70. ข้อใดปฏบิ ตั ไิ ม่ถูกต้องในการเบรกฉุกเฉิน ก. หกั พวงมำลยั หลบเมื่อจำเป็ นตอ้ งหลบกำรปะทะดำ้ นหนำ้ ข. มือท้งั สองขำ้ งตอ้ งจบั อยทู่ ่ีพวงมำลยั ค. ใช้เบรกมอื ช่วย ง. หลีกเลี่ยงกำรเหยยี บกระแทกเบรกสำหรับเบรกท่ีไม่ใช่ระบบเบรก ABS 71. การจอดรถลกั ษณะใดทอี่ าจก่อให้เกดิ อบุ ัตเิ หตุ ก. จอดรถซ้อนคนั ข. จอดรถชิดขอบทำงดำ้ นซำ้ ย ค. จอดรถในลำนจอดรถ ง. จอดรถภำยในอำคำรจอดรถ 72. รูปใดต่อไปนี้ ห้ามจอด ก. รูป 1 และรูป 2 ข. รูป 2 และรูป 3 ค. รูป 1 และรูป 3 ง. ท้งั รูป 1 2 และ 3 73. หากท่านจอดรถชิดขอบทางทางด้านซ้ายอยู่ และต้องการทจี่ ะเคลอื่ นตวั ออก ท่านควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. มองดูรถทตี่ ามมาผ่านกระจกมองข้างและกระจกมองหลงั จากน้นั เปิ ดสัญญาณไฟเลยี้ วขวา ข. เปิ ดสญั ญำณไฟเพ่อื เตือนใหร้ ถคนั ที่ตำมมำชะลอควำมเร็วลง ค. ไม่จำเป็นตอ้ งหนั มองดรู ถที่จอดอยขู่ ำ้ งหนำ้ มองแค่รถท่ีตำมมำก็พอ ง. ใหส้ ญั ญำณมือเพอื่ ขอทำง 74. เมอ่ื ฝนเร่ิมตกหนกั ในขณะทท่ี ่านขบั รถอยู่ในเขตทจี่ ากดั ความเร็วไม่เกนิ 60 กโิ ลเมตรต่อชั่วโมง ท่านควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ขบั ดว้ ยควำมเร็วเท่ำเดิม ข. ชะลอความเร็วลง ค. ขบั รถเขำ้ ขำ้ งทำงและรอจนกวำ่ ฝนจะหยดุ ตก ง. เร่งควำมเร็ว
75. สาเหตุใดต่อไปนเี้ ป็ นสาเหตหุ ลกั ทที่ าให้เกดิ การชนท้าย ก. คนขำ้ มถนนตดั หนำ้ ข. สญั ญำณไฟจรำจรเปลี่ยนแปลงโดยฉบั พลนั ค. ขับรถชิดคนั หน้ามากเกนิ ไป ง. กำรหยดุ รถทุกๆ แยก 76. การขบั รถทงิ้ ระยะห่างจากรถคนั หน้ามากเกนิ ไป จะเกดิ ผลเสียอย่างไรกบั สภาพการจราจร ก. กำรจรำจรคลอ่ งตวั มำกข้ึน ข. จะขบั รถดว้ ยควำมปลอดภยั มำกข้ึน ค. ลดอบุ ตั ิเหตุ ง. เกดิ ปัญหาการจราจรตดิ ขดั 77. เพอ่ื เป็ นการป้ องกนั อบุ ัตเิ หตุ ผ้ขู บั ขต่ี ้องทงิ้ ระยะห่างจากรถคนั หน้าเป็ นระยะเท่าใด ก. ระยะห่างทเ่ี หมาะสมกบั ความเร็วของรถ ข. 2 เมตร ค. 3 เมตร ง. ไมน่ อ้ ยกวำ่ 4 เมตร 78. ข้อใดต่อไปนไี้ ม่ถูกต้องในการขับข่ี ก. เมอื่ รถคนั หลงั ขบั ตามมาในระยะกระช้ันชิด ควรเพมิ่ ความเร็ว ข. น้ำหนกั และควำมเร็วของตวั รถมีผลตอ่ ระยะทำงในกำรหยดุ รถ ค. ระยะปลอดภยั ของรถใหญจ่ ะตอ้ งมีมำกกวำ่ ระยะปลอดภยั ของรถยนต์ ง. เม่ือระยะห่ำงกบั รถคนั หนำ้ นอ้ ยเกินไป ควรลดควำมเร็ว 79. การเปลยี่ นช่องทางจราจร ควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. เปลี่ยนช่องจรำจรเมื่อใดก็ได้ ข. มองกระจกข้าง ให้สัญญาณแล้วเปลย่ี นช่องจราจรเมอื่ เหน็ ว่าปลอดภัย ค. เปลี่ยนช่องจรำจรโดยเร็วเพ่ือหลบรถคนั อ่ืน ง. ใหส้ ญั ญำณมือและสญั ญำณไฟแลว้ เปล่ียนช่องจรำจรไดเ้ ลย
80. หากท่านเหน็ รถบรรทุกทอี่ ยู่ข้างหน้าเปิ ดไฟเลยี้ วซ้ายแต่กาลงั เคลอ่ื นไปทางขวา ท่านควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. รักษาระยะห่างไว้และรอให้รถใหญ่เคลอื่ นไปในทศิ ทางทแ่ี น่นอน ข. ขบั เขำ้ ไปใกลๆ้ เพื่อเตรียมแซง ค. ใหเ้ ขำ้ ใจวำ่ ผขู้ บั ขี่รถใหญ่น้นั เปิ ดสญั ญำณไฟผดิ ง. เตรียมแซงเมื่อรถใหญเ่ ริ่มชะลอควำมเร็ว 81. จากรูป รถคนั สีนา้ เงนิ หรือรถคนั สีเขยี ว มสี ิทธิทจี่ ะได้ไปก่อน ก. รถคนั สีน้ำเงิน ข. รถคนั สีเขยี ว ค. รถคนั ไหนไปก่อนก็ได้ ง. มีสิทธิท่ีจะไปพร้อมๆ กนั 82. กรณที ท่ี ่านเห็นรถคนั อน่ื ให้สัญญาณเพอื่ เลยี้ วรถหรือเปลย่ี นช่องทางการเดนิ รถ ท่านต้องปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ชะลอความเร็วและให้ทาง ข. เร่งควำมเร็วเพอ่ื จะไปก่อน ค. หยดุ รถ ง. จอดรถ
83. จากรูป รถคนั ใดจะต้องให้ทาง ก. รถคนั สีขาว ข. รถคนั สีแดง ค. รถท่ีมีควำมเร็วสูงกวำ่ ง. รถที่มีควำมเร็วต่ำกวำ่ 84. รูปใดแสดงการกลบั รถทถี่ ูกต้อง ก. รูป 1 ข. รูป 2 ค. รูป 3 ง. รูป 1 และ รูป 3 85. ข้อใดต่อไปนีเ้ ป็ นการปฏบิ ตั ทิ ไ่ี ม่ถูกต้อง ก. ไมแ่ ซงหำกรถคนั หนำ้ กำลงั แซงอยู่ ข. แซงขณะทร่ี ถข้างหลงั กาลงั จะแซงรถของท่าน ค. ไมแ่ ซงหำกมีรถวง่ิ สวนมำในระยะใกล้ ง. แซงไดห้ ำกรถขำ้ งหนำ้ ของท่ำนเปิ ดไฟเล้ียวซำ้ ยและชะลอควำมเร็วลง
86. จากรูป หากรถทที่ ่านกาลงั จะแซงเปิ ดสัญญาณไฟเลยี้ วขวา ผู้ขบั ขี่ควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ชะลอความเร็วและรอจนกว่ารถคนั หน้าเลยี้ วผ่านไป ข. เพ่มิ ควำมเร็วของรถและแซงผำ่ นไป ค. ใหส้ ญั ญำณไฟสูงเพอื่ บอกใหร้ ู้วำ่ จะแซงผำ่ นไปก่อน ง. ใหส้ ญั ญำณแตรเพ่ือบอกใหร้ ู้วำ่ จะแซงผำ่ นไปก่อน 87. ข้อใดต่อไปนกี้ ล่าวได้ถูกต้องเกยี่ วกบั การแซงรถคนั หน้าทเ่ี คลอ่ื นตวั ด้วยความเร็วทใ่ี กล้เคยี งกนั ก. ใชร้ ะยะทำงและเวลำในกำรแซงนอ้ ยลง ข. ใชร้ ะยะทำงมำกข้นึ เวลำในกำรแซงเท่ำเดิม ค. ใชร้ ะยะทำงเท่ำเดิม เวลำในกำรแซงมำกข้ึน ง. ใช้ระยะทางและเวลาในการแซงมากขนึ้ 88. หากท่านขบั รถด้วยความเร็ว 90 กโิ ลเมตรต่อช่ัวโมงแต่ท่านรู้สึกว่าเร็วเกนิ ไป ท่านควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. ชะลอความเร็วลงจนท่านคดิ ว่าปลอดภยั ข. ขบั ใหใ้ กลเ้ คียง 100 กม.ต่อชวั่ โมง ค. ออกจำกเสน้ ทำงน้นั ง. หยดุ รถของท่ำนทนั ที 89. การขบั ขีใ่ นทางลกั ษณะใดทไ่ี ม่จาเป็ นต้องให้สัญญาณไฟเลยี้ ว ก. ทำงเล้ียวซำ้ ยเขำ้ ซอย ข. ทางบงั คบั เลยี้ ว ค. ทำงเล้ียวซำ้ ยออกจำกซอย ง. ทำงกลบั รถ 90. การเปิ ดไฟสูงในสถานการณ์ใดถูกต้อง ก. เปิ ดไฟสูงขณะทไี่ ม่มรี ถสวนทาง ข. เปิ ดไฟสูงขณะฝนตกหนกั ค. เปิ ดไฟสูงเม่ือรถเกิดอุบตั ิเหตุ ง. เปิ ดไฟสูงเม่ือขบั รถตำมหลงั คนั หนำ้
91. เมอ่ื รถของท่านเสียบริเวณกลางถนน ท่านควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. นำสญั ลกั ษณ์รูปสำมเหล่ียมมำไวท้ ำ้ ยรถของท่ำน ข. จอดรถทิ้งไวก้ ลำงถนน ค. เปิ ดไฟฉุกเฉินและนารถจอดเข้าข้างทาง ง. ก่อกองไฟขำ้ งทำงในกรณีที่รถท่ำนเสียเวลำกลำงคืน 92. ท่านควรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินในกรณใี ด ก. เมอื่ รถของท่านเสีย ข. เม่ือท่ำนขบั รถดว้ ยควำมเร็วต่ำขณะที่กำลงั หลงทำง ค. เมื่อท่ำนขบั รถดว้ ยควำมเร็วต่ำเนื่องจำกฝนตกหนกั ง. เม่ือท่ำนตอ้ งกำรขบั ผำ่ นส่ีแยกไปในทิศทำงตรง. 93. ข้อใดต่อไปนกี้ ล่าวไม่ถูกต้องสาหรับการเปิ ดสัญญาณไฟฉุกเฉินตลอดเวลา ก. ทำใหไ้ ม่สำมำรถส่งสญั ญำณไฟเล้ียวได้ ข. ทาให้ผู้ขบั ขี่คนั อนื่ เข้าใจว่าเป็ นรถทขี่ บั เร็ว ค. ทำใหผ้ ขู้ บั ขี่คนั อื่นสบั สนวำ่ รถคนั ที่เปิ ดไฟฉุกเฉินกำลงั เล้ียวไปดำ้ นใดดำ้ นหน่ึง ง. ทำใหผ้ ขู้ บั ข่ีคนั อื่นคิดวำ่ เป็นรถท่ีจอดนิ่งอยู่ 94. การหยุดรถในสถานการณ์ใดจะใช้ระยะทางมากกว่าปกติ ก. ขณะฝนตก ข. ตอนกลำงคืน ค. ขณะที่มีลมแรง ง. ขณะมีหมอก 95. สิ่งใดเป็ นปัจจยั ทท่ี าให้การเบรกด้อยประสิทธิภาพ ก. กำรดูแลเอำใจใส่สภำพเครื่องยนตแ์ ละระบบช่วงลำ่ ง ข. ควำมวอ่ งไวในกำรตอบสนองของร่ำงกำยดีเยยี่ ม ค. การดม่ื สุราก่อนขบั รถ ง. กำรดูแลเอำใจใส่ลมยำง 96. หากท่านจอดรถในทางเดนิ รถหรือบนไหล่ทางในเวลากลางคนื ท่านต้องปฏิบตั อิ ย่างไร ก. เปิ ดไฟหร่ี ข. เปิ ดไฟเล้ียวซำ้ ย ค. เปิ ดไฟเล้ียวขวำ ง. เปิ ดไฟต่ำ
97. จากรูป เมอื่ ท่านพบรถประจาทางเปิ ดไฟเลยี้ วขวาเพอื่ ออกจากป้ ายรถเมล์ ท่านควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ไม่ตอ้ งสนใจและขบั แซงรถประจำทำงไปในทนั ที ข. ชะลอความเร็วและให้รถประจาทางไปก่อน ค. บีบแตรหรือกะพริบไฟสูง ง. เปิ ดสญั ญำณไฟฉุกเฉิน เพื่อบอกใหร้ ถประจำทำงไปก่อน 98. จากรูป หากท่านต้องการแซงบนถนนทม่ี รี ถวง่ิ สวนมา ท่านต้องปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ขบั แซงไปไดเ้ ลยโดยไมต่ อ้ งสนใจรถท่ีสวนมำ ข. หำกท่ำนคิดวำ่ ท่ำนขบั ไดเ้ ร็วกวำ่ รถท่ีสวนมำแลว้ จึงทำกำรแซงไดท้ นั ที ค. หยดุ รอให้รถทข่ี บั สวนมาผ่านไปก่อนแล้วค่อยขบั แซง ง. หำกคิดวำ่ ถนนมีควำมกวำ้ งพอจึงแซงไปไดเ้ ลย
99. ท่านกาลงั ขับข่ีผ่านบริเวณทม่ี รี ถจอดอย่ขู ้างทาง แต่ท่านสังเกตเหน็ ลูกบอลกลงิ้ ออกมา ท่านควรปฏิบตั อิ ย่างใด ก. ขบั รถดว้ ยควำมเร็วเท่ำเดิมและใหส้ ญั ญำณไฟสูง ข. ขบั รถดว้ ยควำมเร็วเท่ำเดิมและใหส้ ญั ญำณแตร ค. ลดความเร็วลงและเตรียมทจ่ี ะหยดุ รถ ง. จอดรถและโบกมือใหเ้ ดก็ ไปเกบ็ ลูกบอล 100. จากรูป ข้อใดต่อไปนถี้ ูกต้องเกยี่ วกบั การแซง ก. รถคนั หลงั ไม่สามารถแซงคนั หน้าได้ ข. รถคนั หลงั สำมำรถแซงไดห้ ำกไมม่ ีคนขำ้ มถนน ค. รถคนั หลงั สำมำรถแซงไดห้ ำกไม่มีรถสวนมำ ง. รถคนั หลงั สำมำรถแซงไดห้ ำกไมม่ ีป้ ำยหยดุ บนขอบทำง 101. เมอ่ื ท่านขบั รถเข้าใกล้รถทจ่ี อดอยู่ข้างทาง ท่านควรปฏบิ ตั อิ ย่างไรจงึ จะเหมาะสมทส่ี ุด ก. ขบั ต่อไปโดยไมต่ อ้ งระวงั สิ่งใด ข. เร่งควำมเร็วผำ่ นไปทนั ที ค. ใหส้ ญั ญำณไฟสูงเพยี งอยำ่ งเดียวก็เพียงพอ ง. เพม่ิ ความระมดั ระวงั มากขนึ้ เตรียมพร้อมทจ่ี ะหยดุ เสมอ
102. เมอื่ ท่านขบั รถเข้าใกล้รถทจี่ อดอยู่ข้างทาง ท่านควรปฏิบัตอิ ย่างไรจงึ จะเหมาะสมทส่ี ุด ก. เร่งควำมเร็วผำ่ นไปทนั ที ข. เพมิ่ ความระมดั ระวงั มากขนึ้ เตรียมพร้อมทจ่ี ะหยุดเสมอ ค. ใหส้ ญั ญำณไฟสูงเพียงอยำ่ งเดียวกเ็ พยี งพอ ง. ขบั ต่อไปโดยไมต่ อ้ งระวงั ส่ิงใด 103. ในการขบั ข่ีท่านควรหลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมใดมากทสี่ ุด ก. ขบั ขเ่ี ร็วเกนิ อตั ราทกี่ ฎหมายกาหนด ข. เปลี่ยนช่องจรำจร ค. ขบั ขี่ดว้ ยควำมเร็วคงที่ ง. แซงรถคนั อ่ืน เม่ือเห็นวำ่ ปลอดภยั 104. เมอื่ ท่านขบั รถผ่านถนนทมี่ นี า้ ท่วมขังแล้ว ท่านควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. หยดุ รถ รอผำ้ เบรกใหแ้ หง้ ข. หยดุ รถ ตรวจสอบยำง ค. ใช้เท้าแตะเบรกเพอ่ื ให้ผ้าเบรกแห้งเร็ว ง. ขบั รถใหเ้ ร็วข้นึ เพ่อื ใหผ้ ำ้ เบรกแหง้ 105. การขับขผ่ี ่านทางร่วมทางแยกต้องปฏิบตั อิ ย่างไร ก. หำกไม่มีสญั ญำณไฟจรำจร ใหร้ ถคนั ท่ีใหญ่กวำ่ ผำ่ นทำงร่วมทำงแยกไปก่อน ข. เม่ือพบป้ ำยเตือนทำงร่วมทำงแยกใหข้ บั รถไปตำมปกติ ค. เมื่อพบป้ ำยเตือนสญั ญำณไฟบริเวณทำงร่วมทำงแยกใหเ้ พิ่มควำมเร็วข้ึนเลก็ นอ้ ย ง. ปฏิบัตติ ามสัญญาณไฟจราจรหรือกฎจราจรอย่างเคร่งครัด 106. จากรูปรถคนั สีนา้ เงนิ หรือรถคนั สีเขยี วมสี ิทธิทจี่ ะผ่านไปก่อน ก. ให้รถคนั สีเขียวไปก่อน ข. ใหร้ ถคนั สีน้ำเงินไปก่อน ค. รถคนั ไหนไปก่อนก็ได้ หำกมคี วำมเร็วสูงกวำ่ ง. รถคนั ไหนไปก่อนกไ็ ด้ หำกมำถึงก่อน
108. จากรูป หากท่านต้องการทจ่ี ะเลยี้ วขวาทท่ี างแยกรูปตวั T ท่านจะต้องปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. ให้ท้งั รถทางขวาและซ้ายไปก่อน ข. ใหร้ ถทำงขวำไปก่อน ค. ใหร้ ถทำงซำ้ ยไปก่อน ง. เล้ียวขวำไดท้ นั ที 109. จากรูป เมอื่ ท่านขบั รถมาถึงทางแยกพบสัญญาณไฟเขยี ว แต่เกดิ จราจรตดิ ขดั ในเส้นทางทท่ี ่านจะสัญจร ท่านควร ปฏิบัตอิ ย่างไร ก. ขบั รถเขำ้ ไปตอ่ คนั หนำ้ ข. รอจนกว่ารถข้างหน้าของท่านจะเคลอ่ื นตวั แล้วจงึ ขบั รถเข้าไปต่อคนั หน้า ค. ขบั รถเขำ้ ไปตรงกลำงแยก แลว้ รอจนกวำ่ รถขำ้ งหนำ้ จะเคล่ือนตวั ง. พยำยำมขบั แทรกไปทำงขวำของรถคนั หนำ้
110. จากรูป รถคนั สีฟ้ าและรถคนั สีเหลอื งต้องการจะเลยี้ วขวาเพอ่ื ไปเลยี้ วซ้ายในซอยที่ 1 รถคนั ใดอยู่ในตาแหน่งที่ เหมาะสม ก. รถคนั สีฟ้ ำ ข. รถคนั สีเหลือง ค. เหมาะสมท้งั คู่ ง. ไมเ่ หมำะสมท้งั คู่ 111. จากรูป รถคนั สีแดงและรถคนั สีเหลอื งต้องการไปในทศิ ทางเดยี วกนั รถคนั ใดมสี ิทธิไปก่อนเมอื่ มสี ัญญาณให้หยุดท้งั สองทศิ ทาง ก. รถคนั สีเหลือง ข. รถคนั สีแดง ค. คนั ใดก็ตำมท่ีมำถึงทำงแยกก่อน ง. คนั ใดกต็ ำมท่ีขบั ดว้ ยควำมเร็วท่ีสูงกวำ่
112. หากท่านพบสัญญาณไฟกะพริบสีแดงทบ่ี ริเวณทางร่วมทางแยก ท่านต้องปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. ชะลอควำมเร็วลง และขบั ผำ่ นไปดว้ ยควำมระมดั ระวงั ข. หยดุ รถหลงั เส้นหยุดรถ เมอ่ื เหน็ ว่าปลอดภยั จงึ ขับผ่านไปด้วยความระมดั ระวงั ค. ขบั รถตอ่ ไปตำมปกติ เพ่ือมใิ หเ้ กิดควำมล่ำชำ้ แก่รถคนั ที่ตำมมำ ง. แจง้ เจำ้ พนกั งำนวำ่ สญั ญำณไฟจรำจรขดั ขอ้ ง 113. หากท่านพบสัญญาณไฟกะพริบสีเหลอื งทบี่ ริเวณทางร่วมทางแยก ท่านต้องปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. ชะลอความเร็วลง และขบั ผ่านไปด้วยความระมดั ระวงั ข. หยดุ รถหลงั เสน้ หยดุ รถ เมื่อเห็นวำ่ ปลอดภยั จึงขบั ผำ่ นไปดว้ ยควำมระมดั ระวงั ค. ขบั รถตอ่ ไปตำมปกติ เพ่อื มใิ หเ้ กิดควำมล่ำชำ้ แก่รถคนั ที่ตำมมำ ง. แจง้ เจำ้ พนกั งำนวำ่ สญั ญำณไฟจรำจรขดั ขอ้ ง 114. จากรูป ในกรณที ไ่ี ม่มสี ัญญาณไฟจราจร รถคนั สีแดงหรือรถคนั สีเหลอื งมสี ิทธิทจ่ี ะได้ไปก่อน ก. รถที่มำถึงทำงแยกก่อน ข. รถคนั สีแดง ค. รถคนั สีเหลอื ง ง. รถที่มีควำมเร็วสูงกวำ่
115. จากรูป หากรถคนั สีแดง และรถคนั สีเหลอื งต้องการจะเลยี้ วขวาในเวลาเดยี วกนั รถคนั ใดจะมสี ิทธิไปก่อน ก. สามารถไปได้ในเวลาเดยี วกนั ข. รถคนั สีแดง ค. รถคนั สีเหลือง ง. รถที่มีควำมเร็วสูงกวำ่ 116. การขบั ขใี่ นบริเวณชุมชนทถี่ ูกต้อง ควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ขบั ดว้ ยควำมเร็วสูง ข. ขบั ดว้ ยควำมเร็วปกติ ค. ขบั ดว้ ยควำมเร็วปกติ แตช่ ะลอควำมเร็วเม่ือพบป้ ำยเตือน ง. ขับด้วยความเร็วทต่ี า่ 117. ในการขบั ขภี่ ายในชุมชน ผ้ขู บั ข่ไี ม่จาเป็ นต้องใส่ใจกบั ส่ิงใด ก. ป้ ายโฆษณาข้างทาง ข. รถโดยสำรท่ีกำลงั จอดและกำลงั เคล่ือนที่ออก ค. สตั วท์ ่ีถูกปล่อยอยบู่ นถนน ง. คนขี่จกั รยำน 118. เมอื่ ขับขี่เข้าใกล้บริเวณทางม้าลายหน้าโรงเรียน ผู้ขบั ข่คี วรปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. พยำยำมใชค้ วำมเร็วคงที่ในกำรผำ่ นบริเวณน้นั ข. ขบั รถชิดขอบทำงดำ้ นซำ้ ยดว้ ยควำมระมดั ระวงั ค. ชะลอความเร็วลง ง. ใหส้ ญั ญำณเตือนผคู้ นในละแวกน้นั 119. เมอ่ื ขบั รถเข้าใกล้บริเวณทางม้าลาย แต่ไม่มคี นข้ามทางม้าลาย ผ้ขู บั ขคี่ วรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ใชส้ ญั ญำณแตรเสียงส้นั เพื่อเตือน ข. ไม่ต้องให้สัญญาณ เพยี งชะลอความเร็วลงกพ็ อ ค. ใชส้ ญั ญำณแตรเสียงยำวเพ่ือเตือน ง. ใชส้ ญั ญำณไฟสูงเพือ่ เตือน
120. หากท่านกาลงั ขับข่ีเข้าสู่วงเวยี น และพบรถขนาดใหญ่ทกี่ าลงั เปิ ดสัญญาณไฟเลยี้ วซ้ายแต่ตวั รถค่อยๆ เคลอื่ นตวั ไป ทางขวา ท่านควรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. รักษาระยะห่างไว้ ข. ใหส้ ญั ญำณแตร ค. แซงไปทำงดำ้ นซำ้ ย ง. ขบั ตำมรถใหญ่ 121. ข้อใดต่อไปนีเ้ ป็ นส่ิงทไี่ ม่ควรปฏบิ ัตใิ นการขับข่ผี ่านวงเวยี น (การขบั ขีผ่ ่านวงเวยี น) ก. ขบั ขี่ดว้ ยควำมเร็วต่ำ ข. ขบั แซงไปมา ค. ปฏิบตั ิตำมกฎจรำจรอยำ่ งเคร่งครัด ง. ใหส้ ญั ญำณไฟเล้ียวก่อนออกจำกวงเวยี นเสมอ 122. ข้อใดเป็ นการขบั รถเข้าทางโค้งอย่างปลอดภัย ก. ลดความเร็วก่อนเข้าโค้ง ข. ใชค้ วำมเร็วสูงกวำ่ ที่กำหนด ค. เปลี่ยนเกียร์ขณะเขำ้ ทำงโคง้ ง. เหยยี บเบรกกะทนั หนั ขณะเขำ้ ทำงโคง้ 123. หากรถคนั สีเหลอื งต้องการม่งุ หน้าตรงผ่านวงเวยี น จะต้องเปิ ดไฟเลยี้ วซ้ายเพอ่ื ออกจากวงเวยี นทต่ี าแหน่งใด ก. จุดที่ 2 ข. จุดท่ี 1 ค. จุดท่ี 3 ง. เปิ ดสญั ญำณไฟเล้ียวซำ้ ยทุกๆ จุด
124. จากรูป หากท่านกาลงั ขับตามหลงั คนข่จี กั รยาน แต่ท่านต้องการทจี่ ะเลยี้ วซ้าย ท่านควรปฏิบัตอิ ย่างไร ก. ชะลอความเร็วจนกว่าจกั รยานจะผ่านทางเลยี้ ว ข. พยำยำมแซงจกั รยำนก่อนท่ีจะถึงทำงเล้ียว ค. จอดรถเพ่ือรอจนกวำ่ คนข่ีจกั รยำนจะผำ่ นทำงเล้ียว ง. ทำกำรเล้ียวโดยไม่ตอ้ งสนใจจกั รยำน 125. สิ่งใดทที่ ่านควรระวงั เป็ นพเิ ศษเมอ่ื พบรถโดยสารจอดอยู่ในถนนฝั่งตรงข้าม ก. รถโดยสำรอำจเคล่ือนท่ีโดยฉบั พลนั ข. ผ้เู ดนิ เท้าอาจเดนิ ออกมาทางข้างหลงั รถโดยสาร ค. รถโดยสำรอำจเสียอยู่ ง. ไมต่ อ้ งระวงั เนื่องจำกเป็นถนนฝ่ังตรงขำ้ ม 126. ดงั รูปในกรณีทร่ี ถสีนา้ ตาลมาจากทางหลกั และรถสีนา้ เงนิ ออกมาจากซอยซ่ึงเป็ นทางรอง รถคนั ใดต้องหยดุ ให้ทาง ก. รถคนั สีน้ำตำล ข. รถคนั สีนา้ เงนิ ค. รถคนั ใดกไ็ ด้ ง. รถคนั ท่ีมคี วำมเร็วต่ำกวำ่ 127. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกยี่ วกบั การแซง ก. แซงบริเวณเขตหำ้ มแซงดว้ ยควำมระมดั ระวงั ข. ไม่ควรแซงในทำงท่ีมีทศั นวสิ ยั ไมด่ ี ค. ควรประเมินเวลำที่ใชใ้ นกำรแซงใหถ้ กู ตอ้ ง ง. แซงในขณะทเี่ หน็ ว่าปลอดภยั แล้วเท่าน้นั
128. เมอื่ ท่านเห็นสัญญาณไฟจราจรเปลยี่ นจากสีเขียวเป็ นสีเหลอื งในขณะทท่ี ่านกาลงั จะขบั ข่ผี ่านทางแยกในเวลาเช้าตรู่ท่ี ไม่มกี ารจราจรอยู่ในบริเวณรอบๆ ท่านควรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ขบั ต่อไปดว้ ยควำมเร็วคงท่ี ข. ชะลอความเร็วและเตรียมหยดุ รถ ค. ขบั ต่อไปดว้ ยควำมเร็วสูงข้นึ ง. ชะลอควำมเร็วลงและขบั ผำ่ นไป 129. ในขณะทที่ ่านกาลงั หยดุ รอสัญญาณไฟอยู่ทที่ างแยก แล้วไฟจราจรเปลย่ี นเป็ นสีเขียว ท่านควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. ตรวจสอบการจราจรรอบๆ ข้างก่อน จากน้ันจงึ ออกรถ ข. ขบั รถผำ่ นทำงแยกไปโดยเร็ว เพือ่ ไม่ใหร้ ถคนั หลงั เสียเวลำ ค. รอจนกวำ่ รถคนั ขำ้ งหลงั ของทำ่ นจะใหส้ ญั ญำณแตร แลว้ จึงออกรถ ง. ปฏิบตั ิอยำ่ งไรกไ็ ด้ แลว้ แต่ผขู้ บั ข่ี
130. จากรูป ผ้ขู ับขร่ี ถคนั สีแดงควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. บีบแตรเพอ่ื เตือนใหร้ ถคนั อ่ืนรับรู้ ข. มองกระจกข้าง ให้สัญญาณ และเปลยี่ นช่องทางเมอ่ื ปลอดภัย ค. เร่งควำมเร็วข้ึนและแซงโดยไมต่ อ้ งมองกระจกขำ้ ง ง. เร่งควำมเร็วไปขำ้ งหนำ้ และรีบเปล่ียนช่องจรำจร 131. จากรูป ผู้ขบั ขรี่ ถคนั สีแดงควรระมดั ระวงั รถคนั ใดมากทสี่ ุด ก. รถจกั รยานยนต์ ข. รถคนั สีน้ำเงิน ค. รถคนั สีเขียว ง. ไม่จำเป็ นตอ้ งระวงั รถคนั ใดเลย 132. ข้อใดเป็ นการปฏบิ ตั ทิ ถ่ี ูกต้องตามหลกั การขบั รถอย่างปลอดภยั ก. ตรวจความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดนิ ทางทุกคร้ัง ข. ไมจ่ ำเป็นใหส้ ญั ญำณไฟเล้ียวในกำรเปลี่ยนช่องจรำจร ค. ในกำรกลบั รถไมจ่ ำเป็ นตอ้ งใหส้ ญั ญำณไฟเล้ียว ง. ในกำรขบั รถตรงผำ่ นทำงแยกควรใหส้ ญั ญำณไฟกะพริบฉุกเฉิน
133. หลกั การขบั รถเข้าโค้งทถ่ี ูกต้องควรปฏบิ ตั เิ ช่นไร ก. เพม่ิ ควำมเร็วก่อนเขำ้ โคง้ ลดควำมเร็วขณะออกจำกโคง้ ข. ลดความเร็วก่อนเข้าโค้ง เพมิ่ ความเร็วขณะออกจากโค้ง ค. ลดควำมเร็วก่อนเขำ้ โคง้ ลดควำมเร็วขณะออกจำกโคง้ ง. เพมิ่ ควำมเร็วก่อนเขำ้ โคง้ เพ่มิ ควำมเร็วขณะออกจำกโคง้ 134. เพอื่ ความปลอดภยั เมอื่ ออกรถเคลอื่ นทไี่ ปข้างหน้าได้ประมาณ 3-4 เมตร ควรทดสอบอะไรเป็ นอนั ดบั แรก ก. ทดสอบไฟสูง ข. ทดสอบไฟเล้ียว ค. ทดสอบสญั ญำณแตร ง. ทดสอบระบบเบรก 135. ข้อควรปฏิบตั ขิ ณะขบั รถขณะฝนตกคอื ข้อใด ก. เปิ ดไฟหรี่ ข. ขบั รถชำ้ ๆ โดยไม่ตอ้ งเปิ ดไฟ ค. เปิ ดไฟส่องสว่าง ง. บีบแตรแลว้ ขบั ใหเ้ ร็วเพ่ือป้ องกนั รถคนั หลงั ชนทำ้ ย 136. ถ้าขณะขบั รถเกดิ ยางแตกหรือยางระเบดิ ควรปฏิบตั เิ ช่นไร ก. เหยยี บคลตั ชใ์ หเ้ ร็วแลว้ ตำมดว้ ยเบรก ข. เหยยี บเบรกโดยเร็ว ค. จบั พวงมาลยั ให้มน่ั แล้วค่อยๆ เบรกและนารถเข้าข้างทาง ง. เหยยี บคลตั ชอ์ ยำ่ งเดียว 137. ในสภาพถนนปกติ รถพร้อม คนพร้อม ขับรถตามรถคนั หน้าต้องเว้นระยะห่างจากรถคนั หน้าเท่าใด จงึ จะปลอดภัยเมอ่ื รถคนั หน้าหยดุ ก. ห่างพอสมควรและสามารถหยดุ รถได้โดยปลอดภัย ข. 3 เมตร ค. 5 เมตร ง. หน่ึงช่วงรถ 138. ขณะขับรถหากเกดิ คนั เร่งค้างควรทาอย่างไร ก. เปิ ดไฟฉุกเฉิน ข. ต้งั สติ ใช้ปลายเท้างดั คนั เร่งขนึ้ มา ค. ดึงเบรกมือ ง. ย้ำคนั เร่งหลำยๆ คร้ัง
139. ข้อใดคอื การใช้ไฟฉุกเฉินทถี่ ูกต้อง ก. ฝนตก ข. ขบั ผำ่ นสี่แยก ค. รถเสียบนทางด่วน ง. บริเวณที่มีหมอกลงจดั 140. การใช้เกยี ร์เพอ่ื ขนึ้ และลงเขาข้อใดถูก ก. ขนึ้ และลงใช้เกยี ร์ตา่ ข. ข้ึนใชเ้ กียร์ต่ำและลงใชเ้ กียร์สูง ค. ข้ึนใชเ้ กียร์ต่ำและลงใชเ้ กียร์วำ่ ง ง. ข้ึนและลงใชเ้ กียร์สูง 141. อะไรไม่ใช่เป้ าหมายในการขบั รถอย่างปลอดภยั ก. ไม่ขบั รถไปชนคนั อื่น ข. ขบั ให้ถึงทห่ี มายเร็วทส่ี ุด ค. ไม่เป็ นเหตใุ หร้ ถคนั อ่ืนชนกนั ง. ป้ องกนั ไมใ่ หร้ ถคนั อื่นมำชนเรำ 142. เหตุใดจงึ ห้ามเปิ ดไฟสูงขณะทข่ี บั รถตามคนั หน้าหรือรถทวี่ ง่ิ สวนทางมา ก. เพราะจะทาให้ผ้ขู บั รถคนั หน้าและรถทว่ี ง่ิ สวนทางมามองทางไม่ชัดเจน ข. จะทำใหผ้ ขู้ บั รถคนั หนำ้ หลบั ใน ค. จะทำใหเ้ รำมองทำงขำ้ งหนำ้ ไม่ชดั เจน ง. จะทำใหร้ ถท่ีวง่ิ สวนทำงมำหลบั ใน 143. การขบั รถทางไกลเมอื่ รู้สึกว่าตนเองง่วงควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. วงิ่ แลว้ เบรกบ่อยๆ เพื่อใหห้ ำยง่วง ข. ขบั รถหวำดเสียวเพือ่ ใหร้ ะบบประสำทต่ืนตวั ค. หยดุ พกั นอน หรือยดื เส้นยดื สายตามจุดพกั หรือปั๊มนา้ มนั ง. เร่งเคร่ืองเพอ่ื ใหถ้ ึงจุดหมำยโดยเร็ว 144. ข้อใดไม่ใช่วธิ ีการขบั รถทปี่ ลอดภยั ในขณะทฝี่ นตก ก. เปิ ดไปฉุกเฉินตลอดเวลำท่ีฝนตก ข. ทิ้งช่วงห่ำงจำกรถคนั หนำ้ เผ่อื ไวม้ ำกๆ ค. เปิ ดไฟหนำ้ ง. ใช้อตั ราความเร็วทปี่ ลอดภัย
145. ในการข้ามทางรถไฟรางคู่ทไ่ี ม่มเี ครื่องก้นั เมอ่ื รถไฟผ่านไปแล้วผู้ขบั รถควรระวงั สิ่งใดต่อไปนี้ ก. รถที่จะขำ้ มมำจำกฝ่ังตรงขำ้ ม ข. รถไฟทอี่ าจจะสวนทางมาอกี ทางหนึง่ ค. คนที่จะเดินขำ้ มทำงรถไฟ ง. รถท่ีหยดุ รอดำ้ นหลงั 146. ในการขบั รถข้ามทางรถไฟทไ่ี ม่มเี คร่ืองก้นั เมอื่ คนั ด้านหน้าขบั ข้ามทางรถไฟไปแล้วท่านควรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ก่อนข้ามทางรถไฟต้องตรวจสอบความปลอดภัยอกี คร้ัง ข. ขบั ตำมคนั ดำ้ นหนำ้ ไปไดเ้ ลย ค. หยดุ รอเจำ้ หนำ้ ที่ใหส้ ญั ญำณ ง. รอสญั ญำณไฟเขียว 147. เมอ่ื ท่านขับรถทมี่ นี า้ หนักบรรทกุ มาก ข้อใดถูกต้องมากทสี่ ุด ก. ประสิทธิภาพของเบรกจะน้อยลง เบรกยาวขนึ้ ข. ระบบกนั สะเทือนจะนุ่มนวลมำกข้ึน ค. ควนั ไอเสียจะมำกข้ึน ง. เคร่ืองยนตท์ ำงำนเตม็ ประสิทธิภำพ 148. เมอื่ ท่านขับรถทบี่ รรทุกส่ิงของทมี่ คี วามสูงจะมผี ลอย่างไร ก. แรงหนีศูนยข์ องรถและส่ิงของจะนอ้ ยลง ข. จดุ ศูนย์ถ่วงจะสูงขนึ้ ทาให้พลกิ ควา่ ได้ง่าย ค. แรงเหวยี่ งของรถจะนอ้ ยลงเน่ืองจำกน้ำหนกั บรรทุก ง. ระยะเบรกจะส้นั ลง 149. ส่ิงใดทไี่ ม่มผี ลต่อระยะการเบรกรถ ก. บริษทั ของผผู้ ลิตยำง ข. ความเหนื่อยล้า ค. สภำพถนนที่เปี ยก ง. น้ำหนกั บรรทุก 150. ข้อใดถูกต้องทส่ี ุดในการควบคมุ ความเร็วของรถ ก. กำรชะลอรถควรใชเ้ บรกเท่ำน้นั ข. ในการขบั รถควรใช้คนั เร่งควบคุมในการเร่งและชะลอรถให้มากทสี่ ุด ค. กำรใชเ้ กียร์ช่วยลดควำมเร็วใหใ้ ชเ้ ฉพำะทำงลงลำดชนั เท่ำน้นั ง. ควรใชเ้ บรกมือร่วมกบั เบรกเทำ้ เพ่อื ช่วยลดกำรสึกหรอเบรกเทำ้
151. ข้อใดปฏิบตั ไิ ม่ถูกต้องเมอ่ื รถของท่านจอดเสียกลางถนนหลวง ก. ต้งั สญั ลกั ษณ์แสดงวำ่ มีรถจอดเสียในระยะ 150 เมตร ข. เปิ ดสญั ญำณไฟฉุกเฉินพร้อมไฟหนำ้ รถ ค. ยนื โบกด้านท้ายรถเพอื่ ส่งสัญญาณกนั รถชนท้ายรถเรา ง. เปิ ดฝำกระโปรงดำ้ นหนำ้ และทำ้ ยรถ เพื่อส่งสญั ญำณ 152. ก่อนขบั รถ ผู้ขับขีท่ ด่ี คี วรเตรียมความพร้อมของตนเองอย่างไร ก. พกั ผ่อนให้เพยี งพอ ข. ด่ืมเหลำ้ ค. กินยำบำ้ ง. เท่ียวดึก 153. ข้อใดเป็ นการเตรียมความพร้อมของรถก่อนขบั รถ ก. ตรวจสภำพอำกำศ ข. ตอ่ ใบอนุญำตขบั รถ ค. ดูหนงั สือแผนที่ทำงหลวงแผน่ ดิน ง. ตรวจแรงดนั ลมยาง, เบรก, นา้ มนั หล่อลนื่ 154. เมอื่ เกดิ รถเสีย ควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. เปิ ดไฟฉุกเฉิน, นารถจอดเข้าข้างทาง ข. จอดรถทิ้งไวก้ ลำงถนน ค. นำก่ิงไมว้ ำงไวท้ ำ้ ยรถ ง. ก่อกองไฟขำ้ งทำงหำกเป็นกลำงคืน 155. สัญญาณไฟเตอื นบนแผงหน้าปัดรถสีใด ทไี่ ม่ควรปรากฏขณะขับรถ ก. สีเขียว ข. สีแดง ค. สีเหลือง ง. สีฟ้ ำ 156. การจบั พวงมาลยั นวิ้ มอื ควรอยู่ในลกั ษณะใด ก. นวิ้ มอื ท้งั ห้า จบั พวงมาลยั ให้กระชับ สามารถหมุนได้คล่องตวั ข. นิ้วมือท้งั หำ้ กำพวงมำลยั ใหแ้ น่นท่ีสุด ค. นิ้วมือท้งั หำ้ แตะที่พวงมำลยั สำมำรถหมนุ พวงมำลยั ดว้ ยมือขำ้ งเดียว ง. ใชน้ ิ้วหวั แมม่ ือและนิ้วช้ีจบั พวงมำลยั เพยี งสองนิ้ว
157. เมอ่ื ผู้ขับขข่ี ับรถเสียหลกั บนถนนเปี ยกลนื่ ควรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ถอนคนั เร่ง เหยยี บเบรกเพ่ือใช่เกียร์ต่ำ ข. เหยยี บเบรกทนั ที แลว้ ค่อยๆ ออกตวั เร่งควำมเร็วใหม่ ค. ต้งั สติใหม้ น่ั จบั พวงมำลยั ใหด้ ี เร่งควำมเร็วหนีใหพ้ น้ ไป ง. ถอนคนั เร่ง จบั พวงมาลยั ให้มนั่ ประคองรถต่อไป 158. ขณะขบั รถ ถ้ากระจกบังลมหน้ารถแตกร้าว ควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ต้งั สติ เปิ ดไฟฉุกเฉิน ลดความเร็ว จอดรถข้างทาง ข. ต้งั สติ เปิ ดไฟฉุกเฉิน และขบั รถตอ่ ไป ค. ต้งั สติ เปิ ดไฟฉุกเฉิน และหยดุ รถทนั ที ง. ต้งั สติ จอดรถขำ้ งทำง 159. ขณะฝนตกใหม่ๆ รถมกั ลน่ื ไถล เพราะเหตุใด ก. น้ำฝนจะชะลำ้ งถนนใหส้ ะอำด ข. นา้ ฝนจะกลายเป็ นฟิ ล์มรองรับระหว่างยางกบั พนื้ ถนน ค. ฝนตกทำใหถ้ นนชำรุดเป็นหลมุ เป็ นบ่อ ง. ถนนคอนกรีตดูดซบั น้ำฝนไดอ้ ยำ่ งดี 160. ข้อใดไม่ควรปฏิบตั ขิ ณะขบั รถเมอื่ ฝนตกหนัก ก. ใชค้ วำมเร็วไม่เกิน 20 กิโลเมตรตอ่ ชว่ั โมง ข. เบรกรถอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ค. เปิ ดไฟหนำ้ รถในขณะขบั รถ ง. ลดควำมเร็วลงและเพิม่ ควำมระมดั ระวงั ใหม้ ำกข้ึน 161. เพอ่ื ความปลอดภัยในการขบั รถช่วงฤดูฝน ควรตรวจสอบอปุ กรณ์ส่วนควบสิ่งใดของรถก่อนเป็ นลาดบั แรก ก. ทป่ี ัดนา้ ฝน ข. น้ำในหมอ้ น้ำ ค. น้ำกลนั่ แบตเตอร่ี ง. ตรวจเชค็ ประตหู นำ้ ตำ่ งรถ 162. ในขณะขบั รถลุยนา้ ผ้ขู บั ขคี่ วรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ขบั รถดว้ ยควำมเร็ว ข. เปิ ดไฟฉุกเฉิน ค. เปิ ดไฟหนำ้ รถ ง. เร่งเคร่ืองยนต์ให้มากกว่าปกตเิ ลก็ น้อย และควบคุมเคร่ืองยนต์ไม่ให้ดบั
163. หลงั จากขบั รถลุยนา้ ผ้าเบรกเปี ยกมวี ธิ ีแก้ไขให้แห้งได้อย่างไร ก. เหยยี บเบรกแรงๆ ข. ขบั รถใหเ้ ร็วๆ ค. ขับรถช้าๆ เหยยี บเบรกเบาๆ แล้วปล่อยหลายๆ คร้ัง ง. จอดรถเขำ้ เกียร์วำ่ งและเร่งเคร่ืองยนตไ์ วส้ กั 10 นำที 164. เหตใุ ดขณะขับรถลุยนา้ จงึ ต้องเลยี้ งคลตั ช์และเร่งเครื่องยนต์มากกว่าปกตเิ ลก็ น้อย ก. เพอื่ ป้ องกนั ไม่ให้เครื่องยนต์ดบั ข. เพอ่ื ใหร้ ถมีควำมเร็วมำกข้ึน ค. เพือ่ ใหเ้ คร่ืองยนตร์ ้อน ง. เพอ่ื ใหค้ วำมร้อนของเครื่องยนตส์ ูงกวำ่ ปกติ 165. ข้อใดเปิ ดไฟหน้ารถไม่ถูกต้อง ก. เม่ือฝนตกหนกั ข. เมอื่ ต้องเร่งรีบไปทางาน ค. เม่ือมีควนั ไฟปกคลมุ ถนน ง. เมื่อไมส่ ำมำรถมองเห็นทำงขำ้ งหนำ้ ในระยะต่ำกวำ่ 150 เมตร 166. การขบั รถผ่านบริเวณนา้ ท่วม ควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ขับช้าๆ ตามหลงั รถคนั หน้าในระยะห่างพอสมควร ข. หำ้ มใชเ้ บรกอยำ่ งเด็ดขำด ค. พยำยำมขบั ใหจ้ ้ีติดทำ้ ยรถคนั หนำ้ ตลอดเวลำ ง. เปิ ดไฟฉุกเฉินตลอดเวลำ 167. เพอื่ ความปลอดภัยก่อนขับรถ ผู้ขับขค่ี วรเตรียมความพร้อมอย่างไร ก. รับประทำนเครื่องด่ืมกระตนุ้ ประสำทชนิดเขม้ ขน้ ข. นอนหลบั พกั ผ่อนให้เพยี งพอ ค. ตอ่ ทะเบียนรถใหเ้ รียบร้อย ง. เติมน้ำมนั ใหเ้ ตม็ ถงั 168. ข้อใดเป็ นปัจจยั สาคญั ทกี่ ่อให้เกดิ อุบตั เิ หตุทางถนนมากทสี่ ุด ก. ถนน ข. ผู้ขับขร่ี ถ ค. สญั ญำณไฟจรำจร ง. ไฟส่องถนนบริเวณทำงร่วมทำงแยก
167. พฤตกิ รรมการขับรถข้อใดถอื ว่าไม่ปลอดภัย ก. นางสมศรีขบั รถปฏิบตั ติ ามความพอใจของตวั เอง ข. นำยสมชำยขบั รถจกั รยำนยนตส์ วมรองเทำ้ หุม้ สน้ ค. นำงจิตรำขบั รถในเขตกรุงเทพฯ ใชค้ วำมเร็วเพยี ง 50 กิโลเมตรตอ่ ชว่ั โมง ง. นำยทองใบขบั รถนอกเขตเทศบำลใชค้ วำมเร็วเพยี ง 80 กิโลเมตรต่อชวั่ โมง 168. ก่อนออกรถจากไหล่ทางด้านซ้าย ผู้ขบั ขีต่ ้องปฏิบตั อิ ย่างไรให้ปลอดภยั มากทสี่ ุด ก. มองกระจกมองขำ้ งดำ้ นขวำ ข. เปิ ดไฟเล้ียวซำ้ ย หนั ศีรษะไปดำ้ นซำ้ ย ค. มองกระจกมองข้างด้านขวา เปิ ดไฟเลยี้ วขวา พร้อมกบั หันศีรษะมองข้ามไหล่ขวาไปทางด้านหลงั ก่อนออกรถ ง. มองกระจกมองหลงั 169. ภายหลงั ออกรถไปประมาณ 3 ถงึ 4 เมตร ควรทดสอบระบบใด ก. เบรก ข. ปรับกระจกมองหลงั ค. ปรับกระจกมองขำ้ ง ง. ไฟเล้ียว 170. การขบั รถขนึ้ ทางลาดชัน ควรใช้เกยี ร์อย่างไร ก. ใชเ้ กียร์ต่ำแต่เม่ือใกลถ้ ึงยอดเขำใหเ้ ปล่ียนเป็ นเกียร์สูง ข. ใชเ้ กียร์สูงและลดควำมเร็วลง ค. ใช้เกยี ร์ตา่ และขับด้วยความระมดั ระวงั ง. ใชเ้ กียร์ 4 ข้ึนไปขณะข้นึ ทำงลำดชนั 171. ในขณะทข่ี บั รถอยู่ มกี ลน่ิ เหมน็ ไหม้ แอร์เร่ิมไม่เยน็ เคร่ืองยนต์เร่งไม่ขนึ้ ควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. จอดรถในทป่ี ลอดภัยแล้ว ตรวจเช็กรถในเบอื้ งต้น ข. ขบั ตอ่ ไปเรื่อยๆ ค. ลดควำมเร็วลงแลว้ ขบั ตอ่ ไป ง. หยดุ รถทนั ทีกลำงถนนหำ้ มเคล่ือนยำ้ ย 172. ขณะขับรถเคร่ืองยนต์เกดิ ความร้อนสูง ควรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. หยดุ รถท่ีปลอดภยั เอำน้ำแขง็ มำแช่เคร่ืองยนต์ ข. หยดุ รถทป่ี ลอดภัย แล้วปล่อยให้เคร่ืองเยน็ ก่อน ค. หยดุ รถที่ปลอดภยั แลว้ เปิ ดฝำหมอ้ น้ำ เติมน้ำทนั ที ง. หยดุ รถท่ีปลอดภยั แลว้ เอำน้ำมำรำดเคร่ืองยนต์
173. ในการขบั รถทางไกล ผ้ขู บั ขคี่ วรเตรียมความพร้อมของร่างกายอย่างไร ก. พกั ผ่อนให้เพยี งพอ ข. รับประทำนอำหำรเพิ่มเป็น 2 เท่ำ ของวนั ปกติ ค. ด่ืมเครื่องด่ืมชูกำลงั ใหม้ ำกๆ ง. ใชย้ ำกระตนุ้ ประสำท (ยำบำ้ ) 174. การขับรถในทางลกั ษณะใด ทไี่ ม่จาเป็ นต้องเปิ ดไฟเลยี้ ว ก. ทำงเล้ียวซำ้ ยเขำ้ ซอย ข. ทำงเล้ียวซำ้ ยออกจำกซอย ค. ทางบงั คบั เลยี้ ว ง. ทำงกลบั รถ 175. การหมนุ พวงมาลยั รถ ขณะจอดรถอยู่กบั ทจี่ ะมผี ลอย่างไร ก. ดอกยางสึกเร็วกว่าปกติ ข. สิ้นเปลืองน้ำมนั เพำเวอร์ ค. สิ้นเปลืองน้ำมนั เช้ือเพลิง ง. ทำใหห้ มนุ พวงมำลยั ง่ำยข้ึน 176. การหยดุ รถอย่างกะทนั หนั (รถไม่มเี บรก ABS) ควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. เหยยี บเบรกแรงๆ โดยไมต่ อ้ งถอนเบรก ข. เหยยี บและปล่อยเบรกสลบั กนั (ยา้ เบรกซ้าๆ) ค. เหยยี บเบรกและดึงเบรกมือพร้อมกนั ง. เหยยี บเบรก และดบั เครื่องยนตพ์ ร้อมกนั 177. รถทขี่ บั มาด้วยความเร็วสูงแล้วเหยยี บเบรกอย่างกะทนั หนั (รถไม่มเี บรก ABS) จะมผี ลอย่างไร ก. ล้อจะลอ็ ก และรถจะไม่สามารถควบคุมได้ ข. รถจะค่อยๆ ชะลอควำมเร็วลง ค. จะหยดุ รถไดต้ ำมระยะท่ีกำหนด ง. ลอ้ จะลอ็ ก และรถจะหยดุ ทนั ที 178. ก่อนขบั รถเข้าโค้งหรือมุมเลยี้ ว ควรใช้ความเร็วอย่างไร ก. ลดควำมเร็วลงใหม้ ำกท่ีสุดเท่ำท่ีจะทำได้ ข. ควบคุมความเร็วของรถให้เหมาะสมกบั โค้งหรือมมุ เลยี้ ว ค. ใชค้ วำมเร็วคงที่ ง. เพ่ิมควำมเร็วใหม้ ำกข้ึนกวำ่ เดิม
179. ขณะขบั รถยางรถแตก จะมอี าการอย่างไร ก. รถหยดุ กะทนั หนั ข. พวงมาลยั จะหนัก รถจะเอยี ง ค. พวงมำลยั รถจะไร้น้ำหนกั ง. เบรกจะไมท่ ำงำน 180. ยางทห่ี มดอายุจะมลี กั ษณะอย่างไร ก. มรี อยแตกร้าวตามแนวขอบยาง ข. ยำงจะมีสีดำสนิท ค. ยำงจะมีสีขำวนวล ง. เวลำเปี ยกน้ำจะไมเ่ กำะยำง 181. ในขณะขบั รถ ยางรถแตกหรือระเบิด ผู้ขบั ข่ีควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. คมุ สติ บังคบั พวงมาลยั ลดความเร็วลงและไม่ควรเหยยี บเบรกกะทนั หัน ข. รีบเหยยี บเบรกใหเ้ ร็วที่สุด ค. ปลดเกียร์วำ่ งแลว้ รีบเหยยี บเบรก ง. หมนุ พวงมำลยั อยำ่ งรวดเร็วเพอื่ หลบเขำ้ ขำ้ งทำง 182. ในขณะทกี่ าลงั ขับรถ ถ้าฝากระโปรงหน้ารถเปิ ด ผู้ขับขีค่ วรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. เบรกกะทนั หนั ข. หกั เล้ียวรถเขำ้ ขำ้ งทำงทนั ที เพอ่ื ปิ ดฝำกระโปรงใหเ้ รียบร้อย ค. ลดความเร็วแล้วจอดข้างทาง เพอื่ ปิ ดฝากระโปรงให้เรียบร้อย ง. เหยยี บคนั เร่งใหม้ ิดเพ่อื ฝำกระโปรงจะไดก้ ระแทกปิ ด 183. ข้อใดเป็ นวธิ ีแก้ไขเบือ้ งต้นเมอ่ื รถเกดิ ไฟลดั วงจร ก. ใชท้ รำยสำดใส่ ข. วงิ่ หำน้ำมนั มำรำด ค. หำผำ้ หนำๆ ปิ ดหรือดบั ไฟ ง. ตดั กระแสไฟ หรือหาทางงดั ข้วั แบตเตอรี่ออกก่อน 184. ลมยางล้อหน้าอ่อน จะมผี ลต่อการขับขีอ่ ย่างไร ก. เวลานั่งรู้สึกเหมอื นรถจะกระตกุ อยู่ตลอดเวลา ข. ยำงลอ้ หนำ้ สึกหรอ พวงมำลยั หนกั และรถกินน้ำมนั มำกข้ึน ค. ประหยดั น้ำมนั แตเ่ ปลืองยำง ง. ประหยดั ยำงแต่เปลืองน้ำมนั
185. การปรับระดบั ทน่ี ง่ั คนขบั ห่างเกนิ ไป จะมผี ลอย่างไร ก. ทำใหเ้ ขำ้ เกียร์ไดง้ ่ำย ข. ทำใหเ้ บรกรถสะดวก ค. ทำใหท้ ศั นวสิ ยั ในกำรมองเห็นชดั เจนดีมำก สำมำรถตดั สินใจไดด้ ี ง. บังคบั พวงมาลยั ลาบาก ใช้อุปกรณ์ต่างๆ ไม่สะดวก 186. การตรวจสอบว่าเขม็ ขัดนริ ภัยยงั ใช้งานได้ดหี รือไม่ ควรตรวจสอบอย่างไร ก. ตอ้ งมีสีเขม้ ๆ ข. ดูวำ่ เขม็ ขดั มียห่ี อ้ หรือไม่ ค. ดูวำ่ เป็ นของใหมห่ รือไม่ ง. กระตุกดงึ สายเข็มขัดอย่างเร็ว แล้วสายเขม็ ขัดต้องลอ็ ก 187. ข้อใดไม่ใช่การมองทถ่ี ูกวธิ ีในขณะขบั รถ ก. กำรมองถึงสภำพของถนนที่แตกต่ำงกนั ข. กำรมองกำรเคล่ือนไหวของรถและคน ค. มองไปยงั สิ่งทไ่ี ม่เกยี่ วข้องกบั การขับรถ ง. กำรมองเห็นฝงู สตั วเ์ ล้ียงกำลงั ขำ้ มถนน 188. การเข้าเกยี ร์ถอยหลงั ขณะรถยงั ไม่หยดุ นิ่งมผี ลเสียอย่างไร ก. เข้าเกยี ร์ยากและทาให้เกยี ร์เสียเร็วกว่าปกติ ข. ทำใหน้ ้ำมนั เกียร์หมดเร็ว ค. เคร่ืองยนตก์ ินน้ำมนั เครื่อง ง. ไมม่ ีผลต่อเกียร์ 189. การขับรถถอยหลงั ควรใช้ความเร็วระดบั ใด ก. ใชค้ วำมเร็วตำมสภำพของรถ ข. ถอยเหมือนกบั เดินหนำ้ ค. ถอยช้าๆ แล้วใช้ความระมดั ระวงั ง. ถอยแบบไหนก็ได้ 190. การตรวจลมยางควรตรวจเมอื่ ใด ก. ตรวจเมื่อไรก็ได้ ข. ขณะท่ีบรรทุกของหนกั ค. ขณะวง่ิ ใชง้ ำนแลว้ ประมำณ 2 ชว่ั โมง ง. ขณะทย่ี างยงั เยน็ อยู่
191. ข้อใดเป็ นการสตาร์ทเคร่ืองยนต์ทถ่ี ูกต้อง ก. ขนึ้ เบรกมอื -ปลดเกยี ร์ว่าง -ปิ ดอุปกรณ์ไฟฟ้ า-สตาร์ทเครื่องยนต์ ข. ปลดเกียร์วำ่ ง-ข้ึนเบรกมือ-สตำร์ทเครื่องยนต์ ค. เหยยี บคลตั ช-์ สตำร์ทเครื่องยนต์ ง. ปลดเบรกมือ-ปิ ดอปุ กรณ์ไฟฟ้ ำ-สตำร์ทเคร่ืองยนต์ 192. ข้อใดไม่ควรปฏิบตั ขิ ณะขับรถเมอื่ ฝนตกหนัก ก. ลดควำมเร็วลงและขบั ดว้ ยควำมระมดั ระวงั ข. ใชเ้ กียร์ต่ำกวำ่ ปกติ 1 เกียร์ ค. เบรกรถอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ง. เปิ ดไฟหนำ้ รถ 193. หากเกดิ ฝนตกหนกั จนมองเหน็ ทางไม่ชัดเจน ผู้ขบั ข่ีควรปฏบิ ัตอิ ย่างไร ก. จอดรถบริเวณทป่ี ลอดภัย เปิ ดไฟหน้ารถและเปิ ดไฟฉุกเฉิน ข. เปิ ดไฟหนำ้ เร่งควำมเร็วผำ่ นบริเวณที่ฝนตกหนกั ค. เร่งควำมเร็วใหผ้ ำ่ นบริเวณที่ฝนตกโดยเร็ว ง. จอดรถทนั ที 194. ข้อใดทที่ าให้การหยุดรถต้องใช้ระยะทางมากขนึ้ จงึ สามารถหยุดรถได้ ก. ควำมรวดเร็วในกำรตดั สินใจ ข. ควำมเร็วในกำรเหยยี บเบรก ค. นา้ หนักบรรทุกเพมิ่ มากขนึ้ ง. น้ำหนกั บรรทุกลดนอ้ ยลง 195. ข้อใดไม่ควรใช้เบรกมอื ก. ติดไฟแดง ข. ขบั รถลงทางลาดชัน ค. จอดรถ ง. หยดุ บนทำงลำดชนั 196. การจบั พวงมาลยั ขณะขบั รถทางตรง มอื ซ้ายและขวาของผู้ขบั ข่ี ควรอยู่ในตาแหน่งลกั ษณะใดของหน้าปัดนาฬิกา ก. ตาแหน่งเลข 2 และเลข 10 ข. ตำแหน่งเลข 3 และเลข 10 ค. ตำแหน่งเลข 4 และเลข 10 ง. ตำแหน่งเลข 6 และเลข 10
197. ข้อใดไม่มผี ลให้ระยะการหยดุ รถ (ระยะเบรก) ยาวขนึ้ ก. สภำพพ้ืนผวิ ถนน ข. น้ำหนกั บรรทุก ค. นา้ มนั หล่อลน่ื ง. ควำมเร็วของรถ 198. ผู้ขับขีค่ วรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินเมอื่ ใด ก. เมอ่ื รถเสียหรือเกดิ อบุ ตั เิ หตุ ข. เม่ือขบั รถผำ่ นทำงร่วมทำงแยก ค. เม่ือจะกลบั รถหรือเปล่ียนช่องทำงเดินรถ ง. เม่ือมีหมอก ฝน ฝ่ นุ ควนั ในทำงเดินรถ 199. การฝึ กขบั รถแบบ “ขับไปพดู ไป” มวี ตั ถุประสงค์เพอื่ อะไร ก. เพื่อป้ องกนั ไมใ่ หง้ ่วงซึม ข. ฝึ กสมองให้เกดิ สมาธแิ ละสมองทางานสัมพนั ธ์กบั ตา ค. เพ่ือใหเ้ หมือนทฤษฎีฝรั่ง ง. เหมือนคนบำ้ ขบั รถ 200. เมอ่ื เราเตรียมขบั รถแซงรถคนั หน้า เราควรปฏบิ ัตเิ ช่นไรเป็ นอนั ดบั แรก ก. ใหส้ ญั ญำณไฟก่อน ข. ให้ดูกระจกก่อน ค. รีบเร่งเครื่องแลว้ แซงไดเ้ ลย ง. เปิ ดไฟฉุกเฉินแลว้ แซงไดเ้ ลย 201. ข้อควรปฏิบตั ขิ ณะขบั รถฝ่ าหมอกควนั หรือฝนคอื ข้อใด ก. เปิ ดไฟหร่ี ข. ขบั รถชำ้ ๆ โดยไมต่ อ้ งเปิ ดไฟ ค. เปิ ดไฟส่องสว่าง ง. บีบแตรแลว้ ขบั ใหเ้ ร็วเพ่อื ป้ องกนั รถคนั หลงั ชนทำ้ ย 202. หลงั จากขับรถลุยนา้ เมอ่ื เราขึน้ ทแี่ ห้งแล้วควรปฏบิ ตั เิ ช่นไรเป็ นอนั ดบั แรก ก. ทดสอบเบรกหลายๆ คร้ัง ข. ทดสอบไฟเล้ียวหลำยๆ คร้ัง ค. ทดสอบสญั ญำณแตร ง. ทดสอบไฟสูงต่ำ
203. ถ้าขณะขบั รถเกดิ ยางแตกหรือยางระเบดิ ควรปฏบิ ตั เิ ช่นไร ก. เหยยี บคลตั ชอ์ ยำ่ งเดียว ข. เหยยี บเบรกโดยเร็ว ค. เหยยี บคลตั ชใ์ หเ้ ร็วแลว้ ตำมดว้ ยเบรก ง. ถอื พวงมาลยั ให้มน่ั แล้วค่อยๆ เบรกและนารถเข้าข้างทาง 204. ในสภาพถนนปกติ รถพร้อม คนพร้อม ขบั รถตามรถคนั หน้าต้องเว้นระยะห่างจากรถคนั หน้าเท่าใดจงึ จะปลอดภัยเมอ่ื รถคนั หนำ้ หยดุ ก. 3 เมตร ข. 5 เมตร ค. หน่ึงช่องรถ ง. ห่างพอสมควรและสามารถหยดุ รถได้โดยปลอดภยั 205. ข้อใดผดิ ก. หำ้ มพดู โทรศพั ทข์ ณะขบั รถ ข. ห้ามหยดุ รถให้คนข้ามทาง ค. หำ้ มหยดุ หรือจอดรถคุยกนั กลำงถนน ง. หำ้ มแซงซำ้ ยในที่หำ้ มแซงซำ้ ย 206. ท่านควรหมุนพวงมาลยั ลกั ษณะใดในการเลยี้ งรถ ก. ป่ันพวงมำลยั และตีกลบั เอง ข. ใช้วธิ ีคลงึ ไปคลงึ มาบนพวงมาลยั ค. ใชร้ ะบบดึง-ดนั ง. หมนุ ระบบสอดสร้อยมำลำ 207. เมอื่ เห็นผ้ขู ับขเ่ี กดิ อุบตั เิ หตคุ วรปฏิบตั เิ ช่นไร ก. ขบั รถตำมปกติ ข. ช่วยเหลอื ผู้บาดเจบ็ เท่าทจ่ี าเป็ น ค. รีบขบั รถหนี ง. ขบั รถชำ้ ๆ ชะลอดูเหตกุ ำรณ์ 208. การขับรถทางไกลเมอ่ื รู้สึกว่าตนเองง่วงควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. เร่งเคร่ืองเพ่ือใหถ้ ึงจุดหมำยโดยเร็ว ข. ขบั รถหวำดเสียวเพอ่ื ใหร้ ะบบประสำทต่ืนตวั ค. วง่ิ แลว้ เบรกบ่อยๆ เพ่อื ใหห้ ำยง่วง ง. หยุดพกั นอน หรือยดื เส้นยดื สายตามจุดพกั หรือป๊ัมนา้ มนั
209. ข้อใดไม่ใช่วธิ ีการขบั รถทปี่ ลอดภยั ในขณะทฝี่ นตก ก. เปิ ดไปฉุกเฉินตลอดเวลาทฝ่ี นตก ข. ทิ้งช่วงห่ำงจำกรถคนั หนำ้ เผ่ือไวม้ ำกๆ ค. เปิ ดไฟหนำ้ ง. ใชอ้ ตั รำควำมเร็วท่ีปลอดภยั
ข้อสอบใบขบั ขห่ี มวดท่ี 9 – การบารุงรักษารถ 1. แบตเตอรี่ควรมฉี นวนหุ้มทขี่ ้วั แบตเตอรี่ข้วั ใด ก. ข้วั บวก ข. ข้วั ลบ ค. ไมจ่ ำเป็นตอ้ งมีฉนวนหุม้ ง. หุม้ ท้งั สองข้วั 2. สาเหตไุ ฟไม่ชาร์จเข้าแบตเตอร่ีเกดิ จากอะไร ก. เปิ ดเคร่ืองเสียงมำกเกินไป ข. ฉนวนหุม้ ข้วั แบตเตอร่ีหลดุ ค. เปิ ดสญั ญำณไฟเล้ียวมำกเกินไป ง. ไดชาร์จชารุดหรือสายพานไดชาร์จหย่อนหรือขาด 3. สาเหตรุ ถสตาร์ทไม่ตดิ เกดิ จากสาเหตใุ ด ก. กรองอำกำศตนั ข. น้ำมนั เบรกหมด ค. น้ำในหมอ้ น้ำแหง้ ง. แบตเตอรี่ไม่มไี ฟ 4. การตรวจเช็กแบตเตอร่ีแบบง่ายๆ ว่ามไี ฟปกตหิ รือไม่ กระทาได้อย่างไร ก. บบี แตรและฟังเสียงว่าปกตหิ รือเบาลง ข. ออกรถ 2-3 เมตรแลว้ ทดสอบเบรก ค. เหยยี บคลตั ชแ์ ละเขำ้ เกียร์ใหค้ รบ ง. หมุนพวงมำลยั ไปดำ้ นซำ้ ยและขวำ 5. ผู้ขบั ข่ีควรใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินเมอื่ ใด ก. เม่ือมีหมอก ฝน ฝ่ นุ ควนั ในทำงเดินรถ ข. เม่ือขบั รถผำ่ นทำงร่วมทำงแยก ค. เมื่อจะกลบั รถหรือเปลี่ยนช่องทำงเดินรถ ง. เมอ่ื รถเสียหรือเกดิ อบุ ัตเิ หตุ 6. วธิ ีใดเป็ นวธิ ีการแก้ไขเบอื้ งต้นเมอื่ เกดิ ไฟลดั วงจร ก. รีบเปิ ดฝำหมอ้ น้ำทนั ที ข. ดบั เครื่องยนต์และถอดข้วั แบตเตอรี่ออก ค. รีบโทรแจง้ เจำ้ หนำ้ ท่ีดบั เพลิง ง. ใชน้ ้ำสำดทนั ที
7. ถ้าข้วั แบตเตอรี่มคี ราบขีเ้ กลอื วธิ ีการใดเป็ นการแก้ไขทด่ี ที สี่ ุด ก. ใช้นา้ อ่นุ ล้างและทาจาระบี ข. ใชน้ ้ำสม้ สำยชูลำ้ ง ค. ใชน้ ้ำมะนำวลำ้ ง ง. ใชน้ ้ำกลน่ั ลำ้ ง 8. ในการถอดข้วั แบตเตอรี่ ควรถอดข้วั ใดก่อน ก. ข้วั ไหนก่อนกไ็ ด้ ข. ข้วั บวก ค. ท้งั สองข้วั พร้อมกนั ง. ข้วั ลบ 9. นา้ ทใ่ี ช้เตมิ ในแบตเตอร่ี ควรใช้นา้ ชนดิ ใด ก. นา้ กลน่ั ข. น้ำฝน ค. น้ำบำดำล ง. น้ำสบู่ 10. การเตมิ นา้ กลนั่ ควรให้อย่รู ะดบั ใดของแบตเตอรี่ ก. ให้อยู่ระหว่างขดี ทกี่ าหนด ข. เติมใหอ้ ยรู่ ะดบั ขีดต่ำกวำ่ ท่ีกำหนดเลก็ นอ้ ย ค. เติมใหอ้ ยรู่ ะดบั สูงกวำ่ ท่ีกำหนดเลก็ นอ้ ย ง. เติมจนลน้ แลว้ ปิ ดฝำ 11. ขณะขบั รถไฟเตอื นสีใดไม่ควรแสดงอย่บู นแผงหน้าปัด ก. สีเขียว ข. สีเหลือง ค. สีแดง ง. สีน้ำเงิน 12. คราบขีเ้ กลอื ทขี่ ้ัวแบตเตอร่ีเกดิ จากสาเหตใุ ด ก. ฝ่ นุ ละอองไปเกำะ ข. นา้ กรดทาปฏกิ ริ ิยากบั อากาศ ค. น้ำไปโดนท่ีข้วั แบตเตอร่ี ง. ฉนวนหุม้ ข้วั แบตเตอร่ีสกปรก
18. แบตเตอรี่รถยนต์มหี น้าทอ่ี ย่างไร ก. เกบ็ รักษาไฟฟ้ าและจ่ายกระแสไฟ ข. ใชเ้ วลำดบั เคร่ืองยนต์ ค. ตดั กระแสไฟ ง. ทำหนำ้ ท่ีผลิตไฟฟ้ ำในรถยนต์ 19. แบตเตอรี่รถยนต์จะมขี นาดแรงดนั ไฟฟ้ ากโ่ี วลท์ ก. 12 โวลท์ ข. 15 โวลท์ ค. 24 โวลท์ ง. 220 โวลท์ 20. ไดสตาร์ททาหน้าทอ่ี ะไร ก. ทำใหห้ มุนพวงมำลยั ไดด้ ี ข. ทาให้เคร่ืองยนต์ตดิ ค. ทำใหร้ ะบบเบรกทำงำนดีข้ึน ง. ทำใหแ้ อร์ในรถเยน็ ข้ึน 21. ข้อใดคอื ความตงึ ของสายพานพดั ลมและไดชาร์ททถี่ ูกต้อง ก. 5-15 มลิ ลเิ มตร ข. 20-25 มิลลิเมตร ค. 25-30 มิลลิเมตร ง. 30-35 มิลลิเมตร 22. ขณะขบั รถไปได้ระยะหนึง่ ปรากฏว่าไฟเตอื นสีแดง แสดงเกดิ จากสาเหตุใด ก. ไดชาร์ทชารุด ข. แบตเตอรี่เสีย ค. แบตเตอรี่ใกลห้ มดอำยุ ง. น้ำกลนั่ แหง้ 23. การเตมิ นา้ กลน่ั แบตเตอร่ีควรเตมิ ให้ท่วมแผ่นธาตปุ ระมาณเท่าไร ก. 1 นิว้ ข. 2 นิ้ว ค. 3 นิ้ว ง. 4 นิ้ว
24. ไดชาร์จทาหน้าทอี่ ะไร ก. ทำหนำ้ ที่สตำร์ทเคร่ืองยนต์ ข. ทาหน้าทผ่ี ลติ ไฟฟ้ าในรถยนต์ ค. ทำหนำ้ ท่ีดบั เครื่องยนต์ ง. ทำหนำ้ ท่ีเช็กอุณหภมู ิควำมร้อนในรถยนต์ 25. ท่านควรเตมิ นา้ มนั เชื้อเพลงิ รถเครื่องยนต์เบนซินอย่างไร ก. เติมคำ่ ที่ต่ำกวำ่ คำ่ ที่กำหนดเพ่อื ควำมประหยดั ข. เติมสูงกวำ่ คำ่ ท่ีกำหนดเพือ่ ป้ องกนั เครื่องยนตเ์ สียหำย ค. เตมิ นา้ มนั ทม่ี คี ่าออกเทนตามทรี่ ะบุไว้ในคู่มอื รถ ง. เติมคำ่ เท่ำใดก็ไดต้ ำมควำมสะดวก 26. นา้ มนั แก๊สโซฮอล์ มคี วามหมายอย่างไร ก. นา้ มนั ทม่ี สี ่วนผสมของเอทานอล ข. น้ำมนั ที่มีส่วนผสมของสำรตะกว่ั ค. น้ำมนั ท่ีไดจ้ ำกพืช 100 เปอร์เซน็ ต์ ง. น้ำมนั ที่มีส่วนผสมของน้ำมนั หลอ่ ลื่น 27. นา้ มนั แก๊สโซฮอล์ทมี่ จี าหน่ายในประเทศไทยมคี ่าออกเทนสูงสุดเท่าใด ก. ค่ำออกเทน 98 ข. ค่าออกเทน 95 ค. ค่ำออกเทน 91 ง. ค่ำออกเทน 87 28. ในการตรวจเช็กนา้ มนั เชื้อเพลงิ ในห้องเครื่องยนต์เราควรตรวจส่ิงใดเป็ นหลกั ก. กำรเผำไหมข้ องเคร่ืองยนต์ ข. กำรปลอมปนของน้ำมนั ค. สภาพของท่อนา้ มนั และรอยร่ัวซึม ง. ปริมำณน้ำมนั เช้ือเพลิง 29. หากท่านเตมิ นา้ มนั ผดิ ประเภทควรปฏิบัตอิ ย่างไร ก. เติมชนิดท่ีถกู เขำ้ ไปเพื่อทำใหเ้ จือจำง ข. ขบั ไปใหห้ มดถงั แลว้ เติมชนิดท่ีถกู เขำ้ ไป ค. ทาการเปลย่ี นถ่ายออกทนั ที ง. ขบั ไปถำ้ มีผลตอ่ เครื่องยนตค์ ่อยถ่ำยออก
30. หากท่านตรวจพบว่าท่อนา้ มนั เริ่มมรี อยนา้ มนั ซึมออกมาท่านควรทาอย่างไร ก. สลบั ท่อไปไวใ้ นท่อแรงดนั ต่ำ ข. ใชเ้ ทปรัดใหแ้ น่นข้ึน ค. ใชไ้ ปไดจ้ นกวำ่ จะมีรอยหยดของน้ำมนั ง. ทาการเปลย่ี นท่อใหม่ 31. หากรถของท่านเกดิ ท่อนา้ มนั รั่วท่านควรทาอย่างไร ก. ดบั เคร่ืองยนต์และไม่ควรขบั รถต่อไปเนอื่ งจากอาจเกดิ ไฟไหม้ได้ ข. ขบั ไปหำศูนยบ์ ริกำรเพอ่ื ทำกำรซ่อม ค. ใชเ้ ทบรัดและขบั ไปหำช่ำง ง. นำขวดมำรองน้ำมนั ท่ีรั่วและขบั ตอ่ ไป 32. ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. ไม่ควรเตมิ นา้ มนั หล่อลนื่ ลงไปผสมในนา้ มนั เชื้อเพลงิ ข. กำรเติมน้ำมนั ควรเติมในช่วงกลำงวนั ค. เรำไม่สำมำรถเติมน้ำมนั ค่ำออกเทน 95 แทนออกเทน 91 ได้ ง. น้ำมนั ท่ีแพงคือน้ำมนั ที่ดีที่สุด 33. เคร่ืองยนต์เบนซินกบั เครื่องยนต์ดเี ซลมขี ้อแตกต่างอย่างไร ก. มีระบบกำรสตำร์ทตำ่ งกนั ข. มีระบบกำรใชน้ ้ำระบำยควำมร้อนต่ำงกนั ค. เคร่ืองยนต์เบนซินใช้หวั เทยี นในการจดุ ระเบดิ ง. มีระบบไฟตำ่ งกนั 34. ในกรณที ร่ี ถให้ใช้นา้ มนั ออกเทน 95 เท่าน้นั ถ้าหากเราเตมิ นา้ มนั ค่าออกเทน 91 จะมผี ลอย่างไร ก. ใชง้ ำนไดต้ ำมปกติ ข. เครื่องยนต์เกดิ การสะดดุ (น๊อก) ค. เคร่ืองยนตพ์ งั ทนั ทีหำกใชง้ ำน ง. ไมม่ ีผลต่อกำรใชง้ ำน 35. ในกรณที เี่ ตมิ นา้ มนั ทม่ี คี ่าออกเทนสูงกว่าในคู่มอื การใช้จะมผี ลอย่างไร ก. เคร่ืองยนตร์ ้อนข้นึ กวำ่ เดิม ข. ไม่มผี ลต่อการใช้งาน ค. เครื่องยนตส์ ึกหรอกวำ่ ปกติ ง. รอบเคร่ืองยนตส์ ูงข้ึนกวำ่ ปกติ
36. ในขณะทท่ี ่านเตมิ นา้ มนั เชื้อเพลงิ ท่านควรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ดบั เครื่องยนต์ ข. ลงจำกรถและเดินออกใหไ้ กล ค. ไมต่ อ้ งทำอะไร ง. ติดเครื่องยนตไ์ ว้ 37. การตรวจเช็กรอยรั่วซึมระบบเชื้อเพลงิ ท่านควรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. ใชน้ ้ำสบู่เชด็ หำครำบน้ำมนั ข. ใชไ้ ฟฉำยหรือไฟแช็กส่องดูถำ้ มองไม่เห็น ค. ใช้จากการสังเกตและการดมกลน่ิ ง. ใชม้ ือหมนุ ท่อยำงหำควำมบกพร่อง 38. หากท่านใช้ก๊าชธรรมชาติ CNG จะมผี ลต่อเคร่ืองยนต์อย่างไร ก. ไมม่ ีผลต่อเคร่ืองยนต์ ข. เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าการใช้นา้ มนั ค. เครื่องยนตจ์ ะเยน็ กวำ่ ปกติ ง. อำยกุ ำรใชง้ ำนหวั เทียนมำกกวำ่ กำรใชน้ ้ำมนั 39. นา้ มนั เบนซิน E85 หมายความว่า ก. มีส่วนผสมของเมทำนอล 15 ส่วน ข. มีส่วนผสมของเอทำนอล 15 ส่วน ค. มีส่วนผสมของน้ำมนั 85 ส่วน ง. มสี ่วนผสมของเอทานอล 85 ส่วน 40. นา้ มนั เชือ้ เพลงิ ในข้อใดมกี ารระเหยเร็วมากทสี่ ุด ก. นา้ มนั E85 ข. น้ำมนั E20 ค. น้ำมนั แกส๊ โซฮอล์ 95 ง. น้ำมนั 95
41. รถเครื่องยนต์ดเี ซลหากมสี ัญญาณเตอื นในระบบกรองดกั นา้ ท่านควรทาอย่างไร ก. ถอดกรองดงั น้ำออกมำทำควำมสะอำด ข. ใหช้ ่ำงเปลี่ยนกรองดกั น้ำ ค. ถ่ายนา้ ออกจากกรองดกั นา้ ง. ดบั เครื่องยนตแ์ ละสตำร์ทเครื่องใหม่ 42. รถเครื่องยนต์ดเี ซลหากมคี วนั ดามากผดิ ปกตเิ กดิ จากสาเหตุใด ก. กรองอากาศตนั ข. เติมน้ำมนั ผดิ ประเภท ค. เติมน้ำมนั ปลอม ง. ในน้ำมนั เช้ือเพลิงมนี ้ำผสมอยู่ 43. ข้อใดไม่ใช่หน้าทข่ี องนา้ มนั เครื่องยนต์ ก. ระบำยควำมร้อน ข. รองหรือคน่ั หนำ้ ผวิ สมั ผสั ค. สร้างความหนดื ง. ชำระส่ิงสกปรกเคร่ืองยนต์ 44. การเปลยี่ นถ่ายนา้ มนั เครื่องยนต์ ควรต้องเปลย่ี นอปุ กรณ์ชิน้ ส่วนใดของเคร่ืองยนต์ด้วย ก. สำยพำนเครื่องยนต์ ข. หวั เทียน ค. กรองนา้ มนั เชื้อเพลงิ ง. กรองน้ำมนั เครื่อง 45. การตรวจเช็กระดบั นา้ มนั หล่อลน่ื ในเครื่องยนต์ตรวจเช็กทอี่ ุปกรณ์ส่วนใดของเคร่ืองยนต์ ก. อ่ำงน้ำมนั เคร่ือง ข. ฝำเติมน้ำมนั เครื่อง ค. กรองน้ำมนั เคร่ือง ง. ก้านวดั นา้ มนั เครื่อง
46. ข้อใดเป็ นข้ันตอนก่อนตรวจเช็กและเตมิ ระดบั นา้ มนั หล่อลนื่ เครื่องยนต์ ทถี่ ูกต้อง ก. จอดรถบนพ้ืนรำบ เชก็ น้ำมนั ขณะยงั ติดเคร่ืองยนตอ์ ยอู่ ยำ่ งนอ้ ย 10-15 นำที ข. จอดรถบนพนื้ ราบ เช็กนา้ มนั ขณะยงั ไม่ตดิ เคร่ือง หรือดบั เคร่ืองยนต์อย่างน้อย 10-15 นาที ค. จอดรถบนพ้นื รำบ เช็กน้ำมนั หลงั ดบั เครื่องยนตท์ นั ที ง. จอดรถบนพ้นื รำบ เช็กน้ำมนั ขณะยงั ติดเครื่องยนต์ หรือดบั เคร่ืองยนตท์ นั ที 47. ข้อใดคอื วธิ ีการสังเกตรอยร่ัวซึมของนา้ มนั หล่อลนื่ เครื่องยนต์ ก. สังเกตทพี่ นื้ ทร่ี ถจอด และตามรอยต่อ หรือข้อต่อเคร่ืองยนต์ ข. สงั เกตที่อำกำรเสียงดงั ของเครื่องยนต์ ค. สงั เกตไดจ้ ำกกำรดมกลิ่นน้ำมนั หลอ่ ล่ืนเคร่ืองยนต์ ง. สงั เกตจำกควำมร้อนท่ีข้ึนสูงของเครื่องยนต์ 48. หากลมยางล้อหน้าด้านซ้ายอ่อนเวลาขบั รถจะมผี ลอย่างไร ก. ยำงลอ้ หลงั สึกหรอไม่สม่ำเสมอ ข. รถกินน้ำมนั นอ้ ยกวำ่ ปกติ ค. พวงมำลยั กินไปดำ้ นขวำ ง. พวงมาลยั กนิ ไปด้านซ้าย 49. ถ้าเตมิ ลมยางอ่อนเกนิ ไป จะมผี ลกบั ยางอย่างไร ก. ดอกยำงตรงกลำงจะสึกเร็วกวำ่ ปกติ ข. กำรขบั ขจี่ ะแขง็ กระดำ้ ง ค. ทาให้ดอกยางทางด้านข้างท้งั สองสึกหรอ ง. ทำใหก้ ินน้ำมนั นอ้ ยลง 50. ถ้าเตมิ ลมยางแข็งเกนิ ไป จะมผี ลกบั ยางอย่างไร ก. ดอกยางตรงกลางจะสึกหรอเร็วกว่าปกติ ข. กำรขบั ขี่จะนุ่มนวลข้ึน ค. ทำใหก้ ินน้ำมนั เช้ือเพลิง ง. ดอกยำงดำ้ นขำ้ งจะสึกเร็วกวำ่ ปกติ 51. การตรวจสอบลมยางข้อใดถูกต้อง ก. 1 เดือน ข. 2 เดือน ค. 3 เดือน ง. อย่างน้อยสัปดาห์ละคร้ัง
52. การเตมิ ลมยางข้อใดถูกต้อง ก. เติมในขณะยำงยงั ร้อนอยู่ ข. ควรเตมิ ลมยางในขณะทย่ี างยงั เยน็ อยู่ ค. ควรเติมลมยำงใหแ้ ขง็ มำกๆ ง. ควรเติมลมยำงใหอ้ อ่ นมำกๆ 53. โดยปกตกิ ารสลบั ยางควรสลบั ทุกระยะทางกก่ี โิ ลเมตร ก. 10,000 กโิ ลเมตร ข. 25,000 กิโลเมตร ค. 30,000 กิโลเมตร ง. 35,000 กิโลเมตร 54. ข้อใดไม่ใช่สาเหตุทท่ี าให้ยางระเบิด ก. ใชย้ ำงเก่ำเกบ็ ข. ใชย้ ำงหมดอำยุ ค. บรรทุกน้ำหนกั มำกเกินไป ง. เตมิ ลมยางให้พอดตี ามทก่ี าหนด 55. ยางมหี น้าทอ่ี ย่างไร ก. ตดั ตอ่ เครื่องยนต์ ข. ทำใหร้ ถมีกำลงั ขบั เคลื่อน ค. ช่วยยดึ เกาะถนนไม่ให้ลน่ื ไถล ง. ระบำยควำมร้อน 56. การเตมิ ลมยางสาหรับรถยนต์ ควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร ก. ใชว้ ธิ ีเคำะแลว้ ฟังเสียงยำง ข. คำดคะเนดว้ ยสำยตำ ค. ปฏบิ ตั ติ ามคู่มอื การใช้รถ ง. เติมเท่ำไรกไ็ ด้ 57. ฝาปิ ดจุ๊บลมยางมปี ระโยชน์อย่างไร ก. ป้ องกนั ลมรั่วซึมและส่ิงสกปรกต่างๆ ข. ป้ องกนั ยำงแตก ค. ป้ องกนั กำรขโมยยำง ง. ป้ องกนั ไม่ใหใ้ ครมำเติมลม
58. การเปลยี่ นขนาดยางเลก็ เกนิ ไปจะเกดิ ผลเสียอย่างไร ก. ทำใหก้ ินน้ำมนั มำกกวำ่ เดิม ข. พวงมำลยั หนกั ขณะใชค้ วำมเร็วต่ำ ค. ยำงจะเสียดสีกบั ตวั ถงั รถ ง. ความสามารถในการรับนา้ หนกั ลดน้อยลง 59. การเปลย่ี นขนาดยางใหญ่เกนิ ไปจะเกดิ ผลเสียอย่างไร ก. สิ้นเปลอื งนา้ มนั เชื้อเพลงิ ข. ควำมสำมำรถในกำรรับน้ำหนกั ลดนอ้ ยลง ค. กำรสึกหรอของดอกยำงจะมำกข้ึน ง. พวงมำลยั จะเบำมำกเม่ือควำมเร็วต่ำ 60. ตวั เลขสองตวั แรก 21 บ่งบอกถงึ อะไร ก. วนั ที่ผลิตยำง ข. สัปดาห์ของปี ทผี่ ลติ ยาง ค. เดือนท่ีผลิตยำง ง. ปี ค. ศ
61. ตวั เลขสองตวั หลงั 13 บ่งบอกถงึ อะไร ก. ปี ค. ศ. ที่ผลติ ข. วนั ท่ีผลิต ค. สปั ดำห์ท่ีผลิต ง. ปี ค. ศ. ท่ียำงหมดอำยุ 62. 195/60 R 14 85H ตวั R หมายถงึ ก. ขีดจำกดั ควำมเร็ว ข. โครงสร้างยางแบบเรเดยี ล ค. กำรรับน้ำหนกั ง. เสน้ ผำ่ ศูนยก์ ลำงลอ้ 63. การตรวจความตงึ ของสายพานควรทาอย่างไร ก. ใชไ้ มเ้ คำะ ข. ดูดว้ ยสำยตำกพ็ อ ค. ใช้มอื กดทกี่ งึ่ กลางสายพาน ง. ถอดสำยพำนออกเพื่อนำมำวดั 64. อปุ กรณ์ของรถส่วนใดไม่เกยี่ วกบั ระบบสายพาน ก. แอร์ ข. ไดชำร์ท ค. ปั๊มน้ำ ง. กรองอากาศ 65. ข้อใดไม่ใช่สาเหตขุ องสัญญาณแตรไม่ดงั ก. ฟิ วส์ขำด ข. สำยไฟขำด ค. แบตเตอร่ีหมด ง. สายพานขาด
66. ข้อใดคอื เสียงดงั ปกติ ก. เสียงสำยพำนหยอ่ น ข. เสียงยำงรถเสียดสีกบั ถนน ค. เสียงทด่ี งั จากทป่ี ัดนา้ ฝน ง. เสียงคอมเพลสเซอร์แอร์ 67. ข้อใดคอื ผลเสียของการไม่ตรวจเช็ครถก่อนใช้งาน ก. ค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถยนต์มากขนึ้ ข. ประหยดั เช้ือเพลิง ค. ลดมลพิษ ง. ปลอดภยั 68. ถ้าเกดิ เสียงดงั แหลมๆ (เอยี๊ ดๆ หรือ จด๊ี ๆ) ดงั จากห้องเครื่องเกดิ จากอะไร ก. หมอ้ น้ำแหง้ ข. แบตเตอร่ีหมด ค. เครื่องยนตท์ ำงำนผิดปกติ ง. สายพานหย่อน 69. ข้อใดไม่ใช่สาเหตุทคี่ วรจะเปลยี่ นสายพาน ก. สายพานหย่อน ข. ร่องสำยพำนไม่มี ค. สำยพำนแตก กรอบ ง. สำยพำนขำดคร่ึงเสน้ 70. เสียงใดคอื เสียงทผี่ ดิ ปกตจิ ากรถยนต์ ก. เสียงไฟฉุกเฉิน ข. เสียงไฟเล้ียว ค. เสียงเบรกดงั ง. เสียงไฟถอยหลงั 71. ข้อใดไม่ใช่สาเหตุของการเกดิ ควนั ไอเสียสีขาว ก. กรองอากาศตนั ข. แหวนลกู สูบหลวม ค. เติมน้ำมนั เครื่องมำกเกินไป ง. เครื่องยนตส์ ึกหรอมำก
72. ข้อใดไม่ใช่สาเหตขุ องการสตาร์ทรถไม่ตดิ ก. ข้วั แบตเตอร่ีหลวม ข. สายพานหย่อน ค. น้ำมนั เช้ือเพลิงหมด ง. มอเตอร์สตำร์ทเสีย 73. ข้อใดไม่ใช่สาเหตุทท่ี าให้เคร่ืองยนต์ร้อนจดั ก. น้ำในหมอ้ น้ำแหง้ ข. นา้ กลนั่ แบตเตอรี่แห้ง ค. สำยพำนพดั ลมขำด ง. น้ำมนั เคร่ืองแหง้ 74. ในขณะขับรถมไี ฟเตอื นสีแดงรูปแบตเตอรี่ปรากฏขึน้ ทแี่ ผงหน้าปัดแสดงว่าอะไร ก. ไดชาร์ทชารุด ข. แบตเตอร่ีเสีย ค. น้ำกลนั่ ในแบตเตอรี่แหง้ ง. แบตเตอร่ีไม่มีไฟ 75. เบรกมอื ไม่ควรใช้ในสถานการณ์ใด ก. ใชห้ ยดุ รถบนทำงลำดชนั ข. ใชเ้ มื่อหยดุ รถขณะติดไฟแดง ค. ใชจ้ อดรถบนทำงลำดชนั ง. ใช้เมอ่ื ขับรถลงทางลาดชัน 76. เบรกมอื ควรใช้ในสถานการณ์ใด ก. ใช้จอดหรือหยดุ รถบนทางลาดชัน ข. ใชเ้ พ่อื ชะลอควำมเร็ว ค. ใชเ้ ม่ือตอ้ งกำรหยดุ รถกะทนั หนั ง. ใชเ้ ม่ือขบั รถลงทำงลำดชนั 77. ควรหลกี เลย่ี งการใช้เบรกอย่างรุนแรงเมอ่ื อยู่ในสถานการณ์ใด ก. ทำงข้ึนลำดชนั ข. ทำงร่วม ทำงแยก ค. ทางโค้ง ง. ทำงลงลำดชนั
78. วธิ ียดื อายกุ ารใช้งานของผ้าเบรกควรทาอย่างไร ก. ควรกะระยะในการหยุดรถและเบรกอย่างนุ่มนวล ข. ควรเบรกแบบกะช้นั ชิด ค. ควรเบรกและหมุนพวงมำลยั ไปทำงซำ้ ยและขวำเลก็ นอ้ ย ง. ควรใชเ้ บรกมือและเบรกเทำ้ พร้อมกนั เม่ือตอ้ งกำรหยดุ รถ 79. อุปกรณ์ใดทไี่ ม่มสี ่วนช่วยเพม่ิ ประสิทธิภาพในการทางานของเบรกรถ ก. ยำงรถยนต์ ข. พวงมาลยั ค. เกียร์ ง. ระบบช่วงลำ่ ง 80. ถ้าไม่ปลดลอ็ กเบรกมอื เมอื่ เคลอื่ นรถจะมอี าการอย่างไร ก. เมอื่ รถเคลอื่ นตวั จะรู้สึกว่ารถเร่งความเร็วไม่ขนึ้ ข. เมื่อรถเคล่ือนตวั จะรู้สึกวำ่ รถออกตวั เร็วข้ึน ค. เม่ือหมุนพวงมำลยั จะรู้สึกหนกั ง. เครื่องยนตม์ ีอำกำรสะดุด 81. เบรกเท้าจะทางานทลี่ ้อใดบ้าง ก. ลอ้ หนำ้ ซำ้ ย ลอ้ หลงั ขวำ ข. ลอ้ คู่หนำ้ ค. ลอ้ คู่หลงั ง. ท้งั 4 ล้อ 82. สีของนา้ มนั เบรกทมี่ คี ณุ ภาพคอื สีอะไร ก. สีเหลอื งใส ข. สีดำขน้ ค. สีแดง ง. สีน้ำตำลเขม้ 83. สีของนา้ มนั เบรกทเี่ ส่ือมสภาพคอื สีใด ก. สีฟ้ ำ ข. สีแดง ค. สีดา ง. สีเหลือง
84. เบรกมอื ใช้ควบคมุ ล้อใดของรถ ก. ล้อคู่หลงั ข. ลอ้ คู่หนำ้ ค. ท้งั ส่ีลอ้ ง. ลอ้ หลงั ขวำ ลอ้ หนำ้ ซำ้ ย 85. เมอ่ื เหยยี บเบรกแล้วเกดิ เสียงดงั เป็ นเพราะสาเหตุใด ก. ผ้าเบรกหมดหรือหมดอายุ ข. ยำงหมดอำยุ ค. ลมยำงออ่ น ง. ลมยำงแขง็ 86. ผ้าเบรกจะทางานเสียดสีกบั อปุ กรณ์ส่วนใดของรถยนต์ ก. ยำงรถยนต์ ข. ลอ้ รถยนต์ ค. กระทะลอ้ ง. จานเบรก 87. ข้อใดคอื หน้าทข่ี องนา้ มนั เคร่ืองยนต์ ก. ระบำยควำมร้อนออกจำกหมอ้ น้ำ ข. ระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์ ค. ระบำยควำมร้อนจำกผำ้ เบรก ง. ทำควำมสะอำดหมอ้ น้ำ 88. ข้อใดไม่ใช่หน้าทขี่ องนา้ มนั เคร่ืองยนต์ ก. ระบายความร้อนออกจากหม้อนา้ ข. หล่อล่ืนชิ้นส่วนท่ีเคล่ือนที่เพือ่ ลดกำรสึกหรอ ค. ทำควำมสะอำดชิ้นส่วนภำยในเครื่องยนต์ ง. ระบำยควำมร้อนออกจำกเคร่ืองยนต์ 89. การเตรียมความพร้อมของรถยนต์ก่อนการตรวจวดั ระดบั นา้ มนั เคร่ืองยนต์ ข้อใดถูกต้อง ก. จอดรถยนต์บนพนื้ ราบและดบั เครื่องยนต์ ข. จอดรถยนตบ์ นพ้นื ลำดเอียงและติดเคร่ืองยนต์ ค. จอดรถยนตท์ ่ีใดกไ็ ดแ้ ละติดเครื่องยนต์ ง. ลำ้ งอดั ฉีดรถยนตใ์ หส้ ะอำดก่อน
90. การตรวจเช็กระดบั นา้ มนั เคร่ืองยนต์ดูได้จากส่ิงใด ก. ก้านวดั ระดบั นา้ มนั เครื่องยนต์ ข. กำ้ นวดั ระดบั น้ำมนั เกียร์ออโต้ ค. กำ้ นวดั ระดบั น้ำมนั เพำเวอร์ ง. กรองน้ำมนั เครื่องยนต์ 91. การตรวจวดั ระดบั นา้ มนั เครื่องยนต์ในข้อใดมรี ะดบั นา้ มนั ทดี่ ที สี่ ุด ก. นา้ มนั เคร่ืองยนต์อยู่ระดบั F ข. น้ำมนั เครื่องยนตอ์ ยรู่ ะดบั L ค. น้ำมนั เคร่ืองยนตอ์ ยรู่ ะดบั ต่ำกวำ่ L ง. น้ำมนั เครื่องยนตอ์ ยรู่ ะดบั ต่ำกวำ่ F 92. ถ้าระดบั นา้ มนั เคร่ืองยนต์สูงเกนิ ไปจะมผี ลอย่างไร ก. ลดควำมร้อนของเครื่องยนต์ ข. ยดื อำยกุ ำรใชง้ ำนของเครื่องยนตใ์ หย้ ำวกวำ่ ปกติ ค. ทาให้เกดิ แรงดนั สูงในห้องเคร่ืองยนต์ และมคี วนั ขาว ง. เกิดกำรเผำไหมอ้ ยำ่ งสมบูรณ์ ลดมลพิษ 93. ถ้าระดบั นา้ มนั เครื่องยนต์ตา่ เกนิ ไปจะมผี ลอย่างไร ก. ประหยดั น้ำมนั เช้ือเพลิง ข. ยดื อำยกุ ำรทำงำนของชิ้นส่วนเคร่ืองยนต์ ค. เครื่องแรงสตำร์ทตดิ ง่ำย ง. ทาให้ชิน้ ส่วนของเครื่องยนต์สึกหรออย่างรวดเร็ว 94. เพอื่ ความปลอดภยั ในการใช้รถควรตรวจวดั ระดบั นา้ มนั เครื่องยนต์อย่างน้อยทสี่ ุด ก. สัปดาห์ละ 1 คร้ัง ข. เดือนละ 2 คร้ัง ค. เดือนละ 1 คร้ัง ง. สองเดือน 1 คร้ัง 95. นา้ มนั เบรกควรเปลยี่ นเมอ่ื ใด ก. ควรเปลี่ยนทุก 3 เดือน ข. ควรเปล่ียนทุก 6 เดือน ค. ควรเปลย่ี นทกุ 1 ปี ง. ควรเปลี่ยนทุกคร้ังท่ีเปลี่ยนน้ำมนั เคร่ือง
96. คณุ สมบตั ขิ องนา้ มนั เบรกคอื ข้อใด ก. ของเหลวทท่ี าหน้าทเ่ี ป็ นตวั กลางในการถ่ายทอดกาลงั จากแป้ นเบรก ข. น้ำมนั หล่อล่ืนท่ีมีจุดเดือดต่ำ ค. สำรเคมีที่ใชไ้ ลค่ วำมช้ืน ง. น้ำมนั หล่อลื่นท่ีระเหยไดง้ ่ำย 97. ข้อใดคอื การตรวจวดั ระดบั นา้ มนั เคร่ืองยนต์ ก. ฟังเสียงเครื่องยนต์ ข. ดงึ ก้านวดั นา้ มนั เคร่ืองออกมาตรวจสอบ ค. ดูรอยหยดของน้ำมนั เคร่ือง ง. เปิ ดฝำน้ำมนั เครื่องดู 98. หากระดบั นา้ มนั เพาเวอร์ตา่ กว่ากาหนด จะมผี ลอย่างไรต่อการขับรถของท่าน ก. พวงมาลยั จะหนกั มากกว่าปกติ ข. ขบั รถแลว้ จะเอียงซำ้ ย ค. ขบั รถแลว้ จะเอียงขวำ ง. ขบั รถแลว้ ส่ำยไปมำ 99. ควรเปลยี่ นนา้ มนั เบรกเมอ่ื ใด ก. ควรเปลี่ยนทุก 2 ปี ข. ควรเปลี่ยนทุก 5 ปี ค. ควรเปลยี่ นทกุ ปี ง. ไมต่ อ้ งเปลี่ยน คอยเติมใหไ้ ดร้ ะดบั เท่ำน้นั 100. ข้อใดไม่ใช่คณุ สมบตั ขิ องนา้ มนั เคร่ืองยนต์ ก. ประหยดั น้ำมนั เช้ือเพลิง ข. ช่วยหลอ่ ล่ืน ลดกำรเสียดสีและกำรสึกหรอ ค. ป้ องกนั กำรเกิดสนิมในเคร่ืองยนต์ ง. ป้ องกนั ฝ่ ุนละออง 101. ข้อใดไม่ใช่การตรวจสอบนา้ มนั เคร่ืองยนต์ ก. ดมกลนิ่ ข. สี ค. ปริมำณ ง. ควำมหนืด ส่ิงเจือปน
102. การเตมิ นา้ มนั เครื่องควรเตมิ ปริมาณเท่าไหร่ ก. เติมใหส้ ูงกวำ่ ขีดบนของกำ้ นวดั ข. ปริมาณเสมอขีดบนของก้านวดั ค. เติมใหต้ ่ำกวำ่ ขีดลำ่ งของกำ้ นวดั ง. เติมใหเ้ ตม็ เครื่องยนต์ 103. หม้อนา้ รถยนต์มหี น้าทอ่ี ะไร ก. ระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ข. ทำใหร้ ถวงิ่ เร็วข้ึน ค. ระบำยควำมร้อนใหห้ อ้ งผโู้ ดยสำร ง. ทำใหป้ ระหยดั น้ำมนั 104. การเตมิ นา้ ในหม้อพกั นา้ ควรเตมิ ให้อยู่ในระดบั ใด ก. เตมิ ให้อยู่ระหว่าง Full กบั Low ข. เติมใหเ้ ลยระดบั Full ค. เติมใหต้ ่ำกวำ่ Low ง. เติมใหถ้ ึงฝำปิ ด 105. อณุ หภูมเิ ครื่องยนต์ทที่ างานปกตคิ วรอยู่เท่าไร ก. 60 – 70 องศำเซลเซียส ข. 50 -60 องศำเซลเซียส ค. 40-50 องศำเซลเซียส ง. 80 –95 องศาเซลเซียส 106. ถ้าเคร่ืองยนต์ร้อนจดั ไม่ควรปฏิบตั อิ ย่างไร ก. เติมน้ำเมื่อเคร่ืองยนตเ์ ยน็ ลง ข. เอานา้ ราดลงไปทเ่ี ครื่องยนต์จะทาให้เครื่องยนต์เยน็ ค. เปิ ดฝำกระโปรงเพื่อระบำยควำมร้อน ง. ปิ ดแอร์ เปิ ดหนำ้ ต่ำงและจอดรถ 107. ถ้าพดั ลมหม้อนา้ เสียจะเกดิ อะไรขนึ้ ก. อณุ หภูมขิ องนา้ และเครื่องยนต์จะเพม่ิ ขึน้ ข. อุณหภูมิของน้ำและเคร่ืองยนตจ์ ะลดลง ค. อณุ หภมู ิของน้ำและเครื่องยนตจ์ ะคงท่ี ง. ประหยดั น้ำมนั
108. พดั ลมหม้อนา้ มหี น้าทอ่ี ะไร ก. ช่วยระบำยควำมร้อนของเบรก ข. ทำใหน้ ้ำร้อนเร็วข้นึ ค. ช่วยระบายความร้อนของหม้อนา้ ง. ทำใหป้ ระหยดั น้ำมนั เช้ือเพลิง 109. ไม่ควรเปิ ดฝาหม้อนา้ ในกรณใี ด ก. เปิ ดตอนเชำ้ ขณะยงั ไม่ติดเคร่ืองยนต์ ข. เครื่องเยน็ ค. เคร่ืองร้อนจดั ง. เปิ ดถงั พกั สำรองหมอ้ น้ำเพื่อเติมน้ำ 110. สภาพท่อยางหม้อนา้ ทยี่ งั ใช้งานได้ดตี ้องมลี กั ษณะอย่างไร ก. บบี แล้วต้องมคี วามยดื หย่นุ ข. บีบแลว้ ตอ้ งแขง็ กระดำ้ ง ค. มีรอยบวมที่ท่อยำง ง. มีรอยฉีกขำด 111. ป๊ัมนา้ รถยนต์มหี น้าทอ่ี ย่างไร ก. ทาให้นา้ หมุนเวยี นจากเครื่องไปยงั หม้อนา้ แล้วไหลกลบั เข้าเครื่องยนต์ ข. ทำใหน้ ้ำมนั เช้ือเพลิงหมุนเวยี นจำกเครื่องไปยงั ถงั น้ำมนั เช้ือเพลิง ค. ทำใหน้ ้ำมนั เครื่องหมนุ เวยี นภำยในเครื่องยนต์ ง. ป๊ัมน้ำจำกภำยนอกเวลำน้ำในหมอ้ น้ำขำดหำยไป 112. ข้อใดคอื วธิ ีป้ องกนั ไม่ให้เคร่ืองยนต์ร้อนจดั ก. เติมยำงรถยนตใ์ หม้ ำกกวำ่ ปกติ ข. เปิ ดเคร่ืองปรับอำกำศรถยนตใ์ หแ้ รง ค. เปล่ียนพดั ลมใหใ้ หญข่ ้ึน ง. ตรวจระดบั นา้ ในหม้อนา้ ก่อนใช้งานทุกวนั 113. การตรวจสอบลมยางล้อรถ จะต้องตรวจสอบทล่ี ้อใด ก. เฉพำะลอ้ หนำ้ ข. เฉพำะลอ้ หลงั ค. ท้งั สี่ลอ้ ง. ท้งั ส่ีล้อและล้ออะไหล่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153