Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore BBBB

BBBB

Published by 20726, 2019-09-10 03:40:48

Description: BBBB

Search

Read the Text Version

การเขยี นโครงงาน โดย เลศิ ชาย ปานมขุ โครงงานหมายถึง กิจกรรมที่เปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนไดศ้ กึ ษา คน้ ควา้ และลงมอื ปฏิบตั ิดว้ ยตนเองตาม ความสามารถ ความถนดั และความสนใจ โดยอาศยั กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือกระบวนการอนื่ ใดไปใชใ้ น การศึกษาหาคาตอบในเรื่องน้นั ๆ โดยมคี รูผสู้ อนคอยกระตุน้ แนะนาและใหค้ าปรึกษาแก่ผเู้ รียนอยา่ งใกลช้ ิด ต้งั แต่การ เลอื กหวั ขอ้ ท่ีจะศึกษา คน้ ควา้ ดาเนินการ วางแผน กาหนดข้นั ตอนการดาเนินงาน โดยทว่ั ๆ ไป การทาโครงงานสามารถ ทาไดท้ ุกระดบั การศึกษา ซ่ึงอาจทาเป็นรายบุคคลหรือเป็นกล่มุ กไ็ ด้ ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั ลกั ษณะของโครงงาน อาจเป็น โครงงานเลก็ ๆ ที่ไม่ยงุ่ ยากซบั ซอ้ นหรือเป็นโครงงานใหญท่ ่ีมคี วามยากและซบั ซอ้ นข้ึนกไ็ ด้ ๑. ประเภทของโครงงาน โครงงานสามารถแบ่งตามลกั ษณะของกิจกรรมได้ ๔ ประเภท ดงั น้ี ๑.๑ โครงงานประเภทสารวจ โครงงานประเภทสารวจ เป็นโครงงานประเภทเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเพื่อหาสาเหตุของปัญหาหรือสารวจ ความคิดเห็น ขอ้ มลู ท่ีรวบรวมไดบ้ างอยา่ งอาจเป็นปัญหาที่นาไปสู่การทดลองหรือคน้ พบสาเหตุของปัญหาที่ตอ้ งหา วิธีแกไ้ ขปรับปรุงร่วมกนั เช่น โครงงานการสารวจคาที่มกั เขียนผดิ โครงงานสารวจการใชค้ าคะนองในหนงั สือพิมพ์ เป็ นตน้ ๑.๒ โครงงานประเภทการทดลอง โครงงานประเภทการทดลอง เป็นโครงงานที่ตอ้ งออกแบบทดลอง เพ่ือการศกึ ษาผลการทดลองว่าเป็นไป ตามที่ต้งั สมมติฐานไวห้ รือไม่ โครงงานประเภทน้ีตอ้ งสรุปความรู้หรือผลการทดลองเป็นหลกั การหรือแนวทางการ ปฏิบตั ิไว้ เช่น โครงงานการทดลองยากนั ยงุ จากพืชสมุนไพร โครงงานการทดลองปลูกพชื สวนครัวโดยใชป้ ๋ ุย วิทยาศาสตร์ เป็นตน้ ๑.๓ โครงงานประเภทส่ิงประดษิ ฐ์ โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ เป็นโครงงานท่ีประยกุ ตห์ ลกั การทางวิทยาศาสตร์เขา้ สู่กระบวนการปฏิบตั ิ โดยอาศยั เครื่องมอื วสั ดุ อปุ กรณ์ เพือ่ ประดิษฐช์ ้ินงานใหม่ อาจเป็นของใช้ เครื่องประดบั จากวสั ดุเหลือใช้ หรือนาวสั ดุ ทอ้ งถน่ิ ที่มมี ากมายมายใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ เช่น โครงงานการประดิษฐเ์ ครื่องจกั สานจากผกั ตบชวา โครงงานการ ประดิษฐเ์ ครื่องช่วยสอนวชิ าภาษาองั กฤษ เป็นตน้

๑.๔ โครงงานประเภททฤษฎี โครงงานประเภททฤษฎี เป็นโครงงานที่มีลกั ษณะเป็นการหาความรู้ใหม่ โดยการรวบรวมขอ้ มลู และนามา วิเคราะห์จากสถิติแลว้ อภิปราย หรือเป็นโครงงานท่ีศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู ที่เกิดจากขอ้ สงสยั อาจเป็นการนาบทเรียนมา ขยายเพอ่ื ศกึ ษาขอ้ มลู เพมิ่ เติมใหไ้ ดค้ วามรู้ในแง่มมุ ทก่ี วา้ งและลึกกวา่ เดิม เช่น โครงงานการศกึ ษาคาซอ้ นในวรรณคดี ร้อยแกว้ โครงงานการศกึ ษาขอ้ คดิ จากเรื่องพระมโหสถชาดก เป็นตน้ ๒. ข้ันตอนการทาโครงงาน การทาโครงงานมขี ้นั ตอนการปฏิบตั ิ ดงั น้ี ๒.๑ การคดิ และการเลือกหัวเรื่อง ผเู้ รียนจะตอ้ งคิด และเลือกหวั เรื่องของโครงงานดว้ ยตนเองวา่ อยากจะ ศึกษาอะไร ทาไมจึงอยากศึกษา หวั เร่ืองของโครงงานมกั จะไดม้ าจากปัญหา คาถามหรือความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกบั เรื่องต่างๆ ของผเู้ รียนเอง หวั เรื่องของโครงงานควรเฉพาะเจาะจงและชดั เจน เม่อื ใครไดอ้ ่านชื่อเร่ืองแลว้ ควรเขา้ ใจและรู้ เรื่องวา่ โครงงานน้ีทาจากอะไร การกาหนดหวั เร่ืองของโครงงานน้นั มีแหลง่ ที่จะชว่ ยกระตุน้ ใหเ้ กิดความคิดและความ สนใจหลายแหล่งดว้ ยกนั เช่น จากการอา่ นหนงั สือ เอกสาร บทความ การเยย่ี มชมสถานที่ต่างๆ การฟังบรรยายทาง วชิ าการ การเขา้ ชมนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานทางวทิ ยาศาสตร์ การสนทนากบั บุคคลต่างๆ หรือจาการสงั เกต ปรากฏการณ์ต่างๆ รอบตวั เป็นตน้ นอกจากน้ี ควรคานึงถงึ ประเด็นต่อไปน้ี - ความเหมาะสมของระดบั ความรู้ ความสามารถของผเู้ รียน - วสั ดุ อุปกรณ์ ท่ีใช้ - งบประมาณ - ระยะเวลา - ความปลอดภยั - แหลง่ ความรู้ ๒.๒ การวางแผน การวางแผนการทาโครงงาน จะรวมถงึ การเขียนเคา้ โครงของโครงงาน ซ่ึงตอ้ งมีการวางแผนไวล้ ่วงหนา้ เพ่ือใหก้ ารดาเนินการเป็นไปอยา่ งรัดกมุ และรอบคอบ ไมส่ บั สน แลว้ นาเสนอต่อผสู้ อนหรือครูท่ีปรึกษาเพอ่ื ขอความ เห็นชอบก่อนดาเนินการข้นั ต่อไป การเขียนเคา้ โครงของโครงงาน โดยทวั่ ไป เขยี นเพื่อแสดงแนวคิด แผนงาน และ ข้นั ตอนการทาโครงงาน ซ่ึงควรประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ต่อไปน้ี ๑) ช่ือโครงงาน ควรเป็นขอ้ ความทก่ี ะทดั รัด ชดั เจน สื่อความหมายไดต้ รง ๒) ช่ือผทู้ าโครงงาน ๓) ช่ือที่ปรึกษาโครงงาน

๔) หลกั การและเหตุผลของโครงงาน เป็นการอธิบายว่าเหตุใดจึงเลอื กทาโครงงานเรื่องน้ี มีความสาคญั อยา่ งไร มหี ลกั การหรือทฤษฎีอะไรที่เกี่ยวขอ้ ง เร่ืองท่ีทาเป็นเรื่องใหมห่ รือมีผอู้ ่ืนไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ เรื่องน้ีไวบ้ า้ งแลว้ ถา้ มี ไดผ้ ลอยา่ งไร เร่ืองท่ีทาไดข้ ยายเพิม่ เติม ปรับปรุงจากเรื่องท่ีผอู้ น่ื ทาไวอ้ ยา่ งไร หรือเป็นการทาซ้าเพอ่ื ตรวจสอบผล ๕) จุดมุง่ หมายหรือวตั ถปุ ระสงคค์ วรมีความเฉพาะเจาะจง และสามารถวดั ได้ เป็นการบอกขอบเขตของ งานท่ีจะทาไดช้ ดั เจนข้ึน ๖) สมมติฐานของการศกึ ษาคน้ ควา้ (ถา้ มี) สมมติฐานเป็นคาตอบหรือคาอธิบายท่ีคาดไวล้ ่วงหนา้ ซ่ึง อาจจะถกู หรือไมก่ ็ได้ การเขียนสมมติฐานควรมเี หตุมผี ลมที ฤษฎีหรือหลกั การรองรับ และที่สาคญั คือ เป็นขอ้ ความท่ี มองเห็นแนวทางในการดาเนินการทดสอบได้ นอกจากน้ีควรมคี วามสมั พนั ธร์ ะหว่างตวั แปรอิสระและตวั แปรตามดว้ ย ๗) วิธีดาเนินงานและข้นั ตอนการดาเนินงาน จะตอ้ งอธิบายว่า จะออกแบบการทดลองอะไรอยา่ งไร จะ เก็บขอ้ มลู อะไรบา้ งรวมท้งั ระบวุ สั ดุอปุ กรณ์ท่ีจาเป็นตอ้ งใช้ มีอะไรบา้ ง ๘) แผนปฏบิ ตั ิงาน อธิบายเก่ียวกบั กาหนดเวลาต้งั แต่เริ่มตน้ จนเสร็จส้ินการดาเนินงานในแต่ละข้นั ตอน ๙) ผลที่คาดว่าจะไดร้ ับ ๑๐) เอกสารอา้ งอิง ๒.๓ การดาเนินงาน เมอ่ื ที่ปรึกษาโครงงานใหค้ วามเห็นชอบเคา้ โครงของโครงงานแลว้ ต่อไปก็เป็นข้นั ลงมอื ปฏบิ ตั ิงานตามข้นั ตอนที่ระบุไว้ ผเู้ รียนตอ้ งพยายามทาตามแผนงานท่ีวางไว้ เตรียมวสั ดุอุปกรณ์และสถานที่ใหพ้ ร้อม ปฏบิ ตั ิงานดว้ ยความละเอยี ดรอบคอบ คานึงถึงความประหยดั และปลอดภยั ในการทางาน ตลอดจนการบนั ทึกขอ้ มลู ต่างๆ ว่าไดท้ าอะไรไปบา้ ง ไดผ้ ลอยา่ งไร มีปัญหาและขอ้ คิดเห็นอยา่ งไร พยายามบนั ทึกใหเ้ ป็นระเบียบและครบถว้ น ๒.๔ การเขยี นรายงาน การเขียนรายงานเก่ียวกบั โครงงาน เป็นวิธีส่ือความหมายวธิ ีหน่ึงท่ีจะใหผ้ อู้ ื่นไดเ้ ขา้ ใจถึงแนวคดิ วธิ ีการ ดาเนินงาน ผลที่ได้ ตลอดจนขอ้ สรุปและขอ้ เสนอแนะต่างๆ ที่เก่ียวกบั โครงงานน้นั การเขียนโครงงานควรใชภ้ าษาท่ี อา่ นแลว้ เขา้ ใจง่าย ชดั เจนและครอบคลุมประเด็นสาคญั ๆ ท้งั หมดของโครงงาน ๒.๕ การนาเสนอผลงาน การนาเสนอผลงาน เป็นข้นั ตอนสุดทา้ ยของการทาโครงงานและเขา้ ใจถึงผลงานน้นั การนาเสนอผลงาน อาจทาไดห้ ลายรูปแบบ ข้ึนอยกู่ บั ความเหมาะสมต่อประเภทของโครงงาน เน้ือหา เวลา ระดบั ของผเู้ รียน เช่น การแสดง บทบาทสมมติ การเลา่ เรื่อง การเขียนรายงาน สถานการณ์จาลอง การสาธิต การจดั นิทรรศการ ซ่ึงอาจมที ้งั การจดั แสดง และการอธิบายดว้ ยคาพดู หรือการรายงานปากเปลา่ การบรรยาย ส่ิงสาคญั คือ พยายามทาใหก้ ารแสดงผลงานน้นั ดึงดูด ความสนใจของผชู้ ม มคี วามชดั เจน เขา้ ใจง่าย และมคี วามถกู ตอ้ งของเน้ือหา

๓. การเขยี นรายงานโครงงาน การเขียนรายงานโครงงานเป็นรูปแบบหน่ึงของการนาเสนอผลงานของโครงงานท่ีผเู้ รียนไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ ต้งั แต่ตน้ จนจบ การกาหนดหวั ขอ้ ในการเขียนรายงานโครงงานอาจไม่ระบุตายตวั เหมือนกนั ทุกโครงงาน ส่วนประกอบ ของหวั ขอ้ ในรายงานตอ้ งเหมาะสมกบั ประเภทของโครงงานและระดบั ช้นั ของผเู้ รียน องคป์ ระกอบของการเขยี นรายงาน โครงงาน แบ่งกวา้ งๆ เป็น ๓ ส่วน ดงั น้ี ๑. ส่วนปกและส่วนต้น ส่วนปกและส่วนตน้ ประกอบดว้ ย ๑) ช่ือโครงงาน ๒) ชื่อผทู้ าโครงงาน ช้นั โรงเรียน และวนั เดือนปี ที่จดั ทา ๓) ช่ืออาจารยท์ ี่ปรึกษา ๔) คานา ๕) สารบญั ๖) สารบญั ตาราง หรือภาพประกอบ (ถา้ มี) ๗) บทคดั ยอ่ ส้นั ๆ ท่ีบอกเคา้ โครงอยา่ งยอ่ ๆ ซ่ึงประกอบดว้ ย เร่ือง วตั ถุประสงค์ วธิ ีการศกึ ษา ระยะเวลา และสรุปผล ๘) กิตติกรรมประกาศ เพ่อื แสดงความขอบคณุ บุคคล หรือหน่วยงานท่ีใหค้ วามช่วยเหลอื หรือมสี ่วน เกี่ยวขอ้ ง ๒. ส่วนเนื้อเร่ือง ส่วนเน้ือเรื่อง ประกอบดว้ ย ๑) บทนา บอกความเป็นมา ความสาคญั ของโครงงาน บอกเหตุผล หรือเหตุจูงใจในการเลือกหวั ขอ้ โครงงาน ๒) วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน ๓) สมมติฐานของการศกึ ษาคน้ ควา้ ๔) การดาเนินงาน อาจเขียนเป็นตาราง แผนผงั โครงงานเพื่อใหก้ ารดาเนินงานเป็นไปตามหวั ขอ้ เรื่อง ตรง ตามวตั ถุประสงคข์ องโครงงาน และพสิ ูจน์คาตอบ (สมมตฐิ าน) ตามประเดน็ ท่ีกาหนด ดงั ตวั อยา่ งการเขียนแผนผงั โครงงานต่อไปน้ี ในแผนผงั โครงงานทาใหเ้ ห็นระบบการทางานอยา่ งมเี ป้าหมาย มีการวางแผนการทางาน จะเห็นไดว้ า่ ส่ิงที่ ตอ้ งการทราบ คือ หวั ขอ้ ยอ่ ย หรือคาถามยอ่ ยของหวั ขอ้ โครงงาน ถา้ มมี าก ๑ ขอ้ กจ็ ะเรียงลาดบั ทีละหวั ขอ้ พร้อมท้งั บอก สมมติฐาน วธิ ีศึกษา และแหลง่ ศกึ ษาคน้ ควา้ ตามแผนผงั ใหค้ รบทุกขอ้ ส่ิงท่ีตอ้ งการทราบ สมมติฐาน วิธีการศกึ ษา แหลง่ ศึกษา/แหล่งขอ้ มูล หวั ขอ้ ยอ่ ยจากหวั ขอ้ เร่ืองของโครงงานที่ตอ้ งการหาคาตอบ การตอบคาถามลว่ งหนา้ คน้ ควา้ สอบถาม สมั ภาษณ์ สงั เกต ศึกษาโดยการดู-ฟัง จากสื่อชนิดต่างๆ - เอกสาร หนงั สือ - สถานท่ี บุคคล

๕) สรุปผลการศกึ ษา เป็นการอธิบายคาตอบที่ไดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ ตามหวั ขอ้ ยอ่ ยที่ตอ้ งการทราบ ว่า เป็ นไปตามสมมติฐานหรื อไม่ ๖) อภิปรายผล บอกประโยชน์ หรือคุณค่าของผลงานที่ได้ และบอกขอ้ จากดั หรือปัญหา อุปสรรค (ถา้ มี) พร้อมท้งั บอกขอ้ เสนอแนะในการศกึ ษาคน้ ควา้ โครงงานลกั ษณะใกลเ้ คียงกนั ๓. ส่วนท้าย ส่วนทา้ ย ประกอบดว้ ย ๑) บรรณานุกรม หรือ เอกสารอา้ งอิง หรือเอกสารท่ีใชค้ น้ ควา้ ซ่ึงมหี ลายประเภท เช่น หนงั สือ ตารา บทความ หรือคอลมั น์ ซ่ึงจะมีวธิ ีการเขียนบรรณานุกรมต่างกนั เช่น หนงั สือ ชื่อ นามสกลุ . ชื่อหนงั สือ. สถานที่พมิ พ์ : สานกั พมิ พ,์ ปี ท่ีพมิ พ์ บทความในวารสาร ช่ือผเู้ ขียน \"ชื่อบทความ,\" ชื่อวารสาร. ปี ท่ีหรือเล่มท่ี : หนา้ ;วนั เดือน ปี . คอลมั น์จากหนงั สือพิมพ์ ์์ช่ือผเู้ ขียน \"ช่ือคอลมั น์ : ช่ือเร่ืองในคอลมั น์\" ชื่อหนงั สือพมิ พ.์ วนั เดือน ปี . หนา้ . ๒) ภาคผนวก เชน่ โครงร่างโครงงาน ภาพกจิ กรรม แบบสอบถาม บทสมั ภาษณ์

การพมิ พ์เอกสารโครงงาน - กระดาษที่ใชพ้ ิมพ์ เป็นกระดาษ A4 สีขาว ชนิด 80 แกรม และพมิ พแ์ บบหนา้ เดียว (เหมอื นกนั ท้งั เลม่ ) การเว้นระยะการพมิ พ์ - การยอ่ หนา้ ใหเ้ วน้ ระยะตวั อกั ษร 1 TAB (ประมาณคร่ึงนิ้ว) การเว้นระยะห่างจากริมกระดาษ 1. ดา้ นบนใหเ้ วน้ ระยะห่างจากขอบกระดาษ 1 นิ้ว 2. ดา้ นซา้ ยมือใหเ้ วน้ ระยะห่างจากขอบกระดาษ 1.5 นิ้ว 3. ดา้ นขวามอื ใหเ้ วน้ ระยะห่างจากขอบกระดาษ 1 น้ิว 4. ดา้ นล่างใหเ้ วน้ ระยะห่างจากขอบกระดาษ 1 น้ิว การแบ่งบท หวั ข้อใหญ่ และหัวข้อย่อย 1. บทที่ ใหพ้ มิ พอ์ ยกู่ ่ึงกลางหนา้ กระดาษ ใชต้ วั อกั ษรขนาด 18 พอยท์ 2. ชื่อเร่ืองประจาบท พิมพอ์ ยกู่ ่ึงกลางหนา้ กระดาษ ใชต้ วั อกั ษรขนาด 20 พอยท์ หนา ก่อนพมิ บ์ รรทดั ถดั ไปให้ เวน้ 1 บรรทดั 3. หวั ขอ้ ใหญ่ คือหวั ขอ้ ที่ไม่ใช่ชื่อเร่ืองประจาบท ใหพ้ มิ พช์ ิดขอบซา้ ยและใส่หมายเลขประจาบทตามตวั ดว้ ย เคร่ืองหมายมหพั ภาค (.) และตามดว้ ยเลขลาดบั ของหวั ขอ้ และเวน้ 2 ตวั อกั ษร ตามดว้ ยช่ือหวั ขอ้ โดยพิมพ์ ตวั อกั ษร ขนาด 16 พอยท์ ตวั เขม้ ซ่ึงพมิ พเ์ วน้ ระยะจากบรรทดั บน 1 บรรทดั 4. หวั ขอ้ ยอ่ ย คือหวั ขอ้ ท่ีแบ่งจากหวั ขอ้ ใหญ่ใหพ้ ิมพเ์ วน้ จากขอบซา้ ย 1 TAB ตามดว้ ยเครื่องหมาย (.) และ ตามดว้ ยเลขลาดบั ของหวั ขอ้ ยอ่ ย และเวน้ 2 ตวั อกั ษร แลว้ ตามดว้ ยชื่อหวั ขอ้ น้นั ใหพ้ มิ พต์ วั เขม้ ขนาด 16 พอยท์ ส่วนเน้ือเร่ืองใหพ้ มิ พข์ นาด 16 พอยท์ การพมิ พ์ตาราง ใหแ้ ทรกในแต่ละบทของเน้ือเร่ือง โดยเวน้ 1 บรรทดั ก่อน ส่วนขอ้ ความประกอบตารางใหเ้ วน้ 1 บรรทดั ก่อน พมิ พค์ าวา่ ตารางท่ี (เวน้ 2 ตวั อกั ษร) ตามดว้ ยตวั เลข (หมายเลขบท) ตามดว้ ยจุด (.) ตามดว้ ยลาดบั ตาราง และตามดว้ ย ช่ือตาราง ใชต้ วั อกั ษรขนาด 16 พอยท์ ตวั เขม้ และเวน้ อีก 1 บรรทดั เพื่อพมิ พข์ อ้ ความต่อไป ดงั ตวั อยา่ ง ตารางที่ 3.1 ตารางแสดง...................................

การพมิ พ์รูปภาพ ใหแ้ ทรกในแต่ละบทของเน้ือเรื่อง โดยเวน้ 1 บรรทดั ก่อน ส่วนขอ้ ความประกอบรูปภาพใหเ้ วน้ 1 บรรทดั ก่อน พมิ พค์ าวา่ ภาพที่ (เวน้ 2 ตวั อกั ษร) ตามดว้ ยตวั เลข (หมายเลขบท) ตามดว้ ย (.) ตามดว้ ยลาดบั ภาพ และตามดว้ ยชื่อภาพ ซ่ึงท้งั หมดใชต้ วั อกั ษรขนาด 16 พอยท์ ตวั เขม้ และเวน้ อีก 1 บรรทดั เพื่อพิมพข์ อ้ ความต่อไป ซ่ึงมตี วั อยา่ งดงั น้ี ภาพท่ี 4.1 ภาพแสดงเศษผกั ผลไม้ การพมิ พ์เคร่ืองหมายวรรคตอนสาหรับการพมิ พ์เนือ้ หา เคร่ืองหมาย มหพั ภาพ ( . ) ใหพ้ มิ พ์ เวน้ ระยะ 2 ชว่ งตวั อกั ษร เครื่องหมาย จุลภาค ( , ) ใหพ้ มิ พเ์ วน้ ระยะ 1 ช่วงตวั อกั ษร เครื่องหมาย อฒั ภาค ( ; ) ใหพ้ ิมพเ์ วน้ ระยะ 1 ช่วงตวั อกั ษร เครื่องหมาย มหพั ภาคคู่ ( : ) ใหพ้ มิ พเ์ วน้ ระยะ 1 ช่วงตวั อกั ษร เครื่องหมาบอญั ประกาศ ( “ ”) ใหพ้ มิ พ์ เวน้ ระยะ 1 ช่วงตวั อกั ษร

การเขียนบรรณกุ รม และเอกสารอ้างองิ การเขียนบรรณานุกรม หรือเอกสารอา้ งอิง ใหเ้ ลือกใชร้ ะบบใดระบบหน่ึง ท่ีสอดคลอ้ งกบั วธิ ีการอา้ งองิ กลา่ วคือ ใหใ้ ชบ้ รรณานุกรม ใหก้ รณีที่เอกสารอา้ งอิง มีท่ีมา 5 แหล่งข้ึนไป หรือใหใ้ ชเ้ อกสารอา้ งเอง ในกรณีท่ี แหลง่ ขอ้ มูลไมถ่ ึง 5 แหล่ง หลกั เกณฑ์การเขยี นบรรณานุกรม 1. ใหพ้ ิมพค์ าว่า “บรรณานุกรม” หรือ คาว่า “เอกสารอา้ งองิ ” ไวก้ ลางหนา้ กระดาษ ดว้ ยตวั อกั ษรขนาด 24 พอยทต์ วั เขม้ 2. ใหเ้ รียงรายการอา้ งองิ ท้งั หมดไวด้ ว้ ยกนั โดยเรียงลาดบั ตามตวั อกั ษรแรกของรายการท่ีอา้ งองิ โดยยดึ วิธีการ เรียงตามพจนานุกรม 3. โครงงานที่เขียนดว้ ยภาษาไทย ใหเ้ รียงลาดบั รายการบรรณานุกรมภาษาไทยไวก้ ่อน แลว้ จึงตามดว้ ยรายการ บรรณานุกรมภาษาองั กฤษ 4. เร่ิมพิมพร์ ายการบรรณานุกรมชิดขอบหนา้ กระดาษดา้ นซา้ ยมอื ถา้ พิมพไ์ ม่หมดในหน่ึงบรรทดั ใหข้ ้ึน บรรทดั ใหม่โดยยอ่ หนา้ เขา้ ไป 7 ช่วงตวั อกั ษร หรือ 1 TAB เร่ิมพมิ พต์ วั อกั ษรท่ี 8 ถา้ ไม่จบใน 2 บรรทดั ข้ึนบรรทดั ท่ี 3-4 ใหต้ รงกบั บรรทดั ที่ 2 จนจบรายการ เมือ่ เร่ิมรายการใหม่ ก็ใหช้ ิดขอบกระดาษดา้ นซา้ ย เช่นเดิม โดยไมต่ อ้ งเวน้ บรรทดั หลกั การเขยี นเอกสารอ้างองิ 1. ใหพ้ ิมพ์ คาว่า “เอกสารอา้ งองิ ” ไวก้ ลางหนา้ กระดาษดว้ ยตวั อกั ษรขนาด 24 พอยท์ ตวั เขม้ 2. ใหเ้ รียงลาดบั การอา้ งอิงตามลาดบั หมายเลขที่กากบั ไวใ้ นวงเลบ็ ท่ีไดอ้ า้ งถงึ ในเน้ือหาของโครงงาน 3. ไมต่ อ้ งแยกภาษา และประเภทของเอกสาร 4. พมิ พห์ มายเลขของทุกรายการชิดขอบหนา้ กระดาษดา้ นซา้ ย ถา้ พมิ พไ์ ม่หมดใน 1 บรรทดั ใหข้ ้ึนบรรทดั ใหม่ โดยทาเหมือนกบั การพิมพบ์ รรณานุกรม

ตวั อย่างการเขยี นบรรณานุกรม และ หนงั สืออ้างองิ รูปแบบการเขยี น ผแู้ ต่ง.//ปี พ.ศ.ท่ีพมิ พ.์ //ช่ือหนงั สือ./เลม่ ที่.(ถา้ มี)//คร้ังท่ีพมิ พ.์ (ถา้ มี)//เมืองท่ีพิมพ/์ ://สานกั พิมพ.์ เกษม จนั ทร์แกว้ . 2526. การจดั การทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม. กรุงเทพฯ. : มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. กรณไี ม่มชี ื่อผู้แต่ง . การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม. กรุงเทพฯ. : วงั อกั ษร. รูปแบบการเขยี นอ้างองิ ส่ืออเิ ลคทรอนกิ ส์ (ออนไลน์) ชื่อผแู้ ต่ง.//(วนั เดือนปี ที่สืบคน้ ).//ช่ือเร่ือง.//แหลง่ ที่มา (เวป็ ไซต)์ นคร วงศอ์ นิ ทร์. (16 ธนั วาคม 2553). ภาวะโลกร้อน. http://www.nacron.ac.th . (16 ธนั วาคม 2553). ภาวะโลกร้อน. http://www.nacron.ac.th

ส่วนประกอบของโครงงานวชิ าบัญชีตว๋ั เงิน ส่วนท่ี 1 ส่วนต้น ประกอบด้วย 1. สนั ปก (ใชส้ นั รูด ตามสีปก ) 2. ปกนอก เป็นกระดาษปกสีพ้นื ไม่มลี วดลาย มแี ผน่ พลาสติกอยดู่ า้ นหนา้ ปก – หลงั ปก ข้อความส่วนบน ประกอบดว้ ย ชื่อโครงงาน พมิ พดว้ ย AngsanaUPC ตวั พมิ พส์ ีดาขนาด 20 พอยท์ เขม้ ข้อความส่วนกลาง ประกอบดว้ ย ช่ือ และนามสกลุ ของผเู้ ขยี นภาษาไทย พมิ พด์ ว้ ย AngsanaUPC ตวั พิมพส์ ีดาขนาด 20 พอยท์ เขม้ ข้อความส่วนล่าง ประกอบดว้ ย ขอ้ ความดงั น้ี รายงานโครงงานนี้เป็ นส่วนหน่ึงในรายวิชา บัญชีตว๋ั เงิน ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2553 โรงเรียนดสุ ิตพณิชยการ ขอ้ ความพิมพด์ ว้ ย AngsanaNew ตวั พิมพส์ ีดาขนาด 20 พอยท์ หนา 3. ปกใน (ขอ้ ความเหมอื นกบั ปกนอก เป็นกระดาษที่ใชพ้ ิมพง์ านปกติ) 4. กระดาษรองปก (เป็นกระดาษเปล่า) 5. บทคดั ยอ่ (หนา้ ก ) 6. กิตติกรรมประกาศ ( หนา้ ข ) 7. สารบญั ( หนา้ ค ) ส่วนที่ 2 ส่วนกลาง ประกอบด้วย 1. บทที่ 1 บทนา 2. บทที่ 2 ทฤษฏีและเอกสารท่ีเก่ียวขอ้ ง 3. บทที่ 3 วิธีการดาเนินงาน 4. บทท่ี 4 ผลการศกึ ษา 5. บทที่ 5 สรุปผลและขอ้ เสนอแนะ ส่วนท่ี 3 ส่วนท้าย ประกอบด้วย 1. บรรณานุกรม หรือ เอกสารอา้ งองิ 2. ภาคผนวก ประกอบดว้ ย รูปภาพการปฏบิ ตั ิงาน เอกสาร Power point การนาเสนอโครงงาน แผน่ CD บนั ทึกขอ้ มูล รายงานโครงงาน เป็น File Word และ Power point การ นาเสนอโครงงาน ( 1 แผน่ ต่อ 1 เลม่ )

วธิ ีการเขยี นบทคดั ย่อ ในรายงานโครงงานแต่ละเล่ม จาเป็นตอ้ งมบี ทคดั ยอ่ เพือ่ สะดวกในการเขา้ ใจถึงเน้ือหาสาคญั ของงานวจิ ยั หรือ โครงงาน โดยบทคดั ยอ่ มกั จะเขียนกนั ในหนา้ เดียว บทคดั ยอ่ คือสาระสงั เขป หมายถงึ เขียนขอ้ สรุปความของรายงานหรือ บทความอยา่ งกระทดั รัดชดั เจนโดยมใี จความครอบคลุมเน้ือหาสาคยั ท้งั หมด วิธีการเขียนบทคดั ยอ่ เขียนติดต่อกนั เป็น หนา้ เดียวมมี ีหวั ขอ้ มคี วามยาวไม่เกนิ 1 หนา้ กระดาษ วธิ ีการเขยี นกติ ตกิ รรมประกาศ ใหก้ ลา่ วขอบคุณโดยมชี ่ือบุคคลที่มีส่วนร่วมใหค้ วามช่วยเหลือจนโครงงานสาเร็จลงไดด้ ว้ ยดี ซ่ึงไดแ้ ก่ อาจารยผ์ ู้ ควบคุมโครงงาน และผรู้ ่วมมือใหข้ อ้ มลู รวมท้งั แหล่งทุน สารบัญ เป็นรายการแสดงเลขหนา้ ตามลาดบั ความสาคญั ในโครงงาน

บทท่ี 1 บทนา ............................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ 1.1 ความเป็ นมาและความสาคญั ของโครงงาน จะเขียนในลกั ษณะการกลา่ วถงึ สาเหตุความเป็นมาของการที่จะทาดครงงานในคร้ังน้ี โดยการกล่าวถึง จุดที่น่าสนใจในการจดั ทาดครงงาน ความสาคญั ของปัญหาที่เกิดข้ึน ทาแลว้ ไดป้ ระโยชนใ์ นดา้ นใด ถา้ ไมท่ าจะเกิดอะไร ข้ึนต่อไป 1.2 วตั ถุประสงค์ของโครงงาน จะเขียนในลกั ษณะการกล่าวถงึ จุดมุง่ หมายของการทาโครงงานในคร้ังน้ีวา่ ตอ้ งการศกึ ษาเร่ืองอะไร มีเป้าหมาย อยา่ งไร โดยสรุปมกั จะข้นึ ตน้ ดว้ ยคาว่า “ เพื่อ ” ซ่ึงจะมขี อ้ ควรคานึงถงึ ดงั น้ี (เขียน 3-5 ขอ้ ) เช่น 1.21 เพือ่ ศกึ ษาการเกิดน้าเน่าเสียในชุมชนยา่ นอนุสาวรียช์ ยั สมรภูมิ 1.2.2 เพ่ือศึกษาและทาน้าหมกั ชวี ภาพ 1.2.3 เพอ่ื ลดปัญหาน้าเน่าเสียในชุมชนยา่ นอนุสาวรียช์ ยั สมรภูมิ 1.2.4 เพื่อแกป้ ัญหามลภาวะทางน้า ในชุมชนยา่ นอนุสาวรียช์ ยั สมรภูมิ 1.3 สมมตฐิ าน (โครงงานศึกษา ไม่มสี มมตฐิ าน) ตวั แปรต้น ตวั แปรตาม น้าหมกั ชีวภาพ ทาใหน้ ้าปรับสภาพอยใู่ นเกณฑด์ ี และลดกลิน่ เหมน็

1.4 ขอบเขตของโครงงาน จะเขียนในลกั ษณะการกลา่ วถึงขอบเขตของโครงงานในการจดั ทาคร้ังน้ีว่ากวา้ งหรือแคบเพียงใด โดยเขียนให้ สอดคลอ้ ง และจะตอ้ งครอบคลมุ กบั วตั ถปุ ระสงคท์ ่ีกาหนดไวแ้ ลว้ ดงั ตวั อยา่ ง 1.4.1 การเกิดน้าเน่าเสียในเขตชุมชนยา่ นอนุสาวรียช์ ยั สมรภูมิ 1.4.2 ทดลองทาน้าหมกั ชีวภาพ 1.4.3 ลดปัญหาน้าเน่าเสียในเขตชุมชนยา่ นอนุสาวรีย์ 1.4.4 ทดลองใชน้ ้าหมกั ชีวภาพ ปรับสภาพน้าใหอ้ ยใู่ นสภาพที่ดี ในชุมชนอนุสาวรียช์ ยั สมรภูมิ 1.5 ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะได้รับ จะเขียนในลกั ษณะการกล่าวถงึ ความคาดหมายที่ผจู้ ดั ทาโครงงานตอ้ งการจะใหเ้ กิดข้ึนต่อไป หลงั จากศึกษา ขอ้ มูล/ ทดลอง /สารวจ /ประดิษฐ์ โดยจะตอ้ งมคี วามสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ องโครงงานท่ีไดก้ าหนดไวใ้ นเบ้ืองตน้ ซ่ึงจะเกี่ยวกบั ประโยชน์ต่าง ๆ ของการจดั ทาโครงงานคร้ังน้ี โดยมตี วั อยา่ งดงั น้ี 1.5.1 ไดศ้ กึ ษาการเกิดน้าเน่าเสียในเขตชุมชนยา่ นอนุสาวรียช์ ยั สมรภูมิ 1.5.2 ไดศ้ ึกษาการทาน้าหมกั ชีวภาพ และทดลองทาน้าหมกั ชีวภาพ 1.5.3 ไดน้ าน้าหมกั ชีวภาพไปทดลองใชป้ รับสภาพน้าเน่าเสียในเขตชุมชนยา่ นอนุสาวรียช์ ยั สมรภูมิ 1.5.4 สามารถปรับสภาพน้าเน่าเสียลดมลภาวะในเขตชุมชนยา่ นอนุสาวรียช์ ยั สมรภูมไิ ด้ 1.6 นยิ ามศัพท์เฉพาะ จะเขียนในลกั ษณะของการกล่าวถงึ คาศพั ทเ์ ฉพาะในโครงงานท่ีศกึ ษา โดยตอ้ งการจะอธิบายใหม้ คี วามละเอยี ด และชดั เจน โดยมตี วั อยา่ ง เช่น 1.6.1 น้าหมกั ชีวภาพ หมายถึง ....................................................................................................................... 1.6.2 น้าเสีย หมายถึง ................................................................................................................................... 16.3 ชุมชนยา่ นอนุสาวรีย์ หมายถึง .............................................................................................................. ฯลฯ

บทท่ี 2 ทฤษฏี และเอกสารทเ่ี ก่ียวข้อง นกั ศกึ ษาตอ้ งไปคน้ ควา้ เรียบเรียง รวบรวบทฤษฏี ขอ้ มูล หลกั การทางวิชาการที่ถูกตอ้ ง และใชเ้ ป็นหลกั วชิ าการ ในการอา้ งองิ โดยนาทฤษฎีและเอกสารที่เกี่ยวขอ้ งมาสรุป บรรยายไว้ ตามหวั ขอ้ และราบละเอียดที่เก่ียวขอ้ งที่ นกั ศกึ ษา ไดท้ าโครงงาน เช่น ขอ้ มลู เก่ียวเขตชุมชนยา่ นอนุสาวรีย์ น้าหมกั ชีวภาพ มลภาวะ น้าเน่า น้าเสีย (ในบทท่ี 2 นี้ จะมเี นื้อหา ข้อมลู มากท่ีสุด และไม่ควรอ้างองิ เอกสารจากอนิ เตอร์เน็ต หากไม่มคี วามจาเป็ น)

บที่ 3 วิธีการดาเนินงาน 3.1 ข้ันตอนการดาเนนิ งาน จะเขียนในลกั ษณะการกล่าวถงึ ข้นั ตอนดาเนินงานต่าง ๆ ที่ผจู้ ดั ทาโครงงานไดด้ าเนินโครงงานไปท้งั หมด ซ่ึงจะ เขียนถึงการดาเนินงานเป็นข้นั เป็นตอนตามลาดบั 3.1.1 นาเสนอหวั ขอ้ โครงงาน 3.1.2 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู เพ่ือตดั สินใจเลือกหวั ขอ้ โครงงาน 3.1.3 การเลอื กหวั ขอ้ โครงงาน และนาเสนอหวั ขอ้ โครงงานกบั อาจารยท์ ่ีปรึกษา 3.1.4 อาจารยท์ ่ีปรึกษาอนุมตั ิหวั ขอ้ โครงงาน 3.1.5 การนาเสนอเคา้ โครงโครงงาน 3.1.6 การรวบรวมขอ้ มูล 3.1.7 การดาเนินงานตามโครงงาน 3.1.8 การจดั ทาร่างรูปเล่มโครงงาน 3.1.9 การนาเสนอร่างรูปเล่มโครงงาน 3.1.10 การจดั ทาเล่มโครงงานฉบบั สมบูรณ์

3.2 ตารางระยะเวลาการดาเนนิ งาน วนั /เดือน/ปี กจิ กรรมทปี่ ฏิบัติ สถานท่ีทากจิ กรรม ผู้รับผดิ ชอบ นาเสนอหวั ขอ้ โครงงาน การวิเคราะหข์ อ้ มลู เพ่อื ตดั สินใจเลอื กหวั ขอ้ โครงงาน การเลือกหวั ขอ้ โครงงาน และนาเสนอหวั ขอ้ โครงงานกบั อาจารยท์ ่ีปรึกษา อาจารยท์ ่ีปรึกษาอนุมตั ิหวั ขอ้ โครงงาน การนาเสนอเคา้ โครงโครงงาน การรวบรวมขอ้ มูล การดาเนินงานตามโครงงาน การจดั ทาร่างรูปเล่มโครงงาน การนาเสนอร่างรูปเล่มโครงงาน การจดั ทาเลม่ โครงงานฉบบั สมบูรณ์

3.3 วธิ กี ารดาเนนิ งานตามโครงงาน (อธิบายวธิ ีการ ขบวนการในการจดั ทาโครงงาน) 3.3.1 เคร่ืองมือและวสั ดุอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการทาโครงงาน อุปกรณ์ 1) ................................................... 2) .................................................. 3) .................................................. 4) ................................................. วสั ดุ 1) .................................................... 2) ................................................... 3) ................................................... 4) ................................................... 3.3.2 วิธีการศกึ ษา / การดาเนินโครงงาน 1. ศกึ ษาจากแหลง่ เรียนรู้............................................................................................................. 2. ศึกษาจากวิทยากร ................................................................................................................. 3. ศกึ ษาจากเอกสารอา้ งอิง และคาบอกเล่าของผรู้ ู้ ................................................................... 4. ประเดน็ การศึกษา / การทดลอง (บอกอธิบายเป็นข้นั ๆ)

บทที่ 4 ผลการศกึ ษา / ผลการทดลอง ใหน้ าขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการศกึ า / ทดลอง / ประดิษฐ์ คน้ ควา้ มาเขียนอธิบาย โดยเรียบเรียงลาดบั หวั ขอ้ ตาม วตั ถปุ ระสงคท์ ่ีต้งั ไว้ อยา่ งละเอยี ด

บทท่ี 5 สรุปผล และข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผล จะเขียนในลกั ษณะการกลา่ วถึงการสรุปผลของการดาเนินงานการจดั ทาโครงงานวา่ เป็นอยา่ งไรบา้ ง (สรุปเป็น ขอ้ ๆ) โดยใหส้ อดคลอ้ งกบั วถั ุประสงค์ และอภิปรายผลของโครงงานสอดคลอ้ งกบั การเรียนวชิ า ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ มและ เทคโนโลยี อยา่ งไร 5.1.1 ……………………………………………………………………………………. 5.1.2 ……………………………………………………………………………………. 5.1.3……………………………………………………………………………………… 5.1.4 …………………………………………………………………………………….. 5.2 ข้อเสนอแนะ จะเขียนในลกั ษณะการกล่าวถงึ การเสนอแนะวา่ ควรนาผลของโครงงานไปใชอ้ ยา่ งไร ลกั ษณะใด เพือ่ อะไร หรือ พฒั นาต่อไปในดา้ นใด (โดยเขียนเป็นขอ้ ๆ ) 5.3 อปุ สรรค และปัญหาที่พบในการปฏิบตั งิ าน จะเขียนอธิบายปัญหา และอุปสรรคในการปฏบิ ตั ิงาน และเขียนเป็นขอ้ ๆ โดยเป็นปัญหา ที่เก่ียวกบั สถานท่ี แหล่งขอ้ มูล ท่ีไมใ่ ช่ปัญหาส่วนตวั 5.4 แนวทางและวธิ กี ารแก้ไขปัญหา นกั ศกึ ษา เขยี นแนวทางหรือวิธีการแกไ้ ขปัญหา เป็นขอ้ ๆ

บรรณานุกรม

ภาคผนวก 1. รูปภาพการปฏิบตั ิงาน (ใชก้ าร Scan ภาพ และเขียนอธิบายภาพวา่ กาลงั ทาอะไร) 2. เอกสาร Power Point การนาเสนอ 3. แผน่ CD บนั ทึกขอ้ มูลโครงงาน 1 แผน่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook