INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 149 ตนเอง ประเด็นการร่วมคิด ร่วมท�ำ และร่วมรับผิดชอบ พระสงฆ์มีการผลักดัน ใหง้ านดา้ นวฒั นธรรมไทยเกดิ ขนึ้ ในพนื้ ทท่ี กุ ปี การจดั งานทกุ ครงั้ พระสงฆจ์ ะเขา้ รว่ ม รบั ผดิ ชอบรว่ มกบั องคก์ รตา่ งๆ หลายองคก์ ร เพอ่ื รว่ มคดิ รว่ มวางแผน เชน่ การเตรยี ม พ้ืนท่ีวัดเพ่ือจัดงานการเตรียมคนมาช่วยงาน สอดคล้องกับแนวคิดของนพดล เหลา่ กอ (2549 : 1) ทเี่ ห็นว่าการเสริมสร้างความเขม้ แขง็ ของชมุ ชนต้องกระตนุ้ และ สร้างกระบวนการท�ำงานแบบมีส่วนร่วม รวมท้ังการสร้างสภาพแวดล้อมให้ชุมชน ร่วมกันคิด ร่วมกันท�ำ มีการเรียนรู้เพ่ือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน วางแผนให้สนอง ความต้องการของชุมชน ตลอดจนสร้างประชาคม ประเด็นการสร้างเป้าหมายและค�ำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม พระสงฆ์ เช้ือสายสยามมีวธิ ีขับเคล่อื นและสรา้ งกลไกดา้ นวฒั นธรรมไทย โดยวางแผนจดั งาน ด้านวฒั นธรรมไทยทวี่ ัดเท่าน้ัน ไม่ให้กระทบกบั คนตา่ งศาสนา ให้วดั เป็นศนู ย์กลาง การเผยแผ่พระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทย เพื่อก่อประโยชน์แก่สาธารณชน สอดคลอ้ งกบั ขอ้ เสนอของคณะอนกุ รรมการเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ชมุ ชนเพอ่ื แกไ้ ข ปญั หาวกิ ฤตภาคใต้ (2546 : 60) ที่ว่า ชมุ ชนเข้มแขง็ ต้องมแี ผนของชมุ ชนท่ปี ระกอบ ด้วยการพัฒนาทุกๆ ด้านของชุมชนท่ีมุ่งการพึ่งตนเอง เอื้อประโยชน์ต่อสมาชิก ทุกๆ คน และมุ่งหวังการพัฒนาชุมชนท่ียั่งยืน สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมประเมิน สถานการณ์ ก�ำหนดวิสัยทัศน์ ร่วมคิดตัดสินใจ ด�ำเนินงาน ติดตามและประเมิน ผลการแก้ปัญหาและการพัฒนาผ่านกระบวนการชุมชน ประเด็นการเรียนรู้และ การสบื สานวฒั นธรรมไทย พระสงฆเ์ ชอ้ื สายสยามมกี ารเรยี นรแู้ ละสบื สานวฒั นธรรมไทย โดยศกึ ษาจากการอา่ นหนงั สอื และตำ� ราเกย่ี วกบั วฒั นธรรมไทย เรยี นรจู้ ากบรรพชน ในอดีต จากนั้นก็มีการน�ำมาเผยแพร่ในรูปแบบต่างๆ ให้กับชาวสยาม สอดคล้อง กับแนวคิดของสัญญา สัญญาวิวัฒน์ (2541 : 11) ที่ได้กล่าวถึงชุมชนเข้มแข็งว่า ควรเปน็ ชมุ ชนแหง่ การเรยี นรู้ ชมุ ชนมกี ารเพม่ิ พนู ความรอู้ ยา่ งสมำ่� เสมอ เปน็ ชมุ ชน ทม่ี กี ารจดั การตนเอง เชน่ เดยี วกบั อทุ ยั ดลุ ยเกษม และอรศรี งามวทิ ยาพงศ์ (2540 : 9 –10) ทเี่ หน็ วา่ เงือ่ นไขทท่ี ำ� ใหช้ ุมชนท้องถ่นิ เขม้ แขง็ คอื กระบวนการเรยี นรเู้ พ่ือชีวิต กระบวนการเรียนรู้ท้องถิ่น การสืบสานภูมิปัญญาดั้งเดิมจากครอบครัว วัด สถานประกอบการ โดยการสังเกต ฟัง ถาม ทดลองทํา แลกเปล่ียนความคิดเห็น ทจี่ ะช่วยให้เกิดเรยี นรูแ้ ละเกดิ ผลทางปฏิบัติ
150 ปที ี่ 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2564 ประเดน็ การสรา้ งเครอื ขา่ ยทางศาสนาและวฒั นธรรม พระสงฆเ์ ชอื้ สายสยาม มีการสร้างเครือข่ายการส่งเสริมวัฒนธรรมไทย ผ่านหน่วยงานต่างๆ หลายองค์กร เช่น สมาคมคนสยามในรัฐกลันตัน มูลนิธิพระวิเชียรโมลีจังหวัดสงขลา มูลนิธิการ สง่ เสรมิ การเรยี นการสอนภาษาไทยรฐั กลนั ตนั เจา้ คณะรฐั กลนั ตนั การสรา้ งเครอื ขา่ ย ทางศาสนาก็เพื่อต้องการสร้างความร่วมมือทางวัฒนธรรมให้มากท่ีสุด สอดคล้อง กับแนวคิดของคณะอนกุ รรมการเสรมิ สรา้ งความเข้มแข็งของชมุ ชนเพ่อื แกไ้ ขปัญหา วกิ ฤตภาคใต้ (2546 : 60) ท่กี ล่าวถงึ ชมุ ชนเข้มแขง็ ว่า ลกั ษณะสําคัญคือมเี ครือข่าย ความรว่ มมือกบั ภาคกี ารพฒั นา อาจเป็นหมู่บา้ นชมุ ชนอื่นๆ ทอ้ งถิน่ ภาคราชการ องคก์ รเอกชน นักธรุ กจิ นกั วชิ าการ และอื่นๆ ประเด็นการสร้างผู้นำ� ทางวฒั นธรรม พระสงฆ์เช้ือสายสยามมีกลไกเสริมสร้างผู้น�ำทางวัฒนธรรม เพื่อคัดเลือกเข้ามา ร่วมมือท�ำงานและเป็นหัวหน้างานทางวัฒนธรรมโดยเฉพาะผู้มีศีลธรรมอันดี สอดคลอ้ งกบั แนวทางของคณะอนกุ รรมการเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ชมุ ชนเพอื่ แกไ้ ข ปญั หาวกิ ฤตภาคใต้ ทเ่ี หน็ วา่ ชมุ ชนเขม้ แขง็ ขนึ้ กบั การเสรมิ สรา้ งผนู้ ำ� การเปลย่ี นแปลง ท่หี ลากหลายของชมุ ชนและสืบทอดกนั มา เช่นเดยี วกบั อุทัย ดลุ ยเกษม และอรศรี งามวิทยาพงศ์ (2540 : 9–10) ทพ่ี บวา่ เง่อื นไขท�ำให้ชุมชนเขม้ แขง็ ต้องมีผนู้ ําชมุ ชน โดยเนน้ ความสำ� คญั ของผนู้ ำ� ธรรมชาติ กลา่ วคอื ตอ้ งเปน็ ผปู้ ระพฤตติ นในกรอบของ ศีลธรรม การเปน็ ผตู้ อ่ สูเ้ พอื่ ชุมชนควรเปน็ ผู้ทรงความรู้ สรปุ จากผลการศึกษาพอสรุปได้ว่า รัฐกลันตันแม้เป็นรัฐจารีตอิสลาม มีการ ปกครองด้วยใช้นิติบัญญัติแห่งอิสลาม หากแต่พระสงฆ์เชื้อสายสยามยังสามารถ บำ� รงุ รกั ษาพระพทุ ธศาสนาไวไ้ ดอ้ ยา่ งเขม้ แขง็ ซง่ึ ความเขม้ แขง็ นนั้ เกดิ จากแรงศรทั ธา ของชาวสยามประการหนง่ึ มาจากนโยบายรฐั ทม่ี ไิ ดก้ ดี กนั วฒั นธรรมของคนกลมุ่ นอ้ ย เพียงแต่อย่าให้กระทบคนท่ีนับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งมีอยู่จ�ำนวนมาก ที่ส�ำคัญ มาจากแรงสนับสนุนขององค์กรพุทธศาสนาในประเทศไทย พระสงฆ์เช้ือสายสยาม แม้มีบทบาทต่อการส่งเสริมวัฒนธรรมไทย แต่จะท�ำไม่ส�ำเร็จหากปราศจากความ ร่วมมือของผู้น�ำชุมชน เจ้าหน้าที่รัฐมุสลิมท่ีเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่ เท่าเทียม การเสริมสร้างความเข้มแข็งอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทยของพระสงฆ์ เชอ้ื สายสยามภายใตป้ ระเทศมสุ ลมิ จงึ มนี ยั ยะของการดำ� เนนิ นโยบายพหวุ ฒั นธรรม
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 151 ของประเทศมาเลเซีย ท่ียอมรับความแตกต่างของผู้อ่ืนในลักษณะท่ีเสมอภาค ซงึ่ เทา่ กบั เปน็ การเพม่ิ โอกาสในการปรบั อตั ลกั ษณท์ างวฒั นธรรมของกลมุ่ ชาตพิ นั ธไ์ุ ทย ข้อเสนอแนะ 1. พระสงฆ์และแกนนําชุมชน มีบทบาทสําคัญต่อการเสริมสร้างความ เข้มแข็งของอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทย จึงควรมีการศึกษาคุณลักษณะและศักยภาพ ของพระสงฆ์ใน การสง่ เสรมิ และพัฒนาชมุ ชนใหเ้ กดิ ความเขม้ แข็งอยา่ งย่งั ยนื ตอ่ ไป 2. ภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นรากฐานท่ีสําคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ของชุมชน ควรมีการศึกษาการพัฒนาตัวช้ีวัดความเข้มแข็งของชุมชนที่เหมาะสม กับสภาพพืน้ ท่แี ละบริบทเฉพาะแห่ง ด้วยความรว่ มมอื จากผมู้ สี ่วนไดเ้ สยี ของชมุ ชน อยา่ งแทจ้ ริง เอกสารอา้ งองิ โกวทิ ย์ พวงงาม. (2553). การจดั การตนเองของชมุ ชนและทอ้ งถิ่น. กรงุ เทพฯ : บพธิ การพิมพ.์ คณะกรรมการนโยบายสังคมแห่งชาติ. (2546). โครงการนโยบายสงั คมแหง่ ชาต.ิ กรงุ เทพฯ : สำ� นักนายกรัฐมนตร.ี คณะอนุกรรมการเสรมิ สร้างความเข้มแข็งของชมุ ชนเพือ่ แกไ้ ขปญั หาวกิ ฤตภาคใต.้ (2546). นโยบายสงั คมแหง่ ชาต.ิ กรงุ เทพฯ : สำ� นกั นายกรัฐมนตรี. คนงึ นติ ย์ จันทบตุ ร. (2545). ความสำ� เร็จของการปฏบิ ัตภิ ารกิจของวัด ศึกษากรณี วดั ป่านานาชาติ อำ� เภอตระการพชื ผล จังหวัดอุบลราชธาน.ี (รายงาน ผลการวจิ ยั ). กรงุ เทพฯ : สำ� นกั งานคณะกรรมการศึกษาแหง่ ชาต.ิ จารวุ รรณ ขำ� เพชร. (2555). พนื้ ที่เมอื งและชวี ติ ของคนในเมอื ง ศึกษากรณี ซอยคาวบอย สุขุมวิท 23 กรุงเทพมหานคร. (วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญาดุษฏนี ิพนธ์). กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ. ธิดารัตน์ ทองรนิ ทร์. (2553). การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาในมาเลเซีย. สืบค้นเม่ือ 8 มถิ ุนายน 2553 จาก http://www.blogkru.com.
152 ปีที่ 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564 ธำ� รงศักดิ์ อายวุ ัฒนะ. (2547). ไทยในมาเลเซยี . (พิมพค์ ร้งั ท่ี 2). กรุงเทพฯ : บรรณกิจการพมิ พ.์ นพดล เหล่ากอ. (2549). การพัฒนากระบวนการบริหารจดั การกองทุนของ คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองทหารอากาศ กองบนิ 46. (วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต). พษิ ณโุ ลก : มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎพบิ ูลสงคราม. นภาภรณ์ หะวานนท์. (2550). ดชั นีความเข้มแขง็ ของชุมชน ความกลมกลนื ระหวา่ งทฤษฎฐี านรากกบั ข้อมลู เชิงประจักษ.์ (รายงานผลการวิจัย). กรุงเทพฯ : สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนุนการวจิ ัย. นิพนธ์ ทิพยศ์ รีนิมติ . (2554). ชาวมาเลเซยี เช้อื สายไทยกบั การธ�ำรงไว้ซ่ึงอตั ลักษณ์วฒั นธรรม, วารสารปารชิ าต.ิ 2(24), 1 - 28. พรชยั นาคสีทอง. (2559). ประวัตศิ าสตร์ความทรงจ�ำและอัตลักษณ์ไทย (พทุ ธ) สยามในมาเลเซีย กรณีชุมชนบางแซะ รัฐกลันตนั ประเทศมาเลเซีย, วารสารมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ . 2(10), 1 – 36. พระธรรมปฎิ ก (ป.อ.ปยุตโต). (2552). มองสันติภาพจากโลกผ่านภมู หิ ลงั อารยธรรม โลกาภิวัตน.์ (พมิ พค์ ร้งั ที่ 2). กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พส์ หธรรมกิ จ�ำกัด. พระธรรมวรเมธี (สชุ นิ อัคคฺ ชโิ น). (2550). วดั พัฒนา 50. กรงุ เทพฯ : กองพทุ ธ ศาสนาสถาน ส�ำนกั งานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ. วราภรณ์ ส�ำราญ, จนั ทรจ์ ริ า ศรีสวุ รรณ์, ปาริฉัตต์ หสั นยี ์ และคณะ. (2558). รฐั กลันตันกับวฒั นธรรมทก่ี �ำลงั สวนทาง. สืบคน้ เม่อื 14 มถิ นุ ายน 2563 จาก http://Asian studies2015.word press.com/2015/03/14/. สมพร ขนุ เพชร. (2558). การธำ� รงและพลวตั วิ ัฒนธรรมพทุ ธศาสนาของชาว มาเลเซยี เช้ือสายไทยในรัฐกลนั ตัน ประเทศมาเลเซยี . (วทิ ยานิพนธด์ ุษฎี บัณฑติ ). สงขลา : มหาวิทยาลัยทกั ษณิ . สญั ญา สัญญาวิวฒั น.์ (2541). การพัฒนาชมุ ชนแบบจัดการ. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. อสิ มาเอล โมฮมั หมัดยูโซฟ. (2553). ความอยรู่ อดของวัดสยามในกลันตนั , วารสารรสู ะมิแล. 31(1), 8-18.
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 153 อทุ ัย ดุลยเกษม และอรศรี งามวิทยาพงศ.์ (2540). ระบบการศึกษากบั ชุมชน กรอบความคิดและข้อเสนอเพอ่ื การศกึ ษาวจิ ยั . (รายงานผลการวิจัย). กรงุ เทพฯ : สำ� นักงานกองทนุ สนบั สนุนการวจิ ัย. อุทยั เอกสะพงั . (2555). บทบาทพระสงฆ์ชาวมาเลเซยี เชื้อสายไทยในรัฐทาง ตอนเหนอื ของประเทศมาเลเซีย. (รายงานผลการวจิ ยั ). สงขลา : คณะมนษุ ยศาสตรและสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทกั ษณิ . บุคลานกุ รม เขียบ, นามสมมติ (ผ้ใู ห้สมั ภาษณ์). พระวจิ ักร์ พงษพ์ ันธ์ (ผูส้ มั ภาษณ์). ที่ชุมชนบา้ นใน อำ� เภอตมุ ปตั รฐั กลันตัน ประเทศมาเลเซยี . เม่อื วันที่ 9 มกราคม 2561. จนั , นามสมติ (ผู้ให้สัมภาษณ์). พระวจิ กั ร์ พงษ์พนั ธ์ (ผสู้ มั ภาษณ)์ . ท่บี า้ นบางแซะ อำ� เภอปารเ์ ซมัส รัฐกลนั ตนั ประเทศมาเลเซยี . เมอ่ื วันที่ 8 มกราคม 2561. จิต, นามสมมติ (ผ้ใู หส้ ัมภาษณ์). พระวิจกั ร์ พงษ์พันธ์ (ผ้สู มั ภาษณ)์ . ทีบ่ ้านยุงเกา อำ� ตมุ ปัต รฐั กลันตนั ประเทศมาเลเซีย. เมอ่ื วนั ที่ 9 มกราคม 2561. ตนั เซียง, นามสมมติ (ผใู้ ห้สมั ภาษณ)์ . พระวิจกั ร์ พงษ์พันธ์ (ผูส้ มั ภาษณ์). ท่ชี มุ ชน บา้ นกูลมิ อ�ำเภอปาร์เซมสั รัฐกลนั ตัน ประเทศมาเลเซยี . เมื่อวนั ที่ 9 มกราคม 2561. พระพิพัต, นามสมมติ (ผู้ใหส้ มั ภาษณ์). พระวิจกั ร์ พงษ์พนั ธ์ (ผ้สู ัมภาษณ์). ที่วดั ประชมุ ธาตชุ นาราม บา้ นยุงเกา อ�ำเภอตมุ ปัต รัฐกลันตนั ประเทศมาเลเซยี . เม่อื วันท่ี 10 มกราคม 2561. พระพศิ , นามสมมติ (ผู้ใหส้ มั ภาษณ์). พระวจิ ักร์ พงษ์พนั ธ์ (ผูส้ ัมภาษณ)์ . ท่วี ัดประชาจินาราม บา้ นกลู ิม อ�ำเภอตุมปัต รฐั กลันตนั ประเทศมาเลเซยี . เมือ่ วนั ท่ี 10 มกราคม 2561. พระสุคน, นามสมมติ (ผ้ใู ห้สัมภาษณ)์ . พระวจิ กั ร์ พงษ์พันธ์ (ผูส้ มั ภาษณ)์ . ที่วัดพกิ ุลใหญ่ บา้ นยุงเกา อ�ำเภอตมุ ปัต รัฐกลันตนั ประเทศมาเลเซีย. เมื่อ วันที่ 10 มกราคม 2561.
154 ปีท่ี 16 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2564 พระอดลุ , นามสมมติ (ผใู้ ห้สมั ภาษณ์). พระวิจักร์ พงษ์พันธ์ (ผสู้ มั ภาษณ)์ . ทีว่ ดั โพธิวิหาร บ้านยามู อ�ำเภอตมุ ปตั รฐั กลนั ตัน ประเทศมาเลเซีย. เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2561. สมนึก, นามสมมติ (ผใู้ ห้สัมภาษณ)์ . พระวจิ กั ร์ พงษพ์ ันธ์ (ผสู้ ัมภาษณ)์ . ทบ่ี ้านคลู มิ อำ� เภอตุมปัต รฐั กลันตนั ประเทศมาเลเซีย. เมื่อวันท่ี 7 มกราคม 2561. สมรม, นามสมมติ (ผใู้ หส้ ัมภาษณ์). พระวจิ ักร์ พงษ์พนั ธ์ (ผ้สู ัมภาษณ)์ . ที่วดั มัชฌมิ าราม บ้านยุงเกา อำ� เภอตมุ ปตั รัฐกลนั ตัน ประเทศมาเลเซีย. เม่ือวนั ที่ 9 มกราคม 2561. สอง, นามสมมติ (ผูใ้ ห้สมั ภาษณ)์ . พระวิจักร์ พงษพ์ ันธ์ (ผู้สัมภาษณ)์ . ท่ชี มุ ชน บ้านบางแซะ อำ� เภอปาร์เซมัส รฐั กลันตนั ประเทศมาเลเซยี . เม่อื วนั ที่ 8 มกราคม 2561. สะอม, นามสมมติ (ผู้ให้สัมภาษณ)์ . พระวิจกั ร์ พงษ์พันธ์ (ผู้สมั ภาษณ์). ที่ชุมชนบ้านบงั หญงั อำ� เภอตมุ ปัต รัฐกลันตนั ประเทศมาเลเซยี . เมอื่ วันท่ี 9 มกราคม 2561. อัมพา, นามสมมติ (ผ้ใู หส้ มั ภาษณ์). พระวจิ กั ร์ พงษพ์ ันธ์ (ผู้สัมภาษณ์). ทช่ี ุมชนบา้ นบังหญัง อ�ำเภอตมุ ปตั รฐั กลนั ตนั ประเทศมาเลเซยี . เม่อื วันที่ 9 มกราคม 2561.
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 155 รูปแบบการจดั การตลาดนดั ชุมชนเชงิ วัฒนธรรมเพอื่ การทอ่ งเที่ยว ตำ� บลเขาขาว อำ� เภอละงู จังหวดั สตูล The Model for Managing Cultural Community Flea Market for Tourism Khao Khao Sub-district, La-ngu District, Satun Province รชั ชพงษ์ ชัชวาลย1์ * (Rutchapong Chatchawan)1* ศดานนท์ วัตตธรรม2 (Sadanon Wattatham)2 บทคดั ยอ่ การวจิ ยั นม้ี วี ตั ถปุ ระสงค์ (1) เพอ่ื ศกึ ษาความตอ้ งการของนกั ทอ่ งเทยี่ วในการ จัดตั้งตลาดนัดชุมชนเชิงวัฒนธรรมเพ่ือการท่องเท่ียว (2) เพื่อศึกษาองค์ประกอบ ในการจดั การตลาดนดั ชมุ ชน เชงิ วฒั นธรรมเพอื่ การทอ่ งเทยี่ ว (3) เพอื่ ประเมนิ ศกั ยภาพ ชมุ ชนในการจดั ตง้ั ตลาดนดั ชมุ ชน เชงิ วฒั นธรรมเพอ่ื การทอ่ งเทย่ี ว และ (4) เพอ่ื นำ� เสนอ รปู แบบการจัดการตลาดนดั ชุมชนเชงิ วัฒนธรรมเพ่ือการท่องเท่ยี ว โดยเปน็ การวจิ ัย แบบผสมผสานประกอบด้วยการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ แหล่งข้อมูลได้แก่ นักท่องเท่ียว ประชาชนในพ้ืนที่ และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เครื่องมือเก็บ รวบรวมขอ้ มลู ประกอบดว้ ย แบบสอบถาม แบบสมั ภาษณ์ และการประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ท�ำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยแบบสอบถามใช้สถิติพรรณนาในรูปแบบค่าเฉลี่ยและ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แบบสัมภาษณ์และการประชุมเชิงปฏิบัติการ โดยใช้การ วเิ คราะห์เนอ้ื หา 1* อาจารย์ ดร., หลกั สตู รรฐั ประศาสนศาสตร์ คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สงขลา 90000, อเี มล : [email protected] 2 ผู้ช่วยศาสตราจารย์, หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภฏั สงขลา 90000, อีเมล : [email protected] 1* Lecturer, Dr., Bachelor of Public Administration, Faculty of Humanities and Social Sciences, Songkhla Rajabhat University, 90000, Thailland, E-mail : [email protected] 2 Asst. Prof., Bachelor of Public Administration, Faculty of Humanities and Social Sciences, Songkhla Rajabhat University, 90000, Thailland, E-mail : [email protected] *Corresponding auther: E-mail address : [email protected] Received : January 19, 2021; Revised : February 5, 2021; Accepted : June 17, 2020
156 ปที ี่ 16 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564 ผลการศกึ ษาพบวา่ (1) ความตอ้ งการของนกั ทอ่ งเทย่ี ว มปี จั จยั ดา้ นผลติ ภณั ฑ์ ด้านราคา ด้านช่องทางในการจัดจ�ำหน่าย และด้านส่งเสริมการตลาด ทุกปัจจัย อยู่ในระดับมาก ( = 4.23, SD = 0.57) (2) องค์ประกอบการจัดการตลาดนัดฯ ได้แก่ ด้านการวางแผน ดา้ นการจดั องคก์ าร ดา้ นการนำ� และบทบาทของผนู้ �ำ และ ดา้ นการควบคมุ ทกุ องคป์ ระกอบอยใู่ นระดบั มาก ( = 4.31, SD= 0.59) (3) ศกั ยภาพ ชุมชนในการจัดต้ังตลาดนัดฯ พบว่าชุมชนมีศักยภาพในการผลิตสินค้าเกษตร ทม่ี คี ณุ ภาพ ทำ� เลทตี่ งั้ ชมุ ชนอยใู่ กลเ้ คยี งแหลง่ ทอ่ งเทยี่ วทมี่ ชี อื่ เสยี งของจงั หวดั สตลู ประชาชนในพ้ืนท่ี มีความต้องการในการพัฒนาเป็นการท่องเท่ียวชุมชน และ จงั หวดั สตลู มนี โยบายสนบั สนนุ การทอ่ งเทย่ี วโดยชมุ ชน และ (4) รปู แบบการจดั การ ตลาดนัดฯ ประกอบด้วย การวางแผนการด�ำเนินงาน การจัดต้ังคณะกรรมการ ด�ำเนินงาน ตลอดจนการประเมินการด�ำเนินงานที่สร้างการเรียนรู้ในการปรับปรุง และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คำ� สำ� คญั : การจดั การ, ตลาดนดั ชมุ ชน, การทอ่ งเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรม, การทอ่ งเทยี่ ว โดยชมุ ชน Abstract This research aimed (1) to study the tourists’ needs in establishing the cultural community flea market for tourism, (2) to investigate the components of the management of the cultural community flea market for tourism, (3) to evaluate community’s potential in establishing the cultural community flea market for tourism, and (4) to present the management model of the cultural community flea market for tourism. This integrated research study consisted of quantitative research in conjunction with qualitative research. The data sources were from the tourists, the local habitants, and the representatives from related organizations. The research instruments consisted of questionnaire, interview, and workshop. The questionnaire was analyzed using descriptive analysis for mean and standard deviation. The interview and the workshop were studied by analyzing the contents of the data.
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 157 The results showed that (1) the tourists’ need of product, price, purchase channel, and marketing channel were at high level. ( = 4.23, SD = 0.57) (2) The factor of establishing the cultural community flea market for tourism consisting of planning, organizing of leadership role, and controlling were at high level. ( = 4.31, SD= 0.59) (3) The community had potential in producing qualified agricultural products. The community’s location located closely to the main famous tourist attractions of Satun Province. The local people wanted to develop to be community-based tourism and Satun Province has a policy to support the community-based tourism. Finally, (4) the model for managing cultural community flea market for tourism consisted of the operational planning, establishing an operational committee, including the evaluation of the operation which created the acquisition of learning to continue improvement and development. Key words : Management, Community market, Cultural tourism, Community based tourism บทนำ� อุตสาหกรรมท่องเท่ียวถือเป็นหน่ึงในอุตสาหกรรมหลักของโลกท่ีมีความ ส�ำคัญกับระบบเศรษฐกิจ ในส่วนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยน้ันได้สร้าง รายได้กว่า 2.23 ล้านล้านบาท มีมูลค่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่าร้อยละ 17 ของผลติ ภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ อตุ สาหกรรมทอ่ งเทยี่ วไทยยงั คงมแี นวโนม้ เตบิ โต อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ซงึ่ ประเทศไทยยงั คงมศี กั ยภาพและโอกาสทางการทอ่ งเทย่ี วมากมาย ทั้งด้านท�ำเลท่ีต้ังในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และ อธั ยาศยั ไมตรขี องคนไทย ดงั นน้ั อตุ สาหกรรมทอ่ งเทยี่ วจงึ ถอื เปน็ หนง่ึ ในอตุ สาหกรรม สำ� คญั ทข่ี บั เคลอ่ื นเศรษฐกจิ โดยรวมของประเทศ กอปรกบั อตุ สาหกรรมทอ่ งเทยี่ วนนั้ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามสถานการณ์โลกและพฤติกรรมของผู้บริโภค อตุ สาหกรรมทอ่ งเทยี่ วไทยจงึ ตอ้ งมกี ารปรบั ตวั ตามกระแสการเปลย่ี นแปลงของโลก
158 ปที ี่ 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564 ตลอดจนต้องวางแผนการพัฒนาให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพอ่ื เปน็ การรกั ษาและพฒั นาขดี ความสามารถดา้ นการทอ่ งเทยี่ วของประเทศไทยไว้ (คณะกรรมการนโยบายการทอ่ งเท่ยี วแห่งชาต,ิ 2560 : ค) โดยแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560 - 2564) ไดก้ ำ� หนดวสิ ยั ทศั นก์ ารทอ่ งเทย่ี วไทยไวว้ า่ “ประเทศไทยเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วคณุ ภาพ ช้ันน�ำของโลกท่ีเติบโตอย่างมีดุลยภาพบนพื้นฐานความเป็นไทย เพ่ือส่งเสริม การพัฒนาเศรษฐกิจ สงั คม และกระจายรายได้ส่ปู ระชาชนทกุ ภาคส่วนอย่างยัง่ ยืน” โดยมียุทธศาสตร์ในการพัฒนาการท่องเท่ียวแห่งชาติประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาคุณภาพแหล่งท่องเที่ยว สินค้าและบริการด้าน การท่องเที่ยวให้เกิดความสมดุลและยั่งยืน ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานและสิ่งอ�ำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรม การท่องเทย่ี ว ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 3 การพฒั นาบคุ ลากรด้านการทอ่ งเที่ยวและสนบั สนุน การมสี ่วนรว่ มของประชาชนในการพฒั นาการท่องเที่ยว ยุทธศาสตร์ที่ 4 การสร้าง ความสมดุลให้กับการท่องเที่ยวไทย ผ่านการตลาดเฉพาะกลุ่ม การส่งเสริมวิถีไทย และการเสริมความเชื่อม่ันของนักท่องเที่ยว และยุทธศาสตร์ที่ 5 การบูรณาการ การบริหารจัดการการท่องเที่ยวและการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ (คณะกรรมการนโยบายการทอ่ งเที่ยวแหง่ ชาติ, 2560 : ช) จังหวัดสตูลเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เนอ่ื งจากมแี หลง่ ทอ่ งเทย่ี วทางธรรมชาตทิ อี่ ดุ มสมบรู ณแ์ ละหลากหลาย มอี ตั ลกั ษณ์ วถิ ชี วี ติ และวฒั นธรรมทดี่ งี าม จงั หวดั สตลู จงึ ไดม้ กี ารกำ� หนดแผนพฒั นาจงั หวดั สตลู 4 ปี (พ.ศ. 2561 - 2564) โดยมเี ปา้ หมายในการพฒั นาจงั หวดั ใหเ้ ปน็ “เมอื งทอ่ งเทยี่ ว เชิงนิเวศ อุทยานธรณีโลก มีเศรษฐกิจมั่นคง สังคม น่าอยู่สันติสุขยั่งยืน และ เปน็ ประตสู อู่ าเซยี น” และไดก้ ำ� หนดประเดน็ การพฒั นาทสี่ ำ� คญั คอื “การสรา้ งมลู คา่ เพ่ิมทางการท่องเที่ยว การเกษตร และการคา้ สู่อาเซยี น” โดยทเี่ ป็นการสร้างมลู คา่ จากการทอ่ งเทยี่ วเชงิ นเิ วศทม่ี คี ณุ ภาพใหเ้ ตบิ โตเปน็ เมอื งนา่ อยู่ นา่ เทยี่ ว สรา้ งรายได้ ให้กบั ชมุ ชนและจงั หวดั (สำ� นักงานจงั หวดั สตลู , 2561)
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 159 ต�ำบลเขาขาว มีฐานะเป็นต�ำบลหน่ึงในอ�ำเภอละงู จังหวัดสตูล ประชากร ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น การท�ำสวนยางพารา ปาล์มน้�ำมัน สวนผลไม้ และการทำ� นา จงึ ถอื ไดว้ า่ ตำ� บลเขาขาวเปน็ แหลง่ เกษตรกรรมทอ่ี ดุ มสมบรู ณ์ ของจงั หวดั สตลู แตป่ ระชากรมรี ายไดต้ อ่ ครวั เรอื นอยใู่ นเกณฑพ์ อใช้ (องคก์ ารบรหิ าร สว่ นตำ� บลเขาขาว, 2557 : 25) เนอ่ื งจากตำ� บลเขาขาวยงั ขาดตลาดเพอ่ื การจำ� หนา่ ย สินค้าและผลผลิตทางการเกษตร และมีแหล่งท่องเที่ยวท่ีจ�ำกัดท�ำให้ไม่สามารถ ดึงดูดนักท่องเท่ียวเข้ามาในชุมชนและไม่สามารถสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน ในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน จากสถานการณ์และปัญหาดังกล่าว ท�ำให้ชาวต�ำบลเขาขาว อ�ำเภอละงู จังหวัดสตูล มีความประสงค์ในการด�ำเนินการจัดต้ังตลาดนัดชุมชนเชิง วัฒนธรรมเพ่ือการท่องเที่ยว ซ่ึงจะสามารถเป็นตลาดท่ีจ�ำหน่ายสินค้าการเกษตร และผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน รวมทง้ั เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วแหง่ ใหมข่ องจงั หวดั สตลู ทเ่ี ชอื่ มโยง กับแหล่งท่องเที่ยวท่ีส�ำคัญของจังหวัด น�ำไปสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงนิเวศท่ีจะ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพ้ืนท่ีอย่างยั่งยืน แต่การด�ำเนินการจัดต้ังตลาดนัด ชมุ ชนเชงิ วฒั นธรรมเพอ่ื การทอ่ งเทย่ี วของตำ� บลเขาขาว ยงั ขาดรปู แบบในการจดั การ ท้ังในด้านการวางแผน การจัดองคก์ าร การน�ำและบทบาทผู้นำ� รวมทัง้ การควบคุม ท่ีจะท�ำให้เกิดประสิทธิภาพในการด�ำเนินงาน นอกจากนี้ยังจ�ำเป็นท่ีจะต้องทราบ ความต้องการของนักท่องเที่ยวในการจัดตั้งตลาดท่ีเก่ียวข้องกับผลิตภัณฑ์ ราคา ชอ่ งทางในการจำ� หนา่ ย และการส่งเสรมิ การตลาด ให้สามารถตอบสนองไดต้ รงกับ ความต้องการของนกั ท่องเท่ียวนำ� ไปสคู่ วามยั่งยนื ของตลาดต่อไป ซึ่งคณะผ้วู จิ ัยได้ ตระหนกั ถงึ ปัญหาดงั กลา่ ว จึงนำ� ไปสู่การศกึ ษาวิจยั เร่ือง “รูปแบบการจดั การตลาด นดั ชมุ ชนเชงิ วฒั นธรรมเพอ่ื การทอ่ งเทยี่ วตำ� บลเขาขาว อำ� เภอละงู จงั หวดั สตลู ” โดย การวจิ ยั ในครงั้ นจ้ี ะเปน็ เครอื่ งมอื ในการพฒั นาทอ้ งถน่ิ อยา่ งเปน็ รปู ธรรมทจ่ี ะสามารถ พฒั นาท้องถิน่ ใหม้ คี วามย่งั ยืนต่อไป วัตถปุ ระสงค์ 1) เพ่ือศึกษาความต้องการของนักท่องเที่ยวในการจัดตั้งตลาดนัดชุมชน เชิงวัฒนธรรมเพื่อการท่องเทยี่ ว ตำ� บลเขาขาว อ�ำเภอละงู จังหวัดสตูล 2) เพื่อศึกษาองค์ประกอบในการจัดการตลาดนัดชุมชนเชิงวัฒนธรรม เพอื่ การทอ่ งเที่ยว ตำ� บลเขาขาว อำ� เภอละงู จงั หวดั สตูล
160 ปที ่ี 16 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564 3) เพอื่ ประเมนิ ศกั ยภาพชมุ ชนในการจดั ตง้ั ตลาดนดั ชมุ ชนเชงิ วฒั นธรรมเพอื่ การทอ่ งเท่ยี ว ต�ำบลเขาขาว อำ� เภอละงู จงั หวดั สตูล 4) เพ่ือน�ำเสนอรูปแบบการจัดการตลาดนัดชุมชนเชิงวัฒนธรรมเพ่ือการ ท่องเท่ยี ว ตำ� บลเขาขาว อำ� เภอละงู จังหวัดสตูล ทบทวนวรรณกรรม การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มีหลักการที่น�ำไปสู่การด�ำเนินการเพื่อให้ เกิดเป็นการท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรม ประกอบไปด้วย 4 ประการ คือ (บุญเลิศ จติ ตงั้ วฒั นา, 2548 : 286) 1) เปน็ การทอ่ งเทย่ี วทม่ี กี ารศกึ ษา รวบรวมขอ้ มลู ตา่ งๆ เกย่ี วกบั ความสำ� คญั คณุ คา่ ทางประวตั ศิ าสตร์ ความเปน็ มาของทรพั ยากรวฒั นธรรมในแหลง่ ทอ่ งเทยี่ วนน้ั เพื่อเป็นข้อมูลให้แก่นักท่องเที่ยวในการเพ่ิมคุณค่าของประสบการณ์ในการเข้าชม ในขณะเดียวกันก็จะก่อใหเ้ กดิ ความภาคภมู ใิ จในมรดกทางวฒั นธรรมของชมุ ชน 2) เป็นการท่องเท่ียวที่มีการปลูกฝังสร้างจิตส�ำนึกของคนในชุมชนให้เกิด ความรกั ความหวงแหน และดงึ ชมุ ชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารจดั การทรพั ยากร ของตน และได้รับประโยชน์ตอบแทนจากการท่องเท่ียวในรูปแบบต่างๆ เช่น การจ้างงาน การบริการน�ำเท่ียว การให้บริการขนของการให้บริการท่ีพัก การขาย สนิ ค้าทรี่ ะลกึ เป็นต้น 3) เป็นการท่องเที่ยวท่ีมีการให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดความ เขา้ ใจในวฒั นธรรมและไดร้ บั ความเพลดิ เพลนิ พรอ้ มทงั้ สรา้ งจติ สำ� นกึ ในการอนรุ กั ษ์ ทรัพยากรทอ่ งเทย่ี วทางวัฒนธรรมและสงิ่ แวดลอ้ ม 4) เปน็ การทอ่ งเทยี่ วทม่ี กี ารเคารพวฒั นธรรมของเพอ่ื นบา้ นหรอื ของชมุ ชนอนื่ รวมทั้งเคารพในวัฒนธรรม ศักด์ศิ รี และผู้คนของตนเองดว้ ย ส�ำหรับทฤษฎีการตดั สินใจของนกั ท่องเทย่ี วถอื เปน็ ปัจจัยสำ� คญั ในการท�ำให้ เกดิ การทอ่ งเทยี่ ว โดย วลยั พร รวิ้ ตระกลู ไพบลู ย์ (2558 : 67) ไดอ้ ธบิ ายกระบวนการ ตดั สนิ ใจของนกั ทอ่ งเท่ยี วตามแนวคดิ ของ Schmoll (1997) วา่ มีปจั จยั ทม่ี ีผลต่อการ ตัดสนิ ใจของนักท่องเทยี่ วทัง้ ท่เี ปน็ ปัจจัยภายในและภายนอกไว้ 4 กลมุ่ หลักๆ ดงั น้ี
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 161 กลุ่มท่ี 1 ปัจจัยทางด้านส่ิงกระตุ้นทางการท่องเที่ยว (travel stimuli) ได้แก่ การโฆษณา การส่งเสริมการขาย เอกสารเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ค�ำแนะน�ำจาก นกั ท่องเที่ยว และค�ำแนะนำ� จากตัวแทนทอ่ งเท่ียว กลมุ่ ท่ี 2 ปจั จยั ทางดา้ นบคุ คลและสงั คม (personal and social determinants) มีส่วนส�ำคัญที่ส่งผลให้เกิดการเติมเต็มทางด้านจิตใจ เช่น แรงจูงใจ ความต้องการ และความคาดหวัง โดยประกอบไปด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น สถานภาพทางเศรษฐกิจ และทางสงั คม บุคลกิ ภาพ อิทธพิ ลทางสงั คม ทศั นคติและค่านยิ ม กล่มุ ท่ี 3 ปัจจยั ภายนอก (external variables) ได้แก่ ความมัน่ ใจในตวั แทน ทอ่ งเทยี่ ว ภาพพจนข์ องแหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว ประสบการณใ์ นการทอ่ งเทย่ี ว ความเสย่ี งภยั ข้อจ�ำกดั ทางดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ เวลา ค่าใชจ้ ่าย กลุ่มท่ี 4 ปัจจัยทางด้านลักษณะของแหล่งท่องเที่ยว (characteristics and features of destination) ปัจจัยในกลุ่มน้ี ได้แก่ ราคา คุณค่า ข้อมูลการท่องเที่ยว ส่ิงอำ� นวยความสะดวก การจดั การแหลง่ ทอ่ งเท่ียว กิจกรรมในแหลง่ ท่องเทีย่ ว ส�ำหรับองค์ประกอบของการจัดการนั้น อัจฉรา ชีวตระกูลกิจ (2542 : 11) ได้อธิบายวา่ มีองค์ประกอบสำ� คญั ดังน้ี 1) การวางแผน (planning) หมายถงึ การก�ำหนดวธิ ปี ฏิบตั ิไวล้ ว่ งหนา้ เพอ่ื ให้ เกดิ ความสำ� เรจ็ ของงานตามทตี่ อ้ งการโดยพจิ ารณาวา่ องคก์ ารตอ้ งการอะไร ทำ� อะไร ต้องการให้องค์การเป็นอย่างไรในอนาคต ดังน้ันการวางแผนจึงเป็นเรื่องเก่ียวกับ วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมายขององคก์ าร เลอื กวธิ ปี ฏบิ ตั งิ าน เลอื กวธิ จี ดั สรรทรพั ยากร ทมี่ อี ยเู่ พ่อื น�ำไปใช้ให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสดุ 2) การจัดองค์การ (organizing) เมื่อก�ำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของ องคก์ ารไวช้ ดั เจนแลว้ องคก์ ารตอ้ งมกี ารแบง่ หนา้ ท่ี จดั ความสมั พนั ธข์ องกจิ การตา่ งๆ เพื่อให้การด�ำเนินงานขององค์การมีประสิทธิภาพคล่องตัว มีการประสานงานที่ดี และมอบหมายผรู้ ับผิดชอบรบั ไปด�ำเนนิ การ พรอ้ มกบั การมอบหมายอำ� นาจหน้าท่ี ในการด�ำเนินงาน 3) การชน้ี �ำ (leading) หวั หน้าหรือผ้นู �ำองคก์ ารตอ้ งเปน็ ผมู้ ีศิลปะในการชนี้ �ำ หรือส่ังการ ส่งเสริมให้ทุกคนมีความกระตือรือร้นในการท�ำงาน รู้จักหลักและ วิธีการจูงใจให้คนอุทิศตนท้ังด้านความคิดและก�ำลังกายให้กับองค์การอย่างเต็มท่ี
162 ปที ่ี 16 ฉบับที่ 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564 สามารถขจัดข้อขัดแย้งที่อาจเกิดข้ึนระหว่างฝ่ายต่างๆ ในองค์การได้เป็นอย่างดี มีมนษุ ยสัมพนั ธด์ ี เขา้ ใจพฤติกรรมของบคุ ลากร รจู้ กั ให้ค่าตอบแทนอยา่ งเหมาะสม และยตุ ิธรรม และใหค้ วามก้าวหน้าในหนา้ ท่กี ารงานอันสมควร 4) การควบคุม (controlling) เมื่อหัวหน้าหรือผู้น�ำองค์การมอบงานไปแล้ว จ�ำเป็นต้องควบคุมการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนท่ีวางไว้ การควบคุมติดตาม เร่ิมตั้งแต่การก�ำหนดมาตรการให้มีระบบการรายงานการท�ำงานตามล�ำดับข้ัน อย่างสมำ่� เสมอ เพื่อเปน็ แนวทางในการปรบั ปรงุ การทำ� งานให้ดขี นึ้ และรูปแบบการจัดการแหล่งท่องเท่ียวที่ดี เป็นหลักประกันความส�ำเร็จของ การท่องเท่ยี วทงั้ ในเมืองและชนบท โดยค�ำนึงถงึ ชมุ ชนเจ้าของท้องถิ่น สงิ่ แวดล้อม และนกั ทอ่ งเทยี่ ว (การทอ่ งเทยี่ วแหง่ ประเทศไทย, 2549) ซง่ึ จะนำ� ไปสกู่ ารทอ่ งเทยี่ ว ที่มคี ุณภาพโดยหวั ใจส�ำคญั ของการท่องเที่ยวท่ดี ี ซ่งึ ประกอบไปดว้ ย 1) การมอี งคก์ รและการบริหารจัดการท่มี ีประสทิ ธิภาพ 2) มีการวางแผนในด้านกายภาพและดา้ นสงั คมของแหลง่ ทอ่ งเทยี่ ว 3) ใหค้ วามส�ำคญั เรื่องการตลาด 4) ให้ความส�ำคัญต่อการพัฒนาสินค้าเพื่อให้ตรงกับความต้องการของนัก ทอ่ งเท่ียวและใหเ้ หมาะสมกบั ประเภทและลกั ษณะของทรัพยากร 5) ให้ความเอาใจใส่กบั การวางแผนและการบรหิ ารจดั การ กรอบแนวคดิ ในการวิจยั จากการศกึ ษางานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ้ งทำ� ใหไ้ ดก้ รอบแนวคดิ ทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา ดงั น้ี ภาพท่ี 1 กรอบแนวคิดในการวจิ ยั ท่มี า : รัชชพงษ์ ชชั วาลย์ และศดานนท์ วตั ตธรรม (2563 : 77)
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 163 ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง สำ� หรบั ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ งทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั แบง่ ออกเปน็ 2 สว่ น คอื ประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ งเชงิ ปริมาณ 1) นักท่องเที่ยวท่ีมีประสบการณ์ในการเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นท่ีจังหวัด สตลู จ�ำนวน 1,000,748 คน (กระทรวงการทอ่ งเทยี่ วและกีฬา, 2561 : ออนไลน)์ 1) โดยใช้วิธีการกำ� หนดกลุ่มตัวอยา่ งของ Yamane (1973) ได้กลมุ่ ตัวอย่าง จ�ำนวน 400 คน แลว้ ทำ� การสุ่มแบบบังเอญิ ในการเก็บข้อมลู 2) ประชาชนในพน้ื ทตี่ ำ� บลเขาขาว อำ� เภอละงู จงั หวดั สตลู จำ� นวน 6,478 คน (องค์การบริหารส่วนต�ำบลเขาขาว, 2561 : ออนไลน์) โดยใช้วิธีการก�ำหนดกลุ่ม ตัวอย่างของ Yamane (1973) ไดก้ ลุ่มตวั อย่าง จ�ำนวน 400 คน แลว้ ทำ� การสุม่ แบบ บังเอญิ ในการเกบ็ ข้อมูล ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ งเชิงคณุ ภาพ 1) สัมภาษณ์แบบก่ึงโครงสร้าง โดยก�ำหนดผู้ให้ข้อมูลหลักจากเกณฑ์ของ Creswell (2014) ท่รี ะบุผู้ใหส้ ัมภาษณห์ ลกั ควรอยูร่ ะหวา่ ง 5 – 25 คน แลว้ เลือกผู้ ให้ข้อมูลหลักแบบเฉพาะเจาะจงจนได้ข้อมูลที่อ่ิมตัว จ�ำนวน 15 คน ท้ังภายนอก และภายในพ้ืนที่ ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พัฒนาชุมชนจังหวัดสตูล ทอ่ งเทย่ี วและกฬี าจงั หวดั สตลู นายอำ� เภอละงู นกั วชิ าการ ผนู้ ำ� ชมุ ชน ผนู้ ำ� กลมุ่ อาชพี และผู้นำ� ทางศาสนา 2) ประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร โดยกำ� หนดผใู้ หข้ อ้ มลู หลกั จากเกณฑข์ อง Creswell (2014) ท่ีระบุผู้ให้ข้อมูลหลักควรอยู่ระหว่าง 5 – 25 คน แล้วเลือกผู้ให้ข้อมูลหลัก แบบเฉพาะเจาะจงจนได้ขอ้ มูลท่ีอมิ่ ตัว จ�ำนวน 20 คน ประกอบดว้ ย ผบู้ ริหาร และ บคุ ลากรขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบลเขาขาว ผ้นู �ำชุมชน ผู้น�ำกลมุ่ อาชีพ และผนู้ �ำ ทางศาสนา
164 ปที ่ี 16 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564 เคร่ืองมอื ทีใ่ ช้ในการศึกษา เครือ่ งมือทใ่ี ชใ้ นการวิจัยครัง้ น้ี สามารถแบ่งออกเปน็ 4 แบบ คือ 1) แบบสอบถามเพ่อื ศึกษาพฤตกิ รรมและความตอ้ งการของนักท่องเที่ยว 2) แบบสอบถามเพ่ือศึกษาองค์ประกอบในการจัดการตลาดนัดชุมชนฯ ของประชาชนในพน้ื ท่ี 3) แบบสมั ภาษณก์ งึ่ โครงสรา้ ง ใชส้ ำ� หรบั เกบ็ ขอ้ มลู จากผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ผมู้ สี ว่ น เกี่ยวขอ้ ง และนักวิชาการในพน้ื ท่ี 4) การประชุมเชิงปฏิบัติการกับประชาชนในพ้ืนที่ เพ่ือประเมินศักยภาพ ชุมชนและพัฒนารปู แบบการจดั การ การวเิ คราะห์ขอ้ มูล การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณใช้สถิติพรรณนา (descriptive statistic) ในการอธบิ ายลกั ษณะบคุ คลของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยนำ� เสนอในรปู ของความถี่ (frequency) ร้อยละ (percentage) และการอธิบายความต้องการของนักท่องเที่ยว ในการจดั ตงั้ ตลาดนดั ชมุ ชนเชงิ วฒั นธรรมเพอ่ื การทอ่ งเทยี่ ว และองคป์ ระกอบในการ จัดการตลาดนัดชุมชนเชิงวัฒนธรรมเพ่ือการท่องเท่ียวของประชาชนในพ้ืนที่ โดยน�ำเสนอในรูปของค่าเฉลี่ย (mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) ด้วยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ในการวเิ คราะหข์ ้อมูลไดแ้ ก่ โปรแกรม SPSS 20.0 for Windows การวเิ คราะหข์ อ้ มลู เชงิ คณุ ภาพจากการสมั ภาษณก์ ง่ึ โครงสรา้ งและการประชมุ เชิงปฏิบัติการ หลังจากที่ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลแล้ว จะน�ำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ ข้อมลู โดยใช้การวเิ คราะหเ์ น้อื หา ผลของการวิจยั 1) ระดับความต้องการของนักท่องเท่ียวในการจัดต้ังตลาดนัดชุมชนเชิง วฒั นธรรมเพอื่ การท่องเท่ยี วตำ� บลเขาขาว อำ� เภอละงู จังหวดั สตูล ดังรายละเอียด ในตารางที่ 1 ดังน้ี
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 165 ตาราง 1 คา่ เฉลย่ี ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน ของระดบั ความตอ้ งการของ กล่มุ นักทอ่ งเทย่ี วในการจัดตง้ั ตลาดนัดชุมชนเชิงวัฒนธรรมเพ่ือการท่องเทย่ี ว ความตอ้ งการในการจัดตง้ั ตลาดนดั ชุมชน SD ระดบั เชงิ วัฒนธรรม 4.18 0.60 มาก 1. ดา้ นผลติ ภัณฑ์ 4.27 0.63 มาก 2. ดา้ นราคา 4.39 0.63 มาก 3. ด้านชอ่ งทางในการจดั จ�ำหน่าย 4.11 0.72 มาก 4. ดา้ นส่งเสริมการตลาด 4.23 0.57 มาก โดยรวม จากตาราง 1 พบว่าระดับความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวในการจัดต้ัง ตลาดนัดชุมชนเชิงวัฒนธรรมเพ่ือการท่องเท่ียวโดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.23, SD = 0.57) เมอ่ื จำ� แนกรายด้าน พบว่า ดา้ นผลติ ภณั ฑ์ ด้านราคา ด้านชอ่ งทางใน การจัดจ�ำหน่าย และด้านส่งเสริมการตลาด ทั้งหมด อยู่ในระดับมาก ( = 4.18, SD= 0.60; = 4.27, SD= 0.63; = 4.39,SD= 0.63; =4.11, SD= 0.72) ตาม ลำ� ดบั โดยในดา้ นผลติ ภณั ฑ์ กลมุ่ นกั ทอ่ งเทย่ี วมคี วามตอ้ งการสงู สดุ ในเรอ่ื งทมี่ สี นิ คา้ ทห่ี ลากหลายใหเ้ ลอื กซอ้ื ในดา้ นราคา กลมุ่ นกั ทอ่ งเทย่ี วมคี วามตอ้ งการสงู สดุ ในเรอ่ื ง ที่มีการติดป้ายบอกราคาท่ีชัดเจน ในด้านช่องทางในการจัดจ�ำหน่าย กลุ่มนักท่อง เท่ยี วมีความตอ้ งการสูงสุดในเร่อื งสถานทีจ่ ดั จ�ำหนา่ ยสนิ ค้า (ตลาด) มคี วามสะดวก ในการเดินทาง และในด้านส่งเสริมการตลาด กลุ่มนักท่องเท่ียวมีความต้องการ สูงสุดในเรื่องมีการประชาสัมพันธ์ตลาดนัดฯ ให้นักท่องเท่ียวได้รับทราบข้อมูล ผา่ นส่ือออนไลน์ 2) ระดับความคิดเห็นของประชาชนในพ้ืนท่ีในการจัดการตลาดนัดชุมชน เชงิ วฒั นธรรมเพอ่ื การทอ่ งเทยี่ วตำ� บลเขาขาว อำ� เภอละงู จงั หวดั สตลู ดงั รายละเอยี ด ในตารางที่ 2 ดงั นี้
166 ปีท่ี 16 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2564 ตาราง 2 ค่าเฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ของระดับความคิดเห็นของ ประชาชนในพนื้ ที่ในการจดั การตลาดนดั ชุมชนเชิงวัฒนธรรมเพอื่ การท่องเทย่ี ว ความคดิ เห็นในการจัดการตลาดนดั ชุมชน SD ระดับ เชิงวฒั นธรรม 4.23 0.63 มาก 1. ด้านการวางแผน 4.29 0.64 มาก 2. ดา้ นการจัดองคก์ าร 4.32 0.64 มาก 3. ดา้ นการน�ำและบทบาทของผนู้ �ำ 4.43 0.60 มาก 4. ดา้ นการควบคุม 4.31 0.59 มาก โดยรวม จากตาราง 2 พบว่าระดับความคิดเห็นของประชาชนในพื้นท่ีในการจัดการ ตลาดนัดชมุ ชนเชงิ วัฒนธรรมเพอ่ื การท่องเทีย่ วโดยรวมอยใู่ นระดับมาก ( = 4.31, SD= 0.59) เม่ือจ�ำแนกรายดา้ น พบว่าดา้ นการวางแผน ดา้ นการจดั องค์การ ดา้ น การนำ� และบทบาทของผู้นำ� และด้านการควบคมุ ( = 4.23, SD= 0.63; = 4.29, SD= 0.64; = 4.32, SD = 0.64; = 4.43, SD= 0.60) ตามล�ำดับ โดยด้าน การวางแผน ประชาชนในพื้นท่ีมีความคิดเห็นสูงสุดในเร่ืองชุมชนเขาขาวควรมี การวางแผนระบบการบริหารจัดการภายในองค์กรของตลาดนัดชุมชนฯ เพ่ือให้มี ประสทิ ธภิ าพในการทำ� งาน ในดา้ นการจดั องคก์ าร ประชาชนในพนื้ ทมี่ คี วามคดิ เหน็ สงู สดุ ในเรอ่ื งชมุ ชนเขาขาวควรมคี ณะกรรมการในการบรหิ ารจดั การตลาดนดั ชมุ ชนฯ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพในการทำ� งาน ในดา้ นการนำ� และบทบาทของผนู้ ำ� ประชาชน ในพนื้ ทมี่ คี วามคดิ เหน็ สงู สดุ ในเรอื่ งผนู้ ำ� ของชมุ ชนเขาขาวควรใหค้ วามสำ� คญั และสง่ เสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนให้มีคุณภาพ ในด้านการควบคุม ประชาชน ในพน้ื ที่มคี วามคดิ เห็นสงู สุดในเรอ่ื งชมุ ชนเขาขาวควรมีมาตรการในการควบคมุ และ ดูแลนักท่องเที่ยวในการปฏิบัติตามกฎระเบียบในการท่องเท่ียวหรือท�ำกิจกรรมใน ตลาดนัดชุมชนฯ เชน่ การหา้ มดม่ื เครอ่ื งด่ืมมึนเมา
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 167 3) ผลการประเมินศักยภาพของชุมชนเขาขาว อ�ำเภอละงู จังหวัดสตูล โดยศักยภาพที่มีความโดดเด่นของชุมชนคือ เป็นชุมชนท่ีมีทรัพยากรธรรมชาติ ท่ีมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การท�ำเกษตรกรรม จึงท�ำให้ชุมชนมีความสามารถ ในด้านการผลิตสินค้าเกษตรอาหารท่ีมีคุณภาพ รวมทั้งท�ำเลท่ีต้ังของชุมชนอยู่ ใกล้เคียงกับแหล่งท่องเที่ยวที่มีช่ือเสียงของจังหวัดสตูล และประชาชนในพ้ืนท่ีมี ความต้องการในการพฒั นาชมุ ชนใหเ้ ป็นแหลง่ ท่องเท่ยี วโดยชมุ ชน ส�ำหรบั ประเด็น ทชี่ มุ ชนตอ้ งมกี ารพฒั นาเพอื่ เสรมิ สรา้ งการจดั การทอ่ งเทยี่ วโดยชมุ ชนและการจดั ตงั้ ตลาดนดั ชมุ ชนเชงิ วฒั นธรรมเพอื่ การทอ่ งเทยี่ วใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ ควรมกี ารใหค้ วามรู้ และสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่ให้มีทักษะความพร้อมในการจัด การท่องเที่ยวโดยชุมชน รวมท้ังการให้ความรู้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่ได้มาตรฐาน เพ่ือรองรับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเท่ียวโดยชุมชนในรูปแบบ ตลาดนัดชุมชนเชิงวัฒนธรรมเพ่ือการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุน ที่จะท�ำให้เกิดการพัฒนาตลาดนัดชุมชนเชิงวัฒนธรรมเพ่ือการท่องเที่ยว จากนโยบายของรัฐบาลและจังหวัดสตูลในการส่งเสริมการจัดการท่องเที่ยว โดยชุมชน ประกอบกับนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางเข้ามาท่องเท่ียวใน จังหวัดสตูลเป็นจ�ำนวนมากจากการประชาสัมพันธ์การท่องเท่ียวอุทยานธรณีโลก ผ่านส่ือสงั คมออนไลน์ 4) รูปแบบการจัดการตลาดนัดชุมชนเชิงวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยว ประกอบดว้ ย การวางแผน การจดั องคก์ าร การชนี้ ำ� และบทบาทผนู้ ำ� และการควบคมุ ส�ำหรับองค์ประกอบการวางแผน คือมีการก�ำหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์เพื่อ เป็นพื้นท่ีในการจ�ำหน่ายสินค้าของชุมชนพร้อมท้ังเป็นแหล่งท่องเท่ียวของชุมชน ที่สามารถสร้างและกระจายรายได้ให้แก่คนในชุมชนด้วย และเพื่อให้เป้าหมาย ดังกล่าวบรรลุผลจึงต้องมีการจัดองค์การ โดยการก�ำหนดบทบาทหน้าที่ความ 1รับผิดชอบในการด�ำเนินงาน ประกอบด้วย 1) ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริม การทอ่ งเทยี่ ว 2) ฝา่ ยจดั ระเบยี บรา้ นคา้ 3) ฝา่ ยจดั เกบ็ รายได้ 4) ฝา่ ยควบคมุ คณุ ภาพ อาหารและสินค้า 5) ฝ่ายภูมิทัศน์และอาคารสถานที่ 6) ฝ่ายรักษาความปลอดภัย และการจราจร 7) ฝ่ายส่งเสริมอาชีพและยกระดับมาตรฐานสินค้า 8) ฝ่ายรักษา ความสะอาดและจัดการขยะ 9) ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ นิทรรศการ และการแสดง
168 ปีที่ 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564 10) ฝา่ ยประเมนิ ผล รบั ขอ้ รอ้ งเรยี น และการพยาบาล โดยมคี ณะกรรมการอำ� นวยการ ตลาดนดั ชมุ ชนเชงิ วฒั นธรรมเพอื่ การทอ่ งเทยี่ ว ทำ� หนา้ ทก่ี ำ� หนดแผนการดำ� เนนิ งาน ของแต่ละฝ่ายท่ีได้มาจากการประเมินทรัพยากรการท่องเที่ยวของชุมชน และ จากพฤติกรรมของนกั ทอ่ งเที่ยว นอกจากนี้ยังมีหน้าท่ีในการควบคมุ ก�ำกับ ติดตาม และประเมินผลการด�ำเนินงานให้บรรลุผลส�ำเร็จ ซึ่งการจัดการตลาดนัดชุมชน เชิงวัฒนธรรมเพ่ือการท่องเท่ียวใหบ้ รรลุผลสำ� เร็จได้น้นั จำ� เป็นท่ีจะตอ้ งมเี ครือขา่ ย ในการสนับสนนุ จากหน่วยงานทง้ั ภายในและภายนอกชมุ ชนอีกด้วย ดงั นี้ ภาพท่ี 2 รปู แบบการจัดการตลาดนัดชมุ ชนเชงิ วฒั นธรรมเพอ่ื การทอ่ งเท่ียวต�ำบลเขาขาว อำ� เภอละงู จังหวัดสตลู ท่มี า : รัชชพงษ์ ชชั วาลย์ และศดานนท์ วตั ตธรรม (2563: 177) 5) การสังเคราะห์องค์ความรู้จากการวิจัย จากการวิจัยคร้ังน้ีท�ำให้ผู้วิจัย สามารถสังเคราะหอ์ งค์ความรู้ได้ดงั นี้ ประเดน็ ที่ 1 สอื่ สังคมออนไลนเ์ ข้ามามอี ิทธพิ ลต่อการรบั รู้และการตัดสินใจ ของประชาชนเป็นอย่างมาก ซ่ึงหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน จำ� เปน็ จะตอ้ งปรบั กระบวนการทำ� งานใหร้ องรบั การเปลย่ี นแปลงดงั กลา่ ว โดยเฉพาะ ภารกิจด้านการจัดการท่องเท่ียวโดยชุมชนที่จ�ำเป็นต้องอาศัยส่ือสังคมออนไลน์ เข้ามาเป็นเครอื่ งมอื ในการจดั การใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ กช่ มุ ชนมากทส่ี ุด
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 169 ประเด็นท่ี 2 การพัฒนาการท่องเท่ียวโดยชุมชนต้องมุ่งเน้นกระบวนการ มสี ว่ นรว่ มในการพฒั นา เพอ่ื ใหป้ ระชาชนในพนื้ ทเี่ กดิ ความรสู้ กึ “ความเปน็ เจา้ ของ” ตั้งแต่กระบวนการวางแผนซ่ึงเป็นจุดเร่ิมต้น และกระบวนการต่างๆ ในการจัดการ ตอ้ งอาศยั การมสี ว่ นรว่ มเปน็ เครอ่ื งมอื สำ� คญั ทจี่ ะทำ� ใหอ้ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ สามารถด�ำเนนิ งานพฒั นาการท่องเทย่ี วโดยชุมชนใหเ้ กิดความสำ� เรจ็ ประเดน็ ท่ี 3 การพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วโดยชมุ ชนขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ต้องอาศัยวิธีการแห่งศาสตร์พระราชาเพ่ือการพัฒนาที่ย่ังยืน ของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ท่ีว่า “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” โดย (1) การเข้าใจ คือ การสร้างให้เกิดความเข้าใจในข้อมูลทุกมิติ ของชุมชน ค้นหารากของปัญหา (2) การเข้าถึง คือ การสื่อสารและสร้างการมี ส่วนร่วม มุ่งสร้างความเข้าใจและม่ันใจกับชุมชน ด้วยการวิเคราะห์ปัญหาและ ความตอ้ งการของชมุ ชน ใหช้ มุ ชนมสี ว่ นรว่ มในการพฒั นามากทสี่ ดุ และ (3) การพฒั นา คือการเรียนรู้เพื่อการพฒั นาตามศักยภาพชมุ ชน อภิปรายผล จากผลการศึกษารูปแบบการจัดการตลาดนัดชุมชนเชิงวัฒนธรรมเพ่ือ การท่องเท่ียว ต�ำบลเขาขาว อ�ำเภอละงู จังหวัดสตูล ผู้วิจัยสามารถอภิปรายผล ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจยั ดังรายละเอียดต่อไปน้ี 1) ความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวในการจัดตั้งตลาดนัดชุมชนเชิง วฒั นธรรมเพอื่ การทอ่ งเทยี่ ว โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก แสดงใหเ้ หน็ วา่ การทอ่ งเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรมไดร้ บั ความสนใจจากนกั ทอ่ งเทยี่ วในปจั จบุ นั เปน็ จำ� นวนมาก สอดคลอ้ งกบั สปุ ระภา สมนักพงษ์ (2560 : 2059) ได้น�ำเสนอขอ้ มูลแนวโน้มลักษณะนักทอ่ งเท่ียว รปู แบบใหมข่ อง World Economic Forum 2017 ทไ่ี ด้นำ� เสนอข้อมลู ค�ำทำ� นายของ บริษทั Amadeus ถึงแนวโนม้ ลักษณะนักท่องเทยี่ วใน 10 ปีขา้ งหนา้ วา่ จะมีลักษณะ นกั ทอ่ งเทยี่ ว แบง่ เปน็ 6 ลกั ษณะ โดย 1 ในลกั ษณะนน้ั คอื กลมุ่ นกั ทอ่ งเทย่ี วผคู้ น้ หา ความแตกต่างทางวัฒนธรรม เป็นกลุ่มท่ีต้องการหาอะไรใหม่ๆ ในชีวิตในลักษณะ สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวเพ่ือเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถ่ิน ดังน้ันจึงท�ำให้เห็นว่า การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมก�ำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเท่ียว เมื่อจ�ำแนก
170 ปีท่ี 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564 รายด้าน พบว่า ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคา ด้านช่องทางในการจัดจ�ำหน่าย และ ด้านสง่ เสริมการตลาด ทง้ั หมดอยใู่ นระดบั มาก ซึ่งสอดคลอ้ งกับ ขนิษฐา บรมส�ำลี และรัฐพล สันสน (2560 : 3) ได้ศึกษารูปแบบกลยุทธ์การตลาดเพ่ือการท่องเที่ยว ตลาดน�้ำอย่างยั่งยืน ผลการศึกษาพบว่าส่วนประสมทางการตลาดบริการ ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์บริการท่องเที่ยวตลาดน�้ำ 2) ค่าใช้จ่ายการท่องเท่ียว 3) สถานท่ีต้ัง และเวลาการเข้าถึงตลาดน�้ำ 4) การส่ือสารการตลาดและการให้ความรู้เกี่ยวกับ การท่องเที่ยว มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ของการท่องเท่ียวตลาดน้�ำแบบยั่งยืน โดยในด้านผลิตภัณฑ์ กลุ่มนักท่องเท่ียวมีความต้องการสูงสุดในข้อที่มีสินค้าท่ี หลากหลายให้เลือกซื้อ ในด้านราคา กลุ่มนักท่องเที่ยวมีความต้องการสูงสุดใน ข้อที่มีการติดป้ายบอกราคาที่ชัดเจน ในด้านช่องทางในการจัดจ�ำหน่าย พบว่า กลุ่มนักท่องเท่ียวมีความต้องการสูงสุดในข้อสถานท่ีจัดจ�ำหน่ายสินค้า (ตลาด) มคี วามสะดวกในการเดนิ ทาง และในดา้ นสง่ เสรมิ การตลาด พบวา่ กลมุ่ นกั ทอ่ งเทย่ี ว มีความต้องการสูงสุดในข้อมีการประชาสัมพันธ์ตลาดนัดฯ ให้นักท่องเที่ยว ไดร้ บั ทราบข้อมลู ผา่ นส่อื ออนไลน์ 2) องคป์ ระกอบในการจดั การตลาดนดั ชมุ ชนเชงิ วฒั นธรรมเพอื่ การทอ่ งเทย่ี ว จากความคิดเห็นของประชาชนในพื้นท่ี โดยรวมอยู่ในระดับมาก ท้ังน้ีเนื่องจาก ประชาชนในพื้นที่มีความต้องการให้เกิดรูปแบบการจัดการตลาดนัดชุมชนเชิง วัฒนธรรมเพ่ือการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อน�ำไปสู่การจัดการท่องเท่ียว โดยชมุ ชนอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและสรา้ งรายไดใ้ หแ้ กช่ มุ ชนไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื สอดคลอ้ งกบั พจนา สวนศรี (2546: 20) ทอ่ี ธบิ ายวา่ เจตนารมณข์ องการทอ่ งเท่ยี วโดยชมุ ชนนน้ั เป็นการใช้การท่องเท่ียวเป็นเคร่ืองมือในการพัฒนาชุมชนและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ควบคู่กันไป นอกจากนี้ รชพร จันทร์สว่าง (2546 : 17) ได้เสนอว่าการท่องเที่ยว โดยชุมชนเป็นการทอ่ งเท่ยี วในแหล่งท่องเทีย่ วทม่ี ีลักษณะเป็นชมุ ชน โดยมีพน้ื ฐาน ส�ำคัญคือการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการท่องเที่ยวของพื้นที่ การท่องเท่ียว โดยชุมชนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนโดยการสร้างงานและกระจายรายได้ ใหค้ นในชมุ ชน สำ� หรบั ปจั จยั ในการจดั การตลาดนดั ชมุ ชนฯ พบวา่ มี ดา้ นการวางแผน ดา้ นการจดั องค์การ ดา้ นการนำ� และบทบาทของผ้นู �ำ และด้านการควบคุม ทงั้ หมด อยู่ในระดับมาก โดย อัจฉรา ชวี ตระกูลกิจ (2542 : 11 ) ได้อธิบายวา่ การจัดการเป็น
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 171 กระบวนการอย่างหน่ึงที่ด�ำเนินการไปอย่างต่อเนื่องภายในองค์การ ประกอบด้วย 1) การวางแผน เปน็ การกำ� หนดเปา้ หมายและวธิ ปี ฏิบตั ไิ ว้ล่วงหนา้ เพ่อื ใหเ้ กดิ ความ ส�ำเร็จของงาน 2) การจัดองค์การ เป็นการแบ่งหน้าที่ การก�ำหนดบทบาทความ รบั ผดิ ชอบ การจดั ความสมั พนั ธข์ องการดำ� เนนิ งานในสว่ นตา่ งๆ เพอื่ ใหก้ ารดำ� เนนิ งาน ขององคก์ รเกดิ ประสทิ ธภิ าพ 3) การชน้ี ำ� เปน็ การกระตนุ้ สง่ เสรมิ ใหส้ มาชกิ ในองคก์ ร เกดิ ความมงุ่ มนั่ และทมุ่ เทใหก้ ารดำ� เนนิ งานใหป้ ระสบความสำ� เรจ็ และ 4) การควบคมุ เปน็ การตดิ ตามและประเมนิ ผลการดำ� เนนิ งาน เพอ่ื ควบคมุ ใหส้ มาชกิ ดำ� เนนิ งานตาม แผนที่วางไว้ และท�ำให้ทราบถึงปัญหาน�ำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้งานประสบ ความส�ำเร็จ ส�ำหรับด้านการวางแผนซ่ึงประชาชนในพ้ืนท่ีมีความคิดเห็นว่าชุมชน เขาขาวควรมกี ารวางแผนระบบการบรหิ ารจดั การภายในองคก์ รของตลาดนดั ชมุ ชนฯ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการท�ำงาน สอดคลอ้ งกบั สินธ์ุ สโรบล (2546) ซ่ึงไดเ้ สนอ ว่าการท่องเท่ียวโดยชุมชน เป็นการจัดการท่องเที่ยวท่ีชุมชนเป็นผู้ก�ำหนดทิศทาง และลักษณะการทอ่ งเทย่ี ว เพอื่ ให้เปน็ ไปตามทช่ี มุ ชนไดต้ ัง้ ใจไว้ โดยให้ความส�ำคญั กับความย่ังยืนของส่ิงแวดล้อมและวัฒนธรรมชุมชน ในด้านการจัดองค์การ ประชาชนในพ้ืนที่มีความคิดเห็นว่าชุมชนเขาขาวควรมีคณะกรรมการในการบริหาร จัดการตลาดนัดชุมชนฯ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการท�ำงาน สอดคล้องกับ พจนา สวนศรี (2546 : 68 ) ได้อธบิ ายถึงองคป์ ระกอบของการทอ่ งเท่ียวโดยชมุ ชน ในด้านการจัดการไว้ว่าชุมชนต้องมีองค์กรหรือกลไกในการท�ำงานเพ่ือจัดการ การทอ่ งเทยี่ ว มกี ฎ กตกิ า ในการจดั การสง่ิ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรม ทส่ี ามารถเชอื่ มโยง การทอ่ งเทย่ี วกบั การพฒั นาชมุ ชนโดยรวมไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ในดา้ นการนำ� และ บทบาทของผู้น�ำ ประชาชนในพ้ืนที่มีความคิดเห็นว่าผู้น�ำของชุมชนเขาขาวควร ใหค้ วามสำ� คญั และสง่ เสรมิ การพฒั นาผลติ ภณั ฑส์ นิ คา้ ชมุ ชนใหม้ คี ณุ ภาพ เพอื่ รองรบั การท่องเที่ยวชุมชนในลักษณะของตลาดนัดชุมชนเชิงวัฒนธรรมเพื่อการท่องเท่ียว สอดคลอ้ งกบั เมธี ปยิ ะคณุ (2547: ออนไลน)์ ไดก้ ลา่ ววา่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ มบี ทบาทสำ� คญั ในการสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารจดั การทอ่ งเทยี่ วในชมุ ชน ซง่ึ การจะพฒั นาการ ท่องเที่ยวให้เกิดผลสัมฤทธิ์นั้น ผู้บริหารและพนักงานส่วนท้องถิ่นต้องมีความรู้ ความเข้าใจในนโยบายด้านการท่องเที่ยวเพ่ือน�ำไปสู่การประสานแผนพัฒนาของ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และส่งเสริม สนับสนุน ในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนา
172 ปที ่ี 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2564 การท่องเที่ยวในพ้ืนที่ และในด้านการควบคุม ประชาชนในพ้ืนท่ีมีความคิดเห็นว่า ชุมชนเขาขาวควรมีมาตรการในการควบคุมและดูแลนักท่องเที่ยวในการปฏิบัติตาม กฎระเบียบในการท่องเที่ยวหรือท�ำกิจกรรมในตลาดนัดชุมชนฯ เช่น การห้ามดื่ม เครือ่ งดื่มมนึ เมา เนอื่ งจากประชาชนในพ้ืนท่ไี มต่ ้องการใหน้ กั ท่องเทีย่ วเขา้ มาสร้าง ผลกระทบเชิงลบในพื้นท่ี ซ่ึงจะเป็นการท�ำลายวัฒนธรรมและวิถีชีวิตท่ีดีงามของ ชุมชน สอดคล้องกับ พจนา สวนศรี (2546 : 64) ที่ไดก้ ล่าวว่าก่อนท่ีชมุ ชนจะเปิดรับ นกั ทอ่ งเทยี่ ว ชมุ ชนควรจะตอ้ งรแู้ ละตระหนกั ถงึ ผลกระทบจากการทอ่ งเทย่ี วตลอดจน การสร้างภูมิคุ้มกัน โดยการเตรียมความพร้อมชุมชนในการวางรูปแบบการบริหาร จดั การ พรอ้ มทงั้ มาตรการในการปอ้ งกนั ผลกระทบในลกั ษณะของการสรา้ งกฎ กตกิ า เพ่อื เป็นแนวทางปฏบิ ตั ทิ งั้ คนในชมุ ชนและนกั ท่องเทยี่ ว 3) ศกั ยภาพชมุ ชนในการจดั ตงั้ ตลาดนดั ชมุ ชนเชงิ วฒั นธรรมเพอื่ การทอ่ งเทย่ี ว พบวา่ ชมุ ชนมศี กั ยภาพในการผลติ สนิ คา้ เกษตรทม่ี คี ณุ ภาพ ทำ� เลทต่ี ง้ั ชมุ ชนอยใู่ กลเ้ คยี ง แหล่งท่องเท่ียวท่ีมีช่ือเสียงของจังหวัดสตูล ประชาชนในพ้ืนที่มีความต้องการ ในการพฒั นาเปน็ การทอ่ งเทย่ี วชมุ ชน และจงั หวดั สตลู มนี โยบายสนบั สนนุ การทอ่ งเทยี่ ว โดยชมุ ชน สอดคล้องกับ พจนา สวนศรี (2546 : 61) ซ่ึงได้อธิบายว่ากอ่ นทช่ี ุมชน จะจัดการท่องเท่ยี วโดยชุมชน ชุมชนตอ้ งมีการเตรยี มความพรอ้ มด้วยการวิเคราะห์ ข้อมูลร่วมกันทั้งในด้านศักยภาพ ข้อจ�ำกัด โอกาส และความเสี่ยง ในขั้นตอนนี้ จะท�ำให้ชุมชนได้มองเห็นได้ด้วยตนเอง และสามารถเชื่อมโยงเรื่องท่องเท่ียวกับ การพัฒนาชุมชนได้ การวิเคราะห์ข้อมูลในครั้งน้ีจะท�ำให้เกิดการจัดล�ำดับ ความส�ำคญั ของปัญหา 4) รูปแบบการจัดการตลาดนัดชุมชนเชิงวัฒนธรรมเพ่ือการท่องเที่ยว ตำ� บลเขาขาว อำ� เภอละงู จงั หวดั สตลู ทพ่ี ฒั นาขนึ้ มอี งคป์ ระกอบทสี่ ำ� คญั ตามหลกั การ จดั การ ประกอบดว้ ย การวางแผน การจดั องคก์ าร การชน้ี ำ� และบทบาทผนู้ ำ� และการ ควบคมุ สำ� หรบั องคป์ ระกอบการวางแผน คอื มกี ารกำ� หนดเปา้ หมายหรอื วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือเป็นพื้นท่ีในการจ�ำหน่ายสินค้าของชุมชนพร้อมทั้งเป็นแหล่งท่องเท่ียว ของชุมชนท่ีสามารถสร้างและกระจายรายได้ให้แก่คนในชุมชนด้วย สอดคล้องกับ Fennell (1999 : ระบเุ ลขหนา้ ) ทไ่ี ดอ้ ธิบายหลกั การและองคป์ ระกอบของท่องเทยี่ ว ชุมชนว่าต้องมีการวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกับคนในชุมชน เพื่อสร้าง
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 173 ประโยชน์ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน และเพ่ือให้เป้าหมายดังกล่าวบรรลุผลจึงต้องมี การจัดองค์การ โดยการก�ำหนดบทบาทหน้าท่ีความรับผิดชอบในการด�ำเนินงาน นอกจากนย้ี งั มีหน้าที่ในการควบคุม ก�ำกับ ตดิ ตาม และประเมินผลการด�ำเนินงาน ใหบ้ รรลผุ ลสำ� เรจ็ สอดคลอ้ งกบั พจนา สวนศรี (2546 : 63) ทไ่ี ดอ้ ธบิ ายกระบวนการ เตรยี มความพรอ้ มชมุ ชนเพอื่ การทอ่ งเทยี่ ว โดยระบขุ นั้ ตอนทส่ี ำ� คญั ดา้ นการจดั การ คอื มกี ฎกตกิ าในการจัดการสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมและการท่องเท่ยี ว มีองค์กรหรือ กลไกในการท�ำงานเพ่ือจัดการการท่องเที่ยว และสามารถเช่ือมโยงการท่องเท่ียว กับการพัฒนาชุมชนโดยรวมได้ มีการกระจายผลประโยชน์ท่ีเป็นธรรม มีกองทุนท่ี เออ้ื ประโยชนต์ อ่ การพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมของชมุ ชน ซง่ึ การจดั การตลาดนดั ชมุ ชน เชิงวัฒนธรรมเพอื่ การท่องเท่ียวใหบ้ รรลุผลส�ำเร็จไดน้ ้นั จำ� เปน็ ท่ีจะต้องมีเครอื ขา่ ย ในการสนับสนนุ จากหนว่ ยงานทงั้ ภายในและภายนอกชุมชนอกี ด้วย ขอ้ เสนอแนะ 1. ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย 1) หน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทในการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนควรมี กระบวนการให้ความรู้แก่ประชาชนในพ้ืนท่ีเกี่ยวกับการท่องเท่ียวชุมชนก่อนที่จะ ท�ำการพัฒนาการท่องเท่ียวชุมชน เพ่ือเป็นการเตรียมความพร้อมและสร้างการ รบั รขู้ องชมุ ชนโดยเนน้ กระบวนการมสี ว่ นรว่ ม ซงึ่ จะชว่ ยใหก้ ารพฒั นาการทอ่ งเทยี่ ว ชมุ ชนเกิดประสทิ ธิภาพในการด�ำเนนิ งาน 2) ควรมีการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการท�ำงานด้านการท่องเท่ียว ชุมชนของหน่วยงานท้ังภาครัฐและเอกชน เพ่ือเช่ือมโยงเส้นทางการท่องเท่ียว อุทยานธรณีโลกของจงั หวดั สตลู 3) องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ควรกำ� หนดนโยบายในการสนบั สนนุ ทรพั ยากร ทางการบรหิ ารอยา่ งเพยี งพอ เพอื่ พฒั นาการทอ่ งเทย่ี วโดยชมุ ชนในรปู แบบตลาดนดั ชมุ ชนเชงิ วฒั นธรรมเพอ่ื การทอ่ งเทยี่ ว ซง่ึ จะชว่ ยสรา้ งรายไดใ้ หแ้ กป่ ระชาชนในพนื้ ที่ และเปน็ รปู แบบการพฒั นาทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มคอ่ นขา้ งนอ้ ย นำ� มา ซึ่งการใช้ทรัพยากรอย่างคมุ้ ค่าและเกดิ ความย่ังยืนของทอ้ งถ่นิ
174 ปีที่ 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2564 4) รัฐบาลควรมีนโยบายในการส่งเสริมการท่องเท่ียวโดยชุมชน ในลักษณะ ท่ีเป็นความร่วมมือระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินกับสถาบันการศึกษา โดยสถาบนั การศึกษาจะมหี นา้ ทีเ่ ป็นทีป่ รกึ ษาในการพฒั นาการทอ่ งเทีย่ วโดยชมุ ชน และยังเปน็ การพัฒนาองคค์ วามรขู้ องสถาบันการศกึ ษาไปพร้อมๆ กัน 2. ขอ้ เสนอแนะเชิงปฏบิ ตั กิ าร 1) ตลาดนัดชุมชนฯ ควรมีการออกแบบสถาปัตยกรรมท่ีมีเอกลักษณ์ และสอดคลอ้ งกบั วฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ เพอื่ สรา้ งความโดดเดน่ และดงึ ดดู ใจนกั ทอ่ งเทยี่ ว 2) ตลาดนดั ชมุ ชนฯ ควรเชอ่ื มโยงและมกี จิ กรรมนทิ รรศการทจี่ ดั แสดงความรู้ เกี่ยวกับอุทยานธรณีโลก เน่ืองจากชุมชนอยู่ในพื้นท่ีท่ีมีการประกาศเป็นอุทยาน ธรณโี ลก ถือเปน็ จุดเด่นทส่ี รา้ งความน่าสนใจ 3) ตลาดนัดชุมชนฯควรเน้นการประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อออนไลน์ ซ่ึงมีต้นทุนต่�ำในการด�ำเนินการแต่มีผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเท่ียวในปัจจุบัน เปน็ อย่างมาก 4) ตลาดนัดชุมชนฯควรมีการจัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ ชุมชนอื่นๆ เพ่ือน�ำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาอย่างสม่�ำเสมอ และจะน�ำไปสู่การ สรา้ งความย่งั ยนื ใหแ้ กต่ ลาดนัดชุมชนฯ 3. ขอ้ เสนอแนะในการวจิ ยั คร้งั ตอ่ ไป ควรมีการศึกษารูปแบบการจัดการตลาดนัดชุมชนเชิงวัฒนธรรมเพื่อ การท่องเที่ยว ส�ำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวมุสลิม เพ่ือเป็นการสร้างอัตลักษณ์ให้มี ความโดดเด่นแก่ตลาดนัดชุมชนฯ เน่ืองจากจังหวัดสตูลเป็นจังหวัดที่มีผู้นับถือ ศาสนาอสิ ลามเปน็ จำ� นวนมาก ทำ� ใหม้ วี ฒั นธรรมอาหารการกนิ ในรปู แบบชาวมสุ ลมิ ซงึ่ สามารถรองรบั ทง้ั นกั ทอ่ งเทย่ี วภายในประเทศและนกั ทอ่ งเทยี่ วตา่ งชาตโิ ดยเฉพาะ จากประเทศมาเลเซียท่ีนบั ถอื ศาสนาอสิ ลามได้
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 175 เอกสารอ้างองิ กระทรวงการทอ่ งเท่ยี วและกฬี า. (2561). สถติ ินักท่องเทย่ี ว. สืบค้นเม่อื 13 ธนั วาคม 2561, จาก https://www.mots.go.th/more_news_new. php?cid=497. การท่องเทยี่ วแห่งประเทศไทย. (2549). แนวทางการวางแผนพัฒนาการทอ่ ง เทย่ี วอยา่ งย่ังยืน. กรุงเทพฯ : การท่องเทีย่ วแห่งประเทศไทย. ขนษิ ฐา บรมส�ำลี และรัฐพล สนั สน. (2560). รูปแบบกลยุทธก์ ารตลาดเพือ่ การทอ่ ง เทย่ี วตลาดน�้ำแบบยงั่ ยืน, วารสารวชิ าการ Veridian E-Journal บัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ. 10(2), 1 - 22. คณะกรรมการนโยบายการทอ่ งเท่ียวแห่งชาต.ิ (2560). แผนการพัฒนาการทอ่ ง เที่ยวแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 2 (พ.ศ. 2560 - 2564). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ องค์การสงเคราะหท์ หารผ่านศึก. บุญเลิศ จิตต้ังวฒั นา. (2548). การพฒั นาการท่องเทีย่ วแบบยั่งยนื . กรุงเทพฯ : เพรสแอนด์ ดีไซน.์ พจนา สวนศร.ี (2546). คูม่ อื การจัดการท่องเท่ียวโดยชุมชน. กรุงเทพฯ : โครงการท่องเทยี่ วเพอ่ื ชวี ิตและธรรมชาต.ิ เมธี ปิยะคณุ . (2547). การพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยท์ ี่ดที สี่ ดุ . สบื คน้ เมื่อ 22 เมษายน 2561, จาก http://www.stou.ac.th/thai/offices/ocel/knowledge/ 3-46/page19-3-46.html. รชพร จนั ทร์สวา่ ง. (2546). เอกสารชดุ ฝกึ อบรมทางไกลหลกั สตู รการจดั การ ท่องเทยี่ วชมุ ชนอย่างย่ังยนื . กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช. รัชชพงษ์ ชชั วาลย์ และศดานนท์ วัตตธรรม. (2563). รปู แบบการจดั การตลาด นดั ชมุ ชนเชิงวฒั นธรรมเพอ่ื การทอ่ งเท่ยี ว ต�ำบลเขาขาว อำ� เภอละงู จงั หวดั สตลู . สงขลา : มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสงขลา.
176 ปีที่ 16 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2564 วลัยพร ริว้ ตระกูลไพบลู ย.์ (2558). พฤตกิ รรมนกั ทอ่ งเท่ียว. ปทมุ ธานี : ส�ำนกั พมิ พม์ หาวิทยาลัยกรงุ เทพ. ส�ำนกั งานจงั หวัดสตูล. (2561). แผนพัฒนาจังหวดั สตูล 4 ปี (พ.ศ. 2561 - 2564) ฉบับทบทวน. สบื ค้นเม่ือ 5 พฤษภาคม 2561, จาก http://www2.satun. go.th/files/com_news_devpro/2019-05_28f680470d8673b.pdf. สนิ ธุ์ สโรบล. (2546). การท่องเทีย่ วโดยชุมชน: ฐานคดิ จากงานวจิ ยั เพอ่ื ทอ้ งถิ่น ในการทอ่ งเที่ยวโดยชมุ ชน แนวคดิ และประสบการณพ์ ืน้ ทภี่ าคเหนือ. กรงุ เทพฯ : สำ� นักงานกองทุนสนบั สนุนการวจิ ยั . สปุ ระภา สมนกั พงษ.์ (2560). แนวโน้มและตลาดการทอ่ งเท่ยี ว 4.0 ประเทศไทย, วารสารวิชาการ Veridian E-Journal บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร ฉบับภาษาไทย สาขามนษุ ยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ. 10(3), 2055 - 2068. องคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบลเขาขาว อำ� เภอละงู จงั หวดั สตลู . (2557). แผนยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนา. สบื ค้นเม่ือ 2 พฤษภาคม 2561, จาก http:// www.khaokhaw.go.th/html/new-menu-1-view.asp?action=2&id=56. อัจฉรา ชวี ตระกลู กิจ. (2542). การจดั การสำ� หรับวศิ วกร. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช. Creswell, J. W. (2014). Research design : qualitative, quantitative, and mixed methods approaches (4th ed.). Thousand Oaks. California : Sage. Fennell, D. A. (1999). Ethical tourism. Canada : Brock University. Schmoll, G. A. (1977). Tourism promotion. London : Tourism International. Yamane, T. (1973). Statistics : an introductory analysis (3rd ed.). New York : Harper and Row.
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 177 อัตลักษณจ์ ีนจากแบบเรยี นสร้างเสริมลักษณะนิสยั มัธยมศึกษาตอนต้นของประเทศจีน1* Chinese identity from the Chinese Junior high school education moral lesson textbook in China1* หลี่ เส้าฮุย2* (Li Shaohui)2* พรพันธ์ุ เขมคุณาศยั 3 (Phonphan Khamkhunasai)3 พรไทย ศิริสาธิตกิจ4 (Pornthai Sirisatidkit)4 ณฐพงศ์ จิตรนริ ตั น5์ (Nathapong Chitniratna)5 บทคดั ย่อ บทความน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์สาระส�ำคัญของแบบเรียนสร้างเสริม ลักษณะนิสัยมัธยมศึกษาตอนต้นของจีน ศึกษาอัตลักษณ์จีนและกระบวนการสร้าง อัตลักษณ์จีนจากแบบเรียนสร้างเสริมลักษณะนิสัยมัธยมศึกษาตอนต้นของจีน โดยใช้ระเบียบการวิจัยเชิงเอกสารและใช้ทฤษฎี อัตลักษณ์ ผลการศึกษาพบว่า 1 บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของดุษฎีนิพนธ์เร่ือง อัตลักษณ์จีนจากแบบเรียนสร้างเสริมลักษณะนิสัย มธั ยมศึกษาตอนต้นของประเทศจีน 2* นิสิตระดับปริญญาเอก, หลักสูตร ปร.ด.วัฒนธรรมศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษณิ สงขลา 90000 อีเมล : [email protected] 3 รองศาสตราจารย์ ดร., หลกั สตู ร ปร.ด.วฒั นธรรมศกึ ษา คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทักษิณ สงขลา 90000 อเี มล : [email protected] 4 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร., หลักสูตร ปร.ด.วัฒนธรรมศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ สงขลา 90000 อเี มล : [email protected] 5 รองศาสตราจารย์ ดร., หลกั สตู ร ปร.ด.วฒั นธรรมศกึ ษา คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทักษิณ สงขลา 90000 อเี มล : [email protected] 1 This article submitted in partial of the dissertation entitled “Chinese identity from the Chinese Junior high school education moral lesson textbook in China” 2* Doctoral Student, Doctor of Philosophy Program in Cultural Studies, Faculty of Humanities and Social Sciences Thaksin University. E-mail : [email protected] 3 Assoc. Prof. Dr., Faculty of Humanities and Social Sciences Thaksin University. E-mail : k.khema [email protected] 4 Asst. Prof. Dr., Faculty of Humanities and Social Sciences Thaksin University. E-mail : [email protected] 5 Assoc. Prof. Dr., Faculty of Humanities and Social Sciences Thaksin University. E-mail : [email protected] * Corresponding author: E-mail address : [email protected] Received : March 2, 2021 ; Revised : June 23, 2020 ; Accepted : June 30, 2020
178 ปที ี่ 16 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2564 สาระส�ำคัญของแบบเรียนสร้างเสริมลักษณะนิสัยมัธยมศึกษาตอนต้นของจีน ประกอบด้วย โครงสร้างและเนื้อหาของแบบเรียน รวมถึงวิธีการสอนและบทบาท ของครู อัตลักษณจ์ นี ประกอบด้วย อตั ลกั ษณข์ องชาตจิ ีน อตั ลกั ษณท์ างวฒั นธรรม ด้ังเดิมของจีน และอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์จีน กระบวนการสร้างอัตลักษณ์จีน มี 5 ประการ ประกอบด้วย นโยบายการศึกษาของจีน แผนการพัฒนาการศึกษา ของจนี มาตรฐานหลกั สตู รวชิ าสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั การดำ� เนนิ การเรยี นการสอน วิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัย และการปฏิบัติค่านิยมหลักสังคมนิยมที่ปรากฎใน แบบเรยี น การวจิ ยั ในอนาคตควรศกึ ษาอตั ลกั ษณท์ อ้ งถนิ่ และศกึ ษาเกย่ี วกบั อตั ลกั ษณ์ ทางชาติพนั ธจ์ุ นี คำ� ส�ำคัญ : แบบเรียน, อัตลักษณจ์ นี , กระบวนการสร้างอตั ลกั ษณ์จีน Abstract This research aimed to analyze the significance of the Chinese Junior high school education moral lesson textbook and also aimed to study the identification and the process of building Chinese identity from the Chinese Junior high school education moral lesson textbook by using documentary research method and using the identity theory. The study found that the important part of Chinese Junior high school education moral lesson textbook consists of structure and content of the textbook, teaching methods and teacher roles. The Chinese identity consist of the Chinese national identity, the Chinese traditional culture identity and the Chinese ethnic identity. The Chinese identity building process has five factors that was granted by education of China through Chinese education development, passed the standard of enhancing identities, through the enhancing characteristic lesson by using a brainstorming ideas method and through the practice of social values that appear in the education. The future research should study on the local identity and study Chinese ethnic identity. Keywords : Textbook, Chinese identity, Chinese identity building process
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 179 บทนำ� จนี 6 กำ� ลงั เปน็ มหาอำ� นาจของโลก สนิ คา้ จนี กำ� ลงั ครองตลาดในประเทศตา่ งๆ เป็นของราคาถูก เพราะว่าจีนมีประชากรเป็นจ�ำนวนมาก เม่ือประเทศจีนต้องการ ผลิตสินค้าข้ึนมาสามารถท�ำให้ราคาต้นทุนถูกลงเพราะสามารถขายได้จ�ำนวนมาก เมืองใหญ่เจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว มีเทคนิคในทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีจีน ยังก้าวไปถึงข้ันที่ส่งมนุษย์อวกาศข้ึนไปโคจรรอบโลกได้ถึงสองครั้ง ยังมีเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาไปรวดเร็วกว่าประเทศสหรัฐอเมริกา จีนมีการด�ำรงชีวิต ท่ีดีข้ึน คนจีนยุคใหม่เป็นคนท่ีมิได้จมปรักอยู่กับความเก่าแก่แต่เพียงอย่างเดียว หากแต่พยายามตามให้ทันโลกด้วย ผู้น�ำที่ปกครองประเทศอยู่ปัจจุบันนี้เข้าใจ ถงึ ปญั หาตา่ งๆ ภายในประเทศ รวมตลอดทง้ั มคี วามชาญฉลาดในทางโลกโดยเฉพาะ อยา่ งยงิ่ การตดิ ตอ่ ระหวา่ งประเทศ จะเหน็ ไดว้ า่ ผนู้ ำ� จนี เดนิ ทางไปเจรญิ สมั พนั ธไมตรี กบั ประเทศอน่ื ๆ คนจนี รวู้ า่ ตวั คอื คนจนี เปน็ ลกู หลานของ Yan Huang (Yan Huang คือ กษัตริย์ที่เก่าแก่ท่ีสุดของประเทศจีน) ถึงแม้ว่าคนจีนจะไม่มีการนับถือศาสนา แต่เชื่อม่ันว่าตัวเองมีจุดยืนว่าตัวเองเป็นลูกหลานของใคร ประเทศจีนเป็นดินแดน ที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์มาตั้งแต่ยุคโบราณ กระทั่งถึงปัจจุบันในแต่ละ ภูมิภาคก็ยังคงประกอบด้วยกลุ่มชนหลากหลายเผ่าพันธุ์ นับตั้งแต่สาธารณรัฐ ประชาชนจนี สถาปนาขนึ้ เมอ่ื ปี ค.ศ. 1949 รฐั บาลจนี ไดส้ ำ� รวจและประกาศยนื ยนั วา่ ประเทศจนี มชี นเผา่ ตา่ งๆ อาศยั อยรู่ วมกนั ทง้ั สนิ้ 56 ชนเผา่ โดยชนชาตฮิ น่ั (ภาษาจนี เรยี กวา่ han zu 汉族) เป็นกล่มุ ทมี่ ีประชากรมากทสี่ ดุ สว่ นท่ีเหลืออกี 55 ชนเผา่ เป็นชนเผ่าน้อย (ภาษาจีนเรียกว่า shao shu min zu 少数民族) 56 ชนเผ่า ในประเทศจีน มี 92% ขึ้นไปเป็นชนชาติฮั่น (http://www.stats.gov.cn/tjsj/pcsj/ rkpc/6rp/indexch.htm สบื คน้ เม่อื วนั ที่ 12 มนี าคม 2562) ซ่ึงชนเผา่ น้อยจะไม่เป็น ปญั หาของชาติ ฮนั่ มาจากราชวงศฮ์ นั่ ปจั จบุ นั ชนชาตฮิ นั่ มมี าตง้ั แตโ่ บราณ วฒั นธรรม และประวัติศาสตรอ์ ันยาวนานกว่า 5,000 ปี ปจั จบุ ันจนี มีประชากร 1,300 ล้านคน (http://www.stats.gov.cn/tjsj/pcsj/rkpc/6rp/indexch.htm สืบค้นเม่ือวันที่ 12 มีนาคม 2562) ซ่ึงมีคุณลักษณะดังกล่าวมาเบ้ืองต้นกลายเป็นพลังผลิตอย่าง มหาศาล เมื่อผสมผสานกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ 6 คำ� วา่ จีน หมายถึง สาธารณรัฐประชาชนจีน ต่อไปนจี้ ะใช้คำ� วา่ จีน แทนค�ำว่าสาธารณรัฐประชาชนจีน
180 ปที ี่ 16 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2564 ระบบการเมืองมีความแข็งแรงและม่ันคง มีอุดมการณ์ มีความภูมิใจในความเป็น ชาตเิ กา่ แก่ สังคมจีนเป็นสังคมแบบพหุสังคม มีความหลากหลายของวัฒนธรรมและ ขนบธรรมเนียม ชาวไทยต้องท�ำความเข้าใจกับชาวจีนมากขึ้น ต้องเข้าใจวิสัยทัศน์ ของคนจีนและอัตลักษณ์ของชาวจีน ต้นก�ำเนิดอัตลักษณ์ของคนจีนอยู่ท่ีการศึกษา และส่ิงท่ีส�ำคัญท่ีสุดของความคิดชาวจีนมาจากแบบเรียนของชาวจีนนั่นเอง โดย เฉพาะวิชาสรา้ งเสริมลกั ษณะนสิ ัยมธั ยมตน้ ของจนี (Wei Gao & Mengmeng Yan, 2020: 34 – 43) ปญั หาท่เี กิดข้นึ คือ การท่ีคนไทยไม่ค่อยเขา้ ใจวา่ ท�ำไมคนจนี มีความรกั ชาติ รักครอบครัวมาก ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะศึกษาอัตลักษณ์ของชาวจีนจาก แบบเรยี นจนี เพือ่ ท่ีจะใหช้ าวไทยเขา้ ใจชาวจีนมากยิ่งขึ้น แบบเรียนจีนโดยเฉพาะวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัยจะสอนให้นักเรียนจีน มแี นวคดิ ทสี่ ะทอ้ นถงึ สภาพสงั คม วฒั นธรรมและวถิ ชี วี ติ ของคนในสงั คม นกั เรยี นจนี นัน้ เปน็ ผลผลติ ของสงั คมเป็นส่ิงที่เกดิ ข้ึนในบริบททางวัฒนธรรม แบบเรียนจนี ไม่ใช่ แค่ให้ความรู้เพียงอย่างเดียว แต่ยังสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณีจีน อีกด้วย เนื่องจากผลิตผลของสังคมจีนในอดีตท่ีได้รับการถ่ายทอดสืบต่อมาจาก คนรุ่นหนึ่งสู่คนรุ่นหน่ึง มีการอบรมระเบียบของสังคมจีน บทบาทในการถ่ายทอด ความเชอ่ื พธิ กี รรม และบทบาทของจีนเพอื่ สร้างเอกลักษณ์ใหเ้ ป็นของตวั เอง อตั ลกั ษณท์ โ่ี ดดเดน่ ทปี่ รากฏในแบบเรยี นจนี คอื ความสามคั คี ความรกั ชาติ ส่วนมากมีการเน้นย้�ำเสมอของด้านการสามัคคี ประเทศจีนมีชนเผ่าท่ีใหญ่ท่ีสุดคือ ชนชาติฮ่ัน สว่ นอกี 55 ชนเผ่าทเี่ หลือนั้นเป็นชนเผ่าน้อย การมหี ลายๆ ชนเผ่านั้น ท�ำให้ประเทศจีนนั้นต้องสร้างความเป็นเอกภาพ ดังน้ันอัตลักษณ์ที่โดนเด่นของ ประเทศจนี คือ ความสามคั คแี ละความรกั ชาติ การสรา้ งการรับรคู้ วามเปน็ หนึ่งเพ่อื ความมั่งคงของประเทศจีนนั้นจึงเป็นกระบวนการสร้างอัตลักษณ์ที่ปรากฏใน แบบเรียนโดยใช้วิธีการเน้นย�้ำความคิดของผู้เรียน ว่าความรักความสามัคคีท�ำให้ เกิดพลัง
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 181 การศกึ ษาอตั ลกั ษณจ์ นี จากแบบเรยี นจนี สรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั มธั ยมตน้ นน้ั มีจุดมุ่งหมายคือเป็นการสอนเนื้อหาให้มีความสอดคล้องกับชีวิตจริง เพื่อสะท้อน ให้เห็นถึงความคิดและความเป็นตัวตน ผู้เรียนจะมีบทบาทต่อสังคม เนื่องจาก ผู้สอนสามารถสอดแทรกส่ิงท่ีตนเองคาดหวังอยากให้เกิดประโยชน์ท่ีสูงสุด การปรับเปลี่ยนแบบเรียนจีนน้ันจะต้องปรับให้เข้ากับสังคม รัฐบาลสามารถใช้ การศึกษาเป็นกลไกในการสร้างอัตลักษณ์ข้ึนมาได้โดยการสื่อออกมาทางแบบเรียน รฐั บาลมหี นา้ ทสี่ ำ� คญั ในการพฒั นาการศกึ ษา รฐั บาลปลกู จติ สำ� นกึ เรอ่ื งความรกั ชาตจิ นี การสืบทอดวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน และความเป็นเอกภาพ ให้กับผู้เรียนโดย การกำ� หนดเนื้อหาเหล่าน้ลี งในแบบเรยี น ในการวิจัยครั้งน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตลักษณ์จีนจากแบบเรียน สรา้ งเสริมลักษณะนิสยั มธั ยมตน้ ของจนี ในประเดน็ ต่อไปน้ี 1. เพอื่ วเิ คราะหส์ าระสำ� คญั ของแบบเรยี นสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั มธั ยมศกึ ษา ตอนต้นของจีน 2. เพ่ือศึกษาอัตลักษณ์และกระบวนการสร้างอัตลักษณ์จีนจากแบบเรียน สรา้ งเสรมิ ลักษณะนสิ ัยมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ของจนี การทบทวนงานวจิ ัยท่ีเกย่ี วข้อง อภิญญา เฟื่องฟูสกุล (2546 : 1-5) กล่าวถึง อัตลักษณ์กับการสร้างตัวตน ในบรบิ ทโลกาภวิ ัตน์ โลกาภิวตั น์มีการเปลย่ี นแปลงเสมอ เปลีย่ นแปลงไปทุกๆ ด้าน ให้เข้ากับสังคมในปัจจุบัน ท�ำให้พหุวัฒนธรรมเกิดข้ึนและหาจุดยืนเป็นของตัวเอง กลายเป็นส่วนส�ำคัญของระบบริโภคนิยม ฮาร์เร (Harre, 1990 อ้างใน อภิญญา เฟื่องฟูสกุล, 2546, 104-105) ได้ให้แนวคิด แผนภาพของความสัมพันธ์เชื่อมโยง ระหวา่ งอตั ลักษณส์ ว่ นบคุ คล (Individual Identity) เป็นอตั ลกั ษณ์ทางสงั คม (Social Identity) และกระบวนการที่สังคมหลอ่ หลอมอัตลักษณส์ ่วนบคุ คล Bin Zuo & Fangfang Wen (2017 : 176-180) กล่าวถึง อัตลักษณ์ ทางวัฒนธรรม คือ เป็นการยอมรับทางวัฒนธรรม ประกอบด้วย อัตลักษณ์ รูปแบบทางวัฒนธรรม อัตลักษณ์บรรทัดฐานทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์คุณค่า ทางวัฒนธรรม อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมจีนเป็นหัวใจหลักของชาติจีนและ
182 ปีท่ี 16 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564 เป็นรากฐานส�ำคัญทางวัฒนธรรมด้ังเดิมของจีน การฟื้นฟูวัฒนธรรมจีน คือ การระบุคุณค่าทฤษฎีหลักเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม การระบุตัวตนท่ีมี ค่านิยมหลักสังคมนิยม การรับรู้ตนเองของชาวจีนยึดม่ันในค่านิยมหลักสังคมนิยม ส่งเสริมการผสมผสานอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมและการเน้นย�้ำบทบาท “ชาวจีน” ล้วนเปน็ หนทางที่เปน็ ไปไดใ้ นการพัฒนาวฒั นธรรมจนี ร่วมสมยั อย่างดี วิธีการวิจัย ผ้วู จิ ัยศึกษาจากเอกสารเปน็ หลัก แหลง่ ข้อมลู คือ แบบเรียนวิชาสร้างเสริม ลักษณะนิสัยมัธยมต้นของจีน ฉบับส�ำนักพิมพ์การศึกษาเพื่อประชาชน โดยมีวิธี การศึกษา คือ (1) เลือกวิชาเรียนคือสร้างเสริมลักษณะนิสัยมัธยมศึกษาตอนต้น จากประเทศจนี (2) เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากแบบเรยี น ไดแ้ ก่ แบบเรยี นจนี มธั ยมศกึ ษา ตอนตน้ ฉบับส�ำนักพิมพก์ ารศึกษาเพ่ือประชาชน ช่วงปี พ.ศ. 2556 - พ.ศ. 2562 นำ� มาวเิ คราะหข์ อ้ มลู (3) วเิ คราะหข์ อ้ มลู ทเี่ กบ็ รวบรวมมา (4) สรปุ ผลและอภปิ รายผล (5) ขอ้ เสนอแนะ ผลการวิจัย การน�ำเสนอข้อมูลในเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับสาระส�ำคัญของแบบเรียน สรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ของจนี รวมถงึ อตั ลกั ษณแ์ ละกระบวนการ สร้างอตั ลกั ษณจ์ ีนจากแบบเรยี นสร้างเสรมิ ลกั ษณะนิสัยมธั ยมศึกษาตอนต้นของจีน ซงึ่ ผู้วิจยั จะน�ำเสนอขอ้ มลู ในส่วนของการวิเคราะหด์ งั ตอ่ ไปนี้ 1. สาระสำ� คัญของแบบเรียนสรา้ งเสริมลักษณะนิสัย แบบเรียนจีนมัธยมศึกษาตอนต้นท่ีจะมาวิเคราะห์อยู่ในช่วงยุคประธาน สีจ้นิ ผิง ซงึ่ อยู่ในชว่ งปี พ.ศ. 2556 - พ.ศ. 2562 แบบเรียนผลิตโดยส�ำนักพิมพ์รายใหญ่ แบบเรียนสร้างเสริมลักษณะนิสัย ในประเทศจีน มี 9 ฉบับหลักๆ ส่วนอีก 13 ส�ำนักพิมพ์นั้นมีแบบเรียนแต่ไม่มี วิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัย ใน 8 ฉบับที่กล่าวถึงน้ัน มี 1 ฉบับที่เป็นหลัก คือ ส�ำนักพมิ พก์ ารศึกษาเพื่อประชาชน
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 183 ภาพที่ 1 หนา้ ปกของแบบเรียน สำ� นกั พมิ พ์การศึกษาเพือ่ ประชาชน ที่มา : ศนู ย์วจิ ัยต�ำราและศนู ย์วจิ ัยแบบเรียนสรา้ งเสรมิ ลักษณะนสิ ยั ของจนี (ถา่ ยเมือ่ วนั ที่ 12 เมษายน 2562) 1.1 โครงสร้างและเนื้อหาของแบบเรียนฉบับส�ำนักพิมพ์การศึกษา เพือ่ ประชาชน หลักสูตรวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัย เป็นหลักสูตรท่ีครอบคลุมตามชีวิต ของนักเรียนมัธยมต้นโดยมีวัตถุประสงค์พื้นฐานในการช้ีน�ำและส่งเสริมการพัฒนา คุณภาพของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ทัศนคติและค่านิยมทางอารมณ์ ช้ีน�ำ นักเรียนให้ค่อยๆ สร้างมุมมองโลกที่ถูกต้อง มุมมองเก่ียวกับชีวิตและค่านิยม บนพนื้ ฐานของการสงั เกต หลกั สตู รวชิ าสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั เปน็ การแสดงออกถงึ ลกั ษณะของหลกั สตู รวา่ ยดึ เอาลทั ธมิ ารก์ ลทั ธเิ หมา ทฤษฎเี ตงิ้ เสยี่ วผงิ และความคดิ “สามตวั แทน”7 เปน็ แนวทางเชอื่ มโยงชวี ติ ทางสงั คมและความเปน็ จรงิ ทางอดุ มการณ์ ของนักเรยี นอย่างใกล้ชดิ (Ministry of Education of China, 2011 : 1-4) 7 สามตัวแทน หมายถงึ พรรคคอมมวิ นสิ ตจ์ ีนจะต้อง 1. เป็นตัวแทนความเรียกรอ้ งต้องการการพัฒนาของ พลังการผลิตที่ก้าวหน้า 2. เป็นตัวแทนทิศทางการพัฒนาของวัฒนธรรมท่ีก้าวหน้า และ 3. เป็นตัวแทน ผลประโยชนท์ แ่ี ทจ้ รงิ ของประชาชน (http://cpc.people.com.cn/GB/64156/64157/4418474.html สบื คน้ เมอื่ วนั ท่ี 11 มีนาคม 2562)
184 ปีท่ี 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2564 ตารางที่ 1 โครงสรา้ งของแบบเรยี นสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ของจนี การเจริญเติบโต สขุ ภาพจติ ศีลธรรม กฎหมาย การศกึ ษาสภาพ ความสัมพันธ์ระหว่าง ร้จู ักตวั เอง ศึกษาและ ของจีน การตดิ ตอ่ นับถอื ใชก้ ฎหมาย ตนเองกบั ผูอ้ ื่น สอื่ สาร ตนเอง เอกลกั ษณ์ทาง คณุ ธรรม สทิ ธิและหนา้ ที่ วัฒนธรรม ของการ สอ่ื สาร อุดมคตทิ วั่ ไป ความสัมพนั ธข์ องตนเอง ปรับตัวเขา้ กบั รบั ผิดชอบ กฎหมายและ รู้สภาพของจนี กบั ประเทศและสงั คม สงั คมอยา่ ง ตอ่ สังคม ระเบยี บสังคม รักชาติจีน กระตอื รือรน้ ท่ีมา : the standard course of moral lesson textbook (2011 : 7-16) ลักษณะของการเขียนแบบเรียน คือ เน้นการเรียนรู้คุณธรรมของนักเรียน แบบเรียนสร้างเสริมลักษณะนิสัยมุ่งเน้นไปที่ชี้น�ำนักเรียนให้ได้ข้อสรุปจากชีวิตของ ตัวเอง การคิด ผ่านกิจกรรม มุ่งเน้นไปที่กระบวนการสร้างแนวคิดมุมมองและ ขอ้ สรุป กระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นรจู้ ักคิด เน้ือหาหลักในแบบเรียน คือ การออกแบบกิจกรรมและการวิเคราะห์ กรณีท่ีกระตุ้นให้เกิดการคิด ส่งเสริมการปฏบิ ัติและประสบการณ์ทคี่ รอบคลุม วิธีการสอนวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัย คือ (1) สอนแบบมนุษยธรรม (2) สอนแบบใชช้ วี ติ ในความเปน็ จรงิ (3) นำ� เนอ้ื หาใหเ้ ขา้ ไปสกู่ ารใชช้ วี ติ ความเปน็ จรงิ และน�ำชีวติ ความเป็นจรงิ ไปสูเ่ นอ้ื หา 1.2 บทบาทของครสู อนวิชาสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั ครูระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ควรมีบทบาทดังต่อไปน้ี (1) ครูต้องยึดมั่นใน ทัศนคติทางวทิ ยาศาสตร์ (2) ครตู ้องออกแบบเปา้ หมายการเรียนการสอนแบบเปิด (3) ครูต้องเก่งในการค้นพบและใช้ทรัพยากรของหลักสูตร (4) ครูต้องขยายพ้ืนท่ี ในการคิด (5) ครูต้องปรับปรุงคุณภาพของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ครูต้องไม่เพียง แต่ช่วยให้นักเรียนได้รับการพัฒนาความรู้ความสามารถในการคิดและการส�ำรวจ
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 185 ความจริงอย่างกระตือรือร้นเท่าน้ัน แต่ยังต้องปลูกฝังความรู้ทางศีลธรรมท่ีถูกต้อง และตอ้ งใหน้ กั เรยี นมที ศั นคตติ อ่ โลก ทศั นคตติ อ่ ชวี ติ และทศั นคตติ อ่ คณุ คา่ ทถี่ กู ตอ้ ง (Ministry of Education of China, 1993) 2. อัตลกั ษณ์จนี อตั ลกั ษณข์ องชาวจนี ทปี่ รากฏในแบบเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษามหี ลายอตั ลกั ษณ์ แตใ่ นบทความนจ้ี ะกลา่ วเฉพาะอตั ลกั ษณท์ เ่ี ดน่ ๆ เชน่ ความสามคั คี สำ� หรบั ประเทศ ท่ีมีความหลากหลากทางชาติพันธุ์ของประชากรอย่างประเทศจีนนั้น การสร้าง ความเป็นเอกภาพเพื่อความเป็นเอกราชเป็นสิ่งส�ำคัญอย่างยิ่ง และการที่ประเทศ จะมเี อกภาพเปน็ หนงึ่ เดยี วได้ ประชาชนตอ้ งมี “สำ� นกึ ” ของความเปน็ หนง่ึ เดยี วกอ่ น ดังน้ันเพอ่ื ไม่ใหเ้ กดิ ความแตกแยก รัฐบาลจงึ พยายามสร้าง “ส�ำนกึ ” น้ีโดยการเนน้ ท่ีความสามัคคี ความสามัคคีจึงเป็นอัตลักษณ์เด่นที่ปรากฏในแบบเรียนภาษาจีน ความสามคั คที ปี่ รากฏในแบบเรยี นมี 3 รปู แบบ ไดแ้ ก่ ความรกั ความสามคั คใี นระดบั ครอบครัวและเครือญาติ ความรกั ความสามัคคีภายในชนเผา่ เดียวกัน และความรัก ความสามคั คีระหว่างต่างชนเผ่า อตั ลักษณจ์ ีน ประกอบด้วย อัตลกั ษณข์ องชาติจนี อตั ลักษณท์ างวัฒนธรรม ด้ังเดิมของจนี และอตั ลักษณท์ างชาติพนั ธุ์จนี อัตลักษณ์ของคนจีนควรสะท้อนให้เห็นในอัตลักษณ์ของชาติจีนก่อน อตั ลกั ษณข์ องชาตจิ ีนแยกไม่ออกจากการรบั รู้สภาพพื้นฐานและเส้นทางการพัฒนา ของประเทศ ยอมรบั การปกครองแบบระบอบสงั คมนยิ มและความเปน็ ผนู้ ำ� ของพรรค สำ� หรบั ปญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ ในประเทศและสงั คม พรรคคอมมวิ นสิ ตข์ องจนี กำ� ลงั วางแผน แก้ปัญหา รัฐบาลบริหารจัดการสังคมท้ังหมดในนามของประเทศและยังท�ำงาน เพื่อประโยชน์ของประชาชนทกุ คน อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมด้ังเดิมของจีนเป็นรากฐานของการอยู่รอด ของประเทศจีน ประเทศจีนได้สร้างวัฒนธรรมท่ีเป็นอัตลักษณ์ของตนเอง รักษา จติ วญิ ญาณของวฒั นธรรมดงั้ เดมิ ประเทศจนี มกี ารรวบรวมความเคารพตอ่ สงิ่ ตา่ งๆ ความสามคั คี ความชอบธรรม ความจรงิ ใจ ความสามคั คี การปกครองและสนั ตภิ าพ ของโลก
186 ปีท่ี 16 ฉบับที่ 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2564 อัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์จีน ทายาทของมังกรและลูกหลานของพระเจ้าหวง และพระเจ้าเหยียนเป็นที่ผู้คนกล่าวถึงบ่อยๆ ของอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์จีน ประเพณีทางศีลธรรมอันดีงามของชนชาติจีนเป็นสัญลักษณ์ส�ำคัญของอัตลักษณ์ ทางชาติพันธุ์จีน จีนยังมีอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ชนเผ่าน้อยของจีนและอัตลักษณ์ ของชาตจิ ีน 3. กระบวนการสรา้ งอตั ลกั ษณจ์ นี จากแบบเรยี นสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นอยู่ในช่วงวัยรุ่นที่ก�ำลังจะเปล่ียนไปเป็นผู้ใหญ่ เพราะฉะน้ันความตระหนักในตนเองและความเป็นอิสระจะมีเพิ่มข้ึน น่ีเป็น ช่วงเวลาที่ส�ำคัญส�ำหรับการสร้างทัศนคติต่อโลก ทัศนคติต่อชีวิตและทัศนคติ ต่อคุณค่า จะได้ท�ำให้นักเรียนเรียนรู้ท่ีจะเป็นพลเมืองท่ีดี มีความรับผิดชอบและ ใช้ชวี ิตอย่างมคี วามหมาย ในชีวิตไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในประเทศจีนหรืออยู่ต่างประเทศปัญหาของการมี ตัวตนเปน็ คำ� ถามอันดบั หนึง่ ทีผ่ ู้คนต้องเผชิญเสมอ คอื คณุ เป็นคนท่ไี หน ปัญหาน้ี ง่ายมากในประเทศจีน ค�ำตอบส�ำหรับค�ำถามน้ีมักจะขึ้นอยู่กับมณฑลที่แยก ความแตกตา่ งระหวา่ งเหอหนาน เหอเปย่ กวา่ งตง ปกั กง่ิ เซยี่ งไฮแ้ ละอน่ื ๆ แตเ่ มอื่ มี คำ� ถามเกยี่ วกบั สญั ชาติ คำ� ตอบจะเปลย่ี นจากมณฑลกลายเปน็ ประเทศจนี อเมรกิ า ไทย เยอรมัน และออสเตรเลยี (Gungwu Wang, 1993 : 926-929) แบบเรียนจีนนั้นมีผลสะท้อนอัตลักษณ์จีนในสังคมจีนได้ วัฒนธรรม และประเพณีจีนยังเกิดการยอมรับ ผสมผสาน และกลืนกลายทางวัฒนธรรม กับวัฒนธรรมและประเพณีจีน ในแบบเรียนสร้างเสริมลักษณะนิสัยก�ำหนดคนจีน ต้องรักพรรคคอมมิวนิสต์จีนและเชื่อมั่นในเส้นทางของลัทธิสังคมนิยม รักมาตุภูมิ เสริมสร้างชาติภาคภูมิใจในตนเอง ความม่ันใจในตนเอง มีความสนใจในการ พัฒนาสังคมและการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติทางสังคม มีความซ่ือสัตย์สุจริต และความน่าเช่ือถือ มีความรับผิดชอบต่อสังคมและแนวคิดของการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย รักชีวิตส่วนรวม มีการท�ำกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ เปน็ ประโยชนต์ อ่ สังคม
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 187 กระบวนการสรา้ งอตั ลกั ษณจ์ นี มี 5 ประการ ประกอบดว้ ย นโยบายการศกึ ษา ของจนี แผนการพฒั นาการศกึ ษาของจนี มาตรฐานหลกั สตู รวชิ าสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั การดำ� เนนิ การเรยี นการสอนวชิ าสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั และการปฏบิ ตั คิ า่ นยิ มหลกั สังคมนิยมท่ปี รากฎในแบบเรียน 3.1 กระบวนการสรา้ งอตั ลกั ษณผ์ ่านนโยบายการศึกษาของจีน การกำ� หนดนโยบายการศกึ ษาของจนี ขนึ้ อยกู่ บั กฎหมายของจนี ซง่ึ กฎหมาย จะมีการเรียงล�ำดับศักด์ิของกฎหมาย และกฎหมายของจีนหลักๆ มี 3 ล�ำดับ คือ กฎหมายรัฐธรรมนูญของจีน กฎหมายการศึกษาของจีนและกฎในการคัดเลือก แบบเรียนสร้างเสริมลักษณะนิสัยของจีน ซึ่งการสร้างอัตลักษณ์ผ่านนโยบายของ แบบเรียนจะมี 3 ระดบั ดังตอ่ ไปนี้ ระดับแรก การสร้างอัตลักษณ์ผ่านนโยบายของแบบเรียนที่ปรากฏอยู่ใน รัฐธรรมนูญของจีน เก่ียวกับรัฐธรรมนูญของจีน ประชาชนต้องได้รับการศึกษา ด้านจริยธรรม เพื่อเสริมสร้างอารยธรรมสังคมนิยม จิตวิญญาณ ประเทศส่งเสริม ความรกั ชาติ รกั ประชาชน รกั แรงงาน รกั วทิ ยาศาสตรแ์ ละรกั คณุ ธรรมของสงั คมนยิ ม (รฐั ธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐประชาชนจนี , 2561) ระดับท่ี 2 การสร้างอัตลักษณ์ผ่านนโยบายของแบบเรียนที่ปรากฏอยู่ใน กฎหมายการศึกษา เก่ียวกับกฎหมายแห่งชาติและกฎหมายตัวอักษรของจีน รฐั ใชว้ ธิ กี ารตรวจสอบและอนมุ ตั แิ บบเรยี น โดยการกำ� หนดจากฝา่ ยบรหิ ารการศกึ ษา ของสภาแห่งรัฐ แบบเรียนที่ไม่ได้รับการรับรองอาจไม่ได้รับการเลือกและเผยแพร่ (Ministry of Education of China, 1995) ระดบั ท่ี 3 การสรา้ งอตั ลกั ษณผ์ า่ นนโยบายของแบบเรยี นทเ่ี กย่ี วกบั มาตรฐาน ในการคัดเลือกแบบเรียน เกี่ยวกับการเขียนต�ำราประกอบการสอนในรายวิชาแบบ เรยี นสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั ตอ้ งตามหลกั สตู รวชิ าสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั การศกึ ษา ภาคบงั คบั หนว่ ยงานการศกึ ษาระดบั มณฑลเลอื กแบบเรยี นของมณฑลตามสภาพจรงิ ของทอ้ งถน่ิ แบบเรยี น คณะกรรมการคดั เลอื กแบบเรยี นตอ้ งประกอบดว้ ยผเู้ ชยี่ วชาญ ดา้ นแบบเรยี นหลกั สตู ร ครแู ละบคุ ลากรดา้ นการวจิ ยั ผบู้ รหิ ารโรงเรยี นและครผู สู้ อน (Ministry of Education of China, 2006)
188 ปีที่ 16 ฉบับที่ 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2564 การสรา้ งอตั ลกั ษณผ์ า่ นนโยบายของแบบเรยี น โดยใชน้ โยบายกำ� หนดแนวคดิ พ้ืนฐานและเนอ้ื หาของแบบเรียนเพื่อสร้างอตั ลกั ษณจ์ นี 3.2 กระบวนการสร้างอตั ลกั ษณผ์ ่านแผนการพัฒนาการศกึ ษาของจนี การพัฒนาการศึกษาของจีน แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ การก�ำหนด แผนการพัฒนา ส่วนท่ี 2 คือ การด�ำเนินการแผนพัฒนา ซ่ึงการสร้างอัตลักษณ์ ผ่านแผนการพฒั นาการศกึ ษาของจีนมี 2 สว่ น ดังตอ่ ไปนี้ ส่วนแรก เก่ียวกับการศึกษาภาคบังคับ แผนพัฒนาการศึกษาระยะยาวที่ เกี่ยวกับการศึกษาภาคบังคับ รวบรวมและปรับปรุงระดับการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี สง่ เสรมิ การพฒั นาการศกึ ษาภาคบงั คบั อยา่ งสมดลุ ผปู้ กครองควรกำ� หนดแนวความคดิ ทางการศึกษาที่ถูกต้อง หลักวิธีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ปลูกฝังนิสัยท่ีดีของ บตุ รหลาน การแลกเปล่ียนระหว่างประเทศและความรว่ มมอื ดา้ นการศึกษา ส่วนท่ี 2 เกี่ยวกับวิธีการด�ำเนินการ ก�ำหนดเป้าหมายและงานให้ชัดเจน ดำ� เนนิ การแบง่ สว่ นความรบั ผดิ ชอบ การดำ� เนนิ การตามแผนพฒั นาการศกึ ษาระยะยาว เป็นหน้าท่ีส�ำคัญของคณะกรรมการพรรคและรัฐบาลทุกระดับ ทุกภูมิภาคและ หน่วยงานต้องอยู่ภายใต้การน�ำที่เป็นเอกภาพของรัฐบาลกลาง การแบ่งหน้าท่ี ความรบั ผดิ ชอบตามแผนพฒั นาการศกึ ษาระยะยาว รว่ มมอื กบั หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง เพ่อื รว่ มกันทำ� งานทีด่ ใี นการน�ำไปปฏบิ ัติ 3.3 กระบวนการสรา้ งอตั ลกั ษณ์ผา่ นมาตรฐานหลกั สูตร กอ่ นกำ� หนดมาตรฐานหลกั สตู รวชิ าสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั จะตอ้ งสรา้ งพนื้ ที่ ความหมายของหลักสูตรวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัย ซึ่งการสร้างอัตลักษณ์ผ่าน มาตรฐานหลักสตู รวชิ าสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนิสยั มี 2 ระดบั ดงั ตอ่ ไปนี้ ระดบั แรก ก�ำหนดความหมายของหลักสตู รสรา้ งเสริมลกั ษณะนสิ ยั ความหมายทางคุณธรรม คุณธรรมเป็นลักษณะอุดมการณ์ทางสังคม คุณธรรมมี 3 ด้าน คือ (1) คุณภาพทางอุดมการณ์ ความคิดท่ีเรียกว่าเป็นหน้าท่ี ของจิตใจ คือภาพสะท้อนของโลกภายนอก มันมีอยู่ภายในตัวเราและเกิดจากผล ของสิ่งต่างๆ มันเป็นภาพสะท้อนของการด�ำรงอยู่ทางสังคมในจิตใจของผู้คน คณุ ภาพทางอดุ มการณ์รวมถึงองคป์ ระกอบตา่ งๆ เชน่ ทัศนคติต่อโลก ทศั นคตติ ่อ
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 189 ชีวิตและทัศนคติต่อคุณค่า (2) คุณภาพทางการเมือง เป็นความหมายท่ีส�ำคัญของ ลักษณะทางอุดมการณ์ มนุษย์เป็นสัตว์ท่ีอยู่รวมกันและสามารถด�ำรงอยู่ได้อย่าง อิสระต่อเมื่ออยู่ร่วมกัน วิถีชีวิตชุมชนของมนุษย์จะก่อให้เกิดการจัดการท่ีจ�ำเป็น อย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกระจายอ�ำนาจและผลประโยชน์ในสังคมที่ เกยี่ วขอ้ ง ดงั นนั้ สงั คมมนษุ ยจ์ งึ เกดิ ความสมั พนั ธท์ างการเมอื งทแ่ี นน่ อน (3) คณุ ภาพ ทางศีลธรรม หมายถึง การรวมกันของหลักการและบรรทัดฐานศีลธรรมทางสังคม บางประการ (Ministry of Education of China, 2011 : 1-6) การปลูกฝังลักษณะทางคุณธรรม การศึกษาคุณภาพทางจิตวิทยาเป็น ข้อก�ำหนดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ส�ำหรับการเติบโตที่ดีของนักเรียนและเป็นข้อก�ำหนด ท่ีหลีกเล่ียงไม่ได้ส�ำหรับการปฏิบัติตามนโยบายการศึกษาของพรรค คุณธรรม สะทอ้ นและปรบั ความสมั พนั ธค์ วามสนใจทแี่ ทจ้ รงิ ของผคู้ น อตั ลกั ษณท์ างวฒั นธรรม ความสัมพันธ์ของตนเองกับส่วนรวม ปรับตัวเข้ากับการพัฒนาและความก้าวหน้า ของสังคม มีความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ รู้ระเบียบสังคม รสู้ ภาพของประเทศ ระดับท่ี 2 ก�ำหนดมาตรฐานหลักสูตรวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัยการ ศึกษาภาคบงั คบั มาตรฐานหลกั สูตรดา้ นอารมณ์ทศั นคตคิ ่านิยม รกั ชวี ติ ความนับถือตนเอง ความม่ันใจในตนเอง การมองโลกในแง่ดีและความมุ่งม่ัน ใกล้ชิดกับธรรมชาติ การดูแลรักษาส่ิงแวดล้อม รู้จักใช้ส่ิงแวดล้อมอย่างประหยัดและหวงแหนทรัพยากร ให้ความส�ำคัญกับบิดามารดา เคารพคนอื่น ช่วยเหลือผู้อื่น มีความซื่อสัตย์และ เช่ือถือได้ รักการท�ำงาน เน้นการปฏิบัติ เคารพกฎหมายและมีความยุติธรรม รกั สงั คมสว่ นรวม มคี วามเปน็ นำ้� หนง่ึ ใจเดยี วกนั รกั สงั คมนยิ ม (Ministry of Education of China, 2011 : 1-6) มาตรฐานหลักสูตรด้านวัตถุประสงค์ ช่วงมัธยมเป็นช่วงเวลาที่ส�ำคัญ ในการสรา้ งบคุ ลกิ ภาพของนกั เรยี น เปน็ สงิ่ สำ� คญั อยา่ งยง่ิ ในการเสรมิ สรา้ งการศกึ ษา ด้านคุณธรรมของนักเรียน ไม่เพียงแต่รับผิดชอบในการปลูกฝังทัศนคติและ คา่ นยิ มทางอารมณท์ ถ่ี กู ตอ้ งใหน้ กั เรยี น แตย่ งั มคี วามรบั ผดิ ชอบทส่ี ำ� คญั ในการสรา้ ง บุคลิกภาพทดี่ ีของนักเรียน
190 ปีท่ี 16 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2564 3.4 กระบวนการสรา้ งอัตลกั ษณผ์ ่านการดำ� เนินการเรียนการสอน การเรยี นการสอนวชิ าสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั มคี วามสำ� คญั มากตอ่ การสรา้ ง อตั ลกั ษณจ์ นี และครมู บี ทบาทหนา้ ทปี่ ลกู ฝงั อตั ลกั ษณจ์ นี ดว้ ยวธิ กี ารตอกยำ�้ ความคดิ การเรยี นการสอนตอ้ งใชม้ าตรฐานหลกั สตู รเปน็ หลกั ปลกู ฝงั ความคดิ สรา้ งหอ้ งเรยี น ท่ีมีชีวิตเหมือนจริง วางแผนการพัฒนาหลักสูตรและตอกย�้ำความรู้ให้แก่นักเรียน ซ่ึงการสร้างอัตลักษณ์ผ่านการสอนวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัยด้วยวิธีการตอกย�้ำ ความคิดมี 5 ระดับ ดังต่อไปนี้ ระดับแรก ใช้มาตรฐานหลักสูตรวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัยของโรงเรียน มัธยมศึกษาตอนต้นเป็นอุดมการณ์แนวทางหลัก ความคิดท่ีส�ำคัญของลัทธิมาร์ก ลัทธิเหมา ทฤษฎีเติ้งเส่ียวผิงและความคิด “สามตัวแทน” เป็นแนวทางของการ ออกแบบแบบเรียนเพื่อเป็นแนวทางในการสอนวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัยของ โรงเรยี นมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ระดับที่ 2 การสอนวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัยด้วยวิธีการปลูกฝังความคิด ในแบบเรียน วิธีปลูกฝังอัตลักษณ์ใส่ในวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัย ระดับช้ัน มธั ยมศึกษาปีที่ 1 เน้นการศกึ ษาการเตบิ โตโดยการปลูกฝังความสนใจในการเรียนรู้ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 เนื้อหาการเรียนรู้จะลึกมากขึ้นและปลูกฝังเพื่อสร้าง คา่ นยิ มของนกั เรยี น ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 นกั เรยี นจะไดพ้ ฒั นาความรเู้ ชงิ ทฤษฎี และความรู้สึกรักชาติ พยายามก�ำหนดสามทัศนคติท่ีถูกต้อง คือ ทัศนคติต่อโลก ทัศนคติต่อชวี ติ และทศั นคติตอ่ คุณค่า ปลูกฝังความคิด มี 3 ด้าน คือ (1) ปลูกฝังอัตลักษณ์ทางการเมือง (2) ปลกู ฝงั ความตระหนกั ในหลกั นิตธิ รรม (3) ปลูกฝงั การมีส่วนร่วมของประชาชน ระดับที่ 3 ใช้วิธีสร้างห้องเรียนท่ีมีชีวิตเหมือนจริง การสอนในห้องเรียน ต้องมีแนวคดิ ใหม่ สรา้ งห้องเรยี นทมี่ ชี วี ติ เหมอื นจริง สรา้ งสถานการณก์ ารสอนท่ีมี ชีวิตเหมือนจริง เพ่อื ปลุกจติ ส�ำนกึ ส่วนตัวของนักเรียนในการสอนในช้นั เรียน ระดับที่ 4 วางแผนการพัฒนานักเรียนส�ำหรับวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัย แบบเรียนมุ่งเน้นการปลูกฝังความสามารถของนักเรียนในการปรับตัวให้เข้ากับ ชีวิตใหม่ โดยมุ่งเน้นไปท่ีความสัมพันธ์ส่วนรวมเพื่อสังคมท�ำให้นักเรียนเรียนรู้ ทจ่ี ะรบั ผิดชอบต่อตนเองตอ่ ประเทศและสงั คม
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 191 ระดบั ที่ 5 วธิ กี ารตอกย้�ำความรู้ ในแบบเรียนสร้างเสรมิ ลักษณะนสิ ัย มกี าร ปฏิบัติด้านตัวตน ด้านปฏิบัติต่อผู้อื่นและปฏิบัติต่อสังคม ซึ่งใช้วาดภาพประกอบ ความรเู้ กยี่ วกบั คำ� ขวญั จนี จากแบบเรยี น (สภุ าพร คงศริ ริ ตั น,์ 2548 : 78-79) ตอกยำ้� ความรู้ มี 3 ดา้ น ดงั ต่อไปนี้ ดา้ นที่ 1 ตอกย้ำ� ความรู้ด้านการปฏิบัตติ น วเิ คราะหเ์ รอ่ื งการรกั ชวี ติ ใชว้ ธิ กี ารสอนทย่ี ดื หยนุ่ ภายใตเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ ที่ทันสมัย ให้นักเรียนดูวิดีโอเกี่ยวกับการช่วยเหลือเด็กคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ ระเบดิ ของกา๊ ซในเหมือง ดงั นน้ั ให้นักเรยี นเกดิ ความเขา้ ใจกบั การไมย่ อมท้ิงชวี ติ ภาพท่ี 2 เหตุการณร์ ะเบดิ ของก๊าซในเหมือง ทม่ี า : แบบเรยี นสรา้ งเสริมลกั ษณะนิสัยของจนี ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1 (2551 : 29) ด้านท่ี 2 ตอกย�ำ้ ความรูด้ ้านการปฏิบัตติ อ่ ผู้อนื่ วเิ คราะหเ์ รอ่ื งการคบคา้ สมาคม โดยใชว้ าดภาพประกอบความรทู้ เ่ี ปน็ การบา้ น ของนักเรียนขณะเรียนแบบเรียนสร้างเสริมลักษณะนิสัย ใช้ภาษาจีนโบราณที่มี ชื่อเสียงอยู่ใกล้กับชีวิตจริงและง่ายขึ้นส�ำหรับนักเรียนท่ีจะเข้าใจ เช่น เร่ืองโบราณ ที่มีชื่อเสียงกล่าวว่า ร่วมใจกันจะสามารถย้ายภูเขาไท้ซานได้และเรื่อง คนที่ไม่เก่ง สามคน เท่ากับขงเบ้งหนงึ่ คน คือรว่ มใจกันสู้
192 ปที ่ี 16 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564 ภาพที่ 3 วาดภาพประกอบความรู้เกย่ี วกบั ค�ำขวัญจนี เคารพอาวโุ ส เมตตาผ้เู ยาว์ ทมี่ า : การบ้านของนักเรยี น วิชาสร้างเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั (ถ่ายเม่ือวันที่ 13 เมษายน 2562) ค�ำขวัญเคารพอาวุโส เมตตาผู้เยาว์ (ภาษาจีนเรียกว่า Zun lao ai you 尊老爱幼) ท่ปี รากฎในแบบเรยี นสรา้ งเสรมิ ลักษณะนสิ ัยระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ความหมายคอื เคารพอาวุโส เมตตาผเู้ ยาว์ เกิดเปน็ ขนบธรรมเนยี ม ทชี่ าวจนี อบรมสง่ั สอนกนั มา ดงั คำ� กลา่ วทว่ี า่ การปฏบิ ตั ติ อ่ ผใู้ หญใ่ นวนั นเ้ี ปรยี บเสมอื น การปฏิบตั ติ ่อตนเองในวนั หน้าน่นั เอง ดา้ นที่ 3 ตอกย้ำ� ความรู้ดา้ นการปฏบิ ตั ิตอ่ สงั คม วิเคราะห์เร่ืองการเข้าสู่วัฒนธรรมโลก ใช้วิธีจัดกิจกรรมการสอนภาคปฏิบัติ เพ่ือขยายขอบเขตของนักเรียน จัดให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการฝึกฝน ทางสงั คมมากขน้ึ ผสมผสานทฤษฎกี บั การฝกึ ฝนและประยกุ ตใ์ ชค้ วามรใู้ นการเรยี นรู้ ในช้ันเรียนเพ่ือฝึกฝน ให้นักเรียนค้นหาข้อมูลทางออนไลน์ ส�ำรวจด้วยตัวเองและ ถ่ายภาพเกี่ยวกับมรดกโลกที่ใกล้ตัว เพ่ือสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ของประเทศต่างๆ ในโลกวฒั นธรรมจนี
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 193 ภาพท่ี 4 เรือ่ งการเขา้ สูว่ ฒั นธรรมโลก ทม่ี า : แบบเรียนสร้างเสริมลกั ษณะนิสยั ของจีน ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนที่ 1 (2551 : 56) วิเคราะห์การรักชาติจีนและวิเคราะห์การรักชาติพันธุ์จีน โดยใช้วาดภาพ ประกอบความรู้ที่เป็นการบ้านของนักเรียนขณะเรียนแบบเรียนสร้างเสริมลักษณะ นสิ ัย ภาพที่ 5 วาดภาพประกอบความรเู้ ก่ียวกับคำ� ขวัญจนี รักประเทศจนี รักมาตภุ มู ิ ทีม่ า : การบ้านของนกั เรียน วชิ าสรา้ งเสรมิ ลักษณะนสิ ยั (ถา่ ยเม่อื วนั ท่ี 14 เมษายน 2562)
194 ปที ่ี 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2564 คำ� ขวญั รกั ประเทศจนี รกั มาตภุ มู ิ (ภาษาจนี เรยี กวา่ Ai wo zhong hua, re ai zu guo 爱我中华 热爱祖国) ท่ีปรากฎในแบบเรียนสร้างเสริมลักษณะนิสัย ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ความหมายคือ รักประเทศจนี รักมาตภุ ูมิ ภาพที่ 6 วาดภาพประกอบความรเู้ กีย่ วกบั ค�ำขวญั จนี ความเป็นเอกภาพแห่งชาติ ทมี่ า : การบา้ นของนกั เรยี น วชิ าสร้างเสรมิ ลักษณะนสิ ยั (ถ่ายเมือ่ วันที่ 16 เมษายน 2562) คำ� ขวัญ ความเปน็ เอกภาพแห่งชาติ (ภาษาจนี เรียกวา่ Min zu da tuan jie 民族大团结 ความหมาย คือ รักชาตพิ นั ธ์ุ ใหท้ ง้ั 56 ชนชาติ มคี วามปรองดองกนั ) ทปี่ รากฎในแบบเรยี นสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ความหมาย คอื ความเป็นเอกภาพแห่งชาติ 3.5 กระบวนการสร้างอัตลักษณ์ผ่านการปฏิบัติค่านิยมหลักสังคมนิยม จากแบบเรียน ในแบบเรียนสร้างเสริมลักษณะนิสัยระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เน้นเนื้อหา คา่ นยิ มหลกั สงั คมนยิ ม จะมคี ำ� ขวญั ปรากฏในแบบเรยี น คอื คา่ นยิ มหลกั สงั คมนยิ ม (ภาษาจีนเรียกว่า She hui zhu yi he xin jia zhi guan 社会主义核心价值观) การบูรณาการการสอนเชิงอุดมคติและคุณธรรมในโรงเรียนมัธยมศึกษา ตอนต้น ตามค่านิยมหลักสังคมนิยม ในฐานะผู้สร้างอนาคตของประเทศ ได้รวม ค่านิยมหลักสังคมนิยมในการสอนบทเรียนเกี่ยวกับอุดมการณ์และคุณธรรม ในโรงเรยี นมธั ยมต้น เมอื่ ค่านิยมเริม่ ก่อตัวข้นึ คณุ สมบัตเิ ชิงอุดมการณแ์ ละศีลธรรม
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 195 กำ� ลงั พฒั นาอยา่ งรวดเรว็ สรา้ งคา่ นยิ มและมมุ มองทถ่ี กู ตอ้ งเกย่ี วกบั ชวี ติ การปฏบิ ตั ิ ค่านิยมหลักสังคมนิยม ต้องรวมระบบค่านิยมหลักสังคมนิยมเข้ากับแบบเรียน บูรณาการคา่ นิยมหลกั สงั คมนยิ ม วางแผนการสรา้ งคุณคา่ ทางสังคมนยิ ม ยกระดบั ความเปน็ มอื อาชพี สรา้ งแนวคดิ ของความซอ่ื สตั ยแ์ ละฝกึ ฝนคา่ นยิ มหลกั สงั คมนยิ ม ซึ่งการสร้างอัตลักษณ์การปฏิบัติค่านิยมหลักสังคมนิยมจากแบบเรียนมี 6 ระดับ ดังตอ่ ไปน้ี ระดับแรก ใช้วิธีการรวมระบบค่านิยมหลักสังคมนิยมเข้ากับการสอน วิชาสร้างเสรมิ ลกั ษณะนสิ ัย การรวมระบบคา่ นยิ มหลกั สงั คมนยิ มเขา้ กบั มาตรฐานหลกั สตู รของอดุ มการณ์ และศีลธรรม เพ่ือค้นหาประเด็นหลักของการสอน สร้างห้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ และใหบ้ ทบาทของหอ้ งเรยี นอดุ มการณแ์ ละคณุ ธรรมเปน็ ตำ� แหนง่ หลกั ของการศกึ ษา ในระบบค่านิยมหลักสังคมนิยม เช่ือมโยงทฤษฎีกับการฝึกฝนเพ่ือชี้น�ำนักเรียน อย่างถูกต้อง ความจริงมาจากการฝึกฝนเป็นเกณฑ์ส�ำหรับการทดสอบความจริง เพียงอย่างเดียว แผนการด�ำเนินงานด้านการปลูกฝังและฝึกฝนค่านิยม หลกั สงั คมนยิ มเพอื่ เสรมิ สรา้ งการศกึ ษาดา้ นคณุ ธรรมในโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ จะดำ� เนนิ การโดยคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมวิ นสิ ตจ์ นี การเปน็ ผนู้ ำ� การศกึ ษา ด้านคุณธรรมในช้ันมัธยมศึกษาในยุคใหม่ด้วยค่านิยมหลักสังคมนิยม การปฏิรูป หลักสูตรท่ีลึกซ้ึงข้ึน ปรับแต่งและน�ำค่านิยมหลักสังคมนิยมมาใช้ในการสอน ในช้ันเรียน เสริมสร้างการศึกษาความรักชาติ ปลูกฝังและฝึกฝนค่านิยม หลกั สังคมนยิ มในชดุ กิจกรรม “ความฝนั จนี ” (โครงการของรฐั บาล) ด�ำเนินกิจกรรม การศกึ ษาทห่ี ลากหลายตามธมี มงุ่ เนน้ ไปที่ “ความฝนั จนี ” และคา่ นยิ มหลกั สงั คมนยิ ม (Guixian Wang, 2016 : 35-38)
196 ปีที่ 16 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2564 ภาพที่ 7 วาดภาพประกอบความรู้เก่ียวกบั ค�ำขวญั จีน ความฝันจนี ทม่ี า : การบา้ นของนกั เรียน วิชาสร้างเสรมิ ลักษณะนิสยั (ถ่ายเมือ่ วนั ที่ 18 เมษายน 2562) คำ� ขวญั ความฝนั จนี (ภาษาจนี เรยี กวา่ Zhong guo meng中国梦) ทปี่ รากฎ ในแบบเรียนสร้างเสริมลักษณะนิสัยระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ความหมายคือ ความฝันจีน ระดบั ท่ี 2 ใชว้ ธิ ีการบูรณาการค่านยิ มหลกั สังคมนิยม แบบเรียนเชิงอุดมการณ์และศีลธรรมของโรงเรียนมัธยมซ่ึงเป็นค่านิยมหลัก เจาะเน้ือหาค่านิยมหลักสังคมนิยม สอนเชิงอุดมการณ์และศีลธรรม สาระส�ำคัญ ของคา่ นยิ มหลกั เปน็ แนวทางในการสรา้ งคา่ นยิ มของนกั เรยี นอยา่ งถกู ตอ้ ง เพม่ิ ความ ส�ำคัญในการปฏิบัติทางสังคมและฝึกฝนระบบค่านิยมหลักสังคมนิยม จุดประสงค์ ของการผสมผสานค่านิยมหลักสังคมนิยมคือการท�ำให้คนหนุ่มสาวกลายเป็น ผ้ปู ฏบิ ตั งิ านของค่านยิ มหลกั สงั คมนยิ มมากขน้ึ ระดับที่ 3 วางแผนการสรา้ งคณุ ค่าทางสังคมนยิ ม เพ่ือบูรณาการความเป็นจริงทางอุดมการณ์ของครูและนักเรียนในโรงเรียน อย่างใกล้ชิดและด�ำเนินกิจกรรมการศึกษาต่อไปน้ีในลักษณะที่ครอบคลุมในเชิงลึก ตามคา่ นยิ มหลักสังคมนิยม
INTVoHl.A1N6 INNoT.1HJAaKnuSaIrNy -JOJuUneR2N0A2L1 197 ระดับที่ 4 ยกระดบั ความเปน็ มืออาชีพ การศึกษาด้านจิตส�ำนึกแห่งชาติท�ำให้นักเรียนต้ังแต่อายุยังน้อยสามารถ สร้างส�ำนึกในพันธกิจและความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ เสริมสร้างการศึกษา ด้านคุณธรรมของครูด�ำเนินกิจกรรมต่างๆ ควบคู่ไปกับคุณธรรมจริยธรรมของครู และปรับปรุงความเป็นมืออาชีพ ท�ำกิจกรรมการอ่านและการเรียนรู้ มีการประชุม ผูป้ กครองเพ่ือดำ� เนนิ กิจกรรมต่างๆ ระดับที่ 5 สรา้ งแนวคดิ ของความซ่อื สตั ย์ การจัดการประชุม ท�ำให้นักเรียนสามารถเข้าใจคุณค่าของความซื่อสัตย์ ผ่านการประชุมในช้ันเรียน ท�ำกิจกรรมสร้างความตระหนักด้านส่ิงแวดล้อมให้กับ นักเรยี น นักเรียนเขา้ ใจในเรอ่ื งของมารยาทและสอนใหร้ จู้ กั การให้เกียรติตอ่ ผอู้ ่ืน ระดบั ท่ี 6 ฝกึ ฝนค่านิยมหลกั สังคมนิยม ฝึกฝนค่านิยมหลักสังคมนิยมต้องบูรณาการอย่างใกล้ชิดกับความรักชาติ การรวมกลุ่มและสังคมนิยม ต้องบูรณาการอย่างใกล้ชิดกับการปลูกฝังและการ สร้างโลกทัศน์ มุมมองต่อชีวิตและค่านิยมที่ถูกต้อง จะต้องผสมผสานอย่างใกล้ชิด กบั การสรา้ งอารยธรรมทาง อารยธรรมทางการเมอื งและอารยธรรมทางจติ วญิ ญาณ ต้องบูรณาการอย่างใกล้ชิดกับการปลูกฝังและส่งเสริมจิตวิญญาณของชาติ โดยมีความรักชาติเป็นแกนกลาง ต้องบูรณาการอย่างใกล้ชิดกับหลักนิติธรรม ต้องบูรณาการอย่างใกล้ชิดกับการส่งเสริมการสร้างอุดมการณ์และศีลธรรมของ พลเมือง การสง่ เสรมิ บรรยากาศทางสงั คมที่ดี สรปุ ผลและอภิปรายผลการวิจัย จากการน�ำเสนอข้อมูล การศึกษาและการวิเคราะห์ถึงอัตลักษณ์จีนจาก แบบเรยี นสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั มธั ยมตอนตน้ ของประเทศจีน สามารถสรุปใหเ้ ห็น ได้ว่า อัตลักษณ์จีนถูกสร้างข้ึนมาจากแบบเรียนสร้างเสริมลักษณะนิสัยมัธยม ตอนต้นของจนี การสร้างอัตลักษณ์จีนต้องวิเคราะห์จากนโยบายระดับชาติ มาตรฐาน หลักสูตรวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัย ครูสอนวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัย การเรียน การสอนวชิ าสรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ยั วเิ คราะหเ์ นอ้ื หาหลกั ของบทเรยี นวชิ าสรา้ งเสรมิ
198 ปีที่ 16 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2564 ลักษณะนิสัย วิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัยมีมาตรฐานหลักสูตรท่ีชัดเจน มีการจัดต้ัง หลกั สูตรวชิ าสร้างเสริมลกั ษณะนสิ ยั เปน็ สญั ญาณบง่ บอกถงึ ลักษณะสังคมนยิ มของ การศกึ ษาในโรงเรยี น ชว่ ยใหน้ กั เรยี นคอ่ ยๆ พฒั นาคณุ สมบตั ทิ างจติ ใจและศลี ธรรมทดี่ ี พัฒนานิสัยในการปฏิบัติตามระเบียบวินัย กฎหมาย เสริมสร้างความเชื่อในความ รักชาติ สร้างมุมมองโลกที่ถูกต้อง มุมมองเกี่ยวกับชีวิตและค่านิยมท่ีถูกต้อง เนน้ คณุ คา่ พน้ื ฐานของการเรยี นรทู้ จ่ี ะเปน็ คนเรยี นรจู้ ะทำ� สง่ิ ตา่ งๆ เรยี นรทู้ จี่ ะรว่ มมอื และใช้ความเคารพ ความเอาใจใส่และความรับผิดชอบ การสร้างอัตลักษณ์ของ ชาตจิ นี ถกู สรา้ งขนึ้ บนพนื้ ฐานทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละถอื เปน็ เนอ้ื หาหลกั ของจติ สำ� นกึ ของชุมชนประเทศจีน การสร้างอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน อัตลักษณ์ ทางวฒั นธรรมมผี ลอยา่ งมากตอ่ บคุ คลสงั คมประเทศชาติ ความมน่ั คงและความเจรญิ รงุ่ เรอื งของประเทศจนี จะไมม่ รี ากฐานของการสนบั สนนุ ทเ่ี ปน็ ระบบทนุ นยิ ม สำ� หรบั ประเทศจีนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวจีนไม่เพียงแต่เป็นรากฐานของชีวิต เทา่ นน้ั แตย่ งั รวมถงึ รากฐานทางจติ วทิ ยาทางวฒั นธรรม เพอ่ื ใหต้ ระหนกั ถงึ ความฝนั ของชาวจีนเกี่ยวกับการฟื้นฟูที่ย่ิงใหญ่ของประเทศจีน การก้าวไปสู่เส้นทางแห่ง การปฏิรูปการเปิดกวา้ งและด�ำเนนิ ไปในอนาคต (Bin Zuo & Fangfang Wen, 2017 : 176-178) สังคมและวัฒนธรรมจีนเปิดกว้าง การปฏิรูปและการเปิดประเทศจีน อยู่ในขั้นตอนของความทันสมัยท่ีรวมเข้ากับโลกาภิวัตน์ อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ในโลกาภิวตั น์เปน็ กระบวนการท่ีหลากหลาย แมว้ ่าความทนั สมยั ของวฒั นธรรมจนี จะไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากวฒั นธรรมตะวนั ตก แตส่ งิ่ ทสี่ รา้ งขน้ึ คอื ความทนั สมยั ทมี่ ลี กั ษณะ เฉพาะของจีน ความทันสมัยของวัฒนธรรมจีนมีจิตวิญญาณของการรวมกลุ่ม แตใ่ หค้ วามสำ� คญั กบั การมองขา้ มความเปน็ ปจั เจกแบบตะวนั ตกมากกวา่ สง่ เสรมิ การ ผสมผสานอตั ลกั ษณท์ างวฒั นธรรมของจนี ประเทศสว่ นใหญใ่ นโลกมคี วามหลากหลาย ทางชาติพันธุ์และหลายวัฒนธรรม ความเป็นจีนในวิชาสร้างเสริมลักษณะนิสัย ตอ่ เมอื่ ชาวจนี ระบวุ า่ ตนความเปน็ จนี เทา่ นน้ั ทสี่ ามารถระบตุ วั ตนดว้ ยวฒั นธรรมจนี ได้อย่างลึกซึ้ง ส�ำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นการระบุตัวตนของความเป็นจีน มีความส�ำคัญมาก เมื่อนักเรียนมีความเข้าใจอย่างลึกซ้ึงเกี่ยวกับค่านิยมหลัก สังคมนิยมในแบบเรียนสร้างเสริมลักษณะนิสัย นักเรียนจะสามารถรักษา อัตลักษณ์ความเป็นจีนได้ การสร้างอัตลักษณ์ชาติพันธุ์จีน ปรากฏการณ์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228