Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore e-book หน่วยที่ 4 เรื่องระบบทางเดินอาหาร

e-book หน่วยที่ 4 เรื่องระบบทางเดินอาหาร

Published by kasetkuru, 2018-03-28 06:17:39

Description: unit4 digestiive tract

Search

Read the Text Version

104 หน่วยที่ 4 ระบบทางเดนิ อาหารของสัตว์ การย่อยอาหารและการดูดซึมจุดประสงค์การสอนจุดประสงค์ทว่ั ไป 1. ผเู้ รียนเขา้ ใจหนา้ ท่ีของระบบทางเดินอาหาร 2. ผเู้ รียนทราบหนา้ ที่และระบบทางเดินอาหารของสัตว์ 3. ผเู้ รียนมีคุณธรรม จริยธรรมพงึ ประสงค์จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. ผเู้ รียนบอกหนา้ ท่ีของระบบทางเดินอาหารสตั วแ์ ต่ละประเภทได้ 2. ผเู้ รียนมีความสนใจเรียน รับผดิ ชอบ ตรงต่อเวลา และทาํ งานเป็นกลุ่มได้สาระสาคญั การยอ่ ยอาหาร (Digestion) คือ กระบวนการที่อาหารถูกเปลี่ยนแปลงในทางเดินอาหารจากสารโมเลกุลใหญ่ใหม้ ีโมเลกลุ ขนาดเลก็ ลง เพ่อื จะไดด้ ูดซึมผา่ นผนงั ลาํ ไส้เขา้ ไปในน้าํ เลือดและน้าํ เหลืองได้การเคลื่อนยา้ ยโภชนะที่มีโมเลกุลขนาดเลก็ ท่ีผา่ นการยอ่ ยแลว้ เขา้ สู่น้าํ เลือดและน้าํ เหลืองเรียกวา่ การดูดซึม(Absorption) การย่อยอาหารจะมีขบวนการต่าง ๆ 3 วธิ ี คอื 1. การย่อยโดยกลวธิ ี (Mechanical Digestion) เป็นการทาํ ใหอ้ าหารมีขนาดเลก็ ลงทางกายภาพ เช่นโดยการบด เค้ียว การขยอกอาหารออกมาเค้ียว การบีบรัดตวั ของระบบทางเดินอาหาร รวมถึ งความร้อนท่ีใชใ้ นการแปรรูปอาหาร 2. การย่อยโดยวธิ ีเคมี (Chemical Digestion) เกิดจากการทาํ งานของเอนไซมท์ ี่ผลิตข้ึนในร่างกายสตั ว์หรือสารช่วยยอ่ ยที่นาํ มาผสมลงในอาหาร รวมถึงปฏิกิริยาของกรดเกลือในกระเพาะ ปฏิกิริยาไฮโดรไลซิส(Hydrolysis) 3. การย่อยโดยจุลนิ ทรีย์ (Microbial Digestion) เกิดจากการกระทาํ ของจุลินทรียท์ ่ีอาศยั อยใู่ นกระเพาะรูเมนหรือท่ีลาํ ไส้ใหญ่ ช่วยหมกั ยอ่ ยอาหารจาํ พวกสารเยอื่ ใย กลายเป็นกรดไขมนั ท่ีระเหิดได้ สามารถถูกดูดซึมเขา้ สู่ร่างกายเพ่ือนาํ ไปใชป้ ระโยชน์

105เนือ้ หาสาระ ระบบการย่อยอาหารของสัตว์ ระบบการยอ่ ยอาหารของแบง่ ออกไดเ้ ป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ 1. ระบบท่อทางเดินอาหาร (Alimentary tract) 2. อวยั วะประกอบของระบบยอ่ ยอาหาร (Accessory organs)ท่อทางเดินอาหาร ประกอบดว้ ย 1. ปาก (Mouth) เร่ิมจากส่วนที่ถดั เขา้ ไปจากริมฝีปากและฟันจนถึงบริเวณที่ติดต่อกบั คอหอย ฟันสัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมมี 2 ชุด คือ ฟันแทแ้ ละฟันน้าํ นม ส่วนบนตอนหนา้ ของช่องปากเป็นเพดานแขง็ และส่วนทา้ ยเป็นเพดานออ่ น ดา้ นขา้ งของช่องปากเป็นส่วนของแกม้ ดา้ นล่างเป็นท่ีอยขู่ องลิ้น(Tongue) ลิ้นของสตั วท์ ว่ั ไปจะมีป่ ุมรับรส มีหนา้ ท่ีตวดั อาหารและคลุกเคลา้ อาหาร ภายในปากมีต่อมสาํ หรับผลิตน้าํ ยอ่ ย Ptyalin หรือ Amylase ออกมาช่วยยอ่ ยอาหารพวกคาร์โบไฮเดรต และมีต่อมน้าํ ลาย (Salivary gland) ซ่ึงมีอยู่ 3 คู่ ทาํ หนา้ ท่ีผลิตน้าํ ลาย (Saliva) ออกมาช่วยคลุกเคลา้ อาหารใหส้ ะดวกตอ่ การกลืนลงหลอดอาหาร ไก่ไมม่ ีริมฝีปาก ไมม่ ีแกม้ ไม่มีฟัน ไก่จะใช้ จะงอยปากในการจิกและฉีกอาหารเขา้ ปาก แลว้ ใช้ลิ้นช่วยตวดั อาหารลงสู่หลอดอาหาร ภายในปากมีต่อมสาํ หรับผลิตน้าํ ยอ่ ย Amylase ออกมาช่วยยอ่ ยอาหารพวกคาร์โบไฮเดรต แค่มีบทบาทนอ้ ยมาก และมีต่อมน้าํ ลาย (Salivary gland) ทาํ หนา้ ที่ผลิตน้าํ ลาย(Saliva) ออกมาช่วยคลุกเคลา้ อาหารใหส้ ะดวกตอ่ การกลืน สัตวเ์ ค้ียวเอ้ืองไม่มีขากรรไกรบนเหมือนสตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมอื่น ๆ จึงไม่มีฟันบน การกินอาหารจึงอาศยั ขากรรไกรและฟันล่างทาํ งานร่วมกบั ริมฝีปากและลิ้นเพื่อตวดั อาหารเขา้ ปาก การเค ลื่อนไหวของปากและการเค้ียวของสตั วเ์ ค้ียวเอ้ืองแตล่ ะชนิดแตกตา่ งกนั ข้ึนกบั ลกั ษณะอาหารท่ีกิน ในปากมีต่อมน้าํ ลายซ่ึงจะผลิตน้าํ ลายออกมาไดเ้ ป็นจาํ นวนมาก ในน้าํ ลายจะเป็นแหล่งไนโตรเจนดว้ ยคือยเู รียและมิวโคโปรตีนนอกจากน้ีมี P และ Na ซ่ึงจุลินทรียจ์ ะนาํ ไปใชไ้ ด้ นอกจากน้ีน้าํ ลายจะทาํ หนา้ ที่เป็น Buffer รักษาระดบั pH ในรูเมนและกระเพาะอื่น ๆ ตอ่ ไป 2. หลอดคอ (Pharynx) ปลายบนกวา้ ง ขา้ งล่างแคบ ผนงั ของคอหอยเป็นกลา้ มเน้ือลาย มีเยอื่เมือกหุม้ ไว้ ท่ีคอหอยมีต่อมน้าํ เหลือง เรียกวา่ ตอ่ มทอนซิล (Tonsil) มีกลไกจดั ระเบี ยบอาหารใหผ้ า่ นหลอดอาหารและอากาศผา่ นสู่กล่องเสียง

106 3. หลอดอาหาร (Esophagus) เป็นกลา้ มเน้ือลายลกั ษณะเป็นท่อเร่ิมตน้ จากคอหอย (Pharynx)ดา้ นบนเป็นกลา้ มเน้ือหูรูด หลอดอาหารน้ีจะยดื ขยายตวั ไดม้ าก ผา่ นทะลุกระบงั ลม (Diaphrage) จนถึงกระเพาะจริง (Stomach , Proventriculus) สาํ หรับไก่จะขยายออกกลายเป็น กระเพาะพกั (Crop) ทาํหนา้ ท่ีเป็นท่ีพกั อาหารชว่ั คราวเพอ่ื ใหอ้ าหารอ่อนตวั ลงดว้ ยน้าํ ลายที่คลุกเคลา้ มาจากปาก 4. กระเพาะอาหาร (Stomach) กระเพาะเดย่ี ว มีลกั ษณะเป็นกระเปาะเดียวใชก้ กั และยอ่ ยอาหาร ผนงั ดา้ นในบุดว้ ยเยอ่ื ชุ่ม (MucousMembrane) และมีต่อมสาํ หรับกลนั่ สร้างน้าํ ยอ่ ยอยมู่ าก แบง่ ส่วนของกระเพาะออกไดเ้ ป็น 4 ส่วนตามลกั ษณะของเน้ือเยอื่ หนา้ ท่ีและตาํ แหน่งของแตล่ ะส่วน คือ ก. Esophageal Region เป็นส่วนแรกของกระเพาะท่ีตอ่ มาจากหลอดอาหาร มีขนาดแคบไมม่ ีตอ่ มสาํ หรับกลนั่ สร้างน้าํ ยอ่ ย ข. Cardiac Gland Region ตอ่ มาจากส่วนแรก เป็นส่วนท่ีอยใู่ กลก้ บั หวั ใจ มีตอ่ มสาํ หรับกลนั่สร้างน้าํ ยอ่ ย ค. Fundus Gland Region มีลกั ษณะเป็นกระพุง้ ขนาดใหญ่ มีตอ่ มกลน่ั สร้างน้าํ ยอ่ ยและ กรดเกลือ(HCL) ง. Pylorus Gland Region กระเพาะส่วนทา้ ย มีขนาดเลก็ เล็กแคบโคง้ ข้ึนดา้ นบน มีรูเปิ ดให้อาหารไหลเขา้ สู่ลาํ ไส้เลก็ รอบรูเปิ ดมีกลา้ มเน้ือหูรูด (Sphincter) บงั คบั การปิ ดเปิ ด กระเพาะแทข้ องสัตวป์ ี กมีขนาดต่างกนั สตั วป์ ี กท่ีกิ นปลาหรือแมลงมีกระเพาะขนาดใหญก่ วา่ ในไก่เรียกกระเพาะแทว้ า่ Proventriculus ต่อจากกระเพาะแทค้ ือกระเพาะบด หรือ ก๋ึน (Gizzard) ประกอบข้ึนจากกลา้ มเน้ือหนาแขง็ แรง ทาํ หนา้ ที่บดขย้อี าหารใหล้ ะเอียด ไม่มีการกลน่ั สร้างน้าํ ยอ่ ยใด ๆ ในก๋ึน ในสัตวป์ ี กเริ่มจาก กระเพาะพกั (Crop) เป็นส่วนปลายของหลอดอาหารใกลก้ บั กระเพาะจริงซ่ึงขยายตวั ออกเป็นรูปกระเปาะ ทาํ หนา้ ที่เป็นท่ีพกั อาหารชวั่ คราวเพอ่ื ใหอ้ าหารอ่อนตวั ลงดว้ ยน้าํ ลายที่คลุกเคลา้ มาจากปาก กระเพาะจริง (Proventriculus) มีตาํ แหน่งอยรู่ ะหวา่ งปลายสุดของหลอดอาหารกบั กระเพาะบด(Gizzard) ผนงั หนามาก ภายในมีตอ่ มสาํ หรับผลิตน้าํ ยอ่ ย Pepsin ซ่ึงจะยอ่ ยอาหารพวกโปรตีน นอกจากน้ียงั มีการผลิตกรดไฮโดรคลอริค (Hydrochloric acid) ซ่ึงช่วยใหก้ ารยอ่ ยอาหารพวกโปรตีนเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพมากข้ึน

107 กระเพาะบด (Gizzard) อยถู่ ดั จากกระเพาะจริง ปล ายขา้ งหน่ึงเปิ ดติดตอ่ กบั ลาํ ไส้เลก็ประกอบดว้ ยกลา้ มเน้ือท่ีแขง็ แรงช่วยใหม้ ีกาํ ลงั บดยอ่ ยอาหารใหม้ ีขนาดเลก็ ลงทาํ ใหส้ ะดวกตอ่ การยอ่ ยของน้าํ ยอ่ ยในอวยั วะส่วนตอ่ ไป กระเพาะอาหารสุกรแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ได้ 4 ส่วน (ศึกษาเพ่ิมเติม) นอกจากยอ่ ยอาหารแลว้ ยงัตอ้ งเก็บอาหารด้วย ผนงั ดา้ นในของกระเพาะจะเป็นรอยพบั เพื่อเพิ่มพ้นื ท่ีและเตม็ ไปดว้ ยเซลลท์ ี่ขบั น้าํ ยอ่ ยน้าํ ยอ่ ยประกอบดว้ ยเกลืออนินทรีย์ เมือก และกรดเกลือ (HCL) น้าํ ยอ่ ยท่ีสาํ คญั ในกระเพาะคือpepsinogen ซ่ึงจะเปล่ียนเป็น pepsin ในภายหลงั ทาํ หนา้ ท่ียอ่ ยโปรตีนในอาหารและโ ปรตีนในนมเช่นเดียวกบั rennin กระเพาะรวม กระเพาะของลูกโคกระบือหลงั คลอดมีลกั ษณะเช่นเดียวกบั กระเพาะของสัตวก์ ระเพาะเดี่ยวโดยทว่ั ไป แต่เม่ือสตั วโ์ ตข้ึน ไดร้ ับน้าํ อาหารหยาบจึงมีจุลินทรียเ์ ขา้ ไปอาศยั เกิดการพฒั นาของกระเพาะออกเป็น 4 ตอนหรือหอ้ ง ทาํ หนา้ ท่ีต่างกนั ดงั น้ี ก. รูเมน เป็นกระเพาะส่วนท่ีมีความจุมากท่ีสุด ประมาณ 80 เปอร์เซ็นตข์ องความจุกระเพาะท้งั สิ้น อยดู่ า้ นซา้ ยสุดของช่องทอ้ ง ผนงั ดา้ นในมีตุ่มเน้ือเยอื่ อยมู่ ากมองดูคลา้ ยผา้ ข้ีริ้ว จึงเรียกอีกช่ือวา่กระเพาะผา้ ข้ีริ้ว มีจุลิน ทรียอ์ าศยั อยมู่ ากมายหลายชนิดเพอื่ ช่วยหมกั ยอ่ ยอาหารหยาบ (Fermentation) พกัอาหารหยาบใหอ้ อ่ นตวั และทาํ หนา้ ท่ีขยอกอาหารข้ึนมาเค้ียวเอ้ือง รวมถึงดูดซึมอาหารท่ียอ่ ยแลว้ เขา้ สู่ร่างกาย ข. เรตคิ ูลมั หรือกระเพาะรังผงึ้ มีความจุนอ้ ยที่สุด คือประมาณ 5 เปอร์เซ็นตข์ องกระเพาะท้งั หมด แยกออกจากกระเพาะรูเมนโดยมีผนงั เต้ีย ๆ ก้นั เป็นส่วนที่อยใู่ กลก้ บั หวั ใจ อาหารสามารถเคล่ือนไปมาระหวา่ งกระเพาะรูเมนไดส้ ะดวก ผนงั ดา้ นในมีผนงั เต้ียก้นั เป็นลกั ษณะตารางมองดูคลา้ ยรังผ้งึ ทาํหนา้ ที่กกั เก็บอาหารหยาบมาก ๆ หรือวสั ดุสิ่งแ ปลกปลอม เช่นเศษโลหะ ตะปู มีหนา้ ที่ช่วยทาํ ใหอ้ าหารรวมตวั เป็นกอ้ นเพือ่ ขยอกออกมาเค้ียวเอ้ือง ค. โอมาซัมหรือกระเพาสามสิบกลบี ลกั ษณะภายนอกคอ่ นขา้ งกลม มีความจุประมาณ 7 ถึง 8เปอร์เซ็นตข์ องความจุกระเพาะท้งั สิ้น ผนงั ดา้ นในมีแผน่ เน้ือเยอ่ื บางซอ้ นกันอยเู่ ป็นหลืบ ประมาณ 75 ถึง 85แผน่ ทาํ หนา้ ที่ขย้อี าหารใหล้ ะเอียด และแยกของเหลวออกทาํ ใหอ้ าหารขน้ ข้ึนก่อนนาํ ส่งลงสู่ส่วนกระเพาะท่ี 4 ง. อะโบมาซัม หรือกระเพาะแท้ มีความจุประมาณ 7 ถึง 8 เปอร์เซ็นตข์ องความจุท้งั สิ้น ทาํหนา้ ท่ีเช่นเดียวกบั กระเพาะของสัตวก์ ระเพาะเดี่ยว คือกลนั่ สร้างน้าํ ยอ่ ยหลายชนิด รวมถึง เรนนิน(Rennin)ท่ีช่วยทาํ ใหน้ ้าํ นมตกตะกอนเป็นล่ิม ตกคา้ งในกระเพาะไดน้ านเอนไซมส์ ามารถยอ่ ยสลายน้าํ นมไดด้ ี

108 การพฒั นาของกระเพาะโคสมบูรณ์เตม็ ที่เม่ืออายปุ ระมาณ 6 เดือน ในระยะแรกคลอดส่วนของกระเพารูเมนและ เรติคูลมั มีลกั ษณะเป็นร่อง เรียกวา่ Esophageal Groove หรือ Rumino-Reticular Groove ทาํหนา้ ท่ีนาํ ส่งน้าํ นมใหไ้ หลลงสู่กระเพาะแทโ้ ดยตรง 5. ลาไส้เลก็ (Small intestine) มีความความยาวแตกตา่ งกนั ในสัตวต์ า่ ง ๆ ลาํ ไส้เล็กไก่ยาวประมาณ 62 นิ้ว สุกร 50 ถึง 60 ฟุต มา้ 70 ฟุต โค 130 ฟุต ผนงั ดา้ นในมีเน้ือเยอ่ื ลกั ษณะเป็นติ่งขนาดเล็กยนื่ยาวคลา้ ยนิ้วมืออยมู่ ากมาย เรียกต่ิงเลก็ เหล่าน้ีวา่ Villi แต่ละ วลิ ไล มีเส้นโลหิตและท่อน้าํ เหลืองฝอยมาหล่อเล้ียงจาํ นวนมาก ท่ีลาํ ไส้เลก็ ตอนตน้ มีช่องเปิ ดสาํ หรับใหน้ ้าํ ดีจากตบั และน้าํ ยอ่ ยจากตบั อ่อ น ไหลลงสู่ลาํ ไส้เพ่อื ยอ่ ยอาหาร แบ่งลาํ ไส้เล็กออกได้ 3 ตอน คือ 5.1 ลาํ ไส้เล็กตอนตน้ (Duodenum) ในสัตวป์ ี กส่วนน้ีมีลกั ษณะขดโคง้ คลา้ ยบ่วง ดา้ นในของโคง้ มีตบั อ่อนยดึ เกาะอยู่ น้าํ ดีและน้าํ ยอ่ ยจากตบั อ่อนเขา้ สู่ลาํ ไส้เล็กส่วนน้ี และภายในยงั ประกอบดว้ ยต่อมกล่ั นสร้างน้าํ ยอ่ ย 5.2 ลาํ ไส้เลก็ ตอนกลาง (Jejunum) ทาํ หนา้ ท่ียอ่ ยและดูดซึมโภชนะ 5.3 ลาํ ไส้เล็กตอนปลาย (Ileum) ในสัตวป์ ี กไมส่ ามารถจาํ แนกลาํ ไส้เล็กตอนกลางและตอนปลายแยกจากกนั ได้ เนื่องจากมีขนาดลกั ษณะเหมือนกนั ลาํ ไส้ถูกยดึ เขา้ กบั ผนงั ช่องทอ้ งดว้ ยแผน่ เยอ่ื ใสบาง(Mesentery) ลาํ ไส้เลก็ มีหนา้ ท่ี ดงั น้ี ก. กลน่ั สร้างน้าํ ยอ่ ยหลายชนิด ภายในลาํ ไส้มีฤทธ์ิเป็นด่าง ข. ดูดซึมโภชนะท่ียอ่ ยแลว้ เขา้ สู่ร่างกาย ค. หลงั่ ฮอร์โมนบางชนิด เช่น Enterogastrone เพ่ือควบคุมการทาํ งานของกระเพาะ ฮอร์โมนSecretin ช่วยกระตุน้ การหลงั่ น้าํ ดี ในช่วง 2-3 วนั แรกคลอดลูกสัตวจ์ ะมีผนงั ลาํ ไส้ที่สามารถดูดซึมโปรตีนตามธรรมชาติไดด้ ียง่ิ จึงเป็นช่วงท่ีสัตวส์ ามารถถ่ายทอดภูมิคุม้ กนั จากแมไ่ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ (-globulin) ผา่ นทางน้าํ นมสู่ ลูกท่ีเกิดใหม่ และความสามารถน้ีจะลดลงอยา่ งรวดเร็ว การทาํ งานของเอนไซมเ์ ปปซิน แอลฟาอมิเลส มอลเทส และซูเครส จะมีบทบาทนอ้ ย ในขณะที่เอนไซมแ์ ลคเตสจะมีบทบาทสูง และคอ่ ย ๆ ลดบทบาทการทาํ งานลง เมื่อสตั วโ์ ตข้ึนเรื่อย ๆ จนโตเตม็ วยั 6. ไส้ตงิ่ (Cecum , Ceca) อยตู่ รงรอยตอ่ ระหวา่ งลาํ ไส้ใหญ่กบั ลาํ ไส้เลก็ สัตวท์ ว่ั ไปจะมีเพยี ง1 อนั ในสัตวท์ ่ีกินหญา้ เป็นอาหารไส้ต่ิงจะมีขนาดใหญแ่ ละช่วยในการหมกั อาหาร ในไก่ไลต้ ิ่งมีลกั ษณะเป็นถุง 2 อนั ยาวประมาณ 6 นิ้ว แยกออกสองขา้ งภายในจะมีของเหลวและอาหารที่ยงั ไมย่ ่ อย หนา้ ที่ที่แทจ้ ริงยงั ไม่ทราบชดั เพราะสามารถตดั ทิ้งไดโ้ ดยไม่ทาํ ใหเ้ กิดผลเสียแก่ร่างกาย การยอ่ ยอาหารในส่วนน้ี

109เกิดข้ึนโดยการหมกั ของจุลินทรีย์ (Fermentation) ทาํ ใหก้ ากอาหารที่ถูกขบั ถ่ายออกมาจากในส่วนน้ีมีกลิ่นเหมน็ 7. ลาไส้ใหญ่ (Large intestine) แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ Colon กบั Rectum อยรู่ ะหวา่ งลาํ ไส้เลก็ กบั ส้วงทวารหนกั มีขนาดใหญ่กวา่ ลาํ ไส้เล็กประมาณ 2 เท่า ในสตั วท์ ่ีกินหญา้ เป็นอาหารลาํ ไส้ใหญ่จะยาวกวา่ สัตวก์ ินเน้ือเพราะในช่วงน้ีจะยงั คงมีการหมกั และดูดซึมอาหารไดอ้ ีกเล็กนอ้ ย ลาํ ไส้ใหญท่ าํหนา้ ท่ีหลกั คือรับกากอาหารจากลาํ ไส้เล็กส่งไปยงั ส้วงทวารหนกั และทาํ หนา้ ท่ีดูดซึมน้าํ กลบั ในไก่มีขนาดใหญ่กวา่ ลาํ ไส้เลก็ ประมาณ 2 เทา่ มีความยาวประมาณ 4-5 นิ้ว ในสัตวเ์ ค้ียวเอ้ือง กแ็ บง่ ออกเป็นสองส่วน ทาํ หนา้ ท่ีดูดซึมน้าํ และใหจ้ ุลินทรียย์ อ่ ยอาหารพวกเยอ่ืใยตอ่ ไป และยงั มีการสงั เคราะห์ไวตามิน จุลินทรียส์ ังเคราะห์ไวตามินบีรวมและไวตามินเค มากนอ้ ยตามระดบั ไวตามินท่ีมีในอาหาร ไวตามินบี 12 จะสงั เคราะห์ไดเ้ มื่อในอาหารมีธาตุ Co อยดู่ ว้ ย เพราะ Coเป็นส่วนประกอบสาํ คญั ของบี 12 8. ส้วงทวารหนัก (Cloaca) เป็นท่อทางเดินอาหารท่ีขยายขนาดข้ึนในไก่ ซ่ึงเป็นทางร่วมระหวา่ งอุจจาระจากลาํ ไส้ใหญ่ ปัสสาวะจากไต ไข่จากทอ่ นาํ ไขแ่ ละน้าํ เช้ือและน้าํ เช้ือจากท่ออสุจิ ส่ิงต่าง ๆเหล่าน้ีจะผา่ นส้วงทวารหนกั ไปสู่ทวารหนกั 9. ทวารหนัก (Anus) ประกอบดว้ ยกลา้ มเน้ือหูรูด เป็นส่วนปลายสุด ของท่อทางเดินอาหาร ทาํหนา้ ที่ปล่อยสิ่งต่าง ๆ ท่ีผา่ นส้วงทวารหนกั ออกไปสู่นอกร่างกาย ในไก่ก่อนถึงทวารหนกั จะเป็นส้วงทวารหนกั (Cloaca) เป็นทอ่ ทางเดินอาหารที่ขยายขนาดข้ึน ซ่ึงเป็นทางร่วมระหวา่ งอุจจาระจากลาํ ไส้ใหญ่ปัสสาวะจากไต ไขจ่ ากท่อนาํ ไข่และน้าํ เช้ือจาก ทอ่ อสุจิ สิ่งตา่ ง ๆ เหล่าน้ีจะผา่ นส้วงทวารหนกั ไปสู่ทวารหนกั อวยั วะประกอบระบบย่อยอาหาร เป็นอวยั วะท่ีมีหนา้ ท่ีช่วยในการยอ่ ยอาหาร โดยท่ีอาหารซ่ึงสตั วก์ ินเขา้ ไปไม่ไดผ้ า่ นอวยั วะเหล่าน้ีโดยตรง ประกอบดว้ ยอวยั วะตา่ ง ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ตบั (Liver) มี 2 ชิ้น ในไก่จะอยขู่ า้ งก๋ึนกบั บ่วงลาํ ไส้เล็ก เป็นที่สร้างน้าํ ดีซ่ึงมีสีเขียว มี ฤทธ์ิเป็นด่าง นอกจากน้ีตบั ยงั มีหนา้ ท่ีกลนั่ กรองอาหารท่ียอ่ ยแลว้ ก่อนผา่ นเขา้ สู่กระแสเลือด เป็นท่ีเก็บglycogen หรือแป้ งในสัตว์ และเป็นท่ีเปลี่ยนสภาพโปรตีนใหเ้ ป็นกรดยรู ิค รวมท้ั งจากส่ิงตา่ ง ๆ อีกเพ่ือใหส้ ะดวกตอ่ การขบั ถ่ายของไต 2. ตับอ่อน (Pancreas) มีลกั ษณะเป็นแผน่ เลก็ เรียวยาว ในไก่อยทู่ ี่บ่วงลาํ ไส้เลก็ ทาํ หนา้ ที่สร้างน้าํ ยอ่ ย Amylase , Trypsin , และ Lipase ส่งไปยงั ลาํ ไส้เลก็ ส่วนตน้ เพ่ือยอ่ ยอาหารพวกแป้ ง โปรตีนและ

110ไขมนั นอกจากน้ีตบั อ่อนยงั สร้างฮอร์โมน Insulin ซ่ึงเป็นฮอร์โมนท่ีช่วยรักษาระดบั ของการใชป้ ระโยชน์จากน้าํ ตาล (Sugar metabolism) 3. ถุงนา้ ดี (Gall bladder) ทาํ หนา้ ที่เก็บน้าํ ดีที่สร้างข้ึนโดยตบั แลว้ ส่งไปช่วยยอ่ ยอาหารในลาํ ไส้เล็กส่วนตน้ โดยทาํ ใหอ้ าหารไขมนั เ กิดการแตกตวั ทาํ ใหก้ ารยอ่ ยอาหารอาหารไขมนั เป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ 4. ม้าม (Spleen) มีลกั ษณะเป็นกอ้ นกลมสีน้าํ ตาลแกมแดง ทาํ หนา้ ท่ีแยกเมด็ เลือดแดงท่ีเสีย เป็นที่เก็บธาตุเหล็กและเมด็ เลือดเสียในตวั ไก่ หนา้ ท่ีท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ระบบยอ่ ยอาหารน้นั ยงั ไม่ทราบแน่ชดั ระบบทางเดิอาหารของสัตว์1. ระบบทางเดินอาหารของสัตว์ปี กภาพที่ 1 แสดงระบบทางเดินอาหารของสตั วป์ ี กทม่ี า : บุญลอ้ ม, 2541.

111 ระบบทางเดินอาหารสตั วป์ ี กประกอบดว้ ยส่วนตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1. จงอยปาก (Beak) ทาํ หนา้ ท่ีรับอาหารเขา้ สู่ปากจะมีรูปร่างลกั ษ ณะหรือขนาดที่แตกต่างกนัออกไปแลว้ แตช่ นิดของสตั วเ์ ช่น ไก่ เป็ด ห่าน 2. หลอดอาหาร (esophagus) ทาํ หนา้ ท่ีเป็นทางผา่ นของอาหารจากปากเขา้ สู่กระเพาะอาหารโดยมีการสร้างน้าํ เมือกมาช่วยหล่อล่ืนเพ่ือใหอ้ าหารผา่ นไปโดยสะดวก 3. กระเพาะพกั (Crop)เป็นส่วนท่ีพฒั นามาจากหลอดอาหาร เป็นที่พกั อาหารไม่มีการสร้างน้าํ ยอ่ ย แตม่ ีน้าํ ยอ่ ยAmylase จากปากทาํ หนา้ ที่ยอ่ ยแป้ งต่อไป 4. กระเพาะอาหาร (Stomach) กระเพาะอาหารสัตวป์ ี กแบง่ เป็น 2 ส่วน ส่วนหนา้ เรียกกระเพาะจริง (proventiculus) มีขนาดเล็กและส้นั ทาํ หนา้ ที่ผลิตน้าํ ยอ่ ย pepsin และHCl Pepsinจะทาํ หน้าท่ียอ่ ยโปรตีน ส่วนHClทาํ หนา้ ที่ปรับสภาพความเป็นกรดด่างของกระเพาะใหอ้ ยใู่ นสภาพที่เป็นกรดอาหารจะผา่ นกระเพาะส่วนน้ีไปอยา่ งรวดเร็วการยอ่ ยจึงเกิดข้ึนเพียงเล็กนอ้ ยเท่าน้นั กระเพาะส่วนหลงั เรียกวา่ ก๋ึน (gizzard)มีลกั ษณะเป็นผนงั หนามีกลา้ มเน้ือแขง็ แรงมีหนา้ ที่บดเค้ียวอาหารแทนฟันทาํ ใหอ้ าหารมีขนาดเลก็ ลงการเสริมกอ้ นกรวดลงในอาหารจะทาํ ให้การบดและการยอ่ ยอาหารมีประสิทธิภาพยง่ิ ข้ึน 5. ลาไส้เลก็ (Small intestine) เป็นทอ่ ทางเดินอาหารท่ีต่อจากก๋ึน เขา้ สู่ลาํ ไส้ใหญแ่ บง่ เป็น 3 ส่วน คือ 1)ส่วนตน้ (Duodenum) มีลกั ษณะโคง้ เป็นรูปบ่วง (loop) เป็นท่ียดึ ตบั อ่อน(pancreas) ตบั อ่อนจะทาํหนา้ ที่ผลิตน้าํ ยอ่ ย (pancreatic juice) ประกอบดว้ ยน้าํ ยอ่ ยที่ยอ่ ยโปรตีน ไขมนั และแป้ ง น้าํ ยอ่ ยจากตบั อ่อนจะผา่ นเขา้ สู่ลาํ ไส้เลก็ เพอ่ื ทาํ หนา้ ท่ียอ่ ยอาหารต่อไป 2)ส่วนกลาง (jejunum) 3)ส่วนปลาย (Ileum) ความยาวของลาํ ไส้เลก็ ในไก่จะยาวประมาณ 1.5 เมตรทาํ หนา้ ท่ีในการยอ่ ยและดูดซึมสารอาหารเขา้สู่ร่างกาย 6.ไส้ตง่ิ (caecum) ในสตั วป์ ี กทว่ั ไปจะมีไส้ติ่ง 2 อนั ส่วนโคนแคบส่วนปลายจะขยายใหญ่เชื่อมกบั บริเวณรอยต่อระหวา่ งลาํ ไส้เลก็ และลาํ ไส้ใหญย่ งั ไมท่ ราบหนา้ ที่ชดั เจนแต่คาดวา่ ในสัตวป์ ี กบางชนิดเช่น ห่าน ไก่งวงอาจมีการหมกั ยอ่ ยอาหารเยอ่ื ใยโดยจุลินทรีย์ ในไส้ต่ิงแตใ่ นไก่จะยอ่ ยเยอื่ ใยไดน้ อ้ ยมาก

112 7. ลาไส้ใหญ่ (Large intestine) อยตู่ อ่ จากลาํ ไส้เล็กไปสิ้นสุดที่ทวารหนกั มีความยาวประมาณ 10 ซม.ทาํ หนา้ ท่ีเป็นท่ีเกบ็ กากอาหารก่อนท่ีจะขบั ถ่ายออกไปและยงั ทาํ หนา้ ที่ดูดซึมน้าํ ออกจากอาหารเขา้ สู่ร่างกายแตใ่ นพวกนกกระจอกเทศจะมีความยาวของลาํ ไส้ใหญม่ ากทาํ ใหส้ ามารถหมกั ยอ่ ยอาหารเยอื่ ใยไดเ้ ป็นกรดไขมนั ระเหยง่ายดูดซึมเขา้ สู่ร่างกายเพื่อนาํ ไปใชเ้ ป็นพลงั งานเช่นเดียวกบั สตั วเ์ ค้ียวเอ้ือง(Cullison, 1982) 8. ทวารร่วม (Cloaca) เป็นส่วนสุดทา้ ยของระ บบทางเดินอาหาร ซ่ึงจะเปิ ดเขา้ สู่ทวารร่วมระหวา่ งระบบการขบั ถ่ายและระบบการสืบพนั ธุ์2. ระบบทางเดินอาหารของสุกรภาพที่ 2 แสดงส่วนประกอบของระบบทางเดินอาหารสุกรท่ีมา: Church and Pond, 1976.

113 ส่วนประกอบของระบบทางเดินอาหารสุกรประกอบไปดว้ ย 1. ปาก (Mouth) ภายในช่องปากประกอบดว้ ย ฟันแท้ 44 ซี่และลิ้น ฟันทาํ หนา้ ที่บดเค้ียวอาหารส่วนลิ้นช่วยในการคลุกเคลา้ อาหารกบั น้าํ ลายซ่ึงสุกรโตจะมีน้าํ ลาย 15 - 20 ลิตร/วนั และมี น้าํ ยอ่ ยAmylase ช่วยในการยอ่ ยแป้ งการเค้ียวอาหารของสุกรจะนานหรือไมข่ ้ึนอยกู่ บั ชนิดของอาหาร สุกรมีประสาทในการรั บรสและกลิ่นของอาหารไดค้ ่อนขา้ งดีดงั น้นั รสชาติและกล่ินของอาหารจึงมีผลกระทบตอ่ การกินอาหารของสุกรมากกวา่ ในสตั วป์ ี ก 2. หลอดอาหาร (Esophagus) มีลกั ษณะเป็นท่อเช่ือมระหวา่ งปากกบั กระเพาะอาหาร มีความยาวประมาณ 1 ฟุต มีต่อมสร้างน้าํ เมือกช่วยในการหล่อลื่นอาหารไปสู่กระเพาะ 3. กระเพาะอาหาร (Stomach) มีลกั ษณะคลา้ ยเมล็ดถวั่ มีความจุประมาณ 8 ลิตร มีสภาพค่อนขา้ งเป็นกรด มี pH ประมาณ 1 – 2ผนงั กระเพาะจะหลง่ั น้าํ ยอ่ ยไดแ้ ก่ Pepsinogen ซ่ึงจะเปลี่ยนไปเป็น Pepsinอยา่ งรวดเร็วและ HCl หรือกรดเกลือซ่ึงท้งั 2 ชนิดจะช่วยในการยอ่ ยโปรตีนใหก้ ลายเป็น Peptideในกระเพาะอาหารของสุกรจะไม่มีการยอ่ ยคาร์โบไฮเดรตและไขมนั เพราะสภาพ pH ไม่เหมาะสมตอ่ การทาํ งานของเอนไซม์ (Maynard and Loosli,1978) ในขณะที่เกิดการยอ่ ยกระเพาะอาหารจะมีการบีบรัดตวั มีลกั ษณะเป็นลูกคล่ืนทาํ ใหอ้ าหารเคล่ือนผา่ นกลา้ มเน้ือหูรูดที่ส่วนปลายของกระเพาะ เขา้ สู่ลาํ ไส้เล็กตอ่ ไป การดูดซึมอาหารในกระเพาะจะเกิดข้ึนไดบ้ า้ งเช่น การดูดซึมกรดไขมนั บางชนิด แอลกอฮอลส์ ่วนโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตจะไม่ดูดซึมในกระเพาะอาหาร 4. ลาไส้เลก็ (Small Intestine) ลาํ ไส้เล็กของสุกรยาวประมาณ 60 ฟุต ประกอบดว้ ย 3 ส่วน คือ 1) Duodenum เป็นส่วนของลาํ ไส้เลก็ ท่ีติดอยกู่ บั ตบั อ่อนมีลกั ษณะโคง้ เป็นบ่วง (loop)เป็นส่วนที่มีการยอ่ ยอาหารโดยน้าํ ยอ่ ยจากผนงั ของลาํ ไส้เลก็ และตบั อ่อน 2) Jejunum เป็นส่วนท่ียาวท่ีสุดทาํ หนา้ ท่ียอ่ ยและดูดซึมอาหาร 3) Ileum เป็นส่วนปลายสุดของลาํ ไส้เลก็ ลาํ ไส้เล็ก ทาํ หนา้ ท่ีสร้างเอนไซมต์ า่ งๆเพ่อื ยอ่ ยอาหารร่วมกบั น้าํ ยอ่ ยจากตบั ออ่ นและตบั มีระดบัpH ประมาณ 8 - 9 และทาํ หนา้ ท่ีดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ เขา้ สู่ร่างกาย 5. ลาไส้ใหญ่ (Large Intestine)

114 มีความยาวประมาณ 4 - 5 เมตร ขดไปมาในช่องทอ้ ง ทาํ หนา้ ที่เกบ็ กากอาหารก่อนท่ีจ ะขบั ถ่ายออกไปทางทวารหนกั มีการดูดซึมน้าํ กลบั เขา้ สู่ร่างกายและการสงั เคราะห์วติ ามิน B-12 จากการทาํ งานของจุลินทรีย์3. ระบบทางเดนิ อาหารของโค โคเป็นสัตวเ์ ค้ียวเอ้ือง(Ruminant)มีระบบทางเดินอาหารที่แตกต่างไปจากพวกสัตวก์ ระเพาะเด่ียวคือเป็นสตั วท์ ี่มี 4 กระเพาะ ประกอบไปดว้ ยส่วนต่างๆดงั น้ีภาพที่ 3 ส่วนประกอบของระบบทางเดินอาหารของโคทมี่ า : Church and Pond, 1976. 1. ปาก (Mouth) ประกอบไปดว้ ยลิ้นและฟัน โคจะมีลิ้นที่ยาวแขง็ แรงพ้ืนผวิ มีลกั ษณะสากใชต้ วดั อาหารเขา้ ปากโคโตเตม็ ท่ีจะมีฟันหนา้ ล่าง 8 ซี่ ฟันบนไม่มีแตม่ ีฟันกรามล่าง 12 ซ่ี กรามบน 12 ซี่ รวมท้งั หมด 32 ซี่ หนา้ ท่ีของปากคือรับอาหารเขา้ สู่ปากและทาํ หนา้ ท่ีบดเค้ียวอาหารใหล้ ะเอียดมีต่อมน้าํ ลายผลิตน้าํ ลายประมาณ 80ลิตร/วนั ช่วยคลุกเคลา้ อาหารใหอ้ อ่ นนุ่มและช่วยในการกลืน ในน้าํ ลายจะไม่มีน้าํ ยอ่ ยใด ๆ แต่จะมีสารพวก

115คาร์บอเนตและฟอสเฟตช่วยในการปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างในกระเพาะรูเมนและยงั มีสารพวกแอมโมเนียอีกดว้ ย 2. หลอดอาหาร (Esophagus) เป็นทางผา่ นของอาหารท่ีจะเขา้ สู่กระเพาะอาหาร และอาหารที่ขยอ้ นกลบั ข้ึนไปเค้ียวเอ้ืองใหม่มีความยาวประมาณ 3-3.5 ฟุต 3. กระเพาะ (Stomach) กระเพาะอาหารของโคจดั เป็นประเภทกระเพาะรวม (Compound stomach) ประกอบไปดว้ ยกระเพาะ 4 ส่วน ไดแ้ ก่ กระเพาะรังผ้งึ กระเพาะผา้ ข้ีริ้ว กระเพาะสามสิบกลีบและกระเพาะจริงภาพท่ี 4 ลกั ษณะและตาํ แหน่งของกระเพาะส่วนต่างๆของโค (Bath et al, 1978 )ทม่ี า : เมธา ,2529 3.1 กระเพาะรังผงึ้ (Reticulumภาพท่ี 5 ลกั ษณะผนงั ของกระเพาะรังผ้งึ และ ทอ่ Esophageal groove ท่ีใชส้ ่งผา่ นน้าํ นมในลูกโคทมี่ า : เมธา , 2529.

116 กระเพาะรังผ้งึ เป็นกระเพาะท่ีรับอาหารต่อจากหลอดอาหาร ผนงั ของกระเพาะมีลกั ษณะเป็นขอบเต้ีย ๆ รูป 4 - 6 เหล่ียมกระจายอยเู่ ตม็ พ้ืนผวิ ของกระเพาะมีหนา้ ท่ีคือรับอาหารเพือ่ ส่งผา่ นเขา้ สู่กระเพาะรูเมนและทาํ หนา้ ที่ควบคุมการขยอ้ นอาหารกลบั ข้ึนไปเค้ียวเอ้ืองใหม่ กระเพาะรังผ้งึ มีความจุประมาณ 5%ของความจุท้งั หมด 3.2 กระเพาะรูเมนหรือผ้าขีร้ ิ้ว (Rumen) กระเพาะรูเมนเป็นกระเพาะที่มีความจุมากท่ีสุดคือประมาณ 8 0 % ของความจุกระเพาะท้งั หมดผนงัของกระเพาะมีลกั ษณะเป็นขนส้นั ๆ คลา้ ยผา้ ขนหนู เรียกวา่ papillae ภายในกระเพาะรูเมนจะมีจุลินทรีย์มากมายประมาณ100 x 106 cell/cc.ที่สาํ คญั ไดแ้ ก่แบคทีเรียและโปรโตรซวั ทาํ หนา้ ท่ีหมกั ยอ่ ยอาหารเยอ่ื ใยใหก้ ลายเป็นกรดไขมนั ระเหยง่ายเพื่อนาํ ไปใชเ้ ป็นแหล่งพลงั งานต่อไปและยงั ทาํ หนา้ ที่สงั เคราะห์จุลินทรีย์โปรตีนอีกดว้ ย ระดบั p H ในรูเมนมีคา่ ประมาณ 6 – 7 3.3 กระเพาะสามสิบกลบี (Omasum)ภาพที่ 6 แสดงลกั ษณะผนงั กระเพาะสามสิบกลีบของโคทม่ี า : เมธา, 2529. กระเพะ สามสิบกลีบเป็นกระเพาะส่วนที่สามอยตู่ อ่ จากกระเพาะรูเมนมีความจุประมาณ 7-8%ของความจุท้งั หมดลกั ษณะเป็นแผน่ บางๆ ซอ้ นกนั เป็นกลีบจาํ นวนมากเพ่ือเพ่ิมพ้นื ผวิ ทาํ หนา้ ท่ีบดขย้อี าหารใหล้ ะเอียดและดูดซึมน้าํ ออกจากอาหาร มี pH 7-7.2

117 3.4 กระเพาะจริง (Abomasum) เป็นกระเพาะส่วนสุดทา้ ยผนงั มีลกั ษณะเป็นหลืบค่อนขา้ งยาวมีความจุ 7-8%ของความจุท้งั หมดทาํ หนา้ ที่ยอ่ ยอาหารพวกโปรตีนโดยน้าํ ยอ่ ยจากผนงั ของกระเพาะอาหาร (gastric juice)เช่นเดียวกบั กระเพาะของสตั วก์ ระเพาะเด่ียว 4. ลาไส้เลก็ (Small Intestine) ลาํ ไส้เล็กของโคเม่ื อโตเตม็ ท่ียาวประมาณ 30 เมตรเศษหรือประมาณ 130 ฟุต มีเส้นผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 3 เซนติเมตรทาํ หนา้ ที่ยอ่ ยอาหารพวกโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมนั ที่ผา่ นมาจากกระเพาะอาหารโดยอาศยั น้าํ ยอ่ ยจากผนงั ของลาํ ไส้เล็กและตบั ออ่ นและการดูดซึมสารอาหารต่างๆเขา้ สู่ร่างกาย ภายในลาํ ไส้เล็กมีคา่ pH ประมาณ 8 – 9(พานิช, 2527) 5. ลาไส้ใหญ่ (Large Intestine) มีขนาดใหญ่เป็นส่วนของ Colon ยาว 35 ฟุต มีเส้นผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ 2 นิ้ว ส่วน Rectumความยาวประมาณ 1 ฟุต เป็นท่ีเก็บกากอาหารก่อนขบั ถ่าย มีการดูดซึมน้าํ และสงั เคราะห์วติ ามินบางชนิดเช่น B-12 โดยจุลินทรีย์การย่อยและการดูดซึมอาหาร การยอ่ ยอาหาร (Digestion) คือ กระบวนการที่อาหารถูกเปล่ียนแปลงในทางเดินอาหารจากสารโมเลกุลใหญ่ใหม้ ีโมเลกลุ ขนาดเลก็ ลง เพอื่ จะไดด้ ูดซึมผา่ นผนงั ลาํ ไส้เขา้ ไปในน้าํ เลือดและน้าํ เหลืองได้การเคล่ือนยา้ ยโภชนะที่มีโมเลกุลขนาดเลก็ ท่ีผา่ นการยอ่ ยแลว้ เขา้ สู่น้าํ เลือดและน้าํ เหลืองเรียกวา่ การดูดซึม(Absorption) การยอ่ ยอาหารจะมีขบวนการตา่ ง ๆ 3 วธิ ี คือ 1. การย่อยโดยกลวธิ ี (Mechanical Digestion) เป็นการทาํ ใหอ้ าหารมีขนาดเลก็ ลงทางกายภาพ เช่นโ ดยการบด เค้ียว การขยอกอาหารออกมาเค้ียว การบีบรัดตวั ของระบบทางเดินอาหาร รวมถึงความร้อนที่ใชใ้ นการแปรรูปอาหาร 2. การย่อยโดยวธิ ีเคมี (Chemical Digestion) เกิดจากการทาํ งานของเอนไซมท์ ี่ผลิตข้ึนในร่างกายสัตว์หรือสารช่วยยอ่ ยท่ีนาํ มาผสมลงในอาหาร รวมถึงปฏิ กิริยาของกรดเกลือในกระเพาะ ปฏิกิริยาไฮโดรไลซิส(Hydrolysis)

118 3. การย่อยโดยจุลนิ ทรีย์ (Microbial Digestion) เกิดจากการกระทาํ ของจุลินทรียท์ ี่อาศยั อยใู่ นกระเพาะรูเมนหรือท่ีลาํ ไส้ใหญ่ ช่วยหมกั ยอ่ ยอาหารจาํ พวกสารเยอ่ื ใย กลายเป็นกรดไขมนั ท่ีระเหิดได้ สามารถถู กดูดซึมเขา้ สู่ร่างกายเพื่อนาํ ไปใชป้ ระโยชน์ขบวนการย่อยอาหารในสัตว์ปี ก การย่อยอาหารในปากและกระเพาะพกั เมื่ออาหารผา่ นเขา้ สู่ปากกจ็ ะเคลื่อนผา่ นเขา้ สู่หลอดอาหารอยา่ งรวดเร็วโดยไมม่ ีการบดเค้ียวการยอ่ ยโดยน้าํ ยอ่ ย Amylase ซ่ึงยอ่ ยแป้ งกจ็ ะไมเ่ กิดข้ึนจากน้นั อาหารจะเขา้ สู่กระเพาะพกั และหยดุ ท่ีจุดน้ีหลายนาทีเพือ่ ใหอ้ าหารคลุกเคลา้ กบั น้าํ ลายและน้าํ ใหอ้ ่อนตวั ลง การยอ่ ยแป้ งโดยน้าํ ยอ่ ย Amylaseในน้าํ ลายจะเกิดข้ึนไดบ้ า้ งเลก็ นอ้ ย(กรมอาชีวศึกษา, 2527) การย่อยในกระเพาะจริง ในกระเพาะจริงของสตั วป์ ี กจะมีการสร้างน้าํ ยอ่ ย Pepsinและ HCl สาํ หรับยอ่ ยโปรตีนเช่นเดียวกบัสัตวท์ ว่ั ไปแตก่ ารยอ่ ยจะเกิดข้ึนไดน้ อ้ ยมากเพราะสรีระของกระเพาะจริง (Proventiculus)ของสัตวป์ ี กมีขนาดเล็กและส้ันมากทาํ ใหอ้ าหารผา่ นกระเพาะไปอยา่ งรวดเร็ว การย่อยในกระเพาะบด การยอ่ ยในกระเพาะบดของสตั วป์ ี ก (gizzard)จะเป็นการยอ่ ยโดยวธิ ีกลโดยอ าศยั การบีบรัดตวั ของกลา้ มเน้ือของกระเพาะที่มีความแขง็ แรงมากโดยอาจมีกอ้ นกรวดหรือเปลือกหอยช่วยในการบดอาหารใหม้ ีขนาดเล็กละเอียดมีความเหมาะสมตอ่ สภาพการยอ่ ยในส่วนต่อไป การยอ่ ยโดยวธิ ีทางเคมีหรือน้าํ ยอ่ ยใดๆจะไมเ่ กิดข้ึนในกระเพาะส่วนน้ี การย่อยและการดูดซึมในลาไส้ เลก็ การยอ่ ยในลาํ ไส้เลก็ จะเป็นการยอ่ ยโดยวธิ ีทางเคมีโดยอาศยั น้าํ ยอ่ ยจากหลายแหล่งคือจากผนงั ของลาํ ไส้ ตบั และตบั อ่อนตลอดจนสารช่วยยอ่ ยเช่นน้าํ ดีจากถุงน้าํ ดีอีกดว้ ยเพ่ือทาํ ใหอ้ าหารมีขนาดโมเลกลุ ท่ีเล็กที่สุดท่ีจะสามารถดูดซึมเขา้ สู่ร่างกายไดพ้ อสรุปไดด้ งั น้ี 1. การย่อยโดยนา้ ย่อยจากผนังลาไส้เลก็ น้าํ ยอ่ ยท่ีสร้างจากผนงั ลาํ ไส้เล็กมีหลายชนิดที่สาํ คญั ไดแ้ ก่ - น้าํ ยอ่ ยท่ียอ่ ยน้าํ ตาล คือ Sucrase, Maltase, Lactase จะทาํ หนา้ ที่ในการยอ่ ยน้าํ ตาลที่มี 2 โมเลกุลใหก้ ลายเป็นน้าํ ตาลท่ีมี 1 โมเลกุล ดงั น้ี

119 Sucrose glucose + fructose Sucrase Maltose glucose + glucose Maltase Lactose galactose + glucose Lactase- น้าํ ยอ่ ยท่ียอ่ ยโปรตีนไดแ้ ก่Aminopeptidase และ Dipeptidase โดยน้าํ ยอ่ ย Aminopeptidase จะยอ่ ยPolypeptide ใหเ้ ป็นPeptide และแยกกรดอะมิโนส่วนปลายออกจาก Peptide ส่วน Dipeptidase จะทาํ หนา้ ท่ียอ่ ย Dipeptide ใหก้ ลายเป็นกรดอะมิโนอิสระ2. การย่อยโดยนา้ ย่อยจากตับอ่อนในลาไส้เลก็ตบั อ่อนจะทาํ หนา้ ท่ีผลิตน้าํ ยอ่ ยที่จะยอ่ ยแป้ งไขมนั และโปรตีนหลายชนิดมาช่วยยอ่ ยอาหารในลาํ ไส้เล็กดงั น้ี1) น้าํ ยอ่ ยไขมนั (Lipase) จะทาํ หนา้ ท่ียอ่ ยไขมนั โดยมีน้าํ ดีจากถุงน้าํ ดี ช่วยในการยอ่ ย ได้กลีเซอรอลและกรดไขมนั2) น้าํ ยอ่ ยแป้ ง (Amylase) จะทาํ หนา้ ท่ียอ่ ยแป้ งใหก้ ลายเป็นน้าํ ตาลมอลโตส (Moltose)3). น้าํ ยอ่ ยโปรตีน มีหลายชนิดจะทาํ หนา้ ท่ียอ่ ยโปรตีนใหม้ ีโมเลกลุ ที่เล็กลง ดงั น้ีTrypsin ทาํ หนา้ ท่ียอ่ ย Polypeptide ใหเ้ ป็น PeptideChymotrypsin ทาํ หนา้ ที่ยอ่ ย Polypeptide ใหเ้ ป็น PeptideCarboxypeptidase ทาํ การยอ่ ย Polypeptide ใหก้ ลายเป็น Peptide ส้นั ๆ พร้อมกบั กรดอะมิโน3. การย่อยในไส้ติง่ไส้ติ่ง(Caecum)โดยทว่ั ไปมกั เขา้ ใจวา่ ไมไ่ ดท้ าํ หนา้ ที่อะไรแตจ่ ากการที่มีสตั วป์ ี กหลายชนิด เช่นนกกระจอกเทศ ห่าน ไก่งวงสามารถใชอ้ าหารหยาบที่มีเยอื่ ใยสูงไดเ้ ป็นอยา่ งดีทาํ ใหเ้ กิดคาํ ถามวา่ สัตว์เหล่าน้นั สามารถยอ่ ยอาหารเยอ่ื ใยไดอ้ ยา่ งไรเพราะในระบบทางเดินอาหารของสัตวป์ ี กโดยทวั่ ไปจะไม่สามารถสร้างน้าํ ยอ่ ยที่ใชย้ อ่ ยเยอื่ ใยไดเ้ ลย แตค่ วามจริงอาหารเยอื่ ใยเหล่ าน้นั มีการหมกั ยอ่ ยโดยการทาํ งานของจุลินทรียท์ ี่อยใู่ นไส้ติ่งเช่นเดียวกบั การยอ่ ยของจุลินทรียใ์ นรูเมนหรือการยอ่ ยเยอื่ ใยในไส้ติ่งของพวกกระตา่ ยซ่ึงเป็นสตั วก์ ระเพาะเด่ียวเช่นกนั โดยเฉพาะนกกระจอกเทศจะมีความยาวของไส้ต่ิงประมาณ90 เซนติเมตร

120 4. การย่อยในลาไส้ใหญ่ ในไก่หรือเป็ดจะมีการยอ่ ยเยอื่ ใยในส่วนของลาํ ไส้ใหญ่นอ้ ยมากแต่ในสัตวป์ ี กบางชนิดเช่นนกกระจอกเทศจะมีความยาวของลาํ ไส้ส่วนน้ีกวา่ 16 เมตรจึงมีการยอ่ ยเยอ่ื ใยโดยจุลินทรียเ์ ช่นเดียวกบั ท่ีเกิดในกระเพาะรูเมนของสัตวเ์ ค้ียวเอ้ือง ดงั น้นั นกกระจอกเทศจึงสามารถกินอาหารประเภทเยอ่ื ใยไดเ้ ป็นอยา่ งดีขบวนการย่อยอาหารและดูดซึมอาหารในสุกร 1. การย่อยอาหารในปากสุกร การยอ่ ยอาหารในปากจะมีการยอ่ ยท้งั โดยวธิ ีกลและวธิ ีทางเคมีโดยสุกรจะบดเค้ียวอาหารใหม้ ีขนาดเล็กลงระยะเวลาในการเค้ียวจะข้ึนอยกู่ บั ขนาดของอาหารหรือลกั ษณะของอาหา รเช่นถา้ อาหารมีเยอ่ื ใยมากสุกรก็จะเค้ียวนานในขณะที่เค้ียวอาหารจะถูกคลุกเคลา้ กบั น้าํ ลายในปากซ่ึงมีน้าํ ยอ่ ย Amylaseทาํ ใหม้ ีการยอ่ ยแป้ งไดบ้ า้ งเลก็ นอ้ ยก่อนท่ีอาหารจะผา่ นเขา้ สู่หลอดอาหารและกระเพาะอาหารตอ่ ไป(พานิช, 2527) 2. การย่อยในกระเพาะอาหารสุกร ในกระเพาะอาหารจะ มีการยอ่ ยอาหารโดยวธิ ีทางเคมี โดยโปรตีนจะถูกยอ่ ยโดยน้าํ ยอ่ ย Pepsinและ HCl ซ่ึงหลงั จากผนงั ของกระเพาะทาํ การยอ่ ยโครงสร้างของโปรตีนใหม้ ีขนาดโมเลกุลที่เล็กลงกลายเป็นPeptide ส้ันๆส่วนน้าํ ยอ่ ย Amylase ไมส่ ามารถทาํ งานไดใ้ นสภาพที่ค่อนขา้ งเป็นกรดของกระเพาะหลงั จากน้นั อาหารจะผา่ นจากระเพาะเขา้ สู่ลาํ ไส้เล็กต่อไป 3. การย่อยและการดูดซึมอาหารในลาไส้เลก็ ของสุกร ขบวนการยอ่ ยเป็นการยอ่ ยโดยวธิ ีทางเคมีโดยอาศยั น้าํ ยอ่ ยต่างๆเช่นเดียวกบั การยอ่ ยในลาํ ไส้เล็กของสัตวป์ ี กดงั ไดก้ ล่าวมาแลว้ เพียงแต่ประสิทธิภาพของการยอ่ ยและการดูดซึมของสุกรจ ะสูงกวา่ ในสตั ว์ปี กเพราะระบบทางเดินอาหารของสุกรส่วนน้ีจะมีความยาวมากกวา่ ในสตั วป์ ี กมากทาํ ใหอ้ าหารมีเวลาที่จะถูกน้าํ ยอ่ ยตา่ งๆทาํ การยอ่ ยอยา่ งมีประสิทธิภาพ ในกรณีท่ีตบั อ่อนของสตั วพ์ กิ ารดว้ ยสาเหตุใดกต็ ามจะมีผลทาํ ใหไ้ ม่สามารถผลิตน้าํ ยอ่ ยท่ียอ่ ยโปรตีนไขมนั และแป้ งไดท้ าํ ใ หส้ ัตวไ์ มส่ ามารถยอ่ ยโภชนะเหล่าน้นั ได้(วนิ ยั , 2529) นอกจากน้ีสาร Trypsin Inhibitor ซ่ึงมกั พบในกากถว่ั เหลืองดิบจะยบั ย้งั การทาํ งานของน้าํ ยอ่ ยTrypsin ทาํ ใหส้ ตั วไ์ มส่ ามารถใชป้ ระโยชนจ์ ากโปรตีนได้ เป็นผลใหส้ ัตวแ์ สดงอาการขาดโปรตีนไดแ้ ละมกั จะเกิดข้ึนไดเ้ สมอจึงตอ้ งระมั ดระวงั โดยการตรวจสอบความสุกดิบของกากถวั่ เหลืองก่อนนาํ มาใช้ ส่วนการดูดซึมสารอาหารต่างๆ จะเกิดข้ึนเช่นเดียวกบั ในสตั วป์ ี กดงั ไดก้ ล่าวมาแลว้

121 4. การย่อยในลาไส้ใหญ่สุกร ในลาํ ไส้ใหญข่ องสุกรจะไม่มีการยอ่ ยของน้าํ ยอ่ ยใดๆจากระบบทางเดินอาหารแตจ่ ะมีการหมกั ยอ่ ยอาหารพวกเยื่อใยโดยจุลินทรีย์ เช่นการหมกั ยอ่ ยพวก Oligosaccharide ต่างๆไดเ้ ป็นกรดไขมนั ระเหยง่าย ท่ีสามารถดูดซึมไปใชป้ ระโยชน์ในร่างกายได้ นอกจากน้นั จะเป็นที่เก็บกากอาหารต่าง ๆ ที่ไมถ่ ูกยอ่ ยและรอการขบั ถ่ายออกไปจากร่างกายแต่จะมีการดูดซึมน้าํ กลบั เขา้ สู่ร่างกายไดแ้ ละยงั มีการสั งเคราะห์วติ ามินบี 12โดยการทาํ งานของจุลินทรีย์ขบวนการย่อยและดูดซึมอาหารในสัตว์เคยี้ วเออื้ ง 1. การย่อยในปาก ในโค กระบือ แพะ แกะ การยอ่ ยในปากจะเป็นการยอ่ ยโดยวธิ ีกลโดยอาศยั การบดเค้ียวของฟันกรามที่แขง็ แรงโดยอาศยั ขบวนการเค้ียวเอ้ืองคือการขยอ้ นอาหารกลบั ข้ึนมาเค้ี ยวเอ้ืองใหมเ่ พื่อใหอ้ าหารมีขนาดเล็กละเอียดเหมาะแก่การหมกั ยอ่ ยของจุลินทรียใ์ นกระเพาะหมกั ตอ่ ไปส่วนการยอ่ ยโดยทางเคมีหรือน้าํ ยอ่ ยจะไม่เกิดข้ึนเพราะน้าํ ลายของสัตวเ์ ค้ียวเอ้ืองจะไม่มีน้าํ ยอ่ ยใดๆแมแ้ ต่น้าํ ยอ่ ย Amylaseเหมือนในสุกรแตจ่ ะมีสารแอมโมเนียปะปนมากบั น้าํ ลาย ในขณะท่ีมีการเค้ียวเอ้ืองอาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารหยาบ __หรืออาหารที่มีเยอ่ื ใยสูงจะถูกคลุกเคลา้ กบั น้าํ ลายซ่ึงมีปริมาณมากประมาณ 80 -100 ลิตร/วนั ในน้าํ ลายจะประกอบไปดว้ ยสารพวก Bicarbonate ซ่ึงจะช่วยปรับสภาพของกระเพาะรูเมนใหม้ ีสภาพเป็นด่าง ซ่ึงเหมาะแก่การทาํ งานของจุลินทรียใ์ นรูเมน(ปฐม, 2529) 2. การย่อยในกระเพาะหมัก การยอ่ ยในกระเพาะหมกั จะเกิดข้ึนโดยการทาํ งานของจุลินทรียใ์ นรูเมนไดแ้ ก่ แบคทีเรียและโปรโตซวั ซ่ึงมีปริมาณมหาศาลประมาณ 1,000x106เซล/ซี.ซี.โดยจุลินทรียเ์ หล่าน้ีจะสร้างน้าํ ยอ่ ย Cellulase,Hemicellulase ออกมาหมกั ยอ่ ยอาหารเยอื่ ใยใหก้ ลายเป็นกรดไขมนั ระเหยง่าย (Volatile fatty acid) ประกอบไปดว้ ย Acetic acid, Propionic acid และ Butyric acid ซ่ึงกรดไขมนั ระเหยง่ายเหล่าน้ีจะดูดซึมผา่ นผนงั ของรูเมนเขา้ สู่กระแสเลือดก่อนที่จะถูกส่งไปที่ตบั ก่อนที่จะถูกเปล่ียนไป เป็นน้าํ ตาลกลูโคส โดยขบวนการgluconeogenesis โดย propionic acid จะถูกสังเคราะห์เป็นกลูโคสท่ีตบั Acetic acid จะถูกสงั เคราะห์เป็นไขมนั ในน้าํ นมหรือ Butter fatและKetone bodies แต่ไม่สามารถสงั เคราะห์เป็นกลูโคสได้ ส่วนButyric acidอาจถูกสังเคราะห์เป็นกลูโคสไดร้ วมท้ั ง Ketone bodiesดว้ ย กลูโคสที่ไดจ้ ากขบวนการสังเคราะห์จะถูกนาํ ไปใชเ้ ป็นแหล่งพลงั งานในร่างกายตอ่ ไป โดยพลงั งานอีกส่วนหน่ึงจะไดจ้ ากการยอ่ ยคาร์โบไฮเดรต

122โปรตีน ไขมนั ในลาํ ไส้เลก็ เช่นเดียวกบั สตั วก์ ระเพาะเด่ียวส่วนอาหารพวกโปรตีนจะถูกยอ่ ยสลายโดยจุลินทรียก์ ลายเป็น Peptide, Amino acid และแอมโมเนีย (NH3) ส่วนหน่ึงของแอมโมเนียจะมีการสูญเสียโดยการดูดซึมผา่ นผนงั รูเมนและเขา้ สู่ขบวนการกาํ จดั ออกไปจากร่างกายในรูปของยเู รียในปัสสาวะแต่แอมโมเนียส่วนหน่ึงจะถูกนาํ ไปสังเคราะห์เป็นจุลินทรียโ์ ปรตีน (Microbial Protein)ซ่ึงนาํ ไปใชเ้ ป็นแหล่งโปรตีนท่ีสาํ คญั ของร่างกายตอ่ ไป เมธา (2529)กล่าววา่ ในการสงั เคราะห์จุลินทรียโ์ ปรตีนจะตอ้ งอาศยัวตั ถุดิบไดแ้ ก่ 1)จะตอ้ งมีแหล่งไนโตรเจนซ่ึงอาจมาจากโปรตีนหรือสารประกอบไนโตรเจนท่ีไม่ใช่โปรตีน(NPN) ก็ได้ 2) แหล่งของคาร์บอน (Carbon chain) ไดจ้ ากโครงสร้างของเยอื่ ใยตา่ ง ๆ 3) แหล่งของคาร์โบไฮเดรตเดรทท่ียอ่ ยง่าย เช่น แป้ ง น้าํ ตาล เพอ่ื เป็นแหล่งพลงั งานของจุลินทรีย์ ดงั น้นั ถา้ โคกระบือไดร้ ับอาหารหยาบหรืออาหารเยอ่ื ใยเพยี งพอคือควรไดร้ ับอยา่ งนอ้ ยประมาณ1 ใน 3 ของปริมาณอาหารท่ีไดร้ ับต่อวนั หรือถา้ คิดเป็น NDF ควรไดร้ ับอยา่ งนอ้ ย 28 - 30% หรือ ADF(Acid detergent fiber) อยา่ งนอ้ ย 21% ในอาหาร (จิระชยั , 2541) ขนาดของเยอื่ ใย (Particle Size) กม็ ีผลต่อการหมกั ยอ่ ยและการทาํ งานของจุลินทรีย์ เยอื่ ใยควรมีความยาวอยา่ งนอ้ ยประมาณ 11/2 นิ้ว ถา้ นอ้ ยกวา่ น้ีจะทาํ ใหก้ ารเค้ียวเอ้ืองของสั ตวล์ ดลงมีผลทาํ ใหก้ ารหลง่ั น้าํ ลายของโคกระบือลดลง มีผลทาํ ใหก้ ระเพาะรูเม นเกิดสภาพเป็นกรดไดง้ ่ายและก่อใหเ้ กิดสภาพที่เรียกวา่ Acidosis ซ่ึงสงั เกตไดจ้ ากปริมาณไขมนั นมจะลดลงอยา่ งรวดเร็วและอาจทาํ ใหส้ ตั วถ์ ึงตายได้ (เมธา, 2529)ภาพที่ 7 แสดงการยอ่ ยสลายโปรตีน สารประกอบไนโตรเจนที่ไมใ่ ช่โปรตีนและการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของสัตวเ์ ค้ียวเอ้ือง

123ทม่ี า : บุญลอ้ ม, 2541. สารประกอบไนโตรเจนท่ีไมใ่ ช่โปรตีน (NPN) จะตอ้ งใชใ้ นระดบั ที่เหมาะสม เช่น ยเู รียจะใชไ้ ดไ้ ม่เกิน 3% ในสูตรอาหารแต่ในอาหารบางสูตรเช่น ในโคนมอาจใชไ้ ดเ้ พียง 1 –2 % เทา่ น้นั ท้งั น้ีจะตอ้ งมีความสัมพนั ธ์กบั ปัจจยั อยา่ งอ่ืนๆ ดว้ ยเช่นปริมาณของแป้ งและน้าํ ตาลที่ไดร้ ับถา้ มีเพียงพอก็จะใช้ NPN ได้มากข้ึนแต่ไมเ่ กิน 3 % (เทอดชยั , 2532) ชนิดของแป้ งก็มีผลต่อการนาํ ไปใช้ แป้ งจากมนั สาํ ปะหลงั จุลินทรีย์จะใชป้ ระโยชน์ไดเ้ ร็วกวา่ แป้ งจากข้ าวโพดหรือปลายขา้ วจึงเหมาะท่ีจะใชร้ ่วมกบั การใช้ NPNและการใช้NPN ในระดบั ท่ีสูงเกินไปจะทาํ ใหม้ ีการปลดปล่อยแอมโมเนียออกมามากอยา่ งรวดเร็วจนจุลินทรียใ์ ชไ้ ม่ทนั กจ็ ะดูดซึมเขา้ สู่กระแสเลือด ก่อใหเ้ กิดการเป็นพษิ ของแอมโมเนีย (Ammonia toxicity) เกิดข้ึนทาํ ใหส้ ตั ว์ถึงตายไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว จิระชยั (2541) ยงั ไดแ้ นะนาํ วา่ การใหอ้ าหารขน้ (Concentrate) แก่โคกระบือในระดบัท่ีสูงเกินไปจะเป็นอนั ตรายต่อสัตวเ์ พราะจะทาํ ใหก้ ระเพาะเกิดสภาพเป็นกรดไดง้ ่ายเน่ืองจากการหลง่ั น้าํ ลายลดลงและจุลินทรียท์ ี่ใชป้ ระโยชนจ์ ากแป้ งจะยอ่ ยสลายแป้ งใหก้ ลายเป็นก รดLactic acidในปริมาณสูงทาํ ให้เกิดสภาพ Acidosis ได้ คา่ pHในรูเมนปกติมีคา่ 6-7 จะลดลงต่าํ กวา่ 5.5ซ่ึงอาจทาํ ใหส้ ตั วต์ ายไดแ้ ต่ถา้ กรดแลคติคเกิดข้ึนในปริมาณไมม่ ากจะค่อยๆถูกเปลี่ยนไปเป็นPropionic acid ไดด้ งั น้นั ในโคนมท่ีใหน้ ้าํ นมสูงและมีการใชอ้ าหารขน้ ในระดบั สูงจึงควรแบง่ การใหอ้ าหารออกเป็นหลายเวลา/วนั เช่นโคที่ใหน้ ม30-40 กก./วนัควรใหอ้ าหารขน้ วนั ละ 4 - 5 เวลาและปริมาณอาหารขน้ สูงสุดไมค่ วรเกิน 6 กก./เวลา ดงั น้นั การให้อาหาแก่โค กระบือจาํ เป็นตอ้ งใหโ้ ค กระบือไดร้ ับโภชนะต่างๆอยา่ งเพียงพอโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ จะตอ้ งไดร้ ับอาหยาบที่เพยี งพอมีปริมาณของโปรตีนหรือ NPN ที่พอเหมาะและมีอาหารพวกแป้ งและน้าํ ตาลในระดบั ที่เหมาะสมก็จะทาํ ใหข้ บวนการหมกั ยอ่ ยและการสังเคราะห์จุลินทรียโ์ ปรตีนในกระเพาะรูเมนเกิดข้ึนอยา่ งมีประสิทธิภาพ 3. การย่อยในกระเพาะจริงของสัตว์เคยี้ วเออื้ ง กระเพาะจริง(Abomasum)เป็นกระเพาะที่อยถู่ ดั จากกระเพาะรังผ้งึ ซ่ึงไมไ่ ดท้ าํ หนา้ ที่ในการยอ่ ยใด ๆนอกจากการดูดน้าํ ออกจากอาหารเท่าน้นั ส่วนกระเพาะจริงจะทาํ หนา้ ที่เช่นเดียวกบั กระเพาะจริงของสตั ว์กระเพาะเด่ียว โดยจะมีหนา้ ท่ียอ่ ยโปรตีนใหม้ ีขนาดส้ันลง รวมท้งั ยอ่ ยจุลินทรียโ์ ปรตีนดว้ ย 4. การย่อยและการดูดซึมในลาไส้เลก็ ของสัตว์เคีย้ วเออื้ ง ขบวนการยอ่ ยและการดูดซึมจะเกิดข้ึนเช่นเดียวกบั ในสตั วก์ ระเพาะเดี่ยวดงั ไดก้ ล่าวมาแลว้ จะแตกตา่ งกเ็ พียงลาํ ไส้เล็กของสัตวเ์ ค้ียวเอ้ืองมีขนาดและความยาวมากกวา่ ทาํ ใหม้ ีประสิทธิภาพในการยอ่ ยและการดูดซึมสูงกวา่ แม้ วา่ สตั วเ์ ค้ียวเอ้ืองจะใชป้ ระโยชนจ์ ากเยอื่ ใยไดแ้ ตก่ ็ไมส่ ามารถยอ่ ยไดใ้ นลาํ ไส้เล็กแต่อยา่ งใด

124 5. การย่อยในลาไส้ใหญ่ การยอ่ ยในลาํ ไส้ใหญอ่ าจมีการหมกั ยอ่ ยเยอื่ ใยโดยจุลินทรียไ์ ดบ้ า้ งส่วนใหญจ่ ะเป็นการดูดซึมน้าํกลบั เขา้ สู่ระบบในร่างกายเอนไซม์ทสี่ าคญั ทเี่ กี่ยวข้องกบั การย่อยอาหารในร่างกายสัตว์ปากมีเอนไซม์ แอมิเลส หรือ Ptyalin ยอ่ ยแป้ ง ได้ น้าํ ตาลมอลโตส และ Dextrinกระเพาะอาหารเอนไซม์ เรนนิน (Rennin) ทาํ ใหน้ ้าํ นมตกตะกอนเอนไซม์ ไลเพส ยอ่ ยไขมนั ไดบ้ างส่วนเนื่องมาจากสภาพความเป็นกรดสูงในกระเพาะขดั ขวางการทาํ งาน ได้ กรดไขมนั และ ไกลซีรอลเอนไซม์ เป็ปซิน ยอ่ ยโปรตีน ได้ เป็ปไตท์ (Peptide)กรดเกลือ (HCl) กระตุน้ การทาํ งานของ เป็ปซิน และ เรนนิน ทาํ ใหแ้ ร่ธาตุแตกตวั เป็นอิออนลาไส้ เลก็เอนไซม์ Enterokinase กระตุน้ การทาํ งานของเอนไซม์ ทริปซิน จากตบั ออ่ นเอนไซม์ Carboxypeptidase ยอ่ ย เป็ปไตท์ ได้ เป็ปไตทข์ นาดเล็ก กรดอะมิโนเอนไซม์ Aminopeptidase ยอ่ ย เป็ปไตท์ ได้ เป็ปไตท์ กรดอะมิโนเอนไซม์ Dipeptidase ยอ่ ย ไดเป็ปไตท์ ได้ กรดอะมิโนเอนไซม์ มอลเทส (Maltase) ยอ่ ย มอลโทส ได้ กลูโคสเอนไซม์ แลกเทส (Lactase) ยอ่ ย แลกโทส ได้ กลูโคส กาแลกโทสเอนไซม์ ซูเครส (Sucrase) ยอ่ ย ซูโครส ได้ กลูโคส ฟรุกโทสตับน้าํ ดี กระจายอนุภาคไขมนั ใหเ้ ล็กลงตบั อ่อนเอนไซม์ ทริปซิน ยอ่ ย โปรตีน ได้ โพลีเป็ปไตท์ ไดเป็ปไตท์เอนไซม์ Chymotrypsin ยอ่ ย เป็ปไตท์ ได้ เป็ปไตท์เอนไซม์ Carboxypeptidase ยอ่ ย เป็ปไตท์ ได้ เป็ปไตท์ กรดอะมิโนเอนไซม์ ไลเพส ยอ่ ย ไขมนั ได้ กรดไขมนั ไกลซีรอล

125เอนไซม์ แอมิเลส ยอ่ ย แป้ ง ได้ มอลโทสหมายเหตุ เอนไซม์ ทริปซิน ที่หลงั่ จากตบั อ่อน คร้ังแรกจะอยใู่ นรูปของ Trypsinogen ลาํ ไส้เลก็ จะหลง่ัเอนไซม์ Enterokinase เปลี่ยนสารดงั กล่าวใหเ้ ป็น ทริปซินเอนไซม์ Chymotrypsin ท่ีหลง่ั ออกมาคร้ังแรกอยใู่ นรูปของสาร ’ Chymotrypsinogen เอนไซม์ทริปซินทาํ หนา้ ที่กระตุน้ ใหส้ ารดงั กล่าวกลายเป็น Chymotrypsinชื่อ แหล่งที่สร้าง ทาํ หนา้ ท่ียอ่ ย บริเวณที่ทาํ งานSalivary amylasePepsin ตอ่ มน้าํ ลาย แป้ ง ปากRenninPancreatic amylase กระเพาะอาหาร โปรตีน,เปปซิโนเจน กระเพาะอาหารLipasePepsin กระเพาะอาหาร ช่วยส่งเสริมการยอ่ ยนม กระเพาะอาหารChymotrypsinCarboxypeptidase ตบั อ่อน แป้ ง ลาํ ไส้เล็กส่วนตน้DeoxyribonucleaseAminopeptidase ’’ ไขมนั ”MaltaseLactase ” พอลี่เพปไทด์,ไคโมทริปซิโนเจน(Prot.) ”SucraseEnterokinase ” พอลี่เพปไทด์ (Prot.) ”Phosphatase ” พอล่ีเพปไทด์ (Prot.) ” ” ดี เอน็ เอ (Prot.) ” ลาํ ไส้เลก็ ไดเพปไทด์ (Prot.) ” ” มอลโทส ” ” แลคโทส ” ” ซูโครส ” ” ทริปซิโนเจน(ในโปรตีน) ” ” นิวคลีโอไทด์(ในน้าํ ตาล) ”

126การย่อยโดยจุลนิ ทรีย์ เกิดข้ึนภายในกระเพาะรูเมนของสตั วเ์ ค้ียวเอ้ือง และไส้ติ่ งลาํ ไส้ใหญ่ของชา้ ง มา้ กระตา่ ย จุลินทรีย์เหล่าน้ีจดั เป็นจาํ พวกท่ีไมอ่ าศยั ออกซิเจนในการดาํ รงชีพ (Anerobic Micro-organism) ประกอบดว้ ยแบคทีเรีย โปรโตซวั ยสี ตห์ ลายชนิด และจาํ พวกราอีกเล็กนอ้ ย พบวา่ ในของเหลวจากรูเมน 1 มิลิลิตรประกอบดว้ ยแบคทีเรีย 109 ถึง 1010 เซลล์ โปรโตซวั 106 เซลล์ จุลินทรียเ์ หล่าน้ีผลิตเอนไซมย์ อ่ ยสลายเซลลูโลสในอาหารหยาบไดก้ รดไขมนั รวมถึงสารตา่ ง ๆ เช่น 1. กลนั่ สร้างเอนไซม์ เซลลูเลส (Cellulase) ยอ่ ยเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส ไดน้ ้าํ ตาล เซลโลไบโอส(Cellobiose) และกลูโคส จากน้นั จึงเปลี่ยนน้าํ ตาลใหก้ ลายเป็นกรดไขมนั ที่ระเหิดได้ (VFA) เช่น แอซิติกแอซิด (Acetic Acid) โพรพโิ อนิกแอซิด (Propionic Acid) บิวทิริกแอซิด (Butyric Acid) รวมถึงแก๊สเช่นคาร์บอนมอนนอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน แกส๊ ไข่เน่า (H2S) 2. ยอ่ ยสลายอาหารโปรตีน และ NPN (Non Protein Nitrogen) ได้ กรดไขมนั ที่ระเหิดได้ และแก๊สแอมโมเนีย (NH3) จุลินทรียต์ รึงแกส๊ แอมโมเนียมาสังเคราะห์ข้ึนเป็นกรดอะมิโนต่าง ๆ และโปรตีน ร่างกายของสัตวส์ ามารถนาํ ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดต้ ่อไป 3. สังเคราะห์สารประกอบตา่ ง ๆ ที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ ตอ่ สั ตว์ เช่น วติ ามิน บี -รวม โดยเฉพาะวติ ามิน บี-12 วติ ามิน เค ซี 4. อาหารจาํ พวกไขมนั ที่สัตวก์ ินเขา้ ไปจะไมถ่ ูกเปลี่ยนแปลงในรูเมน ไขมนั ระดบั สูงในอาหารจะขดั ขวางการทาํ งานและการเจริญพฒั นาของจุลินทรีย์ปัจจัยทมี่ ีอทิ ธิพลต่อการย่อยได้ของอาหารสัตว์ 1. องคป์ ระกอบที่มีอยใู่ นอาหารสัตว์ เช่น อาหารที่มี ลิกนิน สูงการยอ่ ยไดข้ องอาหารลดลง 2. การเตรียมอาหาร เช่น การสบั บด หรือทาํ ใหส้ ุกทาํ ใหก้ ารยอ่ ยไดเ้ พ่มิ ข้ึน 3. ปริมาณอาหารที่สัตวก์ ิน เม่ือสตั วก์ ินอาหารเพม่ิ ข้ึน เปอร์เซ็นตก์ ารยอ่ ยไดล้ ดลง 4. ระดบั การใหผ้ ลผลิต สตั วท์ ่ีใหผ้ ลผลิตสูงการยอ่ ยอาหารไดส้ ูง 5. สารยบั ย้งั การทาํ งานของเอนไซมท์ ่ีสตั วไ์ ดร้ ับหรือมีอยใู่ นอาหารตามธรรมชาติ ยาซลั โฟนาไมด์ อิออนของโลหะหนกั เช่น ทองแดง ตะกวั่ 6. สดั ส่วนของอาหารขน้ ต่ออาหารหยาบ สัตวเ์ ค้ีย วเอ้ืองหากไดร้ ับอาหารขน้ มากไป การยอ่ ยไดข้ องอาหารหยาบจะลดลง เกิดโรคทอ้ งอืด (Bloat) ไดง้ ่าย 7. ปริมาณของไขมนั ในอาหาร อาหารไขมนั สูงการยอ่ ยไดล้ ดต่าํ ลง

127 การดูดซึมโภชนะ (Absorption) การดูดซึม หมายถึงกระบวนการเคลื่อนยา้ ยโภชนะท่ียอ่ ยแลว้ ส่วนใหญ่ มีอนุภาคขนาดเลก็ อยใู่ นรูปสารละลายผา่ นเน้ือเยอื่ ของระบบทางเดินอาหาร เขา้ สู่ระบบไหลเวยี นโลหิตหรือระบบน้าํ เหลือง ส่วนใหญ่เกิดข้ึนที่ลาํ ไส้เล็ก การดูดซึมมีอยู่ 3 ลกั ษณะ 1. Passive transport หรือ Simple diffusion หรือการแพร่ เป็นกลไกที่โมเลกุลในสารละลาย2 ชนิด (อาจเป็นแกส๊ ของเหลว หรือของแขง็ ) ถูกก้นั ดว้ ยเนือ้ เยอ่ื ผนังเซลล์ซ่ึงยอมใหส้ ารบางอยา่ งซึมผา่ นได้ โดยสารที่อยนู่ อกเซลลม์ ีความเขม้ ขน้ ทางเคมีหรือประจุสูงกวา่ สารละลายท่ีอยใู่ นเซลล์ การdiffusion จึงเกิดข้ึน อยา่ งชา้ ๆ อตั ราการดูดซึมมากนอ้ ยข้ึนกบั ขนาด รูปร่าง ประจุ จนกระทงั่ สารละลายท้งั สองดา้ นเทา่ กนั (ส่วน osmosis เป็นกลไกที่สารละลาย 2 ชนิด มีความเขม้ ขน้ ไมเ่ ท่ากนั ถูกก้นั ดว้ ยเน้ือเยอื่ ที่เลือกใหส้ ารซึมผา่ น การเคลื่อนท่ีเป็นเพยี งดา้ นเดียว เกิดท่ีใดก็ได้) 2. Active transport ในขบวนการ diffusion ไมม่ ีพลงั งาน แตข่ บวนการน้ีโภชนะหลายชนิดสามารถเคลื่อนยา้ ยขา้ มผนงั เซลลส์ วนทางกบั ความเขม้ ขน้ ของสาร ซ่ึงตอ้ งมีพลงั งานเขา้ มาช่วย ส่วนใหญ่เป็นการเคลื่อนที่ในรูปของประจุไฟฟ้ า 3. Pinocytosis หรือ Cell drinking เป็นขบวนการท่ีเซลลส์ ามารถจะกลืนโมเลกุลขนาดใหญ่ในสารละลาย ขบวนการน้ีมีความสาํ คญั มากในสตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมแรกเกิด เป็นวธิ ีท่ีภูมิคุม้ โรค(immunoglobulin) ในต่อมน้าํ เหลืองถูกดูดซึม การขนส่ งโภชนะ เมื่อโภชนะถูกยอ่ ยและถูกดูดซึม จะถูกขนส่งไปยงั เน้ือเยอ่ื ท่ีสตั ว์ ตอ้ งการจะเกบ็ สะสม หรือไวใ้ ช้งาน ก. การขนส่งทางเลอื ด ส่วนใหญโ่ ภชนะจากการยอ่ ยที่มีน้าํ หนกั โมเลกลุ ต่าํ จะดูดซึม และขนส่งเขา้ สู่เลือด โภชนะเหล่าน้ีไดแ้ ก่ น้าํ เกลือ กลีเซอรอล กรดไขมนั ท่ีมีความยาวโซ่คาร์บอนส้นั น้าํ ตาลmonosaccharide และไวตามิน โภชนะเหล่าน้ี จะดูดซึมเขา้ ไปใน capillary system (ระบบเส้นโลหิตฝอย )ของลาํ ไส้เลก็ ไหลเขา้ สู่ระบบเลือดดาํ ของตบั และเขา้ สู่ระบบเลือดดาํ หลกั (Posterior vena cava) ไปยงัปอด และหวั ใจตอ่ ไป ข. การขนส่งทางนา้ เหลอื ง ภายในเซลล์ mucosa ของลาํ ไส้จะมี Lacteal (ตอ่ มน้าํ เหลือง)อยู่โภชนะหลายชนิด เช่น cholesterol น้าํ กรดไขมนั ที่มีความยาวโซ่คาร์บอน และโปรตีนบางชนิด

128สารอาหารเหล่าน้ีจะผา่ นจากผนงั ลาํ ไส้เขา้ สู่ Lacteal ภายใน Villi และเขา้ สู่ทอ่ น้าํ เหลือง (Lymph duct)ท่ีมีขนาดใหญข่ ้ึน และเขา้ สู่ระบบเลือดส่วนหนา้ (Thoracic duct) เขา้ สู่หวั ใจการใช้โภชนะในร่างกาย โภชนะตา่ ง ๆที่ลาํ เลียงเขา้ สู่เซลลเ์ พ่อื ใชป้ ระโยชน์ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลง กระบวนการเปลี่ยนแปลงดงั กล่าวท่ีเกิดข้ึนน้ีเรียกวา่ เมตาบอลิซึม เมตาบอลซิ ึม (Metabolism) หมายถึงกระบวนการเปล่ียนแปลงของโภชนะที่เกิดข้ึนภายในร่างกายสัตว์เป็นกระบวนการท่ีเกิดข้ึนอยา่ งตอ่ เนื่องตลอดระยะการดาํ รงชีพของสตั ว์ แบง่ ออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท 1. Catabolism เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของปฏิกิริยาทางเคมี ส่วนใหญ่คือปฏิกิริยาออกซิเดชนัทาํ ใหส้ ารประกอบขนาดใหญ่สล ายตวั ไดส้ ารประกอบโมเลกุลขนาดเลก็ ไดค้ วามร้อน และพลงั งานพลงั งานท่ีเหลือใชส้ ามารถเก็บสาํ รองไวใ้ นเซลล์ ในรูปของสารประกอบ ATP (Adenosine Triphosphate) 2. Anabolism เป็นกระบวนการของปฏิกิริยาทางเคมี ที่นาํ เอาสารประกอบท่ีมีโมเลกุลขนาดเล็ก มารวมตวั สร้างสงั เคราะห์ข้ึนเป็นสารประกอบท่ีมีโมเลกุลขนาดใหญ่ เป็นปฏิกิริยาที่ตอ้ งอาศยั พลงั งานเขา้ ช่วยส่วนมากเป็นปฏิกิริยาดีรักชนั เช่นการสังเคราะห์ไกลโคเจนจากกลูโคสหลายโมเลกุล การสังเคราะห์โปรตีนจากกรดอะมิโนเป็ นตน้ ลกั ษณะโภชนะทด่ี ูดซึม การดูดซึมคาร์โบไฮเดรต การยอ่ ยคาร์โบไฮเดรตในสัตวก์ ระเพาะเดี่ยวจะได้ monosaccharidesพวก Hexose เช่น glucose , fructose , galactose , mannose เป็นตน้ ส่วนน้าํ ตาล Pentose มีบา้ ง แตน่ อ้ ยน้าํ ตาลเหล่าน้ีจะดูดซึมผา่ นผนงั ลาํ ไส้เลก็ ที่ Jejunum เขา้ สู่เลือดแลว้ ส่งตอ่ ไปยงั ตบั น้าํ ตาลที่ไมใ่ ช่ glucoseจะเปลี่ยนเป็น glucose ที่ตบั การดูดซึมโปรตนี การยอ่ ยโปรตีนจะไดก้ รดอะมิโน จะถูกดูดซึมผา่ นผนงั ลาํ ไส้เลก็ ส่วนDuodenum และ Jejunum ส่วน Ileum จะดูดซึมไดต้ ่าํ ท่ีผนงั ลาํ ไส้เลก็ ของสัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยนมขณะคลอดใหมม่ ีความสามารถดูดซึมโปรตีนบางชนิด เช่น -globulin ในน้าํ นมเหลืองท้งั โมเลกลุ ไดเ้ ลย โดยขบวนการ Pinocytosis เขา้ ไปในระบบน้าํ เหลือง แต่ความสามารถน้ีจะหมดลงอยา่ งรวดเร็วใน 2-3 วนัหลงั คลอด

129 การดูดซึมไขมนั ไขมนั ส่วนใหญถ่ ูกดูดซึมในลาํ ไส้เลก็ ส่วน Jejunum อาหารไขมนั หลงั จากถูกยอ่ ยในข้นั สุดทา้ ยจะไดก้ รดไขมนั อิสระ monoglyceride , glycerol , lysolecithin และ cholesterol พบวา่กรดไขมนั ท่ีอิ่มตวั ดูดซึมไดช้ า้ กวา่ กรดไขมนั ไม่อ่ิมตวั (กรดไขมนั ไม่อ่ิมตวั รวมตวั กบั น้าํ ดีไดด้ ีกวา่ ) กรดไขมนั ที่มีความยาวโซ่คาร์บอนยาวดูดซึมไดช้ า้ กวา่ กรดไขมนั ท่ีมีความยาวโซ่คาร์บอนส้นั การดูดซึมไวตามิน ส่วนใหญไ่ วตามินจะถูกดูดซึมที่ลาํ ไส้เลก็ ตอนบน ยกเวน้ ไวตามินบี 12 ถูกดูดซึมที่ Ileum ไวตามินจะตอ้ งอยใู่ นรูปสารละลายก่อนจึงจะดูดซึมได้ ไวตามินท่ีละลายในไขมนั เช่น เอดี อี และ เค ดูดซึมโดยรวมเป็ นองคป์ ระกอบใน mixed micelle (การรวมตวั ของสารท่ีละลายในไขมนั )เม่ืออยภู่ ายในเซลลข์ องลาํ ไส้เลก็ จะรวมกบั โปรตีน และผา่ นเขา้ สู่ระบบหมุนเวยี นเลือดในรูป Lipoproteinไวตามินท่ีละลายน้าํ จะถูกดูดซึมโดย Simple diffusion การดูดซึมไวตามินบี 12 ตอ้ งอาศยั intrinsicfactor (สารพวกโปรตีนท่ีผลิตท่ีกระเพาะมาทาํ หนา้ ที่ท่ี Ileum ) โดยเม่ือจบั กนั แลว้ ดูดซึมท่ี ileumจากน้นั ก็จะแยกจากกนั การดูดซึมแร่ธาตุ เกิดข้ึนตลอดท้งั ลาํ ไส้เลก็ และลาํ ไส้ใหญ่ อตั ราการดูดซึมข้ึนกบั หลายปัจจยั เช่นpH ตวั พา เป็นตน้ กลไกการดูดซึมเป็นแบบ active transport และ simple diffusion ในสตั วโ์ ตเตม็ วยัการดูดซึมจะมีนอ้ ยกวา่ สตั วอ์ ่อน เม่ือสตั วป์ ่ วย เสียเลือด ต้งั ครรภ์ ความตอ้ งการแร่ธาตุเพม่ิ ข้ึน การดูดซึมจะเพ่มิ ข้ึน

130 เอกสารอ้างองิกรมอาชีวศึกษา. 2527. โภชศาสตร์สตั ว.์ โรงพมิ พว์ ชิ าการ . ป้ อมปราบ. กรุงเทพมหานคร.บุญลอ้ ม ชีวะอิสระกุล. 2541. โภชนศาสตร์สตั ว.์ ภาควชิ าสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ตรีพล เจาะจิตต์. 2527. เตรียมสอบวชิ าสัตวบาล เล่ม 1. กรุงสยามการพมิ พ,์ กรุงเทพฯ.พานิช ทินนิมิตร. 2527. โภชศาสตร์สตั วป์ ระยกุ ต์. ภาควชิ าสัตวศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติพนั ทิพา พงษเ์ จียจนั ทร์. 2539. หลกั การอาหารสัตว์เล่ม 2. สาํ นกั พมิ พ์โิ อเดียนสโตร์, กรุงเทพมหานคร.มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. เชียงใหม่.มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์. วทิ ยาเขตหาดใหญ่. สงขลา.เมธา วรรณพฒั น์ . 2529. โภชศาสตร์สตั วเ์ ค้ียวเอ้ือง. ภาควชิ าสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น. ขอนแก่น.ริศกั ด์ิ โกศลคุณาภรณ์. 2538. อาหารและการให้อาหารสัตว์. คณะวชิ าเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตนครศรีธรรมราช, สถาบนั เทคโนโลยรี าชมงคล.ศิริลกั ษณ์ วงส์พเิ ชษฐ และคณะ. 2546. หลกั โภชนศาสตร์และอาหารสัตว์. มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. สาํ นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมธิราช. นนทบุรี.เสาวนิต คูประเสริฐ. 2537. โภชนศาสตร์สัตว์. ภาควชิ าสัตวศาสตร์ คณะ ทรัพยากรธรรมชาติ, มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์.อุทยั คนั โธ. 2529. อาหารและการผลติ อาหารเลยี้ งสุกรและสัตว์ปี ก. ศูนยว์ จิ ยั และ อบรมการเล้ียงสุกรแห่งชาติ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ นครปฐม. 297 น.Church ,D.C. , and W.G Pond. 1976. Basic Animal Nutrition and Feeding. 5th ed. O&B Book. Oragon. U.S.A.Cullison , A.E. 1982. Feed and Feeding. 3th ed. Reston Publishing Company ,Inc. Virginia , U.S.A.Maynard , L.A. , and J.K. Loosli. 1978. Animal Nutrition. 6th ed. McGraw-Hill , Inc. New Delhi.

131 ใบงานที่ 3 3.1 คาถามท้ายบทจงเติมคาในช่องว่างให้ได้ใจความ 1. น้าํ ยอ่ ยที่ผลิตในปากชื่อ………………………………………………...……………………… 2. น้าํ ยอ่ ยตามขอ้ 1 จะทาํ หนา้ ที่ยอ่ ย…………………………………………………….……….. 3. Proventriculus ของไก่คือ…………………………………………………………...………… 4. ในสัตวเ์ ค้ียวเอ้ืองส่วนท่ีเป็นกระเพาะแทค้ ือกระเพาะส่วนท่ี……………………………...……. 5. Abomasum คือ………………………………………………………………………….…….. 6. หนา้ ที่ของ Rumen คือ…………………………………………………………………..……. 7. หนา้ ท่ีของ Reticulum คือ……………………………………………………..……………… 8. หนา้ ที่ของ Omasum คือ………………………………………………...……………………. 9. หนา้ ท่ีของ Abomasum คือ…………………………………………………...………………. 10. ส่วนที่สาํ คญั ท่ีสุดของลาํ ไส้เลก็ คือ…………………………………………………………….. 11. ลาํ ไส้ใหญข่ องสัตวก์ ระเพาะเรวมมีหนา้ ท่ีหลกั คือ……………………..…………….………… 12. ลาํ ไส้ใหญข่ องสตั วก์ ระเพาะรวมมีหนา้ ท่ีรองคือ…………………….………………………… 13. Cloaca มีเฉพาะใน………………………………………………………………..…………… 14. Cloaca มีหนา้ ท่ี………………………………………………………………..………………. 15. ตบั มีหนา้ ที่………………………………………………………………….………………….. 16. ตบั อ่อนมีหนา้ ที่………………………………………………………………..………………. 17. ถุงน้าํ ดีมีหนา้ ที่………………………………………………………………….……………… 18. มา้ มมีหนา้ ที่………………………………………………………………………….………… 19. Maltase เป็นน้าํ ยอ่ ยยอ่ ยอาหารประเภท……………………………………………………….. 20. Maltase ผลิตที่……………………………………………………...…………………………. 21. Pepsin เป็นน้าํ ยอ่ ยยอ่ ยอาหารประเภท……………………….……………………………… 22. Pepsin ผลิตท่ี…………………………………………………...……………………………. 23. Rennin เป็นน้าํ ยอ่ ยสาํ หรับ…………………………………………………………………… 24. Gizzard ผลิตน้าํ ยอ่ ยหรือไม่…………………………………………………..………………. 25. อาหารไขมนั ในไก่ส่วนใหญจ่ ะถูกยอ่ ยท่ี…………………………………………………….. 26. การยอ่ ยอาหารของจุลินทรียท์ ่ีลาํ ไส้ใหญโ่ คยงั ทาํ ใหไ้ ดไ้ วตามิน…..…และ……….………...…

13227. Omasum ทาํ หนา้ ที่ 1………………….………………..2……………….…………..………..28. Volatile fatty acid ไดจ้ ากการยอ่ ย………………………………………………….………...29. NH 3 ไดจ้ ากการยอ่ ย…………………………………………………………….….………30. NPN คือ……………………………………………………………………………….………31. Active transport คือ……………………………………………………………….………….32. Osmosis ตา่ งกบั Diffusion คือ…………………………………………………….…………33. โภชนะที่ขนส่งทางน้าํ เหลืองเป็นหลกั คือ………………………………………..…………….34. คาร์โบไฮเดรตในสตั วก์ ระเพาะเดี่ยวจะถูกดูดซึมในรูป…………………….………………….35. โปรตีนในสัตวก์ ระเพาะเดี่ยวจะถูกดูดซึมในรูป……………………………..…………………36. ไขมนั ในสัตวก์ ระเพาะเดี่ยวจะถูกดูดซึมในรูป………………………………..………………..37. จงเขียนชื่อกระเพาะรวมของสัตวเ์ ค้ียวเอ้ืองท้งั สี่กระเพาะเป็น ภาษาไทย………………………………………………………………………….……………38. จงเขียนชื่อกระเพาะรวมของสัตวเ์ ค้ียวเอ้ืองท้งั ส่ีกระเพาะเป็น ภาษาองั กฤษ……………………………………………………………………………………

133 3.2จงเลอื กคาตอบทถ่ี ูกต้องทสี่ ุด 1 คาตอบ1. คาร์โบไฮเดรตชนิดที่ยอ่ ยไดง้ ่าย คือ 6. น้าํ ยอ่ ยที่ทาํ ใหโ้ ปรตีนในนมแขง็ ตวั คือ ก. Lignin ค. NFE ก. Pepsin ค. Rennin ข. Cellulose ง. Crude fiber ข. Trypsin ง. Chymotrypsin2. กระเพาะท่ีผลิตน้าํ ยอ่ ยออกมายอ่ ยอาหารเป็น 7. น้าํ ยอ่ ยที่ยอ่ ย Protein ได้ Proteose และคร้ังแรกสุดในไก่ Peptones คือ ก. Crop ค. Gizzard ก. Trypsin ค. Esterase ข. Proventriculus ง. Cecum ข. Lipase ง. Rennin3. แป้ ง Glycogen และ Dextrin ถูกยอ่ ยดว้ ย 8. ขอ้ ใดผดิ เกี่ยวกบั การยอ่ ยโปรตีนของสัตว์Amylase ผลที่ได้ คือ เคียวเอ้ืองก. Maltose + Glucose ก. จุลินทรียช์ ่วยยอ่ ยโปรตีนและข. Proteose + Glucose สารประกอบ NPNค. Glycerol + Fatty acid ข. โปรตีนและสารประกอบ NPN ถูกยอ่ ยง. Glucose + Galactose ได้ Peptide และกรดอะมิโน4. สมการต่อไปน้ี ขอ้ ใดถูกที่สุด ค. กรดอะมิโนจะถูกยอ่ ยตอ่ ใหแ้ ก๊สก. Lactose ยอ่ ยดว้ ย Lactase = Glucose + แอมโมเนีย กรดอินทรียแ์ ละCO2Fructose ง. แอมโมเนียท่ีเกิดข้ึนท้งั หมดจะถูกนาํ ไปข. Sucrose ยอ่ ยดว้ ย Sucrase = Glucose + สร้างเซลล์Maltose 9. โภชนะส่วนใหญจ่ ะถูกดูดซึมท่ีค. Sucrose ยอ่ ยดว้ ย Sucrase = Glucose + ก. Stomach ค. CecumFructose ข. Duodenum ง. Colonง. Lactose ยอ่ ยดว้ ย Amylase = 2 10. ขอ้ ใดผดิ เกี่ยวกบั การดูดซึมGlucose ก. คาร์โบไฮเดรตถูกดูดซึมแต่ในรูปน้าํ ตาล5. Lipid ถูกยอ่ ยดว้ ย Lipase ผลท่ีได้ คือ Glucoseก. Polypeptide, Fatty acid ข. โปรตีนส่วนใหญ่ถูกดูดซึมในรูปกรดอะมิข. Peptide, Amino acid โนค. Monoglyceride, Glycerol, Fatty acidง. Glyceror, Amino acid ค. กรดไขมนั ถูกดูดซึมในรูปกรดไขมนั

134ง. การดูดซึมไวตามินจะดูดซึมในรูป 15. สัตวช์ นิดใดที่กระเพาะอาหารมีความจุมากสารละลายเท่าน้นั ที่สุด11. อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่เก็บสาํ รองไว้ ก. แกะ ค. โคในร่างกายสัตวใ์ นรูป ข. มา้ ง. สุกรก. Glucose ค. Galactose 16. กระเพาะพกั (Crop) ในไก่มีหนา้ ท่ีข. Glycogen ง. Lactose ก. เป็นที่พกั ของอาหาร12. จากขอ้ 11 แหล่งท่ีสาํ รองคาร์โบไฮเดรตใน ข. ผลิตน้าํ ยอ่ ยสตั วม์ าก ท่ี ค. เป็นท่ีบดอาหารดว้ ยกอ้ นกรวดก. ตบั ค. มา้ ม ง. ถูกท้งั สามขอ้ข. ไต ง. ลาํ ไส้เล็ก 17. ก๋ึน ตรงกบั ภาษาองั กฤษวา่13. สตั วต์ อ่ ไปน้ีสตั วช์ นิดใดที่ไม่เป็นสตั ว์ ก. Crop ค. Gizzardกระเพาะรวม ข. Proventriculus ง. Cecumก. โค ค. มา้ 18. ขอ้ ใดมีกรวด หิน ทราย ช่วยในการทาํข. กระบือ ง. แพะ หนา้ ที่อยดู่ ว้ ย14.สัตวก์ ระเพาะเด่ียว (Simple stomach) ไดแ้ ก่ ก. Crop ค. Gizzardก. สุกร มา้ ค. แกะ กระบือ ข. Proventriculus ง. Cecumข. โค ไก่ ง. แพะ แกะ 19. หนา้ ที่ของไส้ติ่งท้งั สองอนั ของไก่ คือ13. ความจุท่อทางเดินอาหารของสัตวก์ ระเพาะ ก. เป็นที่พกั เศษอาหารเด่ียวพบวา่ ข. ช่วยยอ่ ยอาหารก. กระเพาะมีความจุมากท่ีสุด ค. อาจจะมีหนา้ ที่ช่วยยอ่ ยอาหารพวกเยอ่ื ใยข. ลาํ ไส้ใหญม่ ีความจุมากท่ีสุด ง. ถูกท้งั ขอ้ ก และ คค. ลาํ ไส้เล็กมีความจุมากท่ีสุด 20. กระเพาะท่ีมีความจุมากท่ีสุดของสตั ว์ง. หลอดอาหารมีความจุมากท่ีสุด กระเพาะรวม คือ14. สตั วช์ นิดใดท่ี Cecum มีความจุอาหารมาก ก. Abomasum ค. Omasumที่สุด ข. Reticulum ง. Rumenก. โค ค. สุกร 21. กระเพาะยอ่ ยหญา้ ของสตั วก์ ระเพาะรวม คือข. แกะ ง. มา้ ก. Rumen ค. Omasum ข. Reticulum ง. Abomasum

13522. กระเพาะรูเมนสร้างไวตามินโดยการ 24. กรดไขมนั (Fatty acid) ท่ีกระเพาะรูเมนท่ี ช่วยเหลือของจุลินทรียไ์ ดแ้ ก่ มากท่ีสุด คือ ก. B D E K ก. Butyric acid ข. A D E K ข. Acetic acid ค. A D ค. Propionic acid ง. B C K ง. Lauric acid23. Microbial Protein หมายถึง 25. แกส๊ ท่ีเกิดข้ึนจากการหมกั บูดในกระเพาะรู ก. อาหารโปรตีนของแบคทีเรีย เมนไดแ้ ก่ ข. โปรตีนในตวั แบคทีเรีย ก. CH 4 , CO 2 ค. การสังเคราะห์โปรตีนโดย ข. CO , CO 2 แบคทีเรีย ค. H 2 , O 2 ง. โปรตีนที่เกิดจากผนงั ของ ง. CO 2 , O 2 กระเพาะรูเมนหมายเหตุ ท้งั หมดน้ีเป็นเพยี งตวั อยา่ งตามหัวขอ้ บทที่ 3 ที่จริงแลว้ บทน้ีสามารถออกขอ้ สอบทาํ นองน้ีไดถ้ ึง 40-50 ขอ้ คาํ ถามอ่ืน ๆ ที่คลา้ ย ๆ กนั ขอใหน้ กั ศึกษาไปจดั ทาํ เป็น Short noteไวศ้ ึกษาดว้ ยตนเอง

136 3.3 จงวาดและชี้ส่วนต่าง ๆ ของระบบทางเดนิ อาหารของสัตว์3.3.1 สุกร

1373.3.2 ไก่

1383.3.3 โค


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook