Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งาน.ดาว.นาวา

งาน.ดาว.นาวา

Published by jutatip112517, 2020-08-24 02:32:28

Description: งาน.ดาว.นาวา

Search

Read the Text Version

ระบบสรุ ิยะ • ะบบสุริยะ (องั กฤษ: Solar System) ประกอบด้วยดวงอาทิตย์และวตั ถอุ ่ืน ๆ ท่ีโคจรรอบดวงอาทิตย์เน่ืองจาก แรงโน้มถ่วง ได้แก่ ดาวเคราะห์ 8 ดวงกบั ดวงจนั ทร์บริวารที่ค้นพบแล้ว 166 ดวง[5] ดาวเคราะห์แคระ 5 ดวงกบั ดวง จนั ทร์บริวารที่ค้นพบแล้ว 4 ดวง กบั วตั ถขุ นาดเล็กอ่ืน ๆ อีกนบั ล้านชนิ ้ ซงึ่ รวมถงึ ดาวเคราะห์น้อย วตั ถใุ นแถบไค เปอร์ ดาวหาง สะเก็ดดาว และฝ่ นุ ระหวา่ งดาวเคราะห์ • โดยทว่ั ไปแล้วจะแบง่ ยา่ นตา่ ง ๆ ของระบบสรุ ิยะ นบั จากดวงอาทิตย์ออกมาดงั นีค้ ือ ดาวเคราะห์ชนั้ ในจานวน 4 ดวง แถบดาวเคราะห์น้อย ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่รอบนอกจานวน 4 ดวง และแถบไคเปอร์ซง่ึ ประกอบด้วยวตั ถทุ ่ีเยน็ จดั เป็นนา้ แขง็ พ้นจากแถบไคเปอร์ออกไปเป็นเขตแถบจานกระจาย ขอบเขตเฮลิโอพอส (เขตแดนตามทฤษฎีท่ีซงึ่ ลม สรุ ิยะสิน้ กาลงั ลงเน่ืองจากมวลสารระหว่างดวงดาว) และพ้นไปจากนนั้ คือยา่ นของเมฆออร์ต • กระแสพลาสมาท่ีไหลออกจากดวงอาทติ ย์ (หรือลมสรุ ิยะ) จะแผ่ตวั ไปทวั่ ระบบสรุ ิยะ สร้างโพรงขนาดใหญ่ขนึ ้ ใน สสารระหว่างดาวเรียกกนั วา่ เฮลโิ อสเฟียร์ ซงึ่ ขยายออกไปจากใจกลางของแถบจานกระจาย • ดาวเคราะห์ชนั้ เอกทงั้ 8 ดวงในระบบสรุ ิยะ เรียงลาดบั จากใกล้ดวงอาทิตย์ท่ีสดุ ออกไป มดี งั นีค้ อื ดาวพธุ ดาว ศกุ ร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนสั และดาวเนปจนู

ความหมายของระบบสุริยะ ระบบสุริยะ คือระบบดาวทม่ี ดี าวฤกษ์เป็ นศนู ย์กลาง และมดี าวเคราะห์ (Planet) เป็ นบริวารโคจรอยโู่ ดยรอบ เมอ่ื สภาพแวดล้อมเออื ้ อานวย ตอ่ การดารงชวี ิต สิ่งมชี วี ิต ก็จะเกิดขนึ ้ บนดาวเคราะห์เหลา่ นนั้ หรือ บริวารของดาวเคราะห์เองท่ีเรียกวา่ ดวงจนั ทร์ (Satellite) นกั ดาราศาสตร์เชอื่ วา่ ในบรรดาดาวฤกษ์ทงั้ หมดกวา่ แสนล้านดวง ในกาแลกซีท่ างช้างเผือก ต้องมรี ะบบสรุ ิยะทเี่ ออื ้ อานวยชวี ิตอยา่ ง ระบบสรุ ิยะทโ่ี ลกของเราเป็ นบริวารอยอู่ ยา่ งแนน่ อน เพยี งแตว่ า่ ระยะทางไกลมากเกินกวา่ ความสามารถ ในการติดตอ่ จะทาได้ถงึ ทโ่ี ลกของเราอยเู่ ป็ นระบบท่ีประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ (The sun) เป็ นศนู ย์กลาง มีดาวเคราะห์ (Planets) 9 ดวง ทเ่ี ราเรียกกนั วา่ ดาว นพเคราะห์ ( นพ แปลวา่ เก้า) เรียงตามลาดบั จากในสดุ คอื ดาวพธุ ดาวศกุ ร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหสั ดาวเสาร์ ดาวยเู รนสั ดาวเนปจนู ดาวพลโู ต ( ตอนนีไ้ มม่ พี ลโู ตแร้ว เหลือแค่ 8 ดวง ) และยงั มดี วงจนั ทร์บริวารของ ดวงเคราะห์แตล่ ะดวง (Moono fsattelites) ยกเว้นเพียง สองดวงคือ ดาวพธุ และ ดาวศกุ ร์ ท่ไี มม่ บี ริวาร ดาว เคราะห์น้อย (Minor planets) ดาวหาง (Comets) อกุ กาบาต (Meteorites) ตลอดจนกลมุ่ ฝ่ นุ และก๊าซ ซงึ่ เคล่อื นท่อี ยใู่ นวงโคจร ภายใต้อิทธิพลแรง ดงึ ดดู จากดวงอาทติ ย์ ขนาดของระบบสรุ ิยะ กว้างใหญ่ไพศาลมาก เมอื่ เทียบระยะทาง ระหวา่ งโลกกบั ดวงอาทิตย์ ซงึ่ มรี ะยะทางประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร หรือ 1au.(astronomy unit) หน่วยดาราศาสตร์ กลา่ วคอื ระบบสรุ ิยะมีระยะทางไกลไปจนถึงวงโคจร ของดาวพลโู ต ดาว เคราะห์ทม่ี ขี นาดเล็กท่ีสดุ ในระบบสรุ ิยะ ซง่ึ อยไู่ กล เป็ นระยะทาง 40 เทา่ ของ 1 หนว่ ยดาราศาสตร์ และยงั ไกลหา่ งออก ไปอกี จนถึงดงดาวหางอ๊อต (Oorts Cloud) ซง่ึ อาจอยไู่ กลถงึ 500,000 เทา่ ของ ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์ด้วย ดวงอาทิตย์มีมวล มากกวา่ ร้อยละ 99 ของ มวลทงั้ หมดในระบบสรุ ิยะ ทเ่ี หลือนอกนนั้ จะเป็ นมวลของ เทหวตั ถตุ า่ งๆ ซงึ่ ประกอบด้วย ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง และอกุ กาบาต รวมไปถงึ ฝ่ นุ และก๊าซ ทีล่ อ่ งลอยระหวา่ ง ดาวเคราะห์ แตล่ ะดวง โดยมแี รงดงึ ดดู (Gravity) เป็ นแรงควบคมุ ระบบสรุ ิยะ ให้เทหวตั ถบุ นฟ้ าทงั้ หมด เคล่ือนทีเ่ ป็ นไปตามกฏแรง แรงโน้มถว่ งของนิวตนั ดวงอาทติ ย์แพร่พลงั งาน ออกมา ด้วยอตั ราประมาณ 90,000,000,000,000,000,000,000,000 แคลอรีตอ่ วนิ าที เป็ นพลงั งานที่เกิดจากปฏกิ ริยาเทอร์โมนิวเคลยี ร์ โดยการเปล่ียนไฮโดรเจนเป็ นฮเี ลียม ซงึ่ เป็ นแหลง่ ความร้อน ให้กบั ดาว ดาวเคราะห์ตา่ งๆ ถงึ แม้วา่ ดวงอาทติ ย์ จะเสยี ไฮโดรเจนไปถงึ 4,000,000 ตนั ตอ่ วินาทกี ็ตาม แตน่ กั วิทยาศาสตร์ก็ยงั มคี วามเชอื่ วา่ ดวงอาทติ ย์ จะยงั คงแพร่ พลงั งานออกมา ในอตั รา ท่ีเทา่ กนั นีไ้ ด้อกี นานหลายพนั ล้านปี

ดาวพธุ ดาวพุธเป็นดาวเคราะห์ทอ่ี ยใู่ กล้ดวงอาทติ ย์มากทส่ี ดุ และเป็นดาวเคราะห์ทเ่ี ลก็ ท่ีสดุ ในระบบสรุ ิยะ ใช้เวลาโคจร รอบดวงอาทติ ย์ 87.969 วนั ดาวพธุ มกั ปรากฏใกล้ หรืออยภู่ ายใต้แสงจ้าของดวงอาทติ ย์ทาให้สงั เกตเหน็ ได้ยาก ท่ีสดุ ดาวพธุ ไมม่ ีดาวบริวาร ยานอวกาศเพียงลาเดียวท่ีเคยสารวจดาวพธุ ในระยะใกล้คอื ยานมาริเนอร์ 10เม่ือปี พ.ศ. 2517-2518 (ค.ศ. 1974-1975) และสามารถทาแผนทพ่ี ืน้ ผิวดาวพธุ ได้เพียง 40-45% เทา่ นนั้ ดาวพธุ มีสภาพพืน้ ผิวขรุขระเนื่องจากการพ่งุ ชนของอกุ กาบาต ไมม่ ีดวงจนั ทร์เป็นบริวารและไมม่ ีแรงโน้มถว่ งมาก พอทจี่ ะสร้างชนั้ บรรยากาศ ดาวพธุ มีแกนกลางเป็นเหลก็ ขนาดใหญ่ทาให้เกิดสนามแมเ่ หลก็ ความเข้มประมาณ 1 เปอร์เซน็ ต์ของสนามแมเ่ หลก็ โลกล้อมรอบดาวพธุ ไว้ ชือ่ ละตนิ ของดาวพธุ (Mercury) มาจากคาเตม็ ว่า Mercurius เทพนาสารของพระเจ้า สญั ลกั ษณ์แทน ดาวพธุ คือ ☿ เป็นรูปคทาของเทพเจ้าเมอคิวรี กอ่ นศตวรรษท่ี 5 ดาวพธุ มีสองชอ่ื คอื เฮอร์เมส เมื่อปรากฏใน เวลาหวั คา่ และอพอลโล เมื่อปรากฏในเวลาเช้ามืด เช่อื ว่าพีทาโกรัสเป็นคนแรกทรี่ ะบวุ า่ ทงั้ สองเป็นดาวเคราะห์ ดวงเดยี วกนั

ดาวศกุ ร์ • ดาวศุกร์ (องั กฤษ: Venus) เป็นดาวเคราะห์ที่อย่หู า่ งจากดวงอาทติ ย์เป็นลาดบั ที่ 2 ดาวศกุ ร์มเี ส้นผ่านศนู ย์กลาง เป็น 3 เท่าของดวงจนั ทร์ และ มขี นาดใหญ่กวา่ ดาวพธุ และดาวองั คาร 2 เท่าตวั ชื่อละตนิ ของดาวศกุ ร์ (Venus) มาจากเทพีแหง่ ความรักของโรมนั ดาวศกุ ร์เป็นดาวเคราะห์หนิ มีขนาดใกล้เคียงกบั โลก บางครัง้ เรียกว่า \"น้องสาว\" ของโลก แม้ว่าวงโคจรของดาวเคราะห์ทกุ ดวงจะเป็นวงรี วงโคจรของดาวศกุ ร์จดั ว่าเกือบเป็นวงกลม มคี วามเยือ้ ง ศนู ย์กลาง (ความรี) น้อยที่สดุ • สาหรับวตั ถใุ นธรรมชาติ ดาวศกุ ร์เป็นวตั ถทุ ้องฟ้ าท่ีสวา่ งที่สดุ เป็นลาดบั ท่ี 3 รองจากดวงอาทิตย์และดวง จนั ทร์ เน่ืองจากดาวศกุ ร์มีวงโคจรใกล้ดวงอาทติ ย์มากกวา่ โลก จงึ มีมมุ ห่างจากดวงอาทติ ย์ไมเ่ กิน 47.8° มองเห็นได้ เฉพาะในเวลาเช้ามดื หรือหวั คา่ เท่านนั้ ขณะปรากฏในท้องฟ้ าเวลาหวั ค่าทางทิศตะวนั ตก เรียกวา่ \"ดาวประจาเมือง\" และเมอ่ื ปรากฏในท้องฟ้ าเวลาเช้ามืดทางทิศตะวนั ออก เรียกว่า \"ดาวประกายพรึก\" หรือ \"ดาวรุ่ง\" • ชาวบาบโิ ลนโบราณรู้จกั ดาวศกุ ร์มาตงั้ แตร่ าว 1,600 ปี ก่อนคริสตกาล แตเ่ ช่ือวา่ ด้วยความสว่างสกุ ใสของดาวศกุ ร์ นา่ จะเป็นท่ีรู้จกั มาก่อนหน้านนั้ นานแล้วนบั ตงั้ แตย่ คุ ก่อนประวตั ศิ าสตร์ สญั ลกั ษณ์แทนดาวศกุ ร์ คือ

ดาวโลก • โโลลกกก(าอเงันกิดฤเมษ่อื: ปEรaะrมtาhณ) 4เป,5็น0ด0าลว้เาคนรปาีกะหอ่ น์ลา[2ด4]บั[25ท][่สี26า]มโลจกากมดีอวนั งตอรากทิรติิยยะ์เชแิงลโะนเ้มป็ถนว่วงตั กถบั ทุ วาตั งถดอุาร่ืนาใศนาอสวตกรา์เศพโียดงยหเฉนพง่ึ เาดะยี ดววทง่ีทอราาทบิตวย่า์แมลีสะง่ิ ดมวีชงีวจตินั ทจรา์ กซกง่ึ เาปร็นวดัดอาวาบยดุริว้วายรกถมั ามวรนั หตนรังง่ึ สเดแี ยี ลวะขแอหงลโลง่ หกลโกัลฐกาโคนจอรื่นรไอดบ้คดววางมวา่ ออาายทดุติ ้วยย์ใชก้เมั วมลนัาต3ร6ัง5ส.2แี 6ละวแนั หเลรีง่ยหกลวกั่าฐปาี นซอง่ึ รนื่ ะไหดว้คา่ วงานมนั ้วโ่าลโลกก(กอางั เกนฤิดษเม: E่อื ปaรrะtมhา)ณเป4็น,5ด0า0วเลค้ารนาะปหีก์ล่อานด[2บั 4]ท[2ีส่5]า[2ม6]จโาลกกดมวีองนั อตารทกติ ิรยิย์ ะแเลชะงิ โเปน็้นมวถตัว่ ถงกทุ บัาวงดตั าถรอุ าืน่ ศใานสอตวรก์เพาศยี โงดหยนเง่ึฉเพดาียะวดทวี่ทงรอาาบทวิต่ายม์แีสลง่ิ ะมดชี ววี งติ จนัจทากร์ กซางึ่ รเวปด็ัน ดาวบริวารถาวรหนงึ่ เดยี วของโลก โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลา 365.26 วนั เรียกว่า ปี ซงึ่ ระหว่างนนั ้ โลกโคจรรอบแกนตวั เองประมาณ 366.26 รอบ[n 4] • แกนหมนุ ของโลกเอียงทาให้เกิดฤดกู าลตา่ ง ๆ บนผิวโลก[27] อนั ตรกิริยาความโน้มถ่วงระหวา่ งโลกกบั ดวงจนั ทร์กอ่ ให้เกดิ นา้ ขนึ ้ ลงมหาสมทุ ร ทาให้การหมนุ บนแกนของโลกมีเสถยี รภาพ และค่อย ๆ ชะลอการหมนุ ของโลก[28] โลกเป็นดาวเคราะห์ท่มี คี วามหนาแน่นสงู สดุ ในระบบสรุ ิยะและใหญ่สดุ ในดาวเคราะห์คล้ายโลก 4 ดวง • ธรณีภาคของโลกแบง่ ออกได้เป็นหลาย ๆ สว่ น เรียกว่าแผน่ ธรณีภาค ซง่ึ ย้ายท่ตี ดั ผ่านพนื ้ ผิวตลอดเวลาหลายล้านปี ร้อยละ 71 ของพนื ้ ผิวโลกปกคลมุ ด้วยนา้ ซงึ่ สว่ นใหญ่เป็นมหาสมทุ ร[29] อกี ร้อยละ 29 ท่เี หลอื เป็นแผน่ ดินประกอบด้วยทวปี และเกาะซง่ึ มีทะเลสาบ แม่นา้ และแหลง่ นา้ อ่นื จานวนมากกอปรเป็นอทุ กภาค บริเวณขวั ้ โลกทงั ้ สองปกคลมุ ด้วยนา้ แขง็ เป็นส่วนใหญ่ ได้แก่แผ่นนา้ แขง็ แอนตาร์ กติก และนา้ แข็งทะเลของแพนา้ แขง็ ขวั ้ โลก บริเวณภายในของโลกยงั คงมคี วามเคลอ่ื นไหวโดยมีแกน่ ชนั ้ ในซงึ่ เป็นเหลก็ ในสถานะของแขง็ มีแกน่ เหลวชนั ้ นอกซงึ่ กาเนิดสนามแม่เหลก็ และชนั ้ แมนเทิลพา ความร้อนท่ีขบั เคลอ่ื นการแปรสณั ฐานแผน่ ธรณีภาค • ภายในพนั ล้านปีแรก[30] สงิ่ มีชวี ิตปรากฏขนึ ้ ในมหาสมทุ รและเร่ิมสง่ ผลกระทบตอ่ ชนั ้ บรรยากาศและผวิ ดาว เกอื ้ หนนุ ให้เกิดการแพร่ขยายของสง่ิ มชี วี ิตท่ีใช้ออกซเิ จนเช่นเดียวกบั สง่ิ มีชีวิตทีไ่ ม่ใช้ ออกซิเจน หลกั ฐานธรณีวทิ ยาบางสว่ นชีว้ า่ ชวี ติ อาจกาเนิดขนึ ้ เร็วสดุ 4.1 พนั ล้านปีกอ่ น นบั แต่นนั ้ ตาแหน่งของโลกในระบบสรุ ิยะ คณุ สมบตั ทิ างกายภาพของโลก และประวตั ศิ าสตร์ธรณีวทิ ยาของโลก ประกอบกนั ทาให้สง่ิ มชี ีวติ วิวฒั นาการและแพร่พนั ธ์ไุ ด้[31][32] ในประวตั ศิ าสตร์ของโลก ความหลากหลายทางชีวภาพผ่านระยะการขยายยาวนาน แต่ถกู ขดั จงั หวะบางครัง้ ด้วยการสญู พนั ธ์คุ รัง้ ใหญ่ [33] กวา่ ร้อยละ 99 ของสปีชีส์ทงั ้ หมดทเ่ี คยอย่อู าศยั บนโลกนนั ้ สญู พนั ธ์ไุ ปแล้ว[34][35] ประมาณการจานวนสปีชสี บ์ นโลกปัจจบุ นั มีหลากหลาย[36][37][38] และสปีชีส์สว่ นใหญ่ยงั ไมม่ ผี ้อู ธิบาย[39] มนษุ ย์กวา่ 7.6 ล้านคนอาศยั อย่บู นโลกและอาศยั ชวี มณฑลและทรัพยากรธรรมชาติของโลกเพ่อื การอย่รู อด มนษุ ย์พฒั นาสงั คมและวฒั นธรรมหลากหลาย ในทางการเมอื ง โลกมีรัฐเอกราชกวา่ 200 รัฐ • ผโลกโคจรรอบแกนตวั เองประมาณ 366.26 รอบ[n 4] • แกนหมนุ ของโลกเอยี งทาให้เกิดฤดกู าลตา่ ง ๆ บนผวิ โลก[27] อนั ตรกริ ิยาความโน้มถว่ งระหวา่ งโลกกบั ดวงจนั ทร์กอ่ ให้เกดิ นา้ ขนึ ้ ลงมหาสมทุ ร ทาให้การหมนุ บนแกนของโลกมเี สถียรภาพ และค่อย ๆ ชะลอการหมนุ ของโลก[28] โลกเป็นดาวเคราะห์ท่ีมคี วามหนาแน่นสงู สดุ ในระบบสรุ ิยะและใหญ่สดุ ในดาวเคราะห์คล้ายโลก 4 ดวง • ธรณีภาคของโลกแบง่ ออกได้เป็นหลาย ๆ สว่ น เรียกว่าแผ่นธรณีภาค ซงึ่ ย้ายทีต่ ดั ผ่านพนื ้ ผวิ ตลอดเวลาหลายล้านปี ร้อยละ 71 ของพนื ้ ผิวโลกปกคลมุ ด้วยนา้ ซงึ่ สว่ นใหญ่เป็นมหาสมทุ ร[29] อกี ร้อยละ 29 ทเ่ี หลอื เป็นแผน่ ดนิ ประกอบด้วยทวปี และเกาะซง่ึ มีทะเลสาบ แมน่ า้ และแหลง่ นา้ อืน่ จานวนมากกอปรเป็นอทุ กภาค บริเวณขวั ้ โลกทงั ้ สองปกคลมุ ด้วยนา้ แข็งเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่แผน่ นา้ แข็งแอนตาร์ กติก และนา้ แข็งทะเลของแพนา้ แข็งขวั ้ โลก บริเวณภายในของโลกยงั คงมีความเคลอ่ื นไหวโดยมีแกน่ ชนั ้ ในซง่ึ เป็นเหลก็ ในสถานะของแข็ง มีแก่นเหลวชนั ้ นอกซงึ่ กาเนดิ สนามแมเ่ หลก็ และชนั ้ แมนเทิลพา ความร้อนท่ขี บั เคลอ่ื นการแปรสณั ฐานแผน่ ธรณีภาค • ภายในพนั ล้านปีแรก[30] สง่ิ มชี ีวิตปรากฏขนึ ้ ในมหาสมทุ รและเริ่มสง่ ผลกระทบตอ่ ชนั ้ บรรยากาศและผวิ ดาว เกอื ้ หนนุ ให้เกดิ การแพร่ขยายของสง่ิ มีชีวติ ทใ่ี ช้ออกซเิ จนเชน่ เดียวกบั สง่ิ มชี ีวติ ท่ไี มใ่ ช้ ออกซิเจน หลกั ฐานธรณีวทิ ยาบางสว่ นชีว้ า่ ชีวติ อาจกาเนดิ ขนึ ้ เร็วสดุ 4.1 พนั ล้านปีกอ่ น นบั แตน่ นั ้ ตาแหน่งของโลกในระบบสรุ ิยะ คณุ สมบตั ทิ างกายภาพของโลก และประวตั ศิ าสตร์ธรณีวิทยาของโลก ประกอบกนั ทาให้สง่ิ มชี ีวิตวิวฒั นาการและแพร่พนั ธ์ไุ ด้[31][32] ในประวตั ิศาสตร์ของโลก ความหลากหลายทางชีวภาพผ่านระยะการขยายยาวนาน แตถ่ กู ขดั จงั หวะบางครัง้ ด้วยการสญู พนั ธ์คุ รัง้ ใหญ่ [33] กว่าร้อยละ 99 ของสปีชสี ์ทงั ้ หมดท่เี คยอย่อู าศยั บนโลกนนั ้ สญู พนั ธ์ไุ ปแล้ว[34][35] ประมาณการจานวนสปีชีส์บนโลกปัจจบุ นั มีหลากหลาย[36][37][38] และสปีชสี ส์ ว่ นใหญ่ยงั ไม่มีผ้อู ธิบาย[39] มนษุ ย์กวา่ 7.6 ล้านคนอาศยั อย่บู นโลกและอาศยั ชีวมณฑลและทรัพยากรธรรมชาติของโลกเพอื่ การอยรู่ อด มนษุ ย์พฒั นาสงั คมและวฒั นธรรมหลากหลาย ในทางการเมือง โลกมีรัฐเอกราชกวา่ 200 รัฐ

ดาวองั คาร • ดภาาษวอาองั คงั กาฤรษ(อไดงั ้กชฤอื่ ษตา: มMเทaพrเsจ้า)แเหป็ง่นสดงาควรเาคมราขะอหงโ์ลรามดนั บั มทกัีส่ ไี่จดา้รกับดขวนงาอนานทาติ มย์ \"เดป็านวดแาดวงเ\"คเรพาระาหะ์เมลีอ็กอทกส่ี ไดุ ซอดนั ์ขดอบังเทหี่สลอ็กงดใานษระดบ่ืนบบสนรุ พิยนื ะ้ ผรอิวงทจาาใกหด้มาีสวีอพอธุ กใแนดงเร่ือ [15] ดาวองั คารเป็ นดาวเคราะห์หนิ ท่มี บี รรยากาศเบาบาง มีลกั ษณะพนื ้ ผิวคล้ายคลงึ กบั ทงั ้ หลมุ อกุ กาบาตบนดวงจนั ทร์ และภเู ขาไฟ หบุ เขา ทะเลทราย ตลอดจนพดิ นา้ แข็งขวั้ ดาวทีป่ รากฏบนโลก คาบการหมนุ รอบตวั เองและวฏั จกั รฤดกู าลของดาวองั คารก็มคี วามคล้ายคลงึ กบั โลกซงึ่ ความเอียง ก่อให้เกิดฤดกู าลตา่ ง ๆ ดาวองั คารเป็ นทตี่ งั้ ของโอลิมปัสมอนส์ ภเู ขาไฟใหญ่ทส่ี ดุ บนดาวองั คารและสงู สดุ อนั ดบั สองในระบบสรุ ิยะเทา่ ทีม่ กี ารค้นพบ และเป็ นท่ีตงั้ ของเวลส์มาริเนริส แคนยอนขนาดใหญ่อนั ดบั ต้น ๆ ในระบบสรุ ิยะ แอง่ บอเรียลสิ ทรี่ าบเรียบในซีกเหนือของดาวปกคลมุ กวา่ ร้อยละ 40 ของพนื ้ ท่ีทงั ้ หมดและอาจเป็ นลกั ษณะการถกู อกุ กาบาตชนครัง้ ใหญ่[16][17] ดาวองั คารมีดาวบริวารสองดวง คือ โฟบอสและดมี อสซงึ่ ตา่ งก็มีขนาดเล็ก และมีรูปร่างบดิ เบยี ้ ว ทงั ้ คอู่ าจเป็ นดาวเคราะห์น้อยทีถ่ กู จบั ไว้[18][19] คล้ายกบั ทรอยของดาวองั คาร เชน่ 5261 ยเู รกา • ก่อนหน้าการบินผ่านดาวองั คารท่สี าเร็จครัง้ แรกของ มาริเนอร์ 4 เม่อื ปี 1965 หลายคนคาดวา่ มีนา้ ในรูปของเหลวบนพนื ้ ผิวดาวองั คาร แนวคิดนีอ้ าศยั ผลตา่ งเป็ นคาบท่ีสงั เกตได้ของรอยมืดและรอยสวา่ ง โดยเฉพาะในละติจดู ขวั้ ดาวซงึ่ ดเู ป็ นทะเลและทวีป บางคนแปลความรอยมดื ริว้ ลายขนานเป็ นร่อง ทดนา้ สาหรับนา้ ในรูปของเหลว ภายหลงั มีการอธิบายวา่ ภมู ปิ ระเทศเส้นตรงเหลา่ นนั้ เป็ นภาพลวงตา แม้วา่ หลกั ฐานทางธรณีวทิ ยาที่ภารกิจไร้คน บงั คบั รวบรวมชวี ้ า่ ครัง้ หนงึ่ ดาวองั คารเคยมนี า้ ปริมาณมากปกคลมุ บนพนื ้ ผิว ณ ชว่ งใดชว่ งหนึง่ ในระยะต้น ๆ ของอายุ[20] ในปี 2005 เรดาร์เผยวา่ มี นเคา้มแีทขี่ม็งนีโมา้ เล(wกลุ aนtาe้ เมrื่อiเcดeอื )นมปีนริมาคาณม ม20าก07ขวั ้สทว่ งั ้นสลองงจขออดงฟดีานวิก[ซ21์ ]พแบลตะวัทอล่ี ยะา่ ตงิจนดู า้ กแลขา็งนง[า2้ 2โ]ด[2ย3]ตยรางนในสดารินวสจว่ ภนาตคืน้พขนื ้อดงาดวาอวงัอคงั าคราสรปเมิ ร่อืิตวพนั บที่ต3วั 1อกยรา่ กงสฎาารคปมระกอบ 2008[24] • มยี านอวกาศท่ีกาลงั ปฏบิ ตั งิ านอยเู่ จ็ดลา ห้าลาอยใู่ นวงโคจร ได้แก่ 2001 มาร์สโอดิสซี มาร์สเอ็กซ์เพรส มาร์สรีคอนเนสเซนซ์ออร์บิเตอร์ เมเว็น และ มาร์สออร์บิเตอร์มิชชนั และสองลาบนพนื ้ ผิว ได้แก่ ยานสารวจภาคพนื ้ ดาวองั คารออปพอร์ทูนิตี และยานมาร์สไซแอนซ์แลบอราทอรีคิวริออซิตี การ สงั เกตโดย มาร์สรีคอนเนสเซนซ์ออร์บิเตอร์ เปิ ดเผยวา่ มคี วามเป็ นไปได้ท่จี ะมนี า้ ไหลในชว่ งเดือนที่ร้อนทสี่ ดุ บนดาวองั คาร[25] ในปี 2013 ยานคิวริออซิ ตี ของนาซาค้นพบวา่ ดนิ ของดาวองั คารมีนา้ เป็ นองค์ประกอบระหวา่ งร้อยละ 1.5 ถงึ 3 โดยมวล แม้วา่ นา้ นนั้ จะตดิ อยกู่ บั สารประกอบอ่นื ทาให้ไม่ สามารถเข้าถงึ ได้โดยอสิ ระ[26] • กาลงั มีการสืบค้นเพอ่ื ประเมินศกั ยภาพความสามารถอยอู่ าศยั ได้ในอดตี ของดาวองั คาร ตลอดจนความเป็ นไปได้ท่ีจะมีสิง่ มีชีวติ หลงเหลอื อยู่ มกี าร สืบค้นบริเวณนนั ้ โดยสว่ นลงจอด ไวกิง โรเวอร์ สปิ ริต และออปพอร์ทูนิตี สว่ นลงจอดฟี นิกซ์ และโรเวอร์ คิวริออซิตี[27][28] มกี ารวางแผนภารกิจทางชวี ดาราศาสตร์ไว้แล้ว ซง่ึ รวม มาร์ส 2020 และเอก็ โซมาร์สโรเวอร์ [29][30] • ดดาาววอพงัฤคหาสั รบสดามี ดาารวถศมกุ อรง์ เดหวน็ งไจดนั ้ดท้วรย์ แตลาะเปดลวา่งอจาาทกโติ ลยก์ กโดลย้องงา่โทยซรทงึ่ จรระศปนรา์ภกาฏคใพหนื ้้เหดน็นิ เโปด็ นยทสีอว่ั ไอปกมแีขดีดงจมาีคกวดั ากมาสรอ่มงอสงวเหา่ น็งปรารยากลฏะเไอดีย้ถดึงข−อ2ง.ภ9มู1[ิป6]รซะง่ึเทเปศ็ นขรนอางดเพยี ง ประมาณ 300 กิโลเมตรเมอ่ื โลกและดาวองั คารเข้าใกล้กนั มากที่สดุ อนั เป็ นผลจากบรรยากาศของโลก[31]

ดาวพฤหสั บดี • ดสรุาิยวะพนฤอหกสั จบาดกดี เปา็วนพดฤาหวเสั คบรดาะี ดหา์ทว่ีอเคยรหู่ าา่ ะงหจ์แากก๊สดดววงองอาื่นทๆิตยใ์นเปร็ นะบลาบดสบั รุ ิยทะี่ 5ไดแ้แลกะ่ เดปา็ นวดเสาาวรเค์ ดราาวะยหเู์ทรน่มี สีขั นแาลดะใดหาญวเ่ทนีส่ ปดุ จในูนรชะื่อบลบะตนิ ของดาวพฤหสั บดี (Jupiter) มาจากเทพเจ้าโรมนั สญั ลกั ษณ์แทนดาวพฤหสั บดี คอื ♃ เป็ นสายฟ้ าของเทพเจ้าซุส • ดาวพฤหสั บดีมีมวลสงู กวา่ มวลของดาวเคราะห์อ่ืนรวมกนั ราว 2.5 เทา่ ทาให้ศนู ย์ระบบมวลระหว่างดาวพฤหสั บดีกบั ดวง อาทิตย์ อยเู่ หนอื ผิวดวงอาทิตย์ (1.068 เทา่ ของรัศมีดวงอาทติ ย์ เมื่อวดั จากศนู ย์กลางดวงอาทิตย์) ดาวพฤหสั บดีหนกั ว่า โลก 318 เทา่ เส้นผ่านศนู ย์กลางยาวกวา่ โลก 11 เทา่ และมีปริมาตรคดิ เป็ น 1,300 เทา่ ของโลก เชื่อกนั วา่ หากดาวพฤหสั บดมี ี มวลมากกวา่ นสี ้ กั 60-70 เทา่ อาจเพียงพอทจ่ี ะให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์จนกลายเป็ นดาวฤกษ์ได้ • ดาวพฤหสั บดีหมนุ รอบตวั เองด้วยอตั ราเร็วสงู ทสี่ ดุ เมอื่ เทียบกบั ดาวเคราะห์ดวงอนื่ ในระบบสรุ ิยะ ทาให้มรี ูปร่างแป้ นเมอ่ื ดู ผ่านกล้องโทรทรรศน์ นอกจากชนั้ เมฆที่หอ่ ห้มุ ดาวพฤหสั บดี ร่องรอยท่เี ดน่ ชดั ท่สี ดุ บนดาวพฤหสั บดี คอื จดุ แดงใหญ่ ซงึ่ เป็ น พายหุ มนุ ทีม่ ีขนาดใหญ่กว่าโลก • โดยทวั่ ไป ดาวพฤหสั บดเี ป็ นวตั ถทุ ่สี ว่างท่สี ดุ เป็ นอนั ดบั ที่ 4 ในท้องฟ้ า (รองจากดวงอาทติ ย์ ดวงจนั ทร์ และดาวศกุ ร์ อยา่ งไรก็ ตาม บางครัง้ ดาวองั คารก็ปรากฏสวา่ งกวา่ ดาวพฤหสั บดี) จงึ เป็ นที่รู้จกั มาตงั้ แตย่ คุ กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ การค้นพบดาวบริวาร ขนาดใหญ่ 4 ดวง ได้แก่ ไอโอ, ยโู รปา, แกนมี ดี และคลั ลิสโต โดยกาลเิ ลโอ กาลิเลอี เม่ือ ค.ศ. 1610 เป็ นการค้นพบวตั ถทุ ี่ ไมไ่ ด้โคจรรอบโลกเป็ นครัง้ แรก นบั เป็ นจดุ ทสี่ นบั สนนุ ทฤษฎีดวงอาทิตย์เป็ นศนู ย์กลางทีเ่ สนอโดยโคเปอร์นิคสั การออกมา สนบั สนนุ ทฤษฎีนที ้ าให้กาลิเลโอต้องเผชิญกบั การไตส่ วน ดาวพฤหสั บดี หมนุ รอบตวั เองใช้เวลา 10 ชวั่ โมง

ดาวเสาร์ • ขดนาาวดเสใหารญ์ (่เอปงั็นกอฤนั ษด:บั Sa2tขuอrงรnะ)บเบปส็นรุ ดิยาะวรเคอรงาจะาหก์ดดวางวทพี่ 6ฤหจสาั กบดดวี ดงอาวาเทสิตายร์เ์ ถป็ดันจดาากวดแากว๊สพยฤกั หษสั์ทบ่ีมดีรีัศเปม็นีเฉดลา่ียวมเคารกากะวห่า์ทโล่ีมกี ประมาณเก้าเทา่ [3][4] แม้ว่าจะมคี วามหนาแนน่ เป็ นหนงึ่ ในแปดของโลก แตม่ วลของมนั มมี ากกว่าโลกถึง 95 เท่า เ[5ท][พ6][เ7จ]้าดาวเสาร์ตงั้ ช่ือตามเทพโรมนั แห่งการเกษตร สญั ลกั ษณ์ทางดาราศาสตร์ของดาวเสาร์ (♄) แทนเคยี วของ • ดศเคนาู รวยาเ์กะสหลา์าดร์มงวตีรงูปาอม่ืนร่าแๆงนปกว่็มอขงีลวั้อกัสอษนั้ กกณตวะา่าเมตปแา็นนมทวแรเนสงวก้นเลศสม้นูนแยศป์สนู้ นตูยเร์สชตูท่นรี่เกรเนักียือกแบวตา่ ไ่1ทม0รม่ %งากกเลปเมท็นแ่าผดปล้ านจวา(เoสกากbรา์lรดaหาtมวeเนุ สรsาอpรบ์เhปต็eนวั ดเrอoางวอiเdยค)่ารางเระสวห้นด์เผพเรา่ ีย็วนงดดาววง เดยี วในระบบสรุ ิยะ ที่มีความหนาแนน่ เฉล่ียน้อยกวา่ นา้ (0.70 กรัม/ลกู บาศก์เซนตเิ มตร) อย่างไรก็ตาม บรรยากาศ ชนั้ บนของดาวเสาร์มีความหนาแนน่ น้อยกวา่ นี ้ขณะที่ท่ีแกนมคี วามหนาแน่นมากกว่านา้ วงแหวนของดาวเสาร์ ประกอบไปด้วย เศษหินและนา้ แขง็ ขนาดเลก็ เรียงตวั อยใู่ นระนาบเดยี วกนั และวงแหวนของดาวเสาร์ก็ประกอบไป ดเท้วา่ ยนวนั้ งแแหตเว่ ศนษยวอ่ ตั ยถๆใุมนาวกงมแาหยวนคมวคีามวาจมริงสแาลม้วาวรงถแใหนวกนาดรสาวะเทส้อานร์นแสนั้ งบดาี งแมลาะกกวโ้ดางยกมวคี ่าว8า0ม,ห0น00าเกฉิโลล่ียเเมพตียรงจ5งึ 0ส0ามกิาโลรถเมตร สงั เกตได้จากโลกของเราได้ไมด่ ีนกั

ดาวยเู รนสั ดาวยเู รนัส (ภาษาองั กฤษ:Uranus ยเู รนสั หรือ มฤตยู) เป็ นดาวเคราะห์ท่ีอยหู่ ่างจากดวงอาทิตยเ์ ป็นลาดบั ท่ี 7 ในระบบสุริยะ จดั เป็นดาวเคราะห์ แกส๊ มีเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 50,724 กิโลเมตร นบั ไดว้ า่ มีขนาดใหญ่เป็นอนั ดบั ที่3 ในระบบสุริยะของเรา ยเู รนสั ถูกต้งั ช่ือตามเทพเจา้ ยเู รนสั (Ouranos) ของ กรีก สญั ลกั ษณ์แทนดาวยเู รนสั คือ หรือ (สว่ นใหญ่ใช้ในดาราศาสตร์) ชอ่ื ไทยของยเู รนสั คอื ดาวมฤตยู ผคู้ น้ พบดาวยเู รนสั คือ เซอร์วิลเลียม เฮอร์เชล(Sir William Herschel) พบในปี พ.ศ. 2324 (ค.ศ. 1781) ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) นกั ดาราศาสตร์จากหอดูดาวไคเปอร์แอร์บอร์น (James L. Elliot, Edward W. Dunham, and Douglas J. Mink using the Kuiper Airborne Observatory) คน้ พบวา่ ดาวยเู รนสั มี วงแหวนจางๆโดยรอบ และเราก็ไดเ้ ห็นรายละเอียด ของดาวยเู รนสั พร้อมท้งั วงแหวน และดวงจนั ทร์บริวารในปี พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) เม่ือยานวอยเอเจอร์ 2 (Voyager 2) เคล่ือน ผา่ น

ดาวเนปจนู • ดาวเนปจูน (องั กฤษ: Neptune) มีช่อื ไทยวา่ ดาวเกตุ เป็นดาวเคราะห์ในระบบสรุ ิยะลาดบั สดุ ท้ายมีขนาดเส้นผา่ น ศนู ย์กลางใหญ่เป็นอนั ดบั ท่ี 4 รองจากดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนสั และมีมวลเป็นลาดบั ท่ี 3 รองจากดาวพฤหสั และดาวเสาร์ คาวา่ \"เนปจนู \" นนั้ ตงั้ ช่ือตามเทพเจ้าแหง่ ท้องทะเลของโรมนั เหนือ (กรีก : โพไซดอน) มีสญั ลกั ษณ์เป็น (♆) • ดาวเนปจนู มีสีนา้ เงิน เนื่องจากองค์ประกอบหลกั ของบรรยากาศผิวนอกเป็น ไฮโดรเจน ฮเี ลียม และมีเทน บรรยากาศของ ดาวเนปจนู มีกระแสลมท่รี ุนแรง (2500 กม/ชม.) อณุ หภมู ิพืน้ ผิวอยทู่ ่ีประมาณ -220℃ (-364 °F) ซงึ่ หนาวเยน็ มาก เนื่องจาก ดาวเนปจนู อยไู่ กลดวงอาทิตย์มาก แตแ่ กนกลางภายในของดาวเนปจนู ประกอบด้วยหินและก๊าซร้อน อณุ หภมู ิ ประมาณ 7,000℃ (12,632 °F) ซง่ึ ร้อนกวา่ พืน้ ผิวของดวงอาทติ ย์ • ยานวอยเอเจอร์ 2 เป็นยานอวกาศจากโลกเพียงลาเดียวเทา่ นนั้ ท่ีเคยเดนิ ทางไปถงึ ดาวเนปจนู เมื่อ 25 สงิ หาคม พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) ภาพของดาวเนปจนู ซง่ึ ได้ถ่ายลกั ษณะของดาวมาแสดงให้เราเหน็ จดุ ดาใหญ่ (คล้ายจดุ แดงใหญ่ ของ ดาวพฤหสั ) อยคู่ อ่ นมาทางซีกใต้ของดาว มีวงแหวนบางๆสเี ข้มอยโู่ ดยรอบ (วงแหวนของดาวเนปจนู ค้นพบกอ่ นหน้านนั้ โดย เอด็ เวิร์ด กิแนน (Edward Guinan) • ดาวเนปจนู มีดวงจนั ทร์บริวาร 8 ถงึ 14 ดวง และดวงใหญ่มากท่สี ดุ มีชอื่ วา่ ไทรทนั สว่ นดวงเลก็ มากทสี่ ดุ มีชือ่ ว่า S/2004 N 1[1]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook