ภาษาไทย หลกั ภาษาและการใช้ภาษา ชนั# มธั ยมศึกษาปี ท0ี ๖ กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ตอนท&ี ๑ ตอนท&ี ๒ ตอนท&ี ๓ ตอนท&ี ๔ ๑_หลกั สตู รวิชาภาษาไทย ๒_แผนการจดั การเรียนรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการ ส๔อ_ในบงาน_เฉลย ๕_ข้อสอบประจาํ หน่วย_เฉลย ๖_ข้อสอบ_เฉลย ๗_ข้อสอบ O-NET_เฉลย ๘_การวดั และประเมินผล ๙_เสริมสาระ ๑๐_ส`ือเสริมการเรียนรู้ บรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จาํ กดั : 567 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 5B7BB Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศพั ท์ : B7 ]77 7^^^ โทรสาร : B7 ]77 5`55-b [email protected] / www.aksorn.com
๒ตอนท.ี การเขยี น ๑หน่วยการเรียนรู้ที. การเขยี นเพอื+ สอื+ สาร จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ • เขียนส(ือสารในรูปแบบตา่ งๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ โดยใชภ้ าษาเรยี บเรยี งถกู ตอ้ ง มีขอ้ มลู และสาระสาํ คญั ชดั เจนได้
การใช้โวหาร การเขยี นบรรยายโวหาร บรรยายโวหาร หมายถงึ โวหารท.ีใชเ้ ลา่ เรอ.ื ง หรอื อธิบายเรอ.ื งราวตา่ งๆ อยา่ งตรงไปตรงมา และชดั เจน จะไมน่ าํ ความรูส้ กึ สว่ นตวั หรอื นาIํ เสยี งของผเู้ ขียนเขา้ ไปเก.ียวขอ้ ง แนวทางการเขยี นบรรยาย วิธีเขียนตอ้ งรวบรดั ใชภ้ าษาท.ีเขา้ ใจงา่ ย โวหาร เขียนเฉพาะสาระสาํ คญั ใชค้ าํ นอ้ ยแตก่ ินความมาก เรา้ ความสนใจตงัI แตต่ น้ จนจบ เรอ.ื งท.ีจะเขียน อยา่ งตรงไปตรงมา ควรมีความชดั เจน แสดงขอ้ เทจ็ จรงิ อยา่ งถกู ตอ้ ง
การเขยี นพรรณนาโวหาร พรรณนาโวหาร หมายถงึ โวหารท.ีมงุ่ ใหค้ วามแจม่ แจง้ ละเอียดลออ เพ.ือใหเ้ กิดอารมณซ์ าบซงึI เพลดิ เพลนิ โดยการใชก้ ารเลน่ คาํ เลน่ เสยี ง ใชภ้ าพพจนเ์ พ.ือส.อื อารมณ์ แนวทางการเขยี นพรรณนา ใชว้ ธิ ีสรา้ งภาพ เลอื กถอ้ ยคาํ ท.ีส.อื ความหมาย โวหาร ใหผ้ อู้ า่ นมองเหน็ และเกิด ส.อื ภาพ ส.อื อารมณ์ อารมณค์ วามรูส้ กึ คลอ้ ยตาม ไดช้ ดั เจน ไมเ่ ครง่ ครดั ในเรอ.ื งของขอ้ เทจ็ จรงิ แตต่ อ้ งมีความสมจรงิ
การเขยี นเทศนาโวหาร เทศนาโวหาร หมายถงึ โวหารท.ีมีจดุ หมายแสดงความแจม่ แจง้ เพ.ือใหค้ ลอ้ ยตาม มงุ่ ชกั จงู ใหค้ ดิ เหน็ ตามผเู้ ขียน อาจเป็นการชีแI นะ เสนอทรรศนะ หรอื ขอ้ สงั เกต แนวทางการเขยี นเทศนา ใชห้ ลกั ฐานอา้ งอิงประกอบ ใชภ้ าษาเขา้ ใจงา่ ย โวหาร เพ.ือใหเ้ นือI หา กระชบั ชดั เจน เรา้ ความสนใจ มีความชดั เจน มีนาIํ หนกั นา่ เช.ือถือ อธิบาย หาเหตผุ ล มาประกอบการเขียนได้
การเขยี นอุปมาโวหาร อุปมาโวหาร หมายถงึ โวหารเปรยี บเทียบ ส.งิ ท.ีคลา้ ยคลงึ กนั มาเปรยี บ เพ.ือใหเ้ กิดความชดั เจนดา้ นความหมาย ดา้ นภาพ และเกิดอารมณ์ ความรูส้ กึ มากย.ิงขนึI แนวทางการเขยี นอุปมา เปรยี บเทียบโดยการโยง เปรยี บเทียบโดยการยกตวั อยา่ ง โวหาร ความคดิ จากส.งิ หนง.ึ ไปยงั ส.งิ ประกอบ เชน่ พระราชา ๑ หญิง ๑ ไมเ้ ลอืI ย ๑ เปรยี บเทียบส.งิ ท.ีเหมือนกนั หนง.ึ ยอ่ มรกั ผคู้ นและส.งิ ท.ีอยใู่ กลๆ้ สองส.งิ วา่ อาศยั การตีความประกอบ เหมอื น ดุจ คล้าย
การเขยี นสาธกโวหาร สาธกโวหาร หมายถงึ โวหารท.ีมงุ่ ใหค้ วามชดั เจน เพ.ืออธิบายหรอื สนบั สนนุ ความคดิ เหน็ ท.ีเสนอใหน้ า่ เช.ือถือ สาธกโวหารเป็นโวหารเสรมิ บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร แนวทางการเขยี นสาธก ภาษาท.ีใช้ เลอื กใชโ้ วหารอ.ืนประกอบ โวหาร ตอ้ งมีความชดั เจน ใหส้ อดคลอ้ ง เรอ.ื งท.ียกมาเป็นตวั อยา่ ง และเขา้ ใจงา่ ย เหมาะสมกบั เนือI หา ประกอบตอ้ งเป็นเหตเุ ป็นผลกบั เนือI หา ไมข่ ดั แยง้ กนั
โวหารภาพพจน์ ภาพพจน์ อุปมา หมายถึง กลวิธีการเรียบเรียงถ้อยคาํ เพ8ือสรา้ งจินตภาพทาํ ให้เกิดความ คือ การนาํ ส(งิ ท(ีมีลกั ษณะเดน่ ประทับใจ เขา้ ใจลึกซึงF และเกิดอารมณ์สะเทือนใจมากกว่าถ้อยคาํ ท8ีกล่าว รว่ มกนั ๒ ส(งิ ตา่ งประเภทกนั อยา่ งตรงไปตรงมา มาเปรยี บเทียบกนั นามนัย บุคคลวัต อุปลักษณ์ คือ การนาํ คาํ หรอื วลที (ีบง่ บอกลกั ษณะ หรอื บคุ ลาธิษฐาน คือ การสมมติสตั ว์ คณุ สมบตั ขิ องส(งิ ใดส(งิ หนง(ึ หรอื ส(งิ ไมม่ ีชีวิต มีสตปิ ัญญา คือ การนาํ ของ ๒ ส(งิ มากลา่ วแทนส(งิ นนัP ทงัP หมด ความคดิ หรอื แสดงอากปั กิรยิ า ท(ีมีคณุ สมบตั ริ ว่ มกนั บางประการ อารมณเ์ หมือนมนษุ ย์ มาเปรยี บเทียบกนั อตพิ จน์ สัทพจน์ สัญลักษณ์ คือ การกลา่ วขอ้ ความท(ีเกิน คือ การใชค้ าํ เลียนเสียงธรรมชาติ คือ การนาํ คาํ คาํ หนง(ึ มากลา่ วแทน ความเป็นจรงิ เพ(ือแสดงการ เพ(ือใหเ้ กิดภาพขนึP ภายในใจ ความหมายของคาํ อีกคาํ หนง(ึ โดยถือวา่ เนน้ ยาPํ กิรยิ าอาการ ความรูส้ กึ สรา้ งบรรยากาศท(ีเหมือนจรงิ คาํ ท(ีนาํ มาใชแ้ ทนกนั ไดน้ นัP ตอ้ งเป็นท(ีรูจ้ กั มงุ่ ผลทางดา้ นจิตใจมากกวา่ ขอ้ เทจ็ จรงิ และเขา้ ใจกนั ท(วั ไป
การเขยี นโครงการและรายงาน โครงการ การเขยี นโครงการ โครงการ คือ การเขียนเพ.ือนาํ เสนอแผนงานท.ีเรยี บเรยี งตามลาํ ดบั ขนัI ตอน ใหเ้ หน็ เคา้ โครงการปฏิบตั งิ านอยา่ งเป็นระบบ โครงการมีความสาํ คญั ดงั นีI เป็นสว่ นหนง8ึ ในการพฒั นาหนว่ ยงานหรอื องคก์ ร ชว่ ยทาํ ใหม้ องเหน็ ขอบเขตและทิศทางในการพฒั นางาน ทกุ ฝ่ายสามารถปฏิบตั งิ านตามแผนงานจนบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคไ์ ด้ เป็นสว่ นหนง8ึ ในระบบบรหิ ารจดั การในหนว่ ยงานทกุ ฝ่ายสามารถปฏิบตั งิ านตามแผนงานจนบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคไ์ ด้
การเขยี นรายงานโครงการ ลักษณะของการเขยี นรายงานโครงการ คือ เขียนในเชิงวิชาการ โดยยดึ หลกั การเขียนใหก้ ระจา่ งชดั ใหผ้ อู้ า่ นสามารถเขา้ ใจเรอ8ื งดว้ ยตนเอง ส่วนประกอบของรายงานโครงการ มี ๓ สว่ นท8ีสาํ คญั คือ ส่วนนาํ ส่วนเนือE หา และส่วนทา้ ย แนวทางการเขยี นรายงานโครงการ การเขียนรายงานโครงการสามารถทาํ ไดห้ ลายวธิ ี บางหนว่ ยงานไดก้ าํ หนดรูปแบบของตนขนึF มาโดยเฉพาะ
การเขยี นรายงานการ การประชมุ โดยท.วั ไป ทปงัI รภะาชครุมฐั และภาคเอกชน แบง่ การประชมุ ออกเป็น ๒ ประเภท คือ การประชุมสามัญ หมายถงึ การประชมุ ตามปกตซิ ง.ึ กระทาํ เป็นประจาํ ตามขอ้ บงั คบั หรอื นโยบายของหนว่ ยงาน เชน่ • ประชมุ ประจาํ สปั ดาห์ • ประจาํ เดือน • ประจาํ ปี การประชุมวสิ ามัญ หมายถงึ การประชมุ ท.ีจดั ขนึI เป็นพิเศษ ในกรณีท.ีมีเรอ.ื งเรง่ ดว่ นหรอื เรอ.ื งสาํ คญั ท.ีตอ้ งมีการประชมุ พิจารณาขอความเหน็ จากสมาชิกหรอื จากคณะกรรมการ ในเรอ.ื งใดเรอ.ื งหนง.ึ นอกเหนือจากการประชมุ สามญั
แนวทางการเขยี นรายงานการประชุม รายงานการประชมุ ประกอบไปดว้ ยหวั ขอ้ ดงั ตอ่ ไปนีI ๗ ๑ ๒ ๓ เร;ิมประชุมเวลา ชอ;ื หน่วยงาน ครั@งที; วัน เดอื น ปี ๘ ๖ ๕ ๔ ระเบยี บวาระ ผู้ไม่มาประชุม (ถา้ ม)ี ผู้มาประชุม ณ ๙ ๑๐ เลกิ ประชุมเวลา ผู้จดรายงานการ ประชุม
๒หน่วยการเรียนรทู้ .ี การเขยี นบนั เทงิ คดี จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ • ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบต่างๆ ได้
ความรพู้ ืน* ฐานเก0ียวกบั บนั เทิง คดี ลกั ษณะบนั เทิงคดี • ใหค้ วามสนุกสนาน เพลดิ เพลนิ ประเทอื งอารมณ์ • สง่ เสรมิ สตปิ ัญญา • มีขอ้ คดิ คตเิ ตือนใจ โดยท.ีผเู้ ขียนมีเจตนาในการเขียนหรอื ไมม่ ีเจตนาก็ตาม • สง่ เสรมิ คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมของผอู้ า่ น • การใชถ้ อ้ ยคาํ สาํ นวนโวหารไพเราะเหมาะสม สอ8ื ความชดั เจน • มีความคดิ รเิ รม.ิ สรา้ งสรรค์
องคป์ ระกอบของการเขียนบนั เทิงคดี ๑ โครงเร'อื ง ๒ ตวั ละคร คอื การลาํ ดบั เหตุการณ์ทผ7ี เู้ ขยี นกาํ หนดไวล้ ว่ งหน้า เรอ7ื งสนั5 ตวั ละครมนี ้อย อาจมี ๑ หรอื ๒ ตวั กไ็ ด้ วา่ จะเขยี นเรอ7ื งใหด้ าํ เนินไปอยา่ งไร นวนิยายตวั ละครจะมหี ลายตวั ตวั ละครแบง่ ประเภทตามบทบาท ๓ แนวคดิ ในเน5ือเรอ7ื งเป็น ๒ ประเภท หรอื แก่นของเรอ.ื ง • ตวั ละครเอก • ตวั ละครประกอบ คือ ทรรศนะหรอื แนวคดิ สาํ คญั ท8ีผเู้ ขียนตอ้ งการนาํ เสนอ ๔ ฉาก • แก่นเรอ7ื งแสดงทรรศนะ • แก่นเรอ7ื งแสดงอารมณ์ คือ เวลาและสถานท8ีของเหตกุ ารณท์ 8ีเกิดขนึF ในเรอ8ื ง • แก่นเรอ7ื งแสดงพฤตกิ รรม ซง8ึ รวมทงัF สภาพแวดลอ้ มตา่ งๆ • แก่นเรอ7ื งแสดงสภาพและ ๖ ภาษา เหตุการณ์ ใชถ้ อ้ ยคาํ ท8ีส8ือความหมายไดด้ ี ๕ กลวธิ ี ผเู้ ขียนอาจเป็นผเู้ ลา่ เรอ8ื งนนัF เองหรอื กาํ หนดใหต้ วั ละครในเรอ8ื งเป็นผเู้ ลา่
แนวทางการเขยี นบนั เทงิ คดี การเปิ ดเรอ*ื ง การดาํ เนินเรอื* ง การปิ ดเรอื* ง คอื จดุ เรมิ. ตน้ ของเรอ.ื งซง.ึ ถอื เป็นสว่ น เป็นตอนกลางของเรอ.ื งทม.ี คี วามสาํ คญั คอื จดุ จบของเรอ.ื ง เป็นตอน สาํ คญั ทจ.ี ะดงึ ดดู ความสนใจของผอู้ า่ น มาก สรา้ งความขดั แยง้ ทเ.ี รา้ ใจใหเ้ กดิ ทป.ี ระเมนิ ผล ผอู้ า่ นมคี วามประทบั ใจต่อ ใหต้ ดิ ตามเรอ.ื งราว ภายในเรอ.ื ง เรอ.ื งเพยี งใด การสรา้ งตวั ละคร การสรา้ งลกั ษณะนิสยั ของตวั แนวคิด ละคร • สรา้ งใหส้ มจรงิ • บอกตรงๆ ตน้ เรอ.ื ง ทา้ ยเรอ.ื ง หรอื • สรา้ งตามอุดมคติ สมจรงิ เหนือจรงิ หรอื แบบอุดมคติ ตวั ชอ.ื เรอ.ื ง • สรา้ งแบบเหนือจรงิ ละครแต่ละตวั นนัL • สรา้ งโดยใชต้ วั ละครแบบ • แฝงไวใ้ นสว่ นต่างๆ เหตุการณ์ จะตอ้ งมลี กั ษณะนิสยั เฉพาะ พฤตกิ รรมตวั ละครทม.ี ผี ลต่อเรอ.ื ง ฉบบั ทม.ี ผี ลต่อการดาํ เนินเรอ.ื ง ภาษา ฉาก กลวิธี • ชว่ ยดาํ เนินเรอ.ื ง แทนการบรรยาย วธิ กี ารเขยี นบรรยายฉาก มี ๒ วธิ ี คอื • ใหต้ วั ละครสาํ คญั ในเรอ.ื งเป็นผเู้ ลา่ ของผเู้ ขยี น • ใชบ้ ทพรรณนาๆ ไวต้ อนเรมิ. เรอ.ื ง เรอ.ื งของตนเอง • ใหร้ ายละเอยี ดเกย.ี วกบั เวลาและ • ชว่ ยใหร้ จู้ กั ตวั ละครในเรอ.ื งทางออ้ ม • ใชบ้ ุรษุ ทห.ี น.ึงซง.ึ เป็นตวั ละครรองใน • ชว่ ยใหว้ ธิ กี ารเขยี นไมซ่ Lาํ ซาก สถานทก.ี ระจายตลอดทงัL เรอ.ื ง เรอ.ื งเป็นผเู้ ลา่ สมจรงิ
ตวั อย่างการเขียนบนั เทิงคดี : เรอ0ื ง สนั* ลกั ษณะเรื.องสนั@ ความยาว โครงเรอื' ง แก่นเร'ืองหรือแนวคิด ตวั ละคร นิยมกาํ หนดความยาว ควรมโี ครงเรอ7ื งเดยี ว ควรมงุ่ เสนอแนวคดิ ควรมตี วั ละครน้อย จากเวลาทอ7ี า่ นภายใน งา่ ยๆ หรอื แก่นของเรอ7ื ง ตวั ละครเอก ระยะเวลา ๕-๕๐ นาที ไมซ่ บั ซอ้ น เพยี งขอ้ เดยี ว มเี พยี ง ๒-๓ ตวั บทสนทนา ฉาก และบรรยากาศ ตอนจบของเร'อื ง ความแน่น ควรใชภ้ าษาทส7ี มจรงิ สอดคลอ้ งกบั บรรยากาศ สอดคลอ้ ง จดุ จบอาจเป็นไปตาม ควรมคี วามแน่นพอดี มี กบั เน5ือเรอ7ื ง คาดหมาย หรอื จบเรอ7ื ง กลวธิ กี ารสรา้ งบทสนทนา และตวั ละคร มคี วามสมจรงิ แบบพลกิ ความคาดหมาย การ-พรรณนาฉาก กระชบั รดั กุม
ประเภทของเร.ืองสนั@ เรือ' งสนั@ ชนิดผกู เรือ. ง เร'อื งสนั@ เรือ' งสนั@ ชนิ ดเน้ นแนวความคิด ชนิดเน้นตวั ละคร เรื'องสนั@ ชนิ ดเน้ นบรรยากาศ
๓หน่วยการเรียนรทู้ .ี การประเมินคณุ ค่างานเขียน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ • ประเมนิ งานเขยี นของผอู้ น.ื แลว้ นํามาพฒั นางานเขยี นของตนเองได้
การประเมินคณุ ค่าเรอ0ื ง สนั* การประเมินคณุ คา่ งานเขียน คือ การศกึ ษาวิเคราะหง์ านเขียน ดา้ นแนวคดิ การใชภ้ าษา กลวิธีการ แตง่ รวมถงึ คณุ คา่ ท.ีไดร้ บั จากงานเขียน โดยวิธีการศกึ ษา ดงั นีI เร'อื งย่อ แก่นเรLือง การเปิ ดเร'อื ง ปมปัญหา จดุ วิกฤต จุดคลคีL ลาย ปิ ดเรLือง การดาํ เนินเรLือง กลวธิ ีการเล่าเรLือง กลวธิ ีการตงัE ชอLื เรLือง การสร้างตวั ละคร การสร้างฉาก บทสนทนา คุณค่า
การประเมนิ คุณค่ากวนี ิพนธ์ เนือE หา รูปแบบคาํ ประพนั ธ์ คือ การศกึ ษาเนือF ความทงัF หมด คือ การพิจารณาความสอดคลอ้ ง วา่ มีการแสดงออกแนวความคดิ ใด ของเนือF หากบั รูปแบบฉนั ทลกั ษณ์ ตรงตามระเบียบแบบแผนของคาํ ประพนั ธ์ หรอื เสนอทรรศนะเฉพาะบคุ คล ความงามดา้ นการประพนั ธ์ คุณค่าของกวนี ิพนธ์ คือ การศกึ ษากลวธิ ีท8ีกวีใชใ้ นการประพนั ธ์ การ คือ การศกึ ษากวีนิพนธว์ า่ ก่อใหเ้ กิดอารมณ์ เลอื กใชค้ าํ ความ ภาพพจน์ เพ8ือแสดง สะเทือนใจ สรา้ งจินตนาการ ใหข้ อ้ คดิ อารมณแ์ ละความงามของบทกวี หรอื เสนอแงค่ ดิ แก่ผอู้ า่ น
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: