Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 41 - สุจิรา บุญญแพทย์

41 - สุจิรา บุญญแพทย์

Published by Hommer ASsa, 2021-05-06 12:21:05

Description: 41 - สุจิรา บุญญแพทย์

Search

Read the Text Version

รายงานการศกึ ษาวิจัย เร่อื ง ปัจจยั ท่ีมผี ลต่อความสาเร็จในการบรหิ ารจดั การความเส่ียงสาธารณภยั กรณีศึกษาดินถล่ม ในพื้นทีต่ าบลปงั หวาน อาเภอพะโตะ๊ จังหวดั ชมุ พร จัดทาโดย นางสุจิรา บญุ ญแพทย์ รหัสประจาตัวนกั ศกึ ษา 41 เอกสารฉบบั นเี้ ปน็ ส่วนหนง่ึ ในการศกึ ษาอบรม หลกั สูตร นักบรหิ ารงานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย (นบ.ปภ.) รุน่ ท่ี 10 ระหว่างวันท่ี 7 มกราคม – 10 เมษายน 2557 วทิ ยาลัยปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั กรมป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั

ก คำนำ ผู้ศึกษาวิจัยในฐานะเป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐ มีหน้าที่โดยตรงในการปฏิบัติงานด้าน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงมีความสนใจท่ีจะศึกษาค้นคว้าว่า ในพื้นที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จงั หวดั ชมุ พร มีการบรหิ ารจดั การความเส่ียงดนิ ถลม่ มากน้อยเพียงใด ซง่ึ ผลการศึกษาวจิ ัยจะทาให้ทราบว่า ประชาชนในพ้ืนทเี่ ส่ียงภยั มคี วามรู้ความเขา้ ใจและสามารถบริหารจัดการความเส่ียงดินถล่มได้มากน้อยเพียงใด และมีปัญหาอุปสรรคอันใดบ้าง เพ่ือจะนาผลการศึกษาคร้ังนี้เสนอผู้บริหารพิจารณาวางแผน ด้านการพัฒนานโยบายและมาตรการท่ีสาคัญ ในการเตรียมความพร้อมป้องกันลดความเส่ียงภัยท่ีอาจ จะเกิดให้เหมาะสมกับพ้ืนท่ี รวมท้ังส่งเสริมสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติใน พ้ืนท่ใี ห้สามารถบริหารจดั การความเสยี่ งดนิ ถล่มไดอ้ ย่างเหมาะสมเกดิ ประสิทธภิ าพและประสทิ ธิผลอยา่ งยงั่ ยนื จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การศึกษาในครั้งนี้จะเป็นประโยขน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาค้นคว้า หาข้อมูลเร่ือง ปัจจัยที่มีผลต่อความสาเร็จในการบริหารจัดการความเส่ียงสาธารณภัย ทั้งในกรณีศึกษา ดินถล่มในพ้ืนท่ที ่ีมลี กั ษณะคล้ายกันหรอื มสี ภาพแวดล้อมใกลเ้ คียงกัน หรือสาธารณภัยประเภทอ่ืน รวมท้ัง อาจสรา้ งความรูค้ วามเขา้ ใจให้แก่ผู้ทเี่ ก่ียวขอ้ งกับการปฏบิ ัติงานด้านปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยได้ สุจิรา บุญญแพทย์ นักศกึ ษา นบ.ปภ.ร่นุ ท่ี 10 มีนาคม 2557

กิตตกิ รรมประกาศ ข - ง รายงานการศึกษาวจิ ยั ฉบบั นี้ ประสบความสาเรจ็ ไดด้ ้วยความกรุณาจาก ดร.ปิยวตั ร์ ขนิษฐาบุตร อาจารยว์ รชพร เพชรสวุ รรณ อาจารย์ที่ปรึกษานักศึกษา นบ.ปภ.รุ่นท่ี10 ซ่ึงให้ความเมตตาช่วยเหลือ คอยแนะนา และชี้แนะแนวทางอันถูกต้อง จนทาให้ผู้ศึกษาวิจัยประสบความสาเร็จในการศึกษา ค้นคว้าไดอ้ ย่างสมบรู ณ์ จงึ ขอกราบขอบพระคุณเปน็ อย่างสูงมา ณ โอกาสน้ี ผู้ศึกษาวิจัย ขอขอบพระคุณคณะกรรมการท่ีปรึกษา คณะผู้บริหารวิทยาลัยป้องกันและ บรรเทาสาธาร ณภัย และผู้อานว ยการ โคร งการ วิทยาลัยป้องกัน และบรรเทาสาธาร ณภัย ทุกท่าน ตลอดจนเจ้าหน้าท่ีท่ีเกี่ยวข้อง ท่ีกรุณาเอ้ือเฟ้ือข้อมูล และนักวิชาการทุกท่านที่ผู้ศึกษาวิจัยได้นา ผลงานมาอ้างองิ ประกอบการศึกษา จงึ ขอขอบพระคณุ ไว้ ณ ทนี่ ้ีดว้ ย ขอขอบพระคุณ คณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตาบลปังหวาน อาสาสมัครป้องกันภัย ฝ่ายพลเรอื น (อปพร.) และประชาชนในพ้ืนท่ีตาบลปงั หวาน อาเภอพะโตะ๊ จงั หวัดชุมพร ที่ได้ให้ความ อนุเคราะห์ตอบแบบสอบถาม ให้การสัมภาษณ์เชิงลึกข้อมูลต่าง ๆ และได้ช่วยเหลือในการเก็บ รวบรวมข้อมูลมาเป็นอย่างดี และขอขอบคุณเพื่อนนักศึกษา ท่ีได้คอยช่วยเหลือให้คาปรึกษาและให้ กาลงั ใจทาให้การศกึ ษาวิจยั คร้งั น้ีสาเรจ็ ลุลว่ งด้วยดี ผูศ้ กึ ษาวจิ ัยหวังเปน็ อยา่ งย่งิ วา่ รายงานการศกึ ษาวจิ ยั ฉบับนี้ จะเป็นประโยชนต์ ่อผู้ท่ีสนใจ ศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการบริหารความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่ม ในพื้นท่ีตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร หรือพ้ืนที่เสี่ยงภัยดินถล่มของพ้ืนที่ที่มี สภาพแวดล้อมใกล้เคียงกัน คุณค่าและประโยชน์ที่ได้จากการศึกษาคร้ังนี้ ผู้ศึกษาของมอบแด่ บิดา มารดา คณาจารย์ และผทู้ ่เี กยี่ วขอ้ งทสี่ นับสนุนดว้ ยดีตลอดมา สจุ ริ า บุญญแพทย์ นักศึกษา นบ.ปภ.ร่นุ ที่ 10 มนี าคม 2557

ค บทสรุปผู้บริหาร การศกึ ษาวจิ ยั เรือ่ ง ปจั จัยท่ีมผี ลต่อความสาเรจ็ ในการบริหารจัดการความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพื้นที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพรในคร้ังนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพ่ือศึกษา ระดับการบริหารจัดการความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพื้นท่ีตาบลตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร 2) เพื่อศึกษาปัจจัยท่ีมีผลต่อความสาเร็จในกการบริหารจัดการความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพื้นที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร และ 3) เพ่ือศึกษาปัญหาอุปสรรค ในการบริหารจัดการความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพื้นท่ีตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัด ชุมพร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ ประชาชนในพ้ืนที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร จานวน 237 คน และการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์แบบเชิงลึก จานวน 9 คน รวมเป็น 246 คน โดยใช้แบบสอบถามเปน็ เครือ่ งมือในการเก็บข้อมูล และสถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉลย่ี ค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน และสถติ ิถดถอยพหุ ผลการศึกษาวิจัยพบว่า 1) ระดับความคิดเห็นเก่ียวกับปัจจัยการบริหารความเสี่ยง สาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพื้นที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร โดยภาพรวม มีความ เหมาะสมอยู่ในระดับมาก และการบริหารความเสีย่ งสาธารณภยั กรณีศึกษาดินถล่มในพื้นท่ีตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร โดยภาพรวมมีความสาเร็จอยู่ในระดับมาก 2) ตัวแปรด้านการตรวจสอบ การระบุความเสยี่ ง การตดิ ตามรายงานผล และการวิเคราะห์ความเสี่ยง มีความสัมพันธ์กับปัจจัยที่มีผลต่อ ความสาเร็จในการบริหารความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพื้นที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร 3) ปัญหาอุปสรรคในการจัดการบริหารความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพ้ืนที่ ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร พบว่าไม่ได้ทาการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยทกุ ปี เพราะมขี ้อจากัดในเร่อื งเวลาท่ตี อ้ งประกอบอาชพี และการดาเนนิ การ คาสาคัญ : การบรหิ ารจดั การความเสย่ี งสาธารณภยั และ ดินถล่ม

สารบัญ ง คานา หนา้ กติ ตกิ รรมประกาศ ก ข บทสรุปผ้บู รหิ าร ค ง สารบญั จ (1-6) สารบัญตาราง 1 3 บทท่ี 1 บทนา 3 ความสาคญั และทม่ี าของปญั หาวจิ ัย 4 วัตถปุ ระสงค์การศึกษา 4 ขอบเขตของการศกึ ษา ประโยชนท์ ี่ใช้ในการศึกษา (7-18) นยิ ามศพั ท์เฉพาะ 7 11 บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎีและงานวจิ ยั ทีเ่ กยี่ วข้อง 13 แนวคิดเกย่ี วกับการบริหารจัดการความเสีย่ ง 15 แนวคดิ การเกดิ ดนิ ถล่มหรือโคลนถล่ม 18 ความรู้เก่ียวกับสาธารณภัย 18 งานวิจยั ทเ่ี กยี่ วข้อง สมมติฐานในการวจิ ัย (19-24) กรอบแนวคิดในการวจิ ยั 19 19 บทท่ี 3 ระเบยี บวธิ ีดาเนนิ การวิจยั 20 การวจิ ยั เชิงปรมิ าณ 20 ประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ ง 20 เครอื่ งมือที่ใชใ้ นการศึกษาวิจัย 21 การตรวจสอบเคร่ืองมือ 21 องคป์ ระกอบของแบบสอบถาม 22 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู 22 การวเิ คราะห์ข้อมลู 23 การแปลผลข้อมลู สถติ ิทีใ่ ช้ในการวิเคราะห์ (25-41) การวิจัยเชงิ ปริมาณ 25 บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู

สารบัญ (ตอ่ ) หน้า บทที่ 5 สรปุ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ (42-48) สรปุ ผลการศกึ ษาวจิ ัย 42 การอภปิ รายผล 42 ขอ้ เสนอแนะสาหรับการนาผลไปใช้ 48 ข้อเสนอแนะสาหรับการวจิ ยั คร้งั ต่อไป 48 บรรณานุกรม (49-50) ภาคผนวก (51-65) แบบสอบถามเพ่ือการศึกษาวิจัย 52 แบบสมั ภาษณ์ 59 แบบอนมุ ตั ิเสนอโครงร่างการศึกษาวิจัยสว่ นบคุ คล (Proposal) 61 ประวัติผู้ศึกษาวิจัย 65

สารบัญตาราง จ ตารางที่ หน้า 1 ข้อมลู ทัว่ ไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม 26 2 ค่าเฉลีย่ (  ) และค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) ของปจั จัยการบริหารความเสย่ี งสาธารณภยั โดยภาพรวม 27 3 คา่ เฉลย่ี (  ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ของปจั จัยการบรหิ ารความเส่ยี งสาธารณภยั ดา้ นการระบุความเส่ยี ง 28 4 ค่าเฉลี่ย (  ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ของปจั จัยการบรหิ ารความเส่ียงสาธารณภยั ดา้ นการวเิ คราะห์ความเสี่ยง 29 5 คา่ เฉลี่ย (  ) และคา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) ของปจั จัยการบริหารความเสี่ยงสาธารณภยั ดา้ นการจัดการความเสี่ยง 30 6 ค่าเฉลี่ย ( ) และคา่ เบยี่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) ของปัจจัยการบรหิ ารความเสย่ี งสาธารณภยั ดา้ นการตดิ ตามรายงานผล 31 7 ค่าเฉลี่ย (  ) และคา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) ของปจั จัยการบริหารความเสยี่ งสาธารณภยั ด้านการตรวจสอบ 32 8 ค่าเฉลี่ย (  ) และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ของปจั จัยทีม่ ีผลต่อความสาเรจ็ ในการบริหาร จัดการความเส่ยี งสาธารณภยั โดยภาพรวม 33 9 ค่าเฉลย่ี (  ) และคา่ เบยี่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) ของปจั จัยท่มี ีผลตอ่ ความสาเรจ็ ในการบรหิ าร จดั การความเสย่ี งสาธารณภัย ด้านประสิทธภิ าพในการบรหิ ารงาน 33 10 คา่ เฉลี่ย (  ) และคา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) ของปจั จัยทม่ี ีผลตอ่ ความสาเรจ็ ในการบริหาร จดั การความเสย่ี งสาธารณภัย ดา้ นความรวดเร็วในการแก้ไขปญั หา 34 11 คา่ เฉล่ยี (  ) และคา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ของปจั จัยท่ีมผี ลต่อความสาเร็จในการบรหิ าร จัดการความเสี่ยงสาธารณภยั ด้านการอานวยการแบบบูรณาการ 35 12 ผลการตรวจสอบสหสมั พันธ์ระหวา่ งตัวแปรอิสระท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์ความสาเรจ็ ในการบรหิ ารความเสย่ี งสาธารณภัย 36 13 การวเิ คราะห์ถดถอยพหุความสาเรจ็ ในการบรหิ ารจดั การความเสี่ยงสาธารณภัย 37

บทที่ 1 บทนำ ควำมสำคญั และท่ีมำของปัญหำวจิ ยั จากอดตี ทผี่ ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบว่าโลกเปล่ียนแปลงไปอย่างมาก ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อม พลังขับเคล่ือนการเปลี่ยนแปลงท่ีสาคัญ คือ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การเติบโตภาคอุตสาหกรรม การค้าและการลงทุน ทาให้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ ธรรมชาติเปล่ียนแปลง กล่าวคือ ทรัพยากรธรรมชาติถูกมนุษย์ทาลายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ทรัพยากรหลายอย่างถูกใช้ไปถึงระดับท่ีเส่ือมสภาพถาวร ทาให้สูญเสียความสมดุลของระบบนิเวศน์ เป็นสาเหตใุ หเ้ กิดภัยพบิ ตั ิทสี่ รา้ งความสญู เสียตอ่ ชวี ิตและทรัพย์สนิ ของประชาชนเป็นจานวนมาก ประเทศไทยมีจานวนประชากรเพ่ิมมากข้ึน ทาให้มีความต้องการปัจจัยพื้นฐาน เช่น อาหาร น้า พลังงานและท่ีอยู่อาศัย ต่อการดารงชีวิตเพิ่มสูงข้ึน การบุกรุกพ้ืนที่ป่าเพ่ือใช้เป็นพื้นที่ทากิน ทาให้สภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติถูกดัดแปลง แก้ไข ประกอบกับในการดารงชีวิต ยังมี ความต้องการทางด้านปัจจัยอ่ืน ๆ เช่น การคมนาคม เคร่ืองใช้อานวยความสะดวกต่าง ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้เกิดการใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างรวดเร็ ว และการพัฒนาโดยไม่คานึงถึง ความยั่งยืน ขีดจากัดและศักยภาพในการฟ้ืนตัว ทาให้ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศน์ ถูกทาลายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะดิน น้า ป่าไม้และอากาศ นอกจากนั้นยังมีการปล่อยก๊าซเรือน กระจกสะสมในชั้นบรรยากาศมากเกินกว่าท่ีเคยเกิดข้ึน เกิดภาวะโลกร้อนทาให้สภาพภูมิอากาศและ ฤดูกาลเปล่ียนแปลง ส่งผลให้เกิดสาธารณภัยทางธรรมชาติต่าง ๆ เช่น ภัยแล้ง วาตภัย คลื่นพายุซัดฝ่ัง น้าทว่ มฉบั พลัน น้าปา่ ไหลหลาก และดินถล่ม ดินถล่มท่ีเคยเกิดข้ึนในประเทศไทยมีความรุนแรงไม่มากนัก โดยท่ัวไปมักเกิดข้ึนพร้อมกัน หรือเกิดตามหลังน้าป่าไหลหลาก อันเนื่องมาจากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มวลดินและหิน ไม่สามารถรองรับการอุ้มน้าได้ จึงเกิดการเคลื่อนตัวตามอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงโลก ดินถล่ม ในประเทศไทยมีโอกาสเกิดจาก 4 ปัจจัยหลักท่ีสาคัญได้แก่ สภาพธรณีวิทยา สภาพภูมิประเทศ ปริมาณน้าฝน และสภาพส่ิงแวดล้อม ปัจจุบันดินถล่มเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทวีความรุนแรง สร้างความ เสียหายท้ังชีวิตทรัพย์สินและส่ิงแวดล้อมเพ่ิมมากขึ้น สาเหตุมาจากพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การตัดไม้ ทาลายปา่ การเกษตรกรรมในพ้นื ท่ลี าดชนั การทาลายหน้าดนิ เพ่ือประโยชน์ต่าง ๆ เปน็ ต้น ภาคใตข้ องประเทศไทย เป็นพ้ืนทห่ี นึ่งทเี่ กิดดินถลม่ ขนาดใหญ่หลายครั้ง และครอบคลุมพ้ืนท่ี เป็นบริเวณกว้าง เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงชันและฝนตกเกือบตลอดท้ังปี ประกอบ กับการใช้ประโยชน์ที่ดินจากพ้ืนท่ีป่าเป็นพ้ืนที่เกษตรกรรมและการขยายตัวของชุมชน เหตุการณ์ ดินถล่มท่ีเคยเกดิ ขนึ้ เช่น เม่อื 22 พฤศจกิ ายน 2531 ท่ีจังหวดั นครศรีธรรมราช มีผู้เสียชีวิต 242 คน เม่ือ 1 ธันวาคม 2551 ท่ีจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีผู้เสียชีวิต 2 คน เม่ือ 6 พฤศจิกายน 2552 ที่จังหวัด นราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 14 คน (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, 2553, น.15-16) กระทั่งเม่ือเดือน

2 กันยายนถงึ เดอื นธันวาคม 2554 ไดเ้ กดิ อุทกภยั ขึ้นในพ้ืนที่ 54 จังหวัด มีผู้เสียชีวิต 98 ราย แล้วทาให้ เกดิ ดินถล่มในพน้ื ที่ทัง้ หมด 23 จงั หวดั โดยมีจงั หวัดในภาคใต้ 2 จังหวดั ได้แก่ ตรงั และสตลู จังหวัดชุมพร โดยส่วนใหญ่พ้ืนท่ีเสี่ยงภัยดินถล่มจะเป็นพื้นที่บริเวณภูเขาสูงสลับซับซ้อน และมีที่ราบในหุบเขา ทางด้านตะวันตกของอาเภอเมืองชุมพร อาเภอหลังสวน อาเภอสวี อาเภอ ทา่ แซะ อาเภอละแม อาเภอพะโต๊ะ และอาเภอทุ่งตะโก ประกอบกับฤดูฝนในช่วงเดือนพฤษภาคมถึง ธนั วาคมของทกุ ปหี ลายพืน้ ทจ่ี ะมีฝนตกชุกและติดต่อกันเป็นเวลานาน ทาให้มีความเสี่ยงสูงในการเกิด ดนิ ถลม่ ในพน้ื ท่ีตา่ ง ๆ หรือหมู่บ้านที่ไม่มีระบบระบายน้า สาหรับอาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร เป็นพ้ืนท่ี ต้นน้าของแม่น้าหลังสวน มีเทือกเขาที่มีความลาดชันสูง ประกอบด้วยภูเขาสาคัญ คือ เขานมสาวและ เขายายหม่อน มีการทาเกษตรผสมกับป่าไม้ธรรมชาติ ลักษณะทางธรณีวิทยารองรับด้วยหินตะกอน สลับช้ันกันอยู่หลายชนิด เช่น หินดินดานเน้ือภูเขาไฟ และหินทราย บางบริเวณถูกแทรกดันด้วยหิน อัคนี มีการแตกหักมาก ผุพังง่ายและให้ช้ันดินหนา พื้นที่เส่ียงดินถล่ม จึงประกอบด้วยตาบลทั้งหมด 4 ตาบล คอื ตาบลปากทรง ตาบลพระรกั ษ์ ตาบลพะโตะ๊ และตาบลปังหวาน ตาบลปังหวาน อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร มีเทือกเขานมสาวอยู่ทางทิศเหนือ ยาวต่อเน่ืองมาทางทิศตะวันตก มีความลาดชันสูงมาก เป็นพ้ืนท่ี ต้นน้าของคลองและห้วยต่าง ๆ มีคลองหลังสวนเป็นแหล่งน้าสายหลักและมีคลองสาขา เช่น คลองอา คลองปังหวาน คลองเหนกและห้วยเล็ก ๆ ตามลุ่มน้า เป็นพ้ืนท่ีทาการเกษตร ป่าธรรมชาติ และท่ีตั้ง หมู่บ้าน จากปัจจัยของพ้ืนที่และท่ีต้ังหมู่บ้าน นับเป็นพ้ืนที่เส่ียงภัยดินถล่มที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับ ปานกลางในพื้นที่หมู่ที่ 2,3,6,7 และ 9 (สานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร, 2556, น.67) จากสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ทาให้ดินถล่มมีแนวโน้มจะเกิดมากข้ึน มีความรุนแรง หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น ถือเป็นปัญหาสาคัญเร่งด่วนและทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันบริหาร จัดการเพ่ือป้องกันและแก้ไขปัญหาท่ีเกิดข้ึนอย่างเป็นระบบ การบริหารความเส่ียงสาธารณภัย จึงเป็นเร่ืองสาคัญยิ่งและจะต้องดาเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนงานต่าง ๆ โดยเฉพาะ อยา่ งย่งิ ในระดับชุมชน ท่ีจะต้องเร่งเสริมสร้างการบริหารจัดการความเสี่ยงสาธารณภัยให้เกิดขึ้นและ เช่ือมโยงเป็นเครือข่าย เพื่อให้ประชาชนในพื้นท่ีเสี่ยงภัยมีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึง ความสาคัญของการมีส่วนรว่ มในการบรหิ ารจดั การสาธารณภยั ในเบื้องต้น มีการจัดทาแผนชุมชนและ ฝึกซ้อมเพื่อเตรียมรับมือกับภัยพิบัติท่ีอาจเกิดข้ึน ทาให้สามารถลดระดับความเส่ียงให้อยู่ในสภาวะ ที่ควบคุมได้ หรืออยู่ในระดับที่ต่าที่สุด เพ่ือให้องค์กรมีความพร้อมไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยง หรือ เพม่ิ ความม่นั ใจในการท่ีจะเผชญิ กับมันและสง่ ผลใหเ้ กิดการทางานทีม่ ปี ระสิทธภิ าพมากข้ึน ดังน้ัน ผู้วิจัยในฐานะเป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐ สังกัดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งมีหน้าที่ โดยตรงในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งเม่ือได้ศึกษาทฤษฎี แนวความคิด ระเบียบกฏหมายและเอกสารงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง จึงมีความสนใจท่ีจะศึกษาค้นคว้าว่า ในพื้นท่ตี าบลปงั หวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร มีการบริหารความเส่ียงดินถล่ม มากน้อยเพียงใด เพ่ือจะได้หาแนวทางหรือมาตรการในการเตรียมความพร้อมป้องกันลดความเสี่ยงภัยท่ีอาจจะเกิดขึ้น

3 กับประชาชนในพ้ืนที่ รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติ ในพ้ืนทใ่ี หส้ ามารถบริหารความเสยี่ งดินถล่มไดอ้ ย่างเหมาะสมเกดิ ประสิทธภิ าพและประสทิ ธิผลอยา่ งยั่งยนื วตั ถปุ ระสงคข์ องกำรศกึ ษำ การศึกษาในคร้ังน้ี มวี ัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้ คอื 1.เพื่อศึกษาระดบั ความสาเร็จในการบริหารจดั การความเสยี่ งสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่ม ในพื้นที่ตาบลปงั หวาน อาเภอพะโตะ๊ จังหวัดชมุ พร 2.เพ่ือศึกษาปัจจัยท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการบริหารความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่ม ในพื้นทต่ี าบลปังหวาน อาเภอพะโตะ๊ จงั หวัดชมุ พร 3.เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคในการบริหารจัดการความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่ม ในพนื้ ทีต่ าบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวดั ชมุ พร ขอบเขตกำรศกึ ษำ ผู้ศึกษาวิจัยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) สาหรับการศึกษา ในคร้ังนี้ ด้วยการวิจัยเชิงสารวจ (Survey Research) โดยใช้แบบสอบถามแบบปลายปิดและ ข้อเสนอแนะที่สร้างขึ้น เพื่อให้ทราบถึงปัจจัยท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการบริหารความเสี่ยงดินถล่ม ในพื้นท่ตี าบลปังหวาน อาเภอพะโตะ๊ จังหวดั ชมุ พร และได้กาหนดขอบเขตการศึกษวจิ ัยไวด้ ังน้ี คอื 1. ประชากรทใี่ ชศ้ กึ ษา เปน็ ประชากรในพ้นื ทเ่ี ส่ียงภยั ดนิ ถลม่ จานวน 5 หม่บู ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 2 จานวน 96 คน หมู่ที่ 3 จานวน 97 คน หมูท่ ่ี 6 จานวน 125 คน หมทู่ ี่ 7 จานวน 182 คน และหมู่ท่ี 9 จานวน 78 คน รวมจานวนทงั้ สิน้ 578 คน 2. ตวั อยา่ งทีใ่ ช้ศึกษาเลอื กจากประชากร ได้จากการคานวณตามสูตรของ Taro Yamane จานวน 237 คน และกลุ่มผู้ที่สัมภาษณ์เชิงลึก จานวน 9 คน ที่เป็นผู้บริหารระดับตาบล อาสาสมัคร ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และประชาชน ซ่ึงเป็นผู้อยู่ใกล้ชิดข้อมูล สามารถให้ข้อมูลสาคัญ (Key Informants) 3. ตวั แปรทเี่ กยี่ วข้องกับการศกึ ษา ประกอบดว้ ย ตัวแปรอิสระ (Independent Variables) ได้แก่ การระบุความเส่ียง การวิเคราะห์ความเส่ียง การจัดการความเสย่ี ง การตดิ ตามรายงานผล และการตรวจสอบ ตัวแปรตาม (Dependent Variables) ที่ใช้ในการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความสาเร็จในการ บริหารความเส่ียงสาธารณภัยกรณีศึกษาดินถล่ม ในพ้ืนที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ไดแ้ ก่ ประสทิ ธิภาพในการบริหารงาน ความรวดเร็วในการแก้ไขปญั หา และ การอานวยการแบบบูรณาการ 4. สถานทีศ่ ึกษาท่ีผูว้ จิ ยั ใชเ้ ก็บรวบรวมขอ้ มูล คือ บริเวณพื้นท่ีตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จงั หวัดชุมพร 5. ระยะเวลาในการศกึ ษา เรมิ่ ตง้ั แต่ 8 มกราคม 2557 ถงึ 1 เมษายน 2557

4 ประโยชน์ทไี่ ชใ้ นกำรศึกษำ 1. ผลการศึกษาวจิ ยั ทาให้ทราบว่าประชาชนในพ้นื ท่เี สี่ยงภัยมคี วามรคู้ วามเข้าใจและสามารถ บริหารจัดการความเส่ียงดินถล่มได้มากน้อยเพียงใด เพ่ือนาไปวางแผนป้องกันแก้ไขปัญหาและ ลดผลกระทบที่เหมาะสมกับพื้นที่ และสามารถนาไปใช้ในพ้ืนที่เสี่ยงดินถล่มของจังหวัดใกล้เคียงท่ีมี สภาพแวดล้อมใกลเ้ คยี งกนั 2. ผลการศึกษาสามารถใช้เสนอผู้บริหารพิจารณาวางแผนด้านการพัฒนานโยบายและ มาตรการตา่ ง ๆ เพือ่ สรา้ งความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในพน้ื ท่เี สีย่ งภัยดนิ ถลม่ นยิ ำมศัพท์เฉพำะ ดินถล่มหรือโคลนถล่ม (Landslide or Mud/Debris Flow) หมายถึง ปรากฏการณ์ท่ีมวล ดินหรอื หินไถลเลอื่ นลงจากพน้ื ที่สูงสพู่ ้ืนที่ต่ากว่าภายใต้อิทธิพลแรงโน้มถ่วงของโลก และการมีน้าเป็น ตัวกลางทาให้มวลวัสดุเกิดความไม่มีเสถียรภาพ อัตราการไถลเล่ือนดังกล่าวข้างต้นอาจช้าหรือเร็ว ขึ้นกับประเภทของวัสดุ ความลาดชัน สภาพสิ่งแวดล้อมและปริมาณน้าฝน ในบางกรณีดินถล่มอาจ เกิดจากแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิด การเคลื่อนตัวของวัสดุดังกล่าว อาจพัดพาต้นไม้ บ้านเรือน รถยนต์ ส่ิงปลูกสร้างอื่น ๆ ชารุด หรือพังทลาย และยังอาจทาให้ช่องเปิดของสะพานและแม่น้า ลาคลองอุดตันจนเป็นสาเหตุให้เกิดอุทกภัยข้ึนได้ในเส้นทางการเคลื่อนตัว ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็น อนั ตรายต่อชวี ิต ทรพั ย์สนิ ของประชาชน และสิง่ แวดล้อม สำธำรณภัย หมายถึง อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ภัยแล้ง โรคระบาดในมนุษย์ โรคระบาด สัตว์ โรคระบาดสัตว์น้า การระบาดของศัตรูพืช ตลอดจนภัยอื่น ๆ อันมีผลกระทบต่อสาธารณชน ไมว่ ่าเกิดจากธรรมชาติ มผี ู้ทาให้เกดิ ขึน้ อุบตั เิ หตุ หรอื เหตุอื่นใด ซ่งึ ก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย ของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนหรือของรัฐ และให้หมายความรวมถึง ภัยทางอากาศ และการกอ่ วนิ าศกรรมด้วย (พ.ร.บ.ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550) ควำมเส่ยี ง (Risk) หมายถึง โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด ความเสียหาย การรั่วไหล ความ สูญเปล่า หรือเหตุการณ์ท่ีไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจเกิดข้ึนในอนาคตและมีผลกระทบ หรือทาให้การ ดาเนินงานไม่ประสบความสาเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร ทั้งในด้านยุทธศาสตร์ การปฏบิ ตั งิ าน การเงิน และการบรหิ าร ซ่งึ อาจเป็นผลกระทบทางบวกด้วยก็ได้ โดยวัดจากผลกระทบ (Impact) ทีไ่ ด้รับและโอกาสท่จี ะเกดิ (Likelihood) ของเหตุการณ์ ปัจจัยเสี่ยง (Risk Factor) หมายถึง ต้นเหตุหรือสาเหตุที่มาของความเส่ียง ที่จะทาให้ ไมบ่ รรลวุ ัตถปุ ระสงค์ทกี่ าหนดไว้ โดยตอ้ งระบุได้ดว้ ยว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดท่ไี หน เมื่อใด และเกิดข้ึน ได้อยา่ งไร และทาไม ทงั้ น้ีสาเหตุของความเส่ยี งทรี่ ะบุควรเป็นสาเหตุที่แท้จริง เพ่ือจะได้วิเคราะห์และ กาหนดมาตรการลดความเสย่ี งในภายหลงั ได้อย่างถูกตอ้ ง ระดับของควำมเสี่ยง (Degree of Risk) หมายถึง สถานะของความเสี่ยงที่ได้จากประเมิน โอกาสและผลกระทบของแตล่ ะปจั จัยเส่ยี ง แบ่งเปน็ 3 ระดบั คือ สูง ปานกลาง และตา่ ปัจจัยในกำรบริหำรจัดกำรควำมเส่ียง หมายถึง กระบวนการที่ใช้ในการบริหารให้โอกาสท่ี จะเกิดเหตุการณ์ความเส่ียงลดลงหรือผลกระทบของความเสียหายจากเหตุการณ์ความเสี่ยงลดลงอยู่ ในระดบั ที่องค์กรยอมรับได้ ซึง่ ปัจจัยในการบรหิ ารความเสีย่ ง ประกอบด้วย

5 กำรระบคุ วำมเสย่ี ง หมายถงึ การคน้ หาวา่ มคี วามเสี่ยงใดที่ส่งผลกระทบต่อองค์กร โดยดูจากปัจจัยภายใน เช่น การก่อสร้างบ้านเรือน การทาเกษตรกรรม การขุดตัดถนน การตัดไม้ ทาลายป่า และปัจจัยภายนอก เช่น พื้นที่ลาดสูงชัน ที่ราบเชิงเขา เพ่ือให้ทราบถึงเหตุการณ์ท่ีเป็น ความเสยี่ ง ทีอ่ าจมผี ลกระทบต่อการบรรลุผลสาเร็จตามวัตถุประสงค์ โดยปกติการระบุความเส่ียงจะดูจาก ประวัติการเกิดเหตุการณใ์ นอดีตทผี่ ่านมาหรือการคาดเดาเหตกุ ารณ์ท่อี าจมีผลกระทบในอนาคต กำรวิเครำะห์ควำมเส่ียง หมายถึง การพิจารณาว่าความเสี่ยงหรือเหตุการณ์นั้น จะกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และส่ิงแวดล้อมอย่างไรบ้าง โดยพิจารณาจากการประเมินโอกาสท่ีจะ เกิดความเสี่ยงภัยแบบฉับพลัน เกิดเป็นระยะเวลานาน และมีความรุนแรง จากปัจจัยท่ีสาคัญต่าง ๆ คือช่วงฤดูมรสุม ฝนตกหนักมาก น้าไหลจากภูเขาสูง และมีบ้านเรือนอยู่ใกล้ท่ีลาดเชิงเขา แม่น้า ลาคลอง โดยอาศยั เกณฑ์มาตรฐานทไี่ ดก้ าหนดไว้ ทาให้การตัดสินใจจัดการกับความเสี่ยงเป็นไปอย่าง เหมาะสม บางครั้งองค์กรอาจไม่ต้องจัดการความเส่ียงก็ได้ถ้าความเสี่ยงน้ันอยู่ ในระดับ ทีย่ อมรบั กำรจัดกำรควำมเสี่ยง หมายถึง การนากลยุทธ์ มาตรการ การวางแผนงาน หรือ โครงการที่เหมาะสม เพื่อลดโอกาสท่ีจะเกิดความเสี่ยงหรือลดความเสียหายของผลกระทบ ได้แก่ การหลีกเล่ียงความเส่ียงหรือการหยุดหรือเปล่ียนแปลงกิจกรรมท่ีเป็นความเสี่ยง เช่น การย้ายถ่ินฐาน ที่ตั้งอย่างถาวร การกระจายหรือโอนความเส่ียง เช่น การจัดทาประกันชีวิตไว้กับบริษัท การลดหรือ ควบคุมความเสี่ยงหรือการออกแบบระบบควบคุมหรือแก้ไขปรับปรุงการทางานเพ่ือป้องกันจากัด ผลกระทบและโอกาสที่จะเกิดความเสียหาย เช่น ไม่ตัดไม้ทาลายป่า ปลูกป่าทดแทน การยอมรับ ความเส่ียง เช่น การติดตามเฝ้าระวัง สร้างเครือข่ายแจ้งเตือนภัย จัดทาแผนหมู่บ้านและฝึกซ้อมแผน ซ่ึงองคก์ รจะตอ้ งทบทวนระดบั ความเสยี่ งทย่ี อมรับไดท้ ่ีกาหนดไวว้ า่ ยงั มคี วามเหมาะสมหรือไม่ กำรติดตำมรำยงำนผล หมายถึง การติดตามและรายงานผลข้อมูลว่ามีความเสี่ยง เหลืออยู่หรือไม่ เช่น การประชุมปรึกษาหารือ การติดตามข้อมูลข่าวสารสภาวะอากาศจากทาง หน่วยงานราชการ การจัดทาบัญชีครัวเรือน สารวจประชากร สารวจความเสี่ยงท่ีเหลืออยู่ ว่ามีอยู่ ในระดับความเส่ียงสูงมากเพียงใด และมีวิธีวางแผนจัดการความเสี่ยงนั้นอย่างไร โดยแต่งต้ัง คณะกรรมการหมบู่ า้ นใหเ้ ปน็ ผู้ประสานติดตาม เสนอขอ้ มูลทีจ่ าเป็นตอ่ ส่วนราชการท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือให้ ทราบและพิจารณาสั่งการ ปรับกลยุทธ์ และการปฏิบัติงานให้เหมาะสมสอดคล้อง รวมถึงการจัดสรร งบประมาณสนับสนนุ และควรทาอยา่ งสม่าเสมอเป็นประจาทุกเดือน กำรตรวจสอบ หมายถึง การจัดเตรียมความพร้อมของทรัพยากรที่จาเป็นในการ บริหารความเส่ยี งภยั เชน่ อปุ กรณ์ เครือ่ งมือ การจดั หาวิธีการป้องกันและบรรเทาภัยต่าง ๆ ท่ีจะทา ให้เกดิ ความมน่ั ใจในการดาเนินงาน เพ่ือลดหรือป้องกันความเส่ียงท่ีอาจเกิดข้ึน และการบริหารความ เสี่ยงจะต้องมีการดาเนินการท่ัวทั้งองค์กรแบบบูรณาการ มีการส่ือสารแก่บุคลากรทุกคนให้รับรู้และ เข้าใจอย่างทั่วถึง เพ่ือช่วยให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็วและ มปี ระสทิ ธิภาพ กำรบริหำรจัดกำรควำมเส่ียงจำกสำธำรณภัย หมายถึง การบริหารปัจจัย ควบคุมกิจกรรม การดาเนินงานต่าง ๆ ในทุกข้ันตอน ท้ังการวางแผน การจัดวางบุคลากร การปฏิบัติ เพ่ือลดสาเหตุ ของโอกาสที่องค์กรจะเกิดความเสียหายจากสาธารณภัย หรือเพ่ือให้ระดับของความเส่ียงและ

6 ผลกระทบท่ีจะเกดิ ขนึ้ จากสาธารณภัยในอนาคตอยู่ในระดบั ท่อี งค์กรยอมรับได้ ประเมินได้ ควบคุมได้ และตรวจสอบได้อย่างมีระบบ โดยคานึงถึงการบรรลุเป้าหมาย ท้ังในด้านกลยุทธ์ การปฏิบัติตาม กฎระเบยี บ และความไม่แน่นอนจากปจั จยั ภายนอก โดยได้รับการสนับสนุนและการมีส่วนร่วมในการ บริหารความเสี่ยงจากหนว่ ยงานทุกระดบั ประกอบดว้ ยตัวชวี้ ัดทีส่ าคัญ ดังน้ี ประสิทธิภำพในกำรบริหำรงำน หมายถึง การวางแผนท่ีเป็นระบบครบวงจรของ หมู่บ้านในพื้นท่ีเส่ียงภัยโดยไม่ต้องรอหน่วยงานราชการ โดยองค์กรต้องดาเนินการบริหารเวลา บริหารงาน การจัดสรรความสาคัญของงาน และการบริหารบุคลากร ให้มีความรู้ความเข้าใจ มีส่วนร่วม ในการดาเนินการ ปฏิบัติการ ท้ังในระยะก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และหลังเกิดภัย ซึ่งปัจจัยเหล่าน้ี เ ป็ น ตั ว แ ป ร ที่ ส า คั ญ ส า ห รั บ ก า ร เ พ่ิ ม ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ใ น ก า ร บ ริ ห า ร ค ว า ม เ ส่ี ย ง ส า ธ า ร ณ ภั ย เพิ่มความสามารถในการลดความเสยี่ งตอ่ การเกดิ ภยั ควำมรวดเร็วในกำรแก้ไขปัญหำ หมายถึง ความสามารถในการบริหารความเสี่ยง ในเวลาที่รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ โดยการเตรียมความพร้อมทรัพยากรที่มีอยู่ท้ังในด้านบุคลากร อาสาสมัคร อุปกรณ์ เคร่ืองมือท่ีจาเป็น ระบบการส่ือสาร ความสามารถในการตัดสินใจท่ีอยู่ภายใต้ ความรู้ความเข้าใจในกลยุทธ์ต่อระดับความเส่ียงจะช่วยแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของ ประชาชนลดความสูญเสยี ทอี่ าจเกดิ ข้นึ ได้ กำรอำนวยกำรแบบบูรณำกำร หมายถึง การส่ังการ การประสานความร่วมมือ อย่างใกล้ชิดระหว่างหมู่บ้าน โดยการจัดต้ังคณะกรรมการระดับหมู่บ้านเพื่อบูรณาการกับองค์กรต่าง ๆ ทุกระดับ ทั้งในระดับท้องถิ่น ได้แก่ หมู่บ้านท่ีอยู่ใกล้เคียง องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หน่วยงาน ระดับจังหวัด ได้แก่ สานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด รวมท้ังการสนับสนุนช่วยเหลือ จากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องภาคเอกชน และองค์กรอื่น ๆ ท้ังในเร่ืองที่จาเป็นและเกินขีดความสามารถ ขององค์กรในการบรหิ ารความเสี่ยงสาธารณภัย

บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ัยทเี่ กยี่ วขอ้ ง ในการศึกษาครั้งนี้ ได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อความสาเร็จ ในการบริหารจัดการความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพ้ืนที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จงั หวัดชุมพร และไดน้ าเสนอตามหวั ข้อ ดงั ต่อไปน้ี 1. แนวคิดเกีย่ วกบั การจดั การบรหิ ารความเสย่ี ง 2. แนวคิดเกีย่ วกับดินถล่มหรือโคลนถล่ม 3. แนวคิดเก่ยี วกบั สาธารณภยั 4. งานวิจยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง แนวคิดเกีย่ วกบั การบริหารจัดการความเสีย่ ง ความหมายการบรหิ ารจัดการความเส่ยี ง มีผู้ให้ความหมายของ การบริหารจัดการความเส่ียง (Risk Management) ไว้แตกต่างกันไป ตามความคดิ เห็น ดงั นี้ สานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย (2550, น.4-5) กล่าวว่า การบริหารจัดการความเสี่ยง หมายถึง กระบวนการท่ีใช้ในการบริหารจัดการให้โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ความเสี่ยงลดลง หรือ ผลกระทบของความเสียหายจากเหตุการณ์ความเสี่ยงลดลงอยู่ในระดับที่องค์กรยอมรับ โดยกาหนด แนวทางการควบคุมเพอ่ื ป้องกนั หรอื ลดความเสย่ี งใหอ้ ยใู่ นระดบั ทย่ี อมรบั ได้ ซ่ึงกระบวนการดังกล่าวนี้ จะสาเร็จได้ต้องมีการสื่อสารให้คนในองค์กรมีความรู้ความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน ตลอดจนควรมีการ จัดทาระบบสารสนเทศ เพ่อื ใช้ในการวเิ คราะห์ประเมินความเสี่ยง ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จากัด (2550, น.4) กล่าวว่า การบริหารจัดการ ความเส่ียง (Risk Management) คือ การบริหารปัจจัยและควบคุมกิจกรรม รวมท้ังกระบวนการ ดาเนินงานต่าง ๆ โดยลดมูลเหตุแต่ละโอกาสท่ีองค์การจะเกิดความเสียหายเพ่ือให้ระดับและขนาดของ ความเสียหายทจ่ี ะเกิดขึ้นในอนาคตอยใู่ นระดับท่อี งค์การยอมรบั ได้ ประเมินได้ ควบคุมและตรวจสอบ ได้อยา่ งมรี ะบบ โดยคานึงถึงการบรรลเุ ป้าหมายขององค์การเป็นสาคัญ เบญจา รุ่งเรืองศิลป์ (2550, น.32 ) กล่าวว่า การบริหารจัดการความเส่ียง (Risk Management) เป็นกระบวนการท่ีจะช่วยให้องค์กรสามารถคาดการณ์ปัญหาที่จะเกิดข้ึนในอนาคต โดยใช้วิธีบริหารปัจจัยและควบคุมกิจกรรม รวมท้ังการดาเนินงานต่าง ๆ เพ่ือหาแนวทางในการวาง มาตรการควบคุม หรือวิธีการแก้ไขป้องกัน หรือลดความเสี่ยงท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้นให้อยู่ในระดับที่ ยอมรบั ได้ ประเมินได้ ควบคุมได้ และตรวจสอบได้อย่างเป็นระบบ เพื่อลดความรุนแรง ความสูญเสีย และเพ่ิมโอกาสในการบรรลุผลสาเร็จตามวัตถุประสงค์/เป้าหมายที่องค์กรกาหนดไว้ ส่งผลให้องค์กร สามารถดารงอยแู่ ละพฒั นาก้าวหนา้ ตอ่ ไป

8 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (2550 , น.6-8) กล่าวว่า การบริหารจัดการความเส่ียง (Risk Management) หมายถึง กระบวนการที่ใช้ในการบริหารจัดการให้โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ ความเส่ียงลดลงหรือผลกระทบของความเสียหายจากเหตุการณ์ความเสี่ยงลดลงอยู่ในระดับท่ีองค์กร ยอมรับได้ และมีหลายวิธี ได้แก่ การยอมรับความเสี่ยง (Risk Acceptance) การลด/การควบคุม ความเส่ียง (Risk Reduction) การกระจายความเสี่ยง หรือการโอนความเสี่ยง (Risk Sharing) และ การหลกี เลี่ยงความเส่ยี ง (Risk Avoidance) สรุปได้ว่า การบริหารจัดการความเส่ียง (Risk Management) หมายถึง กระบวนการบริหาร ปัจจัยความเสย่ี ง หรอื โอกาสที่จะเกดิ เหตกุ ารณค์ วามเส่ยี งในอนาคต ให้ลดลงในระดับท่ีองค์กรยอมรับ ได้ ประเมินได้ ควบคุม และตรวจสอบได้อย่างเป็นระบบ โดยการวางมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดความ รนุ แรง ความสูญเสีย ตามวัตถุประสงค์หรือเปา้ หมายทอ่ี งคก์ รยอมรับได้ กระบวนการบรหิ ารจัดการความเสี่ยง สานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย (2550, น.5-16) กล่าวว่า กระบวนการบริหาร จัดการความเสยี่ ง ประกอบดว้ ย 6 ขัน้ ตอน ดงั น้ี 1. การกาหนดวัตถุประสงค์ และกลยุทธ์ท่ีชัดเจนของแผนงาน/งาน/โครงการ/ กจิ กรรม ชว่ ยให้การระบแุ ละวิเคราะหค์ วามเส่ยี งทจี่ ะเกดิ ข้นึ ได้อย่างครบถ้วน 2. การระบุความเสี่ยง เป็นการระบุเหตุการณ์ที่มีผลดีและผลเสียต่อการบรรลุ วัตถุประสงค์ โดยระบุว่าเหตุการณ์นั้นเกิดท่ีไหน เม่ือใด และเกิดขึ้นอย่างไรและทาไม การระบุความเสี่ยง จึงเป็นกระบวนการท่ีผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานโครงการ/กิจกรรม ร่วมกันระบุ เพื่อให้ทราบถึงความเส่ียง ท่ีอาจมีผลกระทบต่อการบรรลุผลสาเร็จตามวัตถุประสงค์ โดยต้องคานึงถึงสภาพแวดล้อมภายนอก หน่วยงาน เช่น นโยบายภาครัฐ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และสภาพแวดล้อมภายในหน่วยงาน เช่น รูปแบบการบริหาร ส่ังการ การมอบหมายอานาจหน้าที่ความรับผิดชอบ โครงสร้างองค์กร ระเบียบข้อบังคับภายใน วิธีการและเทคนิคในการระบุความเส่ียงมีหลายวิธี แต่ละหน่วยงานเลือกใช้ ได้ตามความเหมาะสม เช่น การรวมกลุ่มระดมสมองเพ่ือให้ได้ความเสี่ยงที่หลากหลาย การใช้ Checklist ในกรณีที่มีข้อจากัดด้านงบประมาณและทรัพยากร การวิเคราะห์สถานการณ์จากการตั้ง คาถาม “ what-if ” และการวิเคราะหข์ ั้นตอนการปฏิบัตงิ านในแต่ละขั้นตอนที่สาคัญ 3. การประเมินความเสี่ยง เป็นการวิเคราะห์และจัดลาดับความเสี่ยง โดยพิจารณา จากการประเมินโอกาสท่ีจะเกิดความเสี่ยง (Likelihood) และความรุนแรงของผลกระทบจาก เหตกุ ารณค์ วามเสี่ยง (Impact) โดยอาศัยเกณฑ์มาตรฐานท่ีได้กาหนดไว้ ทาให้การตัดสินใจจัดการกับ ความเสย่ี งเป็นไปอย่างเหมาะสม ซ่ึงประกอบดว้ ย 4 ข้ันตอน คือ 3.1 การกาหนดเกณฑข์ องหน่วยงานทจ่ี ะใชใ้ นการประเมนิ ความเส่ยี ง 3.2 การประเมินโอกาสและผลกระทบของความเส่ียง 3.3 การวเิ คราะหค์ วามเสีย่ ง 3.4 การจัดลาดบั ความเสยี่ ง 4. การบริหาร/จัดการความเส่ียง เป็นการนากลยุทธ์ มาตรการหรือแผนงานมาใช้ ปฏิบัติในสานัก/ศูนย์/กอง/หน่วยงาน เพ่ือลดโอกาสที่จะเกิดความเส่ียงหรือลดความเสียหายของ

9 ผลกระทบในการดาเนินงานตามแผนงาน/งาน/โครงการ/กิจกรรม ที่ยังไม่มีกิจกรรมควบคุมความเสี่ยง หรือท่ีมีอยู่แตย่ งั ไมเ่ พยี งพอ การจดั การความเส่ียงมีหลายวธิ ี ดังน้ี 4.1 การยอมรบั ความเสีย่ ง (Risk Acceptance) 4.2 การลด/การควบคมุ ความเสย่ี ง (Risk Reduction) 4.3 การกระจายความเส่ียงหรอื การโอนความเสี่ยง (Risk Sharing) 4.4 การหลกี เล่ยี งความเสี่ยง (Risk Avoidance) 5. การรายงาน เป็นการรายงานผลการวิเคราะห์ ประเมิน และบริหารจัดการความ เสี่ยงว่ามีความเสี่ยงที่ยังเหลืออยู่หรือไม่ ถ้ายังมีเหลืออยู่มีอยู่ในระดับความเสี่ยงสูงมากเพียงใดและ มีวิธจี ดั การความเสย่ี งนนั้ อย่างไรเสนอตอ่ ผูบ้ ริหาร เพื่อให้ทราบและพิจารณาส่ังการรวมถึงการจัดสรร งบประมาณสนับสนุน ท้ังน้ีการบริหารความเสี่ยงจะสาเร็จได้ต้องได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจาก ผู้บริหาร ซึ่งหลังจากหน่วยงานทราบผลการประเมินความเสี่ยงและนาความเสี่ยงท่ียังเหลืออยู่มา กาหนดวิธีการจดั การความเส่ยี งแล้ว 6. การติดตามและทบทวน เป็นการติดตามผลของการดาเนินการตามแผนการ บริหารความเสี่ยงว่ามีความเหมาะสมกับสถานการณ์ท่ีมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ รวมถึงเป็นการ ทบทวนประสทิ ธิภาพของแนวการบริหารความเส่ยี งในทกุ ข้นั ตอน เพ่ือพฒั นาระบบใหด้ ียง่ิ ขน้ึ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จากัด (2553, น.4) กล่าวว่า กระบวนการของการ บรหิ ารความเสีย่ ง (Risk Management Process) มี 5 ขน้ั ตอน ดังน้ี 1. การกาหนดวัตถุประสงค์ เพอ่ื ใหท้ ราบขอบเขตการดาเนินงานในแต่ละระดับและ สามารถวิเคราะห์ความเส่ยี งท่จี ะเกดิ ขนึ้ ได้ครบถว้ น ควรมคี วามสอดคล้องกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์และ ความเส่ียงท่ีองค์กรยอมรับได้จะต้องคานึงถึงหลัก SMART ซ่ึงย่อมาจาก Specific (ชัดเจน) Measurable (วัดได้) Achievable (ปฏิบัติได้) Reasonable (สมเหตุสมผล) Time constrained (มีกรอบเวลา) 2. การระบุความเสี่ยง (Risk Identification) เป็นการค้นหาว่ามีความเสี่ยงใดบ้าง ท่ีเกีย่ วข้องกบั การดาเนนิ กิจการขององคก์ รโดยดจู ากทง้ั ปัจจยั ภายในและปัจจัยภายนอก โดยจะดูจาก ประวัตกิ ารเกดิ เหตุการณใ์ นอดีตทผ่ี า่ นมาหรอื การคาดเดาเหตกุ ารณ์ทอี่ าจมีผลกระทบในอนาคต 3. การประเมนิ ความเสีย่ ง (Risk Assessment) ประกอบดว้ ย การวิเคราะห์ประเมิน และจัดลาดับความเสีย่ งโดยใชห้ ลกั เกณฑ์ ดงั ต่อไปน้ี 3.1 พิจารณาถึงโอกาสในการเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยจัดระดับโอกาสเป็น 5 ระดับ คือ สูงมาก สูง ปานกลาง ต่า และตา่ มาก แทนดว้ ยตัวเลข 5,4,3,2,1 3.2 พจิ ารณาถึงความรนุ แรงของผลกระทบท่ีเกิดจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ว่ามีมาก น้อยเพียงใด โดยจัดระดับความรุนแรงและผลกระทบเป็น 5 ระดับ คือ สูงมาก สูง ปานกลาง ต่าและ ต่ามาก แทนด้วยตัวเลข 5,4,3,2,1 ตามลาดบั 3.3. การจัดระดับความเสี่ยง (Degree of Risks) หมายถึง การนาผลการ ประเมินความเส่ยี งตามข้อ 3.2 มาประมวลเข้าดว้ ยกนั 4. การจัดการความเส่ียง (Risk Treatment) พิจารณาเลือกวิธีการที่ควรกระทาตามผล ประเมินความเสี่ยงซึ่งพิจารณาจากความน่าจะเกิดและผลกระทบ โดยเปรียบเทียบระดับความเส่ียง

10 ท่ีเกิดกับระดับความเส่ียงท่ียอมรับได้ (Risk Appetite) และความคุ้มค่าในการบริหารจัดการความเส่ียง ท่ี เหลอื อยู่ (Residual Risk) วิธกี ารตอบสนองความเสีย่ ง สรุปได้ ดงั นี้ 4.1 การหลีกเล่ียงความเส่ยี ง (Risk Avoidance) 4.2 การลดความเส่ยี ง (Risk Reduction) 4.3 การกระจายความเสยี่ ง (Risk Diversification) 4.4 การยอมรบั ความเสยี่ ง (Risk Acceptance) 5. การติดตามประเมินผลและการรายงาน (Monitoring Evaluating and Reporting) มีขั้นตอนและระยะเวลาดาเนินการท่ีสาคัญประกอบด้วย การประสานงานติดตามผล การสรุปและทบทวนปัจจัยความเส่ียง การรายงานผลการติดตาม การแจ้งฝ่ายต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องเพ่ือ ทาแผนรองรบั ความเสี่ยง และจัดทาสรุปเผยแพร่ในรายงานกจิ การประจาปี สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (2549, น.1-19) กล่าวว่า กระบวนการบริหาร จัดการความเสี่ยง จะเร่ิมต้นโดยการระบุ กาหนดเป้าหมายของโครงการหรือภาระงานนั้นเสียก่อน แล้วจึงพิจารณาว่าจะมีปัจจัยเส่ียงอะไรบ้างที่จะก่อให้เกิดปัญหาที่เป็นอุ ปสรรคต่อเป้าหมา ย ประกอบดว้ ย 5 ขั้นตอน ดังน้ี 1. การระบคุ วามเสย่ี ง 2. การวเิ คราะห์ 3. การวางแผนโดยกาหนดกลยุทธเ์ พื่อควบคมุ ผลกระทบของความเสย่ี ง 4. การติดตามรอ่ งรอยของความเสย่ี ง 5. การติดตามกากบั และตรวจสอบการปฏบิ ตั กิ ารควบคมุ ความเสี่ยง สรุปได้ว่า กระบวนการบริหารความเส่ียง จะเป็นการระบุ กาหนดเป้าหมายขององค์กรแล้ว พิจ าร ณา ว่า มีปั จจั ย เสี่ ยง อะไร บ้า งที่ก่อให้เ กิด ปัญ หา หรื อคว ามเส่ี ยง ท่ีเ ป็น อุ ปส รร คต่ อเ ป้า หมา ย ประกอบด้วยข้ันตอนที่สาคัญ ได้แก่ การระบุความเส่ียงหรือปัจจัยเส่ียง การวิเคราะห์ประเมินโอกาส ที่จะเกิดข้ึนของความเส่ียงและความรุนแรง การวางแผนจัดการความเส่ียงและกลยุทธ์เพ่ือรับมือกับ เหตุการณ์ การติดตามกากับตรวจสอบข้อมูลที่เก่ียวข้องกับความเส่ียง และการรายงานว่า มีความเส่ยี งเหลอื อยู่หรือไม่เพ่ือเสนอผูบ้ ริหารพิจารณาสั่งการ จากการศึกษาความหมายและกระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยง สามารถสรุปได้ว่า การบริหารจัดการความเส่ียง หมายถึง การบริหารปัจจัยโอกาสท่ีเกิดเหตุการณ์ความเสี่ยง หรือ ผลกระทบให้ลดลงในระดับท่ีองค์กรยอมรับได้ ประเมินได้ ควบคุมและตรวจสอบได้อย่างมีระบบ ซ่ึง กระบวนการมีหลายข้ันตอน คือ การระบุความเส่ียง การวิเคราะห์ความเส่ียง การจัดการความเส่ียง การตรวจสอบและการติดตามรายงานผล ซ่ึงแต่ละขั้นตอนต่างมีความสาคัญ จึงต้องอาศัยการ ประสานงานเช่ือมโยงกันของทุกฝ่ายท่ีเกี่ยวข้องแบบบูรณาการ ตลอดจนผู้บังคับบัญชาท่ีมีวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ ความรู้ ศิลปะในการบริหารความเสี่ยงเพื่อให้เป็นท่ียอมรับโดยทั่วกัน สามารถควบคุม ผลกระทบของความเส่ียงได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกันโดยมีเป้าหมายเพื่อความสาเร็จของการ ดาเนินงานขององคก์ รต่อไปได้

11 แนวคิดเกยี่ วกับดินถลม่ หรือโคลนถลม่ ความหมายและสาเหตุการเกิดดินถล่มหรือโคลนถล่ม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (2552, น. 59-60) ได้กล่าวถึง ความหมายของ ดินถล่มหรอื โคลนถลม่ ไวใ้ นแผนป้องกนั และบรรเทาอทุ กภัย วาตภยั และดินถลม่ ปี 2552 ดังน้ี ดินถล่มหรือโคลนถล่ม คือ การเคลื่อนท่ีของมวลดินและหินภายใต้อิทธิพล แรงโน้มถว่ งของโลก สาเหตุหลกั คอื ดินบริเวณนน้ั ไม่สามารถรบั นา้ หนักของตัวเองได้อีกต่อไป ดินถล่ม มักเกิดพร้อมกับหรือตามมาหลังจากน้าป่าไหลหลากหรือเกิดขึ้นในขณะหรือภายหลังพายุฝนที่ทาให้ เกิดฝนตกหนกั อย่างต่อเนอื่ งรนุ แรง กล่าวคอื เม่ือฝนตกต่อเน่ืองน้าซึมลงไปในดินอย่างรวดเร็ว เมื่อถึง จดุ หน่งึ ดนิ อม่ิ ตวั ช่มุ ดว้ ยน้ายังผลใหน้ ้าหนกั มวลดินเพม่ิ ขนึ้ และแรงยดึ เกาะระหวา่ งมวลดนิ ลดลง ระดับ น้าใต้ผิวดินเพ่ิมสูงข้ึนทาให้แรงต้านทาน การไหลของดินลดลง จึงเกิดการเล่ือนไหลของตะกอนมวล ดินและหิน ซึ่งอาจเกิดอย่างช้า ๆ หรืออย่างฉับพลัน น้าหนักของมวลดินที่ถล่มลงมามีกาลังมหาศาล ท่ีจะทาลายสิง่ ต่าง ๆ ที่ขวางทาง สาเหตขุ องการเกดิ ดินถลม่ /โคลนถลม่ จาแนกไดด้ ังต่อไปน้ี 1. สาเหตุจากมนุษย์ (Manmade Causes) เช่น การก่อสร้าง ขุดหรือตัดถนนใน บริเวณเชิงเขาท่ีลาดชัน การเกษตรในพื้นท่ีลาดชันเชิงเขา การกาจัดพืชที่ปกคลุมดินและการตัดไม้ ทาลายป่า การขุดเหมือง การระเบิดหิน กิจกรรมเหล่าน้ีส่งผลให้พื้นท่ีมีความลาดชันเพ่ิมขึ้น เกิดการ เปล่ียนแปลงรูปแบบการไหลของน้าผิวดิน คือ น้าจะไหลผ่านหน้าดินอย่างรวดเร็ว และก่อให้เกิดการ ชะลา้ งหน้าดนิ เนื่องจากป่าไมถ้ ูกทาลาย ดินขาดรากไม้ยดึ เหนี่ยวอาจก่อให้เกดิ ดินถล่ม 2. สาเหตจุ ากธรรมชาติ (Natural Factors) เช่น ฝนตกหนัก การเกิดดินถล่มในประเทศ ไทยสว่ นใหญม่ กั จะมีฝนเป็นปจั จยั เร่งที่สาคัญเสมอ การผุพังของมวลดินและหิน การส่ันสะเทือนจาก แผน่ ดนิ ไหว ภเู ขาไฟระเบดิ การลดระดับน้าในแมน่ า้ และอ่างเก็บนา้ เป็นต้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (2554, น. 12) ได้ให้ความหมายและสาเหตุการเกิดดินถล่ม หรือโคลนถล่มไว้ในคู่มือยุทธศาสตร์การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2555-2559 กล่าวว่า ในอดตี ดินโคลนถล่มท่ีเกิดข้ึนในประเทศไทยมีความรุนแรงไม่มากนัก โดยทั่วไปมักเกิดขึ้นพร้อมกัน หรือ เกิดตามมาหลังจากเกิดน้าป่าไหลหลาก สาเหตุอันเน่ืองมาจากพายุฝนท่ีทาให้เกิดฝนตกหนัก อย่างตอ่ เนือ่ งรนุ แรง ส่งผลให้มวลดินและหินไม่สามารถรองรับการอุ้มน้าได้ จึงเกิดการเคล่ือนตัวตาม อิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของโลก ปัจจุบันปัญหาดินโคลนถล่มเร่ิมเกิดข้ึนในประเทศไทยบ่อยมากข้ึน และมีความรุนแรงเพ่ิมมากข้ึน อันมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การตัดไม้ทาลายป่า การเกษตรในพน้ื ท่ีลาดชนั การทาลายหนา้ ดิน เป็นต้น กรมทรัพยากรธรณี (2553, น. 1-5) ได้กล่าวถึงความหมายของดินถล่มหรือโคลนถล่ม ในคู่มอื การป้องกันธรณีพิบตั ภิ ยั จากดินถล่มและบญั ชีรายช่อื หมู่บา้ นเสย่ี งภยั ดินถลม่ ภาคใต้ ดงั น้ี ดินถล่ม หรือโคลนถล่ม (Landslide or Mass movement) คือ การเคลื่อนท่ีของ มวลดิน หรือหินลงมาตามลาดเขาด้วยอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของโลก โดยปรกติดินถล่มท่ีเกิดขึ้น ในประเทศไทย ส่วนใหญ่ “ น้า ” จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดดินถล่มเสมอ โดยน้าจะเป็นตัวลด แรงต้านทานในการเคล่ือนตัวของมวลดินหรือหิน และน้าจะเป็นตัวท่ีทาให้คุณสมบัติของดินที่เป็น ของแข็งเปล่ียนไปเป็นของไหลได้

12 ดินถล่ม เป็นปรากฏการณ์ท่ีเกิดได้ทั่วไปในบริเวณภูเขาท่ีมีความลาดชันสูง อย่างไร ก็ตามในบริเวณท่ีมีความลาดชันต่าก็สามารถเกิดดินถล่มได้ถ้ามีปัจจัยท่ีก่อให้เกิดดินถล่ม โดยท่ัวไป ก่อให้เกิดความเสยี หายตอ่ ชวี ิตและทรัพย์สิน ลกั ษณะพน้ื ที่เส่ยี งภยั ดินถล่มหรอื โคลนถลม่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (2552, น.60-62) ได้กล่าวถึง ลักษณะพ้ืนที่เสี่ยงภัย ดินถล่มหรือโคลนถล่ม ไว้ในแผนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มปี 2552 ไว้ว่า ลกั ษณะพื้นทที่ ม่ี ีโอกาสเกดิ ดนิ โคลนถลม่ หมายถงึ พน้ื ทแี่ ละบริเวณท่ีอาจจะเร่ิมเกิดการเล่ือนไหลของ ตะกอนมวลดินและหินท่ีอยู่บนภูเขาสู่ท่ีต่าในลาห้วยและทางน้าขณะเม่ือมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ลกั ษณะของพืน้ ทีเ่ สี่ยงภัยดนิ ถล่มมีข้อสงั เกตได้ คือ เป็นพ้ืนท่ตี ามลาดเชิงเขาหรือบริเวณที่ลุ่มใกล้เชิงเขา ท่ีมีการพังทลายของดินสูง พ้ืนท่ีท่ีเป็นภูเขาสูงชันหรือหน้าผาท่ีเป็นหินผุพังง่าย พื้นที่ที่เป็นทางลาดชัน ทล่ี าดเชงิ เขาทีม่ ีการขดุ หรอื ถม สภาพพืน้ ทีต่ ้นน้าลาธารทม่ี ีการทาลายป่าไม้สูง ช้ันดินขาดรากไม้ยึดเหนี่ยว พื้นท่ีสูงชันไม่มีพืชปกคลุม หมู่บ้านที่ต้ังอยู่ใกล้เคียงลาห้วยตามลาดเชิงเขา และท่ีลุ่มท่ีอยู่ติดหรือใกล้ เขาสูง จึงเป็นหมู่บ้านเสี่ยงภัยดินถล่ม ซ่ึงอาจจะได้ผลกระทบจากการเล่ือนไหลของตะกอนมวลดิน และหินปริมาณมากที่มาพร้อมกับน้าตามลาห้วยจากท่ีสูงชันลงมาสู่หมู่บ้านที่ต้ังอยู่ ลักษณะท่ีตั้งของ หมบู่ ้านเสี่ยงภัยดินถล่ม มีข้อสังเกตได้ คือ อยู่ติดภูเขาและใกล้ลาห้วย มีร่องรอยดินไหลหรือรอยเลื่อน บนภูเขา มรี อยแยกของพื้นดนิ บนภูเขา อยบู่ นเนินหน้าหบุ เขา กรมอุตุนิยมวิทยา (2553, น.17-18) ได้อธิบายลักษณะพื้นท่ีเสี่ยงภัยแผ่นดินถล่ม ว่ามัก เกิดข้ึนท่บี ริเวณภเู ขา โดยเฉพาะภูเขาหินแกรนิตท่ีมีความลาดชันสูงจนขาดความสมดุลในตัวเอง และ บริเวณไหล่เขาท่ีขาดพืชพันธ์ุไม้น้อยใหญ่ปกคลุม เช่น ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและ บางแห่งในภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มว่าจะขยายพ้ืนท่ีออกไปเร่ือย ๆ เนื่องจากป่าไม้บริเวณ ต้นน้าถูกทาลายไปมาก ทาให้ไม่มีต้นไม้ช่วยดูดซับน้า เมื่อมีฝนตกในบริเวณดังกล่าวจนดินเกิดการ อิ่มตัวและไม่สามารถอุ้มน้าไว้ได้อีกต่อไป จึงทาให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ดินถล่ม ท่ีก่อให้เกิดความเสียหายส่วนใหญ่มักเกิดภายหลังจากที่ฝนตกหนักมากบริเวณภูเขา ซ่ึงเป็น ต้นน้าลาธาร บริเวณตอนบนของประเทศ โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มเน่ืองมาจากพายุหมุนเขตร้อนเคล่ือนผ่านในระหว่างเดือนกรกฎาคมถึง สิงหาคม ในขณะท่ีภาคใต้ จะเกิดในช่วงฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึง ธันวาคม ความรุนแรงของแผ่นดินถล่มเกิดจากหลายองค์ประกอบ เช่น ปริมาณฝนท่ีตกบนภูเขาและ ลักษณะทางธรณีวิทยา ของภูเขาน้ัน ๆ ความรุนแรงจะมีมาก ถ้าหากทุกองค์ประกอบที่กล่าวมาแล้ว เกิดข้ึนพร้อมกัน เช่น มีปริมาณฝนตกหนักมากบนภูเขาหินแกรนิตที่มีความลาดชันสูงและขาดพันธุ์ไม้ ปกคลุม โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินถล่มจะสูงมาก ในทางตรงข้ามความรุนแรงจะลดน้อยลงถ้ามีเพียง องคป์ ระกอบใดองคป์ ระกอบหน่ึงเทา่ น้นั ผลกระทบจากแผน่ ดนิ ถลม่ ทาให้บ้านเรือนพังทลายจากการ ทบั ถมของเศษดิน หนิ ทราย ทไี่ หลมากับนา้ ผ้คู นและสัตว์เล้ียงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจานวนมาก พืชผลทางการเกษตรเสียหาย เส้นทางคมนาคมต่าง ๆ ถูกทาลายเสียหาย และเส้นทางเดินของน้าถูก ทับถมและเปลยี่ นไป กรมทรัพยากรธรณี (2553, น. 4-5) ได้กล่าวถึง ลักษณะพื้นที่เสี่ยงภัยรวมทั้งที่ต้ังหมู่บ้าน เส่ียงภัยดินถล่ม ว่ามีข้อสังเกต ได้แก่ อยู่ติดภูเขาและใกล้ลาห้วย มีร่องรอยดินไหลหรือดินเล่ือนบน

13 ภูเขา มีรอยแยกของพ้ืนดินบนภูเขา อยู่บนเนินหน้าหุบเขาและเคยมีโคลนถล่มมาบ้าง ถูกน้าป่าไหลหลาก และท่วมบ่อย มีกองหิน เนินทรายปนโคลนและต้นไม้ ในห้วยใกล้หมู่บ้าน และพื้นห้วยจะมีก้อนหิน ขนาดเล็กใหญ่อยู่ปนกันตลอดท้องน้า โดยสามารถพบข้อสังเกตหรือสิ่งบอกเหตุได้จากการมีฝนตก หนกั ถงึ หนักมาก (มากกว่า 100 มิลลิเมตรต่อวัน) แล้วทาให้ระดับน้าในห้วยสูงข้ึนอย่างรวดเร็ว สีของ น้าเปลี่ยนเป็นสีของดินบนภูเขา และอาจมีเสียงดังอ้ืออึง ผิดปกติดังมาจากภูเขาและลาห้วย ในหมู่บ้านมนี า้ ท่วมและเพม่ิ ระดบั ขึ้นอยา่ งรวดเรว็ กล่าวโดยสรุป ดินถล่มหรือโคลนถล่ม คือ การเคลือ่ นท่ีของมวลดินและหินลงมาตามลาดเขา ด้วยอิทธิพลแรงโน้มถ่วง และจะมีน้าเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องทาให้มวลดินและหินเคลื่อนตัวไหลเลื่อน นับเปน็ ภัยธรรมชาตทิ ี่ทาใหเ้ กิดความสญู เสยี ทัง้ ชวี ติ และทรัพย์สินของประชาชนอย่างมาก ในประเทศ ไทยมาแล้วหลายครั้ง ต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเกิดขึ้นเร่ือยมาและเหตุการณ์ดินถล่มคร้ังใหญ่ ในแต่ละครั้งทาให้คนไทยต้องเกิดความเศร้าเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น จากการศึกษาพ้ืนท่ีต่าง ๆ ในเขตภเู ขาสูงท่ัวประเทศไทย พบว่ามีโอกาสที่จะเกิดดินถล่มบ่อยคร้ังขึ้น ประกอบกับสภาพป่าไม้ถูก ทาลายไปอย่างมากดว้ ยสาเหตุหลายประการ เชน่ การลักลอบตัดไม้ทาลายปา่ ต้นนา้ สาคัญ การบุกรุก เผาป่าเพอื่ ประโยชนใ์ นการใชส้ อยตา่ ง ๆ เชน่ ทาการเกษตรกรรม การก่อสร้างอาคาร บ้านเรือน ท่ีพัก รีสอร์ท สถานท่ีพักผ่อน และสานักปฏิบัติธรรม ประกอบกับสาเหตุจากภัยที่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ เช่น ไฟป่า ลักษณะของพ้ืนที่เส่ียงภัย มักเป็นบริเวณที่เป็นภูเขาสูง พื้นที่ที่อยู่ตามลาดเชิงเขาหรือ บริเวณที่ลุ่มอยู่ติดกับภูเขาสูง ที่มีการผุพังของดินหรือหินได้ง่าย สภาพพื้นท่ีมีการทาลายป่าไม้ หมบู่ า้ นที่ต้ังอยู่ในบรเิ วณดังกล่าวจึงมีความเส่ียงภัยจากดินถล่มหรือโคลนถล่มมาก เน่ืองจากเมื่อมีฝน ตกหนักมากต่อเน่ืองติดต่อกันหลายวัน ทาให้เกิดน้าป่าไหลหลาก และดินถล่มหรือดินโคลนถล่มได้ โดยปัจจัยการเกิดดินถล่ม ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเกิดจากปัจจัยหลัก 4 ประการ ได้แก่ สภาพ ธรณวี ิทยา สภาพภมู ิประเทศ ปรมิ าณนา้ ฝน และสภาพสิ่งแวดลอ้ ม ความรเู้ กีย่ วกับสาธารณภยั ความหมายและประเภทของสาธารณภยั สาธารณภัย มีผู้ให้ความหมายและการจัดแบ่งประเภทไว้หลายท่าน ขึ้นอยู่กับมุมมองของ แตล่ ะคน กลา่ วโดยสังเขป ดังนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (2550, น. 4-5) กล่าวถึง พระราชบัญญัติป้องกันและ บรรเทาสาธารณภยั พ.ศ.2550 ( มาตรา 4) สาธารณภัย หมายความว่า อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ภัย แล้ง โรคระบาดในมนุษย์ โรคระบาดสัตว์ โรคระบาดสัตว์น้า การระบาดของศัตรูพืช ตลอดจนภัยอื่น ๆ อันมีผลกระทบตอ่ สาธารณชน ไม่วา่ จะเกิดจากธรรมชาติ มีผู้ทาให้เกิดข้ึน อุบัติเหตุ หรือเหตุอ่ืนใด ซ่งึ ก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนหรือ ของรฐั และใหห้ มายความรวมถึงภัยทางอากาศและการก่อวินาศกรรมดว้ ย “ภยั ทางอากาศ” หมายความว่า ภัยอันเกดิ จากการโจมตีทางอากาศ “การกอ่ วนิ าศกรรม” หมายความวา่ การกระทาใดๆ อันเป็นการมุ่งทาลายทรัพย์สิน ของประชาชนหรือของรัฐ หรือส่ิงอันเป็นสาธารณูปโภค หรือการรบกวน ขัดขวางหน่วงเหน่ียวระบบ

14 การปฏิบัติงานใด ๆ ตลอดจนการประทุษรา้ ยตอ่ บคุ คลอนั เป็นการก่อให้เกิดความปั่นป่วนทางการเมือง การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมงุ่ หมายท่จี ะก่อใหเ้ กิดความเสียหายต่อความม่ันคงของรัฐ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (2549, น.2-7) ได้กล่าวถึง สาธารณภัย หมายถึง ภัย หรือ อันตราย ท่ีทาให้เกิดความสูญเสียท้ังชีวิต ทรัพย์สินและส่ิงอื่น ๆ อย่างรุนแรง เป็นภัยที่เกิดข้ึนกับคน หมู่มาก อาจเกิดข้ึนได้ทุกเวลาหรือทุกสถานที่อย่างกะทันหันหรือค่อย ๆ เกิดข้ึน ก่อให้ เป็นอันตรายต่อ ชีวิตและร่างกายของประชาชน เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนหรือรัฐ และเกิดความ ต้องการในส่ิงจาเป็นพื้นฐานอย่างรีบด่วนสาหรับผู้ประสบภัย สามารถแบ่งประเภทของสาธารณภัย ได้ ๒ ประเภทตามลักษณะการเกิด ได้แก่ ภัยทเี่ กิดจากธรรมชาติ และภัยท่ีเกิดจากการกระทาของมนุษย์ ดงั นี้ 1. ภยั ทเ่ี กดิ จากธรรมชาติ ไดแ้ ก่ อุทกภัย (Flood) วาตภัย (Tropical Wind) แผ่นดินถล่ม (Landslide) ภัยแล้ง (Drought) ไฟป่า (Wildfire) แผ่นดินไหว (Earthquake) คลื่นยกั ษ์ (Tsunami) ภยั หนาว 2. ภัยที่เกิดจากการกระทาของมนุษย์ ได้แก่ อัคคีภัย ภัยจากสารเคมีและวัตถุ อนั ตราย ภยั จากการคมนาคมขนสง่ และภัยพิบัติจากเทคโนโลยี สรุปได้ว่า สาธารณภัย หมายถึง ภัยหรืออันตรายที่ทาให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน รวมท้ังสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง โดยภัยที่เกิดข้ึน มีผลกระทบกับประชาชนในจานวนมาก ที่เกินขีด ความสามารถขององค์กรในระดับท้องถ่ินจะสามารถรับมือหรือแก้ไขภัยได้โดยลาพัง โดยอาจเกิดได้ทั้ง จากธรรมชาติ หรือจากมนุษย์กระทาข้ึน แต่บางชนิด เช่น อัคคีภัย ไฟป่าอาจเกิดได้จากการเสียดสี ของกิง่ ไม้ และจาการลอบเผาปา่ สาหรับอทุ กภยั นา้ ป่าไหลหลากและดินถล่ม อาจเกิดจากฝนตกหนัก ติดต่อกัน แต่ก็มีสาเหตุมาจากมนุษย์ที่ได้ทาให้สภาพภูมิอากาศเปล่ียนแปลงไป เช่น การตัดไม้ทาลายป่า การกระทาท่กี อ่ ให้เกิดก๊าซเรือนกระจก เป็นภาวะโลกร้อน เป็นตน้ ข้นั ตอนหรอื กระบวนการบรหิ ารจัดการสาธารณภยั กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (2550, น.11 -12) ได้จัดทาแผนแม่บท การป้องกันและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอุทกภัย วาตภัยและโคลนถล่ม ปี 2550 โดยในแผน แมบ่ ทได้กลา่ วถงึ ข้ันตอนทสี่ าคญั ในการบรหิ ารจดั การปญั หาสาธารณภัยของประเทศไทยในปัจจุบันว่า ประกอบด้วย 4 ข้ันตอน ได้แก่ การเตรียมการป้องกันและลดผลกระทบ การเตรียมพร้อมรับภัย การจัดการภยั ในภาวะฉกุ เฉนิ และการจัดการหลังเกดิ ภยั ดังนี้ 1. การเตรียมการป้องกันและลดผลกระทบ ได้แก่ การจัดทาข้อมูลพ้ืนท่ีเสี่ยงภัย และพื้นที่อพยพ การดาเนินแผนงานโครงการต่าง ๆ เช่นการติดตั้งระบบเตือนภัย การสร้างระบบ เครอื ข่าย การฝึกอบรมและเตรยี มความพรอ้ มในการเผชญิ เหตุ การเตรียมอปุ กรณ์ เครื่องมือ เคร่ืองใช้ ที่จาเปน็ ในภาวะฉกุ เฉนิ 2. การเตรียมพรอ้ มรับภยั ไดแ้ ก่ การฝึกซ้อมเพ่ือจัดการกับภัย การประชาสัมพันธ์ ใหป้ ระชาชนพร้อมรับภยั ในสถานการณ์ทจี่ ะเกิดขึ้น 3. การจัดการภัยในภาวะฉุกเฉิน ได้แก่ การจัดทาแผนป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย การบริหารจัดการภยั ในภาวะฉุกเฉิน แก้ไขปัญหาเฉพาะหนา้

15 4. การจัดการหลังเกิดภัย ได้แก่ การช่วยเหลือผู้ประสบภัย การฟื้นฟูบูรณะ สาธารณูปโภค ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม สรุปได้ว่า สาธารณภัย หมายถึง ภัยที่เกิดข้ึนได้ท้ังจากธรรมชาติและเกิดจากการกระทา ของมนุษย์ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของ ประชาชนหรือของรัฐ การบริหารจัดการภัยเชิงรุกเป็นการปฏิบัติการครบวงจร ประกอบด้วย กระบวนการสาคัญ 4 ขั้นตอน คือ การเตรียมการป้องกันและลดผลกระทบ การเตรียมพร้อมรับภัย การจัดการในภาวะฉุกเฉิน และการจดั การหลงั เกิดภยั โดยส่ิงท่สี าคญั ทส่ี ุดอยู่ท่ีการเตรียมการป้องกัน และลดผลกระทบ งานวิจัยท่เี กีย่ วข้อง ในการศึกษาวิจัยคร้ังนี้ ผู้วิจัยได้ทาการศึกษาค้นคว้าถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในเร่ืองการ บริหารจัดการความเสยี่ ง กรณดี นิ ถลม่ ทเ่ี กีย่ วข้อง ดงั ต่อไปน้ี กาญจนา ศรเทียน, กนกธาดา ทิโน และเอกลักษณ์ หาพุทธา (2549) ได้ศึกษาการ วิเคราะห์ปัจจัยเพื่อกาหนดพื้นที่เส่ียงแผ่นดินถล่มโดยใช้ระบบสารสนเทศภูมิสาสตร์และการสารวจ ระยะไกล มีวัตถุประสงค์เพ่ือวิเคราะห์ปัจจัยสาหรับใช้ในการสร้างแบบจาลองพื้นท่ีเส่ียงแผ่นดินถล่ม โดยใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์และข้อมูลการสารวจระยะไกลพร้อมเสนอแนวทางท่ีเหมาะสม ในการลดความเส่ียงแผ่นดินถล่ม โดยการศึกษาได้รวบรวมปัจจัยท่ีเป็นสาเหตุการเกิด 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1) ลักษณะภูมิประเทศ ประกอบด้วยตัวแปรความลาดชัน และความสูงจากระดับน้าทะเลเฉล่ีย 2) ลักษณะทางอุทกธรณีวิทยาและปฐพีวิทยา ได้แก่ ชนิดหิน รอยเล่ือน การไหลบ่าของน้าหน้าดิน ระยะหา่ งจากลาน้าและดิน 3) ลักษณะการใช้ประโยชนท์ ่ดี นิ ได้แก่ ประเภทการใช้ประโยชน์ท่ีดินและ ดัชนีพืชพรรณ และ 4) ลักษณะภูมิอากาศ ได้แก่ ปริมาณน้าฝน จากผลการศึกษานามากาหนด แนวทางในการลดความเส่ียงจากแผ่นดินถล่มออกเป็น 2 แนวทาง คือ การปลูกฟื้นฟูสภาพป่าโดย การศึกษาสงั คมพืชในพ้ืนทศ่ี กึ ษาเพื่อหาชนิดพนั ธไ์ ม้ประจาถน่ิ ทส่ี ามารถกระจายพนั ธ์ไดใ้ นพ้ืนท่ีศึกษา เกษมศรี มานิมนต์ (2549 ,น.2 ,97) ได้ศึกษาเปรียบเทียบศักยภาพการเกิดแผ่นดินถล่ม เน่ืองมาจากการใช้ประโยชน์ท่ีดินสาหรับการปลูกพืชบริเวณลุ่มน้าลาพระเพลิงตอนบน อาเภอวังน้าเขียว จงั หวดั นครราชสีมา รวมถึงกาหนดขอบเขตและจัดทาแผนที่ศักยภาพการเกิดแผ่นดินถล่มจากการใช้ ประโยชน์ท่ีดิน บริเวณลุ่มน้าลาพระเพลิงตอนบนโดยมีปัจจัยที่นามาวิเคราะห์ ได้แก่ปัจจัยทาง ลักษณะธรณีวิทยา ปฐพีวิทยา ความลาดชันของพ้ืนท่ี การใช้ประโยชน์ที่ดิน สามารถกาหนดเกณฑ์ การจัดระดับศักยภาพโดยแบ่งระดับโอกาสการเกิดแผ่นดินถล่มเป็น 5 ระดับ คือ ไม่มีศักยภาพเกิด แผน่ ดินถลม่ (No Potential) ศักยภาพการเกิดแผ่นดินถล่มน้อย (Low Potential) ศักยภาพการเกิด แผ่นดินถล่มปานกลาง (Moderate Potential) ศักยภาพการเกิดแผ่นดินถล่มสูง (High Potential) และศกั ยภาพการเกิดแผ่นดนิ ถล่มสูงมาก (Very high Potential) โดยมีอัตรภาคเท่า กัน นาไปใช้เป็น แนวทางในการวางแผนแก้ไขหรือป้องกันปญั หาแผ่นดนิ ถล่มในพื้นทล่ี ่มุ นา้ นอกจากน้ีการศึกษายังช่วย ให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความเข้าใจต่อสถานการณ์และให้ความร่วมมือ ซ่ึงจะช่วยลดความเสียหาย ลงได้อันจะก่อใหเ้ กิดการใช้ประโยชนท์ ดี่ ินและการจดั การทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

16 สมบัติ อยู่เมือง (2549) ได้ทาการศึกษาวิจยั การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) และข้อมูลจากการสารวจระยะไกล (Remote Sensing) เพื่อการบริหารจัดการภัยพิบัติที่เกิดข้ึนจาก ดินถลม่ -นา้ ปนตะกอนป่า-น้าหลาก และนา้ ท่วมขังในพื้นทีภ่ าคเหนือ ปี พ.ศ.2549 เพ่ือใช้เป็นแนวทาง ในการเฝา้ ระวงั คาดการณ์และการเตอื นภัยเชิงรุก เพอ่ื การเตรียมการป้องกันความเสียหาย การเผชิญ กับเหตุการณ์เพื่อลดหรือบรรเทาผลเสียท่ีอาจจะเกิดขึ้น โดยจัดทาเป็นต้นแบบของระบบบริหาร จัดการที่ใช้ทฤษฎีข้ันพื้นฐานที่เกี่ยวข้องมาเป็นกรอบในการศึกษาวิจัยและประยุกต์ใช้ระบบ สารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) และเทคโนโลยีการสารวจระยะไกล (Remote Sensing Technology) มาทาการวเิ คราะห์ ประมวลผล จัดทาแบบจาลองเชิงพ้ืนท่ีในหลายรูปแบบจากสารสนเทศเชิงพ้ืนที่ท่ี เกี่ยวข้องใหเ้ กดิ ผลเปน็ รปู ธรรมและเป็นพลวตั ร เพอ่ื ให้หน่วยงานภาครัฐท้ังหลายที่รับผิดชอบสามารถ นาไปประยุกต์ใช้ประโยชน์และนาไปปฏิบัติได้จริงในพ้ืนท่ีได้อย่างทันเหตุการณ์ เพ่ือเสริมสร้างการ ปฏิบัติงานท่ีกระทาอยู่ในด้านการเฝ้าระวัง การเตือนภัยก่อนการเกิดดินถล่ม-น้าปนตะกอนป่า-น้า หลาก และน้าท่วม ไดอ้ ย่างเป็นเอกภาพ มีความเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่องและมีการบูรณาการทางาน ร่ ว ม กั น อ ย่ า ง เ ป็ น เ ค รื อ ข่ า ย ที่ จ ะท า ใ ห้ เ กิ ด ป ร ะสิ ท ธิ ผ ล ม า ก ขึ้ น ใ น ก า ร จั ด ก า ร ปั ญ ห า ดิ น ถ ล่ ม -น้ า ปนตะกอนป่า-นา้ หลาก และนา้ ท่วมขังในเชิงรกุ ได้อย่างเปน็ ระบบอยา่ งพลวัตรและยั่งยนื ชาลี เบญจวงศ์ (2550) ได้ศึกษาการรับรู้ภัยจากดินถล่มและการเตรียมความพร้อมรับภัย จากดินถลม่ ของประชาชนในเขตพ้นื ที่เสีย่ งภยั จงั หวดั หนองบัวลาภู และเปรียบเทียบการรับรู้และการ เตรียมความพร้อมรับภัยจากดินถล่มของประชาชนในเขตพื้นที่เส่ียงภัยตามอายุ ระดับการศึกษา ตัวแปรที่สาคัญที่ทาให้ประชาชนมีการรับรู้ภัยและการเตรียมความพร้อมรับภัยแตกต่างกัน คือ การไดร้ ับขอ้ มลู ขา่ วสารเกยี่ วกับภัยจากดนิ ถล่ม ประสบการณ์ และการฝกึ อบรม แสงจันทร์ ล้ิมจิรกาล (2551) ได้ศึกษาวิจัยโครงการการประเมินสภาวะความรุนแรงสภาพ ภูมิอากาศของประเทศไทย : การวิเคราะห์ความเสี่ยงและความล่อแหลมของพ้ืนท่ีวิกฤติ เพื่อศึกษา วิเคราะห์ลักษณะและแนวโน้มสภาวะความรุนแรงของอุณหภูมิและฝนของประเทศไทยและการ ประเมินความเสี่ยงและความล่อแหลมของพื้นท่ีวิกฤติในสภาวะความรุนแรงของอุณหภูมิและฝน โดยการนาวิธีการศกึ ษาวจิ ัยตา่ ง ๆ มาประยุกต์ใช้ เช่น การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของดัชนีสภาวะ ความรุนแรงของอุณหภูมิและฝนในเชิงพื้นที่และเวลา การวิเคราะห์องค์ประกอบความเส่ียง การ ประเมินความเส่ียงจากปัจจัยคุกคามที่เกิดจากสภาวะความรุนแรงของสภาพภูมิอากาศ และการ สังเคราะหแ์ นวทางและมาตรการเบอื้ งตน้ สาหรับการปรับตัวภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสภาวะความ รุนแรงของสภาพภมู อิ ากาศ ผลการศกึ ษาพบแนวโน้มการเปล่ยี นแปลงของดชั นคี วามรุนแรงของสภาพ ภูมิอากาศในประเทศไทย ด้านส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ เศรษฐกิจและสังคม ข้อมูลความล่อแหลม ส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ เศรษฐกิจ สังคมของพื้นที่วิกฤติ ข้อมูลปัจจัยเส่ียงจากสภาวะความรุนแรง ของสภาพภูมิอากาศ ได้เสนอแนวทางและวิธีการที่เหมาะสมในการเตรียมความพร้อมในการรับมือ การปอ้ งกัน การปรับตวั รวมทัง้ การลดผลกระทบจากสภาวะความรุนแรงของลมฟ้าอากาศและสภาพ ภูมิอากาศ ที่ประเทศไทยจะต้องรีบดาเนินการโดยเฉพาะอย่างย่ิงการศึกษาวิจัยในเรื่องความเส่ียง ความล่อแหลม และความเสียหายจากสภาวะความรุนแรงของอุณหภูมิและน้าฝน ทั้งในภาพรวมของ ประเทศและในระดับท้องถ่ิน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือท่ีสามารถนาไปสู่การวางแผน

17 การดาเนินการ การจัดการในการแก้ไข และนาไปปฏบิ ัติให้เกิดการบรรเทาหรือหยุดย้ังผลกระทบและ ความเสยี หายทอ่ี าจเกิดขึ้นได้อย่างเปน็ รปู ธรรมและทนั ต่อเหตุการณ์ พรทิพย์ หนูปลอด (2552) ได้ศึกษาปัจจัยในการบริหารจัดการความเส่ียง การระบุความเส่ียง (Identity) การวิเคราะห์ (Analyze) การวางแผนจัดการความเสี่ยง (Plan) การติดตามและ การรายงานผล (Track) การตรวจสอบ (Control) ต่อการบริหารจัดการความเส่ียงจากอุทกภัย โดยอาศัยหมู่บ้านเป็นฐานบ้านหนองเรียง หมู่ท่ี 1 ตาบลท่าข้าม อาเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ในด้าน ประสิทธิภาพของการบริหารงาน ความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหา และการอานวยการและ การประสานงานกบั หนว่ ยงานทีเ่ กี่ยวข้อง ผลการวิจัยพบว่าความสาเร็จการบริหารจัดการความเสี่ยง จากอุทกภัยโดยอาศัยหมู่บ้านเป็นฐาน บ้านหนองเรียง หมู่ท่ี 1 ตาบลท่าข้าม อาเภอท่าแซะ จังหวัด ชุมพร อยู่ในระดับดี ในด้านการวางแผนจัดการความเส่ียง การอบรมให้ความรู้แก่ประชาชน การแจ้งเตือนการเกิดอุทกภัยเป็นวิธีหน่ึงที่สามารถบรรเทาความรุนแรงจากอุทกภัยได้ ด้านการ ติดตามและรายงานผล การติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการพยากรณ์อากาศ ปริมาณน้าฝนและน้าท่า ด้านการตรวจสอบ การตรวจอุปกรณ์เครื่องมือเคร่ืองใช้เป็นประจาเพ่ือเตรียมความพร้อมก่อนเกิดภัย และด้านการระบุความเส่ียง ศึกษาสาเหตุการเกิดภัยพิบัติในแต่ละช่วงฤดูเนื่องจากบ้านหนองเรียง ตัง้ อยู่ใกล้ลานา้ มโี อกาสได้รับผลกระทบเมื่อเกดิ น้าท่วม หรือน้าเอ่อล้นตล่ิง เวลาฝนตกหนักหรือน้าป่า ไหลหลากเปน็ หม่บู ้านแรก ๆ ซงึ่ อาจทาให้เกดิ การสูญเสยี ชีวิต ทรพั ย์สนิ ของประชาชนเปน็ จานวนมาก สานักวิจยั และความรว่ มมอื ระหว่างประเทศ ศูนย์เทคโนสารสนเทศ กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั (2553) ไดท้ าการศึกษาการประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ เพ่ือการวิเคราะห์และ วางแผนจัดการพ้ืนที่เส่ียงภัยดินถล่ม/น้าป่าไหลหลาก กรณีศึกษา : อาเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย จากการศึกษาข้างต้น ทาให้ทราบถึงพื้นท่ีเส่ียงต่อการเกิดดินถล่มและน้าป่าไหลหลากของจังหวัดเลย โดยจัดทาแผนท่ีพ้ืนท่ีเสี่ยงภัย (Risk Map) ซ่ึงจะแสดงให้เห็นถึงการเกิดภัยดินถล่มและน้าป่าไหล หลากในระดบั หม่บู ้านพ้ืนที่เสี่ยงได้อย่างชัดเจนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถใช้กาหนดมาตรการ สาหรบั บริหารจดั การสาธารณภัยในพ้ืนท่ีได้อย่างมีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน โดยสรุปว่าการป้องกันและลด ผลกระทบ (เป็นการป้องกันโดยการใช้มาตรการทั้งด้านโครงสร้าง เช่น การสร้างเขื่อนกักเก็บน้า คันก้ันน้า ขุดคลองระบายน้าอ้อมเมือง และไม่ใช้โครงสร้าง เช่น การใช้ระบบเตือนภัย จัดทา ฐานข้อมูล การประเมินความเส่ียง การจัดต้ังเครือข่ายประสานงานโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของ หมู่บา้ น) ด้านการเตรยี มพรอ้ มรับภยั (เป็นการจัดทาแผนปฏิบัติการและการฝึกซ้อมแผน การติดตาม สถานการณ์ การเตรียมพร้อมดา้ นปจั จัยสี่ การเตรยี มกาลังคน วสั ดุ อปุ กรณ์ เครื่องมือเคร่ืองใช้ ระบบ การสื่อสาร การประชาสัมพันธ์) ด้านการจัดการในภาวะฉุกเฉิน ( มีการตั้งศูนย์บัญชาการเพ่ือระดม สรรพกาลัง รวมทั้งการประสานบูรณาการกับหน่วยงานที่เก่ียวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพ่ือการ รายงาน ติดตามสถานการณ์ และขอรับการสนับสนุนในกรณีที่เกินขีดความสามารถในการรับมือกับ ภัยของพ้ืนท่ี) ด้านการจัดการหลังเกิดภัย (มีมาตรการช่วยเหลือทางการเงินและสิ่งของบรรเทาทุกข์ การฟื้นฟู ส่งิ อานวยความสะดวกเบ้อื งต้นและการฟน้ื ฟสู ภาพจติ ใจ) สมมตฐิ านในการวจิ ยั ผลทไ่ี ด้จากการศึกษาตามแนวคิด และงานวจิ ัยทเ่ี กี่ยวข้องกบั การบรหิ ารความเสี่ยงสาธารณภัย

18 กรณีศึกษาดินถล่ม ซ่ึงการสรุปดังกล่าว นาไปสู่สมมุติฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้าน การระบคุ วามเสยี่ ง การวิเคราะห์ความเส่ียง การจัดการความเสี่ยง การติดตามรายงานผล และการ ตรวจสอบ มีผลต่อความสาเร็จในการบรหิ ารจดั การความเส่ียงสาธารณภยั กรณีศกึ ษาดินถล่มในพ้ืนท่ี ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวดั ชมุ พร กรอบแนวคิดในการวจิ ยั ผู้วิจัยได้ประยุกต์และสังเคราะห์เป็นกรอบแนวคิดที่เก่ียวกับปัจจัยการบริหารจัดการความเสี่ยง ของสานักงานปลดั กระทรวงมหาดไทย (2550, น.4-16) ได้แก่ การระบุความเสี่ยง การประเมินความ เสี่ยง การบริหาร/จัดการความเสี่ยง การรายงาน และการติดตามและทบทวนความเสี่ยง กาหนดให้ เปน็ ตวั แปรอสิ ระ คอื 1. การระบุความเส่ียง (Identity) 2. การวิเคราะห์ความเสี่ยง (Analyze) 3. การจัดการความเสี่ยง (Treatment) 4. การติดตามรายงานผล (Track) และ5. การตรวจสอบ (Review) ผู้วิจัยได้ประยุกต์และสังเคราะห์จากงานวิจัยของสานักวิจัย และความร่วมมือระหว่าง ประเทศ ศูนย์เทคโนสารสนเทศ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (2553) ได้ทาการศึกษาการ ประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิสาสตร์เพื่อการวิเคราะห์และวางแผนจัดการพ้ืนที่เส่ียงภัยดินถล่ม/ น้าป่าไหลหลาก กรณีศึกษา: อาเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย โดยประยุกต์ให้เหมาะสมกับการบริหาร จดั การความเสยี่ งสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพื้นที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร กาหนดใหเ้ ปน็ ตัวแปรตาม คือ 1. ประสิทธิภาพในการบรหิ ารงาน 2. ความรวดเร็วในการแกไ้ ขปัญหา และ 3. การอานวยการแบบบูรณาการ จากการศึกษาตารา เอกสาร แนวคิด ทฤษฎี และผลงานวิจัยต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ผู้วิจยั ไดน้ าแนวคิดเกย่ี วกบั การจดั การบริหารความเสยี่ ง ( สานกั งานปลัดกระทรวงมหาดไทย.คู่มือการ บริหารความเสยี่ ง, 2550 ) เป็นกรอบแนวคิดในศึกษาการบริหารความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีดินถล่ม ในพ้ืนทตี่ าบลปังหวาน อาเภอพะโตะ๊ จังหวัดชมุ พร ดังนี้ ตัวแปรอสิ ระ ตัวแปรตาม (Independent Variables) (Dependent Variables) ปัจจัยส่วนบคุ คล ได้แก่ ความสาเร็จในการบริหารความเส่ียงสาธารณภยั 1.เพศ กรณีศึกษาดินถล่มในพ้ืนทตี่ าบลปงั หวาน 2.อายุ อาเภอพะโตะ๊ จงั หวัดชมุ พร 3.ระดบั การศึกษา 4.สถานภาพสมรส 1.ประสทิ ธิภาพในการบริหารงาน 5.อาชพี 2. ความรวดเรว็ ในการแก้ไขปัญหา 3. การอานวยการแบบบรู ณาการ ปจั จยั ในการบริหารจัดการความเสี่ยง 1.การระบุความเส่ยี ง (Identity) 2. การวเิ คราะหค์ วามเสีย่ ง (Analyze) 3. การจัดการความเสย่ี ง (Treatment) 4. การตดิ ตามรายงานผล (Track) 5. การตรวจสอบ (Review)

บทที่ 3 ระเบยี บวธิ ีดำเนินกำรวจิ ัย การวิจัยครงั้ นี้ มงุ่ ศกึ ษาเรือ่ ง ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ ความสาเร็จในการบริหารความเสี่ยงสาธารณภัย กรณศี ึกษาดินถลม่ ในพ้นื ทีต่ าบลปังหวาน อาเภอพะโตะ๊ จังหวัดชมุ พร ไดด้ าเนนิ การศึกษา 2 แบบ คือ การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) ด้วยการวิจัยเชิงสารวจ (Survey Research) และ การวิจัยเชิงคุณภาพ(Qualitative Research) ด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In –depth Interview) ในลักษณะบูรณาการแนวปรัชญาวิทยาศาสตร์ที่แตกต่างกันมาเสริมกันและกัน (Mutual Complimentary Integration) โดยใช้จุดแขง็ ของวิธีการหน่งึ เสรมิ จุดอ่อนของอีกวิธกี ารหนึ่ง เพื่อช่วยให้ การศกึ ษาวจิ ยั มคี วามสมบรู ณ์มากย่งิ ขน้ึ ผูว้ จิ ยั ไดด้ าเนนิ การตามขั้นตอน ดงั น้ี กำรวิจัยเชิงปริมำณ (Quantitative Research) ด้วยการวิจัยเชิงสารวจ (Survey Research) โดยใช้แบบสอบถามแบบปลายปิดและข้อเสนอแนะ เพื่อให้ทราบถึงปัจจัยท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการ บรหิ ารความเสยี่ งสาธารณภัย กรณศี กึ ษาดนิ ถล่มในพื้นท่ีตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ตามข้ันตอน ดังน้ี 1. ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง 2. เครอื่ งมือทใ่ี ช้ในการศกึ ษา 3. การตรวจสอบเคร่อื งมือ 4. องค์ประกอบของแบบสอบถาม 5. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 6. การวิเคราะห์ขอ้ มลู 7. การแปลผลข้อมลู 8. สถติ ิทใี่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ ประชำกรและกลมุ่ ตวั อยำ่ ง ประชำกร ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งน้ี ได้แก่ ประชาชนในพื้นท่ีเส่ียงภัยดินถล่ม ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวดั ชุมพร จานวน 5 หมบู่ า้ น ได้แก่ หมู่ท่ี 2 จานวน 96 คน หมู่ที่ 3 จานวน 97 คน หมู่ท่ี 6 จานวน 125 คน หมู่ที่ 7 จานวน 182 คน และ หมู่ท่ี 9 จานวน 78 คน รวมจานวนทั้งสิ้น 578 คน (ข้อมลู พน้ื ท่เี ส่ียงอุทกภยั และดินถลม่ จงั หวดั ชมุ พร ปี 2556) กลุ่มตัวอยำ่ ง กล่มุ ตวั อยา่ งที่ใช้ในการวิจยั คร้งั นี้ กาหนดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตร ของทาโร ยามาเน่ (Taro Yamane, 1973 , p.887) ที่ระดบั นัยสาคญั 0.05 โดยการใช้สูตรคานวณ ดังน้ี n =N 1 + N(e)2 โดยที่ n = ขนาดกลมุ่ ตัวอย่าง

20 N = จานวนรวมทัง้ หมดของประชากรทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษา e = คา่ ความผิดพลาดทีย่ อมรับได้ (กาหนดให้มคี า่ เท่ากับ 0.05) แทนค่า n = 578 1+ ( 578 x (0.05)2 ) = 578 2.445 = 236.400 ได้กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยคร้ังน้ี จานวน 237 คน และใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งช้ัน (Stratified Random Sampling) แล้วจงึ สุ่มแบบง่ายอกี คร้ังหนึ่ง เคร่ืองมือท่ใี ช้ในกำรศึกษำ เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยเชิงปริมาณ ผู้วิจัยใช้แบบสอบถาม โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับการ สรา้ งแบบสอบถามตามขั้นตอน ดังน้ี 1. ศึกษาวิธีการสร้างแบบสอบถามและวิเคราะห์ข้อมูล จากตารา แนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ยั ที่เกีย่ วขอ้ ง เพอ่ื กาหนดแนวคิดในการวิจัยและนยิ ามตวั แปร 2. สร้างแบบสอบถามตามตัวแปรของกรอบแนวคิด และนาแบบสอบถามท่ีสร้าง ขนึ้ มาเสนออาจารย์ทป่ี รึกษา เพอ่ื ขอคาแนะนา ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 3. นาแบบสอบถามที่ได้สรา้ งขึน้ มาเสนอต่ออาจารย์ทปี่ รกึ ษาเพ่ือปรบั ปรุงแก้ไข 4. ทาการปรับปรุงแก้ไขและนาเสนอให้อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบความถูกต้อง อีกครง้ั เพอ่ื อนมุ ัตกิ ่อนแจกแบบสอบถาม 5. นาแบบสอบถามฉบับท่ีสมบูรณ์ ไปทดสอบความเช่ือมั่น (Reliability) ของ แบบสอบถาม แล้วนาไปทดลองใช้กับประชาชนในตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร จานวน 30 คน โดยใหก้ รอกแบบสอบถามเหมือนกบั การใชแ้ บบสอบถามในสถานการณจ์ รงิ ทุกประการ 6. แจกแบบสอบถามไปยงั ตัวอยา่ ง กำรตรวจสอบเครื่องมอื นาแบบสอบถามที่ทดสอบมาวิเคราะห์หาความเชื่อม่ัน (Reliability) รวมท้ังฉบับ ด้วยวิธี ของ Cronbach’s Alpha ได้ค่าเท่ากับ .951 ซ่ึงเป็นความเชื่อม่ันที่สูง สามารถนาแบบสอบถามท่ี สมบรู ณ์ไปเกบ็ รวบรวมข้อมูลตอ่ ไปได้ องคป์ ระกอบของแบบสอบถำม ผู้วิจัยได้ออกแบบสอบถาม เพื่อเก็บข้อมูลจากประชากรกลุ่มตัวอย่าง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คอื ส่วนท่ี 1 แบบสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศกึ ษา สถานภาพสมรส และอาชีพ ส่วนที่ 2 แบบสอบถามความคิดเห็นเก่ยี วกับปจั จัยในการบริหารความเส่ียง ประกอบด้วย การระบุความเส่ียง การวิเคราะห์ความเสี่ยง การจัดการความเส่ียง การติดตามรายงานผล และการ ตรวจสอบ เปน็ แบบสอบถามที่ผ้วู ิจยั สร้างขน้ึ จากแนวคิดเก่ียวกับการจัดการบริหารความเส่ียง (สานักงาน

21 ปลัดกระทรวงมหาดไทย, 2550) คาถามครอบคลุมประเด็นท่ีเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพในการ บริหารงาน ความรวดเรว็ ในการแก้ไขปัญหา และการอานวยการแบบบูรณาการ ลักษณะคาถามเป็นคาถามปลายปิดแบบมาตรประมาณค่า (Rating Scale) ซึ่งแต่ละ คาถามมคี าตอบใหเ้ ลอื ก 5 ระดับ ของ Likert Scale ดังน้ี 5 หมายถึง มรี ะดบั ความคิดเหน็ ในระดบั มากทส่ี ดุ 4 หมายถงึ มคี วามคดิ เห็นในระดบั มาก 3 หมายถงึ มรี ะดับความคิดเหน็ ในระดบั ปานกลาง 2 หมายถงึ มีระดบั ความคดิ เห็นในระดับน้อย 1 หมายถงึ มีระดบั ความคิดเหน็ ในระดบั น้อยทสี่ ุด ส่วนท่ี 3 แบบสอบถามความคิดเห็น เก่ียวกับการบริหารความเสี่ยงสาธารณภัย กรณศี กึ ษาดินถล่ม ในพืน้ ที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโตะ๊ จังหวัดชุมพร ประกอบด้วย ประสิทธิภาพใน การบริหารงาน ความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหา และการอานวยการแบบบูรณาการ ลักษณะคาถาม เป็นคาถามปลายปิดแบบมาตรประมาณค่า (Rating Scale) ซง่ึ แตล่ ะคาถามมคี าตอบให้เลือก 5 ระดับ ของ Likert Scale ดังน้ี 5 หมายถึง มรี ะดับความคดิ เหน็ ในระดบั มากท่สี ุด 4 หมายถึง มีความคดิ เหน็ ในระดบั มาก 3 หมายถึง มรี ะดบั ความคดิ เหน็ ในระดบั ปานกลาง 2 หมายถงึ มรี ะดับความคดิ เหน็ ในระดับน้อย 1 หมายถงึ มีระดบั ความคิดเหน็ ในระดบั น้อยทสี่ ุด กำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล ผู้วจิ ยั ได้ดาเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตวั อย่างตามขัน้ ตอน ดงั นี้ 1. ประสานผู้ใหญ่บ้านหรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ในฐานะผู้นาหมู่บ้าน จานวน 5 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 หมู่ท่ี 6 หมู่ที่ 7 และหมู่ที่ 9 ช้ีแจงวัตถุประสงค์เพื่อขออนุญาตเข้าเก็บข้อมูลจาก ประชากรกลุม่ ตัวอย่าง 2. เก็บข้อมูลจากประชากรกลุ่มตัวอย่างท้ัง 2 กลุ่ม โดยผู้วิจัยและทีมงานนาแบบสอบถาม ไปสอบถามกับกลุ่มตัวอย่าง จานวน 237 คน พร้อมทั้งทาความเข้าใจในข้อคาถาม ก่อนแจก แบบสอบถามและการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้อยู่ใกล้ชิดข้อมูลจานวน 9 ท่านเพื่อเก็บข้อมูลให้ครอบคลุม ทกุ ประเด็น 3. นาขอ้ มูลทีเ่ ก็บรวบรวมไดม้ าทาการวิเคราะห์ทางสถิติ กำรวิเครำะห์ขอ้ มูล ผู้วจิ ยั ได้วิเคราะห์ขอ้ มลู โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป สถิติทใ่ี ช้ คือ 1. การศกึ ษาข้อมูลทั่วไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม โดยใชส้ ถิติค่าร้อยละ (Percentage) 2. วิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามส่วนท่ี 2 หาค่าความคิดเห็นปัจจัยในการบริหารจัดการ ความเส่ียง โดยหาค่าเฉลี่ย (  ) และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) โดยรวมรายด้านและรายข้อ ของแบบสอบถาม

22 3. วิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามส่วนท่ี 3 หาค่าความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการ ความเส่ียงสาธารณภัย กรณีดินถล่มในพื้นที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร โดยหา ค่าเฉล่ีย (  ) และคา่ ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) โดยรวมรายด้านและรายข้อของแบบสอบถาม กำรแปลผลขอ้ มลู การบริหารจัดการความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีดินถล่มในพื้นท่ีตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ผู้วิจัยได้กาหนดค่าอันตรภาคชั้น สาหรับการแปลผลข้อมูลโดยคานวณค่าอัตรภาคชั้น เพ่อื กาหนดช่วงช้ัน ดว้ ยการใช้สูตรคานวณและคาอธบิ ายสาหรบั แตล่ ะชว่ งชั้น ดงั นี้ อนั ตรภาคช้นั = คะแนนสูงสดุ – คะแนนต่าสุด จานวนชน้ั จากผลการคานวณดงั กล่าว ไดน้ ามาเป็นเกณฑ์วัดค่าเฉล่ียระดับการบริหารจัดการความเส่ียง สาธารณภยั กรณดี นิ ถลม่ ในพื้นทตี่ าบลปงั หวาน อาเภอพะโตะ๊ จังหวดั ชุมพร ดังต่อไปน้ี = 5 5- 1 = 0.80 โดยนาคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์หาค่าเฉล่ียเลขคณิต การแปลความหมายของระดับคะแนน เฉล่ียโดยยึดเกณฑ์ตามค่าที่ได้จากสูตรคานวณของระดับชั้น = 0.80 โดยกาหนดการแปลค่าคะแนน เฉล่ียของแบบสอบถามตามการแปลความหมาย เป็น 5 ช่วงช้ันที่เท่ากัน สาหรับส่วนท่ี 2 และส่วนท่ี 3 ดงั น้ี ช่วงชน้ั คาอธบิ ายสาหรับการแปรผล 4.21 – 5.00 มคี วามเหมาะสม/มีความสาเร็จ มากท่สี ดุ 3.41 – 4.20 มีความเหมาะสม/มีความสาเรจ็ มาก 2.61 – 3.40 มคี วามเหมาะสม/มีความสาเรจ็ ปานกลาง 1.81 – 2.60 มคี วามเหมาะสม/มีความสาเรจ็ น้อย 1.00 – 1.80 มีความเหมาะสม/มีความสาเรจ็ น้อยทสี่ ุด สถิติที่ใชใ้ นกำรวิเครำะหข์ อ้ มลู of ผวู้ ิจยั ได้กาหนดคา่ สถติ สิ าหรับการวิเคราะหข์ ้อมลู ไว้ดังนี้ คอื 1. การหาความสัมพันธ์ของตัวแปรอิสระและตัวแปรตามด้วยแบบจาลอง (Model Analysis) แบบความสัมพันธเ์ ชิงเส้น (Linearity) (สชุ าติ ประสิทธร์ิ ฐั สนิ ธุ์ , 2548, น.98) Y = b0 + b1 X1 + b2 X2 +b3 X3 + b4 X4 +b5 X5 +e…….. หาความสัมพนั ธ์ ระหว่างปัจจัยท่ีมีผลในการบริหารจัดการความเส่ียง รวม 5 ปัจจัย คือ การ ระบุความเส่ียง (X1) การวิเคราะห์ความเส่ียง (X2) การจัดการความเสี่ยง(X3) การติดตาม รายงาน ผล (X4) การตรวจสอบ (X5) กับการบริหารความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพ้ืนท่ีตาบล ปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวดั ชมุ พร

23 2. การวิเคราะห์ความถดถอยพหุ (Multiple Regression Analysis) ใช้ในการวิเคราะห์ ความสัมพนั ธ์ของตัวแปรอิสระตอ่ ตัวแปรตาม กำรวิจัยเชิงคุณภำพ (Qualitative Research) ผู้วิจัยได้เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) จาก 3 กลุ่มท่ีแตกต่างกัน ได้แก่ ในกลุ่มผู้บริหารระดับตาบล 3 คน อาสาสมัครปอ้ งกนั ภัยฝ่ายพลเรอื น ( อปพร. ) 3 คน และประชาชน 3 คน ซงึ่ เปน็ ผู้ที่อยใู่ กลช้ ิดข้อมูลและ มสี ่วนร่วมในการบริหารความเสยี่ งสาธารณภยั สามารถใหข้ ้อมลู ในเชิงลกึ เครอ่ื งมือท่ใี ชใ้ นการวจิ ยั เชงิ คุณภาพ ดาเนินการสร้างเครื่องมือตามขั้นตอน ดังน้ี 1. กระบวนการวิจัยเอกสาร เพ่ือแสวงหาการบริหารความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษาดิน ถลม่ ในพน้ื ท่ีตาบลปงั หวาน อาเภอพะโตะ๊ จังหวัดชุมพร ด้วยการศึกษารวบรวมข้อมูลเอกสาร สถิติ ตัวเลขและขอ้ มูลหลกั ฐานทม่ี ีอย่ใู นแหล่งต่าง ๆ 2. กระบวนการวิจยั ภาคสนาม (Field Research) ได้กาหนดไว้ 2 ข้ันตอน ดงั น้ี ขน้ั ตอนที่ 1 การเลอื กพน้ื ท่ีในการวจิ ัย มีวัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื แสวงหาข้อมูลเชิงประจักษ์ จึงใช้การสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) เป็นหน่วยในการศึกษา (Unit of analysis) ขั้นตอนที่ 2 การเก็บรวบรวมข้อมูลภาคสนาม ผู้วิจัยทาการสัมภาษณ์เชิงลึก สอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยส่วนบุคคล ด้านอายุ เพศ และระดับการศึกษา สอบถามความ คิดเห็นเก่ียวกับปัจจัยหรือตัวแปรต่าง ๆ และสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรคและแนว ทางแกไ้ ข ของผู้ใหข้ ้อมูลสาคญั จานวน 9 คน ดงั น้ี 1. ผู้บรหิ ารองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลปงั หวาน 3 คน 2 อาสาสมัครป้องกันภัยฝา่ ยพลเรือน (อปพร.) 3 คน 3. ประชาชน 3 คน โดยมีประเด็นสาคญั ในการสมั ภาษณ์ ดงั นี้ 1. ในการระบุความเส่ยี ง ฤดูกาลนับเป็นปัจจัยหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับขนาดความรุนแรง ของการเกิดดินถล่มโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ซ่งึ เปน็ ช่วงท่ีมปี ริมาณน้ามาก ทาให้เกิดการไหล่บ่าของน้า อย่างรนุ แรง ความเสยี่ งทีอ่ าจเกิดขน้ึ ไดร้ ะบุไวอ้ ยา่ งไร มีปญั หาอุปสรรคอย่างไร ควรแก้ไขอยา่ งไร 2. ในการวิเคราะห์ความเสี่ยง ลักษณะท่ีตั้งของหมู่บ้านในตาบลปังหวาน เป็นเทือกเขา สลับซับซอ้ น เปน็ ท่รี าบลุ่มอยบู่ า้ ง บ้านเรอื นตัง้ อยู่รมิ แม่นา้ ลาคลอง และการใช้ประโยชน์ที่ดินเพ่ือการ เกษตรกรรม ทาใหเ้ ส่ยี งตอ่ การเกิดดินถลม่ อยา่ งไร ควรแก้ไขอย่างไร 3. ในการจัดการความเสี่ยง การจัดฝึกซ้อมแผนป้องกันสาธารณภัยในหมู่บ้าน เพื่อให้ ชาวบ้านมีความรู้ความเข้าใจในวิธีปฏิบัติตนเม่ือเกิดสถานการณ์ภัยดินถล่ม มีประโยชน์ในการบริหาร จดั การสาธารณภยั อยา่ งไร มปี ัญหาอปุ สรรคอยา่ งไร ควรแก้ไขอย่างไร 4. ในการติดตามประเมินผลความเส่ียง ชาวบ้านมีการติดตามข้อมูลข่าวพยากรณ์ อากาศ การแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานราชการ เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรธรณี กรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยวิธใี ด มีปญั หาอุปสรรคอยา่ งไร ควรแก้ไขอยา่ งไร

24 5. ในการตรวจสอบ ความถี่ของการจดรายงานปริมาณน้าฝนมีประโยชน์ต่อการ แจ้ง เตือนภัยและการเตรียมความพร้อมในการจัดการภัยดินถล่มอย่างไร มีปัญหาอุปสรรคอย่างไร ควร แก้ไขอยา่ งไร 6. ประสิทธิภาพในการบริหารงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน มีการตรวจสอบความ พร้อมของอุปกรณ์เครื่องมือระบบส่ือสาร และรับมือกับภัยพิบัติเป็นอย่างไร (ก่อนเกิดภัย) และ มปี ัญหาอปุ สรรคอยา่ งไร ควรแกไ้ ขอยา่ งไร 7. ความรวดเร็วและ ระยะเวลาในการแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการหมู่บ้าน ตรงกบั ความต้องการของชาวบา้ นหรือไม่อย่างไร มปี ัญหาอุปสรรคอยา่ งไร ควรแก้ไขอย่างไร 8. การอานวยการแบบบูรณาการ ในกรณีที่เกิดดินถล่มในหมู่บ้าน คณะกรรมการ หมู่บ้านสามารถอานวยการและประสานงานกับหน่วยงานภายนอกได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หรือไม่อยา่ งไรโดยวิธกี ารใดและมีปัญหาอปุ สรรคอย่างไร ควรแก้ไขอย่างไร

บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู การศึกษาวิจัย เรื่อง ปัจจัยท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการบริหารจัดการความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพื้นท่ีตาบลปังหวานอาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร เป็นการวิจัยเชิงสารวจ (Survey Research) โดยสารวจข้อมูลเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามแล้วนามาวิเคราะห์ข้อมูล และการวิจัยเชิง คุณภาพใช้การสัมภาษณ์แบบเชิงลึก (In-depth Interview) การนาเสนอผลการศึกษาวิจัยในบทนี้ จะกล่าวถึงข้อมูลกลุ่มตัวอย่าง สัญลักษณ์และอักษรย่อที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล เกณฑ์ท่ีใช้ในการ แปลงผล ลาดับข้ันการนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล และผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ ของการวิจยั มีดงั น้ี ข้อมูลกลุ่มตัวอย่าง ได้มาจาก หมู่ท่ี 2 หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 6 หมู่ที่ 7 และ หมู่ท่ี 9 กาหนดกลุ่ม ตัวอย่างโดยใช้สูตรของทาโร ยามาเน (Taro Yamane) ท่ีระดับนัยสาคัญ 0.05 ได้กลุ่มตัวอย่าง จานวน 237 คน (อ้างถึงใน อุไรวรรณ มาปะโท, 2550, น.1) จากการสุ่มแบบเจาะจง และกลุ่มผู้ให้ ขอ้ มูลเชิงลึก จานวน 9 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับตาบล จานวน 3 คน อาสาสมัครป้องกันภัย ฝ่ายพลเรือน จานวน 3 คน และประชาชน จานวน 3 คน รวมจานวนกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 246 คน ซึ่งผู้วิจัยได้ทาการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม จานวน 246 ชุด แล้วนามาวิเคราะห์และ ประมวลผลข้อมลู เพือ่ คานวณหาคา่ สถติ ติ า่ ง ๆ สาหรบั ตอบปัญหาการวิจัย และวัตถุประสงค์การวิจัย พร้อมทง้ั นาเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมลู โดยมรี ายละเอียด ดงั ตอ่ ไปน้ี การนาเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมูลและการแปลความหมายของผลการวิเคราะหข์ ้อมูลคร้ังนี้ เพอ่ื ให้เกดิ ความเขา้ ใจตรงกนั ผู้วิจยั ได้ใช้สญั ลักษณใ์ นการวเิ คราะหข์ ้อมลู พอสังเขป ดงั นี้ n แทน จานวนตัวอย่าง  แทน คะแนนเฉลี่ย (Mean) S.D. แทน ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) * แทน มีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ 0.05 (p ≤ .05) e แทน ค่าความคลาดเคลอื่ น b แทน คา่ สมั ประสทิ ธ์ิ ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการศึกษาวิจัย เร่ือง ปัจจัยท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการบริหารจัดการ ความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพ้ืนที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ผลการ วิเคราะหแ์ บง่ ออกเปน็ 5 สว่ น ประกอบดว้ ย ส่วนที่ 1 เป็นข้อมูลปจั จยั ส่วนบคุ คล โดยหาค่ารอ้ ยละ ส่วนที่ 2 เปน็ ข้อมลู เกย่ี วกับปจั จยั ในการบรหิ ารจดั การความเส่ียง ได้แก่ การระบุความเสี่ยง การวิเคราะหค์ วามเส่ยี ง การจัดการความเสย่ี ง การตดิ ตามรายงานผล และการตรวจสอบ โดยหาค่าเฉล่ยี และคา่ เบ่ยี งเบนมาตรฐาน

26 ส่วนที่ 3 เป็นข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อความสาเร็จในการบริหารจัดการความเสี่ยง สาธารณภัยกรณีศึกษาดินถล่มในพ้ืนที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ได้แก่ ประสทิ ธภิ าพของการบริหารงาน ความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหา และการอานวยการแบบบูรณาการ โดยหาคา่ เฉลี่ย และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน สว่ นที่ 4 สรุปผลการทดสอบสมมติฐาน ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระ ได้แก่ การระบุ ความเส่ียง การวิเคราะห์ความเส่ียง การจัดการความเสี่ยง การติดตามรายงานผล และการตรวจสอบ กบั ตวั แปรตาม คอื ปจั จัยทม่ี ีผลตอ่ ความสาเร็จในการบริหารจัดการความเส่ยี งสาธารณภัย กรณีศึกษา ดินถล่มในพื้นที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร โดยใช้สถิติการวิเคราะห์การถดถอยพหุ (Multiple Regression) ส่วนที่ 5 สรปุ ผลการศกึ ษาเชิงคณุ ภาพ จากการสมั ภาษณ์เชิงลกึ ความคดิ เห็นเก่ยี วกบั ปัจจยั หรอื ตัวแปรตา่ ง ๆ ปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะโดยใช้สถิติการวิเคราะหเ์ ชงิ เน้อื หา ส่วนท่ี 1 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลปัจจัยสว่ นบคุ คลของผู้ตอบแบบสอบถาม จาแนกตาม เพศ อายุ สถานภาพ อาชพี และระดับการศึกษา วิเคราะหโ์ ดยการหาคา่ ความถี่ และ รอ้ ยละ นาเสนอขอ้ มลู ในตารางประกอบการบรรยาย ดังปรากฏในตารางท่ี 1 ตารางที่ 1 ขอ้ มูลปจั จยั ส่วนบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่มตวั อย่างประชาชนในพน้ื ที่ ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จงั หวัดชุมพร ข้อมูลสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม จานวน (n) ร้อยละ เพศ ชาย 108 45.6 หญิง 129 54.4 รวม 237 100.0 อายุ อายุ 20 – 30 ปี 36 15.2 อายุ 31 – 40 ปี 66 27.8 อายุ 41 – 50 ปี 76 32.1 อายุ 51 – 60 ปี 31 13.1 อายุ มากกว่า 60 ปี 28 11.8 237 100.0 รวม สถานภาพ 65 27.4 โสด 155 65.4 สมรส 17 7.2 หมา้ ย/หย่า/แยกกันอยู่ 237 100.0 รวม

27 ตารางที่ 1 (ต่อ) ขอ้ มูลสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม จานวน (n) รอ้ ยละ อาชีพ 54 22.8 รบั จา้ งท่ัวไป 22 9.3 แม่บา้ น 21 8.9 ค้าขาย/ธรุ กิจส่วนตวั 128 54.0 เกษตรกรรม 12 5.0 รบั ราชการ / รัฐวิสาหกิจ 237 100.0 รวม 92 38.8 57 24.1 ระดับการศึกษา 36 15.2 ประถมศกึ ษา 33 13.9 มธั ยมศกึ ษาตอนต้น 19 8.0 มัธยมศึกษาตอนปลาย / ปวช. 237 100.0 อนุปริญญาตรี / ปวส. / ปวท. ปรญิ ญาตรีหรือสงู กว่า รวม จากตารางท่ี 1 พบวา่ ข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนท่ีตอบแบบสอบถาม จานวน 237 คน สามารถสรุปได้ ดังน้ี ส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิง ซึ่งมีจานวน 129 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 54.4 มีอายุ 41-50 ปี ซงึ่ มจี านวน 76 คน คิดเป็นร้อยละ 32.1 สถานภาพ สมรสแลว้ ซงึ่ มจี านวน 155 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 65.4 มอี าชพี เกษตรกรรรม ซึ่งมีจานวน 128 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 54.0 การศกึ ษา จบชน้ั ประถมศกึ ษา ซงึ่ มจี านวน 92 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 38.8 ตอนท่ี 2 ผลการศกึ ษาความคิดเห็นเกีย่ วกบั ปัจจยั การบรหิ ารความเสี่ยงสาธารณภัย กรณศี ึกษาดนิ ถล่ม ในพนื้ ทีต่ าบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวดั ชุมพร ไดแ้ ก่ การระบุความเสี่ยง การวิเคราะห์ความเสีย่ ง การจัดการความเสย่ี ง การติดตามรายงานผล และการตรวจสอบ โดยหาค่าเฉลยี่ และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน นาเสนอขอ้ มลู ในตารางประกอบการบรรยาย ดังปรากฏในตารางท่ี 2 ตารางท่ี 2 คา่ เฉลย่ี ( X ) และคา่ เบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ปัจจัยการบรหิ ารความเสย่ี งสาธารณภัย กรณีศกึ ษาดนิ ถลม่ ในพ้นื ทต่ี าบลปงั หวาน อาเภอพะโต๊ะ จงั หวดั ชมุ พร โดยภาพรวม ปจั จยั ในการบรหิ ารจัดการความเส่ียง X S.D. ระดับ ลาดบั 1. การระบุความเสย่ี ง 3.77 .883 มาก 2 2. การวิเคราะห์ความเส่ียง 3.71 .990 มาก 3

28 ตารางท่ี 2 (ต่อ) ปจั จัยในการบรหิ ารจัดการความเส่ียง X S.D. ระดบั ลาดบั 3. การจัดการความเสี่ยง 3.83 .790 มาก 1 4. การติดตามรายงานผล 3.67 .848 มาก 4 5. การตรวจสอบ 3.52 1.039 มาก 5 รวมเฉล่ีย 3.70 .920 มาก จากตารางท่ี 2 พบว่า ปัจจัยการบริหารความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพ้ืนท่ี ตาบลปงั หวาน อาเภอพะโตะ๊ จังหวดั ชมุ พร โดยภาพรวม ท้ัง 5 ด้าน มคี วามเหมาะสมอยู่ในระดับมาก มคี ่าเฉลย่ี ( X = 3.70) เมอื่ พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า การจัดการความเส่ียง มีค่าเฉล่ียสูงท่ีสุด รองลงมา คือ การ ระบุความเส่ียง การวิเคราะห์ความเสี่ยง การติดตามรายงานผล ตามลาดับ และการตรวจสอบ มี ค่าเฉล่ียตา่ ทส่ี ดุ ตารางท่ี 3 ค่าเฉลย่ี ( X ) และค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.) ปจั จัยการบรหิ ารความเสยี่ งสาธารณภยั กรณศี กึ ษาดนิ ถล่มในพื้นที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวดั ชุมพร ด้านการระบคุ วามเส่ียง ด้านการระบุความเสย่ี ง X S.D. ระดบั ลาดับ .936 มาก 3 1. การก่อสร้าง ขดุ ตัดถนนในบรเิ วณเชิง เขา การขุดเหมือง .891 มาก 4 และการระเบดิ หิน เป็นสาเหตุสาคญั ท่ีอาจทาให้เกิดดินถล่ม 3.73 .827 มาก 2 .882 มาก 1 2. การตดั ไม้ทาลายป่า การทาเกษตรในพ้นื ท่ลี าดชนั การ .864 มาก 5 .883 มาก ทาลายหน้าดนิ เปน็ สาเหตุสาคัญท่ีอาจทาให้เกดิ ดินถล่ม 3.70 3. ช่วงฤดมู รสมุ ฝนตกหนกั ติดตอ่ กนั หลายวันภูเขาที่มี ความลาดชนั สูงและขาดพันธุไ์ มป้ กคลมุ โอกาสที่จะเกิด แผน่ ดนิ ถล่มจะสูงมาก 3.79 4. การตัง้ บา้ นเรอื นหรือส่งิ ก่อสร้างต่าง ๆ ที่กีดขวางทาง นา้ ทาให้เสี่ยงต่อการเกดิ ดนิ ถลม่ ได้ 3.93 5. หมู่บา้ นทีต่ ง้ั อยู่ทรี่ าบเชิงเขา และที่ลุ่มท่ีอยู่ติดหรือใกล้ ภูเขา มคี วามเส่ียงภยั สูงท่ีจะได้รับอนั ตรายจากการเกดิ ดินถลม่ 3.70 รวมเฉลีย่ 3.77 จากตารางที่ 3 พบว่า ปัจจัยการบริหารความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพ้ืนท่ี ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชมุ พร ดา้ นการระบุความเส่ียงโดยภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ ในระดบั มาก มีคา่ เฉล่ีย ( X = 3.77)

29 เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การตั้งบ้านเรือนหรือสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ท่ีกีดขวางทางน้าทา ให้เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มได้ มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมาคือ ในช่วงฤดูมรสุมท่ีมีฝนตกหนักติดต่อกัน หลายวันบนภูเขาท่ีมีความลาดชันสูงและขาดพันธ์ุไม้ปกคลุมโอกาสท่ีจะเกิดแผ่นดินถล่มจะสูงมาก และการตัดไม้ทาลายป่าการทาเกษตรในพ้ืนที่ลาดชันการทาลายหน้าดินเป็นสาเหตุสาคัญที่ทาให้เกิดดินถล่ม และ หมู่บ้านท่ีตั้งอยู่บริเวณท่ีราบเชิงเขาและท่ีลุ่มท่ีอยู่ติดหรือใกล้ภูเขา มีความเส่ียงภัยสูงท่ีจะได้รับอันตราย จากดนิ ถล่ม มีคา่ เฉลีย่ ตา่ ทีส่ ดุ ตารางท่ี 4 คา่ เฉลย่ี ( X ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ปัจจยั การบรหิ ารความเส่ยี งสาธารณภัย กรณศี กึ ษาดนิ ถลม่ ในพ้นื ท่ีตาบลปงั หวาน อาเภอพะโตะ๊ จงั หวดั ชุมพร ดา้ นการวิเคราะหค์ วามเสี่ยง ดา้ นการวเิ คราะหค์ วาม เสยี่ ง X S.D. ระดบั ลาดบั 1. ดินถลม่ เปน็ ภยั ที่เกดิ ข้ึนอย่างฉับพลัน ไมส่ ามารถ 5 4 เตรยี มรับมอื ไดท้ ันจึงเป็นสาเหตใุ หเ้ กิดความเสยี หายต่อ 3 ชีวติ และทรพั ย์สนิ ผลผลิตทางการเกษตร และส่ิง 1 สาธารณปู โภค 3.46 1.087 มาก 2 2. ดินถล่มท่ีมีระยะเวลาการเกิดเปน็ เวลานาน จะย่ิงส่งผลต่อ ความเสยี หายทางด้านชวี ติ และทรัพย์สนิ ต่าง ๆ มากขึ้น 3.67 1.094 มาก 3. ชว่ งฤดูมรสุม เปน็ ปัจจัยสาคัญท่เี กย่ี วข้องกับขนาดความ รนุ แรงของการเกิดดนิ ถล่ม เพราะเป็นช่วงท่ีมฝี นตกมาก ทาให้มวลดินอุ้มนา้ และมีการไหลบา่ ของน้าอย่างรุนแรง 3.68 1.007 มาก 4. อตั ราการไหลบา่ ของน้าจากภเู ขาสงู ที่มคี วามเร็วรุนแรงและ เชี่ยวกราก จะส่งผลให้เกิดพลงั อานาจพงั ทลาย ทร่ี ุนแรง และ กอ่ ให้เกดิ ความสญู เสียต่อชวี ิต สุขภาพ และทรพั ย์สินเปน็ จานวนมากตามมา 3.87 .754 มาก 5. บ้านเรอื นที่ตง้ั อย่ใู กล้บริเวณแมน่ า้ หว้ ย ลาคลอง รวมถึงที่ลาดเชงิ เชงิ เขา ทรี่ าบลุม่ ต่า เมอ่ื เกิดดินถล่มจะ ได้รับความเสียหายท้ังหลงั และมผี ู้บาดเจ็บหรอื เสียชวี ติ ได้มากกวา่ 3.86 .917 มาก รวมเฉลยี่ 3.71 .990 มาก จากตารางท่ี 4 พบว่า ปัจจัยการบริหารจัดการความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มใน พ้ืนที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ด้านการวิเคราะห์ความเสี่ยงโดยภาพรวม มีความ เหมาะสมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย ( X = 3.71) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อัตราการไหลบ่าของน้าจากภูเขาสูงท่ีมีความเร็วรุนแรงและ เชย่ี วกรากจะส่งผลให้เกิดพลังอานาจพังทลายที่รุนแรงและก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตสุขภาพ และทรัพย์สิน เปน็ จานวนมาก มีค่าเฉลีย่ สูงที่สดุ รองลงมาคอื บา้ นเรอื นทต่ี ้งั อย่ใู กลบ้ ริเวณแม่น้าห้วยลาคลองรวมถึงที่ ลาดเชิงเชิงเขาที่ราบลุ่มต่าเมื่อเกิดดินถล่มจะได้รับความเสียหายท้ังหลังและมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

30 ได้มากกว่า และดินถล่มเป็นภัยที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันไม่สามารถเตรียมรับมือได้ทันจึงเป็นสาเหตุให้ เกิดความเสียหายตอ่ ชีวิตและทรพั ย์สินผลผลิตทางการเกษตรและสง่ิ สาธารณปู โภค มคี ่าเฉล่ียตา่ ท่ีสุด ตารางที่ 5 ค่าเฉลี่ย ( X ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ปจั จยั การบรหิ ารความเสีย่ งสาธารณภยั กรณีศกึ ษาดนิ ถล่มในพนื้ ทต่ี าบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชมุ พร ด้านการจดั การความเสย่ี ง การจดั การความเส่ยี ง X S.D. ระดับ ลาดับ 1 1. การจัดทาโครงสรา้ งป้องกันดินถลม่ ให้แกห่ มบู่ า้ นเชน่ .524 มาก 2 .793 มาก 3 การปรบั สภาพความลาดชนั การปรบั เปลยี่ นร่องนา้ .832 มาก 5 4 เลยี นแบบธรรมชาติ สามารถบรรเทาความรนุ แรงของ .887 มาก การเกิดดนิ ถลม่ ได้ 4.02 .827 มาก .790 มาก 2. การอพยพย้ายถ่ินไปอยทู่ ี่ปลอดภัยอยา่ งถาวรเป็นวธิ ี ทดี่ ีทีส่ ุดในการหลีกเลย่ี งความเส่ยี งภยั และเป็นป้องกนั ความสญู เสยี ที่จะเกดิ ขึ้น 3.89 3. การปอ้ งกนั มใิ หม้ ีการตัดไม้ทาลายป่า พร้อมท้งั การ ปลูกต้นไม้ทดแทนสามารถป้องกันและลดความเสี่ยง จากการเกดิ ดินถลม่ ได้ 3.79 4. การเฝา้ ระวงั ตดิ ตามพยากรณอ์ ากาศจากกรม อตุ นุ ยิ มวิทยา และมเี ครอื ข่ายแจ้งเตอื นเกี่ยวกบั การเกิด ดนิ ถลม่ เป็นวธิ ีหนึ่งทีส่ ามารถป้องกนั และลดผลกระทบ ท่อี าจเกิดจากดนิ ถล่มได้ 3.70 5. การจัดทาแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั หมู่บ้านและการฝกึ ซ้อมแผนอยา่ งสมา่ เสมอ ทาใหม้ ี ความรเู้ ทา่ ทนั ภยั และสามารถปฏิบตั ิตนให้รอดพ้นจาก อนั ตรายเม่ือเกดิ เหตกุ ารณข์ ึน้ จรงิ 3.74 รวมเฉลย่ี 3.83 จากตารางที่ 5 พบว่า ปัจจัยการบริหารความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพื้นท่ี ตาบลปงั หวาน อาเภอพะโตะ๊ จังหวัดชมุ พร ดา้ นการจดั การความเสย่ี ง โดยภาพรวม มีความเหมาะสม อยใู่ นระดับมาก มคี ่าเฉลย่ี ( X = 3.83) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การจัดทาโครงสร้างป้องกันดินถล่มให้แก่หมู่บ้าน เช่น การปรับสภาพความลาดชันการปรับเปลี่ยนร่องน้าเลียนแบบธรรมชาติสามารถบรรเทาความรุนแรง ของการเกิดดินถล่มได้ มีค่าเฉล่ียสูงที่สุด รองลงมาคือ การอพยพย้ายถิ่นไปอยู่ท่ีปลอดภัยอย่างถาวร เป็นวิธีที่ดีท่ีสุดในการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและป้องกันความสูญเสียท่ีจะเกิดข้ึน และการเฝ้าระวัง ติดตามพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาและมีเครือข่ายแจ้งเตือนเก่ียวกับการเกิดดินถล่มเป็น วิธีหนงึ่ ทสี่ ามารถป้องกนั และลดผลกระทบทีอ่ าจเกดิ จากดินถล่มได้ มีค่าเฉลีย่ ตา่ ที่สดุ

31 ตารางที่ 6 คา่ เฉล่ีย ( X ) และค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.) ปัจจัยการบรหิ ารความเส่ยี งสาธารณภยั กรณีศกึ ษาดนิ ถล่มในพื้นทีต่ าบลปงั หวาน อาเภอพะโตะ๊ จงั หวัดชุมพร ด้านการตดิ ตามรายงานผล การติดตามรายงานผล X S.D. ระดับ ลาดบั .623 ปานกลาง 5 1. การจัดทาบญั ชีครวั เรือน สารวจจานวนประชากรใน 3 .884 มาก 2 หมู่บา้ นใหเ้ ปน็ ปจั จุบนั อยู่เสมอ จะช่วยใหก้ ารวางแผน .876 มาก 4 จดั การความเสี่ยงเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 3.28 .871 มาก 1 2. เข้ารว่ มประชมุ ปรกึ ษาหารือร่วมกันในหมบู่ ้าน .828 มาก .848 มาก เกีย่ วกับการป้องกนั และแก้ไขปญั หาดินถล่มท่ีจะเกิดข้ึน อย่างต่อเนื่องเชน่ ของบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ ขอ้ ตกลงการอนรุ กั ษ์ป่าไม้ ปลูกพืชทดแทน 3.71 3. ชาวบา้ นมกี ารตดิ ตามข้อมูลขา่ วสารการปอ้ งกนั และ บรรเทาภยั ดนิ ถล่มจากทางราชการและแลกเปลย่ี น ความรู้ซงึ่ กนั และกนั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 3.74 4. การติดตามสภาวะอากาศ การรายงานข้อมูลการ เฝ้าระวังภัย การทบทวนแผนการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยของหมู่บ้านเปน็ ประจาทุกเดอื นและ สม่าเสมอ จะทาใหท้ ราบข้อมูลเพือ่ การจดั การภยั ได้ อย่างถูกต้องเหมาะสม 3.69 5. ในหมบู่ ้านมคี ณะกรรมการติดตามประสานงานกบั องค์การบริหารสว่ นตาบล และหนว่ ยงานป้องกนั และ บรรเทาสาธารณภัย เกย่ี วกับการให้ความช่วยเหลอื ขณะ เกิดภัยและภายหลงั เกิดภัย 3.93 รวมเฉลยี่ 3.67 จากตารางท่ี 6 พบว่า ปัจจัยการบริหารความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพ้ืนที่ ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ด้านการติดตามรายงานผล โดยภาพรวม มีความ เหมาะสมอยใู่ นระดบั มาก มคี ่าเฉลยี่ ( X = 3.67) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ในหมู่บ้านของมีคณะกรรมการติดตามประสานงานกับ องค์การบริหารส่วนตาบล และหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือ ขณะเกิดภัยและภายหลังเกิด มีค่าเฉล่ียสูงที่สุด รองลงมา คือ ชาวบ้านมีการติดตามข้อมูลข่าวสาร การป้องกนั และบรรเทาภัยดินถล่มจากทางราชการและแลกเปลี่ยนความรู้ซ่ึงกันและกันอย่างต่อเนื่อง และการจัดทาบัญชีครัวเรือนสารวจจานวนประชากรในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มของหมู่บ้านให้เป็น ปัจจุบนั อย่เู สมอจะชว่ ยให้การวางแผนจดั การความเส่ยี งเป็นไปอย่างมีประสทิ ธิภาพ มคี า่ เฉลี่ยตา่ ทสี่ ดุ

32 ตารางท่ี 7 ค่าเฉลีย่ ( X ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ปัจจัยการบรหิ ารความเสย่ี งสาธารณภัย กรณศี ึกษาดินถล่มในพนื้ ทต่ี าบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวดั ชุมพร ด้านการตรวจสอบ ดา้ นการตรวจสอบ X S.D. ระดับ ลาดับ 1. มีการตรวจสอบข้อมลู ข่าวสารพยากรณ์อากาศ มาก 1 ปริมาณนา้ ฝนและปริมาณน้าทา่ จากสอ่ื ต่าง ๆ เชน่ วทิ ยุ มาก 2 มาก 4 โทรทัศน์ หรือเสยี งตามสายของหมบู่ ้านเปน็ ประจา 3.69 .923 ปานกลาง 5 มาก 3 2. ในหมู่บ้าน มีการจดั ต้ังเวรยามเฝ้าระวงั ดินถล่มและ มาก เมอื่ ฝนตกหนักมีการจดรายงานปริมาณนา้ ฝน เฝา้ สงั เกต ธรรมชาติ เช่น ระดับน้าในหว้ ย ลาคลองเพิ่มสงู ขน้ึ รวดเร็ว เปล่ยี นสี มีเสยี งดังผดิ ปกติมาจากภเู ขาสูง 3.58 1.016 3. ให้ความรว่ มมือกบั หม่บู า้ นในการรว่ มกันดูแลไม่ตัดไม้ ทาลายป่า ปลกู พืชทดแทน ปลูกพชื คลมุ ดินรักษาสภาพ หนา้ ดิน 3.46 1.121 4. มกี ารจัดทาแผนเผชญิ เหตุและแผนอพยพประชาชน 3.32 .990 จากภยั ดนิ ถลม่ กาหนดเสน้ ทางไปยงั พนื้ ทีป่ ลอดภยั 5. หมูบ่ ้านมีการสารวจ ตรวจสอบ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือ เครื่องใช้ทีจ่ าเปน็ ให้สามารถใช้การไดท้ นั ทีเม่ือเกิด สถานการณด์ นิ ถลม่ ในหมู่บ้าน 3.58 1.100 รวมเฉล่ยี 3.52 1.039 จากตารางที่ 7 พบว่า ปัจจัยการบริหารความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพื้นที่ ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ด้านการตรวจสอบโดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ใน ระดบั มาก มคี ่าเฉลี่ย ( X = 3.52) เม่ือพจิ ารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีการตรวจสอบขอ้ มูลขา่ วสารเก่ยี วกบั พยากรณ์อากาศ ปริมาณน้าฝนและปริมาณน้าท่าจากส่ือต่าง ๆ เช่นวิทยุโทรทัศน์หรือเสียงตามสายของหมู่บ้าน ประจา มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมา คือ มีการจัดต้ังเวรยามเฝ้าระวังดินถล่มและเม่ือฝนตกหนักมีการ จดรายงานปริมาณน้าฝนเฝ้าสงั เกตธรรมชาติ เชน่ ระดับนา้ ในห้วย ลาคลองเพ่ิมสูงขึ้นรวดเร็ว เปล่ียนสีมี เสยี งดังผดิ ปกตจิ ากภเู ขาสูงและไดส้ ารวจตรวจสอบอุปกรณเ์ คร่อื งมอื ทีจ่ าเป็นใหส้ ามารถใช้การได้ทันที เม่ือเกิดสถานการณ์ดินถล่มในหมู่บ้าน และในหมู่บ้านมีการจัดทาแผนเผชิญเหตุและแผนอพยพ ประชาชนจากภยั ดินถลม่ กาหนดเสน้ ทางไปยังพน้ื ที่ปลอดภัย มีคา่ เฉล่ยี ตา่ ทสี่ ุด ตอนที่ 3 ผลการศึกษาความคดิ เหน็ ความสาเรจ็ ในการบรหิ ารความเสย่ี งสาธารณภัย กรณศี กึ ษา ดนิ ถล่มในพ้ืนท่ตี าบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จงั หวดั ชุมพร ได้แก่ ประสิทธิภาพการ บรหิ ารงาน ความรวดเรว็ ในการแกไ้ ขปัญหา และการอานวยการแบบบรู ณาการโดยหาคา่ เฉลีย่ และ คา่ เบ่ียงเบนมาตรฐาน นาเสนอขอ้ มูลในตารางประกอบการบรรยาย ดงั ปรากฏในตารางที่ 8

33 ตารางท่ี 8 คา่ เฉล่ีย ( X ) และคา่ เบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ปจั จยั ที่มีผลต่อความสาเร็จในการ บริหารความเส่ียงสาธารณภัย กรณศี ึกษาดนิ ถล่มในพน้ื ที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวดั ชมุ พร โดยภาพรวม ปัจจยั ท่ีมีผลต่อความสาเรจ็ ในการบรหิ ารความเส่ียง X S.D. ระดับ ลาดบั สาธารณภยั กรณศี ึกษาดินถลม่ ในพ้ืนที่ตาบลปังหวาน 1. ประสทิ ธิภาพของการบรหิ ารงาน 3.62 1.036 มาก 3 2. ความรวดเร็วในการแก้ไขปัญหา 3.70 .930 มาก 2 3. การอานวยการแบบบูรณาการ 3.72 1.030 มาก 1 รวมเฉลย่ี 3.68 1.000 มาก จากตารางท่ี 8 พบว่า ปัจจยั ท่ีมผี ลตอ่ ความสาเรจ็ ในการบริหารความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษา ดนิ ถล่มในพ้นื ทต่ี าบลปงั หวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวดั ชุมพร โดยภาพรวม มีความสาเร็จอยู่ในระดับมาก มคี ่าเฉลี่ย ( X = 3.68) เม่ือพิจารณาเป็นรายขอ้ พบวา่ การอานวยการแบบบูรณาการ ค่าเฉล่ียสูงท่ีสุด รองลงมา คือ ความรวดเร็วในการแก้ไขปญั หา และประสทิ ธิภาพของการบรหิ ารงาน มคี า่ เฉลยี่ ตา่ ทีส่ ดุ ตารางที่ 9 ค่าเฉลีย่ ( X ) และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ปัจจัยที่มผี ลต่อความสาเร็จในการ บริหารความเสยี่ งสาธารณภยั กรณีศึกษาดินถล่มในพน้ื ท่ีตาบลปังหวาน อาเภอพะโตะ๊ จังหวัดชุมพร ด้านประสิทธิภาพในการบริหารงาน ประสทิ ธภิ าพในการบริหารงาน X S.D. ระดับ ลาดับ 1. การอบรมชาวบา้ นจะชว่ ยเสรมิ สร้างและเพ่มิ พนู ความสามารถในการลดความเสยี่ งต่อการเกดิ ภัย 3.44 1.042 มาก 5 2. การเตรียมคนและอุปกรณเ์ ครอื่ งมือทจ่ี าเป็นตา่ ง ๆ ไว้ให้พร้อมรบั มือกบั ภัยที่อาจจะเกดิ ไดต้ ลอดเวลาช่วย ให้สามารถแกไ้ ขปัญหาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 3.54 1.110 มาก 4 3. มคี วามจาเป็นที่ชาวบา้ นต้องมีสว่ นร่วมและ ปฏบิ ัติการปอ้ งกันและบรรเทาความรนุ แรงจาก ดนิ ถลม่ โดยไมต่ ้องรอทางราชการ จะบรรเทาความ รนุ แรงภัยดนิ ถลม่ ได้ 3.70 .921 มาก 2 4. ในชว่ งฤดูมรสมุ ควรมกี ารเฝ้าระวงั การเกิดดินถลม่ เชน่ การติดตามข่าวพยากรณ์อากาศ สังเกตระดบั น้า และสขี องน้าในแมน่ ้า ห้วย ลาคลอง ตลอด 24 ช่ัวโมง 3.61 1.169 มาก 3 5. หนว่ ยงานภาครัฐไดใ้ หค้ วามชว่ ยเหลือในดา้ นตา่ ง ๆ ทง้ั ระยะก่อนเกิด ขณะเกิด และภายหลงั ภยั สน้ิ สุด และ ตรงกบั ความต้องการของชาวบ้านจะชว่ ยบรรเทาความ สูญเสยี ได้ 3.81 .876 มาก 1 รวมเฉล่ีย 3.62 1.036 มาก

34 จากตารางที่ 9 พบว่า ปัจจัยท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการบริหารความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพื้นท่ีตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ด้านประสิทธิภาพในการ บริหารงานโดยภาพรวม มีความสาเร็จอยใู่ นระดบั มาก มีคา่ เฉลยี่ ( X = 3.62) เมื่อพจิ ารณาเป็นรายข้อ พบว่า หนว่ ยงานภาครัฐได้ให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ทั้งระยะ ก่อนเกิดขณะเกิดและภายหลังภัยสิ้นสุดและตรงกับความต้องการของชาวบ้านจะช่วยบรรเทาความ สูญเสียได้ มีค่าเฉลี่ยสูงท่ีสุด รองลงมา คือ มีความจาเป็นท่ีชาวบ้านต้องมีส่วนร่วมและปฏิบัติการ ป้องกันและบรรเทาความรุนแรงจากดินถล่มโดยไม่ต้องรอทางราชการ และการอบรมชาวบ้านจะช่วย เสริมสร้างและเพม่ิ พูนความสามารถในการลดความเส่ยี งต่อการเกดิ ภัย มีคา่ เฉล่ียตา่ ทสี่ ดุ ตารางท่ี 10 คา่ เฉลี่ย ( X ) และค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) ปัจจัยทมี่ ีผลตอ่ ความสาเร็จในการ บรหิ ารความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษาดนิ ถล่มในพน้ื ที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ด้านความรวดเรว็ ในการแก้ไขปัญหา ความรวดเรว็ ในการแก้ไขปัญหา X S.D. ระดบั ลาดบั 5 1. ในหมบู่ ้านมีอุปกรณ์ เครือ่ งมอื ทจี่ าเป็นชาวบา้ นมคี วามรู้ 1 ความเข้าใจซงึ่ จะสามารถแก้ไขสถานการณภ์ ัยดินถล่มไดอ้ ยา่ ง 3 4 รวดเร็ว ลดความสูญเสยี ท่ีเกิดข้ึนได้ 3.63 1.032 มาก 2 2. ในหม่บู า้ นมรี ะบบการสอื่ สารทด่ี ีและเพยี งพอ เช่น หอกระจายขา่ ว เสียงตามสาย วิทยสุ ือ่ สารเพือ่ การ ประชาสัมพนั ธแ์ ละติดต่อประสานองค์กรเครือข่าย เชน่ ภาครฐั ภาคเอกชน มูลนิธิ 3.75 .917 มาก 3. คนในครอบครวั ทราบถงึ วิธีปฏิบัติตนและมีความ พรอ้ มในการอพยพ ขนยา้ ยสงิ่ ของ หลบภยั เม่ือเกดิ ดนิ ถล่ม 3.70 .929 มาก 4. การจัดตงั้ อาสาสมัครปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั เช่น มสิ เตอรเ์ ตือนภัย อปพร. กู้ชพี ก้ภู ยั จะชว่ ยปอ้ งกัน และแก้ไขปัญหาดินถล่ม 3.67 .880 มาก 5. การใหค้ วามชว่ ยเหลือของหน่วยงานราชการภายหลัง เกดิ ภยั เช่น สง่ เสรมิ อาชีพ ซ่อมแซมสงิ่ สาธารณปู โภค จะช่วยให้บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ รวดเรว็ ยิ่งขึน้ 3.74 .886 มาก รวมเฉล่ยี 3.70 .930 มาก จากตารางท่ี 10 พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อความสาเร็จในการบริหารความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพ้ืนท่ีตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ด้านความรวดเร็วในการแก้ไข ปญั หา โดยภาพรวมมคี วามสาเร็จอยูใ่ นระดบั มาก มีคา่ เฉลยี่ ( X = 3.70)

35 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ในหมู่บ้านมีระบบการส่ือสารท่ีดีและเพียงพอ เช่น หอกระจายขา่ ว เสียงตามสาย วิทยุส่ือสาร เพื่อการประชาสมั พนั ธ์และติดต่อประสานองค์กรเครือข่าย เช่น ภาครัฐ ภาคเอกชน มูลนิธิ มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด รองลงมา คือ การให้ความช่วยเหลือของหน่วยงาน ราชการภายหลังเกดิ ภัย เชน่ ส่งเสรมิ อาชีพ ซ่อมแซมส่ิงสาธารณูปโภคจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และหมู่บ้านเมีอุปกรณ์ เครื่องมือ ที่จาเป็นชาวบ้านมีความรู้ ความเข้าใจ ซึ่งจะ สามารถแกไ้ ขสถานการณ์ภยั ดนิ ถล่มได้อย่างรวดเร็วลดความสญู เสียท่เี กิดขึน้ ได้ มคี า่ เฉลีย่ ต่าท่สี ุด ตารางท่ี 11 คา่ เฉล่ีย ( X ) และคา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) ปจั จยั ทม่ี ีผลต่อความสาเร็จในการ บริหารความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศกึ ษาดนิ ถล่มในพน้ื ทต่ี าบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ด้านการอานวยการแบบบูรณาการ การอานวยการแบบบรู ณาการ X S.D. ระดับ ลาดับ 4 1. หนว่ ยงานท่ใี ห้ความร้เู มื่อเกดิ ภยั และประสานให้ 5 ความช่วยเหลือคอื สานักงานป้องกนั และบรรเทา 3 1 สาธารณภัยจงั หวดั 3.56 .975 มาก 2 2. ควรรวมกล่มุ จัดตง้ั คณะกรรมการป้องกนั และบรรเทา สาธารณภยั ภายในหมบู่ า้ น เพ่ือเป็นศนู ย์กลางประสาน ให้ความชว่ ยเหลอื กันเองก่อนทีจ่ ะรอใหห้ น่วยงาน ราชการช่วยเหลอื 3.51 .972 มาก 3. หม่บู า้ นใกลเ้ คียง สามารถให้การสนับสนนุ ชว่ ยเหลือ หมู่บา้ นของทา่ นเม่ือเกดิ สถานการณ์ดินถล่ม 3.81 1.073 มาก 4. ภาครฐั จะสนับสนุนอปุ กรณ์ เครือ่ งมือ งบประมาณ ให้กับหมบู่ า้ น ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั 3.90 1.010 มาก 5. เม่ือเกิดสถานการณ์ท่ีหมบู่ ้านไม่สามารถรบั มือได้ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน จะใหก้ ารช่วยเหลือเบื้องต้น เชน่ ทีพ่ ักชั่วคราว อาหาร นา้ ดมื่ ยารักษาโรค รวมถึง สิ่งของอุปโภคท่ีจาเป็น 3.82 1.063 มาก รวมเฉลยี่ 3.72 1.030 มาก จากตารางท่ี 11 พบว่า ปัจจัยท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการบริหารความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพ้นื ท่ตี าบลปงั หวาน อาเภอพะโตะ๊ จังหวัดชุมพร ด้านการอานวยการแบบบูรณา การโดยภาพรวม มีความสาเร็จอยใู่ นระดบั มาก มคี ่าเฉลย่ี ( X = 3.72) เมอ่ื พจิ ารณาเปน็ รายข้อ พบว่า หน่วยงานภาครฐั จะสนับสนุนอุปกรณ์ เครื่องมอื งบประมาณให้กับหมบู่ า้ น เพื่อใชใ้ นการชว่ ยเหลือด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั มีคา่ เฉลี่ย สงู ทส่ี ุด รองลงมา คือ เม่ือเกิดสถานการณ์ท่ีหมู่บ้านไม่สามารถรบั มอื ได้ หน่วยงานภาครฐั เอกชน จะ ใหก้ ารชว่ ยเหลอื เบอ้ื งต้น เชน่ ท่ีพักชัว่ คราว อาหาร นา้ ด่ืม ยารกั ษาโรค รวมถงึ ส่ิงของอุปโภคทจ่ี าเป็น มีความสาเรจ็ อยู่ในระดับมาก และควรรวมกลมุ่ จัดตั้งคณะกรรมการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย

36 ภายในหม่บู ้าน เพ่ือเปน็ ศูนย์กลางประสานใหค้ วามช่วยเหลือกนั เองก่อนที่จะรอใหห้ น่วยงานราชการ ชว่ ยเหลอื มคี ่าเฉลีย่ ตา่ ท่สี ุด ตอนท่ี 4ผลการวิเคราะห์สมมติฐาน ความสัมพนั ธร์ ะหว่างตัวแปรอสิ ระ ได้แก่ การระบคุ วามเสย่ี ง การวเิ คราะห์ความเสีย่ ง การจดั การความเส่ยี ง การติดตามรายงานผล และการตรวจสอบ กบั ตวั แปรตาม คือ ปัจจัยท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการบริหารความเส่ยี งสาธารณภยั กรณีศกึ ษาดินถล่มในพ้ืนที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร โดยใช้สถติ ิการ วเิ คราะห์การถดถอยพหุ (Multiple Regression) เขยี นเป็นสมการเชิงเส้นได้ ดงั น้ี Y = b0 + b1 X1 + b2 X2 +b3 X3 + b4 X4 +b5 X5+e ………………..(1) Y = ปัจจยั ท่มี ีผลต่อความสาเร็จในการบรหิ ารความเสย่ี งสาธารณภัย กรณีศกึ ษาดิน ถลม่ ในพื้นทต่ี าบลปงั หวาน อาเภอพะโต๊ะ จงั หวดั ชมุ พร X1 = การระบุความเสี่ยง X2 = การวเิ คราะห์ความเสย่ี ง X3 = การจดั การความเส่ยี ง X4 = การติดตามรายงานผล X5 = การตรวจสอบ e = คา่ ความคลาดเคลอ่ื น ตารางที่ 12 ผลการตรวจสอบสหสัมพันธร์ ะหวา่ งตัวแปรอิสระทใี่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ปจั จยั ที่มีผลตอ่ ความสาเร็จในการบรหิ ารความเสี่ยงสาธารณภัย กรณศี กึ ษาดินถลม่ ในพนื้ ทีต่ าบลปงั หวาน อาเภอพะโตะ๊ จงั หวดั ชมุ พร ตวั แปร การระบุ การวเิ คราะห์ การจดั การ การติดตาม การ ความเส่ยี ง ความเสยี่ ง ความเสยี่ ง รายงานผล ตรวจสอบ การระบุความเส่ียง (X1) 1.000 การวเิ คราะห์ความเส่ียง (X2) .631 1.000 การจัดการความเส่ียง (X3) .315 .258 1.000 การตดิ ตามรายงานผล (X4) .447 .451 .390 1.000 การตรวจสอบ (X5) .584 .627 .150 .461 1.000 ผลการตรวจสอบความสัมพันธข์ องตวั แปรอสิ ระก่อนนาไปหาความสมั พันธ์กับปัจจัยท่ีมีผลต่อ ความสาเร็จในการบริหารความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพ้ืนท่ีตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร โดยวิธีสร้างสมการถดถอยพหุ เน่ืองจากการใช้สถิติถดถอยพหุ มีเทคนิคกากับวิธีที่ต้อง ไม่มีความสัมพันธ์กันสูงระหว่างตัวแปรอิสระคู่ใดมีความสัมพันธ์กันสูงเกินกว่า 0.75 ซึ่งจากการ ตรวจสอบค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของตัวแปรอิสระโดยการสร้าง Correlation Matrix ผู้วิจัยพบว่า ไม่มีตัวแปรอิสระคู่ใดมีความสัมพันธ์กันสูงเกินกว่า 0.75 ดังน้ัน จึงนามาวิเคราะห์วิเคราะห์ในสมการ ถดถอยพหุ (Multiple Regression) ต่อไป

37 ตารางท่ี 13 การวิเคราะหถ์ ดถอยพหุ ปัจจัยทมี่ ีผลตอ่ ความสาเรจ็ ในการบรหิ ารจดั การความ เสยี่ งสาธารณภยั กรณีศึกษาดินถล่มในพ้นื ท่ีตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวดั ชมุ พร ตวั แปร ค่าสัมประสทิ ธ์ T Sig t การถดถอย (b) การตรวจสอบ (X5) 1.417 11.262 .000 การระบุความเส่ียง (X1) .560 3.074 .002 การตดิ ตามรายงานผล (X4) .511 2.846 .005 การวิเคราะห์ความเส่ยี ง (X2) .310 1.984 .048 4.541 1.428 .155 คา่ คงท่ี (Constant) R2 = 0.681 , SEE = 5.826, F = 123.635, Sig F = 0.000 สามารถเขียนสมการเชิงเสน้ ได้ดงั น้ี Y = b0 + b1 X5 + b2 X1 +b3 X4 + b4 X2 ………………………………..(2) ปัจจยั ท่มี ีผลตอ่ ความสาเรจ็ ในการบรหิ ารความเส่ียงสาธารณภัย กรณศี ึกษาดนิ ถลม่ ในพื้นทต่ี าบล ปงั หวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร (Y) = 4.541 + 1.417 (การตรวจสอบ) +.560 (การระบคุ วามเส่ียง) +.511 (การตดิ ตามรายงานผล) (1.428) (11.262) (3.074) (2.846) + .310 (การวเิ คราะห์ความเส่ียง) (1.984) R2 = 0.681 , SEE = 5.826, F = 123.635, Sig F = 0.000 จากตารางท่ี 13 ผลการวิเคราะห์ตัวแปรอิสระ 5 ตัว พบว่า มีตัวแปรอิสระ 4 ตัว มีผลเชิง บวกต่อตัวแปรตาม อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ คือ การตรวจสอบ การระบุความเส่ียง การติดตาม รายงานผล และการวิเคราะห์ความเส่ียง ตัวแปรท้ัง 4 ตัวสามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงของ ตัวแปรตาม คือ ปัจจัยที่มีผลต่อความสาเร็จในการบริหารจัดการความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษา ดินถลม่ ในพ้นื ที่ตาบลปงั หวาน อาเภอพะโตะ๊ จงั หวัดชุมพร ไดร้ อ้ ยละ 68.0 แสดงว่ามีปัจจัยอื่นท่ีไม่ได้ นามาพิจารณาอกี รอ้ ยละ 32.0 และสมการท่ไี ดจ้ ากการวเิ คราะหถ์ ดถอยพหุแบบขั้นตอน (Stepwise) ที่มีนัยสาคัญทางสถิติ มีค่าผิดพลาดของการคาดประมาณด้วยสมการ (Standard error of the estimate) เก่ยี วกับความสาเรจ็ ในการบริหารความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพื้นท่ีตาบล ปังหวาน อาเภอพะโตะ๊ จงั หวดั ชมุ พร เท่ากบั 5.826 ตอนที่ 5 ผลการศกึ ษาวจิ ัยเชิงคณุ ภาพ โดยใชส้ ถิติการวิเคราะหเ์ ชิงเนื้อหา 1. ข้อมูลทั่วไปจากการสัมภาษณ์เชิงลึกของผู้ท่ีให้ข้อมูลสาคัญเก่ียวกับปัจจัยที่มีผลต่อ ความสาเร็จในการบริหารจัดการความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพ้ืนที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จงั หวดั ชมุ พร จานวน 9 คน พบว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้สัมภาษณ์เชิงลึก จานวน 9 คน สามารถสรปุ ได้ ดงั น้ี เพศ พบว่า มากทสี่ ุดเปน็ เพศชาย (รอ้ ยละ 77.78) ส่วนทเ่ี หลือเป็นเพศหญิง (รอ้ ยละ 22.22)

38 อายุ พบว่า มากที่สุดมีอายุ 31-40 ปี (ร้อยละ 55.56) รองลงมา มีอายุ 20-30 ปี (ร้อยละ 22.22) และอายุ 41-50 ปี (รอ้ ยละ22.22) ระดับการศึกษา พบว่า มากที่สุด จบช้ันมัธยมศึกษาตอนต้นปลาย/ปวช. (ร้อยละ 33.33) และปริญญาตรีหรือสูงกว่า (ร้อยละ 33.33) รองลงมา จบมัธยมศึกษาตอนต้น (ร้อยละ 22.22) และ น้อยท่สี ดุ จบอนปุ ริญญาตรี / ปวส. / ปวท. 2. จากการสัมภาษณ์ปัจจัยท่ีมีความสัมพันธ์กับการบริหารจัดการความเส่ียงสาธารณภัย กรณศี ึกษาดินถล่มในพืน้ ทตี่ าบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จงั หวดั ชุมพร สรปุ ประเดน็ ไดด้ งั น้ี ดา้ นการระบคุ วามเส่ียง จากการสัมภาษณ์ พบว่ามีความรู้ความเข้าใจในการบริหารความเสี่ยงสาธารณภัยดินถล่ม เป็นอยา่ งดี กล่าวคือ สามารถระบคุ วามเส่ยี งไดว้ า่ การทากิจกรรมตา่ ง ๆ เชน่ การตัดไม้ทาลายป่าเพื่อ การเกษตร การก่อสร้างบ้านเรือนท่ีอยู่อาศัย หรือถนนหนทาง เป็นสาเหตุสาคัญทาให้เกิดดินถล่ม โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกหนักและติดต่อกันหลายวัน ซึ่งการเกิดดินถล่มจะทาให้ผู้คนและ บ้านเรอื นรวมทั้งพ้ืนทีเ่ กษตรกรรมทีต่ ัง้ อยใู่ นทล่ี ุ่มใกลภ้ ูเขาสงู จะไดร้ ับความเสียหายมาก หากไม่อพยพ เคลือ่ นยา้ ยออกไปไดท้ ันก่อนที่จะเกิดดนิ ถล่ม การติดตามพยากรณ์อากาศและเวรยามเฝ้าระวังภัยโดย วัดปริมาณน้าฝนในพ้ืนท่ีอยู่ตลอดเวลา จะสามารถอพยพออกจากพื้นที่เส่ียงหากเกิดดินถล่มได้ทัน ประชาสมั พนั ธ์ รณรงคใ์ ห้ชาวบา้ นรว่ มกันอนุรกั ษ์ธรรมชาติ จัดกิจกรรมให้ปลูกต้นไม้ทดแทน จะช่วย ปอ้ งกนั การเกดิ ดนิ ถล่มได้ สรปุ ประเด็นสาคญั ไดว้ ่า “ ผู้บริหารระดับตาบล อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน และประชาชนในพื้นที่ตาบล ปงั หวาน อาเภอพะโตะ๊ จังหวดั ชมุ พร โดยรวมแลว้ สามารถระบคุ วามเสี่ยงไดว้ ่า ฤดูกาลเป็นปัจจัยหน่ึง ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับขนาดความรุนแรงของการเกิดดินถล่มโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน และเก่ียวข้องกับการตัด ไม้ทาลายป่า การก่อสร้างบ้านเรือนบริเวณที่ราบเชิงเขาหรือท่ีลุ่มใกล้ภูเขาสูง มีแนวทางแก้ไขปัญหา คือ ช่วยกันอนุรักษ์ป่าไม้ โดยการปลูกต้นไม้ทดแทน มีความจาเป็นต้องตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้เชิงเขา เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝนได้ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศและการแจ้งเตือนจากทางราชการ จัดอาสาสมัคร เฝ้าระวังภัย สามารถอพยพออกจากพื้นที่ได้ทันหากประเมินสถานการณ์ได้ว่าจะเกิดดินถล่มโดยการ สงั เกตธรรมชาติท่เี ปล่ียนแปลง และการวดั ปริมาณนา้ ฝนในพื้นที่ ” ดา้ นการวิเคราะห์ความเส่ียง จากการสมั ภาษณ์ พบว่า ในตาบลปังหวาน มีภูมปิ ระเทศเปน็ เทอื กเขาสลับซับซ้อน บ้านเรือน และพื้นท่ีเกษตรกรรม เช่น สวนกาแฟ สวนผลไม้ ต้ังอยู่ท่ีราบลุ่มใกล้เชิงเขา ริมแม่น้า ลาคลอง ในช่วง ฤดฝู นทม่ี ฝี นตกหนักตดิ ตอ่ กันอย่างน้อย 2 วัน อาจเกดิ ดินถล่มทาให้บ้านเรือน และพื้นท่ีเกษตรกรรม ได้รับความเสียหาย การติดต้ังเครื่องวัดปริมาณน้าฝนในพ้ืนท่ีเสี่ยงภัย จัดเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของ หมู่บ้านเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ จะช่วยเตือนภัยให้ชาวบ้านรับรู้ได้ก่อนล่วงหน้า ในช่วงฤดูฝน ชาวบ้านในพื้นท่ีเส่ียงจะติดตามข่าวพยากรณ์อากาศกรมอุตุนิยมวิทยา จากสถานีวิทยุ โทรทัศน์ และ ประกาศเสียงตามสายของหมู่บ้านอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมเก็บข้าวของมีค่าพร้อมอพยพ หลบภัยหากมกี ารแจ้งเตอื นจากอาสาสมัครของหมูบ่ ้าน

39 “ มีบ้านเรือนในพ้ืนที่ตาบลปังหวานบางส่วน ได้ต้ังอยู่ใกล้เชิงเขา ท่ีราบลุ่ม ริมแม่น้า ลาคลอง และมีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ซึ่งทราบว่ามีความเส่ียงท่ีจะได้รับอันตราย จากดินถล่มที่อาจเกิดข้ึนได้อย่างฉับพลัน และมีความเข้าใจว่าช่วงฤดูมรสุมท่ีมีฝนตกหนักติดต่อกัน หลายวนั เปน็ ปัจจยั ทเี่ กีย่ วข้องกับความรนุ แรงของการเกิดดินถล่มเพิ่มมากข้ึน ในอดีตท่ีผ่านมายังไม่มี ประวัติการเกิดดินถล่มในพื้นท่ี มีแนวทางแก้ไข คือ การเฝ้าระวังติดตามพยากรณ์อากาศ และการ แจ้งเตือนจากหน่วยงานทางราชการ มีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานราชการสนับสนุนการนาหญ้าแฝก มาปลูกเพอื่ ก้ันการทาลายหน้าดิน ” ดา้ นการจัดการความเสีย่ ง จากการสัมภาษณ์ พบว่า ได้วางแผนงานเพ่ือลดโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยง ลดความเสียหาย จากสาธารณภัยกรณีดินถล่มในหมู่บ้านในพ้ืนที่เส่ียงภัย เช่น การป้องกันดูแลไม่ให้มีการตัดไม้ทาลายป่า พร้อมท้ังปลูกตน้ ไมท้ ดแทน หนว่ ยงานราชการ คือ สานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตาบลปังหวาน ได้ฝึกอบรมให้ชาวบ้านมีความรู้ความเข้าใจในการบริหาร จัดการดนิ ถล่ม มกี ารแต่งต้งั คณะกรรมการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยหมู่บ้าน จัดทาแผนป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยของหมู่บ้านและมีการจัดฝึกซ้อมแผน กรมทรัพยากรธรณีวิทยา มีการจัดตั้ง เครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัย สาหรับการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีข้อจากัดในเร่ืองเวลาที่ชาวบ้านต้องประกอบอาชีพและไม่สามารถดาเนินการฝึกซ้อมการปฏิบัติได้ ดว้ ยลาพังหมู่บา้ น จาเปน็ ต้องอาศัยหน่วยงานราชการเป็นผู้ดาเนินการให้ จึงไม่ได้ทาการฝึกซ้อมทุกปี การหลีกเลี่ยงความเส่ียงจากการเกิดดินถล่มท่ีดีที่สุด คือ การไม่ปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่ใกล้ภูเขาสูง หรือทีร่ าบลมุ่ ใกลเ้ ชิงเขา การปรบั สภาพความลาดชัน การไม่ตัดไม้ทาลายป่า การเฝ้าระวังติดตามข่าว พยากรณ์อากาศ จะสามารถปอ้ งกนั อันตรายจากการเกิดดนิ ถล่มได้ สรปุ ประเดน็ สาคญั ไดว้ า่ “ ผู้บริหารและผู้นาหมู่บ้านในพื้นท่ีตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร สามารถ บริหารจัดการความเสี่ยงในหมู่บ้านได้ในระดับดี เพราะการท่ีหมู่บ้านมีคณะกรรมการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย มีการจัดทาแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และจัดให้มีการซ้อมแผน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นับเป็นวิธีการที่ดีในการป้องกันและลดความเสี่ยงกรณีดินถล่ม ประกอบกับการจัดให้มีเครือข่ายอาสาสมัครทาหน้าที่เฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยในช่วงฤดูฝนจะช่วยให้ สามารถหลีกเลี่ยงหรืออพยพออกจากพื้นที่ได้อย่างทันเหตุการณ์ หากเกิดดินถล่มจะสามารถลดการ สูญเสียชีวติ และทรัพยส์ ินไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ ” ด้านการติดตามรายงานผล จากการสัมภาษณ์ พบว่า ในช่วงเข้าสู่ฤดูฝน ได้มีการติดตามข้อมูลข่าวพยากรณ์อากาศ และ แจ้งเตือนให้หมู่บ้านเสี่ยงภัยรับทราบข้อมูลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมท้ังสนับสนุนงบประมาณใน การป้องกันและแก้ไขปัญหาดนิ ถล่ม เช่น การจัดหาอุปกรณเ์ ตอื นภยั ท่จี าเป็น มีข้อตกลงในการอนุรักษ์ ป่าไม้ ปลูกพืชทดแทน การติดตามข่าวพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ยังมีปัญหาเรื่องความ ไม่เข้าใจต่อภาษาการแจ้งเตือนพยากรณ์อากาศ และข้อมูลไม่มีรายละเอียดเจาะจงเฉพาะพ้ืนที่ถึง ระดับอาเภอหรือระดับตาบลและเป็นคาศัพท์ท่ีเข้าใจได้ยาก ชาวบ้านจึงไม่แน่ใจว่าฝนจะตกหรือไม่

40 และตกหนักอย่างไร แต่การวัดปริมาณน้าฝนเป็นประจาทุกวัน จะทราบข้อมูลเพื่อการติดตาม สถานการณด์ นิ ถล่มที่อาจเกดิ ขน้ึ ได้ สรปุ ประเด็นสาคัญได้ว่า “ ในพื้นทอี่ งคก์ ารบริหารส่วนตาบลปังหวาน มีการบริหารจัดการความเสี่ยง ด้านการติดตาม รายงานผลอยู่ในระดับดี มีการประชุมปรึกษาหารือเป็นประจาทุกเดือน แลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าว พยากรณอ์ ากาศ การแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานทางราชการ อยู่เป็นประจาสม่าเสมอ ผู้ใหญ่บ้านจะ นาข้อมูลข่าวสารจากทางองค์การบริหารส่วนตาบลปังหวาน หรือจากหน่วยงานราชการ แจ้ง ที่ประชมุ หมู่บ้าน หากมีเรอื่ งเร่งดว่ นก็สามารถประกาศเสยี งตามสายใหช้ าวบ้านทราบโดยทัว่ กัน ” ดา้ นการตรวจสอบ จากการสัมภาษณ์ พบว่าในหมู่บ้านพ้ืนที่เส่ียงภัยตาบลปังหวาน ได้ตรวจสอบจัดเตรียม อุปกรณ์ เคร่ืองมือท่ีจาเป็น มีเครื่องวัดปริมาณน้าฝนประจาไว้ท่ีองค์การบริหารส่วนตาบลและใน หม่บู า้ น ในชว่ งฤดฝู นมีอาสาสมัครอยเู่ วรยามเฝ้าระวัง จดรายงานปริมาณน้าฝน แจ้งเตือนภัย แต่ยังมี ข้อกงั วลเร่อื งฝนที่ไม่ตกตามฤดูกาล สรุปประเดน็ สาคัญได้วา่ “ คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั หมูบ่ ้าน มกี ารบรหิ ารจดั การความเสี่ยง ด้าน การตรวจสอบอยู่ในระดับที่ชาวบ้านมีความมั่นใจในการลดความเส่ียง เพราะหมู่บ้านได้จัดเตรียม อุปกรณ์ เครื่องมือ และบคุ ลากรไว้พร้อม มีการตรวจสอบความถีข่ องการจดรายงานปริมาณน้าฝนซ่ึงมี ประโยชนต์ อ่ การแจง้ เตอื นภัย จะทาใหส้ ามารถเตรียมรบั สถานการณ์ท่อี าจเกดิ ขนึ้ ในพ้นื ท่ีได้ ” ปัจจัยท่ีมีผลต่อความสาเร็จในการบริหารจัดการความเส่ียงสาธารณภัย กรณีดินถล่มใน พ้นื ที่ตาบลปงั หวาน อาเภอพะโตะ๊ จังหวัดชุมพร จากการสมั ภาษณ์ สรปุ ประเดน็ ได้ ดังนี้ ด้านประสทิ ธิภาพในการบริหารงาน จากการสัมภาษณ์ พบว่าหมู่บ้านในพื้นที่เส่ียงภัยตาบลปังหวาน ได้มีการวางแผนบริหาร จดั การความเส่ยี งได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ด้วยการจดั เตรยี มกาลังคน อุปกรณ์ เครือ่ งมือทีจ่ าเป็นต่าง ๆ ไวพ้ รอ้ มใชง้ าน ชาวบ้านมีความรู้ความเข้าใจต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาดินถล่ม คณะกรรมการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของหมู่บ้าน ติดตามรายงานผลและตรวจสอบความเส่ียงอย่าง สม่าเสมอ และการมสี ่วนร่วมของชาวบ้านเป็นสง่ิ สาคญั จะช่วยให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาดินถล่ม เป็นไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ แต่ยังขาดการฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของหมู่บ้านให้ เป็นประจา ประกอบกบั การเปน็ เปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศและฝนไม่ตกตามฤดูกาล จึงเป็น ขอ้ กังวลในเร่อื งการเฝา้ ระวงั และรบั มอื กับสาธารณภยั สรปุ ประเดน็ สาคัญไดว้ า่ “การบริหารความเส่ียงสาธารณภัย กรณีดินถล่มในพ้ืนที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร มีประสิทธิภาพในการบริหารงานค่อนข้างมาก คณะกรรมการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยหมู่บ้าน มีการตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ เครื่องมือ อาสาสมัครและชาวบ้าน

41 มีความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการความเส่ียง และมีความม่ันใจที่จะสามารถรับมือกับภัยพิบัติ ไดใ้ นเบือ้ งต้นโดยไม่ตอ้ งรอการช่วยเหลือจากทางหน่วยงานราชการ ” ดา้ นความรวดเรว็ ในการแก้ไขปัญหา จากการสัมภาษณ์ พบวา่ หมูบ่ ้านเสย่ี งภัยในพื้นท่ตี าบลปงั หวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร มกี ารเตรียมความพร้อมท้งั อาสาสมัครเฝา้ ระวงั แจง้ เตือนภยั อปุ กรณ์ เครื่องมือ และระบบการสื่อสาร เชน่ โทรศัพท์พน้ื ฐาน หอกระจายข่าว เสียงตามสาย เพื่อการประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนภัยได้อย่าง รวดเร็ว ยังมีข้อกังวลเร่ืองการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลท่ีเป็นผู้ใหญ่บ้านหรือผู้บริหารระดับตาบล ในเร่ืองการบริหารงานว่าจะไม่ดาเนินการตามแนวทางที่กาหนดไว้อย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านทราบวิธี ปฏบิ ตั ิการตนหากเกดิ สถานการณ์ดนิ ถล่ม และมคี วามพรอ้ มในการอพยพ ขนยา้ ยส่งิ ของหลบภัยได้ คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหมู่บ้าน สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีดนิ ถลม่ ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการเตรยี มความพร้อมท้ังด้านกาลังคน อุปกรณ์ เคร่ืองมือ และระบบการสอ่ื สาร และตรงกบั ความต้องการของชาวบ้านในหม่บู ้าน ” ด้านการอานวยการแบบบูรณาการ จากการสัมภาษณ์ พบว่า คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหมู่บ้าน มีการ ประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ภายในหมู่บ้าน หมู่บ้านข้างเคียง องค์การบริหารส่วนตาบลปัง หวาน และหน่วยงานราชการ เช่น สานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และกรม ทรัพยากรธรณี ไม่มีปัญหาอุปสรรคด้านการประสานความร่วมมือ มีการปรับปรุงแผนป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยให้เป็นปจั จุบันอยู่เสมอและประชาชนมสี ่วนร่วม หมู่บ้านขา้ งเคียงสามารถให้ความ ช่วยเหลือกรณีท่ีต้องการความช่วยเหลือ และหน่วยงานทางราชการให้การสนับสนุนในการจัดอบรม ให้ความรู้ จดั หาเครื่องมืออุปกรณท์ ี่จาเปน็ ไว้ใช้งาน สรปุ ประเดน็ ทสี่ าคัญได้วา่ “ คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหมู่บ้าน สามารถบริหารจัดการความเส่ียง สาธารณภัย กรณีดินถล่ม มีความสามารถในการส่ังการ ประสานความร่วมมือกัน ทั้งภายในหมู่บ้าน ระหว่างหมู่บ้าน และกับหน่วยงานราชการไดเ้ ป็นอยา่ งดี ”

บทที่ 5 สรุปผลและอภิปรายผล สรุปผลการศกึ ษาวจิ ยั 1. ข้อมูลทั่วไป พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมากที่สุด มีอายุมากท่ีสุด 41-50 ปี สถานภาพสมรสพบว่าสมรสแล้วมากท่ีสุด ทาอาชีพเกษตรกรรมมากท่ีสุด การศึกษาพบว่าจบช้ัน ประถมศึกษามากท่สี ุด 2. ผลการศึกษาระดับการบริหารความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพ้ืนที่ตาบลปัง หวาน อาเภอพะโต๊ะ จงั หวดั ชุมพร โดยภาพรวม พบว่ามีค่าเฉล่ียเท่ากับ 3.70 มีความเหมาะสมอยู่ใน ระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า การจัดการความเสี่ยง มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดเท่ากับ 3.82 เน่ืองจากการจัดทาโครงสร้างป้องกันดินถล่มให้แก่หมู่บ้าน เช่น การปรับสภาพความลาดชัน การ ปรบั เปลีย่ นร่องน้าเลียนแบบธรรมชาติ สามารถบรรเทาความรุนแรงของการเกิดดินถล่มได้ รองลงมา คือ การระบคุ วามเส่ียง มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 3.77 เน่ืองจากการต้ังบ้านเรือนหรือสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่กีด ขวางทางน้าทาให้เส่ียงต่อการเกิดดินถล่มได้ การวิเคราะห์ความเสี่ยง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.71 เนื่องจากอัตราการไหลบ่าของน้าจากภูเขาสูงท่ีมีความเร็วรุนแรงและเช่ียวกราก จะส่งผลให้เกิดพลัง อานาจพังทลาย ท่ีรุนแรง และก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต สุขภาพ และทรัพย์สินเป็นจานวนมาก ตามมา การติดตามรายงานผล มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.67 เน่ืองจากในหมู่บ้านมีคณะกรรมการติดตาม ประสานงานกับองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล และหนว่ ยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเกี่ยวกับการ ให้ความช่วยเหลือขณะเกิดภัยและหลังเกิดภัย ตามลาดับ และการตรวจสอบ มีค่าเฉลี่ยต่าที่สุด เท่ากับ 3.52 เน่ืองจากมีการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับพยากรณ์อากาศ ปริมาณน้าฝนและ ปรมิ าณนา้ ทา่ จากส่ือต่าง ๆ เชน่ วทิ ยุ โทรทัศน์ หรอื เสียงตามสายของหมู่บา้ นเป็นประจา 3. ผลการศึกษาปัจจัยมีที่ผลต่อความสาเร็จในการบริหารจัดการความเสี่ยงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพื้นที่ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร พบว่า โดยภาพรวม มีความ เหมาะสมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.68 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า การอานวยการแบบ บูรณาการ ค่าเฉลี่ยสูงท่ีสุดเท่ากับ 3.72 เนื่องจากหน่วยงานราชการจะสนับสนุนอุปกรณ์ เคร่ืองมือ งบประมาณให้กับหมู่บ้านเพ่ือใช้ในการช่วยเหลือด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รองลงมา คอื ความรวดเรว็ ในการแก้ไขปัญหา มคี า่ เฉล่ยี เทา่ กบั 3.70 เนอ่ื งจากในหมู่บ้านมีระบบการส่ือสารท่ี ดีและเพียงพอ เช่น หอกระจายข่าว เสียงตามสาย วิทยุส่ือสาร เพ่ือการประชาสัมพันธ์และติดต่อ ประสานองค์กรเครือข่าย เช่นภาครัฐ ภาคเอกชน มูลนิธิ และประสิทธิภาพของการบริหารงาน มี ค่าเฉลี่ยต่าที่สุดเท่ากับ 3.62 เน่ืองจากหน่วยงานราชการได้ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในด้านต่าง ๆ ทัง้ ระยะก่อนเกดิ ขณะเกดิ และภายหลังการเกดิ และตรงกบั ความต้องการจะช่วยบรรเทาความสญู เสียได้

43 อภปิ รายผลการวจิ ัย ผลการวจิ ัยครง้ั นี้ สามารถอภปิ รายผลตามลาดับของวัตถุประสงค์การวิจัย ดงั ต่อไปน้ี 1. ระดับความสาเร็จในการบริหารจัดการความเส่ียงสาธารณภัย กรณีศึกษาดินถล่มในพ้ืนท่ี ตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร โดยภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก สามารถ อธิบายเปน็ รายข้อ ดงั นี้ 1.1 ด้านประสิทธิภาพในการบริหารงาน โดยภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก หมายถึง ชาวบ้านในหมู่บ้านเสี่ยงภัยในพ้ืนท่ีตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร มีการ วางแผนบริหารจัดการความเส่ียงดินถล่มอย่างเป็นระบบ ครบถ้วน ทั้งในระยะก่อนเกิดภัย ขณะเกิด ภัยและภายหลังภัยส้ินสุด โดยการบริหารเวลา บริหารงาน กาลังคนและอุปกรณ์เครื่องมือ ซ่ึงเป็นส่ิง สาคัญตอ่ ความสาเร็จเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงดินถล่ม และจากการสัมภาษณ์เชิงลึก พบว่า มีประสิทธิภาพในการบริหารความเส่ียงมาก คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หมู่บ้าน มีการตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ เครื่องมือ มีอาสาสมัครเฝ้าระวังภัยและชาวบ้านมี ความรู้ความเข้าใจ มีความม่ันใจที่จะสามารถรับมือกับภัยพิบัติได้ในเบื้องต้นโดยไม่ต้องรอการ ชว่ ยเหลือจากทางหนว่ ยงานราชการ ผู้วิจัยมีความเห็นว่า การบริหารความเส่ียงดินถล่มในพื้นท่ีตาบลปังหวาน อาเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร สามารถวางแผนบริหารได้เหมาะสมมีประสิทธิภาพ กล่าวคือ ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการ ดาเนินงานที่เป็นระบบครบวงจร ในช่วงฤดูฝนมีการเฝ้าระวังการเกิดดินถล่มตลอด 24 ช่ัวโมง การ จัดเตรียมกาลังคนและอุปกรณ์เครื่องมือท่ีจาเป็นต่าง ๆ ไว้พร้อมรับมือ และมีความรู้ความเข้าใจถึง สาเหตุการเกิดดินถล่ม กาหนดมาตรการหรือแนวทางการจัดการความเสี่ยง ซึ่งสอดคล้องกับผลการ สัมภาษณ์เชิงลึก และสอดคล้องกับผลการศึกษาของ สานักวิจัยและความร่วมมือระหว่างประเทศ ศูนย์ เทคโนสารสนเทศ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (2553) ได้ทาการศึกษาการประยุกต์ใช้ระบบ สารสนเทศภูมิศาสตร์ เพื่อการวิเคราะห์และวางแผนจัดการพ้ืนท่ีเสี่ยงภัยดินถล่ม/น้าป่าไหลหลาก กรณศี ึกษา : อาเภอด่านซ้าย จังหวดั เลย จากการศึกษาข้างต้น ทาให้ทราบถึงพ้ืนที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม และน้าป่าไหลหลากของจังหวัดเลย โดยจัดทาแผนท่ีพื้นที่เสี่ยงภัย (Risk Map) ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึง การเกิดภัยดินถล่มและน้าป่าไหลหลากในหมู่บ้านพื้นที่เสี่ยงได้อย่างชัดเจนและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง สามารถใชก้ าหนดมาตรการสาหรับบริหารจัดการสาธารณภัยในพืน้ ท่ีได้อย่างมีประสิทธภิ าพย่ิงขนึ้ 1.2 ด้านความรวดเรว็ ในการแกไ้ ขปญั หา โดยภาพรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับ มาก หมายถึง สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดจากดินถล่มได้สาเร็จในระยะเวลาท่ีรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และจากการสัมภาษณ์เชิงลึก พบว่า หากเกิดดินถล่มในหมู่บ้าน คณะกรรมการ ปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยหมู่บ้านจะสามารถบริหารได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพราะได้เตรียม ความพร้อมท้ังด้านกาลังคน อุปกรณ์ เคร่ืองมือ และระบบการสื่อสาร และตรงกับความต้องการของ ชาวบ้านในหมู่บา้ น ผู้วิจัยมีความเห็นว่า การบริหารความเสี่ยงดินถล่มในพ้ืนที่ ตาบลปังหวาน อาเภอ พะโตะ๊ จงั หวัดชุมพร สามารถดาเนินการได้ในเวลารวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ กล่าวคือได้เตรียมความ พร้อมมีความรู้ความเข้าใจและมีระบบการส่ือสารที่ดีและเพียงพอต่อการประชาสัมพันธ์และติดต่อ ประสานองค์กรเครือข่ายและหน่วยงานราชการ ชาวบ้านทราบถึงวิธีปฏิบัติตนและมีความพร้อมใน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook