18 หนวยการเรยี นรูที่ 2 การลูกเสอื ไทย สาระสาํ คญั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจา อยูห วั ทรงเล็งเหน็ ความสําคัญของกจิ การลกู เสอื จึงไดทรงพระราชทานกําเนิดลูกเสือไทยขึ้นเม่ือวันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 ในการตั้งลูกเสือ กเ็ พอ่ื ใหค นไทยรกั ชาติบานเมือง เปนผูนับถือศาสนาและมีความสามัคคี ไมทําลายซ่ึงกันและกัน เปน รากฐานแหง ความม่ันคงของประเทศชาติ โดยกิจการลูกเสือไทย เร่ิมขึ้นครั้งแรกที่โรงเรียน มหาดเล็กหลวง (โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ในปจจุบัน) เมื่อวันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 มคี วามเจริญกาวหนามาถงึ ปจจุบัน (พ.ศ. 2561) นับเนอ่ื งเปนเวลา 107 ป โดยจําแนกตามรัชสมัย ดังน้ี 1) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวรัชกาลท่ี 6 (พ.ศ. 2454 –2468) 2) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 7 (พ.ศ. 2468 –2477) 3) รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลท่ี 8 (พ.ศ. 2477 – 2489) 4) รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอลุยเดช รัชกาลท่ี 9 (พ.ศ. 2489 – 2559) และ 5) รชั สมยั สมเด็จพระเจาอยูหัวมหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลท่ี 10 (พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2561 ถงึ ปจ จบุ ัน) พระราชบัญญัติลกู เสอื แหงชาติ พ.ศ. 2551 ไดกําหนดไววาคณะลูกเสือแหงชาติ ประกอบดวย บรรดาลูกเสือท้ังปวง และบคุ ลากรทางการลูกเสือ โดยมพี ระมหากษัตริยทรงเปน ประมุขของคณะลูกเสือแหงชาติ การบริหารงานของคณะลูกเสือแหงชาติ ประกอบดวย สภาลูกเสือแหงชาติมีนายกรัฐมนตรีเปนสภานายก มีกรรมการโดยตําแหนง และกรรมการ ผูทรงคุณวุฒิ กรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ มีรัฐมนตรีวาการกระทรวงศึกษาธิการ เปนประธานกรรมการ มีกรรมการโดยตําแหนง และกรรมการผูทรงคุณวุฒิ กรรมการลูกเสือ จังหวัด มีผูวาราชการจังหวัด เปนประธานกรรมการมีกรรมการโดยตําแหนง กรรมการ ประเภทผูแ ทน และกรรมการผูทรงคณุ วฒุ ิ กรรมการลกู เสอื เขตพนื้ ท่กี ารศึกษา มผี ูอ าํ นวยการ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา เปนประธานกรรมการ มีกรรมการโดยตําแหนง กรรมการ ประเภทผแู ทน และกรรมการผูทรงคุณวฒุ ิ
19 ตัวช้ีวดั 1. อธิบายประวตั ิการลูกเสือไทย 2. อธิบายความรูทว่ั ไปเก่ยี วกบั คณะลกู เสือแหงชาติ ขอบขา ยเน้อื หา เรือ่ งท่ี 1 ประวัติการลูกเสือไทย 1.1 พระราชประวตั ิของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจา อยหู วั 1.2 กาํ เนิดลูกเสือไทย 1.3 กจิ การลูกเสือไทยแตละยคุ เรอ่ื งท่ี 2 ความรูท ัว่ ไปเก่ียวกบั คณะลูกเสือแหง ชาติ 2.1 คณะลูกเสอื แหง ชาติ 2.2 การบริหารงานของคณะลูกเสือแหง ชาติ 2.3 การลูกเสอื ในสถานศกึ ษา เวลาที่ใชใ นการศกึ ษา 3 ชัว่ โมง ส่ือการเรยี นรู 1. ชดุ วิชาลูกเสือ กศน. รหสั รายวชิ า สค32035 2. สมุดบันทกึ กิจกรรมการเรยี นรูประกอบชุดวชิ า 3. ส่อื เสริมการเรียนรูอืน่ ๆ
20 เรื่องท่ี 1 ประวตั กิ ารลูกเสือไทย พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา เจาอยูหัว ทรงเล็งเห็นความสาํ คญั ของกจิ การลกู เสอื จึงไดทรงพระราชทานกําเนิดลูกเสือไทยข้ึนเม่ือวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 โดยมีพระราช ประสงค 3 ประการ ซึ่งเปนรากฐานแหงความม่ันคงที่จะนําใหชาติดํารงอยูเปนไทยไดสมนาม คอื 1) ความจงรักภกั ดตี อผทู รงดาํ รงรัฐสีมาอาณาจักรโดยตองตามนิติธรรมประเพณี 2) ความรัก ชาตบิ านเมืองและนับถอื พระศาสนา และ 3) ความสามัคคีในคณะและไมทําลายซ่ึงกันและกัน ประเทศไทยเปน ประเทศอนั ดับทส่ี ามของโลกทม่ี ีลูกเสอื โดยต้ังกองลกู เสือกองแรกข้นึ ทีโ่ รงเรียน มหาดเล็กหลวงหรือโรงเรียนวชิราวุธวทิ ยาลยั ในปจ จบุ นั เรียกวา กองลูกเสือกรงุ เทพฯ ที่ 1 ลูกเสือ คนแรกของประเทศไทย คือ นายชัพน บุนนาค พระองคไดทรงดําเนินการสอนลูกเสือโดย พระองคเอง วิชาที่ใชในการฝกอบรมเปนวิชาฝกระเบียบแถว ทาอาวุธ การสะกดรอย หนาที่ ของพลเมอื ง ฯลฯ และไดท รงพระกรณุ าโปรดเกลา โปรดกระหมอมพระราชทานพระบรมราชานุญาต ใหจ ดั ตั้งกองลูกเสือตามโรงเรียนตาง ๆ ทาํ ใหก ิจการลูกเสือไดร ับความนยิ มแพรห ลายและเจริญขึ้น อยางรวดเรว็ และโปรดเกลา โปรดกระหมอ มใหมขี อบังคับลักษณะการปกครองลูกเสือ พระองค ทรงต้ังสภากรรมการลูกเสือแหงชาติและพระองคดํารงตําแหนงสูงสุดของคณะลูกเสือแหงชาติ หลังจากนั้นพระมหากษตั ริยไ ทยทกุ ประองคท รงเปนพระประมุขของคณะลกู เสือแหง ชาติ ประวัตลิ กู เสือไทย แบงออกเปน 5 ยุค ไดแ ก 1) ยุคกอตัง้ (พ.ศ. 2454 - 2468) เปน ยคุ รชั กาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ- เกลาเจาอยูหัว โดยพระองคทรงสถาปนาลูกเสือแหงชาติขึ้น เมื่อวันท่ี 1 กรกฏาคม พ.ศ. 2454 โปรดใหต้ังกองลกู เสือกองแรกข้ึนที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง เรียกวากองลูกเสือกรุงเทพฯ ที่ 1 ซง่ึ ตอมากิจการลกู เสอื ไดขยายตัวไปหลายจังหวดั 2) ยคุ สงเสริม (พ.ศ. 2468 - 2482) เร่มิ ตง้ั แตแผน ดนิ พระบาทสมเด็จพระปกเกลา- เจา อยูห ัว จนถึงตนสงครามโลกครง้ั ที่ 2 ยคุ น้ไี ดมกี ารชุมนุมลูกเสือแหงชาติข้ึนเปนคร้ังแรก เมื่อ พ.ศ. 2470 ณ พระราชวงั อทุ ยานสราญรมย จงั หวดั พระนคร และเม่ือ พ.ศ. 2473 ไดมีการจัดงาน ชุมนมุ ลูกเสอื แหงชาติ คร้งั ท่ี 2 ณ สถานท่เี ดียวกัน ป พ.ศ.2476 ตงั้ กองลกู เสือสังกัดกรมพลศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ และ พ.ศ. 2482 ไดมีการตราพระราชบัญญตั ลิ ูกเสือข้ึนเปน ฉบับแรก 3) ยคุ ประคบั ประคอง (พ.ศ. 2482 - 2489) เปนยุคทีอ่ ยูใ นระหวางเกิดสงครามโลก ครง้ั ท่ี 2 ผลของสงครามทาํ ใหก จิ การลกู เสอื ซบเซาลงมาก มกี ารตราพระราชบญั ญตั ิยวุ ชนแหงชาติขึ้น โดยแบงหนวยราชการเปนหนวยลกู เสอื และหนวยยุวชนทหาร 4) ยคุ กา วหนา (พ.ศ. 2489 - 2514) กิจการลูกเสือท่ีสําคัญที่เกิดข้ึนในยุคน้ี คือ การยกเลิกพระราชบัญญัติยุวชนแหงชาติ พ.ศ. 2486 ไดตราพระราชบัญญัติลูกเสือข้ึน พ.ศ. 2490 และไดต้งั คายลูกเสือวชริ าวุธทจี่ ังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2504 มีการฝกอบรมวิชาผูกํากับ ลูกเสอื สามัญ ขนั้ วูดแบดจ ครั้งท่ี 1 และสงเจาหนา ที่ไปรวมกิจกรรมของกิจกรรมลูกเสือนานาชาติ กจิ กรรมของลกู เสอื โลกหลายกจิ กรรม
21 5) ยุคถึงประชาชน (พ.ศ. 2514 - ปจจุบัน) เกิดกิจกรรมลูกเสือชาวบาน โดยสภาลูกเสอื แหงชาติ มีมติรับกิจการลูกเสือชาวบานเปนสวนหน่ึงของคณะลูกเสือแหงชาติ เม่ือ พ.ศ. 2516 และกระทรวงศึกษาธิการไดมีคําสั่งลงวันท่ี 4 เมษายน พ.ศ. 2516 ใหนําวิชา ลกู เสือเขาสูหลกั สูตรของโรงเรียน จะเห็นไดวา กจิ การลูกเสือมีประวัติที่ยาวนาน เปน กระบวนการท่ีทั่วโลกยอมรับวา สามารถพัฒนาเยาวชนใหเปนพลเมืองท่ีดี มีความรับผิดชอบตอตนเอง ตอสวนรวมและชาติ บา นเมืองไดเปนอยางดี รูจักการทํางานเปนระบบหมู รูจักการเปนผูนําและผูตาม รวมทั้งเปน กระบวนการท่ีฝกคนใหรูจักการเปนประชาธิปไตย ฝกผูใหญใหรูจักวิธีการฝกชาวบานใหรูจัก แยกแยะชัว่ ดี 1.1 พระราชประวัตขิ องพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา เจา อยหู วั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงเปนพระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลาเจาอยูห วั และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ (สมเด็จ พระนางเจาเสาวภาผองศรี) ทรงพระราชสมภพ เม่ือวันเสารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2423 ไดรับ พระราชทานพระนามวาสมเด็จเจาฟาวชิราวุธ เมื่อทรงพระเยาวไดศึกษาวิชาหนังสือไทยกับ พระยาศรสี ุนทรโวหาร เพิ่งไดพระชนมายุได 13 พรรษา เสด็จไปทรงศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ ใน สาขาประวตั ิศาสตร รัฐศาสตร กฎหมาย วรรณคดี ทีม่ หาวทิ ยาลยั ออกฟอรด และวิชาทหารบกที่ โรงเรยี นแฮนดเ ฮสิ ต รวม 9 ป พระองคไดเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติตอจากสมเด็จพระบรมชนกนาถ เม่อื วนั ท่ี 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ขณะน้ันมีพระชนมายุได 31 พรรษา ตลอดรัชสมัยของพระองค ไดทรงประกอบพระราชกรณียกิจทํานุบํารุงประเทศชาติในดานการปกครอง การทหาร การศกึ ษา การสาธารณสุข การคมนาคม การศาสนา โดยเฉพาะทางวรรณคดีทรงพระราชนิพนธ ทัง้ รอ ยแกว รอ ยกรองประมาณ 200 เรื่อง ดว ยพระปรชี าสามารถของพระองค ประชาชนจึงถวาย พระสมญาแดพระองควา “พระมหาธีรราชเจา” ทรงอยูในราชสมบัติเพียง 16 ป เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 พระชนมายุ 46 พรรษา แตเน่ืองดวยพระราชกรณียกิจ ของพระองค ทําใหเกดิ คุณประโยชนแกบานเมืองอยา งใหญห ลวง รฐั บาลกบั ประชาชนจึงรว มใจกัน สรางพระบรมรูปของพระองคประดิษฐานไวที่สวนลุมพินี และคณะลูกเสือแหงชาติ รวมดวย คณะลูกเสือท่ัวราชอาณาจักร ไดสรางพระบรมรูปของพระองคประดิษฐานไวหนาคายลูกเสือ วชริ าวธุ อําเภอศรีราชา จังหวัดชลบรุ ี
22 1.2 กําเนิดลกู เสอื ไทย ในการตั้งลูกเสือก็เพ่ือใหคนไทยรักชาติบานเมือง เปนผูนับถือศาสนาและ มีความสามัคคี ไมทําลายซึ่งกันและกัน เปนรากฐานแหงความมั่นคงของประเทศชาติ ทรงให ทม่ี าของช่อื ลกู เสอื ไววา “ลูกเสือบใ ชเสือสัตวไพร เรายืมมาใชดว ยใจกลา หาญปานกนั ใจกลา มใิ ชก ลา อธรรม เชน เสืออรญั สญั ชาติชนคนพาล ใจกลา ตองกลา อยา งทหาร กลา กอปรกิจการแกชาติประเทศเขตคน” พทุ ธศักราช 2454 (ค.ศ. 1911) พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา เจา อยหู วั ทรงกอ ตั้งกจิ การลกู เสอื ไทย เมือ่ วันท่ี 1 กรกฎาคม 2454 พทุ ธศกั ราช 2463 (ค.ศ. 1920) สง ผูแทนคณะลูกเสือไทยไปรว มงานชมุ นุมลูกเสือโลก คร้งั ท่ี 1 ณ ประเทศองั กฤษ พุทธศกั ราช 2465 (ค.ศ. 1922) คณะลกู เสือแหง ชาติ เขาเปนสมาชกิ สมัชชาลูกเสือโลก พทุ ธศกั ราช 2467 (ค.ศ. 1924) สง ผแู ทนคณะลกู เสือไทยไปรวมงานชุมนมุ ลกู เสอื โลก คร้ังท่ี 2 ณ ประเทศเดนมารก พุทธศกั ราช 2470 (ค.ศ. 1927) จัดงานชุมนมุ ลูกเสอื แหง ชาติคร้ังท่ี 1 (1st National Jamboree) ณ พระราช อุทยานสราญรมย 26 กุมภาพนั ธ - 3 มีนาคม 2470 จํานวนลกู เสือไทยท้งั ส้ิน 1,836 คน พทุ ธศกั ราช 2473 จัดงานชุมนมุ ลกู เสอื แหงชาติครง้ั ท่ี 2 (2st National Jamboree) ณ พระราช อทุ ยานสราญรมย 1 - 7 มกราคม 2473 จํานวนลูกเสอื ไทย 1,955 คน ลูกเสอื ตา งประเทศ 22 คน
23 พุทธศกั ราช 2478 กําเนิดตราประจําคณะลูกเสอื แหง ชาติ พุทธศกั ราช 2497 จัดงานชมุ นมุ ลกู เสือแหง ชาติครง้ั ท่ี 3 (3st National Jamboree) ณ กรีฑา สถานแหง ชาตพิ ระนคร 20 - 26 พฤศจิกายน 2497 จํานวนลกู เสือไทย 5,155 คน พทุ ธศกั ราช 2499 (ค.ศ. 1956) เปน สมาชิกของสํานักงานลกู เสือภาคตะวนั ออกไกล ซึง่ เพง่ิ จดั ตง้ั ข้นึ ขณะนั้น มปี ระเทศสมาชิกอยู 10 ประเทศ พทุ ธศกั ราช 2504 (ค.ศ. 1961) เฉลมิ ฉลองครบรอบ 50 ปลกู เสือไทย จดั งานชมุ นุมลูกเสอื แหง ชาติครง้ั ที่ 4 ณ สวนลุมพินี พระนคร 19 - 25 พฤศจิกายน 2504 จํานวนลูกเสอื ไทย 5,539 คน ลกู เสือตา งประเทศ 348 คน พุทธศกั ราช 2505 (ค.ศ. 1962) เปน เจา ภาพจัดการประชุมผูบังคับบญั ชาลูกเสือภาคพ้นื ตะวันออกไกล ครั้งที่ 3 (3rd Far East Scout Conference) ณ ศาลาสนั ติธรรม วชริ าวธุ พุทธศกั ราช 2508 (ค.ศ. 1965) จัดงานประชุมสภาลกู เสอื แหงชาติ ครงั้ ท่ี 1 (1st National Scout Conference) จดั งานชมุ นุมลกู เสือแหงชาติครง้ั ท่ี 5 (5st National Jamboree) ณ คา ยลูกเสือ 9 - 15 ธันวาคม 2508 จาํ นวนลกู เสอื ไทย 5,736 คน ลูกเสือตางประเทศ 431 คน วชิราวุธ พทุ ธศกั ราช 2512 (ค.ศ. 1969) จดั งานชมุ นมุ ลูกเสือแหง ชาติครัง้ ที่ 6 (6st National Jamboree) ณ คา ยลกู เสือ 11 - 17 ธันวาคม 2512 จํานวนลกู เสอื ไทย 5,000 คน ลกู เสือตา งประเทศ 582 คน
24 จงั หวัดเลย พุทธศกั ราช 2514 (ค.ศ. 1971) วชิราวธุ เฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปก ารลูกเสือไทย เขา รว ม ทดลองเปด อบรมลกู เสอื ชาวบา นครัง้ แรก ณ บา นเหลา กอหก ก่งิ อําเภอนาแหว จัดงานชุมนมุ ลกู เสือแหงชาติครงั้ ที่ 7 (7st National Jamboree) ณ คายลูกเสอื 28 - 30 มิถนุ ายน 2514 จํานวนลกู เสือไทย 1,667 คน ลูกเสอื ตางประเทศไมไ ด วชริ าวธุ พุทธศกั ราช 2516 (ค.ศ. 1973) 256 คน จัดงานชมุ นุมลกู เสือแหง ชาติครั้งที่ 8 (8st National Jamboree) ณ คายลกู เสือ 23 - 30 พฤศจิกายน 2516 จํานวนลูกเสอื ไทย 4,968 คน ลูกเสือตางประเทศ วชริ าวธุ พทุ ธศกั ราช 2520 (ค.ศ. 1977) 159 คน จดั งานชมุ นุมลกู เสอื แหงชาติครั้งท่ี 9 (9st National Jamboree) ณ คา ยลกู เสือ 21 - 27 พฤศจิกายน 2520 จํานวนลูกเสอื ไทย 10,827 คน ลกู เสอื ตางประเทศ พุทธศกั ราช 2523 (ค.ศ. 1980) จดั งานชุมนุมลกู เสอื แหง ชาติคร้งั ที่ 10 (10st National Jamboree) ณ คา ยลูกเสอื วชริ าวุธ 28 ธ.ค. 2523 - 3 ม.ค. 2524 จาํ นวนลกู เสือไทย 12,692 คน ลูกเสือ ตางประเทศ 108 คน พทุ ธศกั ราช 2528 (ค.ศ. 1985) เปน เจา ภาพจัดงานชมุ นมุ ลูกเสอื ภาคพ้ืนเอเชีย - แปซิฟก คร้งั ท่ี 9 งานชมุ นุมลกู เสอื แหงชาติ ครง้ั ที่ 11 (11st National Jamboree) ณ คายลูกเสอื วชิราวุธ 21 - 27 พฤศจกิ ายน 2528 จาํ นวนลกู เสือไทย 5,336 คน ลกู เสือตา งประเทศ 391 คน
25 พุทธศกั ราช 2529 (ค.ศ. 1986) เปนเจา ภาพจดั การประชมุ สมชั ชาลูกเสือภาคพน้ื เอเชยี - แปซฟิ ก ครงั้ ท่ี 15 พุทธศกั ราช 2532 (ค.ศ. 1989) งานชมุ นุมลูกเสือครงั้ ท่ี 12 ณ คา ยลูกเสอื วชริ าวุธ 21 - 27 พฤศจิกายน 2532 จาํ นวนลูกเสอื ไทย 9,330 คน ลูกเสอื ตางประเทศ 422 คน พทุ ธศกั ราช 2534 (ค.ศ. 1991) จดั กจิ กรรมเฉลิมฉลอง 80 ปล ูกเสอื ไทย งานชุมนุมลกู เสอื แหงชาติ ครัง้ ท่ี 13 (13st National Jamboree) ณ คายลกู เสือวชริ าวธุ 1 - 7 กรกฎาคม 2534 จํานวนลูกเสอื ไทย 10,022 คน ลกู เสือตา งประเทศ 357 คน พทุ ธศกั ราช 2536 (ค.ศ. 1993) เปนเจาภาพจดั การประชมุ สมชั ชาลูกเสอื โลก ครงั้ ท่ี 33 ทก่ี รงุ เทพ (33rd World Scout Conference) งานชุมนมุ ลูกเสอื แหง ชาติ ครั้งที่ 14 (14st National Jamboree) ณ คายลกู เสอื วชิราวธุ 22 - 28 พฤศจกิ ายน 2536 จาํ นวนลูกเสือไทย 10,263 คน ลกู เสือตางประเทศ 357 คน พทุ ธศกั ราช 2540 (ค.ศ. 1997) จัดงานชมุ นุมลกู เสือแหง ชาติครั้งท่ี 15 (15st National Jamboree) ณ คา ยลูกเสอื วชิราวธุ 21 - 27 พฤศจิกายน 2540 จํานวนลูกเสอื ไทย 11,274 คน ลกู เสอื ตา งประเทศ 160 คน พุทธศกั ราช 2544 (ค.ศ. 2001) เฉลมิ ฉลองครบรอบ 90 ปล ูกเสอื ไทย เตรยี มการ การจดั งานชมุ นุมลูกเสอื โลก จดั งานชุมนุมลูกเสือแหง ชาติ คร้งั ท่ี 16 ณ หาดยาว จ.ชลบุรี 28 ธ.ค. 2544 - 4 ม.ค. 2545
26 พทุ ธศกั ราช 2546 (ค.ศ. 2003) เปน เจาภาพจดั งานชุมนุมลูกเสอื โลก ครงั้ ท่ี 20 (20thWorld Scout Jamboree) พุทธศกั ราช 2548 (ค.ศ. 2005) จดั งานชุมนมุ ลกู เสอื แหงชาติครั้งที่ 17 (17st National Jamboree) ณ หาดยาว จ.ชลบุรี 25 - 31 กรกฎาคม 2548 เปนเจา ภาพจดั งานชมุ นุมลูกเสอื ภาคพื้นเอเชีย - แปซิฟก ครัง้ ท่ี 25 (25th Asia – Pacific Regional Scout Jamboree) พุทธศกั ราช 2552 (ค.ศ. 2009) จดั งานชุมนุมลกู เสือแหงชาติครง้ั ท่ี 18 ณ คา ยลกู เสือไทยเฉลิมพระเกียรติ จ.ตรัง 25-30 เมษายน 2552 พทุ ธศกั ราช 2554 (ค.ศ. 2011) เฉลมิ ฉลองครบรอบ 100 ปการลกู เสอื ไทย 1.3 กจิ การลกู เสือไทยแตล ะยคุ กิจการลูกเสือไทย เร่ิมข้ึนครั้งแรกที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง (โรงเรียน วชิราวุธวิทยาลัย ในปจจุบัน) เม่ือวันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 มีความเจริญกาวหนามาถึง ปจจุบนั (พ.ศ. 2561) นับเนือ่ งเปนเวลา 107 ป โดยจําแนกตามรชั สมัย ดงั น้ี 1) รัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลาเจาอยหู วั รชั กาลท่ี 6 (พ.ศ. 2454 –2468) 2) รัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลาเจา อยูห ัว รชั กาลที่ 7 (พ.ศ. 2468 –2477) 3) รัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหิดล รชั กาลท่ี 8 (พ.ศ. 2477 – 2489) 4) รชั สมยั พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอลยุ เดช รัชกาลที่ 9 (พ.ศ. 2489 – 2559) 5) รชั สมัยสมเดจ็ พระเจาอยหู ัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 (พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2561 ถึงปจจุบนั )
27 1) การลูกเสอื ไทยรชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 6 (พ.ศ. 2454 –2468) ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงพระราชทานกําเนิด เสอื ปาได 2 เดือน ซึ่งในระยะเวลาน้ันกิจการเสือปาไดดําเนินไปอยางเปนท่ีพอพระราชหฤทัย อยางยิ่ง เห็นไดจากการเพ่ิมจํานวนสมาชิกของเสือปาท่ีมากขึ้น และกิจการเสือปาถูกจําแนก ออกไปเปน กองเสอื ปาประเภทตาง ๆ อกี มาก แมจะทรงพอพระราชหฤทัยเพยี งใด พระองคก็ไม เคยทจี่ ะยุติในพระราชดําริที่จะเปนประโยชน ตอประเทศชาติ ดวยพระองคทรงเห็นวากิจการ เสือปา นน้ั แมจ ะประสบผลสาํ เร็จเพยี งใด แตสมาชิกน้ันเปนผูใหญแตฝายเดียว ทั้ง ๆ ที่บานเมืองน้ัน ประกอบดวยพลเมอื งหลายชวงวัย เด็กผูชายทั้งหลายก็เปนผูท่ีสมควรจะไดรับการฝกฝน และ ปลูกฝงอุดมการณความรักชาติไปพรอม ๆ กับการฝกฝนใหมีความรู และทักษะในทางเสือปาดวย เพือ่ วาในอนาคตเม่อื เติบโตขึ้นจะไดประพฤติตัวใหเปนประโยชนแกบ า นเกดิ เมืองนอน ดงั นั้น ในวันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว จงึ ไดท รงพระราชทานกําเนดิ กจิ การเสือปาสาํ หรบั เด็กชาย ท่ีทรงพระราชทานช่ือวา ลูกเสือ ในกิจการน้ีพระองคทรงมีพระราชประสงคที่ใหเด็กชายจดจําหลักสําคัญ 3 ประการคอื 1) ความจงรักภักดีตอผูทรงดํารงรัฐสีมาอาณาจักร โดยตองตามนิติธรรม ประเพณี 2) ความรักชาติบา นเมอื ง และนับถือพระศาสนา 3) ความสามัคคใี นคณะ และไมทาํ ลายซ่ึงกันและกัน การกอตั้งกิจการลูกเสือในครั้งแรกน้ัน พระองคทรงต้ังกองลูกเสือใหมีใน โรงเรียนกอน และกองลูกเสอื กองแรกของสยามประเทศคือ กองลกู เสอื โรงเรียนมหาดเล็กหลวง หรือโรงเรยี นวชริ าวธุ ในปจจุบัน และถูกเรียกวากองลูกเสือหลวง หรือกองลูกเสือกรุงเทพที่ 1 และลูกเสือในโรงเรียนน้ีก็ถูกเรียกวาลูกเสือหลวงเชนกัน กอนที่กิจการลูกเสือจะขยายไปสู โรงเรยี นเด็กชายท่ัวประเทศในเวลาไมนาน โดยลูกเสือคนแรก คือ นักเรียนโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ทีช่ อ่ื ชัพน บนุ นาค การเปนลูกเสือของนาย ชัพน บุนนาค น้ันเกิดจากการที่ไดแตงเครื่องแบบ ลูกเสือ และกลาวคําปฏิญาณของลูกเสือ ซึ่งเปนการกลาวตอหนาพระพักตร ซึ่งคร้ังน้ันมีผูท่ี บนั ทกึ เหตุการณเอาไวว า
28 ร.6 - “อา ยชพั น ดอกหรือ เอง็ กลาวคาํ สาบานของ ลกู เสอื ไดห รอื เปลา” ชพั น - “ขา พระพุทธเจา ทอ งมาแลววา 1. ขา จะมใี จจงรักภักดีตอพระเจาอยหู ัว 2. ขาจะประพฤติตนใหส มควรเปนลกู ผชู าย 3. ขาจะประพฤตติ นตามขอบังคับและแบบแผน ของลูกเสอื ” ร.6 - ในหนาที่ซึ่งขาไดเปนผูประสิทธิประสาทลูกเสือ ของชาตขิ ้นึ มา ขาขอใหเ จาเปน ลูกเสือคนแรก” จากน้ันพระองคทรงมีพระราชดํารัสเพียงส้ัน ๆ วา “อาย ชัพน เอ็งเปนลูกเสือแลว\" และแลวกิจการลูกเสือ ก็ไดถือกําเนิดขึ้นมาอยาง สมบูรณแบบ ตอมาพระองคก็ทรงพระราชทานคติพจน ใหก บั ลูกเสือท่ีภายหลังลือล่ันไปทั่วท้ังแผนดินและ เปนท่ีกลาวขาน รําลึก พูดสอนกันอยางติดปากใน สงั คม อีกท้งั ยังปรากฏอยบู นเคร่ืองหมายสําคัญตาง ๆ ของลกู เสอื วา “เสยี ชพี อยาเสยี สัตย” คาํ วา ลูกเสือ ทพี่ ระองคท รงพระราชทาน ชื่อน้ัน มีนัยวาพระองคทรงเลนลอคํากับคําวา เสือปา ที่บางครั้งทรงเรียกวา พอเสือ และเม่ือมีกิจการแบบเดียวกันท่ีมีเหลาสมาชิกเปน เด็กชาย พระองคจึงทรงใชคําวาลูกเสือ แตภายหลังทรงพระราชนิพนธถึงท่ีมาของชื่อลูกเสือ อยา งเปนทางการเอาไวว า “ลกู เสอื บ ใชส ตั วเสอื ไพร เรายมื มาใชดวยใจกลาหาญปานกนั ใจกลามใิ ชก ลา อาธรรม เชนเสอื อรญั สัญชาติชนคนพาล ใจกลา ตองกลาอยา งทหาร กลากอปรกิจการแกช าตปิ ระเทศเขตคน\"
29 เปนเวลา 6-7 เดือน หลังจากท่ี พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวฯ ทรงพระราชทานกําเนิดลูกเสือ ในสยามประเทศ หากยอนกลับไปที่ประเทศอังกฤษท่ีเปน ตนกําเนิดกิจการลูกเสือโลกขณะนั้น ก็กําลังคึกคักและแพร ขยายความนยิ มไปยังพนื้ ทต่ี าง ๆ ท่ัวเกาะอังกฤษ เด็ก ๆ รวมไป ถึงผูใหญตางใหความสนใจในกิจการน้ีมาก นายซิดนีย ริชเชส ซ่ึงอดีตเคยเปนครูสอนศาสนาวันอาทิตย เปนผูหนึ่งท่ีสนใจ กิจการลูกเสอื และไดเ ขารับตําแหนง เปนผกู ํากบั กองลูกเสือที่ 8 แหงลอนดอนตะวันตกเฉียงใต นายริชเชส ซ่ึงครั้งหนึ่งบิดาของ เขาไดเคยทํางานอยูในสถานกงศุลไทย ซึ่งภายหลังไดเปนถึงกงศุลใหญประจําสถานทูตไทย ณ กรุงลอนดอนนั้นมีความใกลชิดสนิทสนมกับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว เม่ือ ครงั้ ทีย่ งั ทรงดํารงอสิ รยิ ยศเปนมงกฎุ ราชกุมาร สมยั ทีย่ งั ทรงศึกษาอยูที่ประเทศอังกฤษและเมื่อ ความเจริญกาวหนา ของกจิ การลูกเสือในอังกฤษน้ัน ควบคูไปกับการเจริญกาวหนาของกิจการ ลูกเสือแหงสยามประเทศ ขาวคราวของกิจการลูกเสือแหงสยามประเทศ ก็แพรกระจายเขาสู เกาะอังกฤษอยางรวดเร็ว นายริชเชส เปนผูหน่ึงท่ีไดรับทราบขาวน้ัน และประกอบกับ ความสัมพนั ธข องผูเ ปน บดิ ากับพระเจาแผนดินแหงสยามประเทศ เขาจึงไดทําหนังสือมากราบ บังคมทูลอัญเชิญ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ใหทรงเปนองคอุปถัมภกองลูกเสือที่ เขาเปนผูกํากับอยูและขอพระบรมราชานุญาตใหชื่อลูกเสือกองนี้วา “King of Siam ’s own boy scout group” ซึ่งแปลวา กองลูกเสือในพระเจากรุงสยาม หรือ กองลูกเสือแหง พระบาทสมเดจ็ พระเจา กรงุ สยาม หรอื กองลูกเสอื รักษาพระองคพ ระเจา แผนดนิ สยาม โดย มชี ื่อยอวา K.S.O. หลงั จากทพ่ี ระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา เจาอยูหวั ไดทรงพระราชกรุณาโปรดเกลา ใหจ ดั ต้งั กองลูกเสอื แหงชาตขิ น้ึ เพียง 5 เดือนเทานัน้ ก็ปรากฏวา มีกองลูกเสือทั่วราชอาณาจักร อยถู ึง 61 กอง
30 การดําเนินกิจการลูกเสือทั่วทั้งโลก มั ก มี ลั ก ษ ณ ะ ท่ี เ ห มื อ น กั น อ ย า ง ห น่ึ ง คื อ เร่ิมจากกิจการลูกเสือสําหรับเด็กชายกอน ที่จะเร่ิมแพรเขาไปในหมูเด็กหญิง และ สาํ หรบั กิจการลูกเสือในไทยก็เชนกัน เม่ือถึง ระยะเวลาอันควร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎ- เกลาเจาอยูหัว ก็ทรงมีพระราชดําริท่ีจะให สตรีและเด็กหญิงไดมีสวนรวมในกิจการ ลูกเสือ โดยทรงเหน็ วา สามารถทจ่ี ะเปนกําลัง ใหก บั ชาตบิ านเมอื งได แมจะไมใ ชกองกาํ ลงั หลกั กต็ ามที ดงั นั้น จึงทรงตั้งกลุมสตรีข้ึนมากลุมหนึ่ง ซงึ่ พระองคเ รียกวา สมาชกิ แมเสือ สวนใหญเปนบุตรและภรรยาเสือปา โดยแมเสือมีหนาที่หลัก ในการจัดหาเสบียงและเวชภัณฑใ หกบั กองเสอื ปา ในขณะเดียวกันก็ทรงจดั ตง้ั กองลูกเสือสาํ หรับ เด็กหญิง และพระราชทานช่ือวา เนตรนารี ซึ่งเนตรนารี กองแรก คือ กองเนตรนารี โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง ตอมาไดเปน ชอื่ โรงเรยี นวฒั นาวทิ ยาลยั นางสาวหนยุ โชติกเสถียร หน่ึงใน เนตรนารีกองแรก ไดเขียนถึงกิจกรรม สําหรับเนตรนารใี นสมัยน้ันไวว า “ในป พ.ศ. 2457 โรงเรียนกุลสตรี วังหลงั จัดต้งั กองเนตรนารีข้ึน และใหเราเปนกลุมแรกที่รับการฝกหัด ขาพเจายังจําและรูสึกถึง ความสนุกสนานของเวลาน้ันไดจ นบัดนี้ เราชวยกันจัดขาวของและหองหลับ หองนอน ตลอดจน ชวยครวั หาโมงเย็นก็ลงมือรบั ประทานอาหาร สองทุมก็เขา นอนกันหมด เขาเรียนเวลา สามโมงเชา และเรียนกนั ตามใตรม ไม วิชาที่เรียนคอื 1. วชิ าพฤกษศาสตร เปนวิชาทีพ่ วกเราชอบมาก เพราะไดล งมือเพาะเมล็ดพืช ผัก ดอกไม มนั ฝรั่งและหวั หอม 2. วชิ าปฐมพยาบาล หดั ชวยคนเปน ลม วธิ พี นั ผาพนั แผลและเขาเฝอ ก เราจบั เดก็ ชาวนามา ชําระลา งและพนั แผลให 3. วิธที าํ กบั ขา ว หุงขา ว วิชานีเ้ ปน งานไปในตวั เพราะเราตองผลดั เวรกนั ไปตลาดและทํากับขาว เวลาบาย ๆ เราตองเรียนและฝกซอมกฎของเนตรนารี คือ พยายามหาความงามในทุกสิ่ง ทกุ อยางท่ตี นประพฤติ โดยมีความสุภาพออนโยน อารีอารอบ ตองพยายามหาความรูเพ่ือเปน ประโยชนแ กส วนรวม และสวนตวั อดทนในส่งิ ทเี่ ปนประโยชนแ กสว นรวม เวลาเรยี กเขาประชุม
31 อาจารยมกั จะกวู า โว วลิ โล (คําที่ใชเปน เสยี งรองเรยี ก แทนการใชสญั ญาณนกหวีด) หลาย ๆ ครั้ง พวกเราก็รีบวงิ่ มาทนั ที” 2) รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา เจาอยูหวั รชั กาลที่ 7 (พ.ศ. 2468 –2477) พทุ ธศักราช 2468 พระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว ทรงรับราชภาระตอจากพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกลาเจาอยหู วั โดยทรงรบั ตําแหนง เปน นายกสภากรรมการกลางลูกเสือ ซึ่งมีหนาท่ี กําหนดนโยบาย และอนุมัตงิ บประมาณ ทรงโปรดเกลาใหคดั เลอื กนักเรียน 2 คนเขา รวม ประชมุ ในเรื่องเกี่ยวกับลูกเสือ รุนใหญ ท่ีประเทศอังกฤษ คอื นายปนุ มีไผแ กว และ นายประเวศ จนั ทนยง่ิ ยง พทุ ธศักราช 2469 ทรงพระกรณุ าโปรดเกลาฯ คัดเลือก นักเรียนไทย ท่ีศึกษาอยูท่ีประเทศอังกฤษ ซึ่งเคยเปนรองผูกํากับ หรือนายหมูลูกเสือเอก ไปเขารวมงานชุมนุมลูกเสือนานาชาติ ประเทศสวสิ เซอรแ ลนด ระหวา งวนั ท่ี 22 - 28 สงิ หาคม พทุ ธศกั ราช 2470 ทรงพระกรุณาโปรดเกลาใหมีการจัดงานชุมนุมลูกเสือแหงชาติข้ึน ในราชพิธี ฉตั รมงคล ซง่ึ ถือเปนการจดั งานชมุ นมุ เปนครั้งแรกของประเทศ ซึ่งมีลูกเสือ 14 มณฑลเขารวม ในวันท่ี 26 กุมภาพนั ธ - 3 มีนาคม เนือ่ งจากงานชุมนุมน้ีไดผ ลดีอยางย่ิง จึงทรงใหมีการจัดงาน ชุมนมุ ลกู เสือแหง ชาติข้ึน ทุก ๆ 3 ป พุทธศกั ราช 2470 จดั ใหม ีการอบรมวชิ าผกู าํ กับข้นึ ณ สมคั ยาจารยส มาคม พทุ ธศกั ราช 2473 จัดชุมนมุ ลูกเสอื แหง ชาตคิ รง้ั ที่ 2 ณ พระราชอุทยานสราญรมย และพระราชทาน บริเวณพระรามราชนิเวศน จ.เพชรบรุ ี (พระราชวังบานปน ) เปน สถานทอ่ี บรมวิชาผกู าํ กับลูกเสือ พทุ ธศกั ราช 2475 เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองทําใหพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว ทรงพระราชทานอํานาจการปกครองใหประชาชน อันทําใหตําแหนงนายกสภากรรมการกลาง จัดการลูกเสือแหงชาติ ตองยุติไปดวย แตตอมาไดทรงโปรดเกลาใหอธิบดีกรมพลศึกษา ดํารง ตําแหนงอุปนายกสภากรรมการกลางจัดการลูกเสือแหงชาติและตอมากองลูกเสือจึงตกอยู ในการบริหารจัดการของกรมพลศึกษา นับแตบัดน้ัน (กรมพลศึกษาเปนหนวยงานในสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ และเมื่อกิจการลูกเสือเติบโตขึ้นจึงไดโอนยายออกมาจัดต้ังหนวยงาน
32 ข้ึนใหม เพอ่ื รบั ผดิ ชอบกจิ การลูกเสือโดยตรง ไดแ ก คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหงชาติ ซ่ึงอยู ภายใตการกํากับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการเชนกัน) พุทธศกั ราช 2477 ทรงโปรดเกลา ฯ ใหม การจดั ตง้ั กองลูกเสือเหลาสมุทรเสนาในจังหวัดชายทะเล หลงั จากนัน้ เพียง 7 วนั พระองคก ไ็ ดท รงสละราชสมบตั ิ 3) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลท่ี 8 (พ.ศ. 2477 – 2489) อาจกลาวไดวากิจการลูกเสือในยุคน้ีเปนยุคท่ีมี ความเคลือ่ นไหว ตลอดจนพัฒนาการแหงคณะลูกเสือนอยท่ีสุด ดว ยเหตวุ า (1) เกิดสงครามขอ พิพาทดินแดนในอินโดจนี ระหวางไทย กับฝรง่ั เศส ในป พ.ศ. 2482 (2) เกดิ สงครามโลกครงั้ ที่ 2 ในป พ.ศ. 2484 (3) ยุคเร่มิ ตน ในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มี พระมหากษัตรยิ ทรงเปนพระประมุข กอใหเกิดระบอบการเมือง ทีม่ ีความผันผวนอยูต ลอดเวลา ความขัดแยงระหวางฝายบริหาร และนติ ิบญั ญัติ ทาํ ใหตองยบุ สภาและเปล่ียนรัฐบาลบอย ๆ เม่ือ การเมืองไมนิ่งสงบทําใหไมมีใครเขามาดูแลกิจการลูกเสืออยาง จรงิ จัง เพราะอํานาจในการบริหารเปล่ียนมอื ตลอดเวลา (4) รัฐบาลในยุคน้ันกอตั้งกิจการยุวชนทหาร เพื่อรับมือ กบั สถานการณท ร่ี ุนแรงของโลก ซ่ึงไดท บั ซอนกับกิจการลกู เสอื จนถงึ ที่สดุ ก็ไดยุบกิจการลูกเสือ ใหเปนเพียงหนว ยหน่งึ ในกจิ การยวุ ชนทหาร
33 (5) รัชสมัยของพระองคนั้นส้ันมากโดยสิ้นสุดลงในวันท่ี 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 รวม เวลาในการครองสิรริ าชสมบัตเิ พียง 9 ป แตอยางไรก็ดียงั มปี รากฏการณส าํ คญั ของกิจการลูกเสือ ทต่ี อ งจารกึ ไว คือ 1) การมตี ราสัญลักษณประจาํ คณะลกู เสอื เปนครั้งแรก เ พื่ อ ใ ห เ ข า กั บ ห ลั ก ส า ก ล ท่ี ลู ก เ สื อ ท่ั ว โ ล ก ต า ง ก็ มี ต ร า สัญลักษณข องตนเองทง้ั สิ้น โดยใชส ญั ลักษณลูกเสือโลก คือ รูป เฟอร เดอ ลีร ประกอบกับรูปหนาเสือ มีอักษรจารึก ดานลา งวา เสยี ชพี อยา เสียสตั ย 2) มีการออกพระราชบัญญัติลูกเสือข้ึนครั้งแรก ใน ป พ.ศ. 2482 มีสาระคอื การกําหนดใหคณะลูกเสือแหงชาติ มีสภาพเปนนิติบุคคล และโอนทรัพยสินท้ังหลายในกิจการ เสอื ปาใหต กเปนของคณะลูกเสือแหงชาติ เน่ืองจากกิจการ เสือปา หยุดลงไป และไมม ใี ครใสใ จดูแล 3) ป พ.ศ. 2479 เม่ือถึงวันท่ี 1 กรกฎาคม ซึ่งเปนวัน กําเนิดลูกเสือ แตทางคณะลูกเสือไมสามารถจัดงานใหญได เพราะสถานการณการเมืองและสถานการณที่ตึงเครียดทั่วโลก จึงไดเปลี่ยนใหมการจัดสรางพระบรมรูปพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว องคใหญ โดยประกาศของสํานัก นายกรัฐมนตรี เพื่อเทิดพระเกียรติและประดิษฐานไวท่ีหนา สวนลมุ พนิ ี จนปจ จบุ นั
34 4) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอลยุ เดช รัชกาลท่ี 9 (พ.ศ. 2489 – 2559) คร้ันมาถึงในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ท่ีทรงเสด็จข้ึนเสวยสิริราชสมบัติ ตอจากพระเจาอยูหัวรัชกาลท่ี 8 ในวันท่ี 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระองคทรงปฏิบัติราชภารกิจในฐานะกษัตริย ในหลาย ๆ ดาน กิจการลูกเสือ เปน กิจการทพี่ ระองคทรงใหความสาํ คัญเปนอยา งยงิ่ อันสงผลในการกระตนุ ใหข าราชการท่เี กีย่ วของ มีความกระตือรือรน ซึ่งน่ันเปนการสงสัญญาณวา กิจการลูกเสือจะไดรับการฟนฟูใหกลับมามีชีวิตชีวา อกี ครั้ง เพยี ง 1 ป หลังจากการข้ึนครองราชย รัฐบาลท่ี มีนายปรีดี พนมยงค เปนผูนํา ไดออกพระราชบัญญัติ ป พ.ศ. 2490 ซ่ึงมีลักษณะท่ีคลายกับพระราชบัญญัติ ป พ.ศ. 2482 แตม สี าระที่เพ่ิมข้ึน คอื “กําหนดใหพระมหากษัตริยทรงดํารงตําแหนง บรมราชูปถมั ภค ณะลกู เสือแหงชาติ” กิจการยุวชน ทหารจึงไดถกู ยบุ ลงไปโดยปรยิ าย ทาํ ใหล ูกเสือกลับมา มบี ทบาทในสังคมอีกคร้ัง รวมทั้งไดทรัพยสินที่เคยถูก ถายโอนใหไปอยูรวมกับยุวชนทหารกลับคืนมาดวย หลัง จา กกิ จกา รลู กเ สือถู กป ลุก ใหฟ นคื นม า ก็ไดกาวหนาไปอยา งรวดเรว็ จนไดม ีการจัดตัง้ กอง ลกู เสอื ในโรงเรยี นตาง ๆ ท่วั ประเทศ แมองคพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดชเอง กย็ งั ทรงจัดตั้งกองลูกเสือข้ึนในโรงเรียนจิตรลดา และโปรดเกลาฯ ใหสมเด็จพระเจาลูกยาเธอ เจาฟาวชิราลงกรณฯ (สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารฯ) ทรงสมัครเขาเปน ลูกเสือดวย ในป พ.ศ. 2507 รัฐบาลไดออกพระราชบัญญัติอีก 1 ฉบับ เพื่อปรับปรุงกฎหมาย วา ดว ยกิจการลกู เสือใหทนั สมยั และทันเหตุการณยง่ิ ขน้ึ โดยมาตรา 5 กําหนดใหคณะลูกเสอื แหง ชาติ ประกอบดว ยลูกเสือท้ังปวง ผูบังคับบัญชา ลูกเสือ ผูตรวจการลูกเสือ กรรมการลูกเสือ และเจาหนาที่ลูกเสือ และมาตรา 8 กําหนดให พระมหากษตั ริยทรงเปน พระประมขุ ของคณะลูกเสอื แหง ชาติ
35 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 นน้ั มสี งิ่ ท่ีบง บอกถึงพัฒนาการอันสําคัญของ กจิ การลูกเสอื ในประเทศ และนับเปน ประเทศ เดียวในโลกที่มีกิจการลูกเสือประเภทนี้ คือ การกอตง้ั กจิ การลกู เสือชาวบาน ซ่ึงกอต้ังใน วนั ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2514 ท่ีหมูบานเหลา กอหก ตําบลแสงพา กิ่งอําเภอนาแหว อําเภอ ดา นซา ย จงั หวดั เลย ดวยการจัดทําหลักสูตร และฝกอบรม ลูกเสือชาวบานน้ันจะแตงกาย อยางไรก็ไดท ส่ี ุภาพเรียบรอย ขอสําคัญตองมี ผาผูกคอ วอคเก้ิลรูปหนาเสือ ที่ไดรับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลยเดช ลกู เสอื รุนแรกที่หมูบานเหลากอหกน้ัน มีมุมผาผูกคอเปนรูปพระแกวมรกต เปน สัญลักษณ ซ่งึ หมายถงึ ประชาชนในผืนแผนดนิ ไมวาจะเปนใครกส็ ามารถเขา รบั การฝกอบรมและ เปน ลกู เสือชาวบานได นอกจากนี้กิจการลูกเสือของไทยยังกาวหนาทั้งในระดับชาติและระดับสากล เจาหนา ที่ลกู เสอื ของไทยมโี อกาสเขา รวมงานลกู เสอื ระดับโลก และขณะที่งานลูกเสือระดับโลก หลายงานก็มาจดั ข้ึนท่ีเมอื งไทยเชน กนั แ ล ะ พ ร ะ ร า ช ก ร ณี ย กิ จ ท่ี เ กี่ ย ว ข อ ง กับลูกเสือนั้น ก็ไมใชจะเพียงแครูกันในหมู คนไทย หากแตลูกเสือทั่วโลกก็ไดยิน ไดฟง และไดรู ในสิ่งท่ีพระองคทรงปฏิบัติเชนกัน แ ล ะ เ ห ตุ ก า ร ณ ที่ โ ล ก ต อ ง จ า รึ ก ไ ว สํ า ห รั บ พระมหากษตั รยิ ผูที่ทรงงานอันสงเสริมกิจการ ลูกเสือใหกาวหนาพัฒนา คือการทูลเกลาถวาย เคร่ืองหมายวูดแบดจช้ันพิเศษ 4 บีด ในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2511 จากศูนยฝกอบรม ผูบังคับบัญชาลูกเสือนานาชาติ กิลเวลล ประเทศอังกฤษ ซ่ึงไมเคยมีใครท่ีจะไดรับถาไมไดผานการฝกอบรม และไมเคยถวายแด พระประมุขของประเทศใดเลย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเปน บุคคลแรกของโลกทไ่ี ดรบั เกียรตยิ ศอันสงู สง นี้
36 และอีกคร้ังหนึ่งในป มหามงคลการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ป ท่ีทรงเปน พระมหากษัตริยพระองคแรกและพระองคเดียวในโลก (ป พ.ศ. 2549) ที่ทรงครองราชสมบัติ ยาวนานที่สุด ประเทศไทยจึงไดมีการจดั งานท่ียงิ่ ใหญและมีการเฉลมิ ฉลองกนั ทง้ั ป ในวันท่ี 20 มิถุนายน พระราชาธิบดี คารล ท่ี 16 กุสตาฟ (กษตั รยิ ) แหงสวีเดน เสด็จมาเพ่ือ เขาเฝาในฐานะประธานกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิ ลูกเสือโลก (World Scout Foundation) เพื่อ ทูลเกลาถวายอิสริยาภรณสดุดีลูกเสือโลก หรือ บอรน วูฟ (The Bronze Wolf) ท่ีมีสัญลักษณเปน รูปสุนัขจิ้งจอก สีบอรน ประดับอยูบนสายริบบ้ิน พ้ืนคลองคอสีเขียว ที่มีปลายสีเหลือง เปน อิสริยาภรณที่คณะกรรมการลูกเสือโลกพิจารณา มอบใหเปนเกียรติแกบุคคลที่มีผลงานโดดเดนทางดานการสนับสนุนกิจการลูกเสือ โดย BP ประมุขตลอดกาลของลูกเสือโลกเปนผูริเริ่มในการมอบมาตั้งแตป พ.ศ. 2478 และมีคนไทย เพียงไมก่ีคนที่เคยไดรับเคร่ืองหมายอันทรงเกียรตินี้ โดยคนแรกท่ีไดรับคือ นายอภัย จันทวิมล อดตี รัฐมนตรวี า การกระทรวงศึกษาธิการ ในป พ.ศ. 2514 5) รัชสมัยสมเด็จพระเจาอยูหัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รชั กาลท่ี 10 (พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2561 ถึงปจ จุบนั ) สมเด็จพระเจาอยูหัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อคร้ังดํารง พระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ไดพระราชทานพระราโชวาท ในพิธีปฏิญาณตนและสวนสนาม เน่ืองในวันคลายวันสถาปนาคณะลูกเสือแหงชาติ เม่ือวนั ท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 “...กิจการลกู เสือและเนตรนารนี ้มี คี วามสาํ คัญอยา งยงิ่ ในการพฒั นาเยาวชนของ ชาติ เพราะการฝก อบรมอยางถูกตองครบถวนตามแบบแผนและวิธีการของลูกเสือน้ัน ยอมจะ ทําใหเยาวชนมีคุณสมบัติในตัวเองสูงขึ้นหลายอยาง เชน ทําใหมีระเบียบวินัยที่ดี มีความ เขม แข็งอดทนขยนั หมนั่ เพียร เออ้ื เฟอ เสียสละ ซ่ือสัตย สุจริต และรูจักใชความคิดอยางฉลาด คณุ สมบัติเหลาน้ี ลวนเปนปจจัยหลักที่จะเกื้อหนุนสงเสริมใหแตละคนสามารถพ่ึงตนเอง และ สรา งสรรคประโยชนอนั ยั่งยืน เพ่ือสวนรวมและประเทศชาติได”
37 เม่ือพระองคทา นขนึ้ ครองราชย ทรงมีพระบรมราโชบายดา นการศึกษาและความม่ันคง มพี ระราชประสงค เห็นคนไทยมีวนิ ัย รูหนาที่ มีความรับผิดชอบ สรางวินัยโดยกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี “ลกู เสือ” วิชาท่ีทรงโปรด พระราชบัญญัตลิ กู เสือ พ.ศ. 2551 หมวด 1 บทท่ัวไป มาตรา 6 ใหมีคณะลูกเสือ แหงชาติ ประกอบดวยลูกเสือทั้งปวงและบุคลากรทางการลูกเสือ มาตรา 7 พระมหากษัตริย ทรงเปนประมุขของคณะลูกเสือแหงชาติ สมเด็จพระเจาอยูหัวมหาวชิราลงกรณ บดินทร- เทพยวรางกูร รัชกาลท่ี 10 ทรงเปนลูกเสือสํารองต้ังแตวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 ซ่ึง เปนวันทโ่ี รงเรยี นจิตรลดาทําพิธีเปดหนวย “ลูกเสือสํารอง” โดย นายกอง วิสุทธารมณ อธิบดี กรมพลศึกษาขณะน้ัน ในฐานะเลขาธิการสภาคณะกรรมการจัดการลูกเสือแหงชาติ เปน ประธานในพธิ ี หนังสือพิมพเ ดลินิวส ฉบับประจําวนั พฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559 อัญเชิญ พระบรมฉายาลกั ษณส มเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อครั้งทรงพระเยาว ทรงฉลองพระองคดวยชุดลูกเสือสามัญ ซ่ึงเปน วชิ าทพี่ ระองคทรงโปรดมากท่สี ุด ข้ึนเปน ภาพปก พรอ มพาดหัวขา ววา (ขออนุญาตนําความบางประการมาตีพมิ พซาํ้ ณ ท่ีนี้) “ทรงโปรดวิชาลูกเสือ” พรอมโปรยขาวตอนหน่ึงวา “ต้ังแตทรงพระเยาว วิชาที่ ทรงโปรดคือ “ลูกเสือ” เพราะไดอ อกกําลังกลางแจง จดุ ประกายความฝนใหศึกษาตอวิชาทหาร จากสถาบันช้ันนาํ จนไดร บั การยกยอ งในระดับสากล” ความอีกตอนหนึ่งบรรยายวา “การไดเ ปน ลกู เสอื สํารองเปนความภาคภูมิใจและ เปนทใี่ ฝฝนสําหรับเด็กชายท่ีเขาสูวัยเรียนทุกคนเชนไร สมเด็จพระเจาลูกยาเธอ เจาฟาวชิรา- ลงกรณฯ ในขณะนั้นก็รูสึกเชนนั้น โดยพระองคทรงเฝารอเวลานี้มานานแลว พรอมกับพระสหาย ในวยั เดียวกนั ” หนว ยลกู เสอื ของโรงเรยี นจิตรลดาแบง ออกเปน 2 หมู หรอื 2 ซิกซ เพราะขณะน้ัน มีนกั เรยี นอยใู นเกณฑเ ปนลูกเสอื สาํ รองไดเพียง 12 คน โดยหมูหนึ่งแบงออกเปน 6 คน หมูแรก ชื่อหมูสีฟา ทรงเปนหัวหนาหมู หมูที่สองชื่อหมูสีน้ําเงิน หัวหนาหมูคือ สัณห ศรีวรรฑธนะ การเปนหัวหนาหมูลูกเสือสํารองน้ี โดยท่ัวไปผูบังคับบัญชาลูกเสือเปนผูเลือก แตในโรงเรียน จติ รลดาเปดโอกาสใหน กั เรียนเลือกกนั เอง หัวหนาหมูม ีหนา ที่ดแู ลและเกบ็ สง่ิ ของซึ่งเปน ของหมูใ หเ รียบรอย เมื่อถึงเวลาฝก กน็ ําออกมาแจกใหลูกหมู เสร็จแลวกเ็ กบ็ รวบรวมไปไวยังทใี่ หเปน ระเบียบ ซ่งึ ทรงปฏบิ ัติหนาที่นี้ ไดโดยไมข าดตกบกพรอง แมทรงอิดเอื้อนบางในตอนแรก เพราะยังไมเขาพระทัยในหนาที่น้ีดี แตเม่ือพระอาจารยอธิบายถวายก็ทรงปฏิบัติตาม พระองคทรงโปรดวิชาลูกเสือสํารองมาก เพราะนอกจากจะไดทรงกระโดดโลดเตน ออกกําลงั กายกลางแจงแลว ยังไดท รงฟงนิทานสนุก ๆ และไดท รงรองเพลงทีส่ นกุ สนานอีกดว ย ทรงเปนนักเรียนท่ีชางซักมากที่สุดในช้ัน วันใดท่ีมีการ ฝกลูกเสือสํารองจะทรงตื่นบรรทมเชากวาปกติ เตรียมฉลองพระองคลูกเสือดวยพระองคเอง
38 สิ่งแรกท่ีทรงทําหลังจากตื่นบรรทมก็คือ ขัดหัวเข็มขัดและรองพระบาทสําหรับเครื่องแบบ ลกู เสือ ทําความสะอาดพระนขา (เล็บ) เตรยี มพรอมสําหรับการตรวจอยตู ลอดเวลา ในวันคลายวันสถาปนาคณะลูกเสือไทย เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 ในพิธี สวนสนามของลูกเสือ ณ กรีฑาสถานแหงชาติ ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา- ภมู ิพลอดลุ ยเดช และสมเดจ็ พระนางเจาสริ กิ ิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ไดเสด็จพระราชดําเนินทรง เปนประธานครั้งแรก สมเด็จพระเจาลกู ยาเธอ เจาฟา วชริ าลงกรณฯ ในขณะนั้น เสด็จฯ ไปทรง รว มกจิ กรรมกบั ลกู เสอื โรงเรยี นอื่นเปนคร้งั แรกทที่ รงรว มพธิ ีสวนสนามของลูกเสือ ซึ่งประชาชน คนไทยท่ีทราบขาวกอนหนาพากันเปนหวงเปนใยพระองคทานไปตาง ๆ นานา ดวยเกรงวา พระองคจ ะประชวรลง บางคนถึงกับกลา ววา “โถ ทลู กระหมอมจะทรงทนแดดไหวหรอื ทานจะ ทรงเปน ลมไหมนะ” โดยความหวงใยในพระองคของพสกนกิ รเรอื่ งนี้ เม่ือทรงทราบก็ไดรับสั่งวา “ตอ งไดซ ิ ทําไมจึงดูถูกกนั อยา งนน้ี ะ” ครน้ั ถึงวันสวนสนามก็ทรงปฏิบัติหนาท่ีของลูกเสือสํารองของโรงเรียนจิตรลดา ไดเปน อยา งดี เชนเดียวกับลูกเสือคนอ่ืน ๆ ในวันน้ัน ทรงถือปายชื่อโรงเรียนผานพระท่ีนั่งดวย พระอาการสงา และทรงรวมแสดงในนามหมลู ูกเสือโรงเรียนจิตรลดาดว ย สาํ หรับการท่ีทรงมีความอดทนและรูจักหนาท่ีของลูกเสือเปนท่ีประจักษชัดอีก คร้ังหนึ่งในการซอมใหญสวนสนามวันฉลองครบรอบวันกําเนิดลูกเสือไทย วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2508 ขณะน้ันทรงเปนลูกเสือโทแลว วันนั้นที่กรีฑาสถานแหงชาติฝนตกหนักอยางลืมหู ลมื ตาไมข น้ึ บรรดาผคู ุมการฝกซอมลงความเห็นวา ควรเชิญเสด็จเขาประทับในชายคา เพราะ อาจจะทาํ ใหประชวรหวัดได เจาหนาที่ผูใหญคนหน่ึงว่ิงออกไปท่ีสนาม ทูลเชิญเสด็จเขาท่ีประทับ ในชายคา ทรงมองหนาผูทูลเชิญพรอมกับส่ันพระเศียร แลวรับส่ังวา “ทําไมจะตองใหฉัน หลบเขาไปดวยละ ใคร ๆ เขาตากฝนไดฉันก็ตากไดเหมือนกัน ฉันแข็งแรงพอ” กอนหนาน้ัน เม่อื โรงเรียนจติ รลดาเขา พธิ ีประจาํ กองลกู เสอื สามัญ โดยสมทบกับหนวยโรงเรียนวชิราวุธ เปน กองลกู เสือ สังกัด อ.3 เมอื่ วันท่ี 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 ทรงสอบไดเปนลูกเสือโท เมื่อวันท่ี 9 มีนาคม พ.ศ. 2508 ในวนั น้นั ไดเสด็จฯ ไปทรงสอบเดนิ ทางไกล และประกอบอาหารทคี่ ายลูกเสือ วชิราวุธ ต.บางรัก อ.ศรรี าชา จ.ชลบุรี ตอ งเสด็จฯ ต้งั แตเ ชา มดื พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหา- ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ทรงมพี ระราชดํารัสหามใครตามเสด็จนอกจากราชองครักษ ซึ่งใหตามเสด็จได เพียงหา ง ๆ การเสด็จเขา คายลกู เสือที่คายวชิราวุธคร้ังนั้น ทรงทําอาหารเอง ซึ่งที่ทรงโปรด ทาํ ทส่ี ดุ คอื “ขา วสวยคลุกไขปน เปนกอนทอด” โดยทรงโปรดการทําครัวเทากับความชางเสวย บางคราวทรงทําอาหารเองดวยหมอ และเตาดนิ เผาเลก็ ๆ แลว ประทับเสวยอยางเอร็ดอรอยรวมกับ ผตู ามเสดจ็ ทรงศึกษาท่ีโรงเรียนจิตรลดาถึงมัธยมศึกษาปท่ี 1 จึงเสด็จฯ ไปทรงศึกษาตอที่ องั กฤษ
39 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงกระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหจัดการศึกษาระดับอนุบาลข้ึน ณ พระท่ีนั่งอุดร ในพระที่น่ังอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมอื่ วนั ที่ 10 มกราคม พ.ศ.2498 ตอมาเมื่อ พ.ศ. 2500 เสด็จฯ มาประทับ ณ พระที่นั่งจิตรลดารโหฐาน จึงมี พระบรมราชโองการโปรดเกลาฯ ใหสรางอาคารเรียนถาวรในบริเวณพระตําหนักจิตรลดา- รโหฐาน พระราชวังดุสิต และพระราชทานนามโรงเรยี นวา “โรงเรียนจติ รลดา” บนั ทกึ เรือ่ งน้ีหนังสือพมิ พเดลินิวสนํามาจากหนังสือเฉลิมพระเกียรติที่กองทัพบก จัดทําข้ึน โดยเฉพาะเรื่องของ “วิชาลกู เสือ” ท่ที รงโปรด หากสาํ นกั งานลกู เสอื แหงชาติจะนําไปให “ลูกเสือ” ไดเรียนรจู ะเปน การดีย่งิ https://www.matichonweekly.com/column/article_17373 พระราชปณิธานและพระราโชบายในพระบาทสมเด็จพระเจา อยหู ัว ร.6 และสมเด็จพระเจา อยหู วั มหาวชริ าลงกรณ ฯ (ร.10) รชั กาลท่ี 6 ทรงไดพระราชทานกําเนิดลูกเสือไทยขึ้นเมื่อวันท่ี 1 กรกฎาคม 2454 และทรงใหความหมายของ \"ลูกเสือ\" วา \"ลกู เสอื บใชเสอื สตั วไ พ เรายืมชื่อมาใช ดวยใจกลา หาญ ปานกัน ใจกลา มใิ ชกลาอาธรรม เชน เสอื อรญั สญั ชาตชิ นคนพาล ใจกลา ตองกลา อยางทหาร กลา กอปรกจิ การ แหง ชาตปิ ระเทศเขตตน\" ทรงมีพระราชปณิธานในการฝกลกู เสือวา \"ขา ไมตอ งการตําราเรียนทเี่ ดินได ทข่ี า อยากไดนนั้ คอื เยาวชน ทเี่ ปน สุภาพบรุ ุษ ซื่อสตั ย สุจรติ มีอปุ นิสยั ใจคอด\"ี ราม วชริ าวธุ \"I do not want a walking school books. What I want are just manly young men, honest truthful, clean in habits and thoughts\" Vajiravudh
40 พระราชอัจฉรยิ ภาพของ รชั การที่ 6 ในการสรา งเด็กและเยาวชนทพี่ งึ ประสงค กจิ กรรมลกู เสือจงึ เปน เปนกิจกรรมเพ่อื ฝกฝน เด็กและเยาวชนใหมีความสามัคคี มานะอดทน เสยี สละเพ่ือสวนรวม โดยปลูกฝง ใหเ ด็กและเยาวชนเปนผมู รี ะเบยี บวนิ ัย เคารพกฎ ขอบังคับ และปฏบิ ตั ติ น เปนคนดีของสังคมและประเทศชาติ ปจจุบันสมเด็จพระเจาอยูหัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเปน ประมุขคณะลกู เสอื แหง ชาติ สมเด็จพระเจาอยูหัว (ร.10) ทรงใหความสําคัญกับการพัฒนาเยาวชน โดยพระราชทานทุนการศึกษาระดับ ม.ปลาย ตอเนื่องจนจบ ป.ตรี (หรือเทียบเทา) ผานมูลนิธิ ทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จํานวน 154 ทุน/ป มาต้งั แตป พ.ศ. 2552 พระราชประสงคในการพฒั นาเยาวชน 1. มีความรู 2. มรี ะเบียบวนิ ยั 3. ไดรับการพัฒนาศกั ยภาพอยา งตอเนอ่ื ง 4. มีทศั นคตพิ ืน้ ฐานท่ีดี 5. ไดร ับการฝก อาชพี 6. เม่ือจบการศึกษาแลวจะตองเขา สูก ารมอี าชีพทม่ี ัน่ คง คุณลักษณะเด็กที่พงึ ประสงค รัชกาลท่ี 6 รัชกาลที่ 9 รชั กาลท่ี 10 เปนสภุ าพบรุ ษุ มีทัศนคติพ้นื ฐานทด่ี ีและไดร บั การพัฒนาศักยภาพ นิสยั ดี เปนคนดี อยา งตอ เนือ่ ง ซ่ือสัตย สุจรติ มีระเบยี บวินยั กลา ทีจ่ ะทาํ ประโยชนใ หก บั ประเทศ เปนคนดี มคี วามสามคั คี มีความอดทน เสยี สละเพื่อสว นรวม มรี ะเบยี บวนิ ัย เคารพขอบงั คบั
41 รชั กาลท่ี 6 รชั กาลที่ 9 รัชกาลท่ี 10 เปน คนเกง ไดรับการฝกอาชีพ มคี วามรู เม่ือจบการศึกษาแลวจะตองเขาสู การมีอาชพี ทมี่ ่ันคง (มุงเนนสาขาที่ตรงกับความตองการ ของประเทศ) คานยิ ม 12 ประการ ของ คสช. ใหนักเรยี นทอ งจาํ และนาํ ไปปฏบิ ตั ิ 1. ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ 2. ซ่อื สัตย เสียสละ อดทน 3. กตญั ูตอพอ แม ผปู กครอง ครูบาอาจารย 4. ใฝหาความรู หมัน่ ศกึ ษาเลา เรียน 5. รกั ษาวัฒนธรรมประเพณีไทย 6. มศี ลี ธรรม มนี ํ้าใจ และแบงปน 7. เขา ใจ เรยี นรูก ารเปนประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษัตริยทรงเปน ประมขุ 8. มรี ะเบยี บวนิ ยั เคารพกฎหมาย เคารพผใู หญ 9. มีสติรตู วั รคู ดิ รูทํา 10. รูจกั ใชห ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 11. มีความเขมแขง็ ทั้งและใจ ไมย อมแพตออํานาจฝายตา่ํ 12. คิดถงึ ประโยชนของสวนรวมมากกวา ผลประโยชนสวนตน กจิ กรรมทา ยเรื่องที่ 1 ประวัตกิ ารลกู เสือไทย (ใหผูเรียนไปทํากจิ กรรมทายเรอื่ งท่ี 1 ทส่ี มุดบนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนรปู ระกอบชดุ วชิ า)
42 เรือ่ งที่ 2 ความรูท่วั ไปเก่ยี วกบั คณะลกู เสอื แหงชาติ 2.1 คณะลูกเสือแหง ชาติ คณะลูกเสือแหงชาติ ประกอบดวย บรรดาลูกเสือท้ังปวงและบุคลากรทางการ ลกู เสือ โดยมีพระมหากษตั ริยทรงเปนประมุขของคณะลกู เสอื แหงชาติ ลูกเสือ หมายความวา เด็กและเยาวชนทั้งชายและหญิง ท่ีสมัครเขาเปนลูกเสือ ท้ังในสถานศกึ ษาและนอกสถานศึกษา สวนลกู เสือทีเ่ ปนหญิง ใหเ รยี กวา “เนตรนารี” บรรดาลูกเสือทั้งปวง หมายถึง ลูกเสือในโรงเรียน ลูกเสือนอกโรงเรียน ลกู เสือหลกั สูตรพเิ ศษ ลกู เสอื ชาวบา น ลกู เสอื ในโรงเรยี น หมายถงึ เยาวชนท่ีสมคั รเขา เปนลกู เสือในกองลูกเสือโรงเรียน ไดแก ลูกเสอื สํารอง ลูกเสือสามญั ลกู เสอื สามญั รุนใหญ และลกู เสอื วสิ ามญั ลกู เสอื นอกโรงเรยี น หมายถึง เยาวชนทไี่ มไดส มคั รเขาเปนลกู เสอื ในกองลูกเสือ โรงเรียน แตส มัครใจเขารว มกิจกรรมกบั ลกู เสือในโรงเรียน และลกู เสือหลักสูตรพิเศษ ลูกเสอื หลักสตู รพเิ ศษ หมายถึง ลูกเสอื ทสี่ มัครเขารบั การอบรมในหลกั สตู รพเิ ศษ ตาง ๆ เชน ลูกเสือชอสะอาด ลูกเสือปาไม ลูกเสือจราจร ลูกเสือปองกันและบรรเทาสาธารณภัย ลกู เสอื อาสา กกต. ลูกเสือไซเบอร ลกู เสอื อนุรกั ษท รพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ ม ฯลฯ ลกู เสอื ชาวบาน หมายถึง กลมุ ชาวบานทีม่ ารวมกันเพ่อื ทําประโยชนใหแกสงั คม ผานกระบวนการลูกเสอื โดยท่ีมกี ารทํางานหรือการเขาคายตาง ๆ คลายกับลูกเสือในโรงเรียน ลูกเสือชาวบานเริ่มตนมาตั้งแตป พ.ศ. 2514 โดยตํารวจตระเวนชายแดน ไดฝกอบรมให ชาวบานรูจักดูแลความปลอดภัยในหมูบาน การปองกันตนเอง ตลอดจนการสอดแนมรักษา ความปลอดภัยตามแนวชายแดน บคุ ลากรทางการลกู เสือ หมายความวา ผบู งั คบั บญั ชาลูกเสือ ผูตรวจการลูกเสือ กรรมการลูกเสือ อาสาสมคั รลูกเสอื และเจา หนา ท่ีลูกเสือ 2.2 การบริหารงานของคณะลูกเสอื แหง ชาติ ประกอบดวย 2.2.1 สภาลกู เสอื ไทย ประกอบดว ยคณะบุคคล ดังตอ ไปน้ี 1) นายกรฐั มนตรี เปน สภานายก 2) รองนายกรฐั มนตรี เปน อุปนายก 3) กรรมการโดยตาํ แหนง ไดแ ก รัฐมนตรีวาการกระทรวงศึกษาธิการ รฐั มนตรีวา การกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีวา การกระทรวงมหาดไทย ปลัดสาํ นกั นายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ ปลดั กระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย ผูบัญชาการทหารสูงสุด ผูบัญชาการทหารบก ผูบัญชาการ ทหารเรือ ผูบัญชาการทหารอากาศ ผูบัญชาการตํารวจแหงชาติ เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการสภากาชาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง
43 อธบิ ดีกรมสงเสริมการปกครองทองถนิ่ ผูวาราชการกรุงเทพมหานคร ผูวาราชการจังหวัด และ ผูอํานวยการศนู ยป ฏบิ ตั ิการลูกเสือชาวบาน 4) กรรมการผูทรงคุณวุฒิจํานวนไมเกินแปดสิบคน ซึ่งพระมหากษัตริย ทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ แตง ตง้ั ตามพระราชอัธยาศยั ใหเลขาธิการสํานักงานลูกเสือแหงชาติ เปนกรรมการและเลขานุการ รองเลขาธิการและผชู วยเลขาธกิ ารสํานักงานลูกเสือแหงชาติ เปน ผชู ว ยเลขานุการ สภาลูกเสือไทย อาจมีสภานายกกิตติมศักด์ิ อุปนายกกิตติมศักดิ์ และ กรรมการกติ ติมศกั ดิ์ ซ่ึงจะไดทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ อีกคร้ัง 2.2.2 คณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ เปนองคกรบริหารของคณะ ลกู เสอื แหง ชาติ ประกอบดว ยคณะบคุ คล ดงั ตอ ไปนี้ 1) รัฐมนตรวี าการกระทรวงศกึ ษาธิการ เปน ประธานกรรมการ 2) กรรมการโดยตําแหนง ไดแก ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และ ปลดั กระทรวงมหาดไทย เปนรองประธาน เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการ อาชีวศกึ ษา เลขาธิการสภากาชาดไทย เลขาธิการสํานักงานสงเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศยั ผูอ ํานวยการสํานักบริหารงานคณะกรรมการสงเสริมการศึกษาเอกชน และ ผอู ํานวยการศูนยป ฏบิ ตั กิ ารลูกเสือชาวบา น 3) กรรมการผูทรงคุณวุฒิจํานวนไมเกินสิบหาคน ซ่ึงสภานายกสภา ลูกเสือไทยแตงตั้งโดยคําแนะนําของกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ ตาม 1 และ 2 ซ่ึงใน จาํ นวนนต้ี องมาจากภาคเอกชนไมน อ ยกวา ก่ึงหนึง่ ใหเ ลขาธิการสํานักงานลกู เสือแหงชาติ เปนกรรมการและเลขานุการ รองเลขาธิการและผชู วยเลขาธกิ ารสํานักงานลกู เสือแหงชาติ เปนผชู ว ยเลขานุการ เลขาธกิ ารสาํ นักงานลูกเสือแหงชาติเปนผูรับผิดชอบการบริหารงาน ของสํานักงานลูกเสือแหงชาติ และเปนผูบังคับบัญชาพนักงานและลูกจางในสํานักงาน โดยรัฐมนตรวี าการกระทรวงศึกษาธกิ าร แตงตั้งรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการคนหน่ึงทําหนาท่ี เลขาธิการสํานักงานลูกเสือแหงชาติ และแตงตั้งผูบริหารระดับสูงอื่นในกระทรวงศึกษาธิการ ทาํ หนาที่รองเลขาธกิ ารและผชู ว ยเลขาธกิ ารตามจํานวนทีเ่ หมาะสม 2.2.3 คณะกรรมการลูกเสือจังหวดั ประกอบดว ยคณะบุคคล ดังตอ ไปนี้ 1) ผูวา ราชการจังหวัด เปน ประธานกรรมการ 2) กรรมการโดยตําแหนง ไดแก รองผูวาราชการจังหวัด เปนรอง ประธานกรรมการ ปลัดจงั หวดั นายกเหลา กาชาดจงั หวัด ผูบ ังคบั การตํารวจภูธรจังหวัด นายก องคการบริหารสวนจังหวัด นายอําเภอ นายกเทศมนตรี นายกสมาคมการศึกษาเอกชนจังหวัด และผูอํานวยการสาํ นกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา
44 3) กรรมการประเภทผูแทนจาํ นวนหา คน ไดแก ผแู ทนสถาบันอุดมศึกษา ผแู ทนสถานศกึ ษาอาชวี ศึกษา ผูแทนคายลูกเสือจังหวัด ผูแทนสมาคมหรือสโมสรลูกเสือ และ ผูแทนจากลูกเสอื ชาวบาน ซ่ึงเลือกกันเองกลุมละหนึ่งคน 4) กรรมการผทู รงคณุ วุฒิจํานวนไมเกินสิบคน ซึ่งประธานกรรมการ แตงตง้ั โดยคําแนะนาํ ของกรรมการลกู เสือจงั หวดั ตามขอ 2) และ 3) ในจํานวนนี้จะตองแตงตั้งจาก ภาคเอกชนไมน อ ยกวาก่ึงหนง่ึ ใหผูอํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาเขต 1 เปนกรรมการและ เลขานกุ าร ใหผูอํานวยการศูนยการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด เปนกรรมการ และผูชว ยเลขานุการ 2.2.4 คณะกรรมการลูกเสอื เขตพืน้ ท่ีการศกึ ษา คณะกรรมการลูกเสือเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประกอบดวยคณะบุคคล ดงั ตอไปนี้ 1) ผูอํานวยการสํานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษา เปน ประธานกรรมการ 2) กรรมการโดยตําแหนง ไดแ ก ผูกํากบั การสถานีตํารวจภูธรของทุก อําเภอในเขตพ้ืนท่ีการศึกษา หรือผูกํากับการสถานีตํารวจนครบาลของทุกสถานีในเขตพ้ืนท่ี การศึกษาของกรุงเทพมหานคร 3) กรรมการประเภทผูแทน ไดแก ผูแทนองคกรปกครองสวน ทองถิ่น ผูแทนสถานศึกษาในสังกัดเขตพื้นท่ีการศึกษา ผูแทนสถานศึกษาเอกชน ผูแทน สถานศึกษาอาชีวศึกษา ผูแทนสถาบันอุดมศึกษา ผูแทนศูนยบริการการศึกษานอกโรงเรียน อําเภอ ผแู ทนคา ยลูกเสือ และผแู ทนสมาคมหรอื สโมสรลกู เสอื ซงึ่ เลอื กกนั เองกลุม ละหนง่ึ คน 4) กรรมการผูทรงคุณวุฒิจํานวนไมเกินเจ็ดคน ซ่ึงประธานกรรมการ แตงตั้งโดยคําแนะนําของกรรมการลูกเสือเขตพื้นท่ี ตามขอ 2) และ 3) ในจํานวนน้ีจะตอง แตงตัง้ จากภาคเอกชนไมนอ ยกวากึง่ หนง่ึ ใหร องผูอ ํานวยการสาํ นักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาที่ไดรับมอบหมายเปน กรรมการและเลขานุการและใหผูอํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาแตงตั้งขาราชการใน สาํ นกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาอีกไมเ กินสองคน เปนผูชวยเลขานุการ
45 แผนภูมแิ สดงตําแหนง คณะกรรมการลูกเสอื ตามพระราชบญั ญตั ลิ กู เสอื พ.ศ. 2551 คณะลูกเสอื แหงชาติ - พระมหากษตั รยิ ทรงเปนประมุข - ประกอบดวยบรรดาลูกเสือทัง้ ปวง และบุคลากรทางการลูกเสอื สภาลกู เสือไทย - นายกรฐั มนตรีเปน “สภานายก” และรองรัฐมนตรีเปน “อุปนายก” - มกี รรมการโดยตาํ แหนง และกรรมการผูทรงคุณวฒุ ิ จํานวนไมเกนิ 80 คน ซ่ึงพระมหากษัตริย ทรงโปรดเกลา ฯ แตง ตงั้ ตามพระราชอธั ยาศัย - หนาทส่ี ําคัญคอื “วางนโยบายเพื่อความมน่ั คงและความเจรญิ กา วหนาของ คณะลูกเสือแหง ชาติ” คณะกรรมการ - รฐั มนตรีวาการกระทรวงศึกษาธิการ เปน ประธานกรรมการ บรหิ ารลกู เสือแหงชาติ - ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และปลัดกระทรวงมหาดไทย เปน รองประธาน กรรมการ คณะกรรมการลกู เสือจังหวดั - เลขาธิการสาํ นักงานลูกเสอื แหง ชาติ เปน กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการลูกเสอื - ผูวา ราชการจงั หวดั เปน ประธานกรรมการ เขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา - รองผูวา ราชการจังหวดั เปน รองประธานกรรมการ - ผูอํานวยการสาํ นกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษา เขต 1 เปน กรรมการและ เลขานกุ าร - ผูอํานวยการสาํ นักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา เปน ประธานกรรมการ - รองผอู ํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา ทไ่ี ดรับมอบหมาย เปน กรรมการและเลขานุการ
46 2.3 การลูกเสอื ในสถานศกึ ษา การลูกเสอื ในสถานศกึ ษามีการจัดหนว ยลกู เสอื ดงั นี้ 1) กลมุ ลูกเสอื 2) กองลูกเสอื 3) หมลู ูกเสอื 1) กลุมลกู เสือ ประกอบดว ยลูกเสอื 4 ประเภท คือ กองลูกเสือสํารอง กองลูกเสอื สามัญ กองลูกเสือสามัญรุนใหญ และกองลูกเสือวิสามัญ ประเภทละ 1 กองเปนอยางนอย แตถา สถานศกึ ษาแหง ใดมลี ูกเสือเพียงประเภทเดียว การจัดกลุมลูกเสือตองมีกองลูกเสือประเภทน้ัน อยางนอย 4 กองข้นึ ไป หรือถามกี องลูกเสอื อยา งนอย 2 – 3 ประเภท การจัดกลุมลูกเสือตองมี ประเภทละ 2 กอง ข้ึนไป ผูรับผิดชอบกลุมลูกเสือ คือ ผูกํากับกลุมลูกเสือ และรองผูกํากับ กลมุ ลกู เสอื 2) กองลูกเสอื ผูรบั ผดิ ชอบกองลกู เสอื คอื ผูกาํ กบั กองลูกเสอื และรองผูกาํ กบั กองลกู เสือ 3) หมลู ูกเสือ ประกอบดวยลูกเสือ จํานวน 4 – 6 คน หรือ 6 – 8 คน (รวมทง้ั นายหมูและรองนายหมูลูกเสือ) ผูรับผิดชอบหมูลูกเสือ คือ นายหมูลูกเสือ และรองนายหมู ลกู เสอื การเรยี กช่อื หมูลกู เสือ กศน. ใหเ รียกเปนหมูเลข เชน หมู 1 กอง 1....หมู 2 กอง 1....หมู 3 กอง 1....หมู 4 กอง 1.... หมู 1 กอง 2....หมู 2 กอง 2....หมู 3 กอง 2....หมู 4 กอง 2.... หมู 1 กอง 3....หมู 2 กอง 3....หมู 3 กอง 3....หมู 4 กอง 3.... หมู 1 กอง 4....หมู 2 กอง 4....หมู 3 กอง 4....หมู 4 กอง 4....
47 แผนภูมแิ สดงการบรหิ ารงานกองลกู เสอื ภายในสถานศกึ ษา ผอู าํ นวยการลูกเสือโรงเรยี น รองผูอํานวยการลูกเสือโรงเรียน ผูกํากับกลุมลกู เสือ รองผกู ํากบั กลมุ ลูกเสือ ผกู าํ กับกองลูกเสือ ผูกํากับกองลูกเสอื ผูก าํ กับกองลูกเสอื กองที่ 1 กองที่ 2 กองท่ี 6 รองผูกํากบั กองลกู เสือ รองผกู ํากบั กองลูกเสือ รองผูก ํากบั กองลกู เสือ กองที่ 1 กองท่ี 2 กองท่ี 6 จํานวนหมูล ูกเสือ ในแตละกอง จาํ นวนหมลู ูกเสือ ในแตละกอง จํานวนหมูลูกเสือ ในแตละกอง มีจาํ นวน 2 – 6 หมู แตละหมูมี มจี ํานวน 2 – 6 หมู แตละหมูมี มีจาํ นวน 2 – 6 หมู แตละหมูมี นายหมูและรองนายหมู นายหมแู ละรองนายหมู นายหมแู ละรองนายหมู เปน ผูด ูแลหมูน้ัน ๆ เปนผูดแู ลหมูน ้ัน ๆ เปนผดู ูแลหมูน ั้น ๆ กจิ กรรมทายเร่อื งที่ 2 ความรทู ั่วไปเกีย่ วกับคณะลูกเสือแหงชาติ (ใหผ เู รยี นไปทํากิจกรรมทา ยเรื่องที่ 2 ทส่ี มดุ บันทกึ กิจกรรมการเรียนรปู ระกอบชดุ วชิ า)
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: