1 หนวยการเรียนรูท่ี 1 ลกู เสือกับการพัฒนา สาระสาํ คญั การลูกเสือ มีเปาหมายเพ่ืออบรมส่ังสอนและฝกฝนใหบุคคลเปนพลเมืองดี ซึ่ง วตั ถปุ ระสงคของคณะลูกเสือแหง ชาติ น้ัน เพื่อพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สติปญญา จิตใจ และ ศีลธรรม ใหเปนพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และชวยสรางสรรคสังคมใหมีเกิดความสามัคคี และมีความเจริญกาวหนา และหลักการของการลูกเสือ มุงสงเสริม สรางสรรคใหลูกเสือและ ผบู งั คับบัญชาลูกเสอื ยดึ ถือเปนแนวปฏบิ ตั ิในการดําเนินกิจกรรมลูกเสือและใชในการดําเนินชีวิต ของตนเองใหเกิดความสุขใหเปนคนดี คนเกง พ่ึงตนเอง เห็นอกเห็นใจและชวยเหลือผูอ่ืนได มีความจงรักภักดีตอชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย โดยยึดหลักการ คําปฏิญาณและกฎของ ลกู เสือเปนหลักปฏิบตั ิ และพรอ มทจี่ ะให “บริการ” ตามทศั นะของการลูกเสือ ท้ังน้ี ตองคํานึงถึง สภาวะแวดลอม สถานภาพ และขีดความสามารถของตนเอง โดยการสํารวจตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสงั คมเพื่อการพัฒนา และมแี นวทางการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคม ตวั ช้วี ัด 1. อธิบายสาระสําคญั ของการลูกเสอื 2. อธิบายความสําคญั ของการลกู เสอื กบั การพฒั นา 3. อภิปรายความเปนพลเมอื งดีในทัศนะของการลูกเสือ 4. นําเสนอผลการสํารวจตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และสงั คม เพอ่ื การพัฒนา ขอบขา ยเน้อื หา เรอ่ื งท่ี 1 สาระสาํ คัญของการลูกเสอื 1.1 วตั ถุประสงคข องการพัฒนาลกู เสอื 1.2 หลกั การสาํ คญั ของการลูกเสอื เรอ่ื งที่ 2 ความสาํ คญั ของการลูกเสอื กับการพฒั นา 2.1 การพฒั นาตนเอง 2.2 การพฒั นาสัมพันธภาพระหวา งบุคคล 2.3 การพฒั นาสมั พนั ธภาพภายในชุมชนและสงั คม
2 เร่อื งท่ี 3 ลูกเสอื กบั การพัฒนาความเปนพลเมอื งดี 3.1 ความหมายของพลเมอื งดี 3.2 ความเปนพลเมอื งดใี นทศั นะของการลกู เสือ เรือ่ งท่ี 4 การสาํ รวจตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคม เพือ่ การพฒั นา 4.1 การสํารวจตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม 4.2 แนวทางการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคม เวลาท่ใี ชในการศึกษา 2 ชั่วโมง สอื่ การเรยี นรู 1. ชุดวชิ าลกู เสือ กศน. รหัสรายวชิ า สค32035 2. สมดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรียนรปู ระกอบชุดวชิ า 3. สอ่ื เสริมการเรยี นรอู ื่น ๆ
3 เรื่องท่ี 1 สาระสําคญั ของการลกู เสือ พระราชบญั ญัตลิ กู เสอื พ.ศ. 2551 ไดใ หค วามหมายของคําวา “ลูกเสือ” หมายถึง เดก็ และเยาวชนท้งั ชายและหญิง ทส่ี มคั รเขาเปน ลกู เสือทงั้ ในสถานศึกษา และนอกสถานศึกษา สวนลูกเสอื ท่ีเปนหญิงใหเรียกวา “เนตรนาร”ี การลูกเสือ หมายถึง กิจการที่นําเอาวัตถุประสงค หลักการ และวิธีการของ ขบวนการลูกเสอื มาใชเพ่ือการพฒั นาเด็กและเยาวชน การลกู เสอื เปนกระบวนการสําคญั ยิ่งของการศึกษาท่ีไดรับการยอมรับจากทั่วโลก เพราะเปน กจิ กรรมพฒั นาเยาวชนใหมีคุณธรรมสูง สงเสริมบุคลิกภาพที่ดี และมีความเปนผูนํา ในการพฒั นาเยาวชนนน้ั พระราชบัญญตั ลิ กู เสือ พ.ศ. 2551 ไดใหความหมายของวัตถุประสงค คณะลูกเสือแหง ชาติ ไวใ นมาตรา 8 ความวา “คณะลูกเสือแหงชาติ มีวัตถุประสงคเพ่ือพัฒนา ลกู เสอื ทง้ั ทางกาย สตปิ ญญา จิตใจ และศีลธรรมใหเปนพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และชวย สรางสรรคสงั คมใหเกิดความสามัคคี และมีความเจริญกาวหนา ทั้งนี้ เพื่อความสงบสุขและความ ม่ันคงของประเทศชาติ” โดยมีวัตถุประสงคของการพัฒนาลูกเสือ และหลักการสําคัญของ การลูกเสือ ดงั น้ี 1.1 วตั ถปุ ระสงคข องการพัฒนาลกู เสอื คณะลูกเสือแหง ชาติ ไดกาํ หนดวัตถุประสงคเพ่ือพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สตปิ ญญา จิตใจ และศีลธรรม ใหเ ปน พลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และชวยสรางสรรคสังคมใหมี ความสามัคคีและมคี วามเจริญกาวหนา ทั้งน้ี เพื่อความสงบสุขและความมั่นคงของประเทศชาติ ตามแนวทางดงั ตอไปน้ี 1) ใหมนี ิสัยในการสงั เกต จดจํา เชอ่ื ฟงและพงึ่ ตนเอง 2) ใหซือ่ สัตยส จุ รติ มีระเบียบวินัยและเหน็ อกเหน็ ใจผูอนื่ 3) ใหรจู กั บาํ เพญ็ ตนเพอ่ื สาธารณประโยชน 4) ใหรูจกั ทาํ การฝมอื และฝกฝนใหท าํ กิจการตาง ๆ ตามความเหมาะสม 5) ใหรจู กั รกั ษาและสง เสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม และความม่ันคง ของประเทศชาติ ซึ่งสอดคลองกับธรรมนูญขององคการแหง โลก วาดวยขบวนการลูกเสอื ทีไ่ ดกําหนด วตั ถุประสงคข องขบวนการลูกเสอื ไวดังตอ ไปน้ี “จุดมุงประสงคของขบวนการลูกเสือ คือ การสนับสนุนการพัฒนาอยางเต็มท่ี ซงึ่ ศักยภาพทางกาย สตปิ ญญา สงั คม จติ ใจและศีลธรรม ใหแกเยาวชนเปน รายบุคคล เพ่ือให
4 เขาเปนพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ ในฐานะที่เปนสมาชิกของชุมชนในทองถิ่น ในชาติ และ ในชมุ ชนระหวางนานาชาติ” ขบวนการลกู เสือท่ัวโลก เปนขบวนการท่ีมุงพัฒนาศักยภาพของบุคคล ทุกเพศ ทกุ วัย และทุกฐานะ ใหไ ดร บั การพฒั นาในทกุ ดาน กลา วคอื การพัฒนาทางกาย เพ่ือใหมีรางกายเจริญเติบโต แข็งแรง เพียบพรอมดวย สขุ ภาพอนามยั ทส่ี มบรู ณ โดยการสง เสริมการใชชีวิตกลางแจง การพฒั นาทางสติปญ ญา เพอ่ื ใหม ีสติปญ ญาเฉลยี วฉลาด พึง่ ตนเองได โดยการ สงเสริมการเรยี นรูดวยการกระทาํ รวมกนั การพัฒนาทางจิตใจ เพื่อใหมีคุณธรรม จริยธรรมในการดํารงชีวิต โดยยึด คาํ ปฏญิ าณและกฎของลกู เสือเปนหลกั ประจําใจและนําไปใชใ นชีวิตประจําวัน การพฒั นาทางสังคม เพอ่ื ใหมจี ติ สาธารณะ คดิ ดี ทําดี และมีความเปนพลเมืองดี สามารถปรบั ตวั ใหอ ยูในสงั คมไดอยา งมคี วามสขุ โดยการบําเพ็ญประโยชนต อผูอ ่นื 1.2 หลกั การสําคญั ของการลกู เสือ เบเดน โพเอลล ไดกาํ หนดหลักการสําคญั ของการลูกเสอื ไว 8 ประการ ดงั น้ี 1) ลูกเสือเปน ผมู ีศาสนา 2) ลกู เสอื มีความจงรกั ภักดีตอ ชาติบานเมอื ง 3) ลูกเสอื มีความเช่ือมน่ั ในมิตรภาพและความเปนภราดรของโลก 4) ลกู เสือเปน ผูบ าํ เพ็ญประโยชนตอ ผอู ่นื 5) ลกู เสอื เปนผยู ึดมั่นและปฏบิ ัติตามคําปฏญิ าณและกฎของลูกเสือ 6) ลูกเสอื เปน ผูอ าสาสมคั ร 7) ลูกเสือยอ มไมเ กยี่ วขอ งกบั การเมอื ง 8) มีกาํ หนดการพิเศษสําหรับการฝกอบรมเด็กชาย และคนหนุมเพ่ือให เปน พลเมืองดี มีความรบั ผิดชอบ โดยอาศัยวิธีการระบบหมู ระบบกลุม มีการทดสอบเปนข้ันๆ ตามระดับของหลักสตู รและวิชาพิเศษลูกเสอื และใชกจิ กรรมกลางแจง เบเดน โพเอลล ไดเขียนสาสน ฉบบั สดุ ทายถึงลกู เสือ มีขอความสําคัญดังนี้ 1) จงทําตนเอง ใหม ีอนามยั และแข็งแรงในขณะท่ียังเปนเด็ก 2) จงพอใจในส่ิงท่ีเธอมีอยูและทําสิ่งนั้นใหดีที่สุด 3) จงมองเรอื่ งราวตา ง ๆ ในแงด ี แทนทีจ่ ะมองในแงราย 4) ทางอันแทจริงท่ีจะหาความสุข คือ โดยการใหความสุขแกผูอ่ืน 5) จงพยายามปลอยอะไรไวในโลกน้ีใหดีกวาท่ีเธอไดพบ และ 6) จงยดึ มั่นในคําปฏิญาณของลูกเสอื ของเธอไวเสมอ
5 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงมีพระราชดําริวา เด็กผูชายเปน ผูท่ีสมควรไดรับการฝกฝนท้ังรางกายและจิตใจ เปรียบเหมือนไมท่ียังออน จะดัดใหเปนรูป อยางไรกเ็ ปนไปไดโดยงายและงดงาม ถารอไวจนแกเสียแลวเมื่อจะดัดก็ตองเขาไฟ และมักจะ หักได เพ่ือจะไดรูจักหนาที่ ผูชายไทยทุกคนควรประพฤติใหเปนประโยชนแกชาติบานเมือง อนั เปน บานเกดิ เมืองนอนของตน ห ลั ก ก า ร ข อ ง ลู ก เ สื อ อ ยู ท่ี ก า ร ป ฏิ บั ติ ต า ม คํ า ป ฏิ ญ า ณ แ ล ะ ก ฎ ข อ ง ลู ก เ สื อ โดยคาํ ปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื สํารอง มีดังนี้ คําปฏิญาณกลาววา ขา สัญญาวา ขอ 1 ขาจะจงรกั ภักดตี อชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ขอ 2 ขา จะยดึ ม่นั ในกฎของลูกเสอื สํารองและบําเพญ็ ประโยชนต อผอู ่ืนทุกวัน กฎของลกู เสือสํารอง ขอ 1 ลูกเสือสํารองทําตามลกู เสือรุน พ่ี ขอ 2 ลูกเสือสํารองไมท าํ ตามใจตนเอง สว นคําปฏิญาณและกฎของลูกเสือ ลูกเสือสามัญ ลูกเสือสามัญรุนใหญ ลูกเสือ วิสามญั และผบู งั คับบัญชาลูกเสอื มีดังน้ี คําปฏิญาณกลาววา ดว ยเกียรติของขา ขาสญั ญาวา ขอ 1 ขาจะจงรักภกั ดตี อชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ขอ 2 ขาจะชวยเหลือผูอ่นื ทกุ เม่อื ขอ 3 ขา จะปฏิบัตติ ามกฎของลกู เสือ กฎของลกู เสือ มี 10 ขอ ดงั น้ี ขอ 1 ลูกเสือมเี กียรติเช่ือถือได ขอ 2 ลูกเสือมีความจงรักภักดีตอชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย และซื่อตรง ตอ ผูมีพระคณุ ขอ 3 ลูกเสือมีหนา ทก่ี ระทาํ ตนใหเปน ประโยชนแ ละชวยเหลอื ผอู ่นื ขอ 4 ลกู เสอื เปน มติ รของคนทุกคนและเปนพ่ีนองกับลูกเสอื อน่ื ทว่ั โลก ขอ 5 ลกู เสอื เปน ผสู ภุ าพเรียบรอ ย ขอ 6 ลูกเสอื มคี วามเมตตากรณุ าตอสตั ว ขอ 7 ลูกเสอื เช่ือฟง คาํ สงั่ ของบิดามารดา และผูบงั คับบญั ชาดวยความเคารพ ขอ 8 ลกู เสือมใี จราเรงิ และไมยอ ทอ ตอความลาํ บาก ขอ 9 ลูกเสอื เปน ผมู ัธยัสถ ขอ 10 ลูกเสอื ประพฤตชิ อบดวยกาย วาจา ใจ
6 สรุปไดวา หลักการของลูกเสือดังกลาวมุงสงเสริมสรางสรรคใหลูกเสือและ ผูบังคบั บัญชาลูกเสือยึดถือเปนแนวปฏิบัติในการดําเนินกิจกรรมลูกเสือและใชในการดําเนินชีวิต ของตนเองใหเกิดความสุข ใหเปนคนดี คนเกง พึ่งตนเอง เห็นอกเห็นใจและชวยเหลือผูอ่ืนได มคี วามจงรักภกั ดีตอ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย โดยยึดหลักการ คาํ ปฏิญาณและกฎของลูกเสือ เปนหลักปฏิบตั ิ กิจกรรมทา ยเร่อื งท่ี 1 สาระสาํ คญั ของการลูกเสือ (ใหผ ูเ รียนไปทาํ กิจกรรมทา ยเรอื่ งที่ 1 ท่ีสมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรปู ระกอบชดุ วิชา) เรื่องที่ 2 ความสาํ คญั ของการลูกเสือกบั การพัฒนา การลูกเสือท่ัวโลกมีจุดประสงค หลักการ วิธีการ และอุดมการณเดียวกัน คือ การพัฒนาศักยภาพบุคคลใหเปนพลเมืองดี มีจิตสาธารณะ มีความรับผิดชอบในการพัฒนา ตนเอง การพัฒนาสัมพันธภาพระหวางบุคคล และการพัฒนาสัมพันธภาพภายในชุมชนและ สงั คม โดยมีรายละเอยี ด ดังน้ี 2.1 การพัฒนาตนเอง การพัฒนาตนเอง หมายถึง ความตองการของบุคคลในการพัฒนาความรู ความสามารถของตนจากที่เปนอยูใหมีความรู ความสามารถและพัฒนาศักยภาพของตนเอง ใหเ พม่ิ ขนึ้ และดีข้ึนในการพัฒนาทางกาย จิตใจ อารมณ สติปญญา สังคม ความรู อาชีพ และ สง่ิ แวดลอม โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1) การพฒั นาทางกาย หมายถึง การพฒั นาสุขภาพ อนามยั ใหร างกาย สมบูรณ แขง็ แรง รวมถงึ การพัฒนาบุคลิกภาพ กริยาทาทาง การแสดงออก การใชนํ้าเสียง วาจา การใชค ําพูดในการสอ่ื ความหมาย และการแตง กายทสี่ ะอาด เหมาะสมกับกาลเทศะ เหมาะกับ รปู รางและผิวพรรณ 2) การพฒั นาทางจติ ใจ หมายถงึ การพัฒนาเจตคติท่ีดี หรือความรูสึก ท่ีดี หรอื การมองโลกในแงด ี รวมถึงการพัฒนาสุขภาพจิตของตนเองใหอยูในสถานการณที่เปน ปกติ และ เปนสขุ โดยมคี ุณธรรมเปน หลักในการพัฒนาจติ ใจ 3) การพัฒนาทางอารมณ หมายถึง การพัฒนาความสามารถในการ ควบคุมความรูสึก นึกคิด การควบคุมอารมณที่เปนโทษตอตนเองและผูอื่น โดยมีธรรมะ เปน หลักพฒั นาทางอารมณ 4) การพัฒนาทางสติปญญา หมายถึง การพัฒนาทักษะการเรียนรู ดวยการช้ีนําตนเอง การพัฒนาความสามารถในการแสวงหาความรูดวยตนเอง การพัฒนา กระบวนการทางความคิดเชิงวิเคราะห การตัดสินใจดวยความเฉลียวฉลาดและมีไหวพริบ ปฏญิ าณภมู ิคมุ กนั ทีด่ ีในตน และมีวิถกี ารดาํ เนนิ ชีวิตอยา งพอประมาณ และมเี หตผุ ลทดี่ ี
7 5) การพฒั นาทางสงั คม หมายถึง การพัฒนาความเปนพลเมืองดี คิดดี ทาํ ดี มจี ติ สาธารณะ สามารถปรับตัวใหอยใู นสงั คมไดอ ยางมคี วามสขุ 6) การพฒั นาทางความรู หมายถึง การพัฒนาความรอบรูทางวิชาการ และเทคโนโลยีที่กาวหนา สามารถนําเทคโนโลยีท่ีมีอยูมาใชในชีวิตประจําวันไดอยางมี ประสทิ ธิภาพ 7) การพัฒนาทางอาชีพ หมายถึง การพัฒนาทักษะฝมือ ความรู ความสามารถ ความชํานาญการทางอาชีพใหสอดคลองกับความตองการของตลาดแรงงาน โดยการฝก ทักษะฝมือ 8) การพัฒนาส่ิงแวดลอม หมายถึง การกระตุน และรักษา ตลอดจน แสวงหาแนวทางทจี่ ะทําใหสิ่งแวดลอม มีความย่ังยืน ดวยการสรางความรู ความเขาใจ ในคุณคา และการดูแลการรักษา 2.2 การพฒั นาสัมพนั ธภาพระหวางบคุ คล การพัฒนาสมั พนั ธภาพระหวางบคุ คล หมายถึง ความผูกพนั ความเกีย่ วของ เปนกระบวนการติดตอเกี่ยวของระหวางบุคคลตั้งแตสองคนขึ้นไปเพื่อทําความรูจักกัน โดยวัตถุประสงครวมกันดวยความเต็มใจ มีความรูสึกท่ีดีตอกัน อาศัยการแสดงออกทางกาย วาจา และใจ ในชวงระยะเวลาหน่ึง ซ่ึงอาจไมจํากัดแนนอน สามารถอยูรวมกันและทํางาน รวมกับผูอ่ืนได โดยมีสัมพันธภาพที่ดีตอกันและสรางสรรคผลงานที่เปนประโยชนใหเกิดขึ้น โดยอาศัยความอดทนในการอยรู ว มกัน การพัฒนาสัมพันธภาพระหวางบคุ คล จาํ เปน อยางยิง่ ทจี่ ะตองเร่ิมท่ตี นเอง ดงั นี้ 1) รูจักปรบั ตนเองใหมีอารมณห นักแนน ไมหวาดระแวง ไมออนแอหรือ แขง็ กระดาง ไมเปลีย่ นแปลงหรือผนั แปรงาย 2) รูจ ักปรับตนเองใหเขากบั บคุ คล และสถานการณ รวมทั้งยอมรับและ ปฏิบัตติ ามกฎ กติกา ระเบียบตาง ๆ รูจ ักบทบาทของตนเอง 3) รูจ กั สงั เกต รจู ด และรูจํา การสังเกตจะชว ยใหเ ราสามารถเขากับทุกคน ทกุ ชนั้ ทุกเพศ และทกุ วัยไดด ี 4) รูจักตนเองและประมาณตน ชวยใหคนลดทิฐิ และเห็นความสําคัญ ของผอู ืน่ ซึ่งชวยสรางความพึงพอใจใหแ กกนั 5) รจู กั สาเหตแุ ละใชเหตุผลตอผูอื่น ชวยลดความววู าม ทําใหการคบหา กนั ไปดว ยดี 6) มคี วามมั่นใจในตนเอง และเปนตัวของตวั เอง
8 2.3 การพฒั นาสัมพันธภาพภายในชุมชนและสงั คม การพัฒนาสัมพันธภาพภายในชุมชนและสังคม หมายถึง กระบวนการ เปลี่ยนแปลงภายในสังคมท้ังดานเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง และวัฒนธรรม เพื่อประชาชนมีชีวิตความเปนอยูท่ดี ขี ึน้ ทง้ั ดา นท่อี ยูอ าศยั อาหาร เครื่องนุงหม สุขภาพอนามยั การศึกษา การมีงานทํา มีรายไดเพียงพอในการครองชีพ ประชาชนไดรับความเสมอภาค ความยุติธรรม มีคุณภาพชีวิต ทั้งนี้ ประชาชนตองมีสวนรวมในกระบวนการเปลี่ยนแปลง ทกุ ข้นั ตอนอยางมรี ะบบ การพัฒนาสัมพนั ธภาพภายในชมุ ชนและสงั คม จําเปนตอ งเร่มิ ตนที่ตนเอง ดังน้ี 1) พัฒนาบุคลกิ ภาพใหผูพ บเหน็ เกดิ ความช่ืนชมและประทับใจดวยการ พดู และกริ ิยาทา ทาง 2) พัฒนาพฤตกิ รรมการแสดงออกดว ยความจริงใจ ใจกวา ง ใจดี 3) ใหความชวยเหลือเอาใจใสในกิจกรรมและงานสวนรวมดวยความ มนี ้าํ ใจและเสียสละ 4) ใหค ําแนะนําหรอื เสนอแนะส่งิ ที่เปน ประโยชนตอสวนรวม 5) รวมแกไ ขปญหาขอขัดแยง ในสังคมใหดขี ึ้น 6) พูดคยุ กบั ทกุ คนดวยความยมิ้ แยม แจมใส และเปนมติ รกับทุกคน 7) ยดึ หลกั ปฏิบัตติ ามคา นยิ มพื้นฐาน คือ การพึ่งตนเอง ขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ ประหยัดและออม มีระเบียบวินัยและเคารพกฎหมาย ปฏิบัติตามคุณธรรม ของศาสนา มีความจงรักภกั ดีตอ ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ นอกจากน้ี ยังจําเปนตองพัฒนาสัมพันธภาพตอส่ิงแวดลอม โดยการสํารวจ สภาพทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอม ใหความสนใจและรวมมือในการจัดกิจกรรม ตลอดจน การบํารุงรักษาใหเกดิ ประโยชนต อ ชนรุนหลัง สํานักงานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ ไดกําหนดแนวทางการพัฒนา ลูกเสือ 8 ประการ คอื 1) การพัฒนาทางกาย คือ การจัดกิจกรรมที่เปดโอกาสใหลูกเสือได ออกกําลังกายอยางเต็มที่ และทําใหรางกายแข็งแรง เชน การเลนเกม การเดินทางไกลอยู คายพักแรม การฝกวายน้ํา เลนฟุตบอล เปนตน ใหเหมาะสมกับสภาพอนามัยและอายุ ของเดก็ ไมใชกิจกรรมทีต่ อ งออกแรงมากเกนิ ไป หรือเปน กิจกรรมสาํ หรบั เด็กเล็ก ๆ 2) การพัฒนาทางสติปญญา คือ การจัดกิจกรรมที่เราใจใหลูกเสือได ปฏิบัติอันเปนการกระตุนใหเด็กเกิดความคิดริเริ่มสรางสรรค วิธีการบางอยางท่ีไดนํามาใช ในการพัฒนาทางสติปญญา ไดแ ก งานประเภทงานผีมือตาง ๆ เชน การประดิษฐส่ิงของจากวัสดุ เหลอื ใช การทาํ งานดวยเคร่อื งมือ การชมุ นุมรอบกองไฟ การแสดงหนุ กระบอก เปนตน
9 3) การพัฒนาทางจติ ใจและศีลธรรม ผูกํากับลูกเสือจะชวยพัฒนาจิตใจ และศีลธรรมใหแกล กู เสอื ไดโ ดยสงเสริมใหมีความซาบซึ้งในศาสนา ดวยการฟงเทศน ไหวพระ สวดมนต การปฏิบัติศาสนกิจและการไปทําบุญทําทานที่วัด พัฒนาแนวความคิดทางศาสนา เชน การเชื่อคําสอนในพระพุทธองค การเช่ือในอํานาจลึกลับบางอยางที่ดลบันดาลความหวัง ใหแ กชวี ติ กระตนุ ใหเ ด็กปฏิบัติตามและเชอื่ ถือตามพอแม กิจการลูกเสือสามารถที่จะเช่ือมโยง กบั ศาสนาตาง ๆ ได 4) การพัฒนาในเรื่องการสรางคานิยมและเจตคติ ผูกํากับลูกเสือตอง พยายามสรา งคา นยิ มและเจตคติที่ดีในส่ิงแวดลอมท่ัวไปใหเด็กเห็น และปลูกฝงลงไปในตัวเด็ก โดยการแสดงภาพที่ดีที่มีคานิยม อภิปรายปญหาตาง ๆ ที่เกิดขึ้นกับลูกเสือแตละคนหรือกับ กลุมลกู เสอื ทกุ โอกาส เพ่ือวา ลูกเสอื จะไดพบดว ยตัวเองวาคานยิ ม เจตคติและมาตรฐานอะไรที่มี คุณคา อยา งยงิ่ ยวด 5) การพัฒนาสัมพันธภาพระหวางบุคคล ผูกํากับจะตองชวยเหลือให ลูกเสือสรางสัมพันธภาพอยางฉันทมิตรกับผูอื่นอยางสม่ําเสมอ นอกจากน้ันก็ใหลูกเสือ ไดทดสอบความสามารถหรือทักษะของเขาในการสรางสรรคความสัมพันธกับผูกํากับลูกเสือ และทดสอบความสามารถในการผูกมิตรกบั เดก็ ชายหญงิ ในวยั เดยี วกันกับเขา 6) การพัฒนาสัมพันธภาพทางสังคม ผูกํากับลูกเสือควรตระหนักถึง การพัฒนาสัมพันธภาพทางสังคมวา เปนเสมือนสวนหน่ึงท่ีสอดแทรกอยูในกิจการของลูกเสือ กลมุ ลกู เสือควรจะมีความสามารถทจ่ี ะทาํ งานรวมกันอยางกลมเกลียวราบรื่น ลูกเสือควรจะได เรยี นรถู ึงการใหค วามรวมมอื การใหและการรบั แสดงบทบาทผูกํากับ และเรียนรูถึงการยอมรับ ในคุณคาและบคุ ลิกภาพของบุคคลอ่ืน ๆ เพราะไมมีใครจะอยูไดอยางเดียวดาย ระบบหมูของ ลกู เสือจะชว ยใหลูกเสือแตล ะคนเขารว มกนั เปนกลุมที่ประกอบดวยบุคคลในรุนเดียวกัน และมี ความสนใจคลายคลงึ กนั ในสภาพเชนนี้ ลูกเสอื สามารถทดลองทกั ษะในการทาํ งานในกลมุ เล็ก ๆ ซึง่ จะมีสว นชวยเขาในอนาคตทั้งที่ทาํ งานและท่บี าน 7) การพฒั นาสัมพันธภาพตอชุมชน คือ ความพรอมและความสามารถ ใหบ รกิ ารแกผูอืน่ ผูบ งั คบั บัญชาควรกระตุนใหลูกเสือไดเขาไปมีสวนรวมในชุมชนอยางเขมแข็ง ไมวาจะเปนการบําเพ็ญประโยชนประจําเฉพาะตัว หรือปฏิบัติการรวมกันทั้งหมูในโครงการ บําเพ็ญประโยชน เจตคตแิ ละทกั ษะดงั กลา วจะเปนทักษะท่มี ีคา และสําคัญ ถาในวันหนึ่งลูกเสือ ไดร ับการกระตุนใหเ ปนผทู ม่ี สี วนชวยสรางสรรคสังคม ชุมชนในสังคมน้ันก็จะมีความประทับใจ ในผลงานของลกู เสอื 8) การพัฒนาทางดานความรับผิดชอบตอสิ่งแวดลอม คือ การสงเสริม ใหลูกเสอื ไดมคี วามเพลิดเพลินกับชวี ิตกลางแจง สง เสรมิ ใหร ูจักรักธรรมชาตแิ ละรกั ษาธรรมชาติ การเรียนรูเรื่องธรรมชาติเปนกิจกรรมที่นําไปสูความสําเร็จในการลูกเสือ เพราะธรรมชาติให บทเรียนวา คนเราสามารถเล้ียงชีพไดอยางไร รวมทั้งสอนใหรูจักการดํารงชีวิตตลอดไปจนถึง
10 การแสวงหาความสขุ จากชวี ติ อีกดวย ความรูพเิ ศษในเร่อื งของธรรมชาติเปนวิธีท่ีดีท่ีสุดที่จะเปด ดวงจิตและความคิดของเด็กใหรูคุณคาความงามของธรรมชาติ เม่ือนิยมไพรไดฝงอยูในดวงจิต ของเด็กแลว การสงั เกต การจดจํา การอนุมานจะไดร ับการพัฒนาข้ึนโดยอัตโนมัติจนกลายเปน นสิ ยั อีกประการหน่งึ ในปจจุบันประชากรท่ัวโลกไดตระหนักถึงความตองการที่จะปองกันและ อนุรักษธรรมชาติท้ังหลาย ท้ังรัฐบาลและองคการอนุรักษธรรมชาติตาง ๆ กําลังดําเนินการ อยางเขมแข็งที่จะใหการศึกษาแกประชาชนใหคิดและดําเนินการรักษาสิ่งแวดลอมรอบตัว มีวิถีทางอยางมากมายท่ีลูกเสือสามารถปฏิบัติและชวยเหลือในการอนุรักษธรรมชาติได เชน การรณรงคตอตานการทิ้งเศษส่ิงของลงในที่สาธารณะ การทําความสะอาดทางระบายนํ้า การปลูกตน ไม การจัดภาพแสดงการอนรุ กั ษป ดไวตามที่สาธารณะ เปนตน กจิ กรรมทายเรือ่ งท่ี 2 ความสําคญั ของการลูกเสอื กบั การพฒั นา (ใหผเู รียนไปทาํ กจิ กรรมทา ยเรอ่ื งที่ 2 ท่ีสมดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรียนรูป ระกอบชดุ วชิ า) เรื่องที่ 3 ลูกเสอื กับการพฒั นาความเปน พลเมอื งดี การลกู เสือเปนขบวนการทางการศึกษาสําหรบั เดก็ และเยาวชนท่ีมีวัตถุประสงค เพือ่ สรา งบุคลิกภาพ และพัฒนาการทางสังคมใหกับเด็กและเยาวชนเพื่อใหเปนพลเมืองดีของ ประเทศ โดยใชวิธีการของลูกเสือท่ียึดม่ันในกฎและคําปฏิญาณ ซ่ึงลูกเสือกับการพัฒนา ความเปนพลเมืองดีเก่ียวกับความหมายของพลเมืองดี ความเปนพลเมืองดีในทัศนะของ การลกู เสอื และแนวทางการพฒั นาการลูกเสือไทยเพอ่ื สงเสริมความเปน พลเมอื งดี ดังนี้ 3.1 ความหมายของพลเมอื งดี พลเมอื งดี หมายถึง ผูปฏิบัติหนาท่ีตามกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชาติ คําส่ังสอนของพอแม ครู อาจารย มีความสามัคคี เอ้ือเฟอเผ่ือแผซึ่งกัน และกัน รูจักรับผดิ ชอบชั่วดตี ามหลกั จรยิ ธรรม และหลักธรรมของศาสนา มีความรอบรู มีสติปญญา ขยนั ขันแข็ง สรางความเจริญกาวหนาใหแ กตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติไดครบถวน ท้งั ภารกิจท่ีตอ งทําและภารกิจทคี่ วรทาํ ภารกิจที่ตองทํา หมายถึง ส่ิงท่ีคนสวนใหญเห็นวาเปนหนาท่ีท่ีตองกระทํา หรอื หามกระทํา ถาทําก็จะกอใหเกิดผลดี เกิดประโยชนตอตนเอง ครอบครัว หรือสังคม สว นรวม แลวแตกรณี ถาไมท าํ หรือไมล ะเวนการกระทําตามท่ีกําหนดจะไดรับผลเสียโดยตรง คือ ไดรับโทษ หรือถูกบังคับ เชน ปรับ จําคุก หรือประหารชีวิต เปนตน โดยท่ัวไปส่ิงที่ระบุภารกิจ ทต่ี อ งทํา ไดแก กฎหมาย ขอบงั คับ ระเบียบตาง ๆ เปน ตน
11 ภารกจิ ทค่ี วรทาํ หมายถึง ส่ิงที่คนสวนใหญเห็นวาเปนหนาที่ที่ควรทํา หรือ ควรละเวนการกระทาํ ถา ไมทาํ หรอื ละเวน การกระทํา จะไดรับผลเสียโดยทางออม เชน ไดรับการ ดหู มนิ่ เหยยี ดหยาม หรอื ไมค บคา สมาคมดว ย ถาทําจะไดรับการยกยอง สรรเสริญจากคนในสังคม โดยท่ัวไปส่ิงที่ระบุกิจ ที่ควรทํา ไดแ ก วฒั นธรรม ประเพณี เปน ตน 3.2 ความเปน พลเมอื งดใี นทัศนะของการลูกเสอื กิจกรรมลูกเสือ เปนการจัดมวลประสบการณท่ีมีประโยชน และทาทาย ความสามารถ เพื่อเปดโอกาสใหบุคคลพัฒนาศักยภาพของตนเอง และสรางลักษณะนิสัยไมเห็นแกตัว และพรอ มท่ีจะเสียสละประโยชนสว นตัว เพื่อใหมีอาชีพและให “บริการ” แกบุคคลและสังคม สามารถดําเนินชีวิตของตนเอง เปนผูมีความรับผิดชอบตามหนาท่ีของตน และดํารงชีวิตใน สังคมไดอ ยางมคี วามสขุ กิจกรรมลูกเสือ เปนกิจกรรมท่ีมุงพัฒนาบุคคลท้ังทางกาย สติปญญา ศีลธรรม จิตใจ เพ่ือใหเปนพลเมืองดี รูจักหนาที่รับผิดชอบ และบําเพ็ญประโยชนตอชุมชน สังคม และประเทศชาติ ในทศั นะของการลูกเสือ คาํ วา “พลเมืองดี” คอื บุคคลที่มีเกียรติ เช่ือถือได มีระเบียบวินัย สามารถบังคับใจตนเอง สามารถพ่ึงตนเองและสามารถที่จะชวยเหลือชุมชน และบําเพ็ญประโยชนตอผูอ่ืน ทั้งนี้ ตองคํานึงถึงสภาวะแวดลอม สถานภาพของตนเองและ ขีดความสามารถของตนเอง เพื่อปองกันหรือไมกอใหเกิดความเดือดรอนแกตนเองและ ครอบครวั การพัฒนาตนเองใหเ ปนพลเมอื งดีในทศั นะของการลูกเสือ มีดงั น้ี 1) มีความจงรักภักดีตอ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย 2) มเี กยี รติเช่ือถอื ได 3) มรี ะเบียบวนิ ยั สามารถบงั คับใจตนเองได 4) สามารถพงึ่ ตนเองได 5) เต็มใจและสามารถชวยเหลือชุมชน และบําเพ็ญประโยชนตอผูอื่น ไดท กุ เมือ่ 3.3 แนวทางการพฒั นาการลูกเสอื ไทยเพือ่ สงเสริมความเปน พลเมืองดี สภาพการจดั การการลูกเสือไทยในอดีตและปจจุบันในดานการปฏิบัติและ การสงเสริมความเปนพลเมืองดีท่ีเกิดจากกระบวนการลูกเสือไทยของกลุมบุคคลทั่วไป ผูอํานวยการลูกเสอื ผูกํากับลูกเสอื และลกู เสือ สะทอนใหเห็นภาพรวมของการลูกเสือท่ีผานมา ไดวา กระบวนการลูกเสอื ไทยในอดีตและปจ จบุ นั มคี วามสอดคลองกันในดา นการสอนใหลูกเสือ มีความจงรักภักดีตอชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย รูจักการคิดวิเคราะหอยางเปนระบบ
12 แกปญหาเฉพาะหนาไดเปนอยางดี และมีการฝกวินัยใหลูกเสือเปนผูมีความซ่ือสัตย ถึงกระนั้น การลูกเสือไทยยังตองเรงพัฒนาใหลูกเสือมีจิตอาสาท่ีจะชวยเหลือผูอื่นและสวนรวม เพราะ สังคมปจจุบนั ตองการผูม จี ติ อาสาในการรว มกันชวยเหลือสังคมและพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ การจัดการลูกเสือไทยในอดีตและปจจุบันยังมีขอแตกตางกันในเรื่องของการนําทักษะทาง การลูกเสอื ไปใชในชวี ติ ประจาํ วนั ซึง่ อาจมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดลอมทางสังคม ที่มีบริบทแตกตางกันท้ังความเจริญดานวัตถุและเทคโนโลยี สําหรับการจัดกิจกรรมลูกเสือ สามารถสงเสรมิ ความเปนพลเมืองดีไดในทกุ ดา น เพราะผูกํากบั ลูกเสอื ไดจ ดั กิจกรรมลูกเสือตาม แนวทางการจดั กจิ กรรมลูกเสือที่สํานักงานลูกเสือแหงชาติกําหนด สวนการจัดการลูกเสือไทย ในดานการพัฒนาครูและบุคลากรทางการลูกเสือทั้งในอดีตและปจจุบันมีความสอดคลองกัน ที่ตองการใหครแู ละบุคลากรทางการลกู เสอื ไดรับการพัฒนาทกั ษะการสอนดานการลูกเสือมากข้ึน ดังน้ัน แนวทางการพัฒนาการลูกเสือไทยเพ่ือสงเสริมความเปนพลเมืองดี ทําไดโดยการ กําหนดวสิ ยั ทศั นแ ละพนั ธกิจของการลกู เสอื ไทย เพอื่ สง เสริมความเปน พลเมืองดีเพื่อเปนแมบท และแนวทางเดียวกันในการดําเนินงาน โดยมุงเนนที่ตัวเด็กและเยาวชนใหมีคุณลักษณะ ท่ีพึงประสงคเปนพลเมืองดีของชาติและพลโลกตามวัตถุประสงคของคณะลูกเสือแหงชาติ ซ่ึงกําหนดไวในพระราชบัญญัติการลูกเสือ พ.ศ. 2551 และมีพันธกิจท่ีสงเสริมใหเด็กและ เยาวชนไดพ ัฒนาตนเองใหเ ปนผมู รี ะเบียบวินัย มีจติ สาธารณะใหค วามชวยเหลือผูอื่นและสังคม มีคุณธรรม รูจักหนาที่ของตนและไมทําความเดือดรอนใหแกผูอ่ืน โดยรัฐบาลเปนผูกําหนด วิสัยทัศนและพันธกิจ ควรจัดทําเปนนโยบายแหงชาติและมีหนวยงานหลักรับผิดชอบ อยางชดั เจน ท้งั นี้ ควรแยกบทบาทหนาทข่ี องหนว ยงานท่ีใหการศึกษาแกลูกเสือในสถานศึกษา ออกจากหนว ยงานทม่ี ีหนาท่ีใหความรูผูกํากบั ลกู เสือ เพ่อื ใหการทาํ งานไมเกิดความซ้ําซอนและ ลดขั้นตอนการทํางาน ในสวนของคณะกรรมการตามโครงสรางของพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2551 ควรมีความเชื่อมโยงบทบาทหนาที่การดูแลงานลูกเสือในทุกระดับ และลดชองวางของการ ทาํ งานในกระบวนการลกู เสือ โดยมกี ารควบคมุ ใหม กี ารดําเนนิ งานตามแผนงาน ระยะเวลาและ เกณฑม าตรฐานทกี่ ําหนดไว มีการจดั สรรและใชง บประมาณตามทไ่ี ดร บั อนุมัติดานอัตรากาํ ลังควรมี หนวยงานกลางท่ีรับผิดชอบประสานงานดานน้ีโดยตรงเพ่ือลดทอนภาระหนาท่ีของบุคลากรจาก หนวยงานท่ีเกยี่ วขอ งใหสามารถปฏบิ ัติงานดา นการลกู เสือไดอยา งมปี ระสิทธภิ าพ ดา นแนวทางการจัดกจิ กรรมลกู เสือ กจิ กรรมลูกเสอื ที่จัดตอ งเหมาะสมกบั วัยของลูกเสือในแตล ะประเภทและมีความ หลากหลายสามารถปฏิบัติไดจริง เหมาะสมกับยุคสมัยและตรงตามความตองการของลูกเสือ ท้ังนี้ ตองอยภู ายใตห ลักเกณฑแ ละวธิ ีการของลูกเสือ และควรมุงเนนใหลูกเสือเปนผูมีจิตอาสา มวี ินัยและรูจ กั หนา ที่ของตนดวยการปฏิบัติจริง (Learning by Doing) ท่ีเกิดจากกระบวนการ กลุม โดยยึดกฎและคาํ ปฏิญาณของลกู เสอื เปนแนวทางในการจดั กิจกรรม ภายใตส ภาพแวดลอม ที่เปนธรรมชาติ เพ่ือใหลูกเสือไดประยุกตทฤษฎีสูการปฏิบัติและซึมซับกับธรรมชาติท่ีแทจริง
13 รวมทงั้ ตอ งพฒั นาใหผูกํากบั ลกู เสือปฏบิ ัตติ นเปน แบบอยางทดี่ ีใหกับลกู เสือและเปน ตนแบบของ การเรยี นรู อาทิ การแตงเครื่องแบบลูกเสอื ทถี่ ูกตอ งทกุ คร้ังทมี่ กี ารเรยี นการสอนกจิ กรรมลูกเสือ นอกจากน้ี ตอ งเปน ผมู คี วามรูและทกั ษะทางการลกู เสือเพ่ือสามารถถายทอดวามรูและประสบการณ ใหลูกเสือนําไปใชในชีวิตประจําวันได การจัดกิจกรรมลูกเสือจะดําเนินการตามขอบังคับ คณะลูกเสือแหงชาติวาดวยการปกครองหลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือ พ.ศ. 2509 ซ่ึงเปน กฎหมายลกู ทงั้ นี้ขอ บงั คับฯ ดงั กลาวยงั มิไดรับการปรบั ปรุงแกไขใหสอดคลองกับพระราชบัญญัติ ลูกเสือ พ.ศ. 2551 ซงึ่ เปนกฎหมายแม จึงควรมกี ารทบทวนปรับปรุงขอบังคับฯ ใหเปนปจจุบัน และสอดรบั กบั พระราชบัญญตั ลิ กู เสอื กอปรกับเพอื่ เปนแนวทางเดียวกนั ในการจัดกิจกรรมลูกเสือ ใหกับผูป ฏบิ ัติงานดา นการลกู เสอื ตอ ไป ดา นการพฒั นาครแู ละบคุ ลากรทางการลกู เสือไทย ครูและบุคลากรทางการลูกเสือเปนกลุมบุคคลท่ีนํานโยบายไปสูการปฏิบัติ เพื่อใหบรรลุผลตามเปาหมายท่ีกําหนดไว ดังนั้น ในการคัดเลือกหรือกําหนดตัวบุคคลที่จะทํา หนาทเ่ี ปนครแู ละบคุ ลากรทางการลกู เสือ จึงตองมีเกณฑคุณลักษณะท่ีเหมาะสมโดยเฉพาะครู ท่จี ะมาเปนผกู าํ กบั ลกู เสือตองเปน ผูมีความรกั ศรัทธาและเหน็ คณุ คา ในการลูกเสือ มีความเสียสละ อดทน และมีภาวะผูนํา มีความรูและทักษะการลูกเสือ ประพฤติตนเปนแบบอยางท่ีดีเสมอ รวมท้ัง สามารถปรับตัวใหเขากับวัยและสังคมของเด็กในแตละยุคสมัยได ครูและบุคลากร ทางการลูกเสอื จึงควรไดรับการพัฒนาใหมีความรอบรูอยูเสมอ ผูบริหารจึงตองสนับสนุนใหได เขาอบรมและเขา รวมกิจกรรมทางการลูกเสืออยา งตอเนอ่ื ง ครแู ละบุคลากรทางการลกู เสือไมได เรียนมาทางการลูกเสือโดยตรง จึงขาดทักษะในการจัดกิจกรรมลูกเสือ ดังน้ัน จึงควรจัดทํา หลักสูตรดานการลูกเสือโดยตรงสําหรับการศึกษาระดับปริญญา เพื่อผลิตบุคลากรที่มีความรู ความชํานาญดานการลูกเสือใหส ามารถพฒั นาการลกู เสือใหร กุ หนา ตอไป นอกจากนี้ ควรมีการ สง เสรมิ และสรา งขวัญและกาํ ลังใจใหก ับครูและบุคลากรทางการลูกเสอื เพอ่ื เปนแรงกระตนุ และ ผลักดันใหบ ุคคลปฏบิ ัตงิ านดวยความเต็มใจพรอมท่จี ะทํางานใหหนวยงานดวยการสงเสริมใหนํา ผลงานทางการลูกเสอื ขอเลื่อนวิทยฐานะ การสรางขวัญและกาํ ลงั ใจ โดยมีคาตอบแทนใหกับครู หรอื บุคลากรทางการลกู เสอื ท่ปี ฏิบัติงานนอกเวลาทาํ การ การนําชว่ั โมงการสอนกจิ กรรมลูกเสือ มาคิดภาระงานได การประกาศเกียรติคุณสําหรับผูปฏิบัติงานดานการลูกเสือดีเดน และการ สรา งคุณคา ใหกบั ผปู ฏบิ ตั งิ านดานการลกู เสอื ดา นการสรา งเครือขา ยการลูกเสือไทย การลกู เสือไทยเปน การทาํ งานในลักษณะมหภาคครอบคลุมลกู เสอื ครูและบุคลากร ทางการลูกเสือทั่วประเทศ จึงควรสรางเครือขายการลูกเสือใหเกิดข้ึนเพ่ือเปนการเช่ือมโยง กลุมบุคคลหรอื หนวยงานทร่ี ว มทาํ งานเพือ่ การลกู เสอื และมีเปาหมายเดียวกันในการพัฒนาเด็ก และเยาวชนใหเปนพลเมืองดี โดยเครือขายการลูกเสือควรประกอบดวย สํานักงานลูกเสือแหงชาติ เปนแกนหลกั สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พื้นฐาน สถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการ
14 ลกู เสือ หนวยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพ่ือประสานความรวมมือ ใหการสนับสนุนในกิจการ ลกู เสอื และรว มจัดกจิ กรรมลูกเสือ การสรางเครือขายการลูกเสือในระดับนโยบายควรเปนการ กาํ หนดและแบง ภารกิจ อํานาจหนาท่ี วธิ ปี ฏิบตั ิ การจัดการรว มกันของภาคเี ครือขา ยตามขอตกลง ท่ีไดท ําไวรว มกนั สาํ หรับระดบั ปฏบิ ตั ิควรใชว ิธกี ารรว มกันเปนผูรับผิดชอบการจัดกิจกรรมลูกเสือ ในแตล ะโครงการ การรวมเปน คณะกรรมการในกจิ กรรมตาง ๆ ทางการลูกเสือ ทั้งนี้ตองอยูบน พ้ืนฐานความสมัครใจของสมาชิกในเครือขาย และในการทํากิจกรรมตองมีลักษณะเทาเทียม หรือแลกเปลย่ี นซงึ่ กันและกัน รวมทั้งตองไมกระทบกับตัวบุคคลหรือองคกรของสมาชิกเครือขาย ดวยการสรางเครือขายท่ีดีนั้น สมาชิกเครือขายตองมีความรูสึกผูกพันกัน มีการรับรูภารกิจ ในมุมมองเดียวกัน มีวิสัยทัศนหรือเปาหมายรวมกัน มีผลประโยชนที่ไดจากการรวมกิจกรรม เทาเทียมกนั (win - win) การมสี ว นรวมของสมาชิก มีการเสริมสรางความเขมแข็งและลดจุดออน ของกนั และกนั มกี ารเกือ้ หนุนพ่ึงพาและปฏิสัมพันธที่ดีตอกัน หากสรางเครือขายการลูกเสือไทย ข้ึนไดแลว จะทาํ ใหก ารพัฒนาการลูกเสือไทยกระทาํ ไดงายยิ่งขน้ึ ดวยการแลกเปล่ียนความรูหรือ ประสบการณจากกลมุ สมาชิก ลดความซา้ํ ซอ นในการทํางาน สรางความรวมมือและระบบการ ทํางานทเ่ี ออ้ื ประโยชนตอ กันในกลมุ สมาชกิ เครอื ขา ย ดา นปจ จัยเกอื้ หนุนตอการพัฒนาการลูกเสือไทย นับจากท่ีการลูกเสือกอกําเนิดมาเปนเวลากวาหนึ่งรอยปนั้นบุคคลในวงการ ลูกเสือตางรูถึงคุณคาของการลูกเสือที่สงเสริมความเปนพลเมืองดีทั้งเด็ก เยาวชน และผูใหญ แตมีคนอีกจํานวนมากท่ียังไมเห็นคุณคาของการลูกเสือ น่ันเพราะการลูกเสือยังขาดการ ประชาสัมพันธและการปฏิบัติอยางจริงจังท่ีแสดงใหเห็นถึงคุณความดีของบุคคลที่เกิดจาก กระบวนการการลูกเสอื จงึ เปน สิ่งจําเปนอยางยิ่งท่ีสํานักงานลูกเสือแหงชาติตองเขามามีบทบาท ในการสรา งคุณคาของการลกู เสือใหเ ปนท่ีประจักษกับสาธารณชน การท่ีประเทศไทยมีจํานวน ลกู เสือมากในลาํ ดบั ตน ๆ ของโลก ดังน้ัน จึงเปนเร่ืองทาทายสําหรับการจัดการขอมูลของการ ลูกเสือ ซ่ึงฐานขอมลู ถอื เปนสิง่ สาํ คัญในการบริหารจดั การ เพราะเปน สวนสนบั สนุนในการตดั สินใจ ของผบู รหิ ารและชวยการทํางานของผูปฏิบัติใหมีความรวดเร็ว ถูกตองและแมนยํา นอกจากนี้ บุคลากรถือเปนปจจัยหลักของการจัดการ โดยเฉพาะผูบริหารของสํานักงานลูกเสือแหงชาติ ซึ่งมีหนาที่ความรับผิดชอบโดยตรงตอการลูกเสือไทย ซ่ึงหลายคนมิไดมีหนาที่เฉพาะในการ ลูกเสอื เพยี งอยา งเดียว แตเ ปนผทู ี่มาโดยตําแหนงตามโครงสรางท่ีถูกกําหนดไวในพระราชบัญญัติ ลกู เสือ พ.ศ. 2551 ดงั น้ัน จึงเปนเร่ืองสําคัญท่ีผูบริหารกลุมนี้ตองศึกษาหาความรูเก่ียวกับการ ลูกเสือใหมาก ๆ โดยเฉพาะผูที่ดํารงตําแหนงเลขาธิการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ ควรเปนผูมีหนาที่รับผิดชอบเฉพาะการลูกเสือและปฏิบัติงานเต็มเวลา เปนผูมีอุดมการณ ทางการลูกเสือและมีสมรรถนะทางการจดั การ กจิ กรรมทายเรื่องที่ 3 ลกู เสือกบั การพัฒนาความเปน พลเมืองดี (ใหผ เู รียนไปทาํ กิจกรรมทา ยเรอ่ื งที่ 3 ทสี่ มดุ บนั ทกึ กิจกรรมการเรยี นรูป ระกอบชุดวิชา)
15 เรอ่ื งท่ี 4 การสาํ รวจตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคม เพือ่ การพัฒนา การสาํ รวจตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม เพื่อการพฒั นาของลูกเสือ กศน. ลูกเสือจะตองเรียนรูเก่ียวกับการรูจักตนเอง การรูจักครอบครัว ชุมชน และสังคม และการมี ความรบั ผดิ ชอบและชว ยสรา งสรรคสงั คมใหเกดิ ความสามัคคี ดงั น้ี 4.1 การรูจ กั ตนเอง การรูจ กั และเขา ใจตนเอง สามารถดาํ เนินการไดโดยการสํารวจตนเอง รับรู สภาพการดํารงชีวติ ที่เปน อยูในปจ จบุ นั วา อยใู นสภาวะใดหรอื กาํ ลงั เผชิญปญหาใดอยูบ าง 4.2 การรจู กั ครอบครัว ชุมชน และสงั คม เม่ือเรารูจักตนเองแลว หากเรารักใครเราก็ตองมีความรูเก่ียวกับผูนั้นดวย เชนกัน คนในครอบครัวก็ทํานองเดียวกัน ภรรยาและสามีตองรูจัก และเขาใจกันใหดี รูวาใคร ชอบไมชอบอะไร เหมอื นหรือตา งกนั ตรงไหน ชอบรับประทานอะไร รูจักนิสัยใจคอ ยิ่งครองรัก กนั นานเทา ใด ยงิ่ ตอ งรจู กั กนั มากขน้ึ ไมใ ชรจู กั กนั นอยลง และตองเขา ใจกันใหมากขึ้น ถาเรารัก ลกู กต็ องรูจ ักและมีความรูเกยี่ วกับลูกวาชอบไมช อบวิชาใด ถนัดอะไร ชอบอาชีพอะไร อุปนิสัย เปนอยางไร มีจุดเดน จุดดอยอะไรบาง โดยเราจะตอง “ปรับ” พ้ืนฐานเหลาน้ีใหเขากันใหได เพื่อชวยใหเราสามารถอยูดวยกันอยางมีความสุข การที่เรารูจักนิสัย รูจุดเดน จุดดอย ของ ครอบครัวมากเทา ใดก็จะยิง่ ชว ยใหเราสามารถดแู ลเขาไดด ีขึ้น นอกจากน้ีเรายังตองรูจักชุมชนของเราใหถองแทยิ่งข้ึน ตองศึกษาความเช่ือ ของชมุ ชนเพราะพน้ื ฐานการศึกษาประสบการณ ศาสนามีความแตกตางกัน ตองศึกษาผูนําชุมชน หรือผมู ชี ื่อเสียง ศึกษาบริบทพื้นฐานของชุมชน ไดแ ก ขนาดของชุมชน สถานท่ีต้ังทางภูมิศาสตร ประวัติศาสตร จํานวนประชากร ปญหาของชุมชนท้ังในอดีตและปจจุบัน การประกอบอาชีพ ของคนในชมุ ชน รวู า บทบาทภารกจิ ท่ีตอ งรับผิดชอบคืออะไร มีทักษะและประสบการณในการ ดําเนนิ งานดานใด มคี วามรูส กึ ชอบ และยอมรับความคิดเห็นของผอู นื่ ทั้งผูเห็นตางและผูเห็นดวย สามารถรบั รถู งึ ความรูสึกของผอู ่ืน ตลอดจนมีความรู และทักษะในการสื่อความหมายไดด ี คณุ สมบัตทิ ง้ั หมดนี้ ลว นมีความสาํ คัญมากในการอยูรวมกันของชุมชน เพราะ ความสมั พนั ธท ่ดี ใี นชุมชน จะชวยใหก ารทํางานของชมุ ชนเปน ไปอยา งมปี ระสิทธภิ าพ 4.3 การมีความรบั ผดิ ชอบและชวยสรา งสรรคสงั คมใหเ กิดความสามคั คี สมาชกิ ทกุ คนในสงั คมยอมตองมีบทบาทหนา ท่ตี ามสถานภาพของตน ซึ่งบทบาท และหนาที่ของสมาชิกแตละคนจะมีความแตกตางกันไป แตในหลักใหญและรายละเอียด จะเหมอื นกัน ถา สมาชิกทุกคนในสังคมไดปฏิบัติตามบทบาทหนาท่ีของตนอยางถูกตองก็จะได ชื่อวาเปน \"พลเมืองที่ดีของสังคมและประเทศชาติ\" และยังสงผลใหประเทศชาติพัฒนา อยา งยงั่ ยนื ดังนนั้ สมาชิกในสังคมทุกคน โดยเฉพาะเยาวชนท่ีถอื วา เปนอนาคตของชาติ จึงจําเปน อยางยงิ่ ทจ่ี ะตอ งเรยี นรแู ละปฏบิ ตั ติ ามบทบาทหนาที่ของตน เพ่ือชวยนําพาประเทศชาติใหพัฒนา สืบไป
16 การเปนสมาชิกท่ีดีของสังคมและประเทศชาตินั้นประชาชนทุกคนนับเปนพลัง อันสําคัญท่ีจะชวยกันเสริมสรางกิจกรรม ควรเปนผูท่ีมีคุณธรรม จริยธรรม กลาวคือจะตองมี ธรรมะในการดําเนินชีวติ และรว มแรงรว มใจ สามัคคแี ละเสยี สละเพื่อสว นรวม ไดแก 1) การเสียสละตอสวนรวม เปนคุณธรรมท่ีชวยในการพัฒนาประเทศชาติใหมี ความเจริญกาวหนา เพราะหากสมาชิกในสังคมเห็นแกประโยชนสวนรวม และยอมเสียสละ ประโยชนส ว นตน จะทําใหส ังคมพฒั นาไปอยางรวดเรว็ และมั่นคง 2) การมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบตอหนาที่ เปนคุณธรรมท่ีชวยใหคน ในสงั คมอยรู วมกันไดอยา งสงบสุข เพราะถาสมาชิกในสังคมยึดมั่นในระเบียบวินัย รูและเขาใจ สทิ ธิของตนเอง ไมละเมิดสิทธิผูอ่ืน และตั้งใจปฏิบัติหนาท่ีของตนใหดีท่ีสุด สังคมน้ันก็จะมีแต ความสุข เชน ขาราชการทําหนาที่บริการประชาชนอยางดีที่สุด ก็ยอมทําใหเปนที่ประทับใจ รกั ใครข องประชาชนผมู ารับบริการ 3) ความซื่อสตั ยสุจริต เปน คุณธรรมทมี่ คี วามสําคัญ เพราะหากสมาชิกในสังคม ยึดมั่นในความซื่อสัตยสุจริต เชน ไมลักทรัพย ไมเบียดเบียนทรัพยสินของผูอ่ืนหรือของ ประเทศชาติมาเปนของตน รวมทั้งผูนําประเทศมีความซื่อสัตยสุจริตก็จะทําใหสังคมมีแต ความเจรญิ ประชาชนมีแตค วามสุข 4) ความสามัคคี ความรักใครกลมเกลียวปรองดองและรวมมือกันทํางาน เพื่อ ประโยชนสวนรวมจะทําใหสังคมเปนสังคมท่ีเขมแข็ง แตหากคนในสังคมเกิดความแตกแยก ทง้ั ทางความคดิ และการปฏบิ ัติตนในการอยูรวมกนั จะทาํ ใหส งั คมออนแอและลมสลายในท่สี ดุ 5) ความละอายและเกรงกลัวในการทําช่ัว ถาสมาชิกในสังคมมีหิริโอตัปปะ มคี วามเกรงกลวั และละอายในการทาํ ชวั่ สังคมกจ็ ะอยกู ันอยางสงบสุข เชน นักการเมืองจะตอง มีความซ่ือสัตยสุจริตไมโกงกิน ไมเห็นแกประโยชนพวกพอง โดยตองเห็นแกประโยชนของ ประชาชนเปนสาํ คญั ประเทศชาตกิ จ็ ะสามารถพฒั นาไปไดอ ยา งมน่ั คง ดงั น้ัน การสํารวจตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม เพ่ือการพัฒนา จําเปนตอง มองใหครอบคลุมประเด็นของการพัฒนา และตรงตามความจําเปนท่ีควรไดรับการพัฒนา เพ่ือใหเกิดทักษะการดํารงชีวิตอยูในสังคมไดอยางมีความสุข ไมวาจะเปนการพัฒนาตนเอง การพฒั นาสัมพันธภาพระหวางบุคคล หรอื การพฒั นาสมั พนั ธภาพภายในชุมชนและสังคม ซึ่งการ สํารวจเพอ่ื การพฒั นา จึงสามารถทําไดทั้งการสํารวจดวยวิธีมองตนเอง และใหบุคคลอื่นชวยมอง ตัวเรา จากน้ันจึงนาํ ขอ มูลท่ีไดม าคดิ วิเคราะห จัดลาํ ดบั ความเปนไปไดวามีเร่ืองใดที่จะสามารถ พฒั นาไดด ว ยปจ จยั ใด
17 ตัวอยางแบบสาํ รวจ เพอ่ื การพัฒนา ลูกเสอื กศน. หัวขอการสํารวจ ขอ ดี ขอ ควรพฒั นา วิธกี ารพฒั นา ปจ จัย สนับสนุน 1. การพัฒนาตนเอง 1.1 การพัฒนาทางกาย 1.2 การพฒั นาทาง สติปญญา 1.3 การพฒั นาทาง จิตใจ 1.4 การพฒั นาทาง สังคม 2. การพัฒนา สัมพนั ธภาพ ระหวางบคุ คล 3. การพฒั นา สมั พนั ธภาพภายใน ชุมชนและสังคม กจิ กรรมทา ยเรอื่ งที่ 4 การสาํ รวจตนเอง ครอบครวั ชมุ ชนและสงั คม เพอื่ การพฒั นา (ใหผูเรียนไปทาํ กิจกรรมทายเรือ่ งที่ 4 ท่สี มดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรยี นรปู ระกอบชดุ วชิ า)
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: