Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน Business English Reading

แผนการสอน Business English Reading

Published by ตรีลดา นภิบาล, 2021-07-20 03:06:47

Description: แผนการสอน Business English Reading

Search

Read the Text Version

การอ่ านภาษา อั งกฤษธุ รกิ จ (BUSINESS ENGLISH READING) 30212-2005 Lecturer Trilada Napibal Foreign Langauges Department Udomsueksaphanitchayakan Technological College

แผนการจดั การเรยี นรมู้ งุ่ เนน้ สมรรถนะ ชอ่ื วชิ าการอา่ นภาษาองั กฤษธรุ กิจ รหสั วชิ า 30212-2005 ทฤษฎี 1 ปฏบิ ัติ 4 หนว่ ยกติ 3  หลกั สตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี  หลกั สตู รประกาศนียบตั รวิชาชพี ชนั้ สูง ประเภทวชิ าบรหิ ารธรุ กจิ สาขาวชิ า ภาษาตา่ งประเทศ สาขางานภาษาตา่ งประเทศ จดั ทาโดย นางสาวตรลี ดา นภิบาล วทิ ยาลยั เทคโนโลยอี ดุ มศกึ ษาพณชิ ยการ สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

1 คานา แ ผ น ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู้ ฉ บั บ น้ี จั ด ท า ข้ึ น เ พื่ อ ใ ช้ เ ป็ น แ น ว ท า ง ใ น ก า ร จั ด ก า ร เ รี ย น รู้ รายวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ รหัสวิชา 30212-2005 ทฤษฎี 1 ปฏิบัติ 4 หน่วยกิต 3 5 คาบต่อสัปดาห์ สาขาวิชา ภาษาต่างประเทศธุรกิจ มีเนื้อหาตรงตามจุดประสงค์และคาอธิบายรายวิชา หลักสูตร ประกาศนียบตั รวิชาชพี ช้นั สงู (ปวส.) พทุ ธศกั ราช 2557 ของกรมอาชีวศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ แผนการ จัดการเรียนรู้ได้แบ่งเนื้อหาออกเป็นจานวน 6 หน่วย ได้แก่ Grammar Type of Reading การจับใจความ สาคญั Context Clue การอ่านตีความภาษาอังกฤษ และ Reading Comprehension โดยใช้วิธีการสอนแบบ บรรยาย อภปิ ราย กรณตี วั อย่าง (กรณศี ึกษา) ซักถาม ยกตวั อยา่ งประกอบ กลยุทธ์การเรยี นร้ทู ี่เน้นผเู้ รยี นเปน็ ศูนย์กลาง (Student-centered Learning Strategies) และเทคนคิ การสอนท่หี ลากหลายตามความเหมาะสม ตามสภาพของผู้เรียน และได้บูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สื่อการเรียนรู้ท่ีใช้ในการจัดการ เรียนรู้ประกอบด้วยหนังสือเรียน ส่ือของจริงและสื่อเพาเวอร์พอยต์ สาหรับการวัดผลประเมินผล เน้นการ ประเมินตามสภาพจรงิ ที่มเี กณฑก์ ารให้คะแนนทช่ี ัดเจน แผนการเรียนรู้ฉบับนี้สาเร็จได้ด้วยคาแนะนาจากผู้รู้ เช่น นายแสนสุรศักดิ์ ทีปรักษ์พันธ์ จึงหวังเป็น อยา่ งยิ่งว่าแผนการเรยี นร้รู ายวชิ าการอา่ นภาษาอังกฤษธรุ กิจจะเป็นแผนการเรยี นรู้ทส่ี มบูรณ์ เออ้ื อานวยประโยชน์ ตอ่ การเรยี นการสอนท้ังตอ่ ผเู้ รียนและครูผู้สอนได้เปน็ อยา่ งดี นางสาวตรีลดา นภิบาล วทิ ยาลัยเทคโนโลยอี ดุ มศึกษาพาณิชยการ

สารบญั 2 คานา หน้า สารบญั หลกั สูตรรายวิชา (1) ตารางวเิ คราะหห์ ลักสตู รรายวิชา (2) หนว่ ยการเรียนรู้ (3) หนว่ ยการเรียนรแู้ ละสมรรถนะประจาหนว่ ย (4-5) แผนการจดั การเรยี นรหู้ น่วยท่ี 1 Grammar (6) แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยท่ี 2 Type of Reading (7-8) แผนการจดั การเรียนรหู้ นว่ ยท่ี 3 การจับใจความสาคัญ (9-24) แผนการจดั การเรียนรหู้ นว่ ยที่ 4 Context Clue (25-38) แผนการจดั การเรยี นรู้หน่วยที่ 5 การอ่านตคี วามภาษาองั กฤษ (39-53) แผนการจัดการเรยี นรู้หน่วยที่ 6 Reading Comprehension (54-66) (67-82) (83-97)

3 หลักสตู รรายวชิ า ชื่อวชิ าการอา่ นภาษาองั กฤษธรุ กจิ รหัสวิชา 30212-2005 ทฤษฎี 1 ปฏบิ ัติ 4 หน่วยกติ 3  หลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชพี  หลักสตู รประกาศนยี บตั รวิชาชีพชน้ั สงู ประเภทวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชาภาษาต่างประเทศ จดุ ประสงคร์ ายวชิ า เพอ่ื ให้ 1. เขา้ ใจเก่ียวกบั หลกั และเทคนคิ วธิ ใี นการอ่านเรื่องทางธุรกจิ 2. สามารถอา่ นขอ้ ความและเอกสารภาษาองั กฤษทางธรุ กิจ 3. มีเจตคตแิ ละกิจนสิ ัยท่ีดีในการปฏิบัตงิ านดว้ ยความรับผิดชอบ สมรรถนะรายวชิ า 1. แสดงความรู้เก่ยี วกับหลักและเทคนิควธิ ีในการอ่านเรอ่ื งธุรกิจ 2. สรปุ ใจความสาคญั ของเอกสาร หรอื ข้อมลู ทางธุรกจิ 3. พูดหรือเขยี นแสดงความเห็นเกยี่ วกับเอกสารทางธุรกจิ ท่ีอ่าน 4. ตอบคาถามเก่ียวกบั เรอื่ งที่อา่ นทางธรุ กิจ 5. ปฏบิ ัติงานด้วยความรบั ผิดชอบ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาและปฏิบตั ิเก่ียวกบั ค าศพั ท์ สานวน และโครงสร้างภาษาองั กฤษที่ใชใ้ นเอกสารทางธุรกิจ หลกั และเทคนิควธิ ีการอ่าน ปฏิบตั ิการอา่ นขอ้ ความ เรื่อง และเอกสารทางธุรกิจ

4 ตารางวเิ คราะหห์ ลกั สตู ร รหัส 30212-2005 วชิ า การอ่านภาษาองั กฤษธรุ กจิ (Business English Reading) หน่วยกติ 1-4-3 ระดับช้ัน ปวส. 2 สาขาวิชาบรหิ ารธรุ กจิ สาขาภาษาตา่ งประเทศธรุ กจิ พฤตกิ รรม พทุ ธิพสิ ยั (30%) ความรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ ความเข้าใจ 1. Grammar นาไปใช้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า ทักษะพิสัย (50%) จิตพิสัย (20%) รวม ลาดับความสาคัญ จานวนช่ัวโมง 10 1 10 1 10 1 10 1 - 10 1 30 15 25 5 25 1 23 2. Type of Reading 8 1 8 1 8 1 8 1 8 1 - 10 5 10 2 12 6 10 3. การจบั ใจความสาคัญ 10 1 10 1 10 1 8 1 - 8 1 20 10 15 3 18 3 16 4. Context Clue 10 1 10 1 10 1 9 1 9 1 - 10 5 10 2 12 5 11 5. การอา่ นตีความภาษาองั กฤษ 10 1 10 1 8 1 8 1 - 8 1 20 10 25 5 20 2 18 6. Reading Comprehension 10 1 10 1 9 1 9 1 9 1 - 10 5 15 3 13 4 12 58 58 55 52 26 26 90 275 รวม 6 6 6 633 30 50 20 100 ลาดบั ความสาคญั 1 2 3 4 5 6 พุทธพิ สิ ยั 275 ปรบั เปน็ 30 ทกั ษะพสิ ัย 100 ปรบั เปน็ 50 จติ พสิ ยั 95 ปรบั เปน็ 20 **พทู ธพิ สิ ัย ������ = ������ ∗ 30 ทกั ษะพิสยั ������ = ������ ∗ 50 จิตพิสยั ������ = ������ ∗ 20 จานวนคาบ ������ = ������ ∗ 85 275 100 95 100

5 ตารางวเิ คราะหห์ ลกั สตู ร รหสั 3212-2005 วิชา การอ่านภาษาองั กฤษธรุ กจิ (Business English Reading) หน่วยกติ 1-4-3 ระดับช้ัน ปวส. 2 สาขาวชิ าบรหิ ารธรุ กจิ สาขาภาษาตา่ งประเทศธรุ กจิ พฤตกิ รรม พุทธิพสิ ยั (30%) ความรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ ความเข้าใจ 1. Grammar นาไปใช้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า ทักษะพิสัย (50%) จิตพิสัย (20%) รวม ลาดับความสาคัญ จานวนช่ัวโมง 1 1 1 1 - 1 15 5 25 1 23 2. Type of Reading 1 1 1 1 1 - 5 2 12 6 10 3. การจับใจความสาคัญ 1 1 1 1 - 1 10 3 18 3 16 4. Context Clue 1 1 1 1 1 - 5 2 12 5 11 5. การอา่ นตีความภาษาอังกฤษ 1 1 1 1 - 1 10 5 20 2 18 6. Reading Comprehension 1 1 1 1 1 - 5 3 13 4 12 รวม 58 58 55 52 26 26 278/30 50 20 100 90 ลาดับความสาคญั 3 2 1 5 6 4 พทุ ธพิ สิ ยั = 30% ทกั ษะพสิ ยั = 50% จติ พสิ ยั = 20%

หนว่ ยการเรยี นรู้ 6 หนว่ ยที่ ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ จานวนชวั่ โมง สปั ดาหท์ ่ี 1 Grammar 23 1-5 10 5-7 2 Type of Reading 16 7-10 11 10-12 3 การจับใจความสาคญั 18 12-16 12 16-18 4 Context Clue 90 18 5 การอา่ นตีความภาษาอังกฤษ 6 Reading Comprehension รวม

7 หนว่ ยการเรยี นรแู้ ละสมรรถนะประจาหนว่ ย สมรรถนะ ช่อื หน่วย ความรู้ ทักษะ คณุ ลักษณะ ทพ่ี งึ ประสงค์ 1. Grammar 1. แสดงความรู้เก่ยี วกับ 1. บอกความหมายคาศัพทแ์ ละ แสวงหาหาความรู้ 1.1 คาศพั ท์ สานวน ประโยคใน ศพั ท์ สานวน ประโยคใน สานวน Prefix-Suffix ได้อยา่ ง ทงั้ ทางตรงและ Prefix and Suffix เร่ือง Prefix-Suffix ถกู ต้อง ทางอ้อม เข้าชั้น 1.2 หลักการใช้ Part of หลักการใช้ Part of 2. แยกแยะ Part of Speech ตาม เรียนตรงเวลา Speech จากการเร่ือง Speech และการจบั หลกั ไวยากรณ์ ได้อย่างน้อย 5 เคารพและนอบ Ishmael and Isadore ใจความสาคัญจากเรื่อง ประเภท นอ้ มต่อผใู้ หญ่ 1.3 การจบั ใจความสาคญั จาก Ishmael and Isadore ได้ 3. สรุปสาระสาคัญจากการอา่ น และหวังดี โอบ เรื่อง Ishmael and Isadore เรื่อง Ishmael and Isadore ได้ ออ้ มอารี อย่างถูกต้อง 2. Type of Reading 1. แสดงความรูเ้ กีย่ วกับ 1. บอกความหมายของคาศัพท์และ แสดงพฤตกิ รรม 1.1 คาศพั ท์และสานวนการ คาศัพท์และเทคนิคการอ่าน อา่ นแบบ Skimming, อ่านแบบ Skimming, สานวนจากการใช้เทคนิคการอ่าน ในการศึกษาและ Scanning ในเรอื่ ง Scanning และสรปุ Passage 1 สาระสาคญั จากเร่ือง แบบ Skimming, Scanning 2. ปฏบิ ตั งิ านดว้ ย 1.2 เทคนิคการอา่ นแบบ Passage 1 และ Passage Skimming, Scanning 2 ได้ บอกสาระสาคัญจากเรื่อง Passage ความมีระเบยี บ 1.3 การจบั ใจความสาคญั จาก การอา่ นบทความเรื่อง 1.แสดงความร้เู ก่ยี วกับ การ 1 ตามหลักการอ่านแบบ วินยั ใฝห่ าความรู้ Passage 2 เดาคาศัพทแ์ ละสานวนจาก 3. การจบั ใจความสาคญั บรบิ ทจากบทความท่ีอ่าน skimming, scanningได้ถูกต้อง และรู้จกั ดารงตน 1.1 คาศพั ทแ์ ละสานวนจาก และจบั ใจความสาคัญจาก เร่ืองที่อา่ น เรอ่ื ง Topic noun, Topic และครบถว้ น โดยใชห้ ลัก 1.2 จับใจความสาคัญจากเรอื่ ง idea, Topic sentence Topic noun, Topic idea, and Main Idea Identify 3. สรุปสาระสาคญั จากการอ่าน ปรชั ญาของ Topic sentence and Main ได้ Idea Identify เร่อื ง Passage 2 ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง เศรษฐกจิ พอเพียง 1. บอกความหมายคาศัพท์และ เขา้ ชั้นเรียนตรง สานวนจากเรื่องที่อ่านได้ เวลา แสวงหา 2. จบั ใจความสาคญั จากบทความ ความรู้ทงั้ ทางตรง เรอื่ ง Topic noun, Topic idea, และทางอ้อม Topic sentence and Main แกป้ ญั หาพฒั นา Idea Identify ทใ่ี หอ้ า่ นไดอ้ ย่าง สิง่ ใหม่ๆจน ถูกต้องครบถว้ น บรรลผุ ลสาเรจ็ และม่งุ มนั่ ตัง้ ใจ

8 4. Context Clue 1.แสดงความรู้เกี่ยวกับ การ 1. บอกความหมายของคาศัพท์และ เขา้ ช้ันเรียนตรง 1.1 เดาคาศัพท์และสานวนจาก เดาคาศัพทแ์ ละสานวนและ สานวนทใี่ ชใ้ น Context Clue ทงั้ เวลา แสวงหา การอา่ นบทความใน Context หลักการใช้ Context Clue 10 หวั ขอ้ ไดถ้ ูกตอ้ ง ความรู้ทงั้ ทางตรง Clue ทงั้ 10 หวั ข้อ ท้งั 10 หัวข้อได้ 2. แยกแยะ Context Clue ตาม และทางอ้อม 1.2 หลักการใช้ Context Clue หลักไวยากรณ์ ได้อย่างน้อย 5 แก้ปัญหาพัฒนา ทง้ั 10 หัวขอ้ ประเภท ส่ิงใหม่ๆจน บรรลผุ ลสาเรจ็ 5. การอา่ นตคี วามภาษาองั กฤษ 1.แสดงความรเู้ ก่ยี วกับ 1. บอกความหมายคาศพั ท์และ แสดงพฤติกรรม 1.1 คาศพั ทแ์ ละสานวนจาก คาศัพทแ์ ละสานวนจากเร่ือง สานวนจากเรอื่ ง Paragraph I, ในการศึกษาและ เรือ่ ง Paragraph I, Paragraph Paragraph I, Paragraph II, Paragraph II, Paragraph III และ ปฏิบตั ิ งานดว้ ย II, Paragraph III และ Paragraph III และ Paragraph IV ได้ถูกต้อง ความมี ระเบยี บ Paragraph IV Paragraph IV และตคี วาม 2. สามารถตคี วาม สรปุ ความ และ วนิ ยั ใฝ่หาความรู้ 1.2 ตคี วาม สรุปความ และ สรุปความ และตอบคาถาม ตอบคาถามจากบทความเรื่อง และรจู้ ักดารงตน ตอบคาถามจากบทความเรือ่ ง จากบทความเรื่อง Exercise Exercise Addition และ Dietary โดยใช้หลกั Exercise Addition และ Addition และ Dietary (Food) Supplement ได้อย่าง ปรัชญาของ Dietary Supplement (Food) Supplement ได้ ถกู ต้องครบถ้วน เศรษฐกิจพอเพียง อยา่ งถูกต้อง 6. Reading Comprehension 1.แสดงความรู้เกยี่ วกับ 1. บอกความหมายคาศพั ท์และ เช้าชน้ั เรยี นตรง 1.1 คาศพั ทแ์ ละสานวนจาก คาศัพทแ์ ละสานวนจาก สานวนจากบทความเร่ือง เวลา แสวงหา บทความเรื่อง Business email บทความเร่ือง Business Business email writing, ความรู้ทัง้ ทางตรง writing, Business phone email writing, Business Business phone calls, และทางอ้อม calls, cancelling a meeting phone calls, cancelling cancelling a meeting และ แกป้ ญั หาพัฒนา และ Applying for jobs a meeting และ Applying Applying for jobs สิง่ ใหมๆ่ จน 1.2 สรุปความและตอบคาถาม for jobs สรุปความและ 2. สรปุ ความและตอบคาถามท่ี บรรลุผลสาเร็จ จากบทความเร่อื ง Warren ตอบคาถามจากบทความ กาหนดให้ จากบทความเรื่อง ปฏิบตั ิงานท่ีได้รบั Buffett's US$10 billion เรอื่ ง Warren Buffett's Warren Buffett's US$10 billion มอบหมายเสร็จ mistake: Precision US$10 billion mistake: mistake: Precision Castparts ตามระยะเวลาที่ Castparts และ McDonald's Precision Castparts และ และ McDonald's mulling กาหนดและหวังดี mulling partial sale of McDonald's mulling partial sale of digital unit: โอบออ้ มอารี digital unit: Report partial sale of digital Report ได้อย่างถูกต้องครบถ้วน unit: Report ได้อย่าง ถูกต้อง

9 แผนการจดั การเรยี นรู้มงุ่ เนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 1 ชอื่ วชิ า การอา่ นภาษาองั กฤษธรุ กิจ สอนคร้ังท่ี 1-11 ชือ่ หนว่ ย Grammar ชว่ั โมงรวม 23 สาระสาคญั การเรียนไวยากรณ์ในเรื่อง Prefix-Suffix และ Part of Speech ถือเป็นหน่ึงในหัวใจพ้ืนฐานของการ อ่าน ดังนั้นเมื่อเรามีความรู้ Prefix-Suffix และ Part of Speech แล้วน้ัน เราจะได้เข้าใจตาแหน่งการวางคา และเดาความหมายได้ สมรรถนะประจาหนว่ ย 1. แสดงความรู้เกยี่ วกบั ศัพท์ สานวน ประโยคในเรือ่ ง Prefix-Suffix 2. แยกแยะ Part of Speech ตามหลกั ไวยากรณ์ 3. สรุปสาระสาคญั จบั ใจความจากการอา่ นเรอ่ื ง Ishmael and Isadore จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ นักศกึ ษาสามารถ ดา้ นความรู้ 1. ร้แู ละเข้าใจเกยี่ วกับความหมายของคาศัพท์ Prefix and Suffix 2. รู้และเขา้ ใจหลักการใช้ Part of Speech ตามหลักไวยากรณ์ 3. รูแ้ ละเข้าใจการจับใจความสาคญั จากเร่ือง Ishmael and Isadore ด้านทักษะ 1. บอกความหมายคาศัพท์และสานวน Prefix-Suffix ไดอ้ ย่างถูกต้อง 2. แยกแยะ Part of Speech ตามหลกั ไวยากรณ์ ได้อยา่ งนอ้ ย 5 ประเภท 3. สรปุ สาระสาคัญจากการอา่ นเรอ่ื ง Ishmael and Isadore ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ดา้ นคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ 1. แสวงหาหาความรู้ทัง้ ทางตรงและทางอ้อม 2. เข้าช้ันเรยี นตรงเวลา 3. เคารพและนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ 4. หวังดโี อบออ้ มอารชี ว่ ยเหลอื ผอู้ ื่นตามโอกาส เนื้อหาสาระการเรยี นรู้ 1. คาศัพท์ สานวน ประโยคในPrefix and Suffix กิจกรรมที่ 1.1 ทกั ษะบอกความหมายคาศัพทแ์ ละสานวน Prefix-Suffix ได้อยา่ งถกู ต้อง 2. หลกั การใช้ Part of Speech จากการเรื่อง Ishmael and Isadore กิจกรรมที่ 1.2 ทักษะแยกแยะ Part of Speech ตามหลักไวยากรณ์

10 3. การจบั ใจความสาคญั จากเรื่อง Ishmael and Isadore กิจกรรมที่ 1.3 ทักษะสรปุ สาระสาคัญจากการอา่ นเร่ือง Ishmael and Isadore กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ สอนครั้งท่ี 1 (ชว่ั โมงที่ 1-2 ) 1. ทกั ทายนกั ศกึ ษา จากนัน้ เรียกชอ่ื เข้าชัน้ เรยี นเชค็ เวลาและประพฤติตนตามคาส่ังหรอื ข้อบงั คับของ สถานศึกษา 2. ชี้แจงรายละเอยี ดเก่ียวกบั หนว่ ยการเรยี นรู้ท้งั หมด การวดั และการประเมนิ ผลการเรียน การบูรณา การคา่ นยิ มหลักของคนไทย 12 ประการและข้อตกลงการเรียนและการใช้ห้องเรียน 3. ใหน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนหนว่ ยที่ 1 หลังจากนั้นแจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 4. นาสนทนาและให้นักเรียนดูคลิปวีดีโอเร่ือง “Why Reading Is Important - 10 Shocking Benefits of Reading” เพือ่ ใหน้ กั ศึกษาไดต้ ระหนักถงึ ความสาคญั ของการอ่าน และไดม้ ีแรงบันดาลใจในการอ่านต่อไป การเรยี นรู้ 5. ใช้กลยุทธ์ Competency Based: สุม่ นักศึกษา ถาม-ตอบ คาศัพท์และสานวนประโยคจากเรื่อง Prefix- Suffix 6. ครเู ปดิ เพาเวอร์พอยตค์ าศัพท์และสานวนเกยี่ วกับเรื่อง Prefix and Suffix ใหน้ ักศึกษาไดร้ ่วมกันจดจา คาศัพท์ 7. นักศึกษารว่ มกันเฉลย แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง Prefix-Suffix and Part of Speech การสรปุ 8. ครูและนักศึกษาร่วมกันสรุป Prefix-Suffix ที่ได้เรียนไป สอนครง้ั ที่ 2 (ช่ัวโมงที่ 3-4 ) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูทวนเนื้อหาจากาการสอนครั้งท่ี 1 โดยการถามตอบกับนักศึกษา การเรยี นรู้ 2. ครเู ปดิ เพาเวอร์พอยต์คาศัพท์และสานวนเกย่ี วกบั เร่ือง Prefix and Suffix เพื่อใหน้ ักเรยี นได้ดแู ละอ่าน คาศัพท์พร้อมบอกความหมายอีกรอบเพื่อทวนความเข้าใจในความหมายของคาศัพทน์ น้ั ๆ และเรียนรู้หลัก ไวยากรณ์ของ Prefix and Suffix 3. ใชก้ ลยุทธ์ Competency Based: สมุ่ นกั ศกึ ษา ถาม-ตอบ คาศพั ทแ์ ละสานวนประโยคจากเร่ือง Prefix and Suffix และรวมถงึ หลักไวยากรณ์

11 4. ครซู กั ถามเพ่ือความเข้าใจ พรอ้ มอธบิ ายซา้ ในส่วนท่นี กั ศึกษาไมเ่ ข้าใจจากนน้ั บันทกึ ผลเพื่อเป็นการต่อยอด ความรู้ในการเรียนครงั้ ต่อไป การสรปุ 5. ครแู ละนกั ศึกษารว่ มกนั สรุปบทเรียนแจง้ คาตอบและให้ผลยอ้ นกลบั แก่ผู้เรียน สอนครั้งท่ี 3 (ชวั่ โมงที่ 5-6) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1.ครทู บทวนเนือ้ หาจากการสอนคร้งั ที่แล้ว โดยการถามตอบ การเรยี นรู้ 2. ครูเปดิ พาวเวอร์พอยต์อธิบายเรอื่ ง Part of Speech 3. ครูแจกใบงานกิจกรรมที่ 1.1 คาศัพท์และสานวนเรอ่ื ง Prefix-Suffix (หลักฐานการเรยี นรู้ incomplete worksheet 1.1) 4. ครูอธบิ ายขนั้ ตอนการปฏบิ ัตงิ านตามใบกิจกรรม ซกั ถามเพือ่ ความเขา้ ใจ และให้นักศึกษาทาใบงานและ ช่วยกันสรุปผลการทากจิ กรรม พรอ้ มบนั ทึกผลเพ่ือเปน็ การต่อยอดความรู้ในการเรยี นครง้ั ต่อไป 5. ครตู รวจคาตอบและเฉลยคาตอบให้กับนักศกึ ษาทราบและอธบิ ายเพิ่มเติมให้นกั ศึกษามีความรู้และความ เข้าใจมากยง่ิ ข้นึ การสรปุ 6.ครูและนกั ศึกษารว่ มกันสรุปบทเรยี นแจ้งคาตอบและให้ผลย้อนกลับแก่ผเู้ รยี น รวบรวมใบกิจกรรมสง่ ครผู ู้สอน (หลักฐานการเรียนรู้ 1.1) สอนครั้งที่ 4 (ชว่ั โมงท่ี 7-8) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครทู บทวนเนอ้ื หาจากการสอนครัง้ ที่แล้ว โดยการถามตอบ การเรยี นรู้ 2.ครูใหค้ วามร้เู ก่ยี วกับทกั ษะการอา่ นโดยเปิดพาวเวอร์พอยต์เรื่อง Synonyms and Antonyms ใน Prefix- Suffix อธิบายและยกตวั อย่างประกอบ บอกแหลง่ ที่มา การหาขอ้ มลู โดยให้นกั ศึกษาจดบนั ทึกรายละเอยี ดใน สมุดความรู้ของตนเอง 3. ครซู ักถามความเขา้ กบั นักศึกษาทราบและอธิบายอีกครั้งในสว่ นทนี่ ักศกึ ษาไมเ่ ขา้ ใจ และอธบิ ายเพมิ่ เติมใน สว่ นท่เี ข้าใจอยู่แล้วเพ่ือใหน้ ักศกึ ษามีความรแู้ ละความเข้าใจมากยงิ่ ขึ้น การสรปุ 4. ครูและนักศกึ ษารว่ มกนั สรุปบทเรียนแจง้ คาตอบและให้ผลยอ้ นกลับแก่ผู้เรยี น

12 สอนครงั้ ท่ี 5 (ชวั่ โมงท่ี 9-10) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูทบทวนเนอื้ หาจากการสอนครงั้ ที่แลว้ โดยการถามตอบ การเรยี นรู้ 2.ครใู ห้ความรู้เกี่ยวกับทักษะการอ่านโดยเปดิ พาวเวอร์พอยนต์เร่อื ง คาศัพท์ทค่ี วรรู้ ใน Prefix-Suffix อธิบาย และยกตัวอย่างประกอบ บอกแหล่งทีม่ า การหาข้อมูล โดยใหน้ ักศึกษาจดบันทึกรายละเอียดในสมดุ ความรู้ ของตนเอง 3. ครซู กั ถามความเข้ากับนักศึกษาทราบและอธบิ ายอีกครั้งในส่วนทน่ี ักศึกษาไม่เข้าใจ และอธบิ ายเพ่มิ เติมใน สว่ นท่ีเข้าใจอยู่แล้วเพื่อให้นักศึกษามีความรแู้ ละความเขา้ ใจมากย่ิงข้ึน การสรปุ 4. ครแู ละนกั ศึกษารว่ มกันสรุปบทเรยี นที่ได้เรียนไปในหนังสอื อีกครั้งเพ่ือความเขา้ ใจท่ีครบถว้ น สอนครง้ั ท่ี 6 (ชวั่ โมงที่ 11-12) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูทบทวนเนอ้ื หาจากการสอนครั้งที่แลว้ โดยการถามตอบ การเรยี นรู้ 2. ครซู กั ถามความเขา้ กับนักศึกษาทราบจากเร่ือง Prefix-Suffix จากน้นั อธิบายอีกครัง้ ในส่วนทีน่ กั ศึกษายังมี ขอ้ สงสยั 3. ครูใหค้ วามร้เู กยี่ วกับทักษะการอา่ นโดยเปดิ พาวเวอร์พอยนต์ Part of Speech อธิบายและยกตวั อยา่ ง ประกอบ บอกแหล่งท่ีมา การหาข้อมลู โดยใหน้ กั ศกึ ษาจดบันทึกรายละเอยี ดในสมุดความรู้ของตนเอง 4. ใช้กลยุทธ์ Competency Based: ส่มุ นกั ศกึ ษา ถาม-ตอบ คาศัพทแ์ ละสานวนประโยคจากเร่ือง Part of Speech และรวมถึงหลักไวยากรณ์ 5. ครูซักถามเพื่อความเขา้ ใจ พร้อมอธิบายซ้าในส่วนทีน่ กั ศึกษาไมเ่ ข้าใจจากน้ันบันทึกผลเพ่ือเป็นการต่อยอด ความรใู้ นการเรยี นครั้งต่อไป การสรปุ 6. ครูและนักศึกษารว่ มกนั สรุปบทเรียนแจ้งคาตอบและให้ผลย้อนกลบั แกผ่ ู้เรยี น สอนครง้ั ที่ 7 (ชวั่ โมงที่ 13-14) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1.ครูทบทวนเนอ้ื หาจากการสอนครัง้ ที่แล้ว โดยการถามตอบ

13 การเรยี นรู้ 2. ครเู ปิดพาวเวอร์พอยต์อธิบายเรอ่ื ง Part of Speech 3. ครแู จกใบงานกจิ กรรมที่ 1.2 สรปุ สาระสาคญั จับใจความจากการอา่ นเร่อื ง Ishmael and Isadore (หลกั ฐานการเรยี นรู้ choose the correct answer worksheet 1.2) 4. ครอู ธบิ ายขั้นตอนการปฏบิ ัติงานตามใบกิจกรรม ซกั ถามเพ่อื ความเขา้ ใจ และให้นักศึกษาทาใบงานและ ช่วยกันสรปุ ผลการทากจิ กรรม พร้อมบนั ทกึ ผลเพื่อเปน็ การต่อยอดความรใู้ นการเรียนครัง้ ต่อไป 5. ครูตรวจคาตอบและเฉลยคาตอบให้กับนักศึกษาทราบและอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั ศกึ ษามีความร้แู ละความ เขา้ ใจมากยิง่ ขึ้น การสรปุ 6. ครแู ละนกั ศึกษารว่ มกนั สรุปบทเรยี นแจ้งคาตอบและให้ผลย้อนกลบั แก่ผ้เู รียน รวบรวมใบกจิ กรรมสง่ ครูผู้สอน (หลักฐานการเรียนรู้ 1.2) สอนครัง้ ที่ 8 (ชวั่ โมงท่ี 15-16) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครทู บทวนเน้ือหาจากการสอนครั้งท่ีแลว้ โดยการถามตอบ การเรยี นรู้ 2.ครใู หค้ วามรเู้ กยี่ วกับทกั ษะการอ่านโดยเปิดพาวเวอร์พอยต์เร่อื ง การใส่ Part of Speech ประเภท noun, pronoun and verb ลงไปในประโยค อธบิ ายและยกตวั อย่างประกอบ บอกแหลง่ ที่มา การหาข้อมลู โดยให้ นักศึกษาจดบันทึกรายละเอยี ดในสมุดความรู้ของตนเอง 3. ครซู ักถามความเขา้ กับนักศึกษาทราบและอธิบายอีกครง้ั ในส่วนทน่ี ักศึกษาไม่เข้าใจ และอธบิ ายเพ่ิมเติมใน ส่วนทเ่ี ขา้ ใจอยู่แล้วเพอื่ ใหน้ กั ศกึ ษามีความรู้และความเขา้ ใจมากย่ิงขนึ้ การสรปุ 4. ครแู ละนกั ศึกษารว่ มกันสรุปบทเรียนแจ้งคาตอบและให้ผลยอ้ นกลับแก่ผู้เรยี น สอนครง้ั ท่ี 9 (ชวั่ โมงที่ 17-18) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูทบทวนเนอ้ื หาจากการสอนครง้ั ที่แล้ว โดยการถามตอบ การเรยี นรู้ 2.ครใู ห้ความรู้เกยี่ วกบั ทกั ษะการอ่านโดยเปิดพาวเวอร์พอยนต์เรอ่ื ง การใส่ Part of Speech ประเภท adjective and adverb ลงไปในประโยค อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ บอกแหลง่ ท่ีมา การหาข้อมลู โดย ให้นกั ศึกษาจดบนั ทึกรายละเอียดในสมดุ ความรขู้ องตนเอง

14 3. ครซู กั ถามความเข้ากับนักศึกษาทราบและอธิบายอีกครงั้ ในสว่ นทน่ี กั ศึกษาไมเ่ ขา้ ใจ และอธิบายเพ่ิมเติมใน ส่วนท่ีเข้าใจอยู่แลว้ เพ่ือใหน้ ักศึกษามีความร้แู ละความเข้าใจมากยง่ิ ขึน้ การสรปุ 4. ครแู ละนกั ศึกษาร่วมกนั สรุปบทเรยี นท่ีได้เรียนไปในหนังสืออีกครง้ั เพือ่ ความเข้าใจที่ครบถ้วน สอนคร้ังท่ี 10 (ช่ัวโมงท่ี 19-20) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครทู บทวนเนือ้ หาจากการสอนคร้ังท่ีแลว้ โดยการถามตอบ การเรยี นรู้ 2.ครูใหค้ วามรเู้ กย่ี วกับทกั ษะการอ่านโดยเปดิ พาวเวอร์พอยต์เรื่อง Conjunction and interjection อธบิ าย และยกตัวอย่างประกอบ บอกแหล่งท่ีมา การหาข้อมูล โดยให้นักศึกษาจดบันทึกรายละเอียดในสมุดความรู้ ของตนเอง 3. ครซู กั ถามความเข้ากบั นักศึกษาทราบและอธิบายอีกครัง้ ในส่วนท่นี ักศึกษาไม่เขา้ ใจ และอธิบายเพิม่ เติมใน ส่วนที่เขา้ ใจอยู่แลว้ เพอื่ ใหน้ กั ศกึ ษามีความรู้และความเข้าใจมากยิ่งขน้ึ การสรปุ 4. ครแู ละนักศกึ ษารว่ มกันสรุปบทเรียนแจง้ คาตอบและให้ผลยอ้ นกลบั แกผ่ ู้เรียน สอนครงั้ ที่ 11 (ชั่วโมงท่ี 21-23) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1.ครูทบทวนเน้ือหาจากการสอนครัง้ ท่ีแล้ว โดยการถามตอบ การเรยี นรู้ 2. ครเู ปดิ พาวเวอร์พอยต์อธบิ ายเร่ือง Part of Speech 3. ครแู จกใบงานกิจกรรมท่ี 1.3 การเลอื กใชช้ นิดของ Part of Speech (หลักฐานการเรียนรู้ incomplete worksheet 1.2) 4. ครอู ธบิ ายขัน้ ตอนการปฏบิ ัติงานตามใบกิจกรรม ซกั ถามเพอ่ื ความเข้าใจ และใหน้ ักศึกษาทาใบงานและ ช่วยกันสรปุ ผลการทากิจกรรม พรอ้ มบันทึกผลเพ่อื เปน็ การต่อยอดความรใู้ นการเรียนครงั้ ตอ่ ไป 5. ครูตรวจคาตอบและเฉลยคาตอบให้กับนกั ศึกษาทราบและอธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักศึกษามีความรูแ้ ละความ เขา้ ใจมากยง่ิ ขึน้ การสรปุ 6. ครแู ละนักศึกษาร่วมกนั สรุปบทเรยี นแจง้ คาตอบและให้ผลย้อนกลับแก่ผ้เู รยี น รวบรวมใบกจิ กรรมสง่ ครผู ้สู อน (หลักฐานการเรียนรู้ 1.3)

15 สอื่ การเรยี นร/ู้ แหลง่ การเรยี นรู้ ส่ือส่ิงพมิ พ์ -หนงั สอื เรียนภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร -แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท -สมารท์ โฟนหรอื โนต้ บุคคน้ หาแหลง่ ขอ้ มลู และการหาความหมายคาศพั ทแ์ ละสานวน สื่อโสตทศั น์ -เคร่อื งคอมพิวเตอร์ -เครอื่ งฉายภาพ (Projector) เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี นวชิ าการอา่ นภาษาองั กฤษธุรกจิ 2. ใบกจิ กรรม 1.1-1.3 การบรู ณาการ/สมั พนั ธ์กบั วิชาอนื่ การบรู ณาการกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. ความมเี หตผุ ล -นกั ศกึ ษาสามารถเขา้ ใจและนาเรอื่ ง Prefix-Suffix รวมถึง Part of Speed ไปประยุกต์ใชไ้ ด้ รวมท้ังการการ อา่ นและสรปุ สาระสาคัญจากเร่อื ง Ishmael and Isadore ไดอ้ ยา่ งถูกต้องชัดเจน 2. ความพอประมาณ - นักศึกษาสามารถสง่ งานทีใ่ ห้ไปคน้ คว้าเพิ่มเติมภายในเวลาทีก่ าหนด - นักศกึ ษาเตรียมสมดุ /กระดาษสาหรับทาแบบฝึกหัดสง่ ครูได้อยา่ งประหยดั และเหมาะสม 3. การมีภูมิค้มุ กันในตัวทด่ี ี - นักศกึ ษารับผิดชอบตั้งใจทางานท่ไี ด้รับมอบหมายดว้ ยความขยัน อดทน ซอ่ื สตั ย์ ประหยัด ห่างไกลยาเสพติด 4. เงือ่ นไขความรู้ - นกั ศกึ ษาสามารถบอกความหมายคาศัพท์และสานวน Prefix-Suffix ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง - นกั ศกึ ษาสามารถแยกแยะ Part of Speech ตามหลักไวยากรณไ์ ด้อยา่ งถูกตอ้ ง - นักศกึ ษาสามารถอา่ นและสรปุ สาระสาคัญจากการอ่านเรื่อง Ishmael and Isadore ไดอ้ ย่างถูกต้อง เงอื่ นไขคุณธรรม - นักศึกษามีความสามคั คี มีมนษุ ยสัมพันธ์ - นักศกึ ษามคี วามรับผดิ ชอบ มวี นิ ยั - นกั ศกึ ษามคี วามประหยดั ซ่ือสัตยส์ ุจรติ การบรู ณาการกบั มาตรฐานสถานศึกษา 1. ด้านประชาธปิ ไตย - นักศึกษาสามารถแบง่ กลุ่มทากจิ กรรมการเรียนการสอนไดอ้ ย่างอสิ ระ โดยใช้หลักความเป็นประชาธิปไตย

16 - นกั ศึกษาสามารถเลือกหวั หนา้ กลมุ่ หรือตัวแทนของกลุม่ ในการเสนอกิจกรรมโดยใช้หลกั ความเปน็ ประชาธปิ ไตยในการคัดเลือก 2. ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และความเปน็ ไทย - นกั ศึกษามีความสามัคคี มมี นุษยสัมพันธ์ รบั ผิดชอบ มีวินัยกล้าแสดงออก และมีความประหยดั ซ่อื สัตยส์ ุจรติ ห่างไกลยาเสพตดิ 3. ดา้ นภมู คิ ุ้มกนั ภยั จากยาเสพตดิ - นักศึกษามีความรู้ในเร่ืองของยาเสพติด จึงใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชนโ์ ดยการศึกษา ค้นควา้ หาข้อมลู เพ่ิมเติม ในงานที่ไดร้ บั มอบหมาย รูจ้ กั การบริหารเวลา และรู้จกั การออกกาลงั กาย การวดั และประเมนิ ผล กอ่ นเรยี น การทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 1 ขณะเรยี น 1. การสังเกตการณ์ตอบข้อซักถาม 2. การสงั เกตพฤติกรรมความมีระเบียบวนิ ยั ใฝ่หาความรู้ และรจู้ กั ดารงตนโดยใชห้ ลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง หลงั เรยี น การทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 1 การประเมนิ ผล นักศกึ ษาที่ได้คะแนนร้อยละ 70 ข้นึ ไป ถือว่าผา่ นการประเมิน แบบประเมนิ ทักษะการอ่าน รหสั วชิ า 30212-2005 ชอ่ื วชิ า การอา่ นภาษาองั กฤษธรุ กจิ เรอื่ ง Prefix-Suffix and Part of speech หวั ข้อ........................................................................................................................................................... ชื่อผ้รู ับการประเมนิ ..................................................................................................................................... ประเมินโดย................................................................................................................................................. วันที่....................................................................................................... ...................................................... คาชแี้ จง : อา่ นรายละเอียดการประเมนิ และเขียนระดับการความคดิ เหน็

17 รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ คะแนน Assessment Quality Scoring 1 ระบุรายละเอยี ดเรอ่ื งท่ีอ่านได้.81%-100% จดั ลาดับเนอื้ หาหลัก Excellent 5 คะแนน และรายละเอยี ดปลกี ย่อยสมั พนั ธ์กนั ดตี ลอดท้ังเนื้อเร่ืองท่ีอา่ น ระบุ ดีมาก ประเด็นสาคญั ของเรอ่ื งทีอ่ ่านได้ 81%-100% ระบุจุดมุ่งหมายของ ผเู้ ขียนได้ถูกต้องสอดคลอ้ งกบั เนอื้ หาอย่างชดั เจน 2. ระบรุ ายละเอยี ดเรอื่ งทอ่ี ่านได้ 71%-80% จดั ลาดบั เนื้อหาหลัก และรายละเอียดปลีกย่อยสัมพนั ธก์ ันดี แตม่ ีความสับสนในการ Good 4 คะแนน จดั ลาดับเนื้อหาย่อย ระบุประเดน็ สาคัญของเรื่องท่ีอา่ นได้ 71%- ดี 80% มขี ้อบกพร่องเล็กน้อยในการระบจุ ุดม่งุ หมายของผ้เู ขียนได้ คอ่ นข้างสอดคล้องกับเน้ือหา 3. ระบุรายละเอยี ดเรื่องทีอ่ า่ นได้ 51%-70% มคี วามสับสนในการ Fair 3 คะแนน จัดลาดับเน้อื หาหลกั เล็กน้อย มคี วามสับสนมากในการจดั ลาดับ ปานกลาง เน้อื หาย่อยระบปุ ระเดน็ สาคัญของเร่ืองทอ่ี า่ นได้ 51%-70% ระบุ จุดมงุ่ หมายของผ้เู ขียนในประเด็นเลก็ ๆขาดประเดน็ หลัก 4. ระบรุ ายละเอยี ดเรอื่ งท่อี า่ นได้ 10%-50% การจัดลาดับเนือ้ หา Passable 2 คะแนน หลกั ไม่สมั พันธก์ นั เป็นส่วนใหญ่ สว่ นเน้ือหาสว่ นใหญไ่ ม่ไดก้ ลา่ วถงึ นอ้ ย ระบุประเด็นสาคญั ของเรื่องที่อ่านได้ 10%-50% ระบจุ ดุ มุง่ หมาย ของผเู้ ขยี นได้ไมต่ รงสาระของเรือ่ ง 5. ไมส่ ามารถระบรุ ายละเอียดเรือ่ งท่ีอ่านได้ต่ากวา่ 10% ไมม่ ีการ Don’t pass จัดลาดับเนือ้ หาหลกั ให้สมั พันธ์กันและไม่ได้กลา่ วถึงเนื้อหายอ่ ย ต้องปรบั ปรุง 1 คะแนน ระบุประเด็นสาคัญของเร่ืองท่ีอ่านได้ต่ากว่า 10% ไม่สามารถระบุ จุดม่งุ หมายของผู้เขยี น

18 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล หนว่ ยที่ 1 ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดงความ การตอบคาถาม การยอมรบั ฟัง ทางานตามท่ี คิดเห็น คนอนื่ ไดร้ ับมอบหมาย 4321432 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26

19 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 เกณฑ์การวดั ผล ให้คะแนนระดบั คณุ ภาพของแตล่ ะพฤตกิ รรมดังนี้ ดมี าก 4 คะแนน สนใจฟงั ไม่หลับ ไม่พูดคุยในชั้น มคี าถามทด่ี ี ตอบคาถามถกู ต้องทางานสง่ ครบและ ตรงเวลา ดี 3 คะแนน การแสดงออกอยู่ในเกณฑป์ ระมาณ70% ปานกลาง 2 คะแนน การแสดงออกอยูใ่ นเกณฑ์ประมาณ 50% ต้องปรับปรงุ 1 คะแนน เข้าช้นั เรียน แต่การแสดงออกน้อยมาก สง่ งานไมค่ รบและไมต่ รงเวลา ลงชอ่ื ......................................ผปู้ ระเมิน (.....................................) ....../......./......

20 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ หนว่ ยท่ี 1 ชอ่ื ผ้ปู ระเมิน/กลมุ่ ประเมนิ ………………………………………………………………………………….……………………...… ช่อื กลุม่ การรบั การประเมิน………………………………………………………………………………………………………....… ประเมนิ ผลครง้ั ที่……………………..............วนั ท่ี…….............เดอื น………………… .พ.ศ. ………………………….… ระดบั พฤติกรรม ที่ คณุ ลกั ษณะ/พฤติกรรมบ่งช้ี ใชไ้ ด้ ควรปรบั ปรงุ คะแนนที่ได้ (1 คะแนน) (0 คะแนน) 1 ความมมี นษุ ยสมั พนั ธ์ o แสดงกริ ิยาท่าทางสุภาพต่อผู้อ่นื o ใหค้ วามรว่ มมือกับผู้อ่นื 2 ความมวี นิ ยั o ปฏิบตั ติ ามกฎระเบียบ ข้อบังคบั และข้อตกลงตา่ ง ๆ ของ วิทยาลัย ได้แก่การแตง่ กายถูกต้องตามระเบียบและ ขอ้ บังคบั ตรงตอ่ เวลา 3 ความรบั ผิดชอบ o มีการเตรยี มความพรอ้ มในการเรียนและการปฏิบัติงาน o ปฏิบตั งิ านด้วยความตั้งใจ o มีความเพียรพยายามในการเรียนและการปฏบิ ตั ิงาน 4 ละเวน้ สง่ิ เสพติด o ไม่เก่ียวของกบั สิ่งเสพติด 5. ความปลอดภยั o ปฏบิ ตั ิงาน ทากจิ กรรมดว้ ยความระมัดระวงั 6 ความสนใจใฝร่ ู้ o ซักถามปัญหาน่าสงสัย

21 7 ความรักสามัคคี o ร่วมมอื ในการทางาน 8 ความกตญั ญกู ตเวที o มีสัมมาคารวะตอ่ ครู-อาจารย์อย่างสมา่ เสมอ ท้งั ต่อหน้า และลับหลงั 9 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ o ทางานปฏบิ ตั ิงานดว้ ยตนเอง o กลา้ แสดงความคดิ เหน็ อย่างมีเหตุผล 10 รกั ษาจรรยาบรรณ o ควบคมุ อารมณ์/ความรสู้ กึ อย่างมสี ตแิ ละเหตผุ ล

22 แบบประเมนิ วดั ระดบั ความสามารถทางภาษา หนว่ ยที่ 1 คาสงั่ จงทาเครื่องหมายกากบาท x ในช่องทเี่ ห็นว่าตรงกับระดับความสามารถทางภาษาของท่าน English skills self-assessment Excellent Good Fair Passable Do not pass 1. สามารถอ่านประโยคคาถามและตอบคาถามได้ 2. สามารถอา่ นบทความแล้วจับใจความสาคญั พร้อมกับวเิ คราะห์ได้ 3. มีการพัฒนาทักษะทางด้านการเขยี น 4. สามารถใชภ้ าษาได้ถูกตอ้ งตามหลกั ไวยากรณท์ างภาษา 5. มกี ารพัฒนาทักษะทางด้านการพดู 6. พูดสนทนาในระหวา่ งเพื่อนและอาจารย์ทั้งในและนอกหอ้ งเรยี น ได้ 7. มีการพัฒนาทักษะทางดา้ นการอ่านและการคิดวเิ คราะห์ 8. มกี ารเรียนรคู้ าศพั ท์ สานวนและประโยคใหมๆ่ 9. พดู สนทนาสอบถามขอ้ มูลเกยี่ วกบั เพอ่ื นรว่ มงานและการกล่าว ทักทาย 10. มีการพฒั นาการพูดหนา้ ชน้ั เรียน 11. พดู ถาม – ตอบ เก่ยี วกับข้อมูลงานและหนา้ ท่ีความรับผดิ ชอบ เกี่ยวกับงานได้ 12. พูดถาม – ตอบให้คาแนะนาพรอ้ มกับยอมรับความคิดเหน็ ของคน อนื่ พร้อมแนวทางแก้ปญั หาในการทางานได้ 13. มกี ารนาความรทู้ ่ีมีอยไู่ ปปรับใชใ้ นชวี ติ ประจาวันไดแ้ ละมีการ พฒั นาความรใู้ นขน้ั ท่ีสูงขน้ึ ลงชื่อ…………………………...……… ผูป้ ระเมนิ (…………………………………) ………/………./……….

23 บนั ทกึ หลงั สอน ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ผลการเรยี นร้ขู องนกั ศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. แนวทางการพฒั นาคุณภาพการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

24 รายการตรวจสอบและอนุญาตใหใ้ ช้ ควรอนุญาตให้ใชใ้ นการสอนได้ ควรปรบั ปรงุ เกีย่ วกบั ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ลงช่ือ…….…………………........... (นายแสนสุรศกั ดิ์ ทีปรักษ์พันธ)์ หวั หนา้ หมวด/แผนกวิชา 17 / พ.ค. /2564 เหน็ ควรอนญุ าตให้ใช้ในการสอนได้  ควรปรบั ปรงุ ดังเสนอ  อน่ื ๆ ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ลงช่อื ………………………………………………….. (สมภพ จันทราช) หวั หน้าฝา่ ยวิชาการ 17 / พ.ค. /2564  อนุญาตให้ใช้ในการสอนได้  อื่น ๆ ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ลงชื่อ ….……………………………...... (นางกมรา สะเตโช) ผอู้ านวยการวิทยาลัยเทคโนโลยอี ุดมศึกษาพณิชยการ 17 / พ.ค. /2564

แผนการจดั การเรยี นรู้มงุ่ เนน้ สมรรถนะ 25 ชอ่ื วชิ า การอา่ นภาษาองั กฤษธรุ กิจ ช่ือหนว่ ย Type of Reading หนว่ ยที่ 2 สอนคร้งั ที่ 12-16 ชวั่ โมงรวม 10 สาระสาคญั หลักและเทคนิควิธีในการอ่าน(Skimming and Scanning) นั้นถือเป็นหัวใจหลักในการอ่าน ถ้าเรามี ความรู้ในหลักและเทคนิควิธีในการอ่าน(Skimming and Scanning) เราสามารถประหยัดเวลาในการอ่าน และสามารถจับจุดไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง สมรรถนะประจาหนว่ ย 1. แสดงความร้เู กีย่ วกับ Skimming, Scanning 2. แยกแยะเทคนิคการอ่านแบบ Skimming, Scanning 3. อ่านบทความและสรปุ สาระสาคัญจากเร่ือง Passage 1 และ Passage 2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ นักศกึ ษาสามารถ ดา้ นความรู้ 1. รแู้ ละเขา้ ใจเกีย่ วกับคาศัพท์และสานวนการอ่านแบบ Skimming, Scanning 2. รูแ้ ละเข้าใจเทคนิคการอา่ นแบบ Skimming, Scanning 3. รู้และเข้าใจการอา่ นบทความและสรุปสาระสาคัญจากเร่ือง Passage 1 และ Passage 2 ดา้ นทกั ษะ 1. บอกความหมายของคาศพั ท์และสานวนจากการใชเ้ ทคนิคการอา่ นแบบ Skimming, Scanning 2. บอกสาระสาคญั จากเรือ่ ง Passage 1 ตามหลกั การอา่ นแบบ skimming, scanning ได้ถูกต้อง และครบถ้วน 3. สรปุ สาระสาคัญจากการอา่ นเรอื่ ง Passage 2 ไดอ้ ย่างถูกต้อง ด้านคณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ 1. แสดงพฤติกรรมในการศึกษาและปฏบิ ัติ งานด้วยความมี ระเบียบวนิ ยั ใฝ่หาความรู้ 2. รจู้ ักดารงตนโดยใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เน้ือหาสาระการเรยี นรู้ 1. คาศัพท์และสานวนการอา่ นแบบ Skimming, Scanning 2. เทคนคิ การอ่านแบบ Skimming, Scanning 3. การจับใจความสาคัญจากการอา่ นบทความเร่ือง Mayan calendar กจิ กรรมท่ี 2.1 ทักษะการสรปุ สาระสาคัญจากการอา่ นเรือ่ ง Passage 1

26 กิจกรรมท่ี 2.2 ทักษะการสรปุ สาระสาคญั จากการอ่านเรื่อง Passage 2 กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ สอนคร้งั ที่ 12 (ชว่ั โมงท่ี 24-25) 1.ชีแ้ จงรายละเอียดเก่ยี วกบั หนว่ ยการเรียนรู้ทัง้ หมดและวดั การประเมนิ ผลการเรียน การบูรณาการค่านิยม ของคนไทย 12 ประการและข้อตกลงการเรียนและการใชห้ ้องเรยี น 2.ให้นกั ศึกษาทาแบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยที่ 2 3. แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 4. นาสนทนาโดยการให้นักศึกษาดูคลิปวดี โี อเรอื่ งการอ่านแบบ Skimming and Scanning เพ่อื ให้นักศึกษาได้ ตระหนักถึงความสาคัญของการอ่านแบบ Skimming and Scanning โดยใช้วิธีการถามตอบเพื่อดู องค์ประกอบของผู้เรยี นและนาเขา้ สู่บทเรียน การเรยี นรู้ 5. ครขู นึ้ คาศัพทส์ านวนและประโยคมาให้ จากนัน้ ใหน้ กั ศกึ ษาลองใชเ้ ทคนคิ Skimming and Scanning โดย ทอี่ ่านอยา่ งเรว็ แบบคราวๆ เพื่อหาคาศัพท์ทก่ี าหนดให้ 6. ใช้กลยทุ ธ์ Competency Based : สุม่ นกั ศึกษา ถาม-ตอบ คาศัพท์และสานวนประโยคและเทคนิค Skimming and Scanning ทไ่ี ด้สอนไป 7. ครซู กั ถามเพื่อความเข้าใจ พรอ้ มอธบิ ายซา้ ในส่วนที่นักศึกษาไมเ่ ข้าใจจากนน้ั บนั ทึกผลเพือ่ เป็นการต่อยอด ความรู้ในการเรียนคร้งั ต่อไป การสรปุ 8. ครแู ละนกั ศกึ ษาร่วมกันสรุปบทเรียนแจ้งคาตอบและให้ผลยอ้ นกลับแก่ผ้เู รียน การสอนครง้ั ที่ 13 (ชวั่ โมงที่ 26-27) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1.ครทู บทวนเนอ้ื หาจากการสอนครง้ั ที่แล้ว โดยการถามตอบ การเรยี นรู้ 1. ครูเปดิ พาวเวอร์พอยต์อธบิ ายเรอ่ื ง Skimming and Scanning 2. ครแู จกใบงานกจิ กรรมท่ี 2.1 การอา่ นแบบ Skimming, Scanning จาก Passage1 (หลกั ฐานการเรียนรู้ incomplete worksheet 1.1) 3. ครูอธบิ ายขั้นตอนการปฏบิ ัตงิ านตามใบกิจกรรม ซักถามเพื่อความเข้าใจ และใหน้ ักศึกษาทาใบงานและ ช่วยกันสรปุ ผลการทากจิ กรรม พร้อมบันทึกผลเพ่อื เป็นการต่อยอดความรใู้ นการเรียนคร้งั ต่อไป

27 4. ครูตรวจคาตอบและเฉลยคาตอบให้กับนักศึกษาทราบและอธบิ ายเพ่มิ เติมใหน้ กั ศกึ ษามีความร้แู ละความ เขา้ ใจมากย่งิ ขึ้น การสรปุ 5. ครแู ละนกั ศกึ ษารว่ มกันสรุปบทเรยี นแจง้ คาตอบและให้ผลยอ้ นกลบั แกผ่ ูเ้ รยี น รวบรวมใบกิจกรรมสง่ ครผู ู้สอน (หลักฐานการเรียนรู้ 2.1) การสอนคร้ังที่ 14 (ช่ัวโมงท่ี 28-29) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1.ครูทบทวนเนอื้ หาจากการสอนครั้งท่ีแลว้ โดยการถามตอบ การเรยี นรู้ 2. ครูเปดิ พาวเวอร์พอยต์อธบิ ายเรอ่ื ง Part of Speech 3. ครแู จกใบงานกิจกรรมที่ 2.2 การอา่ นแบบ Skimming, Scanning จาก Passage2 (หลักฐานการเรียนรู้ choose the correct answer worksheet 2.2) 4. ครูอธิบายขนั้ ตอนการปฏิบัติงานตามใบกจิ กรรม ซกั ถามเพอื่ ความเข้าใจ และให้นักศึกษาทาใบงานและ ช่วยกนั สรุปผลการทากิจกรรม พรอ้ มบนั ทกึ ผลเพอื่ เปน็ การตอ่ ยอดความรใู้ นการเรยี นครงั้ ตอ่ ไป 5. ครูตรวจคาตอบและเฉลยคาตอบให้กับนักศกึ ษาทราบและอธบิ ายเพ่มิ เติมใหน้ กั ศึกษามีความรูแ้ ละความ เข้าใจมากยงิ่ ข้นึ การสรปุ 6. ครูและนักศึกษาร่วมกนั สรุปบทเรยี นแจง้ คาตอบและให้ผลยอ้ นกลับแก่ผเู้ รียน รวบรวมใบกิจกรรมสง่ ครผู สู้ อน (หลกั ฐานการเรียนรู้ 2.2) การสอนครง้ั ท่ี 15 (ชวั่ โมงท่ี 30-31) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูทวนเน้อื หาจากาการสอนคร้ังที่แลว้ โดยการถามตอบกบั นักศึกษา การเรยี นรู้ 2. ครเู ปิดเพาเวอร์พอยต์คาศัพทแ์ ละสานวนเก่ยี วกบั เร่ือง Skimming and Scanning ตอ่ เพ่ือให้นักศึกษาได้ ทาความเข้าใจในสว่ นทไ่ี ม่เข้าใจและอธบิ ายซ้าอีกคร้ังในสว่ นทย่ี ังไม่เข้าใจ 3. ใชก้ ลยุทธ์ Competency Based: สุ่มนกั ศกึ ษา ถาม-ตอบ คาศัพทแ์ ละสานวนประโยคจากเรื่อง Skimming and Scanning และรวมถึงหลักไวยากรณ์ การสรปุ 4. ครแู ละนกั ศึกษาร่วมกนั สรุปบทเรียนแจง้ คาตอบและให้ผลยอ้ นกลับแก่ผูเ้ รียน

28 การสอนคร้งั ที่ 16 (ชวั่ โมงท่ี 24-25) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูทบทวนเนื้อหาของคาบที่แลว้ การเรยี นรู้ 2. ครใู หค้ วามรเู้ กยี่ วกับทกั ษะการอ่านโดยเปดิ พาวเวอร์พอยนต์ อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ บอก แหล่งที่มา การหาข้อมลู โดยให้นกั ศกึ ษาจดบันทึกรายละเอียดในสมดุ ความรู้ของตนเอง 3. ครผู ู้สอนแจกบทความเรื่อง Passage 3 จากน้นั ให้นักศกึ ษาดแู ละพิจารณาบทความ เหล่าน้นั ไปพร้อมกับ ครผู ้สู อน เพ่ือเปน็ การสรา้ งความเข้าใจท่ีตรงกนั ครสู าธติ ชี้แจ้งหัวขอ้ ตามแบบฟอรม์ สาหรับเตมิ รายละเอียด ตามหวั ขอ้ ที่ปรากฏในแบบฟอรม์ ไปพร้อมกนั 4. ครูผสู้ อนใหผ้ ูเ้ รียนศึกษาและทากาหนดเวลา 50 นาทเี ม่ือครบเวลาตามกาหนด ผูเ้ รยี นผลดั กนั ตอบ 5. ครูเฉลยคาตอบให้กบั นักศึกษาทราบและอธิบายเพิ่มเตมิ ใหน้ กั ศึกษามีความรูแ้ ละความเข้าใจมากยงิ่ ข้ึน การสรปุ 6.ครแู ละนักศึกษารว่ มกันสรุปบทเรียนแจง้ คาตอบและให้ผลย้อนกลับแกผ่ เู้ รียน เรยี นร/ู้ แหลง่ การเรยี นรู้ สือ่ สิง่ พิมพ์ -หนงั สือเรยี นภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร -แบบฝึกหดั ท้ายบท -สมารท์ โฟนหรือโนต้ บุคคน้ หาแหลง่ ขอ้ มลู และการหาความหมายคาศพั ทแ์ ละสานวน สื่อโสตทศั น์ -เครื่องคอมพวิ เตอร์ -เครือ่ งฉายภาพ (Projector) เอกสารประกอบการจัดการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนวชิ าภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร 2. ใบกจิ กรรม 2.1-2.3 การบรู ณาการ/สัมพนั ธ์กบั วชิ าอน่ื การบรู ณาการกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. ความมเี หตผุ ล - นักศึกษาสามารถเขา้ ใจและนาเรื่อง หลักและเทคนิควธิ ใี นการอ่าน (Skimming and Scanning) ไปประยกุ ต์ ใช้ได้ รวมทัง้ การการอ่านและสรุปสาระสาคญั จากเร่ือง Passage1 and Passage2 ได้อย่างถกู ต้องชัดเจน

29 2. ความพอประมาณ - นกั ศึกษาสามารถสง่ งานทใี่ หไ้ ปค้นคว้าเพม่ิ เติมภายในเวลาทก่ี าหนด - นักศึกษาเตรียมสมดุ /กระดาษสาหรบั ทาแบบฝึกหัดส่งครูได้อย่างประหยดั และเหมาะสม 3. การมภี มู คิ ุ้มกนั ในตวั ทดี่ ี - นกั ศกึ ษารับผดิ ชอบตั้งใจทางานท่ีได้รบั มอบหมายด้วยความขยนั อดทน ซือ่ สัตย์ ประหยดั หา่ งไกลยาเสพตดิ 4. เงอ่ื นไขความรู้ - นักศึกษาสามารถบอกความหมายของคาศัพทแ์ ละสานวนจากการใชเ้ ทคนคิ การอ่านแบบ Skimming, Scanning ทีอ่ า่ นได้ - นักศกึ ษาสามารถบอกสาระสาคญั ตามหลักการอ่านแบบ skimming, scanningได้ถูกต้องและครบถ้วน - นกั ศกึ ษาสามารถอ่านและสรปุ สาระสาคญั จากเรอื่ ง Passage1 and Passage2 ได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน 5. เงอ่ื นไขคณุ ธรรม - นักศึกษามคี วามสามัคคี มมี นุษยสมั พนั ธ์ - นักศึกษามีความรับผิดชอบ มวี ินยั - นกั ศึกษามคี วามประหยดั ซ่ือสัตยส์ ุจริต การบรู ณาการกบั มาตรฐานสถานศกึ ษา 1. ดา้ นประชาธปิ ไตย - นกั ศกึ ษาสามารถแบง่ กลมุ่ ทากจิ กรรมการเรียนการสอนได้อย่างอิสระ โดยใช้หลักความเป็นประชาธปิ ไตย - นักศกึ ษาสามารถเลือกหัวหน้ากลมุ่ หรือตัวแทนของกลมุ่ ในการเสนอกิจกรรมโดยใชห้ ลกั ความเปน็ ประชาธิปไตยในการคดั เลือก 2. ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม และความเปน็ ไทย - นกั ศึกษามีความสามคั คี มมี นษุ ยสัมพันธ์ รับผิดชอบ มวี ินัยกลา้ แสดงออก และมีความประหยัด ซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต ห่างไกลยาเสพตดิ 3. ด้านภมู คิ ุ้มกนั ภยั จากยาเสพตดิ - นกั ศึกษามคี วามรู้ในเรอ่ื งของยาเสพตดิ จงึ ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์โดยการศึกษา ค้นควา้ หาขอ้ มลู เพ่ิมเติม ในงานที่ได้รบั มอบหมาย รจู้ ักการบริหารเวลา และรู้จกั การออกกาลงั กาย การวดั และประเมนิ ผล ก่อนเรยี น การทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 2 ขณะเรียน 1. การสงั เกตการณ์ตอบข้อซักถาม

30 2. การสงั เกตพฤติกรรมความมรี ะเบยี บวนิ ยั ใฝ่หาความรู้ และรูจ้ กั ดารงตนโดยใชห้ ลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง หลงั เรยี น การทดสอบหลงั เรยี นหน่วยที่ 2 การประเมนิ ผล นกั ศกึ ษาท่ีได้คะแนนร้อยละ 70 ขึ้นไป ถือวา่ ผา่ นการประเมนิ แบบประเมนิ ทกั ษะการอ่าน รหสั วชิ า 30212-1207 ช่ือวชิ า การอา่ นภาษาองั กฤษธรุ กจิ เร่ือง หลักและเทคนิควธิ ใี นการอา่ น (Skimming and Scanning) หัวข้อ........................................................................................................................................................... ชื่อผ้รู ับการประเมนิ ..................................................................................................................................... ประเมินโดย................................................................................................................................................. วนั ท่ี............................................................................................................................................................. คาชแ้ี จง : อ่านรายละเอียดการประเมินและเขยี นระดบั การความคิดเห็น รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ คะแนน Assessment Quality Scoring 1 ระบรุ ายละเอียดเรือ่ งที่อ่านได้.81%-100% จดั ลาดบั เนอ้ื หาหลกั Excellent 5 คะแนน และรายละเอยี ดปลกี ย่อยสมั พันธ์กนั ดีตลอดทงั้ เน้ือเรอ่ื งท่ีอา่ น ระบุ ดมี าก ประเด็นสาคญั ของเร่อื งทีอ่ า่ นได้ 81%-100% ระบุจุดมุ่งหมายของ ผ้เู ขยี นไดถ้ ูกต้องสอดคล้องกับเนือ้ หาอย่างชดั เจน 2. ระบรุ ายละเอยี ดเรอื่ งท่อี ่านได้ 71%-80% จดั ลาดบั เน้ือหาหลกั และรายละเอยี ดปลกี ย่อยสมั พนั ธ์กนั ดี แตม่ ีความสบั สนในการ Good 4 คะแนน จดั ลาดับเน้ือหาย่อย ระบปุ ระเด็นสาคัญของเรอื่ งทอ่ี ่านได้ 71%- ดี 80% มีข้อบกพรอ่ งเลก็ น้อยในการระบุจุดมุ่งหมายของผู้เขียนได้ คอ่ นข้างสอดคลอ้ งกบั เน้ือหา

31 3. ระบรุ ายละเอียดเร่ืองที่อ่านได้ 51%-70% มีความสบั สนในการ Fair 3 คะแนน จัดลาดบั เน้อื หาหลักเล็กนอ้ ย มีความสับสนมากในการจดั ลาดับ ปานกลาง 2 คะแนน เน้ือหาย่อยระบุประเด็นสาคัญของเรื่องที่อ่านได้ 51%-70% ระบุ 1 คะแนน จดุ มุง่ หมายของผเู้ ขยี นในประเดน็ เลก็ ๆขาดประเดน็ หลกั Passable น้อย 4. ระบรุ ายละเอยี ดเร่อื งทีอ่ ่านได้ 10%-50% การจดั ลาดบั เนือ้ หา หลกั ไมส่ มั พนั ธก์ นั เปน็ สว่ นใหญ่ ส่วนเนอ้ื หาส่วนใหญ่ไม่ได้กล่าวถงึ Don’t pass ระบุประเดน็ สาคัญของเร่ืองท่ีอา่ นได้ 10%-50% ระบจุ ุดม่งุ หมาย ตอ้ งปรบั ปรงุ ของผู้เขยี นได้ไม่ตรงสาระของเร่อื ง 5. ไม่สามารถระบรุ ายละเอียดเร่ืองที่อ่านได้ต่ากว่า 10% ไมม่ ีการ จัดลาดบั เนอื้ หาหลัก ใหส้ ัมพันธ์กันและไมไ่ ด้กล่าวถึงเนื้อหาย่อย ระบปุ ระเด็นสาคัญของเร่ืองท่ีอ่านได้ต่ากวา่ 10% ไมส่ ามารถระบุ จดุ มุง่ หมายของผ้เู ขียน

32 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล หนว่ ยที่ 2 ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดงความ การตอบคาถาม การยอมรบั ฟัง ทางานตามท่ี คิดเห็น คนอนื่ ไดร้ ับมอบหมาย 4321432 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26

33 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 เกณฑ์การวดั ผล ใหค้ ะแนนระดบั คณุ ภาพของแตล่ ะพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก 4 คะแนน สนใจฟงั ไม่หลับ ไม่พูดคุยในชน้ั มคี าถามท่ดี ี ตอบคาถามถูกต้องทางานสง่ ครบและ ตรงเวลา ดี 3 คะแนน การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ70% ปานกลาง 2 คะแนน การแสดงออกอยูใ่ นเกณฑป์ ระมาณ 50% ต้องปรับปรงุ 1 คะแนน เข้าช้นั เรียน แต่การแสดงออกน้อยมาก สง่ งานไมค่ รบและไมต่ รงเวลา ลงชอื่ .......................................ผูป้ ระเมิน (.....................................) ....../......./......

34 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ หนว่ ยท่ี 2 ชอ่ื ผ้ปู ระเมิน/กลมุ่ ประเมนิ ………………………………………………………………………………….……………………...… ช่อื กลุม่ การรบั การประเมิน………………………………………………………………………………………………………....… ประเมนิ ผลครง้ั ที่……………………..............วนั ท่ี…….............เดอื น………………… .พ.ศ. ………………………….… ระดบั พฤติกรรม ที่ คณุ ลกั ษณะ/พฤติกรรมบ่งช้ี ใชไ้ ด้ ควรปรบั ปรงุ คะแนนที่ได้ (1 คะแนน) (0 คะแนน) 1 ความมมี นษุ ยสมั พนั ธ์ o แสดงกริ ิยาท่าทางสุภาพต่อผู้อ่นื o ใหค้ วามรว่ มมือกับผู้อ่นื 2 ความมวี นิ ยั o ปฏิบตั ติ ามกฎระเบียบ ข้อบังคบั และข้อตกลงตา่ งๆ ของ วิทยาลัย ได้แก่การแตง่ กายถูกต้องตามระเบียบและ ขอ้ บังคบั ตรงตอ่ เวลา 3 ความรบั ผิดชอบ o มีการเตรยี มความพรอ้ มในการเรียนและการปฏิบัติงาน o ปฏิบตั งิ านด้วยความตั้งใจ o มีความเพียรพยายามในการเรียนและการปฏบิ ตั ิงาน 4 ละเวน้ สง่ิ เสพติด o ไม่เก่ียวของกบั สิ่งเสพติด 5. ความปลอดภยั o ปฏบิ ตั ิงาน ทากจิ กรรมดว้ ยความระมัดระวงั 6 ความสนใจใฝร่ ู้ o ซักถามปัญหาน่าสงสัย

35 7 ความรักสามัคคี o ร่วมมอื ในการทางาน 8 ความกตญั ญกู ตเวที o มีสัมมาคารวะตอ่ ครู-อาจารย์อย่างสมา่ เสมอ ท้งั ต่อหน้า และลับหลงั 9 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ o ทางานปฏบิ ตั ิงานดว้ ยตนเอง o กลา้ แสดงความคดิ เหน็ อย่างมีเหตุผล 10 รกั ษาจรรยาบรรณ o ควบคมุ อารมณ์/ความรสู้ กึ อย่างมสี ตแิ ละเหตผุ ล

36 แบบประเมนิ วดั ระดบั ความสามารถทางภาษา หนว่ ยท่ี 2 คาสงั่ จงทาเคร่ืองหมายกากบาท x ในชอ่ งทีเ่ หน็ ว่าตรงกับระดบั ความสามารถทางภาษาของท่าน English skills self-assessment Excellent Good Fair Passable Do not pass 14. สามารถอ่านประโยคคาถามและตอบคาถามได้ 15. สามารถอา่ นบทความแลว้ จบั ใจความสาคญั พรอ้ มกับวเิ คราะห์ได้ 16. มีการพัฒนาทักษะทางด้านการเขยี น 17. สามารถใช้ภาษาได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ทางภาษา 18. มีการพัฒนาทกั ษะทางดา้ นการพดู 19. พดู สนทนาในระหวา่ งเพื่อนและอาจารย์ท้ังในและนอกหอ้ งเรียน ได้ 20. มกี ารพฒั นาทักษะทางดา้ นการอา่ นและการคดิ วิเคราะห์ 21. มีการเรียนรูค้ าศัพท์ สานวนและประโยคใหม่ๆ 22. พดู สนทนาสอบถามขอ้ มูลเก่ยี วกับเพ่ือนรว่ มงานและการกล่าว ทักทาย 23. มีการพฒั นาการพดู หน้าชนั้ เรียน 24. พดู ถาม – ตอบ เก่ยี วกบั ข้อมูลงานและหนา้ ที่ความรบั ผดิ ชอบ เก่ียวกับงานได้ 25. พดู ถาม – ตอบให้คาแนะนาพร้อมกบั ยอมรับความคดิ เห็นของคน อืน่ พร้อมแนวทางแก้ปัญหาในการทางานได้ 26. มกี ารนาความรู้ท่มี ีอยู่ไปปรบั ใชใ้ นชวี ิตประจาวันไดแ้ ละมีการ พฒั นาความรู้ในขนั้ ท่สี งู ข้นึ ลงช่ือ…………………………...……… ผู้ประเมิน (…………………………………) ………/………./……….

37 บนั ทกึ หลงั สอน ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ผลการเรยี นรู้ของนกั ศึกษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. รายการตรวจสอบและอนุญาตใหใ้ ช้

38 ควรอนุญาตใหใ้ ช้ในการสอนได้ ควรปรบั ปรุงเก่ยี วกับ ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ลงชอื่ …….…………………........... (นายแสนสรุ ศักดิ์ ทีปรักษ์พนั ธ์) หวั หน้าหมวด/แผนกวิชา 17 / พ.ค. /2564 เหน็ ควรอนญุ าตใหใ้ ช้ในการสอนได้  ควรปรบั ปรุงดังเสนอ  อืน่ ๆ ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ลงชือ่ ………………………………………………….. (สมภพ จนั ทราช) หวั หนา้ ฝ่ายวชิ าการ 17 / พ.ค. /2564  อนุญาตให้ใช้ในการสอนได้  อืน่ ๆ ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ลงช่อื ….……………………………...... (นางกมรา สะเตโช) ผ้อู านวยการวทิ ยาลัยเทคโนโลยีอดุ มศึกษาพณชิ ยการ 17 / พ.ค. /2564

แผนการจดั การเรยี นรูม้ งุ่ เนน้ สมรรถนะ 39 ชอื่ วชิ า การอา่ นภาษาองั กฤษธรุ กิจ ชื่อหนว่ ย การจบั ใจความสาคญั หนว่ ยท่ี 3 สอนครั้งท่ี 17-24 ชวั่ โมงรวม 16 สาระสาคญั การจับใจความสาคญั การตีความและเรียงลาดบั เหตกุ ารณ์ เปน็ อกี หนึ่งเรื่องทสี่ าคญั มาก ๆ เพราะถา้ เราไมร่ ู้หรือไมเ่ ข้าใจ การจับใจความสาคัญ การตีความและเรียงลาดบั เหตกุ ารณ์ มันจะเปน็ อปุ สรรคใ์ นการอา่ น ภาษาองั กฤษ และรวมถงึ ในการทาข้อสอบการอา่ นในอนาคตอกี ด้วย สมรรถนะประจาหนว่ ย 1. แสดงความรูเ้ กีย่ วกับการเดาคาศัพท์และสานวนจากบริบท จากบทความเรื่องท่อี ่าน 2. จบั ใจความสาคัญจากเรอื่ ง Topic noun, Topic idea, Topic sentence and Main Idea Identify จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ นักศกึ ษาสามารถ ด้านความรู้ 1 รแู้ ละเขา้ ใจคาศัพท์และสานวนจากการเดาความหมายในบรบิ ทจากบทความที่อา่ น 2. รู้และเข้าใจหลกั การจับใจความสาคัญจากเรื่อง Topic noun, Topic idea, Topic sentence and Main Idea Identify ดา้ นทกั ษะ 1 บอกความหมายคาศพั ท์และสานวนจากเร่ืองท่ีอ่านได้ 2. จบั ใจความสาคญั จากบทความเรื่อง Topic noun, Topic idea, Topic sentence and Main Idea Identify ทใี่ หอ้ ่านได้อย่างถูกต้องครบถว้ น ด้านคณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ 1. เขา้ ชัน้ เรียนตรงเวลา 2. แสวงหาความรทู้ ัง้ ทางตรงและทางอ้อม 3. แก้ปัญหาพฒั นาสง่ิ ใหมๆ่ จนบรรลุผลสาเรจ็ 4. ม่งุ ม่นั ตั้งใจเพยี รพยายามในการปฏบิ ตั ิงาน

40 เนื้อหาสาระการเรยี นรู้ 1. คาศพั ทแ์ ละสานวนจากเรื่อง การจับใจความสาคัญ 2. จับใจความสาคญั และแยกประเภทจากบทความเร่ือง Topic noun, Topic idea, Topic sentence and Main Idea Identify กจิ กรรมท่ี 3.1 Topic noun, Topic idea and Topic sentence กิจกรรมที่ 3.2 Main Idea Identify กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ สอนครั้งที่ 17 (ชวั่ โมงท่ี 34-35) 1.ชีแ้ จงรายละเอียดเก่ียวกับหนว่ ยการเรยี นรทู้ ้งั หมดและวดั การประเมินผลการเรยี น การบรู ณาการค่านยิ ม ของคนไทย12 ประการและข้อตกลงการเรยี นและการใช้ห้องเรยี น 2. แจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 3. นาสนทนาโดยการให้นักศึกษาดูคลิปวีดีโอเร่ือง Topic, Main Idea and Supporting details เพื่อให้ นักศึกษาได้ศึกษาและทาความเข้าใจเก่ียวกับ Topic, Main Idea and Supporting details อย่างคร่าวๆเพ่ือ เป็นการเตรียมความพร้อม การเรยี นรู้ 4. ครขู ึ้นคาศัพท์สานวนและประโยคมาให้ จากนนั้ ให้นักศกึ ษาลองหา Topic, Main Idea and Supporting details โดยทอี่ า่ นอย่างเร็วแบบคราวๆ เพ่ือหาสิง่ ทก่ี าหนดให้ 5. ใชก้ ลยทุ ธ์ Competency Based : สุ่มนักศกึ ษา ถาม-ตอบ การหา Topic, Main Idea and Supporting details ทไ่ี ดส้ อนไป 6. ครซู ักถามเพื่อความเขา้ ใจ พร้อมอธิบายซ้าในสว่ นท่นี กั ศึกษาไมเ่ ขา้ ใจจากนนั้ บันทึกผลเพือ่ เปน็ การต่อยอด ความรู้ในการเรียนครั้งต่อไป การสรปุ 7. ครูและนักศกึ ษารว่ มกันสรุปบทเรยี นแจ้งคาตอบและให้ผลย้อนกลบั แก่ผ้เู รยี น การสอนครงั้ ท่ี 18 (ชวั่ โมงท่ี 36-37) นาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูทบทวนเนอื้ หาจากการสอนครงั้ ที่แล้ว โดยการถามตอบ

41 การเรยี นรู้ 2. ครใู หค้ วามรู้เก่ยี วกับทักษะการอ่านโดยเปดิ พาวเวอร์พอยต์เรือ่ ง Topic: Topic noun, Topic idea and Topic sentence อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ บอกแหล่งทีม่ า การหาข้อมูล โดยให้นกั ศกึ ษาจดบนั ทึก รายละเอยี ดในสมุดความรู้ของตนเอง 3. ครซู ักถามความเข้ากับนักศึกษาทราบและอธิบายอีกครง้ั ในสว่ นทนี่ กั ศกึ ษาไมเ่ ข้าใจ และอธบิ ายเพิ่มเติมใน ส่วนท่ีเขา้ ใจอยู่แลว้ เพือ่ ให้นักศกึ ษามคี วามร้แู ละความเข้าใจมากยิ่งขนึ้ การสรปุ 4. ครูและนกั ศึกษาร่วมกันสรุปบทเรยี นแจ้งคาตอบและให้ผลย้อนกลบั แก่ผู้เรยี น สอนครงั้ ที่ 19 (ชั่วโมงท่ี 38-39) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครทู บทวนเนอ้ื หาจากการสอนคร้ังที่แลว้ โดยการถามตอบ การเรยี นรู้ 2.ครใู หค้ วามรเู้ ก่ียวกบั ทักษะการอา่ นโดยเปิดพาวเวอร์พอยนต์เร่อื ง Topic sentence or Main Idea อธบิ าย และยกตวั อยา่ งประกอบ บอกแหล่งทีม่ า การหาข้อมูล โดยให้นกั ศึกษาจดบนั ทึกรายละเอียดในสมดุ ความรู้ ของตนเอง 3. ครซู ักถามความเขา้ กับนักศึกษาทราบและอธบิ ายอีกครั้งในส่วนทีน่ กั ศึกษาไมเ่ ขา้ ใจ และอธิบายเพิ่มเติมใน ส่วนท่เี ขา้ ใจอยู่แลว้ เพื่อให้นกั ศึกษามคี วามรู้และความเขา้ ใจมากยิ่งขน้ึ การสรปุ 5. ครแู ละนักศกึ ษาร่วมกนั สรุปบทเรียนท่ไี ด้เรียนไปในหนังสืออีกครัง้ เพือ่ ความเขา้ ใจทคี่ รบถ้วน สอนคร้งั ที่ 20 (ชวั่ โมงท่ี 40-41) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1.ครูทบทวนเน้อื หาจากการสอนครั้งที่แล้ว โดยการถามตอบ การเรยี นรู้ 2. ครเู ปดิ พาวเวอร์พอยต์อธิบายเรอ่ื ง การจบั ใจความสาคัญ 3. ครแู จกใบงานกจิ กรรมท่ี 3.1 Topic noun, Topic idea and Topic sentence (หลักฐานการเรยี นรู้ choose the correct answer worksheet 3.1) 4. ครูอธบิ ายข้นั ตอนการปฏบิ ัตงิ านตามใบกิจกรรม ซักถามเพ่ือความเข้าใจ และให้นักศึกษาทาใบงานและ ชว่ ยกนั สรปุ ผลการทากิจกรรม พร้อมบันทึกผลเพ่ือเปน็ การตอ่ ยอดความรใู้ นการเรยี นครั้งต่อไป 5. ครตู รวจคาตอบและเฉลยคาตอบให้กับนกั ศกึ ษาทราบและอธบิ ายเพิ่มเติมให้นักศกึ ษามีความรแู้ ละความ เข้าใจมากยิง่ ขนึ้

42 การสรปุ 6. ครแู ละนกั ศกึ ษารว่ มกนั สรุปบทเรยี นแจ้งคาตอบและให้ผลย้อนกลับแกผ่ ู้เรยี น รวบรวมใบกจิ กรรมส่ง ครูผู้สอน (หลกั ฐานการเรยี นรู้ 3.1) สอนครัง้ ที่ 21 (ชวั่ โมงที่ 42-43) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูทวนเน้อื หาจากาการสอนคร้ังท่ีแล้ว โดยการถามตอบกับนกั ศึกษา การเรยี นรู้ 2. ครูเปิดเพาเวอร์พอยตค์ าศัพทแ์ ละสานวนเกย่ี วกบั เรื่อง การจบั ใจความสาคญั ตอ่ เพื่อให้นักศึกษาไดท้ าความ เข้าใจในส่วนทไ่ี มเ่ ข้าใจและอธิบายซ้าอกี ครั้งในส่วนที่ยังไม่เขา้ ใจ 3. ใช้กลยุทธ์ Competency Based: สุ่มนกั ศึกษา ถาม-ตอบ คาศัพท์และสานวนประโยคจากเร่ือง การจบั ใจความสาคญั และรวมถึงหลักไวยากรณ์ การสรปุ 4. ครแู ละนักศึกษาร่วมกนั สรุปบทเรียนแจง้ คาตอบและให้ผลยอ้ นกลับแก่ผเู้ รยี น สอนคร้ังที่ 22 (ช่วั โมงท่ี 44-45) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1.ครูทบทวนเนื้อหาจากการสอนครั้งที่แล้ว โดยการถามตอบ การเรยี นรู้ 2. ครูเปิดพาวเวอร์พอยต์อธบิ ายเรือ่ ง การจับใจความสาคัญ 3. ครแู จกใบงานกิจกรรมที่ 3.1 Main Idea Identify (หลักฐานการเรยี นรู้ choose the correct answer worksheet 3.2) 4. ครูอธิบายขัน้ ตอนการปฏิบัติงานตามใบกจิ กรรม ซักถามเพือ่ ความเข้าใจ และให้นักศึกษาทาใบงานและ ชว่ ยกนั สรุปผลการทากจิ กรรม พรอ้ มบนั ทกึ ผลเพ่อื เปน็ การต่อยอดความรู้ในการเรยี นครัง้ ต่อไป 5. ครูตรวจคาตอบและเฉลยคาตอบให้กับนกั ศึกษาทราบและอธิบายเพิ่มเติมใหน้ ักศึกษามีความรแู้ ละความ เข้าใจมากย่งิ ข้ึน การสรปุ 6. ครแู ละนกั ศกึ ษารว่ มกนั สรุปบทเรียนแจ้งคาตอบและให้ผลย้อนกลบั แกผ่ ูเ้ รยี น รวบรวมใบกิจกรรมส่ง ครผู ูส้ อน (หลกั ฐานการเรียนรู้ 3.2)

43 สอนครง้ั ท่ี 23 (ชวั่ โมงที่ 46-47) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครทู บทวนเนือ้ หาจากการสอนครงั้ ท่ีแล้ว โดยการถามตอบ การเรยี นรู้ 2.ครใู ห้ความรู้เกี่ยวกับทกั ษะการอา่ นโดยเปดิ พาวเวอร์พอยนต์เรอ่ื ง Supporting details อธบิ ายและ ยกตวั อยา่ งประกอบ บอกแหล่งทีม่ า การหาข้อมลู โดยให้นักศกึ ษาจดบนั ทึกรายละเอียดในสมดุ ความรขู้ อง ตนเอง 3. ครซู กั ถามความเข้ากบั นักศึกษาทราบและอธิบายอีกคร้ังในส่วนทีน่ กั ศึกษาไม่เขา้ ใจ และอธิบายเพิ่มเติมใน สว่ นทเี่ ข้าใจอยู่แลว้ เพือ่ ให้นักศึกษามีความรู้และความเขา้ ใจมากยิ่งข้ึน การสรปุ 5. ครแู ละนกั ศึกษาร่วมกนั สรุปบทเรยี นที่ได้เรยี นไปในหนังสอื อีกครงั้ เพอ่ื ความเข้าใจที่ครบถ้วน สอนคร้งั ท่ี 24 (ชว่ั โมงท่ี 48-49) การนาเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. ครูทวนเนอ้ื หาจากาการสอนครัง้ ที่แลว้ โดยการถามตอบกับนักศึกษา การเรยี นรู้ 2. ครเู ปิดเพาเวอร์พอยตค์ าศัพท์และสานวนเกย่ี วกบั เรื่อง การจับใจความสาคัญ ตอ่ เพ่ือใหน้ ักศึกษาไดท้ าความ เข้าใจในส่วนท่ีไมเ่ ขา้ ใจและอธบิ ายซ้าอีกครั้งในสว่ นท่ยี งั ไม่เขา้ ใจ 3. ใชก้ ลยุทธ์ Competency Based: สุ่มนักศึกษา ถาม-ตอบ คาศพั ทแ์ ละสานวนประโยคจากเร่ือง การจบั ใจความสาคัญ และรวมถงึ หลักไวยากรณ์ การสรปุ 4. ครแู ละนกั ศึกษารว่ มกันสรุปบทเรียนแจง้ คาตอบและให้ผลยอ้ นกลับแกผ่ ู้เรยี น สอื่ การเรยี นร/ู้ แหลง่ การเรยี นรู้ สอื่ ส่งิ พิมพ์ -หนงั สอื เรยี นภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร -แบบฝึกหดั ท้ายบท -สมารท์ โฟนหรอื โนต้ บคุ คน้ หาแหลง่ ขอ้ มลู และการหาความหมายคาศพั ทแ์ ละสานวน สอ่ื โสตทศั น์ -เคร่ืองคอมพิวเตอร์ -เคร่อื งฉายภาพ (Projector) เอกสารประกอบการจดั การเรยี นรู้

44 1. หนังสือเรยี นวชิ าภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร 2. ใบกิจกรรม 3.1-3.2 การบรู ณาการ/สัมพนั ธก์ บั วิชาอนื่ การบรู ณาการกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. ความมเี หตผุ ล - นักศกึ ษาสามารถเข้าใจและนาเรอ่ื ง การจับใจความสาคัญ ท้งั สามหัวข้อใหญไ่ ม่ว่าจะเป็น Topic, Main Idea and Supporting details ไปประยุกต์ใช้ในการอ่านได้อย่างถกู ต้อง 2. ความพอประมาณ- นักศึกษาควบคมุ เวลาการปฏิบัตกิ ิจกรรมตามระยะเวลาที่กาหนด ปฏิบัติกจิ กรรมโดยใช้ วัสดอุ ุปกรณ์ต่าง ๆด้วยความประหยดั และมีความรอบคอบ 3. การมภี ูมคิ ้มุ กันในตวั ทดี่ ี - นกั ศึกษารู้คณุ คา่ และประโยชน์การเขา้ ใจศัพท์และสานวน บทสนทนาตามสถานการณ์ต่าง ๆ บทความและ การกรอกแบบฟอรม์ ครูมีแผนการสอนและส่ือการสอนอย่างเปน็ ระบบ ทาใหก้ ารเรยี นการสอนราบรื่น 4. เงอื่ นไขความรู้ - นักศึกษาสามารถบอกความหมายของคาศพั ท์และสานวนที่ใชใ้ นเรือ่ งทอ่ี ่านได้ถกู ต้อง - นกั ศกึ ษาสามารถจับใจความสาคญั ท้งั สามหัวขอ้ ใหญไ่ ม่ว่าจะเปน็ Topic, Main Idea and Supporting details ได้ถกู ต้องชดั เจน 5. เงอ่ื นไขคุณธรรม - นกั ศึกษามวี นิ ยั , ความสนใจใฝร่ ู้ - นักศึกษามคี วามรักสามคั คี , ความซือ่ สตั ย์ - นกั ศึกษาห่างไกลยาเสพตดิ การบรู ณาการกบั มาตรฐานสถานศกึ ษา 1. ด้านประชาธปิ ไตย - มกี ารคัดเลือกหัวหนา้ กลุม่ ในการทางานกลมุ่ มีภาวการณ์เป็นผู้นาและผู้ตาม เปิดโอกาสให้นักศึกษาแสดง ความคดิ เหน็ และยอมรบั ความคิดเห็นของผ้อู ื่น 2. ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม และความเปน็ ไทย - นกั ศกึ ษารรู้ ัก-รู้กตัญญู มีวินัย ความสนใจใฝร่ ู้ มีมนษุ ย์สัมพนั ธ์ อดทนอดกลน้ั ความซ่ือสัตยส์ จุ ริต มีความประหยัด ความรับผิดชอบ ห่างไกลยาเสพติดและกลา้ แสดงออก 3. ดา้ นภมู ิคมุ้ กนั ภยั จากยาเสพตดิ - นกั ศกึ ษามีความรู้ในเร่ืองยาเสพติด โดยทางานที่ได้รบั มอบหมายนอกเวลาเรยี น รวมทง้ั ในขณะทาการสอน ใหค้ วามรถู้ งึ โทษของยาเสพติด

45 การวดั และประเมนิ ผล กอ่ นเรยี น การทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยท่ี 3 ขณะเรยี น 1. การสงั เกตการณต์ อบข้อซักถาม 2. การสังเกตพฤติกรรมความมีระเบียบวินยั ใฝ่หาความรู้ และรจู้ กั ดารงตนโดยใชห้ ลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพยี ง หลงั เรยี น การทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยท่ี 3 การประเมนิ ผล นักศกึ ษาท่ีได้คะแนนร้อยละ 70 ขึน้ ไป ถือว่าผา่ นการประเมนิ แบบประเมนิ ทักษะการอ่าน รหสั วชิ า 30212-2005 ชือ่ วชิ า การอา่ นภาษาองั กฤษ เร่ือง การจบั ใจความสาคญั หัวข้อ........................................................................................................................................................... ชอ่ื ผู้รบั การประเมิน..................................................................................................................................... ประเมินโดย................................................................................................................................................. วนั ที่............................................................................................................................................................. คาชแ้ี จง : อา่ นรายละเอียดการประเมนิ และเขยี นระดับการความคิดเหน็ รายการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ คะแนน Assessment Quality Scoring 1 ระบุรายละเอียดเรื่องท่ีอ่านได้.81%-100% จดั ลาดบั เน้ือหาหลกั Excellent 5 คะแนน และรายละเอียดปลกี ย่อยสัมพันธ์กนั ดีตลอดทง้ั เนื้อเร่อื งที่อ่าน ระบุ ดีมาก

46 ประเดน็ สาคญั ของเร่อื งท่อี ่านได้ 81%-100% ระบจุ ดุ มุ่งหมายของ Good 4 คะแนน ผู้เขยี นไดถ้ ูกต้องสอดคล้องกบั เนือ้ หาอยา่ งชดั เจน ดี 3 คะแนน 2 คะแนน 2. ระบรุ ายละเอียดเรือ่ งทอี่ า่ นได้ 71%-80% จัดลาดับเน้ือหาหลัก Fair 1 คะแนน และรายละเอยี ดปลีกย่อยสัมพันธก์ ันดี แตม่ ีความสับสนในการ ปานกลาง จัดลาดบั เนอ้ื หาย่อย ระบปุ ระเดน็ สาคญั ของเร่อื งที่อา่ นได้ 71%- 80% มีข้อบกพร่องเล็กน้อยในการระบุจุดม่งุ หมายของผเู้ ขียนได้ Passable ค่อนข้างสอดคล้องกับเน้ือหา น้อย 3. ระบุรายละเอียดเรอื่ งทอ่ี ่านได้ 51%-70% มคี วามสบั สนในการ Don’t pass จัดลาดบั เนื้อหาหลกั เล็กน้อย มีความสบั สนมากในการจดั ลาดับ ต้องปรบั ปรงุ เนอื้ หายอ่ ยระบุประเด็นสาคัญของเรื่องทอ่ี ่านได้ 51%-70% ระบุ จดุ มุ่งหมายของผู้เขยี นในประเดน็ เลก็ ๆขาดประเด็นหลัก 4. ระบุรายละเอยี ดเร่ืองทีอ่ า่ นได้ 10%-50% การจัดลาดบั เนอื้ หา หลักไมส่ มั พนั ธ์กันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเนื้อหาสว่ นใหญ่ไม่ไดก้ ลา่ วถงึ ระบุประเด็นสาคญั ของเร่ืองที่อา่ นได้ 10%-50% ระบุจดุ มุ่งหมาย ของผู้เขียนได้ไมต่ รงสาระของเร่อื ง 5. ไมส่ ามารถระบุรายละเอียดเร่อื งที่อ่านไดต้ า่ กวา่ 10% ไมม่ กี าร จดั ลาดับเนอื้ หาหลัก ให้สมั พันธก์ นั และไม่ได้กลา่ วถึงเน้ือหายอ่ ย ระบุประเด็นสาคญั ของเร่ืองท่ีอา่ นได้ต่ากว่า 10% ไม่สามารถระบุ จดุ มุ่งหมายของผเู้ ขียน

47 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล หนว่ ยที่ 3 ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดงความ การตอบคาถาม การยอมรบั ฟัง ทางานตามท่ี คิดเห็น คนอนื่ ไดร้ ับมอบหมาย 4321432 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26

48 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 เกณฑ์การวดั ผล ใหค้ ะแนนระดบั คณุ ภาพของแตล่ ะพฤตกิ รรมดังนี้ ดีมาก 4 คะแนน สนใจฟงั ไม่หลับ ไม่พูดคุยในชน้ั มคี าถามท่ดี ี ตอบคาถามถูกต้องทางานสง่ ครบและ ตรงเวลา ดี 3 คะแนน การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ70% ปานกลาง 2 คะแนน การแสดงออกอยูใ่ นเกณฑป์ ระมาณ 50% ต้องปรับปรงุ 1 คะแนน เข้าช้นั เรียน แต่การแสดงออกน้อยมาก สง่ งานไมค่ รบและไมต่ รงเวลา ลงชอื่ .......................................ผูป้ ระเมิน (.....................................) ....../......./......


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook