อารายธรรมอียิปต์

อารายธรรมอียิปต์



อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไนล์หรืออารยธรรมอียิปต์โบราณก่อ กำเนิ ดบริเวณดินแดนสองฝั่ ง แม่น้ำไนล์ ตั้งแต่ปากแม่น้ำ ไนล์จนไปถึงตอนเหนื อของประเทศซูดานในปัจจุบัน บริเวณลุ่มแม่น้ำไนล์เปรียบเสมือน โอเอซิสท่ามกลางทะเลทราย จึงเป็น ปราการธรรมชาติป้องกันการรุกราน จากภายนอกได้ ก่อนที่จะรวมเป็นปึกแผ่น ได้แบ่ง ออกเป็นบริเวณลุ่มน้ำออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่เป็นบริเวณ อียิปต์ล่าง อยู่บริเวณที่ราบลุ่ม ปากแม่น้ำไนล์ และ บริเวณอียิปต์ บน ต่อมาเมเนส (Menes) ประมุข แห่งอียิปต์ล่างจึงได้รวมดินแดน ทั้งสองเข้าด้วยกัน

สมัยอาณาจักรอียิปต์ สมัยอาณาจักรเก่า มีความเจริญในช่วงประมาณปี 2,700 – 2,200 ก่อน คริสต์ศักราช เป็นสมัยที่อียิปต์มีความเจริญก้าวหน้ าในด้านวิทยาศาสตร์ และศิลปกรรม มีการก่อสร้างพีระมิดซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ของอารยธรรมอียิปต์ ฟาโรห์มีอำนาจปกครองอยู่ในช่วงราวปี 2050 – 1652 ก่อนคริสต์ศักราช ในสมัยนี้ อียิปต์มีความเจริญก้าวหน้ าทางด้านทาง วิทยาการและภูมิปัญญามากโดยเฉพาะ ด้านการชลประทาน จึงได้รับการยกย่อง ว่าเป็นยุคทองของอียิปต์ ชาวอียิปต์สามารถขับไล่ชาวต่างชาติ และกลับมาปกครองดินแดนของ ตนอีกครั้งหนึ่ ง ในช่วงประมาณปี 1567 – 1085 ก่อนคริสต์ศักราช สมัยนี้ ฟาโรห์มีอำนาจเด็ดขาดในการปกครองและขยายอาณาเขตเหนื อ ดินแดนใกล้เคียงจนเป็นจักรวรรดิ สมัยเสื่อมอำนาจ จักรวรรดิ อียิปต์เริ่มเสื่ อมอำนาจตั้งแต่ ประมาณปี 1,100 ก่อนคริสต์ ศักราช ในสมัยนี้ ชาวต่างชาติ เช่น พวกอัสซีเรียนและพวก เปอร์เซียจากเอเชีย รวมทั้ง ชนชาติในแอฟริกาได้เข้ามา ยึดครอง จนกระทั่งเสื่อม สลายในที่สุด

การเมืองการปกครอง กษัตริย์หรือฟาโรห์ มีอำนาจสูงสุด โดยมีผู้ สมัยอาณาจักรใหม่ ช่วยในการปกครองคือ ขุนนาง หัวหน้ า ฟาโรห์อเมนโฮเตปที่ 4 ขุนนางเรียกว่า “วิเซียร์” และมีหน่ วยงาน ทรงเปลี่ยนแปลงความ ย่อย ๆ ใ แต่ละชุมชนถูกเกณฑ์แรงงานมา เชื่อในเรื่องการนั บถือ ทำงานให้แก่ทางการซึ่งส่วนใหญ่คือ การ เทพเจ้าหลายองค์มา สร้างพีระมิดแต่ละอาณาจักรมีอำนาจ เป็นการนั บถือเทพเจ้า ปกครองเหนื อมณฑลต่าง ๆหรือเรียกว่าโน องค์เดียว คือ เทพเจ้า เมส แห่งดวงอาทิตย์ ทำให้ เกิดความไม่พอใจในหมู่ สมัยอาณาจักรกลาง ฟาโรห์เปลี่ยนภาพ ขุนนางและประชาชน ลักษณ์ จากผู้ปกครองที่อยู่ห่างไกล รัชกาลนี้ จึงตกต่ำ แต่ ประชาชนมาเป็นผู้ปกป้องประชาชน ลด เมื่อฟาโรห์ตุตันคาเมน การสร้างพีระมิด แต่ประชาชนต้อง ขึ้นครองราชย์จึง ตอบแทนด้วยการทำงานสาธารณะต่าง เปลี่ยนกลับไปนั บถือ ๆ เทพเจ้าหลายองค์

การเศรษฐกิจ อาชีพหลักของชาวอียิปต์ คือ เกษตรกรรม เพราะว่าดินอุดม สมบูรณ์ ทำให้ผลิตอาหารเกินความต้องการ การผลิตทางการ เกษตรที่เป็นหลักของอียิปต์ คือ ข้าวสาลี บาร์เลย์ ข้าวฟ่าง ถั่วฝักยาว ถั่ว ผักและผลไม้ ต่อมาชีวิตที่มั่งคั่งและฟุ่มเฟือยของบางคนนำไปสู่ การพัฒนา งานหัตถกรรมและอุตสาหกรรม บางส่วนทอผ้า บางส่วนผลิต เครื่องตกแต่ง หม้อ ลินิ น และอัญมณี เหล็กและทองแดงมีการ ถลุง นำมาใช้ในการทำเครื่องมือ แก้ว และเครื่องปั้ นดินเผา มี การผลิตทั้งแบบเรียบ ๆ และวาด ทั้งยังมีวิศวกร จิตรกร ประติ มากร และสถาปนิ ก

การภาษาวรรณกรรม ชาวอียิปต์ได้พัฒนาระบบการเขียนที่เรียกว่า เฮียโร กริฟิค (Hieroglyphic) เป็นคำภาษากรีก มี ความหมาย ว่า การจารึกอันศักดิ์สิทธิ์ เริ่มต้นด้วยการเขียนอักษรภาพแสดงสั ญลักษณ์ ต่างๆ แล้วค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาเป็นรูปแบบพยัญชนะ ในระยะ แรก ชาวอียิปต์จารึกเรื่องราวด้วยการแกะสลักอักษรไว้ ตามกำแพงและผนั งของสิ่งก่อสร้าง เช่น วิหารและ พีระมิด ต่อมาจึงค้นพบวิธีการทำกระดาษจากต้น ปาปิรุส ทำให้มีการบันทึกแพร่หลายมากขึ้น

ศิลปวิทยาการต่างๆ ด้านดาราศาสตร์ ความรู้ทางด้านดาราศาสตร์เกิดจากการสั งเกต ปรากฏการณ์จากการเกิดน้ำท่วมของแม่น้ำไนล์ ซึ่งได้นำ ความรู้นี้ มาคำนวณเป็นปฏิทินแบบสุริยคติที่แบ่งวันออก เป็น 365 วันใน 1 ปี ซึ่งมี 12 เดือน และในรอบ 1 ปี ยังแบ่ง ออกเป็น 3 ฤดูกาล ด้านคณิตศาสตร์ ความรู้ทางคณิ ตศาสตร์และเรขาคณิ ตที่อียิปต์ให้แก่ชาวโลก เช่น การบวก ลบ และหาร และการคำนวณพื้นที่วงกลม สี่เหลี่ยม และสามเหลี่ยม ความรู้ดังกล่าวเป็นฐานของวิชา ฟิสิกส์ที่ใช้คำนวณในการก่อสร้างพีระมิด วิหาร และเสาหิน ขนาดใหญ่ ด้านจิตรกรรม ผลงานด้านจิตรกรรมมีเป็น จำนวนมาก มักพบในพีระมิดและ สุสานต่างๆ ภาพวาดของชาว อียิปต์ส่ วนใหญ่มีสี สั นสดใส ด้านประติมากรรม สร้างประติมากรรมไว้จำนวนมากทั้งที่เป็นรูปปั้ นและภาพสลักที่ปรากฏ ในพีระมิดและวิหาร ในพีระมิดมักพบรูปปั้ นของฟาโรห์และพระมเหสี รวมทั้งเรื่องราววิถีชีวิตของอียิปต์ ส่วนภายในวิหารมักจะเป็นรูปปั้ น สัญลักษณ์ของเทพและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เช่น สุนั ข แมว เหยี่ยว

Highlight pyramid สาเหตุในการสร้างพีระมิด ชาวอียิปต์โบราณเชื่อเรื่อง “ชีวิตหลังความตาย” เมื่อตายไปแล้วจะมีโลก หน้ าเพื่อใช้ชีวิตยืนยงและจำเป็นต้องรักษาร่างกายหรือศพไว้ไม่ให้หาย สาบสูญ จึงสร้างพีระมิดไว้เพื่อเก็บรักษาศพ อีกทั้งวิธีในการสร้างนั้ นนั บเป็นเรื่องที่น่ าทึ่งมากๆ เพราะในตอน นั้ นที่ยังไม่มีปั้ นจั่น ไม่มีรถลาก การเคลื่อนย้ายหินหนั กเป็นตันทำ ด้วยแรงคนแล้วก็ยังไม่มีใครทราบได้ว่าพีระมิดนั้ นสร้างได้ยังไงใน สมัยนั้ น สุสานในช่วงยุคแรกๆ เป็นสุสานแบบ \"มาสตาบา\" (Mastaba) พีระมิดทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ซึ่งจะสามารถสร้างห้องไว้ภายในได้ มากขึ้น เก็บของได้มากขึ้น จากนั้ นจึงเป็นต้นแบบให้เกิดการสร้าง พีระมิดแบบขั้นบันไดในยุคต่อๆ มา

Highlight เกิดวัฒนธรรมการเชิดชูฟาโรห์โดยการสร้างพีระมิด เพื่อเก็บ พระศพหรือมัมมี่มีความเชื่อในเรื่องชีวิตหลังความตายการทำ มัมมี่เพื่อให้ผู้ตายมีชีวิตนิ รันดร์การสร้างมัมมี่แสดงให้เห็นถึง ความเจริญก้าวหน้ าด้านการแพทย์ ตั้งแต่ในสมัยนั้ น มีการแต่งหนั งสือ คัมภีร์มรณะ เพื่อใช้เป็นคู่มือหลังเสียชีวิตก่อน เดิน ทางไปปรโลก นั บเป็นวรรณกรรม ชิ้นสาคัญของอียิปต์ในยุคนี้ คัมภีร์มรณะ เป็นการซื้อใบเบิกทาง (คนขายเป็นพระหรือนั กบวช) เพื่อ ลบล้างความผิดของผู้ตาย โดยเขียนใส่กระดาษปาปิรุส ถือว่าเป็นการ ซื้อใบเบิกทางให้ผู้ตายได้เข้าสู่ อาณาจักรของเทพเจ้า