Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ch00Management

ch00Management

Published by kobchai.m.150, 2017-07-11 23:21:20

Description: ch00Management

Search

Read the Text Version

หลกั การจดั การPrinciple of Management

Outline• แนวคิดพ้นื ฐานดา้ นการจดั การ (Basic Concept of Management)• ทฤษฎีการจดั การ (Management Thoeories)• การจดั องคก์ าร (Organizing)• โครงสร้างองคก์ าร (Organizing Structure)

วตั ถุประสงค์• รู้จกั ความหมายของการจดั การ• เปรียบเทียบถึงความแตกต่างระหวา่ งการบริหารกบั การจดั การ• บอกถึงทฤษฎีการจดั การที่สาคญั ๆ ได้• รู้จกั ความหมายขององคก์ ารและการจดั องคก์ าร• เขา้ ใจถึงประเภทขององคก์ ารได้

แนวคดิ พนื้ ฐานด้านการจัดการ• ความหมาย การจดั การ เป็นการดาเนินงานหรือกระบวนการใดๆ ของบุคคลต้งั แต่ 2 คน ข้ึนไป เพอื่ ท่ีจะใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคท์ ี่ต้งั เอาไวร้ ่วมกนั โดยคานึงถึงการ จดั สรรทรัพยากรใหม้ ีประสิทธิภาพมากที่สุด และมีองคป์ ระกอบ คือ 1. เป้ าหมายที่ชดั เจน (Goal) 2. ทรัพยากรในการบริหารท่ีมีจากดั (Management Resources) 3. การประสานงานระหวา่ งกนั (Co-ordinate) 4. การแบ่งงานกนั ทา (Division)

ทรัพยากรในการจดั การ• Man• Money• Materials• Methods• Market• Machine• Moral (ขวญั กาลงั ใจ)

ความแตกต่างระหว่างการบริหารกบั การจดั การการบริหาร (Administration)• เป็นกระบวนการดาเนินการระดบั การกาหนดนโยบาย• หรือกระบวนการบริหารงานใดๆ ขององคก์ ารท่ีไม่ตอ้ งการผลกาไร หรือผลประโยชนข์ ององคก์ าร• ผบู้ ริหารพยายามบริหารงานใหเ้ ป็นไปตามเป้ าหมายขององคก์ าร• ผลสาเร็จขององคก์ ารมิไดค้ านึงถึงผลตอบแทนที่สมาชิกจะไดร้ ับ• การบริหารมกั จะใชก้ บั องคก์ ารภาครัฐหรือหน่วยงานสาธารณะท่ีไม่ หวงั ผลกาไร

ความแตกต่างระหว่างการบริหารกบั การจัดการ (2)การจัดการ (Management)• เป็นกระบวนการบริหารงานใดๆ ขององคก์ ารท่ีตอ้ งการกาไรโดย ผจู้ ดั การจะตอ้ งทาใหอ้ งคก์ ารบรรลุเป้ าหมาย• เพ่อื ใหอ้ งคก์ ารอยรู่ อดในสภาพแวดลอ้ มที่ดารงอยู่ ซ่ึงอยใู่ นระบบ การแขง่ ขนั• การจัดการ จึงมกั ใชใ้ นองคก์ ารธุรกิจหรือองคก์ ารท่ีมุ่งผลกาไร

ความแตกต่างระหว่างการบริหารกบั การจดั การ (3)• การจัดการ เป็นการนาทรัพยากรในการบริหารมาใช้ และนาเอา ระบบสารสนเทศมาสู่กระบวนการในการบริหาร เพื่อใหไ้ ดผ้ ลผลิต ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในสภาพแวดลอ้ มท่ีเป็นอยู่• ผู้บริหาร เป็นผทู้ ่ีใชบ้ ุคคลอ่ืนในการทางานหรือใชท้ รัพยากรใน องคก์ ารน้นั ใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคห์ รือเป้ าหมายขององคก์ าร โดย ก่อใหเ้ กิดการร่วมแรงร่วมใจกนั ในการดาเนินกิจกรรมต่างๆ

การจัดการเป็ นท้งั ศาสตร์และศิลป์• Science – การที่มีความรู้ (Knowledge) ความเขา้ ใจในหลกั การบริหาร• Art – การที่มีทกั ษะที่เกิดจากความชานาญในการปฏิบตั ิ• ในการจดั การน้นั ผจู้ ดั การจะตอ้ งมีท้งั ศาสตร์และศิลป์ คือเป็นผทู้ ี่มี ความรู้และสามารถนาความรู้ไปใชอ้ ยา่ งมีเหตุผล เพอื่ ใหก้ าร ดาเนินงานไดผ้ ลตามเป้ าหมายที่กาหนดไว้

ทฤษฎกี ารจดั การ• ทฤษฎีการจดั การท่ีสาคญั ๆ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม1. กลุ่มทฤษฎีการจดั การแบบด้งั เดิม2. กลุ่มทฤษฎีการจดั การดา้ นมนุษยสมั พนั ธ์3. กลุ่มทฤษฎีการเชิงปริมาณ4. กลุ่มทฤษฎีการปัจจุบนั

กล่มุ ทฤษฎกี ารจดั การแบบด้งั เดมิ (Classical Perspective)• แบ่งออกเป็น 3 แบบ1. การจดั การแบบวทิ ยาศาสตร์ (Scientific management)2. การจดั การแบบราชการ (Bureaucratic management)3. การจดั การตามหลกั การบริหาร (Administrative management)

การจัดการแบบวทิ ยาศาสตร์• เป็นกระบวนการจดั การที่อาศยั หลกั เกณฑท์ างวทิ ยาศาสตร์ ในการทางานให้ เกิดประสิทธิภาพ ใชห้ ลกั เหตุผล สามารถพสิ ูจน์หาขอ้ เทจ็ จริงได้• Frederick W. Taylor – ได้ช่ือว่าเป็ นบดิ าของการจดั การแบบวิทยาศาสตร์ – สร้างแนวคดิ ทางวทิ ยาศาสตร์ ในการหาวธิ ีการทางานให้มปี ระสิทธิภาพมากท่ีสุด• แนวคิดของ Taylor คือ – มุ่งให้ผู้ปฏิบตั งิ านใช้ความรู้ความสามารถมากทสี่ ุด – การเพมิ่ ประสิทธิภาพในการผลติ โดยพยายามลดต้นทุนและเพมิ่ กาไร – รวมถึงเพม่ิ ค่าจ้างให้คนงานทส่ี ามารถเพมิ่ ผลผลติ ให้สูงขนึ้ โดยถอื หลกั ของการให้ ค่าตอบแทนทเ่ี หมาะสม

การจัดการแบบวทิ ยาศาสตร์ (2)• หลกั การจดั การทางวทิ ยาศาสตร์1. อาศยั หลกั การทางวิทยาศาสตร์หรือหลกั ของเหตุผล เพื่อที่จะ คน้ หาวิธีทางานท่ีมีประสิทธิภาพท่ีสุด2. กาหนดมาตรฐานของงาน คุณภาพ และปริมาณของผลงานท่ี ตอ้ งการ โดยวเิ คราะห์ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งงานกบั ผปู้ ฏิบตั ิ3. มีการพจิ ารณาผลตอบแทนในการปฏิบตั ิงาน ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผลผลิต

การจดั การแบบวทิ ยาศาสตร์ (3)ลกั ษณะที่สาคญั 4 ประการของการจดั การตามหลกั วทิ ยาศาสตร์ของ Taylor1. พฒั นาความรู้ในวธิ ีการทางานโดยอาศยั หลกั วทิ ยาศาสตร์2. ตอ้ งมีการคดั เลือกและพฒั นาคนงาน โดยใชห้ ลกั เกณฑท์ าง วิทยาศาสตร์: • เพอ่ื ใหไ้ ดค้ นท่ีเหมาะสมกบั งาน ทาใหง้ านที่ทามีประสิทธิภาพสูงข้ึน3. มีการร่วมมือกนั อยา่ งจริงจงั ในทางานจากทุกฝ่ าย4. มีการแบ่งงานกนั ทาตามความเหมาะสม

การจัดการแบบวทิ ยาศาสตร์ (4)• ผลงานที่สาคญั ของ Taylor1. การใชร้ ะบบค่าตอบแทนรายชิ้น: ทามากไดม้ าก ทานอ้ ยไดน้ อ้ ย2. หลกั การเสียเวลา: เป็นการศึกษาเพือ่ หาเวลามาตรฐานในการ ทางานแต่ละชิ้นวา่ ควรจะใชเ้ วลาเท่าใด3. หลกั การทางานตามแบบวิทยาศาสตร์: ฝ่ ายบริหารควรกาหนด วิธีการและมาตรฐานในการปฏิบตั ิงานโดยใชว้ ิธีทางวทิ ยาศาสตร์ ที่สามารถวดั และตรวจสอบได้

การจดั การแบบวทิ ยาศาสตร์ (5)4. หลกั การแยกงานดา้ นการวางแผนออกจากงานปฏิบตั :ิ • งานดา้ นวางแผนเป็นหนา้ ที่ของฝ่ ายบริหาร • งานดา้ นการปฏิบตั ิเป็นหนา้ ท่ีของคนงาน5. หลกั การควบคุมโดยฝ่ ายจดั การ: ผจู้ ดั การควรไดร้ ับการฝึกท่ีดี สามารถวางแผนและควบคุมการปฏิบตั ิงานได้6. หลกั การจดั ระเบียบการปฏิบตั ิงาน: การปฏิบตั ิงานตอ้ งมี กฎระเบียบ เพ่อื ใหก้ ารทางานมีประสิทธิภาพ

การจัดการแบบวทิ ยาศาสตร์ (6)• Henry L. Gantt เป็นวศิ วกรเครื่องกล ไดร้ ่วมงานกบั Taylor และร่วมกนั สร้างผลงานหลายอยา่ ง• ผลงานของ Gantt ท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ – พฒั นาแผนภมู ิบนั ทึกความกา้ วหนา้ ของงานเทียบเวลา Grant chart หรือ Barchart ตอ่ มาเรียก PERT (Program Evaluation and Review Technique) – ระบบการจูงใจโดยการให้ Bonus โดย Gantt เชื่อวา่ คนเป็น องคป์ ระกอบที่สาคญั อยา่ งหน่ึงของปัญหาดา้ นการจดั การท้งั หมด

การจดั การแบบราชการ• Max Weber นกั สงั คมวทิ ยาชาวเยอรมนั• ศึกษาการทางานภายในองคก์ าร และโครงสร้างของสงั คมไดแ้ ก่ ทหาร รัฐบาล การเมือง และองคก์ ารอ่ืนๆ• Weber ไดเ้ สนอรูปแบบการจดั การท่ีเรียกวา่ ระบบราชการ ซ่ึงถือ เป็นรูปแบบขององคก์ ารในอุดมคติ และเป็นรูปแบบขององคก์ ารที่มี ประสิทธิภาพ

การจดั การแบบราชการ (2)• ระบบราชการ มีลกั ษณะท่ีสาคญั 6 ประการ1. มีการจดั ช้นั ตาแหน่งและสายการบงั คบั บญั ชาที่ชดั เจน2. มีการแบ่งงานกนั ทาโดยคานึงถึงความชานาญเฉพาะอยา่ ง แต่ละงานมี ขอบเขตแน่นอน ไม่กา้ วก่ายซ่ึงกนั และกนั3. มีระเบียบกฎเกณฑใ์ นการปฏิบตั ิงาน4. มีการจดั ระบบของการทางานและมีระเบียบแบบแผนในการปฏิบตั ิ5. ไม่นาเอาความสัมพนั ธ์ส่วนตวั เขา้ มาเก่ียวขอ้ งในงาน ทุกคนตอ้ งทางานโดย ยดึ หลกั ของเหตุและผล6. การเลือกคนเขา้ ทางานและการเล่ือนข้นั เล่ือนตาแหน่ง จะตอ้ งพจิ ารณาจาก ความรู้ความสามารถเป็ นเกณฑ์

การจดั การแบบราชการ (3)• ในปัจจุบนั ระบบราชการ ไดถ้ ูกนามาใชใ้ นความหมายเชิงลบ ซ่ึง หมายถึง ระบบที่มีกฎเกณฑม์ ากและการรัดข้นั ตอน• ในความเป็นจริงการมีกฎเกณฑส์ าหรับการปฏิบตั ิงานน้นั เป็นการ กาหนดมาตรฐานที่เกี่ยวขอ้ งกบั ผปู้ ฏิบตั ิงาน ทุกคนตอ้ งไดร้ ับการ ปฏิบตั ิอยา่ งเท่าเทียมกนั และทุกคนตอ้ งทราบกฎขอ้ บงั คบั ท่ีมีอยู่

การจัดการตามหลกั การบริหาร• เป็นแนวคิดท่ีเช่ือวา่ ประสิทธิภาพขององคก์ ารจะเพิ่มข้ึนไดโ้ ดยการ ปรับปรุงกระบวนการบริหาร• Henri Fayol เป็นวศิ วกรเหมืองแร่ชาวฝร่ังเศส ไดช้ ่ือวา่ เป็นบิดา ของการจดั การเชิงปฏิบตั ิการสมยั ใหม่• แนวคิดของ Fayol – การวางรากฐานเพอ่ื การสร้างประสิทธิภาพใหแ้ ก่องคก์ าร สามารถพฒั นา ผลผลิตของคนงานใหด้ ีข้ึนได้ – ใหค้ วามสาคญั ต่อภารกิจทางการบริหารของฝ่ ายจดั การ

การจดั การตามหลกั การบริหาร (2)• Fayol แบ่งงานดา้ นอุตสาหกรรมออกเป็ น 6 กลุ่ม1. ดา้ นเทคนิค: การผลิตงาน โรงงาน การปรับตวั2. ดา้ นการคา้ : การซ้ือ การขาย และการแลกเปล่ียน3. ดา้ นการคลงั : การจดั หาทุน และการใชจ้ ่ายทุน4. ดา้ นความมน่ั คง: การรักษาคุม้ ครองทรัพยส์ ินและบุคลากร5. ดา้ นการบญั ชี: งานธุรการพสั ดุ การงบดุล และสถิติ6. ดา้ นการจดั การ: การวางแผน การจดั องคก์ าร การสั่งการ การประสานงาน และการควบคุม

การจัดการตามหลกั การบริหาร (3)• หลกั การบริหารของ Fayol1. การแบ่งงานกนั ทา2. อานาจหนา้ ท่ีและความรับผดิ ชอบ3. ระเบียบวินยั4. เอกภาพในการบงั คบั บญั ชา5. เอกภาพของการอานวยการ6. การถือเอาประโยชนส์ ่วนรวมก่อนประโยชน์ส่วนตวั

การจดั การตามหลกั การบริหาร (4)7. การใหผ้ ลตอบแทนท่ีเหมาะสมและเป็นธรรม8. การรวมอานาจ9. การมีสายการบงั คบั บญั ชาที่ชดั เจน10. การจดั ระเบียบ11. ความเสมอภาค12. ความมนั่ คงในการทางาน13. ความคิดริเร่ิม14. ความสามคั คี

การจัดการตามหลกั การบริหาร (5)• หลกั การการจดั การท่ีสาคญั ของ Fayol1. การวางแผน (Planning)2. การจดั องคก์ ร (Organizing)3. การบงั คบั บญั ชา (Command)4. การประสานงาน (Co-ordination)5. การควบคุม (Control)

การจัดการตามหลกั การบริหาร (6)• Oliver Sheldon ชาวองั กฤษไดพ้ ฒั นาความคิดในเร่ืองการจดั การและการ บริหาร• หลกั การของ Sheldon แบ่งออกเป็น 3 ประการ1. การบริหาร (Administration) เป็นเร่ืองเกี่ยวกบั การกาหนดนโยบายและการประสานงานในหนา้ ท่ีต่างๆ2. การจดั การ (Management) เป็นเร่ืองเกี่ยวกบั การดาเนินนโยบายภายในขอบเขตจากดั ซ่ึงกาหนดข้ึนโดยฝ่ายบริหาร3. หนา้ ท่ีในการจดั องคก์ าร เป็นกระบวนการประสานงานระหวา่ งบุคคลหรือระหวา่ งกลุ่มบุคคล

การจดั การตามหลกั การบริหาร (7)• Luther Gulilck และ Lyndall Urwick• Gulilck เป็ นศาสตราจารยใ์ นมหาวิทยาลยั โคลมั เบีย ส่วน Urwick เป็นที่ปรึกษาดา้ นการจดั การ• Gulilck ไดเ้ สนอแนวคดิ ในการจดั การซ่ึงเป็นหนา้ ท่ีของฝ่ ายบริหาร จะตอ้ งดาเนินการ POSDCORB

การจดั การตามหลกั การบริหาร (8)• P (Planning) การวางแผน : เป็นการกาหนดส่ิงที่ตอ้ งการและวธิ ีการให้ บรรลผุ ลตามตอ้ งการ• O (Organizing) การจดั องคก์ าร : เป็ นการกาหนดโครงสร้างท่ีเป็ นทางการ ของอานาจ• S (Staffing) การบริหารงานบุคคล• D (Directing) การส่ังการ• CO (Co-ordinating) การประสานงาน• R (Reporting) การรายงานตอ่ ฝ่ ายบริหาร• B (Budgeting) การวางแผนการเงิน บญั ชีและการควบคุม

กล่มุ ทฤษฎกี ารจดั การด้านมนุษยสัมพนั ธ์ (Human Rlations)• แนวคิดน้ีมีผลมาจากแนวความคิดทางการจดั การแบบวิทยาศาสตร์ที่ คิดวา่ มนุษยท์ างานเพอื่ ผลตอบแทน หรือความตอ้ งการในดา้ น เศรษฐกิจ• Elton Mayo เป็ นนกั สงั คมวทิ ยา (ปี 1880 – 1949) ชาวออสเตรเลีย และเป็นศาสตราจารยด์ า้ นการวจิ ยั อุตสาหกรรมของ Harvard University• ไดท้ าการศึกษาวจิ ยั Howthorne study ซ่ึงเป็นการศึกษาวจิ ยั เชิง ทดลองในบริษทั Western Electric• โดยทดลองตามสภาพแวดลอ้ มท่ีมีผลกระทบต่อการทางานของ พนกั งาน

กล่มุ ทฤษฎกี ารจัดการด้านมนุษยสัมพนั ธ์ (2)• การทดลองแบ่งออกเป็น 2 ข้นั ตอนระยะที่ 1: – ทาการทดลองใชส้ ภาพของหอ้ งทดสอบ – ศึกษาถึงผลกระทบของสภาพแวดลอ้ มของการทางานที่มีตอ่ ผลผลิต – โดยการทดสอบผลกระทบของแสงสวา่ งในการทางานที่มีต่อคนงานวา่ จะทาใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงตอ่ ปริมาณของผลผลิตอยา่ งไร – ผลการวจิ ยั พบวา่ ไม่วา่ จะเพมิ่ หรือลดแสงสวา่ งภายในหอ้ งอยา่ งไร ผลผลิตกย็ งั เพม่ิ ข้ึน

กลุ่มทฤษฎกี ารจัดการด้านมนุษยสัมพนั ธ์ (3)ระยะท่ี 2 : – ทาการทดลองกบั ตวั แปรอื่นๆ เช่น • มีอาหารเชา้ ใหค้ นงาน มีชวั่ โมงการหยดุ พกั ใหม้ าทางานในเชา้ วนั เสาร์ ลดหรือ เพิ่มชว่ั โมงการทางาน และวธิ ีการจ่ายค่าตอบแทน – ผลการวจิ ยั พบวา่ ตวั แปรขา้ งตน้ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการทางาน แต่ ไม่มากนกั – ทาใหเ้ กิดความคิดใหม่ๆ ในเรื่องความสามารถในการรับรู้ การแปล ความหมายและท่าทีในการทางานของคนงาน

กลุ่มทฤษฎกี ารจัดการด้านมนุษยสัมพนั ธ์ (4)• การวจิ ยั ต่อจากน้นั ไดใ้ ชเ้ ทคนิคการสมั ภาษณ์คนงานทุกแผนกใน บริษทั ประมาณ 2,000 คน พร้อมสงั เกตการทางานของคนงาน เกี่ยวกบั เหตุผลที่ทาใหค้ นงานทางานมากข้ึน ทาใหอ้ งคก์ ารมี ผลผลิตมากข้ึน• ผลการวิจยั พบวา่1. เมื่อพนกั งานรู้สึกวา่ ไดร้ ับความสนใจจากบุคคลอ่ืน จะทาใหม้ ีความ กระตือรือร้นในการทางานมากข้ึน2. ขวญั และกาลงั ใจในการทางานเป็นส่ิงสาคญั มาก ท้งั น้ีเพราะพนกั งานมีชีวติ จิตใจ ไม่สามารถซ้ือหาดว้ ยเงินอยา่ งเดียว

กล่มุ ทฤษฎกี ารจดั การด้านมนุษยสัมพนั ธ์ (5)3. ประสิทธิภาพการทางานมิไดข้ ้ึนอยกู่ บั สภาพแวดลอ้ มท่ีดีเท่าน้นั แต่ยงั ข้ึนกบั มนุษยสมั พนั ธ์ท่ีดีภายในองคก์ ารดว้ ย4. กลุ่มทางานจะเป็นผกู้ าหนดคุณลกั ษณะของสมาชิก แบบวธิ ีการ ของกลุ่มตลอดจนความสาเร็จหรือความลม้ เหลวขององคก์ ารใน สดั ส่วนท่ีกลุ่มยอมรับได้ โดยอาศยั ความสมั พนั ธเ์ ชิงอานาจของ กลุ่ม5. เมื่อพนกั งานในระดบั สูงสามารถจูงใจดา้ นจิตใจ จะมีความสาคญั มากกวา่ การจูงใจดว้ ยเงิน

กลุ่มทฤษฎกี ารจัดการด้านมนุษยสัมพนั ธ์ (6)• Abraham Maslow : ทฤษฎีลาดบั ข้นั ความตอ้ งการ1. ความตอ้ งการทางร่างกาย2. ความตอ้ งการความปลอดภยั3. ความตอ้ งการดา้ นสงั คม4. ความตอ้ งการยกยอ่ ง5. ความตอ้ งการประสบความสาเร็จในชีวิต

กล่มุ ทฤษฎกี ารจัดการด้านมนุษยสัมพนั ธ์ (7)• Douglas McGregor: – ทฤษฎี X – ทฤษฎี Y

กลุ่มทฤษฎกี ารจัดการด้านมนุษยสัมพนั ธ์ (8)• ลกั ษณะท่ีสาคญั ของทฤษฎี X1. พนกั งานตอ้ งการทางานใหน้ อ้ ยที่สุด ดงั น้นั ผบู้ ริหารตอ้ งคอยควบคุม สั่งการ หรือลงโทษเพอื่ ใหบ้ ุคคลทางาน2. พนกั งานขาดความทะเยอทะยาน และไม่ตอ้ งการรับผดิ ชอบอะไร3. โดยทวั่ ไปพนกั งานจะตอ่ ตา้ นการเปล่ียนแปลง เพราะเกรงวา่ ตนเองจะ เดือดร้อนหรือตอ้ งการทางานหนกั กวา่ เดิม

กล่มุ ทฤษฎกี ารจัดการด้านมนุษยสัมพนั ธ์ (9)• ลกั ษณะท่ีสาคญั ของทฤษฎี Y1. ชอบทางาน2. มีความคิดริเร่ิม ในการแกป้ ัญหาในการทางานเพอื่ ใหบ้ รรลุจุดมุ่งหมาย3. พนกั งานมีความเตม็ ใจที่จะเสาะแสวงหางานมาทา และมีความ รับผดิ ชอบ4. พนกั งานจะยอมรับจุดมุ่งหมายขององคก์ าร เพอ่ื ท่ีจะใชค้ วามพยายาม ในการทางานใหส้ าเร็จ และบรรลุเป้ าหมายขององคก์ าร5. พนกั งานมีศกั ยภาพท่ีสามารถพฒั นาตนเองได้ และขณะน้ียงั ไม่ไดใ้ ช้ ความสามารถท่ีมีอยอู่ ยา่ งเตม็ ที่

กลุ่มทฤษฎกี ารจัดการเชิงปริมาณ• กลุ่มทฤษฎีน้ีเนน้ แนวคิดของการบริหารท่ีสนใจทางดา้ นจานวน การนาเอาขอ้ มูลสถิติมาใชใ้ นการตดั สินใจ• ประกอบดว้ ย 3 องคป์ ระกอบ1. วทิ ยาการจดั การ (Management Science)2. การจดั การปฏิบตั ิการ (Operation Management)3. ระบบสารสนเทศการจดั การ (Management Information System: MIS)

วทิ ยาการจดั การหรือการวจิ ยั ปฏบิ ัติการ• เป็นการนาเอาวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ท่ีคานึงถึงเหตุผล• การตดั สินใจตอ้ งพจิ ารณาทางเลือกต่างๆ จากขอ้ มลู ท่ีเก่ียวขอ้ ง หรือ ใชก้ ารวเิ คราะห์ทางคณิตศาสตร์• การใชโ้ มเดลสถานการณ์จาลอง ก่อนนาไปใชจ้ ริง

การจดั การปฏบิ ตั กิ าร• เป็นการจดั การใชเ้ ทคนิคเชิงปริมาณเพอ่ื ปรับปรุงผลผลิตและเพ่มิ ประสิทธิภาพการผลิตสินคา้ และบริการ• การคิดคน้ ออกแบบระบบเพื่อมาควบคุมกระบวนการผลิต การ ดาเนินงานและการบริหาร เช่น การจดั การสินคา้ คงคลงั เทคนิค ตารางเวลาเพอื่ ช่วยวางแผนการผลิต

ระบบสารสนเทศการจดั การ• เป็นการพฒั นาระบบขอ้ มลู เพอ่ื นามาใชใ้ นการจดั การ โดยใช้ คอมพิวเตอร์ช่วยในการจดั ระบบของขอ้ มูลที่จาเป็นต่อการตดั สินใจ• ผบู้ ริหารสามารเรียกใชข้ อ้ มูลไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว

กล่มุ ทฤษฎกี ารจัดการปัจจุบนั• ในปัจจุบนั มีเทคนิคใหม่ๆ เกิดข้ึนตลอดเวลา• ประเทศท่ีเป็ นผนู้ าไดแ้ ก่ USA และ Japan• เทคนิคใหม่ๆ ท่ีน่าสนใจ เช่น1. การบริหารงานตามวตั ถุประสงค์ (Management by objective: MBO)2. กลุม่ ควบคุมคุณภาพ (Quality control: QC)3. การร้ือปรับระบบ (Reengineering)4. เทคนิคการบริหารแบบ 5 ส5. กลยทุ ธ์การบริหารเพือ่ ใหเ้ กิดความเป็นเลิศ

การจดั องค์การ• ความหมายของคาวา่ องคก์ าร การที่บุคคลมาอยแู่ ละปฏิบตั ิงานร่วมกนั โดยมีการแบ่งหนา้ ท่ีความ รับผดิ ชอบหรือแบ่งงานกนั ตามความถนดั เพอ่ื ใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคห์ รือ เป้ าหมายท่ีไดต้ ้งั ไว้• องคป์ ระกอบ 1. บุคคลต้ังแต่ 2 คนขนึ้ ไป 2. มโี ครงสร้างในการบริหารงาน 3. มเี ป้ าหมายในการดาเนินงาน 4. มกี ารกาหนดหน้าทคี่ วามรับผดิ ชอบ 5. มกี ารสื่อสาร ประสานงานซึ่งกนั และกนั เพอื่ ให้งานบรรลุผลสาเร็จ

การจดั องค์การ (2)• องคก์ ารมี 2 ประเภท1. องคก์ ารที่เป็ นทางการ (Formal organization)2. องคก์ ารท่ีไม่เป็ นทางการ (Informal organization)

องค์การท่ีเป็ นทางการ• มีการกาหนดวตั ถุประสงคท์ ่ีชดั เจน• มีการกาหนดโครงสร้างแน่นอน• มีกฎระเบียบในการควบคุมพฤติกรรมของสมาชิก• มีการแบ่งอานาจหนา้ ความรับผดิ ชอบ• ความสมั พนั ธ์ของสมาชิก เนน้ ในเร่ืองงานเป็นหลกั• มีความยดื หยนุ่ นอ้ ย

องค์การท่ไี ม่เป็ นทางการ• มีลกั ษณะโครงสร้างท่ีไม่แน่นอน• ระบบความสมั พนั ธภ์ ายในองคก์ าร เป็นแบบส่วนตวั• มีการรวมตวั กนั อยา่ งหลวมๆ• ไม่มีการกาหนดวตั ถุประสงคล์ ่วงหนา้• ไม่มีการระบุอานาจหนา้ ท่ีและตาแหน่งของสมาชิก• การรวมตวั กนั เพื่อตอบสนองความตอ้ งการทางสงั คม• มีความยดื หยนุ่ มาก

การจัดองค์การ (3)• การจดั องคก์ าร เป็นหน่ึงในกระบวนการบริหาร• กระบวนการบริหาร ประกอบดว้ ย – การวางแผน (Planning) – การจดั องคก์ าร (Organizing) – การจดั คนเขา้ ทางาน (Staffing) – การอานวยการ (Directing) – การควบคุม (Controlling)

การจดั องค์การ (4)• การจดั องคก์ าร เป็นเคร่ืองมือสาคญั ของผบู้ ริหารที่นามาใชเ้ พื่อ ปรับปรุงการดาเนินงานขององคก์ าร• ความหมาย “การจดั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งองคป์ ระกอบท้งั หลายใน องคก์ าร ใหอ้ ยใู่ นลกั ษณะที่เหมาะสม เพอ่ื ใหอ้ งคป์ ระกอบเหล่าน้นั สามารถมีปฏิสมั พนั ธ์กนั ในลกั ษณะท่ีจะทาใหก้ ารดาเนินกิจกรรม ต่างๆ ขององคบ์ รรลุเป้ าหมายท่ีวางไว”้• ตวั อยา่ ง เช่น การจดั หรือออกแบบองคก์ ารสมยั ใหม่ที่เรียกวา่ Reengineering

การจัดองค์การ (5)• ประโยชน์ของการจดั องคก์ าร1. ทาใหเ้ กิดความชดั เจนในแบ่งงานออกเป็นกลุม่ และงานไม่ซ้าซอ้ นกนั2. ผบู้ ริหารสามารถมอบหมายงานไดส้ ะดวก เพราะมีการกาหนดสายงานท่ี ชดั เจน3. ช่วยใหม้ ีผปู้ ฏิบตั ิงานเขา้ ใจขอบเขตและหนา้ ที่ความรับผดิ ชอบ4. ช่วยใหก้ ารสั่งงาน การมอบหมายงานและการติดตอ่ ประสานงานมีระบบ5. การจดั องคก์ ารที่เหมาะสมและดีจะทาใหอ้ งคก์ ารมีความเจริญกา้ วหนา้

หลกั การจดั องค์การ• หลกั การจดั องคก์ ารท่ีสาคญั ที่ใชก้ นั อยมู่ ี 3 ประการ1. หลกั การแบ่งงานกนั ทาตามความสามารถ (Job specialization)2. มิติของงาน (Task dimensions)3. คาบรรยายลกั ษณะงาน (Job descriptions)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook