Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการเลี้ยงปลาดุก

คู่มือการเลี้ยงปลาดุก

Published by hiyeeding, 2018-07-02 00:25:21

Description: คู่มือการเลี้ยงปลาดุก

Search

Read the Text Version

คมู่ อื การเลยี งปลาดกุ ฝ่ ายบริการวชิ าการอาหารสัตว์ บริษทั เบทาโกร จาํ กัด (มหาชน) www.Betagrofeed .com

คู่มอื การเลยี งปลาดุกบริษทั เบทาโกร จาํ กดั (มหาชน) 1

ค่มู ือการเลียงปลาดุก ปลาดกุ เป็นปลาทีสามารถเลยี งได้งา่ ย โตเร็ว และอดทนตอ่ สภาพแวดล้อมจงึ ทําให้มีผ้ทู ีสนใจในการเลียงมากขนึ ในปัจจบุ นั การเลียงปลาดกุ ในปัจจบุ นั ปลาดกุ ทีนิยมเลยี งกนั มากคือ ปลาดกุ ลกู ผสมหรือทีเรียกกนั ทวั ไปวา่ \"บิกอยุ \"ซึงเป็นลกู ผสมระหวา่ งปลาดกุ อยุ กบั ปลาดกุ รสั เซีย (ดกุ ยกั ษ์ หรือดกุ เทศ) ซึงปลาดกุ ลกู ผสมนจี ะเลยี งง่ายโตเรว็และต้านทานโรคได้ดี ลกั ษณะทวั ไปของปลาดกุ คอื เป็นปลาไมม่ ีเกลด็ ตวั ยาวเรียว ครีบหลงั ยาวไมม่ กี ระโดง ครีบท้องยาวเกือบถึงโคนหาง มีอวยั วะชว่ ยในการหายใจ ซึงช่วยให้ปลาดกุ มคี วามอดทนสามารถในสภาพนําทีไม่เหมาะสม หรืออย่พู ้นนําได้นาน ชอบกินอาหารจําพวกเนอื สตั ว์ แตถ่ ้านํามาเลียงในบ่ออาจให้อาหารจําพวกพืช และสามารถฝึกนิสยั ให้ปลาดกุ ขนึ มากนิ อาหารบริเวณผิวนําได้ การเลียงปลาดกุ สามารถเลยี งได้ทงั ในบอ่ ดนิ บอ่ ซเี มนต์และในกระชงั แตส่ ว่ นมากนิยมเลยี งในบ่อดนิ ซึงขนาดบ่อดินทเี หมาะสมควรมขี นาดไมเ่ กิน 1 ไร่การเลือกสถานทีปัจจยั ทีควรนํามาพิจารณาในการเลือกสถานทีสร้างบอ่ เลยี งปลา มีดงั นี 1 สถานทีไมเ่ ป็นทีลมุ่ หรือทีดอนเกินไป สามารถจดั ระบบนําระบายนําเข้า-ออกได้ดี 2. สภาพดินควรเป็นดนิ เหนียวสามารถทําเป็นคนั บอ่ เกบ็ กกั นําได้ดี 3. สภาพนําต้องเป็นนําสะอาดปราศจากสารพิษ 4. ทางคมนาคมสะดวกการเตรียมบ่อเลียงปลามวี ิธีการเตรียมบอ่ ดงั นี 1.บ่อใหม่ - ใสป่ นู ขาวเพือปรบั สภาพดินในอตั รา 60-100 กิโลกรมั /ไร่ โดยให้ทวั พนื บอ่ - ใสป่ ๋ ยุ คอกอตั รา 200 กิโลกรัม/ไร่ โดยโรยให้ทวั บ่อ - เตมิ นําให้ได้ระดบั 40-50 เซนตเิ มตร ทิงไว้ 1-2 วนั จนนําเริมเป็นสเี ขยี วระวงั อยา่ ให้เกิดแมลง หรือศตั รูปลา 2

2. บ่อเก่า - หลงั จากจบั สตั วน์ ําออกจากบ่อหมดแล้ว สบู นําจากบ่อเลยี งให้แห้งพอหมาด เพราะการตากบ่อจนแห้งจะเป็นการฆา่ จลุ ชีพทีมปี ระโยชน์ในดินจนหมด กําจดั วชั พชื หรือหญ้าตามขอบบอ่ ออกให้มากทีสดุ การเลยี งสตั วน์ ําโดยทวั ไปจะประสบผลสําเร็จในชว่ ง 1-2 ปี แรกเทา่ นนั หลงั จากนนั หากไมม่ กี ารพกั หรือฟืนฟูสภาพบ่อ เกษตรกรมกั จะประสบปัญหาผลผลติ ลดลง ปัญหาการเกิดโรคระบาด ทําให้ไมส่ ามารถได้ผลผลติ ดีเหมอื นกบั ทเี คยได้ จนต้องขาดทนุ อยเู่ สมอ ๆ ทีเป็นเชน่ นีเพราะ 1) เกษตรกรไมม่ กี ารพกั บอ่ หรือเว้นระยะการเลยี ง 2) สภาพดินในบอ่ เสือมโทรม 3) เกิดการสะสมของสารอินทรีย์ในดนิ ก้นบอ่ 4) เกิดการสะสมของสารพิษหรือก๊าซพิษในดิน 5) ดินพืนบ่อกลายเป็นแหลง่ สะสมของเชือโรค 6) จลุ ินทรีย์ทีเป็นประโยชน์ไมส่ ามารถเจริญได้ - สาดปนู ขาวในอตั รา 100-120 กิโลกรัม/ไร่ ให้ทวั พืนก้นบ่อ เพือเป็นการปรับสภาพความเป็นกรด-ดา่ ง ให้เหมาะสมตอ่ การเจริญเตบิ โตของจลุ ชีพในการย่อยสลายของเสียในบ่อ - ตากบ่อทิงไว้ 1 สปั ดาห์ จากนนั พลกิ กลบั หน้าดนิ ชนั ลา่ งขนึ มา โดยใช้รถไถหรือคลาด เพือให้ของเสียทีหมกั หมมในดนิ สมั ผสั กบั อากาศและจลุ นิ ทรีย์จะทําการยอ่ ยสลายของเสียได้ดยี ิงขนึ - สาดปนู ขาวในอตั รา 100-120 กิโลกรัม/ไร่ ให้ทวั พืนก้นบอ่ อีกครงั จากนนั ตากบ่อปอกี เป็นเวลา 1 สปั ดาห์ในบอ่ ทใี ช้งานมากกวา่ 3 ปี ควรทําซําอกี ครงั จนครบ 3 ครงั หรือใช้เวลาตากบอ่ อยา่ งน้อย 3 สปั ดาห์ - นํานําเข้าบอ่ เลียง 1-2 วนั แล้วทําการปลอ่ ยสตั ว์นํา กอ่ นปลอ่ ยปลาควรตรวจวดั ความเป็นกรด-ดา่ งของนําอกี ครัง ถ้าไมถ่ ึง 7.5-8.5 ควรนําปนู ขาวละลายนําสาดให้ทวั บอ่ เพือปรบั ความเป็นกรด-ดา่ ง ให้ได้ 7.5 -8.5 3

การเตรียมพันธ์ุปลาการเลือกซือลกู ปลาควรพิจารณาปัจจยั ตา่ ง ๆ ดงั นี 1. แหลง่ พนั ธ์หุ รือบอ่ เพาะฟัก ควรดจู าก - ความนา่ เชือถือและไว้วางใจได้ในเรืองคณุ ภาพ - มีการคดั เลือกพอ่ แมพ่ นั ธ์ุ เพือให้ได้พนั ธ์ทุ ีมคี ณุ ภาพ - มีความชํานาญในการขนสง่ ลกู ปลา 2. ลกั ษณะภายนอกของลกู ปลาต้องปกติสมบรู ณ์ ซึงสงั เกตจาก - การวา่ ยนําต้องปราดเปรียว ไมว่ า่ ยควงสวา่ น หรือลอยตวั ตงั ฉากพืนบอ่ - ลาํ ตวั สมบรู ณ์ หนวด หาง ครีบ ไมก่ ร่อน ไมม่ ีบาดแผล ไมม่ จี ดุ หรือปยุ ขาวเกาะ - ขนาดลกู ปลาต้องเสมอกนัการปล่อยลูกปลา เมอื ขนสง่ ลกู ปลามาถงึ บอ่ ทเี ตรียมไว้ควรแชถ่ งุ ปลาไว้ในบอ่ ประมาณ 10-15 นาที เพือปรบั อณุ หภมู ิระหวา่ งนําในถงุ กบั นําในบ่อเพือป้ องกนั ลกู ปลาชอ็ ค กอ่ นปลอ่ ยลกู ปลาควรมีการทําร่มเงาไว้ในบอ่ ให้ลกู ปลาได้ใช้เป็นทีอยอู่ าศยัอตั ราการปล่อย เกษตรกรรายใหม่ ควรปลอ่ ยลกู ปลาขนาดปลานิว จะทําให้อตั ราการรอดสงู อตั ราการปลอ่ ย ปลาขนาด - เซนตเิ มตร ปลอ่ ย 0,000- 0,000 ตวั /ไร่ กอ่ นปลอ่ ยควรสมุ่ นบั จํานวนเพือตรวจสอบให้รู้จํานวนจริงอาหารและการให้อาหาร ต้นทนุ การผลติ ปลาประมาณ 80% เป็นคา่ อาหาร เพราะฉะนนั ในการเลยี งปลาการให้อาหารเป็นสงิ ทีต้องให้ความสาํ คญั ทงั ในสว่ นของคณุ ภาพของอาหารและปริมาณทีให้ต้องเพียงพอกบั ความต้องการของปลา ซงึ ถ้าใม่เพียงพอจะทําให้ปลามีอตั ราการเจริญเตบิ โตทีไมด่ ี แตก่ ็ไมค่ วรมากเกนิ ความต้องการ เพราะจะเกิดปัญหาตา่ งๆตามมา เชน่ สนิ เปลืองอาหาร นําเน่าเสยี เร็ว ต้องเสยี คา่ ใช้จา่ ยในการเปลยี นถา่ ยนําการเลือกซืออาหารลักษณะของอาหาร - สีสนั ดี - กลินดี ไมเ่ หมน็ หืน - ขนาดเมด็ สมําเสมอ ไมเ่ ป็นฝ่ นุ - การลอยตวั ของอาหารในนําอย่ไู ด้นาน - อาหารไมเ่ ปี ยกชืน ไมจ่ บั ตวั เป็นก้อน ไมข่ นึ รา 4

การใช้อาหารสาํ เร็จรูป - อาหารสาํ หรบั ลกู ปลาวยั ออ่ น (ชนดิ ผง ) ไบโอ 600 ใช้สําหรบั ลกู ปลาขนาด 1 – 4 เซนตเิ มตร - อาหารสาํ หรบั ลกู ปลาวยั ออ่ น เบ-ฟิ น 111 ใช้สาํ หรบั ลกู ปลาขนาด 3-5 เซนตเิ มตร - อาหารปลาดกุ เลก็ ( เบทาโกร 831 , ไบโอ 631 , โอเมก็ 731 ) ใช้สาํ หรบั ลกู ปลาขนาด 5 เซนตเิ มตร –1.5 เดอื น - อาหารปลาดกุ กลาง ( เบทาโกร 832 , ไบโอ 632 , โอเมก็ 732 ) ใช้สําหรบั ปลาอายุ 1.5 -3 เดอื น - อาหารปลาดกุ ใหญ่ ( เบทาโกร 833 , ไบโอ 633 , โอเมก็ 733 ) ใช้สาํ หรบั ปลาอายุ 3 เดอื น - สง่ ตลาดวธิ ีการให้อาหารปลา 1. เมือปลอ่ ยลกู ปลาวนั แรกไมต่ ้องให้อาหาร จะเริมให้อาหารวนั ถดั ไป อาหารทีให้เป็นอาหารลกู ปลาวยั ออ่ น (ชนิดผง ) ไบโอ 600 พรมนํา แล้ว นวดจนเหนียวปันเป็นก้อนแล้วเสยี บกบั ไม้ปักไว้รอบ บ่อปริมาณทีให้ต้องให้ปลากินหมด ภายในเวลา 15-20 นาที โดยให้อาหารประมาณ 1 สปั ดาห์ 2. หลงั จากนนั อาจจะให้อาหารสาํ หรบั ลกู ปลาวยั ออ่ น เบ-ฟิ น 111 แชน่ ําให้นิมแล้วปันรวมกบั อาหารลกู ปลาวยั ออ่ นให้ปลากิน เมือปลาโตพอกนิ อาหารเมด็ ได้ก็เริมให้อาหารปลาดกุ เลก็ พิเศษอยา่ ง เดยี วหวา่ นให้กินกระจายทวั บ่อ ปริมาณทีให้กะ หมดภายใน 15 นาที ระยะเวลาประมาณ 1 สปั ดาห์ 3. เมอื ปลามีขนาดประมาณ 5 เซน็ ติเมตรก็ เริมเปลยี น อาหารปลาดกุ เลก็ ( เบทาโกร 831 , ไบโอ 631) โดยให้ในแตล่ ะมือควรให้ปลากินหมดภายใน 15 นาที ช่วงนคี วรเริมฝึกให้ปลากินอาหารเป็นที โดยให้อาหารจดุ เดมิ ประจําและเคาะหลกั ไม้ทกุ ครงัเมือมีการให้อาหาร การให้อาหารปลาจะให้ 2 มอื ตอ่ วนั 4. เมอื ปลามอี ายุ 1.5 เดอื น ให้อาหารปลาดกุ กลาง ( เบทาโกร 832 , ไบโอ 632 ) และเปลียนเป็นอาหารปลาดกุ ใหญ่ ( เบทาโกร 833 , ไบโอ 633) เมือปลาอายปุ ระมาณ 3 เดือน หรือนําหนกั ปลามากวา่ 180 กรัม โดยปริมาณทีให้แตล่ ะมอื จะต้องให้ปลากินหมดภายใน 15 นาที ให้อาหาร 2 มือ 5

ในกรณีปลาป่ วย หรือกินอาหารลดลงให้ลดปริมาณอาหารลงครึงหนงึ ของปริมาณทีให้ปกติ ในกรณีเกิดจากสภาพนํา หรือการเปลียนแปลงของอากาศให้ปรับสภาพนําโดยทําการเปลยี นถ่ายนํา หรือใสเ่ กลือ หรือปนู ขาวถ้าพบวา่ ปลาทีเกิดจากเชือแบคทเี รียให้ผสมปฏชิ ีวนะ 3-5 กรมั ตอ่ อาหาร 1 กิโลกรมั ให้กนิ ติดตอ่ กนั 7 วนั เชน่อาออกชีเตตร้าซยั คลนิ ถ้าเกิดจากพยาธิภายนอกให้รกั ษาตามลกั ษณะของพยาธินนั ๆ เชน่ ถ้าพบปลงิ ใส เห็บระฆงัเกาะจํานวนมาก หรือเริมทยอยตายให้ใช้ฟอร์มาลนิ เข้มข้น 20-25 ซีซ/ี นํา 1,000 ลิตร ฉีดพน่ หรือสาดลงในบ่อแช่ทิงตลอดการจัดการระหว่างการเลียง ในระหวา่ งการเลียง ควรมกี ารสงั เกตพุ ฤตกิ รรม การกินอาหารของปลา และคณุ ภาพนํา โดยควรมีการถา่ ยนําเพือให้คณุ ภาพนําในบอ่ ดีอยเู่ สมอ ซงึ จะสง่ ผลให้ปลามีอตั ราการเจริญเติบโตทีดี อตั รารอดสงู และความเสยี งตอ่การเกิดโรคน้อยลง และทีสําคญั ควรมกี ารสมุ่ ชงั ปลาในระหวา่ งการเลยี งเป็นระยะเพือเป็นการตรวจสอบอตั ราการเจิรญฌติบโตของปลาวา่ อยใู่ นเกณฑ์ทเี หมาะสมหรือไม่ และใช้ในการปรบั ปริมาณการให้อาหารให้เพียงพอกบั ความต้องการของปลาตวั อยา่ งการสมุ่ ชงั นําหนกั ปลาทเี ขา้ เยยี ม ว/ด/ป จน.ลกู ปลา อัตรา ขนาด อายุ ขนาดปลา ปรมิ าณ อาหาร ปรมิ าณปลา อตั รา สขุ ภาพปลา ลกู ปลา แลกเนอื /การตาย 29/9/08 ทลี งปลา ทลี ง การปล่อย ลกู ปลาทลี ง ทสี มุ่ อาหารทใี ห ้ สะสม ประมาณ (กก/ถงุ )10/10/08 (วัน)16/10/08 (ตัว) (ตวั /บ่อ) (กรมั ) ตอ่ วนั (กก.) (กก.) (กก.) FCR ADG หมายเหตุ23/10/08 32 28/8/08 33000 ปลานวิ 43 8/11/08 4922/11/08 28/8/08 33000 16500 2.22 56 38.76 1060 1023.3 1.10 18.20 1.141875 - 72 52.00 1800 1372.8 1.37 14.60 1.157674 28/8/08 33000 16500 2.22 86 52.63 2140 1389.4 1.61 12.44 1.028776 73.81 2720 1948.6 1.44 13.90 1.278393 28/8/08 33000 16500 2.22 117.14 4400 3092.5 1.45 13.79 1.596111 161.54 5880 4264.7 1.41 14.22 28/8/08 33000 16500 2.22 1.84093 28/8/08 33000 16500 2.22 28/8/08 33000 16500 3.22 6

โรคของปลาดกุ และการระวงั รักษา สาเหตทุ ีทําให้ปลาดกุ เป็นโรคนนั เนืองมาจากปลาเครียดและออ่ นแอ ทําให้เชือแบคทีเรียเข้าสตู่ วั ปลาแสดงพิษออกมาได้ง่ายขนึ ซงึ สาเหตดุ งั กลา่ วนนั มกั เกิดขนึ เพราะ 1. นําเสยี หรือก้นบ่อมีเศษอาหารเน่าเสยี หมกั หมมอย่มู าก 2. การปลอ่ ยปลามจี ํานวนมากเกินไปในบ่อเดยี วกนั 3. โปรโตซวั เชือรา แบคทีเรีย ไวรัส 4. ปลาขาดธาตอุ าหาร และมีอาหารไมเ่ พียงพอในการเลยี งลักษณะของปลาดุกทปี ่ วยลักษณะทสี ามารถสังเกตได้จากภายนอก - กินอาหารลดลงหรือไมก่ ินอาหาร - พฤติกรรมการวา่ ยนําผดิ ปกติ เชน่ การวา่ ยนําควงสวา่ น วา่ ยหงายท้อง วา่ ยนําไร้ทิศทาง ชอบเอาตวั ถกู บัต้หู รือวสั ดอุ ืน ชอบแยกจากฝงู - ความผดิ ปกตติ ามอวยั วะตา่ ง ๆ เชน่ ครีบกร่อน มีแผลตามตวั สซี ีดหรือเปลยี นไป เช่นสเี หลืองหรือคลาํ มีขลยุ หรือปยุ ขาวเกาะตามตวั มีจดุ ตกเลอื ดตามลาํ ตวั ตาโปน ตาขาวขนุ่ ตาหลดุ มเี มือกมาก เหงือกกร่อน มีสิงสกปรกเกาะตามเหงือก หนวดกดุ ท้องหรือโคนครีบบวม ลกั ษณะทีสามารถสงั เกตได้จากภายใน มีของเหลวสะสมในชอ่ งท้อง อาจมีสีใส เหลืองหรือมีเลือดปน ตบั หรือม้ามมสี ซี ีด มจี ดุ ขาวหรือดําตามอวยั วะภายในตา่ ง ๆโรคทเี กิดจากปรสิตภายนอกปลิงใสเหบ็ ระฆัง 7

จุดขาวอาการหรือลักษณะความผดิ ปกติ ครีบของปลากร่อน มีแผลตกเลอื ดตามผวิ หนงั อาจมบี าดแผลตามลาํ ตวั ปลาขบั เมอื กออกมามากบริเวณเหงือกและผิวหนงั ในปลาขนาดใหญ่อาจทําให้เกิดการระคายเคอื ง วา่ ยนําผดิ ปกติ ไมค่ อ่ ยกินอาหาร ถ้าเกิดในปลาขนาดเลก็ ลกู ปลาจะแสดงอการลอยหวั กนิ อาหารลดลง วา่ ยนําเชืองช้าและทยอยตายเป็นจํานวนมากการป้ องกันรักษารกั ษาคณุ ภาพนําให้ดอี ยเู่ สมอ ฟอร์มาลนิ 25 มิลลิลิตร ตอ่ นํา 1 ตนัโรคทเี กิดจากการตดิ เชอื แบคทเี รียโรคตัวด่างสาเหตุ : เกิดจากแบคทีเรียท่อนยาว (แฟคซิแบคเตอร์ คอลมั นารีส) มกั เกดิ ในชว่ งคณุ ภาพนําเกิดการเปลยี นอย่างรวดเร็ว จะทําความเสียหายมากในลกู ปลาอายุ 20-45 วนัอาการหรือลักษณะความผดิ ปกติ ในปลาขนาดใหญ่ปลากินอาหารน้อยลง บางสว่ นของผิวมีสซี ีดหรือขาวเป็นปื นชดั เจนหรือมบี าดแผลหลมุ 8

ลกึ ตามลาํ ตวั ปลาวา่ ยนําเชืองช้าทีผวิ นํา ทยอยตายเรือย ๆ และจะตายมากอย่างรวดเร็วในช่วงทคี ณุ ภาพนําไมด่ ี ในปลาขนาดเลก็ ลกู ปลาจะแสดงอการลอยหวั กินอาหารลดลง วา่ ยนําเชืองช้า ผิวหนงั มสี ีขาวเป็นปื นหรือหนวดกดุ ตวั ตงั ตรงทีผวิ นําและทยอยตายเป็นจํานวนมากการป้ องกันรักษา ลดหรืองดให้อาหาร แชป่ ลาด้วยดา่ งทบั ทิม 0.5-1 กรมั /ตนั เสริมวติ าทิน ซี ในอาหาร 3-5 กรมั /กิโลกรมัในช่วงอากาศเปลยี น (ร่วมกบั การเสริมยาปฏชิ ีวนะ 3-5 กรัม/กิโลกรัม)โรคกกหูบวม ท้องบวมนาํสาเหตุ: เกิดจากแบคทเี รียท่อนสนั (แอโรโมแนส ไฮโดรฟิ ลลา) เมอื ทําการแยกเชือจากตบั หรือม้าม สามารถพบแบคทีเรียจํานวนมาก และมีสาเหตโุ น้มนํามาจาก การเปลยี นแปลงของสภาพแวดล้อม เชน่ ฝนตก อากาศเปลยี นโดยเฉพาะชว่ งนําหลากหรือปลายฝนต้นหนาว ทําให้ปลาออ่ นแอ เกิดโรคง่ายอาการหรือลักษณะความผดิ ปกติ สามารถเกิดขนึ ได้ทงั ในปลาขนาดเลก็ และขนาดใหญ่ ปลาทีเกิดโรคจะแสดงอาการท้องบวมนํา บริเวณครีบหูบวมโต หนวดกดุ หรืออาจมบี าดแผลและจดุ ตกเลอื ดตามลาํ ตวั เมือผา่ ชอ่ งท้องจะมนี ําสเี หลอื งทะลกั ออกมาเป็นจํานวนมาก ตบั มสี ีซดีการป้ องกันรักษา ลดหรืองดให้อาหาร ผสมยาปฏชิ ีวนะ 3-5 กรัม/อาหาร 1 กิโลกรมั ติดตอ่ กนั 5-7 วนั เสริมวิตามนิ ซี ในอาหาร 3-5 กรัม/กิโลกรัม ในชว่ งอากาศเปลยี น (ร่วมกบั การเสริมยาปฏิชีวนะ 3-5 กรมั /กิโลกรัม) 9

โรคทไี ม่ได้เกิดจากการตดิ เชอืโรคทีเกดิ จากการขาดวติ ามนิ ซีอาการหรือลักษณะความผดิ ปกติตวั คดงอ คอพบั หวั กะโหลกเป็นรู กะโหลกร้าว มีแผลระหวา่ งคอ ปลาจะตายจํานวนมากระหวา่ งการจบั หรือขนสง่การป้ องกันรักษา - ใช้อาหารทีเสริมวิตามนิ ซี 3-5 กรัม/อาหาร 1 กิโลกรมั ตดิ ตอ่ กนั นาน 5-7 วนั - เก็บอาหารไว้ในทีร่ม ให้หา่ งความชืนและแสงแดดโรคดีซ่านอาการหรือลักษณะความผดิ ปกติ ลําตวั โดยเฉพาะสว่ นท้องมีสีเหลอื ง ภายในชอ่ งท้องจะมขี องเหลวสเี หลอื งสะสมอยู่ ไขมนั สะสมภายใน ผนงัชอ่ งท้อง รวมทงั ลําไส้ มสี ีเหลอื ง ถงุ นําดีมีสเี ข้ม หากคณุ ภาพนําไมด่ ีและอณุ หภมู ขิ องนําสงู ปลาจะทยอยตายเป็นจํานวนมาก สาเหตเุ กิดจากปลากนิ อาหารทีมีไขมนั ทีเหมน็ หนื เช่น คอไก่ ไส้ไกห่ รือเศษเครืองในสตั วท์ ีเนา่ หรือเกบ็ ไว้นานรวมทงั อาหารสาํ เร็จรูปทีชนื หรือเกบ็ ไว้ในที ๆ มีความร้อนสงูการป้ องกันรักษาหลกี เลยี งการใช้อาหารสด ใช้อาหารสําเร็จรูปทีมีคณุ ภาพ รกั ษาคณุ ภาพนําให้ดอี ยเู่ สมอ 10

การป้ องกันการเกดิ โรค 1. ไมป่ ลอ่ ยหรือเลยี งหนาแนน่ จนเกินไป 2. รกั ษาคณุ ภาพนําให้ดอี ยเู่ สมอ 3. ให้อาหารทีมคี ณุ ภาพและสมาํ เสมอ 4. หมนั ทําความสะอาดวสั ดหุ รืออปุ กรณ์ทใี ช้เลียง 5. มบี อ่ พกั นําคณุ ภาพดสี าํ หรับเปลียนถ่าย 6. เน้นการจดั การสขุ ภาพสตั ว์นําในชว่ งวิกฤติ ทีจะโน้มนําทาํ ให้สตั ว์นําเกิดความเครียด โดยเฉพาะ ช่วง เปลียนแปลงสภาวะอากาศอย่างเฉียบพลนั อากาศร้อนตดิ ตอ่ กนั เป็นเวลานาน ฝนตกฟ้ าครึมตดิ ตอ่ กนั หลาย วนั นําหลาก ชว่ งเปลยี นถ่ายนําใหม่ ชว่ งรอยตอ่ ระหวา่ งฤดู เชน่ ร้อนและฝน หรือ ปลายฝนต้นหนาวโดยการ - เสริมวติ ามนิ ซี ในอาหารในอตั รา 3-5 กรัม/กิโลกรัม ติดตอ่ กนั 3-5 วนั เพือป้ องกนั หรือลดการเกิดความเครียด - สาดหรือแขวนถงุ เกลือแกง 100-120 กิโลกรัม/ไร่ - ควรมรี ะยะพกั บอ่ หลงั การเลยี ง เพือให้เกิดการฟืนฟสู ภาพแวดล้อมในบอ่ - เตรียมบอ่ เลียงให้ดีทกุ ครงั ก่อนการเลยี ง - หลีกเลียงการเลยี ง ในชว่ งวิกฤติ - หากจําเป็นต้องเลยี งต้องลดความหนาแน่นลง หรือเพิมความเข้มข้นของการจดั การขนึ เช่น การตดิ เครืองให้อากาศ และให้อากาศอย่างตอ่ เนือง ในชว่ งฟ้ าครึม หรือฝนตกติดตอ่ กนัในกรณีทตี ้องขนส่งปลา - ใช้ยาเหลือง ความเข้มข้น 0.5 กรมั /นํา 1 ตนั เพือลดปริมาณ เชือแบคทีเรียในนํา - เกลือแกง 0.5-1 กิโลกรมั /นํา 1 ตนั เพือชดเชยการสญู เสยี เกลือแร่และลดความเป็นพิษจากสิงขบั ถา่ ยระหวา่ งการขนสง่ - งดอาหารกอ่ นการขนสง่ อยา่ งน้อย 24 ชวั โมงกอ่ นการขนสง่ - ใช้อณุ หภมู ติ ําหรือหลกี เลียงการขนสง่ ชว่ งอากาศร้อน 11

ทาํ อย่างไรเมือสตั ว์นําเกดิ โรค - ลดหรืองดให้อาหาร - รักษาคณุ ภาพนําให้ดอี ยเู่ สมอ โดยเฉพาะออกซเิ จนทีละลายในนํา - เมือนําคณุ ภาพไมด่ ี เปลยี นถา่ ยนํา 1/3 พร้อมการให้เกลอื แกงเพือชดเชยการสญู เสียเกลอื แร่ - ใช้ยาหรือสารเคมีอยา่ งชาญฉลาด เท่าทจี ําเป็นและมเี หตผุ ล ควรตระหนกั อยเู่ สมอวา่ 1. ยาและสารเคมีมรี าคาแพง 2. ถ้าสตั วน์ ําป่ วยมากแล้วการใช้ยาและสารเคมจี ะเป็นการซาํ เติมปลาให้ตายเร็วขนึ 3. เลือกใช้ยาและสารเคมใี ห้ตรงกบั สาเหตุ 4. โรคทีมีสาเหตมุ าจากแบคทีเรียทที ําให้เกิดโรคภายในร่างกาย ต้องผสมยาปฏิชีวนะให้ปลากิน ใน อตั รา 3-5 กรมั /อาหาร 1 กิโลกรมั ติดตอ่ กนั เป็นเวลา 5-7 วนั ซึงจะได้ผลกต็ อ่ เมอื “สตั ว์นําเริม แสดงอาการในช่วง 1-3% แรกของจํานวนทงั หมด” ทีสาํ คญั ต้องเข้าใจวา่ “สตั ว์นําสว่ นใหญ่เมอื ป่ วยมากแล้วจะไมก่ นิ อาหาร ดงั นนั การผสมยาในอาหารจะไมท่ ําให้การรกั ษาได้ผล” - ไมค่ วรเคลือนย้ายสตั วน์ ําทีป่ วยออกนอกพืนที ควรเผาหรือฝังสตั วน์ ําทีตาย หรือทําให้สกุ กอ่ นนําไปบริโภค - ควรฆ่าเชือเครืองมือหรืออปุ กรณ์ทีปนเปื อนเชือโรคด้วยยาฆา่ เชือ เชน่ ดา่ งทบั ทิม โพวโิ ดนไอโอดีนเมอื สตั วน์ ําแสดงอาการป่ วย ในชว่ งแรก ๆ ต้องนําสตั ว์นําทีป่ วยไปตรวจวนิ ิจฉยั เพือหาสาเหตทุ ีแท้จริงของการเกดิ โรคทนั ที - ไมค่ วรสตั ว์นําทีตายแล้วหรือแชแ่ ขง็ แชเ่ ยน็ ไปตรวจวนิ ิจฉยั โรค - ตวั อยา่ งสตั ว์นําป่ วยทีมชี ีวิต จะทําให้การตรวจวนิ ิจฉยั แมน่ ยํามากทีสดุ ฝ่ ายบริการวชิ าการอาหารสัตว์ บ. เบทาโกร จก.(มหาชน) 12


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook