ช่อื วิทยาศาสตร Rorippa nasturtium-aquaticum และ แหน ช่อื วิทยาศาสตร (Lemna and Wolffia spp.) ซงึ่ มักพบอยูในแปลงนาผักกระเฉด 3
เทคนคิ การปลูกผกั นา้ํ บริเวณรอบเมืองกรงุ เทพมหานคร ประเทศไทย คมู ือการปลกู ผกั บุงนา้ํ บทนํา ผักบงุ นา้ํ เปน ผักพน้ื บา นของไทยทส่ี าํ คญั ชนิดหนึง่ เปนทน่ี ิยมบรโิ ภค เนอ่ื งจากมี ราคาไมแพงมากนกั และอดุ มไปดวยวติ ามนิ ทสี่ าํ คญั คือ วติ ามนิ เอและซี มเี ยอื่ ใยสูง ยอ ย งา ย และมีแรธาตเุ หล็ก เปน องคป ระกอบทีส่ าํ คัญ การปลูกผักบุง นา้ํ ในประเทศไทยมีมาชา นานและมีแนวโนม ขยายตวั ของการเพาะปลูกเพม่ิ สูงขน้ึ ในป 2547 มพี ืน้ ท่ปี ลูกทใี่ หผล ผลติ ประมาณ 63,485 ไร ใหผลผลิตประมาณ 58,275ตัน กวา 80 เปอรเซน็ ต ของผลผลิต ดังกลา วมาจากพื้นท่ีการผลิตในเขตปริมณฑลรอบๆกรุงเทพฯมหานคร (กรมสงเสริม การเกษตร 2548) เนือ่ งจากเปน ผกั ท่สี ามารถนาํ มารบั ประทานไดท กุ สว น ทั้งลาํ ตน ใบ และ ราก ทําใหมกี ารบริโภคกันอยางแพรห ลาย เนอื่ งจากสามารถนํามาประกอบอาหารไดหลาย รูปแบบ ไดแก ตม ผัด ซปุ (แกงเทโพ) ผดั พริกกบั เน้ือตา ง ๆ และรับประทานดิบ ๆ กับสมตํา เปน ตน สายพนั ธผุ ักบุง ผกั บงุ นํ้า white variety ทน่ี ยิ มปลูกในแปลงนาแบบพฒั นา ผกั บุงนํ้าเปน ผักท่ปี ลูกงา ยเจริญเตบิ โตเร็ว ใหผ ลผลิตสงู และใหผลตอบแทนกลบั คืน เรว็ สามารถทาํ การปลกู ไดตลอดทั้งป ท้งั ในพน้ื ทีร่ าบสูง หรอื ตํา่ อยา งไรก็ตาม พนื้ ทร่ี าบ ลมุ จะเปน ทาํ เลทเ่ี หมาะสมสําหรับการทาํ ฟารม เพาะปลกู ผกั บงุ นาํ้ แบบพฒั นา ผักบงุ นาํ้ สามารถการเพาะปลกู ไดใ นดินไดเกือบทกุ ประเภท ไดแก ดนิ รว น ดนิ รว นปนทราย และดนิ เหนยี ว การเพาะปลูกสว นใหญท าํ กนั ในนาขาวเปน แปลงรปู สเ่ี หล่ยี มผนื ผา ไมจ าํ กัดขนาด พื้นท่ี การเตรยี มการเพาะปลูกผักบุงน้าํ และการบํารุงดูแลรักษาก็คลายคลึงกบั การทํานาขา ว ทีส่ ําคญั คือตองมีปริมาณนาํ้ ใชเพยี งพอตลอดระยะเวลาของการเพาะปลกู ดังน้ัน จึงแนะนํา ใหเ ลอื กทาํ เลทีส่ ามารถมีปรมิ าณนํ้าเพียงพอใชไดตลอดทง้ั ป แหลง นาํ้ ท่ีนาํ นํา้ มาใช โดยทัว่ ไป ไดแก แมน ้ํา ลาํ คลอง คลองซอยในพน้ื ท่ีตาง ๆ และการชลประทาน เปนตน เทคนิคการปลูกผักบงุ น้ําในแปลงนาแบบพฒั นา สามารถดาํ เนนิ การตามข้นั ตอนตา ง ๆไดด งั ตอไปน้ี 4
1. การเตรยี มแปลงเพาะปลูก การเตรยี มแปลงเพาะปลูกเหมือนกับการทํานาขา วทัว่ ไป โดยใชรถไถนาไถพรวน แปลงนาพลิกหนาดิน จากน้นั ทาํ การทบุ ดนิ ใหละเอยี ดปลอยหมกั ท้งิ ไวใ นนํ้าลกึ 5-10 เซนตเิ มตร ประมาณ 1-2 สปั ดาห ควรทําการทุบซํา้ อีกครงั้ หนึ่งวัน กอ นทําการปลูก 2. วิธีการเพาะปลูกผกั บุงนาํ้ 2.1 การเตรยี มตน ตอและการปก ดาํ ตน ตอควรเปนผักตนใหมและควรตัดยอดทิง้ กอนปลูก โดยท่วั ไปใชตน ตอทีม่ ีความ ยาวประมาณ 50-60 เซนติเมตร สามารถนํามาปกดําไดเลยหรอื ใชตนตอที่เตรียมไวจ าก การผงึ่ ในทร่ี ม และใชกระสอบคลมุ รดนาํ้ ใหมีความช้นื กอ นปลูกประมาณ 1-2 คนื เพอื่ กระตุนการแตกรากตามขอ ปลอ งของตนตอ การปก ดาํ จะใชตนตอ 2-3 ยอด ปกดําเปน กอ ๆ ในแปลงนาท่เี ตรียมไวดังกลาวแลว โดยปก ดําใหเปนแถวหางกันกอละประมาณ 20-30 เซนติเมตร และระหวา งแถวใหห า งกัน ประมาณ 2-3 เมตร เวลาปก ดําสวนใหญไดท้งั ชว งเชาหรอื ตอนเย็น โดยสามารถปก ดําตน ตอไดทง้ั ในสภาพทมี่ นี า้ํ ขังและไมม นี ํา้ ขัง อยางไรก็ตาม กรณปี กดําตน ตอในสภาพท่ีมนี ํา้ ขัง จะตอ งไขน้าํ ทง้ิ ออกจากแปลงนาภายใน 1-2 วนั จากนัน้ ทาํ การตากแปลงใหแหง อยางนอ ย 20-25 วัน ในชวงแรกของการตากแปลงควรฉีดพน ยาเพือ่ ควบคมุ วัชพชื เมอ่ื แปลงแหง หมาดควรโรยปนู ขาวในอตั รา 100 กิโลกรัมตอ ไร เพื่อปรบั สภาพความเปน กรด-ดาง ของดนิ และฆา เชือ้ โรค ลักษณะการปก ดาํ ตนตอหลงั การเตรียมแปลงเสร็จสิน้ 5
การฉีดพน ยาเพื่อควบคมุ วชั พืชภายหลังการปก ดําตน ตอ การตากแปลงนาใหแ หงจนแตกระแหง 2.2 การใสปยุ และการจดั การ หลังจากตากแปลงนาใหแหงจนดินแตกระแหงตามระยะเวลาดงั กลา วขา งตนเปนที่ เรยี บรอยแลว ใหไขนํา้ เขาทว มแปลงลึกอยางนอย 30 เซนติเมตร วนั ตอ มาใหใ สป ยุ เคมี สูตรตาง ๆ ท่นี ยิ มใชค อื 25-7-7 หรือ 20-20-0 หรอื 16-20-0 ในอตั ราประมาณ 50 กโิ ลกรมั ตอ ไร หลังจากนั้นประมาณ 1 สปั ดาห กส็ ามารถตดั ผักบงุ มีดแรกไดแ ละวันถดั มาหลังการ ตัดผักจะแนะนาํ ใหใสป ยุ และและฉีดพนยากําจดั แมลง โดยทัว่ ไป การตดั ผกั และฉีดพน ยา กําจดั แมลงจะดําเนินไปทุก ๆ สปั ดาห โดยอตั ราการใสปุยจะลดลงเหลือเพยี งประมาณ ครงึ่ หนึง่ หลังจากการตัดผักประมาณมดี ท่ี 5 เปน ตน ไป ในระหวา งนี้ควรรกั ษาระดับน้ําใน แปลงนาไมใหตํ่ากวา 30 เซนตเิ มตร การฉีดพน ยากาํ จัดแมลงจะใชเคร่ืองพนยาเคร่อื งยนต เบนซินขนาดความจุ 12-20 ลติ ร ควรทําการฉดี ยาพน ในตอนเชา และควรสวมใสเคร่ือง ปองกนั เชน ผา ปดจมกู และใสถ งุ เทา ผา เพื่อปอ งกันละอองยาและเปลอื กหอยในแปลงนา บาด 6
การสบู น้ําเขาทวมแปลงนาหลงั จากการตากแปลง ตวั อยางปยุ เคมีและตอกที่จาํ เปนตอ งใชในกระบวนการผลติ ตวั อยางสารเคมีทีใ่ ชกาํ จดั แมลงศตั รพู ืชและวชั พชื 7
2.3 การเกบ็ เกยี่ ว โดยท่ัวไป การปลกู ผักบุงน้ําจนกระท่งั เกบ็ เก่ยี วคร้ังสดุ ทา ยจะใชเ วลาประมาณ 90- 105 วัน ในชวงเวลาดังกลาวสามารถทาํ การเกบ็ เก่ียวผลผลิตไดท งั้ ส้นิ ประมาณ 9-15 มีด (คร้งั ) ข้นึ กบั ความหนาแนน ของผัก การตดั ผักจะทาํ ในตอนเชา และส้ินสดุ กอนเท่ียง โดยใช มดี ปลอกผลไมค วามยาวประมาณ 6 นวิ้ ตัดผกั จากโคนทต่ี ัดจนถึงปลายยอดออ นใหความ ยาวประมาณ 40-60 เซนตเิ มตร และผตู ัดจะทําการมัดผกั ที่ตัดไดโ ดยใชต อกใหไ ดม ดั ละ 1 กํามือ ซ่งึ ใชผักประมาณ 6-7 ยอด การลําเลยี งผกั จะใชเ รอื เหลก็ หรือเรอื ไฟเบอรก ลาสเพ่อื สง ผักไปทาํ การมดั รวมใหเปน ฟอ นใหญอีกครง้ั โดย 1 ฟอ น จะใชผ ักทีม่ ัดเปนกํา ๆ แลว รวมประมาณ 25 กาํ หอดวยแผน พลาสติกใส ซงึ่ มีนาํ้ หนกั ประมาณ 5-6 กิโลกรัม ผลผลิต ท้งั หมดทไี่ ดประมาณ 8-10 ตันตอไร การเก็บเกย่ี วผกั บุง นํ้าในแปลงนาและการลําเลยี งผลผลติ ผลผลติ ผกั บุงน้ําทบ่ี รรจุในหอ พลาสติกใสพรอ มท่จี ะลาํ เลยี ง 8
3. การตลาด ชองทางการตลาดโดยทั่วไปสามารถดาํ เนินการใน 2 รูปแบบ จากการขายผลผลิต โดยเกษตรกรเอง คือ การขนสง ผลผลิตไปขายเองสว นใหญจะสงขายท่ตี ลาดคา สงซึ่งเปนที่ รวบรวมสนิ คา เกษตรหลายชนดิ ในกรณีน้ี เกษตรกรจาํ เปนตองมีรถเปนของตนเอง รถกระบะ (ปคอัพ) 4 ลอ เปน ท่ีนิยมในการลําเลียงขนสงซึ่งสามารถบรรทุกไดถ งึ 1-2 ตัน ตอ เท่ียว การขายผลผลิตในอกี รปู แบบหนึ่งคือ การขายผลผลติ ผักบุงนํ้าใหกับพอคาคนกลางทม่ี ารบั ซอ้ื ถงึ ทแ่ี ปลงเพาะปลกู ซ่ึงเกษตรกรสว นใหญจ ะขายโดยวธิ ีนี้ เนอื่ งจากไมตองเสียเวลาใน การขนสง และเสยี คา ใชจ ายตลาด แตเกษตรกรจะขายผลผลติ ไดใ นราคาถูกกวาวิธแี รก การลําเลียงขนสง ผลผลิตผักบุงนา้ํ ไปขายที่ตลาดคาสง ผลผลติ ผักบงุ น้ําท่ีทําการซื้อขาย ณ ตลาดคาสง 9
ปญหาในการเพาะปลกู ผักบงุ นํา้ สว นใหญเปนปญหาทเ่ี กิดจากแมลง หนอน และโรคระบาดในผักบงุ ทีเ่ กดิ จากเชือ้ รา และแบคทีเรีย ดังนี้ 1. หนอนหนังเหนยี ว เปน หนอนชนดิ หน่งึ มีช่ือทางวทิ ยาศาสตรว า Acherontia lachesis (Sphingidae) ขนาดตวั เตม็ วัย 10-12 เซนติเมตร มีสเี ขยี วลายพาดตามยาวตวั สเี หลอื งขอบสนี ้ําเงนิ ท้ังสอง ขา งของลําตัว วางไขบ นใบผกั บุงใชเวลาในการฟกเปน ตัวประมาณ 5 วนั ระหวางเปนตัว หนอนจะใชเวลาประมาณ 3 สัปดาห ซึง่ จะกนิ ใบผักบงุ เปนอาหาร และจะเขา สูร ะยะดกั แดใ ช เวลาอกี ประมาณ 2 สปั ดาห โดยตัวเต็มวัยจะมสี นี า้ํ ตาล สารเคมีที่ใชในการกําจดั คือ Abamectin ในอตั รา 30 ซซี ี ตอน้าํ 20 ลิตร, Cypermethyl 50 ซีซี ตอ นาํ้ 20 ลิตร, และ Methomyl 20-25 กรัม ตอนํ้า 20 ลติ ร หนอนหนงั เหนยี ว 2. เพล้ยี แปง (Aphids) เพลี้ยแปง เปนแมลงชนิดหน่ึงทีม่ ีชื่อวทิ ยาศาสตรว า Aphis gossypii (Aphidiae) ระยะวัยรุน จะมีหลากหลายสแี ตสว นใหญจ ะมสี ีเขียวเขมจนถึงดาํ ขนาดเลก็ กวา 1 มิลลิเมตร จะมสี เี หลืองออนจนถงึ ขาว ระยะวยั รนุ จะพบอยตู ามใตใ บผักบุงเมอื่ มีอากาศรอ น ในเขตรอ น เพลย้ี แปง สามารถทจี่ ะออกลกู เปน ตัวไดเ ลยแทนที่จะวางไขซึ่งพบไดบนใบและดอก ระยะ วัยรุนเจรญิ จนเปนตัวเตม็ วยั ใชระยะเวลา 4-20 วัน ขนึ้ กับอณุ หภมู ิ ตวั เตม็ วัยสามารถผลติ 20-140 ตวั วยั รนุ ทกุ ๆ 2-9 วนั โดยดูดน้าํ เล้ยี งจากผกั บุง การปองกนั และกาํ จัด ใชส ารเคมีตามคาํ แนะนาํ เชนเดยี วกบั ขางตน 3. โรคราขาว (white rust) เปนเชือ้ ราชนดิ หนง่ึ มีช่อื วิทยาศาสตรว า Albugo ipoemoea-aquaticae (Sawada) ทาํ ใหเกิดจุดสีเหลืองออ นบนใบและเปนตุมอยใู ตใ บขนาด 1-2 มลิ ลเิ มตร เปนปมตามลาํ ตน และตามใบ โดยทัว่ ไปจะเกิดการระบาดในฤดหู นาว เม่อื พบการระบาดใหใ ช “Zeneb” ฉีด พน ท่ีความเขม ขน 30-40 กรมั ตอ น้ํา 20 ลติ ร ทุก ๆ สัปดาห 10
4. โรคใบไหม โรคใบไหมสว นใหญพ บในฤดแู ลง เกดิ จากเชือ้ แบคทเี รียมชี ่อื วทิ ยาศาสตรว า Xanthomonas compestris pu. (Pathovar.) ลักษณะเปน ตุมใสข้ึนใตใ บและลามเปนสี นาํ้ ตาลและดํา ทําใหใบมสี ีเหลืองซีด เหีย่ วและหลุดลว ง การปอ งกนั และแกไ ข เมื่อพบการระบาดของโรคดงั กลา ว ใหกําจดั โดยการเผาทิง้ การปองกันทีด่ ี คือ การเตรียมแปลงปลกู ท่ดี ี สะอาด โดยการโรยปนู ขาวในระหวางเตรียม แปลงอัตรา 60-100 กโิ ลกรมั ตอ ไร และตากแปลงใหแหงอยา งนอย 3-4 สปั ดาห หรือจะใช วิธกี ารปลกู พืชผกั ชนดิ อน่ื สลับหมนุ เวียนกบั การปลูกผกั บงุ ก็สามารถปอ งกันการระบาดของ โรคนไ้ี ดในระดับหนง่ึ 5. อนื่ ๆ 5.1 การระบาดของหอยเชอรี่ (Golden Apple Cherry Snail) การระบาดของหอยเชอร่ี โดยวางไขติดตามลาํ ตน ของผกั บุงน้ําทําใหล ําตน ดางไม สะอาด ทําใหผ กั ทขี่ ายมคี ุณภาพไมด สี ง ผลตอ ราคาขาย การกําจดั แนะนําใหใชกากชาที่ความเขม ขน 20-30 กิโลกรัม ตอ ไร หวานทัว่ แปลง นาหลงั จากไขนาํ้ ท้งิ แลว 5.2 การเจริญเติบโตชา สวนใหญเกิดขึ้นในฤดูหนาวทําใหไ ดผลผลิตตอพ้ืนทตี่ ่ํา ทาํ ใหมีตน ทุนการผลติ ท่ี เพิ่มสงู ขึน้ กวาการปลูกในฤดูกาลอ่ืน ๆ แมว า ผักจะสงู ก็ตาม การแนะนาํ ใหใชฮ อรโมนเรงการ เจริญเตบิ โตสามารถแกไขไดในระดบั หน่งึ เทา นั้น 5.3 การใชส ารฟอกขาว (ซัลเฟอรไ ดออกไซด) การใชส ารละลายซลั เฟอรไดออกไซดเ พอ่ื ฟอกใหลําตน ผกั บุงขาวภายหลังการเก็บ เกยี่ ว ซ่ึงซลั เฟอรไดออกไซดเ ปน สารตองหามทมี่ อี นั ตรายและอาจตกคา งในผกั และอาจกอ อนั ตรายตอผบู ริโภคได ซง่ึ พบวา ยังคงมีการลักลอบใชก ันอยูมาก เอกสารอา งอิง กรมสง เสริมการเกษตร 2548 สถิติผลผลติ ผักในประเทศไทย ป 2547 กระทรวงเกษตรและ สหกรณ 11
คูมือการปลกู ผกั กะเฉด บทนาํ ผักกะเฉดเปนผักพน้ื บานทส่ี ําคัญชนิดหนึง่ ที่เกยี่ วของกบั วถิ ชี วี ติ ของคนไทยมาชา นาน เปนผักทม่ี ีรสชาดดี เปน ท่ีนิยมบรโิ ภค สามารถเพาะปลกู ไดง ายท้ังในสภาพแหลง น้ํา ธรรมชาตติ ามคลองและในนาทม่ี ีนา้ํ สนบั สนนุ จากคลองชลประทาน จงึ มผี ลผลิตอยา ง ตอเนอื่ งสมํ่าเสมอตลอดทั้งป อยา งไรกต็ าม ราคาผักกะเฉดจะแปรปรวนตามฤดกู าลและตาม ปรมิ าณผลผลิตที่ออกสทู องตลาด โดยทั่วไปอยทู ่ีประมาณ 60-300 บาท ตอ ฟอน (1 ฟอ น มีนํา้ หนักประมาณ 12-15 กโิ ลกรมั และเม่อื ลอกเอาทุน ที่หอ หุมลาํ ตนออกจะเหลือน้ําหนกั เพียง 7-8 กโิ ลกรมั ) โดยทั่วไปราคาปกตจิ ะอยูทป่ี ระมาณฟอนละ 100 บาท และพบวา ในฤดู หนาวผกั กะเฉดจะมรี าคาสงู สุด ตกราคาฟอนละ 220-300 บาท ผักกะเฉดที่นยิ มเพาะปลูกในประเทศไทย แหลงเพาะปลกู ผกั กะเฉดท่ีสาํ คัญสวนใหญอ ยูในเขตพื้นที่ราบลุม ของจังหวัด ปริมณฑลรอบ ๆ กรุงเทพมหานคร ซง่ึ นิยมเพาะปลูกในนาขา วแบบพฒั นา เพยี งแตดดั แปลง นาขา วโดยการขุดคูรอบแปลงนาลึก 30 เซนติเมตร กวา ง 1-2 เมตร ขั้นตอนในการเตรียม แปลงเพาะปลกู และการบาํ รุงดูแลรกั ษาก็คลา ยคลงึ เหมือนกับการทาํ นาขาว ซง่ึ จาํ เปน ตอ ง ใชป ุย เคมีและยากําจดั ศัตรูพืชตลอดชวงเวลาของการเพาะปลกู อยา งไรก็ตาม ควรเลือก ทาํ เลท่มี แี หลงน้าํ ทส่ี ามารถสนบั สนุนปรมิ าณนาํ้ ใชไดต ลอดทั้งป ไดแ ก แมน ํา้ ลําคลองตาง ๆ คลองชลประทาน ทีม่ กี ารถายเทของน้าํ ไดด ี โดยคลองจะทําหนาท่ีทง้ั เปนแหลง น้าํ สนับสนนุ น้าํ ใชใ นการเพาะปลูกและเปนแหลง รับนาํ้ ทิง้ ภายหลังจากการเก็บเกีย่ ว คมู อื ฉบับนีจ้ ะนําเสนอเทคนิคการปลกู ผักกะเฉดในนาขา วแบบพัฒนา ซึ่งสามารถ ดําเนินการตามขนั้ ตอนได ดงั ตอ ไปน้ี 3. การเตรยี มแปลงเพาะปลูก โดยท่ัวไปจะใชรถไถนาทําการไถพลกิ หนา ดินบนพื้นทอ งนา ตอ จากนนั้ ทําการทบุ ดินใหล ะเอียดในน้าํ ลึก 5-10 เซนติเมตร เพือ่ เตรียมปรบั สภาพพนื้ ผวิ หนาดนิ สําหรับการปก ดําและหมกั ท้งิ ไว 7 วนั และควรทําการทุบซาํ้ อกี คร้ังและไขนาํ้ ออก 1 วัน กอนทําการ เพาะปลูก 12
การเตรยี มแปลงเพาะปลูกและการปก ดําตนพันธุ 4. วธิ กี ารเพาะปลูก ใชต น พันธทุ ่ีมยี อดออ นความยาวประมาณ 1 เมตร จํานวน 3-5 ตน ปกดาํ เปนกอใน แปลงนาท่ีเตรียมไว โดยปกดําใหล ําตนลกึ ลงไปในดินประมาณ 6-7 เซนติเมตร ปลกู เปน แถวโดยเวน ระยะหางระหวา งกอและแถวประมาณ 2x2 ตารางเมตร ทําการตากแปลงนาให แหงพอหมาดอยา งนอ ย 7 วัน แลวจงึ สูบนา้ํ เขา แปลงนาใหมคี วามลึก 10-15 เซนติเมตร เพื่อใหล ําตนสามารถทอดยอดลอยบนผวิ นาํ้ เคร่ืองยนตด ีเซลทใี่ ชสบู นํา้ เขา แปลงนา 13
5. การใสป ยุ และการจดั การ ปุยเคมเี ปนที่นยิ มใชส าํ หรับการเพาะปลูกผักกะเฉดแบบพัฒนา มกี ารใชอ ยหู ลาย สตู ร ไดแก 25-7-7, 16-20-0 หรอื 18-12-6 อตั ราทใ่ี ชโดยท่ัวไปประมาณ 50 กิโลกรัมตอ ไร โดยจะใสในวนั รุง ขึ้นหลังจากวนั ตัดผักกะเฉดเปนที่เรยี บรอยแลวพรอ มกบั ฉดี พนยากําจดั ศตั รูพชื ซงึ่ จะกระทําทกุ ๆ สัปดาห สวนในกรณที ่ีตองเรงการเจรญิ ของยอดผักกะเฉด สามารถใสป ยุ ยูเรียเพ่มิ ในอตั รา 3-5 กิโลกรมั ตอไร ทกุ ๆ สัปดาห การรกั ษาระดับนํา้ จะใชว ิธสี บู นํ้าเขา แปลงทุก ๆ สปั ดาห จากระดับความลึก 10-15 เซนตเิ มตร จนไดระดับความลึกประมาณ 60 เซนติเมตร ภายใน 1-1.5 เดือน และรักษา ระดบั ความลึกนต้ี ลอดระยะเวลาของการเพาะปลูกจนเสรจ็ ส้ินการเก็บเกย่ี วคร้ังสุดทา ย โดย ในระหวา งน้ีจะปลอยใหแหนเปดที่ติดมากับตน พันธุผักกะเฉดขึ้นในแปลงนาและขยายจน เต็มพน้ื ท่ีผวิ น้ํา ซึง่ ประโยชนของแหนจะชว ยใหทุนลอย (นมผกั กะเฉด) ทีห่ อ หุม ลําตนขาว สะอาด ทาํ ใหผ ลผลิตผักกะเฉดทีต่ ดั ดสู ะอาดทําใหมีราคาดเี ปน ทีต่ อ งการของผูบรโิ ภค ผกั กะเฉดที่ขึน้ รวมอยูก บั แหนอยางหนาแนน 4. การเกบ็ เกีย่ วผลผลติ การเกบ็ เกีย่ วผกั กะเฉดจะใชม ีดปลอกผลไมความยาวประมาณ 6 นว้ิ ตัดลาํ ตน ผกั กะ เฉดจนถึงปลายยอดใหม คี วามยาวประมาณ 1 เมตร โดยสามารถเรมิ่ ทาํ การตัดครัง้ แรกเมอื่ ปก ดาํ ตนพันธุไ ปแลวประมาณ 3 สัปดาห และจะทาํ การเก็บเกี่ยวผลผลติ ไดทกุ ๆ สปั ดาห โดยจะใชเ วลาเพาะปลกู ทงั้ สน้ิ ประมาณ 75-90 วนั ซึ่งสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตไดถึง 11- 12 ครงั้ ใหผลผลติ ประมาณ 6-7.5 ตัน ตอไร การตดั ผกั นิยมกระทําในตอนเชาและส้ินสุด กอนเทีย่ ง โดยจะมดั ลาํ ตนผกั กะเฉดท่ตี ดั ไดป ระมาณ 10 ยอด ตอ 1 กํามือ และจะหอ รวม 25 กาํ เขา ดวยกันเปน 1 ฟอ นใหญ ดวยแผนพลาสติกใสหอ หุมซึ่งมนี ํ้าหนักรวม โดยประมาณ 12-15 กิโลกรัม ในบางพ้ืนทีแ่ นะนําใหจ มุ ผักกะเฉดลงในสารละลายสารสม (อะลมู ินัมซลั เฟต) ทีค่ วามเขมขน 2-5 กรมั ตอ นํา้ 100 ลิตร กอ นทาํ การบรรจผุ ัก 14
การเกบ็ เกี่ยวผลผลิตผักกะเฉด การบรรจผุ ักกะเฉดดวยแผนพลาสตกิ ใส 15
บรรจุภัณฑผ กั กะเฉดพรอ มทจ่ี ะขนสงลําเลยี ง สารละลายสารสม ที่ใชทําความสะอาดผักกอ นการบรรจุหบี หอ 3. การตลาด ชองทางการตลาดของการคาขายผักกะเฉด โดยทั่วไปจะดําเนนิ การใน 2 รปู แบบ คือ การขนสง ผักกะเฉดไปขายเองทตี่ ลาดคาสง สนิ คา เกษตรซง่ึ จะเปน สถานที่ซื้อขาย ในชว งเย็นของวนั เพอ่ื กระจายสินคาสตู ลาดคา ปลีก ซุปเปอรม ารเ ก็ต รา นอาหาร และ ผูบริโภคทีม่ าซือ้ โดยตรง ในกรณนี ้เี กษตรกรตอ งมรี ถเปนของตนเอง โดยทั่วไปนยิ มใชรถ กระบะ (ปค อัพ) 4 ลอ ซงึ่ สามารถบรรทกุ ไดในปริมาณสูงสุดถึง 1-2 ตนั ตอเทย่ี ว การขาย ในอีกรูปแบบหน่ึงคอื การขายใหก บั พอ คาคนกลางท่ีมารับซ้อื ถงึ ทแ่ี ปลงเพาะปลูก ซง่ึ เกษตรกรสวนใหญจะขายโดยวิธีนี้ เน่ืองจากเกษตรกรคดิ วาไมต อ งเสียเวลาในการขนสง และเสยี คาใชจ า ยตลาด โดยถา พอคา คนกลางซ้อื ในปริมาณมากจะใชรถยนตบ รรทกุ 6 ลอ การขนสงสวนใหญจะดําเนนิ การในชวงบายของวนั หลังจากเสร็จสนิ้ การบรรจุผลผลติ เปนท่ี เรียบรอ ยแลว 16
รถกะบะ 4 ลอ (ปค อพั ) ท่ีใชข นสง ผักกะเฉดมาขายทีต่ ลาดคา สง ฟอนผกั กะเฉดท่ีวางซอื้ ขายในตลาดคาสง 17
ปญ หาในการปลกู ผักกะเฉด ปญ หาในการเพาะปลูกผกั กะเฉดแบบพฒั นาในแปลงนา สว นใหญเปน ปญหาดาน แมลงศตั รูพชื และหนอน เชน เพลี้ยแปงจะดดู นํ้าเลย้ี งจากใบผักกะเฉดและยอดในระหวาง การแตกยอดใหมเ ปนผลทาํ ใหยอดผักกะเฉดถูกทาํ ลาย หนอนบางชนิดสามารถชอนไชผาน ทุนลอย(ฟองนาํ้ ของผกั กะเฉด) บางชนิดในระยะวยั รุนท่ีเปนหนอนจะกินรากผกั ตวั เต็มวยั จะ กนิ ใบกะเฉด ทําใหผกั ชะงกั การเจรญิ เตบิ โต สารเคมที ีใ่ ชในปองกันและกําจดั แมลงศตั รูพืชและหนอน คือ Abamectin ในอตั รา 30 ซซี ี ตอ น้ํา 20 ลิตร, Cypermethyl 50 ซซี ี ตอนํา้ 20 ลิตร, และ Methomyl 20-25 กรัม ตอ น้ํา 20 ลิตร สวนโรคระบาดจากเชือ้ แบคทีเรยี ไดแ ก โรคใบจุดเหลือง ลักษณะเปน จุดเหลอื งบน ใบ ใบรวง ทาํ ลายยอด เปน ตน การเจริญเติบโตชา กพ็ บเปน ปญหาทส่ี าํ คญั ในการเพาะปลูกผกั กะเฉดทาํ ใหไดผล ผลติ ตอ พืน้ ที่ตาํ่ ตน ทุนการผลิตท่เี พ่ิมสงู ข้ึนและตอ งใชร ะยะการเพาะปลกู ที่ยาวนานขน้ึ สวน ใหญพบเปนปญ หาทเี่ กดิ ขนึ้ ในฤดูหนาวมากกวา ในฤดูกาลอน่ื ๆ แมวา จะไดร าคาผักกะเฉดท่ี สงู ก็ตาม การใชฮอรโมนเรง การเจริญเติบโตฉดี พนสามารถชว ยแกไขไดใ นระดับหน่งึ 18
เทคนิคการปลกู ผกั นาํ้ บริเวณรอบเมืองโฮจมิ นิ ส ประเทศเวยี ดนาม บทนาํ ในบางพ้ืนท่ีของเขตชานเมืองโฮจิมินสซ ่งึ เปน พน้ื ท่ลี ุมน้ําเทย่ี วถงึ ทกุ ป ทําใหการ ปลกู ขาวไมไ ดผ ลดีในฤดูฝน ดงั นนั้ ผักน้าํ จึงเปนอีกทางเลือกหนง่ึ ของเกษตรกรประสบ ปญหาภัยธรรมชาตไิ มสามารถเพาะปลูกขา วไดในพืน้ ทดี่ ังกลา ว ผักบงุ และผักกระเฉดเปน ผกั สองชนดิ ท่มี กั พบการเพาะปลกู อยโู ดยท่วั ไปในแถบพืน้ ที่ลุมนํ้าบรเิ วณชานเมืองโฮจิมินส โดยผักท้งั สองชนิดน้มี สี าํ คัญตอเกษตรกรมากสามารถทํารายไดใ หแ กครอบครัวผู เพาะปลกู มากขึ้นทําใหมคี รอบครัวของเกษตรกรเหลาน้มี ีชีวิตความเปน อยูทดี่ ขี ึน้ รวมถงึ ขอดขี องระบบการเพาะปลกู ผกั นํ้าเหลา นก้ี ค็ อื การลงทุนตา่ํ และสามารถเพาะปลูกไดงา ยไม ซาํ้ ซอ น ทําใหเ กษตรกรผสู นใจสามารถทาํ เปนอาชพี ไดท ันที คมู ือฉบับนมี วี ัตถปุ ระสงคเ พื่อ อธิบายวธิ ีการเพาะปลูกผักนาํ้ เบื้องตนสาํ หรับผูท่ีสนใจตอไป - คูมอื การปลกู ผักกระเฉดบริเวณรอบเมอื งโฮจิมินส ประเทศเวยี ดนาม คมู ือการปลกู ผักบงุ น้าํ บริเวณรอบเมืองโฮจมิ นิ ส ประเทศเวียดนาม 1. การเลือกตน พันธ หลกั การเลอื กตน พนั ธท่ดี ี คือ มลี กั ษณะภายนอกทด่ี ี แขง็ แรง กง่ิ อวบสวยงาม มคี วามยาวโดยเฉล่ียประมาณ 30 – 40 เซนตเิ มตร มีจํานวนใบหนาแนน และมรี ากมาก ตน พนั ธตองไมเ ปน ยอดท่ี ออ นเกินไป ไมเ ปนโรค 2. การเตรียมแปลง ขนาดของแปลงกจ็ ะตา งกันขึ้นอยูกับความสามารถของผปู ลูก ขนาดแปลงทเ่ี หมาะสม สาํ หรบั การจดั การที่จะแนะนาํ คือ 1000 – 2000 ตารางเมตร แปลงเพาะปลูกควรต้งั อยูใกลแ หลงน้ํา ควรมีแหลงนํ้าใชเ พียงพอตลอดทั้งปรวมถงึ นํ้าทีใ่ ชตอ งไมมนี ้าํ เค็มปนเปอนในฤดู แลง แปลงปลกู ควรมกี ารไถกอนท่จี ะมีการปกยอด เพอ่ื ใหดินเหมาะสมตอ การ เจรญิ เตบิ โต ของพืช ควรมีการเปล่ยี นถายน้ําเขาและออกจากบอ 4 – 5 คร้ัง กอ นการปก ยอดผกั บุง ควรใชย าฆา หญา กอนการปลกู ผกั บงุ ควรหวา นปยุ อนิ ทรียเชนมูลววั กอ นการปลกู ผกั 19
3. การปก ดาํ ตน พันธผักบงุ ในแปลงนา ควรนาํ น้าํ เขา แปลงปลกู ประมาณ 20 cm จากนนั้ นําตนพันธมาปลกู ลงในแปลงโดยกด โคนใหลึกลงไปในดินประมาณ 5 cm ปลอ ยสวนทเ่ี หลือใหทอดยาวไปบนดนิ ควรเวน ระยะหา งระหวา งตนอยา งนอย 30 cm โดยเฉล่ยี จะใชตน พันธผุ ักบุง ประมาณ 1,500 กิง่ ตอ พ้ืนทขี่ นาด1000 ตารางเมตร โดย จะปลูกไดประมาณ 500 กอ ควรรักษาระดับนาํ้ ท่ี ไวประมาณ 20 – 30 cm และควรเปลี่ยนถายน้ําทุกวนั ถาเปน ไปได 4. การดแู ลรกั ษา รกั ษาคณุ ภาพนํา้ ในบอ โดยการเปลย่ี นถายนา้ํ เทาทีท่ าํ ได ตอ งถอนหญาในแปลงผกั บุงออกบอ ยๆ และควรกําจดั หอยเชอรี่ซ่งึ เปนศตั รูตัวรา ยของ ผักบงุ โดยการทําลายไขทีเ่ กาะอยูในบอ ท้ิงไปป โดยปกตจิ ะมกี ารหวานปยุ เคมภี ายใน 10 วนั หลงั จากปลูกผักบุงแลว ตวั อยา งอตั ราการ ใชป ุยในนาผักบุงขนาด 1000 ตารางเมตร คอื ปยุ ยเู รีย 7 กโิ ลกรมั ดเี อพี 5 กิโลกรมั ฟอสเฟต 5 กิโลกรมั ซงึ่ จะในทีน่ ี้จะใชป ยุ เคมีเพียงสองครัง้ ตลอดการเพาะปลกู (35 – 38 kg/ครอป) ยากาํ จดั ศัตรูพชื จะใชเพือ่ กาํ จดั หนอนใบ เพ้ยี นํา้ ตาลและเพีย้ ขาว และแมงมมุ แดงซึ่ง เปนภัยกบั ผักบงุ ยากาํ จดั ศัตรทู ่ีพบใชใ นแปลงนาผกั บุงคือ Bifoliar, Applaud 10 WP, atolik ปรมิ าณท่ใี ช ขนึ้ อยกู บั สถานการณและตามทีฉ่ ลากแนะนําทต่ี ิดมากับยาแตละชนิด รูปท่ี 6 รูปยากําจัดศตั รพู ืชสาํ หรัยผักบุง 20
ขอควรระวงั ดังตอ ไปนี้คือนํา้ เค็มปนเปอ นอาจเปนอันตรายตอผักบุงนาํ้ แสงแดดแรงเกนิ ไป อาจทาํ ใหเ กิดความเปนกรดสูงในนํา้ ใหร ากผกั บุงเนาถอนรากไดหรือชว งใดทฝ่ี นตกมาก เกินไปก็อาจทําใหผกั บุง รากเนา ได บอยครง้ั ท่พี บวา การถา รจู กั การสงั เกตุอาการของโรค ผกั บุง กจ็ ะพบวา ปญ หามักจะเกดิ ในชว งระยะเวลาหรอื ฤดกู าลเดียวกันเสมอๆ ทําใหเ รารูจ ัก การปองกันหรอื หลีกเลยี่ งชวงระยะเวลาดงั กลาวได รปู ที่ 7: อาการของใบมวนทเ่ี กดิ จากหนอนผกั บุง รปู ท่ี 8 การตายของผักบุงในแปลงทม่ี ีนาํ้ เคม็ เขา มาปนเปอ น 21
5. แรงงาน สาํ หรบั พืน้ ทป่ี ลกู ผักบงุ ประมาณ 1000 ตารางเมตรนน้ั ตองการคนงานเพียง1 คน เทาน้ันและจะใชเวลาในแปลงผักบงุ เพยี ง 1 – 2 ช่ัวโมงตอ วนั ตกประมาณ 20วนั ตอ เดอื น ในชว งเวลา วันของการเกบ็ เกยี่ วในหน่ึงเดอื นน้นั ตองการแรงงานเพิ่มอีกอยา งนอยหน่ึงคน เพ่อื ทาํ การเก็บผักบุงโดยใชเวลาอยางนอ ย 3 – 6 ช่ัวโมงตอ วัน ในการเพาะปลกู ผักบุงน้ันใชแ รงงานนอยกวา ระบบการเกษตรอ่ืนๆ มาก อยางไรก็ ตามในชว งการเกบ็ เกยี่ วกอ็ าจจะเปนชวงท่ที ํางานหนักกวาปกติเสมอ 6. อปุ กรณ อปุ กรณทใ่ี ชจะเปนอปุ กรณพ ื้นฐานทัว่ ๆไปเชน ถงั พนยา, ถงั ใสป ุย, ถงุ มือ,หนากาก, จอบ, และมดี สําหรับการเกบ็ เกยี่ ว สว นรถจักรยานยนตน ั้นเปนสิง่ จําเปนที่ใชใ นการเดินทางและนาํ ผกั บงุ ไปขาย รูปที่ 9 การขนยายผกั บุงโดยรถจักรยานยนต 7. วิธีการเกบ็ เกีย่ วผักบงุ หลงั จากปลูกผกั บุง ไปได 35 – 38วนั ก็จะเร่ิมทําการตัดไปขาย โดยใชม ีดขนาดเล็ก เลอื กตดั เฉพาะยอดผกั บุงโดยจะตดั ทกุ ยอด หลงั จากนั้นนาํ ยอดผักบุงมามัดรวมกนั เปนกาํ โดยน้ําหนกั เฉลยี่ กาํ ละ 1.2 กโิ ลกรมั โดยปกติเกษตรกรจะสามารถเลอื กไดวาจะขายเฉพาะ กา นซ่งึ จะตอ งจา งแรงงานมาชวยตดั ใบท้ิงกอ นนาํ ไปขายสง ท่ีตลาด หรอื เกษตรกรบางราย อาจนําผกั บุง ทงั้ หมด (รวมทง้ั ใบ) ไปขายใหกับบอ ปลาเพ่ือเปน อาหารใหปลากินพชื ท้งั หลาย 22
รปู ท่1ี 0 ภาพผกั บงุ ท่ีกําลังเจริญงอกงามดใี นแปลงนา รูปท1่ี 1 ภาพเกษตรกรกําลังเกบ็ เกย่ี วผักบุง รปู ที่ 12 การตัดใบผกั บงุ ทงิ้ กอนการสงขายตลาด 23
ปจจยั เรือ่ งฤดกู าล พบวาผลผลติ ของผักบงุ ในชวงฤดูแลง จะนอยมาก (ม.ค.-พ.ค.) โดย พบวาสามารถเกบ็ เกี่ยวไดเ พยี ง 30 กาํ ตอพ้ืนที่ 1000 ตารางเมตรในชว ง 10 วนั ของการเก็บ เก่ียวในแตร ุนเทาน้ัน สว นในฤดูฝนพบวา ผักบุงเจรญิ งอกงามดี โดยสามารถเก็บเกีย่ วไดถงึ 60กาํ ตอพ้ืนที่ 1000 ตารางเมตรในการเก็บเกย่ี วของแตล ะวนั และอาจจะตดั ผกั บุง ไดถ ึง 15 วันตอครอป การเก็บรักษา ผักบงุ ท่ถี ูกตัดแลวแตย งั ไมไ ดสง ขายตอ งเกบ็ ในท่ีเย็นและตอ งไมใหผกั ถกู แสงแดด เพอื่ ใหผักคงความสดควรรดน้ําบอ ยๆ เพือ่ ปอ งกนั ผักเหย่ี วจะทําใหเ สียราคาตาม ไปดว ย การเปลยี่ นพันธผักบงุ ใหม โดยสวนใหญเกษตรกรจะเปลยี่ นกิ่งพนั ธผักบงุ ทจี่ ะใชป ลูกทุกๆ 1 – 1.5 ป เพื่อใหมั่นใจวาจะไดผ ลผลิตตอ เน่ืองเพราะเมอ่ื ผกั บุงทป่ี ลกู อายเุ พิ่มขน้ึ เรอื่ ยๆจะทํา ใหผ ลผลติ ลดลง ราคา ราคาผลผลติ ผกั บุงคอ นขา งจะคงที่ โดยราคาเฉลย่ี อยูที่กําละประมาณ สาม-หา บาท แตใ นฤดแู ลงราคาจะเพิ่มขึน้ ถงึ ประมาณกําละ สบิ บาท 8. โรคผักบุง โรคใบมวนท่ีเกิดจากหนอน เพ้ียนา้ํ ตาล เพยี้ ขาว และแมงมุมแดง รวมถึงหอยเชอร่ี ส่ิง เหลาน้ลี วนเปน ศัตรูตอ การปลูกผกั บงุ ขอ มลู เรือ่ งการกาํ จดั ศตั รพู ชื สามารถรับไดจ ากกรม ควบคมุ ศัตรพู ืชและบรษิ ทั ผผู ลิตยาฆาแมลงบางชนิด 9. โรคผกั บงุ และการรักษา (ขอมูลจาก ธาน ธิ เทยี น อนั กรมปองกันพันธพุ ชื คณะ อตุ สาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยนองลมั แหง นครโฮจมิ นิ ส) ก. โรคราสนิม ลกั ษณะของโรค เกดิ การตดิ เช้ือที่ตาออ น กาน และกา นใบ ใบเกิดการผิดรูป เชนใบหงกิ ใบถกู ปกครมุ ดว ยราสีขาว ถาไมไ ดรบั การรักษา ราสขี าวเหลา น้ีจะขยายเปนวงกวา งซงึ่ สามารถเกิดความ เสยี หายตอ ใบผักบุงได การปอ งกนั และรกั ษา จดั การแปลงเพราะปลกู อยางดี นาผกั บงุ ควรสูบนาํ้ ออกและตากใหแ หงในชว งการเตรยี มแปลงเพาะปลูก ใชยา Mexyl MZ 72WP, Zineb 80WP ฉดี พน เพื่อการฆา หญา ในแปลงนา ในชวงการเตรยี มแปลงเพาะปลูก เพอื่ ปองกันโรคระบาดแนะนาํ ใหใ ช Alpine 80WP, Curzate M-8 50W ฉดี พน ให ทว่ั เม่ือพบวา ผกั บุงเปนโรคในระยะแรก 24
รปู ที1่ 3 ภาพแสดงใบผักบุง ท่ีพบวาเปนโรคราสนมิ ข. โรคจุดตามใบผกั บงุ ลกั ษณะของโรค สามารถเกิดไดในผักบุงทุกชวงอายุ แตสว นใหญจะพบในใบแกก อน เมอ่ื เรม่ิ ตดิ เช้ือจะพบวาใบผักบงุ จะมีจุดกลมๆ รูปไขเกดิ ขนึ้ ขนาดประมาณ 2-3 มลิ ลิเมตร จนอาจใหญไดถ งึ 1 เซนติเมตร เม่ืเกิดการระบาดแบบหนักๆ จะพบจดุ ท่ีเกิดขน้ึ ตามใบจะเปล่ียนสีเปนสเี ทาหรอื สี นาํ้ ตาลแดง การติดเชื้อโรคทีใ่ บผักบุงนีอ้ าจทําใหใบฉีกหกั หรือตายได โรคท่ีพบมกั จะเกิดกับใบดานลางกอนเสมอๆ การปองกนั และรกั ษา ควรตดั ใบทพ่ี บตดิ โรคนําออกไปทงิ้ นอกแปลงนาหรือเผาทาํ ลายเสีย ใชยา Zineb 80WP, Rovral 50WP, Funguran OH 70WP aทป่ี รมิ าณการใชที่ ความเขม ขน 0.2% เพื่อนํามาพน บริเวณใบเพอ่ื ปองกันโรคระบาด รปู ที่14 โรคใบจดุ ในผักบุง 25
10. ปญ หาท่ีพบ ปญหาที่สําคญั คืแมลงศตั รูพืช ไมส ามารถควบคมุ การเปล่ยี นแปลงของสภาพอากาศได มลภาวะทางน้ําทําใหผ กั บงุ ตายและขาดการเจรญิ เตบิ โตเปน จํานวนมาก ผลจาการใชยาฆาแมลงมากเกินไปกอใหเกิดการตกคางอยใู นผกั บุงและจะเปน ผลเสียตอ ผูบริโภค 11. การปองกนั ใชถุงมือยาง หนา กาก ยาง เส้อื ครมุ เมอ่ื จะฉดี พนยาฆา แมลง 12. ผลกําไรที่ไดร ับ จากผลการศึกษาพบวา พื้นท่ปี ลกู โดยเฉลี่ย 2500 ตารางเมตร นัน้ ตอ งใชแรงงานใน ครอบครัว ส่คี น พบวาเกษตรกรสามารถทํารายไดเ ขา ครอบครัว 77980 บาทตอ ป โดย รายไดท้งั หมดนีจ้ ะเปนคา ใชจายแรงงานในครอบครัวประมาณ 50 บาทตอวัน โดย ยังพบวา อาชพี นีย้ งั คงทาํ รายาํ ดคอนขางตํา่ คอื 3094 ตอป สาํ หรับ 2500 ตารางเมตร 13. ผลประโยชนที่ไดจ าการปลูกผักบุง ผักบุงเปนผักที่มคี วามตองการจากผูบริโภคในเวียดนามสูงมาก โดยสามารถนาํ ไป ปรุงอาหารไดห ลากหลาย และผักบงุ ยงั เปน แหลงอาหารทส่ี ําคัญในชวี ติ ประจําวนั สําหรับคน ในเมอื งโฮจิมนิ ส ดว ยรายไดท ดี่ จี ึงมเี กษตรกรปลูกผกั บุงจาํ นวนมาก นอกจากน้ีอาชีพปลูกผกั บงุ ยัง ชวยกระจายรายไดแ ละสรางงานไปยังหนวยตางๆ เชนการจางคนมาตดั ใบทง้ิ กอรนาํ ไปสง ขาย 26
คมู ือการปลกู ผกั กระเฉดบริเวณรอบเมอื งโฮจมิ ินส ประเทศเวียดนาม 1. การเลือกตน พันธ การปลกู ผกั กระเฉดท่ปี ระสบความสําเรจ็ ข้ึนอยูกับคุณภาพของตน พันธเปน หลกั เราจึงควร เลือกตนพนั ธทุ ด่ี ีตามหลกั การตอไปน้ี มลี กั ษณะภายนอกทีด่ ี แข็งแรง กิ่งอวบใหญ มที นุ ทีส่ มบรู ณ สวยงาม มคี วามยาวโดยเฉล่ยี ประมาณ 40–60 เซนติเมตร มจี ํานวนใบหนาแนน และมีรากแขง็ แรง ควรเปน ยอดออ น อยา เลือกยอดตนพันธท ีแ่ ก เกินไป ไมเ ปนโรคท้ังทบ่ี ริเวณก่ิง กา นรวมถึงทุนรอบๆกงิ่ ควรมีใบทส่ี ด แขง็ แรงไมม อี าการเหี่ยว หรือใบเหลืองปรากฎ รปู ท่ี 1 ภาพการการผกั กระเฉดท่เี รมิ่ ปลูกใหมๆ 2. การเตรียมนาปลูกผักกระเฉด ขนาดของแปลงกจ็ ะตา งกนั ขนึ้ อยูกบั ความสามารถของผูปลูก ขนาดแปลงทเ่ี หมาะสม สําหรับการจดั การท่จี ะแนะนําคอื 1000 – 2000 ตารางเมตร แปลงเพาะปลกู ควรต้งั อยใู กลแหลงนํ้าสามารถเปลี่ยนถายนาํ้ ไดสะดวก ควรมแี หลงน้ําใชเพียงพอตลอดทงั้ ปร วมถึงนํ้าทใี่ ชตอ งไมมีนํ้าเคม็ ปนเปอ นในฤดแู ลง ผกั กระเฉดตองการนาํ้ ท่มี ีคุณภาพดี การเปลยี่ นถายน้ําบอ ยก็ทําใหผ ักมกี ารเจริญเตบิ โตดีขึ้น แปลงปลกู ควรมกี ารไถกอ นท่ีปลกู ผัก เพ่อื ใหดินเหมาะสมตอ การเจรญิ เติบโตของพชื ควรมกี ารอดุ รอยร่ัวของแปลงนาผักกระเฉด(ถา มี)ทุกครงั้ ทต่ี ากบอในบริเวณนํ้าทว มถงึ ควร สรา งคนั นาสูงกวาปกติเพือ่ ปอ งกันนํ้าทว ม ควรใชย าฆา หญา กอ น 2-3 การนา้ํ เขา แปลงนา ควรปลกู ผกั กระเฉดหลงั จากนําน้ําเขาแปลงนา 4 – 7 วนั เพ่ือใหดนิ และนํ้ามกี ารปรบั สภาพ หรือเกษตรกรควรมีบอ พกั น้ําเพ่ือพกั นํา้ ไวอ ยา งนอ ย 2-3 กอ นการสบู นํา้ เขา แปลงนา 27
หลังจากนาํ นา เขาบอแลวสามารถหวา นปยุ คอกเพื่อใหเ ปนสารอาหารคงอยูในน้าํ กอนการ ปลูกผกั ถา ใชป ยู ขีห้ มู ควรใชในอตั ราสวน 50 กก./1000 ตอ ตารางเมตร 3. การปลกู ผักกระเฉดในแปลงนา การปลกู นน้ั มีสองวิธีท่ใี ชอยใู นเมอื งโฮจิมินสคือ วิธที ี่ 1นําผักกระเฉดมาแยกเปนกาํ ๆ กาํ ละ3 – 4 ยอด แลวกน็ ําแตล ะกาํ ไปมดั กับไมไผซ่ึง ตรงึ อยกู บั กน บอ ควรควรเวน ระยะหางละหวา งกอ กอละ1.5 – 2 เมตรซึ่งจะทาํ ใหผ กั กระเฉด จะทอดยอดไดด ขี ้นึ แตถาเวน ระยะนอ ยเกนิ ไป ผักกระเฉดจะแนนเกินไป ทาํ ใหก าร เจริญเติบโตและผลผลิตไมด ีเทาทคี่ วร วธิ ที ี่ 2 คือการนํายอกผักกระเฉดทเี่ ปนตนพนั ธไุ ปมดั ไวกับเชอื กท่ขี งึ กบั หลักซ่งึ สามารถ เลื่อนข้นึ ลงตามระดับนาํ้ ในบอได โดยแยกเปน แถวๆ แตล ะแถวมีระยะหางอยางนอยคร่งึ เมตรเพือ่ การเจรญิ เติบโตทด่ี ี ผกั กระเฉดมกั จะปลูกรว มกับแหนเพ่ือใหแ หนชว ยบงั รม ใหผกั กระเฉดทําใหแ สงแดดสง ผา น ไมถ งึ กนบอทาํ ใหไมมีสาหรายในบอ แตเ กษตรกรก็ตอ งกําจัดแหนออกบา งถามมี ากเกินไป เพราะแหนเหลา นีก้ ด็ ดู แรธาตุในบอ ผักกระเฉดดว ยเหมอื นกัน ปกตแิ ลวแหนท่ีไดจากนาผัก กระเฉดจะถูกขายใหบอปลาเปนรายไดเ สริมตอ ไป 4. การดูแลรักษาและการจัดการ ควรเปลี่ยนถายนํา้ ในบอบอยๆ เพ่ือรักษาคณุ ภาพนาํ้ ในบอ โดยปกติแลวเกษตรกรที่น่ีจะ ถายนา้ํ ประมาณ สองคร้ังตอเดอื น นา้ํ ทจ่ี ะนํามาเปล่ียนถา ยก็ควรเปน นํา้ ที่มีคณุ ภาพดีเชน ในชว งนา้ํ ข้นึ เปน ตน ควรกําจัดแหนออกเปน ประจําเพราะถา มแี หนมากเกินไปนอกจากผักกระเฉดจะโตไมไ ดี แลวยังทาํ ใหมีหนอนจาํ พวก Nymphula enixalis และ Pyralis sp.ซ่งึ จะทาํ ลายผลผลิต ผกั กระเฉดจํานวนมาก ปญ หาเรอ่ื งปริมาณที่เหมาะสมของการปลูกผักกระเฉดรว มกบั แหนนนั้ สามารถเรียนรูไดจากประสบการณ รูปท่ี 2 การดแู ลรกั ษาผักกระเฉดในแปลงนา เชนการเปล่ียนเชอื กมดั 28
แหนท่ไี ดจ ากแปลงผกั กระเฉดสามารถขายเปนอาหารปลาเพอื่ เปน รายไดเสรมิ ไดแ ต เกษตรกรกต็ อ งใสปยุ ลงในแปลงนาเพ่ิม การหวา นปยุ ในนาผักกระเฉดน้นั อัตราการใชจะแตกตางกันไปเชนจะกระทําทุกๆ 3 วนั ในชวงเดือนมีนาคมถงึ เดือนสิงหาคม และเกษตรกรสว นใหญจะหวา นปยุ ทกุ วันในชวงเดอื น กันยายนถงึ เดือนกุมภาพันธุ สวนปยุ ทใ่ี ชจ ะมีดังตอ ไปน้ี ปยุ ยูเรยี 3 – 5 กิโลกรมั ตอ ครัง้ นาํ มาละลายในนํา้ สาดใหท ั่วบอ ปยุ ฟอสเฟต 7 – 10 กิโลกรมั ตอครงั้ นํามาละลายในน้าํ สาดใหทวั่ บอ DAP: 3 – 5 กิโลกรัมตอครง้ั นํามาละลายในนําสาดใหทั่วบอ ปุย หมักท่ไี ดจ ากการหมกั ผักหรือหญานมาสาดในบอในปรมิ าณ 0.3 – 0.5 กโิ ลกรมั ตอ ครั้ง ยากาํ จดั แมลงศตั รูพชื ควรใชในอตั ราสวนทร่ี ะบุในฉลากยาโดยควรใชเฉพาะเมือ่ พบวามี แมลงรบกวนใบหรือทุน ของผกั กระเฉดเทา นั้น ยาทใี่ ชควรฉีดพน เหนือแปลงผักกระเฉด เทาน้นั เกษตรกรควรสงั เกตรแปลงผักกระเฉดของตวั เองอยา งใกลชิดเพอ่ื การปอ งกนั โรคหรือแมลง ไดท นั เวลา โดยปกติแลวผักกระเฉดเปน ผักทไี่ มคอยทนทานตอ โรคสามารถตดิ โรคและ ระบาดไดทั่วแปลงนาภายในสามวนั ซึ่งยาฆาแมลงท่ใี ชกันอยูท้ัวไปคอื Wofatox 50ND, Furadan, Basudin 10H, Sevin 50BHN, DDT 30ND อยา งไรก็ตามอัตราการใชไมคอ น แนน อนขึ้นอยูกับปรมิ าณการระบาดของโรค 5. แรงงาน โดนเฉลีย่ แลวพบวาเกษตรกรผูปลูกผักกระเฉดหน่ึงครอบครวั มแี ปลงนาขนาด ตารางเมตร แรงงานสวนใหญม ีหนาที่ตัดผักกระเฉดหรือดูแลแปลงผักเปนสวนใหญ โดยเฉพาะชว งเกบ็ เกยี่ วผักกระเฉดซง่ึ สวนใหญม ักจะทาํ งานเต็มเวลาทาํ ใหเ กษตรกรผูปลกู ผกั กระเฉดไม สามารถทาํ งานอืน่ ได 6. อปุ กรณภ ายในฟารม การปลูกผกั กระเฉดไมจาํ เปนตองมีอุปกรณมาก ไมตองลงทนุ มากเกินไป การปลูกผกั กระเฉดกค็ งใชเพยี งจอบ ยาฆา แมลงและควรมจี กั รยานยนตเ พอ่ื การสงผกั ไปขายตลาด 7. การเกบ็ เกีย่ วผกั กระเฉด หลงั จากปลูกผักกระเฉด 3 – 4 วัน กส็ ามารถตดั ผักขายได โดยปกติในการตดั ครงั้ แรกจะ เลอื กตดั ยอดผกั กระเฉดออกเพียงครง่ึ เดยี วกอนเพ่ือปลอยใหย อดทเี่ หลอื เจริญเติบโตทด่ี ีขนึ้ ควรตดั ผักยาว 0.5 – 1 เมตร ผลผลติ ท่ีไดจะแตกตา งกันไปตามฤดูกาลเชนในฤดรู อ นจะตัดผักไดเพียงหนึ่งครง้ั ตอ สปั ดาห็ แตในฤดูฝนสามารถตดั ผักไดท กุ วนั 29
รปู ท่ี 3 แสดงภาพการตดั ผกั กระเฉด การบรรจุหีบหอเพ่อื การขาย กอ นการขายตองจัดผักและกาํ เปนมดั ๆเพือ่ สงขาย กอนหนา นัน้ คอื การทําความสะอาดตัดราก ใบท่เี นาเสยี รวมถงึ ทุน ออกจากยอดผกั กระเฉดกอ นการนาํ ไป มดั รวมเปน กํา แตแ ละกําประกอบดวย ผกั กระเฉด 10 – 20 ยอด ขึ้นอยกู ับขนาดของยอดซึง่ โดยปกตแิ ลวแตละกาํ จะหนกั เฉลี่ยประมาณ5 กิโลกรมั จากน้ันกน็ ําสง ขายไดเ ลย การเก็บรกั ษา ผกั ท่ไี ดห ลงั จากการเก็บเกย่ี วแลว น้ัน ตอ งสงตลาดใหเ รว็ ที่สดุ เพือ่ รกั ษาความ สดของผัก นอกจากนีค้ วรจะเก็บผักไวใ นท่ีเย็นและฉดี พนนํ้าบอยเพ่อื รกั ษาคณุ ภาพผกั และ ไดราคาดเี มื่อสงขาย การปลูกผักกระเฉดใหมใ นแตล ะรนุ ผกั กระเฉดตองมีการปลูกใหมท ุกๆ ป เพื่อใหผ ลผลิต ตอ เน่ืองและคงคุณภาพดี เพราะผลผลิตจะตกต่ําเมอื่ ผกั แกขึ้น การขายผลผลิต ผกั ที่เก็บเกยี่ วและทาํ ความสะอาดแลวมกั จะถูกขายในตลาดคาสง ในชว กลางคืน แตเกษตรกรบางรายกข็ ายใหกบั พอคาคนกลาง รา นคาปลีกท้งั ใกลและไกล ราคา ราคาของผักกระเฉดจะไมคอยคงทีข่ นึ้ อยกู ับคุณภาพทีไ่ ดแ ตร าคามกั จะสูงเสมอ ในชวงฤดรู อ นเพราะปริมาณผลผลติ ทไี่ ดนอยกวาฤดูอ่นื ๆ ซ่ึงพบวาบางปราคาผักกระเฉดใน ฤดูรอนอาจสูงกวาราคาผักกระเฉดในฤดูหนาวถึง 3 เทา 8. โรคผักกระเฉด ไมม กี ารระบแุ นชัดเรอื่ งโรคและการรกั ษาโรคในผักกระเฉดรวมถงึ การจดั การคณุ ภาพนํ้าใน บอดวยโโยสว นใหญเ กษตรกรก็จะใชยากาํ จัดศัตรูพืชสําหรับพชื ใบทวั่ ไปในการรักษาโรคผัก กระเฉด 30
รปู ท่ี 5: แสดงทนุ ของผกั กระเฉดในแปลงนา 9. ปญหา ไมม ีวธิ ีการปองกนั โรครวมถงึ วธิ กี ารรักษาทีแ่ นนอน สถาพอากาศที่ไมเ หมาะสม เชน หมอกลง อาจเปน สาเหตขุ องการตายหรอื ผลผลิต ตกต่าํ ยงั ไมม ีวธิ กี ารทเ่ี หมาะสมในการปลูกผักกระเฉด นาํ้ เสียจากโรงงานอุตสาหกรรมทาํ ใหเ กษตรกรปลูกผักกระเฉดไมไ ดผลดี ราคาตกต่ํา 10. การปอ งอันตรายท่ีจะเกดิ กับสขุ ภาพของเกษตรกร การปองกันตัวแบบงายๆ เพ่อื ปองกนั อนั ตรายทจ่ี ะเกิดกบั สุขภาพของเกษตรกรคือ การใชถงุ มอื รองเทา ยาง และหนา กากในการฉีดพนยาศตั รพู ชื อยา งไรก็ตามมเี กษตรกรเพียงบางคน เทาน้นั ท่ีใชอุปกรณปื อ งกนั เหลา น้ี 11. เศรษฐกจิ พ้นื ทเี่ ฉลย่ี ของแปลงนาพ้ืนที่ 2000 ตารางเมตร โดยใชแ รงงาน สองคน ทํางานเตม็ เวลา เกษตรกรกจ็ ะสามารถทาํ รายไดประมาณหาหมืน่ บาทตอ ปซงึ่ จะเปนรายไดห ลกั หลงั หกั คาใชจายคอื ประมาณสีห่ มื่นบาท 12. ประโยชนของการปลูกผักกระเฉด การปลูกผกั กระเฉดไมไ ดหมายความวา จะไดประโยชนแ ครายไดเ ทา น้นั แตยงั เปน แหลง อาหารทส่ี าํ คญั ใหกบั คยในประเทศและยังชว ยเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพและผลผลิตทางการเกษตร ของเมอื งโฮจิมินสใ นพนื้ ท่นี ํ้าทว ม แตอ ยางไรก็ตามพบวา การขยายตัวของชุมชนเมืองเปน สาเหตใุ หค ุณภาพน้ําตกต่ําและเปน สาเหตใุ หเกษตรกรทาํ การเพาะปลกู ผักกระเฉดไดยาก ขน้ึ 31
เทคนคิ การปลูกผกั น้าํ บริเวณรอบเมอื งฮานอย ประเทศเวียดนาม จดั ทําโดย ดร. ฟาม อัน ตว น, นางเหงยี น ธิ เฟอ ง, นส. เหงยี น ธิ ฮาน เธยี น, นางโฮ คมิ เดียป , นายฟาม เบา และนาง เหงียน ธิ ธาน สํานกั วจิ ยั เพ่อื การเพาะเลีย้ งสตั วนาํ้ เมืองดนิ แบง ฮานอย ประเทศเวยี ดนาม บทนาํ ผักน้ําเปน สวนหนง่ึ ของชีวติ ประจาํ วันเปน แหลง สารอาหารวิตามนิ และแรธ าตอุ ยางดีตอ ประชาชน บริเวณพน้ื ท่เี ขตชุมชนเมืองมคี วามเหมาะสมตอการปลูกพชื นา้ํ เปน อยางดเี พราะ ลักษณะพน้ื ทีท่ หี่ ลากหลายก็สามารถนาํ มาปลูกผักนา้ํ ไดดี โดยเฉพาะผักบงุ สามารถปลูกได ดที ั้งในนา้ํ และบนดนิ นอดจากนย้ี งั สามารถปลกู และเกบ็ เก่ยี วผลผลติ ไดนานถึง 9 เดือน ใน รอบปยกเวน ในฤดหู นาว คือชว ง ธ.ค.-ก.พ. จะไมส ามารถปลูกผกั ระเฉดไดผลดี แตเมื่อผลผลติ ผักบุง ลดลงก็ยังมผี ักกระเฉดและวอเตอรครสี ทเ่ี จริญเตบิ โตไดด ที ้ังบนดนิ และในนํ้าแตตอ งใกลแหลงนาํ้ สามารถเปล่ียนถา ยนํา้ ไดด ี ผักกระเฉดจะเกบ็ เก่ียวไดดี ในชวง ม.ี ค.-ก.ค.และ ผลผลิวอเตอรครีสจะออกในชวง ต.ค ถงึ เดอื น มี.ค. หลกั การปลกู พชื น้ําเหลานค้ี อนขา งจะงาย การลงทนุ ตํา่ และยังสามารถใชแรงงานภายในครอบครัว ซง่ึ จาก การศึกษาพบวา พืชนาํ้ เหลา น้ีทาํ รายไดใหเกษตรกรคอ นขางสูง การปลกู ผกั บงุ นํ้าบริเวณรอบเมอื งฮานอย ประเทศเวียดนาม ในเมืองฮานอย ประชาชนชอบรับประทานผักบงุ มาก ปกติจะใชประกอบอาหารอยทู ุกวัน ท่ี การปลูกผักบุง ของเมืองฮานอยสว นใหญจะปลูกในนํา้ ท้ิงท่สี ง มาจากชมุ ชนเมอื งเมือง เมืองฮานอยมีการปลูกผักบงุ ไดสองวิธี คือ การปลกู ผกั บงุ แบบปลอ ยลอยน้าํ เกษตรกรผปู ลกู ผักบุงแบบลอยอยนู ้ําในเมอื งฮานอยจะเรม่ิ ทําการเพาะปลกู ในชวงเดือน พฤษภาคม และจะทําการเก็บเก่ยี วหลงั จากปลกู หนึง่ เดือนไปจนถึงปลายเดอื นกันยายน ซึ่ง ปกตจิ ะเก็บเกี่ยวผลผลติ ประมาณ 20วันตอ รนุ 1. การเตรียมแปลงนาหรือคลองทจ่ี ะปลกู ผักกระเฉด การปลกู ผักบงุ โดยการปลอ ยลอยอยใู นนํ้าน้ันสามารถสามารถปลูกไดเ ปนจํานวนมากๆ เชนในลาํ คลองหรอื บอ ทเี่ คยเปน นาขาวหรอื บอปลามากอ นกส็ ามารถเปล่ยี นมาเปน 32
แปลงนาบุงได โดยพื้นท่เี พาะปลกู จะแตกตา งกนั ไปแลว แตเกษตรกรแตละราย โดย พืน้ ทเี่ พาะปลูกที่พบโดยเฉล่ยี คอื 300 – 400 ตารางเมตรซง่ึ จะงา ยตอการดูแลรกั ษา แปลงนาผกั บุง ควรมีทอ น้ําเขาและออกในแตล ะแปลง อยาเพิ่งหวา นปุยในชว งการเตรยี มแปลง 2. วธิ ีการปลูก ใชยอดผักบุงอายุ 30-40 วนั มาตดั ยอดออกแลงมัดรวมเปน กําใหญๆ (ดงั รูปที่ 1) จากน้ันท้งิ ไวป ระมาณหนึง่ อาทติ ย ซ่ึงชวงนี้ใบผักบงุ ทเี่ พิ่งปลกู จะหลุดลวงออก และก็จะเรมิ่ แตกยอด ใหม (ดงั รูปท2ี่ ) เมื่อผกั บุงท่ปี ลกู ไวเ ร่ิมทอดยอดในรองน้ํายาวข้ึน ควรจะนาํ ไมมาปกเพ่อื ให ผักบุงอยใู นพ้นื ที่เดิม (ดังรปู ท3่ี ) ผลผลิตที่ไดต กประมาณ 100-150 กิโลกรัมตอ พนื้ ที่ 150 ตารางเมตร รูปท่ี 1 การรวบรวมยอดผักบงุ เขา ดวยกันเพื่อใชเปนตน พนั ธุ รปู ท่ี 2 ยอดออนทีเ่ พ่ิงแตกตัวใหมจ ากยอดผักบงุ เดมิ 33
รปู ที่ 3 ผักบงุ เร่มิ ทอดยอดไปท่ัวลาํ นํ้า 3. การจัดการและการใสปยุ หลังจากการปลกู 5-7 วนั ควรมีการใสป ุยยเู รยี 2-3 กก.ตอพนื้ ที่ 360 ตารางเมตรตอ รุน ควรรักษาระดับน้าํ ในแปลงนาผักบุงท่ี 2-3 เซนติเมตร ควรเติมนํ้า 1-2 ครงั้ ตอสปั ดาห หลังการเก็บเกีย่ วทกุ คร้งั ควรมหี วานปยุ ยเู รยี ตามอตั ราท่ีแนะนาํ 4. การใชย าฆาแมลงในเมืองฮานอย เกษตรกรสวนใหญจ ะใชยาชื่อมอนเิ ตอร โดยมีสวนผสมหลักๆ คือ Dimethylacetin phosphoramidothioate 40% ใชฉดี พน ทกุ คร้ังหลังการเกบ็ เกย่ี วหรือเมอื่ พบวาผักบงุ เรมิ่ แตกยอดออ น 3-5เซนติเมตร 5. การเก็บเกี่ยว ผักบงุ ที่ลอยอยใู นนา้ํ จะสามารถเกบ็ เก่ยี วไดหลังจะปลอยลงในน้ําแลว 17-20 วนั ถาพบวา นํ้าลึกเกนิ ไปก็สามารถใชเรอื เขา ไปตัดผักบุง ได วิธีการเกบ็ เก่ียวที่ดที ี่สุดคอื การเด็ดดว ยมือ โดยตัดออกประมาณ 35 เซนติเมตรจากยอดและตอ งสูงจากรากประมาณ 5 เซนติเมตร หลังจากตดั ยอดออกแลว นาํ มาทําความสะอาด กําจัดใบเหลืองๆ หรือใบเนาออกจากนัน้ มา มามัดเปน กาํ หนกั กาํ ละ 800-900 กรัม ผลผลลลติ โดยเฉล่ยี 400-500 กํา ตอ พื้นท่ี 360 ตารางเมตร เกษตรกรสวนใหญจ ะตดั ผักบุง ในชวง บายสามโมงถงึ หา โมงเย็น เพื่อในไปสง ตลาดในชว งกอนหกโมงเยน็ เพือ่ ใหไ ดราคาดที สี่ ุด 34
หลงั จากการเก็บเกีย่ วคร้ังที่ สาม ประมาณ 60 วนั ตอ งทาํ ลายแปลงนาผกั บงุ เดิมและปลกู ใหมเพราะผลผลิตเรมิ่ ลดลงเพราะผกั บุงแกเ กินไป การปลกู ผักบงุ นา้ํ ในแปลงนา วิธีการปลูกผกั บุงแบบน้ตี องเติมนาํ้ เขาบออยา งนอ ย 2 คร้ังตอสปั ดาห ซึ่งจะคลา ยๆ กบั การ ปลูกผกั แบบผสมผสาน 1. การเตรียมแปลงนา การปลูกผักบุงแบบน้สี ามารถปลูกไดท ้งั ในพน้ื ท่ีลุมนํา้ หรอื พน้ื ดินธรรมดา พื้นท่ที ่จี ะ ใชปลกู ก็ข้นึ อยูกับความตอ งการของเกษตรกรแตข นาดทีแ่ นะนําคือ 360 ตารางเมตรซึง่ จะ งายตอ การจัดการ แปลงนาควรอยใู กลแ หลงน้าํ ควรไถนากอนการปก ดาํ ตนพนั ธุ ควรใสป ยุ ดังตอ ไปน้ี ฟอสเฟส 10 กก. ตอ พ้นื ที่ 360 ตารางเมตร 2. วิธีการเพาะปลูก สวนใหญเ กษตรกรจะเรมิ่ ปลกู ผกั บงุ ในเดือนมีนาคม และเรมิ่ เก็บเก่ยี วจากเดอื นเมษายนไป จนถึงเดอื นธันวาคม ซ่ึงสามารถเกบ็ เกี่ยวผลผลติ ไดประมาณ 10-13 คร้ัง ตอ รุน การปลูกจะทําไดโ ดยเตรียมยอดผักบงุ มาเปนตนพันธุจ ากนั้นนาํ มาปกลงในดินเปนกอ กอล ละ 2-3 ตน ใหเ ปน แถวตรง โดยเวนระยะหา งระหวา งกอประมาณ 15 เซนติเมตร และท้งิ ระยะหางระหวา งแถวคอื 20 เซนติเมตร ควรรกั ษาระดบั นาํ้ ใหสูงประมาณ 3-5 เซนติเมตร 3. การจกั การและการใสปยุ การจัดการและการใสปุยจะขึน้ อยูกับฤดูกาล ฤดูรอ น (เม.ย.-ส.ค.) ใสป ยุ ยเู รีย 5กก. และปุยฟอสเฟต 10 กก.ตอ พืน้ ท่ี 360ตารางเมตร ทกุ คร้ังหลงั เมอ่ื พบวาผกั บุงแตกยอดออนออกมาประมาณ 5-7 เซนติเมตร ฤดหู นาว (ก.ย.-ก.พ.) เมือ่ เริ่มปลกู ผักบุงรุนใหมใหใสป ุยฟอสเฟต 10-15กก. และ NPK 20 กก.ตอพนื้ ที่ 360 ตารางเมตรทุก เม่อื ผกั บงุ แตกยอดยาว 7เซนติเมตร ใหใ สปยุ ยเู รยี เพ่มิ 3 35
กก.ตอ พ้ืนที่ 360 ตารางเมตร ถา สภาพอากาศไมดีกไ็ มควรนา้ํ ทิง้ เขาบอ แตสวนใหญพบวา เกษตรกรจะเกบ็ ผลผลิตชวงฤดูหนาวไวใ ชใ นการปลูกผกั บุงในรุนตอไป 4. การใชย าฆาแมลง ควรฉีดพน ยาหรอื จากผักบงุ เร่ิมแตกยอดออ นยาว 5-7เซนตเิ มตร หรือเม่อื พบวามแี มลง ศัตรูพชื ปรากฏ ตัวอยา งของยาฆา แมลงทพี่ บใชในเมืองฮานอย คอื ยาชอ่ื มอนเิ ตอร โดยมีสว นผสมหลกั ๆ คือ Dimethylacetin phosphoramidothioate 40% ใชฉ ีดพนทกุ คร้งั หลงั การเกบ็ เกีย่ วหรอื เมอ่ื พบวาผกั บุง เร่ิมแตกยอดออ นยาว 3-5 เซนติเมตร 90 SP โดยมีสว นผสมหลกั ๆ คือ Trichlorfor 90%, Adjuvant: 10% รูปที่ 4 การฉดี พนยาฆาแมลงในแปลงนาผักบุง 5. การเก็บเก่ียว ผักบุง ท่ลี อยอยใู นนํ้าจะสามารถเกบ็ เกย่ี วไดหลังจะปลอยลงในนํา้ แลว 20-25 วนั ผกั บงุ ได วธิ กี ารเกบ็ เก่ียวท่ดี ที ีส่ ุดคือ การเด็ดดว ยมือทีละยอดเพราะจะทําใหผ กั โตเร็วขน้ึ หลังจากตัด ยอดออกแลว นํามาทาํ ความสะอาด กําจัดใบเหลืองๆหรือเนาออก จากนั้นนํามามดั เปน กํา หนักกาํ ละ 700-900 กรมั ผลผลิตโดยเฉลี่ย 400 กาํ ตอ พ้ืนที่ 360 ตารางเมตรในฤดหู นาวถงึ 36
เกษตรกรสามารถเกบ็ เกย่ี วไดถ ึง 10-11 ครง้ั ตอรนุ และผลผลิตโดยรวมคือ 4.5 – 5.5 ตนั ตอพื้นที่ 360 ตารางเมตรตอปป รปู ที่ 5 แสดงการขายผกั บุงของเกษตรกรแกพอ คา คนกลางเพื่อนําไปขายทีต่ ลาดตอไป 6. บันทึก ควรกาํ จัดหญา และวัชพืชออกจากแปลงนาเพ่ือปองกันเแมลง จาํ กัดการใชยาฆาแมลง หลังจากเกบ็ ผักบุงไป 3คร้งั แลว ควรกําจัดใบหรอื ยอดเกาทิ้งบา งเพอื่ เพิม่ ผลผลิต ไมควรนาํ น้าํ ทง้ิ เขา แปลงนาผกั บงุ หรือใสปุยยเู รยี ในชว งฤดหู นาว 37
คูมือการปลกู ผกั ชีลอมบรเิ วณรอบเมืองฮานอย ประเทศเวยี ดนาม 1. การเตรยี มแปลง ควรเลือกดินทเ่ี ปน ดนิ รวน มีคา พีเอชเปนกลาง (pH 6 -7) โดยมพี น้ื ทีเ่ พาะปลูกอยา งนอ ย 300-400 ตารางเมตร เพ่ือการจัดการท่ีดีนอกจากนีค้ วรมีระบบระบายนํา้ ทีด่ ี รนุ ท1ี่ : ไถพรวนดิน แลวตากใหแ หง 5 - 7วนั จากนน้ั ไถพลิกกนาดินอีกครั้งหน่ึง ใสปนู ขาว โรยปนู ขาวประมาณ 20 - 25 กก. ตอ 360 ตารางเมตร เพ่อื ปรับสภาพดนิ และ ทําลายวัชพืช หลังจากนั้น 1 –2 วนั นาํ นาํ้ เขาแปลงนาแลวกถ็ า ยออกเพอ่ื ชะลางสาหรา ย หรอื มอสท่ีไมตองการออกไป การใสปยุ หมกั (แตกตา งกนั ไป แลวแตเทคนิค) ใสปยุ พวกกระดกู ปน 30 – 50 กก.ตอ พ้ืนที่ 360 ตารางเมตรแลงจึงนาํ นํา้ เขาแปลงนาให สงู จากพื้นดนิ ประมาณ 2 –3 เซนติเมตร หรือใชพวกกระดกู ปน 100 กก.ตอพืน้ ท่ี 360 ตารางเมตรตอ การเกบ็ เกี่ยว 2-3 ครง้ั หรือ ใสป ุยคอก เชน มลู หมู 300 กก.ตอ พ้ืนท่ี 360 ตารางเมตร หรือใชป ยุ ทั้งสองแบบผสมเขา ดว ยกนั ในอตั ราสวนกระดกู ปน 20 กก.ตอพ้นื ที่ 360 ตารางเมตรและมลู ไก 30 กก.ตอพน้ื ที่ 360 ตารางเมตร หลงั การเกบ็ เกย่ี วครั้ง 2nd:: ไถพรวนดนิ แลวตากใหแ หง 5 – 7วันถาดินยงั แขง็ อยูค วรไถ เพ่ิมอกี ครง้ั หน่งึ หรือถาดนิ รว นดีแลว ก็กําจัดวชั พชื และหวานปุย จําพวกกกระดูกปน 20 กก. ถาในแปลงนามมี อสควรสาดปูนขาวเพ่มิ ในอตั รา 30 กก.ตอ 360 ตารางเมตร 2. วิธกี ารเพาะปลกู เกษตรกรมกั เริ่มปลกู ผกั ชีลอ มในเดือนกรกฎาคม แตอ ยา งไรกต็ ามชว งที่เหมาะสมทส่ี ดุ ตอ การปลูกผักชลี อ มคือ ธ.ค.ถึง ก.พ.ของทุกป การเลือกตนพันธ เลือกตนทโ่ี ตเต็มวัย และแขง็ แรง 38
วธิ ีการเพาะปลูก แบง ที่ดินขนาด 360 ตารางเมตร ออกเปน แปลง อยางนอย 5-6 แปลง (กวางประมาณ เมตร ตอ แปลง) ปลกู ตน ผักชีลอ มเปนแถวยาว โดยเวน ระยะหา งระหวา งตน ประมาณ 5 – 7 เซนตเิ มตร รปู ท่ี 6 ผกั ชลี อมท่ีเพงิ่ ปลกู ใหม 3. การดแู ลรักษา ควรรักษาระดบั น้ําใหสูงประมาณ 3-5 เซนตเิ มตร (ดังภาพ 6) อยา สปู นาํ้ เขา แปลงนาสูง จนเกนิ ไปอาจเปนสาเหตุใหรากเนา ได อุณหภมู ิท่ีเหมาะสมคอื แกก ารเพาะปลกู คือ 15- 200C. 1st การใสป ยุ คร้งั แรก: 10-15 วนั หลังจากการยา ยมาปลูกในแปลงนาซ่งึ พบวา ผกั ชีจะมี ความสงู ประมาณ 7-10 cm หลงั จากนัน้ หวานปยุ ยูเรยี 2 กก. และ NPK อกี 20 กก.ตอ 360 ตารางเมตรอีก หลงั จากน้ัน วันควรฉดี ยาฆา แมลง 2nd การใสป ุยครั้งที่สอง: หลังจากหวานปยุ ครงั้ แรก 7-10 วัน ก็หวานปยุ ซํ้าลงไปใหม โดย ใชอตั ราสวน ปุย ยเู รยี 1.5กก. และ ฟอสเฟต อีก 5 กก.ตอ 360 ตารางเมตรอีก หลังจากนั้น วนั ควรฉดี ยาฆา แมลง 3rd การใสปยุ ครัง้ ที่สาม: หลงั จากผานไปหนึ่งเดือน ตอ งหวา นขี้เล่ือยหรือขเ้ี ถา ประมาณ 20 กก.ตอพ้ืนท่ี 360 ตารางเมตร หลังจากน้ัน 10 วนั ก็เรม่ิ การเกบ็ เกย่ี วครั้งแรก การใสปุยตามธรรมชาติ หวานปยุ ในชวงกลางวันและฝนไมต ก 39
รูปที่ 7 การหวานปยุ ในแปลงผกั ชีลอ ม การใชปยุ เคมี เกษตรกรมกั จะใชป ยุ เคมีอาทติ ยละหนง่ึ ครัง้ เพื่อชว ยการ เจรญิ เติบโตของใบ อัตราทส่ี ว นที่ใชควรอา นจากฉลากขา งขวด รูปที่ 8 ตวั อยา งปยุ เคมีทเี่ กษตรกรใช ตัวอยางของปยุ เคมีทีเ่ กษตรกรในเมืองโฮจิมนิ สใชก ารปลฏู ผักชีลอ มคือ TS 96 ซ่งึ มสี ว นผสมหลักคือๆ K2O ≥ 1,5%, Cu ≥ 0.05%;Zn ≥ 0,5%;Mn ≥ 0.05% ;Bo ≥ 0.02% mineral , acidamin HQ 909 ซึง่ มสี ว นผสมหลักคอื ๆ N 10%, P2 O5: 5%, K2O : 5% Ca, Mg, Cu, Zn, Fe, Bo, Co.>1000ppm และแรธ าตุ, วิตามนิ ทไ่ี มเปน 40
PHITO ซ่ึงมีสวนผสมหลักคือๆ §a lîng : N, K2O, P2O5 Vi lîng : Fe, Cu, Zn, MO, Mn, Mg การฉดี พนสารเคมี การฉดี พนสารเคมีควรทาํ ในชวงเชาพบวา เกษตรกรจะใชยาเพ่ือปองกนั แมลงศตั รพู ชื อยา ง นอ ย 2 ถึง3 คร้งั ในชว งการปลกู ครง้ั แรก ถา เปน ชว งอากาศไมดี ไมค วรใชย าฆาแมลง และ ควรเวนระยะการเกบ็ เกี่ยวอยางนอย 7 – 10 วนั หลงั การฉดี พน ยาฆาแมลง ตัวอยา งสารเคมี ท่ีเกษตรกรใชคือ TIL หรอื FORO เปน ยากาํ จัดแมลงศตั รูพชื ควรฉีดพน อยางนอ ย 2 ถึง3 ตอ ครอป หรอื ฉดี พนทนั ทเี มื่อพบการระบาดของแมลง Cyperkill ซึง่ มสี วนผสมหลักคอื ๆ Cypermethrin 100g/lit Sherpa Super 550EC ซ่ึงมีสว นผสมหลักคอื ๆ Chlorpyrifos ethyl 50%, Cypermethrin 5%, Adjuvant: 45% 90 SP ซ่ึงมสี ว นผสมหลักคอื ๆ Trichlorfor 90% และ Adjuvant: 10% Score ซึง่ มสี ว นผสมหลักคอื ๆ Difenoconazole/L Red spider (จนี ) หรอื เรยี กอกี อยา งหนงึ่ วา Ortus 5SC จากประเทศญีป่ นุ รูปท่ี 9 แสดงตวั อยา งของยาฆา แมลงท่ีใชในการปลกู ผกั ชลี อ 41
4. การเก็บเก่ยี ว วันกอนการเก็บเกี่ยวผลผลิต อยา เติมนา้ํ เขาแปลงผัก เพราะอาจทําใหใบเนา ได วนั ที่ เหมาะสมตอการตัดผักคือวนั ทไี่ มม ลี มตะวันออกเฉียงเหนือพัดผา น เพราะจะทําใหผักชีไม เหย่ี วงา ยหรือตน ลมจากแรงลม การตดั ผักชีลอ มจะทาํ โดยใชมดี ตัดทีโ่ คนจากนั้นนํามาลางทําความสะอาดแยกใบเสยี ท้ิงไป จากนัน้ มามามัดรวมเปน กาํ แตล ะกําหนักประมาณ 700-800กรมั ชวงของการเกบ็ เกี่ยวมกั เปนชวงทีต่ อ งทาํ งานหนักมาก หลงั จากเก็บเก่ียวผักชลี อมออกจากแปลงนาแลวควรไถพรวน โดยปกติแลว จะมกี ารปลกู ผกั ชลี อ ม 3-4 ครั้งตอป ผลผลิตที่ไดประมาณ 2.5 - 3.0 ตันตอ พน้ื ที่ 360ตารางเมตรตอรนุ แตล ะรนุ จะใชเ วลาในการปลูกประมาณ 2.5 เดือน มกั เรม่ิ ปลกู กันในเดือนกรกฎาคมถึง กลางเดอื นกันยายน แตถา อากาศดผี ักชีลอ มก็จะเจรญิ เตบิ โตดี และถึงขนาดทต่ี ลาด ตอ งการไดเร็วและมากกวา โดยพบวาปริมาณผลผลิตสว นใหญคอื มากกวา 1000 กก.ตอ พน้ื ที่ 360ตารางเมตรตอ รุน การปลกู ผักชลี อมในรุน ที่สองในรอบป จะใชเวลาประมาณ เดือน ชวง ก.ย.ถึง พ.ย. เพราะ อากาศหนาวผักไมเ จรญิ เติบโต ผลผลติ โดยเฉลยี่ ประมาณ 800กก.ตอพ้ืนที่ 360ตารางเมตร ตอรนุ รปู ที่ 10 แสดงการลางผักชลี อ มกอนการสงขายตลาด 42
การดูแลรกั ษาแปลงตนพันธุผักชีลอม โดยทวั่ ไป เกษตรกรจะทําแปลงขนาดเลก็ เพอื่ เก็บตน พันธุไวในการเพาะปลูกในปถดั ไป โดยแปลงผักมขี นาด 100-200ตารางเมตร จะตอ งรดนาํ้ อยา งสมํ่าเสมอ แตไมตองหวานปุย หรือฉดี พน ยาฆา แมลง 5. บันทึกชวยจํา ควรขึงตาขา ยรอบแปลงผักชลี อมเพื่อปอ งกนั หนูนา ไมจําเปนตอ งฉีดพนยาฆา แมลงกบั การปลูกรนุ ท่ใี นแตล ะป เพียงแตปลอยนา้ํ เขาแปลง นาแลว ทิง้ ไวประมาณหนงึ่ ชั่วโมงกอนปลอ ยนา้ํ ออกจากแปลงผัก เพื่อใหแ มลงจมน้ําตาย ไปเอง ผกั ชีลอมไมตอ งการปุย ปริมาณมากเพราะถาใสม ากเกนิ ไปอาจจะทําใหผกั เฉาตายได 10 วนั หลังจากทําการยายผักจากแปลงเพาะชําไปลงแปลงปลกู ควรฉดี พน ยาฆาแมลง เพือ่ กนั แมลงศัตรพู ืช 43
คูมอื การปลกู ผักกระเฉดบรเิ วณรอบเมืองฮานอย ประเทศเวยี ดนาม 1. การเตรียมแปลงนา ไถแลว ตากดินไวใหแหงประมาณ 5 -7 วนั ไถอกี ครง้ั หน่ึง นาํ นํา้ เขาแปลงนาใหระดับนา้ํ สงู ประมาณ 50-60เซนตเิ มตร พ้นื ท่ีทแ่ี นะนําวาเหมาะสมตอการปลกู ผักกระเฉดคือ ตารางเมตร ควรใกลแหลงนาํ้ มที อ นาํ้ เขาและทอนํ้าท้ิงและอยาเพงิ่ ใสป ุย 2. วิธีการเพาะปลูก เกษตรกรจะปลูกผกั กระเฉดในชวง เดอื นเมษายน โดยเกษตรกรจะปลกู ตนพนั ธุบนแปลงผกั เล็กๆ หลังจากผกั กระเฉดมีอายุได 15 วนั ก็สามารถมายา ยไปปลูกในแปลงใหญไ ด การเลอื กตน พนั ธุ เลอื กทร่ี ปู รา งแขง็ แรง และมีรากสีแดงและยาว พรอมกบั มีทนุ สีขาวสวย วธิ ีการปลกู ตนพนั ธผุ กั กระเฉดในนาํ้ เกษตรกรสว นใหญใ ชวิธีนี้ในการปลูกผกั กระเฉด ทาํ ไดโดยผูกเสนเชือกในบอใหเปน แถว แตละแถวหางกันประมาณ1.3 – 1.5 เมตร แตล ะ ยอดจะถกู ผกู เปน แถวโดยแตละตนจะถูกผกู หางกันประมาณ 40-50 เซนติเมตร (จากรูป 11) รูปที่ 11 แสดงภาพผกั กระเฉดทเี่ พ่ิงปลกู ใหมในแปลงนา หลังจากปลูกไปประมาณ 10-15 วนั ผักกระเฉดจะแตกยอดยาวประมาณ 80 เซนตเิ มตรถึง หน่ึงเมตร ควรตดั ยอดแรกออกประมาณ 60 เซนติเมตร เพ่ือใหการแตกยอดดขี ้ึน 44
3. การจดั การและการใสปยุ ควรใสแ หนลงในแปลงนาอยางนอย 40 กก.ตอ พ้ืนที่ 360 ตารางเมตร ไมค วรใสแ หนมากเกินไปเพราะแหนจะไปแยงธาตุอาหารจากผกั กระเฉด หลงั การเก็บเกี่ยวครั้งแรกควรชอ นแหนออกประมาณ 160 กก. ตอพืน้ ท่ี 360 ตารางเมตร ควรรักษาระดบั น้าํ ในบอท่ี 50 เซนติเมตรแตเ กษตรกรบางทานอาจน้ํานาํ้ เขาสูงถงึ หนงึ่ เมตร เกษตรกรควรจดั แปลงผักบอยๆเพ่ือใหมชี องวา งเพ่มิ มากขึน้ ทาํ ไหไดผ ลผลติ มากขึ้น ถา ปลูกผกั กระเฉดในน้าํ ทิ้ง ควรสาดปยุ ยเู รียประมาณ 3กกตอ พื้นที่ 360 ตารางเมตร แตถ าไมไ ดปลกู ในนํา้ ทิ้งควรเพ่ิมปริมาณยเู รียเปน10 กก. รูปท่ี 12 การชอ นแหนออกจากแหปลงนาผกั กระเฉด เพอ่ื น้ําไปเปนอาหารปลา 4. การเก็บเกยี่ ว เมื่อยอดผกั กระเฉดทอดยาวถงึ 100 -120 เซนตเิ มตร ควรเก็บขายไดโดยการเด็ดดว ย มอื ออกทล่ี ะยอดแตละยอดยาว 70 เซนติเมตร หลงั จากน้ันนาํ ผกั กระเฉดมาลางแลวตดั รากออก(ดังภาพที่ 13ก)จากนั้นนําไปมดั เปนกาํ ๆ ละ 4-5 ยอด หลังจากเกบ็ เกยี่ วไปได ครั้ง เกษตรกรควรมีการปลูกผกั กระเฉดเพม่ิ โดยใสย อดออนเพ่มิ 4-6 ยอด เพม่ิ รักษาปริมาณของผลผลิต (ดงั ภาพ13ข) การผกู ยอดผักกระเฉดเพิ่ม(ดงั รปู 13ค) 45
60 เพอ่ื การเกบ็ เกย่ี ว cm สว นนี้ทง้ิ ไป 40 ตัด แถว cm แนว แถว นาํ มาผูกกับเสน วนั ถดั มา เชือกทข่ี ึงไวใหม ยอดทต่ี ดั ขาย รูปท่ี 13ก ตดั สวนนี้ออกประมาณ 60cm เพือ่ ขาย รูปท่ี 13ข ตดั กิ่งยอดสว นนี้ทง้ิ ไป รปู ท่ี 13ค นํายอดทไี่ ดใ หมม าผูกกบั เสนเชอื กเพ่ือขยายพันธตุ อไป รูปที่ 14 การเกบ็ เกีย่ วผลผลิดผักกระเฉดโดยมดั รวมเปนกาํ ๆ 46
การรักษาตน พันธุ หาพ้นื ทีเ่ ล็กๆขนาด ตารางเมตร เพอ่ื เปนท่ชี ําพันธุผ ักกระเฉดกอนถา ยลงมา ปลกู ในแปลงนา ไมควรนํานาํ้ ทิ้งมารดผกั จากคาํ บอกเลา พบวา เปนการยากมากทจี่ ะรักษาพนั ธผ ักกระเฉดตองมี ประสบการณส ูง ปกติเกษตรกรในเมอื งฮานอยจะซอ้ื พนั มุ าจาก เมอื งอื่น 5. บันทกึ ชวยจํา ไมควรใชยาฆาแมลงกับผกั กระเฉด ถามีสารพษิ ตกคา งงในนํ้าสงู ใบผักกระเฉดจะกลายเปน สีเหลอื ง โรคระบาดในผกั กระเฉดจะพบมากในเดอื นเมษายนหรอื พฤษภาคม 47
คมู อื การปลกู วอเตอรครีสบริเวณรอบเมอื งฮานอย ประเทศเวียดนาม 1. การเตรียมแปลง ควรเลอื กปลูกผกั วอเตอรครสี ในพืน้ ท่ลี มุ นํ้า ทําไดโ ดยการไถพรวนแลว ตากดนิ ใหแ หง ประมาณ 5- 7 วนั จากน้ันไถพรวนอกี คร้ังหนึ่งเพอ่ื ปรับระดบั หนาดนิ พน้ื ที่ทจ่ี ะใชทําการ เพาะปลูกผกั วอเตอรค รสี คือ 300-400 ตารางเมตร โดยตอ งมีคันบอสูงประมาณ 50-60 เซนตเิ มตร บอ ท่ีใชควรมที างระบายนํ้าทีด่ ี การใสปูนขาว ใชปนู ขาวประมาณ 15 กก.ตอพืน้ ท่ี 360ตารางเมตร การใสปยุ อตั ราสวนทใี่ ชคอื ปุยฟอสเฟต 10กก.ตอ พ้ืนท่ี 360ตารางเมตร ถาเปนการปลูกใรรนุ ท่สี องไมจ าํ เปนตองใชปูนขาวเพ่ิม ควรรกั ษาระดับนํา้ ไวในบอประมาณ 3 –5เซนติเมตร และกเ็ ริ่มปลูกผกั ในแปลงไดทันที 1-2 วนั หลังจากน้ัน 2. วธิ ีการปลูก เกษตรกรในเมืองฮานอยจะปลูกผกั วอเตอรครีสในเดอื นกันยายนซึง่ กข็ ึน้ อยกู บั สภาพอากาศของแตล ะป ปกติแลวจะเรม่ิ เกบ็ เก่ียวไดในชว งเดือนตุลาคมจย ถึงเดอื นมนี าคมของอีกปถ ัดไป จากขอ มูลพบวา บางครง สามารถเกบ็ เกีย่ ววอเตอรค รสี ได 5คร้งั ตอ รนุ การเลือกพนั ธุ เกษตรกรตองเลือกกิ่งที่แกแ ละแข็งแรง วธิ กี ารปลูก ปกดํากิ่งพนั ธผุ กั วอเตอรครสี 2-3 ตนตอหลุม โดยเวนระยะใหหา ง กนั หลุมละ 10 – 15 เซนติเมตร โดยปลูกเปน แถวๆ เวน ระยะระหวา งแถว 10 เซนติเมตร 3. การดแู ลรกั ษาและการใสป ุย รักษาระดับน้ําในแปลงผักวอเตอรครสี ใหไ ดระดับ เซนติเมตร และพยายาม ถอนหญา ออกจากแปลงผักบอ ยๆ การใสปยุ ครงั้ แรก ควรทาํ หลังจากการปก ดําแลว วัน โดยทว่ั ไปจะหวา นปุย ในชวงกลางวนั และตอ งไมม ีฝนตก อัตราสว นปยุ ท่ใี ชค ือปุยยูเรยี 3 กก.ตอ 48
พน้ื ท่ี 360 ตารางเมตร และหลงั จากนั้น 1-2 วันควรฉีดพนยาฆา แมลงเพ่ือ ปอ งกันแมลงศตั รพู ืช การใสป ยุ ครงั้ ท่สี อง หน่งึ อาทิตยหลังจากการใสปยุ ครัง้ แรก ก็ควรใสปยุ อีก ครงั้ หน่ึง โดยอัตราสวนปยุ ทใ่ี ชค อื ปุยยูเรีย 2 กก.รว มกบั ปยุ ฟอสเฟต 9-10 กก.ตอ พนื้ ท่ี 360 ตารางเมตร แตถา ทา นนา้ํ นา้ํ เสยี เขามาในแปลงผักทา นกไ็ ม ตองใสปยุ ยูเรยี การใชยาฆาแมลง ผักวอเตอรค รสี มีแลงศัตรูคือพวกแมลงตัวเล็กๆ เพ่ือเปน การปอ งกนั จึงควรฉีดพน ยาฆาแมลงดงั ตอ ไปนี้ Cyperkill ซ่ึงมสี วนผสมหลกั คอื ๆ Cypermethrin 100g/lit Sherpa Super 550ECซง่ึ มสี วนผสมหลกั คอื ๆ Chlorpyrifos ethyl 50%, Cypermethrin 5% และ djuvant: 45% 90 SP ซง่ึ มสี ว นผสมหลกั คือๆ Trichlorfor 90% และ Adjuvant: 10% Red spider Red spider (จนี ) หรอื เรียกอกี อยา งหนึ่งวา Ortus 5SC จากประเทศ ญีป่ นุ 4. การเกบ็ เกี่ยว ผลผลิตตผักวอเตอรค รสี สามารถเกบ็ เกี่ยวไดถงึ 25 – 40 วนั ขึ้นอยูกบั สภาพอาการ เกษตรกรจะตดั ยอดผักดว ยมดี ลา งทําความสะอาด กําจัดใบทเ่ี นา เสยี ออก แลวนําไปมดั เปนกาํ ๆ หนกั กาํ ละ 750-850 กรมั ตองปดําตน พนั ธุใหมเสมอๆ เพอ่ื ใหไ ดผลตอเนือ่ ง เกษตรกรบางทา นกท็ าํ แปลงเพาะพันธุเล็กๆ แยกอยูต างหากเพือ่ เกบ็ ผักวอเตอรคฺ รสี ไวปลกู ในรุนตอไป 6. บันทกึ ชว ยจาํ ควรรกั ษาระดับน้าํ ไวท ร่ี ะดับ เซนติเมตร สองหรือสามหรือในฤดู ไมใสปยุ ยูเรยี มากจนเกนิ ไป ควรใชปยุ สูตร NPK ควรโรยขี้เถาแกลบกอ นการเก็บเกีย่ วเสมอๆ ไมาจําเปน ตองใชยาฆาแมลงการเพาะปลูกรนุ ท่ี หนาว 49
สรุป คูมอื ฉบบั น้ีไดร วบรววมจากเกษตรกรในหมูบ า นบางบี เมอื งฮองเลยี ต และจากกลมุ เกษตรกร ในเมอื งธานฤ ท้ังสองหมบู านตั้งอยใู นจงั หวัด ธานธิ เมอื งฮานอย จากการเก็บขอมลู ในชวง 3/2004 – 1/2005 คณะผูจดั ทําอยากจะแจงใหทราบวาเราไมม วี ัตุถปุ ระสงคเ พ่ือแนะนาํ ใหเกษตรกรใชยาหรอื สารเคมีจากบรษิ ทั ใด โดยขอมูลท่ีไดแ สดงไวใ นคมู ือนเี้ ปน เพยี งสวนหน่ึงทไี่ ดรับขอ มูลมา จากเกษตรกรผเู พาะปลกู จรงิ ๆ และคณะผูจดั ทําก็อยาากเตอื นใหเกษตรกรปฏิบัตติ าม หลักการใชย าฆา แมลงอยางเครง ครดั เชนสวมชดุ ปอ งกัน ใสถ งุ มอื และหนา กากขณะฉดี พน สารเคมเี หลา นน้ั เนอื้ หาบางสวนไดร บั ความอนุเคราะหจากคูม อื การปลกู ผกั ของ (ดง ฮอง ดัส, 2002) 50
Search