Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการเลี้ยงดูลูก ตั้งเเต่เเรกเกิดจนถึง 6 ปี

คู่มือการเลี้ยงดูลูก ตั้งเเต่เเรกเกิดจนถึง 6 ปี

Published by prom.natta, 2018-11-28 22:16:41

Description: เป็นคู่มือสำหรับคุณพ่อ คุณเเม่ มือใหม่เพื่อการเลี้ยงลูกเเละส่งเสริมพัฒนาการลูกตามวัย โดย กลุ่มภารกิจด้านพัฒนการการเเพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ประกอบด้วย
1. คำเเนะนำการเลี้ยงลูกด้วยนมเเม่
2. คำเเนะนำการดูเเม่คุณเเม่หลังคลอด
3. คำเเนะนำการเป็นคุณพ่อ คุณเเม่
4. คำเเนะนำการส่งเสริมพัฒนาการลูกรัก

Search

Read the Text Version

คู่มอื การดูแลลูกรักวยั แรกเกดิจนถึง อายุ 6 ปี จดั ท�ำ โดย กลมุ่ ภารกจิ ดา้ นพฒั นาการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ

คมู่ อื การดแู ลลกู รักวัยแรกเกิดจนถงึ อายุ 6 ปี

คู่มือการดูแลลกู รักวจัยนแถรึงกอเากยดิ ุ 6 ปีผู้เขยี น : คณะท�ำ งาน สนบั สนุนนโยบาย EWEC (Every Woman Every Child) เพ่ือจดั การองค์ความร้ดู ้าน Parenting Educationกองบรรณาธิการ : คณะทำ�งาน สนบั สนุนนโยบาย EWEC (Every Woman Every Child) เพือ่ จดั การองคค์ วามรดู้ า้ น Parenting Educationอ�ำ นวยการผลิต : กลุ่มภารกิจดา้ นพฒั นาการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขภาพประกอบ : ฐติ ิยา จนั ทนห์ อมไกลออกแบบรูปเล่ม : ฉัตรชัย เพชรธ�ำ รงชัยพมิ พค์ รัง้ ที่ 1 : มถิ ุนายน 2556 จ�ำ นวน 2,600 เลม่พมิ พท์ ี่ : บรษิ ทั อมรนิ ทร์พรน้ิ ตง้ิ แอนดพ์ บั ลชิ ช่ิง จำ�กัด (มหาชน)

คำ�นำ� คู่มือการดูแลลูกรัก วัยแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี จัดทำ�ขึ้นโดยความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเด็ก ทั้งทางด้านกาย จิต สังคมและภูมิปัญญาไทย จากกลุ่มภารกิจด้านพัฒนาการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข อันประกอบด้วยกรมการแพทย์ กรมสุขภาพจิต กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเป็นเพื่อนคู่คิดให้กับพ่อแม่ หรือผู้ที่กำ�ลังจะเป็นพ่อแม่ ได้ใช้ข้อมูลความรู้จากคู่มือนี้ในการเลี้ยงดูบุตรหลานอันเป็นที่รัก ให้เติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ ส่งเสริมพัฒนาการด้าน IQ และ EQ ของบุตรหลาน คู่มือฉบับนี้ นำ�เสนอข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กช่วงวัย 0-6 ปีโดยมีเนื้อหาที่เน้นให้พ่อแม่ได้เรียนรู้และป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นกบั บตุ รหลานของตน ครอบคลมุ ทงั้ ปญั หาสขุ ภาพกาย สขุ ภาพจติ และสงั คมตลอดจนการใชภ้ มู ปิ ญั ญาไทยเขา้ มาชว่ ยสนบั สนนุ เปน็ การท�ำ งานรว่ มกนัแบบ 3 ประสาน นอกจากนี้ ยังนำ�เสนอการเตรียมตัวเป็นพ่อแม่ที่ดีของลูกรักอีกด้วย คณะผู้จัดทำ�คู่มือการดูแลลูกรัก วัยแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูลความรู้ในคู่มือฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ปกครองพอ่ แม่ ในการเลีย้ งดบู ตุ รหลานใหเ้ ตบิ โต มสี ขุ ภาพทีด่ ที ัง้ ทางรา่ งกายและจิตใจ มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด สามารถปรับตัวได้ในสังคมต่อไป



สารบัญการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 6 20 การดูแลตนเองให้เป็นผู้มีสุขภาพจิตดี ภายหลังการคลอด 24การดูแลสุขภาพหญิงหลังคลอด 38ด้วยการแพทย์แผนไทย 56หลักการพื้นฐานการเป็นคุณพ่อคุณแม่ 72เลี้ยงลูกอย่างไรให้มีพัฒนาการด้านสติปัญญาที่ดี (IQ)และมีความฉลาดทางอารมณ์ (EQ ) สมาธิ...สร้างคุณภาพ...ลูกน้อย

การดเ้วลยีน้ยมงแลมูก่

ประโยชน์ต่อแม่ประโยชน์ต่อลูกหลักการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่วิธีการให้นมระยะเวลาที่ควรเริ่มให้นมระยะเวลาของการให้นมแม่ปัญหาที่เกิดกับแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และวิธีป้องกันแก้ไขการบริบาลทารก การรักษาความสะอาดการให้ภูมิคุ้มกันโรคอาการผิดปกติที่ต้องรับนำ�ทารกส่งโรงพยาบาลการทำ�ความสะอาดผ้าอ้อมการสังเกตอุจจาระ ปัสสาวะการนอนการร้องการมาตรวจหลังคลอด

ช0่ว-งอ6าปยี ุ การ เลี้ยงดูลูกด้วยนมแม่ เป็นกรรมวิธีที่สำ�คัญอย่างยิ่งในการ ส่งเสริมโภชนาการและสุขภาพทารก ซึ่งเป็นพื้นฐานของสุขภาพที่ดี และมีคณุ ภาพ นํา้ นมเปน็ อาหารทด่ี ีทส่ี ุด และเหมาะสมกับความต้องการ ของทารกมากที่สุด ทำ�ให้ทารกเจริญเติบโต ทั้งร่างกายและจิตใจอย่าง กลมกลนื กัน นมแมม่ ีคุณค่าหลายอยา่ ง เหนือกวา่ อาหารทดแทนอย่างอื่น ที่จะนำ�มาใช้ทดแทนนมแม่ เช่น การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะช่วยขจัด ปญั หาการตดิ เชือ้ ความไมส่ ะดวก สามารถสรา้ งภมู ติ า้ นทานโรคแกท่ ารก นอกจากนี้ ยังกระชับความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกในขณะที่ให้นม ลูกอีกด้วย ประโยชนต์ อ่ แม่ 1. เกิดความรักและผูกพันต่อลูก 2. ทำ�ให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น ช่วยขับนํ้าคาวปลา 3. โอกาสที่แม่จะเป็นมะเร็งเต้านมน้อยลง 4. ทำ�ให้แม่ไม่อ้วน เพราะไขมันที่สะสมไว้ขณะที่แม่ท้องจะถูกนำ�มา สร้างนํ้านมสำ�หรับลูก 5. สะดวก ประหยัดเงินและเวลา 8 คมู่ ือดแู ลลูกรัก วัยแรกเกดิ จนถงึ อายุ 6 ปี

ประโยชนต์ อ่ ลกู 1. ทำ�ให้ลูกเกิดความอบอุ่น 2. มีสารอาหารครบถ้วนที่จะไปเสริมร่างกาย และนำ�ไปสร้างความ เจริญเติบโตและพัฒนาการให้ได้สัดส่วนกัน 3. ย่อยง่าย ถ่ายสะดวก ท้องไม่ผูก 4. สะอาดและปลอดภยั เพราะนํา้ นมไหลจากเตา้ นมเขา้ ปากลกู ทนั ที 5. โอกาสที่ลูกจะเป็นโรคหลายอย่างน้อยลง หรือหากเกิดอาการ ก็ไม่รุนแรง เช่น โรคท้องร่วง หวัด ปอดบวม โรคภูมิแพ้ เช่น หืด เป็นต้นหลกั การเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแม่ 1. การเตรียมตัวของแม่ก่อนคลอด นอกจากแม่จะต้องปฏิบัติตัว ในระยะตั้งครรภ์แล้ว แม่จำ�เป็นต้องมีการเตรียมตัวเพื่อให้นมลูก ดังนี้ 1.1 แม่ควรกินอาหารให้เหมาะสม เพียงพอ และกินให้ครบทั้ง 5 หมู่ มีนํ้าหนักตัวก่อนคลอดเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 - 12 กก. 1.2 แม่ควรใช้เสื้อชั้นในที่มีขนาดพอเหมาะกับการขยายตัวของ เต้านม เพื่อช่วยพยุงเต้านมแต่ไม่ควรให้กดรัดเต้านม 1.3 แม่ควรเตรียมหัวนมเพื่อให้ลูกดูดได้ง่าย โดยการดึงหัวนม แล้วใช้อุ้งมือรูดจากฐานเต้านมไปที่ปลายหัวนม ทำ�วันละ 1- 2 ครั้ง ถ้าบริเวณปลายหัวนมมีสะเก็ดดำ�ติดอยู่ ให้ใช้ผ้า สะอาดเนื้อนุ่มๆ ชุบนํ้าธรรมดา นำ�มาเช็ดออก 1.4 แม่ที่มีหัวนมบอดหรือบุ๋ม ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อขอรับ คำ�แนะนำ�และวิธีแก้ไข 2. การปฏิบัติตัวของแม่หลังคลอด มีดังนี้ 2.1 หลังคลอดให้ลูกนอนใกล้ชิดกับแม่ และให้ลูกเริ่มดูดนมแม่ เร็วที่สุดภายใน 6 ชั่วโมง อย่างช้าไม่เกิน 12 ชั่วโมง และให้ 9การเล้ยี งลูกด้วยนมแม่

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ ดูดนมบ่อยๆ เพราะเป็นการกระตุ้นให้มีนํ้านมเร็วและ มากขึ้น นํ้านมในวันแรกๆ เป็นหัวนํ้านม (Colostrum) มีสี เหลอื งออ่ นใส มจี �ำ นวนนอ้ ยแตเ่ พยี งพอส�ำ หรบั ลกู เปน็ นาํ้ นม ที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะช่วยขับขี้เทา (Mecconium) และสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เช่น ท้องร่วง ควรให้ลูกดูดนม ทุกๆ 2 ชั่วโมง 2.2 วันต่อๆ ไปให้ลูกดูดนมเมื่อหิว (โดยทั่วไปประมาณทุกๆ 3 ชั่วโมง) ขณะดูดนมบางครั้งลูกอาจจะหลับไป แม่ควรใช้นิ้ว ขยับหัวนมหรือเขี่ยแก้มลูกกระตุ้นให้ลูกดูดจนอิ่ม 2.3 ให้ลูกดูดนมทั้ง 2 ข้าง นานข้างละประมาณ 15 นาที 2.4 ในมื้อถัดไปให้เริ่มเต้าที่ดูดที่หลังก่อน เพราะนํ้านมที่ค้างอยู่ มีประโยชน์มาก และเป็นการกระตุ้นให้มีนํ้านมเพิ่มมากขึ้น 2.5 ในขณะให้นมลูก แม่ควรอยู่ในท่าที่สบาย ใช้อุ้งมือประคอง เต้านม โดยใช้นิ้วชี้และหัวแม่มือ ปรับหัวนมให้ตรงกับปาก ของลูก ระวังอย่าให้เต้านมอุดจมูกลูก 2.6 สอดหัวนมเข้าปากลูกให้ลึกพอ โดยเหงือกของลูก ยํ้าอยู่ บนลานหัวนม (ไม่ใช่ยํ้าที่หัวนม) เพื่อกระตุ้นให้ลูกดูดนม และมีนํ้านมเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังป้องกันหัวนมแตก 10 คมู่ อื ดแู ลลูกรกั วัยแรกเกิดจนถงึ อายุ 6 ปี

2.7 ถ้าแม่มีนํ้านมหยดออกมาในข้างที่ไม่ได้ให้ลูกดูดนม แม่ควร ใช้นิ้วคลึงเบาๆ ที่หัวนม นํ้านมก็จะไม่หยด และถ้าลูกหยุด ดูดหรือหลับ แม่ควรปลดปากลูกออกจากหัวนมแม่ก่อน โดยใช้นิ้วสอดเข้าที่มุมปากหรือใต้คางลูก พอลูกอ้าปากแม่ ก็ค่อยๆ ถอนหัวนมออกจากปากลูกได้ 2.8 เมือ่ ลกู ดดู นมขา้ งหนึง่ เสรจ็ ควรจบั ลกุ ขึน้ พาดบา่ แลว้ ลกู หลงั เบาๆ เพื่อให้เรอ และทำ�ซํ้าอีกครั้งเมื่อลูกดูดนมอิ่มวธิ กี ารใหน้ ม 1. ก่อนให้นมลูกทุกครั้ง แม่ต้องล้างมือให้สะอาด ล้างหรือเช็ดเต้านมและหัวนมด้วยนํ้าสะอาด 2. แม่ควรอยู่ในท่าที่สบาย จะนั่งหรือนอนก็ได้ ถ้าลูกเล็กอยู่อาจใช้ หมอนหรือเบาะวางบนตักแม่เพื่อรองรับเด็ก ให้ปากเด็กอยู่ใน ระดบั หวั นมแม่ แล้วใช้นิว้ หวั แม่มือกบั นิ้วชี้ หรือนิ้วชีก้ บั นิว้ กลาง วางครอ่ มหวั นมบนผวิ หนงั สคี ลํา้ ๆ รอบหวั นม และกดลงเลก็ นอ้ ย เพื่อให้หัวนมยื่นออกมามากขึ้น ใช้หัวนมเขี่ยเบาๆ ที่มุมปากลูก เพื่อกระตุ้นให้ลูกอ้าปาก และหันมาหาหัวนม แล้วจึงสอดหัวนม เข้าปากลูกให้ลึกพอควร ให้เหงือกของลูกอมอยู่บนผิวหนังสีคลํ้า รอบหวั นม นิว้ มอื ทีว่ างอยูบ่ นผวิ หนงั สคี ลํา้ รอบหวั นมนัน้ จะชว่ ย กดเต้าไม่ให้อุดจมูกลูกด้วย 3. วันแรกๆ ให้ดูดทุกๆ 3 ชั่วโมง ต่อไปจึงค่อยๆ ปรับให้เข้ากับ ความต้องการของเด็ก การที่เด็กร้องไม่จำ�เป็นต้องหิวเสมอไป อาจเป็นเพราะผ้าอ้อมเปียก ร้อนหรือเย็นเกินไป ไม่สบาย มด หรือแมลงกัด หรือต้องการให้อุ้มก็ได้ 4. แต่ละมื้อให้ดูดนมทั้ง 2 ข้าง ในมื้อถัดไปให้เริ่มข้างที่ดูดค้างไว้ จากมื้อก่อน 11การเลี้ยงลกู ดว้ ยนมแม่

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ 5. ควรให้ลูกดูดนานพอควร เช่น ในวันแรกดูดข้างละประมาณ 5 นาที วันที่สองประมาณข้างละ 10 นาที ตั้งแต่วันที่สามเป็น เป็นต้นไปข้างละประมาณ 15 นาที ซึ่งจะทำ�ให้นํ้านมมาเร็วขึ้น และทำ�ให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้นด้วย นํ้านมเริ่มมีมากขึ้นในวันที่ 2-3 หลังคลอด และจะไหลเต็มที่ประมาณวันที่ 7 เป็นต้นไป 6. ในระยะ 2-3 วนั แรก นํ้านมจะมนี อ้ ย แตไ่ ม่จ�ำ เป็นตอ้ งใหน้ มผสม เพิม่ หลงั จากทีด่ ดู นมแมแ่ ลว้ ถา้ เดก็ รอ้ งใหด้ ดู นํา้ ตม้ สกุ อยา่ ผสม นํ้าตาลหรือนํ้าผึ้งในนํ้าดื่ม 7. เพื่อป้องกันไม่ให้หัวนมถลอกเป็นแผล เมื่อลูกดูดนมเสร็จแล้ว ก่อนที่จะเอาหัวนมออกจากปาก ควรใช้นิ้วก้อยสอดไประหว่าง มุมปากลูกแล้วค่อยๆ ดึงหัวนมออก 8. กอ่ นเอาลกู ลงนอนควรอุม้ ขึน้ พาดบา่ ใหเ้ รอเสยี กอ่ น หรอื อาจชว่ ย ตบหลังเบาๆ ไปด้วย เพื่อช่วยให้เรอก็ได้ 9. หลังให้นมลูกแล้ว เพื่อป้องกันหัวนมแตกและทำ�ให้นํ้านมไหล สะดวกในมื้อต่อไป แม่ควรเช็ดล้างหัวนมด้วยนํ้าสะอาด ระยะเวลาทค่ี วรเรม่ิ ใหน้ ม ให้ได้เร็วที่สุดหลังจากแม่และลูกได้พักผ่อนหลังคลอดแล้ว แม่ไม่มี นํ้านม แต่เพื่อกระตุ้นให้นํ้านมมาเร็ว ควรให้ลูกดูดนมแม่เร็วที่สุด โดย เริ่มภายใน 2-3 ชั่วโมง หลังคลอด นํ้านมแม่ในวันแรกๆ มีสีเหลืองอ่อนและมีไม่มาก แต่เป็นนํ้านมที่มี คุณค่าอย่างยิ่งเพราช่วยป้องกันโรคหลายอย่างได้ และช่วยระบายขี้เทา ด้วย จึงควรให้ลูกดูดไม่ควรบีบทิ้ง ระยะเวลาของการใหน้ มแม่ ควรให้ลูกกินนมแม่ไปเรื่อยๆ จนอายุอย่างน้อย 18 เดือน เพราะ นมแมม่ สี ารอาหารตา่ งๆ ครบถว้ น เมอื่ ลกู อายุ 4 เดอื น ควรเรมิ่ อาหารเสรมิ 12 คมู่ อื ดูแลลกู รกั วัยแรกเกดิ จนถงึ อายุ 6 ปี

ที่ถูกต้องเพียงพอกับความต้องการ โดยในระยะ 6 เดือนแรก นมแม่จะเป็นอาหารหลักปญั หาทเ่ี กดิ กบั แมท่ เ่ี ลย้ี งลกู ดว้ ยนมแม่ และวธิ ปี อ้ งกนั แก้ไข 1. นมคัด • ประคบด้วยนํ้าร้อน หรือนํ้าร้อนสลับกับนํ้าเย็น • ให้ลูกดูดนมให้บ่อยขึ้น • ใช้มือบีบนํ้านมออก • ใส่ยกทรงพยุงเต้าตลอดเวลา 2. นํ้านมไม่พอในระยะหลังคลอดใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นความรู้สึกของแม่และผู้ใกล้ชิดโดยที่ระยะ 7 วันแรกหลังคลอด การหลั่งนํ้านมยังไม่เต็มที่ ลูกอาจจะร้องบ่อย กวน หรือดูดนมแล้วนํ้านมไหลไม่ดี ทำ�ให้แม่กลัวว่าลูกจะได้นํ้านมไม่พอ จึงพยายามหา นํ้า นํ้าตาล นํ้าผึ้ง หรือนมผสมให้ดูด หากการปฏิบัติเป็นเช่นนี้ จะทำ�ให้ลูกดูดนมแม่น้อยลง การกระตุ้นการหลั่งนํ้านมไม่ดี นํ้านมจะไหลน้อยลงอีก ควรแก้ไขโดยแม่ควรให้ความอบอุ่นแก่ลูก ให้ดูดนมบ่อยๆ และดูดนมให้ถูกวิธี รวมทั้ง แม่ควรกินอาหารให้เต็มที่ ไม่กังวล จะทำ�ให้มีนํ้านมเพิ่มเป็นปกติ 3. นํ้านมน้อย • แม่กินอาหารให้เพียงพอ กินได้ทุกอย่างไม่มีของแสลง โดยเฉพาะกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และควรกินอาหารพวก เนื้อสัตว์และถั่วให้มากๆ 13การเล้ียงลกู ดว้ ยนมแม่

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ • ให้ลูกดูดนมให้ถูกวิธีบ่อยๆ และนานๆ • ดื่มนํ้าให้มากๆ • งดเหล้า ยาดอง • พักผ่อนและทำ�จิตใจให้สบาย มีความมั่นใจว่า จะมีนํ้านม เพียงพอสำ�หรับลูก 4. หัวนมแตก • ป้องกันโดยการเตรียมหัวนมให้พร้อมสำ�หรับให้ลูกดูด ตั้งแต่ ระยะเดือนครึ่งก่อนคลอด โดยการคลึงหัวนมเบาๆ • ให้นมลูกด้วยวิธีที่ถูกต้อง ดังนี้ - สอดหัวนมเข้าปากลูกให้ถูกต้อง - อยา่ ดงึ หวั นมออกจากปากลูก ให้ใช้วธิ กี ดคางหรอื กดมมุ ปาก ลูกเบาๆ ลูกจะคายหัวนมเอง - อย่าให้ลูกหลับคาหัวนม - เมื่อมีหัวนมแตก ถ้าทนได้ให้ดูดข้างที่ปกติก่อน แล้วดูดข้าง ที่หัวนมแตกที่หลัง ถ้าเจ็บมากให้งดดูดข้างที่แตกชั่วคราว - ระวังอย่าให้หัวนมเปียกชื้น หลังจากให้ลูกงดดูดนมแม่แล้ว ควรให้หัวนมแห้งก่อนใส่เสื้อ 5. เต้านมอักเสบ • ถา้ หากไมป่ รากฏเปน็ ฝหี นองชดั เจน ใหล้ กู ดดู ไดบ้ อ่ ยครง้ั อาจจะ บรรเทาอาการเจ็บปวดได้ ถ้าอาการไม่ทุเลา หรือเป็นฝีหนอง ให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 6. แม่ที่ทำ�งานนอกบ้าน • ช่วงระยะพักหลังคลอด ควรเลี้ยงลูกให้เต็มที่ด้วยนมแม่ อย่างเดียว • ให้นมแม่ในเวลาเช้าก่อนทำ�งาน เวลาหลังกลับทำ�งาน และ เวลาที่อยู่บ้าน 14 คมู่ อื ดูแลลูกรกั วัยแรกเกดิ จนถึงอายุ 6 ปี

• ถ้าแม่มีนํ้านมมากพอ ให้บีบนมจากเต้านมใส่ขวดแช่เย็น เกบ็ ไวใ้ หม้ ือ้ ตอ่ ไป วธิ บี บี นม ใชน้ ิว้ หวั แมม่ อื กบั นวิ้ ชจี้ บั บรเิ วณขอบนอกลานนม กดเขา้ ล�ำ ตวั แลว้ บบี นิว้ ทัง้ สองเข้าหากนั ท�ำ เปน็ จงั หวะ เหมือนกับลูกดูดนม • ช่วงที่แม่ยังไม่กลับจากทำ�งาน ถ้ามี ความจำ�เป็นต้องให้อาหารอื่นแทน นมแมใ่ นบางมอื้ ใหป้ รกึ ษาเจา้ หนา้ ที่ สาธารณสุข 7. การใช้ยาระหว่างให้นมลูก • ควรงดกินยาทุกชนิด ถ้าจำ�เป็นต้องกินควรปรึกษาเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขก่อน • ยาคุมกำ�เนิด ปัจจุบันมีชนิดที่ไม่กระทบกระเทือนต่อการหลั่ง นํ้านม ควรปรึกษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขถึงการใช้ยาชนิดนั้น หรือเปลี่ยนเป็นวิธีการคุมกำ�เนิดชนิดอื่น เช่น การใส่ห่วง อนามัย ฯลฯ 8 อาหารเสริมสำ�หรับแม่และลูก • นํ้านมแม่มีประโยชน์และเพียงพอสำ�หรับการเลี้ยงดูทารก ไปจนถึงอายุ 4 – 6 เดือน หลังจากนั้น ปริมาณการผลิตนํ้านม จะลดลงจาก 850 ซีซีต่อวัน เป็น 500 ซีซีต่อวัน ประกอบกับ ทารกตัวโตขึ้น ดังนั้น อาหารเสริมจึงมีบทบาทสำ�คัญที่จะช่วย ให้ทารกเจริญเติบโตได้ตามปกติ เมื่อเด็กอายุ 1 ปีแล้ว มี ความต้องการอาหารแบบผู้ใหญ่เป็นอาหารหลัก และนมแม่ เป็นอาหารเสริม การให้อาหารเสริมระหว่างมื้ออาหารหลัก ยังคงเป็นสิ่งจำ�เป็น นอกจากนี้ ในระหว่างที่ตั้งครรภ์หรือช่วง ให้นมลูก แม่ก็ต้องการอาหารเสริมเพิ่มเติมเช่นกัน 15การเลยี้ งลกู ด้วยนมแม่

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ การบรบิ าลทารก การรกั ษาความสะอาด • ผิวหนังบริเวณศีรษะและร่างกายโดยเฉพาะตามข้อพับของเด็ก แรกคลอด จะพบว่ามีไขมันเกาะอยู่ ควรใช้สำ�ลีสะอาดชุบนํ้ามัน มะกอกเช็ดเบาๆ ไขมันจะค่อยๆ ออกไปวันละน้อย จึงค่อย เช็ดตัว สระผม หรืออาบนํ้าให้ทารก (อาบนํ้าแบบแช่ได้เมื่อ สายสะดือหลุดแล้ว ซึ่งปกติสายสะดือจะหลุดประมาณ 7 วัน หลังคลอด) • วิธีจับทารกอาบนํ้า มารดาควรใช้มือข้างใดข้างหนึ่งจับให้แน่น บริเวณใต้รักแร้ทารก อ้อมไปถึงต้นแขนเพื่อไม่ให้ทารกหลุดจาก มือมารดา • การดูแลสายสะดือทารก ควรทำ�ความสะอาดโดยใช้สำ�ลีพัน ปลายไม้หรือ Qtip ชุบแอลกอฮอล์ 70% เช็ดจากโคนสะดือ (บริเวณที่สะดือติดกับผิวหนังหน้าท้อง) มารดาควรล้างมือให้ สะอาด แลว้ จบั เชอื ดทีผ่ กู สายสะดอื เอยี งไปทลี ะขา้ ง เพอื่ เชด็ โคน สะดือมายังปลายสะดือ (จะเช็ดสะดือหลังเช็ดตัวทาแป้ง หรือ ครีมแล้ว) ห้ามใช้แป้งโรยบนสะดือเพราะจะเกิดการติดเชื้อจาก ความไม่สะอาดของแป้ง ถ้าทาครีมแล้ว ไม่ควรทาแป้งทับ • มารดาควรสระผมให้ทารกได้วันละ 1 ครั้ง ก่อนสระควรใช้สำ�ลี สะอาดชุบนํ้ามันมะกอกเช็ดไขที่บริเวณศีรษะ และด้านหลังใบหู 16 คมู่ ือดูแลลกู รัก วยั แรกเกิดจนถงึ อายุ 6 ปี

เพื่อป้องกันการเป็นแผลที่เกิดจากการหมักหมมของไขมันเด็ก โบราณเรียก “แผลชันนะตุ” • ในรายทีเ่ ชอื กผกู สายสะดอื หลดุ และมเี ลอื ดไหลออกมาทางปลาย สะดือ มารดาควรใช้เศษผ้าสะอาด (ห้ามให้เชือก หรือด้าย พลาสติกที่มีความคม) ผูกสายสะดือเหนือบริเวณที่เคยผูกเพื่อให้ เลือดหยุด และพามาโรงพยาบาล หรือสถานีอนามัยใกล้บ้าน”การใหภ้ มู คิ มุ้ กนั โรค • มารดาควรพาทารกมาตรวจร่างกาย และเริ่มให้ภูมิคุ้มกันโรค (โรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โปลิโอ) เมื่อครบ 2 เดือน เพื่อให้ แพทย์ได้ตรวจความเจริญเติบโตหรือความผิดปกติของทารก และวางแผนให้ภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งจะต้องมาตรวจ หลายครั้งตามกำ�หนดที่แพทย์ วางแผนไว้จึงจะได้ผล และ มีความจำ�เป็นมากแก่ทารก (อาจพาทารกมาที่โรงพยาบาล หรือศูนย์อนามัยใกล้บ้านท่าน) เมื่อถึงกำ�หนดนัดถ้าทารก ป่วยมีไข้ นํ้ามูกไหล ต้องพา ไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา ให้หาย จึงนำ�มาให้ภูมิคุ้มกันได้อาการผดิ ปกตทิ ต่ี อ้ งรบั น�ำ ทารกสง่ โรงพยาบาล 1. ทารกมีไข้สูงเกิน 38.4 อาศาเซลเซียส ระหว่างเดินทางมาพบ แพทย์ มารดาควรเช็ดตัวให้ด้วยนํ้าธรรมดา เพื่อป้องกันการชัก ถ้าทารกมีอุณหภูมิตํ่ากว่า 36.1 อาศาเซลเซียส ควรให้ความ อบอุ่น แล้วรีบนำ�ส่งแพทย์ 17การเล้ียงลูกด้วยนมแม่

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ 2. ทารกมอี าเจยี นพุง่ มากกวา่ 1 ครัง้ มารดาตอ้ งแยกใหอ้ อกระหวา่ ง การอาเจียนกับการสำ�รอก การสำ�รอกจะเกิดเมื่อทารกได้รับ นํา้ นมหรอื นํา้ มากเกนิ ความตอ้ งการ หรอื เมือ่ เปลีย่ นท่าของทารก เร็วๆ หลงั ให้นมสิง่ ที่ขบั ออกมาจะมจี �ำ นวนน้อย สว่ นการอาเจยี น จะเกดิ ไดต้ ัง้ แตท่ ารกเริม่ ไดน้ ํา้ นมหรอื นํา้ สิง่ ทีข่ บั ออกมามจี �ำ นวน มากว่าการสำ�รอก ถ้าทารกอาเจียนให้จับทารกนอนราบแล้วหัน ศีรษะไปข้างใดข้างหนึ่ง เพื่อป้องกันการสำ�ลักอาเจียน การ อาเจียนมักจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ร้องกวน 3. ทารกปฏิเสธการให้นมติดๆ กัน เกินกว่า 2 ครั้ง 4. ทารกง่วงซึมไม่เคลื่อนไหวแม้กระตุ้น 5. ทารกหน้าเขียวขณะให้นม ควรงดให้นม การท�ำ ความสะอาดผา้ ออ้ ม เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกและกลิ่นอับ ต่างๆ เมื่อถอดผ้าอ้อมออกจากตัวทารก ให้ปฏิบัติ ดังนี้ 1. ผ้าอ้อมที่เปื้อนอุจจาระ ควรใช้ นํ้าธรรมดาลาดผ้าอ้อม เพื่อให้ เศษอุจจาระหลุดออก แล้วแช่ไว้ใน นํ้าธรรมดาผสมยาฆ่าเชื้อโรค ก่อนนำ�ไปซัก 2. ผ้าอ้อมที่เปื้อนปัสสาวะ ควรขยำ�ในนํ้าธรรมดา 1 ครั้ง แล้วแช่ไว้ ในนํ้าธรรมดาที่ผสมยาฆ่าเชื้อโรค ก่อนนำ�ไปซักจะทำ�ให้ผ้าอ้อม มีกลิ่นสะอาด มั่นใจในความสะอาดหลังซัก การสงั เกตอจุ จาระ ปสั สาวะ • ใน 2 - 3 วันแรกหลังคลอด อุจจาระจะเป็นสีเทาดำ�ตามปกติ (เรียกว่า ขี้เทา) 18 คมู่ อื ดแู ลลูกรกั วัยแรกเกดิ จนถึงอายุ 6 ปี

• ทารกที่ได้รับนมมารดา อุจจาระจะเหลวและมักจะถ่ายเสมอ หลังให้นม • ทารกทีไ่ ดร้ บั นมผสม อจุ จาระจะแขง็ และมกี ากมากกวา่ ทารกทีไ่ ด้ รับนมแม่ • ถ้าทารกถ่ายอุจจาระเหลว 6 - 10 ครั้งต่อ 1 วัน ถือว่าผิดปกติ • ทารกปกติควรปัสสาวะ 6 - 10 ครั้งต่อ 1 วัน ถ้าตํ่ากว่าควรให้ นํ้ามากๆการนอน • 2 - 3 วันหลังคลอด ทารกจะหลับนานและตื่นเฉพาะเวลากินนม (ทารกปกติจะหลับ 12 - 16 ชั่วโมงต่อ 1 วัน) หลังจาก 3 วัน ทารกจะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นการรอ้ ง • การร้องของทารกแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ส่วนมากจะร้องเมื่อ มีความต้องการ เช่น ต้องการนม ต้องการความอบอุ่นการมาตรวจหลงั คลอด • มารดา 4 สัปดาห์หลังคลอด จะมาตรวจเพื่อว่าร่างกายกลับคืน สภาพเดิมก่อนมีครรภ์ ตรวจมะเร็ง และแนะนำ�เรื่องการคุม กำ�เนิดทารก 8 สัปดาห์หลังคลอด เพื่อดูความเจริญเติบโตและ ความผิดปกติพร้อมทั้งให้ภูมิคุ้มกันโรค 19การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ การดแู ลตนเองใหเ้ ปน็ ผมู้ สี ขุ ภาพจติ ดี ภายหลงั การคลอด สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะตั้งครรภ์และภายหลัง การคลอด อาจทำ�ให้หญิงหลังคลอดเกิดความทุกข์ ทางด้านจิตใจขึ้น เช่น ความกังวลเกี่ยวกับลูก การเลี้ยงเด็กหรือคนช่วยเลี้ยงเด็ก ความเข้าใจ ในความรู้สึกและอารมณ์ของตนเอง การที่หญิง หลังคลอดรู้จักโรคทางด้านจิตใจ จะช่วยให้การดูแล สุขภาพกาย สุขภาพใจตนเองได้ดีขึ้น ปัญหาทางจิตใจที่พบได้บ่อย หลังคลอด ได้แก่ ภาวะซมึ เศรา้ หลงั คลอด เป็นสภาวะทางจิตใจที่เกิดขึ้นชั่วคราวและสามารถหายเองได้ของ หญิงหลังคลอด พบได้ร้อยละ 50 - 80 อาการมักจะเกิดขึ้นในวันที่ 4 หรือ 5 หลังจาการคลอด และมีอาการไม่เกิน 2 สัปดาห์ อาการที่พบ ได้แก่ นอนไม่หลับ รู้สึกเศร้า ร้องไห้บ่อย อ่อนเพลีย หงุดหงิด วิตกกังวล ง่าย ไม่ค่อยมีสมาธิ ปวดศีรษะ การให้ความดูแลทางด้านจิตใจจากคนใกล้ชิด ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ เป็นสิ่งสำ�คัญ ที่จะช่วยให้อาการที่เกิดขึ้นของหญิงหลังคลอดหายเร็วขึ้น หรืออาจป้องกันไม่ให้เกิดอาการได้ 1) สร้างความมั่นใจว่า อาการนี้เป็นปกติ พบได้บ่อยและจะหาย ไปเอง 2) ให้ความช่วยเหลือหรือให้ความรู้ในการดูแลลูก 3) กำ�ลังใจจากสามีและครอบครัวเป็นสิ่งสำ�คัญ เช่น การอยู่เป็น เพื่อน และคอยให้ความช่วยเหลือ 20 คมู่ อื ดแู ลลูกรกั วัยแรกเกดิ จนถงึ อายุ 6 ปี

โรคซมึ เศรา้ หลงั คลอด เป็นโรคทางจิตใจชนิดหนึ่งที่พบในหญิงหลังคลอด บางคนอาจเริ่มมีอาการตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ แต่ส่วนใหญ่มักมีอาการเด่นชัดหลังคลอด 2-3เดอื น และมอี าการนานกวา่ 2 สปั ดาห์ ท�ำ ใหไ้ มส่ ามารถดแู ลลกู ได้ อาการที่พบ ได้แก่ - เศร้า ร้องไห้บ่อย - รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่สนใจในการดูแลลูก หรือเรื่องที่ต้องทำ�เป็น ประจำ� - รู้สึกผิดที่มีลูก หรือไม่สามารถดูแลลูกได้ - รู้สึกว่าตนเองไร้ค่า เป็นแม่ที่ไม่มีความสามารถ - อ่อนเพลียตลอดเวลา - นอนไม่หลับหรือนอนหลับมาก - เบื่ออาหารหรืออยากกินอาหารตลอดเวลา - ไม่มีสมาธิ - คิดถึงความตาย คิดอยากตายหรือคิดอยากฆ่าลูกตัวเองได้ โอกาสเกิดของโรคซึมเศร้าหลังคลอดจะสูงขึ้น หากพบปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้ร่วมด้วย 1) เคยเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอด เมื่อการตั้งครรภ์ครั้งที่ผ่านมา 2) มีอาการซึมเศร้าขณะตั้งครรภ์ 3) มีประวัติป่วยด้วยโรคซึมเศร้า หรือโรคไบโพล่าร์มาก่อน 4) ประสบเหตุการณ์ที่สร้างความเครียดช่วงใกล้คลอด 5) มีปัญหาในชีวิตสมรส 6) ขาดความช่วยเหลือทางสังคม 21การดูแลตนเองให้เปน็ ผู้มสี ุขภาพจติ ดี ภายหลังการคลอด

ช0่ว-งอ6าปยี ุ หากหญิงหลังคลอดมีอาการดังกล่าว แม้จะรู้สึกว่าอาการยังไม่ รุนแรง ก็ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เนื่องจากโรคนี้อาจรุนแรงถึงขนาดทำ�ร้าย ตนเองหรือทำ�ร้ายลูก ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจิตและ จิตเวชเพื่อให้การดูแลและบำ�บัดรักษา การบำ�บัดรักษาจะทำ�ร่วมกัน ทั้งการให้ยาและการให้จิตบำ�บัด เทคนคิ การดแู ลจติ ใจ - สามี เป็นผู้ที่มีบทบาทสำ�คัญ ในการดูแลสุขภาพจิตของ หญิงหลังคลอด ด้วยการดูแล เอาใจใส่ พูดคุย ให้กำ�ลังใจ การช่วยเลี้ยงดูลูก และช่วย งานบ้านเล็กน้อย จะช่วยให้ ภรรยาคลายความเครียด ความกังวลในการปรับตัว จากการเป็นแม่ และลด ภาระในบ้านได้ - ควรบริหารร่างกายบ้างเพื่อความกระปรี้กระเปร่าและสดชื่น อยู่เสมอ การออกกำ�ลังแบบแอโรบิก ประมาณ 30 – 60 นาที ตอนเช้า จะทำ�ให้อาการซึมเศร้าดีขึ้นได้ - นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หาเวลาช่วงลูกหลับ งีบเพื่อออม แรงในการเลี้ยงลูก - ควรหาเพื่อน (สามี ญาติ พี่น้อง) เพื่อปรับทุกข์ รับฟังปัญหาและ พูดคุยด้วย อย่าเก็บความทุกข์หรือความรู้สึกเครียดไว้คนเดียว 22 คมู่ อื ดแู ลลูกรัก วัยแรกเกดิ จนถึงอายุ 6 ปี

- หากมีอาการรุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจจะต้อง ใช้ยาต้านเศร้า ซึ่งยาเหล่านี้ไม่มีอันตรายต่อลูก แต่มีผลดีต่อแม่ และลูกมากกว่า เพราะการปล่อยให้แม่ที่ซึมเศร้าเลี้ยงลูก ด้วยตนเอง อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของลูกได้ 23การดแู ลตนเองใหเ้ ปน็ ผู้มีสุขภาพจติ ดี ภายหลังการคลอด

การดูแลสุขภาพหญิงหลังคลอดด้วยการแพทย์แผนไทย

การอยู่ไฟ คืออะไรทำ�ไมต้องอยู่ไฟการอยู่ไฟทำ�อย่างไรกันบ้างการเตรียมตัวก่อนที่จะอยู่ไฟอยู่ไฟเมื่อไหร่จึงจะเหมาะสมอาหารบำ�รุงนํ้านมและบำ�รุงสุขภาพหลังคลอดอาหารแสลงการใช้ยาสมุนไพรหลังคลอดยาขับนํ้าคาวปลา/ยาใช้แทนการอยู่ไฟการใช้ยาสมุนไพร/ยาแผนโบราณเพื่อบำ�รุงครรภ์

ช0่ว-งอ6าปยี ุ การอยไู่ ฟ คอื อะไร การอยู่ไฟ เป็นกระบวนการดูแลสุขภาพของมารดาหลังคลอด ตามภมู ปิ ญั ญาการแพทยแ์ ผนไทย กจิ กรรมทีท่ �ำ ประกอบไปดว้ ย การนอน หรือนั่งผิงไฟ การเข้ากระโจม การอาบสมุนไพร การนั่งถ่าน การทับ หมอ้ เกลอื การนวด การประคบ การกนิ ยา การกนิ อาหาร เปน็ ตน้ ซงึ่ ในแตล่ ะ ท้องถิ่นของไทย อาจจะมีรายละเอียดการปฏิบัติที่ต่างกัน แต่หลักการ และวัตถุประสงค์ไม่ต่างกัน ท�ำ ไมตอ้ งอยไู่ ฟ ร่างกายคนเราประกอบด้วยธาตุ ดิน นํ้า ลม และไฟ ในภาวะ ปรกติธาตุทั้ง 4 จะอยู่ในภาวะสมดุล หากธาตุใดธาตุหนึ่งหรือหลายธาตุ ในร่างกายบกพร่อง จะทำ�ให้ร่างกายเกิดการเจ็บป่วย เมื่อมีการคลอด 26 คมู่ ือดูแลลกู รกั วัยแรกเกดิ จนถงึ อายุ 6 ปี

บุตรธาตุไฟในร่างกายจะอ่อนกำ�ลังลง ดังนั้น จึงต้องปรับสมดุลธาตุให้เป็นปรกติ ในทางการแพทย์แผนไทยจะปรับโดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสความเย็น กินยา หรืออาหารที่ไม่เย็น รวมทั้ง กระบวนการอยู่ไฟที่ใช้ความรอ้ นจะชว่ ยใหเ้ ลอื ดลมในรา่ งกายเคลือ่ นไหวมากขึน้ มดลกู หดรดั ตวัขับนํ้าคาวปลา ผิวหนังขับเหงื่อ ต่อมนํ้านมสร้างและขับนํ้านมออกมามาก ฯลฯ และในทางกลับกันการปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องก็จะทำ�ให้ร่างกายเสียสมดุลธาตุไฟมากขึ้น ธาตุลม และธาตุนํ้าในร่างกายก็พลอยติดขัดซงึ่ จะสง่ ผลใหเ้ กดิ การหนาวภายใน นาํ้ นมไหลนอ้ ย ปวดทอ้ ง มดลกู ไมเ่ ขา้ อู่เป็นต้น กระบวนการอยู่ไฟเป็นการดูแลตนเองของหญิงหลังคลอดที่มีประโยชน์ครอบคลุมทั้งการป้องโรค การส่งเสริมสุขภาพ การรักษาโรครวมทั้งการฟื้นฟูสุขภาพการอยไู่ ฟท�ำ อยา่ งไรกนั บา้ ง โดยทั่วไปการอยู่ไฟจะมี 2 แบบ คือ การอยู่ไฟแบบดั้งเดิมและการอยู่ไฟแบบประยุกต์ การอยู่ไฟแบบดั้งเดิม เป็นการอยู่ไฟแบบเดิมที่ชาวบ้านทุกภูมิภาคปฏิบัติกันมา ภาคเหนือเรียกว่า “อยู่เดือน” ภาคใต้เรียกว่า “เข้าก้อนเส้า” ภาคอีสานเรียกว่า “อยู่กรรม” ในปัจจุบัน ก็ยังเห็นปฏิบัติกันอยู่มากตามชนบท หญิงหลังคลอดจะนอนผงิ ไฟ ดมื่ นาํ้ ตม้ สมนุ ไพร อาบนาํ้ ตม้ สมนุ ไพร ประคบหนา้ ทอ้ งพักผ่อนอยู่ภายในห้องที่จัดขึ้นมาเป็นเรือนไฟ ตลอดระยะเวลาการอยู่ไฟสิ่งที่ต้องระวังในการอยู่ไฟแบบนี้ คือ ถ้าไฟที่ร้อนเกินไปจะทำ�ให้เหงื่อออกมาก จึงควรดื่มนํ้าเพื่อทดแทนนํ้าที่เสียไป และไม่ควรอยู่ในบริเวณที่อดุ อู้ อากาศถา่ ยเทไมส่ ะดวก เพราะอาจจะท�ำ ให้เป็นลมไดง้ ่าย ประโยชน์ของการอยู่ไฟแบบนี้ นอกจากจะมีผลต่อสุขภาพกายแล้ว ยังมีผลดีต่อสุขภาพใจด้วยเพราะผู้เป็นสามี คนในครอบครัว ญาติ จะมาช่วยกัน 27การดแู ลสุขภาพหญิงหลงั คลอด ด้วยการแพทยแ์ ผนไทย

ช0่ว-งอ6าปยี ุ ดูแล ซึ่งทำ�ให้หญิงหลังคลอดเกิดความอุ่นใจเป็นการสานความสัมพันธ์ ในครอบครัวให้แน่นแฟ้น การอยู่ไฟแบบประยุกต์ เป็นวิธีการอยู่ไฟที่ประยุกต์ให้เหมาะสมกับยุคสมัย มีความสะดวก สบาย ใชเ้ วลาทสี่ นั้ ลงแตย่ งั คงหลกั การตามแบบองคค์ วามรดู้ งั้ เดมิ ปจั จบุ นั เป็นที่นิยมแพร่หลายในสังคมเมือง สามารถรับบริการได้ในระบบบริการ แพทยแ์ ผนไทยสงั กดั กระทรวงสาธารณสขุ ซงึ่ อยูใ่ นชดุ สทิ ธปิ ระโยชนข์ อง ส�ำ นกั งานหลกั ประกนั สขุ ภาพดว้ ย โดยกจิ กรรมทนี่ ยิ มปฏบิ ตั ิ ประกอบดว้ ย การนวดหลงั คลอด การประคบสมนุ ไพร การทบั หมอ้ เกลอื และการนงั่ ถา่ น การดูแลหลังคลอดด้วยภูมิปัญญาไทยนี้ เพื่อความปลอดภัยของหญิง หลังคลอด ควรให้ผู้ที่มีประสบการณ์เป็นผู้บริบาล เพราะมีข้อพึงปฏิบัติ และข้อควรระวังหลายประการ การเตรยี มตวั กอ่ นทจ่ี ะอยไู่ ฟ มักจะทำ�ในตอนเช้าหรือตอนเย็น กินอาหารก่อนไม่น้อยกว่าครึ่ง ชั่วโมง อาบนํ้าอุ่นและเปลี่ยนเสื้อผ้าหลวมๆ เสื้อผ้าที่ใช้ต้องพร้อมที่จะ เปื้อนสีของสมุนไพร ให้นมลูกก่อนเพื่อลดอาการเต้านมคัดตึงระหว่าง อยู่ไฟ และควรมีพื้นที่แยกเป็นสัดส่วน เพราะสมุนไพรมีกลิ่นแรงอาจจะ รบกวนเด็กเล็กหรือคนอื่นๆ ได้ แต่ละกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปดังนี้ 1. การนวดหลังคลอด การนวดหลงั คลอดใชเ้ วลาในการนวดประมาณ 30-45 นาที อาจจะ นวดทุกวันหรือวันเว้นวันในช่วงอยู่ไฟ แล้วแต่ความเหมาะสม วิธีนวด มักจะใช้การนวดเพื่อสุขภาพโดยนวดทั้งตัว กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ชว่ ยใหเ้ กดิ การผอ่ นคลายความตงึ เครยี ดของกลา้ มเนือ้ อาจจะเนน้ บรเิ วณ ที่มีอาการปวดในช่วงตั้งครรภ์ เช่น หลัง ขา บ่า เป็นต้น ใช้แรงกด ปานกลาง ในหญิงหลังคลอดที่มีปัญหาความดันสูง ต้องระวังการนวด บ่า ศีรษะในท่านั่ง 28 คู่มือดแู ลลูกรัก วยั แรกเกดิ จนถึงอายุ 6 ปี

2. การประคบสมุนไพร โดยมากจะทำ�หลังจากการนวดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาในการประคบประมาณ 30-45 นาที สมุนไพรที่นิยมใส่ในลูกประคบ ได้แก่ไพล ขมิ้นชัน ตะไคร้ ผิวมะกรูด ใบมะขาม การบูร เป็นต้น เมื่อทำ�เป็นลูกประคบแล้วนำ�มานึ่งให้ร้อนแล้ว ประคบตามส่วนต่างๆ ของร่างกายเริ่มจากหญิงหลังคลอดนอนในท่านอนหงายให้ประคบเบาๆ ที่เต้านมทั้ง 2 ข้าง จากนั้นประคบเน้นตามแขน ขา พลิกตะแคงทั้ง 2 ข้าง ประคบหลังและสะโพก ขาแล้วให้ลุกนั่งประคบที่บ่าทั้ง 2 ข้าง และต้นคอ การประคบในกรณีหลังคลอดไม่มีรูปแบบที่ตายตัว แต่มักจะประคบทั่วทั้งตัว และเน้นบริเวณที่เกิดการปวดเมื่อยในช่วงที่ตั้งท้อง เช่นบริเวณหลัง ช่วงเอว ต้นขา น่อง ตัวยาสมุนไพรและความร้อนจากการนึ่งลูกประคบจะช่วยบรรเทาปวดเกร็งกล้ามเนื้อ ช่วยให้เนื้อเยื่อ พังผืดยดื ตวั ออก ลดการตดิ ขดั ของขอ้ ตอ่ ชว่ ยเพมิ่ การไหลเวยี นของเลอื ด กระตนุ้ให้เกิดการสร้างและหลั่งนํ้านม การประคบสมุนไพรต้องระมัดระวังถ้าลูกประคบที่ร้อนควรใช้ผา้ รองก่อนการประคบ ระวังเป็นพิเศษในผู้ที่มีประวัติเป็นเบาหวานเพราะอาจทำ�ให้ผิวหนังพองได้ง่าย 29การดแู ลสุขภาพหญิงหลงั คลอด ด้วยการแพทยแ์ ผนไทย

ช0่ว-งอ6าปยี ุ 3. การทับหม้อเกลือ มกั จะท�ำ หลงั จากการประคบสมนุ ไพรหรอื อาจจะควบคูก่ นั ไปกไ็ ด้ ใช้เวลาในการทำ�ประมาณ 30-45 นาที โดยใช้หม้อทะนน (หม้อดิน ขนาดเล็กก้นหนา) ใส่เกลือเม็ดปิดฝาแล้วตั้งไฟให้เกลือสุกแล้วนำ�หม้อ มาวางบนใบพลบั พลงึ ทีร่ องดว้ ยสมนุ ไพรและใชผ้ า้ ดบิ หอ่ (สมนุ ไพรมกั จะ ใช้ไพล ว่านชักมดลูก และว่านนางตำ�พอแหลก) นำ�ไปทับหรือนาบที่ท้อง ในทา่ นอนหงาย แลว้ นาบหลงั สะโพกขาในทา่ นอนตะแคงและนาบบรเิ วณ กระเบนเหนบ็ ในทา่ นอนควํา่ ขอ้ ควรระวงั หมอ้ เกลอื ทีย่ กลงใหมๆ่ จะรอ้ น มาก ดังนั้น จึงต้องระวังไม่ให้วางหรือกดแช่นาน การทับหม้อเกลือ จะช่วยทำ� ให้นํ้าคาวปลาไหลสะดวก มดลูก หดรัดตัวได้ดี มดลูกเข้าอู่ได้เร็ว ป้องกันไม่ให้ท้องครากหลวม นอกจากนี้ ยังนาบบริเวณขา ต้นขา หลัง ใต้ก้นย้อย หม้อเกลือ จะมีนํ้าหนักมากกว่าลูกประคบ จะช่วยคลายกล้ามเนื้อได้ดีกว่า 4. การเข้ากระโจม/การอบสมุนไพร การเข้ากระโจมและการอบสมุนไพร มีหลักการเหมือนกัน คือ ต้มสมุนไพรให้เดือดแล้วเอาไอนํ้ารมตัว ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถ้าใช้ กระโจมอาจจะนัง่ ยาวรวดเดยี วโดยโผลห่ น้าออกมานอกกระโจม แตถ่ า้ ใช้ ห้องอบสมุนไพรให้เข้าอบประมาณ 15 นาที ออกมานั่งพัก 5 - 10 นาที แล้วค่อยเข้าอบอีกรอบ สมุนไพรที่นิยมใช้ เช่น เปลือกส้มโอ ใบตะไคร้ ขมิน้ ออ้ ย ขมิน้ ชนั ไพล ผวิ มะกรดู กลุม่ นีม้ นี ํา้ มนั หอมระเหย ซึง่ จะชว่ ยให้ รูส้ กึ สดชืน่ กะปรีก้ ะเปรา่ ท�ำ ใหจ้ มกู โลง่ และใสส่ มนุ ไพรกลุม่ ทีม่ รี สเปรีย้ ว เช่น ใบมะขาม มะกรูด ใบและฝักส้มป่อย ใส่ด้วยเพื่อช่วยชำ�ระล้าง 30 คู่มือดูแลลูกรกั วัยแรกเกดิ จนถึงอายุ 6 ปี

สิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามผิวหนังให้ลื่นหลุดออกง่าย ทำ�ให้ผิวหนังสะอาดและต้านทานต่อเชื้อโรคได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ถ้ามีพิมเสน การบูร ใส่ด้วยก็จะช่วยให้รู้สึกหอมสดชื่น แต่ใช้เพียงเล็กน้อย หรือถ้าไม่มีไม่ใส่ก็ได้ การอบสมุนไพร/การเข้ากระโจม ช่วยทำ�ให้การไหลเวียนของเลอื ดเพิม่ ขึน้ ท�ำ ใหร้ ขู มุ ขนเปดิ ออก สิง่ สกปรกถกู ขบั ออกมาพรอ้ มกบั เหงือ่เหงือ่ ทีถ่ กู ขบั ออกมาชว่ ยลดนํา้ หนกั ลงไปไดบ้ ้าง ความรอ้ นจากไอสมนุ ไพรยังช่วยคลายความปวดและฝืดของข้อลง กลิ่นหอมของสมุนไพร ช่วยให้รู้สึกสดชื่น แจ่มใส คลายความเครียด และบรรเทาอาการหวัดคัดจมูกแต่ห้ามผู้ที่รู้สึกอ่อนเพลีย อดนอน กำ�ลังหิวข้าวหิวนํ้า กินอิ่มเกินไปปวดศีรษะ เวียนศีรษะ กำ�ลังคลื่นไส้อาเจียน ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสงู เปน็ โรคหอบหดื โรคลมชัก โรคไต เขา้ กระโจม/อบสมุนไพร และในกรณที ีใ่ ชห้ มอ้ หงุ ขา้ วไฟฟา้ วางไวใ้ ตเ้ กา้ อีต้ อ้ งระมดั ระวงั ไฟดดู หลงั จากเข้ากระโจม/อบสมุนไพรเสร็จแล้ว ต้องนั่งพักประมาณ 10 - 20 นาทีแล้วค่อยอาบนํ้าชำ�ระล้างร่างกายด้วยนํ้าอุ่น 31การดแู ลสขุ ภาพหญิงหลังคลอด ด้วยการแพทย์แผนไทย

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ 5. การนั่งถ่าน มักจะทำ�ในรายที่คลอดปรกติ หลังจากอาบนํ้าใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที โดยหญงิ หลงั คลอดนัง่ บนเกา้ อีท้ ีเ่ จาะรใู หฝ้ เี ยบ็ ตรงรทู ีเ่ จาะไว้ ใต้เก้าอี้วางเตาไฟที่ใส่ถ่านไฟที่คุแล้ว จากนั้น ใช้สมุนไพร (นิยมใช้ว่าน นางคำ� ไพล ขมิ้นอ้อย ชานหมาก เปลือกชะลูด ขมิ้นชัน ใบหนาด และ การบูร) ที่บดหยาบโรยใส่ถ่านให้เกิดควัน แล้วรมช่องคลอดและฝีเย็บ เมือ่ ควนั นอ้ ยลงกโ็ รยใหมเ่ รือ่ ยๆ เปน็ การชว่ ยใหฝ้ เี ยบ็ และชอ่ งคลอดแหง้ ไม่อับชื้น สมุนไพรที่ใช้จะมีนํ้ามันหอมระเหยซึ่งบางชนิดมีสรรพคุณใน การฆ่าเชื้อในช่องคลอด ความร้อนจะช่วยให้มดลูกหดรัดตัว นํ้าคาวปลา ไหลได้ดี ข้อควรระวัง ไม่ใช้ถ่านที่ยังไม่คุเพราะจะทำ�ให้ร้อนเกินไป และ สมุนไพรที่ใช้ต้องตากให้แห้งสนิทสะอาดไม่มีเชื้อรา เมื่อเสร็จสิ้นการนั่งถ่าน ก็ถือว่าเสร็จสิ้นการอยู่ไฟในวันนั้น แล้วเริ่มทำ�ใหม่ในวันถัดไป ในแต่ละวันทำ�เพียงรอบเดียว 32 คมู่ อื ดูแลลกู รัก วยั แรกเกิดจนถงึ อายุ 6 ปี

อยไู่ ฟเมอ่ื ไหรจ่ งึ จะเหมาะสม การอยู่ไฟจะเริ่มเมื่อแผลผ่าคลอดหรือแผลฝีเย็บสนิทดี ประมาณ7 วันหลังคลอดปรกติ หรือประมาณ 1 เดือนหลังการผ่าคลอด โดยจะอยู่ติดต่อกันตั้งแต่ 3 วัน - 1 เดือน (แล้วแต่ความประสงค์และความสะดวกของหญิงหลังคลอด ส่วนใหญ่เชื่อว่าการอยู่หลายวันจะดีกว่าเพราะเปน็ การฝกึ รา่ งกายจติ ใจใหม้ คี วามแขง็ แรง และอดทนไปพรอ้ มกนั ) อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะอยู่ไฟนั้น หญิงหลังคลอดต้องประเมินตนเองและคำ�นึงเสมอว่า ในช่วงหลังคลอดร่างกายจะเพลีย อ่อนล้า หากการอยู่ไฟที่ร้อนเกินไปจะเสียนํ้าและเกลือแร่มาก ทำ�ให้ร่างกายขาดสมดุล อาจจะเวยี นศีรษะเป็นลมหมดสตไิ ด้ ดงั นั้น จึงควรรอใหร้ ่างกายฟืน้ ตัวกอ่ น และเน้นความปลอดภัยมาก่อนเสมออาหารบ�ำ รงุ นา้ํ นมและบ�ำ รงุ สขุ ภาพหลงั คลอด อาหารที่คนไทยตามภูมิภาคต่างๆ ส่งเสริมให้รับประทานในระยะหลังคลอดนั้น มีความหลากหลาย เช่น ทางภาคใต้ให้กินอาหารที่ปรุงจากพรกิ ไทย กุง้ แหง้ ปลาแหง้ หลงั คลอดเปน็ เวลา 40 วนั โดยเชือ่ วา่ พรกิ ไทยเป็นของร้อน จะช่วยให้มดลูกแห้งเร็ว ทางภาคเหนือให้กินข้าวกับเกลือหรือของแห้ง หมูปิ้ง แคบหมู ข้าวจี่ นํ้าพริกข่า เพราะเชื่อว่าการที่กินของแห้งจะช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว แล้วให้กินกล้วยนํ้าว้า ดื่มนํ้าต้มไพลอุ่นๆจะช่วยให้มีนํ้านมมาก ส่วนทางภาคอีสานให้กินข้าวกับเกลือ ปลาแห้ง ไกย่ า่ ง แกงผกั ตา่ งๆ ทีป่ ลกู เองกนิ ขณะอุน่ ๆ และใหซ้ ดนํา้ มากๆ เพือ่ จะได้มนี ํา้ นมมาก ภาคกลางใหก้ นิ แกงเลยี ง ผดั ขงิ เตา้ ฮวย รวมทัง้ อาหารบ�ำ รงุหลงั คลอดเพอื่ บ�ำ รงุ รา่ งกายบ�ำ รงุ นาํ้ นม โดยรวมลกั ษณะอาหารหลงั คลอดมักจะมีรสออกร้อน เป็นอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ซึ่งเมื่อรับประทานแล้วจะกระตุ้นให้เลือดลมเดินสะดวก ช่วยขับนํ้านมทำ�ให้นํ้านมไหลดี และผักหลากหลายชนิดก็เป็นอาหารบำ�รุงร่างกายอย่างดี 33การดแู ลสุขภาพหญิงหลังคลอด ด้วยการแพทยแ์ ผนไทย

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ แม้ในปัจจุบัน จะยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุชัดเจนว่า อาหารที่เชื่อว่า บำ�รุงนํ้านมหรือขับนํ้านมตามความเชื่อดั้งเดิมนั้นจะมีคุณสมบัติจริงๆ หรือไม่ แต่จากประสบการณ์ของคนที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นทำ�ให้ หญิงหลังคลอดเห็นความสำ�คัญในการปฏิบัติตาม เพราะหากร่างกาย สมบรู ณแ์ ขง็ แรงกจ็ ะมนี ํา้ นมทีเ่ พยี งพอในการเลีย้ งดลู กู นอ้ ย ซึง่ เปน็ ความ ภาคภูมิใจของความเป็นแม่ที่ได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกตั้งแรกเริ่มมีชีวิต อาหารแสลง อาหารแสลง หมายถึง อาหารที่รับประทานแล้วทำ�ให้เกิดความ ผิดปรกติในร่างกาย มีทั้งอาหารแสลงกับโรค (ไม่ถูกกับโรค) และอาหาร แสลงกับธาตุ (ไม่ถูกกับธาตุ) ในกรณีหลังคลอดนั้น จะเป็นอาหารที่เมื่อ หญิงหลังคลอดกินเข้าไปแล้วไม่สบาย ผิดสำ�แดง นํ้าคาวปลาไม่ไหล นาํ้ นมนอ้ ยและหยดุ ไหลมไี ข้ ชกั ปวดศรี ษะ คลนื่ ไส้ อาเจยี น เปน็ ลม ทอ้ งเสยี เป็นต้น หรืออาจจะมีผลทำ�ให้ลูกที่กินนมแม่เกิดการท้องเสียได้ อาหาร แสลงแต่ละท้องถิ่นหรือแสลงในแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เช่น ภาคอีสาน 34 คมู่ อื ดูแลลกู รัก วยั แรกเกดิ จนถงึ อายุ 6 ปี

ห้ามกินเนื้อควายเผือก ข้าวเหนียวดำ� ภาคเหนือห้ามกินผักชะอม เป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีอาหารแสลงทั่วไปที่มีความเชื่อคล้ายกันในทุกภูมิภาคเช่น อาหาร รสจัด มันจัด หมักดอง กลิ่นฉุน อาหารที่กินแล้วทำ�ให้ร่างกายเย็น การงดอาหารแสลงจะงดอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อร่างกลับเข้าสู่ภาวะปรกติแล้ว ก็จะกลับมากินอาหารตามปรกติ อาหารที่แสลงรุนแรงต้องงดนาน ส่วนอาหารที่แสลงน้อยก็งดเฉพาะในระยะอยู่ไฟ เมื่อออกไฟแล้ว กินได้ตามปรกติ วธิ ปี ฏบิ ตั ใิ นการงดอาหารแสลงนนั้ หากหญงิ หลงั คลอดมคี วามจ�ำ เปน็ต้องงดอาหารอย่างหนึ่งอย่างใดก็ควรจะคำ�นึงเสมอว่า จะมีผลกระทบต่อร่างกายแม่และลูกหรือไม่ หรืออาจจะต้องรับประทานอาหารชนิดอื่นที่มีสารอาหารที่จำ�เป็นทดแทนเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อร่างกายแม่และจะส่งผลต่อการผลิตนํ้านมให้ลูกด้วยการใชย้ าสมนุ ไพรหลงั คลอด การใช้ยาสมุนไพรในระยะหลังคลอดมีวัตถุประสงค์หลายอย่าง เช่นเพื่อขับนํ้าคาวปลา ขับเลือดเสีย ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว บำ�รุงร่างกายบำ�รุงนํ้านม และใช้แทนการอยู่ไฟ การใช้ยามักจะใช้ในกรณีที่มีปัญหา เช่น นํ้านมมาน้อย ท้องไม่ค่อยยุบ ยาส่วนใหญ่จะมีรสเผ็ดร้อน บางตำ�รับอาจจะดองเหลา้ (ดองเพือ่ สกดั ตวั ยาเมือ่ คลอดแลว้ เปดิ ขวดใหเ้ หลา้ ระเหยออกไปจึงนำ�ยามาใช้) หรือใช้เหล้าเป็นนํ้ากระสาย (ใช้เหล้านิดหน่อยพอเป็นกระสายเพื่อให้ยาดูดซึมได้เร็วและดีขึ้น และเมื่อกินยาแล้วก็จะเร่งอยู่ไฟเพื่อให้สิ่งที่ไม่ต้องการถูกขับออกมามากที่สุด) เนื่องจากในทางการแพทย์แผนไทยมีความเชื่อว่ายาร้อนจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่น นํ้านมไหลได้ดี ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย เพราะการคลอดจะเสียเลือดมากธาตุทั้งสี่เกิดความไม่สมดุลส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ เมื่อเจออากาศเย็นหรือมีลมฝนก็จะมีอาการหนาวสะท้าน จึงต้องกินยาที่มรี สร้อนและอยู่ในที่อุ่นเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น เกิดความแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับสิ่งรบกวน 35การดแู ลสุขภาพหญิงหลงั คลอด ดว้ ยการแพทยแ์ ผนไทย

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ ทั้งภายนอกและภายในได้ แต่ถ้ากินยาอาหารที่มีรสเย็นจะทำ�ให้ธาตุนํ้า และธาตุลมในร่างกายเคลื่อนไหวได้ไม่ดี เกิดนํ้านมไหลน้อยถึงหยุดไหล ทำ�ให้เลือดตีขึ้นและเป็นอันตรายทำ�ให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ ยาขบั นา้ํ คาวปลา/ยาใชแ้ ทนการอยไู่ ฟ โดยทั่วไปหากมีการอยู่ไฟ จะไม่จำ�เป็นต้องใช้ยาขับนํ้าคาวปลา หรือ ยาใชแ้ ทนการอยูไ่ ฟ แตถ่ า้ ไมไ่ ดอ้ ยูไ่ ฟจงึ ใชย้ าเพือ่ ชว่ ยใหร้ า่ งกายกลบั เขา้ สู่ ภาวะสมดุลโดยเร็ว ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขประกาศให้ยาแผนไทย 5 ตำ�รับ สำ�หรับใช้ในระยะหลังคลอดในบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้แก่ ยาประสะไพล ยาไฟหา้ กอง ยาไฟประลยั กลั ป์ ยาเลอื ดงาม ยาปลกุ ไฟธาตุ และยาสตรหี ลงั คลอด ซงึ่ ต�ำ รบั ยาเหลา่ นี้ มขี ายอยตู่ ามรา้ นยาแผนโบราณ ทัว่ ไป หรอื โรงพยาบาลทีม่ งี านบรกิ ารแพทยแ์ ผนไทยทัว่ ประเทศ ยาต�ำ รบั ที่กล่าวมาจะมีรสเผ็ดร้อน ใช้ระยะเวลาหนึ่ง (ประมาณ 15 วัน) เมื่อผ่าน ช่วงเวลานั้นไปแล้ว ก็ไม่จำ�เป็นต้องใช้ นอกจากนี้ ยังมีตำ�รับยาที่ใช้ตาม ชุมชนอีกมากมายซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ในแต่ละท้องถิ่น แต่ถ้าต้องการ ที่จะหายาใช้เอง ก็ควรจะมีหลักการเลือกเพื่อความปลอดภัย คือ เป็นยา ทีม่ ีทะเบยี นต�ำ รับจาก อย. อยา่ งถูกต้อง ถ้าเป็นตำ�รบั ยาของหมอชาวบ้าน ก็ควรทราบส่วนผสมหรือสูตรตำ�รับที่สำ�คัญ และญาติพี่น้อง หรือคนใน ชุมชนเคยใช้ได้ผล ไม่มีอันตรายใดๆ นอกจากนี้ อาจจะพิจารณาเหตุผล อื่นๆ ประกอบ เช่น ราคาไม่แพง เกินไป เป็นต้น การใชย้ าสมนุ ไพร/ยาแผนโบราณเพอ่ื บ�ำ รงุ ครรภ์ การใชย้ าสมนุ ไพร หรอื ยาแผนโบราณเพอื่ วตั ถปุ ระสงคบ์ �ำ รงุ ครรภน์ นั้ ควรปรึกษาหมอหรือผู้ประกอบโรคศิลปะแผนไทย เพื่อป้องกันการใช้ ยาที่ผิดซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดการแท้งได้ เนื่องจากยาสมุนไพรหรือยา แผนโบราณนั้นเมื่อปรุงสำ�เร็จแล้ว จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ใหญ่ๆ คือ ยารส 36 คู่มือดแู ลลูกรัก วยั แรกเกดิ จนถงึ อายุ 6 ปี

ร้อน ยารสเย็น และยารสสุขุม ยาที่ใช้ระหว่างตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักเป็นรสสขุ มุ ส�ำ หรบั แกอ้ าการเปน็ ลมวงิ เวยี น คลืน่ เหยี นอาเจยี น บญั ชยี าหลกัแห่งชาติ พ.ศ. 2555 มียาหอมหลายตำ�รับที่สามารถใช้เพื่อแก้ลมวิงเวียนในระยะหลงั คลอดได้ เชน่ ยาหอมทพิ โอสถ ยาหอมเทพจติ ร ยาหอมแกล้ มวิงเวียน ยาหอมอินทจักร์ ยาหอมเนาวโกฐ และที่สำ�คัญคือ ระหว่างตั้งครรภ์จะไม่ใช้ยารสร้อนหรือยาที่มีส่วนผสมของเหล้า 37การดแู ลสุขภาพหญิงหลงั คลอด ดว้ ยการแพทย์แผนไทย

คหุณลักกพารพ่อคื้นุณฐาแนมก่ ารเป็น

หลักการพื้นฐานข้อที่ 1การจัดการสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยสำ�หรับลูกน้อยหลักการพื้นฐานข้อที่ 2สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกหลักการพื้นฐานข้อที่ 3กำ�หนดกฎพื้นฐานของบ้านให้ชัดเจนหลักการพื้นฐานข้อที่ 4ให้คำ�ชมเชยลูกอย่างสมํ่าเสมอหลักการพื้นฐานข้อที่ 5ตามใจแต่พอดี และขัดใจอย่างมีศิลปะหลักการพื้นฐานข้อที่ 6สิ่งที่ต้องระวังเมื่อต้องดุลูกหลักการพื้นฐานข้อที่ 7ตีลูกอย่างมีสติหลักการพื้นฐานข้อที่ 8เลี้ยงลูกให้มีความมั่นใจในตัวเองและมีทัศนคติเชิงบวกหลักการพื้นฐานข้อที่ 9เลี้ยงลูกไม่ให้เบี่ยงเบนหลักการพื้นฐานข้อที่ 10การรับมือกับเกมส์ ทีวี อินเตอร์เนต และสื่ออิเล็คโทรนิคส์ต่างๆ

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ หลัง จากการรอคอยที่แสนนานเป็นระยะเวลาถึง 9 เดือน ก็ถึง เวลาที่ครอบครัวจะได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ตัวน้อยๆ ช่วงเวลานี้ ถือเป็น ช่วงเวลาแห่งการปรับตัวที่ยิ่งใหญ่อีกช่วงหนึ่งของการใช้ชีวิตคู่ นั่นคือ การปรับตัวจากการเป็นคู่สมรส มาเป็นพ่อแม่ที่มีภารกิจสำ�คัญร่วมกัน ซึ่งก็คือ การดูแลลูกรัก หลักการพื้นฐานในการดูแลลูกรัก วัยแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปีนั้น มีหลักการที่สำ�คัญ 10 ประการดังต่อไปนี้ หลักการพื้นฐานข้อที่ 1 การจัดการสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยสำ�หรับลูกน้อย การจัดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับลูกน้อย เป็นพื้นฐานการ ดูแลลูกน้อยที่สำ�คัญเป็นลำ�ดับแรก สำ�หรับลูกวัยแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี โดยเฉพาะวัยทารกและวัยเตาะแตะ 40 คูม่ ือดูแลลูกรกั วยั แรกเกิดจนถงึ อายุ 6 ปี

1. การจัดที่นอนสำ�หรับลูกน้อย - นอนบนเบาะเด็ก ไม่แข็งหรือนิ่มจนเกินไป ห่างจากที่นอน ผู้ใหญ่ประมาณ 1 เมตร ซี่ราวเตียงควรมีระยะห่างระหว่างซี่ ไม่เกิน 6 เซนติเมตร. - ให้ลูกนอนหงายหรือนอนตะแคง ถ้าจะนอนควํ่าบ้าง ต้องมี ผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด 2. ของใช้ของลูก ทั้งในเตียง เสื้อผ้า ของเล่น ไม่ควรมีเชือก และ ควรใช้หมอนข้างที่ไม่มีเชือกรูด ถ้ามีต้องผูกเชือกให้แน่น 3. ไมค่ วรเขยา่ ลกู แรง ไมโ่ ยนลกู ขน้ึ ลง โดยเฉพาะในชว่ ง 3 เดอื นแรก 4. ปิดฝาถังน้ํา ตุ่มน้ํา รอบบ้าน เพื่อป้องกันการจมนํ้า ตกนํ้า ระดับนํ้าสูงเพียง 5 ซม. ก็อาจทำ�ให้เด็กจมนํ้าเสียชีวิตได้ 5. ระมัดระวังสายไฟของกานํ้าร้อน ควรเก็บให้มิดชิด เด็กคลาน หรือเดินผ่านอาจสะดุดถูกนํ้าร้อนลวกได้ 6. ไม่ควรให้เด็กอายุตํ่ากว่า 2 ปี โดยสารรถจักรยานยนต์ ถ้าเด็ก อายุมากกว่า 2 ปี โดยสารรถจักรยานยนต์ ต้องใส่หมวกกันน็อค เสมอ ถ้าต้องซ้อนท้าย ระวังเท้าเข้าซี่ล้อ และไม่ควรอุ้มลูกนั่งตัก ขับขี่รถ ***พึงระลึกอยู่เสมอว่า ไม่ทิ้งลูกไว้ตามลำ�พัง แม้เพียงช่วงเดินไปรับโทรศัพท์ หรือเปิดประตูบ้านหลักการพื้นฐานข้อที่ 2สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก ความสมั พนั ธท์ ด่ี รี ะหวา่ งพอ่ แมแ่ ละลกู เปน็ พนื้ ฐานของทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สติปัญญาและบุคลิกภาพ รวมทั้ง การสร้างแรงจูงใจใฝ่รู้ และการสร้างระเบียบวินัยในตวั เดก็ ดว้ ย การทลี่ กู จะเคารพเชอื่ ฟงั พอ่ แมห่ รอื เอาพอ่ แมเ่ ปน็ แบบอยา่ งคงเป็นไปได้ยาก ถ้าพ่อแม่มีสัมพันธภาพที่ไม่ดีกับลูก 41หลักการพื้นฐานการเป็น คณุ พ่อคุณแม่

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ ความสัมพันธ์ที่ดีสร้างได้อย่างไร 1. แสดงความรักต่อลูก ส�ำ หรบั ลกู ความรกั ของพอ่ แมท่ เ่ี กบ็ อยแู่ ตใ่ นใจนนั้ ไมม่ ปี ระโยชน์ บางครั้งพ่อแม่บางคนคิดว่า การออกไปทำ�งานหาเงินให้ลูกได้อยู่อย่าง สขุ สบายนัน้ เปน็ สิง่ ทีเ่ พยี งพอแลว้ แตเ่ ดก็ ๆ ตอ้ งการความรกั ทีแ่ สดงออก อย่างชัดเจนด้วย เช่น การบอกรักลูก การกอด การสัมผัสที่อบอุ่น 2. แสดงความสนใจแก่ลูก พ่อแม่จะต้องให้ความสนใจลูกอย่างพอเหมาะ การให้ความ สนใจอย่างพอเหมาะไม่ใช่การให้ความสนใจมากเกินไป จนลูกกลาย เป็นจุดสนใจเสมอ ไม่ว่าลูกจะทำ�อะไร และในทางตรงกันข้าม ก็ไม่ใช่ การไม่ใส่ใจลูกเลย ไม่ว่าลูกจะทำ�อะไร จนกระทั่ง ลูกเกิดปัญหาจึงกลับ มาให้ความสนใจ 42 คู่มือดแู ลลูกรกั วัยแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี

วิธีการแสดงความสนใจที่ดี คือ 1. การหาอะไรท�ำ ดว้ ยกนั เชน่ การนัง่ คยุ การรบั ประทานอาหาร พร้อมกัน 2. การรับฟังลูก การรับฟังก็เป็นอีกวิธีที่ได้ผลสำ�หรับการแสดง ความสนใจ เพยี งการตงั้ ใจ ฟงั เรอื่ งราวทลี่ กู พดู กเ็ ทา่ กบั การสอื่ ให้ลูกรู้ว่าลูกเป็นคนสำ�คัญ เคล็ดลับในการฟังที่สำ�คัญ คือ - อย่าให้เวลาที่พ่อแม่พูดนานกว่าเวลาที่ลูกพูด - แสดงทา่ ทวี า่ ก�ำ ลงั สนใจฟงั อยา่ งกระตอื รอื รน้ ไดแ้ ก่ สบตา ผงกศรีษะรับฟังตอบรับ แสดงท่าทีเห็นอกเห็นใจ เข้าใจ สถานการณ์ของลูก 3. การมีเวลาให้ลูก การทคี่ นเราจะมคี วามสมั พนั ธท์ ดี่ กี บั ใคร นนั่ หมายความวา่ เราจะตอ้ งมเี วลาทีจ่ ะใชใ้ นการท�ำ ความรูจ้ กั ท�ำ ความเขา้ ใจ มปี ระสบการณท์ ัง้ ดีและไม่ดีร่วมกัน ลูกก็เช่นกัน ถ้าพ่อแม่ไม่มีเวลาให้กับลูกอย่างเพียงพอไม่มีเวลาพูดคุย ไม่มีเวลาเล่นด้วยกับลูก ไม่มีเวลาที่จะทำ�กิจกรรมสนุกๆไปด้วยกัน พ่อแม่เอาแต่ทำ�งาน กลับบ้านดึก เมื่อกลับบ้านพ่อแม่ก็ได้แต่ถามว่า “การบ้านเสร็จรึยัง” “กินข้าวรึยัง” เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว พ่อแม่จะมีเวลาที่ไหนที่จะรู้จักและเข้าใจลูก หลักการพื้นฐานข้อที่ 3กำ�หนดกฎพื้นฐานของบ้านให้ชัดเจน กฎระเบียบเป็นสิ่งที่สำ�คัญมากที่จะทำ�ให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ครอบครัวก็เช่นกัน จำ�เป็นต้องมีกฎระเบียบเพื่อควบคุมการปฏิบัติของสมาชิกภายในครอบครัว โดยเฉพาะสมาชิกครอบครัวที่ยังอายุนอ้ ย และการตดั สนิ ใจอาจจะยงั ไมค่ อ่ ยถกู ตอ้ งนกั การก�ำ หนดกฎของบา้ นมีหลักการสำ�หรับพ่อแม่ ดังนี้ 43หลักการพ้นื ฐานการเปน็ คุณพอ่ คุณแม่

ช0่ว-งอ6าปยี ุ 1. ตั้งกฎอย่างมีเหตุผล กฎที่ตั้งขึ้นนั้น จะต้องไม่เกิดจากอารมณ์ หรือความต้องการของพ่อแม่เพียงฝ่ายเดียว พ่อแม่ต้องสามารถ อธิบายเหตุผลได้ว่า ทำ�ไมบ้านเราจึงมีกฎแบบนี้ 2. กฎของพ่อและกฎของแม่จะต้องไม่ขัดแย้งกันเอง และถ้าอีก ฝา่ ยตัง้ กฎขึน้ มา อกี ฝา่ ยหนึง่ จะตอ้ งสนบั สนนุ ใหล้ กู ท�ำ ตาม ทัง้ พอ่ และแม่ และผู้ใหญ่ในบ้านทุกคนจะต้องจัดการให้ลูกปฏิบัติ ตามกฎ ไม่ใช่ให้ใครคนใดคนหนึ่งจัดการอยู่ฝ่ายเดียว ข้อนี้สำ�คัญ มาก เนื่องจากเด็กจะรักษาวินัยและทำ�ตามกฎได้ เมื่อรู้ว่าผู้ใหญ่ ทุกคนในบ้านเอาจริงเอาจังและให้ความสำ�คัญกับกฎเหมือนกัน ทุกคน 3. ออกกฎระเบียบแล้ว ต้องปฏิบัติอย่างเอาจริง และเสมอต้น เสมอปลาย การมีกฎระเบียบที่ชัดเจนเสมอต้นเสมอปลายเป็น สิ่งสำ�คัญ แต่มักจะพบว่า เมื่อพ่อแม่เหนื่อยล้าจากการคุมกฎ เหนื่อยที่ต้องคอยตามคอยบังคับ พ่อแม่ก็จะย่อหย่อนกฎที่เคย ตั้งไว้ ต่อเมื่อปล่อยเวลาผ่านไป พฤติกรรมลูกแย่ลง ลูกฝ่าฝืนกฎ มากจนเกินที่พ่อแม่จะทนไหว พ่อแม่ก็จะกลับมาจริงจังเอากับ กฎที่ตั้งไว้อีกครั้ง ถ้าพ่อแม่ไม่เสมอต้นเสมอปลายในการดูแล ควบคุมให้ลุกปฎิบัติตามกฎที่ตั้งไว้ ลูกเรียนรู้ว่า “เมื่อมีกฎ ไม่จำ�เป็นต้องทำ�จริงๆ อดทนทำ�ไปแป๊ปๆ เดี๋ยวพอพ่อกับแม่เบื่อ เดี๋ยวก็จะเลิกไปเอง แล้ววันดีคืนดีพ่อกับแม่ก็จะฮึดขึ้นมาใหม่ แต่ก็ไม่นานหรอก” 4. เมอื่ ตอ้ งออกค�ำ สงั่ ในเดก็ เลก็ ๆ พอ่ แมต่ อ้ งออกค�ำ สงั่ อยา่ งชดั เจน ว่าพ่อแม่ต้องการให้ลูกทำ�อะไรให้ชัดเจน เช่น คำ�สั่งที่ไม่ชัดเจน “เล่นกับน้องดีๆ” ถ้าออกคำ�สั่งอย่างชัดเจน ควรเปลี่ยนเป็น “แม่อยากให้หนูไม่ตีน้อง” 44 คู่มอื ดแู ลลกู รกั วยั แรกเกดิ จนถงึ อายุ 6 ปี

คำ�สั่งที่ไม่ชัดเจน “นั่งให้เรียบร้อย” ถ้าออกคำ�สั่งอย่างชัดเจน ควรเปลี่ยนเป็น “ไม่เอาเท้าเตะโต๊ะ” นอกจากนี้ ในเดก็ เลก็ ๆ ค�ำ สงั่ ควรเปน็ ค�ำ สงั่ สนั้ ๆ และออกค�ำ สงั่ กบั ลกูเมอ่ื ลกู ไมไ่ ดก้ �ำ ลงั เลน่ อะไรอยแู่ ละพรอ้ มจะฟงั และเมอ่ื พอ่ แมอ่ อกค�ำ สง่ั แลว้พ่อแม่ต้องติดตามผลของการสั่งด้วย เช่น เมื่อพ่อแม่ต้องการให้ลูกทำ�อะไร พ่อแม่ควรเดินเข้าไปใกล้ๆ เรียกชื่อลูก จนเมื่อแน่ใจแล้วว่าลูกพร้อมจะฟัง ให้บอกสิ่งที่ต้องการให้ลูกทำ� หลังจากนั้นให้เวลาลูกที่จะทำ�ตามที่บอก อยู่ใกล้ๆ กับลูกจนลูกเริ่มลงมือทำ� ถ้าลูกทำ�ตามคำ�สั่งได้พ่อแม่ควรให้คำ�ชมทันทีหลักการพื้นฐานข้อที่ 4ให้คำ�ชมเชยลูกอย่างสมํ่าเสมอ คำ�ชมเป็นรางวัลทางจิตใจที่มีคุณค่ามหาศาล ลูกต้องการคำ�ชื่นชมจากพ่อแม่อย่างสมํ่าเสมอ การชมเชยลูก จะกระตุ้นความสนใจและ 45หลักการพน้ื ฐานการเป็น คุณพ่อคุณแม่

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ แรงจูงใจให้ลูกเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณภาพได้ เพราะฉะนั้น ทุกครั้ง ทีม่ โี อกาสพอ่ แมค่ วรพดู ชืน่ ชมตอ่ สิง่ ทีล่ กู ท�ำ อยา่ งจรงิ ใจ นอกจากนี้ ค�ำ ชม เลก็ ๆ นอ้ ยๆ ในการด�ำ เนนิ ชวี ติ ประจ�ำ วนั จะเปน็ จดุ เริม่ ตน้ ของการทีล่ กู จะ รูว้ า่ ตนเองมอี ะไรดี หลายครงั้ พอ่ แมร่ ูส้ กึ ว่าไมร่ จู้ ะชมอะไร ไมม่ อี ะไรใหช้ ม นั่นเป็นเพราะพ่อแม่รอที่จะชมตอนที่ลูกทำ�อะไรๆ ได้สำ�เร็จ เช่น สอบได้ คะแนนดี แข่งวาดภาพได้รางวัล แต่จริงๆ แล้ว ลูกยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ให้พ่อแม่ภูมิใจ สามารถจะนำ�มาเป็นคำ�ชมได้เสมอๆ ความกระตือรือร้น ความตั้งใจ ความกล้าหาญ ความมีนํ้าใจ เช่น “วันนี้กล้าหาญมาก ที่ลูกยอมรับว่าลูกทำ�จานแม่แตก” “ขอบใจนะจ๊ะ ลูกมีนํ้าใจมากที่ช่วยยายหิ้วของ” 46 คู่มอื ดูแลลกู รัก วัยแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี

หลักการพื้นฐานข้อที่ 5ตามใจแต่พอดี และขัดใจอย่างมีศิลปะ บางครั้งการตามใจลูกบ้างก็เป็นสิ่งดี แต่ถ้าลูกต้องการอะไรแล้วพ่อแม่ต้องให้ทุกครั้ง ก็อาจจะเป็นการตามใจที่มากเกินไป เพราะถ้าพ่อแม่เอาแต่ตามใจ ให้ทุกอย่างตามที่ลูกขอ ลูกจะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ความยากล�ำ บากของการทีจ่ ะไดอ้ ะไรมาซกั อยา่ ง ลกู ไมเ่ รยี นรทู้ จี่ ะอดทนรอคอยเด็กที่ได้อะไรมาง่ายๆ มักจะกลายเป็นเด็กที่หมดความสนใจเร็ว และขาดความกระตือรือร้น และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่แข็งแกร่งในที่สุด เด็กเล็กๆ เป็นวัยที่พ่อแม่มักจะตามใจมากที่สุด เพราะพ่อแม่คิดว่าลูกยังเล็ก ยังไม่ต้องไปขัดใจอะไรกันมากมาย และสิ่งที่เด็กเล็กๆ ต้องการเช่น ขนม ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งผู้ใหญ่ก็จัดหาให้ได้อย่างไม่ยากลำ�บาก เมื่อเด็กไม่พอใจเวลาถูกขัดใจ มีพฤติกรรมร้อง ดิ้น ลงไปนอนกับพื้นหรือมีพฤติกรรมก้าวร้าว วิธีรับมือที่ถูกต้อง คือ 1. อย่าปล่อยให้เด็กทำ�ร้าย หรือตีผู้อื่น ถ้าเด็กตีให้จับมือห้ามไว้ แล้วบอกว่าอย่าตี 2. ถา้ อาละวาด อยากไดข้ อง อยา่ ซอื้ ใหท้ นั ที เดก็ จะเรยี นรวู้ า่ กรดี รอ้ ง แล้วจะได้ของ คราวหน้าเด็กจะทำ�อีก ไม่ควรเข้าไปโอ๋ 3. ถ้าเด็กอาละวาด การตี ดุด่าเด็ก จะทำ�ให้เด็กโกรธและควบคุม ได้ยากขึ้น 4. ใช้วิธีการเพิกเฉยต่อการดิ้นอาละวาด (ถ้าลูกไม่ได้มีอันตราย จากการรอ้ งดิน้ ) พอ่ แมอ่ าจจะบอกวา่ “ลกู รอ้ งแบบนี้ แมไ่ มอ่ ยาก คุยด้วยพอหยุดร้องแล้ว ค่อยมาคุยกัน” เมื่อบอกลูกเสร็จ ก็เลี่ยง ไปอยู่ที่อื่น เพื่อแสดงว่าพ่อแม่ไม่สนใจสิ่งที่ลูกกำ�ลังทำ�อยู่ แต่ถ้า ลกู รอ้ งกรีด๊ ดิน้ กบั พืน้ ในทีส่ าธารณะ พอ่ แมค่ วรพาลกู ออกไปจาก สถานที่นั้น ไปยังที่เงียบๆ เพียงแต่บอกลูกอย่างสงบและ หนกั แนน่ วา่ ทีล่ กู ท�ำ นนั้ มนั ไมม่ ปี ระโยชน์ แมจ่ ะไมต่ ามใจแนน่ อน 47หลกั การพน้ื ฐานการเป็น คณุ พอ่ คุณแม่

ช0ว่ -งอ6าปยี ุ หลักการพื้นฐานข้อที่ 6 สิ่งที่ต้องระวังเมื่อต้องดุลูก เวลาที่ลูกทำ�ผิด ไม่ได้ดั่งใจ หรือฝ่าฝืนกฎที่ได้ตกลงกันไว้ สิ่งแรก ที่พ่อแม่ต้องทำ�คือ การตั้งสติและควบคุมอารมณ์ก่อนที่จะเข้าไปจัดการ ปัญหาต่างๆ การคุยปัญหากับลูกขณะที่พ่อแม่มีอารมณ์โกรธ พ่อแม่ อาจจะพูดอะไรที่รุนแรงเกินไป หรือพลั้งเผลอลงโทษลูกรุนแรงกว่าเหตุ ซึ่งจะเป็นการทำ�ลายสัมพันธภาพระหว่างพ่อแม่กับลูก ทำ�ลายความรู้สึก มีคุณค่าในตนเองของลูกได้ ดังนั้น ก่อนจะดุว่าหรือลงโทษลูก สงบสติ อารมณ์ซักพัก หรือแม้ว่าพ่อแม่จะเผลอ ดุ ว่า ตี ลูกไปด้วยความโมโห ไปแล้ว พ่อแม่ควรพยายามเตือนตัวเองและควบคุมตัวเองให้เร็วที่สุด เมื่อพ่อแม่คิดว่าพร้อมที่จะคุยกับลูกแล้ว ให้หาที่สงบๆ เพื่อซักถาม และเปิดโอกาสให้ลูกได้อธิบาย พยายามอดทนฟังเรื่องราวในมุมของลูก ตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกพยายามจะบอก เมื่อพบว่าสิ่งใดเป็นปัญหาจะได้ช่วยลูก วางแผนแก้ไขไปด้วยกัน สิ่งที่ต้องระวังเวลาอบรมลูกเมื่อลูกทำ�ผิด - ถ้าจะตำ�หนิ ให้ตำ�หนิที่การกระทำ� ไม่ควรตำ�หนิที่ตัวลูก หรือ เหมารวมลักษณะทั้งหมดของลูก เช่น 48 คมู่ อื ดูแลลูกรัก วัยแรกเกดิ จนถงึ อายุ 6 ปี

การตำ�หนิที่การกระทำ� “ลูกหยิบของเพื่อนมาแบบนี้ไม่ดี” การตำ�หนิที่ตัวลูก “ทำ�ไมถึงเป็นเด็กแบบนี้ เห็นของคนอื่น เป็นไม่ได้” การตำ�หนิที่การกระทำ� “ตีน้องไม่ได้นะ” การตำ�หนิที่ตัวลูก “เล่นกับใครก็ตีเค้าไปทั่ว วันหลังใคร จะอยากเล่นด้วย” - พยายามถามถึงต้นตอของปัญหาไม่ควร บ่น ดุ ว่า โดยไม่รู้สาเหตุ เช่น การถามถึงต้นตอของปัญหา “ลูกทำ�การบ้านข้อไหนไม่ได้” การตำ�หนิที่ตัวลูก “ลูกคนนี้ ไม่ได้เรื่องอะไรซักอย่าง สอนไม่รู้กี่ทีแล้ว” - ดุให้ลูกรู้ว่า กำ�ลังโดนดุเรื่องอะไร เพราะการโวยวาย ตวาด เอาความผิดเรื่องเก่าที่พ่อแม่ยังไม่ได้จัดการ มารวมเข้าด้วยกัน จะทำ�ให้ลูกไม่รู้ว่าตกลงวันนี้ โดนดุเรื่องอะไรกันแน่ - บอกให้ลูกรู้ว่า หลังจากนี้ ลูกจะต้องทำ�อย่างไร ลูกถึงจะไม่โดน ดุอีก เมื่อลูกทำ�ตามพ่อแม่บอกได้ ไม่มีพฤติกรรมที่เป็นปัญหาอีก พ่อแม่ควรรีบชื่นชมลูก เพื่อให้ลูกได้มีกำ�ลังใจทำ�ความดีต่อไปหลักการพื้นฐานข้อที่ 7ตีลูกอย่างมีสติ การตีลูกไม่ใช่สิ่งผิด แต่ก็ไม่ใช่วิธีที่ควรใช้บ่อยๆ การตีไม่ใช่เป็นทางเลือกแรกในการลงโทษลูก แต่ถ้าจำ�เป็นต้องตี ก็ควรให้ลูกรู้ว่า การตีนั้นทำ�ไปเพื่อตัวของลูกเอง ไม่ใช่เพราะว่าพ่อแม่อารมณ์เสียแล้วควบคุมตนเองไม่ได้ 49หลักการพื้นฐานการเป็น คุณพ่อคุณแม่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook