Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore PowerPointHub - KHAO YAI POWERPOINT TEMPLATE

PowerPointHub - KHAO YAI POWERPOINT TEMPLATE

Published by Kanittha.jam16, 2021-03-13 12:37:39

Description: PowerPointHub - KHAO YAI POWERPOINT TEMPLATE

Search

Read the Text Version

ตาม พ.ร.บ. สงวนและค้มุ ครองสตั วป์ า่ พ.ศ. 2535 แบ่งสัตว์ป่าไว้ 2 ประเภท ได้แก่ 1. สตั ว์ปา่ สงวน 2. สตั วป์ า่ คุ้มครอง

1. สตั วป์ า่ สงวน หมายถงึ สตั ว์ทีห่ ายากตาม บญั ชที า้ ยพระราชบัญญัตดิ งั กลา่ วและตามท่จี ะ กาหนดโดยตราเปน็ พระราชกฤษฎีกา ปจั จุบัน กาหนดไว้ 19 ชนิด 2. สัตวป์ า่ ค้มุ ครอง หมายถึง สตั ว์ป่าที่ กฎกระทรวงกาหนดเป็นสัตวป์ ่าค้มุ ครอง โดย แบง่ ออกเปน็ 7 จาพวก

1. นกเจา้ ฟ้าหญงิ สิรนิ ธร (Pseudochelidon sirintarae) นกเจ้าฟา้ หญงิ สริ นิ ธรเปน็ นกนางแอน่ ขนาดกลาง มสี ีดาออกเขียวเหลอื บ ตะโพกขาว วงรอบตาสขี าวหนา ปากสี เหลืองสดออกเขียว ทัง้ สองเพศมี ลกั ษณะคล้ายกัน 2. แรดชวา (Rhinoceros sondaicus) แรดชวามีอายุประมาณ 30-45 ปีใน ธรรมชาติ อาศัยอยู่ในป่าดินช้ืน ป่าหญ้า ชื้นแฉะ และลุ่มน้าขนาดใหญ่ แรดชวา เป็นสัตว์สันโดษมักอยู่ลาพังเพียงตัวมี อาหารหลักเป็น ใบไม้อ่อน ยอดไม้ ตา ไม้ และผลไมส้ กุ ท่ีรว่ งหล่นตามพืน้ ดิน 3. กระซู่ (Dicerorhinus sumatrensis) กระซู่อาศัยอยใู่ นปา่ ดิบช้ืน ป่าพรุ และปา่ เมฆในประเทศอนิ เดยี ภูฏาน บังกลาเทศ พมา่ ลาว ไทย มาเลเซีย อนิ โดนเี ซีย ปจั จบุ นั กระซ่ถู ูกคกุ คาม จนอย่ใู นขนั้ วิกฤติ เหลือสังคม ประชากรเพยี งหกแหล่งในปา่

4. นกเจ้าฟ้าหญงิ สิรินธร (Pseudochelidon sirintarae) เป็นสัตว์จาพวกกระทิงและวัวปา่ เปน็ สตั ว์กีบคู่ ตวั โต โคนขาใหญ่ ปลาย หางเป็นพขู่ น 5. ควายป่า (Bubalus bubalis) ควายป่ามีลาตัวขนาดลาตัวใหญ่ มี นิสัยว่องไวและดุร้ายกว่าควายบ้าน มาก สีลาตัวโดยท่ัวไปเป็นสีเทาหรือสี นา้ ตาลดา ขาทง้ั 4 สีขาวแก่หรือสีเทา คล้ายใส่ถุงเท้าสีขาว 6. ละอง หรือละม่งั (Rucervus eldi) เป็นกวางขนาดกลาง ขนตามลาตัวสี น้าตาลแดง แต่สีขนจะอ่อนลงเม่ือ เข้าสู่ฤดูร้อน ขนหยาบและยาว ในฤดู หนาวขนจะยาวมาก แต่จะร่วงหล่นจน ดสู ั้นลงมากในช่วงฤดรู ้อน

7. สมัน หรอื เนอ้ื สมนั (Rucervus schomburki) เป็นกวางขนาดกลาง ขนตามลาตัวสี นา้ ตาลเขม้ ท้องมสี ีออ่ นกว่า รมิ ฝีปาก ล่างและด้านล่างของหางเป็นสีขาว มี ลักษณะเด่นคือ ตัวผู้จะมีเขาแตก แขนงออกไปมากมายเหมือนก่ิงไม้ แลดูสวยงาม 8. เลยี งผา (Capricornis sumatraensis) เลียงผามีลักษณะคล้ายกับกวางผาแต่ เลียงผามีขนาดใหญ่กว่า มีลักษณะ คลา้ ยแพะแต่มีรูปหน้ายาวกว่า มีลาตัว ส้ันแต่ขอยาว ตัวเมียมีขนาดเล็กกว่า ตวั ผู้ 9. กวางผาจีน (Naemorhedus griseus) เลียงผามีลักษณะคล้ายกับกวางผาแต่ เลียงผามีขนาดใหญ่กว่า มีลักษณะ คลา้ ยแพะแต่มีรูปหน้ายาวกว่า มีลาตัว สั้นแต่ขอยาว ตัวเมียมีขนาดเล็กกว่า ตวั ผู้

10. นกแตว้ แร้วท้องดา (Pitta gurneyi) รูปร่างอ้วนป้อม คอส้ัน หัวโต หาง สัน้ ลาตวั ยาว 22เซนติเมตร ตัวผู้หัว มสี ีดา กระหมอ่ มและท้ายทอยสีน้าเงิน เหลือบฟ้า หางสีน้าเงินอมเขียว ท้อง สีเหลืองสดมีร้ิวสีดาบาง ๆ พาดสลับ ตลอดชว่ งท้อง ใต้ทอ้ งมแี ต้มสีดา 11. นกกระเรยี นไทย (Grus antigone) รูปร่างอ้วนป้อม คอส้ัน หัวโต หาง ส้ัน ตัวผู้หัวมีสีดา กระหม่อมและท้าย ทอยสีน้าเงินเหลือบฟ้า หางสีน้าเงิน อมเขียว ท้องสีเหลืองสดมีริ้วสีดา บาง ๆ พาดสลับตลอดช่วงท้อง ใต้ ท้องมแี ต้มสีดา 12. แมวลายหนิ อ่อน (Pardofelis marmorata) มีขนาดเท่ากับแมวบ้าน (Felis catus) มีหางยาวและมีขนที่หางม หัวมีขนาด เล็ก กลมมน สีขนมีลวดลายเป็นแถบ หรือเป็นดวงคลา้ ยลวดลายของเสอื

13. สมเสร็จมลายู (Tapirus indicus) มีจมูกที่ย่ืนยาวออกมาคล้ายงวงของ ช้าง รูปร่างหน้าตาคล้ายหมูท่ีมีขายาว หางสั้นคล้ายหมีและมีกีบเท้าคล้าย แรด 14. เก้งหม้อ (Muntiacus feai) เ ก้ ง ห ม้ อ จ ะ มี ข น บ ริ เ ว ณ ล า ตั ว ท่ี เ ข้ ม ใ บ ห น้ า มี สี น้ า ต า ล เ ข้ ม บ ริ เ ว ณ กระหม่อมและโคนขามีสีเหลืองสด ด้านล่างของลาตัวมีสีน้าตาลอ่อน ขา ทั้ง 4 ขา้ งมสี ีดา 15. พะยนู (Dugong dugon) พะยูนมีรูปรา่ งคล้ายแมวน้าขนาดใหญ่ที่ อ้วนกลมเทอะทะ ครีบมีลักษะคล้ายใบ พาย ซ่ึงวิวัฒนาการมาจากขาหน้าใช้ สาหรับพยุงตัวและขุดหาอาหาร ไม่มี ครีบหลัง ไม่มใี บหู

16. วาฬบรดู า้ (Balaenoptera edeni)) มจี ดุ เด่นทค่ี รีบหลังท่ีมีรูปโค้งอยคู่ ่อน ไปทางด้านปลายหาง แพนหางวางตัว ตาม แนวราบ และมีรอยเว้าเข้าตรง กึ่งกลาง ครีบคู่หน้ามีปลายแหลม ซ่ี บนแผ่นกรองค่อนข้างหยาบ 17. วาฬโอมรู ะ (Balaenoptera omurai) วาฬโอมรู ะ นน้ั ถือเปน็ หนึ่งในสัตว์ ท่ีมีความลึกลับ และหายากท่ีสุด ใ น โ ล ก พ บ เ ห็ น ไ ด้ ย า ก นั ก ชีววิทยาจึงไม่สามารถรู้ได้ว่ามันมี อย่ใู นธรรมชาตเิ ท่าไหร่ 18. เต่ามะเฟอื ง (Dermochelys coriacea) เต่ามะเฟืองสามารถแยกออกจาก เต่าประเภทอื่นได้โดยการสังเกตท่ี กระด องจะมีขนาดคล้ายผ ล มะเฟือง และครีบคู่หน้าไม่มีเล็บ ตัง้ แตอ่ อกจากไข่

19. ปลาฉลามวาฬ (Rhincodon typus) มีจุดเด่นท่ีครีบหลังท่ีมีรูปโค้งอยู่ค่อนไปทางด้านปลายหาง แพนหางวางตัวตาม แนวราบ และมีรอยเว้าเข้าตรงกึ่งกลาง ครบี ค่หู น้ามีปลายแหลม ซ่บี นแผ่นกรองค่อนขา้ งหยาบ

1. สตั วป์ ่าเล้ยี งลกู ดว้ ยนม ไดแ้ ก่ กระทิง กระจง กระรอกบิน กระตา่ ยป่า กวาง เกง้ ค่าง คา้ งคาวกิตติ ชะมด ชะนี ลงิ ชา้ งปา่ ววั แดง หมี เม่น แมวปา่ เสือโครง่ เสือลายเมฆ ชะมด ชา้ งป่า

2. นก ไดแ้ ก่ ไก่ป่า ไกฟ่ ้า นกกางเขนแดง นกแร้ง นกยูงไทย นก เงือก นกแก้ว นกขนุ ทอง นกนางนวล เป็ดน้า นกเอ้ยี ง อีกา นก อนิ ทรยี ์ เหยย่ี ว นกฮกู ไก่ป่า นกขนุ ทอง เหย่ียวรงุ้

3. สัตวเ์ ลือ้ ยคลาน ไดแ้ ก่ งูเหา่ งูสิง งหู ลาม งเู หลือม เตา่ ตะนุ ก้ิงกา่ ตุ๊กแกปา่ จาพวกสตั วค์ รึง่ บกครึง่ นา้ ไดแ้ ก่ กบทูต คางคกขา ยาว จงโคร่ง คางคกห้วย คางคกเล็ก คางคกต้นไม้ กระทั่งหรือกระ ท่าง กง้ิ ก่าแกว้ งูสงิ หางดา เต่าตนุ

4. สตั วป์ า่ จาพวกสัตวส์ ะเทินน้าสะเทนิ บก ไดแ้ ก่ กบเกาะช้าง กบ ดอยชา้ ง กบท่าสาร คางคกขายาว คางคกต้นไม้ คางคกเลก็ คางคกหัวเรยี บ จงโคร่ง กบเกาะชา้ ง คางคกต้นไม้ จงโคร่ง

5. สตั ว์ป่าไม่มกี ระดกู สนั หลัง : แมลง ไดแ้ ก่ ด้วงกวา่ งดาว ด้วง คีมยรี าฟ ด้วงดนิ ปกี แผน่ ผเี ส้ือถงุ ทองปา่ สงู ผีเสอ้ื นางพญาเมอื ง เหนือ ผเี สื้อรกั แรข้ าว ผเี สอื้ หางดาบตาลไหม้ ด้วงกว่างดาว ผเี สอ้ื นางพญา เมอื งเหนอื ผเี สอื้ รักแรข้ าว

6. สัตวป์ ่าจาพวกปลา ไดแ้ ก่ ปลาจาดถ้า ปลาพลวงถา้ ปลาคอ้ ถา้ ปลาค้อตาบอด ปลาค้อถา้ พระวังแดง ปลาตะพัดหรือปลาอโรวาน่า ปลาตดิ หนิ หรือปลาคา้ งคาว ปลาหมูอารยี ์ ปลาหิน ปลาจาดถ้า ปลาหนิ ปลาหมอู ารีย์

7. สัตวป์ า่ ไม่มกี ระดกู สนั หลังอ่ืน ๆ ไดแ้ ก่ กัลปงั หาทกุ ชนิดใน อนั ดับ (Order) Gorgonacea กลั ปงั หาดาทุกชนิดในอนั ดบั (Order) Antipatharia ปเู จ้าฟ้า ปแู ป้ง ปูราชนิ ี หอยสงั ขแ์ ตร ปเู จา้ ฟ้า ปแู ปง้ หอยสงั ขแ์ ตร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook