Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ ๒ หลักการผลิตปศุสัตว์อินทรีย์

หน่วยที่ ๒ หลักการผลิตปศุสัตว์อินทรีย์

Published by Mam Sup-a-nan, 2019-08-25 10:39:40

Description: หน่วยที่ ๒ หลักการผลิตปศุสัตว์อินทรีย์

Keywords: Livestock,organic

Search

Read the Text Version

หลกั การผลติ ปศุสตั วอินทรยี  หนวยเรียนท่ี ๒

ปศุสตั วอ นิ ทรยี  (Organic Livestock) ปศสุ ตั วอ นิ ทรยี  (Organic Livestock) TREY2 หมายถงึ ปศสุ ตั วท ่ีผลิตโดยใชร ะบบเกษตรอินทรยี  research Add a footer

การจดั การโดยรวม การจดั การพืนที พืช สตั วใ์ หส้ อดคลอ้ งกนั TREY3 research

การจัดการฟารมโดยรวม  เนน ความสัมพันธ ระหวา ง พ้ืนท่ี พชื และสัตว  คํานงึ ถงึ ความตองการพ้ืนฐานของ สัตว  ดวยการใหอาหารคุณภาพดีท่ผี ลติ จากระบบเกษตรอนิ ทรยี   ตองรักษาระบบนเิ วศทอ งถ่นิ และ ความหลากหลายทาชีวภาพ Add a footer TREY research

การจดั การฟารม โดยรวม  หา มใช สารเคมที กุ ชนิด ในการ เลี้ยงสตั ว รวมถงึ ยาและฮอรโ มน สังเคราะห  พ้นื ทเ่ี ล้ียงสตั วต องเปน ไปตาม มาตรฐาน  จดั สภาพแวดลอ ม อตั ราการเล้ยี ง และขนาดฝงู ท่ีเหมาะสมกบั ความ ตองการพ้นื ฐานของสตั ว Add a footer TREY research

การจดั การฟารม โดยรวม  ในฟารม ตองมที ุง หญา หรอื พ้ืนท่เี ปด โลง ใหสตั วอ อกกาํ ลัง  ยกเวน  กรณีสภาพแวดลอ มไมเอ้ืออาํ นวย  สัตวท องแก /แรกเกิด  ขอ จํากดั ของทอ งถนิ่  ไมอ นญุ าตใหผูกลามสัตวตลอดเวลา Add a footer TREY research

การปรับเปลย่ี นเปน ปศสุ ตั วอนิ ทรยี  TREY7 research

ระยะปรบั เปลี่ยน TREY8  โคเนือ้ 12 เดอื น research  โคนม 90 วนั  สุกร 6 เดอื น  ไกไข 42 วัน Add a footer

ระยะปรบั เปลยี่ น TREY  โค-กระบอื research  ผลิตเนือ้ 12 เดือน* หรอื ¾ ของชวง ชีวิต*  ผลติ เนอื้ ลูกโค 6 เดือน*  นําเขา ลกู โคทันทหี ลังหยานมและอายุไมเกิน 6 เดอื น  ผลติ นม  90 วนั * เปน นมอินทรียร ะยะปรับเปลยี่ น  6 เดือน* เปนนํา้ นมอินทรีย *นับจากวนั ท่เี ขาเล้ียงในระบบอนิ ทรีย ที่ไดร ับการรับรองพนื้ ที่ผลติ แลว

ระยะปรบั เปลยี่ น  พ้นื ท่ปี ลูกพชื /พชื อาหารสตั ว  พชื ลมลกุ 12 เดือน  พชื ยืนตน 18 เดือน  กรณีแปลงหญา หรอื พืน้ ทอี่ อกกาํ ลงั ***พจิ ารณาเปนรายกรณี สําหรบั สตั วท ีไ่ มก นิ พืช ใหลดระยะเวลา ปรบั เปล่ียนนล้ี งได*** Add a footer  โค กระบอื มา แพะ แกะ ท่ีเลี้ยงแบบปลอย แปลง สามารถลดระยะปรับเปลย่ี นลงได* ** TREY research

ระยะปรบั เปลยี่ น  สุกร  ผลติ เนอ้ื 4 เดอื น*  แพะ แกะ  สาํ หรบั ผลติ เนือ้ 4 เดอื น*  สาํ หรับผลิตนม  90 วนั * เปนนมอนิ ทรียระยะปรับเปลีย่ น  6 เดือน* เปนนํา้ นมอนิ ทรีย *นับจากวนั ท่เี ขา เลย้ี งในระบบอินทรีย ที่ไดร บั การรบั รองพนื้ ที่ผลติ แลว TREY research

ระยะปรบั เปลี่ยน TREY  สัตวป ก research  ผลิตเน้อื ตลอดอายุการผลติ  ผลติ ไข 6 สัปดาห* *นับจากวันที่เขาเล้ยี งในระบบอินทรีย ทไ่ี ดร ับการ รบั รองพืน้ ที่ผลิตแลว Add a footer

ผลผลิตอินทรีย TREY13  ผลผลิตอนิ ทรยี ในระยะ research ปรับเปล่ยี น***  ผลผลติ อนิ ทรีย ***ตอ งระบใุ หผูบริโภคทราบอยางชดั เจน Add a footer

ระบบการเลีย้ ง  สัตวทเ่ี ลย้ี งในพื้นทเี่ ดยี วกัน ตองเล้ียงในระบบอนิ ทรีย เทา น้ัน  การณจี ําเปน ตอ งเลยี้ งระบบ ท่วั ไปคูขนาน ตอ งมมี าตรการ ปองกนั การปะปน //แยกการ จัดการ และเอกสารใหช ัดเจน TREY14 research

ระบบการเล้ยี ง  ตองดูแลรักษาความอุดม สมบรู ณข องระบบนิเวศใน ระยะยาว  ตอ งจัดการของเสยี ดวยการ หมุนเวยี นมาใชป ระโยชน ปอ งกันการเกดิ มลพิษ ปนเปอน ในดนิ และนํ้า TREY15 research

แหลง ที่มาของสตั ว ชนิด และสายพนั ธุ  ตองปรบั ตัวเขา กบั สภาพแวดลอ ม ทองถิน่ * ไดด ี  ตองมีความตานทานโรคใน ทอ งถิ่น*ไดด ี *ทอ งถิ่นทท่ี ําการเล้ยี ง/ผลติ ดว ยระบบอนิ ทรยี  TREY16 research

พนั ธุส ตั ว ตองมาจากระบบอินทรียตั้งแตแ รกเกดิ TREY17 กรณีทห่ี าไมได /เริม่ ตนเลยี้ งคร้ังแรก >> อนโุ ลมใหน าํ สัตว research จากแหลง ทวั่ ไปเขามาเลย้ี งได โดยมขี อกําหนดดังนี้  ลกู โคเน้อื อายุไมเ กิน 6 เดอื นและหยา นมแลว  ลูกโคนม อายไุ มเกิน 4 สัปดาห ไดร บั น้ํานเหลอื งและ เลยี้ งดว ยนํา้ นมเปนอาหารหลกั  ลูกสุกร อายไุ มเกนิ 6 สัปดาห  ลกู ไกไข อายุไมเกิน 18 สปั ดาห ผผู ลติ ตอ งมีแผนการจัดหา หรือเพาะพนั ธุสตั วเพอื่ ใชใ น ระบบอนิ ทรียด วยตนเอง Add a footer

พันธุสัตว ตอ งมาจากระบบอนิ ทรียตั้งแตแรกเกดิ กรณีทีตองนาํ สตั วพอแมพนั ธจุ ากภายนอกมาทดแทนในฝูงปศุสตั ว อนิ ทรีย หรือเพ่ือขยายฝงู สามารถนําเขา มาไดไ มเ กนิ รอ ยละ 10 ของสตั วโตเต็มวยั ชนิดเดยี วกนั ในฝูง อนโุ ลมใหนําเขา ไดเกิน รอ ยละ 10 ในการณตี อ ไปน้ี***  ภยั ธรรมชาติ /เหตุฉกุ เฉินท่สี งผลกระทบรายแรง  ขยายพน้ื ที่ฟารม  เปลีย่ นพนั ธุสัตวเล้ียงในฟารม  มสี ตั วชนดิ นั้นนอยกวา 10 ตัว ***พิจารณาเปน รายกรณี Add a footer TREY18 research

การผสมพันธุสัตว/ การขยายพันธสุ ตั ว TREY19  เลอื กใชส ัตวท ข่ี ยายพนั ธุไ ดเองตามธรรมชาติ research  อนญุ าต ใหมีการผสมเทียมได  ไมอนญุ าต ใหใชวิธีการยา ยฝากตัวออ น และการโคลนนิง่  ไมอนญุ าต ใหใชฮ อรโ มนชว ยเรง การตก ไขและการคลอดลูก  ยกเวนเพ่อื การรกั ษา (กรณคี ลอดยาก)  หา มใช วิธีการทางพันธวุ ศิ วกรรม Add a footer

โรงเรือนและระบบการเล้ยี ง ตองมพี ื้นทใี่ นโรงเรอื น และนอกโรงเรอื นใหส ตั วไ ดอ อกกาํ ลัง มีขนาดเหมาะสม ไมก อใหเ กดิ มลภาวะ ตอ ดนิ และนาํ้ TREY20 research

พนื้ ท่ีคอกและออกกาํ ลัง TREY21  โคนม และโคเนือ้ พ้นื ท่ี 12 ตร.ม./ตวั research  พ้นื ที่แทะเลม็ ไมน อ ยกวา 1 ไร/ ตวั ภายในโรงเรือน ตองจัดหาพืน้ ท่ใี หสตั วไ ดเ คลือ่ นไหวตาม ธรรมชาติ และพื้นคอกตอ งไมเปน โคลนตม Add a footer

พืน้ ท่คี อกและออกกําลงั TREY22 สุกร นํ้าหนกั ไมเ กนิ 50 กก. research o พน้ื ท่ี 0.8 ตร.ม./ตัว สกุ ร นํ้าหนักเกนิ 50 กก. o พ้ืนท่ี 1.3 ตร.ม./ตัว ภายในโรงเรอื น ตองจัดหาพน้ื ทีใ่ หส ตั วไดเคลอ่ื นไหว ตามธรรมชาติ และพน้ื คอกตองไมเ ปนโคลนตม Add a footer

พน้ื ท่ีคอกและออกกาํ ลงั TREY23  ไกไ ข พน้ื ท่ี 0.2 ตร.ม./ตวั research หรือ 5 ตวั / ตร.ม.  มีพื้นที่ปลอยนอกโรงเรือนไมนอย กวา 1 เทา ของพืน้ ท่ใี นโรงเรือน (ยกเวน กรณีมีคาํ ส่ังควบคุมโรคระบาดสตั ว)  เล้ยี งไมเ กนิ โรงเรือนละ 3,000 ตัว Add a footer

ขอกําหนดเฉพาะสําหรับไกไข  ไมอ นุญาต ใหใชก รงตับ  ใหม ีคอนยาวไมน อยกวา 18 ซม/ตัว  มรี ังไขอ ยางนอย 1 รังตอไก 8 ตวั  กรณีใชร ังรวม พ้ืนที่ไมนอยกวา 120 ซม./ตัว TREY research

ขอ กําหนดเฉพาะสําหรบั ไกไข  ตอ งทําความสะอาด และกําจัด เชอื้ โรค หลงั ปลดไขท กุ รุน และ พกั โรงเรือนไมนอยกวา 7 วัน (ยกเวน กรณมี คี าํ ส่งั ควบคุมโรค ระบาดสัตว)  ใหแสงสวา งเพม่ิ รวมไมเ กนิ 16 ชม./วนั TREY research

ลักษณะของโรงเรอื นทเี่ หมาะสม  เหมาะสกับสภาพภูมิศาสตรข องสถานที่  เขา ถงึ อาหารและนํ้าไดงา ย  กันแดด กันฝน สะอาดและระบาย ผลิต และ สตั วส ามารถออกสพู ื้นที่ อากาศตามธรรมชาติ ภายนอกได  มแี สงสวา งเพียงพอ  สภาพโรงเรอื นตอ งเหมาะสมสาํ หรับ TREY26 พฤตกิ รรมของสตั ว Add a footer research

กรณีท่ีตอ งใหสัตวอ ยูในโรงเรือนกกั ขังชวั่ คราว  ตอ งมีพื้นท่เี พียงพอในการเคลอื่ นไหว  ภูมิอากาศไมเหมาะสม/เกิดภยั ธรรมชาติ หรอื มีพื้นท่กี ลางแจง ภายนอก  เพอ่ื ความปลอดภยั และสขุ ภาพของสตั ว  หากจาํ เปนตองกกั ขงั สามารถทําได  ปองกันการทาํ ลายแหลงนา้ํ และความอุดมสมบูรณข องดนิ ในกรณีตอไปน้ี  กรณีสตั วขนุ ระยะสุดทาย ขงั ไดไมเกิน 1/5 ของชวงชีวติ  โคเน้อื ไมเ กิน 3 เดอื น // สุกรไมเกิน 2 เดือน Add a footer TREY27 research

เคร่ืองมือ อปุ กรณ โรงเรอื น ควร สัตวเค้ยี วเอือ้ งตอ งมพี ื้นท่ี ความหนาแนน ของสัตวตอ งไม ไดรบั การดูแล ทาํ ความสะอาด เพอื่ ปลอ ยในแปลงหญา ทาํ ลายความอดุ มสมบูรณข อง ปอ งกนั การสะสมของเชื้อโรค ดนิ และแปลงหญา การเลยี้ งสตั วใ นท่เี ปด โลง ตอ งมที ีห่ ลบแดด ฝน ปองกันความ แปรปรวนของอากาศ อยา งเหมาะสมและเพยี งพอ TREY28 research

กรณีสัตวเ ลีย้ งลกู ดวยนม สุกร ตองเล้ยี งแบบใหอ ยูรวมกนั เปน ฝงู หา มใช คอกขังเด่ียว และการผูกยนื โรง พื้นคอกสตั วตองแหง และสะอาด (ยกเวน ไดร บั อนุญาตจากหนวยรับรอง) Add a footer TREY29 research

กรณสี ตั วป ก  ตองมพี ้ืนทีอ่ อกกําลงั เหมาะสมและ ตอ งจดั สภาพแวดลอ มใหเ หมาะ รังไข และคอนนอนเพยี งพอ และ กับพฤติกรรมธรรมชาติ เหมาะสมตามพฤตกิ รรมของสัตว เพยี งพอ  มีพื้นแข็งทีค่ ลมุ ดวยวัสดรุ องพ้นื (เชน ข้เี ล่ือย ทราย แกลบ) TREY research

อาหารสตั วอ ินทรีย วัตถุดิบตอ งใชภ ายในฟารม ตนเองใหม ากท่สี ดุ หรอื ถา นาํ มาจากภายนอกตอ งไดจ ากระบบการผลติ แบบอินทรีย TREY31 research

อาหารสัตว  วัตถุดิบตองไดร บั การรับรองตาม มาตรฐานอนิ ทรีย  ผูผ ลิตตองจดั ทาํ แผนการใชอาหาร สัตว และสามารถตรวจสอบได Add a footer TREY32 research

อาหารสตั ว  กรณีวตั ถดุ บิ ธรรมชาติ/ทองถิ่น มไี ม เพยี งพอ* อนุญาตใหใ ชว ตั ถดุ บิ ทัว่ ไป ไดด งั น้ี  โคเนอ้ื ใชไ ดไมเกนิ 10% DM  โคนม สกุ ร ไก ใชไดไ มเกนิ 15% DM Add a footer TREY33 research

อาหารสัตว สตั วเ ค้ยี วเออ้ื ง ตอ งมอี าหารหยาบ ใหก นิ ทุกวนั ไมนอยกวา 60%DM ***อาหารสตั วท ผี่ ลติ ขนึ้ ใชเ องในฟารม ระยะปรับเปลย่ี น ใหนับรวมเปน อาหารสตั วอนิ ทรยี  แต ไมสามารถนําไปจําหนายเปน อาหารสตั วอ นิ ทรีย ได TREY34 research

อาหารสัตว ลูกสตั วเ ลยี้ งลูกดวยนม ตองไดร บั น้าํ นมแม หรอื นํ้านมอนิ ทรยี จากแมส ตั วชนิดเดียวกัน ลกู สุกร ระยะหยานม ไมน อ ยกวา 35 วนั ลกู โคเนอ้ื /โคนม ระยะหยา นม ไมนอ ยกวา 3 เดือน Add a footer TREY35 research

ไมอ นุญาต ใหใ ชสารตอไปนีเ้ ปน สว นผสมในอาหารสัตว  ผลพลอยไดจากการชาํ แหละสตั วชนิดเดยี วกัน  ผลพลอยไดจากสตั วเ ลี้ยงทุกชนดิ สาํ หรับเปน อาหารสัตวเ ค้ยี วเออื้ ง  สงิ่ ขบั ถา ยทกุ ชนิด  อาหารทไ่ี ดจ ากการสกัดดวยตวั ทาํ ละลาย หรอื เติมสารเคมี  กรดอะมิโนสงั เคราะห Add a footer TREY36 research

ไมอนญุ าต ใหใ ชส ารตอไปนเี้ ปน TREY37 สว นผสมในอาหารสตั ว research  ยูเรยี และสารประกอบไนโตรเจนสังเคราะห  สารสังเคราะหกระตุนการเจรญิ เติบโต  สารสงั เคราะหก ระตุนความอยากอาหาร  สารกนั บดู (ยกเวน กรณเี ปน สารชวยแปรรปู )  สีสังเคราะห Add a footer

 อนญุ าต ใหใชว ติ ามนิ ธาตุอาหารรอง และ อาหารเสรมิ ท่ีไดจากธรรมชาติ  อนโุ ลมใหใช วิตามิน แรธ าตแุ ละอาหารเสริม สงั เคราะห ไดในกรณีทไ่ี มสามารถหาจากธรรมชาติ ไดเ พียงพอทัง้ ปรมิ าณและคณุ ภาพ  อนญุ าต ใหใ ชสารเสริมและสารชว ยผลติ หญา หมัก เชน แบคทีเรยี เชอ้ื รา เอนไซม และ กากน้าํ ตาล Add a footer TREY38 research

 อนญุ าตใหใช กรดอะซีตกิ กรดฟอรมกิ กรดโพรพิออนิก วิตามนิ และ เกลือแรสงั เคราะห ในกรณี เกิดสภาพอากาศแปรปรวนผดิ ธรรมชาติ Add a footer TREY39 research

 ไมอ นญุ าตใหใช อาหาร สวนผสม สารปรุงแตง และสารชว ยแปรรปู อาหารสัตว ตอ งไมม าจาก กระบวนการทางพันธวุ ศิ วกรรม Add a footer TREY40 research

กรณีระยะปรับเปล่ยี น TREY41 อาหารสัตวท่ีใชตอ งมีวัตถุดบิ ทผ่ี ลติ ในระบบ research อินทรีย  ไมต าํ่ กวา 70%DM สําหรับอาหารสัตว เคีย้ วเอ้ือง  ไมต า่ํ กวา 65%DM สาํ หรับอาหารสตั ว กระเพาะเดยี่ ว ***อาหารสัตวทีไ่ มไ ดจ ากระบบอินทรยี  ตอ งเปน วัตถุดิบทม่ี าจากธรรมชาติ Add a footer

กรณีอนโุ ลม กรณีพ้นื ทีก่ ารผลติ ไมส ามารถจัดหาอาหารสตั วที่มวี ตั ถดุ บิ ท่ี ผลติ ในระบบอนิ ทรยี  ได 100% อนโุ ลมใหม ีสวนประกอบ ของวัตถดุ ิบอินทรยี   ไมต ํ่ากวา 90%DM สําหรับอาหารสตั วเคยี้ วเออื้ ง*  ไมต ่ํากวา 80%DM สาํ หรับอาหารสัตวกระเพาะเดยี่ ว * โดยคาํ นวณจากความตองการอาหารสตั วต ลอดทง้ั ป และตอ งไดร ับความเหน็ ชอบจากหนวยรบั รอง TREY research

การใหอาหารสัตว  ชว งขนุ ของสัตวปก ตองมีอาหารจาก ธญั พืชเปน แหลง พลังงาน Add a footer TREY43 research

การใหอ าหารสัตว  สัตวป ก และสุกร ตองเสรมิ ดวยอาหารหยาบ (สด/หมัก/แหง) ทุกวัน Add a footer TREY44 research

การใหอ าหารสตั ว TREY45  สตั วเ คีย้ วเอื้อง หามใช research อาหารหมักเพยี งอยาง เดียวตลอดระยะเวลา การเลย้ี ง Add a footer

วตั ถดุ บิ อาหารสตั ว  ตอ งเปนไปตาม พรบ.อาหาร สัตว 2525 และไมข ัดกับ หลกั ปศสุ ัตวอ ินทรยี   เปนวัตถดุ บิ ท่ตี รงกบั ความ ตองการของรางกาย สุขภาพ และสวสั ดภิ าพของสตั ว Add a footer TREY46 research

วัตถุดบิ อาหารสัตว  แหลง ของ แรธ าตุ วติ ามิน และสารตั้ง ตน ของวิตามนิ ตองมีตน กาํ เนิดมาจาก ธรรมชาติ  ไมควรใชว ัตถุดบิ ทมี่ แี หลง กาํ เนนิ จาก สัตว ยกเวน นมและผลิตภัณฑนม Add a footer TREY47 research

วตั ถดุ ิบอาหารสตั ว TREY48  หามใชผลพลอยไดจ ากสัตวเล้ียงลูก research ดว ยนม เปนอาหารสัตวเคีย้ วเออ้ื ง  หา มใชว ตั ถุดบิ ท่ีเปนไนโตรเจน สงั เคราะห หรอื NPN Add a footer

วัตถุดบิ อาหารสัตว  Feed additive and Processing aids ตองมตี น กาํ เนดิ มาจากธรรมชาติ  ตอ งไมม าจากสารจาก GMOs  อนญุ าตใหใช เกลอื เอน็ ไซม ยสี ต หางนม น้าํ ตาลและกากนํ้าตาล  อนุญาตใหใ ช Probiotic, Enzyme และ จลุ นิ ทรียไ ด TREY49 research

วตั ถุดิบอาหารสัตว • หา มใช สารปฏชิ ีวนะ สารเรงการ เจริญเติบโต และสารอ่ืนใด เพ่อื เรง การเตบิ โต หรือเพมิ่ ผลผลิต • ในสภาพท่ไี มเออื้ ตอการหมัก สามารถใชแ บคทเี รยี ท่ผี ลติ ผลิตกรด ธรรมชาตไิ ด แต(ตองไดร ับอนญุ าต จากหนว ยรบั รองกอ นใช) TREY50 research


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook