๕ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี
ประวตั ผิ แู้ ต่ง สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานชุ ิตชโิ นรส เปน็ พระราชโอรสองค์ที่ 28 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช เมอ่ื วันท่ี ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๓๓ มีพระนามว่า พระเจา้ ลูกยาเธอ พระองค์เจา้ วาสุกรี ผนวชเปน็ เม่อื ปี พ.ศ. ๒๓๔๕ ผนวชเป็นพระภกิ ษุ แลว้ เสด็จไปประทับ ณ วดั พระเชตุพนวิมลมังคลาราม ทรงศึกษาหนังสือไทยและ ภาษาบาลตี ลอดทง้ั วชิ าอืน่ ๆ จากสมเดจ็ พระพนรัตน์ วัดพระเช ตุพน จนมพี ระปรชี าสามารถ ท้งั ทางคดโี ลก และคดธี รรม มี ผลงานอันเปน็ พระราชนิพนธ์เร่ืองตา่ ง ๆ เป็นจำนวนมาก
ทีม่ าและจดุ มงุ่ หมายของเรอ่ื ง ลลิ ติ ตะเลงพ่าย เปน็ วรรณคดเี ฉลิมพระเกียรติ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช มีการดำเนนิ เร่อื งตาม พงศาวดารกรงุ ศรีอยธุ ยา เริ่มต้ังแต่สมเดจ็ พระมหาธรรม ราชาเสดจ็ สวรรคต จนถึงตอนทีส่ มเด็จพระนเรศวร มหาราชทรงกระทำยทุ ธหัตถกี ับพระมหาอุปราชาของพม่า พระมหาอปุ ราชาสน้ิ พระชนม์ใน พ.ศ.๒๑๓๕ สมเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานุชติ ชิโนรสทรงพระนพิ นธเ์ รอ่ื งนี้เพ่อื เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเด็จ พระนเรศวรมหาราช และเพ่อื สรา้ งสมบารมขี องผแู้ ต่ง (ผู้ แตง่ ขอไว้วา่ ถ้าแตง่ เสรจ็ ขอใหส้ ำเรจ็ สู่พระนิพพาน)โดย แต่งแนวเดยี วกับยวนพา่ ยโคลงด้นั หรือโคลงยวนพ่าย ซึง่ มีมาก่อนต้ังแตส่ มยั สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
ลักษณะคำประพันธ์ ลกั ษณะคำประพนั ธข์ องลลิ ิตตะเลงพ่าย มีดังนี้ ๑) ร่ายสุภาพ ๒) โคลงสองสภุ าพ ๓) โคลงสามสภุ าพ ๔) โคลงสีส่ ุภาพ แผนผงั ร่ายสภุ าพ
แผนผงั โคลงสองสภุ าพ () แผนผงั โคลงสามสุภาพ ()
แผนผงั โคลงสี่สภุ าพ () ()
ตอนท่ี ๑ เร่ิมเรอ่ื ง บญุ เจ้าจอมภพข้นึ แผ่นสยาม แสยงพระยศยินขาม ขาดแกล้ว กล่าวสดดุ พี ระบรมเดชานภุ าพแหก่ ษตั รยิ ์ไทย พระฤทธิ์ดง่ั ฤทธิ์ราม รอนราพณ์ แลฤา ทีเ่ อาชนะเหล่าศตั รู ขา้ ศกึ เกรงพระบรมเดชานุ ราญอริราชแผว้ แผกแพ้ทกุ ภาย ภาพไมก่ ล้าเส่ียงทำสงคราม กรุงศรีอยุธยา เจรญิ ร่งุ เรอื งมคี วามสขุ สำราญพรั่งพรอ้ มด้วยโภค สมบตั ิ พร้อมสรรพดว้ ยพชื พันธ์ธุ ัญญาหารอนั สมบรู ณ์ บ้านเมืองมแี ต่ความสงบพร้อมพร่งั เหล่าทหารพล ชา้ ง ม้า อาวธุ ปนื ไฟ
ตอนท่ี ๒ เหตกุ ารณ์ทางเมอื งมอญ ฝา่ ยหงสาวดี ทราบขา่ ววา่ พระมหาธรรมราชา กษตั ริย์แห่งกรุงศรอี ยธุ ยาสวรรคต พระราชโอรส คือ พระนเรศวรไดข้ นึ้ ครองราชสมบัติ จึงไดป้ ระชุมหมู่ อำมาตยป์ รกึ ษากันวา่ ควรยกทัพไปตีอยุธยา จึงรบั ส่ังใหพ้ ระมหาอุปราชาจดั เตรียมทพั พระมหา อปุ ราชากราบบงั คมทลู วา่ โหรทำนายวา่ พระองค์กำลงั มี เคราะหถ์ ึงตาย พระเจ้าหงสาวดจี ึงตรสั เป็นเชิงประชด วา่ กษตั ริย์อยธุ ยามโี อรสเก่งกล้า ทำศกึ ไม่ต้องให้พระ บดิ าบอก ถา้ เจา้ เกรงวา่ เคราะหร์ ้ายใหเ้ อาผา้ สตรมี านุ่ง จะได้หมดเคราะห์ พระมหาอปุ ราชาทรงอบั อายมาก
ร่ายยาว ตอน พระเจา้ นนั ทบเุ รงตรสั ประชดพระมหาอปุ ราช “…ฟังสารราชเอารส ธก็ผะชดบญั ชา เจา้ อยธุ ยามบี ตุ ร ล้วนยงยุทธ์เชีย่ วชาญ หาญหักศึกบมิย่อ ตอ่ สศู้ กึ บมหิ ยอน ไป่พกั วอนว่าใช้ ให้ธหวงธห้าม แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์กาจ จงอย่ายาตรยทุ ธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรียส์ ร่างเคราะห์ ธตรสั เยาะเยีย่ งขลาด องค์อุปราชยินสาร แสนอัประมาณมาตยม์ วล นวลพระพกั ตรผ์ ่องเผือด เลือดสลดหมดคล้า ชา้ กมลหมองมัว..”
รุง่ เชา้ พระมหาอปุ ราชกแ็ ตง่ องค์ทรงเคร่อื ง เสรจ็ แลว้ ก็ไปเฝ้าพระราชบิดาเพือ่ ทลู ลาไปราช สงคราม พระเจา้ หงสาวดีก็พระราชทานโอวาท ในการทำสงคราม ๘ ประการ ๑. อยา่ เป็นคนหูเบา ๒. อย่าทำอะไรตามใจตนเอง ๓. รู้จักเอาใจทหารให้ฮกึ เหิมอยู่ ๔. อย่าไวใ้ จคนข้ีขลาดและคนโง่ ๕. ควรรอบร้ใู นการจดั กระบวนทพั ทุก รูปแบบ ๖. รหู้ ลักการต้ังคา่ ยตามพิชัยสงคราม ๗. รู้จักใหร้ างวัลแก่แมท่ ัพนายกองท่เี กง่ กล้า ๘. อยา่ เกียจครา้ น
ตอนที่ ๓ พระมหาอุปราชายกทัพเขา้ เมืองกาญจนบรุ ี ระหวา่ งเดินทัพพระมหาอปุ ราชา ทรงรำพันถงึ นางสนม เมือ่ เห็นตน้ ระกำ ใจพี่กร็ ะกำเพราะคิดถึงนาง เหน็ ดอก สายหยดุ แต่ใจพ่อี าจหยุดรกั หยดุ คดิ ถึงนางได้ สลัดไดใดสลัดน้อง แหนงนอน ไพรฤา เพราะเพอ่ื มาราญรอน เศกิ ไสร้ สละสละสมร เสมอชือ่ ไม้นา นึกระกำนามไม้ แมน่ แมน้ ทรวงเรียม
ฝ่ายเจ้าเมอื งกาญจนบุรี เหน็ ฉัตรหา้ ช้นั กท็ ราบว่า พระมหาอุปราชายกทัพมา เจ้าเมอื งทราบขา่ วกป็ รกึ ษา กนั แลว้ เหน็ วา่ กำลงั ทหารมีน้อย คงตา้ นไม่ไดจ้ ึงชวน กนั หลบหนเี ข้าป่า สว่ นกองทัพพระมหาอปุ ราชามาถงึ แม่นา้ ลำกระเพิน ก็ทำสะพานไม้ไผ่เพ่ือยกพลเดิน ขา้ มฟาก ชาวสยามเหน็ เช่นน้ันจึงมีสาร นายดา่ นจึงขี่ ม้าเรว็ ไปเพ่ือกราบทลู เรือ่ ง
ตอนที่ ๔ พระนเรศวรทรงปรารภเรือ่ งตีเมอื งเขมร สมเด็จพระนเรศวรมมี ีพระราชดำรัสถึงการท่ีจะยก ทพั ไปตีเขมร ส่วนทพั เรอื จะใหย้ กไปตีเมืองพทุ ไธมาศ และเมืองป่าสัก พระองคท์ รงวิตกวา่ พม่าจะยกกองทัพ มา จึงแตง่ พระยาจักรีเป็นผู้รกั ษาบ้านเมือง ขณะท่ที รง ปรกึ ษากันอยนู่ ัน้ ทตู เมอื งกาญจนบรุ ีก็มาถงึ และกราบ ทลู พระองค์กลับทรงยินดีทไี่ ด้รบั ขา่ วศกึ จงึ ใหพ้ ระ เอกาทศรถเข้าเฝ้า
ตอนที่ ๕ สมเด็จพระนเรศวรทรงเตรียมการส้ศู ึกมอญ สมเด็จพระนเรศวรจึงมรี ับสงั่ ให้เกณฑท์ หารไปซมุ่ ดู ข้าศึกและตดั สะพานให้ขาด จุดไฟเผาอยา่ ให้เหลือ แล้ว ใหห้ ลบหนกี ลบั มาอยา่ ให้ขา้ ศกึ จบั ได้ ทตู จากเมืองสิงห์ เมืองสรรค์ เมืองสุพรรณบรุ ี เขา้ เฝา้ กราบบงั คมทลู ปรึกษา ถงึ กลศกึ ท่จี ะรบั มอื กับมอญ แล้วมีรับสงั่ ใหจ้ ดั ทัพกำลังพล ห้าหมน่ื • ให้พระยาศรีไสยณรงคเ์ ป็นแม่ทพั • ใหก้ องหนา้ ออกไปต่อสู้ขา้ ศกึ • หากสู้ไมไ่ ดพ้ ระองค์ทัพหลวงจะออกไปต่อสใู้ นภายหลงั แม่ทัพรบั พระบรมราชโองการแล้วกย็ กทัพไปต้งั อย่ตู ำบล หนองสาหร่าย โดยตงั้ คา่ ยแบบพยุหไกรสร(สีหนาม)
ชยั ภมู พิ ยหุ ะ ชยั ภมู พิ ยุหะ หมายถงึ การจดั ตัง้ ค่ายหรอื การสังเกตภมู ิ ประเทศท่ีจะต้ังค่ายตามตำราพชิ ัยสงคราม ๑. ครุฑนาม ต้งั ค่ายบริเวณท่ีมีจอมปลวกและมตี น้ ไม้ใหญ่ ๑ ต้น ๒. พยัคฆนาม ตัง้ คา่ ยบรเิ วณแนวป่าริมทาง ๓. สหี นาม ตงั้ คา่ ยบริเวณที่มีต้นไม้ใหญ่ ๓ ตน้ เรียงกันขึ้นบน ภเู ขาหรือจอมปลวก ๔. สนุ ัขนาม ตัง้ ค่ายตามรายทางใกลบ้ ้านคน ๕. มสุ กิ นาม ตัง้ คา่ ยบรเิ วณท่เี ป็นดนิ โพรง(ดนิ โปง่ ) ๖. อชั นาม ตัง้ คา่ ยกลางทุ่งหญ้าท่ีเลย้ี งสัตว์ ๗. นาคนาม ตั้งค่ายใกล้หว้ ย คลองน้าไหล ๘. คชนาม ตั้งคา่ ยบรเิ วณท่มี ีหญา้ ป่าไผ่หรอื ป่าหนาม
ตอนที่ 6 พระนเรศวรทรงตรวจเตรยี มทัพ โหรหาฤกษท์ ่ีจะยกทัพหลวง คำนวณ พระฤกษว์ ่า พระนเรศวรไดจ้ ตรุ งคโชค อาจ ปราบข้าศกึ ให้แพ้สงครามไป ขอเชญิ เสดจ็ ยกทพั ออกจากพระนคร ณ วนั อาทิตย์ ข้ึน ๑๑ คา่ เดอื นย่ี เวลา ๘ นาฬกิ า ๓๐ นาที เมอ่ื ได้มงคลฤกษ์ ทรงเคล่อื นพยุหยาตรา เขา้ โขลนทวาร พระสงฆป์ ระพรมน้าพระ พุทธมนตแ์ ก่กองทัพเสด็จทางชลมารคไป ประทับแรมท่ตี ำบลปากโมก สมเดจ็ พระ นเรศวรจงึ เสด็จเขา้ ที่บรรทม พระองคท์ รง พระสุบนิ เป็นศุภนมิ ติ
สมเดจ็ พระนเรศวรสุบนิ วา่ พระองคท์ รงลยุ กระแสนา้ อนั เชยี่ วและกวา้ งใหญน่ ัน้ จระเข้ใหญ่ตวั หน่ึงโถมปะทะ และจะกัดพระองค์ จึงต่อสู้กันข้นึ พระองค์ใชพ้ ระแสงดาบ ฟันถูกจระเข้ตาย ทันใดนัน้ สายนา้ กเ็ หอื ดแห้งไป โหรทำนายว่า จระเขค้ อื พระมหาอปุ ราชา อาจไดก้ ระทำ ยุทธหัตถกี ัน ศตั รูของพระองค์จะต้องสิ้นชีวิตด้วยพระแสงขอ ง้าว ขา้ ศกึ แตกพา่ ยไปไม่อาจจะทานพระบรมเดชานุภาพได้
พอใกลฤ้ กษย์ กทพั สมเดจ็ พระนเรศวร และ พระเอกาทศรถเสด็จไปยงั เกยทรงช้างพระทีน่ ง่ั คอยพิชัยฤกษ์อย่ทู นั ใดนัน้ พระองคท์ อดพระเนตร พระบรมสารีริกธาตสุ อ่ งแสงเรอื งงาม ลอยมาใน ท้องฟ้าหมุนเวียนรอบกองทัพเปน็ ทักษิณาวรรต 3 รอบ แลว้ ลอยวนไปทางทิศเหนือ สมเด็จพระพ่ี นอ้ งท้งั สองพระองค์ทรงปติ ิยินดีต้นื ตันพระทยั ทรงอธษิ ฐานใหพ้ ระบรมสารรี ิกธาตนุ ัน้ บนั ดาลให้ พระองคช์ นะข้าศกึ
นมิ ติ คอื ความฝันตามคตโิ บราณ การแบง่ เวลาในสมัยโบราณ บุพนิมติ หมายถงึ ฝนั บอกลางทจี่ ะเกิดขน้ึ กลางวนั นบั ตง้ั แต่ ๐๖.๐๐-๑๘.๐๐ น. จิตนวิ รณ์ หมายถงึ ฝนั ทเ่ี กิดจากความกังวลใจ กลางคืนจะแบ่งเวลาออกเปน็ ๔ ยามคอื เทพสังหรณ์ หมายถงึ ฝนั ท่ีเกิดจากเทวดาบนั ดาล • ปฐมยาม ตงั้ แต่ ยา่ คา่ ไปจนถงึ ๓ ทมุ่ ธาตุโขภ หมายถึง ฝนั ที่เกิดจากธาตุในเรือนกาย • ทตุ ิยยาม ตัง้ แต่ ๓ ทมุ่ ไปจนถึง ๖ ผิดปกติ • ตติยยาม ตัง้ แต่ ๖ ทมุ่ ไปจนถึง ๙ ทมุ่ • ปจั ฉิมยาม ตงั้ แต่ ๙ ทมุ่ ไปจนถึง ย่ารงุ่ ทตุ ิยยาม ตติยยาม ปฐมยาม ปัจฉิมยาม
ตอนที่ ๗ พระมหาอุปราชาทรงปรึกษา การศึกแล้วยกทพั เข้าปะทะหน้าของไทย ฝา่ ยกองตระเวนของมอญ ไดน้ ำขา่ วมา แจ้งพระมหาอุปราชา พระมหาอุปราชาตรสั วา่ กษัตรยิ ไ์ ทย ทั้งสองพระองคอ์ อกมารอรบั ทัพ แตก่ ำลังนอ้ ยกวา่ ของมอญ ตอ้ งรีบโจมตีหกั เอาให้ได้ แลว้ จะไปลอ้ มกรุงศรีอยธุ ยาชงิ เอา ราชสมบตั ไิ ดโ้ ดยสะดวก แล้วรบั สงั่ ให้ขนุ พล เตรยี มทัพให้เสร็จแต่ 3 นาฬกิ า ร่งุ เช้าจะได้ เข้าโจมตี เสนาผใู้ หญ่ได้ทำตามรบั ส่ัง เมือ่ ถึงเวลาพระมหาอุปราชาเสด็จประทบั ช้างช่ือ พลายพธั กอ ซึง่ กำลงั ตกมนั
ตอนท่ี ๗ พระมหาอุปราชาทรงปรกึ ษาการศกึ แลว้ ยกทัพเขา้ ปะทะหน้าของไทย ทัพไทยเคลื่อนออกจากหนองสาหรา่ ย ได้ ปะทะกบั ทพั มอญ ตา่ งฝ่ายลม้ ตายจำนวนมาก พวกที่เหลือก็ตอ่ สู้กันอย่างกลา้ หาญ กองทัพ มอญทตี่ ามมามมี ากขนึ้ ตีโอบล้อม กองทัพไทย ฝา่ ยไทยกำลังนอ้ ยกว่า กระจายออกรับไม่ไหว จงึ ต้องถอย ในขณะที่สมเดจ็ พระนเรศวรและ พระเอกาทศรถทรงเตรยี มกำลังทหารไว้อยา่ ง พร้อมเพรียงตงั้ แต่ยงั ไม่สวา่ ง จนแสงเงินแสง ทองจบั ขอบฟา้
พธิ ีทางไสยศาสตรเ์ กย่ี วกบั ศกึ สงคราม โขลนทวาร เปน็ พธิ บี ำรงุ ขวญั ทหาร ตัดไม้ข่มนาม นำดนิ เหนยี วมาปน้ั เปน็ รปู คน พราหมณ์ประพรมน้ามนต์ขณะท่ที หาร สมมตเิ ปน็ ข้าศกึ เขยี นช่ือ ลงยนั ต์กำกบั หอ่ ดว้ ยกาบ ลอดซุม้ ประตูและมพี ระสงฆ์สวดชยันโต กลว้ ยนำเข้าพธิ ีปลกุ เสก นำไปตดิ กบั ต้นไม้ท่ีมชี อ่ื พ้อง เพอ่ื เป็นสิรมิ งคลและให้กำลงั ใจทหารท่ี หรือใกลเ้ คยี งกบั ช่ือขา้ ศกึ นำต้นไมไ้ ปปักลงหลมุ ในโรง ออกรบ พธิ ี แล้วอนั เชิญพระแสงดาบไปฟนั ไมแ้ ละรูปปัน้ ข้าศกึ ละวา้ เซน่ ไก่ พิธนี ้เี ป็นพธิ บี วงสรวง เคลอ่ื นพลตามเกลด็ นาค เปน็ การเคล่ือนทพั เทวดา ต้ังเครื่องสังเวย ขอใหง้ านสำเร็จ ตามตำราพชิ ยั สงครามโดยกำหนดว่าวนั ทเ่ี คลอ่ื นทัพ ลลุ ว่ งแล้วเสี่ยงทายโดยถอดกระดกู คางไก่ นาคหนั หวั ไปทศิ ใดใหเ้ คลื่อนทพั ไปทางทศิ น้ันจะเป็น ท่ใี ชเ้ ป็นเคร่อื งเซน่ ถ้ากระดกู ยาวเรยี ว มี สิรมิ งคลหากเดนิ ทวนเกล็ดนาคถือวา่ เป็นอปั มงคล ขอ้ ถ่ีถอื เปน็ นมิ ิตดี
ตอนที่ ๙ ทัพหลวงเคลอื่ นพล ชา้ งทรงพระนเรศวรและพระเอกา ทศรถฝา่ เขา้ ไปในกองทพั ขา้ ศกึ สมเด็จพระนเรศวรทรงเคล่อื นพลตามเกล็ดนาค ตามตำราพิชัยสงคราม จนปะทะกบั กองทพั ขา้ ศกึ ชา้ ง พระทีน่ ง่ั ท้ังสอง คือ พระเจ้าไชยานุภาพ ไดย้ ินเสยี ง ฆอ้ ง กลองของขา้ ศึก กส็ ง่ เสียงรอ้ งด้วยความคกึ คะนอง เพราะกำลังตกมัน ควาญบังคบั ไวไ้ มอ่ ยู่ มันว่ิง ไปโดยเร็ว จนทหารในกองทัพตามไม่ทัน มแี ตก่ ลาง ช้างและควาญชา้ งตามเสดจ็ ไปด้วยจนเขา้ ไปใกล้กอง หน้าของข้าศึก ชา้ งศึกได้กล่ิน มัน ก็พากันตกใจหนี ไปปะทะกบั พวกทต่ี ามมาข้างหลัง
ตอนท่ี ๑๐ ยทุ ธหตั ถี และชยั ชนะของไทย สมเด็จพระนเรศวรทรงมีพระราชดำรัส ทักทายพระมหาอุปราชาว่า ทรงเปน็ ใหญ่แห่ง ประเทศมอญ พระเกยี รตยิ ศเล่ืองลอื ไปไกลท่วั ทั้งสิบทศิ ไม่สมควรทีพ่ ระมหาอุปราชาจะ ประทบั อยใู่ ต้รม่ ไม้ พร้อมกบั เชญิ มหาอปุ ราชา เสด็จมาทำยทุ ธหตั ถี เพือ่ แสดงเกยี รตยิ ศให้ ปรากฏ พระพ่ีพระผ้ผู า่ น ภพอตุ ดมเอย ไปช่ อบเชษฐ์ยืนหยุด ร่มไม้ เชิญราชร่วมคชยทุ ธ์ เผยอเกียรติ ไว้แฮ สบื กว่าสองเราไสร้ สดุ สนิ้ ฤามี
เมอ่ื พระมหาอปุ ราชาได้ทรงสดบั ทรงรับคำ ทา้ ต่อสกู้ ัน จนถูกพระแสงของ้าวของสมเด็จ พระนเรศวรฟันพระอังสาขวาขาดสะพายแล่ง พระวรกายก็เอนซบสิน้ พระชนม์อยู่บนคอชา้ ง สว่ นสมเดจ็ พระเอกาทศรถได้ใช้พระแสงของ้าว ฟนั ถกู มางจาชโรตายซบอยบู่ นหลงั พลายพชั เนยี ง ชัยชนะครัง้ นี้เปน็ เพราะพระบรมเดชานุ ภาพของทงั้ สองพระองค์ เพราะมีทหารตาม เสดจ็ เพยี งสค่ี น เสียชีวิตสองคน พระ เกยี รติยศจึงแผไ่ ปไกล
โคลงสี่ ตอน ทำยุทธหัตถี เบ้อื งนัน้ นฤนาถผู้ สยามินทร์ เบยี่ งพระมาลาผนิ หอ่ นพอ้ ง ศตั ราวธุ อรนิ ทร์ ฤาถูก องคเ์ อย เพราะพระหตั ถห์ ากปอ้ ง ปดั ดว้ ยขอทรง บดั มงคลพ่าห์ไท้ ทวารตั ิ แวง้ เหวย่ี งเบีย่ งเศียรสะบัด ตกใต้ อกุ คลกุ พลกุ เงยงดั คอคช เศกิ แฮ เบนบา่ ยหงายแหงนให้ ท่วงทอ้ ทีถอย
พลอยพล้าเพลียกถ้าท่าน ในรณ บัดราชฟาดแสงพล พา่ ยฟอ้ น พระเดชพระแสดงดล เผด็จคู่ เข็ญแฮ ถนดั พระองั สาข้อน ขาดด้าวโดยขวา อุรารานรา้ วแยก ยลสยบ เอนพระองค์ลงทบ ทา่ วด้นิ เหนอื คอคชซอนซบ สังเวช วายชิวาตม์สุดสิ้น สฟู่ ้าเสวยสวรรค์
ตอนที่ ๑๑ พระนเรศวรทรงสร้างสถูปและปนู บำเหนจ็ ทหาร สมเด็จพระนเรศวรมีรับสั่งให้สรา้ งสถปู สวมทับที่ พระองค์ทรงทำยทุ ธหตั ถี ณ ตำบลตระพังตรุ และให้ คนไปแจง้ ขา่ วการสิ้นพระชนมข์ องพระมหาอุปราชาแก่ พระเจ้าหงสาวดี จากน้ันก็ทรงพระราชทานความดี ความชอบ และบำนาญแกบ่ ุตรภรรยาของนายทหารที่ เสียชตวี ติอ่ มในาทสรงงคปรรากึมษาโทษแมท่ ัพนายกองตามกฎ อัยการศกึ เมื่อพระองค์เสด็จออกไปปราบอรริ าชศตั รู แตแ่ ม่ทพั นายกองทง้ั ปวงกลบั กลวั ขา้ ศึก ตามเสดจ็ ไม่ ทนั ปลอ่ ยให้ทัง้ สองพระองคท์ รงชา้ งพระทนี่ ่ังฝา่ เขา้ ไป ทา่ มกลางข้าศกึ ตามลำพังจนมีชยั ชนะ ลูกขุนเห็นวา่ จะ ไดร้ บั โทษถงึ ประหารชวี ิต
ตอนท่ี ๑๒ สมเดจ็ พระวันรตั ขอพระราชทานอภัยโทษ สมเด็จพระวันรัตวัดป่าแก้ว กับพระราชาคณะ มาถวายพระ พรและถามขา่ วพระวันรตั กราบทลู วา่ เมื่อพระองคท์ รงมชี ยั ชนะ เหตุใดจึงลงโทษขา้ ราชบริภารเหล่าน้ัน สมเดจ็ พระนเรศวร จงึ ตรัสต่อไปว่า แมท่ ัพนายกองทงั้ ปวงเม่อื เหน็ ขา้ ศึกกต็ กใจ กลัว ปล่อยใหพ้ ระองคส์ องพีน่ อ้ งเข้าสรู้ บท่ามกลางข้าศกึ จำนวนมากจนมชี ัยชนะ ถ้าไมไ่ ด้ความดแี ต่เกา่ คอยช่วย พระองคแ์ ลว้ กรุงศรีอยธุ ยาจะต้องสิน้ อำนาจเสยี แผ่นดนิ แก่ กรุงหงสาวดเี ปน็ การเสื่อมเสียเกียรติยศ จึงควรลงโทษตาม พระอัยการศกึ เพื่อมิให้คนอื่นเอาเยี่ยงอยา่ งสืบไป
บทประพนั ธ์ฉบบั เตม็
ฝ่ายพระนครรามญั ขัณฑเ์ ขตด้าวอสั ดง หงสาวดบี ุเรศ รั่วรเู้ หตุบมหิ งึ แหง่ เอิกอึงกดิ าการ ฝ่ายพสธุ ารออกทิศ วา่ อดิศวรกษัตรา มหาธรรมราชนรนิ ทร์ เจา้ ปัฐพนิ ผ่านทวีป ดบั ชนมชีพพิราลยั เอารสไทนฤเบศ นเรศวรเสวยศวรรยา แจ้งกจิ จาตระหนัก จง่ึ พระป่ินปักธาษตรี บุรีรตั นหงสา ธกบ็ ญั ชาพภิ าษ ด้วยมวลมาตยากร วา่ นครรามินทร์ ผลดั แผน่ ดินเปลี่ยนราช เยียวววิ าทชงิ ฉตั ร เพื่อกษัตรยิ ส์ องสู้ บร้างร้เู หตผุ ล ควรยาตรพลไปเยือน เตอื นประยุทธ์เอาเปรียบ แม้นไปเ่ รียบเปน็ ที โจมจู่ยียา่ ภพ เสนีนบนึกชอบ ระบอบเบอ้ื งบรรหาร
ธกเ็ อื้อนสารเสาวพจน์ แดเ่ อารสยศเยศ องค์อศิ เรศอปุ ราช ให้ยกยาตราทพั กบั นครเชียงใหม่ เปน็ พยุหใหญ่หา้ แสน ไปเหยยี บแดนปราจิน บุตรทา่ นยนิ ถ้อถอ้ ย ขอ้ ยผูข้ า้ บาทบงส์ุ โหรควรคงทำนาย ทายพระเคราะหถ์ ึงฆาต ฟังสารราชเอารส ธก็ผะชดบญั ชา เจา้ อยุธยามีบตุ ร ล้วนยงยทุ ธเ์ ชย่ี วชาญ หาญหกั ศกึ บมยิ อ่ ตอ่ สศู้ กึ บมิหยอน ไปพ่ กั วอนว่าใช้ ให้ธหวงธหา้ ม แม้นเจา้ คร้ามเคราะหก์ าจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพัสตราสตรี สวมอินทรยี ์สร่างเคราะห์ ธตรสั เยาะเยยี่ งขลาด
องค์อุปราชยินสาร แสนอัประมาณมาตย์มวล นวลพระพกั ตร์ผอ่ งเผือด เลอื ดสลดหมดคล้า ชา้ กมลหมองมวั กลวั พระอาชญายอบ นอบประณตบทมูล ทูลลาไทล้ ีลาศ ธกป็ ระกาศเกณฑพ์ ล บอกยุบลบมิ หงึ ถงึ เชียงใหมต่ ระบัด เรง่ แจงจัดจตรุ งค์ ลงมาสู่หงสา แลว้ ธ ให้หาเมอื งออก บอกทกุ แดนทุกด้าว บอกทุกท้าวทกุ เทศ ทัว่ ทกุ เขตทกุ ขอบ รอบสมี ามณฑล ทราบนสุ นธิท์ ุกแหง่ ตา่ งตกแตง่ แสะสาร แสนยาหาญมหิมา คลาบรรลุเวียงราช แลสระพราศสระพร่งั คัง่ คบั นบั เหลอื ตรา ตา่ งภาษาตา่ งเพศ พิเศษสรรพแต่งตน ข้าศกึ ยลแสยงฤทธ์ิ บพติ รธเทียบทัพหลวง โดยกระทรวงพยุหบาตร จกั ยาตราตรู่เชา้ เสด็จคนื เขา้ นิเวศไท้ เกรียมอุระราชไหม้ หม่นเศร้าศรสี ลาย อย่นู า ฯ
พระผาดผายส่หู อ้ ง หาอนชุ นวลน้อง หนุม่ หน้าพระสนม ฯ ปวงประนมนบเกลา้ งามเสง่ยี มเฟี้ยมเฝ้า อยถู่ า้ ทลู สนอง ฯ กรตระกองกอดแกว้ เรยี มจกั ร้างรศแคลว้ คลาดเคลา้ คลาสมร ฯ จำใจจรจากสร้อย อยู่แมอ่ ยา่ ละห้อย ห่อนชา้ คนื สม แมแ่ ล ฯ ภูบาลอื้นอำนวย อวยพระพรเลศิ ล้น จงอยุธยอ์ ย่าพ้น แห่งเง้อื มมือเทอญ พ่อนา ฯ เดชะ จงเจรญิ ชัเยศดว้ ย พอ่ ได้ ชาวอยุธยอ์ ย่าพะ วิรยิ ภาพ พ่อนา จงแพพ้ ินาศพระ ธิราชเจ้าจอมสยาม ฯ ชนะแดส่ องทา่ นไท้
สงครามความเศิกซ้งึ แสนกล หนึ่งรพู้ ยุหเศิกไส้ สบสถาน จงพอ่ อย่ายนิ ยล แตต่ ืน้ เจนจิตวิทยาการ กาจแกลว้ อย่าลองคะนองตน ตามชอบ ทำนา ร้เู ชิงพชิ ยั ชาญ ชุมค่าย ควรนา การศกึ ลกึ เล่ห์พืน้ ล่อเลย้ี วหลอกหลอน ฯ อาจจกั รอนรณแผ้ว แผกแพ้พังหนี ฯ โบราณ ขนุ พล จงแจง้ แหง่ เหตเุ บื้อง กลา่ วไว้ หน่งึ รบู้ ำเหน็จให้ จืดเส้ยี น เป็นประโยชน์ยทุ ธการ เรงิ รน่ื อย่นู า อนั สมรรถมอื ผจญ อย่างเกียจ เอาใจทหารหาญ เกลือกกล้วั ขลาดเขลา ฯ อย่าหย่อนวริ ยิ ยล ถอ่ งแทท้ างแถลง ฯ อย่าระคนปนใกล้ แปดประการกลเที้ยร
สลัดไดใดสลัดน้อง แหนงนอน ไพรฤๅ เพราะเพื่อมาราญรอน เศิกไสร้ สละสละสมร เสมอชื่อ ไมน้ า นกึ ระกำนามไม้ แม่นแมน้ ทรวงเรยี ม ฯ พระฝนื ทกุ ขเ์ ทวษกล้า แกลค่ รวญ ขับคชบทจรจวน จกั เพล้ บรรลุพนมทวน เถือ่ นท่ี นนั้ นา เหตุอนาถหนกั เอ้ อาจให้ชนเหน็ ฯ เวหา หนเฮย เกดิ เปน็ หมอกมืดหอ้ ง พัดคลุม้ ลมช่อื เวรมั ภา คชขาด ลงแฮ หวนหอบหักฉัตรา เกลื่อนเพย้ี งจกั รผนั ฯ แลธุลีกลัดกลมุ้
พระพลันเหน็ เหตไุ ซร้ เสียวดวง แดเอย ถนัดดงั่ ภผู าหลวง ตกตอ้ ง กระหมา่ กระเหม่นทรวง ส่นั ซีด พกั ตร์นา หนกั หฤทยั ท่านร้อง เรยี กใหโ้ หรทาย ฯ ทั้งหลายลว้ นจบแจง้ เจนไสย ศาสตร์แฮ ณรงค์นเรศวรด์ า้ ว ดัสกร เหน็ ตระหนกั แน่ใน เหตุหา้ ว ใครจกั อาจออกรอน รบสู้ จกั ทูลบท่ ลู ไท เกรงโทษ ทา่ นนา เสยี ดายแผน่ ดนิ มอญ พลนั มอด มว้ ยแฮ เสนอแตด่ กี ลบร้าว เกลือ่ นรา้ ยกลายดี ฯ เหตุบม่ ีมือผ-ู้ อนื่ ตา้ นทานเขญ็ ฉุกเขญ็ จอมถวัลย์ เหตนุ ผี้ วิ เชา้ ชั่ว ดอกไท้ เอน็ ดูภูธเรศเจา้ ทดแท้ เกดิ เมอื่ ยามเย็นดี ใจเจ็บ พระเอย เปลีย่ วอุระราชรนั - ครองภพ พระเอย อย่าขุ่นอยา่ ลำเคญ็ เผดจ็ เส้ยี นศึกสยาม ฯ พระชนม์ชราครัน เพล่ยี งพล้าศึกสยาม พระจักลุลาภได้ เกรงบพติ รจักแพ้
สงครามครานี้หนกั ใจเจ็บ ใจนา เรยี มเร่งแหนงหนาวเหนบ็ อกโอ้ ลกู ตาย ฤ ใครเกบ็ ผฝี าก พระเอย ผีจกั เทง้ ท่ีโพล้ ที่เพลใ้ ครเผา เอองค์ พระเนานคั เรศอ้า คู่รอ้ น ฤๅบ่มีใครคง ฤๅลุ แลว้ แฮ จักรจิ กั เริ่มรงค์ จกั แคน้ คบั ทรวง พระจกั ขุ่นจกั ข้อน พระคณุ ตวงเพยี บพื้น ภวู ดล เต็มตรลอดแหล่งบน บอ่ นใต้ พระเกดิ พระก่อชนม์ ชบุ ชพี มานา เกรงบ่ทันลกู ได้ กลับเตา้ ตอบสนอง
เทวัญแสดงเหตุให้ สังหรณ์ เหน็ แฮ เหน็ กระแสสาคร หล่ังล้น ไหลลบวนาดอน แดนตก ทิศนา พระแตเ่ พง่ ฤๅพน้ ทีน่ า้ หนองสาย พระกรายกรย่างเย้อื ง จรลี ลุยมหาวารี เรี่ยวกวา้ ง พอพานพะกมุ ภีล์ หนงึ่ ใหญ่ ไสร้นา โถมปะทะเจ้าช้าง จกั เคยี้ วขบองค์ กับกร พระทรงแสงดาบแกว้ เฟ่อื งน้า โจมประจกั ฟันฟอน ราญชีพ กนั แฮ ตา่ งฤทธ์ิตา่ งรบรอบ ทง่ ท้องชลธี สระทา้ นทกุ ถิ่นทา่ ถ้า
นฤบดโี ถมถีบสู้ ศกึ ธาร ฟอนฟาดสงุ สุมาร มอดมว้ ย สายสนิ ธุซ์ ่ึงนองพนานต์ หายเหือด แหง้ แฮ พระเรง่ ปรีดาด้วย เผด็จเสย้ี นเศกิ กษัย ทันใดดิลกเจา้ จอมถวัลย์ นุสนธ์ซิ งึ่ น่านนา้ นองพนา สณฑเ์ ฮย สร่างผทมถวิลฝนั หอ่ นรู้ พระหาพระโหรพลัน พลางบอก ฝันนา หนปจั ฉมิ ทศิ า ทว่ มไซร้ เรว็ เร่งทายโดยกระทู้ ที่ถ้อยตูแถลง พระโหรเห็นแจง้ จบ ในมลู ฝันแฮ คือทพั อริรา- มัญหมู่ น้ีนา ถวายพยากรณท์ ลู แดไ่ ท้ สุบินบดนิ ทร์สรู ฝนั ใฝ่ นนั้ ฤๅ สมด่งั ลักษณฝ์ นั ไท้ ธเรศนน้ั อยา่ แหนง หากเทพสังหรให้ ธริ าชร้เู ปน็ กล เหตแุ สดงแห่งราชพอ้ ง ภัยชลา ได้แก่อุปราชา เชษฐผ์ ู้ สงครามซ่งึ เสด็จครา น้ีใหญ่ หลวงแฮ แทจ้ ักถงึ ยุทธส์ ู้ ศกึ ช้างสองชน
ซ่ึงผจญอริราชด้วย เดชะ เพอ่ื พระเดโชชนะ ศึกนา้ คือองคอ์ มิตรพระ จกั มอด เมอื เฮย เพราะพระหัตถ์หากห้า ห่ันด้วยขอคม เบ้อื งบรมขตั ติยท์ อ่ งทอ้ ง แถวธาร ครน้ั บดินทร์ดาลได้ สดับพยากรณ์ไท้ พระจกั ไล่ลุยลาญ เศกิ ไสร้ ธิราชแผว้ พูนเกษม เพราะพระโหรหากแก้ รปิ ูบร่ อราญ ฤทธร์ิ าช เลยพ่อ งามประเสรฐิ เลศิ ล้น พระจักชาญชเยศได้ ดั่งทา้ วใฝฝ่ นั เปรมปรดี ิป์ ราโมทย์แท้ กล่าวต้องตามฝนั ทรงสภุ าภรณ์แพรว้ พระพลันทรงเคร่อื งตน้ แหลง่ หล้าควรชม ช่ืนนา สมเดจ็ อนุชน้องแกว้ เพริศพรอ้ มเพราตา ยิ่งแฮ
สองขัตยิ ายุรยาตรา ยงั เกยราชหอทัพ ขนุ คชขับชา้ งเทียบ ทวยหาญเพยี บแผน่ ภู ดมู หิมาดาดาษ สระพราศพรอ้ มโดยขบวน องค์อดิศวรสองกษตั รยิ ์ คอยนฤขตั รพชิ ัย บดั เดย๋ี วไททฤษฎี พระศรสี ารีรกิ บรมธาตุ ไขโอภาสโศภิต ช่วงชวลิตพา่ งยล สม้ เกล้ยี งกลลุกอ่ ง ฟ่องฟ้าฝา่ ยทักษณิ ผนิ แวดวงตรงทพั นับ คำรบสามครา เป็นทกั ษณิ าวรรตเวยี น วา่ ยฉวดั เฉวยี นอมั พร ผ่านไปอุดรโดยด้าว พลางบพิตรโททา้ ว ท่านตัง้ สดุดี อยู่นา เคลอ่ื นพลตามเกล็ดนาค ตามเตม็ ท่งแถวเถือ่ น เกลื่อนกลน่ แสนยาทัพ ถบั ปะทะไพรินทร์ สว่ นหัสดินอุภยั เจ้าพระยาไชยานภุ าพ เจ้าพระยาปราบไตรจกั ร ตรบั ตระหนักสำเนียง เสยี งฆอ้ งกลองปนื ศกึ อกึ เอิกกอ้ งกาหลง เรง่ คำรนเรียกมัน ชนั หชู ูหางแลน่ แปร้นแปรแ๋ ลคะไขว่ บาทย่างใหญ่ดุ่มด่วน ป่วนกิริยารา่ เรงิ บำเทงิ มันครัน่ ครกึ เข้าส้ศู ึกโรมราญ ควาญคัดท้ายบมิอยู่ ววู่ างวิง่ ฉับฉิว ปลวิ ประเลห่ ล์ มพาน
ส่าแสะสารแสนยา ขวาซา้ ยแซงหนา้ หลงั ท้ังทวยพลตนขุน ถว้ นทุกมลุ มวลมาตย์ ยาตลบทันโทท้าว ดา้ วศึกสสู้ องสาร ราญศกึ สู้สองไท้ ไร้พิรยิ ะแหห่ อ้ ม พรอ้ มแต่กลางควาญคช กำหนดสโ่ี ดยเสร็จ เห็จเข้าใกลก้ องหนา้ ขา้ ศึกดูดาษเดียร ธระเมยี รหมดู่ ัสกร มอญพม่าดาดื่น เดนิ ดจุ คลนื่ คลาฟอง นองน่านในอรรณเวศ ตรสั ทอดพระเนตรเนืองบร โล่โรมรอนทวยสยาม หลามเหลือหลง่ั ค่งั คับ ซับซอ้ นแทรกสับสน ยลบเป็นทพั เปน็ กอง
จ่ึงไทเทเวศอา้ ง สมมตุ ิ ซงึ่ แสร้งรังสฤษฏ์ให้ มาอุบัติ ม่ิงมหิศวรมกฎุ เกศหลา้ เถลงิ ภพแผน่ อยุธย- ยายิง่ ยศแฮ แสดงพระเดชฟงุ้ ฟา้ เฟือ่ งด้าวดนิ ไหว โชยงการ ภูวไนยผายโอษฐอ์ ้นื ฉชนั้ แก่เทพทุกถ่ินสถาน กมลาสน์ แลนา โสฬสพรหมพิมาน สดับถอ้ ยตแู ถลง เชญิ ชว่ ยชุมโสตซั้น ในประยรู เศวตฉตั ร สืบเช้ือ หวงั ผดงุ บวรรัตน ตรสั เยศ ยนื นา ทำนกุ พระศาสนเ์ กอ้ื ก่อสรา้ งแสวงผล กลใดไป่ชว่ ยแผ้ว นภา ดลฤๅ ใสสรว่างธมุ า มดื ม้วย มลักเลง็ เหลา่ พาธา ทวยเศิก สมรแฮ เหน็ ตระหนักเนตรด้วย ดงั่ นีแ้ หนงฉงาย
พอถวายวรวากย์อา้ ง โอษฐ์พระ ดาลมหาวาตะ ตื่นฟา้ ทรหึงทรหวลพะ- พานพดั หาวแฮ หอบธุมางค์จางเจ้า จรัสด้าวแดนสมร ธำรง สารแฮ ภูธรเมลิ อมติ รไท้ เทริดเกล้า ครบสิบหกฉัตรทรง อุปราช แลฤๅ บจ่ วนบจ่ วบองค์ แตต่ ้งั ตาแสวง พลางเร่งขับคชเตา้ โดนแขวงขวาทิศทา้ ว ทฤษฎี แลนา บัด ธ เห็นขุนกรี หน่ึงไสร้ เถลงิ ฉตั รจัตุรพิรีย์ เรียงคงั่ ขเู ฮย หนแหง่ ฉายาไม้ ข่อยชเ้ี ณอนาม คะเนนึก อยู่นา ปน่ิ สยามยลแทท้ า่ น นักโนน้ ถวิลว่าขนุ ศึกสำ- แลหลาก หลายแฮ ทวยทัพเทียบพันลึก เพง่ เพีย้ งพิศวง ครบเคร่ืองอุปโภคโพ้น
สองสุริยพงศ์ผา่ นหลา้ ขับคเชนทร์บา่ ยหนา้ แขกเจ้าจอมตะเลง แลนา พกั ตรท์ า่ นผ่องฤๅเศรา้ ไป่เกรงประภาพเทา่ เผา้ สู้เสีย้ นไปห่ นี หน้านา โซรมปนื ไฟไป่ต้อง ผ้านนา ไพรเี รง่ สาดซ้อง ตนื่ เต้าแตกฉาน นฤบาลบพติ รเผา้ ภูวนา ยกแฮ ผายสหิ นาทกถา ท่านพรอ้ ง ไพเราะราชสุภา- ษติ ส่อื สารนา เสนอบม่ ีขอ้ ข้อง ขนุ่ แค้นคำไข แหลง่ ตะเลง โลกฤๅ อ้าไทภูธเรศหล้า ย่านแกลว้ เผยพระยศยนิ เยง หวน่ั เดช ท่านนา สบิ ทิศทวั่ ลือละเวง เผอื ดกล้าแกลนหนี ไปเ่ ริม่ รอฤทธแิ์ ผ้ว
พระพี่พระผูผ้ ่าน ภพอุต- ดมเอย ไปช่ อบเชษฐย์ ืนหยดุ รม่ ไม้ เชญิ ราชรว่ มคชยทุ ธ์ิ เผยยอเกยี รติ ไวแ้ ฮ สบื กวา่ สองเราไสร้ สดุ สนิ้ ฤๅมี อวสาน นี้นา หัสดีรณเรศอา้ ง หอ่ นพอ้ ง นบั อนาคตกาล คชคู่ กันแฮ ขตั ติยายทุ ธ์บรรหาร ตราบฟ้าดินกษัย คงแตเ่ ผอื พนี่ ้อง ไวเ้ ป็นมหรสพซ้อง สำหรับราชสำราญ สขุ ศานต์ิ บำเทงิ หฤทยั บาน เร่มิ รง้ั เสนอเนตรมนุษยต์ ั้ง ประดิยุทธ์ นน้ั นา แตห่ ล้าเลอสรวง ปวงไท้เทเวศทง้ั พรหมมาน เชญิ ประชุมในสถาน ทนี่ ้ี ชมชื่นคชบำราญ ตตู อ่ กันแฮ ใครเชี่ยวใครชาญชี้ ชเยศอ้างอวยเฉลมิ
หวงั เร่มิ คุณเกียรตกิ ้อง กลางรงค์ สองโจมสองจจู่ ้วง บำรู ยืนพระยศอยคู่ ง ค่หู ล้า สองขัตตยิ สองขอชู เชดิ ด้า สงครามกษตั รยิ ท์ รง ภพแผน่ สองฤๅ กระลงึ กระลอกดู ไวว่อง นกั นา สองราชรอนฤทธร์ิ ้า เรื่องรูส้ รเสรญิ ควาญขับคชแขง่ คา้ เขน่ เขยี้ วในสนาม พรรณนา เลอพิศ นาพอ่ ดำเนนิ พจน์พากย์พรอ้ ง ทา่ นแจง้ งามสองสรุ ิยราชลา้ ศกึ สรา้ ง องค์อคั รอุปราชา นะนกึ หาญเฮย พ่างพชั รนิ ทรไพจติ ร รบราพณ์ แลฤๅ กอบเกิดขตั ตยิ มา- ดว่ นดว้ ยโดยถวลิ ฤๅรามเริ่มรณฤทธ์ิ อื่นไทไ้ ปเ่ ทียม ขบั คชเขา้ ยทุ ธแ์ ย้ง ทกุ เทศทกุ ทิศอ้าง
ขนุ เสยี มสามรรถตา้ น ขนุ ตะเลง ขนุ ต่อขุนไปเ่ ยง หย่อนห้าว ยอหตั ถ์เทดิ ลบองเลบง องั กุศ ไกวแฮ งามเรง่ งามโททา้ ว ท่านสศู้ ึกสาร คชยานขตั ติเยศเบื้อง ออกถวลั ย์ โถมปะทะไปท่ ัน เหยียบย้ัง สารทรงราชรามญั ลงลา่ ง แลนา เสยสา่ ยท้ายทันต์ท้งั คคู้ ้าคางเขนิ เชงิ ชิด ดำเนินหนนุ ถนัดได้ ตกด้าว หนอ่ นเรนทรทศิ รำร่อน ขอแฮ เสด็จวราฤทธ์ิ อยเู่ พีย้ งจักรผนั ฟอนฟาดแสงของา้ ว
เบ้ืองนนั้ นฤนาถผู้ สยามินทร์ ในรณ เบ่ยี งพระมาลาผนิ ห่อนพอ้ ง พ่ายฟ้อน ศสั ตราวธุ อรินทร์ ฤๅถูก องค์เอย เผดจ็ คู่ เข็ญแฮ เพราะพระหตั ถ์หากป้อง ปดั ดว้ ยขอทรง ขาดด้าวโดยขวา ทวารตั ิ ยลสยบ บัดมงคลพา่ ห์ไท้ สะบัด ตกใต้ ท่าวด้นิ แวง้ เหว่ียงเบย่ี งเศียร คอคช เศกิ แฮ สังเวช อุกคลกุ พลกุ เงยงดั ท่วงท้อทีถอย พลอยพล้าเพลียกถา้ ทา่ น สฟู่ า้ เสวยสวรรค์ เบนบ่ายหงายแหงนให้ บัดราชฟาดแสงพล- พระเดชพระแสดงดล ถนดั พระองั สาข้อน อรุ ารานรา้ วแยก เอนพระองคล์ งทบ เหนือคอคชซอนซบ วายชิวาตมส์ ุดสน้ิ
Search