Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือ Business English Reading

หนังสือ Business English Reading

Published by ตรีลดา นภิบาล, 2021-07-20 02:54:02

Description: หนังสือ Business English Reading

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรยี น 30212-2005 BUSINESS ENGLIHS READING Trilada Napibal วทิ ยาลยั เทคโนโลยอี ุดมศึกษาพาณิชยการ หมวดภาษาตา่ งประเทศ

การอา่ นภาษาองั กฤษธุรกจิ (Business English Reading) 30212-2005 Lecturer Trilada Napibal Foreign Langauges Department Udomsueksaphanitchayakan Technological College

30212-2005 การอ่านภาษาองั กฤษธุรกจิ 1-4-3 ( Business English Reading ) จุดประสงค์รายวชิ า เพอ่ื ให้ 1. เขา้ ใจเก่ียวกบั หลกั และเทคนิควธิ ีการอ่านเอกสารทางธุรกิจ 2. สามารถอา่ นขอ้ ความและเอกสารภาษาองั กฤษทางธุรกิจ 3. มีเจตคติและกิจนิสยั ที่ดีในการปฏิบตั ิงานดว้ ยความรับผิดชอบ สมรรถนะรายวชิ า 1. แสดงความรู้เกี่ยวกบั หลกั และเทคนิควธิ ีในการอ่านเอกสารทางธุรกิจ 2. สรุปใจความส าคญั ของเอกสาร หรือขอ้ มูลทางธุรกิจ 3. พูดหรือเขียนแสดงความเห็นเกี่ยวกบั เอกสารทางธุรกิจท่ีอ่าน 4. ตอบค าถามเกี่ยวกบั เอกสารทางธุรกิจที่อา่ น 5. ปฏิบตั ิงานดว้ ยความรับผดิ ชอบ คาอธิบายรายวชิ า ศึกษาและปฏิบตั ิเกี่ยวกบั ค าศพั ท์ ส านวน และโครงสร้างภาษาองั กฤษท่ีใชใ้ นเอกสารทางธุรกิจ หลกั และเทคนิควธิ ีการอ่าน ปฏิบตั ิการอ่านขอ้ ความ เร่ือง และเอกสารทางธุรกิจ

Contents 1- 23 24-36 Unit 1 Grammar Prefix and Suffix 37-40 Part of Speech 41-42 42 Unit 2 Type of Reading Skimming Reading 43 Scanning Reading 43-46 46-47 Unit 3 การจบั ใจความสาคญั 47-48 Topic Main Idea 49-50 Supporting sentences 50-52 52-53 Unit 4 Context Clue 53-55 Definition Clue 55-57 Restatement 57 Example Clue 58-59 Comparison or Contrast Clue 59-60 Cause and Effect Relationship Clue 60-61 Subjective Clue 62-63 Experience Clue 63-64 Tone or Mood Clue Words in a Series Clue Discourse Marker/Transitional Word Clue Mixed Clues

Unit 5 การอ่านตีความภาษาองั กฤษ Part I Paragraph Reading Paragraph I 65-69 Paragraph II 69-71 Paragraph III 71-73 Paragraph IV 73-74 Part II Essay Reading Exercise Addition 75-77 Dietary (Food) Supplement 78-79 Unit 6 Reading Comprehension 80-82 Business email writing 82-84 Business phone calls 85-87 Cancelling a meeting 87-89 Applying for jobs 90-91 Warren Buffett's US$10 billion mistake 91-92 McDonald's mulling partial sale of digital unit

1 Unit 1 Grammar Prefix and Suffix การวิเคราะหค์ าโดยดรู ากศพั ท์ อปุ สรรค หรอื ปจั จยั ความรเู้ ก่ียวกับรากศัพท์ การเติมอุปสรรคหนา้ คา และปจั จัยท้ายคากช็ ว่ ยให้เราทราบวา่ คาน้ันๆ เป็น คาประเภทใด ทาหน้าท่ีอะไรในประโยค และยังช่วยให้เราจาคาศัพท์ได้เปน็ ชุด เช่น คาท่ีมาจากรากศัพทเ์ ดยี วกัน ความหมายกจ็ ะใกลเ้ คยี งกัน หรอื คาท่ีมีปจั จัยเหมือนกนั ก็รู้ว่าเป็นคาประเภทเดยี วกนั ช่วยใหเ้ ราจาคาได้มากและ เร็วขน้ึ ดกี ว่าการท่องทีละคา ๆ โดยท่ไี มเ่ กีย่ วขอ้ งกนั เลย เชน่ คาวา่ “Produce” แปลว่าผลิต เป็นคากรยิ า เมื่อเปน็ คานาม แปลว่า ผู้ผลิต คอื Producer ถ้าเปน็ การผลติ ก็เป็น production และเม่อื ผลผลติ ใชค้ าว่า product 1. คาอปุ สรรค (Prefix) Business English Reading (30212-2005)

2 2. รากศพั ท์ (Root) Business English Reading (30212-2005)

3 3. ปจั จยั (Suffix) Business English Reading (30212-2005)

4 การเรยี นร้คู วามหมายของคาอปุ สรรค รากศัพท์ และปจั จัย จะชว่ ยให้รู้ศพั ท์มากขึ้น และจะยง่ิ สะดวกในการจาถา้ รจู้ ักจาเป็นประเภท เป็นทมี ดังเช่นการจัดประเภทของปัจจัย ดงั ต่อไปนี้ 1. ปจั จยั ทแ่ี สดงวา่ เปน็ คานาม (Noun) Business English Reading (30212-2005)

5 2. ปจั จยั ทแ่ี สดงวา่ เป็นคากรยิ า (Verb) 3. ปัจจยั ท่แี สดงว่าเป็ นคาวเิ ศษณ์ (Adverb) Business English Reading (30212-2005)

6 การเดาความหมายของคาจากใจความที่ลอ้ มรอบหรอื บรบิ ท (Context) Business English Reading (30212-2005)

7 Business English Reading (30212-2005)

8 Business English Reading (30212-2005)

9 คาทค่ี วามหมายเทา่ กนั และตรงขา้ มกนั ทค่ี วรรู้ (Synonyms and Antonyms) Business English Reading (30212-2005)

10 Business English Reading (30212-2005)

11 Business English Reading (30212-2005)

12 Business English Reading (30212-2005)

13 ศพั ท์ทคี่ วรรู้ Business English Reading (30212-2005)

14 Business English Reading (30212-2005)

15 Business English Reading (30212-2005)

16 Business English Reading (30212-2005)

17 Business English Reading (30212-2005)

18 Business English Reading (30212-2005)

19 Business English Reading (30212-2005)

20 Business English Reading (30212-2005)

21 Business English Reading (30212-2005)

22 Business English Reading (30212-2005)

23 Business English Reading (30212-2005)

24 Part of Speech Part of speech ส่วนของคำ หนำ้ ท่ีของคำต่ำงๆ ท่ีประกอบอยู่ในประโยค เป็นส่ิงท่ีจำเป็นอย่ำงย่ิง สำหรบั ผเู้ รียนภำษำองั กฤษท่ีตอ้ งรู้ เวลำเปิดพจนำนกุ รม (dictionary) เพ่ือคน้ หำควำมหมำยของคำศพั ท์ ควร ตอ้ งดหู นำ้ ท่ีของคำ (part of speech) ดว้ ย วำ่ คำศพั ทน์ นั้ ทำหนำ้ ท่ี หรอื มี Part of speech เป็นอะไรไดบ้ ำ้ ง เพ่ือ จะไดน้ ำมำประกอบประโยค สรำ้ งประโยคภำษำองั กฤษไดอ้ ยำ่ งถกู ตอ้ งคะ่ เพรำะหลำยๆ คำในภำษำองั กฤษ ท่ีใหค้ วำมหมำยต่ำงกันเม่ือทำหน้ำท่ี part of speech ต่ำงกัน ซ่ึงถ้ำเรำรูว้ ่ำคำท่ีอยู่ส่วนนนั้ ของประโยคทำ หน้ำท่ีอะไร ก็จะเลือกคำแปลได้อย่ำงถูกต้อง และเข้ำใจประโยคภำษำอังกฤษ รวมถึงเขียนประโยค ภำษำองั กฤษเองไดอ้ ยำ่ งถกู ตอ้ ง 1. Noun คำนำม 1) Countable Noun หมำยถึง นำมนบั ได้ คอื นำมท่ีสำมำรถแยกนบั ไดว้ ำ่ มีก่ีคน ก่ีตวั ก่ีส่งิ เป็นจำนวน หน่งึ สอง สำม … … แบง่ ตำมจำนวนได้ 2 ชนิดคือ 1.1) Singular (เอกพจน)์ คือนำมท่ีมีอนั เดยี ว ชนิ้ เดียว 1.2) Plural (พหพู จน)์ คอื นำมท่ีมีมำกกวำ่ หน่งึ ขนึ้ ไป ตัวอย่าง Singular : boy bird book pencil Plural : boys birds books pencils กำรเปล่ียนคำนำมเอกพจน์เป็ นพหูพจน์ กฎข้อท่ี 1 เตมิ es ทำ้ ยคำนำมท่ีลงทำ้ ยดว้ ย s, ss, sh, ch, x เชน่ bus เปล่ียนเป็น buses แปลวำ่ รถประจำทำง glass เปล่ียนเป็น glasses แปลวำ่ แกว้ brush เปล่ียนเป็น brushes แปลวำ่ แปรง bench เปล่ียนเป็น benches แปลวำ่ มำ้ น่งั match เปล่ียนเป็น matches แปลวำ่ ไมข้ ีดไฟ Business English Reading (30212-2005)

25 box เปล่ียนเป็น boxes แปลวำ่ กลอ่ ง fox เปล่ียนเป็น foxes แปลว่ำ สนุ ขั จงิ้ จอก กฎข้อที่ 2 เตมิ es ทำ้ ยคำนำมท่ีลงทำ้ ยดว้ ย o และหนำ้ o เป็นพยญั ชนะ เชน่ hero เปล่ียนเป็น heroes แปลวำ่ วีรบรุ ุษ mango เปล่ียนเป็น mangoes แปลวำ่ มะมว่ ง buffalo เปล่ียนเป็น buffaloes แปลวำ่ ควำย tomato เปล่ียนเป็น tomatoes แปลวำ่ มะเขือเทศ * ถำ้ หำกวำ่ หนำ้ o เป็นสระ ใหเ้ ตมิ s radio เปล่ียนเป็น radios แปลวำ่ วิทยุ bamboo เปล่ียนเป็น bamboos แปลวำ่ ไมไ้ ผ่ * เตมิ s สำหรบั คำตอ่ ไปนี้ photo เปล่ียนเป็น photos แปลวำ่ รูปภำพ piano เปล่ียนเป็น pianos แปลวำ่ เปียโน dynamo เปล่ียนเป็น dynamos แปลวำ่ ไดนำโม kilo เปล่ียนเป็น kilos แปลวำ่ กิโล กฎข้อที่ 3 คำนำมท่ีลงทำ้ ยดว้ ย y และหนำ้ y เป็นพยญั ชนะ ใหเ้ ปล่ียน y เป็น i แลว้ เตมิ es เชน่ fly เปล่ียนเป็น flies แปลวำ่ แมลงวนั city เปล่ียนเป็น cities แปลวำ่ เมือง army เปล่ียนเป็น armies แปลวำ่ กองทพั บก duty เปล่ียนเป็น duties แปลวำ่ หนำ้ ท่ี lady เปล่ียนเป็น ladies แปลวำ่ สภุ ำพสตรี * ถำ้ หำกวำ่ หนำ้ y เป็นสระ ใหเ้ ตมิ s day เปล่ียนเป็น days แปลว่ำ วนั boy เปล่ียนเป็น boys แปลวำ่ เดก็ ผชู้ ำย toy เปล่ียนเป็น toys แปลวำ่ ของเลน่ key เปล่ียนเป็น keys แปลวำ่ กญุ แจ Business English Reading (30212-2005)

26 กฎข้อท่ี 4 นำมท่ีลงทำ้ ยดว้ ย f หรือ fe ใหเ้ ปล่ียน f หรือ fe เป็น v แลว้ เตมิ es เชน่ thief เปล่ียนเป็น thieves แปลวำ่ ขโมย leaf เปล่ียนเป็น leaves แปลวำ่ ใบไม้ knife เปล่ียนเป็น knives แปลวำ่ มีด wife เปล่ียนเป็น wives แปลวำ่ ภรรยำ * เตมิ s สำหรบั คำตอ่ ไปนี้ chief เปล่ียนเป็น chief s แปลวำ่ หวั หนำ้ turf เปล่ียนเป็น turfs แปลวำ่ สนำมหญำ้ roof เปล่ียนเป็น roofs แปลว่ำ หลงั คำ cliff เปล่ียนเป็น cliffs แปลว่ำ หนำ้ ผำ safe เปล่ียนเป็น safes แปลวำ่ ตเู้ ซฟ fife เปล่ียนเป็น fifes แปลวำ่ ขลยุ่ กฎข้อท่ี 5 นำมท่ีทำใหเ้ ป็นพหพู จน์ โดยกำรเปล่ียนแปลงสระภำยใน เชน่ man เปล่ียนเป็น men แปลวำ่ ผชู้ ำย woman เปล่ียนเป็น women แปลวำ่ ผหู้ ญิง foot เปล่ียนเป็น feet แปลวำ่ เทำ้ tooth เปล่ียนเป็น teeth แปลวำ่ ฟัน goose เปล่ียนเป็น geese แปลวำ่ ห่ำน louse เปล่ียนเป็น lice แปลวำ่ เหำ, หมดั mouse เปล่ียนเป็น mice แปลวำ่ หนู กฎข้อท่ี 6 นำมท่ีทำใหเ้ ป็นพหพู จน์ โดยกำรเตมิ en หรือ ren เชน่ ox แปลว่ำ ววั ตวั ผู้ เปล่ียนเป็น oxen child แปลวำ่ เดก็ เปล่ียนเป็น children Business English Reading (30212-2005)

27 กฎข้อท่ี 7 คำนำมท่ีมีรูปเหมือนกนั ทงั้ เอกพจน์ และพหพู จน์ เชน่ fish พหพู จนค์ อื fish แปลวำ่ ปลำ sheep พหพู จนค์ อื sheep แปลวำ่ แกะ deer พหพู จนค์ ือ deer แปลวำ่ กวำง salmon พหพู จนค์ ือ salmon แปลวำ่ ปลำแซลมอน กฎข้อที่ 8 คำนำมท่ีมีรูปเป็นเอกพจน์ แตม่ ีควำมหมำยเป็นพหพู จน์ เชน่ cattle แปลว่ำ ววั ควำย, ปศสุ ตั ว์ poultry แปลวำ่ สตั วป์ ีกท่ีเลีย้ งไวเ้ อำเนือ้ หรือไข่ (เป็ดไก่) people แปลวำ่ ประชำชน กฎข้อท่ี 9 คำนำมท่ีมีรูปเป็นพหพู จนเ์ สมอ ไมม่ ีรูปเอกพจน์ เชน่ shorts แปลวำ่ กำงเกงขำสนั้ trousers แปลวำ่ กำงเกงขำยำว tongs แปลวำ่ คีมหนีบ, เหล็กหนีบ, ปำกคีบ pants แปลวำ่ กำงเกงขำยำว, กำงเกงใน scissors แปลวำ่ กรรไกร กฎข้อท่ี 10 คำนำมท่ีมีรูปเป็นพหพู จน์ แตม่ ีควำมหมำยเป็นเอกพจน์ เชน่ politics แปลวำ่ กำรเมือง news แปลวำ่ ขำ่ ว กฎข้อที่ 11 คำนำมผสม ทำใหเ้ ป็นพหพู จนท์ ่ีคำนำมหลกั หรอื ทำทงั้ 2 สว่ น เชน่ father-in-law เปล่ียนเป็น fathers-in-law lord-justice เปล่ียนเป็น lords-justices Business English Reading (30212-2005)

28 2) Uncountable Noun หมำยถึง นำมนบั ไมไ่ ด้ คอื นำมท่ีไมส่ ำมำรถแยกนบั ไดว้ ำ่ มีก่ีคน ก่ีตวั ก่ีส่ิง หรือไมน่ ิยม นบั ดงั นี้ 2.1) เป็นผง, เป็นของเหลว, เป็นเมด็ หรอื เป็นเสน้ เล็ก ๆ เชน่ sand = ทรำย | rice = ขำ้ ว hair = ผม | flour = แปง้ sugar = นำ้ ตำล | ink = หมกึ 2.2) คงสภำพเดมิ แมว้ ำ่ จะถกู ตดั หรอื แบง่ เชน่ meat = เนือ้ | coffee = กำแฟ bread = ขนมปัง | soap = สบู่ 2. Pronoun คำสรรพนำม Pronoun อำ่ นวำ่ โพร’เนำนฺ หมำยถงึ คำสรรพนำม ก็คือคำท่ีใชแ้ ทนคำนำม (Noun) และทำหนำ้ ท่ีเชน่ เดียวกบั คำนำมใน ภำษำองั กฤษ Personal Personal Possessive Possessive Reflexive and Pronouns Pronouns adjective Pronouns Emphasizing ในรูปประธำน รูปกรรม Pronouns (รูป self-form) I me my mine myself You you your yours yourself We us our ours ourselves Business English Reading (30212-2005)

29 They them their theirs themselves He him his his himself She her her hers herself It it its (its) itself 3. Adjective หรอื คำคณุ ศพั ท์ หมำยถึง คำท่ีไปทำหนำ้ ท่ีขยำยนำมหรือสรรพนำม (ขยำยสรรพนำมตอ้ งอย่หู ลงั ตลอดไป) เพ่ือบอกใหร้ ูล้ กั ษณะคณุ ภำพ หรอื คณุ สมบตั ขิ องนำมหรือสรรพนำมนนั้ วำ่ เป็นอยำ่ งไร? ไดแ้ ก่คำวำ่ good ดี bad เลว tall สงู wise ฉลำด red แดง fat อว้ น thin ผอม this นี้ those เหลำ่ นนั้ short สนั้ white ขำว Adjective ในภำษำองั กฤษแบง่ ออกเป็น 11 ชนิด คือ 1. Descriptive Adjective (คณุ ศพั ทบ์ อกลกั ษณะ) The rich man lives in the big house. (คนรวยอำศยั อยบู่ ำ้ นหลงั ใหญ่) 2. Proper Adjective (คณุ ศพั ทบ์ อกสญั ชำต)ิ John employs a Chinese cook. (จอหน์ จำ้ งพอ่ ครวั ชำวจีนคนหนง่ึ ) 3. Quantitative Adjective (คณุ ศพั ทบ์ อกปรมิ ำณ) He ate much rice at school yesterday. (เขำกินขำ้ วมำกท่ีโรงเรียนเม่ือวำนนี)้ 4. Numberal Adjective (คณุ ศพั ทบ์ อกจำนวนแน่นอน) She gave me two apples and three organs. (หลอ่ นใหแ้ อปเปิล้ สองผล และสม้ สำมผลแกฉ่ นั ) 5. Demonstrative Adjective (คณุ ศพั ทช์ ีเ้ ฉพำะ) I invited that man to come in.(ฉนั ไดเ้ ชิญผชู้ ำยคนนนั้ ใหเ้ ขำ้ มำขำ้ งใน) 6. Interrogative Adjective (คณุ ศพั ทบ์ อกคำถำม) What book is he reading in the room? (เขำกำลงั อำ่ นหนงั สืออะไรอยใู่ นหอ้ ง) 7. Possessive Adjective (คณุ ศพั ทบ์ อกเจำ้ ของ) Business English Reading (30212-2005)

30 This is my table. (น่ีคือโต๊ะของฉนั ) 8. Distributive Adjective (คณุ ศพั ทแ์ บง่ แยก) This is my table. (น่ีคือโต๊ะของฉนั ) 9. Emphaszing Adjective (คณุ ศพั ทเ์ นน้ ควำม) Linda said that she had seen it with her own eyes. (ลนิ ดำพดู วำ่ หลอ่ นไดเ้ หน็ มนั มำกบั ตำเธอเอง) 10. Exclamatory Adjective (คณุ ศพั ทบ์ อกอทุ ำน) What a man he is! (เขำเป็นผชู้ ำยอะไรนะเน่ีย!) 11. Relative Adjective (คณุ ศพั ทส์ มั พนั ธ)์ Give me what money you have. (จงใหเ้ งินเทำ่ ท่ีคณุ มีอยแู่ ก่ฉนั ) 4. Verb คำกรยิ ำ คือคำกรยิ ำท่ีแสดงอำกำรเคล่ือนไหวของประธำน (Subject) เพ่ือใหท้ รำบกำรกระทำของ ประธำน แบง่ ออกเป็น 3 ชนิด ดงั นี้ 4.1. Transitive Verbs คอื กรยิ ำท่ียงั ไมม่ ีควำมหมำยสมบรู ณใ์ นตวั เอง ตอ้ งมีกรรมมำรบั จงึ จะทำใหม้ ี ควำมหมำยขนึ้ เชน่ Cows eat grass. ตอ้ งมี grass ซง่ึ เป็นกรรมมำรบั ไวเ้ พ่ือทำใหป้ ระโยคสมบรู ณข์ นึ้ 4.2. Intransitive Verbs คือ กรยิ ำท่ีมีควำมหมำยสมบรู ณไ์ ดด้ ว้ ยตวั เอง เชน่ John is swimming ไมจ่ ำเป็นตอ้ งมีกรรม ประโยคก็สมบรู ณ์ 3. Auxiliary Verbs คือ กรยิ ำชว่ ย เป็นกรยิ ำท่ีชว่ ยใหก้ ริยำหลกั มีควำมหมำยสมบรู ณข์ นึ้ ตำมเหตกุ ำรณ์ตำ่ ง ๆ 5. Preposition คำบพุ บท คำท่ีใชแ้ สดงควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ ง Noun (หรือ Pronoun) กบั คำอ่ืน ๆ ในประโยค เชน่ He lays his book on the table. (แสดงสถำนท่ี) = เขำวำงหนงั สือบนโต๊ะ He will go with me. (แสดงสมั พนั ธ์ สรรพนำมกบั กรยิ ำ) = เขำจะไปกบั ผม Business English Reading (30212-2005)

31 6. Adverb กรยิ ำวเิ ศษณ์ Adverbs หมำยถึง คำท่ีทำหนำ้ ท่ีขยำยกริยำ คำคณุ ศพั ท์ กรยิ ำวิเศษณ์ แบง่ ออกเป็น 7 ชนิด คือ 6.1. Adverb of manner คือคำกรยิ ำวิเศษณท์ ่ีบอกคณุ ลกั ษณะ เชน่ fast , well , hard etc. 6.2. Adverb of place คอื คำกรยิ ำวิเศษณท์ ่ีบอกสถำนท่ี เชน่ there , here , up , down etc. 6.3. Adverb of time คือคำกรยิ ำวเิ ศษณท์ ่ีบอกเวลำ เชน่ now , today , soon etc. 6.4. Adverb of frequency คือคำกรยิ ำวเิ ศษณท์ ่ีบอกควำมถ่ี เชน่ often , always , usually etc. 6.5. Adverb of degree คอื คำกรยิ ำวิเศษณท์ ่ีบอกระดบั เชน่ rather , too , very etc. 6.6. Interrogative Adverbs คือคำกรยิ ำวเิ ศษณท์ ่ีเป็นคำถำม เชน่ where , when , why etc. 6.7. Relative Adverbs คือกรยิ ำวิเศษณท์ ่ีเป็นคำเช่ือม เชน่ when , where , why etc. 7. Conjunction คำสนั ธำน Conjunction สนั ธำน คำเช่ือม ในภำษำองั กฤษ ท่ีควรรู้ มีดงั ตอ่ ไปนี้ 7.1. Conjunctive Adverb เป็น Transitional words ท่ีทำหนำ้ ท่ีเป็นตวั เช่ือมระหวำ่ ง 2 ประโยค โดยเพ่ิมเตมิ ขอ้ มลู จำกท่ีกลำ่ วมำ เปรียบเทียบ อธิบำย เช่น however furthermore accordingly therefore consequently hence moreover then meanwhile Business English Reading (30212-2005)

32 otherwise also likewise nevertheless besides thus ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ Sue is pretty ; moreover, she is generous. Sue held her cat ; meanwhile, her brother washed it. 7.2. Correlation Conjunction เป็นสนั ธำน หรอื ตวั เช่ือมท่ีใชเ้ ป็นคใู่ นกำรเช่ือมขอ้ ควำมหรือประโยค เช่น either…..or neither…..nor both…..and not only…..but..also ตัวอยา่ งประโยคภาษาอังกฤษ Sue is not only pretty, but she is also generous. Both Bie and Gubgib go to school by bus. 7.3. Coordinate Conjunctions มกั ใชเ้ ช่ือม 2 สว่ นท่ีเสมอภำคกนั เชน่ เช่ือมระหวำ่ งนำมกบั นำม หรอื คำวิเศษณก์ บั คำวิเศษณ์ หรือ กรยิ ำกบั กรยิ ำ หรือ ประโยคกบั ประโยค ตัวอย่าง Coordinate Conjunctions ได้แก่ and ใชเ้ ช่ือมแสดงควำมคลอ้ ยตำม และเพ่มิ เตมิ ขอ้ มลู or, nor แสดงกำรเลือกหรือเปรียบเทียบ so มกั นำหนำ้ ผล Business English Reading (30212-2005)

33 for มกั จะนำหนำ้ สำเหตหุ รือ เหตผุ ล but, yet ใชแ้ สดงควำมขดั แยง้ ตวั อย่างประโยคภาษาอังกฤษ Don and I always play tennis at school. Sue went to bed but couldn’t sleep. Jame didn’t study, so he failed the exam. Jame likes watching TV better than studying. 8. Interjection คำอทุ ำน เป็นคำ วลี หรือประโยคท่ีอทุ ำน หรือพดู ออกมำเพ่ือแสดงควำมรูส้ กึ หรอื อำรมณ์ ตกใจ เจ็บปวด ต่ืนเตน้ โกรธ สนกุ สนำน โดยมีเคร่ืองหมำย ! (Exclamation Mark) ปิดทำ้ ย ตวั อย่ำงเช่น Oh! Ah! Yum! Hooray! That’s amazing! Interjection เวลำอยใู่ นประโยคมกั วำงไวข้ ำ้ งหนำ้ สดุ โดยมีเคร่อื งหมำย ! (Exclamation Mark) หรอื , (Comma) ตวั อยา่ งประโยคภาษาอังกฤษ Hey! Come on! Oh, That is a surprise. Good! now we can move on. Wow! I won the game! Interjection ท่ีตำมหลงั ดว้ ย , จะเป็นกำรอทุ ำนแบบเบำๆ ไมร่ ุนแรงนกั ถำ้ ตำมหลงั ดว้ ยเคร่ืองหมำย ! ช่ือถงึ อำรมณ์ ควำมรูส้ ึก หรือควำมประหลำดใจอยำ่ งมำก Interjection ท่ีขนึ้ ตน้ ดว้ ย What และ How วิธีกำรใชด้ งั นี้ What + a….! ตวั อยำ่ งประโยคภำษำองั กฤษ Business English Reading (30212-2005)

34 What a pity! What a shame! What a mess! What a relief! What a nuisance! What + a (an) + adjective ดหู นงั + คำนำมเอกพจนน์ บั ได้ ตวั อยำ่ งประโยคภำษำองั กฤษ What a beautiful day! What an amazing car! What a kind man! What a beautiful flower! What a pleasant surprise! What + a (an) + adjectiveคำนำมเอกพจนน์ บั ได้ + ประธำน + กิรยิ ำ! ตวั อยำ่ งประโยคภำษำองั กฤษ What a beautiful day it is! What an amazing car you have! What a beautiful smile she has! What + a (an) + adjectiveคำนำมเอกพจนน์ บั ไมไ่ ด้ (+ ประธำน + กิรยิ ำ)! ตวั อยำ่ งประโยคภำษำองั กฤษ What pleasant weather! What bad luck! What bad luck they had! What + adjective + คำนำมพหพู จน์ ตวั อยำ่ งประโยคภำษำองั กฤษ What lovely children! Business English Reading (30212-2005)

35 What beautiful flowers! What + adjective + คำนำมพหพู จน์ + ประธำน + กริยำ! ตวั อยำ่ งประโยคภำษำองั กฤษ What stupid things you say! What interesting books they are! How + adjective! ตวั อยำ่ งประโยคภำษำองั กฤษ How sweet! How lovely! How amazing! How nice! How fast! How + adjective/adverb + ประธำน + กรยิ ำ! ตวั อยำ่ งประโยคภำษำองั กฤษ How nice it is! How cold it is! How fast the train goes! How foolish she is! How beautifully she sang!Everyone was delighted. How + adjective + กรยิ ำ + ประธำน ตวั อยำ่ งประโยคภำษำองั กฤษ How clever am I! How crazy is that! “How adjective + กรยิ ำ + ประธำน” กำรอทุ ำนแบบนีม้ กั จะพบใน American English Interjection ท่ีใช้ so และ such รว่ มอยดู่ ว้ ย so + adjective! Business English Reading (30212-2005)

36 ตวั อยำ่ งประโยคภำษำองั กฤษ You are so smeet! She is so beautifull! He is so kind! such + a/an + (adjective) + คำนำมเอกพจนน์ บั ได!้ ตวั อยำ่ งประโยคภำษำองั กฤษ Such a great experience! He is such a nice boy! such + (adjective) + คำนำมเอกพจนน์ บั ไมไ่ ดห้ รือคำนำมพหพู จน!์ ตวั อยำ่ งประโยคภำษำองั กฤษ They are such kind people! He talks such rubbish! นอกจำกใชส้ ่ืออำรมณค์ วำมรูส้ กึ ตำ่ งๆแลว้ interjection ยงั สำมำรถนำมำใชเ้ พ่ือกำรอวยพร โหร่ อ้ ง หรือแสดง ควำมช่ืนชมยินดีไดอ้ ีกดว้ ย ตวั อยำ่ งประโยคภำษำองั กฤษ เชน่ Long live the king! Have a good trip! Business English Reading (30212-2005)

37 Unit 2 Type of Reading Reading skill There are 5 tips to help you improve your reding: 1. Styles of reading 2. Active reading 3. A tip for speeding up your active reading 4. Spotting authors' navigation aids 5. Words and vocabulary 1. Styles of reading There are three styles of reading which we use in different situations: Scanning: for a specific focus The technique you use when you're looking up a name in the phone book: you move your eye quickly over the page to find particular words or phrases that are relevant to the task you're doing. It's useful to scan parts of texts to see if they're going to be useful to you: • the introduction or preface of a book • the first or last paragraphs of chapters • the concluding chapter of a book. Skimming: for getting the gist of something The technique you use when you're going through a newspaper or magazine: you read quickly to get the main points, and skip over the detail. It's useful to skim: • to preview a passage before you read it in detail • to refresh your understand of a passage after you've read it in detail. Use skimming when you're trying to decide if a book in the library or bookshop is right for you. Detailed reading: for extracting information accurately Where you read every word, and work to learn from the text. In this careful reading, you may find it helpful to skim first, to get a general idea, but then go back to read in detail. Use a dictionary to make sure you understand all the words used. Business English Reading (30212-2005)

38 2. Active reading When you're reading for your course, you need to make sure you're actively involved with the text. It's a waste of your time to just passively read, the way you'd read a thriller on holiday. Always make notes to keep up your concentration and understanding. Here are four tips for active reading. Underlining and highlighting Pick out what you think are the most important parts of what you are reading. Do this with your own copy of texts or on photocopies, not with borrowed books. If you are a visual learner, you'll find it helpful to use different colors to highlight different aspects of what you're reading. Note key words Record the main headings as you read. Use one or two keywords for each point. When you don't want to mark the text, keep a folder of notes you make while reading. Questions Before you start reading something like an article, a chapter or a whole book, prepare for your reading by noting down questions you want the material to answer. While you're reading, note down questions which the author raises. Summaries Pause after you've read a section of text. Then: 1. put what you've read into your own words; 2. skim through the text and check how accurate your summary is and 3. fill in any gaps. 3. A tip for speeding up your active reading You should learn a huge amount from your reading. If you read passively, without learning, you're wasting your time. So train your mind to learn. Try the SQ3R technique. SQ3R stands for Survey, Question, Read, Recall and Review. Survey Gather the information you need to focus on the work and set goals: Business English Reading (30212-2005)

39 • Read the title to help prepare for the subject • Read the introduction or summary to see what the author thinks are the key points • Notice the boldface headings to see what the structure is • Notice any maps, graphs or charts. They are there for a purpose • Notice the reading aids, italics, bold face, questions at the end of the chapter. They are all there to help you understand and remember. Question Help your mind to engage and concentrate. Your mind is engaged in learning when it is actively looking for answers to questions. Try turning the boldface headings into questions you think the section should answer. Read Read the first section with your questions in mind. Look for the answers, and make up new questions if necessary. Recall After each section, stop and think back to your questions. See if you can answer them from memory. If not, take a look back at the text. Do this as often as you need to. Review Once you have finished the whole chapter, go back over all the questions from all the headings. See you if can still answer them. If not, look back and refresh your memory. 4. Spotting authors' navigation aids Learn to recognize sequence signals, for example: \"Three advantages of...\" or \"A number of methods are available...\" leads you to expect several points to follow. The first sentence of a paragraph will often indicate a sequence: \"One important cause of...\" followed by \"Another important factor...\" and so on, until \"The final cause of...\" General points are often illustrated by particular examples, for example: General: Birds' beaks are appropriately shaped for feeding. Business English Reading (30212-2005)

40 Particular: Sparrows and other seed-eating birds have short, stubby beaks; wrens and other insect eaters have thin pointed beaks; herons and other fish hunters have long, sharp beaks for spearing their prey. Whatever you are reading, be aware of the author's background. It is important to recognize the bias given to writing by a writer's political, religious, social background. Learn which newspapers and journals represent a particular standpoint. 5. Words and vocabulary When you're a graduate people expect you to use a vocabulary which is wider than a school-leaver's. To expand your vocabulary: Choose a large dictionary rather than one which is ‘compact' or ‘concise'. You want one which is big enough to define words clearly and helpfully (around 1,500 pages is a good size). Avoid dictionaries which send you round in circles by just giving synonyms. A pocket dictionary might suggest: ‘impetuous = rash'. A more comprehensive dictionary will tell you that impetuous means ‘rushing with force and violence', while another gives ‘liable to act without consideration', and add to your understanding by giving the derivation ‘14th century, from late Latin impetuous = violent'. It will tell you that rash means ‘acting without due consideration or thought', and is derived from Old High German rasc = hurried. So underlying these two similar words is the difference between violence and hurrying. There are over 600,000 words in the Oxford English Dictionary; most of them have different meanings, (only a small proportion are synonyms). Avoid dictionaries which send you round in circles by using very complicated language to define the term you're looking up, leaving you struggling to understand half a dozen new words. Keep your dictionary at hand when you're studying. Look up unfamiliar words and work to understand what they mean. Improve your vocabulary by reading widely. If you haven't got your dictionary with you, note down words which you don't understand and look them up later. Further Reading Your next step should be to print out and work though. The study guide Reading Academically Business English Reading (30212-2005)

41 เทคนิคการอา่ นแบบ Scanning และ Skimming Reading เทคนิคการอ่านแบบ Skimming และ Scanning เทคนิคกำรอ่ำนเร็วท่ีสำคญั และมีประโยชนม์ ี 2 แบบ คือ กำรอำ่ นแบบสกิมม่ิง (Skimming) และ กำร อ่ำนแบบสแกนน่ิง (Scanning) ทงั้ สองเทคนิคนีเ้ ป็นเทคนิคท่ีจะช่วยใหผ้ เู้ รียนสำมำรถอำ่ น เร่ืองไดร้ วดเร็วและ เขำ้ ใจเร่ืองท่ีอ่ำนไดท้ นั ที ผเู้ ช่ียวชำญทำงกำรอ่ำนบำงคนเรียกว่ำ ทกั ษะกำร คน้ หำ (Searching Skill) ซ่ึงเป็น ทกั ษะท่ีผเู้ รียนควรไดฝ้ ึกฝนใหเ้ กิดควำมชำนำญตอ่ ไป การอ่านแบบสกมิ ม่งิ (Skimming) คือกำรอ่ำนขอ้ ควำมอย่ำงเร็ว ๆ เป็นจุด ๆ เช่น อ่ำน 2-3 คำแรก หรือ 2-3 ประโยคแรกแลว้ ขำ้ มไป อำจขำ้ มเป็นประโยคหรือเป็นบรรทดั หรืออ่ำนเฉพำะประโยค แรกและประโยคสุดทำ้ ยของแตล่ ะย่อหนำ้ หรือ อ่ำนเฉพำะคำหรือวลีท่ีสำคญั ๆ กำรอ่ำนแบบนีม้ ี จดุ ม่งุ หมำยหลกั 2 ประกำร คือ อ่ำนเพ่ือเก็บประเด็นหรือ ใจควำมสำคญั และอำ่ นเพ่ือเก็บ รำยละเอียดท่ีสำคญั บำงอยำ่ ง Skimming Reading จะมีประโยชนใ์ นกำรหำคำตอบบำงประเภท อำทิเชน่ • เม่ือตอ้ งกำรหำ Main ideas หรอื ประเดน็ หลกั ใจควำมสำคญั ของเร่ือง • เม่ือตอ้ งคน้ หำกำรตีควำม หรือ Implication บำงอยำ่ งท่ีซ่อนอยใู่ นบทควำมนนั้ • เม่ือตอ้ งกำรทรำบเก่ียวกบั Mood & Tone อำรมณ์ ควำมรูส้ กึ หรือ ทศั นคติ (Attitude) ของผเู้ ขียน • เม่ือตอ้ งกำรคำตอบท่ีเก่ียวกบั วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั (Purpose) หรือเจตนำของผเู้ ขียน • เม่ือตอ้ งกำรหำขอ้ ควำมเสรมิ / กำรขยำยควำม หรือท่ีเรยี กวำ่ Further Application Ideas อนั ไดแ้ ก่ขอ้ ควำม หรือประโยคท่ีนำมำเสรมิ หรือสนบั สนนุ ใจควำมหลกั ของเร่อื ง กำรอ่ำนแบบสกิมม่งิ มีประโยชนท์ ่ีจะชว่ ยประหยดั เวลำในกำรอำ่ น เพรำะชว่ ยใหผ้ อู้ ่ำน อำ่ นเร่ืองตำ่ ง ๆ ไดเ้ รว็ ขนึ้ และเขำ้ ใจใจควำมสำคญั ท่ีอำ่ นไดโ้ ดยไมจ่ ำเป็นตอ้ งอำ่ น รำยละเอียดตลอดทงั้ เร่ือง Business English Reading (30212-2005)

42 ตัวอยา่ งการอ่านแบบสกิมมิ่ง Questions: Skim the following passage and then answer the two questions below. The White House, the official home of the President of the United States, was designed by the architect, James Hoban, who is said to have been influenced by the design of a palace in Ireland. The building was begun in 1792 and was first occupied by President and Mrs. John Adams in November 1800. the house received its present name when it was painted white after being damaged by fire in 1814. 1. When was the White House first occupied ? …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. According to the passage, why was the President’s house called the ‘White House’ ? …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. Scanning Reading จะมีประโยชนใ์ นการหาคาตอบบางชนิด เชน่ • พวก Specific Details ตำ่ ง ๆ อยำ่ งท่ีกลำ่ วไปแลว้ เชน่ ช่ือคน ตวั เลข วนั ท่ี ช่ือสถำนท่ี ฯลฯ • กำรหำโครงสรำ้ งเชิงเหตผุ ล หรอื Logical Structure • Reference หรือ กำรอำ้ งอิงตำ่ ง ๆ วำ่ อยตู่ รงสว่ นไหน • กำรหำควำมหมำยของคำศพั ทต์ ำมบริบท หรือ Contextual Meaning กำรอำ่ นแบบ Scanning จงึ แตกตำ่ งจำก กำรอำ่ นแบบ Skimming ตรงท่ีเป็นกำรหำขอ้ มลู เฉพำะลว้ น ๆ เรำจะ สำมำรถใชเ้ ทคนคิ นีท้ งั้ กอ่ นเร่มิ อำ่ นบทควำม (โดยดจู ำกพวกตวั Bold ตำ่ ง ๆ) และหลงั จำกอำ่ นคำถำมเสรจ็ สรุปควำมแตกตำ่ งของวิธีกำรอำ่ นสองวิธีนีค้ ือ Skimming – เหน็ ใจความสาคัญของบทอ่านมองเหน็ ภาพรวมแบบคร่าวๆ ว่าบทอ่านน้ันเกี่ยวกับอะไร Scanning – เป็ นการหาข้อมูลเฉพาะ Business English Reading (30212-2005)

43 Unit 3 การจับใจความสาคญั การจบั ใจความสาคญั หลกั การอา่ นจบั ใจความสาคญั (Reading for Main Ideas) 1. อา่ นเร่ืองท่ตี อ้ งการจับใจความสาคัญโดยเรม่ิ ตั้งแตช่ อื่ เรอื่ ง เพราะช่ือเร่ืองมักสอดคล้องกับเนื้อเร่อื ง หรอื ช่วยบ่งชี้ให้เห็นจุดสนใจของเรื่อง ใหอ้ ่านตัง้ แต่ตน้ จนจบแล้วตอบคาถามให้ได้ว่า เรอ่ื งทีอ่ ่านเป็นเรอื่ งอะไร ใครทา อะไร ทไ่ี หน เม่ือไหร่ อย่างไร ทาไมจงึ ทา และได้ผลอยา่ งไร 2. พิจารณาหาใจความสาคญั จากแต่ละย่อหนา้ ย่อหน้าทดี่ ีต้องมเี อกภาพ ดงั น้ันแต่ละยอ่ หน้าจึงมใี จความ สาคัญเดียวซ่ึงครอบคลมุ เนื้อหาทัง้ หมด นอกจากนีผ้ ู้อา่ นอาจสงั เกตคาสาคญั (keyword) ทม่ี ักปรากฏใหเ้ หน็ หลาย ครงั้ ในยอ่ หนา้ น้ัน อย่างไรก็ดีมิใชว่ า่ ทุกยอ่ หน้าจะมีใจความสาคญั ของเรือ่ งเสมอไป หากย่อหนา้ นั้นเป็นเพียงการ ยกตัวอย่าง หรอื รายละเอยี ดขยายใจความสาคญั ในย่อหน้าก่อน 3. นาใจความสาคัญของเรื่องท่ีจบั มาได้ทั้งหมดมาเรียบเม่อื เราอ่านประโยค ส่ิงท่ีเราตอ้ งทราบคือ ประโยค กลา่ วถึงใคร (Subject) ทาอะไร (Verb) เพราะส่งิ น้ี จะทาใหเ้ ข้าใจ Main Idea ของประโยค สว่ น Supporting details ของประโยคจะประกอบด้วยข้อมูลตา่ งๆ เช่น ทาต่อใคร (Object) ในแตล่ ะ Paragraph จะมสี งิ่ ท่ีเราต้องร้จู ักดังน้ี 1. Topic คือ หัวเร่ือง หัวขอ้ หรือช่ือเร่ืองของการสนทนาพดู คุย หรือบทความท่ีเขยี นTopic แบ่งออกได้เป็น 3 ชนดิ 1.) Topic Noun หรอื เรยี กส้ันๆ ว่า Topic 2.) Topic Idea 3.) Topic Sentence 1.) Topic Noun ลกั ษณะในการนาเสนอคือต้องเป็นคานามเทา่ น้ัน วิธีหา Topic Noun งา่ ยๆนนั่ คอื Business English Reading (30212-2005)

44 ให้สังเกตว่าคานามใดในเน้ือเร่ืองที่มีการพดู ถงึ บ่อยคร้ังท่สี ุด หรอื คานามท่ีมีความถส่ี ูงสุดในเนอื้ เรอ่ื งในการนับ ความถ่ีของคานามนัน้ นอกจากเราจะนับคาทใ่ี ชซ้ า้ ๆ กันแล้ว เรายังต้องนบั ตัว reference (คาท่ใี ชอ้ ้างถงึ ) ท่ี หมายถึงคานามนั้นรวมเข้าไปดว้ ย เช่น Example 1 Not every kind of plants can grow everywhere. The growth of each plant requires different quality of soil, climate and amount of sunlight or rain. Those grow in Chiang Rai will not grow in Narathiwart and vice versa. จะเห็นไดว้ ่า Topic Noun ของเร่ืองนี้ก็คือ plant ในเรือ่ งนี้มีการกล่าวถึง plant อย่ทู ้งั หมด 3 คา คือ ใน ประโยคที่ 1 และ 2 มอี ยา่ งละคา และในประโยคท่ี 3 มคี าวา่ Those ซงึ่ หมายถึง plant น่ันเอง 2.) Topic Idea มลี กั ษณะการนาเสนอเปน็ นามวลี (Noun Phrase) Topic Idea ตา่ งกับ Topic Noun ตรงท่ี Topic Idea น้ันจะทาให้ของเขตของ Topic Noun นั้นแคบลง พดู ง่ายๆ ก็คือ ช้ีเฉพาะลงไปวา่ เปน็ อะไร หรือด้าน ไหน วธิ กี ารหา Topic Idea อย่างงา่ ยๆ กค็ ือ (1) หาคานามในเนื้อเรื่องท่ีมีความถีส่ ูงสุด (2) หากริยาหรอื คาคณุ ศัพท์ที่มีความถ่สี ูงสุด (3) เอา (1) กับ (2) มารวมกนั แตจ่ ะเอามารวมกันเฉยๆไม่ได้ จากคณุ สมบัติของ Topic Idea วา่ จะตอ้ งเป็นนามวลี แตใ่ นหัวขอ้ ท่ี (2) นนั้ เราได้มา คอื verb หรือ adjective เราจะต้องแปลง verb หรือ adjective น้นั เป็นคานามเสียก่อนแล้วจึงค่อยเอามารวมกัน Example 2 The sea is very deep in some places. Sometimes it is less deep. Some parts of the sea are very shallow. But in some places it is very deep. There is one spot near Japan, where the sea is 9 kilometers deep! The highest mountain in the world is about 9 kilometers high. If that mountain were put into the sea at that place, there would be 2 kilometers of water above it! จะเห็นได้วา่ คานามท่ีมีความถี่สูงสดุ ในเร่ืองก็คอื sea และ adjective ทกี่ ล่าวถึงบ่อยครัง้ ทีส่ ดุ ก็คือ deep ดงั นั้นเราจะตอ้ งเปลยี่ น deep ใหเ้ ป็นคานามเสยี ก่อนนน่ั ก็คือคาวา่ depth แล้วจึงค่อยนามารวมกัน Topic Idea ทไ่ี ด้จาก Example 2 ก็คอื The depth of the sea หรอื The sea depth *ในกรณที ี่ verb หรอื adjective ทม่ี ีความถส่ี งู สุดท่ีเราไดม้ าไมส่ ามารถทาให้เปน็ คานามได้ Business English Reading (30212-2005)

45 Example 3 Education is one of the basic needs of life. We need education to earn our livings. We need it to live happily in the society under the same laws. Without education it is difficult to understand other people. จากเรื่องขา้ งบนน้ี คานามที่มคี วามถ่ีสูงทสี่ ดุ ก็คอื คาวา่ education และกริยาท่ีมคี วามถี่สงู สุด คือ need คาว่า need น้ันเป็นได้ท้ัง noun และ verb แต่ถา้ เป็นคานามอาจจะมีความหมายอนื่ ท่ีไม่ตรงกับประเดน็ ของเร่ือง ดังนนั้ ถ้าใช้ the need of education ความหมายกจ็ ะผดิ เพย้ี นไปจากประเด็น เพราะ the need คือ ความต้องการ แต่ประเด็นท่ีเราพูดถึงในเร่ืองคือความจาเปน็ ซึ่งต้องใช้คาวา่ necessity เราจงึ ได้ Topic Idea ของ เรอื่ งนว้ี ่า The necessity of education เชน่ เดียวกันกบั เรือ่ ง Topic Noun *ในกรณีทีไม่มี verb หรือ adjective ทีม่ ีความถ่ีสงู สดุ กใ็ ห้ผอู้ ่านพจิ ารณาประเด็นวา่ ภาพโดยรวมของเนอื้ เรื่องนนั้ Example 4 What do you know about the sea. The first thing to remember is that the sea is very big. You can see that there is less land than sea. The sea covers three-quarters of the world. Its depth is different at different places. ในเนื้อเรอื่ งนพ้ี ูดถึงทะเลในหลายๆ ดา้ น เช่น ขนาดและความลึกของทะเล คงจะจากนั ได้วา่ Topic ทีด่ นี น้ั จะตอ้ งครอบคลมุ เน้ือหาส่วนใหญห่ รอื ท้ังหมด ดงั น้ัน ถ้าตงั้ Topic Idea ว่า The size of the sea หรอื The depth of the sea อยา่ งใดอย่างหนง่ึ ก็จะไม่ครอบคลมุ เน้ือหาทั้งหมด ผ้อู ่านจึงตอ้ งประมวลเนอ้ื หาทงั้ หมด ก็คอื ต้องมีทัง้ ขนาด และความลกึ สรุปก็คือเป็น \"ข้อมลู หรือข้อเทจ็ จริง\" เก่ยี วกบั ทะเล ผู้อ่านอาจให้ Topic Idea ว่า The facts about the sea หรือ The information about the sea 3.) Topic Sentence มชี ื่อเรยี กอีกอยา่ งหนึ่งวา่ Main Idea นน่ั เอง ช่ือของมันก็บอกแล้ววา่ Topic Sentence ดังนน้ั ลักษณะในการนาเสนอจะตอ้ งเป็นประโยคเท่านัน้ จะเปน็ นามหรือนามวลไี มไ่ ด้ สรุปคอื ... Topic Noun เป็น คานาม Topic Idea เป็น นามวลี Topic Sentence เป็น ประโยค Example 5 Some insects destroy plants and trees. Some destroy stored grain, flour and meal. Some attack clothing and carpets. Others cause discomfort to animals by boring into their skin, biting or stinging. Some insects are real pests but many are helpful, too. Some eat harmful larvae. Others help with decay by eating rotting wood and plants. Business English Reading (30212-2005)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook