ตัวชี้วดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑
สารบัญ หน้า คานา ๑ ทาไมต้องเรียนวทิ ยาศาสตร์ ๑ เรียนรู้อะไรในวิทยาศาสตร์ ๒ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ๔ คุณภาพผู้เรียน ๙ ตัวชี้วดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง ๙ ๒๔ สาระที่ ๑ ส่ิงมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ ๓๑ สาระที่ ๒ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ๔๑ สาระท่ี ๓ สารและสมบตั ิของสาร ๔๗ สาระที่ ๔ แรงและการเคล่ือนที่ ๕๔ สาระที่ ๕ พลงั งาน ๖๒ สาระท่ี ๖ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก ๖๘ สาระท่ี ๗ ดาราศาสตร์และอวกาศ ๗๘ สาระท่ี ๘ ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ อภิธานศัพท์ คณะผ้จู ัดทา
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ทาไมต้องเรียนวทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์มีบทบาทสาคญั ยิง่ ในสังคมโลกปัจจุบนั และอนาคต เพราะวทิ ยาศาสตร์เกี่ยวขอ้ ง กบั ทุกคนท้งั ในชีวติ ประจาวนั และการงานอาชีพต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เคร่ืองมือเคร่ืองใชแ้ ละ ผลผลิตต่าง ๆ ท่ีมนุษยไ์ ดใ้ ชเ้ พ่ืออานวยความสะดวกในชีวิตและการทางาน เหล่าน้ีลว้ นเป็ นผลของ ความรู้วิทยาศาสตร์ ผสมผสานกบั ความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์อ่ืน ๆ วทิ ยาศาสตร์ช่วยให้มนุษยไ์ ด้ พฒั นาวิธีคิด ท้งั ความคิดเป็ นเหตุเป็ นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทกั ษะสาคญั ในการ คน้ ควา้ หาความรู้ มีความสามารถในการแกป้ ัญหาอยา่ งเป็ นระบบ สามารถตดั สินใจโดยใช้ขอ้ มูลท่ี หลากหลายและมีประจกั ษพ์ ยานที่ตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็ นวฒั นธรรมของโลกสมยั ใหม่ซ่ึงเป็ น สังคมแห่งการเรียนรู้ (K knowledge-based society) ดังน้ันทุกคนจึงจาเป็ นต้องได้รับการพัฒนาให้รู้ วทิ ยาศาสตร์ เพื่อที่จะมีความรู้ความเขา้ ใจในธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษยส์ ร้างสรรคข์ ้ึน สามารถ นาความรู้ไปใชอ้ ยา่ งมีเหตุผล สร้างสรรค์ และมีคุณธรรม เรียนรู้อะไรในวทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวงั ให้ผูเ้ รียน ไดเ้ รียนรู้วิทยาศาสตร์ท่ีเน้นการเชื่อมโยง ความรู้กบั กระบวนการ มีทกั ษะสาคญั ในการคน้ ควา้ และสร้างองค์ความรู้ โดยใชก้ ระบวนการในการ สืบเสาะหาความรู้ และการแกป้ ัญหาที่หลากหลาย ใหผ้ ูเ้ รียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกข้นั ตอน มีการ ทากิจกรรมดว้ ยการลงมือปฏิบตั ิจริงอยา่ งหลากหลาย เหมาะสมกบั ระดบั ช้นั โดยไดก้ าหนดสาระสาคญั ไวด้ งั น้ี สิ่งมีชีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ สิ่งมีชีวติ หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวติ โครงสร้างและ หน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของส่ิงมีชีวิต และกระบวนการดารงชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ การ ถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม การทางานของระบบต่าง ๆ ของส่ิงมีชีวิต วิวฒั นาการและความหลากหลาย ของสิ่งมีชีวติ และเทคโนโลยชี ีวภาพ ชีวิตกับส่ิงแวดล้อม สิ่งมีชีวิตที่หลากหลายรอบตวั ความสัมพนั ธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ความสัมพนั ธ์ของส่ิงมีชีวติ ตา่ ง ๆ ในระบบนิเวศ ความสาคญั ของทรัพยากรธรรมชาติ การ ใชแ้ ละจดั การทรัพยากรธรรมชาติ ในระดบั ทอ้ งถ่ิน ประเทศ และโลก ปัจจยั ที่มีผลต่อการอยูร่ อดของ สิ่งมีชีวติ ในสภาพแวดลอ้ มตา่ ง ๆ สารและสมบัติของสาร สมบัติของวสั ดุและสาร แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค การ เปล่ียนสถานะ การเกิดสารละลายและการเกิดปฏิกิริยาเคมีของสาร สมการเคมี และการแยกสาร
แรงและการเคลื่อนที่ ธรรมชาติของแรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงโนม้ ถ่วง แรงนิวเคลียร์ การ ออกแรงกระทาต่อวตั ถุ การเคลื่อนที่ของวตั ถุ แรงเสียดทาน โมเมนต์การเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ใน ชีวติ ประจาวนั พลงั งาน พลงั งานกบั การดารงชีวติ การเปลี่ยนรูปพลงั งาน สมบตั ิและปรากฏการณ์ของ แสง เสียง และวงจรไฟฟ้า คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า กมั มนั ตภาพรังสีและปฏิกิริยานิวเคลียร์ ปฏิสัมพนั ธ์ ระหวา่ งสารและพลงั งานการอนุรักษพ์ ลงั งาน ผลของการใชพ้ ลงั งานตอ่ ชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม กระบวนการเปล่ยี นแปลงของโลก โครงสร้างและองคป์ ระกอบของโลก ทรัพยากรทาง ธรณี สมบตั ิทางกายภาพของดิน หิน น้า อากาศ สมบัติของผิวโลก และบรรยากาศ กระบวนการ เปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ปรากฏการณ์ทางธรณี ปัจจยั ที่มีผลต่อการเปล่ียนแปลงของบรรยากาศ ดาราศาสตร์และอวกาศ ววิ ฒั นาการของระบบสุริยะ กาแล็กซี เอกภพ ปฏิสัมพนั ธ์และผล ต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก ความสัมพนั ธ์ของดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และโลก ความสาคญั ของเทคโนโลยี อวกาศ ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหา ความรู้ การแกป้ ัญหา และจิตวทิ ยาศาสตร์ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ ส่ิงมชี ีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ มาตรฐาน ว ๑. ๑ เขา้ ใจหน่วยพ้นื ฐานของส่ิงมีชีวติ ความสมั พนั ธ์ของโครงสร้าง และหนา้ ท่ีของ ระบบต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตที่ทางานสัมพนั ธ์กนั มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใชใ้ นการดารงชีวติ ของตนเองและดูแลสิ่งมีชีวติ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ววิ ฒั นาการของส่ิงมีชีวติ ความหลากหลายทางชีวภาพ การใชเ้ ทคโนโลยชี ีวภาพที่มี ผลกระทบต่อมนุษยแ์ ละส่ิงแวดลอ้ ม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวทิ ยา ศาสตร์ สื่อสาร ส่ิงท่ีเรียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระท่ี ๒ ชีวติ กบั สิ่งแวดล้อม มาตรฐาน ว ๒. ๑ เข้าใจสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจความสาคญั ของทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติในระดับ ทอ้ งถ่ิน ประเทศ และโลกนาความรู้ไปใชใ้ นในการจดั การทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถิ่นอยา่ งยงั่ ยนื
สาระท่ี ๓ สารและสมบตั ขิ องสาร มาตรฐาน ว ๓. ๑ เขา้ ใจสมบตั ิของสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ิของสารกบั โครงสร้างและแรง ยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจหลกั การและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลาย การเกิดปฏิกิริยา มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารส่ิงท่ี เรียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระที่ ๔ แรงและการเคลื่อนท่ี มาตรฐาน ว ๔. ๑ เข้าใจธรรมชาติของแรงแม่เหล็กไฟฟ้ า แรงโน้มถ่วง และแรงนิ วเคลียร์ มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ อยา่ งถูกตอ้ งและมีคุณธรรม มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจลกั ษณะการเคล่ือนที่แบบตา่ งๆ ของวตั ถุในธรรมชาติมีกระบวนการ สืบเสาะหาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ ส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ สาระท่ี ๕ พลงั งาน มาตรฐาน ว ๕. ๑ เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างพลังงานกับการดารงชีวิต การเปล่ียนรูปพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้พลังงานต่อชีวิตและ ส่ิ งแวดล้อม มีกระบวน การสื บเสาะหาความรู้ สื่ อสารสิ่ งที่เรี ยนรู้และ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระท่ี ๖ กระบวนการเปลยี่ นแปลงของโลก มาตรฐาน ว ๖. ๑ เขา้ ใจกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนบนผิวโลกและภายในโลก ความสัมพนั ธ์ของ กระบวนการต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และสัณฐาน ของโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระท่ี ๗ ดาราศาสตร์และอวกาศ มาตรฐาน ว ๗. ๑ เขา้ ใจววิ ฒั นาการของระบบสุริยะ กาแลก็ ซีและเอกภพการปฏิสัมพนั ธ์ภายในระบบ สุริยะและผลต่อส่ิงมีชีวิตบนโลก มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวิทยา ศาสตร์ การสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว ๗.๒ เข้าใจความสาคัญของเทคโนโลยีอวกาศที่นามาใช้ในการสารวจอวกาศและ ทรัพยากรธรรมชาติ ด้านการเกษตรและการส่ือสาร มีกระบวนการสืบเสาะหา ความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์อยา่ งมี คุณธรรมต่อชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม สาระที่ ๘ ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๘. ๑ ใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การ แกป้ ัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดข้ึนส่วนใหญ่มีรูปแบบท่ีแน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ ภายใตข้ อ้ มูลและเคร่ืองมือท่ีมีอยใู่ นช่วงเวลาน้นั ๆ เขา้ ใจวา่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม และสิ่งแวดลอ้ ม มีความเกี่ยวขอ้ งสมั พนั ธ์กนั คุณภาพผู้เรียน จบช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๓ เข้าใจลักษณะท่ัวไปของส่ิงมีชีวิต และการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตท่ีหลากหลายใน ส่ิงแวดลอ้ มทอ้ งถิ่น เขา้ ใจลกั ษณะที่ปรากฏและการเปล่ียนแปลงของวสั ดุรอบตวั แรงในธรรมชาติ รูปของ พลงั งาน เขา้ ใจสมบตั ิทางกายภาพของดิน หิน น้า อากาศ ดวงอาทิตย์ และดวงดาว ต้งั คาถามเกี่ยวกบั สิ่งมีชีวติ วสั ดุและส่ิงของ และปรากฏการณ์ตา่ งๆ รอบตวั สังเกต สารวจ ตรวจสอบโดยใชเ้ คร่ืองมืออยา่ งง่าย และสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้ดว้ ยการเล่าเร่ือง เขียน หรือวาดภาพ ใชค้ วามรู้และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ในการดารงชีวิต การศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติม ทาโครงงานหรือชิ้นงานตามที่กาหนดให้ หรือตามความสนใจ แสดงความกระตือรือร้น สนใจท่ีจะเรียนรู้ และแสดงความซาบซ้ึงตอ่ สิ่งแวดลอ้ มรอบตวั แสดงถึงความมีเมตตา ความระมดั ระวงั ต่อสิ่งมีชีวติ อ่ืน ทางานที่ได้รับมอบหมายดว้ ยความมุ่งมนั่ รอบคอบ ประหยดั ซ่ือสัตย์ จนเป็ นผลสาเร็จ และทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งมีความสุข จบช้ันประถมศึกษาปี ที่ ๖ เขา้ ใจโครงสร้างและการทางานของระบบต่างๆ ของสิ่งมีชีวิต และความสัมพนั ธ์ของ ส่ิงมีชีวติ ท่ีหลากหลายในสิ่งแวดลอ้ มท่ีแตกตา่ งกนั
เขา้ ใจสมบตั ิและการจาแนกกลุ่มของวสั ดุ สถานะของสาร สมบตั ิของสารและการทาให้ สารเกิดการเปลี่ยนแปลง สารในชีวติ ประจาวนั การแยกสารอยา่ งง่าย เขา้ ใจผลที่เกิดจากการออกแรงกระทากบั วตั ถุ ความดนั หลกั การเบ้ืองตน้ ของแรงลอยตวั สมบตั ิและปรากฏการณ์เบ้ืองตน้ ของแสง เสียง และวงจรไฟฟ้า เขา้ ใจลกั ษณะ องค์ประกอบ สมบตั ิของผิวโลก และบรรยากาศ ความสัมพนั ธ์ของดวง อาทิตย์ โลก และดวงจนั ทร์ที่มีผลต่อการเกิดปรากฎการณ์ธรรมชาติ ต้งั คาถามเก่ียวกบั สิ่งที่จะเรียนรู้ คาดคะเนคาตอบหลายแนวทาง วางแผนและสารวจ ตรวจสอบโดยใชเ้ คร่ืองมือ อุปกรณ์ วเิ คราะห์ขอ้ มูล และส่ือสารความรู้จากผลการสารวจตรวจสอบ ใชค้ วามรู้และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการดารงชีวติ และการศึกษาความรู้เพม่ิ เติม ทาโครงงานหรือชิ้นงานตามท่ีกาหนดใหห้ รือตามความสนใจ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมน่ั รับผดิ ชอบ รอบคอบและซ่ือสตั ยใ์ นการสืบเสาะหาความรู้ ตระหนกั ในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แสดงความชื่นชม ยกยอ่ ง และ เคารพสิทธิในผลงานของผคู้ ิดคน้ แสดงถึงความซาบซ้ึ ง ห่ วงใย แส ดงพฤติกรรมเก่ียวกับการใช้การดูแลรักษ า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มอยา่ งรู้คุณคา่ ทางานร่วมกบั ผูอ้ ื่นอย่างสร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นของตนเองและยอมรับฟังความ คิดเห็นของผอู้ ื่น จบช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี ๓ เขา้ ใจลกั ษณะและองคป์ ระกอบท่ีสาคญั ของเซลล์ส่ิงมีชีวิต ความสัมพนั ธ์ของการทางาน ของระบบต่างๆ การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ ความหลากหลายของ สิ่งมีชีวิต พฤติกรรมและการตอบสนองต่อส่ิงเร้าของส่ิงมีชีวิต ความสัมพนั ธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตใน ส่ิงแวดลอ้ ม เขา้ ใจองคป์ ระกอบและสมบตั ิของสารละลาย สารบริสุทธ์ิ การเปลี่ยนแปลงของสารใน รูปแบบของการเปลี่ยนสถานะ การเกิดสารละลายและการเกิดปฏิกิริยาเคมี เขา้ ใจแรงเสียดทาน โมเมนตข์ องแรง การเคล่ือนที่แบบต่างๆ ในชีวิตประจาวนั กฎการ อนุรักษพ์ ลงั งาน การถ่ายโอนพลงั งาน สมดุลความร้อน การสะทอ้ น การหกั เหและความเขม้ ของแสง เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ระหว่างปริมาณทางไฟฟ้า หลกั การต่อวงจรไฟฟ้าในบา้ น พลงั งาน ไฟฟ้าและหลกั การเบ้ืองตน้ ของวงจรอิเล็กทรอนิกส์
เขา้ ใจกระบวนการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก แหล่งทรัพยากรธรณี ปัจจยั ที่มีผลต่อการ เปลี่ยนแปลงของบรรยากาศ ปฏิสัมพนั ธ์ภายในระบบสุริยะ และผลที่มีต่อสิ่งตา่ งๆ บนโลก ความสาคญั ของเทคโนโลยอี วกาศ เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ระหวา่ งวิทยาศาสตร์กบั เทคโนโลยี การพฒั นาและผลของการพฒั นา เทคโนโลยตี อ่ คุณภาพชีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม ต้งั คาถามที่มีการกาหนดและควบคุมตวั แปร คิดคาดคะเนคาตอบหลายแนวทาง วางแผน และลงมือสารวจตรวจสอบ วเิ คราะห์และประเมินความสอดคลอ้ งของขอ้ มูล และสร้างองคค์ วามรู้ ส่ือสารความคิด ความรู้จากผลการสารวจตรวจสอบโดยการพูด เขียน จดั แสดง หรือใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศ ใชค้ วามรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดารงชีวติ การศึกษาหา ความรู้เพ่ิมเติม ทาโครงงานหรือสร้างชิ้นงานตามความสนใจ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมน่ั รับผิดชอบ รอบคอบ และซ่ือสัตยใ์ นการสืบเสาะหาความรู้ โดยใช้ เครื่องมือและวธิ ีการที่ใหไ้ ดผ้ ลถูกตอ้ งเชื่อถือได้ ตระหนกั ในคุณค่าของความรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยที ี่ใช้ในชีวิตประจาวนั และการ ประกอบอาชีพ แสดงความชื่นชม ยกยอ่ งและเคารพสิทธิในผลงานของผคู้ ิดคน้ แสดงถึงความซาบซ้ึง ห่วงใย มีพฤติกรรมเก่ียวกบั การใช้และรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ มอย่างรู้คุณค่า มีส่วนร่วมในการพิทกั ษ์ ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มใน ทอ้ งถิ่น ทางานร่วมกบั ผูอ้ ื่นอย่างสร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นของตนเองและยอมรับฟังความ คิดเห็นของผอู้ ่ืน จบช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ ๖ เขา้ ใจการรักษาดุลยภาพของเซลลแ์ ละกลไกการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวติ เขา้ ใจกระบวนการถ่ายทอดสารพนั ธุกรรม การแปรผนั มิวเทชนั ววิ ฒั นาการของสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายของสิ่งมีชีวติ และปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การอยรู่ อดของสิ่งมีชีวติ ในส่ิงแวดลอ้ มต่างๆ เขา้ ใจกระบวนการ ความสาคญั และผลของเทคโนโลยีชีวภาพต่อมนุษย์ สิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดลอ้ ม เขา้ ใจชนิดของอนุภาคสาคญั ท่ีเป็ นส่วนประกอบในโครงสร้างอะตอม การจดั เรียงธาตุใน ตารางธาตุ การเกิดปฏิกิริยาเคมีและเขียนสมการเคมี ปัจจยั ที่มีผลต่ออตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมี เขา้ ใจชนิดของแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาคและสมบตั ิต่างๆ ของสารที่มีความสมั พนั ธ์กบั แรงยดึ เหน่ียว
เขา้ ใจการเกิดปิ โตรเลียม การแยกแก๊สธรรมชาติและการกลนั่ ลาดบั ส่วนน้ามนั ดิบ การนา ผลิตภณั ฑป์ ิ โตรเลียมไปใชป้ ระโยชนแ์ ละผลต่อส่ิงมีชีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม เขา้ ใจชนิด สมบตั ิ ปฏิกิริยาที่สาคญั ของพอลิเมอร์และสารชีวโมเลกุล เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปริมาณท่ีเกี่ยวกบั การเคลื่อนท่ีแบบต่างๆ สมบตั ิของคลื่นกล คุณภาพของเสียงและการไดย้ ิน สมบตั ิ ประโยชน์และโทษของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า กมั มนั ตภาพรังสี และพลงั งานนิวเคลียร์ เขา้ ใจกระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลกและปรากฏการณ์ทางธรณีที่มีผลต่อส่ิงมีชีวติ และ ส่ิงแวดลอ้ ม เข้าใจการเกิดและวิวฒั นาการของระบบสุริยะ กาแล็กซี เอกภพและความสาคญั ของ เทคโนโลยอี วกาศ เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ของความรู้วทิ ยาศาสตร์ที่มีผลต่อการพฒั นาเทคโนโลยปี ระเภทต่างๆ และการพฒั นาเทคโนโลยที ่ีส่งผลให้มีการคิดคน้ ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ท่ีกา้ วหนา้ ผลของเทคโนโลยี ตอ่ ชีวติ สงั คม และสิ่งแวดลอ้ ม ระบุปัญหา ต้งั คาถามท่ีจะสารวจตรวจสอบ โดยมีการกาหนดความสัมพนั ธ์ระหว่างตวั แปรต่างๆ สืบค้นข้อมูลจากหลายแหล่ง ต้ังสมมติฐานที่เป็ นไปได้หลายแนวทาง ตัดสินใจเลือก ตรวจสอบสมมติฐานท่ีเป็ นไปได้ วางแผนการสารวจตรวจสอบเพื่อแก้ปัญหาหรื อตอบคาถาม วิเคราะห์ เช่ือมโยง ความสัมพนั ธ์ของตวั แปรตา่ งๆ โดยใชส้ มการทางคณิตศาสตร์หรือสร้างแบบจาลองจากผลหรือความรู้ ที่ไดร้ ับจากการสารวจตรวจสอบ สื่อสารความคิด ความรู้จากผลการสารวจตรวจสอบโดยการพูด เขียน จดั แสดง หรือใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศ ใชค้ วามรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดารงชีวติ การศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติม ทาโครงงานหรือสร้างชิ้นงานตามความสนใจ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมน่ั รับผิดชอบ รอบคอบและซ่ือสัตยใ์ นการสืบเสาะหาความรู้ โดยใชเ้ คร่ืองมือและวธิ ีการที่ใหไ้ ดผ้ ลถูกตอ้ งเช่ือถือได้ ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีใช้ในชีวิตประจาวนั การ ประกอบอาชีพ แสดงถึงความชื่นชม ภูมิใจ ยกย่อง อ้างอิงผลงาน ชิ้นงานที่เป็ นผลจากภูมิปัญญา ทอ้ งถิ่นและการพฒั นาเทคโนโลยที ่ีทนั สมยั แสดงความซาบซ้ึง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกี่ยวกบั การใชแ้ ละรักษาทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอ้ มอยา่ งรู้คุณค่า เสนอตวั เองร่วมมือปฏิบตั ิกบั ชุมชนในการป้องกนั ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ้ มของทอ้ งถ่ิน แสดงถึงความพอใจ และเห็นคุณคา่ ในการคน้ พบความรู้ พบคาตอบ หรือแกป้ ัญหาได้
ทางานร่วมกบั ผูอ้ ื่นอย่างสร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นโดยมีขอ้ มูลอา้ งอิงและเหตุผล ประกอบ เกี่ยวกบั ผลของการพฒั นาและการใชว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยา่ งมีคุณธรรมต่อสังคม และส่ิงแวดลอ้ ม และยอมรับฟังความคิดเห็นของผอู้ ื่น
ตัวชี้วดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระท่ี ๑ ส่ิงมชี ีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ มาตรฐาน ว ๑. ๑ เขา้ ใจหน่วยพ้นื ฐานของสิ่งมีชีวิต ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้าง และหนา้ ที่ของ ระบบตา่ งๆ ของสิ่งมีชีวติ ท่ีทางานสมั พนั ธ์กนั มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใชใ้ นการดารงชีวติ ของตนเองและดูแลส่ิงมีชีวติ ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป. ๑ ๑. เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง - สิ่งมีชีวติ มีลกั ษณะแตกต่างจากสิ่งไม่มีชีวิต ส่ิงมีชีวติ กบั สิ่งไมม่ ีชีวติ โดยส่ิงมีชีวิตจะมีการเคล่ือนท่ี กินอาหาร ขบั ถ่าย หายใจ เจริญเติบโต สืบพนั ธุ์และ ตอบสนองต่อสิ่งเร้า แต่สิ่งไม่มีชีวิตจะไม่มี ลกั ษณะดงั กล่าว ๒. สังเกตและอธิบายลักษณะและ - โครงสร้างภายนอกของพืชได้แก่ ราก หน้าท่ีของโครงสร้างภายนอก ลาต้น ใบ ดอกและผล แต่ละส่ วนทา ของพชื และสตั ว์ หนา้ ที่ตา่ งกนั - โครงสร้างภายนอกของสัตว์ ได้แก่ ตา หู จมูก ปาก เทา้ และขา แต่ละส่วนทาหน้าที่ แตกตา่ งกนั ๓. สั งเก ต แ ล ะอ ธิ บ ายลัก ษ ณ ะ - อวยั วะภายนอกของมนุษย์มีลักษณะและ ห น้าท่ี และความสาคัญ ของ ห น้ าที่ แ ต ก ต่ าง กัน อ วัย ว ะ เห ล่ าน้ี มี อวัยวะ ภ ายน อกข องม นุ ษ ย์ ความสาคญั ต่อการดารงชีวิต จึงต้องดูแล ตลอดจนการดูแลรักษาสุขภาพ รักษาและป้องกันไม่ให้อวยั วะเหล่าน้ัน
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ไดร้ ับอนั ตราย ป. ๒ ๑. ทดลองและอธิบาย น้า แสง เป็ น - พืชตอ้ งการน้าและแสงในการเจริญเติบโต ปัจจยั ที่จาเป็ นต่อการดารงชีวิต และการดารงชีวติ ของพชื ๒. อธิบายอาหาร น้ า อากาศ เป็ น - พืชและสัตวต์ อ้ งการอาหาร น้า อากาศ เพื่อ ปัจจัยที่จาเป็ นต่อการดารงชีวิต การดารงชีวติ ดารงชีวติ และการเจริญเติบโต และการเจริญเติบโตของพืชและ - นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการดูแลพืช สั ต ว์ แ ล ะ น า ค ว า ม รู้ ไ ป ใ ช้ และสตั วเ์ พื่อใหเ้ จริญเติบโตไดด้ ี ประโยชน์ ๓. สารวจและอธิบาย พืชและสัตว์ - พืชและสัตว์มีการตอบส นองต่อ แส ง สามารถตอบสนองต่อแสง อุณหภูมิ อุณหภูมิ และการสัมผสั และการสมั ผสั ๔. ทดลองและอธิ บาย ร่ างกายของ - ร่างกายมนุษยส์ ามารถตอบสนองต่อ แสง มนุษยส์ ามารถ ตอบสนองต่อแสง อุณหภูมิและการสมั ผสั อุณหภูมิ และการสมั ผสั ๕. อธิบายปัจจัยท่ีจาเป็ นต่อการ - มนุษยต์ อ้ งการอาหาร น้า อากาศ เพ่ือการ ดารงชีวิต และการเจริญเติบโต ดารงชีวติ และการเจริญเติบโต ของมนุษย์ ป. ๓ - - ป. ๔ ๑. ทดลองและอธิบายหน้าท่ีของ - ภายในลาตน้ ของพืชมีท่อลาเลียง เพื่อลาเลียง ท่อลาเลียงและ ปากใบของพชื น้าและอาหาร และในใบมีปากใบทาหน้าที่คายน้า ๒. อธิบายน้าแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ - ปั จจัยที่ สาคัญต่อการเจริ ญเติบโตและ แสงและคลอโรฟิ ลล์ เป็ นปัจจยั ที่ การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช ได้แก่ น้า จาเป็ นบางประการต่ อ การ แก๊ ส คาร์ บ อน ไดออกไซ ด์ แส ง และ เจริ ญเติบโตและการสังเคราะห์ คลอโรฟิ ลล์ ดว้ ยแสงของพืช ๓. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธิ บ า ย ก า ร - พืชมีการตอบสนองต่อแสง เสียง และการ ตอบสนองของพืชต่อแสง เสียง สัมผสั ซ่ึงเป็นสภาพแวดลอ้ มภายนอก และการสัมผสั
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๔. อธิบายพฤติกรรมของสัตว์ท่ี - พฤติกรรมของสัตว์ เป็ นการแสดงออก ตอบสนองต่อแสง อุณหภูมิ ของสัตวใ์ นลกั ษณะต่าง ๆ เพื่อตอบสนอง การสัมผสั และนาความรู้ไปใช้ ตอ่ ส่ิงเร้า เช่น แสง อุณหภูมิ การสัมผสั ประโยชน์ - นาความรู้เก่ียวกบั พฤติกรรมของสตั วไ์ ปใช้ ประโยชน์ในการจัดสภาพแวดล้อมให้ เหมาะสมกบั การดารงชีวิตของสัตว์ และ เพ่อื พฒั นาอุตสาหกรรมเกษตร ป. ๕ ๑. สังเกตและระบุส่วนประกอบ - ดอกโดยท่ัวไปประกอบด้วย กลีบเล้ียง ข อ งด อ ก แ ล ะ โค ร งส ร้ างท่ี กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย เก่ียวขอ้ งกบั การสืบพนั ธุ์ของพืช - ส่วนประกอบของดอกท่ีทาหนา้ ที่เก่ียวขอ้ ง ดอก กับ การสื บ พัน ธุ์ ได้แก่ เกส รเพ ศเมี ย ประกอบด้วย รังไข่ ออวุล และเกสร เพศผู้ ประกอบดว้ ยอบั เรณูและละอองเรณู ๒. อธิบายการสืบพนั ธุ์ของพืชดอก - พืชดอกมีการสืบพันธุ์ท้ังแบบอาศัยเพศ การขยายพนั ธุ์พืช และนาความรู้ และการสืบพนั ธุ์แบบไมอ่ าศยั เพศ ไปใชป้ ระโยชน์ - การขยายพันธุ์พืชเพื่อเพิ่มปริ มาณและ ๓. อธิบายวฏั จกั รชีวิตของพืชดอก คุณภาพ ของพืช ทาไดห้ ลายวธิ ี โดยการเพาะ บางชนิด เมล็ด การปักชา การตอนกิ่ง การติดตา การ ทาบก่ิง การเสียบยอด และการเพาะเล้ียง ๔. อธิ บายการสื บพันธุ์และการ เน้ือเยอ่ื ขยายพนั ธุ์ของสตั ว์ - พืชดอกเม่ือเจริญเติบโตเต็มท่ีจะออกดอก ๕. อภิปรายวฏั จักรชีวิตของสัตว์ ดอกไดร้ ับการผสมพนั ธุ์กลายเป็นผล ผลมี บางชนิด และนาความรู้ไปใช้ เมล็ด ซ่ึงสามารถงอกเป็ นต้นพืชต้นใหม่ หมุนเวยี นเป็นวฏั จกั ร - สัตวม์ ีการสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศและการ สืบพนั ธุ์แบบไม่อาศยั เพศ - การขยายพนั ธุ์สัตวโ์ ดยวธิ ีการคดั เลือกพนั ธุ์ และการผสมเทียม ทาให้มนุษยไ์ ดส้ ัตวท์ ่ีมี ปริมาณและคุณภาพตามที่ตอ้ งการ - สัตว์บางชนิด เช่น ผีเส้ือ ยุง กบ เม่ือไข่ ได้รับการผสมพันธุ์จะเจริ ญเป็ นตัวอ่อน
ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ประโยชน์ และตัวอ่อน เจริญเติบโตเป็ นตวั เต็มวยั จนกระทงั่ สามารถสืบพนั ธุ์ได้ หมุนเวียน เป็นวฏั จกั ร - มนุษยน์ าความรู้เกี่ยวกับวฏั จกั รชีวิตของ สัตว์ มาใชป้ ระโยชน์มากมาย ท้งั ทางดา้ น การเกษตร การอุตสาหกรรม และการดูแล รักษาสิ่งแวดลอ้ ม ป. ๖ ๑. อธิบายการเจริญเติบโตของมนุษย์ - มนุษยม์ ีการเจริญเติบโตและมีการ จากวยั แรกเกิดจนถึงวยั ผใู้ หญ่ เปลี่ยนแปลง ทางดา้ นร่างกายต้งั แต่แรกเกิด จนเป็ นผใู้ หญ่ ๒. อธิบายการทางานท่ีสัมพนั ธ์กนั - ระบบย่อยอาหาร ทาหน้าท่ีย่อยอาหาร ของระบบย่อยอาหาร ระบบ ให้เป็ นสารอาหารขนาดเล็กแลว้ จะถูกดูดซึม หายใจ และระบบหมุนเวียน เขา้ สู่ระบบหมุนเวยี นเลือด แก๊สออกซิเจน เลือดของมนุษย์ ท่ีไดจ้ ากระบบหายใจจะทาให้สารอาหาร เกิดการเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็ นพลงั งาน ท่ีร่างกายนาไปใชไ้ ด้ ๓. วิเคราะห์สารอาหารและอภิปราย - สารอาหาร ไดแ้ ก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ความจาเป็ นท่ีร่างกายตอ้ งไดร้ ับ ไขมัน แร่ธาตุ วิตามิน และน้ า มีความ สารอาหารในสัดส่วนท่ีเหมาะสมกบั จาเป็ นต่อร่างกาย มนุษยจ์ าเป็ นตอ้ งได้รับ เพศและวยั สารอาหารในสัดส่วนท่ีเหมาะสมกบั เพศ แล ะวัยเพื่ อการเจริ ญ เติ บ โตและการ ดารงชีวติ ม. ๑ ๑. สังเกตและอธิบายรูปร่าง ลักษณะ - เซลลข์ องส่ิงมีชีวติ เซลลเ์ ดียว และเซลล์ ของเซลล์ของสิ่ งมีชีวิตเซลล์ ของ สิ่งมีชีวติ หลายเซลล์ เช่น เซลลพ์ ชื เดียวและเซลล์ของส่ิ งมีชี วิต และเซลลส์ ตั วม์ ีรูปร่าง ลกั ษณะแตกตา่ งกนั หลายเซลล์ ๒. สังเกตและเปรียบเทียบส่วนประกอบ - นิวเคลียส ไซโทพลาซึม และเย่ือหุ้มเซลล์ สาคญั ของเซลล์พชื และเซลลส์ ัตว์ เป็ น ส่ วนประกอบส าคัญ ของเซ ลล์ ที่ เหมือนกนั ของเซลลพ์ ืชและเซลลส์ ัตว์ - ผนั งเซ ล ล์ แล ะ ค ล อ โร พ ล าส ต์ เป็ น ส่วนประกอบ ที่พบไดใ้ นเซลลพ์ ืช
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๓. ทดลองและอธิบายหน้าท่ีของ - นิวเคลียส ไซโทพลาซึม เย่ือหุ้มเซลล์ แวคิว ส่วนประกอบที่สาคญั ของเซลล์ โอล เป็ นส่วนประกอบท่ีสาคัญของเซลล์ พชื และเซลลส์ ัตว์ สตั ว์ มีหนา้ ที่แตกตา่ งกนั - นิวเคลียส ไซโทพลาซึม เยื่อหุ้มเซลล์ แวคิว โอล ผนังเซลล์ และคลอโรพลาสต์ เป็ น ส่ วนประกอบที่ ส าคัญของเซลล์พื ช มี หน้าที่ แตกตา่ งกนั ๔. ทดลองและอธิบายกระบวนการ - การแพร่ เป็ นการเคล่ือนท่ีของสาร จาก สารผ่านเซลล์ โดยการแพร่ บริ เวณท่ี มี ความเข้มข้นสู งไปสู่ บริ เวณที่ มี และออสโมซิส ความเขม้ ขน้ ต่า ๕. ทดลองหาปัจจยั บางประการท่ี - ออสโมซิสเป็น การเคล่ือนท่ีของน้าผา่ นเขา้ จาเป็นตอ่ การสังเคราะห์ดว้ ย และออกจากเซลล์ จากบริเวณที่มีความ แสงของพชื และอธิบายวา่ แสง เขม้ ขน้ ของสารละลายต่าไปสู่บริเวณที่มี คลอโรฟิ ลล์ แกส๊ คาร์บอนได- ความเขม้ ขน้ ของสารละลายสูง โดยผา่ นเยอ่ื ออกไซด์ น้า เป็ นปัจจยั ท่ี เลือกผา่ น จาเป็นตอ้ งใชใ้ นการสงั เคราะห์ ดว้ ยแสง - แสง คลอโรฟิ ลล์ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และน้า เป็นปัจจยั ท่ีจาเป็นต่อกระบวนการ ๖. ทดลองและอธิบายผลท่ีได้จาก สงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื การสังเคราะห์ดว้ ยแสงของพชื - น้าตาล แก๊สออกซิเจนและน้า เป็น ๗. อธิบายความสาคญั ของกระบวนการ ผลิตภณั ฑท์ ่ีไดจ้ ากกระบวนการสังเคราะห์ สังเคราะห์ด้วยแสงของพืชต่อ ดว้ ยแสงของพชื สิ่งมีชีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม - กระบวนการสังเคราะห์ดว้ ยแสงมี ๘. ทดลองและอธิบายกลุ่มเซลล์ที่ ความสาคญั ต่อการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวติ และตอ่ ส่ิงแวดลอ้ มใน ดา้ นอาหาร การ หมุนเวยี นของแกส๊ ออกซิเจนและแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ - เน้ือเยอ่ื ลาเลียงน้าเป็นกลุ่มเซลลเ์ ฉพาะเรียง
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง เกี่ยวขอ้ งกับการลาเลียงน้าของ ตอ่ เน่ืองกนั ต้งั แต่ราก ลาตน้ จนถึงใบ ทา พชื หนา้ ท่ี ในการลาเลียงน้าและธาตุอาหาร ๙. สังเกตและอธิบายโครงสร้างท่ี - เน้ือเย่ือลาเลียงน้าและเน้ือเยื่อลาเลียงอาหาร เกี่ยวกับระบบลาเลียงน้ าและ เป็ นกลุ่มเซลล์ที่อยู่คู่ขนานกันเป็ นท่อ อาหารของพืช ลาเลียง จากราก ลาต้นถึงใบ ซ่ึ งการ จดั เรียงตวั ของท่อลาเลียงในพืชใบเล้ียงเดี่ยว ๑๐. ทดลองและอธิบายโครงสร้างของ และพืชใบเล้ียงคู่จะแตกต่างกนั ดอกท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การสืบพนั ธุ์ ของพชื - เน้ือเยื่อลาเลียงน้า ทาหน้าที่ในการลาเลียง น้ าและธาตุอาหารจากรากสู่ ใบ ส่ วน ๑ ๑. อธิบายกระบวนการสืบพนั ธุ์ เน้ื อ เย่ือ ล าเลี ย ง อ า ห าร ท าห น้ าท่ี ล าเลี ย ง แบบอาศยั เพศของพืชดอกและ อาหารจากใบสู่ส่วนต่างๆ ของพชื การสืบพนั ธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ของพืช โดยใช้ส่วนต่างๆ ของ - การคายน้ามีส่วนช่วยในการลาเลียงน้าของ พืชเพ่ือช่วยในการขยายพนั ธุ์ พืช ๑ ๒ . ท ด ล อ งแ ล ะ อ ธิ บ าย ก าร - เกสรเพศผูแ้ ละเกสรเพศเมียเป็ นโครงสร้าง ตอบสนองของพืชต่อแสง น้ า ท่ีใชใ้ นการสืบพนั ธุ์ของพืชดอก และการสัมผสั - กระบวนการสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศของพืช ๑๓. อธิบายหลักการและผลของ ดอกเป็ นการปฏิสนธิระหวา่ งเซลล์สืบพนั ธุ์ การใช้เทคโนโลยี ชีวภาพใน เพศผแู้ ละเซลลไ์ ขใ่ นออวลุ การขยายพนั ธุ์ ปรับปรุงพนั ธุ์ - การแตกหน่อ การเกิดไหล เป็ นการสืบพนั ธุ์ ของพืชแบบไม่อาศัยเพศ โดยไม่มีการ ปฏิสนธิ - ราก ลาตน้ ใบ และก่ิงของพืชสามารถนาไปใช้ ขยายพนั ธุ์พืชได้ - พืชตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก โดยสังเกต ได้จาก ก ารเค ลื่ อน ไห วข องส่ วน ป ระก อ บ ของพืช ท่ีมีต่อแสง น้า และการสัมผสั - เทคโนโลยีชีวภาพ เป็ นการใช้เทคโนโลยี เพ่ือ ทาให้ส่ิงมีชีวติ หรือองคป์ ระกอบของ ส่ิงมีชีวติ มีสมบตั ิตามตอ้ งการ
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง เพ่ิ ม ผล ผลิ ตของพื ชแล ะน า - การเพาะเล้ียงเน้ือเยื่อพืช พันธุวิศวกรรม ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ เป็ น เท ค โ น โ ล ยีชี ว ภ าพ ที่ ใช้ ใน ก าร ขยายพนั ธุ์ ปรับปรุงพนั ธุ์ และเพิ่มผลผลิต ของพชื ๑. อธิ บ ายโค รงส ร้างแล ะก าร - ระบบย่อยอาหาร ระบบหมุนเวียนเลือด ม. ๒ ทางานของระบบ ยอ่ ยอาหาร ระบบหายใจ ระบบขบั ถ่าย ระบบสืบพนั ธุ์ ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบ และระบบประสาทของมนุษย์ ในแต่ละ หายใจ ระบบขับถ่าย ระบบ ระบบ ประกอบด้วยอวยั วะหลายชนิดท่ี สื บพันธุ์ ของมนุษย์และสัตว์ ทางานอยา่ งเป็นระบบ รวมท้ังระบ บ ป ระส าท ของ - ระบบย่อยอาหาร ระบบหมุนเวียนเลือด มนุษย์ ระบบหายใจ ระบบขบั ถ่าย ระบบสืบพนั ธุ์ ของสัตว์ ประกอบดว้ ยอวยั วะหลายชนิดที่ ทางานอยา่ ง เป็นระบบ ๒. อธิบายความสัมพนั ธ์ของระบบ - ระบบย่อยอาหาร ระบบหมุนเวียนเลือด ต่างๆ ของ มนุษยแ์ ละนาความรู้ ระบบหายใจ ระบบขบั ถ่าย ระบบสืบพนั ธุ์ ไปใชป้ ระโยชน์ ข อ งม นุ ษ ย์ใน แ ต่ ล ะ ระ บ บ มี ก ารท าง า น ท่ี สั ม พ ัน ธ์ กัน ท าให้ ม นุ ษ ย์ด าร งชี วิต อ ยู่ไ ด้ ๓. สังเกตและอธิบายพฤติกรรม อย่างปกติ ถ้าระบบใดระบบหน่ึงทางาน ของมนุษยแ์ ละสตั วท์ ี่ตอบสนอง ผิดปกติ ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบอื่นๆ ตอ่ สิ่งเร้าภายนอกและภายใน ดงั น้นั จึงตอ้ งมีการดูแลรักษาสุขภาพ - แสง อุณหภูมิ และการสัมผสั จดั เป็ นส่ิงเร้า ภายนอก ส่วนการเปล่ียนแปลงระดบั สาร ใน ร่างกาย เช่น ฮอร์โมน จัดเป็ นสิ่งเร้า ภายใน ซ่ึงท้ัง ส่ิ งเร้าภายนอกและส่ิ งเร้า ภายในมีผลต่อมนุษยแ์ ละสัตว์ ทาให้แสดง พฤติกรรมต่างๆ ออกมา ๔. อธิบายหลกั การและผลของการ - เทคโนโลยีชีวภาพเป็ นการใช้เทคโนโลยี ใ ช้ เท ค โ น โ ล ยี ชี ว ภ า พ ใ น ก า ร เพ่ือ ทาให้ส่ิงมีชีวติ หรือองคป์ ระกอบของ ขยายพนั ธุ์ ปรับปรุงพนั ธุ์ และ ส่ิงมีชีวติ มีสมบตั ิตามตอ้ งการ เพ่ิ ม ผ ล ผ ลิ ต ข อ ง สั ต ว์แ ล ะ น า ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ - การผสมเทียม การถ่ายฝากตวั อ่อน การโคลน เป็ น การใช้ เท คโน โลยีชี วภาพ ใน การ
ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๕. ทดลอง วิเคราะห์ และอธิบาย ขยายพันธุ์ ปรับปรุงพันธุ์ และเพ่ิมผลผลิต สารอาหารใน อาห ารมี ปริ มาณ ของสตั ว์ พ ลั ง ง า น แ ล ะ สั ด ส่ ว น ที่ - แป้ง น้าตาล ไขมนั โปรตีน วิตามินซี เป็ น เหมาะสมกบั เพศและวยั สารอาหารและสามารถทดสอบได้ - การบ ริ โภ ค อาห าร จ าเป็ น ต้ องให้ ได้ ๖. อภิปรายผลของสารเสพติดต่อ สารอาหาร ที่ครบถว้ นในสัดส่วนที่เหมาะสม ระบบต่าง ๆ ของร่างกาย และ กบั เพศและวยั และไดร้ ับปริมาณพลงั งานที่ แนวทางในการป้องกันตนเอง เพียงพอกบั ความตอ้ งการของร่างกาย จากสารเสพติด - สารเสพติดแต่ละประเภทมีผลตอ่ ระบบตา่ งๆ ของร่างกาย ทาให้ระบบเหล่าน้ันทาหน้าท่ี ม.๓ - ผิดปกติ ดังน้ันจึงต้องหลีกเลี่ยงการใช้สาร ม. ๔-ม. ๖ ๑. ทดลองและอธิบายการรักษา เสพติด และหาแนวทางในการป้องกนั ตนเอง จาก สารเสพติด ดุลยภาพของเซลลข์ องสิ่งมีชีวติ - ๒. ทดลองและอธิบายกลไกการ รักษาดุลยภาพของน้าในพชื - สารต่าง ๆ เคล่ือนที่ผ่านเข้าและออกจาก เซลล์ ตลอดเวลา เซลล์จึงตอ้ งมีการรักษา ดุลยภาพ เพ่ือให้ร่างกายของส่ิ งมีชีวิต ดารงชีวติ ไดต้ ามปกติ - เซลล์มีการลาเลียงสารผ่านเซลล์โดยวิธีการแพร่ การออสโมซิส การลาเลียงแบบฟาซิลิเทต การลาเลียงแบบใช้พลังงาน และการ ลาเลียงสารขนาดใหญ่ - ส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียวมีการลาเลียงสารเกิดข้ึน ภายในเซลล์เพียงหน่ึงเซลล์ แต่สิ่งมีชีวิต หลายเซลลต์ อ้ งอาศยั การทางานประสานกนั ของเซลลจ์ านวนมาก - พืชมีกลไกในการรักษาดุลยภาพของน้ า โดยมี การควบคุมสมดุลระหวา่ งการคายน้า ผา่ นปากใบ และการดูดน้าที่ราก - การเปิ ดปิ ดของปากใบเป็ นการควบคุมอตั รา การคายน้าของพืช ซ่ึงช่วยในการรักษาดุลย
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๓. สืบค้นขอ้ มูลและอธิบายกลไก ภาพของน้ าภายในพืชให้มีความชุ่มช้ื นใน การควบคุมดุลยภาพของน้ า ระดบั ท่ีพอเหมาะ แร่ธาตุ และอุณหภูมิของมนุษย์ และสัตวอ์ ื่น ๆ และนาความรู้ไป - ไตเป็ นอวยั วะสาคญั ในการรักษาดุลยภาพ ใชป้ ระโยชน์ ของน้ าและสารต่าง ๆ ในร่างกาย ซ่ึงมี โครงสร้างและการทางานร่วมกบั อวยั วะอ่ืน - ภายในไตมีหน่วยไต ของเหลวท่ีผ่านเขา้ สู่ หน่วยไตส่วนหน่ึงจะถูกดูดซึมกลบั สู่หลอด เลือด ส่วนที่ไม่ถูกดูดซึมกลบั จะผ่านไปยงั ทอ่ ปัสสาวะ - ยูเรีย โซเดียมไอออน และคลอไรด์ไอออน เป็ นของเสียจากกระบวนการเมแทบอลิซึม จะถูกขบั ออกจากไตไปพร้อมกบั ปัสสาวะ - อะมีบาและพารามีเซียมเป็ นส่ิงมีชีวิตเซลล์ เดี ยวท่ี มี โครงส ร้ างภายใน เซ ลล์ที่ เรี ยก ว่า คอนแทร็กไทล์แวคิวโอลในการกาจดั น้า และของเสียออกจากเซลล์ - ปลาน้าจืดมีเซลล์บริเวณเหงือกที่น้าเข้าสู่ ร่างกาย ได้โดยการออสโมซิส ส่วนปลา น้ าเค็มป้ องกันการสู ญ เสี ยน้ าออกจาก ร่ างก ายโด ยมี ผิวห นังแ ล ะเก ล็ ดท่ี ป้ องกัน ไม่ให้แร่ ธาตุ จากน้ าทะเลซึ มเข้าสู่ ร่ างกาย และท่ี บริ เวณ เหงื อกมี กลุ่ม เซลล์ซ่ึ งขับ แร่ ธาตุส่วนเกินออกโดยวธิ ีการลาเลียงแบบใช้ พลงั งาน - มนุษย์มีกลไกในการควบคุมอุณหภูมิของ ร่างกายให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม โดยศูนย์ ควบคุมอุณหภมู ิจะอยทู่ ่ีสมองส่วนไฮโพทาลามสั - สัตว์เลือดอุ่นสามารถรักษาอุณหภูมิของ ร่างกาย ให้เกือบคงที่ไดใ้ นสภาวะแวดลอ้ ม ต่าง ๆ ส่วนสัตวเ์ ลือดเยน็ อุณหภูมิร่างกาย จะแปรผนั ตามอุณหภูมิของส่ิงแวดลอ้ ม
ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๔. อธิบายเกี่ยวกบั ระบบภูมิคุม้ กัน - ร่างกายมนุษย์ มีภูมิคุ้มกันซ่ึงเป็ นกลไก ของร่างกายและนาความรู้ไปใช้ - ในการป้องกนั เช้ือโรคหรือส่ิงแปลกปลอม ในการดูแลรักษาสุขภาพ เขา้ สู่ร่างกาย ผิวหนัง เซลล์เม็ดเลือดขาวและระบบ - น้าเหลืองเป็ นส่วนสาคญั ของร่างกายท่ีทา หน้าท่ี ป้ องกันและท าล ายเช้ื อโรคและสิ่ ง แปลกปลอมที่เขา้ สู่ร่างกาย ระบบภูมิคุม้ กนั มีความสาคญั ยิ่งต่อร่างกาย ม นุ ษ ย์ก าร รั บ ป ร ะ ท าน อ าห าร ท่ี ถู ก สุขลักษณะ การออกกาลังกาย การดูแล สุขอนามยั ตลอดจนการหลีกเล่ียงสารเสพ ติด และพฤติกรรมที่เส่ียงทางเพศ และการ ไดร้ ับวคั ซีนในการป้องกนั โรคต่าง ๆ ครบ ตามกาหนด จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุม้ กนั และ รักษาภูมิคุม้ กนั ของร่างกายได้
สาระที่ ๑ ส่ิงมชี ีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจกระบวนการและความสาคญั ของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม ววิ ฒั นาการของสิ่งมีชีวติ ความหลากหลายทางชีวภาพ การใชเ้ ทคโนโลยชี ีวภาพที่มี ผลกระทบตอ่ มนุษยแ์ ละส่ิงแวดลอ้ ม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวทิ ยา ศาสตร์ สื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป. ๑ ๑. ระบุลักษณะของส่ิงมีชีวิตใน - สิ่ งมีชีวิตในท้องถิ่นจะมีท้ังลักษณะที่ ท้องถ่ินและนามาจัดจาแนก เหมือนกัน และแตกต่างกัน ซ่ึงสามารถ โดยใช้ลักษณะภายนอกเป็ น นามาจาแนกโดยใช้ลักษณะภายนอกเป็ น เกณฑ์ เกณฑ์ ป. ๒ ๑. อธิบายประโยชน์ของพืชและ - พืชและสัตวม์ ีประโยชน์ต่อมนุษยใ์ นแง่ของ สตั วใ์ นทอ้ งถิ่น ปั จจั ย สี่ คื อ เป็ น อ าห าร ที่ อ ยู่ อ าศั ย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ป. ๓ ๑. อภิปรายลักษณะต่างๆ ของ - สิ่งมีชีวติ แต่ละชนิดจะมีลกั ษณะแตกต่าง สิ่งมีชีวติ ใกลต้ วั กนั ๒. เปรียบเทียบและระบุลกั ษณะ - ส่ิงมีชีวิตทุกชนิดจะมีลักษณะภายนอกท่ี ที่คลา้ ยคลึงกนั ของพอ่ แม่กบั ลูก ปรากฏคลา้ ยคลึงกบั พอ่ แม่ของส่ิงมีชีวิตชนิดน้นั ๓. อธิบายลกั ษณะที่คลา้ ยคลึงกนั - ลกั ษณะภายนอกที่คล้ายคลึงกนั ของพ่อแม่ ของพ่อแม่กับลูกว่าเป็ นการ กับ ลู กเป็ น การถ่ ายทอดลักษ ณ ะท าง ถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม พนั ธุกรรม และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ - มนุษยน์ าความรู้ที่ไดเ้ ก่ียวกบั การถ่ายทอด ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมมาใช้ประโยชน์ใน การพฒั นาสายพนั ธุ์ของพชื และสตั ว์
ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๔. สื บค้นข้อมูลและอภิปราย - สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถปรับตวั ให้เข้ากับ เก่ียวกับส่ิงมีชีวิตบางชนิดท่ี สภาพแวดล้อมท่ีเปลี่ยนแปลงไปได้ก็จะ สูญพนั ธุ์ไปแลว้ และที่ดารงพนั ธุ์ สูญพนั ธุ์ไปในที่สุด มาจนถึงปัจจุบนั (ว ๑.๒.๓) - สิ่ งมี ชี วิ ต ที่ ส าม ารถ ป รั บ ตั วเข้ ากั บ สภาพแวดล้อม ท่ีเปลี่ยนแปลงไปได้จะ สามารถอยรู่ อดและดารงพนั ธุ์ต่อไป ป. ๔ - - ป. ๕ ๑. สารวจ เปรียบเทียบและระบุ - ลกั ษณะของตนเองจะคล้ายคลึงกบั คนใน ลกั ษณะของตนเองกับคนใน ครอบครัว ครอบครัว ๒. อธิบายการถ่ายทอดลกั ษณะ - การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรมเป็ น ทางพนั ธุกรรมของส่ิงมีชีวิต การถ่ายทอดลกั ษณะบางลกั ษณะจากบรรพ ในแตล่ ะรุ่น บุรุษสู่ลูกหลาน ซ่ึงบางลกั ษณะจะเหมือน พ่อหรื อเหมือนแม่ หรื ออาจมีลักษณะ เหมือน ป่ ู ยา่ ตา ยาย ๓. จาแนกพืชออกเป็ นพืชดอก - พืชแบ่งออกเป็ นสองประเภทคือ พืชดอก และพชื ไมม่ ีดอก กบั พชื ไม่มีดอก ๔. ระบุลักษณะของพืชดอกท่ี - พืชดอกแบ่งออกเป็ น พืชใบเล้ียงเดี่ยวกับ เป็ นพืชใบเล้ียงเดี่ยว และพืช พืชใบเล้ียงคู่ โดยสังเกตจาก ราก ลาต้น ใบ เล้ี ยงคู่ โดยใช้ลักษ ณ ะ และใบ ภายนอกเป็ นเกณฑ์ ๕. จาแนกสัตวอ์ อกเป็ นกลุ่มโดย - การจาแนกสัตวเ์ ป็ นกลุ่ม โดยใช้ลักษณะ ใชล้ กั ษณะภายในบางลกั ษณะ ภายนอกและลักษณะภายในบางลกั ษณะ และลักษณ ะภายนอกเป็ น เป็ นเกณฑ์แบ่งออกได้เป็ นสัตว์มีกระดูก เกณฑ์ สันหลงั และสัตวไ์ มม่ ีกระดูกสันหลงั - สัตว์มีกระดูกสันหลังแบ่งเป็ นกลุ่มปลา ป. ๖ - สัตวค์ ร่ึงน้าคร่ึงบก สัตวเ์ ล้ือยคลาน สัตว์ ปี ก และสัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยน้านม -
ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม. ๑ - - ม. ๒ - - ม. ๓ ๑. สังเกตและอธิบายลักษณะ - เมื่อมองเซลล์ผ่านกล้องจุลทรรศน์จะเห็น ของโครโมโซมท่ีมีหน่ วย เส้นใยเล็กๆ พนั กนั อยใู่ นนิวเคลียส เมื่อเกิด พั น ธุ ก ร ร ม ห รื อ ยี น ใ น การแบ่ง เซลล์ เส้นใยเหล่าน้ีจะขดส้ันเขา้ นิวเคลียส จ น มี ลัก ษ ณ ะ เป็ น ท่ อ น ส้ั น เรี ย ก ว่า โครโมโซม - โครโมโซมประกอบด้วยดีเอ็นเอและ โปรตีน - ยนี หรือหน่วยพนั ธุกรรมเป็นส่วนหน่ึงที่อยู่ บนดีเอน็ เอ ๒. อธิ บายความสาคัญของสาร - เซลล์หรือสิ่งมีชีวิต มีสารพนั ธุกรรมหรือ พนั ธุกรรมหรือดีเอ็นเอ และ ดี เอ็ น เอ ท่ี ค ว บ คุ ม ลัก ษ ณ ะ ข อ งก าร กระบวนการถ่ายทอดลกั ษณะ แสดงออก ทางพนั ธุกรรม - ลกั ษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมด้วยยีน จากพ่อและแม่สามารถถ่ายทอดสู่ลูกผ่าน ทางเซลลส์ ืบพนั ธุ์และการปฏิสนธิ ๓. อภิปรายโรคทางพนั ธุกรรมที่ - โรคธาลัสซี เมีย ตาบอดสี เป็ นโรคทาง เกิดจากความผิดปกติของยีน พนั ธุกรรม ท่ีเกิดจากความผดิ ปกติของยนี และโครโมโซมและนาความรู้ - กลุ่มอาการดาวน์เป็ นความผิดปกติของ ไปใชป้ ระโยชน์ ร่ าง ก าย ซ่ึ ง เกิ ด จ าก ก าร ท่ี มี จ าน ว น โครโมโซมเกินมา - ความรู้เกี่ยวกบั โรคทางพนั ธุกรรมสามารถ นาไปใชใ้ นการป้องกนั โรค ดูแลผปู้ ่ วยและ วางแผนครอบครัว ๔. ส ารว จแ ล ะ อ ธิ บ าย ค ว าม - ความห ลากห ลายท างชี วภาพ ที่ ทาให้ หลากหลายทางชีวภาพใน สิ่ งมีชีวิตอยู่อย่างสมดุล ข้ึนอยู่กับความ ท้องถ่ิ น ท่ี ท าให้ ส่ิ งมี ชี วิต ห ล าก ห ล าย ข อ งร ะ บ บ นิ เว ศ ค ว าม ดารงชีวติ อยไู่ ดอ้ ยา่ งสมดุล หลากหลายของชนิดสิ่งมีชีวิต และความ
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม. ๔-ม. ๖ ๕. อ ธิ บ า ย ผ ล ข อ ง ค ว า ม หลากหลายทางพนั ธุกรรม หลากหลายทางชีวภาพท่ีมีต่อ ม นุ ษ ย์ สั ต ว์ พื ช แ ล ะ - การตดั ไมท้ าลายป่ าเป็ นสาเหตุหน่ึงที่ทาให้ สิ่งแวดลอ้ ม เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ซ่ึงส่งผลกระทบต่อการดารงชีวติ ของมนุษย์ ๖. อภิปรายผลของเทคโนโลยีชีวภาพ สัตว์ พชื และส่ิงแวดลอ้ ม ต่ อ ก าร ด า รง ชี วิต ข อ ง ม นุ ษ ย์ และสิ่งแวดลอ้ ม - การใชส้ ารเคมีในการกาจดั ศตั รูพืชและสัตว์ ส่งผลกระทบต่อส่ิงมีชีวิตท้ังมนุษย์ สัตวแ์ ละพืช ๑. อธิบายกระบวนการถ่ายทอด ทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงความหลากหลาย สารพนั ธุกรรม การแปรผนั ทางชีวภาพและส่งผลกระทบตอ่ สิ่งแวดลอ้ ม ทางพนั ธุกรรม มิวเทชนั และ การเกิดความหลากหลายทาง - ผลของเทคโนโลยีชีวภาพ มีประโยชน์ต่อ ชีวภาพ มนุษย์ ท้ังด้านการแพทย์ การเกษตรและ อุตสาหกรรม - สิ่ งมี ชี วิตมี ก ารถ่ ายท อด ลัก ษ ณ ะ ท าง พนั ธุกรรม จากพ่อแม่มาสู่รุ่นลูกหลานได้ ซ่ึงสงั เกตไดจ้ ากลกั ษณะท่ีปรากฏ - ดีเอ็นเอเป็ นนิวคลีโอไทดส์ ายยาวสองสายพนั กั น เป็ น เก ลี ย ว คู่ ว น ข ว า แ ต่ ล ะ ส าย ประกอบดว้ ย นิวคลีโอไทดน์ บั ลา้ นหน่วย ซ่ึง มีโครงสร้างประกอบด้วยน้ าตาลเพนโทส ไนโตรเจนเบส ส่ีชนิดและหมู่ฟอสเฟต โดยท่ี ลาดับเบสของนิวคลีโอไทด์จะมีข้อมูลทาง พนั ธุกรรมบนั ทึกอยู่ - มิ ว เท ชั น เป็ น ก าร เป ล่ี ย น แ ป ล ง ท าง พนั ธุกรรมในระดบั ยีนหรือโครโมโซม ซ่ึง เป็ นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึนกบั ดีเอน็ เอ โดยมิวเทชนั ที่เกิดในเซลลส์ ืบพนั ธุ์ สามารถถ่ายทอดไปสู่รุ่นลูกและหลานได้ - การแปรผนั ทางพนั ธุกรรมทาให้สิ่งมีชีวติ ที่ เกิดใหม่มีลกั ษณะท่ีแตกต่างกนั หลากหลาย ชนิดก่อให้เกิดเป็ นความหลากหลายทาง ชีวภาพ
ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๒. สืบคน้ ขอ้ มูลและอภิปรายผล - มนุษยน์ าความรู้ทางเทคโนโลยีชีวภาพดา้ น ของเทคโนโลยี ชีวภาพท่ีมี พัน ธุ วิศ ว ก รรม ก ารโค ล น แ ล ะ ก าร ต่อมนุษยแ์ ละสิ่งแวดลอ้ มและ เพาะเล้ียงเน้ือเยอื่ มาใชใ้ นการพฒั นาให้เกิด นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ มากข้ึนและ แพร่หลาย - การใช้เทคโนโลยีชีวภาพที่สร้างส่ิงมีชีวิตใหม่ เกิดข้ึน หรือสิ่งมีชีวิตท่ีมีการดดั แปรพนั ธุกรรม ส่งผลกระทบท้งั ทางด้านที่เป็ นประโยชน์ และโทษต่อส่ิงแวดลอ้ ม เศรษฐกิจ และสังคม ๓. สืบคน้ ขอ้ มูลและอภิปรายผล - โลกมีความหลากหลายของระบบนิเวศซ่ึงมี ของความหลากหลายทาง ส่ิ งมีชีวิตอาศัยอยู่มากมายหลายสปี ชีส์ ชี วภาพ ที่ มี ต่อม นุ ษ ย์แล ะ สิ่ งมี ชี วิต ส ปี ชี ส์ เดี ยวกัน ก็ ยังมี ค วาม สิ่งแวดลอ้ ม หลากหลายทางพนั ธุกรรม - ความหลากหลายทางชีวภาพส่งผลทาให้ มนุษย์ และสิ่งมีชีวติ อื่น ๆ ไดใ้ ชป้ ระโยชน์ ในแง่ของการเป็ นอาหาร ท่ีอยูอ่ าศยั แหล่ง สืบพันธุ์และขยายพันธุ์ ทาให้ส่ิ งมีชีวิต สามารถดารงพนั ธุ์อยไู่ ด้ - สิ่งมีชีวติ ท่ีมีความหลากหลายทางชีวภาพ มี ความตอ้ งการปัจจยั ต่าง ๆ ในการดารงชีวิต แตกต่างกนั ซ่ึงจะช่วยรักษาสมดุลของระบบ นิเวศบนโลกได้ ๔. อธิบายกระบวนการคัดเลือก - ส่ิงมีชีวติ แต่ละสปี ชีส์จะมีความหลากหลาย ตามธรรมชาติ และ ผลของ ท่ีแตกต่างกนั ส่ิงมีชีวิตในสปี ชีส์เดียวกนั การคดั เลือกตามธรรมชาติต่อ จะผสมพนั ธุ์และสืบลูกหลานตอ่ ไปได้ ความหลากหลายของส่ิงมีชีวติ - การคดั เลือกตามธรรมชาติจะส่งผลทาให้ ลกั ษณะพันธุกรรมของประชากรในกลุ่ม ยอ่ ยแต่ละกลุ่มแตกต่างกนั ไปจนกลายเป็ น สปี ชีส์ใหม่ทาให้เกิดเป็ นความหลากหลาย ของส่ิงมีชีวติ
สาระท่ี ๒ ชีวติ กบั สิ่งแวดล้อม มาตรฐาน ว ๒. ๑ เข้าใจสิ่งแวดล้อมในท้องถ่ิน ความสัมพนั ธ์ระหว่างส่ิงแวดล้อมกับส่ิงมีชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ ส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป. ๑ - - ป. ๒ - - ป. ๓ ๑. สารวจส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถ่ิน - ส่ิงแวดลอ้ มหมายถึง ส่ิงที่อยรู่ อบๆ ตวั เรามี ข อ ง ต น แ ล ะ อ ธิ บ า ย ท้ังสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต สิ่งมีชีวิตมี ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต ความ สั มพัน ธ์ กับ สิ่ งแวดล้อม ท้ังกับ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม สิ่งมีชีวติ ดว้ ยกนั และกบั ส่ิงไมม่ ีชีวติ ป. ๔ - - ป. ๕ - - ป. ๖ ๑. ส า ร ว จ แ ล ะ อ ภิ ป ร า ย - กลุ่มส่ิงมีชีวิตในแหล่งท่ีอยู่ต่าง ๆ มีความ ค ว าม สั ม พั น ธ์ ข อ ง ก ลุ่ ม สัมพนั ธ์กนั และมีความสัมพนั ธ์กบั แหล่งที่ ส่ิงมีชีวติ ในแหล่งที่อยตู่ ่าง ๆ อยู่ในลกั ษณะของแหล่งอาหาร แหล่งที่อยู่ อาศยั แหล่งสืบพนั ธุ์ และแหล่งเล้ียงดูลูก อ่อน ๒. อธิ บ ายความ สั ม พัน ธ์ของ - ความสัมพนั ธ์ของส่ิงมีชีวติ กบั ส่ิงมีชีวติ ใน สิ่ งมีชีวิตกับส่ิ งมีชีวิตในรู ป รูป ของโซ่อาหาร และสายใยอาหาร ทา ขอ งโซ่ อาห ารแล ะ ส ายใย ให้เกิดการถ่ายทอดพลังงานจากผูผ้ ลิตสู่ อาหาร ผบู้ ริโภค ๓. สื บ ค้น ข้อ มู ล แ ล ะ อ ธิ บ าย - สิ่งมีชีวิตที่อาศยั อยู่ในแต่ละแหล่งท่ีอยู่จะมี ค วาม สั ม พัน ธ์ ระห ว่าง ก าร โครงสร้างที่เหมาะสมต่อการดารงชีวิตใน ดารงชี วิตของส่ิ งมี ชี วิตกับ แหล่งที่อยนู่ ้นั และสามารถปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มในทอ้ งถ่ิน สภาพแวดลอ้ มเพื่อหาอาหารและมีชีวิตอยรู่ อด ม. ๑ - - ม. ๒ - -
ช้ัน ตัวชี้วดั ช้ันปี สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม. ๓ ๑. สารวจระบบนิ เวศต่างๆใน - ระบบนิเวศในแต่ละทอ้ งถิ่นประกอบด้วย ท้ อ ง ถิ่ น แ ล ะ อ ธิ บ า ย องคป์ ระกอบทางกายภาพและองคป์ ระกอบ ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ข อ ง ทางชีวภาพเฉพาะถิ่น ซ่ึงมีความเก่ียวขอ้ ง องค์ประกอบภายในระบบ สัมพนั ธ์กนั นิเวศ ๒. วิ เค ร า ะ ห์ แ ล ะ อ ธิ บ า ย - สิ่งมีชีวติ มีความเก่ียวขอ้ งสัมพนั ธ์กนั โดยมี ความสมั พนั ธ์ของการถ่ายทอด การถ่ายทอดพลังงานในรูปของโซ่อาหาร พลังงานของสิ่ งมีชีวิตในรูป และสายใยอาหาร ขอ งโซ่ อาห ารแล ะ ส ายใย อาหาร ๓. อธิ บ ายวัฏ จัก รน้ า วัฏ จัก ร - น้ าและคาร์ บอนเป็ นองค์ประกอบใน คาร์บอน และความสาคญั ท่ีมี สิ่งมีชีวติ และส่ิงไม่มีชีวติ ตอ่ ระบบนิเวศ - น้ าและคาร์บอนจะมีการหมุนเวียนเป็ น วฏั จกั รในระบบนิเวศ ทาให้สิ่งมีชีวิตใน ระบบนิเวศนาไปใชป้ ระโยชน์ได้ ๔. อธิ บายปั จจัยที่มีผลต่อการ - อตั ราการเกิด อตั ราการตาย อตั ราการอพยพ เป ล่ี ย น แ ป ล ง ข น า ด ข อ ง เขา้ และอตั ราการอพยพออกของส่ิงมีชีวติ มี ประชากรในระบบนิเวศ ผลต่อ การเปลี่ยนแปลงขนาดของประชากร ในระบบ นิเวศ ม. ๔-ม. ๖ ๑. อธิ บายดุลยภาพของระบบ - ระบบนิเวศในธรรมชาติจะมีความสมดุลได้ นิเวศ ก็ ต่ อ เมื่ อ มี ส ภ าพ แ ว ด ล้ อ ม ต่ าง ๆ ท่ี เอ้ืออานวยต่อ การดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต ชนิดต่าง ๆ ในระบบนิเวศ จนทาให้เกิด ความหลากหลายของระบบนิเวศบนโลก ๒. อ ธิ บ า ย ก ร ะ บ ว น ก า ร - ระบบนิเวศในโลกท่ีมีความหลากหลาย มี เป ลี่ ย น แ ป ล ง แ ท น ที่ ข อ ง ก าร เป ลี่ ย น แ ป ล ง ต่ าง ๆ เกิ ด ข้ึ น อ ยู่ ส่ิงมีชีวติ ตลอดเวลา ไม่วา่ จะเป็นการเปล่ียนแปลงที่ เกิดข้ึนตามธรรมชาติหรือการเปล่ียนแปลง ที่ เกิ ด จ าก ม นุ ษ ย์เป็ น ผู้ก ร ะ ท า ก า ร เปลี่ยนแปลงเหล่าน้ีอาจส่งผลทาให้ระบบ นิเวศเสียสมดุลได้
ช้ัน ตัวชี้วดั ช้ันปี สาระการเรียนรู้แกนกลาง - เม่ื อระบ บ นิ เวศเสี ยส ม ดุ ล จะเกิ ดก าร เปลี่ยนแปลง แทนท่ีเกิดข้ึนในระบบนิเวศน้นั การเป ล่ี ยนแป ลงส ภาพ ท างธรรม ชาติ ข อง ระบ บ นิ เวศย่อมส่ งผลท าให้ เกิ ด ก าร เปล่ี ยนแปลงแทนท่ีของสิ่ งมีชี วิตในระบบ นิเวศน้นั ดว้ ย ๓. อธิบายความสาคญั ของความ - ความหลากหลายทางชีวภาพมีความสาคญั หลากหลายทางชีวภาพ และ ต่อส่ิงมีชีวิต ส่ิงมีชีวิตทุกชนิดมีความสาคญั เสนอแนะแนวทางในการดูแล ต่อระบบนิเวศ ถ้าสิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิด และรักษา หน่ึงถูกทาลายหรือสูญหายไป ก็จะส่งผล กระทบต่อความหลากหลายของสิ่ งมีชี วิต อ่ืน ๆ ในระบบนิเวศดว้ ย - ความหลากหลายทางชีวภาพของระบบ นิเวศหน่ึงยงั อาจเก้ือกูลต่อระบบนิเวศอ่ืน ๆ ไดด้ ว้ ย - ความหลากหลายทางชีวภาพมีความสาคญั ต่อ มนุษย์ มนุษยใ์ ช้ประโยชน์จากความ หลากหลาย ทางชีวภาพมากมาย การใช้ท่ี ขาดความระมดั ระวงั อาจส่งผลกระทบต่อ ความหลากหลายทางชีวภาพได้ ซ่ึงทุกคน ควรมีส่วนร่วมในการดูแลและรักษา
สาระท่ี ๒ ชีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม มาตรฐาน ว ๒.๒ เขา้ ใจความสาคญั ของทรัพยากรธรรมชาติ การใชท้ รัพยากรธรรมชาติในระดบั ทอ้ งถิ่น ประเทศ และโลกนาความรู้ไปใชใ้ นในการจดั การทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถ่ินอยา่ งยง่ั ยนื ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป. ๑ - - ป. ๒ - - ป. ๓ ๑. สารวจทรัพยากรธรรมชาติ และ - ดิน หิน น้า อากาศ ป่ าไม้ สัตว์ป่ าและแร่ อ ภิ ป ร า ย ก าร ใ ช้ ท รั พ ย า ก ร จดั เป็นทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีความสาคญั ธรรมชาติในทอ้ งถ่ิน - มนุษยใ์ ชท้ รัพยากรธรรมชาติในทอ้ งถิ่นเพื่อ ประโยชนต์ อ่ การดารงชีวติ ๒. ระบุการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ - มนุษยน์ าทรัพยากรธรรมชาติมาใช้อย่าง ท่ีก่อให้เกิดปัญหาส่ิ งแวดล้อม มากมายจึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดลอ้ มใน ในทอ้ งถิ่น ทอ้ งถิ่น ๓. อภิปรายและนาเส นอการใช้ - ม นุ ษ ย์ต้อ งช่ วย กัน ดู แ ล แ ล ะ รู้ จัก ใช้ ทรัพ ยากรธรรมชาติ อย่าง ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยดั และ ประหยดั คุ้มค่า และมีส่วนร่วม คุม้ ค่า เพือ่ ใหม้ ีการใชไ้ ดน้ านและยงั่ ยนื ในการปฏิบตั ิ ป. ๔ - - ป. ๕ - - ป. ๖ ๑. สืบค้นข้อมูลและอภิปรายแหล่ง - ทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ในแต่ละทอ้ งถ่ิน ทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละ มีประโยชน์ต่อการดารงชีวติ ของส่ิงมีชีวติ ท้องถ่ินที่เป็ นประโยชน์ต่อ การ ดารงชีวติ ๒. วิเคราะห์ผลของการเพิ่มข้ึนของ - การเพ่ิมข้ึนของประชากรมนุ ษย์ทาให้ ป ร ะ ช าก ร ม นุ ษ ย์ต่ อ ก าร ใ ช้ ทรัพยากรธรรมชาติถูกใชม้ ากข้ึน เป็นผลทา ทรัพยากรธรรมชาติ ให้ทรัพยากรธรรมชาติลดน้อยลง และ ส่ิงแวดลอ้ มเปลี่ยนแปลงไป ๓. อภิปรายผลต่อส่ิงมีชีวิต จากการ - ภยั พิบตั ิจากธรรมชาติและการกระทาของ เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดลอ้ ม ท้งั โดย มนุษย์ ทาให้ส่ิงแวดลอ้ มเปล่ียนแปลง เป็ น ธรรมชาติและโดยมนุษย์ ผลทาใหพ้ ืชและสัตวป์ ่ าบางชนิดสูญพนั ธุ์
ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๔. อภิปรายแนวทางในการดูแล - การสร้างจิตสานึกในการอนุรักษ์ เฝ้าระวงั รักษาทรัพยากรธรรมชาติและ ทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนการปลูก สิ่งแวดลอ้ ม ตน้ ไม้ เพ่ิมข้ึนเพอ่ื เป็ นแนวทางหน่ึงในการ ดูแลรักษ า ทรัพ ยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอ้ ม ๕. มีส่ วนร่ วมในการดูแลรักษา - ร่วมจดั ทาโครงการเฝ้าระวงั รักษาคุณภาพ ส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถ่ิน ของสิ่งแวดลอ้ มในทอ้ งถิ่นอยา่ งยง่ั ยนื ม. ๑ - - ม. ๒ - - ม. ๓ ๑. วิเคราะห์สภาพปัญหาสิ่งแวดล้อม - สภาพปัญหาสิ่งแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติใน ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถ่ิน ทอ้ งถิ่น เกิดจากการกระทาของธรรมชาติและ มนุษย์ และเสนอแนวทางในการแก้ไข - ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหา ที่เกิดข้ึน ควรมีแนวทางในการดูแลรักษา และป้องกนั ๒. อธิบายแนวทางการรักษาสมดุล - ระบบนิเวศจะสมดุลไดจ้ ะตอ้ งมีการควบคุม ของระบบนิเวศ จานวนผผู้ ลิต ผบู้ ริโภค ผสู้ ลายสารอินทรีย์ ให้มีปริมาณ สัดส่วน และการกระจายท่ี เหมาะสม - การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยงั่ ยืนและ การดูแลรักษาสภาพแวดล้อม เป็ นการ รักษาสมดุลของระบบนิเวศ ๓. อภิปรายการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ - การนาทรัพยากรธรรมชาติมาใชอ้ ยา่ งคุม้ ค่า อยา่ งยง่ั ยนื ดว้ ยการใช้ซ้า นากลบั มาใช้ใหม่ ลดการ ใช้ผลิ ตภัณ ฑ์ ใช้ผลิ ตภัณ ฑ์ ชนิ ดเดิ ม ซ่อมแซมสิ่งของเคร่ืองใช้ เป็ นวิธีการใช้ ทรัพยากร ธรรมชาติอยา่ งยง่ั ยนื ๔. วิเคราะห์ แล ะอธิ บ ายการใช้ - การใช้ทรัพยากรธรรมชาติควรคานึงถึง ทรัพยากรธรรมชาติ ตามปรัชญา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบนพ้ืนฐานของทาง เศรษฐกิจพอเพยี ง สายกลาง และความไม่ประมาท โดยคานึงถึง
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ความพอประมาณ ความมี เหตุ ผลและ การเตรียมตวั ให้พร้อมท่ีจะรับผลกระทบและ การเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึน ๕. อภิปรายปัญหาส่ิงแวดล้อมและ - ปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม อาจเกิดจากมลพิษทางน้า เสนอแนะแนวทางการแกป้ ัญหา มลพิษทางเสียง มลพิษทางอากาศ มลพิษทาง ดิน - แนวทางการแก้ปัญหามีหลายวิธี เร่ิมจาก ศึ ก ษ าแห ล่ งท่ี ม าของปั ญ ห า เส าะห า กระบวนการในการแก้ปัญหา และทุกคนมี ส่วนร่วมในการปฏิบตั ิเพ่ือแกป้ ัญหาน้นั ๖. อภิปรายและมีส่วนร่วมในการ - การดูแลและอนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ มในทอ้ งถิ่น ดูแลและอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมใน ให้ยง่ั ยนื ควรไดร้ ับความร่วมมือจากทุกฝ่ าย ทอ้ งถิ่นอยา่ งยงั่ ยนื และตอ้ งเป็นความรับผดิ ชอบของทุกคน ม. ๔-ม. ๖ ๑. วิเคราะห์สภาพปัญหา สาเหตุ - ความสั ม พัน ธ์ซ่ึ งกัน และกัน ระห ว่าง ขอ งปั ญ ห าส่ิ งแวด ล้อม แล ะ สิ่ งมีชี วิตกับสิ่ งแวดล้อมหรื อระหว่าง ทรัพยากรธรรมชาติในระดับ ส่ิ ง มี ชี วิ ต กั บ สิ่ ง มี ชี วิ ต ด้ ว ย กั น มี ท้องถิ่น ระดับประเทศ และ ความสัมพนั ธ์กนั หลายระดบั ต้งั แต่ระดบั ระดบั โลก ทอ้ งถ่ิน ระดบั ประเทศ และระดบั โลก - การเพิ่มข้ึนของประชากรมนุษยส์ ่งผลให้มี การใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพ่ิมข้ึน ทาให้ ทรัพยากรธรรมชาติลดจานวนลง และเกิด ปัญหามลพิษทางดา้ นตา่ ง ๆ ตามมา - ปัญหามลพิษที่เกิดข้ึนมีดว้ ยกนั หลายสาเหตุ บางปั ญหามีผลกระทบเกิดข้ึนในระดับ ท้ อ ง ถิ่ น บ าง ปั ญ ห าส่ ง ผ ล ก ร ะ ท บ ระดบั ประเทศ และบางปัญหามีความรุนแรง จนเป็นปัญหาระดบั โลก ๒. อภิปรายแนวทางในการป้องกัน - การใช้ทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ที่มีอยู่ แกไ้ ข ปัญหา สิ่งแวดล้อมและ อย่าง จากัด จาเป็ น ต้อ งใช้ด้วยค วาม ทรัพยากรธรรมชาติ ร ะ ม ัด ร ะ ว ัง แ ล ะ ไ ม่ ใ ห้ เกิ ด ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ ส่ิงแวดลอ้ ม
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง - สิ่งแวดลอ้ มที่อยูใ่ นสภาพเสื่อมโทรม หรือ เกิด เป็นมลพิษท่ีเป็ นผลเนื่องมาจากการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติ ตอ้ งหาแนวทางในการ ป้ องกัน แก้ไข ฟ้ื นฟูให้กลับมีสภาพท่ี สามารถใชก้ ารได้ ๓. วางแผนและดาเนินการเฝ้าระวงั - สิ่งแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติควรตอ้ ง อนุรักษ์ และพฒั นาสิ่งแวดล้อม มีการเฝ้าระวงั อนุรักษ์ และพฒั นา ซ่ึงทุกคน และทรัพยากรธรรมชาติ ควรร่ วมกันปฏิ บัติ เพื่ อให้ เกิ ดการใช้ ประโยชนอ์ ยา่ งยงั่ ยนื
สาระที่ ๓ สารและสมบตั ขิ องสาร มาตรฐาน ว ๓. ๑ เขา้ ใจสมบตั ิของสาร ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ิของสารกบั โครงสร้างและแรง ยดึ เหนี่ยวระหวา่ งอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป. ๑ ๑. สังเกตแล ะระบุ ลักษ ณ ะที่ - วสั ดุที่ใช้ทาของเล่นของใช้ในชีวิตประจาวนั ปรากฏหรือสมบตั ิของวสั ดุที่ใช้ อาจมีรูปร่าง สี ขนาด พ้ืนผิว ความแข็ง ท า ข อ ง เล่ น ข อ ง ใ ช้ ใ น เหมือนกนั หรือแตกต่างกนั ชีวติ ประจาวนั ๒. จาแนกวัสดุท่ีใช้ทาของเล่น - ลักษณะหรือสมบัติต่าง ๆ ของวสั ดุ สามารถ ของใช้ในชีวิต ประจาวนั นามาใชเ้ ป็ นเกณฑ์ในการจาแนกวสั ดุที่ใช้ รวมท้งั ระบุเกณฑท์ ่ีใชจ้ าแนก ทาของเล่น ของใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ป.๒ ๑. ระบุ ชนิ ดและเปรี ยบเที ยบ - ของเล่น ของใช้ อาจทาจากวสั ดุต่าง ๆ กนั สมบตั ิของวสั ดุท่ีนามาทาของ เช่น ไม้ เหล็ก กระดาษ พลาสติก ยาง ซ่ึง เล่น ของใชใ้ นชีวติ ประจาวนั วสั ดุตา่ งชนิดกนั จะมีสมบตั ิแตกตา่ งกนั ๒. เลือกใช้วสั ดุและส่ิงของต่างๆ - การเลือกวสั ดุและส่ิงของต่าง ๆ มาใชง้ าน ไ ด้ อ ย่ า ง เห ม า ะ ส ม แ ล ะ ในชีวติ ประจาวนั เพ่ือความเหมาะสมและ ปลอดภยั ปลอดภยั ตอ้ งพิจารณาจากสมบตั ิของวสั ดุ ที่ใชท้ าส่ิงของน้นั ป.๓ ๑. จาแนกชนิดและสมบัติของ - ของเล่นของใช้อาจมีส่วนประกอบหลาย วสั ดุที่เป็ นส่วนประกอบของ ส่วน และอาจทาจากวสั ดุหลายชนิดซ่ึงมี ของเล่น ของใช้ สมบตั ิแตกต่างกนั ๒. อธิบายการใชป้ ระโยชน์ของ - วสั ดุแต่ละชนิดมีสมบัติแตกต่างกนั จึงใช้ วสั ดุแตล่ ะชนิด ประโยชน์ไดต้ า่ งกนั ป.๔ - - ป.๕ ๑. ทดลองและอธิบายสมบตั ิของวสั ดุ - ความยืดหยุน่ ความแข็ง ความเหนียว การ ชนิ ด ต่ าง ๆ เกี่ ย วกับ ค ว าม นาความร้อน การนาไฟฟ้ า และความ ยืด ห ยุ่น ค วาม แ ข็ ง ค ว าม หนาแน่นเป็ นสมบัติต่าง ๆ ของวสั ดุ ซ่ึง เหนียวการนาความร้อน การนา วสั ดุต่างชนิดกัน จะมีสมบัติบางประการ ไฟฟ้าและความหนาแน่น แตกต่างกนั ๒. สืบคน้ ขอ้ มูลและอภิปรายการ - ในชีวิตประจาวนั มีการนาวสั ดุต่าง ๆ มา
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง นาวสั ดุไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ใช้ทาสิ่งของเคร่ืองใช้ตามสมบตั ิของวสั ดุ น้นั ๆ ป.๖ ๑. ทดลองและอธิ บาย สมบัติของ - สารอาจปรากฏในสถานะของแข็ง ของเหลวหรือ ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส แก๊ส สารท้ังสามสถานะมีสมบัติบางประการ เหมือนกนั และบางประการแตกต่างกนั ๒. จาแนกสารเป็ นกลุ่มโดยใช้ - การจาแนกสารอาจจาแนกโดยใช้สถานะ ส ถ าน ะ ห รื อ เก ณ ฑ์ อ่ื น ท่ี การนาไฟฟ้า การนาความร้อน หรือสมบัติอื่น กาหนดเอง เป็นเกณฑไ์ ด้ ๓. ทดลองและอธิบายวธิ ีการแยก - ในการแยกสารบางชนิดที่ผสมกนั ออกจาก ส า ร บ า ง ช นิ ด ท่ี ผ ส ม กั น กนั ตอ้ งใช้วิธีการต่าง ๆ ท่ีเหมาะสม ซ่ึง โดยการร่อน การตกตะกอน อาจจะทาไดโ้ ดยการร่อน การตกตะกอน ก า ร ก ร อ ง ก า ร ร ะ เหิ ด การกรอง การระเหิด การระเหยแห้ง ท้งั น้ี การระเหยแหง้ ข้ึนอยกู่ บั สมบตั ิของสารที่เป็ นส่วนผสมใน สารผสมน้นั ๆ ๔. สารวจและจาแนกประเภท - จาแนกประเภทของสารต่าง ๆ ที่ใช้ใน ข อ ง ส า ร ต่ า ง ๆ ที่ ใ ช้ ใ น ชีวิตประจาวนั ตามการใช้ประโยชน์ แบ่ง ชีวิตประจาวนั โดยใช้สมบัติ ได้เป็ นสารปรุงรสอาหาร สารแต่งสีอา และการใชป้ ระโยชน์ของสาร หาร สารทาความสะอาด สารกาจดั แมลง เป็ นเกณฑ์ และศตั รูพืช ซ่ึงสารแต่ละประเภทมีความ เป็นกรด - เบสแตกตา่ งกนั ๕. อภิปรายการเลือกใชส้ ารแต่ละ - การใช้สารต่าง ๆ ในชีวิตประจาวนั ต้อง ประเภทได้อย่างถูกต้องและ เลือกใช้ให้ถูกตอ้ งตามวตั ถุประสงค์ของ ปลอดภยั การใช้งาน ปลอดภัยต่อส่ิ งมีชีวิตและ สิ่งแวดลอ้ ม ม. ๑ ๑. ทดลองและจาแนกสารเป็ น - เมื่อใช้เน้ือสารเป็ นเกณฑ์ จาแนกสารได้ กลุ่มโดยใช้เน้ือสารหรือขนาด เป็ นสารเน้ือเดียวและสารเน้ือผสม ซ่ึงสาร อนุภาคเป็ นเกณฑ์ และอธิบาย แต่ละกลุ่มจะมีสมบตั ิแตกตา่ งกนั สมบตั ิของสารในแตล่ ะกลุ่ม - เมื่อใช้ขนาดอนุภาคของสารเป็ นเกณฑ์ จาแนกสารเป็ นสารแขวนลอย คอลลอยด์และ สารละลาย ซ่ึงสารแต่ละกลุ่มจะมีสมบตั ิแตกต่างกนั
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๒. อธิบายสมบตั ิและการเปลี่ยน - สี รูปร่าง ขนาด ความแขง็ ความหนาแน่น ส ถ าน ะ ข อ ง ส าร โ ด ย ใ ช้ จุดเดือด จุดหลอมเหลว เป็ นสมบัติทาง แบบจาลองการจดั เรียงอนุภาค กายภาพของสาร ความเป็ นกรด- เบส ของสาร ความสามารถในการรวมตวั กับสารอ่ืน ๆ การแยกสลายของสารและการเผาไหม้ เป็ น สมบตั ิทางเคมี - สารในสถานะต่าง ๆ มีลกั ษณะการจดั เรียง อนุภาค ระยะห่างระหวา่ งอนุภาค และแรง ยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคแตกต่างกัน ซ่ึง สามารถใช้แบบจาลองการจดั เรียงอนุภาค ของสารอธิบายสมบตั ิบางประการของสาร ได้ ๓. ทดลองและอธิ บายส มบัติ - สารละลายที่มีน้าเป็ นตวั ทาละลาย อาจจะมี ค วาม เป็ น ก รด เบ ส ข อ ง สมบตั ิเป็ นกรด กลาง หรือเบส ซ่ึงสามารถ สารละลาย ทดสอบได้ด้วยกระดาษลิตมสั หรืออินดิเค เตอร์ ๔. ต ร ว จ ส อ บ ค่ า pH ข อ ง - ความเป็ นกรด - เบสของสารละลายระบุ สารละลายและนาความรู้ไปใช้ เป็ นค่า pH ซ่ึงตรวจสอบได้ด้วยเครื่องมือ ประโยชน์ วดั คา่ pH หรือยนู ิเวอร์ซลั อินดิเคเตอร์ - ผลิตภัณฑ์ท่ีใช้ในชีวิตประจาวันอาจมี ความเป็ นกรดเบสแตกต่างกัน จึงควร เลือกใชใ้ ห้ถูกตอ้ งปลอดภยั ต่อตนเองและ ส่ิงแวดลอ้ ม ม.๒ ๑. สารวจและอธิบายองค์ประกอบ - ธาตุ เป็ นสารบริสุทธ์ิที่ประกอบดว้ ยอะตอม สมบตั ิของธาตุและสารประกอบ ชนิดเดียวกนั และไมส่ ามารถแยกสลายเป็ น สารอื่นไดอ้ ีกโดยวธิ ีการทางเคมี - ส า ร ป ร ะ ก อ บ เป็ น ส า ร บ ริ สุ ท ธ์ิ ท่ี ประกอบด้วยธาตุต้ังแต่สองธาตุข้ึนไป รวมตวั กนั ดว้ ยอตั ราส่วนโดยมวลคงท่ี และ มีสมบตั ิแตกต่างจากสมบตั ิเดิมของธาตุท่ี เป็นองคป์ ระกอบ
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๒. สืบคน้ ขอ้ มูลและเปรียบเทียบ - ธาตุแต่ละชนิดมีสมบัติบางประการที่ สมบัติของธาตุโลหะ ธาตุ คล้ายกันและแตกต่างกัน จึงสามารถ อโลหะ ธาตุก่ึงโลหะและธาตุ จาแนกกลุ่มธาตุตามสมบัติของธาตุเป็ น กมั มนั ตรังสีและนาความรู้ไป ธาตุโลหะ ก่ึงโลหะ อโลหะ และธาตุ ใชป้ ระโยชน์ กมั มนั ตรังสี - ในชีวิตประจาวันมีวสั ดุ อุปกรณ์ และ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ผลิตมาจากธาตุและ สารประกอบ จึงควรเลือกใช้ให้ถูกต้อง เหมาะสมปลอดภยั และยง่ั ยนื ๓. ทดลองและอธิบายการหลกั การ - การกรอง การตกผลึก การสกัด การ แยกสารดว้ ยวิธีการกรอง การตกผลึก กลน่ั และโครมาโทกราฟี เป็ นวิธีการแยก การสกดั การกลนั่ และโครมาโทกราฟี สารท่ีมีหลกั การแตกต่างกนั และสามารถ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ นาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั ม.๓ - - นั ก วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ใ ช้ ข้อ มู ล จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า ม.๔-ม.๖ ๑. สืบคน้ ขอ้ มูลและอธิบาย - โครงสร้างอะตอม สร้างแบบจาลองอะตอม แบบตา่ ง ๆ ที่มีพฒั นาการอยา่ งต่อเน่ือง โครงสร้างอะตอม และ - อะตอมประกอบดว้ ยอนุภาคมูลฐานสาคญั สัญลกั ษณ์นิวเคลียร์ของธาตุ ๓ ช นิ ด คื อ โป รต อน นิ วตรอน แล ะ อิเล็กตรอน จานวนโปรตอนในนิวเคลียส ๒. วเิ คราะห์และอธิบายการจดั เรียง - เรียกว่า เลขอะตอม ผลรวมของจานวน อิเลก็ ตรอนในอะตอม - โปรตอนกับนิวตรอนเรี ยกว่า เลขมวล ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งอิเล็กตรอน ตวั เลขท้งั สองน้ีจะปรากฎอยู่ในสัญลกั ษณ์ ในระดบั พลงั งานนอกสุดกบั นิวเคลียร์ของไอโซโทปตา่ ง ๆ ของธาตุ สมบตั ิของธาตุและการ อิเล็กตรอนในอะตอมของธาตุจะจดั เรียงอยู่ เกิดปฏิกิริยา ในระดบั พลงั งานต่าง ๆ และในแต่ละระดบั พลงั งานจะมีจานวนอิเล็กตรอนเป็นค่าเฉพาะ อิเล็กตรอนในระดับพลังงานนอกสุ ดจะ แสดงสมบตั ิบางประการของธาตุ เช่น ความเป็ น โลหะ อโลหะ และเกี่ยวขอ้ งกบั การเกิดปฏิกิริยา ของธาตุน้นั
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๓. อธิบายการจดั เรียงธาตุและ - ตารางธาตุปัจจุบนั จดั เรียงธาตุตามเลขอะตอมและ ทานายแนวโนม้ สมบตั ิของธาตุ อาศัยสมบัติที่คล้ายกัน ทาให้สามารถทานาย ในตารางธาตุ แนวโนม้ สมบตั ิของธาตุในตารางธาตุได้ ๔. วเิ คราะห์และอธิบายการเกิด - แรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งไอออนหรืออะตอมของธาตุ พนั ธะเคมีในโครงผลึกและใน ให้อยู่รวมกนั เป็ นโครงผลึกหรือโมเลกุลเรียกว่า โมเลกุลของสาร พนั ธะเคมี - พันธะเคมีแบ่งออกเป็ น พันธะไอออนิก พนั ธะโคเวเลนต์ และพนั ธะโลหะ ๕. สืบคน้ ขอ้ มูลและอธิบายความสัมพนั ธ์ - จุดเดือดจุดหลอมเหลวและสถานะของสารมีความ ระหวา่ งจุดเดือด จุดหลอมเหลว เก่ียวขอ้ งกบั แรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนุภาคของสาร และสถานะของสารกบั แรงยดึ น้นั สารท่ีอนุภาคยึดเหน่ียวกนั ดว้ ยแรงยึดเหน่ียว เหนี่ยวระหวา่ งอนุภาคของสาร หรือพันธะเคมีที่แข็งแรงจะมีจุดเดือดและจุด หลอมเหลวสูง สารในสถานะของแข็ง อนุภาคยึด เหน่ี ยวกันด้วยแรงท่ี แข็งแรงกว่าสารในสถานะ ของเหลวและแก๊สตามลาดบั
สาระที่ ๓ สารและสมบัติของสาร มาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจหลกั การและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร การเกิดสารละลาย การเกิดปฏิกิริยา มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่ เรียนรู้ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป. ๑ - - ป.๒ - - ป.๓ ๑. ทดลองและอธิบายผลของการ - เมื่อมีแรงมากระทา เช่น การบีบ บิด ทุบ เปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนกบั วสั ดุ ดดั ดึง ตลอดจนการทาให้ร้อนข้ึนหรือทา เม่ือถูกแรงกระทา หรือทาให้ ใหเ้ ยน็ ลงจะทาให้วสั ดุเกิดการเปล่ียนแปลง ร้อนข้ึนหรือทาใหเ้ ยน็ ลง รูปร่างลกั ษณะหรือมีสมบตั ิแตกต่างไปจากเดิม ๒. อ ภิ ป ร า ย ป ร ะ โ ย ช น์ แ ล ะ - การเปลี่ยนแปลงของวัสดุอาจนามาใช้ อนั ตรายที่อาจเกิดข้ึน เนื่องจาก ประโยชน์หรือทาใหเ้ กิดอนั ตรายได้ การเปลี่ยนแปลงของวสั ดุ ป.๔ - - ป.๕ - - ป.๖ ๑. ทดลองและอธิบายสมบตั ิของ - เม่ื อ ส าร เกิ ด ก าร เป ลี่ ย น แ ป ล ง เป็ น สาร เมื่อสารเกิดการละลาย สารละลายหรือเปลี่ยนสถานะ สารแต่ละ และเปลี่ยนสถานะ ชนิดยงั คงแสดงสมบตั ิของสารเดิม ๒. วิเค ราะ ห์ แ ล ะ อ ธิ บ าย ก าร - ก ารเป ลี่ ย น แ ป ล งท างเค มี ห รื อ ก าร เปลี่ยนแปลงที่ทาให้เกิดสาร เกิดปฏิกิริยาเคมี ทาให้มีสารใหม่เกิดข้ึน ใหมแ่ ละมีสมบตั ิเปลี่ยนแปลงไป และสมบตั ิของสารจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ๓. อภิปรายการเปลี่ยนแปลงของ - การเปลี่ยนแปลงของสาร ท้ังการละลาย สารที่ก่อให้เกิดผลต่อสิ่งมีชีวิต การเปล่ียนสถานะและการเกิดสารใหม่ และสิ่งแวดลอ้ ม ตา่ งกม็ ีผลตอ่ สิ่งมีชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม ม. ๑ ๑. ทดลองและอธิบายวิธีเตรียม - สารละลายประกอบดว้ ยตวั ละลายและตวั สารละลายท่ีมีความเขม้ ขน้ เป็ น ทาละลาย สารละลายท่ีระบุความเขม้ ขน้ เป็ น ร้อยละ และอภิปรายการนา ร้อยละหมายถึงสารละลายท่ีมีอตั ราส่วน ความรู้เกี่ยวกบั สารละลายไป ของป ริ มาณ ตัวละลาย ละลายอยู่ใน ใชป้ ระโยชน์ สารละลายร้อยส่วน
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง - ในชีวิตประจาวนั ได้มีการนาความรู้เรื่อง ส ารละลายไป ใช้ป ระโยชน์ ทางด้าน การเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร การแพทย์ และดา้ นอื่น ๆ ๒. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธิ บ า ย ก า ร - เมื่อสารเกิดการเปลี่ยนสถานะและเกิดการ เปลี่ยนแปลงสมบตั ิ มวลและ ละลาย มวลของสารจะไม่เปล่ียนแปลง พ ลังงาน ของส าร เมื่ อส าร แต่สมบตั ิทางกายภาพเปลี่ยนแปลง รวมท้งั เปลี่ยนสถานะและเกิดการ มีการถ่ายโอนพลงั งานระหว่างระบบกับ ละลาย สิ่งแวดลอ้ ม ๓. ทดลองและอธิบายปัจจยั ท่ีมี - อุณหภูมิ ความดัน ชนิดของสารมีผลต่อ ผลต่อการเปล่ียนสถานะ และ การเปลี่ยนสถานะ และการละลายของสาร การละลายของสาร ม.๒ ๑. ท ด ล อ ง แ ล ะ อ ธิ บ า ย ก า ร - เม่ือสารเกิดปฏิกิริยาเคมีจะมีพลงั งานเขา้ มา เปลี่ยนแปลงสมบตั ิ มวล และ เกี่ยวขอ้ ง ซ่ึงอาจเป็ นการดูดพลงั งานความร้อน พลังงานเม่ือสารเกิดปฏิกิริยา หรือคายพลงั งานความร้อน เคมี รวมท้งั อธิบายปัจจยั ท่ีมีผล - อุณหภูมิ ความเขม้ ขน้ ธรรมชาติของสาร ต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี แ ล ะ ตั ว เร่ ง ป ฏิ กิ ริ ย า มี ผ ล ต่ อ ก า ร เกิดปฏิกิริยาเคมีของสาร ๒. ท ด ล อ ง อ ธิ บ าย แล ะ เขี ย น - สมการเคมีใชเ้ ขียนแสดงการเกิดปฏิกิริยาเคมี สมการเคมีของปฏิกิริยาของ ของส าร ซ่ึ งมี ท้ังส ารต้ังต้น และส าร สารต่าง ๆ และนาความรู้ไป ผลิตภณั ฑ์ ใชป้ ระโยชน์ - ปฏิกิริยาระหวา่ งโลหะกบั ออกซิเจน โลหะ กบั น้า โลหะกบั กรด กรดกบั เบส และกรด กบั คาร์บอเนตเป็นปฏิกิริยาเคมีท่ีพบทว่ั ไป - การเลื อกใช้วัส ดุ แล ะส ารรอบ ตัวใน ชี วิ ต ป ร ะ จ า ว ัน ไ ด้ อ ย่า ง เห ม า ะ ส ม แ ล ะ ปลอดภยั โดยคานึงถึงปฏิกิริยาท่ีเกิดข้ึน ๓. สืบคน้ ขอ้ มูลและอภิปรายผล - สารเคมีและปฏิกิริยาเคมี มีท้ังประโยชน์ ของสารเคมี ปฏิกิริยาเคมีต่อ และโทษต่อส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมท้งั ส่ิงมีชีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม ทางตรงและทางออ้ ม
ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๔. สืบคน้ ขอ้ มูลและอธิบายการ - การใช้สารเคมี ต้องมีความระมัดระวัง ใชส้ ารเคมีอยา่ งถูกตอ้ ง ปลอดภยั ป้องกนั ไม่ให้เกิดอนั ตรายต่อตนเองและ วธิ ีป้องกนั และแกไ้ ขอนั ตราย ผอู้ ื่น โดยใชใ้ หถ้ ูกตอ้ ง ปลอดภยั และคุม้ คา่ ที่เกิดข้ึนจากการใชส้ ารเคมี - ผใู้ ชส้ ารเคมีควรรู้จกั สัญลกั ษณ์เตือนภยั บน ฉลาก และรู้วิธีการแก้ไข และการปฐม พยาบาลเบ้ืองต้นเมื่อได้รับอันตรายจาก สารเคมี ม.๓ - - ม.๔-ม.๖ ๑. ทดลอง อธิบายและเขียนสมการ - ในชีวิตประจาวนั จะพบเห็นปฏิกิริยาเคมี ของปฏิกิริยาเคมีทว่ั ไปที่พบใน จานวนมาก ท้งั ท่ีเกิดในธรรมชาติและมนุษย์ ชีวิตประจาวนั รวมท้งั อธิบายผล เป็ นผูก้ ระทา ปฏิกิริยาเคมีเขียนแทนไดด้ ว้ ย ของสารเคมีที่มีต่อส่ิงมีชีวิตและ สมการเคมี สิ่งแวดลอ้ ม - มนุษยน์ าสารเคมีมาใชป้ ระโยชน์ท้งั ในบา้ น ในทางการเกษตรและอุตสาหกรรม แต่ สารเคมีบางชนิดเป็ นอนั ตรายต่อสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดลอ้ ม ๒. ทดลองและอธิบายอัตราการ - ปริ มาณของสารต้ังต้นหรื อผลิตภัณฑ์ ท่ี เกิดปฏิกิริยาเคมี ปัจจยั ท่ีมีผลต่อ เปลี่ยนแปลงไปต่อหน่วยเวลาเรียกวา่ อตั ราการ อตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมี และ เกิดปฏิกิริ ยาเคมี และปริ มาณของสารที่ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ เปล่ียนแปลงไปน้ัน อาจวัดจากค่าความ เขม้ ขน้ ปริมาตร หรือมวลของสาร ซ่ึงข้ึนอยู่ กบั ลกั ษณะของสาร - ความเข้มข้น พ้ื นที่ ผิว อุ ณหภู มิ ตัวเร่ ง ปฏิ กิริ ยาเป็ นปั จจัยท่ี มีผลต่ออัตราการ เกิดปฏิกิริยาเคมี การควบคุมปัจจัยเหล่าน้ี เพื่อทาให้ปฏิกิริยาเกิดข้ึนในอตั ราที่เหมาะสม สามารถนามาใชใ้ หเ้ ป็นประโยชน์ได้ ๓. สืบคน้ ขอ้ มูลและอธิบายการเกิด - การสลายตวั ของซากพืชและซากสัตว์ที่ทบั ปิ โตรเลียม กระบวนการแยก ถมอยู่ใต้ทะเลอย่างต่อเน่ืองภายใตอ้ ุณหภูมิ
ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง แก๊สธรรมชาติ และการกลั่น และความดันสูงนานนับล้านปี จะเกิดเป็ น ลาดบั ส่วนน้ามนั ดิบ ปิ โตรเลียม โดยมีได้ท้ังสถานะของแข็ง ของเหลวหรื อแก๊ส ซ่ึ งมี สารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนหลายชนิดรวมกนั และอาจมี สารประกอบอื่น ๆ ปะปนอยดู่ ว้ ย - การนาแกส๊ ธรรมชาติมาใชป้ ระโยชน์จะตอ้ ง ผ่านกระบวนการแยกแก๊ส ส่วนของเหลว หรือน้ามนั ดิบจะแยกโดยการกลน่ั ลาดบั ส่วน ๔. สืบค้นข้อมูลและอภิปรายการ - มีเทน อีเทน โพรเพนและบิวเทน เป็ น นาผลิตภัณฑ์ท่ีได้จากการแยก ผลิตภณั ฑ์ท่ีไดจ้ ากการแยกแก๊สธรรมชาติ แก๊สธรรมชาติและการกลั่น และกลนั่ ลาดบั ส่วนน้ามนั ดิบ นามาใช้เป็ น ล าดับ ส่ วน น้ ามัน ดิ บ ไปใช้ เช้ือเพลิงและสารต้งั ตน้ ส่วนผลิตภณั ฑ์อื่นๆ ป ร ะ โ ย ช น์ ร ว ม ท้ั ง ผลของ ซ่ึ งมี จาน วน อ ะต อ ม ค าร์ บ อ น เพิ่ ม ข้ึ น ผลิ ตภั ณ ฑ์ ต่ อสิ่ งมี ชี วิ ตและ นาไปใชป้ ระโยชน์แตกตา่ งกนั สิ่งแวดลอ้ ม - การสัมผสั ตวั ทาละลายและไฮโดรคาร์บอน บางชนิดในรูปของไอและของท่ีใชแ้ ลว้ อาจ เป็นอนั ตรายต่อสุขภาพได้ รวมถึงการกาจดั อยา่ งไมถ่ ูกวธิ ีก็จะมีผลตอ่ ส่ิงแวดลอ้ มดว้ ย ๕. ทดลองและอธิบายการเกิดพอลิ - พอลิเมอร์เป็ นสารประกอบท่ีโมเลกุลมี เมอร์ สมบตั ิของพอลิเมอร์ ขนาดใหญ่ เกิดจากมอนอเมอร์จานวนมาก เชื่อมต่อกนั ดว้ ยพนั ธะโคเวเลนต์ มีท้งั ที่เกิด ในธรรมชาติและสงั เคราะห์ข้ึน - ปฏิกิริยาที่มอนอเมอร์รวมกนั เป็ นพอลิเมอร์ เรียกว่า ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชัน ซ่ึงอาจ เป็นแบบควบแน่น หรือแบบต่อเติม - พอลิเมอร์มีหลายชนิด แต่ละชนิดอาจมีสมบตั ิบาง ประการเหมือนกนั และบางประการแตกต่างกนั ๖. อภิปรายการนาพอลิเมอร์ไปใช้ - พอลิเมอร์นาไปใชป้ ระโยชน์ไดแ้ ตกตา่ งกนั ประโยชน์ รวมท้งั ผลท่ีเกิดจาก ตามสมบตั ิของพอลิเมอร์ชนิดน้นั ๆ เช่น ใช้ การผลิตและใช้พอลิเมอร์ต่อ พลาสติกทาภาชนะ ใชเ้ ส้นใยสังเคราะห์ทา สิ่งมีชีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม เคร่ืองนุ่งห่ม
ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง - พอลิเมอร์สังเคราะห์ที่นาไปใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจาวนั บางชนิดสลายตวั ยาก การใช้ อยา่ งฟ่ ุมเฟื อยและไม่ระมดั ระวงั อาจก่อให้เกิด ปัญหาต่อส่ิงมีชีวติ และสิ่งแวดลอ้ มได้ ๗. ทดลองและอธิบายองคป์ ระกอบ - คาร์โบไฮเดรตจดั เป็ นแหล่งพลังงานของ ประโยชน์ และปฏิกิริยา ส่ิงมีชีวติ พบไดท้ วั่ ไปในชีวติ ประจาวนั เช่น บางชนิดของคาร์โบไฮเดรต น้าตาล แป้ง เซลลูโลสและไกลโคเจน โดยมี น้าตาลเป็ นหน่วยยอ่ ยสาคญั ซ่ึงประกอบด้วย ธาตุ C H และ O การตรวจสอบชนิดของ น้าตาลทา ไดโ้ ดยใชส้ ารละลายเบเนดิกต์ ๘. ทดลองและอธิบายองคป์ ระกอบ - ไขมันและน้ามัน เป็ นสารประกอบไตรกลีเซอไรด์ ป ร ะ โ ย ช น์ แ ล ะ ป ฏิ กิ ริ ย า เกิดจากการรวมตวั ของกรดไขมนั กับกลีเซ บางชนิดของไขมนั และน้ามนั อรอล กรดไขมันมีท้ังชนิดอ่ิมตัวและไม่ อ่ิมตัว ซ่ึ งสามารถตรวจสอบได้โดยใช้ สารละลายไอโอดีน - ไขมนั และน้ามนั นามาใช้ประโยชน์ได้ท้งั การบริโภคและใช้ใน อุตสาหกรรม การ บริโภคไขมนั ท่ีขาดความระมดั ระวงั จะเป็ น อนั ตรายตอ่ สุขภาพได้ ๙. ทดลองและอธิบายองคป์ ระกอบ - โปรตีนเป็ นสารที่ช่วยในการเจริ ญเติบโต ประโยชน์ และปฏิกิริ ยาบาง เสริมสร้างและซ่อมแซมเน้ือเยื่อ หน่วยย่อย ชนิ ด ขอ งโป รตี น แล ะก รด ของโปรตีนคือกรดอะมิโนซ่ึงมีท้ังกรดอะมิโน นิวคลีอิก จาเป็ นและไม่จาเป็ น มีธาตุองค์ประกอบ สาคญั คือ C H O N การทดสอบโปรตีนใน อาหารใชส้ ารละลาย CuSO๔ กบั NaOH - กรดนิวคลีอิกเป็ นสารโมเลกุลใหญ่คล้าย โปรตีน ประกอบด้วย ธาตุ C H O N ท่ี พบในเซลล์ของส่ิงมีชีวิต มี ๒ ชนิด คือ DNA แ ล ะ RNA ซ่ึ ง เ กี่ ย ว ข้ อ ง กั บ กระบวนการถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม
สาระที่ ๔ แรงและการเคลื่อนที่ มาตรฐาน ว ๔. ๑ เขา้ ใจธรรมชาติของแรงแม่เหลก็ ไฟฟ้า แรงโนม้ ถ่วง และแรงนิวเคลียร์ มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ อยา่ งถูกตอ้ งและมีคุณธรรม ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป. ๑ ๑. ทดลองและอธิบายการดึงหรือ - การดึงและการผลกั วตั ถุ เป็ นการออกแรง การผลกั วตั ถุ กระทาต่อวตั ถุ ซ่ึงอาจทาให้วตั ถุเคล่ือนท่ี หรือไม่เคล่ือนที่ และเปล่ียนแปลงรูปร่าง หรืออาจไม่เปล่ียนแปลงรูปร่าง ป.๒ ๑. ทดลองและอธิบายแรงที่เกิด - แม่เหล็กมีแรงดึงดูดหรือผลกั ระหวา่ งแท่ง จากแม่เหล็ก แ ม่ เห ล็ ก ร อ บ แ ท่ ง แ ม่ เห ล็ ก มี สนามแม่เหลก็ และสามารถดึงดูดวตั ถุท่ีทา ดว้ ยสารแม่เหล็ก ๒. อธิบายการนาแม่เหล็กมาใช้ - แม่เหล็กมีประโยชน์ในการทาของเล่น ของ ประโยชน์ ใช้ และนาไปแยกสารแมเ่ หลก็ ออกจากวตั ถุอ่ืนได้ ๓. ทดลองและอธิบายแรงไฟฟ้าท่ี - เม่ือถูวตั ถุบางชนิดแลว้ นาเข้าใกลก้ นั จะ เกิดจากการถูวตั ถุบางชนิด ดึงดูดหรื อผลักกันได้ แรงที่เกิดข้ึนน้ี เรียกว่าแรงไฟฟ้า และวตั ถุน้ันจะดึงดูด วตั ถุเบา ๆได้ ป.๓ ๑. ทดลองและอธิบายผลของการ - การออกแรงกระทาต่อวตั ถุแลว้ ทาให้วตั ถุ ออกแรงที่กระทาตอ่ วตั ถุ เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ี โดยวตั ถุที่หยุด นิ่งจะเคลื่อนที่และวตั ถุท่ีกาลงั เคล่ือนที่จะ เคล่ื อนท่ี เร็ วข้ึ นหรื อเคล่ื อนที่ ช้าล งหรื อ หยดุ เคลื่อนที่หรือเปลี่ยนทิศทาง ๒. ทดลองการตกของวตั ถุสู่พ้ืน - วตั ถุตกสู่พ้ืนโลกเสมอเน่ืองจากแรงโน้ม โลก และอธิ บายแรงที่ โลก ถ่วงหรือแรงดึงดูดของโลกกระทาต่อวตั ถุ ดึงดูดวตั ถุ และแรงน้ีคือน้าหนกั ของวตั ถุ ป.๔ - - ป.๕ ๑. ทดลองและอธิบายการหาแรง - แรงลพั ธ์ของแรงสองแรงที่กระทาต่อวตั ถุ ลพั ธ์ของแรงสองแรง ซ่ึงอยูใ่ น โดยแรงท้งั สองอยู่ในแนวเดียวกนั เท่ากบั แนวเดียวกนั ท่ีกระทาตอ่ วตั ถุ ผลรวมของแรงท้งั สองน้นั
ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๒. ทดลองและอธิบายความดัน - อากาศมีแรงกระทาต่อวตั ถุ แรงท่ีอากาศ อากาศ กระทาต้งั ฉากต่อหน่ึงหน่วยพ้ืนท่ี เรียกว่า ความดนั อากาศ ๓. ทดลองและอธิบายความดันของ - ของเหลวมีแรงกระทาต่อวตั ถุทุกทิศทาง ของเหลว แรงที่ของเหลวกระทาต้งั ฉากต่อหน่ึงหน่วย พ้ืนท่ี เรียกว่า ความดนั ของของเหลว ซ่ึงมี ความสมั พนั ธ์กบั ความลึก ๔. ทดลองและอธิบายแรงพยงุ ของ - ของเหลวมีแรงพยุงกระทาต่อวตั ถุท่ีลอย ของเหลว การลอยตวั และการ หรื อจมในของเหลว การจมหรื อการ จมของวตั ถุ ลอยตวั ของวตั ถุข้ึนอยูก่ บั น้าหนกั ของวตั ถุ และแรงพยงุ ของของเหลวน้นั ป.๖ - - ม. ๑ ๑. สื บ ค้น ข้อ มู ล แ ล ะ อ ธิ บ าย - ปริมาณทางกายภาพแบ่งเป็ นปริมาณส ป ริ ม า ณ ส เก ล า ร์ ป ริ ม า ณ เกลาร์และปริมาณเวกเตอร์ ปริมาณสเกลาร์ เวกเตอร์ เป็ นปริมาณที่มีแต่ขนาด ปริมาณเวกเตอร์ เป็นปริมาณที่มีท้งั ขนาดและทิศทาง ๒. ทดลองและอธิบายระยะทาง - การเคล่ือนท่ีของวตั ถุเกี่ยวขอ้ งกบั ระยะทาง ก าร ก ร ะ จัด อัต ร าเร็ ว แ ล ะ การกระจดั อตั ราเร็ว ความเร็ว ระยะทาง ความเร็ว ในการเคลื่อนท่ีของ คื อ ค วาม ยาวท่ี วัด ต าม แน วท างก าร วตั ถุ เคลื่อนท่ีของวตั ถุจากตาแหน่งเร่ิมตน้ ไปยงั ตาแหน่งสุดทา้ ย การกระจดั คือ เวกเตอร์ที่ ช้ี ตาแห น่ งสุ ด ท้ายข อ งวัต ถุ เที ยบ กับ ตาแหน่งเริ่มตน้ อตั ราเร็ว คือ ระยะทางที่ วัต ถุ เค ลื่ อ น ที่ ได้ใน ห น่ึ งห น่ วยเวล า ความเร็ว คือ การกระจดั ของวตั ถุในหน่ึง หน่วยเวลา ม.๒ ๑. ทดลองและอธิบายการหาแรง - แรงเป็ นปริมาณเวกเตอร์ เมื่อมีแรงหลาย ลัพ ธ์ ข อ งแ รงห ล าย แ รงใน แรงในระนาบเดียวกันกระทาต่อวัตถุ ระนาบเดียวกนั ท่ีกระทาต่อวตั ถุ เดียวกัน สามารถหาแรงลัพธ์ได้โดยใช้ หลกั การรวมเวกเตอร์
ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๒. อธิบายแรงลัพธ์ท่ีกระทาต่อ - เม่ือแรงลพั ธ์มีค่าเป็ นศูนยก์ ระทาต่อวตั ถุท่ี วตั ถุที่หยดุ นิ่งหรือวตั ถุเคลื่อนท่ี หยดุ นิ่ง วตั ถุน้นั ก็จะหยุดน่ิงตลอดไป แตถ่ า้ ดว้ ยความเร็วคงตวั วัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็ วคงตัว ก็จะ เคลื่อนท่ีดว้ ยความเร็วคงตวั ตลอดไป ม.๓ ๑. อธิบายความเร่งและผลของแรง - วตั ถุเคล่ือนท่ีด้วยความเร็วท่ีเปลี่ยนแปลง ลพั ธ์ที่ทาตอ่ วตั ถุ เป็ นการเคล่ือนท่ีดว้ ยความเร่ง เมื่อแรงลพั ธ์ มีค่าไม่เท่ากับศูนย์กระทาต่อวตั ถุวตั ถุจะ เคลื่อนท่ีด้วยความเร่งซ่ึงมีทิศทางเดียวกับ แรงลพั ธ์ ๒. ทดลองและอธิบายแรงกิริยา - ทุกแรงกิริยาจะมีแรงปฏิกิริยาโตต้ อบดว้ ย และแรงปฏิกิริ ยาระหว่างวัตถุ ขนาดของแรงเท่ากนั แตม่ ีทิศทางตรงขา้ ม และน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ - การนาความรู้เรื่องแรงกิริยาและแรง ปฏิกิริยาไปใชอ้ ธิบาย เช่น การชกั เยอ่ การ จุดบ้งั ไฟ ๓. ทดลองและอธิบายแรงพยงุ ของ - แรงพยุง คือ แรงที่ของเหลวกระทาต่อวตั ถุ ของเหลวท่ีกระทาตอ่ วตั ถุ มีค่าเท่ากับ น้ าห นักของของเห ลวท่ี มี ปริมาตรเทา่ กบั ส่วนที่จมของวตั ถุ - ของเหลวท่ีมีความหนาแน่นมากจะมีแรงพยงุ มาก - วัตถุ ที่ ล อยได้ใน ของเห ล วจะมี ความ ห น า แ น่ น น้ อ ย ก ว่า ค ว าม ห น าแ น่ น ข อ ง ของเหลว ม.๔-ม.๖ ๑. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ - ในสนามโน้มถ่วงจะมีแรงกระทาต่อวตั ถุ ระหวา่ งแรงกบั การเคล่ือนที่ของ ทาให้วตั ถุมีน้าหนกั เมื่อปล่อยวตั ถุ วตั ถุจะ วตั ถุในสนามโน้มถ่วง และนา ตกแบบเสรี สนามโนม้ ถ่วงทาใหว้ ตั ถุต่างๆ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ไม่ ห ลุ ดจาก โล ก เช่ น ก ารโคจรของ ดาวเทียมรอบโลก และอาจใช้แรงโนม้ ถ่วง ไ ป ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ เพื่ อ ห า แ น ว ดิ่ ง ข อ ง ช่ า ง ก่อสร้าง ๒. ทดลองและอธิบายความสัมพนั ธ์ - เมื่ออนุภาคท่ีมีประจุไฟฟ้าอยู่ในสนามไฟฟ้า ระหวา่ งแรงกบั การเคล่ือนท่ีของ จะมีแรงกระทาต่ออนุภาคน้นั ซ่ึงอาจทาให้
ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง อนุ ภาคในสนามไฟฟ้ า และ สภาพการเคล่ือนที่ของอนุภาคเปลี่ยนไป นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สามารถนาสมบัติน้ี ไปประยุกต์สร้าง เครื่องมือบางชนิด เช่น เครื่ องกาจัดฝ่ ุน ออสซิลโลสโคป ๓. ทดลองและอธิบายความสัมพนั ธ์ - เม่ืออนุภาคท่ีมีประจุไฟฟ้าเคล่ือนที่ใน ระหวา่ งแรงกบั การเคลื่อนท่ีของ สนามแม่เหล็ก จะมีแรงกระทาต่ออนุภาค อนุภาคในสนามแม่เหล็ก และ น้ัน ซ่ึงอาจทาให้สภาพการเคล่ือนท่ีของ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ อนุภาคเปล่ียนไป สามารถนาสมบตั ิน้ีไป ประยกุ ตส์ ร้างหลอดภาพโทรทศั น์ ๔. วิ เค ร าะ ห์ แ ล ะ อ ธิ บ าย แ ร ง - อนุภาคในนิวเคลียสเรียกว่านิวคลีออน นิวคลีออน นิวเคลียร์และแรงไฟฟ้าระหวา่ ง ประกอบดว้ ยโปรตอนและนิวตรอนนิวคลีออน อนุภาคในนิวเคลียส ในนิ วเคลี ยสยึดเหน่ี ยวกันด้วยแรงนิ วเคลี ยร์ ซ่ึ งมี ค่ ามากกว่าแรงผลักทางไฟฟ้ าระหว่าง นิ วคลี ออน นิ วคลี ออนจึงอยู่รวมกันใน นิวเคลียสได้
สาระที่ ๔ แรงและการเคล่ือนท่ี มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจลกั ษณะการเคล่ือนท่ีแบบต่างๆ ของวตั ถุในธรรมชาติ มีกระบวนการ สืบเสาะหาความรู้และจิตวทิ ยาศาสตร์ สื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป. ๑ - - ป.๒ - - ป.๓ - - ป.๔ - - ป.๕ 1. ทดลองและอธิบาย แรงเสียด - แรงเสียดทานเป็ นแรงต้านการเคล่ือนที่ ทานและนาความรู้ไปใช้ ของวตั ถุ แรงเสียดทานมีประโยชน์ เช่น ประโยชน์ ในการเดินตอ้ งอาศยั แรงเสียดทาน ป.๖ - - ม. ๑ - - ม.๒ - - ม.๓ ๑. ทดลองและอธิบายความ - แรงเสี ยดทานสถิตเป็ นแรงเสี ยดทานท่ี แตกต่างระหว่างแรงเสียดทาน กระทาต่อวตั ถุขณะหยุดนิ่ง ส่วนแรงเสียด สถิตกบั แรงเสียดทานจลน์ และ ทานจลน์เป็นแรงเสียดทานท่ีกระทาต่อวตั ถุขณะ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ เคล่ือนท่ี - การเพิม่ แรงเสียดทาน เช่น การออกแบบพ้ืน รองเทา้ เพ่ือกนั ล่ืน - การลดแรงเสียดทานเช่นการใช้น้ามนั หล่อลื่นท่ี จุดหมุน ๒. ทดลองและวิเคราะห์โมเมนต์ - เม่ือมีแรงท่ีกระทาต่อวตั ถุ แล้วทาให้เกิด ของแรง และนาความรู้ไปใช้ โมเมนต์ของแรงรอบจุดหมุน วัตถุจะ ประโยชน์ เปลี่ยนสภาพการหมุน - การวิเคราะห์โมเมนตข์ องแรงในสถานการณ์ ตา่ ง ๆ
ช้ัน ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๓. สงั เกตและอธิบายการเคล่ือนที่ของ - การเคลื่อนที่ของวตั ถุมีท้งั การเคลื่อนที่ในแนวตรง วตั ถุที่เป็นแนวตรง และแนวโคง้ เช่น การตกแบบเสรี และการเคล่ือนที่ในแนวโคง้ เช่น การเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์ของลูก บาสเกตบอลในอากาศ การเคลื่อนท่ีแบบ วงกลมของวตั ถุท่ีผกู เชือกแลว้ แกวง่ เป็นตน้ ม.๔-ม.๖ ๑. อธิบายและทดลองความสัมพันธ์ - การเคล่ือนท่ีแนวตรงเป็ นการเคล่ือนท่ีใน ระหว่างการกระจดั เวลา ความเร็ว แนวใดแน วห น่ึ ง เช่ น แนวราบ หรื อ ความเร่งของการเคล่ือนท่ีในแนว แนวด่ิงท่ีมีการกระจดั ความเร็ว ความเร่ง ตรง อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน โดยความเร่ง ของวตั ถุหาไดจ้ ากความเร็วท่ีเปล่ียนไปใน หน่ึงหน่วยเวลา ๒. สังเกตและอธิบายการเคลื่อนที่แบบ - การเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์เป็ นการ โพรเจกไทล์ แบบวงกลม และแบบ เคลื่อนที่วิถีโคง้ ท่ีมีความเร็วในแนวราบคง ฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย ตวั และความเร่งในแนวด่ิงคงตวั - การเคล่ือนท่ีแบบวงกลมป็ นการเคลื่อนที่ ที่มีความเร็วในแนวเส้นสัมผสั วงกลมและ มีแรงในทิศทางเขา้ สู่ศูนยก์ ลาง - การเคล่ือนที่แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่ายเป็ น การเคลื่อนที่กลับไปกลับมาซ้ าทางเดิม เช่น การแกว่งของลูกตุม้ อย่างง่าย โดยท่ี มุมสู งสุ ดที่เบนจากแนวด่ิง มีค่าคงตัว ตลอด ๓. อ ภิ ป ร าย ผ ล ก า ร สื บ ค้ น แ ล ะ - การเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล์สามารถ ประโยชน์เก่ียวกับการเคล่ือนท่ี นาไปใช้ประโยชน์ เช่น การเล่นเทนนิส แบบโพรเจกไทล์ แบบวงกลม และ บาสเกตบอล แบบฮาร์มอนิกอยา่ งง่าย - การเคล่ือนที่แบบวงกลมสามารถนาไปใช้ ประโยชน์ เช่น การวง่ิ ทางโคง้ ของรถยนต์ ใหป้ ลอดภยั - การเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนิ กอย่างง่าย สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการสร้าง นาฬิกาแบบลูกตุม้
สาระท่ี ๕ พลงั งาน มาตรฐาน ว ๕. ๑ เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งพลงั งานกบั การดารงชีวติ การเปลี่ยนรูปพลงั งาน ปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งสารและพลงั งาน ผลของการใชพ้ ลงั งานตอ่ ชีวติ และ ส่ิงแวดลอ้ ม มีกระบวน การสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ ช้ัน ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ป. ๑ - - ป.๒ ๑. ทดลองและอธิบายไดว้ ่าไฟฟ้า - ไฟ ฟ้ าจากเซ ลล์ไฟฟ้ าห รื อแบตเตอรี่ เป็นพลงั งาน สามารถทางานได้ ไฟฟ้าจึงเป็นพลงั งาน ๒. ส า ร ว จ แ ล ะ ย ก ตั ว อ ย่ า ง - พลงั งานไฟฟ้าเปลี่ยนเป็ นพลงั งานอ่ืนได้ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบา้ นที่เปลี่ยน ซ่ึงตรวจสอบไดจ้ ากเครื่องใชไ้ ฟฟ้าในบา้ น พลงั งานไฟฟ้าเป็นพลงั งานอื่น เช่น พดั ลม หมอ้ หุงขา้ วไฟฟ้า ป.๓ ๑. บอกแหล่งพลงั งานธรรมชาติที่ - การผลิตไฟฟ้ าใช้พลังงานจากแหล่ง ใชผ้ ลิตไฟฟ้า พลงั งานธรรมชาติ ซ่ึงบางแหล่งเป็ นแหล่ง พ ลังงาน ที่ มี จากัด เช่ น น้ ามัน แ ก๊ ส ธรรมชาติ บางแหล่งเป็ นแหล่งพลงั งานท่ี หมุนเวยี น เช่น น้า ลม ๒. อ ธิ บ า ย ค ว า ม ส า คั ญ ข อ ง - พ ลั ง ง า น ไ ฟ ฟ้ า มี ค ว า ม ส า คั ญ ต่ อ พ ลังงาน ไฟ ฟ้ าแ ล ะ เส น อ ชีวิตประจาวนั เช่น เป็ นแหล่งกาเนิดแสง วิธีการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยดั สว่าง จึงตอ้ งใช้ไฟฟ้าอย่างประหยดั เช่น และปลอดภยั ปิ ดไฟเม่ือไม่ใช้งาน รวมท้งั ใชไ้ ฟฟ้าอย่าง ปลอดภัย เช่น เลือกใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีมี มาตรฐาน ป.๔ ๑. ทดลองและอธิบายการเคล่ือนที่ - แสงเคลื่อนท่ีจากแหล่งกาเนิดทุกทิศทาง ของแสงจากแหล่งกาเนิด และเคล่ือนที่เป็ นแนวตรง ๒. ทดลองและอธิบายการสะทอ้ น - แสงตกกระทบวตั ถุจะเกิดการสะทอ้ นของ ของแสงที่ตกกระทบวตั ถุ แสงโดยมีมุมตกกระทบเท่ากบั มุมสะทอ้ น ๓. ทดลองและจาแนกวตั ถุตาม - เม่ือแสงกระทบวตั ถุต่างกนั จะผา่ นวตั ถุแต่ ลกั ษณะการมองเห็นจาก ละชนิ ดได้ต่างกัน ทาให้จาแนกวัตถุ แหล่งกาเนิดแสง ออกเป็ นตวั กลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่ง แสงและวตั ถุทึบแสง
Search