การทํางานแบบ GEAR OF TEAM : GOT

E - Book นางสาวนาตยา พรหมบุตร นกั วชิ าการพฒั นาชมุ ชนปฏบิ ตั กิ าร สังกัด สานกั งานพฒั นาชุมชนนครราชสมี า โทรศพั ท์ 044-490386 อ.หนองบญุ มาก จ.นครราชสมี า

แบบบนั ทกึ ชดุ ความรรู้ ะดบั หนว่ ยงาน 1. ชอ่ื ชดุ ความรู้ การทาํ งานแบบ GEAR OF TEAM : GOT 2. องค์ความรทู้ บ่ี ง่ ช้ี (เลอื กไดจ้ ํานวน 1 หมวด)  เทคนิคการสร้างและพฒั นาหวั หน้างานในการขับเคลื่อนสัมมาชีพชมุ ชน  เทคนิคการพัฒนาหมู่บา้ นเศรษฐกจิ พอเพียง  เทคนิคการแก้ไขปัญหาความยากจน  เทคนิคการเพิม่ ศักยภาพผูผ้ ลิต ผปู้ ระกอบการหนง่ึ ตาํ บล หนงึ่ ผลติ ภณั ฑ์ (OTOP) สกู่ าร พฒั นายกระดับมาตรฐานผลติ ภัณฑ์  เทคนิคการส่งเสรมิ ช่องทางการตลาดหนึ่งตําบล หนงึ่ ผลิตภณั ฑ์ (OTOP)  เทคนิคการเชือ่ มโยงเสน้ ทางการทอ่ งเทย่ี ว OTOP นวัตวถิ ี  เทคนคิ การสง่ เสรมิ กองทนุ ชมุ ชนให้เกิดการบริหารงานตามหลกั ธรรมาภิบาล  เทคนิคการเสรมิ สรา้ งองคก์ รให้มสี มรรถนะสูง (เปน็ บุคลากรทันสมยั พัฒนาองค์กรให้มี คณุ ภาพ) 3. ส่วนราชการ ศนู ยศ์ ึกษาและพัฒนาชมุ ชนนครราชสีมา 4. นิยามการจัดการความรขู้ องหน่วยงาน put the right man on the right job and Everyone Is Important “การวเิ คราะหง์ านและมอบหมายงานใหเ้ หมาะสมกบั ความสามารถและสมรรถนะของบคุ คลน้นั ซง่ึ ทกุ คนในองค์กรล้วนมคี วามสาํ คญั นําพางานให้ประสบความสาํ เร็จได”้ GEAR หมายถงึ บคุ ลากรหรอื เจ้าหน้าทขี่ องศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนนครราชสมี า ท่ปี ฏบิ ัติงานร่วมกนั พง่ึ พาอาศยั กันและกันในการปฏิบตั งิ านเพอ่ื ใหง้ านเกิดผลสาํ เร็จ TEAM หมายถึง หนว่ ยงานศูนยศ์ กึ ษาและพฒั นาชุมชนนคราชสีมา 5. ท่ีมาและเปา้ หมายของการจดั การความรู้ ศูนยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนนครราชสมี า เปน็ ศนู ยฝ์ กึ อบรมประชาชนและพัฒนาบคุ ลากรของกรมการ พฒั นาชุมชน บทบาทหนา้ ทีท่ ่ีสําคัญของบุคลากรในศนู ยศ์ ึกษาและพฒั นาชมุ ชนนครราชสมี า คือ การเป็น วิทยากรถ่ายทอดความรู้ เพอื่ ใหผ้ ู้เขา้ รับการอบรมนาํ ความรู้ท่ีไดก้ ลับไปใชเ้ ปน็ แนวทางในการปฏบิ ตั ิงาน หรือ พัฒนางานของตน ทาํ ใหง้ านบรรลวุ ัตถุประสงคเ์ กดิ ผลสัมฤทธท์ิ ่ีคุ้มค่ากับงบประมาณและเกิดประโยชน์สงู สุด รวมถึง การรบั ผดิ ชอบงานวจิ ยั งานเฉพาะพน้ื ท่ี ใหบ้ รกิ ารคาํ ปรึกษาด้านการพฒั นาชุมชน งานสนบั สนุนการจัดการความรู้ งานพฒั นาความเปน็ เลศิ ทางวชิ าการเฉพาะดา้ นการพฒั นาชมุ ชน ทสี่ อดคลอ้ งกับยุทธศาสตรก์ รมการพัฒนาชุมชน สรา้ งสรรคช์ ุมชน ใหพ้ ง่ึ ตนเองได้ ส่งเสรมิ เศรษฐกิจฐานรากให้ขยายตวั เสรมิ สร้างทุนชุมชนใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ และมีธรรมาภบิ าลเสรมิ สรา้ งองค์กรให้มขี ดี สมรรถนะสงู

2 6. กระบวนการดําเนนิ งานจัดการความรู้ 6.1 องคค์ วามร้ทู บี่ ง่ ชี้ - เทคนคิ การเสรมิ สรา้ งองค์กรใหม้ สี มรรถนะสงู (เปน็ บุคลากรทันสมยั พัฒนาองค์กรให้มคี ณุ ภาพ) - องค์ความรู้ระดับหน่วยงานสนับสนุนเป้าหมายองค์กร เป็นรูปแบบของการปฏิบัติงานท่ีทําให้ เกิดผลสัมฤทธ์ิของงานสอดคล้องกับยุทธศาสตร์กรมการพัฒนาชุมชน โดยเน้นให้องค์กรมีสมรรถนะสูงใน การปฏิบัติงาน 6.2 แสวงหาความรจู้ ากท่ไี หน แบบบนั ทึกองคค์ วามรู้รายบุคคลศนู ย์ศกึ ษาและพัฒนาชมุ ชนนครราชสมี า 6.3 มกี ารจดั เกบ็ รวบรวมองคค์ วามรู้ในรปู แบบใด ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครราชสีมามีการจัดเก็บและวิเคราะห์องค์ความรู้รายบุคคล แยกเป็น หมวดหมตู่ ามเน้ือหาของงานทบ่ี ุคลากรได้รับผิดชอบ โดยแยกตามสมรรถนะบุคคลในการปฏิบัติงานสามารถแบ่ง ได้ ๒ ประเภทงาน ดังน้ี งานท่ีสนับสนุนเพ่ิมประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน และงานท่ีสนับสนุนเพ่ิมประสิทธิภาพ การฝึกอบรม ทั้งน้ีใช้หลักการวิเคราะห์เชื่อมโยงองค์ความรู้รายบุคคลท่ีเกี่ยวข้องกับภารกิจหลักและภารกิจหนุน เสริมของศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครราชสีมาเป็นหลักในการวิเคราะห์องค์ความรู้รายบุคคล ทางหน่วยงาน ใช้กระบวนการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพ่ือสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ระดับหน่วยงาน โดยมี คณะกรรมการสังเคราะห์องคค์ วามรเู้ ปน็ ผู้ดาํ เนินการ 6.4 มขี ัน้ ตอนการประมวลและกลน่ั กรองความร้อู ย่างไร ใครเป็นคนกลนั่ กรอง ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครราชสีมามีการจัดเวทีการประชุมคณะกรรมการเพื่อดําเนินการ ประมวลผลคัดเลือกผลงานการจัดการความรู้ และสังเคราะห์องค์ความรู้เพ่ือรวบรวมคัดเลือกผลงาน การจัดการ ความรู้ ประจําปี พ.ศ. 2562 เป็นองค์ความรู้รายบุคคลดีเด่น (Best Practice) และดําเนินการกลั่นกรอง สังเคราะหอ์ งค์ความรู้รายบคุ คล จาํ นวน 14 เรื่อง เป็นชดุ ความรู้ของหนว่ ยงาน 6.5 การสร้างแหลง่ เรยี นรใู้ นหน่วยงาน - บุคลากรของศนู ย์ฯ เรยี นรู้จากภาระงานที่ตนเองได้รับผิดชอบ - การสอนงานระหวา่ งหวั หนา้ งานและบคุ ลากรของศูนยฯ์ ทําใหเ้ กิดความใกลช้ ิดมสี มั พันธท์ ่ีดีตอ่ กัน ลดค่าใช้จา่ ยด้านการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์ - การจัดทําแผน่ พับประชาสัมพนั ธ์กจิ กรรมท่เี ป็นฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ ของศนู ยฯ์ - การสง่ เสรมิ ใหบ้ คุ ลากรของศูนยฯ์ แสวงหาความรจู้ ากแหลง่ เรยี นร้อู อนไลน์ - คู่มือการปฏบิ ตั งิ าน และระเบียบในการปฏิบตั ิงานศูนย์ศึกษาและพฒั นาชมุ ชนนครราชสีมา - การจดั การประชมุ ประจําเดือนทุกเดอื น เพ่ือถา่ ยทอดความรคู้ วามเขา้ ใจทาํ ให้บุคลากรเกดิ การ ระดมความคดิ หลายๆ ความคดิ ทาํ ให้งานมีความสรา้ งสรรค์ เกิดมีวธิ กี ารทาํ งานใหมๆ่ ทาํ ให้การทาํ งานนน้ั ง่ายขึ้น 6.6 กจิ กรรมทท่ี าํ ใหเ้ กดิ การแลกเปล่ียนความรใู้ นหนว่ ยงาน - การจัดประชุมเพือ่ พดู คยุ แลกเปลีย่ นความคิดเหน็ แลกเปล่ียนองคค์ วามรู้ระหวา่ งกัน - การดาํ เนินการบนั ทกึ AAR (After Action Review) หลงั การจบการดาํ เนินงานในแต่ละวนั เพ่อื ทบทวนกิจกรรมหลงั การปฏิบัตงิ านทีต่ ้องดําเนินการ เพือ่ ปรบั ปรุงกิจกรรมที่ตอ้ งดาํ เนินงานในครั้งต่อไป

3 6.7 กจิ กรรมทท่ี าํ ใหเ้ กดิ การเรยี นรภู้ ายในหน่วยงาน ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครราชสีมามีการจัดนิทรรศการการจัดการความรู้เพื่อเผยแพร่ความรู้ ให้บุคลากร และผู้ที่สนใจเข้าชมนิทรรศการ ดําเนินการจัดการประชุมแลกเปลี่ยนการจัดการความรู้รายบุคคล เพื่อพูดคุยแลกเปล่ียนองค์ความรู้ภายในหน่วยงาน และดําเนินการจัดทําเอกสารสรุปผลการดําเนินงานการ จดั การความรู้ และจัดหมวดหมกู่ ารจัดการความร้ตู ามความสนใจ 7. ผลลพั ธท์ ไี่ ด้จากการจดั การความรู้ 7.1 องคค์ วามรใู้ หมท่ เ่ี ปน็ เทคนคิ /แนวทางในการพฒั นางาน “การทํางานแบบ GEAR OF TEAM : GOT” เป็นการสังเคราะห์องคค์ วามรู้จากแบบบันทึก ความรรู้ ายบคุ คลของบุคลากรศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครราชสีมา ซึ่งเปน็ การจดั การความรทู้ เ่ี กิดจากการ ปฏิบัตงิ านในความรับผิดชอบของตนเอง จาํ นวน 14 เรอื่ ง โดยศูนยฯ์ มแี นวทางการทาํ งานโดยการมอบหมาย งานใหต้ รงกับความสามารถความถนดั ของแต่ละบคุ คล เพื่อให้งานนัน้ เกดิ ประสทิ ธภิ าพสูงสุด ซึง่ สอดคล้องกบั หลกั การบริหารทรัพยากรมนษุ ยต์ ามสมรรถนะของตนเอง คอื การใช้คนใหต้ รงกับความร้คู วามสามารถ (Put the Right Man on the Right Job) ดงั นัน้ การทาํ งานของแต่ละคนจึงเปรยี บเสมือนฟนั เฟืองของเครอื่ งจักร ท่ีขบั เคลอื่ นงานของศนู ย์ฯ ใหก้ ลายเป็นองคก์ รท่สี มรรถนะสูง โดยสามารถแบง่ การทาํ งานเปน็ 4 ลกั ษณะ ดงั นี้ 1) การมอบหมายโดยยดึ หลกั การวเิ คราะห์งาน สามารถวิเคราะห์องค์ความร้รู ายบุคลทเี่ กิด จากการเรยี นรงู้ านตามความรบั ผิดชอบของตนเองได้ 2 ลกั ษณะ ดังน้ี 1.1) งานสนบั สนนุ เพม่ิ ประสทิ ธิภาพการปฏิบตั ิงาน เป็นลักษณะของงานทีม่ กี ารดําเนินงาน เป็นประจาํ มแี นวปฏิบตั เิ ป็นขอ้ กฎหมายยึดใช้ทัว่ ไปในงานราชการ อาทิ การรับหนงั สอื ซ่งึ เปน็ ส่วนหนึ่งของงาน สารบรรณตามระเบยี บของสาํ นกั นายกรฐั มนตรีวา่ ดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ.2562 เปน็ การนาํ เสนอขน้ั ตอนและ วธิ ีปฏบิ ตั ิในการรับหนังสอื และคัดแยกให้บคุ คลในหน่วยงานต่อไป การจัดเก็บเอกสารทด่ี เี ป็นสว่ นหน่งึ ในการ จัดการงานสารบรรณทาํ ให้การบรหิ ารเอกสารในหน่วยงานมคี วามเป็นระเบียบเรยี บร้อยส่งผลใหผ้ ู้ใช้มคี วาม สะดวกในการคน้ หา ประหยัดเวลา ประหยัดทรัพยากร และประหยัดพื้นท่ีในการจดั เก็บ เกิดความเรยี บร้อย สวยงามสะอาดตา สําหรับระเบยี บหรอื แนวทางการปฏบิ ัตใิ นงานการเงินหรอื พัสดุ มอี งค์ความร้รู ายบุคคล เกีย่ วกบั การ ยืมและคืนเงินราชการใช้เป็นแนวปฏิบัติรว่ มกันทําใหบ้ คุ ลากรของศนู ย์ฯ ปฏิบตั งิ านไดง้ ่ายข้ึน สว่ นงานพสั ดทุ ่ศี ูนยฯ์ ได้ดําเนินงานอย่างสม่ําเสมอ คอื การจดั ซ้ือจัดจ้างพสั ดุท่ีมีมูลค่าไมเ่ กิน 500,000 บาท เป็นการจดั ซ้อื จัดจา้ งแบบเฉพาะเจาะจง ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ ส่วนองค์ความรทู้ ่เี กีย่ วขอ้ งการออกแบบ งานก่อสรา้ งหรอื การออกแบบสายไฟสามารถใช้โปรแกรม Autocad เพอื่ ลดความขัดแยง้ ในงานออกแบบ เนอ่ื งจากโปรแกรม Autocad จะมีเมนตู ัง้ ค่า คา่ ปากกาในการออกแบบทาํ ให้เลอื กขนาดเลอื กสีเวลา Print งาน ออกมาได้ 1.2) งานสนับสนนุ เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการฝกึ อบรม เนือ่ งจากศนู ย์ศกึ ษาและพฒั นาชุมชน นครราชสมี า เปน็ หน่วยงานท่ีมีหนา้ ท่ีหลกั ในการฝกึ อบรมประชาชนและบุคลากรของกรมการพฒั นาชุมชน การเปน็ วิทยากรทดี่ ี มีคณุ ภาพ จงึ เปน็ กลยทุ ธ์สําคัญทจี่ ะทาํ ให้การฝกึ อบรมประสบความสาํ เร็จ ในขณะเดยี วกนั การออกแบบหลักสูตรและการใชส้ ื่อเพอ่ื ประกอบการฝึกอบรมกเ็ ป็นส่วนหนึ่งท่จี ะทาํ ใหโ้ ครงการฝกึ อบรมมคี วาม สมบูรณต์ อบโจทยค์ วามต้องการของผรู้ บั การอบรม ดังนน้ั หลกั สตู รทอ่ี อกแบบควรเป็นหลักสตู รทส่ี อดคลอ้ งกับ

4 เป้าหมายของหน่วยงานคอื การทจี่ ะก้าวเขา้ สศู่ นู ย์ฝกึ อบรมประชาชน ทม่ี คี วามเป็นเลศิ ดา้ นทุนชุมชน เพือ่ ลด ความเสี่ยงในการฝกึ อบรมหนว่ ยงานจําเปน็ ต้องมีแผนสาํ รองในการแกไ้ ขปัญหา โดยกาํ หนดแนวทางในการ บรหิ ารโครงการเปน็ 3 ข้นั ตอน คือ การเตรยี มการกอ่ นการจดั อบรมโครงการ การดําเนินงานระหว่างจัดอบรม โครงการ และการดาํ เนินการหลงั การฝกึ อบรม 2. การใชห้ ลกั การบรหิ ารทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นการขบั เคลอื่ นงาน การบรหิ ารทรพั ยากรมนุษย์ คอื กระบวนการท่ีจดั การนําเป้าหมายขององค์กรและเป้าหมายของบคุ ลากรให้มาบรรจบกนั เพ่ือผลสําเรจ็ รว่ มกัน ของท้ังองคก์ รและบคุ คล ยึดหลักการทาํ งานรว่ มกัน ดงั น้ี 2.1) การสรา้ งโอกาสในการประสบความสาํ เรจ็ สาเหตุท่ีทาํ ใหก้ ารทาํ งานไม่ประสบความสาํ เรจ็ นัน้ คอื สมาชกิ หรอื บุคลากรขององค์กรไม่มีทกั ษะในงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ดังนัน้ สิง่ จําเปน็ ทตี่ อ้ งทําคอื การเลอื ก คนใหเ้ หมาะกบั งานในแตล่ ะสว่ นๆ หัวหน้างานหรือผูบ้ งั คบั บัญชาตอ้ งบอกถึงความสําคญั ของสมาชกิ ถงึ เหตผุ ลท่ี มอบหมายงานช้นิ นน้ั ๆ เพอ่ื ให้แตล่ ะคนรวู้ า่ ตนเองเป็นจ๊กิ ซอว์ท่ีมคี วามสาํ คัญต่อความสําเรจ็ ของงาน 2.2) การแบ่งงานใหช้ ัดเจน สาเหตหุ น่งึ ของความลม้ เหลวของการปฏิบัติงาน คอื การไม่แบ่ง งานจนทําให้งานบางงานอาจเกดิ การทาํ ซํ้าซ้อน ในขณะเดยี วกนั งานสาํ คญั บางอยา่ งกลับถกู ลมื ทาํ ใหเ้ กิดความ เสียหายตอ่ การทํางานอย่างยงิ่ เราตอ้ งแน่ใจวา่ ทีมงานหรอื บุคลากรทุกคนเข้าใจในวัตถปุ ระสงคข์ องงาน ตระหนัก ถงึ ในสิ่งท่ีหวั หน้างานหรือผบู้ ังคับบญั ชาคาดหวังไวจ้ ากทีมงาน การพบปะ พูดคุย สอบถามเพื่ออธิบายงาน เพิม่ เติม ควรพูดคยุ ปฎสิ มั พนั ธก์ นั ในเชิงพ่นี ้องมากกวา่ หวั หน้าลูกนอ้ ง เพราะจะทาํ ให้ทมี งานเปดิ ใจพูดสะทอ้ น ปัญหาที่แท้จรงิ อกี ท้ังการแบง่ งานท่ีชดั เจนจะลดปัญหาความขัดแย้งทางอาํ นาจท่อี าจเกิดข้ึนระหว่างทํางานได้ 2.3) จดั ทมี งานใหม้ คี วามเขม้ แขง็ ในการดาํ เนนิ งานใด ๆ กต็ าม ควรมหี ลักเกณฑ์ในการวัด ความสาํ เร็จของสมาชกิ แต่ละคนด้วย ซ่ึงบคุ คลใดทที่ ํางานได้กว่าตํา่ กวา่ มาตรฐาน ควรทบทวนสับเปลี่ยนสมาชกิ คนอนื่ ให้มโี อกาสมางานแทน 2.4) การเสรมิ กําลงั ใจทางบวก ส่ิงสุดทา้ ยในการทํางาน ซึง่ จาํ เปน็ มากคอื การรับฟงั และ แบ่งปนั ข้อมลู (feedback) ในระหว่างทีด่ ําเนินงานหรือกจิ กรรมกําลงั ดาํ เนินอยู่ หรอื เมอื่ โครงการหรอื กิจกรรม สิ้นสุดลง อาจจะเกดิ ปญั หาระหว่างการทาํ งาน เพ่ือใหส้ มาชกิ ทุกคนรูว้ า่ รู้วา่ จะตอ้ งทาํ อยา่ งไรตอ่ ไป ควรให้ คาํ แนะนําในเชงิ สร้างสรรค์ 3. เทคนคิ ของบุคลากรกบั การประยกุ ต์ใชง้ านในองคก์ ร ในการขับเคลอ่ื นงานขององค์กรหรอื การ ดําเนินโครงการฝึกอบรมก็ดี องคค์ วามรสู้ ว่ นบคุ คลทเี่ กดิ จากปฏบิ ตั ิงานกลายเปน็ ชุดขององคค์ วามรขู้ องหนว่ ยงาน องคค์ วามรทู้ ี่เกดิ จากการพยายามแก้ปัญหาสว่ นบุคคล ทาํ ใหง้ านทไี่ ดร้ บั มอบหมายเสรจ็ สมบรู ณต์ ามระยะเวลา ทก่ี าํ หนด งานทีไ่ ด้มคี วามน่าสนใจสามารถนาํ ไปใชป้ ระโยชนต์ ่อได้ เช่น องค์ความรู้เรอื่ ง เทคนิคการ Short Note ใหน้ ่าอ่าน ด้วยวธิ ีการอยา่ งง่ายคือ ไมต่ ้องบันทึกเนอ้ื หาท้ังหมด เน้นจดุ สาํ คัญ ใชส้ หี รือทาํ เป็น Mind map ในการนําเสนอ หรือการแกป้ ญั หาเรอื่ งการถอดเทปจากการบันทึกเสียงระหว่างที่ทาํ การสมั ภาษณเ์ ชิงลกึ ใน งานวจิ ัยหรือการจดั เกบ็ ขอ้ มลู ในพน้ื ที่ โดยใช้โปรแกรมระดบั พนื้ ฐานท่ีมีอยแู่ ล้วในคอมพวิ เตอรช์ ่วยใหบ้ คุ ลากร ทาํ งานได้รวดเร็วยง่ิ ขึ้น องค์ความรูท้ ่ีเกดิ จากการประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยีในระบบอนิ เตอรเ์ น็ตชว่ ยทําให้งานมคี วาม นา่ สนใจ ประหยดั ทรพั ยากรของหน่วยงานได้มาก เชน่ การสรา้ ง QR Code เป็นสื่อในการนาํ เสนอผลงาน

5 และเปน็ เคร่ืองมอื ในการเข้าถงึ แหล่งขอ้ มูลทศี่ นู ย์ฯ จัดทํา และองคค์ วามร้เู รื่องการสรา้ งแบบประเมินออนไลน์ (Google Form) ทําให้การประเมินโครงการหลังการฝกึ อบรมสามารถดําเนนิ การได้รวดเรว็ ขึ้น ลดจํานวน กระดาษในการทํางาน ง่ายต่อการจัดเก็บ ลดปญั หาการสูญหาย สามารถใช้งานควบค่กู ับโปรแกรมวิเคราะห์ ข้อมูลทางสถิติ (Statistical Package for the Social Science for Windows) หรอื SPSS ได้ 4. หลกั การเผยแพร/่ ประชาสัมพนั ธง์ าน ปจั จบุ ันการเผยแพรป่ ระชาสัมพันธง์ านขององค์กรใหเ้ ปน็ ท่ี รับร้ขู องบคุ คลภายนอกเป็นอีกตวั ช้ีวดั ความสําเร็จหนึ่งของงานในองคก์ ร การเขียนข่าวประชาสมั พนั ธ์ทดี่ ีควรยดึ หลักการเขยี นข่าวใหโ้ ดนใจ กระชบั สัน้ ไดใ้ จความ มคี ําทดี่ ึงดดู ใหอ้ ่านเน้ือหาเพมิ่ เตมิ นัน้ คือ การพาดหวั ทท่ี าํ ให้ เกดิ ความสงสัย อยากรู้ ไม่ใชก่ ารเฉลยทง้ั หมด แตอ่ ยา่ งไรก็ตามในเน้อื หาของข่าวควรยึดทฤษฎี 5W+1H เป็น หัวใจในการเรยี งลําดับ คอื Who + What + Why/How + When + Where (ใคร + ทาํ อะไร + ทําไม/อยา่ งไร + เมอ่ื ไหร่ + ทไ่ี หน) 7.2 ข้อพึงระวัง (ข้อพงึ ระวงั ในการแก้ไขปญั หาหรือพฒั นางาน) 1) การสื่อสารระหว่างคนในองค์กร การสื่อสารคือเครื่องมือท่ีสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจให้กับ คนในองค์กรให้เป็นไปในทางเดียวกัน การส่ือสารจึงไม่ควรเป็นลักษณะสั่งการเพียงอย่างเดียว ควรเป็นการ สื่อสารระหว่างผู้ใต้บงั คบั บัญชาสะท้อนข้อมลู ใหผ้ ้บู งั คับบญั ชาทราบดว้ ย 2) ควรมแี ผนการบรหิ ารความเส่ียงเรื่องระยะเวลาในการปฏบิ ตั ิงานและงบประมาณ 7.3 ปัจจยั แหง่ ความสําเร็จ 1) สมาชกิ หรอื บุคลากรของหน่วยงานต้องมเี จตนาทด่ี ีในการทาํ งาน เสรมิ สร้างทักษะทด่ี ีทาํ ให้ ตนเองมคี วามเช่ียวชาญในการทํางานหรอื กจิ กรรมที่ได้รบั มอบหมาย และเช่อื ม่นั ในศักยภาพของเพื่อนร่วมงาน สามารถทํางานรว่ มมือกบั ผอู้ ่นื ได้ มมี นษุ ยสัมพนั ธ์ทดี่ ีตอ่ กนั 2) ผู้บังคับบัญชาหรือหวั หนา้ งาน ตอ้ งกระตุ้นการทํางานของผูใ้ ต้บังคบั บัญชา ยอมรับความคดิ เหน็ ที่แตกตา่ งและนํามาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ในการทํางาน ใช้การประชุมเปน็ เครื่องมอื ในการหาทางออกรว่ มกันและ ยอมรบั มตทิ ป่ี ระชุม ใหค้ วามไวว้ างใจในตัวผใู้ ตบ้ ังคับบัญชา ผบู้ งั คับบัญชาหรือหัวหน้างานตอ้ งกระตุ้นการทาํ งาน และการตดั สนิ ใจของสมาชิกเปดิ โอกาสให้สมาชกิ ได้ตดั สินใจมากขึน้ 3) ผู้บงั คับบญั ชาหรือหวั หนา้ งานทําหน้าท่ีเป็น Coaching เปน็ Mentor ดงึ ศกั ยภาพของ ผู้ใต้บังคับบญั ชาออกมาใช้ในการทํางานใหม้ ากทสี่ ดุ ในระหวา่ งทท่ี าํ งานรว่ มกันใชว้ ธิ ชี วนคดิ ชวนคุย รบั ฝังความ คิดเหน็ ของผใู้ ตบ้ ังคบั บญั ชา ผู้บังคับบัญชาหรอื หวั หน้างานตอ้ งให้ขอ้ มูลยอ้ นกลบั ในการทาํ งานของสมาชกิ เพือ่ ใหง้ านไดร้ ับการแกไ้ ขปรบั ปรุงผลลพั ธ์ทเี่ กดิ ขึน้ กด็ ยี ่ิงขึน้ 4) การมอบหมายงานทีช่ ัดเจนเปน็ ระบบ การช้ีแจงรายละเอยี ดใหผ้ ูใ้ ต้บงั คบั บัญชาทราบว่ามีหน้าที่ ตอ้ งทาํ อะไรบ้าง อธิบายงานท่ีไดร้ ับมอบหมายวา่ มคี วามสําคัญอยา่ งไร รวมถงึ บอกเหตุผลว่าทําไมเขาถึงเป็นคนท่ี เหมาะสมทสี่ ุดในการทาํ งานชิ้นน้ี และบอกถึงความเชื่อมโยงกับงานคนอน่ื อย่างไร รวมถึงให้คําแนะนาํ ตา่ ง ๆ ที่จําเป็นตอ้ งทราบ ในขั้นตอนนีเ้ ปน็ การเปิดโอกาสให้ผูใ้ ตบ้ ังคับบญั ชาได้เสนอแนวคิดหรอื รว่ มวางแผนการทาํ งาน กับผ้บู งั คับบญั ชาหรอื หัวหน้างานด้วย การมอบหมายงานทีด่ ีควรจะทําให้เปน็ ลายลักษณอ์ กั ษร เพราะการ มอบหมายงานปากเปลา่ อาจทาํ ใหเ้ กดิ ข้อผดิ พลาดได้

6 7.4 ปญั หาทพี่ บและวธิ กี ารแก้ไข ปัญหาที่พบคือความผิดพลาดในการทํางานของบุคลากร สาเหตุอาจจะมาจากความพร้อมของ ผู้ปฏิบัติงาน ปัญหาส่วนตัว หรือแม้แต่ความรู้ความสามารถไม่เพียงพอกับงานที่ได้รับมอบหมาย วิธีแก้ปัญหาที่ดี ท่ีสุดคือ ผู้บังคับบัญชาหรือหัวหน้างานต้องวิเคราะห์งาน วิเคราะห์คน และมอบหมายงานให้ตรงกับความสามารถ ของผู้ใต้บังคับบัญชาให้มากที่สุด เสริมแรงด้วยการติดตามโดยการให้กําลังใจให้คําปรึกษาในการทํางานด้วย บรรยากาศแหง่ ความเปน็ กันเอง 7.5 ผลของการแกป้ ญั หาและพฒั นาเรือ่ งนัน้ เปน็ อยา่ งไร ทาํ ใหก้ ารทํางานในแตล่ ะวัน ทมี งาน/บุคลากรของหนว่ ยงานมคี วามสุข และมคี วามสมั พันธท์ ่ดี ตี ่อ กนั เกิดความรกั ใครท่ าํ งานดว้ ยความทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ขับเคลือ่ นงานท่ไี ด้รบั มอบหมายบรรลตุ ามเป้าหมาย วตั ถุประสงค์ และเกดิ ผลงานทม่ี ปี ระสิทธภิ าพเป็นองค์กรทีมคี ณุ ภาพ