มาตรฐาน )Standard( คาสาคัญ สาระการเรยี นรู้ ด้านความรู้ และตัวช้ีวดั )Indicator( )Key Word( แกนกลาง (Knowledge) ) K( หรือผลการเรยี นรู้ อธบิ าย- )Core Content( / )Learning Outcome( อภิปราย- สาระการเรียนรู้ )รอู้ ะไร( บอก- .7อธิบายการเกดิ ทาการทดลอง- )Content( -บอกได้ว่าประจไุ ฟฟา้ สามารถ กระแสไฟฟ้าในตัวกลางและ ถา่ ยโอนหรือเคลื่อนทผ่ี ่านลวด วเิ คราะห์หากระแสไฟฟ้าใน -กระแสไฟฟ้าและการ โลหะได้ ลวดตัวนาโลหะ นาไฟฟ้าในตวั กลาง - บอกไดว้ ่าเมือ่ ประจุไฟฟ้า - กระแสไฟฟา้ ในตัวนา เคลือ่ นที่ในตัวนาจะเกดิ ไฟฟ้า กระแสไฟฟา้ ในตัวนานั้น - บอกไดว้ ่ากระแสไฟฟา้ เกิดข ในตวั นา เพราะมีความต่างศกั ระหวา่ งปลายของตัวนา -บอกไดว้ า่ การนาไฟฟา้ ใน ตวั กลางเกิดจากการเคลอื่ นท ของประจไุ ฟฟ้า -ทาการทดลองเพ่อื ศกึ ษาการ ไฟฟ้าของวัสดุที่กาหนดให้ได้ -บอกไดว้ ่าปริมาณกระแสไฟฟ ในตัวกลางใดๆ หาไดจ้ าก ปริมาณประจไุ ฟฟา้ ทเ่ี คล่ือนท ผ่านภาคตัดขวางของตัวกลาง ในหน่งึ หนว่ ยเวลา -บอกไดว้ า่ กระแสไฟฟ้าใน ตวั กลางใดๆ มที ิศทางจากจดุ ศกั ยไ์ ฟฟ้าสูงไปยงั จุดทีม่ ี ศักยไ์ ฟฟา้ ตา่ กวา่ และอยู่ใน ทศิ ทางเดียวกับสนามไฟฟ้า - บอกความสัมพันธร์ ะหว่าง
แผนหลักเพอื่ การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน พฤตกิ รรมการการเรียนรู้ ดา้ นทักษะกระบวนการ ด้านสมรรถนะตามหลักสตู ร ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (Process) )P( (Competencies) )C( (Attribute) ) A( )ทาอะไร( )เกิดสมรรถนะใด( )เป็นคนอย่างไร( ถ ทาการทดลอง- การส่ือสาร- มวี นิ ัยใฝเ่ รียนรู้- มุง่ มั่นในการทางาน- ด อภิปราย- การคดิ - ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต- อธิบาย- การแกป้ ญั หา- มจี ิตสาธารณะ- ข้นึ กย์ ท่ี รนา ฟา้ ที่ งนนั้ ดที่มี
แผนหลกั เพอ่ื การจัดการเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน มาตรฐาน )Standard( คาสาคัญ สาระการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ และตัวชี้วัด )Indicator( )Key Word( แกนกลาง (Knowledge) ) K( หรอื ผลการเรียนรู้ )Core Content( / )รู้อะไร( )Learning Outcome( สาระการเรยี นรู้ )Content( .8อธิบายกฎของโอห์ม ความ อธบิ าย- - กฎของโอหม์ และความ - อธิบายกฎของโอหม์ ได้ ตา้ นทาน และการใช้กฎของ อา่ นคา่ - ตา้ นทาน -อธิบายความหมายของความ โอห์ม ทาการทดลอง- สภาพต้านทานและ - ต้านทานได้ คานวณ- สภาพนาไฟฟ้า -อา่ นคา่ ของความตา้ นทานจา แถบสีบนตัวต้านทานคา่ คงตวั - ทาการทดลองหาความสัมพ ระหว่างกระแสไฟฟ้าและควา ต่างศกั ยใ์ นตัวนาโลหะไดแ้ ละ บอกได้วา่ ความสัมพันธน์ ้ีเปน็ ตามกฎของโอหม์ -อธบิ ายความหมายของสภาพ ต้านทาน และสภาพนาไฟฟา้ -บอกความสัมพันธร์ ะหว่างคว ตา้ นทาน สภาพตา้ นทาน ควา ยาวและพ้ืนท่ภี าคตดั ขวางขอ ลวดตวั นาท่ีมีขนาดสมา่ เสมอไ - อธิบายไดว้ า่ สภาพต้านทาน ของโลหะบรสิ ทุ ธ์ิ โลหะผสม ส ก่งึ ตวั นา และฉนวนจะ เปลยี่ นแปลงไปตามอุณหภมู ิ - บอกความหมายของสภาพย ย่งิ ของตวั นาได้ แผนหลกั เพอื่ การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน
พฤตกิ รรมการการเรยี นรู้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ดา้ นสมรรถนะตามหลกั สูตร ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (Attribute) ) A( (Process) )P( (Competencies) )C( )เปน็ คนอยา่ งไร( )ทาอะไร( )เกดิ สมรรถนะใด( อา่ นคา่ - การสอ่ื สาร- มีวนิ ัยใฝ่เรยี นรู้- ม ทาการทดลอง- การคิด- มงุ่ ม่ันในการทางาน- ปฏบิ ัติตามขั้นตอน- การแก้ปญั หา- ซ่ือสัตยส์ จุ รติ - าก อธบิ าย- มีจติ สาธารณะ- วได้ พนั ธ์ าม ะ นไป พ าได้ วาม าม อง ได้ น สาร ยวด
มาตรฐาน )Standard( คาสาคัญ สาระการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ และตัวชวี้ ดั )Indicator( )Key Word( แกนกลาง (Knowledge) ) K( หรือผลการเรียนรู้ )Core Content( / )Learning Outcome( สาระการเรยี นรู้ )รอู้ ะไร( 9. อธบิ ายความหมายของ บอก- )Content( -บอกความหมายของ แรงเคลื่อนไฟฟ้าของ แรงเคลื่อนไฟฟา้ และความตา่ ง อธบิ าย- แรงเคลอ่ื นไฟฟ้าและ- แหลง่ กาเนดิ ไฟฟา้ ได้ คานวณ- ความต่างศกั ย์ - อธบิ ายความแตกต่างระหวา่ ความต่างศกั ย์ และ ศักยร์ ะหวา่ งขัว้ แรงเคลอ่ื นไฟฟา้ ได้ - บอกความสมั พนั ธ์ระหว่าง กระแสไฟฟา้ ในวงจร แรงเคลื่อนไฟฟา้ ของแบตเตอ ความต้านทานภายนอก ความ ต้านทานภายในแบตเตอร่ี แล ความตา่ งศกั ยร์ ะหว่างขว้ั ของ แบตเตอร่ไี ด้ -คานวณหาปริมาณท่เี กี่ยวขอ้ กับแรงเคล่อื นไฟฟ้าและความ ตา่ งศักย์ได้
แผนหลกั เพอ่ื การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน พฤติกรรมการการเรยี นรู้ ดา้ นทักษะกระบวนการ ด้านสมรรถนะตามหลักสูตร ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (Process) )P( (Competencies) )C( (Attribute) ) A( )ทาอะไร( )เกิดสมรรถนะใด( )เป็นคนอย่างไร( บอก- การส่อื สาร- มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้- อธิบาย- มุ่งมน่ั ในการทางาน- คานวณ- การคดิ - ซ่ือสัตยส์ ุจรติ - การแก้ปญั หา- มีจติ สาธารณะ- าง อรี่ ม ละ ง อง ม
แผนหลกั เพอื่ การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน มาตรฐาน )Standard( คาสาคัญ สาระการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ และตวั ชีว้ ัด )Indicator( )Key Word( แกนกลาง (Knowledge) ) K( หรอื ผลการเรยี นรู้ )Core Content( / )ร้อู ะไร( )Learning Outcome( สาระการเรียนรู้ )Content( .10อธิบายพลงั งานไฟฟ้าและ อธิบาย- การตอ่ ตัวต้านทาน - - บอกวธิ ีการตอ่ ตวั ต้านทานแ กาลงั ไฟฟ้าในวงจร -สามารถหา - การต่อแบตเตอร่ี อนุกรมและแบบขนานได้ บอก- - สามารถหาแรงเคลื่อนไฟฟา้ คานวณ- สมมลู ภายหลังต่อแบตเตอร่ีแ อนกุ รมและแบบขนานได้ - บอกความสัมพนั ธ์ระหว่าง กระแสไฟฟ้าในวงจรกบั กระแสไฟฟา้ ทผี่ า่ นตัวต้านทา แต่ละตัวที่ตอ่ กบั แบบอนกุ รม และแบบขนาน -บอกความสมั พันธ์ระหวา่ งคว ต่างศกั ยร์ ะหว่างปลายทง้ั สอง ของตัวต้านทานแต่ละตัวกบั ความต่างศกั ย์ระหว่างปลายท สองของตัวต้านทานท่ตี ่อกันแ อนกุ รมและแบบขนาน - อธิบายการหาแรงเคลือ่ นไฟ สมมลู และความตา้ นทานภาย สมมลู เมอ่ื ต่อแบตเตอรี่แบบ อนุกรมได้ - อธบิ ายการหาแรงเคลื่อนไฟ สมมลู และความตา้ นทานภาย สมมลู เมอ่ื ต่อแบตเตอร่ีแบบ ขนานได้ แผนหลกั เพอื่ การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน- คานวณหาปรมิ าณทเ่ี ก่ยี วข้อ กบั การต่อแบตเตอร่จี าก สถานการณ์ทก่ี าหนดให้ได้
พฤตกิ รรมการการเรยี นรู้ ดา้ นทักษะกระบวนการ ด้านสมรรถนะตามหลกั สตู ร ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (Attribute) ) A( (Process) )P( (Competencies) )C( )เปน็ คนอยา่ งไร( )ทาอะไร( )เกดิ สมรรถนะใด( แบบ อธบิ าย- การสื่อสาร- มีวินัยใฝเ่ รยี นรู้- บอก- การคิด- มงุ่ มัน่ ในการทางาน- า สามารถหา- การแกป้ ญั หา- ซอื่ สตั ยส์ ุจรติ - แบบ คานวณ- มีจติ สาธารณะ- าน ม วาม ง ท้งั แบบ ฟฟา้ ยใน ฟฟ้า ยใน อง
มาตรฐาน )Standard( คาสาคัญ สาระการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ และตวั ชว้ี ัด )Indicator( )Key Word( แกนกลาง (Knowledge) ) K( หรอื ผลการเรียนรู้ )Learning Outcome( )Core Content( / )ร้อู ะไร( .11วิเคราะห์และหาปรมิ าณ อธิบาย- สาระการเรียนรู้ - อธบิ ายวงจรไฟฟ้าอย่างงา่ ย ทางไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า คานวณ- วงจรวีทสโตนบริดส์ และนาไป กระแสตรงอย่างง่าย บอก- )Content( แกป้ ญั หาได้ คานวณหา- -อธิบายรายละเอียดของวงจร การวเิ คราะห์ - ไฟฟ้าได้ วงจรไฟฟา้ กระแสตรง -สามารถคานวณหาปรมิ าณ เบื้องต้น ต่างๆ ในวงจรไฟฟา้ พนื้ ฐานได เคร่ืองวดั ไฟฟา้ - บอกส่วนประกอบของแกลวา - การคานวณหา มเิ ตอร์ พลังงานไฟฟา้ และ - อธิบายหลกั การดัดแปลงแก เคร่ืองใช้ไฟฟ้าภายใน วานอมิเตอร์ใหเ้ ปน็ แอมมเิ ตอ บา้ น โวลต์มเิ ตอร์ และโอหม์ มเิ ตอร วงจรไฟฟ้า - - บอกสว่ นประกอบสาคัญ เคร่ืองใช้ไฟฟ้า ของมัลตมิ ิเตอร์ได้ ภายในบา้ นและการใช้ - คานวณหาความตา้ นทานท่ี เหมาะสม เพ่ือนามาสรา้ งเป็น ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย แอมมเิ ตอร์ โวลต์มิเตอร์ และ ปริมาณต่างๆที่เกย่ี วข้อง - บอกได้วา่ การใช้เครื่องไฟฟา้ ทกุ ชนิด จะต้องใช้ใหต้ รงกับ ความต่างศกั ยท์ ก่ี ากบั ไว้ทฉ่ี ลา ของเคร่อื งใช้ฟ้า -คานวณหาพลงั งานไฟฟ้าของ เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ในบา้ นได้
แผนหลกั เพอ่ื การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน พฤติกรรมการการเรียนรู้ ด้านทักษะกระบวนการ ดา้ นสมรรถนะตามหลักสูตร ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (Process) )P( (Competencies) )C( (Attribute) ) A( )ทาอะไร( )เกิดสมรรถนะใด( )เปน็ คนอย่างไร( ย อธิบาย- การสอื่ สาร- มีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้- ป คานวณ- มุ่งม่ันในการทางาน- การคดิ - ซื่อสตั ย์สจุ ริต- บอก- การแก้ปญั หา- มจี ติ สาธารณะ- ร คานวณหา- เขยี น- ด้ านอ กล อร์ ร์ น ะหา า าก ง
แผนหลักเพอื่ การจัดการเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน มาตรฐาน )Standard( คาสาคญั สาระการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ และตัวช้วี ัด )Indicator( )Key Word( แกนกลาง (Knowledge) ) K( หรือผลการเรยี นรู้ )Core Content( / )รอู้ ะไร( )Learning Outcome( สาระการเรยี นรู้ )Content( .12อธิบายแรงกระทาต่อ บอก- -แมเ่ หลก็ และ - บอกความหมายของแม่เหล อนุภาคทม่ี ปี ระจไุ ฟฟา้ ท่ี เคลือ่ นที่เขา้ ไปใน อธบิ าย- สนามแมเ่ หล็ก สารแม่เหล็ก และข้ัวแม่เหล็ก สนามแม่เหล็กและแรงกระทา คานวณ- ต่อลวดตัวนาที่มีกระแสไฟฟา้ -การเคลอื่ นทข่ี อง - อธิบายความหมายของ ผ่านและอยู่ในสนามแม่เหล็ก อนภุ าคทม่ี ีประจุไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก เสน้ ในสนามแมเ่ หล็ก สนามแมเ่ หล็ก จุดสะเทนิ และ แรงกระทาตอ่ ลวด - สนามแม่เหลก็ โลก มกี ระแสไฟฟา้ ตัวนาที่ - อธบิ ายความหมายของฟลัก ผ่านและอยใู่ น แมเ่ หลก็ ความหนาแนน่ ฟลกั สนามแม่เหล็ก แม่เหลก็ แรงระหว่างตวั นาสอง - - อธบิ ายความสมั พันธ์ระหว่า เส้นทข่ี นานกัน ขนาดของสนามแม่เหลก็ ฟลกั และมกี ระแสไฟฟ้า แมเ่ หลก็ และพืน้ ทที่ ่ีฟลักซ์ ไหลผ่าน - แรงกระทาต่อขดลวด แมเ่ หลก็ ผา่ นผ่านในทศิ ทางต้งั ที่มีกระแสไฟฟา้ ไหลผา่ น ฉาก และอยใู่ นสนามแม่เหล็ก - คานวณหาฟลักซแ์ มเ่ หลก็ จา สถานการณท์ ่ีกาหนดใหไ้ ด้ -อธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง แรง ประจุไฟฟ้า ความเรว็ แล สนามแม่เหล็ก และการใช้กฎ ขวาในการหาทศิ ทางของแรง กระทา - คานวณหาแรงที่กระทาตอ่ แผนหลักเพอื่ การจัดการเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐานประจไุ ฟฟ้าในสนามแม่เหล็กไ -บอกไดว้ า่ ทิศทางของแรงข้นึ กบั ทิศทางของกระแสไฟฟา้ แ ทศิ ทางของสนามแม่เหลก็
พฤติกรรมการการเรยี นรู้ ดา้ นทักษะกระบวนการ ดา้ นสมรรถนะตามหลักสตู ร ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (Attribute) ) A( (Process) )P( (Competencies) )C( )เปน็ คนอย่างไร( )ทาอะไร( )เกิดสมรรถนะใด( ล็ก บอก- การสื่อสาร- มีวินัยใฝเ่ รียนรู้- กได้ อธิบาย- การคดิ - มุง่ มัน่ ในการทางาน- คานวณ- การแก้ปัญหา- ซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ - มจี ติ สาธารณะ- ะ กซ์ กซ์ าง กซ์ ง าก ง ละ ฎมือ ง ได้ นอยู่ และ
มาตรฐาน )Standard( สาระการเรียนรู้ และตวั ชี้วัด )Indicator( คาสาคัญ แกนกลาง ด้านความรู้ หรอื ผลการเรยี นรู้ )Key Word( )Learning Outcome( )Core Content( / (Knowledge) ) K( อธิบาย- 13. อธบิ ายการหมนุ ของ คานวณ- สาระการเรยี นรู้ )ร้อู ะไร( ขดลวดทม่ี ีกระแสไฟฟ้าไหล ผ่านและอยใู่ นสนามแม่เหลก็ )Content( และการนาหลักการนี้ไปสรา้ ง และอธบิ ายการทางานของ - การประยุกต์ผลของ - อธิบายความหมายของ แกลแวนอมิเตอร์และมอเตอร์ ไฟฟ้า สนามแมเ่ หลก็ ต่อตัวนา แรงเคล่ือนไฟฟา้ กลบั และใช้ ที่มีกระแสไฟฟ้าผา่ น ความร้เู ก่ียวกบั การเหนี่ยวนา - กระแสไฟฟา้ เหนีย่ วนา แม่เหล็กไฟฟ้ามาอธบิ ายผลท และแรงเคล่ือนไฟฟา้ กบั มอเตอร์ได้ เหนี่ยวนา - อธิบายหลักการทางานและ -แรงเคลือ่ นไฟฟ้า ลกั ษณะของกระแสไฟฟา้ จาก เหนีย่ วนาในมอเตอร์ เคร่อื งกาเนดิ ไฟฟา้ ได้ -อธบิ ายหลักการผลิตไฟฟ้า และเครือ่ งกาเนดิ ไฟฟา้ กระแสสลับ 3 เฟส ได้ - คานวณหาปรมิ าณทเ่ี กยี่ วขอ้ กบั แรงเคลือ่ นไฟฟา้ เหน่ยี วนา มอเตอรแ์ ละเครอ่ื งกาเนิดไฟฟ ได้
แผนหลกั เพอ่ื การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน พฤตกิ รรมการการเรยี นรู้ ดา้ นทักษะกระบวนการ ด้านสมรรถนะตามหลักสูตร ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (Process) )P( (Competencies) )C( (Attribute) ) A( )ทาอะไร( )เกิดสมรรถนะใด( )เปน็ คนอย่างไร( อธบิ าย- การสือ่ สาร- มีวินัยใฝ่เรยี นรู้- คานวณ- มุ่งมัน่ ในการทางาน- า การคิด- ซือ่ สัตย์สุจริต- ท่ีเกิด การแกป้ ญั หา- มีจติ สาธารณะ- ะ ก อง าใน ฟ้า
แผนหลักเพอ่ื การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน มาตรฐาน )Standard( คาสาคัญ สาระการเรยี นรู้ ด้านความรู้ และตวั ชว้ี ดั )Indicator( )Key Word( แกนกลาง (Knowledge) ) K( หรือผลการเรยี นรู้ )Core Content( / )รอู้ ะไร( )Learning Outcome( สาระการเรยี นรู้ )Content( .15อธบิ ายลกั ษณะของไฟฟา้ สรุป- ค่าของปริมาณท่ี - -สรปุ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง กระแสสลบั การผลติ ไฟฟา้ กระแสสลบั และปริมาณที่ อธิบาย- เกยี่ วข้องกับไฟฟ้า กระแสไฟฟา้ กับเวลา และคว เกยี่ วขอ้ ง คานวณ- บอก- กระแสสลบั ตา่ งศกั ยก์ ับเวลาท่ีมีการเปลีย่ ค่ายังผลและรากทสี่ อง - ค่าในรูปฟงั ก์ชันไซน์ ของกาลังสองเฉล่ีย -อธิบายเกย่ี วกับไฟฟ้า ตัวต้านทานและตวั เก็บ - กระแสสลับ ความตา่ งศักยไ์ ฟ ประจใุ นวงจร และกระแสไฟฟา้ แปรคา่ ตาม กระแสสลบั เวลาเปน็ รปู ไซนแ์ ก้ปัญหาได้ -ตัวเหนีย่ วนาในวงจร -คานวณหาคา่ ของปรมิ าณท่ี กระแสสลบั เกย่ี วข้องกับไฟฟา้ กระแสสลบั - วงจร RCL ทต่ี อ่ แบบ -อธิบายคา่ ยงั ผลหรือค่ามเิ ตอ อนกุ รม ของความตา่ งศกั ย์และ กระแสไฟฟา้ สลบั ได้ คานวณหาปรมิ าณท่ีเก่ยี วขอ้ ง กับคา่ ยงั ผลหรอื คา่ มิเตอรข์ อง ความต่างศกั ยแ์ ละกระแส ไฟฟา้ สลบั ได้ -บอกความสมั พนั ธ์ของเฟส กระแสไฟฟา้ กับความต่าง ศักยไ์ ฟฟ้าทตี่ วั ต้านทานและต เก็บประจใุ นวงจรกระแสสลับ - คานวณหาปรมิ าณที่เกยี่ วข้อ กับตัวตา้ นทานและตัวเกบ็ ปร แผนหลกั เพอื่ การจัดการเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน-ในบวองกจสรกมรกะาแรสคสวาลมับสไดัม้พนั ธ์ ระหว่างความต่างศกั ยร์ ะหวา่ ปลายของตัวเหน่ียวนากบั กระแสที่ผา่ นได้
พฤตกิ รรมการการเรียนรู้ ด้านทักษะกระบวนการ ดา้ นสมรรถนะตามหลักสูตร ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (Attribute) ) A( (Process) )P( (Competencies) )C( )เปน็ คนอย่างไร( )ทาอะไร( )เกดิ สมรรถนะใด( เขียน- การส่อื สาร- มวี ินัยใฝเ่ รียนรู้- วาม อธบิ าย- ยน คานวณ- การคิด- มงุ่ มัน่ ในการทางาน- การแก้ปัญหา- ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ - บอก- มีจติ สาธารณะ- ฟฟ้า บได้ อร์ ง- ง ตัว บได้ อง ระจุ าง
มาตรฐาน )Standard( คาสาคญั สาระการเรยี นรู้ ด้านความรู้ และตวั ช้ีวดั )Indicator( )Key Word( แกนกลาง (Knowledge) ) K( หรือผลการเรยี นรู้ )Core Content( / )Learning Outcome( สาระการเรียนรู้ )รู้อะไร( )Content( -บอกความสัมพันธ์ของเฟส กระแสไฟฟ้ากับความต่าง ศักย์ไฟฟา้ ท่ตี วั เหน่ียวนาในวง กระแสสลบั ได้ -คานวณหาปรมิ าณทเี่ ก่ยี วข้อ กับตัวเหนี่ยวนาในวงจร กระแสสลับได้ อธบิ ายความหมายของวงจร- RCL ได้ - บอกความสาคัญของ แผนภาพเฟเซอรไ์ ด้ -คานวณหาปรมิ าณที่เก่ียวข้อ กับวงจร RCL ทีต่ อ่ แบบอนุกร ได้ - เขียนแผนภาพเฟเซอร์ของ วงจรไฟฟา้ กระแสสลับได้
แผนหลกั เพอื่ การจัดการเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน พฤติกรรมการการเรียนรู้ ด้านทักษะกระบวนการ ดา้ นสมรรถนะตามหลกั สตู ร ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (Process) )P( (Competencies) )C( (Attribute) ) A( )ทาอะไร( )เกิดสมรรถนะใด( )เป็นคนอยา่ งไร( งจร อง - อง รม
แผนหลกั เพอ่ื การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน มาตรฐาน )Standard( คาสาคญั สาระการเรียนรู้ ด้านความรู้ และตวั ช้ีวดั )Indicator( )Key Word( แกนกลาง (Knowledge) ) K( หรือผลการเรียนรู้ )Core Content( / )Learning Outcome( สาระการเรียนรู้ )รูอ้ ะไร( )Content( - อธิบายสว่ นประกอบและ หลกั การทางานของหม้อแปล .16อธิบายหลักการทางาน อธิบาย- หม้อแปลง - - อธบิ ายการเกิด ของหมอ้ แปลง แรงเคลือ่ นไฟฟา้ เหนีย่ วนาใน คานวณ- หมอ้ แปลง และขนาดของ บอก- แรงเคล่อื นไฟฟา้ เหน่ยี วนาข้ึน อภิปราย- กบั จานวนรอบของขดลวด - อธบิ ายส่วนประกอบและ หลักการทางานของวงจรเปล กระแสสลับเปน็ กระแสตรง - คานวณหาปริมาณทีเ่ ก่ียวขอ้ กับการทางานของหม้อแปลง แผนหลักเพอื่ การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน
พฤติกรรมการการเรยี นรู้ ด้านทักษะกระบวนการ ดา้ นสมรรถนะตามหลักสตู ร ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Attribute) ) A( (Process) )P( (Competencies) )C( )เปน็ คนอยา่ งไร( )ทาอะไร( )เกิดสมรรถนะใด( อธิบาย- การสื่อสาร- มวี นิ ัยใฝเ่ รียนรู้- ลง คานวณ- การคิด- มงุ่ ม่นั ในการทางาน- บ-อก การแก้ปญั หา- ซ่อื สตั ย์สุจรติ - น มจี ติ สาธารณะ- นอยู่ ลี่ยน อง ได้
มาตรฐาน )Standard( คาสาคัญ สาระการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ และตวั ชีว้ ดั )Indicator( )Key Word( แกนกลาง (Knowledge) ) K( หรือผลการเรียนรู้ อธิบาย- )Core Content( / )Learning Outcome( คานวณ- สาระการเรียนรู้ )ร้อู ะไร( บอก- .17อธิบายการเกิดคลนื่ )Content( -อธบิ ายการเกิดคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้า และสเปกตรัม แม่เหล็กไฟฟ้า โดยใชท้ ฤษฎคี คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทฤษฎคี ลื่นแมเ่ หล็ก - แมเ่ หล็กไฟฟา้ ของแมก็ ซเ์ วลล และสเปกตรมั คลนื่ - อธบิ ายได้ว่าเมอ่ื อเิ ลก็ ตรอน แมเ่ หลก็ เคลอื่ นทก่ี ลับไปกลบั มาใน สายอากาศ จะทาใหเ้ กดิ คลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้าแผอ่ อกจาก สายอากาศ - อธบิ ายความหมายของ สเปกตรัม ความแตกตา่ งและ ประโยชนข์ องคลื่นแม่เหลก็ ไฟ แตล่ ะชนดิ ในสเปกตรัมคล่ืน แมเ่ หล็กไฟฟ้า - อธิบายโพลาไรเซชนั ของแส โดยการดูดกลนื การสะทอ้ น การหกั เห การกระเจิง
แผนหลักเพอ่ื การจัดการเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน พฤตกิ รรมการการเรยี นรู้ ด้านทกั ษะกระบวนการ ด้านสมรรถนะตามหลักสูตร ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (Process) )P( (Competencies) )C( (Attribute) ) A( )ทาอะไร( )เกดิ สมรรถนะใด( )เปน็ คนอยา่ งไร( อธิบาย- การส่ือสาร- มวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้- คลน่ื คานวณ- มงุ่ มัน่ ในการทางาน- ล์ บอก- การคิด- ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ - น การแก้ปญั หา- มีจติ สาธารณะ- น ะ ฟฟา้ สง
แผนหลักเพอ่ื การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน มาตรฐาน )Standard( คาสาคญั สาระการเรยี นรู้ ด้านความรู้ และตัวชี้วัด )Indicator( )Key Word( แกนกลาง (Knowledge) ) K( หรือผลการเรยี นรู้ )Core Content( / )รอู้ ะไร( )Learning Outcome( สาระการเรยี นรู้ -ทาการทดลอง และตรวจสอ )Content( ได้วา่ แสงสะทอ้ นจากผิววตั ถ บางชนดิ เปน็ แสงโพลาไรส์ 18. อธบิ ายโพลาไรเซชนั ของ -ทาการทดลอง -โพลาไรเซชันของคลนื่ -อธบิ ายโพลาไรเซชันของแสง โดยการดดู กลืน การสะท้อน แสง แสงโพลาไรส์ และแสง อธิบาย- แม่เหล็กไฟฟา้ การหกั เห และการกระเจงิ ไมโ่ พลาไรส์ ตารางท่ี 3 กาหนดหน วชิ า (Course ฟสิ กิ ส์ )4 ชือ่ หน่วยการเรยี นรู)้ Unit ( ผลการเรยี นรู้ 1. อธิบายการเหนี่ยวนาไฟฟา้ 13. ไฟฟ้าสถติ แผนหลกั เพอื่ การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน
พฤตกิ รรมการการเรยี นรู้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ด้านสมรรถนะตามหลกั สูตร ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (Attribute) ) A( (Process) )P( (Competencies) )C( )เปน็ คนอย่างไร( )ทาอะไร( )เกดิ สมรรถนะใด( อบ ทาการทดลอง- การส่ือสาร- มวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้- ถุ อธบิ าย- การคดิ - มุ่งมั่นในการทางาน- ง การแกป้ ญั หา- ซอ่ื สัตย์สุจริต- มจี ิตสาธารณะ- น่วยการเรียนรู้ (Unit) รหสั วิชา( Course Codeว )32204 สาระการเรียนรู้ )Content( จานวนชัว่ โมง การนาวัตถุทีเ่ ปน็ กลางทางไฟฟ้ามาถูกนั จะทาใหว้ ัตถมุ ีประจไุ ฟฟ้า 2 เนอื่ งจากอิเล็กตรอนจะถูกถา่ ยโอนจากวัตถหุ น่ึงไปปอกี วัตถุหนึง่ โดยการถ่ายโอนประจุเปน็ ไปตามกฎอนุรกั ษ์ประจุไฟฟา้ เมอื่ นา วัตถุทมี่ ปี ระจุไฟฟา้ ไปใกลต้ ัวนาไฟฟา้ จะทาใหเ้ กิดประจุชนดิ ตรง ข้ามบนตัวนาทางด้านทใี่ กลว้ ัตถุ การทาให้เกิดประจุในหลกั การนี้ เรียกวา่ การเหนย่ี วนาไฟฟ้า
ช่อื หน่วยการเรยี นรู้)Unit ( ผลการเรยี นรู้ 2. อธบิ ายแรงกระทาระหวา่ งอนภุ าคทมี่ ปี ระจุไฟฟา้ 3. อธบิ ายสนามไฟฟา้ สนามไฟฟ้าของจดุ ประจุ และสนามไฟ ของตัวนาทรงกลม 4. อธบิ ายพลงั งานศักย์ไฟฟา้ ศกั ยไ์ ฟฟา้ และความต่างศกั ย์ร สองตาแหน่ง
แผนหลกั เพอื่ การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน สาระการเรียนรู้ )Content( จานวนช่วั โมง ฟฟา้ อนภุ าคท่ีมีประจุไฟฟ้าจะมีแรงกระทาซง่ึ กนั และกันตามกฎของ 2 ระหวา่ ง คลู อมบ์ กล่าวคอื แรงระหวา่ งจุดประจแุ ปรผันตรงกับผลคณู ของ 4 ขนาดของประจุท้งั สองและแปรผกผนั กับกาลังสองของระยะทาง ระหวา่ งประจุ 6 เมื่อนาประจุไปวางไว้ ณ ตาแหนง่ ใด แล้วมีแรงไฟฟา้ กระทาต่อ ประจนุ ้นั กลา่ วไดว้ ่า ตาแหนง่ นนั้ มสี นามไฟฟ้าแรงทีก่ ระทาต่อ ประจุบวกหนึ่งหนว่ ยทนี่ าแหน่งใดๆ คอื สนามไฟฟ้าท่ีตาแหน่งน้ัน สนามไฟฟ้าลพั ธ์เนือ่ งจากจดุ ประจหุ ลายจุดประจเุ ทา่ กับผลรวม แบบเวกเตอร์ของสนามไฟฟา้ เน่อื งจากจดุ ประจุแต่ละจดุ ประจุ ในกรณขี องไฟฟา้ สถติ สนามไฟฟ้าภายในตัวนาทรงกลมเปน็ ศูนย์ สนามไฟฟ้าบนตัวนามที ิศทางตั้งฉากกบั ผวิ ตวั นาน้ัน และ สนามไฟฟา้ เน่อื งจากประจบุ นตัวนาทรางกลมทีต่ าแหนง่ ห่างจาก ผิวออกไปมีลกั ษณะเชน่ เดยี วกบั สนามไฟฟ้าเน่อื งจากจุดประจซุ ึง่ อยทู่ ศ่ี ูนยก์ ลางของทรงกลม โดยขนาดของประจเุ ท่ากบั ผลรวมของ ประจุทั้งหมดท่ผี วิ ของทรงกลม ประจุท่ีอยู่ในสนามไฟฟา้ จะมีพลังงานศกั ยไ์ ฟฟา้ พลงั งานศักย์ไฟฟ้า ทีต่ าแหน่งใดๆ ตอ่ หนึ่งหนว่ึ ยประจุ เรียกวา่ ศกั ย์ไฟฟา้ ท่ีตาแหนง่ นน้ั ความต่างศกั ย์ระหว่างสองตาแหน่ง คอื งานในการเคล่ือน ประจุบวก 1 หน่วย จากตาแหน่งหนึ่งไปอีกตาแหน่งหนง่ึ ในบริเวณ ท่ีมสี นามไฟฟา้ และศกั ยไ์ ฟฟ้ารวมเนอ่ื งจากจดุ ประจุหลายจุดประจุ คือ ผลบวกทางพีชคณิตของศักยไ์ ฟฟา้ เนื่องจากจุดประจแุ ต่ละจุด ประจุ ศกั ยไ์ ฟฟา้ เน่อื งจากประจบุ นตวั นาทรงกลมท่ตี าแหน่งใดๆ นบั จากผวิ เขา้ ไปมคี า่ เทา่ กับศักยไ์ ฟฟ้าที่ผิวซ่ึงแปรผันตรงกับขนาด ของประจแุ ละแปรผนั กับรศั มีของทรงกลม ความสมั พันธข์ องความ ต่างศกั ย์ระหว่างตาแหน่งใดๆ ในแนวขนานกับสนามไฟฟ้าทหี่ า่ ง
แผนหลกั เพอ่ื การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้)Unit ( ผลการเรียนรู้ 5. อธบิ ายความจุ หลกั การทางานของตวั เกบ็ ประจแุ ละผลการ เก็บประจุ แบบอนกุ รมหรือขนาน .6อธบิ ายหลกั การทางานของอุปกรณ์บางชนิดโดยใชค้ วามร เกยี่ วกับไฟฟ้าสถิตย์ .7อธบิ ายการเกดิ กระแสไฟฟา้ ในตัวกลางและวิเคราะห์หา กระแสไฟฟ้าในลวดตวั นาโลหะ 14. ไฟฟา้ กระแส 8. อธิบายกฎของโอห์ม ความต้านทาน และการใช้กฎของโอ แผนหลักเพอ่ื การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน
สาระการเรยี นรู้ )Content( จานวนชั่วโมง กันเป็นระยะ d กบั ขนาดของสนามไฟฟา้ สม่าเสมอ E เป็นไปตาม สมการ E = VB VA d รตอ่ ตวั ตัวเกบ็ ประจปุ ระกอบด้วยตัวนาสองชน้ิ คน่ั ดว้ ยไดอิเลก็ ทรกิ 4 รู้ จานวนประจทุ ี่เกบ็ ไดข้ ึ้นอยกู่ ับความต่างศักย์ครอ่ มตวั เก็บประจุ 2 และความจขุ องตวั เก็บประจุ ตัวเก็บประจจุ ะมพี ลังงานสะสมเม่ือ 4 ต่อความตา่ งศกั ย์ เมื่อนาตวั เก็บประจุมาตอ่ กันแบบอนุกรม ความ จสุ มมลู มีค่าลดลง เมอ่ื ตอ่ แบบขนาน ความจุสมมลู มคี า่ เพิม่ ขึน้ 6 ความรู้เร่ืองไฟฟ้าสถติ อธบิ ายการทางานของเครื่องใช้ไฟฟ้าบาง ประเภทได้ เช่น เครือ่ งกาจดั ฝุ่นในอากาศ เครอื่ งพ่นสี เคร่อื งถ่าย ลายน้วิ มอื เครือ่ งถ่ายเอกสาร เป็นต้น เมอ่ื ต่อลวดตวั นากับแหล่งกาเนดิ ไฟฟา้ ประจอุ ิสระทอี่ ยู่ในลวด ตวั นาจะเคล่ือนที่ทาให้เกิดกระแสไฟฟา้ ทม่ี ที ิศทางเดียวกับ สนามไฟฟ้า โดยทศิ ทางการเคล่ือนที่จากจดุ ของอนภุ าคที่มปี ระจุ บวกมที ศิ ทางจากจุดท่มี ีศกั ย์ไฟฟ้าสูงไปยังจุดที่มศี ักย์ไฟฟา้ ตา่ กว่า และกระแสไฟฟ้ามคี วามสมั พันธก์ ับความเร็วลอยเลอ่ื นของ อิเล็กตรอนอิสระ จานวนประจุและพ้นื ท่หี นา้ ตัดของลวดตวั นา อห์ม เมือ่ อณุ หภมู คิ งตวั กระแสไฟฟ้าในตัวนาโลหะความตา่ งศักย์ท่ี ปลายท้ังสองและความต้านทานของตัวนานั้นมคี วามสัมพันธ์กัน ตามกฎของโอหม์ ความตา้ นทานของวัตถุแตล่ ะชนิ้ ขึ้นกบั รูปร่าง และชนดิ ของวัตถุ ความต้านทานของวัสดหุ น่ึงๆ จะเปลย่ี นไปเมอ่ื อุณหภมู ิเปลย่ี น ส่วนสภาพต้านทานเป็นสมบตั ิของสารแตล่ ะชนดิ เม่ือนาตัวต้านทานค่าคงตวั มาต่อกันแบบอนกุ รมความต้านทาน สมมูลมีค่าเพิม่ ข้ึน เม่ือต่อแบบขนานความต้านทานสมมลู มคี ่า
ช่อื หนว่ ยการเรียนร้)ู Unit ( ผลการเรยี นรู้ 9. อธบิ ายความหมายของแรงเคลอื่ นไฟฟา้ และความต่างศกั ย ระหว่างขว้ั 10. อธบิ ายพลงั งานไฟฟ้าและกาลงั ไฟฟา้ ในวงจร 11. วิเคราะห์และหาปริมาณทางไฟฟา้ ในวงจรไฟฟา้ กระแสตร งา่ ย 12. อธิบายแรงกระทาตอ่ อนภุ าคทีม่ ีประจไุ ฟฟ้าทีเ่ คล่ือนทเ่ี ข้า สนามแมเ่ หล็กและแรงกระทาต่อลวดตัวนาทีม่ กี ระแสไฟฟา้ ผ่า อยู่ในสนามแม่เหลก็ 15. ไฟฟ้าและแม่เหล็ก
แผนหลักเพอ่ื การจัดการเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน สาระการเรยี นรู้ )Content( จานวนช่วั โมง ลดลง ย์ แรงเคลื่อนไฟฟ้าเปน็ ค่าท่ีแสดงถึงพลังงานทแี่ บตเตอรี่ให้ตอ่ 1 2 หนว่ ยประจทุ ผ่ี า่ นแบตเตอรนี่ น้ั ความตา่ งศักยร์ ะหว่างขั้วแบตเตอร่ี 2 ในวงจรเปดิ จะเท่ากับแรงเคล่ือนไฟฟา้ ของแบตเตอร่ีน้ัน 6 8 พลงั งานไฟฟ้าที่ส้ินเปลอื งในเครื่องใช้ไฟฟ้าขนึ้ อย่กู ับความตา่ งศกั ย์ กระแสไฟฟา้ และเวลาทีใ่ ช้ รงอยา่ ง ความรเู้ กยี่ วกับกฎของโอห์ม การตอ่ ตัวต้านทาน การตอ่ แบตเตอรี่ พลังงานไฟฟ้าและกาลังไฟฟ้านาไปแกป้ ญั หาวงจรไฟฟา้ กระแส ตรงที่ประกอบด้วยแบตเตอรแ่ี ละตัวต้านทาน าไปใน อนภุ าคทม่ี ปี ระจุไฟฟ้าเคล่อื นทเี่ ขา้ ไปในสนามแมเ่ หล็กจะมีแรง านและ กระทาต่ออนุภาคน้ันและสามารถหาทิศทางของแรงไดจ้ ากกฎมอื ขวา ส่วนลวดตัวนาทมี่ กี ระแสไฟฟ้าผา่ นและอยู่ในสนามแม่เหลก็ จะเกิดแรงกระทาต่อลวดตัวนานั้นเช่นกัน โดยมที ิศทางของแรง ตามกฎมือขวา และถ้าใหก้ ระแสไฟฟา้ ผ่านลวดตัวนาสองเส้นทวี่ าง ขนานกัน จะเกิดแรงกระทาระหว่างลวดตวั นาทั้งสอง ซึง่ ผลจาก สนามแม่เหลก็ ท่ลี วดแต่ละเสน้ สรา้ งขึน้
แผนหลักเพอ่ื การจัดการเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้)Unit ( ผลการเรยี นรู้ .13อธบิ ายการหมนุ ของขดลวดทีม่ ีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านและ สนามแม่เหล็กและการนาหลกั การน้ไี ปสร้างและอธบิ ายการท ของแกลแวนอมเิ ตอร์และมอเตอรไ์ ฟฟา้ .14อธิบายแรงเคลื่อนไฟฟา้ เหนี่ยวนา กฎของฟาราเดย์ และ หลักการน้ีไปสร้างและอธบิ ายการทางานของเคร่อื งกาเนดิ ไฟฟ .15อธบิ ายลกั ษณะของไฟฟา้ กระแสสลบั การผลติ ไฟฟา้ กระ และปริมาณทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง .16อธบิ ายหลกั การทางานของหม้อแปลง แผนหลักเพอื่ การจัดการเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน
สาระการเรยี นรู้ )Content( จานวนช่ัวโมง ะอยใู่ น เมื่อมีกระแสไฟฟา้ ผ่านขดลวดตวั นารปู ส่ีเหลีย่ มทีอ่ ยใู่ น 2 ทางาน สนามแมเ่ หลก็ จะมีโมเมนตข์ องแรงคู่ควบกระทาตอ่ ขดลวดทาให้ 4 ขดลวดหมุน ซึ่งเปน็ หลักการของแกลแวนอมเิ ตอร์ และหลกั การน้ี นาไปสร้างมอเตอรไ์ ฟฟ้า ะการนา ขดลวดตัวนารูปสี่เหล่ยี มทเ่ี คลอื่ นที่ตดั ฟลกั ซ์แม่เหลก็ จะเกิด ฟ้า แรงเคลอ่ื นไฟฟ้าเหนยี่ วนาในขดลวดตัวนาอธิบายไดโ้ ดยใชก้ ฎ ของฟาราเดย์ ซง่ึ สามารถนาไปอธบิ ายการทางานของเคร่ืองกาเนดิ ไฟฟา้ ความร้เู ก่ยี วกับแรงเคลือ่ นไฟฟ้าเหน่ยี วนาใชอ้ ธบิ ายการ ทางานของแบลลสั ต์แบบเดมิ ของหลอดฟลอู อเรสเซนต์ และการ เกิดแรงเคลอ่ื นไฟฟา้ ยอ้ นกลับในมอเตอร์ ะแสสลบั ไฟฟ้ากระแสสลับมคี วามตา่ งศกั ย์และกระแสไฟฟ้าเปล่ียนแปลงไป 12 ตามเวลาในรูปของฟงั กช์ ันไซนก์ ารวัดความตา่ งศกั ยแ์ ละ 2 กระแสไฟฟฟา้ สลับใชค้ ่ายงั ผลหรอื ค่ามิเตอร์ เคร่ืองกาเนดิ ไฟฟา้ กระแสสลบั 3 เฟส มีขดลวดตัวนา 3 ชดุ แต่ละชดุ วางทามมุ 120 องศา ซ่งึ กันและกนั ไฟฟา้ กระแสสลบั ท่อี อกมาจากขดลวดแตล่ ะ ชดุ จงึ มเี ฟสตา่ งกัน 120 องศา ซึง่ ชว่ ยใหม้ ปี ระสิทธิภาพในการผลิต และการส่งพลังงานไฟฟา้ เม่ือไฟฟา้ กระแสสลับผา่ นขดลวดปฐมภมู จิ ะเกิดแรงเคล่ือนไฟฟ้า เหน่ียวนาในขดลวดทุติยภมู ขิ องหมอ้ แปลง โดยแรงเคล่อื นไฟฟา้ ใน ขดลวดทุตยิ ภูมขิ ้ึนอย่กู ับแรงเคลอื่ นไฟฟ้าในขดลวดปฐมภมู แิ ละ จานวนรอบของขดลวดทุติยภมู ิ และชนิดของวัสดุทีใ่ ชเ้ ป็นแกน ของขดลวด
ช่อื หน่วยการเรียนร้)ู Unit ( ผลการเรยี นรู้ .17อธบิ ายการเกิดคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้า และสเปกตรัมคล่ืน แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ 16. คลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า .18อธิบายโพลาไรเซชนั ของแสง แสงโพลาไรส์ และแสงไมโ่ ไรส์
แผนหลกั เพอื่ การจัดการเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน สาระการเรยี นรู้ )Content( จานวนช่วั โมง คลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้าเกดิ จากการเหนีย่ วนาตอ่ เน่ืองขน้ึ ระหวา่ ง 4 สนามแม่เหลก็ และสนามไฟฟา้ และทาให้เกดิ การเคลอ่ื นท่ีของ 4 สนามไฟฟา้ และสนามแม่เหลก็ จากแหลง่ กาเนดิ คล่ืน แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ มีความถี่ต่อเน่อื งกันเป็นชว่ งกวา้ ง เรียกว่า สเปกตรมั คล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟา้ ได้แก่ คลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ รงั สี อินฟราเรด แสง รงั สอี ัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ์ และรังสีแกมมา โพลา คลน่ื แสงที่แผอ่ อกจากแหลง่ กาเนิดโดยมีสนามไฟฟา้ และ สนามแมเ่ หลก็ กระจายรอบทิศทางในแนวตั้งฉากกบั การเคลอ่ื นท่ี ของแสง เรียกวา่ แสงไมโ่ พลาไรซ์ เชน่ แสงจากหลอดไฟ แสงจาก ดวงอาทติ ย์ เมอ่ื แสงน้ัผ่านแผน่ โพลารอยด์ สนามไฟฟ้า หรือ( ยกว่า คลืน่ จะมีทศิ ทางอยู่ในระนาบเดียวเรี )สนามแม่เหล็ก โพลาไรซ์ สมบัตขิ องแสงลักษณะนีเ้ รียกว่า โพลาไรเซชัน
แผนหลักเพอ่ื การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน ตารางที่ 4 กาหนดน้าหนกั คะ หน่วย รหสั ตวั ช้วี ัดผลการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ดั / ที่ .1อธบิ ายการเหน่ียวนาไฟฟา้ 2. อธบิ ายแรงกระทาระหว่างอนภุ าคที่มีประจุไฟฟ้า 3. อธบิ ายสนามไฟฟา้ สนามไฟฟา้ ของจดุ ประจุ และสนามไฟฟ้าของตัวนาทรงกลม 13 .4อธบิ ายพลงั งานศกั ยไ์ ฟฟา้ ศักย์ไฟฟ้า และความต่างศักยร์ ะหว่างสองตาแหน่ง .5อธิบายความจุ หลกั การทางานของตวั เกบ็ ประจแุ ละผลการต่อตวั เก็บประจุ แบบอนกุ หรือขนาน .6อธบิ ายหลกั การทางานของอปุ กรณ์บางชนดิ โดยใช้ความร้เู ก่ยี วกบั ไฟฟ้าสถิตย์ คะแนนรวม แผนหลกั เพอื่ การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน
ะแนนการวดั และประเมนิ ผล นา้ หนัก คะแนน คะแนนตามชว่ งเวลาการวดั แลประเมินผล คะแนน ตามพิสยั ระหวา่ งเรียน กลางภาค ปลายภาค รวม 1 KPA (F) (S1) (S2) 1 KPA KK 11 2 11 11 2 2 11 11 2 3 21 21 31 กรม 2 1 1 11 21 64 64 10 2 10 10
หมายเหตุ การวดั และประเมนิ ผลแบง่ ออกเปน็ ((ส่วนคอื วดั และประเมนิ ผลเพอื่ พันนาผ้เู รียนเปน็ การประเมนิ ผลยอ่ ย 2Fo ( ครง้ั คือกลางภาค 2 แบง่ เปน็ S1 )และปลายภาค( S2) หนว่ ย รหสั ตวั ช้ีวัดผลการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ดั / ที่ .12อธิบายแรงกระทาตอ่ อนุภาคทมี่ ปี ระจุไฟฟา้ ทเี่ คล่อื นท่ีเข้าไปในสนามแม่เหล็กและแรง กระทาตอ่ ลวดตัวนาท่มี ีกระแสไฟฟา้ ผ่านและอยู่ในสนามแม่เหล็ก .13อธิบายการหมนุ ของขดลวดที่มีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านและอยใู่ นสนามแม่เหลก็ และการ หลักการนี้ไปสรา้ งและอธิบายการทางานของแกลแวนอมเิ ตอร์และมอเตอรไ์ ฟฟา้ 15 14. อธบิ ายแรงเคล่ือนไฟฟ้าเหน่ียวนา กฎของฟาราเดย์ และการนาหลักการนไ้ี ปสร้างแล อธิบายการทางานของเครื่องกาเนดิ ไฟฟ้า .15อธิบายลกั ษณะของไฟฟา้ กระแสสลับ การผลิตไฟฟ้ากระแสสลบั และปริมาณท่เี กยี่ วข 16. อธบิ ายหลักการทางานของหมอ้ แปลง คะแนนรวม
แผนหลกั เพอื่ การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน ormative Assessment()F(และวดั และประเมินผลเพือ่ สรุปผลการเรียนรู้)Summative Assessment()Sโรงเรียนเรา ) น้าหนัก คะแนน คะแนนตามช่วงเวลาการวัดแลประเมินผล คะแนน ตามพสิ ัย ระหว่างเรียน กลางภาค ปลายภาค KPA (F) (S1) (S2) รวม KPAK K ง 2 11 11 3 รนา 5 4 1 41 8 ละ 3 2 1 21 3 ข้อง 3 21 21 4 2 2 2 2 11 4 11 4 20 15 15
แผนหลกั เพอื่ การจัดการเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน หนว่ ย รหัสตัวชี้วัดผลการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด/ ท่ี .17อธบิ ายการเกดิ คล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ และสเปกตรัมคลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้า 16 .18อธบิ ายโพลาไรเซชันของแสง แสงโพลาไรส์ และแสงไมโ่ พลาไรส์ - มีวนิ ยั ม่งุ มัน่ ในการทางาน คะแนนรวมทงั้ หมด แผนหลักเพอื่ การจัดการเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน
นา้ หนัก คะแนน คะแนนตามชว่ งเวลาการวดั แลประเมนิ ผล คะแนน ตามพิสยั ระหว่างเรยี น กลางภาค ปลายภาค รวม 2 KPA (F) (S1) (S2) 11 KPA KK 11 2 3 21 21 3 10 10 10 38 12 100 50 20 30
ตารางท่ี 5 โครงสร้าง ตารางวเิ คราะหพ์ ฤตกิ รรมด้านพุทธิพิสัย ราย ที่ ชือ่ หนว่ ย ผลการเรียนรู้ คาสาคญั นา้ หนกั คะแนน การเรยี นรู้ (Keyword) ระหวา่ ง เรียน 1. อธิบายการเหนีย่ วนาไฟฟา้ - อธบิ าย - เขียนรูป 11 - บอก 13 ไฟฟา้ สถิต 2. อธบิ ายแรงกระทาระหว่าง - อธิบาย อนภุ าคท่ีมปี ระจุไฟฟา้ - คานวณ 11 - วิเคราะห์ 3. อธบิ ายสนามไฟฟ้า สนามไฟฟา้ - อธบิ าย 22 ของจดุ ประจุ และสนามไฟฟา้ ของ - คานวณ
แผนหลักเพอ่ื การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน งข้อสอบระหว่างเรยี น ยวชิ าเพมิ่ เตมิ ฟสิ กิ ส์ 4 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5 จานวนขอ้ สอบจาแนกตามกระบวนการทางสตปิ ญั ญา จานวนขอ้ สอบ จาแนกตาม น ด้านความรู้ (K) รวม ้ขอสอบ รูปแบบ ง ประยุกต์ ประเมิน คิด ใช้ ค่า สรา้ งสรรค์ แบบ แบบ จา เข้าใจ วิเคราะห์ เลอื ก เขยี น ตอบ ตอบ 21 32 1 12 1 43 1 13 43 1
แผนหลกั เพอ่ื การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน ตวั นาทรงกลม 4. อธิบายพลงั งานศักยไ์ ฟฟ้า - อธิบาย ศักย์ไฟฟ้า และความตา่ งศักย์ระหวา่ ง - คานวณ 22 11 สองตาแหน่ง - บอก 5. อธิบายความจุ หลักการทางาน - อธบิ าย ของตวั เก็บประจแุ ละผลการตอ่ ตัว - คานวณ เกบ็ ประจุ แบบอนกุ รมหรอื ขนาน ที่ ช่อื หนว่ ย ผลการเรียนรู้ คาสาคญั นา้ หนกั คะแนน การเรียนรู้ (Keyword) ระหว่าง ภาค 6. อธบิ ายหลกั การทางานของ - อธิบาย 13 ไฟฟ้าสถติ อุปกรณ์บางชนดิ โดยใชค้ วามรู้ เก่ยี วกับไฟฟา้ สถิต 7. อธบิ ายการเกดิ กระแสไฟฟา้ ใน - อธบิ าย 1 2 2 2 ตวั กลางและวเิ คราะหห์ ากระแสไฟฟา้ - วิเคราะห์ 14 ไฟฟา้ กระแส ในลวดตวั นาโลหะ 8. อธบิ ายกฎของโอหม์ ความ - อธิบาย ตา้ นทาน และการใชก้ ฎของโอห์ม - การใช้ แผนหลักเพอื่ การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน
12 3 65 1 32 1 21 จานวนขอ้ สอบจาแนกตามกระบวนการทางสตปิ ญั ญา จานวนขอ้ สอบ จาแนกตาม น ดา้ นความรู้ (K) รวมข้อสอบ รูปแบบ ง ประยกุ ต์ ประเมนิ คิด ใช้ คา่ สรา้ งสรรค์ แบบ แบบ จา เข้าใจ วเิ คราะห์ เลือก เขียน ตอบ ตอบ 31 1 53 1 22 43 1
9. อธิบายความหมายของ - อธบิ าย 11 แรงเคล่ือนไฟฟ้าและความตา่ งศักย์ - อธิบาย 11 ระหว่างข้วั 10. อธบิ ายพลงั งานไฟฟา้ และ กาลังไฟฟ้าในวงจร ที่ ชอ่ื หน่วย ผลการเรยี นรู้ คาสาคญั นา้ หนกั คะแนน การเรียนรู้ (Keyword) ระหวา่ ง ภาค 11. . วเิ คราะห์และหาปรมิ าณทาง - วเิ คราะห์ 14 ไฟฟา้ กระแส ไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้ากระแสตรงอย่าง - หาปริมาณ 2 2 งา่ ย 2 2 15 ไฟฟา้ และ 12. อธบิ ายแรงกระทาต่ออนภุ าคทม่ี ี - อธิบาย แมเ่ หลก็ ประจุไฟฟา้ ที่เคล่ือนที่เข้าไปใน - คานวณ
แผนหลกั เพอื่ การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน 53 1 41 21 32 1 จานวนข้อสอบจาแนกตามกระบวนการทางสติปญั ญา จานวนข้อสอบ จาแนกตาม น ด้านความรู้ (K) รวม ้ขอสอบ รูปแบบ ง ประยกุ ต์ ประเมนิ คิด ใช้ ค่า สร้างสรรค์ แบบ แบบ จา เขา้ ใจ วิเคราะห์ เลือก เขียน ตอบ ตอบ 12 32 1 12 32 1
แผนหลักเพอ่ื การจัดการเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน สนามแม่เหลก็ และแรงกระทาต่อลวด - บอก ตัวนาทมี่ ีกระแสไฟฟ้าผ่านและอยู่ใน สนามแม่เหลก็ 13. อธบิ ายการหมุนของขดลวดทมี่ ี - อธบิ าย กระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นและอยู่ใน - คานวณ สนามแม่เหล็กและการนาหลกั การน้ี - บอก 2 2 2 2 ไปสร้างและอธบิ ายการทางานของ แกลแวนอมเิ ตอร์และมอเตอรไ์ ฟฟ้า 14. อธบิ ายแรงเคลื่อนไฟฟา้ เหน่ียวนา - อธบิ าย กฎของฟาราเดย์ และการนา - การนา หลักการน้ีไปสรา้ งและอธบิ ายการ หลกั การนี้ไป ทางานของเครอ่ื งกาเนดิ ไฟฟ้า สร้าง ท่ี ชือ่ หน่วย ผลการเรียนรู้ คาสาคญั น้าหนกั คะแนน การเรยี นรู้ (Keyword) ระหว่าง ภาค 15. อธิบายลกั ษณะของไฟฟา้ - อธบิ าย 22 กระแสสลบั การผลติ ไฟฟา้ - คานวณ 11 กระแสสลับ และปรมิ าณท่ีเก่ยี วข้อง - อธบิ าย 16. อธิบายหลกั การทางานของหมอ้ - คานวณ แปลง แผนหลักเพอ่ื การจัดการเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ นื้ ฐาน
12 3 12 32 1 จานวนขอ้ สอบจาแนกตามกระบวนการทางสตปิ ญั ญา จานวนขอ้ สอบ จาแนกตาม น ดา้ นความรู้ (K) รวมข้อสอบ รูปแบบ ง ประยุกต์ ประเมิน คดิ ใช้ คา่ สรา้ งสรรค์ แบบ แบบ จา เขา้ ใจ วิเคราะห์ เลือก เขยี น ตอบ ตอบ 12 31 2 12 32 1
17. อธิบายการเกดิ คล่ืน - อธิบาย 16 คลื่นแม่เหลก็ แมเ่ หล็กไฟฟ้า และสเปกตรมั คลน่ื 2 2 ไฟฟา้ แมเ่ หล็กไฟฟา้ - อธิบาย 1 1 18. อธิบายโพลาไรเซชันของแสง 50 50 แสงโพลาไรส์ และแสงไมโ่ พลาไรส์ รวมคะแนนและจานวนขอ้ สอบ ตารางที่ 6 โครงสรา้ ตารางวเิ คราะหพ์ ฤตกิ รรมดา้ นพุทธิพสิ ัย ราย ที่ ชือ่ หนว่ ย ผลการเรียนรู้ คาสาคญั นา้ หนกั คะแนน การเรียนรู้ (Keyword) กลางภาค
แผนหลกั เพอื่ การจดั การเรยี นรู ้ ฟิสกิ สพ์ น้ื ฐาน 2 2 2 1 25 3 2 3 3 32 60 40 20 างขอ้ สอบกลางภาค ยวิชาเพ่ิมเติม ฟิสิกส์ 4 ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 น จานวนขอ้ สอบจาแนกตามกระบวนการทางสตปิ ญั ญา รวมข้อสอบ จานวนขอ้ สอบ ค ดา้ นความรู้ (K) จาแนกตาม จา เขา้ ใจ ประยกุ ต์ วเิ คราะห์ ประเมิน คดิ รปู แบบ ใช้ ค่า สรา้ งสรรค์ แบบ แบบ เลือก เขยี น ตอบ ตอบ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118