ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๕
ประวัตผิ แู้ ตง่ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั เปน็ พระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และสมเดจ็ พระศรีพัชรนิ ทราบรม ราชนิ ีนาถ พระราชสมภพเม่อื วันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๓ พระองคท์ รง เป็นอีกหนง่ึ พระราชโอรสทที่ รงศกึ ษาตอ่ ตา่ งประเทศในดา้ นวชิ าพลเรือน และวชิ าการทหาร หลงั เสด็จเสวยราชยเ์ ป็นมหากษัตรยิ อ์ งคท์ ี่ ๖ แห่ง ราชวงศ์จักรี พระองคท์ รงมอี ัจรริยภาพทางด้านการอักษรเปน็ อย่างยง่ิ ใน พ.ศ. 2524 องค์การการศกึ ษาวิทยาศาสตร์และ (UNESCO) ได้ยกยอ่ งพระเกียรตคิ ุณของพระองค์ ทรงเปน็ บคุ คลสำคญั ของโลก ผ้มู ผี ลงานดีเด่นดา้ นวฒั นธรรมในฐานะทท่ี รงเปน็ นักปราชญ์ กวี และนักแตง่ บทละคร
ความหมายของ “มทั นะพาธา” คำว่า ‘มทน’ ความหมายว่า “ความลุ่มหลงหรือความรกั ” คำวา่ ‘พาธา’ หมายความวา่ “ความทุกข์” ความหมายของ ‘มัทนะพาธา’ หมายถึง ความทกุ ขแ์ ห่งความรัก วัตถปุ ระสงคใ์ นการแตง่ เพื่อช้ใี ห้เห็นโทษของความรกั ท่ขี าด การพิจาณาไตร่ตรอง
ประเภทของรนั ทใ์ นเรอื่ ง มทั นะพาธาเป็นบทละครพดู เร่ืองเดยี วทแี่ ต่งเปน็ รนั ท์ ประกอบดว้ ยรนั ท์ทง้ั หมด ๒๑ ประเภทภายในเร่อื งเดียว ได้แก่ • อินทวงศ์รันท์ ๑๒ • กมลรนั ท์ ๑๒ • วชิ ชุมมาลารนั ท์ ๘ • ภุชงคประยาตรนั ท์ ๑๒ • อปุ ชาตริ ันท์ ๑๑ • ปิยังวทารนั ท์ ๑๒ • จติ รปทารนั ท์ ๘ • วสันตดิลกรันท์ ๑๔ • อนิ ทรวิเชยี รรันท์ ๑๑ • มนั ทกั กันตารันท์ ๑๗ • อเุ ปนทรวิเชยี รรันท์ ๑๑ • กสุ มุ ติ ลดาเวลติ ารันท์ ๑๘ • สาลนิ รี ันท์ ๑๑ • สทั ทุลวิกีฬติ รันท์ ๑๙ • อปุ ฏั ฐิตารันท์ ๑๑ • เมฆวปิ ผุชชติ ารันท์ ๑๙ • สวางคตารนั ท์ ๑๑ • รโธทธตารนั ท์ ๑๑ • อิทสิ ังรันท์ ๒๐ • สทั ธรารนั ท์ ๒๑ • โตฏกรนั ท์ ๑๒
มัทนะพาธา เป็นบทละครพดู คำรนั ท์ ๕ องก์ โดย พระบาทสมเดจ็ พระมงกฏุ เกลา้ เจ้าอย่หู วั ทรงพระราช นพิ นธข์ น้ึ ทงั้ หมดดว้ ยพระองค์เองโดยไมไ่ ด้องิ เนือ้ หามา จากทอ่ี น่ื ทรงพระราชนิพนธ์ทง้ั เริม่ และจบลงในปี พ.ศ. ๒๔๖๖ มัทนะพาธา เปน็ วรรณคดีที่ได้รบั การยกย่องจาก วรรณคดีสโมสรในด้านเปน็ “ยอดบทละครพดู คำรันท์ ”
นางมทั นา นางฟา้ ทถ่ี กู สาปลงมาเกิด เปน็ ดอกกหุ ลาบ ในวนั เพ็ญ จะกลายเป็นหญงิ งาม พระชัยเสน กษัติรยิ ์แห่งเมอื ง หัสดิน (หัสตนิ าปุระ)
สเุ ทษณ์เทพบตุ ร เทพบตุ รท่ตี กหลุมรัก นางมัทนา แต่ไมส่ มหวัง จงึ สาป นางไปเกิดเป็นดอกกหุ ลาบ มายาวนิ เทวดาผ้รู บั ใช้สเุ ทษณ์ มอี ำนาจ สร้างมนตเ์ สนห่ ์ใสน่ างมทั นา
นางจัณฑี มเหสเี อกของพระชยั เสน มนี สิ ัยหงึ หวงรษิ ยา ท้าวมคธ พระบิดาของ นางจัณฑี เปน็ เจา้ เมอื งมคธ
ศภุ างค์ ทหารเอกของพระชยั เสน พระกาละทรรศนิ ฤาษที เ่ี ก็บต้นกุหลาบ มทั นาไปชบุ เล้ยี งเหมือนลูก
เรื่องยอ่
กลา่ วถงึ สุเทษณเ์ ทพบุตร ซงึ่ ใน อดีตกาลเปน็ กษัตรยิ ์ครองแควน้ ปัญจาล มัทนาเป็นพระธิดากษัตรยิ ข์ อง แคว้นสุราษฎร์ สุเทษณ์ได้ส่งทูตไปสู่ ขอนาง แตท่ า้ วสุราษฎร์พระบิดาของ นางไมย่ อมยกให้ สุเทษณ์จึงยกทพั ไป รบจนย่อยยับ และจบั ท้าวสุราษฎร์และ จะประหารชวี ติ แตม่ ทั นาขอยินยอม เป็นบาทบริจารกิ าของสุเทษณ์ ท้าวสรุ าษฎรจ์ งึ รอดจากพระอาญา
จากนน้ั มทั นาก็ปลงพระชนม์ ตนเอง และไปเกิดเป็นเทพธิดาบน สวรรคน์ ามวา่ มัทนา สว่ นทา้ ว สเุ ทษณก์ ท็ ำพลีกรรมจนสำเรจ็ เม่ือสนิ้ พระชนมก์ ็ไปบงั เกดิ บนสวรรค์ เชน่ กัน ดว้ ยผลกรรมท่ีเคยได้นางมาเป็นคู่ ทำให้มโี อกาสได้พบกนั อกี บนสวรรค์ แต่นางมทั นาก็ยังไมม่ ใี จรักสเุ ทษณ์ เทพบุตรเช่นเดิม
ณ วมิ านของสุเทษณ์ ได้มคี นธรรพเ์ ทพบตุ ร และเทพธดิ ามาบำเรอ ขับกลอ่ มถวาย แต่ถึงกระนั้นสุเทษณเ์ ทพบตุ รกไ็ ม่มีความสขุ เพราะรัก นางมทั นา แตไ่ ม่อาจสมหวังเพราะผลกรรมท่ีทำไวใ้ นอดีต จึงให้วิทยาธร ชอ่ื มายาวนิ ใช้เวทมนตรค์ าถาไปสะกดให้นางมายังวมิ านของสเุ ทษณ์ เทพบุตร ฝา่ ยมทั นาเมอื่ ถูกเวทย์มนตรส์ ะกดมา สเุ ทษณจ์ ะตรสั ถาม อยา่ งไรนางกท็ วนคำถามอยา่ งน้ันทุกครง้ั ไป
จนสุเทษณ์เทพพระบุตรขัดพระทยั จงึ ให้มายาวินคลายมนตรส์ ะกด เมอ่ื นาง ร้สู กึ ตัวกต็ กใจกลวั ทีล่ ว่ งลา้ เขา้ มาถึงวิมาน สุเทษณเ์ ทพบตุ รถอื โอกาสฝากรัก มัทนา แสดงความจริงใจวา่ นางไมไ่ ด้รกั สเุ ทษณ์ เทพบุตรจงึ ไม่อาจรบั รักได้ เมื่อได้ยินดงั นน้ั สเุ ทษณเ์ ทพบุตรรู้สึกกรวิ้ นางมัทนาเปน็ ทส่ี ุด
สุเทษณ์จงึ สาปให้มัทนาจุติ จากสวรรคไ์ ปเกดิ เปน็ ดอกกหุ ลาบ ในปา่ หิมาวนั ในโลกมนุษย์ และ เปดิ โอกาสใหน้ างกลายร่างเป็น มนุษย์ได้เมอ่ื ถงึ คนื วันเพญ็ เพียง หน่งึ วันกับหนึ่งคืนเท่านัน้ เมอื่ ใดท่ี นางมรี ักเมอ่ื นั้นจึงจะพน้ คำสาปและ กลายรา่ งเปน็ มนุษย์ไดอ้ ยา่ งปกติ หากเม่ือใดที่นางมที ุกข์เพราะความ รักก็ใหน้ างออ้ นวอนตอ่ พระองคจ์ ึง จะยกโทษทัณฑใ์ ห้
พระฤๅษีทราบได้ดว้ ยญาณ จงึ ให้ลูกศิษย์ มาขดุ เอาดอก กหุ ลาบจากปา่ หิมาวนั ไปปลูกไวใ้ กล้กบั อาศรม เมอ่ื คืนวันเพญ็ พระจันทร์เต็มดวง นางจะปรากฏโรมเปน็ มนษุ ยม์ าปรนนบิ ตั ิรบั ใชพ้ ระฤๅษี พระฤาษมี องนางมทั นาเหมอื นลกู ของตน
วันหนงึ่ ทา้ วชัยเสนกษตั รยิ แ์ หง่ นคร หัสดิน เสด็จประพาสปา่ มาถึงอาศรมพระฤๅษี ตรงกับคืนวนั เพ็ญทมี่ ัทนากลายรา่ งเป็น มนษุ ย์ และไดพ้ บกบั ทา้ วชยั เสนและเกดิ ความรักต่อกัน พระฤๅษีจงึ จัดพธิ อี ภิเษกให้
ชยั เสนไดพ้ านางกลับนครหสั ดิน ทา้ วชัยเสน หลงใหลรกั ใคร่นางมทั นามาก ทำใหน้ างจัณฑีมเหสี หึงหวง และอจิ ราริษยา จงึ ทะเลาะกบั พระชยั เสนและ ฟอ้ งพระบดิ าของตนให้ยกทพั มาตนี ครหัสดิน
ระหวา่ งทพี่ ระชัยเสนไปรบ นางจัณฑีร่วมมอื กบั พราหมณ์จากเมืองมคธ ทำอบุ ายใหท้ า้ วชัยเสนเขา้ ใจผดิ ว่า มทั นาเป็นชกู้ ับศภุ างคน์ ายทหารเอก
นางมทั นาจงึ ถกู ส่ังประหารชวี ติ แตเ่ พชฌฆาตสงสารจงึ ปล่อยนางกลับปา่ ไป สว่ นศุภางคท์ หารเอกกลับไปออกรบ ดว้ ยความจงรักภักดี และตายในสนาม รบอย่างกล้าหาญ
นางมทั นากลบั ไปยังอาศรมพระ ฤๅษีและวงิ วอนให้สเุ ทษณเ์ ทพบตุ รช่วย สเุ ทษณ์เทพบตุ รได้ขอความรักนางอีกคร้งั หนึ่งแต่นางปฏเิ สธ สุเทษณ์เทพบตุ รจึง สาปให้นางเป็นดอกกหุ ลาบตลอดไป
เมื่อทราบความจริงท่ีพราหมณ์ ยอมสารภาพพระชยั เสนจงึ รีบ ติดตามมัทนาไปในป่า แต่กส็ าย เกินไป พระชยั เสนเสียพระทัย มาก จึงขอขุดตน้ กหุ ลาบนั้น นำกลับไปปลกู ในพระราชวัง
บทประพันธร์ บบั เตม็ (องกท์ ี่ ๑)
[ยาน,ี ๑๑.] ๏ ฃา้ บาทผูภ้ กั ดี ตอ่ ธุลีพระบาทา พร้อมกันถวายอา- เศยี ระพาทแดเ่ ทวัน นริ าศทกุ ขไ์ รโ้ รคัน– ๏ ขอจงเสวยสุข ตะรายแลภยัน- ตะรายาอยา่ ยายี ๏ ทรงธรรมล้ามะนษุ ฤทธริ ุทมหาศาล กะตะบุญบาระมี ทุกอย่างงามตามวิสยั ๏ พระองค์ทรงมคี ณุ บำเพญ็ พะลกี าร ภูมิศวรจากไผท บำเพญ็ ในอตี- ตะกาลดลผลไพบูลย์ ๏ คร้นั ถึงเวลาควร เสวยสขุ ในแดนสรวง ๏ ชาติก่อนเปนสกุ ฺษัตร์ เถลิงรฐั ราไชสูรย์ เสด็จสุราลยั ปกปอ้ งเกศฃา้ ท้งั ปวง ในวงศะประยรู สุระแมนแควน้ ปญั จาล ภกั ดีหมายถวายพร ๏ เหลา่ ฃา้ พงึ่ พระเดช จงสทิ ธนิ ิรนั ดร จงึ่ พรอ้ มณแดดวง ไม่โปรดปรานเรง่ ผ่านไป ฯ ๏ สิ่งใดพระประสงค์ ใดองคจ์ อมอมร
[สรุ างคณา, ๒๘.] สุเทษณ.์ เหวยจิตระเสน มึงบังอาจเล่น ล้อกไู รน? จติ ระเสน. เทวะ, ฃา้ บาท จะบงั อาจใจ ทำเช่นน้ันไซร้ ได้บพ่ งึ มี. สเุ ทษณ.์ เชน่ นั้นทำไม พวกมงึ มาให้ พรกูบดั น้ี, ว่าประสงคใ์ ด ใหส้ มฤดี? มงึ รอู้ ย่นู ี่ ว่ากูเศรา้ จิต จิตระเสน. เพราะไม่ไดส้ ม จติ ท่ีใฝช่ ม, อกกรมเนอื งนติ ย์. สเุ ทษณ.์ ตูฃ้าภกั ดี กม็ แี ต่คิด เพ่ือใหท้ รงฤทธ์ิ โปรดทกุ ขณะ. กูไมพ่ อใจ ! ไล่คนธรรพ์ไป บัดนีเ้ ทยี วละ. จติ ระเสน. อยา่ มัวรอร้ัง เอวเทวะ! (หันไปส่งั คนธรรพ.์ ) เออพอแล้วนะ, พวกเจา้ จงไป. สุเทษณ.์ ฃา้ บาทได้เตรยี ม อับสรเสงีย่ ม สง่างามไว้ จิตระเสน.(เรยี ก) เพ่ือรอ้ งและรำ บำเรอเทพไท, แมโ้ ปรดจะได้ เรียกมาบัดนี้. เอาเถดิ ลองดู เผอ่ื ว่าตัวกู จะค่อยสุขี. คณาอบั สร ผู้ฟ้อนรำดี, ออกมาบดั น้ี รำถวายกร.
[รบัง, ๑๖.] ๏ เหลา่ ฃา้ คณาอับสร กม้ เกศยอกร บังคมพระเทพรงั สรรค์ พระคณุ อนนั ต์ ๏ พระกรณุ าแนเ่ ห็น ดิประดจุ เปน ๏ พำนักเนาสขุ ทกุ วัน อเนกประดุจโพธท์ิ อง วายุรำเพยชืน่ ใจ ฃา้ บาทจงึ่ ได้ ๏ อันพระเมตตาเนอื งนอง ประดุจลออง ๏ พระมุทติ าแนว่ ใน วะรุณระร่นื รวยเย็น มานะเปนนติ ย์ในงาน ๏ พระอเุ บกฃาสมาน จติ ใหเ้ บกิ บาน บเ่ ส่ือมบส่ ญู ภักดี ๏ เจา้ นายองค์ใดในตรี โลกฤๅจะมี เหมอื นพระผนู้ ัง่ เกศา ไปจนเวลา ๏ ขอพ่ึงยุคลบาทา ประจวบเมือ่ กลั ป์บรรลัย ฯ
[ยาน,ี ๑๑.] อนั นางอบั สรศรี รำมิดปี ระการใด, ขอเทวะฤทธไิ์ ด้ โปรดตำนิติประทาน. จติ ระเสน. ดีแลว้ ทัง้ การรำ และลำนำขับร้องหวาน, สุเทษณ์. ทงั้ ดนตรีประสาน กฟ็ งั เพราะเสนาะดี; แต่กูทใี่ จเศรา้ และงึมเหงาอยู่เชน่ นี้ จิตระเสน. ตัวเจา้ กร็ ู้ดี ว่าเหตุน้นั เปนรันใด. ฃา้ ทราบและพลอยโศก, อนั โรครักนีห้ นกั ใจ; แต่ในสรุ าลัย สรุ างค์ดีกม็ ถี ม. ฃ้าเช่อื ว่าพระองค์ ประสงค์นางสะอางชม คงได้สมั ฤทธิส์ ม หทยั แท้ทกุ นงคราญ
[อินทวงส์, ๑๒.] สเุ ทษณ์. จริงอยูน่ ะเจ้าเอย ผิจะเชยสมคั สมาน นางใดณแมนการ ก็จะสิทธิสมฤดี, เวน้ เดียวกแ็ ต่โรม มะทะนาวิสุทธศิ รี ผ้เู ลศิ สุรางค์มี วรรูปวเิ ลขวิไลย. แต่เหน็ อนงค์รา- มะประเสริฐวเิ ศษวสิ ัย ไมม่ ีอนงคใ์ ด นะจะเทียบจะเทียมจะทัน งามทรวงสล้างสอง วรถันสุมนสมุ า- ลีเลิดประเสรฐิ กวา่ วรบุ ลสะโรชะมาศ; งามผวิ ประไพผ่อง กลทาบสภุ าสพุ รรณ, งามเอวอนงค์ราว สรุ ศิลปิชาญรลาด เกลากลึงประหน่งึ วาด วรรปู พิไลยพะวง; งามแกม้ แรลม้ รัน พระอรณุ แอรม่ ละลาน, งามกรประหน่งึ งวง สุระคชสุเรนทะทรง, นวยนาฏวิลาศวง ดจุ ะรำระบำระเบง; งามเกศะดำขำ กลน้าณทอ้ งละหาน, ซ้าไพเราะน้าเสยี ง อรเพยี งพริ มประเลง, ได้ฟังก็วังเวง บ่มวิ ่างมวิ ายถวิล. งามเนตรพนิ จิ ปาน สมุ ณมี ะโนหะรา; นางใดจะมเี ทียบ มะทะนาณฟา้ ณดนิ , เปนยอดและจอดจนิ - ตะนะแน่วณอกณใจ.
[รบงั , ๑๖.] อ้อ, จิตระรถเจา้ ไป ตามทีก่ ูใช้, สำเร็จประสงคฤ์ ๅหวา? เทวะ, ฃา้ บาทไคลคลา ตามองคม์ หา ฤษผี ู้นามนารท สเุ ทษณ์. ไปทั่วทกุ แดนสามหมด; ในฟากฟ้าจรด จนถงึ ขอบนะภาลัย; จิตระรถ. ไปทั่วแดนมนุษสุดไกล บ่เวน้ แหง่ ใด, กระท่งั ยงั ขอบจักกะวาฬ; ไปทว่ั ในแดนบาดาล, ทั่วทุกสถาน ทกุ ถิน่ จนจบภพไตร. สุเทษณ์. ไปถงึ ซึง่ แควน้ แดนใด, ฃ้าบาทก็ได้ วาดรปู อนงค์งามงอน, มาเพ่อื ถวายมหิศร; ขอองค์อมร จงทอดพระเนตรร์ ูปา. มาเถิดนำรูปขึน้ มา, และจงเจรจา แถลงซง่ึ ลักษณใ์ หก้ ู.
[อุปชาต,ิ ๑๑.] วะธดิ าสง่าตร,ู วะสุมาลิโศภณ. จิตระรถ. ประถมกร็ ปู เท- กลดอกกะมลสน มนี ามะเรยี กย-ู กริ ยิ าสงา่ ศร.ี งามเนตรแ์ ละเกศแก้ม วระเทพะนารี ธสิ ิ่งประเสริฐปน สุระอัคคะเทวนิ , วธูวเิ ศษเปน ฃา้ องค์อุมาศรี บม่ ิควรคะนงึ ถงึ เนาคีริไกลาศ. สเุ ทษณ.์ อะ๊ รน้นั จะจงจนิ - ตะนาจะราคนิ , จติ ระรถ. ทุตียะรูปนาง สิริรา่ งสอางซงึ่ แสนงามและหากถึง จะประเทียบบแ่ พ้ใคร. นางชอ่ื วิเลขา กละภาพพิเศษไซร้, วิโรจนว์ ไิ ลยใคร ยละร่านระตีพูน. สะขีพระเทวี มหษิ บี ดสี รู ผู้สิงณไวกูณฐ์.
สุเทษณ์. อะ๊ มคิ วรจะมงุ่ หมาย. หรริ าชะนารายณ์, หลอ่ นเปนกำนัลแห่ง กจ็ ะทรงพระโกรธา. จะม่งุ ณโรมราย อระเทพะกญั ญา, สะวิเลขวไิ ลยวรรณ; จติ ระรถ. รน้นั ถวายรปู อมะราวดสี วรรค,์ ชื่อเมนะกาภา พะสะกนธะชวนชม, ฃา้ เห็นณสวนกลาง วรศัพทะเรงิ รมย์ วจิ ิตรวิศษิ ฎ์สรร- นางชา่ งประเลงขบั สเุ ทษณ.์ ก็มิควรจะมุ่งมาด เปรอองค์สุโรดม. ทา้ วศักฺระทรงฤท- ธมิ หทิ ธิก์ ำแหงกาจ, ผิทรงพโิ รธอาจ จะประหดั ประลัยลาน. จติ ระรถ. รน้นั ถวายรูป วรราชะนงคราญ หนอ่ นาถะผู้ผา่ น วรเฃตตะกาศี; ปรากฎพระนามนาง วมิ ะลาสุนาร,ี วสิ ทุ ธ์วิศิษฎท์ ่ี จะตนิ นั้ บพ่ ึงหา, พระโรมบ่แพโ้ รม สรุ ะเทวะกัญญา.
สเุ ทษณ.์ แพ้ยอดฤดฃี า้ ดจุ ะกากะเปรียบหงส์. จติ ระรถ. นรี่ ปู ธดิ าท้าว วรเกาศิกาพงศ์ บรุ ะกานยฺ ะกพุ ชฺ า, นรนิ ทะราชทรง วรเรณกุ าภา. ประกาศพระนามเรยี ก มะทะนาบแ่ พน้ าง สุเทษณ.์ เปรยี บโรมวเิ ลขา ชะวทิ รรภะโศภางค์, จติ ระรถ. นีร่ ูปธิดารา- ทมะยันติบังอร. พระนามอนงค์นาง สุเทษณ์. จะมวั สำแดงรูป อระเนาณดินดอน, หวงั หาสง่างอน ฤจะเปรียบธดิ าสรวง. อระงามณแดนปวง จติ ระรถ. ฃา้ วาดวิเลขา และกส็ ุดจะโปรดปราน ถวายพระป่นิ สรวง, คะและลูกอสูรหาญ, และรูปธิดานา- ดนุวาดถวายไว้ อันเหน็ ณบาดาล, ตละตนก็ผ่องใส; เพอื่ ทอดพระเนตรเล่น ฤกส็ ุดจะปราณี จะควรมิควรไซร้
[รบัง, ๑๖.] สเุ ทษณ์. ปวงรูปเจา้ วาดมานี้ เปนรปู นารี ทีล่ ้วนประเสริฐเลิดงาม; แต่กูดูทุกนงราม กย็ งั เหน็ ทราม กว่านารรี ตั นม์ ัทนา. รน้ันแมไ้ ม่อาจหา เทียมเท่ามทั นา ฤๅกจู ะกลา่ วชมเชย? เปนกรรมกแู ล้วเจ้าเอย, จำต้องชวดเชย ทร่ี กั สมคั จรงิ ใจ. จติ ระรถ. รนัน้ ตอ้ งคิดแก้ไข โดยอุบายให้ พระองค์ได้สมจินดา. สเุ ทษณ์. จะแก้รันใดเล่าหวา? กหู มดปญั ญา. จติ ระรถ. ฃา้ บาทขอทูลบดั น้ี ยามฃา้ เทยี่ วไปถึงท่ี ขนุ โขดคีรี ศรีมนั ทะระงามงอน, ได้พบหนึง่ วิทยาธร เรืองวทิ ยากร มนี ามว่ามายาวนิ , ผูน้ ้มี คี วามรชู้ นิ เชิงชาญโยคนิ และเชย่ี วอาถารรพ์วทิ ยา, ร้จู กั ใชโ้ ยคะนิทรา ไปผกู หทยา แห่งผทู้ ่อี ย่แู ม้ไกล, อาจร่ายมนตร์เรียกมาได้.
สุเทษณ์.อ๊อ ! จรงิ หรอื ไรน? จติ ระรถ. ฃ้าบาทได้เหน็ เองแล้ว สุเทษณ์.ถา้ จรงิ เฃาก็เปนแก้ว ! จิตระรถ. ฃ้าบาททราบแลว้ จ่ึงกลา้ นำตวั เฃามา. สเุ ทษณ์.พามาดว้ ยแล้วหรือหวา? จิตระรถ. หมอเอกนนั้ มา คอยอยขู่ ้างนอกพระลาน. ขอได้โปรดให้ทำการ ลองเวทชำนาญ ชำนถิ วายสักครั้ง. สุเทษณ.์ เจา้ พูดชวนกูใหห้ วงั ! แมไ้ มส่ มดงั ปากว่าจะทำรนั ใด? จติ ระรถ. ฃา้ บาทเชือ่ แน่แก่ใจ อยู่แล้วจ่ึงได้ กล้าพามาเฝา้ ทลู เกศ. ขอโปรดทดลองดูเวท, เผ่ือพระทรงเดช จะไดด้ ังพระจินตนา. สุเทษณ์.ดีละ, เรียกเฃาเฃา้ มา ชัว่ ดีก็นา่ จะลองใหเ้ ห็นประจกั ษ.
จติ ระเสน.เทวะ ! ฃา้ สงสยั นัก, แต่ไมอ่ ยากทัก อยากทว้ งต่อหน้าสารถี. เวทมนตร์นนั้ เฃาอาจมี จริงอยพู่ อท่ี จะเรียกเอาใครใครมา แตจ่ ะบงั คบั หัทยา ให้รกั น้นั ฃา้ ยังนึกระแวงแคลงนกั . หากเรียกโรมยงนงลักษณ์ มาแล้วไม่ภัก- ดิอย่เู ปนฃา้ บทมาลย์, กจ็ ะกลบั กลายเปนการ เส่ือมเกยี รติวศิ าล ขององคพ์ ระจอมเทวนั . สเุ ทษณ.์ เจา้ พูดถูกทุกสิง่ อัน, แตก่ อู ดั อัน้ อรุ ะด้วยรักรงึ ใจ, รนัน้ ถงึ อยา่ งไรๆ เพยี งแตใ่ หไ้ ด้ เหน็ วรพกั ตรเ์ ลิดงาม แหง่ มทั นานงราม, ก็อาจมคี วาม ประโมทย์มนสั สมถวลิ . จติ ระรถ. เทวะ, นีม่ ายาวนิ มาเฝ้าบดิน- ทะด้วยมะโนภักดี. สุเทษณ์. ขอบใจทม่ี าคราน;้ี เฃาว่าท่านมี ซง่ึ โยคะวิทยาชาญ. หากเราจะขอให้ทา่ น ชว่ ยเปลอื้ งรำคาญ จะไดล้ ะหรือวา่ มา. มายาวิน. เทวะ, อันเวทวทิ ยา ฃา้ รเู้ รยี นมา เต็มใจจะใช้รลอง พระเดชพระคุณลออง ธลุ บี าทลอง จนเต็มสติปญั ญา. สุเทษณ์. ท่านมีเวทมนตร์คาถา อาจดลหัทยา ใครๆไดห้ มดฤๅไรน?
[ภชุ งคัปปะยาตร์, ๑๒] มายาวิน. จะทลู เทวะเกรงดู ประหนึ่งตทู นงไป, จะงำเงอ่ื นบทูลไซร้ ก็เหมอื นปิดวชิ าการ. พระจงโปรดประทานซง่ึ อภัยฃา้ จะทูลสาร, และความจริงวชิ าการ กม็ ีอยู่ประจำตน. อถรรพ์เวทะเจนอยู่, และมนตร์ครกู ็ได้สน มโนจำและซ้าคน้ คดเี พิม่ บเคลมิ้ หลง. รนัน้ อาจจะผกู จติ - ตะใครไดป้ ระดุจจง, และใชโ้ ยคะแล้วคง จะเรยี กใหต้ ระบงึ มา บนานแม้จะอยถู่ ึง ณเขาจกั กะวาฬา, ฤอยู่สรวงฤอยู่นา- คะโลกตา่ ณบาดาล. จะเปนหญิงฤเปนชาย ก็เรยี กดายมยิ ากนาน, เพราะใครเลยจะทนทาน พระอาถพั พะมนตรไ์ หว. รนน้ั แม้พระองค์มี ประสงค์ใหด้ นูไซร้ ประชุมมนตระเรียกใคร ก็โปรดมีพระบัญชา.
[สุรางคณา, ๒๘.] สเุ ทษณ์. อนั ตัวเราน้ี จติ จอ่ อยู่ท่ี โรมมะทะนา, ผู้เลดิ เลอสรร ในชัน้ กามา พะจรฟากฟา้ บ่มีใครทนั . ตงั้ แตเ่ รามา เกิดในฟากฟา้ พภิ พภมู ิสวรรค์ เราเหน็ ตอ้ งจติ คดิ อยากเชยขวญั แตโ่ อน้ างนัน้ หลอ่ นไม่ปลงใจ. มายาวิน. ฃา้ บาทเลง็ ดู ดว้ ยญาณกร็ ู้ นางน้ีคอื ใคร, อีกทั้งรูเ้ ลศ วา่ เหตไุ รน นงรามจ่งึ ไม่ ปลงใจยนิ ดี. สุเทษณ์. รวู้ า่ อยา่ งไร? มายาวิน. หากทูลความไซร้ จงโปรดปราณี. สเุ ทษณ์. เอาเถดิ อยา่ เกรง, เรง่ บอกบดั น้ี มเี หตรุ า้ ยดี จงเล่ามาพลัน.
[อินทะวเิ ชียร, ๑๑.] วรราชะราชัน จบั ไดน้ โรดม นรนาถสุราษฎรม์ า; ฑะวิสทุ ธปิ ัญจาล, มายาวนิ . เม่ือครัง้ พระองค์เปน วรทตู ะทูลสาร จ่ึงมพี ระโองการ จะประหารพระชวี า, ครองเฃตประเทศขณั - นรชาตสิ์ ุราษฎรง์ าม, ตรัสใชอ้ มาตย์เปน มะทะนาวิไลยราม แต่หากธดิ ามา และประนอมมโนรนั ท,์ ถงึ ราชะผู้ผา่ น วรราชประเพณี; ขอองคธ์ ิดาช่อื บมิยอมและยินดี ยอมเปนวะธบู าท บรจิ ารกิ านันท,์ เปนราชินตี าม พระกท็ รงพระโกรธา. แตท่ า้ วสรุ าษฎรไ์ ซร้ จตุรงคะเสนา ไถโ่ ทษะชีวนั กจ็ ะงดพระอาญา. ให้ซง่ึ พระบุตร,ี ชะบรุ ีวโรดม. ตรสั เกณฑ์พหลกอง บ่มิทนทลายล่ม, ฝา่ ยนางก็ยอมตาม วรราชะบญั ชา, ยกไปประชติ รา- โจมตีบุรีป่น พอ่ รอดพระชนมา กเ็ พราะลกู สิภักด.ี ครั้นนางเสด็จถึง วรมาละกาศรี กม้ เกศและกราบที่ ทวบิ าทพระภูบาล, แล้วทูลแถลงโดย สิรสิ จั จะวาทหวาน วา่ องคพ์ ระนงคราญ บมิอยากจะขัดไท,้
แต่ได้ปะฏิญญา วรสจั จะมน่ั ไว้ ตายแลว้ กำเนดิ ใน สุรภพพิศิษฎน์ ;้ี ว่าจกั มิยอมให้ นรฝืนฤดรี ัก. ฝ่ายองคพ์ ระภมู ี กบ็ ำเพญ็ พะลีกรรม,์ คร้ังนแ้ี หละสุดแสน จะประดักประเดิดนัก, จนได้สำเร็จผล จรดลณแดนสฺวรรค์ เพราะว่าบิดารกั จะบรอดพระชนมา, มาพบและรกั กัน เพราะวะเคยสิเนหา. จง่ึ ยอมถวายตวั และก็ไถ่พระโทษา แตก่ รรมพระทำไว้ ณพระชาติอ์ ดีตมา ขององค์ชนกนา- ถะบต้องมลายชนม.์ ข้องขดั และขวางหนา้ บม่ ใิ ห้พระสมจินต.์ เสร็จกิจจะการดี กรณียะเปนผล, อนั ถ้อยดนุทูล ฤกส็ ัจจะทั้งส้ิน, กราบบาทยุคลตน มะทะนาจะลาตาย. ขอองคพ์ ระผู้ปน่ิ สรุ เทวะปราณี. วา่ พลางยุพาชกั วรขคั คะแพรวพราย แทงตรงพระทรวงตาย เรพาะพักตร์พระภูม.ี
[สุรางคณา, ๒๘] สเุ ทษณ์. ท่ที า่ นเล่าไซร้ เราขอขอบใจ ท่ที ่านไมตรี และเราขอเพยี ง เสี่ยงเคราะหด์ ทู ี เผ่ือโชคจะมี ดไี ดส้ กั ครา. มายาวิน. แลว้ แต่จะโปรด, ไม่ทรงพิโรธ ก็บญุ นกั หนา; ขอประทานไฟ จะได้บูชา. จิตระรถ. (รอ้ งตะโกนสง่ั ไปในโรง.) เอาของออกมา ตามที่ส่ังไว้.
[สัทฺทลุ ฺลวกิ ฺกีฬิต, ๑๙.] มายาวิน. โอมบังคมพระคเณศะเทวะศิวะบตุ ร์ ประลัย; ฆา่ พิฆฺนะสน้ิ สดุ สะหรรษ;์ อ้างามกายะพระพรายประหน่ึงระวิอุทัย, พะสอน; ก้องโกญจนะนาทให้ ประสาท. เปนเจา้ สิปปะประสิทธวิ์ วิ ธิ ะวรรณ จรลั ; วิทยาวเิ ศษสรร- มลาย; ยามฃ้ากอบกรณยี พ์ ธิ ีมะยะบวร, สะมทิ ธ.ิ์ จงโปรดประทานพร ธเิ ทอญ. โอมนารายะณะเทพเถลงิ อุระคะอาสน์, ขข่ี นุ สบุ รรณ์ราช ถอื ศงั ข์จักระคะทาธรณผิ ัน ปราบยกั ษะกมุ ภัณฑ์ เชี่ยวชาญโยคะวธิ ีพระพีระอภปิ ราย ดลกจิ จะทงั้ หลาย ยามฃา้ กอบกรณยี พ์ ธิ มี ะยะวิจิตร์ จงสมมะโนสิท-
อ้าสองเทเวศร์ โปรดเกศฃ้าบาท ทรงฟังซงึ่ วาท ท่กี ราบทลู เชญิ , โปรดช่วยดลใจ ทรามวยั ให้เพลนิ จนลืมขวยเขิน แลว้ รีบเรว็ มา. ด้วยเดขเทพไท ทรามวยั รูปงาม จงได้ทราบความ ฃา้ ขอน้ีนา, แม้คดิ ขดั ขนื ฝืนมนตร์คาถา ขอใหน้ ิทรา เขา้ สึงถึงใจ. มาเถิดนางมา อย่าช้าเชื่องช้อย ตูฃ้านี้คอย ตอ้ นรับทรามวัย. อา้ นางโศภา อย่าช้ามาไว ตูฃ้าส่งั ให้ โรมตรูรบี จร. โรมยงอย่าขดั รบี รัดมาเถิด ขืนขดั คงเกดิ ในทรวงเรา่ ร้อน, มาเรว็ บัดนี้ รีบลลี าจร มาเรว็ บงั อร ฃา้ เรยี กนางมา.
[สุรางคณา, ๒๘.] สเุ ทษณ์. นางมาแลว้ ไซร้ แต่วา่ รนั ใด จ่ึงไมพ่ ูดจา? มายาวนิ . นางยังงงงวย ดว้ ยฤทธม์ิ นตรา, แตว่ า่ ตูฃา้ จะแก้บัดน.้ี (พดู สง่ั มทั นา.) มัทนา. ดกู ่อนสชุ าตา มะทะนาวิไลยศรี, ยามองคส์ ุเทษณม์ ี วรพจน์ประการใด, นางจงทำนลู ตอบ มะธรุ สธตรัสไซร้; เฃ้าใจมิเฃา้ ใจ ฤกต็ อบพะจพี ลนั . เฃ้าใจละเจ้าฃา้ ; ผิวะองคส์ เุ ทษณ์นั้น ตรสั มาดริ นั พลัน จะเรลยพระวาที.
[วสนั ตะดิลก, ๑๔.] สุเทษณ.์ อา้ โรมวิไลยะสปุ รฺ ยิ า มะทะนาสรุ างคศ์ ร,ี พี่รกั และกอบอภริ ะตี บมิเวน้ สเิ น่หห์ นกั ; บอกหน่อยเถอะวา่ ดะรุณิเจ้า ก็จะยอมสมคั รัก. ก็มิขัดจะคล้อยตาม. มัทนา. ตูฃา้ สมคั ฤมสิ มคั วจะเจ้าแถลงความ? สุเทษณ์. จรงิ ฤๅนะเจ้าสมุ ะทะนา สรุ เทวะโปรดปราน. มัทนา. ฃา้ ขอแถลงวะจะนะตาม อรไทยบ่แจ้งการ? สุเทษณ์. รักจริงมิจรงิ ฤก็ไรน ชยะโปรดสถานใด? มัทนา. รักจริงมจิ ริงก็สุระชาญ และบทอดบท้ิงไป. สุเทษณ์. พ่รี ักและหวงั วธจุ ะรกั ฤจะทอดจะทิ้งเสีย? มทั นา. พระรกั สมัคณพระหทัย
สุเทษณ.์ ความรักละเห่ียอรุ ะระทด เพราะมิอาจจะคลอเคลยี . มัทนา. ความรักระทดอุระละเห่ยี ฤจะหายเพราะเคลยี คลอ? สเุ ทษณ์. โอโ้ อก๋ ระไรนะมะทะนา บมติ อบพะจีพอ? มัทนา. โอ้โอ๋กระไรอะมระง้อ มะทะนามิพอดี ! สุเทษณ์. เสยี แรงสเุ ทษณน์ ะประดพิ ทั ธ์ มะทะนาบเปรมปรยี ์. มัทนา. แมฃ้ า้ บเปรมปรฺ ิยะระนี้ ผิจะโปรดก็เสยี แรง. สเุ ทษณ์. โอ้รูปวไิ ลยะศุภะเลดิ บมิควรจะใจแขง. มัทนา. โอ้รูปวิไลยะมละแรง ละกจ็ ำจะแขงใจ.
สุเทษณ.์ หากพี่จะกอดวธุและจมุ - พติ ะเจ้าจะว่าไร? มทั นา. ฃา้ บาทจะขัดฤก็มิได้ ผพิ ระองค์จะทรงปอง. สเุ ทษณ.์ ว่าแต่จะเต็มฤดิฤหาก ดนกุ อดและจูบนอ้ ง? มทั นา. เตม็ ใจมเิ ตม็ ดนุก็ต้อง ประติบตั ิ์ระเบยี บดี. (สเุ ทษณไ์ ม่พอใจในคำตอบของนาง, จึ่งหนั ไปพูดกับมายาวิน.) [สรุ างคณา, ๒๘] สเุ ทษณ.์ แน่ะมายาวิน เหตใุ ดยุพนิ จงึ เปนเชน่ น?ี้ ดรู าวมะเมอ เผลอๆ ฤดี ประดจุ ไมม่ ี ชีวติ จิตใจ. คราใดเราถาม หลอ่ นก็ย้อนความ เหมอื นเชน่ ถามไป, ดังนี้จะยวน ชวนเชยรันใด ก็เปรยี บเหมอื นไป พูดกับห่นุ ยนตร์.
มายาวิน. เทวะ, ที่นาง อาการเปนอยา่ ง น้เี พราะฤทธ์มิ นตร;์ โยคะอันขลงั บงั คบั ได้จน ให้ตอบยบุ ล ได้ตามตอ้ งการ แตจ่ ะบังคบั ใครๆ ใหก้ ลับ มโนวญิ ญาณ, ให้ชอบให้ชงั ยืนยังอย่นู าน ยอ่ มจะเปนการ สดุ พน้ วสิ ยั . หากว่าพระองค์ มีพระประสงค์ อยเู่ พียงจะให้ นงคราญรลอง รองพระบาทไซร้ ฃา้ อาจผูกใจ ไวด้ ว้ ย มนตรา, มใิ ห้นงรัตน์ ด้อื ดงึ ขึ้งขัด ซง่ึ พระอชั ฌา, บังคบั ใหย้ อม ประนอมเปนฃา้ บาทบรจิ า ริกาเทวัน. สุเทษณ.์ อะ๊ ! เราไม่ขอ ไดน้ างละหนอ โดยวธิ ีนนั้ ! เสยี แรงเรารัก สมคั ใจครัน อยากให้นางนน้ั สมคั รกั ตอบ. ผกู จิตดว้ ยมนตร์ แลว้ ตามใจตน ฝ่ายเดยี วมชิ อบ, เราใฝ่ละโบม ประโลมใจปลอบ ใหน้ างนึกชอบ นกึ รักจริงใจ. รนั้นท่านครู คลายเวทมนตร์ดู อยา่ ชา้ รา่ ไร, หากเราโชคดี ครง้ั นค้ี งได้ สทิ ธิ์สมดงั ใจ; รบี คลายมนตรา. มายาวิน. เอว เทวะ
(วิชชฺ มุ ฺมาลา, ๘.) มายาวิน. อันเวทอาถรรพ์ ทีพ่ ันธ์ผูกจิต แหง่ นางมิ่งมิตร์ อยูบ่ ดั นน้ี า, จงเคลือ่ นคลายฤทธิ์ จากจิตกัญญา คลายคลายอย่าช้า สวัสดีสวาหาย ! [รบงง, ๑๖.] สุเทษณ.์ อ้ามทั นาโรมราย เริดชว่ งดงั สาย วชิ ชุประโชติอัมพร ไหนๆ กเ็ จ้าสายสมร มาแล้วจะร้อน และรนและรีบไปไหน? มทั นา. เทวะ, อนั ฃา้ น้ีไซร้ มานีอ่ ย่างไร บทราบสำนึกสกั นิด; จำไดว้ ่าฃา้ สถติ ในสวนมาลิต และลมรำเพยเชยใจ, แต่อยดู่ ๆี ทนั ใด บังเกิดรอ้ นใน อุระประหน่ึงไฟผลาญ, ร้อนจนสุดท่ที นทาน แรงไฟในราน ก็ล้มลงสนิ้ สมฤดี. รนั ใดมาได้แห่งนี้? หรอื ว่าได้มี ผใู้ ดไปอมุ้ ฃา้ มา? ขอพระองค์จงเมตตา และงดโทษฃา้ ผูบ้ กุ รกุ ถึงลานใน. สุเทษณ์. อ้าอรเอกองค์อุไร พจ่ี ะบอกให้ เจ้าทราบคดีดงั จนิ ต์; พี่เองใชม้ ายาวนิ ให้เชอญยพุ ิน มาทน่ี ้ดี ว้ ยอาถรรพ์. มัทนา. เหตุใดพระองค์ทรงธรรม์ จึ่งทำเช่นนัน้ ให้ฃา้ พระบาทตอ้ งอาย แกห่ มชู่ าวฟ้าทงั้ หลาย? โอพ้ ระฦๅสาย พระองค์บทรงปราณี.
สเุ ทษณ์. อ้ายอดสเิ นหา มะทะนาวิสุทธิศร,ี ขอโรมเรลาปลง พระฤดีประนีประนอม อย่าทรงพระโศกี วรพกั ตร์จะหมน่ จะหมอง. รบั รกั และยนิ ยอม ดนุรกั สมคั สมาน. พีน่ ี้นะรกั เจ้า และจะเฝ้าประคบั ประคอง หากนางมขิ อ้ งขดั ประดิพทั ธป์ ระสมประสาน, คูช่ ิดสนิธน้อง บม่ ิใหร้ ะคางระคาย. ทงั้ สองจะสขุ นาน มนะจ่อบจืดบจาง. พี่รักวะธนู วล บ่มิควรระอาละอาย, อา้ ชว่ ยระงบั ดบั ทุขะพ่ีระคายระคาง; อันนาริกับชาย ฤก็ควรจะร่วมจะรกั . พรี่ ักอนงค์นาง ผมิ สิ มฤดถี วลิ , รูปเจ้าวไิ ลยราว สรุ ะแสร้งประจติ ประจกั ษ์, เหมือนพี่มไิ ดค้ ง วรชวี ะชวี ติ ิน- มคิ วรจะรา้ งรกั เพราะพะธพู ิถพี ถิ นั ; ทรยี ไ์ ซร้บ่ใฝ่จนิ - ตะนะห่วงและห่อนนยิ ม. ธาดาธสร้างองค์ อรเพราพิสทุ ธิสรรพ์ ชีพอยู่กเ็ หมือนตาย, เพราะมิวายระทวยระทม ไวเ้ พ่ือจะผูกพนั - ธนะจติ ตะจองฤดี. ทกุ ขย์ ากและกรากกรม อุระช้าระกำทวี, อนั พี่สิบุญแลว้ ก็พะเอนิ ประสพสรุ ี อา้ ฟังดนูเถดิ มะทะนาและตอบวจี แลรกั สมคั มี มนะม่งุ ทนถุ นอม พอให้ดนูนี้ สขุ ะรนื่ ระเริงระรวย.
[วสนั ตะดิลก, ๑๔.] มัทนา. ฟังถ้อยดำรสั มะธุระวอน ดนุนผ้ี เิ อออวย จกั เปนมสุ าวะจะนะด้วย บมติ รงกะความจรงิ . อันชายประกาศวะระประทาน ประดิพัทธะแด่หญิง, หญิงควรจะเปรมกะมะละยิ่ง ผิวะจิตตะตอบรัก; แต่หากฤดบี อะภิรม จะเรลยรนน้ั จกั เปนปดและลวงบรุ ุษะรกั ก็จะหลงละเลงิ ไป. ตฃู ้าพระบาทสิสจุ รติ บมิคดิ จะปดใคร, จึ่งหวงั และมงุ่ มะนะสะใน วรเมตตะธรรมา. อันวา่ พระองค์กรณุ ะข้อย ฤกค็ วรจะปรดี า, อีกควรรลองวรมหา กรุณาธคิ ณุ ครัน; ดงั นีค้ ะนึงฤกร็ ะบม อุระแหง่ กระหมอ่ นรนั , ทต่ี นบอาจจะอภวิ ัน- ทะนะตอบพระวาจา ใหถ้ ูกประดุจสุระประสงค์, ผวิ ะทรงพระโกรธา, หม่อมรันก็โอนศิระณบา- ทะยุคลและกราบกราน.
Search