Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสาระเคมี 6-09-64

หลักสูตรสาระเคมี 6-09-64

Published by กานดา วุฒิเศลา, 2021-09-23 06:51:30

Description: หลักสูตรสาระเคมี 6-09-64

Search

Read the Text Version

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนร้รู ายปี ม. 6 ม. 4 ม. 5 สาระเคมี 1. เขา้ ใจโครงสรา้ ง 16. วิเคราะห์ และเปรียบเทียบ 15. สืบคน้ ขอ้ มูล และ นำเสนอตวั อยา่ ง อะตอม การ ความยาวพนั ธะและพลังงาน ผลกระทบ จากการ ใช้และการกำจดั จดั เรียงธาตุใน พันธะในสารโคเวเลนต์ รวมทงั้ ผลติ ภณั ฑ์พอลิเมอร์ และแนวทางแกไ้ ข ตารางธาตุ คำนวณพลงั งานที่เกย่ี วขอ้ ง สมบัติของธาตุ กับปฏกิ ริ ยิ าของ สาร พันธะเคมีและ โคเวเลนต์จากพลงั งานพนั ธะ สมบัตขิ องสาร 17. คาดคะเนรูปร่างโมเลกลุ แกส๊ และสมบัติ โคเวเลนต์ โดยใช้ ทฤษฎกี าร ของแกส๊ ผลกั ระหวา่ งค่อู ิเล็กตรอนในวง ประเภทและ เวเลนซ์และระบสุ ภาพขวั้ ของ สมบัตขิ อง โมเลกลุ โคเวเลนต์ สารประกอบ 18. ระบชุ นดิ ของแรงยดึ เหนย่ี ว อนิ ทรียแ์ ละพอ ระหวา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์ ลเิ มอร์ รวมทัง้ และเปรียบเทียบจุด การนำความรู้ไป หลอมเหลว จุดเดือด และการ ใชป้ ระโยชน์ ละลายนำ้ ของสารโคเวเลนต์ 19. สบื คน้ ขอ้ มลู และอธิบาย สมบัติของสารโคเวเลนต์ โครงร่างตาข่ายชนดิ ตา่ ง ๆ 20. อธบิ ายการเกดิ พันธะโลหะ และสมบัติของโลหะ 21. เปรยี บเทยี บสมบัตบิ าง ประการของสารประกอบ ไอออนกิ สารโคเวเลนตแ์ ละ โลหะ สบื ค้นข้อมูล และ นำเสนอตวั อย่างการใช้ ประโยชน์ของสารประกอบ ไอออนิก สารโคเวเลนต์ และ โลหะได้อย่างเหมาะสม

สาระ มาตรฐาน ผลการเรยี นร้รู ายปี ม. 6 สาระเคมี ม. 4 ม. 5 2. เข้าใจการเขยี น 1. แปลความหมายสัญลักษณ์ 1. ทดลอง และเขยี นกราฟ และการดลุ ในสมการเคมี เขยี นและ การเพมิ่ ข้ึนหรือลดลงของ สมการเคมี ดลุ สมการเคมีของปฏกิ ิริยา สารทีท่ ำการวัดในปฏิกิรยิ า ปรมิ าณสัมพันธ์ เคมีบางชนิด 2. คำนวณอตั ราการ ในปฏกิ ิริยาเคมี 2. คำนวณปริมาณของสารใน เกิดปฏิกริ ิยาเคมี และเขยี น อัตราการ ปฏิกิรยิ าเคมที ีเ่ ก่ยี วข้อง กราฟเพิ่มขน้ึ ของสารที่ เกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี กบั มวลสาร ไม่ไดว้ ัด สมดลุ ใน 3. คำนวณปรมิ าณของสารใน 3. เขียนแผนภาพและอธิบาย ปฏกิ ิรยิ าเคมี ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ท่เี ก่ียวข้อง ทศิ ทางการชนกนั ของ สมบตั แิ ละ กบั ความเขม้ ข้นของ อนุภาคและพลังงานที่ ปฏิกิรยิ าของ สารละลาย สง่ ผลต่ออัตราการ กรด–เบส 4. คำนวณปริมาณของสารใน เกิดปฏิกริ ยิ าเคมี ปฏิกิรยิ ารีดอกซ์ ปฏกิ ิรยิ าเคมี ทเี่ กย่ี วข้อง 4. ทดลอง และอธิบายผลของ และเซลล์ กับปรมิ าตรแกส๊ ความเข้มข้น พน้ื ทผ่ี ิวของ เคมีไฟฟา้ 5. คำนวณปริมาณของสารใน สารต้ังตน้ อุณหภมู ิและ รวมท้งั การนำ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี หลาย ตวั เรง่ ปฏิกริ ิยาท่ีมีต่ออตั รา ความรู้ไปใช้ ขน้ั ตอน การเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี ประโยชน์ 6. ระบสุ ารกำหนดปรมิ าณ 5. เปรยี บเทยี บอัตราการ และคำนวณปรมิ าณสาร เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเมือ่ มกี าร ตา่ ง ๆ ในปฏิกิรยิ าเคมี เปลยี่ นแปลงความเข้มข้น 7. คำนวณผลไดร้ ้อยละของ พน้ื ท่ผี ิวของสารตง้ั ตน้ ผลติ ภณั ฑ์ในปฏกิ ริ ิยาเคมี อณุ หภูมิ และตวั เร่ง ปฏกิ ิรยิ า 6. ยกตวั อยา่ ง และอธิบาย ปจั จยั ทมี่ ผี ลตอ่ อตั ราการ เกิดปฏกิ ิริยาเคมใี น ชวี ิตประจำวนั หรอื อตุ สาหกรรม 7. ทดสอบและอธิบาย ความหมายของปฏิกิริยา ผันกลับไดแ้ ละภาวะสมดุล

สาระ มาตรฐาน ผลการเรยี นรู้รายปี สาระเคมี 2. เข้าใจการเขยี น ม. 4 ม. 5 ม. 6 และการดุล สมการเคมี 8. อธบิ ายการเปลีย่ นแปลงความเขม้ ขน้ ของสาร ปริมาณสมั พนั ธ์ อตั ราการเกิดปฏกิ ริ ิยาไปข้างหนา้ และอตั รา ในปฏิกริ ยิ าเคมี การเกิดปฏิกริ ิยายอ้ นกลบั เมอื่ เร่ิมปฏกิ ิรยิ า อัตราการ จนกระท่งั ระบบอยู่ในภาวะสมดลุ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี สมดุลใน 9. คำนวณค่าคงท่ีสมดุลของปฏิกริ ยิ า ปฏกิ ริ ิยาเคมี 10. คำนวณความเข้มข้นของสารทภี่ าวะสมดลุ สมบตั แิ ละ 11. คำนวณค่าคงที่สมดลุ หรอื ความเขม้ ขน้ ของ ปฏกิ ริ ิยาของ กรด–เบส ปฏกิ ริ ิยาหลายขนั้ ตอน ปฏิกิริยารดี อกซ์ 12. ระบุปจั จัยที่มีผลต่อภาวะสมดุลและคา่ คงที่ และเซลล์ เคมไี ฟฟ้า สมดุลของระบบ รวมทัง้ คาดคะเน การ รวมทั้งการนำ เปลย่ี นแปลงที่เกดิ ขน้ึ เม่ือภาวะสมดลุ ของ ความรูไ้ ปใช้ ระบบถกู รบกวน โดยใชห้ ลักของเลอชาเตอลิเอ ประโยชน์ 13. ยกตัวอยา่ ง และอธบิ ายสมดุล เคมีของกระบวนการท่ีเกิดขนึ้ ในสงิ่ มชี ีวติ ปรากฏการณ์ในธรรมชาตแิ ละกระบวนการใน อตุ สาหกรรม 14. ระบแุ ละอธิบายวา่ สารเป็นกรดหรือเบส โดยใช้ ทฤษฎีกรด–เบสของอารเ์ รเนยี ส เบรินสเตด– ลาวรี และลวิ อสิ 15. ระบคุ ่กู รด-เบสของสารตามทฤษฎกี รด-เบส ของเบรนิ สเตด-ลาวรี 16. คำนวณและเปรยี บเทยี บความสามารถในการ แตกตัวหรือความแรงของกรดและเบส 17. คำนวณค่า pH ความเข้มข้นของไฮโดรเนียม ไอออนหรอื ไฮดรอกไซด์ไอออนของ สารละลายกรดและเบส 18. เขยี นสมการเคมแี สดปฏกิ ริ ยิ าสะเทิน และระบุ ความเปน็ กรด-เบสของสารละลาย หลงั การ สะเทนิ 19. เขยี นปฏิกริ ยิ าไฮโดรลิซสิ ของเกลือ และระบุ ความเปน็ กรด-เบสของสารละลายเกลือ

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนร้รู ายปี สาระเคมี 2. เข้าใจการเขยี น ม. 4 ม. 5 ม. 6 และการดุล สมการเคมี 20. ทดลองและอธบิ ายหลกั การการไทเทรต และ ปริมาณสมั พันธ์ เลือกใชอ้ นิ ดิเคเตอร์ท่ีเหมาะสมสำหรบั การ ในปฏิกริ ยิ าเคมี ไทเทรตกรด-เบส อตั ราการ เกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี 21. คำนวณปริมาณสารหรือความเข้มขน้ ของ สมดุลใน สารละลายกรดหรอื เบสจากการไทเทรต ปฏกิ ิรยิ าเคมี สมบตั ิและ 22. อธบิ ายสมบัติ องค์ประกอบ และประโยชนข์ อง ปฏกิ ริ ิยาของ สารละลายบฟั เฟอร์ กรด–เบส ปฏิกิรยิ ารีดอกซ์ 23. สบื ค้นขอ้ มูล และนำเสนอตัวอยา่ งการใช้ และเซลล์ ประโยชน์ และการแกป้ ญั หาโดยใช้ความรู้ เคมีไฟฟา้ เกยี่ วกบั กรด–เบส รวมทงั้ การนำ ความรูไ้ ปใช้ 24. คำนวณเลขออกซิเดชัน และระบุปฏิกริ ิยาท่ี ประโยชน์ เปน็ ปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ 25. วเิ คราะห์การเปล่ียนแปลงเลขออกซิเดชนั และ ระบตุ วั รดี ิวซ์และตัวออกซไิ ดส์ รวมท้ังเขียน ครง่ึ ปฏกิ ริ ยิ าออกซิเดชันและครง่ึ ปฏิกริ ิยา รดี ักชันของปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ์ 26. ทดลอง และเปรยี บเทยี บความสามารถในการ เป็นตวั รีดวิ ซ์หรือตัวออกซไิ ดส์และเขยี นแสดง ปฏกิ ริ ิยารดี อกซ์ 27. ดลุ สมการรดี อกซด์ ว้ ยการใชเ้ ลขออกซเิ ดชนั และวธิ ีคร่ึงปฏกิ ิริยา 28. ระบอุ งคป์ ระกอบของเซลลเ์ คมไี ฟฟ้า และ เขียนสมการเคมีของปฏิกริ ยิ าที่แอโนดและ แคโทด ปฏกิ ิรยิ ารวมและแผนภาพเซลล์ 29. คำนวณค่าศกั ย์ไฟฟา้ มาตรฐานของเซลล์และ ระบปุ ระเภทของเซลลเ์ คมีไฟฟา้ ขัว้ ไฟฟา้ และ ปฏิกริ ยิ าเคมีท่ีเกดิ ข้นึ 30. อธิบายหลกั การทำงาน และเขยี นสมการแสดง ปฏกิ ริ ิยาของเซลลป์ ฐมภมู ิและเซลล์ทตุ ยิ ภมู ิ

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนรู้รายปี สาระเคมี 2. เขา้ ใจการเขยี น ม. 4 ม. 5 ม. 6 และการดลุ สมการเคมี 31. ทดลองชบุ โลหะและแยกสารเคมดี ้วยกระแส ปรมิ าณสมั พนั ธ์ ไฟฟ้าและอธบิ ายหลกั การทางเคมีไฟฟา้ ท่ีใช้ใน ในปฏกิ ริ ิยาเคมี การชุบโลหะ การแยกสารเคมีด้วยกระแส อัตราการ ไฟฟา้ การทำโลหะให้บริสุทธิ์และการป้องกัน เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี การกัดกรอ่ นของโลหะ สมดุลใน ปฏิกริ ยิ าเคมี 32. สืบคน้ ข้อมูลและนำเสนอตัวอย่างความกา้ วหน้า สมบตั แิ ละ ทางเทคโนโลยีท่เี กีย่ วข้องกบั เซลลเ์ คมไี ฟฟา้ ใน ปฏิกิริยาของ ชวี ติ ประจำวัน กรด–เบส ปฏิกิริยารีดอกซ์ และเซลล์ เคมไี ฟฟ้า รวมทัง้ การนำ ความร้ไู ปใช้ ประโยชน์

สาระ มาตรฐาน ผลการเรยี นร้รู ายปี สาระเคมี ม. 4 ม. 5 ม. 6 3. เขา้ ใจหลกั การ 1. บอก และอธบิ ายข้อปฏบิ ตั ิ 1. กำหนดปัญหา และนำเสนอ แนวทางการแกป้ ัญหา โดย ทำปฏิบตั กิ าร เบ้ืองตน้ และปฏิบตั ิตน ที่ ใชค้ วามรทู้ างเคมจี าก สถานการณท์ ี่เกดิ ขึน้ ใน เคมี การวัด แสดงถงึ ความตระหนกั ใน ชีวิตประจำวัน การ ประกอบอาชีพ หรือ ปรมิ าณสาร การทำปฏบิ ตั กิ ารเคมี อุตสาหกรรม หนว่ ยวัดและการ เพ่อื ใหม้ ีความปลอดภัยท้งั 2. แสดงหลกั ฐานถงึ การ บูรณาการความรู้ทางเคมี เปล่ยี นหนว่ ย ต่อตนเอง ผู้อนื่ และ ร่วมกบั สาขาวิชาอื่น รวมทัง้ ทกั ษะกระบวนการ การคำนวณ สงิ่ แวดลอ้ ม และเสนอแนว ทางวทิ ยาศาสตรห์ รอื กระบวนการออกแบบ เชงิ ปริมาณของสาร ทางแกไ้ ขเม่อื เกดิ อุบัตเิ หตุ วศิ วกรรม โดยเนน้ การคดิ วเิ คราะห์ การ แก้ปญั หา ความเขม้ ข้นของ 2. เลือกและใช้อปุ กรณห์ รือ และความคดิ สร้างสรรค์ เพื่อแก้ ปัญหาใน สารละลาย เครือ่ งมือในการทำ สถานการณห์ รือประเดน็ ท่ี สนใจ รวมทั้งการ ปฏิบัตกิ ารและวดั ปรมิ าณ 3. นำเสนอผลงานหรอื ชิน้ งาน บรู ณาการ ตา่ งๆ ไดอ้ ย่าง เหมาะสม ที่ไดจ้ ากการแกป้ ญั หา ใน สถานการณห์ รือประเดน็ ที่ ความรู้และ 3. นำเสนอแผนการทดลอง สนใจโดยใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ทักษะในการ ทดลองและเขยี นรายงาน 4. แสดงหลักฐานการเข้ารว่ ม อธบิ าย การทดลอง การสัมมนา การเข้าร่วม ประชุมวชิ าการหรอื การ ปรากฏการณใ์ น 4. ระบหุ น่วยวัดปรมิ าณตา่ ง แสดงผลงานสง่ิ ประดิษฐ์ใน งานนทิ รรศการ ชวี ติ ประจำวัน ๆ ของสาร และ เปลี่ยน และการ หนว่ ยวดั ให้เปน็ หน่วยใน แก้ปัญหาทาง ระบบเอสไอ ด้วยการใช้ เคมี แฟกเตอรเ์ ปลี่ยนหนว่ ย 5. บอกความหมายของมวล อะตอมของธาตุ และ คำนวณมวลอะตอมเฉล่ีย ของธาตุ มวลโมเลกุล และ มวลสูตร 6. อธิบาย และคำนวณ ปรมิ าณใดปรมิ าณหน่ึงจาก ความสัมพันธ์ของโมล จำนวนอนภุ าค มวล และ ปริมาตรของแกส๊ ที่ STP

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนรรู้ ายปี ม. 6 สาระเคมี ม. 4 ม. 5 3. เข้าใจหลกั การ 7. คำนวณอตั ราสว่ นโดยมวลของ ทำปฏบิ ตั กิ าร ธาตุองค์ประกอบของ เคมี การวดั สารประกอบตามกฎสดั สว่ นคงท่ี ปริมาณสาร 8. คำนวณสูตรอยา่ งงา่ ยและสตู ร หน่วยวดั และการ โมเลกุลของสาร เปลีย่ นหน่วย 9. คำนวณความเขม้ ข้นของ การคำนวณ สารละลายในหน่วยตา่ ง ๆ ปรมิ าณของสาร 10. อธบิ ายวิธกี ารและเตรยี ม ความเข้มข้นของ สารละลายให้มี ความเขม้ ขน้ ใน สารละลาย หนว่ ยโมลาริตี และปรมิ าตร รวมทง้ั การ สารละลายตามท่ีกำหนด บรู ณาการ 11. เปรยี บเทยี บจดุ เดือดและจดุ ความรูแ้ ละ เยือกแขง็ ของสารละลายกับสาร ทักษะในการ บรสิ ทุ ธ์ิ รวมทั้งคำนวณ จดุ เดอื ด อธิบาย และจุดเยือกแข็งของสารละลาย ปรากฏการณ์ใน ชวี ิตประจำวัน และการ แกป้ ัญหาทาง เคมี

สาระ มาตรฐาน ผลการเรยี นรู้รายปี ม. 5 ม. 6 สาระฟสิ ิกส์ 1. เขา้ ใจธรรมชาติ ม. 4 ทางฟสิ ิกส์ ปรมิ าณและ 1. สบื ค้น และอธบิ ายการคน้ หาความร้ทู าง กระบวนการวัด ฟสิ ิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมท้ัง การเคล่อื นท่แี นว พัฒนาการของ หลักการและแนวคดิ ทาง ตรง แรงและกฎ ฟิสิกสท์ ่มี ีผลตอ่ การแสวงหาความรู้ใหม่ การเคลอ่ื นท่ีของ และการพัฒนาเทคโนโลยี นิวตนั กฎความ โนม้ ถว่ งสากล 2. วัดและรายงานผลการวดั ปรมิ าณทาง แรงเสยี ดทาน ฟิสิกส์ ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนำความ สมดุล กลของ คลาดเคลอ่ื น ในการวัดมาพิจารณาใน วตั ถุ งานและกฎ การนำเสนอผล รวมท้งั แสดงผลการ การอนรุ ักษ์ ทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์ และ พลังงานกล แปลความหมายจากกราฟเสน้ ตรง โมเมนตมั และกฎ การอนรุ ักษ์ 3. ทดลอง และอธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง โมเมนตัม การ ตำแหน่ง การกระจัด ความเรว็ และ เคลือ่ นท่ีแนวโคง้ ความเร่งของการเคล่อื นท่ีของวตั ถใุ น รวมท้ังนำความรู้ แนวตรงทม่ี ีความเร่งคงตวั จากกราฟและ ไปใชป้ ระโยชน์ สมการ รวมทงั้ ทดลองหาคา่ ความเร่ง โนม้ ถว่ งของโลก และคำนวณปรมิ าณ ตา่ งๆ ที่เก่ียวขอ้ ง 4. ทดลองและอธิบายการหาแรงลพั ธข์ อง แรงสองแรงท่ที ำมุมต่อกนั 5. เขยี นแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุ อสิ ระ ทดลองและอธบิ ายกฎการ เคล่อื นท่ขี องนวิ ตัน และการใชก้ ฎการ เคล่อื นทข่ี องนวิ ตนั กบั สภาพการเคล่ือนท่ี ของวตั ถุ รวมทงั้ คำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง 6. อธบิ ายกฎความโน้มถว่ งสากลและผล ของ สนามโนม้ ถ่วงท่ีทำให้วัตถมุ นี ้ำหนกั รวมท้งั คำนวณปรมิ าณตา่ งๆ ท่เี กี่ยวข้อง

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนรรู้ ายปี ม. 5 ม. 6 ม. 4 สาระฟิสกิ ส์ 1. เขา้ ใจธรรมชาติ 7. วเิ คราะห์ อธบิ ายและคำนวณแรงเสยี ด ทางฟสิ ิกส์ ทาน ระหว่างผวิ สมั ผัสของวตั ถคุ หู่ นึ่งๆ ปรมิ าณและ ในกรณที ี่วัตถุ หยดุ นิ่งและวตั ถเุ คลื่อนท่ี กระบวนการวดั รวมท้ังทดลองหาสมั ประสทิ ธิค์ วามเสียด การเคลื่อนทแ่ี นว ทานระหว่างผิวสมั ผัสของวตั ถคุ ู่หนึง่ ๆ ตรง แรงและกฎ และนำความรเู้ รอื่ งแรงเสียดทานไปใช้ใน การเคล่อื นที่ของ ชีวิตประจำวนั นวิ ตัน กฎความ โน้มถ่วงสากล 8. อธบิ ายสมดลุ กลของวตั ถุ โมเมนต์ และ แรงเสียดทาน ผลรวมของโมเมนต์ท่ีมตี ่อการหมุน แรงคู่ สมดุล กลของ ควบและผลของแรงคคู่ วบที่มีต่อสมดลุ วตั ถุ งานและกฎ ของวตั ถุ เขยี นแผนภาพของแรงท่ีกระทำ การอนรุ ักษ์ ต่อวตั ถุอิสระเมอื่ วัตถุอยู่ในสมดุลกล พลงั งานกล และคำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง โมเมนตัมและกฎ รวมทั้งทดลองและอธบิ ายสมดลุ ของแรง การอนรุ กั ษ์ สามแรง โมเมนตัม การ เคล่ือนทแ่ี นวโค้ง 9. สงั เกตและอธิบายสภาพการเคลื่อนท่ีของ รวมท้ังนำความรู้ วตั ถุ เมอ่ื แรงทีก่ ระทำต่อวัตถุผ่าน ไปใชป้ ระโยชน์ ศูนยก์ ลางมวลของวตั ถุ และผลของศนู ย์ ถว่ งที่มตี อ่ เสถยี รภาพของวัตถุ 10. วเิ คราะห์ และคำนวณงานของแรงคง ตวั จากสมการและพ้นื ท่ใี ต้กราฟ ความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับตำแหน่ง รวมทั้งอธบิ ายและคำนวณกำลงั เฉล่ยี 11. อธบิ ายและคำนวณพลงั งานจลน์ พลังงานศักย์ พลงั งานกล ทดลองหา ความสมั พนั ธ์ระหว่างงานกับพลังงาน จลน์ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งงานกับ พลังงานศกั ยโ์ นม้ ถว่ งความสัมพนั ธ์ ระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึงสปรงิ กบั ระยะท่ีสปรงิ ยืดออกและความสัมพันธ์ ระหวา่ งงานกบั พลังงานศักย์ยืดหย่นุ รวมท้ังอธบิ ายความสมั พันธ์ระหวา่ ง งานของแรงลพั ธแ์ ละพลงั งานจลน์ และคำนวณงานทเี่ กดิ ข้ึนจากแรงลัพธ์

สาระ มาตรฐาน ผลการเรยี นรรู้ ายปี ม. 5 ม. 6 สาระฟสิ ิกส์ 1. เข้าใจธรรมชาติ ม. 4 ทางฟิสกิ ส์ ปรมิ าณและ 12. อธิบายกฎการอนุรักษ์พลังงานกล กระบวนการวัด รวมท้ัง วเิ คราะห์ และคำนวณปรมิ าณ การเคล่อื นที่แนว ตา่ ง ๆ ท่เี กย่ี วข้องกบั การเคลอื่ นท่ีของวั ตรง แรงและกฎ วัตถใุ นสถานการณต์ ่าง ๆ โดยใชก้ ฎการ การเคลอ่ื นท่ีของ อนรุ ักษ์พลังงานกล นวิ ตนั กฎความ โนม้ ถ่วงสากล 13. อธบิ ายการทำงาน ประสิทธิภาพและ แรงเสียดทาน การได้ เปรียบเชิงกลของเครอื่ งกลอย่าง สมดุล กลของ งา่ ยบางชนิด โดยใช้ความรู้เรอ่ื งงาน วตั ถุ งานและกฎ และสมดลุ กล รวมทง้ั คำนวณ การอนรุ ักษ์ ประสิทธภิ าพและการไดเ้ ปรียบเชงิ กล พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎ 14. อธบิ าย และคำนวณโมเมนตมั ของวัตถุ การอนรุ ักษ์ และการดลจากสมการและพื้นที่ใต้ โมเมนตัม การ กราฟ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงลัพธ์กบั เคลอื่ นทแ่ี นวโค้ง เวลา รวมท้ังอธบิ ายความสมั พนั ธ์ รวมทงั้ นำความรู้ ระหวา่ งแรงดลกับโมเมนตมั ไปใชป้ ระโยชน์ 15. ทดลอง อธิบาย และคำนวณปรมิ าณ ตา่ งๆ ที่เกีย่ วกับการชนของวัตถุในหนึ่ง มติ ิ ทั้งแบบ ยืดหยนุ่ ไมย่ ืดหยนุ่ และ การดดี ตัวแยกจากกนั ในหนึง่ มติ ิซึง่ เป็นไปตามกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตมั 16. อธบิ าย วิเคราะห์ และคำนวณปรมิ าณ ต่างๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกับการเคล่ือนทแ่ี บบ โพรเจกไทลแ์ ละทดลองการเคลอื่ นที่ แบบโพรเจกไทล์ 17. ทดลอง และอธบิ ายความสมั พันธ์ ระหวา่ งแรงสู่ศนู ยก์ ลาง รศั มีของการ เคลอ่ื นที่ซ่งึ มีอตั ราเรว็ เชงิ เสน้ อตั ราเรว็ เชิงมมุ และมวลของวัตถุ ในการ เคล่อื นทีแ่ บบวงกลมในระนาบ ระดบั รวมทงั้ คำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ท่ี เกย่ี วขอ้ งและประยกุ ต์ใชค้ วามรกู้ าร เคลื่อนทแ่ี บบวงกลม ในการอธบิ ายการ โคจรของดาวเทยี ม

สาระ มาตรฐาน ผลการเรยี นรูร้ ายปี ม. 6 ม. 4 ม. 5 สาระฟสิ กิ ส์ 2. เขา้ ใจการ 1. ทดลอง และอธิบายการเคลอ่ื นทแ่ี บบฮารม์ อ เคลือ่ นที่แบบฮาร์ นกิ อย่างงา่ ยของวตั ถตุ ดิ ปลายสปรงิ และ มอนกิ อย่างงา่ ย ลูกตุ้มอย่างงา่ ย รวมทั้งคำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ธรรมชาติของ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง คลน่ื เสยี งและ การไดย้ นิ 2. อธิบายความถ่ีธรรมชาติของวตั ถุและการเกดิ ปรากฏการณท์ ่ี การสั่นพ้อง เกี่ยวข้องกบั เสียง แสงและการเหน็ 3. อธบิ ายปรากฏการณ์คล่นื ชนิดของคล่ืน ปรากฏการณ์ ที่ สว่ นประกอบของคลน่ื การแผข่ องหนา้ คลื่น เกยี่ วขอ้ งกบั แสง ดว้ ยหลกั การของฮอยเกนส์ และการรวมกัน รวมทั้งนำความรู้ ของคลนื่ ตามหลกั การซ้อนทับ พรอ้ มทง้ั ไปใช้ประโยชน์ คำนวณ อตั ราเรว็ ความถแี่ ละความยาวคล่ืน 4. สงั เกต และอธบิ ายการสะทอ้ น การ หักเห การแทรกสอด และการเล้ียวเบนของคล่ืน ผวิ นำ้ รวมทงั้ คำนวณปริมาณ ตา่ งๆ ที่ เกย่ี วขอ้ ง 5. อธบิ ายการเกดิ เสยี ง การเคล่อื นทขี่ องเสียง ความสัมพันธ์ระหวา่ งคลนื่ การกระจัดของ อนภุ าคกับคลน่ื ความดัน ความสัมพันธ์ ระหว่าง อตั ราเรว็ ของเสยี งในอากาศที่ขึน้ กับ อณุ หภูมิในหน่วยองศาเซลเซียส สมบตั ิของ คล่ืนเสยี ง ไดแ้ ก่ การสะท้อน การหักเห การ แทรกสอด การเลยี้ วเบน รวมท้งั คำนวณ ปรมิ าณต่าง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้อง 6. อธบิ ายความเขม้ เสยี ง ระดบั เสยี ง องคป์ ระกอบของการได้ยิน คณุ ภาพเสยี ง และมลพิษทางเสยี ง รวมทั้งคำนวณปรมิ าณ ตา่ งๆ ที่เกีย่ วขอ้ ง 7. ทดลอง และอธบิ ายการเกิดการสัน่ พ้องของ อากาศในทอ่ ปลายเปิดหน่ึงดา้ น รวมทง้ั สังเกต และอธิบายการเกิดบตี คลืน่ น่ิง ปรากฏการณ์ ดอปเพลอร์ คลื่นกระแทก ของเสียง คำนวณ ปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่ี เกีย่ วขอ้ งและนำความรู้ เร่อื งเสียงไปใชใ้ น ชวี ิตประจำวนั

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนรรู้ ายปี ม. 6 ม. 4 ม. 5 สาระฟิสกิ ส์ 2. เขา้ ใจการ 8. ทดลอง และอธบิ ายการแทรกสอดของแสง เคลอื่ นทแี่ บบฮาร์ ผ่านสลติ คแู่ ละเกรตตงิ การเลยี้ วเบน และ มอนกิ อย่างงา่ ย การแทรกสอดของแสงผ่านสลติ เดีย่ ว ธรรมชาตขิ อง รวมท้งั คำนวณปรมิ าณตา่ งๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง คลนื่ เสียงและ การไดย้ ิน 9. ทดลองและอธิบายการสะทอ้ นของแสงที่ผวิ ปรากฏการณท์ ี่ วตั ถตุ ามกฎการสะท้อน เขียนรงั สีของแสง เกีย่ วขอ้ งกบั เสยี ง และคำนวณตำแหน่งและขนาดภาพของวัตถุ แสงและการเหน็ เมอ่ื แสงตกกระทบกระจกเงาราบและกระจก ปรากฏการณ์ ท่ี เงาทรงกลม รวมทัง้ อธบิ ายการนำความรู้ เกี่ยวข้องกบั แสง เรื่องการสะท้อนของแสงจากกระจกเงาราบ รวมท้งั นำความรู้ และกระจกเงา ทรงกลมไปใช้ประโยชนใ์ น ไปใช้ประโยชน์ ชวี ติ ประจำวนั 10. ทดลอง และอธิบายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง ดรรชนีหักเห มุมตกกระทบ และมมุ หักเห รวมทัง้ อธิบายความสัมพนั ธร์ ะหว่างความลึก จรงิ และความลกึ ปรากฏ มมุ วกิ ฤตและการ สะท้อนกลับหมดของแสง และคำนวณ ปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง 11. ทดลอง และเขยี นรังสีของแสงเพ่ือแสดง ภาพทเ่ี กิดจากเลนส์บางหาตำแหนง่ ขนาด ชนิดของภาพ และความสัมพันธร์ ะหวา่ ง ระยะวัตถุ ระยะภาพและความยาวโฟกัส รวมทัง้ คำนวณปริมาณต่าง ๆ ทเ่ี กี่ยวข้อง และอธบิ ายการนำ ความรู้เรื่องการหกั เห ของแสงผา่ นเลนสบ์ างไปใชป้ ระโยชนใ์ น ชวี ิตประจำวนั 12. อธบิ ายปรากฏการณธ์ รรมชาติที่เกยี่ วกับ แสง 13. สังเกตและอธบิ ายการมองเหน็ แสงสี สขี องวัตถุ การผสมสารสี และการผสม แสงสี รวมทัง้ อธบิ ายสาเหตขุ องการบอดสี

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรยี นรูร้ ายปี ม. 6 ม. 5 สาระฟิสกิ ส์ 3. เขา้ ใจแรงไฟฟา้ 1. ทดลอง และอธบิ ายการทำ 1. สงั เกต และอธิบายเส้น และกฎของ คูลอมบ์ วัตถุทีเ่ ปน็ กลางทาง ไฟฟา้ สนามแมเ่ หล็ก อธบิ าย สนามไฟฟ้า ศักยไ์ ฟฟ้า ความ ให้มีประจไุ ฟฟา้ โดยการขดั และคำนวณฟลกั ซ์ จไุ ฟฟ้า กระแสไฟฟ้าและ สกี นั และการ เหน่ยี วนำ แมเ่ หล็กในบรเิ วณที่ กฎของโอหม์ วงจรไฟฟ้า ไฟฟา้ สถติ กำหนด รวมท้งั สังเกต กระแสตรง พลังงานไฟฟ้า 2. อธบิ าย และคำนวณ และอธบิ าย และกำลงั ไฟฟ้า การเปล่ยี น แรงไฟฟ้าตามกฎของ สนามแม่เหล็กท่เี กดิ จาก พลังงานทดแทน เป็นพลังงาน คูลอมบ์ กระแสไฟฟ้าในลวด ไฟฟ้า สนามแม่เหลก็ 3. อธบิ าย และคำนวณ ตวั นำเสน้ ตรงและ แรงแมเ่ หลก็ ท่ี กระทำกับประจุ สนามไฟฟ้าและแรงไฟฟา้ โซเลนอยด์ ไฟฟา้ และ กระแสไฟฟ้า ที่กระทำกับอนภุ าคทม่ี ี 2. อธิบาย และคำนวณแรง การเหนย่ี วนำ แมเ่ หล็กไฟฟ้า ประจุไฟฟ้าที่อยใู่ นสนาม แม่เหล็กท่ีกระทำตอ่ และกฎของ ฟาราเดย์ ไฟฟ้า ไฟฟา้ รวมทัง้ หา อนภุ าคทม่ี ปี ระจุไฟฟ้า กระแสสลับ คลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้า สนามไฟฟ้าลัพธ์เน่ืองจาก เคลื่อนท่ีใน และการสื่อสาร รวมทง้ั นำความรู้ ระบบ จุดประจโุ ดยรวมกนั สนามแมเ่ หล็ก แรง ไปใช้ประโยชน์ แบบเวกเตอร์ แม่เหลก็ ที่กระทำต่อเส้น 4. อธบิ าย และคำนวณ ลวดท่มี ีกระแสไฟฟา้ พลังงานศักย์ไฟฟา้ ผ่านและวางใน ศักย์ไฟฟา้ และความต่าง สนามแม่เหลก็ รัศมี ศักย์ระหว่างสองตำแหน่ง ความโคง้ ของการ 5. อธบิ ายส่วนประกอบของ เคลือ่ นที่เม่ือประจุ ตวั เก็บประจุ ความสัมพันธ์ เคลอ่ื นทต่ี ัง้ ฉากกบั ระหวา่ งประจไุ ฟฟา้ ความ สนามแมเ่ หลก็ รวมทงั้ ตา่ งศักย์ และความจุของ อธิบายแรงระหว่างเส้น ตัวเกบ็ ประจุ และอธิบาย ลวด ตวั นำคู่ขนานทีม่ ี พลงั งานสะสมในตวั เกบ็ กระแสไฟฟ้าผ่าน ประจุ และความจุสมมูล 3. อธบิ ายหลักการทำงาน รวมทั้งคำนวณปริมาณ ของแกลแวนอมเิ ตอร์ ตา่ งๆ ทเ่ี กี่ยวข้อง และมอเตอรไ์ ฟฟา้ 6. นำความรู้เร่อื งไฟฟา้ สถิตไป กระแสตรง รวมท้ัง อธิบายหลกั การทำงานของ คำนวณ ปริมาณตา่ งๆ เครอื่ งใชไ้ ฟฟ้าบางชนดิ ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง และปรากฏการณใ์ น ชวี ิตประจำวัน

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนรู้รายปี สาระฟิสกิ ส์ 3. เข้าใจแรงไฟฟ้า ม. 4 ม. 5 ม. 6 และกฎของ คูลอมบ์ 7. อธิบายการเคล่ือนทขี่ อง 4. สงั เกต และอธิบายการ สนามไฟฟ้า ศกั ยไ์ ฟฟา้ ความ อเิ ล็กตรอนอสิ ระและ เกดิ อีเอ็มเอฟเหนี่ยวนำ จุไฟฟา้ กระแสไฟฟ้าและ กระแสไฟฟา้ ในลวดตัวนำ กฎการเหนยี่ วนำของ กฎของโอหม์ วงจรไฟฟ้า ความสมั พันธร์ ะหว่าง ฟาราเดย์ และคำนวณ กระแสตรง พลังงานไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าในลวดตวั นำ ปริมาณตา่ ง ๆ ที่ และกำลงั ไฟฟ้า การเปลี่ยน กบั ความเรว็ ลอยเลือ่ น เก่ียวข้อง รวมทงั้ นำ พลงั งานทดแทน เปน็ พลังงาน ของอิเล็กตรอนอิสระ ความรู้ เร่ืองอเี อม็ เอฟ ไฟฟา้ สนามแมเ่ หลก็ ความหนาแนน่ ของ เหน่ยี วนำไปอธิบาย แรงแมเ่ หล็ก ที่ กระทำกบั ประจุ อเิ ล็กตรอนในลวดตวั นำ การทำงาน ไฟฟา้ และ กระแสไฟฟา้ และพน้ื ทหี่ น้าตดั ของ 5. อธบิ าย และคำนวณ การเหน่ยี วนำ แมเ่ หล็กไฟฟา้ ลวดตัวนำ และคำนวณ ความต่างศักย์อาร์เอม็ เอส และกฎของ ฟาราเดย์ ไฟฟ้า ปรมิ าณตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง และกระแสไฟฟา้ กระแสสลบั คลื่น แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า 8. ทดลอง และอธิบายกฎ อาร์เอ็มเอส และการสือ่ สาร รวมทัง้ นำความรู้ ของโอห์ม อธบิ าย 6. อธิบายหลกั การทำงาน ไปใช้ประโยชน์ ความสมั พันธร์ ะหวา่ ง และประโยชน์ของเครือ่ ง ความต้านทานกบั ความ กำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ยาวพนื้ ท่ีหนา้ ตัดและ 3 เฟส การแปลงอีเอ็มเอฟ สภาพต้านทานของตวั นำ ของหม้อแปลง และ โลหะ ที่อุณหภูมคิ งตวั คำนวณปริมาณต่างๆ ท่ี และคำนวณปรมิ าณต่างๆ เกี่ยวข้อง ทเี่ กย่ี วข้อง รวมทัง้ อธิบาย 7. อธบิ ายการเกิดและ และคำนวณ ความ ลักษณะเฉพาะของ คล่ืน ตา้ นทานสมมลู เมอื่ นำตัว แมเ่ หล็กไฟฟา้ แสงไม่ ต้านทาน มาตอ่ กันแบบ โพลาไรส์ แสงโพลาไรส์ อนกุ รมและแบบขนาน เชิงเสน้ และแผน่ โพลา 9. ทดลอง อธิบาย และ รอยด์ รวมทั้งอธบิ ายการ คำนวณอเี อ็มเอฟของ นำคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้า แหลง่ กำเนิดไฟฟา้ ในชว่ งความถต่ี า่ ง ๆ ไป กระแสตรง รวมท้ัง ประยุกตใ์ ชแ้ ละหลกั การ อธิบาย และคำนวณ ทำงานของอปุ กรณ์ที่ พลงั งานไฟฟา้ และ เก่ียวข้อง กำลงั ไฟฟา้

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรยี นรู้รายปี ม. 6 สาระฟิสกิ ส์ ม. 5 3. เข้าใจแรงไฟฟ้า 10. ทดลอง และคำนวณ 8. สืบคน้ และอธบิ ายการ และกฎของ คูลอมบ์ อเี อม็ เอฟสมมูลจากการ สื่อสารโดยอาศยั คล่นื สนามไฟฟ้า ศกั ย์ไฟฟ้า ความ ตอ่ แบตเตอรี่แบบอนุกรม แมเ่ หล็กไฟฟ้าในการ จุไฟฟา้ กระแสไฟฟา้ และ และแบบขนาน รวมทัง้ สง่ ผ่านสารสนเทศ และ กฎของโอห์ม วงจรไฟฟา้ คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ที่ เปรยี บเทยี บการส่อื สาร กระแสตรง พลงั งานไฟฟ้า เกี่ยวข้อง ในวงจรไฟฟ้า ดว้ ยสัญญาณ และกำลังไฟฟ้า การเปลีย่ น กระแสตรงซง่ึ แอนะลอ็ กกบั สญั ญาณ พลงั งานทดแทน เป็นพลังงาน ประกอบด้วยแบตเตอรี่ ดจิ ิทัล ไฟฟา้ สนามแม่เหล็ก และตวั ตา้ นทาน แรงแมเ่ หล็ก ท่ี กระทำกับประจุ 11. อธิบายการเปลย่ี น ไฟฟา้ และ กระแสไฟฟา้ พลังงานทดแทนเปน็ การเหนีย่ วนำ แมเ่ หล็กไฟฟ้า พลังงานไฟฟ้า รวมทั้ง และกฎของ ฟาราเดย์ ไฟฟา้ สืบคน้ และอภิปราย กระแสสลับ คลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ เก่ยี วกบั เทคโนโลยี ที่ และการสอ่ื สาร รวมทงั้ นำความรู้ นำมาแกป้ ัญหาหรอื ไปใชป้ ระโยชน์ ตอบสนองความ ตอ้ งการทางด้าน พลังงานไฟฟ้า โดยเนน้ ด้านประสิทธิภาพและ ความคมุ้ คา่ ดา้ น คา่ ใชจ้ า่ ย

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรียนรรู้ ายปี สาระฟิสกิ ส์ 4. เข้าใจ ม. 5 ม. 6 ความสัมพันธ์ของ ความรอ้ นกบั การ 1. อธบิ าย และคำนวณความรอ้ นทีท่ ำให้ เปลีย่ นอณุ หภูมิและ สสารเปลย่ี นอุณหภูมิ ความร้อนท่ีทำให้ สถานะของสสาร สสารเปล่ียนสถานะและความรอ้ นทเี่ กดิ สภาพยดื หยนุ่ ของ จากการถา่ ยโอนตามกฎการอนรุ กั ษ์ วัสดุและมอดุลสั ของ พลงั งาน ยังความดนั ในของ ไหล แรงพยงุ และ 2. อธบิ ายสภาพยืดหย่นุ และลักษณะการยืด หลักของอารค์ ิมดี ิส และหดตวั ของวสั ดทุ ่เี ปน็ แท่ง เมือ่ ถูก ความตึงผิวและแรง กระทำด้วยแรงค่าต่าง ๆ รวมทงั้ ทดลอง หนืดของของเหลว อธบิ ายและคำนวณความเค้นตามยาว ของไหลอุดมคติ ความเครียดตามยาวและมอดลู สั ของยงั และสมการแบร์นลู ลี และนำความรเู้ รื่องสภาพยดื หย่นุ ไปใช้ใน กฎของแกส๊ ทฤษฎี ชีวติ ประจำวนั จลน์ของแก๊สอุดม คติและพลงั งานใน 3. อธิบาย และคำนวณความดนั เกจ ความดนั ระบบ ทฤษฎี สัมบรู ณ์ และความดันบรรยากาศ รวมทง้ั อะตอมของโบร์ อธบิ ายหลักการทำงานของแมนอมิเตอร์ ปรากฏการณ์ บารอมิเตอรแ์ ละเคร่ืองอัดไฮดรอลิก โฟโตอเิ ล็กทริก ทวภิ าวะของ 4. ทดลอง อธิบาย และคำนวณขนาดแรงพยงุ คลนื่ และอนุภาค จากของไหล กัมมนั ตภาพรงั สี แรงนวิ เคลียร์ 5. ทดลอง อธบิ ายและคำนวณความตงึ ผิว ปฏกิ ิริยานิวเคลยี ร์ ของของเหลว รวมทงั้ สังเกตและอธบิ าย พลังงานนิวเคลียร์ แรงหนดื ของของเหลว ฟสิ กิ ส์อนภุ าค รวมท้งั นำความรู้ 6. อธิบายสมบัติของของไหลอุดมคติ สมการ ไปใช้ประโยชน์ ความต่อเนื่องและสมการแบร์นูลลี รวมทั้ง คำนวณปริมาณตา่ งๆ ทเ่ี กี่ยวข้อง และนำ ความรู้ เกยี่ วกบั สมการความต่อเนื่องและ สมการแบรน์ ูลลี ไปอธิบายหลกั การทำงาน ของอปุ กรณ์ต่างๆ 7. อธิบายกฎของแกส๊ อดุ มคติและคำนวณ ปริมาณตา่ งๆ ทเี่ กี่ยวข้อง 8. อธบิ ายแบบจำลองของแก๊สอุดมคติ ทฤษฎี จลน์ของแกส๊ และอัตราเรว็ อารเ์ อม็ เอส ของโมเลกลุ ของแก๊ส รวมทง้ั คำนวณ ปรมิ าณต่างๆ ท่เี กีย่ วข้อง

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรียนรู้รายปี สาระฟิสกิ ส์ 4. เขา้ ใจ ม. 5 ม. 6 ความสัมพันธ์ของ ความร้อนกับการ 9. อธิบายและคำนวณงานท่ีทำโดยแก๊สใน เปล่ียนอณุ หภูมิและ ภาชนะปิดโดยความดันคงตัว และอธบิ าย สถานะของสสาร ความสัมพันธ์ ระหว่างความรอ้ น พลังงาน สภาพยดื หยุน่ ของ ภายในระบบและงาน รวมท้ังคำนวณ วสั ดุและมอดลุ สั ของ ปริมาณตา่ งๆ ที่เก่ียวขอ้ งและนำความรู้ ยงั ความดนั ในของ เร่ืองพลังงานภายในระบบ ไปอธบิ าย ไหล แรงพยุง และ หลกั การทำงานของเครอ่ื งใช้ใน หลกั ของอาร์คิมีดสิ ชวี ิตประจำวนั ความตึงผวิ และแรง หนดื ของของเหลว 10. อธบิ ายสมมติฐานของพลังค์ ทฤษฎี ของไหลอุดมคติ อะตอมของโบร์ และการเกดิ เส้น และสมการแบรน์ ูลลี สเปกตรัม กฎของแก๊ส ทฤษฎี จลนข์ องแกส๊ อุดม 11. อธบิ ายปรากฏการณ์โฟโตอเิ ลก็ ทริกและ คตแิ ละพลังงานใน คำนวณพลงั งานโฟตอน พลังงานจลน์ ระบบ ทฤษฎี ของโฟโตอเิ ล็กตรอนและฟงั กช์ ันงานของ อะตอมของโบร์ โลหะ ปรากฏการณ์ โฟโตอเิ ลก็ ทริก 12. อธบิ ายทวิภาวะของคลื่นและอนภุ าค ทวิภาวะของ รวมทั้ง อธิบายและคำนวณความยาวคลื่น คล่ืนและอนุภาค เดอบรอยล์ กมั มนั ตภาพรงั สี แรงนิวเคลียร์ 13. อธิบายกมั มนั ตภาพรังสีและความ ปฏิกริ ิยานวิ เคลยี ร์ แตกต่างของรงั สแี อลฟา บตี าและแกมมา พลงั งานนิวเคลยี ร์ ฟสิ กิ ส์อนุภาค 14. อธบิ ายและคำนวณกัมมันตภาพของ รวมทั้งนำความรู้ นวิ เคลียสกัมมนั ตรังสี รวมท้งั ทดลอง ไปใช้ประโยชน์ อธบิ ายและคำนวณจำนวนนิวเคลียส กมั มนั ตภาพรงั สีทเ่ี หลือจากการสลาย และครงึ่ ชีวิต 15. อธบิ ายแรงนวิ เคลียร์ เสถยี รภาพของ นิวเคลยี สและพลงั งานยึดเหน่ยี ว รวมท้ัง คำนวณปรมิ าณต่างๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ ง

สาระ มาตรฐาน ผลการเรียนร้รู ายปี ม. 6 ม. 4 ม. 5 สาระโลก ดาราศาสตร์ 1. เข้าใจ 1. อธิบายการแบง่ ชัน้ และ 16. อธบิ ายปฏกิ ริ ยิ า และอวกาศ กระบวนการ สมบตั ิของโครงสรา้ งพรอ้ ม นิวเคลยี ร์ ฟิชชัน เปลยี่ นแปลง ยกตัวอย่างข้อมลู ท่ีสนบั สนนุ และฟิวชัน รวมทงั้ ภายในโลก คำนวณพลงั งาน ธรณพี บิ ัตภิ ัย 2. อธบิ ายหลกั ฐานทาง นวิ เคลยี ร์ และผลต่อ ธรณีวิทยาท่สี นับสนนุ การ ส่ิงมชี วี ิต และ เคลอ่ื นท่ีของแผ่นธรณี 17. อธบิ ายประโยชนข์ อง สง่ิ แวดลอ้ ม พลงั งานนิวเคลียร์ รวมทัง้ 3. ระบุสาเหตแุ ละอธิบายแนว และรังสี รวมท้งั การศกึ ษา รอยตอ่ ของแผ่นธรณี ที่ อนั ตรายและการ ลำดับช้นั หนิ สมั พนั ธก์ ับการเคลื่อนที่ของ ปอ้ งกันรงั สี ในด้าน ทรพั ยากรธรณี แผน่ ธรณี พรอ้ มยกตวั อย่าง ตา่ งๆ แผนที่ การ หลักฐานทางธรณีวิทยาที่พบ นำไปใช้ 18. อธบิ ายการ ประโยชน์ 4. วเิ คราะห์หลกั ฐานทาง ค้นควา้ วจิ ัยด้านฟสิ ิกส์ ธรณีวิทยาทีพ่ บในปัจจบุ นั อนภุ าค แบบจำลอง และอธิบายลำดบั เหตกุ ารณ์ มาตรฐาน และการใช้ ทางธรณีวิทยา ในอดตี ประโยชน์ จากการ คน้ ควา้ วิจยั ด้านฟสิ กิ ส์ 5. อธิบายสาเหตุ กระบวนการ อนุภาค ในดา้ นตา่ ง ๆ เกิดภูเขาไฟระเบิดและปัจจัย ท่ที ำใหค้ วามรุนแรงของการ ปะทุ และรูปรา่ งของภเู ขา ไฟแตกต่างกัน รวมทัง้ สืบค้นข้อมูลพน้ื ทเี่ สีย่ งภยั ออกแบบและนำเสนอ แนว ทางการเฝ้าระวังและการ ปฏบิ ัตติ น ใหป้ ลอดภัย 6. อธิบายสาเหตุ กระบวนการ เกดิ ขนาดและความรุนแรง และผลจากแผน่ ดินไหว รวมทัง้ สบื ค้นขอ้ มูลพืน้ ที่ เส่ยี งภัย ออกแบบและ นำเสนอ แนวทางการเฝา้ ระวงั และการปฏบิ ตั ติ นให้ ปลอดภยั

สาระ มาตรฐาน ผลการเรยี นรรู้ ายปี ม. 5 ม. 6 ม. 4 สาระโลก ดาราศาสตร์ 1. เขา้ ใจ 7. อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิด และผลจากสึนามิ และอวกาศ กระบวนการ รวมท้งั สืบค้นขอ้ มูลพนื้ ทีเ่ สย่ี งภัย ออกแบบและ เปลย่ี นแปลง นำเสนอแนวทางการเฝา้ ระวงั และการปฏบิ ัติ ตน ภายในโลก ให้ปลอดภัย ธรณพี บิ ัตภิ ัย และผลตอ่ 8. ตรวจสอบและระบุชนดิ แร่ รวมท้งั วเิ คราะห์ สิ่งมชี วี ติ และ สมบัติและนำเสนอการใชป้ ระโยชน์จาก สงิ่ แวดล้อม ทรพั ยากรแร่ทเ่ี หมาะสม รวมทั้ง การศึกษา 9. ตรวจสอบ จำแนกประเภท และระบชุ ่อื หิน ลำดบั ชน้ั หิน รวมท้ังวเิ คราะหส์ มบตั ิและนำเสนอการใช้ ทรัพยากรธรณี ประโยชน์ของทรัพยากรหินทเี่ หมาะสม แผนท่ี การ นำไปใช้ 10. อธิบายกระบวนการเกิดและการสำรวจ แหลง่ ประโยชน์ ปโิ ตรเลียมและถา่ นหิน โดยใช้ขอ้ มลู ทาง ธรณวี ิทยา 11. อธบิ ายสมบัตขิ องผลติ ภัณฑท์ ไี่ ดจ้ ากปิโตรเลียม และถา่ นหนิ พรอ้ มนำเสนอการใชป้ ระโยชน์ อย่างเหมาะสม 12. อ่านและแปลความหมายจากแผนทภี่ มู ปิ ระเทศ และแผนท่ีธรณวี ทิ ยาของพ้นื ทท่ี ี่กำหนดพร้อม ท้ังอธบิ ายและยกตวั อยา่ ง การนำไปใช้ประโยชน์

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรียนรรู้ ายปี ม. 6 ม. 5 สาระโลก 2. เขา้ ใจสมดลุ 1. อธบิ ายปจั จยั สำคญั ที่มีผลต่อการรบั และ ดาราศาสตร์ พลงั งานของ คายพลังงานจากดวงอาทิตย์แตกตา่ งกัน และอวกาศ โลก การ และผลทม่ี ตี อ่ อณุ หภูมอิ ากาศในแต่ละบรเิ วณ หมุนเวยี นของ ของโลก อากาศบนโลก การหมุนเวยี น 2. อธบิ ายกระบวนการทท่ี ำให้เกิดสมดุลพลงั งาน ของน้ำใน ของโลก มหาสมทุ ร การ เกดิ เมฆ การ 3. อธิบายผลของแรงเน่ืองจากความแตกตา่ งของ เปลี่ยนแปลง ความกดอากาศ แรงคอรอิ อลิส แรงสู่ ภูมอิ ากาศโลก ศนู ยก์ ลางและแรงเสียดทานที่มีตอ่ การ และผลต่อ หมนุ เวยี นของอากาศ สิ่งมีชีวติ และ สงิ่ แวดล้อม 4. อธิบายการหมุนเวยี นของอากาศตามเขต รวมทั้งการ ละติจูดและผลท่มี ีต่อภูมอิ ากาศ พยากรณ์ อากาศ 5. อธิบายปจั จัยที่ทำใหเ้ กิดการแบง่ ช้ันนำ้ ใน มหาสมุทร 6. อธิบายปจั จยั ท่ีทำใหเ้ กิดการหมุนเวียนของน้ำ ในมหาสมทุ รและรปู แบบการหมุนเวียนของนำ้ ในมหาสมทุ ร 7. อธิบายผลของการหมนุ เวียนของน้ำใน มหาสมุทรที่มตี ่อลักษณะลมฟ้าอากาศ สิง่ มชี ีวติ และ ส่ิงแวดล้อม 8. อธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งเสถยี รภาพ อากาศ และการเกิดเมฆ 9. อธบิ ายการเกดิ แนวปะทะอากาศแบบต่างๆ และลกั ษณะลมฟา้ อากาศท่เี กีย่ วข้อง 10. อธบิ ายปัจจยั ต่างๆท่ีมผี ลต่อการเปลีย่ นแปลง ภูมอิ ากาศของโลก พร้อมยกตัวอย่างข้อมูล สนับสนุน 11. วเิ คราะห์ และอภิปรายเหตุการณท์ ่เี ปน็ ผล จาก การเปลี่ยนแปลงภมู อิ ากาศโลก และ นำเสนอ แนวปฏิบตั ขิ องมนุษย์ทมี่ สี ว่ นช่วยใน การชะลอ การเปลยี่ นแปลงภูมอิ ากาศโลก

สาระ มาตรฐาน ผลการเรยี นร้รู ายปี ม. 6 สาระโลก 2. เขา้ ใจสมดลุ ม. 4 ม. 5 ดารา พลังงานของ 12. แปลความหมายสญั ลกั ษณล์ มฟา้ อากาศบน โลก การ แผนทอ่ี ากาศ ศาสตร์ หมนุ เวียนของ และอวกาศ อากาศบนโลก 13. วเิ คราะห์ และคาดการณ์ลกั ษณะลมฟ้า อากาศเบอ้ื งตน้ จากแผนที่อากาศและข้อมูล การหมุนเวียน สารสนเทศอน่ื ๆ เพื่อวางแผนในการ ประกอบอาชพี และการดำเนินชวี ิตให้ ของนำ้ ใน สอดคล้องกบั สภาพลมฟา้ อากาศ มหาสมทุ ร การ เกิดเมฆ การ เปลี่ยนแปลง ภมู อิ ากาศโลก และผลต่อ สิ่งมชี วี ิต และ สิ่งแวดล้อม รวมท้งั การ พยากรณ์ อากาศ

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรยี นรู้รายปี สาระโลก 3. เข้าใจ ม. 5 ม. 6 ดารา องคป์ ระกอบ 1. อธบิ ายการกำเนิดและการเปลีย่ นแปลง ลักษณะ พลงั งาน สสาร ขนาดอณุ หภูมิของเอกภพ ศาสตร์ กระบวนการเกิด หลังเกดิ บิกแบงในชว่ งเวลาต่าง ๆ ตาม และอวกาศ และวิวฒั นาการ วิวฒั นาการของเอกภพ ของเอกภพ 2. อธบิ ายหลักฐานท่สี นบั สนุนทฤษฎีบกิ แบง จากความสมั พันธ์ระหว่างความเรว็ กับ กาแลก็ ซี ดาว ระยะทางของกาแลก็ ซี รวมทั้งข้อมูลการ ค้นพบไมโครเวฟ พน้ื หลงั จากอวกาศ ฤกษ์ และระบบ 3. อธบิ ายโครงสรา้ งและองค์ประกอบของ สุริยะ กาแลก็ ซีทางชา้ งเผือกและระบตุ ำแหน่งของ ระบบสรุ ยิ ะ พร้อมอธิบายเชื่อมโยงกบั การ ความสมั พนั ธข์ อง สงั เกตเห็นทางช้างเผอื กของคนบนโลก ดาราศาสตรก์ บั 4. อธบิ ายกระบวนการเกิดดาวฤกษ์ โดยแสดง การเปล่ียนแปลงความดัน อุณหภูมิ ขนาด มนุษย์ จากการ จากดาวฤกษ์ก่อนเกิดจนเป็นดาวฤกษ์ ศึกษาตำแหน่ง 5. อธบิ ายกระบวนการสร้างพลังงานของดาว ฤกษแ์ ละผลท่เี กดิ ขึ้น โดยวเิ คราะหป์ ฏิกริ ิยา ดาวบน ทรงกลม ลกู โซโ่ ปรตอน และวฏั จักรคารบ์ อน ไนโตรเจน ออกซิเจน ฟา้ และ 6. ระบปุ ัจจยั ท่สี ง่ ผลต่อความส่องสว่างของ ปฏิสมั พนั ธ์ ดาวฤกษ์และอธิบายความสมั พันธร์ ะหวา่ ง ความส่องสวา่ ง กับโชตมิ าตรของดาวฤกษ์ ภายในระบบ 7. อธบิ ายความสมั พันธ์ระหวา่ งสี อุณหภูมิผิว สรุ ิยะ รวมทัง้ การ และสเปกตรมั ของดาวฤกษ์ ประยุกตใ์ ช้ 8. อธบิ ายวธิ ีการหาระยะทางของดาวฤกษ์ ด้วย หลกั การแพรัลแลกซ์ พร้อมคำนวณ หา เทคโนโลยอี วกาศ ระยะทางของดาวฤกษ์ ในการดำรงชวี ิต 9. อธิบายลำดับววิ ัฒนาการที่สมั พันธก์ ับมวล ต้ังต้น และวเิ คราะหก์ ารเปลีย่ นแปลงสมบตั ิ บางประการของดาวฤกษใ์ นลำดับ วิวฒั นาการ จากแผนภาพ เฮริ ซ์ ปรงุ - รัสเซลล์

สาระ มาตรฐาน ม. 4 ผลการเรยี นรรู้ ายปี สาระโลก 3. เข้าใจ ม. 5 ม. 6 ดาราศาสตร์ องค์ประกอบ และอวกาศ ลักษณะ 10. อธิบายกระบวนการเกดิ ระบบสรุ ยิ ะ การแบง่ เขตบรวิ ารของดวงอาทติ ย์และลักษณะของ กระบวนการเกิด ดาวเคราะหท์ ี่เอ้ือตอ่ การดำรงชวี ิต และววิ ฒั นาการ ของเอกภพ 11. อธิบายการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทติ ย์ กาแลก็ ซี ดาว ด้วยกฎเคพเลอร์ และกฎความโน้มถว่ งของนวิ ฤกษ์ และระบบ ตนั พรอ้ มคำนวณคาบการโคจรของดาวเคราะห์ สรุ ิยะ ความสมั พันธ์ 12. อธิบายโครงสร้างของดวงอาทิตย์ การเกิดลม ของดาราศาสตร์ สรุ ิยะ พายสุ รุ ยิ ะ และวิเคราะห์ นำเสนอ กับมนษุ ย์ จาก ปรากฏการณ์หรือเหตกุ ารณ์ที่เกย่ี วข้องกับผล การศกึ ษา ของลมสุริยะ และพายุสรุ ิยะที่มีต่อโลก รวมท้งั ตำแหนง่ ดาวบน ประเทศไทย ทรงกลมฟา้ และ ปฏสิ ัมพนั ธ์ 13. สรา้ งแบบจำลองทรงกลมฟ้า สังเกตและเช่ือมโยง ภายในระบบ จุดและเสน้ สำคญั ของแบบจำลองทรงกลมฟ้า สรุ ิยะ รวมทัง้ กบั ทอ้ งฟา้ จริงและอธบิ ายการระบุพกิ ดั ของ การประยกุ ตใ์ ช้ ดาวในระบบขอบฟ้า และระบบศูนย์สตู ร เทคโนโลยี อวกาศในการ 14. สงั เกตท้องฟ้าและอธบิ ายเสน้ ทางการขน้ึ การ ดำรงชีวิต ตกของดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์ 15. อธิบายเวลาสุริยคตปิ รากฏ โดยรวบรวมขอ้ มลู และเปรยี บเทยี บเวลาขณะท่ีดวงอาทิตย์ผ่าน เมริเดียนของ ผู้สังเกตในแต่ละวัน 16. อธิบายเวลาสุรยิ คตปิ านกลาง และการ เปรยี บเทยี บเวลาของแตล่ ะเขตเวลาบนโลก 17. อธบิ ายมมุ หา่ งท่ีสัมพันธ์กับตำแหนง่ ในวงโคจร และอธิบายเชื่อมโยงกบั ตำแหนง่ ปรากฏของ ดาวเคราะห์ทสี่ งั เกตได้จากโลก 18. สืบคน้ ข้อมูล อธิบายการสำรวจอวกาศ โดย ใชก้ ล้องโทรทรรศน์ในชว่ งความยาวคลนื่ ต่างๆ ดาวเทยี ม ยานอวกาศ สถานอี วกาศ และนำเสนอ แนวคดิ การนำความร้ทู างด้านเทคโนโลยีอวกาศ มาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวนั หรือในอนาคต 19. สืบคน้ ขอ้ มลู ออกแบบ และนำเสนอกจิ กรรม การสงั เกตดาวบนท้องฟ้าดว้ ยตาเปล่าและ/ หรอื กลอ้ งโทรทรรศน์

ผลการเรยี นรแู้ ละสาระการเรียนรู้เพิ่มเตมิ สาระเคมี 1. เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจดั เรียงธาตุในตารางธาตุ สมบัตขิ องธาตุ พันธะเคมีและสมบตั ิของสาร แก๊สและ สมบัติแก๊ส ของประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทั้งการนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้เู พมิ่ เติม 1. สบื ค้นข้อมูล • นกั วทิ ยาศาสตร์ศกึ ษาโครงสรา้ งของอะตอม และเสนอแบบจำลองอะตอมแบบตา่ ง สมมติฐาน การ ๆ จากการศกึ ษาข้อมลู การสงั เกต การตงั้ สมมติฐาน และ ผลการทดลอง ทดลอง หรือผลการ • แบบจำลองอะตอมมวี วิ ัฒนาการ โดยเริ่มจาก ดอลตนั เสนอวา่ ธาตุประกอบด้วย อะตอมซง่ึ เป็นอนุภาคขนาดเล็กไม่สามารถแบ่งแยกได้ ต่อมา ทอมสนั เสนอวา่ ทดลองทเี่ ป็นประจกั ษ์ อะตอมประกอบด้วยอนภุ าคท่มี ปี ระจุลบ เรียกว่า อเิ ลก็ ตรอน และอนภุ าคประจุ พยานในการเสนอ บวก รทั เทอรฟ์ อรด์ เสนอวา่ ประจุบวกทีเ่ รยี กว่า โปรตอน รวมตวั กันอยตู่ รงกึง่ กลาง แบบจำลองอะตอม อะตอม เรียกวา่ นวิ เคลียส ซง่ึ มขี นาดเลก็ มาก และมีอเิ ล็กตรอนอยูร่ อบนวิ เคลียส ของนกั วิทยาศาสตร์ โบร์เสนอว่าอเิ ลก็ ตรอนเคล่อื นทเ่ี ปน็ วงรอบนิวเคลียสโดยแตล่ ะวงมรี ะดบั พลงั งาน และอธบิ าย เฉพาะตัว ในปจั จุบนั นักวทิ ยาศาสตรย์ อมรับวา่ อิเล็กตรอนมกี ารเคลือ่ นท่รี วดเร็ว ววิ ัฒนาการของ รอบนิวเคลยี ส และไม่สามารถระบุตำแหนง่ ท่แี นน่ อนได้ จึงเสนอแบบจำลอง แบบจำลองอะตอม อะตอมแบบกลุ่มหมอก ซง่ึ แสดงโอกาสการพบอิเลก็ ตรอนรอบนวิ เคลียส 2. เขียนสญั ลกั ษณ์ • สญั ลกั ษณน์ วิ เคลยี ร์ของธาตุ ประกอบด้วยสญั ลักษณธ์ าตุ เลขอะตอมซงึ่ แสดง นิวเคลยี รข์ องธาตุ จำนวนโปรตอน และเลขมวลซึ่งแสดงผลรวมของจำนวนโปรตอนกบั นิวตรอน และระบจุ ำนวน อะตอมของธาตุชนิดเดยี วกนั ที่มจี ำนวนโปรตอนเทา่ กัน แต่มีจำนวนนิวตรอน โปรตอน นวิ ตรอน ตา่ งกัน เรียกวา่ ไอโซโทป และอิเลก็ ตรอนของ อะตอมจากสัญลักษณ์ นิวเคลียร์ รวมทัง้ บอก ความหมายของ ไอโซโทป 4. ระบหุ มู่ คาบ ความ • ตารางธาตุในปัจจบุ ันจดั เรียงธาตตุ ามเลขอะตอมและสมบัติท่คี ลา้ ยคลึงกันเปน็ เป็นโลหะ อโลหะ และ หมแู่ ละคาบโดยอาจแบ่งธาตใุ นตารางธาตเุ ปน็ กลมุ่ ธาตโุ ลหะ ก่ึงโลหะ และ กงึ่ โลหะ ของธาตเุ รพรี อโลหะ นอกจากน้ีอาจแบง่ เป็นกลมุ่ ธาตุเรพรเี ซนเททีฟและกลุม่ ธาตุ เซนเททฟี และธาตุ แทรนซิชัน แทรนซชิ ันในตาราง ธาตุ

ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรเู้ พิ่มเตมิ 5. วิเคราะห์ และบอก • ธาตุเรพรีเซนเททีฟในหมเู่ ดยี วกันมีจำนวนเวเลนซ์-อเิ ลก็ ตรอนเทา่ กัน และธาตุ แนวโน้มสมบัตขิ อง ทอ่ี ยใู่ นคาบเดยี วกนั มเี วเลนซอ์ ิเล็กตรอนในระดับพลงั งานหลักเดยี วกนั ธาตุ ธาตุเรพรีเซนเททีฟ เรพรเี ซนเททีฟมีสมบัตทิ างเคมีคลา้ ยคลึงกนั ตามหมู่ และมีแนวโนม้ สมบัติบาง ตามหมูแ่ ละตามคาบ ประการเปน็ ไปตามหมแู่ ละตามคาบ เชน่ ขนาดอะตอม รัศมีไอออน พลงั งาน ไอออไนเซชัน อเิ ล็กโทรเนกาตวิ ิตี สัมพรรคภาพอิเล็กตรอน 6. บอกสมบตั ิของธาตุ • ธาตุแทรนซชิ ันเปน็ โลหะท่ีส่วนใหญม่ เี วเลนซ์-อิเล็กตรอนเท่ากบั ๒ มขี นาด โลหะแทรนซชิ ัน และ อะตอมใกล้เคยี งกัน มีจุดเดือด จุดหลอมเหลวและความหนาแน่นสูง เปรียบเทยี บสมบตั ิกับ เกิดปฏิกิรยิ ากบั น้ำไดช้ ้ากวา่ ธาตโุ ลหะในกลมุ่ ธาตุ เรพรเี ซนเททีฟ เม่ือเกดิ เปน็ ธาตุโลหะในกลมุ่ ธาตุ สารประกอบสว่ นใหญจ่ ะมีสี เรพรีเซนเททีฟ 7. อธบิ ายสมบตั ิ และ • ธาตุแต่ละชนดิ มไี อโซโทป ซึง่ ในธรรมชาติบางธาตุ มไี อโซโทปท่ีแผ่รงั สไี ด้ คำนวณคร่ึงชวี ติ ของ เน่ืองจากนวิ เคลยี สไมเ่ สถียร เรยี กวา่ ไอโซโทปกัมมนั ตรงั สี สำหรับธาตุ ไอโซโทปกมั มันตรังสี กัมมนั ตรงั สเี ปน็ ธาตุทที่ กุ ไอโซโทปสามารถแผร่ ังสีได้ รงั สีที่เกิดขนึ้ เชน่ รงั สี แอลฟา รงั สบี ีตา รงั สีแกมมา โดยครง่ึ ชีวิตของไอโซโทปกัมมนั ตรังสีเป็น ระยะเวลาท่ีไอโซโทปกมั มันตรังสสี ลายตวั จนเหลือครงึ่ หน่งึ ของปริมาณเดิม ซ่งึ เปน็ ค่าคงท่ีเฉพาะของแต่ละไอโซโทปกัมมนั ตรังสี 8. สืบคน้ ขอ้ มูล และ • สมบตั ิบางประการของธาตุแต่ละชนดิ ทำใหส้ ามารถนำธาตุไปใชป้ ระโยชนใ์ น ยกตัวอยา่ งการนำธาตุ ด้านตา่ ง ๆได้อยา่ งหลากหลาย ทง้ั นก้ี ารนำธาตุไปใชต้ ้องตระหนกั ถึง มาใชป้ ระโยชน์ ผลกระทบที่มีตอ่ ส่งิ มีชวี ติ และสิง่ แวดลอ้ มโดยเฉพาะสารกัมมันตรงั สีซ่ึงต้อง รวมท้ังผลกระทบต่อ มีการจัดการอยา่ งเหมาะสม สง่ิ มีชวี ติ และ ส่ิงแวดลอ้ ม 9. อธิบายการเกดิ • สารเคมีเกิดจากการยึดเหนี่ยวกันด้วยพันธะเคมี ซึ่งเกี่ยวข้องกับเวเลนซ์ ไอออนและการเกิด อิเล็กตรอนที่แสดงได้ด้วยสัญลักษณ์แบบจุดของลิวอิส โดยการเกิดพันธะเคมี พนั ธะไอออนิก โดยใช้ สว่ นใหญ่เป็นไปตามกฎออกเตต แผนภาพหรือ • พันธะไอออนิกเกิดจากการยึดเหนี่ยวระหว่างประจุไฟฟ้าของไอออนบวกกับ สญั ลกั ษณ์ ไอออนลบส่วนใหญ่ไอออนบวกเกิดจากโลหะเสียอิเล็กตรอนและไอออนลบ แบบจุดของลวิ อิส เกิดจากอโลหะรับอิเล็กตรอน สารประกอบที่เกิดจากพันธะไอออนิก เรียกว่า สารประกอบไอออนิก สารประกอบไอออนิกไม่อยู่ในรูปโมเลกุล แต่เป็นโครง ผลึกทปี่ ระกอบดว้ ยไอออนบวกและไอออนลบจัดเรียงตัวต่อเน่อื งกนั ไปท้ังสาม มติ ิ

ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรเู้ พ่ิมเตมิ 10. เขยี นสูตร และ • สารประกอบไอออนกิ เขียนแสดงสตู รเคมีโดยให้สัญลกั ษณธ์ าตุทเ่ี ป็นไอออน เรียกชอ่ื สารประกอบ บวกไวข้ า้ งหนา้ ตามดว้ ยสัญลักษณธ์ าตุที่เป็นไอออนลบ โดยมีตวั เลขแสดง ไอออนิก อตั ราส่วนอย่างต่ำของจำนวนไอออนทเี่ ปน็ องค์ประกอบ • การเรยี กช่อื สารประกอบไอออนกิ ทำไดโ้ ดยเรียกช่ือไอออนบวกแล้วตามดว้ ย ชื่อไอออนลบ สำหรับสารประกอบไอออนิกทเ่ี กิดจากโลหะท่ีมีเลขออกซิเดชนั ไดห้ ลายค่า ต้องระบุเลขออกซเิ ดชนั ของโลหะด้วย 11. คำนวณพลงั งานที่ • ปฏกิ ริ ิยาการเกดิ สารประกอบไอออนิกจากธาตเุ กีย่ วข้องกบั ปฏิกริ ิยาเคมหี ลาย เกย่ี วขอ้ งกับปฏิกิริยา ขั้นตอน มีท้งั ท่เี ปน็ ปฏิกิริยาดูดพลังงานและคายพลงั งานซึ่งแสดงไดด้ ว้ ยวฏั การเกิดสารประกอบ จักรบอร์น-ฮาเบอร์ และพลงั งานของปฏิกิริยาการเกดิ สารประกอบไอ ไอออนกิ จากวฏั จกั ร ออนิกเปน็ ผลรวมของพลังงานทุกข้นั ตอน บอร์น-ฮาเบอร์ 12. อธิบายสมบัติของ • สารประกอบไอออนิกส่วนใหญม่ ีลักษณะเป็นผลกึ ของแข็ง เปราะ มีจุด สารประกอบไอออนิก หลอมเหลวและจดุ เดือดสูง ละลายน้ำแลว้ แตกตัวเป็นไอออนเรยี กวา่ สารละลายอเิ ล็กโทรไลต์ เมื่อเป็นของแข็งไมน่ ำไฟฟ้า แต่ถ้าทำให้หลอมเหลว หรอื ละลายในนำ้ จะนำไฟฟ้า • สารละลายของสารประกอบไอออนิกแสดงสมบัติความเป็นกรด–เบส ต่างกัน สารละลายของสารประกอบคลอไรด์มสี มบตั เิ ปน็ กลาง และสารละลายของ สารประกอบออกไซด์มีสมบตั ิ 13. เขยี นสมการไอออนิก • ปฏกิ ิรยิ าของสารประกอบไอออนิก สามารถเขยี นแสดงดว้ ยสมการไอออนิก และสมการไอออนกิ หรอื สมการไอออนกิ สุทธิ โดยท่ีสมการไอออนิกแสดงสารตง้ั ต้นและผลิตภัณฑ์ สุทธขิ องปฏิกริ ยิ าของ ทุกชนดิ ทแ่ี ตกตวั ได้ในรูปของไอออน ส่วนสมการไอออนิกสทุ ธิแสดงเฉพาะ สารประกอบไอออนิก ไอออนทท่ี ำปฏกิ ิริยากนั และผลติ ภณั ฑท์ เ่ี กดิ ขึ้น 14. อธบิ ายการเกิด • พนั ธะโคเวเลนตเ์ ปน็ การยดึ เหนย่ี วท่เี กดิ ขนึ้ ภายในโมเลกลุ จากการใชเ้ วเลนซ์ พนั ธะโคเวเลนตแ์ บบ อเิ ลก็ ตรอนรว่ มกันของธาตุ ซึ่งส่วนใหญเ่ ปน็ ธาตอุ โลหะ โดยท่วั ไปจะเปน็ ไป พนั ธะเด่ยี ว พนั ธะคู่ ตามกฎออกเตต สารทีย่ ึดเหนี่ยวกนั ดว้ ยพันธะโคเวเลนตเ์ รยี กวา่ สารโคเวเลนต์ และพันธะสาม ด้วย พนั ธะโคเวเลนตเ์ กิดได้ท้ังพนั ธะเด่ียว พนั ธะคู่ และพนั ธะสาม ซึง่ สามารถเขยี น โครงสร้างลิวอสิ แสดงไดด้ ้วยโครงสร้างลิวอสิ โดยแสดงอเิ ล็กตรอนค่รู ว่ มพนั ธะดว้ ยจดุ หรือเสน้ และแสดงอิเลก็ ตรอนคู่โดดเด่ียวของแตล่ ะอะตอมด้วยจดุ

ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้เพ่มิ เตมิ 15. เขยี นสตู ร และ • สตู รโมเลกลุ ของสารโคเวเลนต์ โดยท่วั ไปเขยี นแสดงด้วยสัญลกั ษณ์ของธาตุ เรียกช่ือสารโคเวเลนต์ เรียงลำดบั ตามค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตจี ากน้อยไปมากโดยมตี ัวเลขแสดงจำนวน อะตอมของธาตุท่มี มี ากกวา่ ๑ อะตอมในโมเลกลุ • การเรยี กชือ่ สารโคเวเลนต์ทำได้โดยเรยี กชื่อธาตทุ ่ีอยหู่ นา้ ก่อน แล้วตามด้วย ชื่อธาตุท่อี ยู่ถดั มา โดยมคี ำนำหน้าระบจุ ำนวนอะตอมของธาตุท่ีเป็น องคป์ ระกอบ 16. วิเคราะห์ และ • ความยาวพันธะและพลังงานพนั ธะในสารโคเวเลนต์ขึน้ กับชนิดของอะตอมคู่ เปรียบเทียบความ รว่ มพนั ธะและชนดิ ของพนั ธะ โดยพนั ธะเดยี่ ว พันธะคู่และพันธะสาม มีความ ยาวพันธะและ ยาวพนั ธะและพลงั งานพันธะแตกตา่ งกนั นอกจากนี้ โมเลกลุ โคเวเลนต์บาง พลงั งานพันธะในสาร ชนิดมคี า่ ความยาวพันธะและพลงั งานพันธะแตกตา่ งจากของพันธะเดี่ยว โคเวเลนต์ รวมทั้ง พนั ธะคู่ และพันธะสาม ซึ่งสารเหล่าน้สี ามารถเขียนโครงสร้างลิวอิสท่ี คำนวณพลังงานท่ี เหมาะสมไดม้ ากกว่า ๑ โครงสร้าง ท่ีเรยี กวา่ โครงสร้างเรโซแนนซ์ เก่ยี วขอ้ งกบั ปฏิกิริยา • พลงั งานพันธะนำมาใช้ในการคำนวณพลังงานของปฏกิ ิริยา ซ่งึ ได้จากผลต่าง ของสารโคเวเลนต์ ของพลังงานพันธะรวมของสารตง้ั ต้นกบั ผลิตภณั ฑ์ จากพลังงานพนั ธะ 17. คาดคะเนรปู รา่ ง • รปู ร่างของโมเลกุลโคเวเลนต์ อาจพจิ ารณาโดยใช้ทฤษฎีการผลกั ระหวา่ งคู่ โมเลกุลโคเวเลนต์ อเิ ล็กตรอนในวงเวเลนซ์ (VSEPR) ซ่งึ ขน้ึ อยู่กบั จำนวนพนั ธะและจำนวน โดยใชท้ ฤษฎีการผลกั อเิ ลก็ ตรอนคโู่ ดดเดย่ี วรอบอะตอมกลางโมเลกุลโคเวเลนตม์ ีทง้ั โมเลกลุ มขี ั้วและ ระหว่างคู่อเิ ลก็ ตรอน ไมม่ ีขั้ว สภาพขั้วของโมเลกลุ โคเวเลนตเ์ ปน็ ผลรวมปริมาณเวกเตอรส์ ภาพขั้ว ในวงเวเลนซ์ และ ของแตล่ ะพันธะตามรูปร่างโมเลกลุ ระบสุ ภาพขั้วของ โมเลกลุ โคเวเลนต์ 18. ระบุชนดิ ของแรงยึด • แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลซ่งึ อาจเปน็ แรงแผก่ ระจายลอนดอน แรง เหน่ียวระหว่าง ระหว่างขั้วและพนั ธะไฮโดรเจน มผี ลต่อจดุ หลอมเหลว จุดเดอื ด และการ โมเลกุลโคเวเลนต์ ละลายนำ้ ของสาร นอกจากน้ีสารโคเวเลนตส์ ว่ นใหญ่ยงั มจี ุดหลอมเหลวและ และเปรียบเทยี บจุด จุดเดือดตำ่ กวา่ สารประกอบไอออนิก เน่ืองจากแรงยึดเหน่ียวระหวา่ งโมเลกุลมี หลอมเหลว จุดเดือด ค่านอ้ ยกวา่ พันธะไอออนกิ และการละลายนำ้ • สารโคเวเลนต์สว่ นใหญม่ จี ุดหลอมเหลวและจุดเดือดตำ่ และไมล่ ะลายในนำ้ ของสารโคเวเลนต์ สำหรับสารโคเวเลนต์ทล่ี ะลายน้ำมีท้ังแตกตัวและไม่แตกตัวเป็นไอออน สารละลายท่ไี ด้จากสารที่ไม่แตกตวั เป็นไอออนจะไมน่ ำไฟฟ้า เรยี กวา่ สารละลาย-นอนอิเล็กโทรไลต์ สว่ นสารละลายท่ีไดจ้ ากสารทแ่ี ตกตัวเป็น • ไอออนจะนำไฟฟา้ เรยี กวา่ สารละลายอเิ ล็กโทรไลต์ สารละลายของ สารประกอบคลอไรด์และออกไซด์จะมีสมบัตเิ ปน็ กรด

ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้เพิ่มเติม 19. สืบคน้ ขอ้ มลู และ • สารโคเวเลนตบ์ างชนดิ ที่มโี ครงสร้างโมเลกลุ ขนาดใหญ่และมีพนั ธะโคเวเลนต์ อธิบายสมบตั ิของสาร ตอ่ เนือ่ งเปน็ โครงร่างตาข่าย จะมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดสูง สารโคเวเลนต์ โคเวเลนต์โครงร่างตา โครงรา่ งตาขา่ ยท่ีมีธาตุองค์ประกอบเหมือนกนั แต่มอี ัญรปู ต่างกันจะมสี มบตั ิ ขา่ ยชนิดตา่ ง ๆ ตา่ งกัน เช่น เพชร แกรไฟต์ 20. อธิบายการเกิด • พันธะโลหะเกดิ จากเวเลนซ์อิเลก็ ตรอนของทุกอะตอมของโลหะเคล่อื นที่อยา่ ง พนั ธะโลหะและ อิสระไปทั่วทง้ั โลหะ และเกดิ แรงยึดเหน่ียวกับโปรตอนในนิวเคลียสทกุ ทิศทาง สมบัตขิ องโลหะ • โลหะสว่ นใหญ่เปน็ ของแข็ง มีผวิ มนั วาว สามารถตเี ปน็ แผ่นหรอื ดงึ เป็นเสน้ ได้ นำความรอ้ นและนำไฟฟ้าได้ดี มจี ดุ หลอมเหลวและจดุ เดือดสงู 21. เปรยี บเทียบสมบตั ิ • สารประกอบไอออนกิ สารโคเวเลนต์ และโลหะ มีสมบตั ิเฉพาะตวั บาง บางประการของ ประการที่แตกต่างกนั เชน่ จุดเดอื ด จุดหลอมเหลว การละลายนำ้ การนำ สารประกอบไอออนิก ไฟฟา้ จึงสามารถนำมาใชป้ ระโยชน์ในด้านต่าง ๆ ไดต้ ามความเหมาะสม สารโคเวเลนต์ และ โลหะ สบื ค้นข้อมลู และนำเสนอตวั อย่าง การใช้ประโยชน์ของ สารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และ โลหะ ได้อยา่ ง เหมาะสม

สาระเคมี 3. เข้าใจหลักการทำปฏิบัติการเคมี การวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วยการคำนวณปริมาณ ของสาร ความเขม้ ข้นของสารละลาย รวมท้งั การบูรณาการความรู้และทักษะในการอธิบายปรากฏการณ์ใน ชวี ติ ประจำวันและการแกป้ ัญหาทางเคมี ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ 22. บอก และอธิบายข้อ • การทำปฏิบตั กิ ารเคมตี ้องคำนึงถงึ ความปลอดภัยและความเป็นมิตรตอ่ ปฏิบตั ิเบ้อื งตน้ และ ปฏิบัติตนที่แสดงถึง สงิ่ แวดลอ้ ม ดังนัน้ จงึ ควรศกึ ษาข้อปฏบิ ัติของการทำปฏิบัติการเคมี เชน่ ความ ความตระหนกั ในการทำ ปลอดภยั ในการใช้อปุ กรณ์และสารเคมี การป้องกันอบุ ตั เิ หตรุ ะหวา่ งการ ปฏิบัติการเคมีเพื่อให้มี ทดลองการกำจดั สารเคมี ความปลอดภัยท้ังต่อ ตนเอง ผอู้ นื่ และ ส่งิ แวดล้อม และเสนอ แนวทางแก้ไขเม่ือเกิด อบุ ตั ิเหตุ 23. เลอื ก และใชอ้ ุปกรณ์ • อุปกรณ์และเครื่องมือชั่ง ตวง วัดแต่ละชนิดมีวิธีการใช้งานและการดูแล หรือเครือ่ งมือในการทำ แตกตา่ งกัน ซึ่งการวัดปรมิ าณต่าง ๆ ให้ไดข้ ้อมูลที่มีความเท่ียงและ ความแม่น ปฏิบัติการ และวัด ในระดับนัยสำคัญที่ต้องการ ต้องมีการเลือกและใช้อุปกรณ์ในการทำ ปริมาณตา่ ง ๆ ได้อย่าง ปฏบิ ตั ิการอย่างเหมาะสม เหมาะสม 24. นำเสนอแผนการ • การทำปฏิบัติการเคมีต้องมีการวางแผน การทดลอง การทำการทดลอง การ ทดลอง ทดลองและ บันทึกข้อมูล สรุปและวิเคราะห์ นำเสนอข้อมูล และการเขียนรายงานการ เขยี นรายงานการ ทดลองทถ่ี กู ตอ้ ง โดยการทำปฏบิ ตั ิการเคมีตอ้ งคำนึงถึงวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ ทดลอง ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละจิตวทิ ยาศาสตร์ 25. ระบุหน่วยวัดปรมิ าณ • การทำปฏิบัติการเคมีต้องมีการวัดปริมาณต่าง ๆ ของสาร การบอกปริมาณ ต่าง ๆ ของสาร และ ของสารอาจระบุอยู่ในหน่วยต่าง ๆ ดังนั้นเพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกัน จึงมีการ เปลี่ยนหนว่ ยวัดใหเ้ ปน็ กำหนดหน่วยในระบบเอสไอให้เป็นหน่วยสากล ซึ่งการเปลี่ยนหน่วยเพื่อให้ หนว่ ยในระบบเอสไอ เปน็ หนว่ ยสากล สามารถทำได้ด้วยการใชแ้ ฟกเตอร์เปลย่ี นหน่วย ด้วยการใชแ้ ฟกเตอร์ เปลี่ยนหนว่ ย

สาระเคมี 2. เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี ปริมาณสัมพันธ์ในปฏิกิรยิ าเคมี อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมดุลใน ปฏิกริ ยิ าเคมี สมบตั แิ ละปฏกิ ิริยาของกรด-เบส ปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ์และเซลล์เคมีไฟฟา้ รวมท้งั การนำความรู้ไป ใชป้ ระโยชน์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ 1. แปลความหมาย • ปฏิกริ ิยาเคมี เป็นการเปล่ียนแปลงที่มสี ารใหม่เกิดขนึ้ จากการจัดเรียงตัวใหม่ สญั ลกั ษณ์ในสมการ ของอะตอมธาตุโดยจำนวนและชนิดของอะตอมธาตไุ มเ่ ปลีย่ นแปลงปฏกิ ิรยิ า เคมี เขียนและดุล เคมีเขียนแสดงได้ด้วยสมการเคมซี ่ึงประกอบด้วยสูตรเคมีของสารต้ังต้นและ สมการเคมขี อง ผลิตภัณฑ์ ลกู ศรแสดงทิศทางของการเกดิ ปฏิกริ ยิ า และเลขสัมประสิทธิข์ อง ปฏิกริ ยิ าเคมีบางชนดิ สารต้งั ตน้ และผลติ ภณั ฑ์ท่ดี ลุ แลว้ นอกจากน้ีอาจมสี ญั ลักษณ์แสดงสถานะ ของสาร หรอื ปัจจยั อ่นื ทีเ่ กีย่ วข้องในการเกิดปฏิกิริยาเคมี • การดุลสมการเคมที ำได้โดยการเติมเลขสัมประสิทธห์ิ นา้ สารต้งั ตน้ และ ผลติ ภณั ฑ์ เพอ่ื ให้อะตอมของธาตุในสารต้งั ต้นและผลิตภัณฑเ์ ท่ากนั 2. คำนวณปริมาณของ • การเปล่ียนแปลงปริมาณสารในปฏิกิริยาเคมีมีความสมั พันธ์กนั ตามเลข สารในปฏิกิรยิ าเคมี สัมประสทิ ธใิ์ นสมการเคมี ซึ่งบอกถงึ อัตราสว่ นโดยโมลของสารในปฏิกริ ิยา ทเี่ กย่ี วข้องกบั มวลสาร สามารถนำมาใช้ในการคำนวณปริมาณของสารท่ีเกย่ี วข้องกบั มวล ความ 3. คำนวณปริมาณของ เข้มข้นของสารละลาย และปรมิ าตรของแกส๊ ได้ สารในปฏกิ ิรยิ าเคมี ที่เก่ียวขอ้ งกับความ เขม้ ข้นของสารละลาย 4. คำนวณปริมาณของ สารในปฏิกริ ิยาเคมี ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั ปริมาตร แกส๊ 5. คำนวณปรมิ าณของ • ความสัมพนั ธข์ องโมลสารตั้งต้นและผลิตภณั ฑ์ในปฏกิ ริ ิยาเคมีหลายขน้ั ตอน สารในปฏกิ ริ ิยาเคมี พิจารณาได้จากเลขสมั ประสิทธิข์ องสมการเคมรี วม หลายขั้นตอน 6. ระบสุ ารกำหนด • ปฏกิ ิริยาเคมที สี่ ารตั้งตน้ ทำปฏิกิริยาไม่พอดีกนั สารตงั้ ต้นที่ทำปฏกิ ริ ิยาหมด ปรมิ าณ และคำนวณ กอ่ น เรยี กว่าสารกำหนดปริมาณ ซงึ่ เป็นสารท่ีกำหนดปริมาณผลิตภณั ฑท์ ่ี ปรมิ าณสารตา่ ง ๆ ใน เกิดขึน้ และปริมาณสารตั้งต้นอ่นื ที่ทำปฏิกริ ิยาไปเม่อื ส้นิ สดุ ปฏกิ ิรยิ า ปฏิกริ ิยาเคมี

ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ 7. คำนวณผลไดร้ อ้ ยละ • ผลิตภณั ฑ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ จรงิ ในปฏิกิรยิ าเคมีส่วนใหญ่มีปริมาณน้อยกว่าทคี่ ำนวณได้ ของผลิตภณั ฑ์ใน ตามทฤษฎซี ึง่ คา่ เปรยี บเทียบผลได้จริงกบั ผลได้ตามทฤษฎีเปน็ รอ้ ยละ เรียกวา่ ปฏิกิรยิ าเคมี ผลได้รอ้ ยละ

สาระเคมี 3. เข้าใจหลักการทำปฏิบัติการเคมี การวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วยการคำนวณปริมาณ ของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย รวมทงั้ การบรู ณาการความรู้และทักษะในการอธบิ ายปรากฏการณ์ใน ชีวิตประจำวันและการแกป้ ญั หาทางเคมี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ 8. บอกความหมายของ • มวลอะตอมของธาตุ เปน็ มวลของธาตุ ๑ อะตอม ซงึ่ เป็นผลรวมของมวล มวลอะตอมของธาตุ โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน แต่เน่ืองจากอเิ ลก็ ตรอนมมี วลน้อยมากเมื่อ และคำนวณมวลอะตอม เทยี บกับโปรตอนและนิวตรอน ดงั น้ันมวลอะตอมจงึ มคี ่าใกลเ้ คียงกับผลรวม เฉลี่ยของธาตุ มวล ของมวลโปรตอนและนวิ ตรอน โมเลกลุ และมวลสูตร • มวลอะตอมเฉลีย่ ของธาตุเปน็ คา่ เฉล่ยี จากค่า มวลอะตอมของแต่ละไอโซโทป ของธาตุชนิดน้ัน ตามปริมาณทมี่ ีในธรรมชาติ • มวลโมเลกุลและมวลสูตรเป็นผลรวมของมวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุทเี่ ป็น องคป์ ระกอบของสารน้นั 9. อธบิ าย และคำนวณ • โมลเป็นปริมาณสารที่มีจำนวนอนุภาคเท่ากับเลขอาโวกาโดร คือ 6.02 × ปรมิ าณใดปรมิ าณหนึ่ง 1023 อนภุ าคมวลของสาร ๑ โมล ท่มี ีหน่วยเป็นกรมั เรยี กวา่ มวลต่อโมล ซึ่งมี จากความสมั พันธ์ของ คา่ ตวั เลขเท่ากบั มวลอะตอม มวลโมเลกุลหรอื มวลสตู รของสารนั้น สำหรับสาร โมล จำนวนอนภุ าค ทีม่ สี ถานะแก๊ส ๑ โมล จะมีปริมาตรเทา่ กับ22.4 ลกู บาศก์เดซิเมตร ท่ี STP มวล และปริมาตรของ แกส๊ ท่ี STP 10. คำนวณอัตราส่วนโดย • สารประกอบเกิดจากการรวมตัวของธาตุ ตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไป โดยมีอัตราส่วน มวลของธาตุ โดยมวลของธาตอุ งคป์ ระกอบคงท่ีเสมอ ตามกฎสัดส่วนคงที่ องคป์ ระกอบของ สารประกอบตามกฎ สัดสว่ นคงที่ 11. คำนวณสูตรอย่างง่าย • สูตรเคมีสามารถแสดงได้ดว้ ยสตู รเอมพิริคัลหรือสูตรอย่างงา่ ยและสูตรโมเลกุล และสูตรโมเลกลุ ซึ่งสูตรอย่างง่ายคำนวณได้จากร้อยละโดยมวลและมวลอะตอมของธาตุ ของสาร องคป์ ระกอบ และถ้าทราบมวลโมเลกลุ ของสารจะสามารถคำนวณสตู รโมเลกุล ได้ 12. คำนวณความเข้มข้น • สารที่พบในชีวิตประจำวันจำนวนมากอยู่ในรูปของสารละลาย การบอก ของสารละลายใน ปริมาณของสารในสารละลายสามารถบอกเป็นความเข้มข้นในหน่วยร้อยละ หนว่ ยต่าง ๆ สว่ นในลา้ นส่วนสว่ นในพนั ล้านสว่ น โมลาริตี โมแลลติ ีและเศษสว่ นโมล

ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ 13. อธิบายวิธีการ และ • การเตรียมสารละลายใหม้ ีความเขม้ ขน้ และปริมาตรของสารละลายตามที่ เตรยี มสารละลายใหม้ ี ความเข้มข้นในหน่วย กำหนด ทำได้โดยการละลายตัวละลายท่ีเป็นสารบรสิ ุทธ์ใิ นตวั ทำละลายหรอื โมลารติ ี และปรมิ าตร นำสารละลายทม่ี ีความเขม้ ขน้ มาเจือจางด้วยตวั ทำละลาย โดยปริมาณของสาร สารละลายตามท่ี ทใี่ ช้ข้นึ อยู่กับความเข้มข้นและปริมาตรของสารละลายที่ต้องการ กำหนด 14. เปรียบเทียบจุดเดอื ด • สารละลายมีจดุ เดือดและจดุ เยือกแขง็ แตกต่างไปจากสารบรสิ ทุ ธ์ทิ เ่ี ป็นตัวทำ และจุดเยอื กแข็งของ ละลายในสารละลาย โดยสมบตั ทิ ี่เปลย่ี นแปลงไปขนึ้ อยู่กับปริมาณของ ตวั สารละลายกบั สาร บริสทุ ธิ์ รวมทงั้ คำนวณ ละลายในตวั ทำละลาย และชนิดของตัวทำละลาย จุดเดอื ดและจดุ เยือก แขง็ ของสารละลาย

สาระเคมี 1. เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรียงธาตใุ นตารางธาตุ สมบัตขิ องธาตุ พนั ธะเคมแี ละสมบัตขิ องสาร แก๊สและ สมบัติแก๊ส ของประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทั้งการนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ 1. อธบิ ายความสมั พันธ์ • พฤติกรรมของแก๊ส และความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตร ความดัน และ และคำนวณปรมิ าตร ความดัน หรืออุณหภมู ิ อุณหภูมิของแก๊ส อธิบายได้ด้วยกฎของบอยล์ กฎของชาร์ล กฎของเกย์–ลู ของแกส๊ ทีภ่ าวะต่าง ๆ สแซก และกฎรวมแก๊ส ซึง่ สามารถนำมาใช้ในการคำนวณปริมาตร ความดัน ตามกฎของบอยล์ กฎ หรืออุณหภมู ิของแก๊สท่ภี าวะตา่ ง ๆ ได้ ของชารล์ กฎของเกย์– ลูสแซก 2. คำนวณปรมิ าตร ความ ดัน หรืออุณหภูมิของ แก๊สท่ภี าวะตา่ ง ๆ ตาม กฎรวมแก๊ส 3. คำนวณปริมาตร ความ • ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตร และจำนวนโมลหรือมวลของแก๊ส อธิบาย ดนั อุณหภมู ิ จำนวน ความสัมพันธ์ได้ด้วย กฎของอาโวกาโดร สำหรับความสัมพันธ์ระหว่าง โมล หรอื มวลของแก๊ส ปริมาตร ความดัน อุณหภมู ิ และจำนวนโมล ของแกส๊ อธิบายได้ด้วยกฎแก๊ส จากความสมั พันธต์ าม อุดมคติ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการคำนวณและการอธิบายการเปลี่ยนแปลง กฎของอาโวกาโดร และ ทเ่ี ก่ียวข้องกบั จำนวนโมลของแก๊สท่ีภาวะตา่ ง ๆ ได้ กฎแกส๊ อดุ มคติ 4. คำนวณความดันยอ่ ย • ในธรรมชาติ แก๊สสว่ นใหญอ่ ยู่รวมกนั เปน็ แกส๊ ผสม ในกรณีที่แก๊สในแกส๊ หรือจำนวนโมลของ ผสมไมท่ ำปฏกิ ิรยิ ากนั ความดันของแก๊สแตล่ ะชนิดแปรผันตามเศษส่วนโม แก๊ส ในแก๊สผสม โดยใช้ ลของแกส๊ ทม่ี ีอยูใ่ นแกส๊ ผสมตามกฎความดนั ย่อยของดอลตนั กฎความดันยอ่ ย ของดอลตัน 5. อธบิ ายการแพรข่ อง • แก๊สสามารถแพร่ได้ การแพร่ของแกส๊ อธบิ ายไดด้ ้วยทฤษฎีจลน์ของแกส๊ ที่ แกส๊ โดยใช้ทฤษฎจี ลน์ อุณหภูมิเดยี วกนั แกส๊ จะแพร่ไดช้ า้ หรอื เรว็ ขน้ึ อย่กู ับมวลโมเลกุลของแกส๊ ของแกส๊ คำนวณและ อัตราการแพร่ของแก๊สเป็นสดั สว่ นผกผนั กับรากทส่ี องของมวลโมเลกุลของ เปรียบเทยี บอตั ราการ แก๊สสัมพันธก์ ับกฎการแพร่ผ่านของเกรแฮม แพร่ของแก๊ส โดยใชก้ ฎ การแพร่ผา่ นของเกรแฮม

ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ 6. สบื ค้นขอ้ มูล นำเสนอ • สมบัติและกฎต่าง ๆ ของแก๊สสามารถนำไปใช้อธิบายปรากฏการณ์ หรือ ตัวอยา่ ง และอธิบาย ประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจำวนั และในอุตสาหกรรม การประยุกต์ใชค้ วามรู้ เกี่ยวกบั สมบัติและกฎ ตา่ งๆ ของแกส๊ ในการ อธบิ ายปรากฏการณ์ หรือแก้ปัญหาใน ชีวิตประจำวนั และใน อตุ สาหกรรม

สาระเคมี 2. เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี ปริมาณสัมพันธ์ในปฏิกิรยิ าเคมี อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมดุลใน ปฏิกิริยาเคมี สมบัติและปฏิกิริยาของกรด–เบส ปฏิกิริยา รีดอกซ์และเซลล์เคมีไฟฟ้า รวมทั้งการนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ 7. ทดลอง และเขยี นกราฟ • ปฏิกิริยาเคมีแต่ละปฏิกิรยิ ามีอัตราการเกิด ปฏิกิรยิ าเคมีต่างกัน โดยอาจวัด การเพิ่มขน้ึ หรือลดลง จากการลดลงของสารตงั้ ตน้ หรอื การเพ่มิ ขึน้ ของผลติ ภัณฑ์ ของสารท่ีทำการวดั ใน ต่อหนึ่งหน่วยเวลา และหารด้วยเลขสัมประสิทธิ์ของสารนั้น ๆ ในสมการ ปฏกิ ิรยิ า เคมี เพ่อื ใหไ้ ด้อัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมีที่เทา่ กันไมว่ ่าจะเป็นการวัดจากสาร 8. คำนวณอัตราการ ตง้ั ต้นหรือผลติ ภัณฑ์ เกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี และ เขียนกราฟการลดลง หรือเพิ่มขึ้นของสารท่ี ไมไ่ ด้วัดในปฏิกิริยา 9. เขียนแผนภาพ และ • ปฏิกิริยาเคมีจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออนุภาคของ สารตั้งต้นชนกันในทิศทางท่ี อธบิ ายทิศทางการชน เหมาะสมและมพี ลงั งานอย่างน้อยเทา่ กับพลังงานก่อกัมมันต์ดงั นั้นอัตราการ กนั ของอนภุ าคและ เกิดปฏิกิรยิ าจึงขึน้ กบั ทศิ ทางการชน และพลังงานทเ่ี กิดจากการช์ พลงั งานที่ส่งผลตอ่ อตั ราการเกิดปฏิกริ ยิ า เคมี 10. อธิบายการแพรข่ อง • แก๊สสามารถแพร่ได้ การแพร่ของแก๊สอธบิ ายไดด้ ้วยทฤษฎีจลนข์ องแก๊ส ท่ี แก๊สโดยใชท้ ฤษฎีจลน์ อณุ หภมู ิเดยี วกัน แก๊สจะแพร่ไดช้ ้าหรือเรว็ ข้ึนอยู่กบั มวลโมเลกุลของแกส๊ ของแกส๊ คำนวณและ อัตราการแพร่ของแก๊สเปน็ สัดสว่ นผกผนั กบั รากที่สองของมวลโมเลกลุ ของ 11. เปรยี บเทียบอัตราการ แก๊สสมั พันธ์กับกฎการแพร่ผ่านของเกรแฮม แพร่ของแก๊ส โดยใช้ กฎการแพร่ผา่ นของ เกรแฮม 12. ยกตวั อย่าง และ • ความร้เู กีย่ วกับปัจจยั ทมี่ ผี ลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมสี ามารถนำมาใช้ อธิบายปจั จยั ที่มีผลตอ่ อธบิ ายกระบวนการ ท่เี กิดขึ้นในชีวติ ประจำวันหรอื อุตสาหกรรม อัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยา เคมีในชวี ติ ประจำวัน หรอื อุตสาหกรรม

ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ 13. ทดสอบ และอธบิ าย • ปฏิกิริยาเคมีที่สามารถดำเนินไปข้างหน้าและย้อนกลับได้ เรียกว่า ปฏิกิริยา ความหมายของ ผันกลับได้ เมื่อปฏิกิริยาดำเนินไปความเข้มข้นของสารตั้งต้นและอัตราการ ปฏกิ ริ ยิ าผนั กลับได้และ เกิดปฏิกิริยาไปข้างหน้าจะลดลง ส่วนความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์และอัตรา ภาวะสมดลุ การเกิดปฏิกิริยาย้อนกลับจะเพิ่มขึ้น เมื่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาไปข้างหน้า 14. อธิบายการ เท่ากับอัตราการเกิดปฏิกิริยาย้อนกลับ ระบบจะอยู่ในภาวะสมดุลที่มีความ เปลี่ยนแปลงความ เขม้ ขน้ ของสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์คงท่ี เรยี กวา่ สมดุลพลวัต เข้มข้นของสาร อตั รา การเกิดปฏกิ ิรยิ าไป ขา้ งหนา้ และอัตราการ เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าย้อนกลับ เมอ่ื เร่ิมปฏกิ ริ ิยา จนกระทงั่ ระบบอย่ใู น ภาวะสมดุล 15. คำนวณค่าคงทส่ี มดุล • ณ ภาวะสมดุล ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์กับสารต้ัง ของปฏกิ ริ ิยา ต้น แสดงได้ด้วยค่าคงทส่ี มดลุ ซึ่งเป็นคา่ คงท่ี ณ อุณหภมู หิ นงึ่ 16. คำนวณความเขม้ ขน้ ของสารท่ีภาวะสมดุล 17. คำนวณค่าคงทส่ี มดุล • ค่าคงที่สมดุลของปฏิกิริยาหลายขั้นตอน หาได้จากผลคูณของค่าคงที่สมดุล หรอื ความเขม้ ข้นของ ของปฏิกิริยาย่อยที่นำสมการเคมีมารวมกัน โดยถ้ามีการคูณสมการย่อยให้ ปฏิกิริยาหลายขัน้ ตอน ยกกำลังค่าคงที่สมดุลด้วยตัวเลขที่คูณ และหากมีการกลับข้างสมการ ให้ กลับคา่ คงท่สี มดลุ เปน็ ตัวหาร 18. ระบุปัจจัยท่มี ีผลต่อ • เมื่อระบบที่อยู่ในภาวะสมดุลถูกรบกวน โดยการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้น ภาวะสมดลุ และ ของสาร ความดนั หรอื อุณหภมู ิ ระบบจะเกดิ การเปลี่ยนแปลงเพ่ือเข้าส่ภู าวะ ค่าคงท่ีสมดุลของระบบ สมดุลอีกครั้งตามหลักของเลอชาเตอลิเอทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิมีผล รวมทง้ั คาดคะเนการ ทำใหค้ ่าคงที่สมดุลเปลี่ยนแปลง เปล่ียนแปลงท่เี กิดขึ้น เมอ่ื ภาวะสมดุลของ ระบบถูกรบกวน โดย ใชห้ ลกั ของเลอชาเตอ ลเิ อ

ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ 19. ยกตวั อย่าง และ • ความรู้เกี่ยวกับสมดุลเคมีสามารถนำมาใช้อธิบายกระบวนการที่เกิดขึ้นใน อธบิ ายสมดุลเคมขี อง สิง่ มีชวี ติ ปรากฏการณ์ ในธรรมชาตแิ ละกระบวนการในอตุ สาหกรรม กระบวนการท่เี กิดขน้ึ ในสิง่ มีชวี ติ ปรากฏการณ์ใน ธรรมชาตแิ ละ กระบวนการใน อุตสาหกรรม

สาระเคมี 2. เข้าใจการเขียนและการดุลสมการเคมี ปริมาณสัมพันธ์ในปฏิกิรยิ าเคมี อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมดุลใน ปฏิกิริยาเคมี สมบัติและปฏิกิริยาของกรด–เบส ปฏิกิริยา รีดอกซ์และเซลล์เคมีไฟฟ้า รวมทั้งการนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ 1. ระบุ และอธิบายวา่ • สารในชีวิตประจำวันหลายชนิดมีสมบัติเป็นกรดหรอื เบส ซึ่งพิจารณาได้โดย สารเปน็ กรดหรอื เบส ใช้ทฤษฎีกรด-เบสของอาร์เรเนียส เบรินสเตด–ลาวรี หรือลวิ อิส โดยใชท้ ฤษฎกี รด–เบส ของอารเ์ รเนียส เบรินส เตด–ลาวรี และลิวอสิ 2. ระบคุ กู่ รด-เบสของ • ตามทฤษฎกี รด-เบสของเบรนิ สเตด–ลาวรี เม่ือกรดหรอื เบสละลายน้ำหรือทำ สารตามทฤษฎีกรด- ปฏกิ ิรยิ ากับสารอืน่ จะมกี ารถ่ายโอนโปรตอนระหว่างสารตั้งตน้ เบสของเบรนิ สเตด- ท่เี ปน็ กรดและเบส เกิดเปน็ ผลติ ภณั ฑ์ซ่ึงเป็นโมเลกุลหรือไอออนที่เป็นคู่กรด- ลาวรี เบสของสารตั้งต้นนั้น โดยสารที่เป็นคู่กรด-เบสกันจะมีโปรตอนต่างกัน ๑ โปรตอน 3. คำนวณและ • กรดและเบสแต่ละชนิดสามารถแตกตัวในน้ำได้แตกต่างกัน กรดแก่หรือเบส เปรยี บเทยี บ แก่สามารถแตกตัวเป็นไอออนในน้ำได้เกือบสมบูรณ์ ส่วนกรดอ่อนหรือเบส ความสามารถในการ ออ่ นแตกตัวเปน็ ไอออนได้น้อยโดยความสามารถในการแตกตวั หรือความแรง แตกตัวหรอื ความแรง ของกรดหรือเบสอาจพิจารณาได้จากค่าคงที่การแตกตัวของกรดหรือเบส ของกรดและเบส หรือปรมิ าณการแตกตวั เปน็ ร้อยละของกรดหรือเบส 4. คำนวณคา่ pH ความ • นำ้ บริสุทธ์ิท่ีอุณหภูมิ ๒๕ องศาเซลเซียสแตกตัวใหไ้ ฮโดรเนียมไอออนและไฮ เข้มข้นของไฮโดรเนยี ม ดรอกไซด์ไอออนที่มีความเข้มข้นเท่ากัน คือ 1.0 x 10-7 โมลต่อลิตร โดยมี ไอออนหรอื ไฮดรอก ค่าคงทก่ี ารแตกตวั ของนำ้ เทา่ กบั 1.0 x 10-14 ไซดไ์ อออนของ สารละลายกรดและ • เมื่อกรดหรือเบสแตกตัวในน้ำ ค่าความเป็นกรด-เบสของสารละลายแสดงได้ เบส ด้วยค่า pH ซ่ึงสัมพันธ์กับความเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออน โดย สารละลายกรดมีความเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออนมากกว่า 1.0 x 10-7 โมลต่อลิตรหรือมีค่า pH น้อยกว่า ๗ ส่วนสารละลายเบสมีความเข้มข้นของ ไฮโดรเนียมไอออนน้อยกว่า1.0 x 10-7 โมลต่อลิตร หรือมีค่า pH มากกว่า ๗

ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ 5. เขียนสมการเคมแี สดง • ปฏิกิริยาสะเทินระหว่างกรดแก่และเบสแก่ให้สารละลายที่เป็นกลาง ปฏกิ ริ ิยาสะเทนิ และ ปฏิกิริยาสะเทินระหว่างกรดแก่และเบสอ่อน ให้สารละลาย ที่เป็นกรด ส่วน ระบุความเป็นกรด-เบส ปฏิกิรยิ าสะเทนิ ระหว่างกรดออ่ นและเบสแก่ ให้สารละลายที่เปน็ เบส ของสารละลายหลงั • เกลือที่ได้จากการสะเทินของกรดแก่ด้วยเบสอ่อน เมื่อละลายในน้ำจะ การสะเทนิ เกิดปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสได้สารละลายที่มีสมบัติเป็นกรด ส่วนเกลือที่ได้จาก 6. เขยี นปฏิกิรยิ าไฮโดร การสะเทินของกรดอ่อนด้วยเบสแก่ เมอื่ ละลายในน้ำจะเกิดปฏิกริ ิยาไฮโดรลิ ลซิ สิ ของเกลอื และ ซสิ ได้สารละลายท่ีมีสมบัตเิ ปน็ เบส ระบคุ วามเปน็ กรด-เบส ของสารละลายเกลือ 7. ทดลอง และอธิบาย • การไทเทรตเป็นเทคนิคในการวิเคราะห์หาปริมาณหรือความเข้มข้นของสาร หลกั การการไทเทรต ที่ทำปฏิกิริยาพอดีกัน จุดที่สารทำปฏิกิริยาพอดีกันเรียกว่า จุดสมมูลในทาง และเลือกใช้อินดเิ ค ปฏิบัติ จุดสมมูลของปฏิกิริยาอาจไมส่ ามารถสังเกตเห็นได้ จึงสังเกตจากการ เตอร์ทเี่ หมาะสม เปลยี่ นสีของ อนิ ดเิ คเตอร์ เพือ่ บอกจุดยุติของการไทเทรต ดังน้ันอินดิเคเตอร์ สำหรับ การไทเทรต ที่เหมาะสมในการไทเทรตกรด-เบส ควรเป็นอินดิเคเตอร์ที่เปลี่ยนสีในช่วง กรด-เบส pH ตรงกบั หรือใกลเ้ คยี งกบั pH ของสารละลาย ณ จดุ สมมลู 8. คำนวณปริมาณสาร • ปริมาณกรดและเบสที่ทำปฏิกิริยาพอดีกันจาก การไทเทรตกรด-เบส หรอื ความเขม้ ขน้ ของ สามารถนำไปคำนวณความเข้มข้นของกรดหรือเบสที่ต้องการทราบความ สารละลายกรดหรือ เขม้ ขน้ ได้ เบสจากการไทเทรต 9. อธิบายสมบัติ • สารละลายบฟั เฟอรเ์ ป็นสารละลายของกรดอ่อนกบั เกลอื ของกรดอ่อนนน้ั องคป์ ระกอบ และ หรือเบสอ่อนกับเกลือของเบสอ่อนนัน้ เมื่อเติมกรด เบส หรือนำ้ จะมผี ลต่อ ประโยชนข์ อง การเปล่ียนแปลงคา่ pH นอ้ ยกว่าสารละลายทว่ั ไป สมบัติเฉพาะของ สารละลายบฟั เฟอร์ สารละลายบัฟเฟอร์เปน็ ประโยชนต์ ่อการควบคุม pH ของระบบในสิ่งมชี ีวิต และสิ่งแวดลอ้ ม 10. สบื ค้นข้อมูล และ • ความรเู้ กย่ี วกบั กรด-เบส สามารถนำมาใชป้ ระโยชนแ์ ละแก้ปัญหาใน นำเสนอตัวอย่างการใช้ ชีวติ ประจำวนั เกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการแพทย์ ประโยชนแ์ ละการ แก้ปญั หาโดยใชค้ วามรู้ เกยี่ วกับกรด–เบส

ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ 11. คำนวณเลข • เคมีไฟฟ้าเป็นการศึกษาเกีย่ วกับการเปลีย่ นแปลงระหว่างพลังงานไฟฟ้าและ ออกซเิ ดชนั และระบุ การเกิดปฏิกิริยาเคมีที่มีการถ่ายโอนอิเล็กตรอนแล้วทำให้เกิดการ ปฏิกริ ยิ าทเ่ี ปน็ เปลี่ยนแปลงเลขออกซิเดชัน ซึ่งเป็นเลขที่แสดงประจุไฟฟ้าหรือประจุไฟฟ้า ปฏิกริ ยิ ารีดอกซ์ สมมติของอะตอมธาตุ เรียกปฏิกริ ิยาชนดิ น้วี ่า ปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์ 12. วเิ คราะหก์ าร • ปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซ์มีท้ังครง่ึ ปฏกิ ิริยาท่ีมีการให้อเิ ล็กตรอน เรียกวา่ ครึ่งปฏกิ ิริยา เปลย่ี นแปลงเลข ออกซิเดชัน และครึ่งปฏิกิริยาที่มีการรับอิเล็กตรอน เรียกว่า ครึ่งปฏิกิริยา ออกซเิ ดชันและระบุตวั รดี ักชนั โดยสารท่ใี หอ้ เิ ล็กตรอนจะมเี ลขออกซเิ ดชนั เพ่ิมข้นึ เรียกวา่ ตัวรีดิวซ์ รีดวิ ซ์และตัวออกซิไดส์ สว่ นสารท่รี ับอเิ ล็กตรอนจะมเี ลขออกซเิ ดชันลดลง เรยี กวา่ ตวั ออกซิไดส์ รวมทง้ั เขียนครงึ่ ปฏิกิริยาออกซเิ ดชนั และคร่ึงปฏกิ ริ ิยารี ดกั ชันของปฏกิ ิริยา รดี อกซ์ 13. ทดลอง และ • การเปรียบเทียบความสามารถในการเป็นตัวรีดิวซ์หรือตัวออกซิไดส์สามารถ เปรียบเทียบ พจิ ารณาไดจ้ ากผลการทดลองของปฏิกริ ยิ ารดี อกซ์ ความสามารถในการ เปน็ ตวั รดี วิ ซห์ รอื ตวั ออกซิไดส์ และเขยี น แสดงปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ 14. ดุลสมการรีดอกซด์ ว้ ย • ปฏิกริ ิยารีดอกซเ์ ขยี นแทนได้ด้วยสมการรดี อกซ์ ซึ่งการดุลสมการรดี อกซ์ทำ การใชเ้ ลขออกซเิ ดชนั ไดโ้ ดยการใช้เลขออกซเิ ดชนั และวธิ ีคร่ึงปฏิกิรยิ า และวิธคี ร่ึงปฏิกริ ิยา 15. ระบอุ งคป์ ระกอบของ • เซลลเ์ คมไี ฟฟ้าประกอบดว้ ยแอโนด แคโทด และสารละลายอิเลก็ โทรไลต์ ซึง่ เซลลเ์ คมีไฟฟา้ และ อาจเช่อื มต่อกนั ดว้ ยสะพานเกลือ โดยทีแ่ อโนดเกิดปฏิกิริยาออกซเิ ดชนั และ เขยี นสมการเคมีของ แคโทดเกดิ ปฏิกิรยิ ารีดกั ชนั ทำให้อิเล็กตรอนเคล่ือนทีจ่ ากแอโนดไปแคโทด ปฏิกริ ยิ าที่แอโนดและ เซลลเ์ คมีไฟฟ้า สามารถเขียนแสดงได้ด้วยแผนภาพเซลล์ แคโทด ปฏกิ ิริยารวม และแผนภาพเซลล์

ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ 16. คำนวณค่าศกั ย์ไฟฟ้า • ค่าศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของเซลล์คำนวณได้จากค่าศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของ มาตรฐานของเซลล์ ครง่ึ เซลล์ ถา้ คา่ ศักย์ไฟฟ้าของเซลล์เป็นบวก แสดงวา่ ปฏิกริ ยิ ารีดอกซ์เกิดข้ึน และระบปุ ระเภทของ ได้เอง ซึ่งทำใหเ้ กดิ กระแสไฟฟ้า เรียกเซลลช์ นดิ นวี้ ่า เซลล์กัลวานิก แต่ถ้าค่า เซลลเ์ คมีไฟฟา้ ศักย์ไฟฟ้าของเซลล์เป็นลบ แสดงว่าปฏิกิริยารีดอกซ์ไม่สามารถเกิดได้เอง ข้ัวไฟฟา้ และปฏกิ ริ ยิ า ต้องมีการให้กระแสไฟฟ้าจึงจะเกิดปฏิกิริยาได้ เซลล์ชนิดนี้เรียกว่า เซลล์อิ เคมที ่ีเกิดขึน้ เลก็ โทรลติ กิ 17. อธบิ ายหลักการ • เซลล์เคมีไฟฟ้าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตประจำวัน เช่นแบตเตอร่ี ทำงาน และเขียน ซึ่งมีทัง้ เซลลป์ ฐมภูมิและเซลลท์ ุติยภูมิ โดยปฏกิ ริ ิยาเคมที ี่เกดิ ขน้ึ ภายในเซลล์ สมการแสดงปฏิกิรยิ า ปฐมภูมิไม่สามารถทำให้เกิดปฏิกิริยาย้อนกลับได้โดยการประจุไฟ จึงไม่ ของเซลล์ปฐมภมู ิและ สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก ปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ทุติยภูมิ เซลล์ทุตยิ ภูมิ สามารถทำใหเ้ กิดปฏิกิรยิ ายอ้ นกลับไดโ้ ดยการประจุไฟ จงึ นำกลับมาใช้ไดอ้ กี 18. ทดลองชุบโลหะและ • เซลล์อิเล็กโทรลิติกสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งในชีวิตประจำวัน และใน แยกสารเคมีด้วย อุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น การชุบโลหะ การแยกสารเคมีด้วย กระแสไฟฟ้า และ กระแสไฟฟ้า การทำโลหะให้บรสิ ุทธก์ิ ารป้องกันการกดั กร่อนของโลหะ อธบิ ายหลกั การทาง เคมีไฟฟา้ ทีใ่ ชใ้ นการ ชบุ โลหะ การแยก สารเคมีด้วย กระแสไฟฟา้ การทำ โลหะให้บรสิ ุทธิ์ และ การปอ้ งกันการกัด กรอ่ นของโลหะ 19. สืบค้นขอ้ มลู และ • ปฏกิ ริ ิยาเคมีหลายปฏิกริ ยิ าท่ีพบในชีวติ ประจำวันเปน็ ปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ์ เช่น นำเสนอตวั อย่าง ปฏิกิริยาการเผาไหม้ ปฏกิ ิรยิ าในเซลล์เคมีไฟฟา้ ซง่ึ ความรู้เรือ่ งเซลล์ ความกา้ วหนา้ ทาง เคมไี ฟฟา้ และความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยที เ่ี กีย่ วข้องกบั เซลลเ์ คมไี ฟฟา้ เทคโนโลยีท่ีเก่ยี วขอ้ ง นำไปสู่นวตั กรรม ด้านพลงั งานที่เปน็ มติ รต่อสงิ่ แวดลอ้ ม กบั เซลลเ์ คมไี ฟฟา้ ใน ชวี ิตประจำวัน

สาระเคมี 1. เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจัดเรยี งธาตุในตารางธาตุ สมบัตขิ องธาตุพันธะเคมีและสมบัติของสาร แก๊สและ สมบัติของแก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทั้งการนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1 ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ 1. สบื ค้นข้อมลู และ • สารประกอบอนิ ทรีย์เป็นสารประกอบของคาร์บอนสว่ นใหญพ่ บ นำเสนอตวั อย่าง ในสิ่งมีชีวติ มีโครงสร้างหลากหลายและแบง่ ไดห้ ลายประเภท สารประกอบอนิ ทรยี ์ที่มี เนอ่ื งจากธาตุคารบ์ อนสามารถเกิดพนั ธะโคเวเลนตก์ ับธาตุ พนั ธะเด่ียว พนั ธะคู่ หรือ คารบ์ อนด้วยพนั ธะเด่ียว พันธะคู่ พันธะสาม นอกจากนีย้ ัง พนั ธะสาม ท่พี บใน สามารถเกดิ พันธะโคเวเลนต์กับธาตอุ ื่น ๆ ได้อกี ด้วย และมีการ ชวี ติ ประจำวนั นำสารประกอบอนิ ทรีย์ไปใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งหลากหลาย 2. เขยี นสูตรโครงสร้างลิวอิส • โครงสรา้ งของสารประกอบอินทรยี ์แสดงได้ด้วย สูตรโครงสรา้ ง สูตรโครงสร้างแบบยอ่ ลวิ อสิ สตู รโครงสรา้ งแบบย่อหรือสตู รโครงสร้างแบบเส้น และสตู รโครงสรา้ งแบบ เส้นของสารประกอบ อินทรีย์ 3. วิเคราะหโ์ ครงสร้าง และ • สารประกอบอินทรยี ์มหี ลายประเภท การพจิ ารณาประเภทของ ระบปุ ระเภทของ สารประกอบอินทรียอ์ าจใชห้ มู่ฟงั กช์ ันเป็นเกณฑไ์ ดเ้ ป็นแอลเคน สารประกอบอนิ ทรีย์จาก แอลคีน แอลไคน์ อะโรมาตกิ ไฮโดรคารบ์ อน แอลกอฮอล์ หมู่ฟังกช์ ัน อเี ทอร์ เอมีน แอลดีไฮด์ คีโตน กรดคารบ์ อกซลิ กิ เอสเทอร์ เอ ไมด์ 4. เขียนสตู รโครงสร้างและ • การเรียกช่อื สารประกอบอนิ ทรีย์ประเภทแอลเคน แอลคนี แอล เรียกชื่อสารประกอบ ไคน์ แอลกอฮอล์ อเี ทอร์ เอมีน แอลดไี ฮด์ คโี ตน กรดคาร์บอกซิ อนิ ทรีย์ประเภทตา่ ง ๆ ท่ี ลกิ เอสเทอร์ และเอไมด์ จะเรยี กตามระบบ IUPAC หรืออาจ มีหมู่ฟังกช์ ันไมเ่ กิน ๑ หมู่ เรียกโดยใช้ชอื่ สามัญ ตามระบบ IUPAC 5. เขยี นไอโซเมอรโ์ ครงสร้าง • ปรากฏการณ์ทสี่ ารมสี ตู รโมเลกุลเหมือนกันแต่มสี มบตั ิแตกต่าง ของสารประกอบอนิ ทรีย์ กัน เรยี กวา่ ไอโซเมอริซึม และเรียกสารแตล่ ะชนดิ ว่า ไอโซเมอร์ ประเภทตา่ ง ๆ ไอโซเมอรท์ ่ีมสี ูตรโมเลกุลเหมือนกนั แต่มสี ูตรโครงสรา้ งต่างกนั เรยี กว่า ไอโซเมอรโ์ ครงสร้าง

ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ 6. วเิ คราะห์ และ • สารประกอบอนิ ทรยี ์ท่มี หี มู่ฟงั ก์ชนั ขนาดโมเลกุล หรือ เปรยี บเทียบจดุ เดือดและ โครงสร้างของสารต่างกนั จะมีจุดเดือดและ การละลายในน้ำ การละลายในน้ำของ ต่างกัน สำหรับการละลายของสารพจิ ารณาได้จากความมีขั้ว สารประกอบอนิ ทรียท์ ่ีมี ของตวั ละลายและ ตวั ทำละลาย โดยสารสามารถละลายได้ใน หมฟู่ ังกช์ นั ขนาดโมเลกลุ ตัวทำละลายที่มีข้ัวใกลเ้ คยี งกัน หรอื โครงสร้างต่างกนั 7. ระบุประเภทของ • สารประกอบอนิ ทรีย์ประเภทแอลเคน แอลคนี แอลไคน์ อะโร สารประกอบ มาติกไฮโดรคารบ์ อน เปน็ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซง่ึ เมื่อ ไฮโดรคารบ์ อนและเขียน เกดิ ปฏิกิริยาการเผาไหม้ ปฏิกิริยากบั โบรมีนและปฏิกิรยิ ากบั ผลติ ภณั ฑจ์ ากปฏิกิริยา โพแทสเซยี มเปอร์แมงกาเนต จะให้ผลของปฏิกริ ิยาตา่ งกัน จึง การเผาไหม้ ปฏิกิริยากับ สามารถใชเ้ ป็นเกณฑ์ในการจำแนกประเภทของสารประกอบ โบรมีน หรอื ปฏกิ ริ ยิ ากบั ไฮโดรคารบ์ อนได้ โพแทสเซียมเปอร์แมง กาเนต 8. เขยี นสมการเคมีและ • กรดคาร์บอกซลิ ิกทำปฏิกริ ิยากบั แอลกอฮอล์ได้เปน็ เอสเทอร์ อธิบายการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า เรยี กว่า ปฏิกริ ิยาเอสเทอริฟิเคชัน กรดคารบ์ อกซลิ ิกทำปฏิกริ ิยา เอสเทอรฟิ ิเคชัน ปฏิกิรยิ า กบั เอมีนเกิดเป็นเอไมด์ เอสเทอร์และเอไมด์สามารถ การสงั เคราะหเ์ อไมด์ เกดิ ปฏกิ ิรยิ าไฮโดรลิซิส ปฏกิ ิริยาไฮโดรลิซิสของเอสเทอร์ในเบส ปฏกิ ิรยิ าไฮโดรลซิ ิส และ แอลคาไล เรียกว่า ปฏกิ ริ ยิ าสะปอนนิฟิเคชัน ปฏกิ ริ ิยาสะปอนนฟิ ิเคชนั 9. ทดสอบปฏกิ ิริยา เอสเทอรฟิ เิ คชนั ปฏกิ ริ ยิ า ไฮโดรลิซสิ และปฏกิ ริ ิยา สะปอนนฟิ เิ คชัน 10. สืบคน้ ขอ้ มลู และ • สารประกอบอนิ ทรยี ส์ ามารถนำไปใช้ประโยชน์ ได้มากมายใน นำเสนอตัวอยา่ งการนำ ชวี ติ ประจำวัน รวมท้งั นำไปใชเ้ ป็น สารต้งั ตน้ และตวั ทำละลาย สารประกอบอินทรียไ์ ป ในอตุ สาหกรรมด้านต่าง ๆ เช่น อตุ สาหกรรมเชื้อเพลิงและ ใช้ประโยชน์ใน พลงั งาน อุตสาหกรรมอาหารและยา อตุ สาหกรรมเกษตร ชวี ิตประจำวนั และ อตุ สาหกรรม

ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ 11. ระบปุ ระเภทของ • พอลิเมอรเ์ ป็นสารที่มโี มเลกลุ ขนาดใหญ่ซงึ่ ประกอบด้วยหน่วย ปฏกิ ริ ยิ าการเกิดพอลิ ยอ่ ยที่เรียกว่า มอนอเมอร์ เช่อื มต่อกนั ดว้ ยพันธะโคเวเลนต์ โดย เมอรจ์ ากโครงสรา้ งของ มีทั้งพอลิเมอรธ์ รรมชาตแิ ละพอลเิ มอรส์ ังเคราะห์ ปฏิกิรยิ าการ มอนอเมอรห์ รือพอลิ เกดิ พอลิเมอร์ อาจเป็นปฏกิ ิริยาแบบควบแน่นหรอื ปฏิกริ ิยาแบบ เมอร์ เติม ขน้ึ อยู่กบั หมู่ฟงั ก์ชันและโครงสรา้ งของมอนอเมอร์ 12. วเิ คราะห์ และอธิบาย • พอลเิ มอรม์ โี ครงสร้างต่างกนั อาจเปน็ โครงสร้าง แบบเสน้ แบบ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง ก่งิ หรือแบบร่างแห ข้ึนอยกู่ บั ชนดิ ของมอนอเมอรแ์ ละภาวะของ โครงสรา้ งและสมบัติของ ปฏิกิริยาการเกดิ พอลเิ มอร์ ซ่ึงโครงสร้างของพอลิเมอร์ส่งผลต่อ พอลเิ มอร์ รวมทง้ั การ จดุ หลอมเหลว ความหนาแน่น ความเปราะ ความเหนยี ว ความ นำไปใช้ประโยชน์ ยดื หยนุ่ จงึ สามารถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ได้อย่างหลากหลาย 13. ทดสอบ และระบุ • พอลิเมอรท์ ี่ใหค้ วามร้อนแลว้ สามารถนำกลับมา ข้นึ รูปใหม่ได้ ประเภทของพลาสติก เรยี กว่า พอลเิ มอร์เทอร์มอพลาสตกิ สว่ นใหญ่มีโครงสร้างแบบ และผลิตภัณฑ์ยาง เส้นและแบบกิ่งส่วนพอลิเมอรท์ ่ีใหค้ วามร้อนแลว้ ไม่อ่อนตวั จึงไม่ รวมทัง้ การนำไปใช้ สามารถนำกลับมาขึน้ รูปใหม่ได้ เรยี กว่าพอลิเมอร์เทอรม์ อเซต ประโยชน์ มีโครงสร้างแบบร่างแห พลาสติกมที ั้งทเ่ี ป็นพอลเิ มอรเ์ ทอร์มอ พลาสตกิ และพอลเิ มอรเ์ ทอร์มอเซต ผลิตภณั ฑย์ างเปน็ พอลิ เมอร์เทอร์มอเซต ซึง่ ทำให้มสี มบตั แิ ละการนำไปใชป้ ระโยชน์ ตา่ งกัน 14. อธบิ ายผลของการ • การปรบั เปลี่ยนโครงสร้างหรือการสงั เคราะห์ พอลเิ มอร์ เช่น วลั ปรับเปล่ียนโครงสร้าง คาไนเซชนั การสงั เคราะห์ โคพอลิเมอร์ การสงั เคราะห์พอลิเม และการสงั เคราะห์ อรน์ ำไฟฟ้า เปน็ การปรับปรุงคุณภาพของพอลิเมอร์ เพื่อให้ได้ พอลเิ มอร์ที่มตี ่อสมบตั ิ ผลติ ภณั ฑ์ทีส่ ามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อยา่ งเหมาะสมและ ของพอลิเมอร์ หลากหลายมากขึน้

สาระเคมี 3. เข้าใจหลักการทำปฏิบัติการเคมี การวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วยการคำนวณปริมาณของ สาร ความเข้มข้นของสารละลาย รวมทั้งการบูรณาการความรู้และทักษะในการอธิบายปรากฏการณ์ใน ชีวิตประจำวนั และการแกป้ ญั หาทางเคมี ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรยี นท่ี 2 ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ 1. กำหนดปญั หา และ • สถานการณบ์ างสถานการณใ์ นชวี ติ ประจำวนั การประกอบ นำเสนอแนวทางการ อาชีพ หรืออตุ สาหกรรม สามารถนำความรู้ทางเคมไี ปใช้ แกป้ ัญหาโดยใช้ความรู้ ประโยชน์หรอื แกป้ ญั หาได้ ทางเคมีจากสถานการณท์ ่ี เกดิ ขนึ้ ในชีวติ ประจำวนั การประกอบอาชีพ หรอื อุตสาหกรรม 2. แสดงหลักฐานถงึ การ • การศกึ ษาและการแก้ปัญหาในสถานการณ์ หรือประเด็นที่สนใจ บูรณาการความรู้ทางเคมี ทำไดโ้ ดยการบรู ณาการความรู้ ทางเคมีรว่ มกับวทิ ยาศาสตร์ รว่ มกบั สาขาวชิ าอน่ื แขนงอื่น รวมทั้งคณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และทักษะ รวมท้งั ทกั ษะ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตรห์ รือกระบวนการออกแบบเชิง กระบวนการทาง วิศวกรรม โดยเน้นการคดิ วิเคราะห์ แกป้ ัญหาและความคดิ วิทยาศาสตร์หรอื สร้างสรรค์ กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม โดยเนน้ การคิด วิเคราะห์ การแกป้ ัญหา และความคดิ สรา้ งสรรค์ เพ่ือแกป้ ัญหาใน สถานการณห์ รอื ประเดน็ ทส่ี นใจ 3. นำเสนอผลงานหรอื • การนำเสนองานหรอื แสดงผลงาน เป็นการเปดิ โอกาสใหผ้ มู้ ีสว่ น ชนิ้ งานท่ีได้จากการ ร่วมได้แลกเปลี่ยนแนวคิดผลงาน รวมท้ังเพม่ิ โอกาสในการ แก้ปัญหาในสถานการณ์ พัฒนางานโดยใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศเป็นเคร่ืองมือ หรือประเด็นทสี่ นใจโดย ประกอบการนำเสนอ ซ่งึ จะทำให้การสอ่ื สารมีประสิทธิภาพ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ มากขึ้น

ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ 4. แสดงหลักฐานการเข้า • การสัมมนา การประชุมวชิ าการ หรือการรว่ มแสดงผลงาน รว่ มการสัมมนา การเขา้ สิง่ ประดิษฐใ์ นงานนทิ รรศการ เป็นการเปิดโอกาสใหผ้ มู้ ีสว่ นร่วม ร่วมประชุมวชิ าการ หรอื ได้แลกเปลย่ี นความคดิ แสดงทศั นคติต่อกรณีศึกษา สถานการณ์ การแสดงผลงาน หรอื ประเด็นสำคัญทางเคมี ซ่ึงชว่ ยสง่ เสรมิ ใหพ้ ัฒนา สง่ิ ประดษิ ฐใ์ นงาน กระบวนการคดิ ทกั ษะการสื่อสาร ทกั ษะการใชเ้ ทคโนโลยี เพอ่ื นิทรรศการ การค้นควา้ และการส่ือสาร ซึ่งสามารถทำไดห้ ลายระดบั โดย อาจเป็นระดับช้ันเรียน โรงเรียน กลุ่มโรงเรียน ชุมชน ระดบั ชาติ หรอื นานาชาติ

โครงสรา้ งหลักสูตรโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 โครงสร้างหลักสตู รเวลาเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 รหสั วชิ า รายวิชา ภาคเรียนที่ 1 น้ำหนกั หน่วยกติ กลมุ่ รายวิชาพ้นื ฐาน ท31101 ภาษาไทย 40 1.0 ค31101 คณติ ศาสตร์ 40 1.0 ว31101 วทิ ยาศาสตร์ 40 1.0 ส31101 สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 40 1.0 ส31102 ประวตั ิศาสตร์ 20 0.5 พ31101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 20 0.5 ศ31101 ศิลปะ 20 0.5 ว31103 วทิ ยาการคำนวณ 20 0.5 อ31101 ภาษาอังกฤษ 40 1.0 รวมเวลาเรียน (พนื้ ฐาน) 280 7.0 กลุม่ รายวชิ าเพม่ิ เติม (บังคับเลือก) จ31201 ทกั ษะภาษาจนี กลาง 1 40 1.0 รายวิชาเพม่ิ เติม 40 1.0 ค31201 คณิตศาสตร์ 1 60 1.5 ว31201 ฟสิ ิกส์ 1 80 2.0 ว31202 เคมี 1 60 1.5 ว31203 ชีววิทยา 1 60 1.5 ว31209 โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 1 40 1.0 อ31207 ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวนั 1 20 0.5 รวมเวลาเรยี น (เพิม่ เติม) 320 8.0 กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น 1. กิจกรรมแนะแนว 20 2. กิจกรรมนกั เรียน - ลูกเสือวสิ ามัญ / นักศกึ ษาวิชาทหาร 40 - อบรมคณุ ธรรม 20 3. บรู ณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น 40 รวมกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน 120 รวมทั้งหมด 760 16.0

โครงสรา้ งหลกั สูตรโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 โครงสร้างหลักสูตรเวลาเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 รหัสวชิ า รายวชิ า ภาคเรียนท่ี 2 น้ำหนกั หนว่ ยกติ กลุม่ รายวชิ าพ้ืนฐาน ท31102 ภาษาไทย 40 1.0 ค31102 คณติ ศาสตร์ 40 1.0 ว31102 วิทยาศาสตร์ 40 1.0 ส31102 สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 40 1.0 ส31104 ประวัติศาสตร์ 20 0.5 พ31102 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 20 0.5 ศ31102 ศิลปศึกษา 20 0.5 อ31102 ภาษาองั กฤษ 40 1.0 ว31104 การออกแบบและเทคโนโลยี 20 0.5 280 7.0 รวมเวลาเรยี น (พ้นื ฐาน) กลมุ่ รายวิชาเพม่ิ เตมิ (บงั คบั เลือก) 40 1.0 จ31202 ทกั ษะภาษาจนี กลาง 2 40 1.0 60 1.5 รายวชิ าเพ่ิมเติม 80 2.0 ค31202 คณติ ศาสตร์ 2 60 1.5 ว31204 ฟิสิกส์ 2 60 1.5 ว31205 เคมี 2 40 1.0 ว31206 ชีววิทยา 2 20 0.5 ว31210 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 2 320 8.0 อ31208 ภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจำวนั 2 20 รวมเวลาเรียน (เพ่ิมเติม) กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน 20 1. กจิ กรรมแนะแนว 40 2. กิจกรรมผ้เู รยี น 40 120 - อบรมคณุ ธรรม 760 16.0 - ลกู เสือวสิ ามัญ / นักศึกษาวชิ าทหาร 3. บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น รวมกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น รวมทั้งหมด

โครงสรา้ งหลกั สูตรโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 โครงสร้างหลกั สูตรเวลาเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 รหสั วิชา รายวชิ า ภาคเรยี นที่ 1 น้ำหนกั หนว่ ยกิต กลุม่ รายวิชาพนื้ ฐาน ท32101 ภาษาไทย 40 1.0 ค32101 คณติ ศาสตร์ 40 1.0 ว32101 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 20 0.5 ส32101 สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 40 1.0 ส32102 ประวัติศาสตร์ 20 0.5 พ32101 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 20 0.5 ศ32101 ศลิ ปศกึ ษา 20 0.5 ง32101 การงานอาชพี (คหกรรม) 20 0.5 อ32101 ภาษาองั กฤษ 40 1.0 ว32103 วทิ ยาการคำนวณ 20 0.5 280 7.0 รวมเวลาเรียน (พน้ื ฐาน) กลมุ่ รายวชิ าเพิม่ เติม (บงั คบั เลอื ก) 40 1.0 จ31203 ทักษะภาษาจีนกลาง 3 40 1.0 60 1.5 รายวิชาเพมิ่ เติม 80 2.0 ค32201 คณติ ศาสตร์ 3 60 1.5 ว32201 ฟิสิกส์ 3 60 1.5 ว32202 เคมี 3 40 1.0 ว32203 ชีววทิ ยา 3 20 0.5 ว32209 โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ 3 320 8.0 อ32207 ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวนั 3 20 รวมเวลาเรยี น (เพม่ิ เติม) กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น 20 1. กิจกรรมแนะแนว 40 2. กิจกรรมผเู้ รยี น 40 120 - อบรมคณุ ธรรม 760 16.0 - ลกู เสือวิสามญั / นกั ศกึ ษาวชิ าทหาร 3. บรู ณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน รวมกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น รวมท้ังหมด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook