หนวยท่ี 1 การศกึ ษางานเพื่อการเพิ่มผลผลิต การเพิม่ ผลผลติ ในอุตสาหกรรม (Productivity in Industry) ในการดําเนินธรุ กิจการคาใดๆ กต็ ามความสําคัญอยูทก่ี ารจําหนา ยสนิ คา และการบริการ ตา งๆ แตการทจี่ ะใหกจิ การคา ม่นั คงและเจรญิ อยูไดตลอดไปจาํ เปนตองดําเนินตามหลัก 3 ประการ 1. ตองมีลูกคา ฉะนั้นกิจการดานการตลาดจึงเปนสิ่งที่ตองพิจารณาโดยละเอียดและถือได วาเปนงานสําคญั อันดบั แรก เพราะธรุ กิจใดๆ ก็ตามจะยื่นอยูไดตองอาศัยลูกคาเทาน้ัน ถากิจการใดมีลูกคามาก และความตองการสินคา ในตลาดสงู กิจการนนั้ จะเจรญิ และขยายกิจการไดแตในกรณีที่ลูกคามีจํานวนลดนอยลง การขายตกตํ่า กิจการก็จะซบเซาลง ดังน้ันเพ่ือใหกิจการดําเนินไปอยางเจริญรุงเรืองจึงจําเปนตอง “ผลิตแต สินคาท่ีเปน ท่ีตองการของตลาดในราคาท่ีไมแ พง” 2. ตองปรับปรุงคุณภาพของสินคาและบริการใหดียิ่งข้ึนเปนลําดับ โดยวิธีการปรับปรุงไม แกไขเปล่ียนแปลงกิจการทุกดาน เชน การออกแบบผลิตภัณฑ กรรมวิธีการผลิต ระเบียบการบริหาร การ ดําเนินงานในดานการตลาด ดานเทคนิคการจัดการ การฝกอบรมเจาหนาท่ีระดับตางๆ และพนักงาน เหตุผล สาํ คญั ท่ที าํ ใหก ิจการสวนมากตกตํ่าหรือตอ งลม เลิกไปน้ันก็เพราะไมพยายามปรับปรุงกิจการใหดีข้ึน โดยเฉพาะ การปรับปรุงในเร่ืองผลิตภัณฑแ ละวิธกี ารดาํ เนินงานในดา นการตลาด 3. ตองใชทรัพยากรหรือปจจัยการผลิต อันไดแก คน เคร่ืองจักร วัสดุ อาคารที่ดิน และเงิน ใหเ กดิ ประโยชนสงู สุด เพราะส่ิงเหลาน้ีเปนสวนประกอบสําคัญที่กอใหเกิดเปนสินคาและบริการตางๆ ขึ้น เปน สวนที่จะทําใหกิจการมั่นคงและเจริญกาวหนาได ฉะนั้นธุรกิจอุตสาหกรรมซึ่งมีทรัพยากรอยูอยางจํากัดจึง จําเปน ตอ งนําหลกั วิชาการเพิม่ ผลผลติ มาใช ความหมายของการเพมิ่ ผลผลิต (Definitions of Productivity) การเพิ่มผลผลิต (Productivity) มีความหมายกวางขวางมากและอาจใหคําจํากัดความหลาย อยางสุดแตจ ะนําคาํ นไี้ ปใชก ับเรอื่ งอะไร ถาการผลิต คือ การนําปจจัยการผลิต (Inputs) เชน วัตถุดิบ แรงงาน เคร่ืองจักร มาปอนสู กระบวนการผลติ (Process) เพอื่ ใหไดผลติ ผล (Output) ซึง่ สนิ คา หรอื บริการตามท่ตี องการ กระบวนการผลิต INPUT PROCESS OUTPUT การทาํ งาน ปจจยั การผลิต/ ผลงาน/ผลผลิต การเพิม่ ผลผลิต การดาํ เนนิ งาน/ ทรพั ยากร การทาํ งาน Product ประสิทธภิ าพ คงคณุ คา การทาํ งาน ลดการใชทรพั ยากร เพ่ิมคุณคา Efficiency ใชท รพั ยากรคงเดิม Effectiveness Productivity Process แผนภูมแิ สดงกระบวนการผลิตเพอ่ื การเพิม่ ผลผลติ
2/14 การเพิ่มผลผลิตหาไดจากอตั ราสว นของผลิตผลตอ ปจ จัยการผลติ สามารถเขียนเปนสมการได ดังน้ี ผลผลิต ผลิตผล (Outputs) (Productivity = ปัจจยั การผลิต (Inputs) ดังนัน้ การเพ่มิ ผลผลติ ทาํ ไดหลายวิธี คือ 1. เพม่ิ ผลผลิตโดยลดปจ จัยนําเขา แตใหผ ลผลิตเพิม่ ขน้ึ 2. เพิ่มผลผลติ โดยใชป จ จัยนาํ เขา เทา เดมิ แตใ หผ ลผลิตเพิ่มขน้ึ 3. เพ่มิ ผลผลติ โดยใชป จ จัยนาํ เขา ลดลงแตใ หผ ลผลิตเทา เดิม 4. เพมิ่ ผลผลิตโดยใหผลผลติ ลดลงแตใ ชป จ จัยนําเขา ลดลงมากกวา 5. เพม่ิ ผลผลิตโดยใชปจ จัยนาํ เขาเพม่ิ ขน้ึ แตใหผลผลิตเพมิ่ ข้นึ อัตรามากกวา ประสิทธิภาพ (Efficiency) ในการเพิ่มผลผลิต คือ ความสามารถของบุคคล หนวยงานเทคโนโลยีหรือ ปจจัยการผลิตอ่ืนๆ ที่ทําใหการดําเนินงาน/การทํางานไดผลงาน/ผลผลิตที่มีคุณภาพปริมาณ/คุณคา ตาม เปา หมายที่กาํ หนดไว โดยใชทรัพยากรเพ่อื การผลิตนอยทส่ี ุด ประสทิ ธิผล (Effectiveness) ในการเพิม่ ผลผลติ มี 2 ความหมาย คอื 1. การคงคณุ คา คุณภาพหรอื ปรมิ าณเทา เดิมขณะทสี่ ามารถลดการใชทรัพยากรการผลิตท่ีสําคัญคือ พลังงานและแรงงาน หรือลดความสิน้ เปลอื งวตั ถุดบิ ท่เี กดิ ขึน้ ในกระบวนการผลติ เปนตน 2. การเพม่ิ คุณคา คณุ ภาพหรือปริมาณขณะทีย่ งั ใชท รพั ยากรเทาเดมิ หรือใชเทา ที่มอี ยู การใชทรัพยากรหรือปจจัยการผลิต เพื่อใหการดําเนินงานบรรลุเปาหมายจึงมีการจัดหาหรือปอน ปจจัยการผลิตเขาสูกระบวนการผลิต ปจจัยการผลิต คือ ตนทุน (Cost) ของการดําเนินงานไมวาจะเปน แรงงาน (Man) เงนิ ทนุ (Money) เครือ่ งจักร (Machine) และการบริหารจดั การ (Management) ผลงาน/ผลผลิต (Product) คือ เปาหมายของการดําเนินงานนอกจากผลงานหรือผลผลิตที่ได ยัง รวมถึงคุณคาหรือคุณภาพ(Quality) ของผลงานหรือผลผลิตน้ันตองตรงตามความตองการหรือขอกําหนดหรือ ขอตกลงดว ย การเพิ่มผลผลิตทําไดทุกระดับไมวาจะเปนบุคคล องคกรหรือประเทศ การเพ่ิมผลผลิตควรเปน พฤติกรรมและเปนทักษะ การทํางานของทุกคน เพราะการเพิ่มผลผลิตคือหัวใจของคุณภาพ ดังนั้นการเพิ่ม ผลผลติ จึงมีความสมั พันธกับการบรหิ ารงานคุณภาพ คอื 1. เปา หมายคุณภาพ เปนคุณภาพทตี่ อ งการตอบสนองความตองการของลูกคาหรือผเู กย่ี วของ 2. ประสิทธภิ าพการดําเนินงาน ท่มี ุงใชทรัพยากรการผลติ ใหเ กดิ ประโยชนสงู สุด 3. ประสิทธิผล ท่ีมุงใหเกิดผลงานหรือผลผลิตที่มีคุณภาพตรงกับความตองการของลูกคาหรือ ผเู ก่ยี วของ
3/14 พฤตกิ รรมและทักษะในการเพ่ิมผลผลิต (Productivity Competency) เกิดจากทัศนคติและจิตสํานึก ในการสรางคุณคาแกตนเอง องคกร และประเทศ จึงใหความสําคัญตอ การสรา งพฤตกิ รรมและทักษะ ดังตอ ไปนี้ 1. การใชท รพั ยากรอยา งคมุ คา หรอื กอใหเ กดิ คณุ คามากท่สี ุด หรอื ทาํ ใหเ กดิ การสญู เสียนอยทีส่ ุด เชน - การใชนาํ้ ประปา ไฟฟา นํ้ามันปรโิ ตรเลยี ม - การบาํ รุงรักษาเคร่ืองจักร อุปกรณ 2. การตระหนกั รแู ละปองกนั อันตราย และภยั ตางๆ 3. การบริหารเวลาไมวาจะเปนการทํางาน การพักผอนหรือการทําสิ่งตางๆ สามารถทําไดตาม กาํ หนดเวลาอยา งเหมาะสม 4. ความรับผิดชอบตอการปฏิบัติงานของตนเอง เพ่ือมิใหเกิดผลกระทบตองานของผูอื่นและเกิดผล เสยี ตอ คณุ ภาพ 5. ความมงุ มั่นสรา งผลงาน/ผลผลติ ทมี่ คี ุณภาพ/คุณคา สูงสดุ ดงั นน้ั การเพิ่มผลผลติ จึงมใิ ชก ารเนนใหเ พมิ่ ปริมาณการผลติ แตเปน การเนน ใหน ําปจ จยั การผลติ มา กอใหเ กิดประโยชนส งู สดุ ซงึ่ เทากบั เปนการเพ่ิมประสทิ ธิภาพการผลิตน่ันเอง การทีจ่ ะทราบวาผลผลติ เพิ่มข้นึ หรอื ไมใหด ทู ่ีอัตราสว น ผลิตผลตอปจจัยการผลติ ถาอัตราสวนเพ่ิมขน้ึ แสดงวาผลผลติ เพ่ิมขนึ้ สาเหตขุ องการเพม่ิ ผลผลติ เหตทุ ีต่ องมีการเพม่ิ ผลผลติ เพราะ 1. มกี ารแขง ขนั เพมิ่ ขึ้น 2. ปจจยั การผลติ มีราคาสงู ขึ้น 3. ตอ งการลดตนทนุ การผลิต 4. ตองการทําไรเพ่มิ ขึ้น วธิ ีการเพ่มิ ผลผลิต การเพิ่มผลผลิตทําไดโดยหาวิธีการทํางานที่ดีกวามาใช เพ่ือที่จะไดใชทรัพยากรหรือปจจัยการผลิต ตางๆ อันไดแก คน เครื่องจักร อุปกรณ วัสดุ เงิน และพลังงานใหเกิดประโยชนมากที่สุด วิธีการเพิ่มผลผลิตมี หลายวธิ ี อาทิ 1. การนาํ วธิ ีการทาํ งานทมี่ ีประสิทธภิ าพดกี วา มาใช 2. การจดั รปู แบบของงานทเ่ี ก่ียวของกบั การผลติ การตลาด และการบริหารใหก ระชับและ คลองตัวย่ิงข้ึน 3. การฝก คนงานและเจาหนา ทฝ่ี า ยจดั การใหมีความสามารถและชํานาญมากย่งิ ข้ึน 4. การใชว ตั ถุดิบใหเกดิ ประโยชนม ากขึน้ โดยการลดการสญู เสียและเศษที่ใชไมไ ดใหอง นอ ยลง โดยการออกแบบผลติ ภัณฑใ หม ลี ักษณะท่จี ะใชว ัตถดุ ิบไดอยางประหยัด 5. การปรับปรุงคณุ ภาพและลักษณะของผลติ ภัณฑใ หดีข้นึ เพ่ือใหถูกใจลกู คา
4/14 เทคนคิ การปรบั ปรงุ งานเพอ่ื การเพิม่ ผลผลติ ปญหาที่มักเกิดข้ึนในการผลิต ในการดําเนินการผลิตน้ันมักจะเกิดปญหาตางๆ มากมายที่ทําให ประสิทธิภาพของการผลติ กไ็ มเ ปน ไปตามเปา หมาย ซงึ่ ปญ หาทมี่ กั เกดิ บอยๆ ไดแ ก 1. การแบงงานไมเทาเทียมกันทําใหเกิดการวางงานที่หนวยงานหน่ึง และอีกหนวยงานหน่ึง หรือ หนว ยงานอื่นๆ เกิดปญ หางานลน มอื ทาํ งานไมทันทาํ ใหตองเรงงานโดยการทํางานลว งเวลา 2. การมีงานหรือการปฏิบัติงานท่ีลาสมัย สิ้นเปลืองเวลา สิ้นเปลืองแรงงาน และส้ินเปลืองเงินทอง และส่งิ ของโดยเปลาประโยชน 3. งานไมเดินไปตามจังหวะ งานค่ังคาง งานเดินไมสะดวก งานชา งานหยุดชะงักไมเปนไปตาม กําหนดเวลาเทาท่ีควรจะเปน 4. งานมีวิธีการปฏิบัติงานที่ยุงยาก สลับซับซอน ทําใหผูปฏิบัติงานเขาใจยาก, ปฏิบัติถูกๆ ผิดๆ เปน งานทน่ี าเบ่ือหนาย หรอื บางครง้ั เปนงานท่ีเปลาประโยชนแตก็ยงั ตองทาํ อยู 5. เครื่องมอื เครื่องใชไ มม หี รือมีไมพ อ หรอื มแี ตชาํ รุดหรอื ลา สมยั 6. การวางแผนผังของหนวยผลิตหรือโรงงาน ไมดีทําใหเกิดการติดขัดในการเคลื่อนยายวัสดุใน กระบวนการผลติ 7. การผลิตทที่ ําใหเ กิดของเสียในกระบวนการผลติ มาก 8. การปฏบิ ัตงิ านทที่ าํ ใหผ ูปฏบิ ตั ิงานหรือคนงานเกิดความเหน่อื ยลาเกินไป ปญ หาตางๆ ดงั กลาวจําเปน จะตอ งไดรบั การแกไขและปรับปรุงเพอ่ื ใหสามารถบรรลุเปาหมายในการ ผลติ ของโรงงาน ซ่ึงการแกป ญ หาดงั กลา วสามารถทจี่ ะทาํ ไดโ ดยอาศัยเทคนคิ ของการปรับปรงุ งาน เทคนิคการปรับปรงุ งาน การปรับปรุงงาน ไดแก การใชสามัญสํานึกที่จัดเปนระบบแลวเพื่อคนหาวิธีการทํางานท่ีดีกวาและ งายกวา และเพื่อหลีกเหลี่ยงการสูญเปลาทุกประเภท เปนตนวา แรงงาน เวลา เงิน วัสดุสิ่งของและอุปกรณ เคร่ืองมอื เครอ่ื งใช ทง้ั นีก้ ็เพ่อื ใหก ารดําเนินงานหรอื ปฏบิ ัตงิ านเปนไปอยา งมีประสทิ ธิภาพ การปรับปรงุ งาน เพ่อื ใหไดม าซึ่งงานหรือบริการหรือผลิตผลทั้งปริมาณ และคุณภาพตลอดจนวิธีการ ทํางานท่ดี กี วา และงา ยกวา นั้นมี เปาหมายหรอื จดุ มุงหมายทส่ี ําคญั ดังนีค้ อื 1. การกําจัดหรือลดการตองใช วัสดุอยางฟุมเฟอยโดยเปลาประโยชน หรือมีของเสียในกระบวนการ ผลติ มาก 2. เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางานของพนักงานโดยการหาวิธีทํางานที่ดีกวาและขจัดข้ึนงานท่ีไม จําเปนออก 3. ชวยในการปรบั ปรงุ การวางแผนผังโรงงานใหด ขี ึ้น 4. ชวยในการปรบั ปรุงสภาพการทาํ งานในโรงงาน 5. ชว ยในการหาวธิ ขี นยายสิง่ ของทีเ่ หมาะสม 6. ชวยใหก ารใชเ คร่อื งจกั รและอปุ กรณไดเตม็ ที่ 7. ชวยลดความเหนอ่ื ยลา ของพนกั งาน เทคนิคการปรับปรุงงานเพื่อเพ่ิมผลผลิตมีอยูหลายวิธีดวยกัน แตกอนที่จะนําเทคนิคอันใดอันหน่ึง โดยเฉพาะมาดาํ เนนิ งานมีความจําเปนตอ งทราบวธิ กี ารปฏบิ ตั ทิ เี่ ปน อยูใ นปจ จุบันเสียกอนวาเวลาและแรงงานที่ ไดใ ชไ ปนน้ั ใชไปในทางใด จํานวนเทา ใด และใชอ ยา งไร สามารถทราบขอมลู เหลา นไ้ี ดโดยวิธกี ารศกึ ษางาน
5/14 วิธีการศึกษางานนเี้ มือ่ ไดดําเนินการไปตามหลักวิชาการแลว จะแสดงใหทราบจํานวนงานและเวลาท่ี เสียไปในการผลิตแตละข้ันตอนอยางชัดเจน งานใดที่เพ่ิมข้ึนเนื่องจากความบกพรองของการออกแบบ ผลิตภัณฑ หรือเน่ืองจากการผลิตท่ีไมมีประสิทธิภาพ ทั้งยังแสดงถึงจํานวนเวลาท่ีเสียไปโดยไมเกิดประโยชน เนือ่ งจากความบกพรองในดานการจดั การและการปฏบิ ตั งิ านของคนงาน การศึกษางานเปนเทคนิคอยางหน่ึงของการเพิ่มผลผลิต ชวยใหฝายจัดการสามารถปรับปรุงแกไข ขอบกพรองตา งๆ ใหดีขน้ึ ทาํ ลดสิง่ ที่ส้นิ เปลอื งลดตนทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธภิ าพของการผลติ ใหสงู ขึ้น สว นเทคนิคของฝา ยจัดการท่จี ะเพิม่ ผลผลติ ก็มอี ยหู ลายประการ จําแนกไดโ ดยสงั เขปดังตอ ไปนี้ 1. ผลิตภัณฑออกแบบมาไมดี แกไขโดยใชเทคนิคท่ีเรียกวา Product Development เพื่อได ผลิตภัณฑเปน ท่ีถกู ใจของผซู ้อื มีคุณภาพทเ่ี หมาะสม ปองกันมใิ หผ ูซ ้อื เส่ือมความนิยม 2. ตองวางแผนการผลิตกอนลงมอื ผลิต ตองรลู ว งหนา วาจะใชเครื่องจักรชนิดใดผลิตสินคาตัวใด เวลา เร่มิ ตนและสิ้นสุดของการผลิตอยูที่ใด คอื มตี ารางการผลิตลวงหนา 3. การควบคุมวัสดุ ตองคอยระมัดระวังมิใหเคร่ืองจักรและคนงานวางเพราะขาดวัสดุปอนงาน ใน ขณะเดียวกันตองระมัดระวังใหมีสต็อกของวัสดุมากเกินไปซ่ึงเปนการปองกันมิใหเงินทุนไปจมอยูใน วตั ถุดิบ หรอื วัสดุก่งึ สําเร็จรูป หรือสนิ คาสําเร็จรปู มากเกินไป 4. การดแู ลและบาํ รงุ รักษาเคร่ืองจกั รใหอ ยูใ นสภาพท่ีสามารถใชงานไดตลอดเวลา โดยวิธีการปองกัน การชํารุด (Preventive Maintenance) ซ่ึงเปนวิธีการปองกันมิใหโรงงานตองหยุดเน่ืองจากตอง เสียเวลาซอมเครอ่ื งจักรในขณะเวลางาน 5. มีเทคนิคในการขนถายและเคล่ือนยายวัสดุ (Materials Handling) ท่ีเหมาะสมชวยลดเวลาและ แรงงานในการขนถายวสั ดุ 6. เมือ่ วิธกี ารผลิตเปลีย่ นแปลงใหม คนงานจาํ เปน ตอ งฝก ฝนวธิ ใี หมนี้ใหเกิดความชํานาญจึงตองมีการ วางแผนการฝกอบรมคนงานอยา งสมาํ่ เสมอ 7. โครงสรางขององคการหรอื บริษทั และการจัดรปู แบบการผลติ ตอ งมีการปรับปรุงอยูเสมอเพ่ือใหการ ทาํ งานดาํ เนนิ ไปโดยไมต ิดขดั หรอื มีอุปสรรคนอยที่สุด ดวยวิธีการอบรมใหเจาหนาท่ีรูจักวิธีการจัดการ วิธีการสั่งงาน การปรับปรงุ งานและการรักษาความปลอดภัยในการทํางาน เปนตน 8. การทําใหเจาหนาท่ี และคนงานเขาใจตนทุนการผลิตของช้ินสวนประกอบตางๆ ของสินคาท่ีตนมี หนา ทผ่ี ลติ เพอื่ ใหเกดิ การผลิตทเ่ี สียคาใชจายนอยท่ีสุด ดังนั้นวิชาการบัญชีตนทุนและการจัดการดวย การบัญชีจงึ เปนวิชาการสําคัญทจ่ี าํ เปน จะตอ งใหเ จาหนา ท่ไี ดร บั ความรบู า งพอสมควร 9. การชกั ชวนใหค นงานชวยตดั เวลาทเ่ี สยี ไปโดยไมไดรบั ประโยชน การกอ ใหเกดิ สัมพนั ธภาพในงานท่ี ดี การปรับปรุงงานในหนาท่ีของตน การสรางกลุมสรางคุณภาพส่ิงตางๆ เหลาน้ียอมกอใหเกิดการลด ตนทุนการผลิต ฉะนั้นฝายบริหารตองวางนโยบายทางดานบุคคลใหมีการอบรมเจาหนาที่และคนงาน ใหเขา ใจในเร่ืองเหลา น้ีดว ย
6/14 หลักทว่ั ไปของการศึกษางานเพือ่ การเพ่มิ ผลผลิต หลักท่ัวไปในการปรับปรุงงานเพื่อใหบรรลุวัตถุประสงคดังกลาวขางตนนั้น ไมวาจะเปน มีงาน ประเภทใด หรือลักษณะใด มีหลักใหญๆ ทีใ่ ชไ ดโ ดยท่วั ๆ ไปและเหมอื นกนั อยู 4 ประเภทดวยกนั คอื 1. กําจัดขั้นงานบางสวนที่ไมจําเปนหรือไมมีประโยชนออกไป (Eliminate) ทั้งน้ีเพราะงานหรือ ปฏิบัติการท่ีไมจําเปนยอมหมายถึงการสูญเปลาของแรงงาน เวลา วัสดุสิ่งของ หรือเงินทองคาใชจายที่นํามา ลงทนุ หรือดําเนินกิจการหรอื จัดงานน้นั ขึ้น การพจิ ารณาขั้นงานเพือ่ การกาํ จัดออกนน้ั จะเร่ิมโดยการพิจารณาวา “จะกําจดั ข้นั งานไดไหม” โดยพิจารณาวา - งานขนั้ นี้อาจจะไมมคี วามสําคัญอกี ตอไปแลว - งานขน้ั น้อี าจจะมีเพื่อความสะดวกของพนักงานเทานัน้ - งานข้นั น้อี าจจะตัดออกได ถา มกี ารจดั ลําดบั ข้ันงานใหม - งานขั้นนอ้ี าจจะตัดออกได ถามีการใชเคร่ืองมอื ทดี่ ีกวา เดมิ 2. รวมขัน้ งานหลายๆ สวนเขาดวยกันใหเปน งานชั้นเดียวกัน (Combine) เมื่องานที่ไมจําเปนถูก กําจัดตัดทอนออกไปแลว และเหลือแตสวนหรือขั้นงานท่ีจําเปนหรือไมสามารถกําจัดตัดทอนออกไปได ขั้น ตอ ไปกค็ อื หาทางเอาขน้ั งานหรอื สวนของท่ีจําเปน น้ันมารวมเขากันใหมหรอื จดั ทาํ ใหม เชน รวมเอางานหรือขั้น งานท่มี กี ารปฏิบัติการท่ีใกลเคียงกันมาใหคนคนเดียวทํา แทนท่ีจะมอบใหคนหลายคนทํา หรือทําทีละข้ัน หรือ ทําทลี ะแหง ในการรวมขั้นงานหรือสวนของงานเขาดวยกันนั้นกระทําไดโดยพิจารณาวา “จะรวมข้ันงานเขา ดว ยกันไดไหม” โดย - การออกแบบสถานท่ีทาํ งานและเครื่องมือใหม - การเปลี่ยนลําดับขน้ั งาน - การเปลย่ี นชนดิ ของวตั ถุดิบและรายละเอยี ดของชนิ้ สวน - การเพม่ิ ทกั ษะใหแ กพนกั งานผลติ 3. จัดลําดับขั้นของงานใหม (Rearrange) หากหลักการตามขอ 1 และขอ 2 ไมไดผลก็อาจจะทํา การปรับปรงุ ไดโดยเปล่ียนคน เปล่ียนสถานที่ หรือเปล่ียนลําดับการปฏิบัติงาน หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานเสีย ใหมใ หเ หมาะสม เชน คนนี้ไมเหมาะสมกับงานอยางนี้ก็เอาไปทํางานอื่นที่เขาสนและถนัด สวนลําดับข้ันในการ ผลิตหรอื การปฏิบัติงานก็เชนเดียวกัน ข้ันไหนกอนขั้นไหนหลังมันจะตองไปตามกระบวนการ ตามเหตุผล ตาม สามัญสํานึก ถาลําดับขั้นตอนผิดงานจะเดินไมสะดวกทันที จําเปนที่จะตองจัดลําดับเสียใหม การจัดลําดับขั้น งานน้ันพิจารณาวา “จะจดั ลาํ ดับขน้ั งานใหมไดไหน” เพ่อื ใหเ กดิ - การลดข้ันงานบางขน้ั ใหสนั้ ลงหรอื งา ยข้นึ - การลดขั้นงานขนยายวัสดุและการเดิน - การประหยัดพ้นื ที่ในการทํางานและประหยดั เวลา - การใชเ ครือ่ งมอื อยางมีประสิทธภิ าพขน้ึ 4. ปรับปรุงงานขั้นหน่งึ ๆ ใหงายขึ้น (Simplify) ไดแก การทําการปรับปรุงงานใหการปฏิบัติการท่ี งายข้นึ และมีประสทิ ธิภาพสงู เชน งานทม่ี ขี ้ันตอนการปฏิบัตทิ ี่ยงุ ยากสลับซับซอนปฏิบัติยาก เขาใจยาก ก็ตอง หาทางทําใหงายขึ้น หาทางใชเครื่องผอนแรงหรือเคร่ืองมือเครื่องจักรที่ทันสมัยและสามารถทํางานไดอยางมี ประสิทธิภาพ ถา สามารถทําไดในการปรบั ปรุงขั้นงานน้ันจะพจิ ารณาวา “จะปรบั ปรุงข้นั งานไดไ หม” โดย - การวางผังสถานทที่ าํ งานใหม
7/14 - การใชเครื่องมือทดี่ ีขนึ้ - การฝกพนักงาน การคมุ งานอยางดีและมีการบริการอยางดี - การแบง ขัน้ งานไดย อ ยลงถา จําเปน จากหลกั การของการปรับปรุงงานเพ่ือการเพมิ่ ผลผลิตนั้นจะเห็นวา “การกําจัด” ควรจะมากอนทั้งน้ีก็ เพื่อไมใหเ กดิ ปญ หางานบางข้นั ไดเ สียเวลาจดั รวม จดั ลําดับหรือปรับปรุงไปแลวจงึ พบวาไมจําเปนตองทํา สวน” การรวม” ควรจะทําถัดมาเพื่อไมใหเกิดกรณีท่ีมีการจัดลําดับข้ันงานกอนจนโอกาสที่จะรวมขั้นงานหมดไป การ”จัดลําดบั ” ควรจะทาํ ภายหลังจากทไี่ ดมีการกําจัดและยบุ งานเขารวมกันแลว สวน”การปรับปรุง” งานนั้น เปนเรื่องทไี่ มก ระทบกระเทอื นกระบวนการทํางาน เนือ่ งจากเกี่ยวขอ งเฉพาะงานแตละชิ้น จึงควรมาหลังสุดเม่ือ แนใ จวาทุกงานจาํ เปน เปนงานที่กะทัดรดั และมลี าํ ดับท่ีถกู ตองแลว ประโยชนข องการปรบั ปรุงงาน ประโยชนของการปรับปรงุ งานน้นั สามารถมองในแงต างๆ ไดด งั น้ีคอื (1) การปรับปรุงงานเปน ผลดตี อ สมาชกิ ของบรษิ ทั หรอื งคการแตละคนคอื - เพมิ่ ความมนั่ คงในการทาํ งานมากขึน้ - ทําใหค าจางแรงงานของตนเองเพ่ิมสงู ข้ึนเรื่อยๆ - ลดความเหน็ดเหนื่อยจากการใชแ รงงานใหน อยลง - ทาํ ใหม าตรฐานการครองชีพสงู ข้นึ - ทําใหส ถานที่ทํางานสะดวกสบายข้ึน - เปดโอกาสใหส มาชิกพฒั นาความสามารถของคนเองมากขนึ้ - เปด โอกาสใหสมาชกิ พิสูจนว ามคี วามสามารถคนหน่งึ - ทาํ ใหสมาชิกเกิดความเพลิดเพลินและเราใจชวนใหอยากทํางาน เพราะลกั ษณะของงานเปลย่ี นไป ในทางทด่ี ี (2) การปรับปรงุ งานเปนผลดตี อ บรษิ ัทหรอื องคการ คือ - ลดคา ใชจ ายในการผลติ หรอื บริการแตล ะหนว ยใหน อยลง - ทาํ ใหมเี งนิ เหลอื เพอื่ ใชจ ายทางอื่นมากขนึ้ - ทาํ ใหสามารถลดราคาของสนิ คา ลงเพื่อแขงขันกบั คูแขงได - เพ่มิ ความม่นั คงทางดา นเศรษฐกจิ ใหมากขนึ้ เพราะมีรายไดห รือกาํ ไรมากขน้ึ เรื่อยๆ - ทาํ ใหสามารถปรบั ปรงุ คณุ ภาพของสนิ คา หรอื บริการดขี นึ้ - ชวยทําใหก ารตดั สินใจเกี่ยวกับการเลือกซ้อื เคร่ืองมือ เครื่องใชประเภทตา งๆ ไดด ีขนึ้ - ชวยลดการตา นทานการเปลีย่ นแปลงของสมาชกิ - ทาํ ใหไดรบั ความรวมมือและมีการทาํ งานเปน แบบทีมเวิรค ดีขึ้น - ทาํ ใหสัมพนั ธภาพทีม่ ีตอผบู ริโภคและประชาชนดีข้ึน - ชวยทาํ ใหบ ริษทั หรือองคการสามารถจัดทําสัญญาในฐานะเปนผูรับจางบางอยางอันสืบเนื่องมาจาก การประมลู ในราคาต่าํ กวา บรษิ ัทหรือองคการอ่ืน เพราะไดม ีการปรับปรุงงานเพื่อลดคาใชจายตางๆ ลง แตใหปรมิ าณและคุณภาพดีเทาเดมิ ได
8/14 (3) การปรับปรงุ งานเปนผลดตี อสงั คมสว นรวมคือ - ทําใหสินคาหรือบริการมีราคาถูกลง ทุกคนสามารถซ้ือไดมีไดเปนการยกมาตรฐานการครองชีพให สูงขึ้น ดีขึ้น สะดวกสบายข้ึน มีความสุขมากขึ้นสนองความตองการไดมากข้ึน ดํารงชีพประจําวันงาย ขนึ้ - ลดความสูญเปลา ในดา นแรงงาน และวัสดสุ งิ่ ของใหนอยลง - ทาํ ใหสมั พันธภาพระหวา งนายจางกบั ลูกจา งดขี ึ้น การปรบั ปรุงงานกับการตานทานการเปลยี่ นแปลง การปรับปรงุ งานแมจ ะดเี ลศิ หรือมปี ระโยชนเพยี งใดกต็ าม ถา ไมมีการนาํ ไปใชอ ยางจริงจังแลวก็เทากับ เปนการลงทนุ ลงแรงโดยไมไดประโยชนอะไรเปน การตอบแทน ผูท ่ีจะนําไปใชก็คือสมาชิกของบริษัทหรืองคการ ทุกคน ซ่ึงสําหรับในโรงงานอุตสาหกรรมก็คือ ฝายบริหาร วิศวกร หัวหนางาน คนงาน และเจาหนาที่ทุคนใน โรงงานนั่นเอง ในการปรับปรุงงานน้ันถาหากไมมีการทําความเขาใจกันเปนอยางดีระหวางผูท่ีทําการปรับปรุง งานหรอื ฝา ยจัดการกับฝายปฏิบัติงานหรือฝายคนงานก็มักจะเกิดปญหาข้ึนเสมอ ปญหาดังกลาวมักจะเกิดจาก การไมคอยยอมปฏิบัติตามหรือปฏิบัติตามวิธีการปฏิบัติการท่ีนําเอาไปใชอยางไมเต็มใจ ซ่ึงจะทําให ประสิทธภิ าพในการปฏบิ ัติการไมเ ปน ไปตามแผนงานทีไ่ ดว างไวห รือทาํ ใหเ กิดความลม เหลวในการปรบั ปรงุ งาน พฤติกรรมดงั กลา วของฝายปฏบิ ัตกิ ารหรอื ฝายคนงานดงั กลาวเรียกวา “การตอตานการเปล่ียนแปลง” ซงึ่ มสี าเหตุมาจาก 1. ตองการทํางานวิธีเดิมเพราะเห็นวายังเปนวิธีท่ีดีอยู คือเคยปฏิบัติอยูอยางไรก็อยากจะทําอยาก ปฏิบัติอยางนั้นเร่ือยๆ ไปเพราะเคยทํามาจนชินและไดสะสมความรูความชํานาญในเร่ืองๆ น้ันไวมาก แลว จึงไมคอยอยากใหมีการเปล่ียนแปลงไปใชวิธีอ่ืนซึ่งแตกตางไปจากของเดิม เพราะจะตองเร่ิมตน ศกึ ษาหาความรูความชาํ นาญกนั ใหม 2. เชื่อวาการเปล่ียนแปลงวิธีการทํางานหรือวิธีปฏิบัติงานหรือวิธีการปฏิบัติการใหมนั้นไมเปน สิ่งจําเปนเพราะเกิดความรูสึกวาไมมีประโยชนอะไรท่ีจะเปล่ียนแปลงเน่ืองจากเห็นวาเปนเร่ืองเล็กๆ นอยๆ 3. ไมเ ขาใจในการเปล่ยี นแปลงวธิ กี ารทํางานหรือการปฏบิ ัตกิ ารนั้น 4. ไมมีสวนรูเห็นในการวางแผนเพ่ือเปล่ียนแปลงและปรับปรุง จึงเกิดความคิดวาตัวเองไมมีสวน เก่ียวขอ งในการปรบั ปรุงงาน 5. เกดิ ความรูส กึ วา วิธีการใหมจะทําใหเขาสญู เสียงานหรอื ไดคา จางนอยลง 6. เกดิ ความคิดวา วิธีการใหมจะทาํ ใหต องทํางานหนักขึน้ กวาเดมิ 7. เชื่อวาการปรับปรงุ เปลย่ี นแปลงจะนาํ ไปสคู ณุ ภาพงานท่ีตาํ่ หรือเลวลงกวา เดิม ดังนั้น จะเห็นไดวาการปรับปรุงงานเพื่อการเพิ่มผลผลิตน้ันเปนเร่ืองที่จะตองใชหลักมนุษยสัมพันธ อยา งมากเพราะการปรบั ปรุงงานไมไ ดเ กย่ี วขอ งกับงานอยางเดียว แตยังเกี่ยวของกระทบกระเทือนถึงคนทํางาน ดวย เม่ือเก่ียวของกับคนดังน้ันจึงจําเปนตองใชหลักมนุษยสัมพันธ ยิ่งใชหลักน้ีมากเทาใดก็จะทําการปรับปรุง งานประสบผลสําเรจ็ และมลี ทู างในการปรบั ปรุงกวา งขวางยง่ิ ข้นึ
9/14 วิธีเอาชนะการตานทานการเปลีย่ นแปลง เพ่อื เอาชนะการตา นทานการเปลีย่ นแปลงและหลกี เลย่ี งความไมพ อใจ มขี อ ควรปฏบิ ตั ดิ งั น้คี อื (1) จะตองมีการประชุมชี้แจง หรือแจงใหทราบแตเน่ินๆ วาการปรับปรุงคืออะไรสําคัญและ จาํ เปนอยา งไรและมีประโยชนอ ะไรบา ง (2) กอ นจะเร่มิ วางโครงการปรับปรุง จะตอ งปรกึ ษาหารือกับคนบางคนท่ีเก่ียวของกับงานน้ัน โดยเฉพาะวาทาํ ไมจะตอ งปรับปรงุ งานนนั้ ทัง้ นี้เพอื่ ใหม ีสว นรวมและจะไดฟ ง ความคิดเหน็ ของเขาดว ย (3) ปรึกษาหารือกับผูปฏิบัติงานเพื่อทราบวาการเปลี่ยนแปลงกระทบกระเทือนเขาเปนการ สวนตวั อยา งไรบา ง แผนการปรับปรงุ งานจะตอ งพิจารณาถงึ ผลทจ่ี ะมีตอผปู ฏบิ ัติเปน รายบุคคลดว ย (4) จะตองมีการทดลองปฏิบัติสักระยะหนึ่งกอน และมีการตรวจสอบดวยความละเอียด รอบคอบอีกคร้ังหนงึ่ ทงั้ นี้โดยใหบุคคลทเ่ี ก่ยี วของเขา มามสี ว นรว มทกุ คน (5) จะตอ งทาํ การเปลี่ยนแปลงปรบั ปรงุ ใหเหมาะสมกับเวลา คุณสมบัตขิ องผูท่ีทําการปรบั ปรงุ งาน คุณสมบัตขิ องนกั ปรับปรุงงานนั้นจะตอ งประกอบดว ย - มคี วามสามารถในการวเิ คราะหปญหาหรอื สถานการณตา งๆ - มคี วามสามารถชแ้ี จงแสดงเหตผุ ล - มีสามัญสาํ นึก - มคี วามคิดสรางสรรค - มีมนษุ ยส มั พันธทด่ี ี - มเี ปา หมายมีจุดประสงค - สรา งความรว มมือจากคนอ่นื - มกี ลวธิ ที าํ งานหรือดําเนนิ งาน - มีใจคอหนักแนน - มีความสามารถคิดและเขียนออกมาเปนแผนภมู ิหรอื แบบฟอรมตา งๆ - มีความสามารถเสนอคดิ เห็น - รักและชอบงานดานการปรับปรุง ปรัชญาและทศั นคติของการปรับปรงุ งานเพ่ือการเพ่ิมผลผลิต ในการปรบั ปรุงงานนน้ั เรามีปรัชญาท่จี ะตองยึดถอื อยู 4 ประการ 1. ในการทาํ งานใดๆ กต็ ามยอมตอ งมวี ธิ ีการทํางานทีด่ ีกวาวิธีทท่ี าํ อยูในปจจุบันเสมอ 2. วธิ กี ารทํางานท่ดี ที ส่ี ดุ น้ัน ยงั ไมเ คยปรากฏวา คน พบหรือคานหาไดโ ดยแทจ รงิ เลยจะพบ ก็แตเ พยี งวธิ ีการทํางานทด่ี ีกวาเทานน้ั 3. เทคนคิ ในการปรบั ปรงุ งานนัน้ สามารถนําไปใชก บั งานทุกชนดิ 4. การแกปญหาทม่ี รี ะบบ ระเบยี บ ยอ มใหผ ลแนนอนกวา จะดกี วาลทู างแกปญ หาโดยวธิ ี สุกเอาเผากิน และปญหาทุกอยางทกุ ประเภทสามารถทีจ่ ะแกไขปรบั ปรงุ ไดเสมอ
10/14 สรปุ การเพ่ิมผลผลิตวัดในรูปของอัตราสวนผลิตผลปจจัยการผลิต กิจการตางๆ ที่ตองการเจริญเติบโต จําเปนตองมกี ารปรับปรุงงานอยเู สมอเพอ่ื ใหผ ลผลติ เพิ่มขึน้ การปรับปรุงงานเพ่ีอการเพิ่มผลผลิตทําไดหลายวิธี วิธหี นงึ่ คือ การศึกษางานเพ่ือการเพ่ิมผลผลิตซง่ึ มหี ลักการสาํ คญั อยู 4 ประการ คือ 1. กําจัดข้ันงานทไ่ี มจําเปน 2. รวมขั้นงานหลายๆ ข้ันเขาดวยกัน 3. จัดลําดบั ข้ันงานเสียใหมและ 4. ปรับปรุงขัน้ งานตา งๆใหงายขึน้
11/14 ชือ่ วิชา การศกึ ษางาน ใบงาน รหสั วิชา 3100-0112 หนว ยที่ 1 เวลา 20 นาที ชือ่ -สกุล ชอื่ หนวย การศกึ ษางานเพอื่ การเพมิ่ ผลผลิต จาํ นวนคาบ 2 คาบ รหัส จงตอบคาํ ถาม พรอ มทั้งอธิบาย 1. หลกั การดําเนนิ ธรุ กิจใหม่นั คง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. ความหมายของการเพิ่มผลผลติ (Definitions of Productivity) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. วิธกี ารการเพิ่มผลผลติ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. ประสทิ ธิผล (Effectiveness) ในการเพิ่มผลผลิต ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................................................................
12/14 5. สาเหตขุ องการเพิ่มผลผลิต ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ............................................................................................................................................................................ 6. วธิ ีการเพิ่มผลผลติ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… 7. เทคนคิ การปรับปรุงงานเพ่ือการเพ่มิ ผลผลติ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. เทคนิคการปรับปรงุ งาน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………...………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................................................................
13/14 9. สวนเทคนิคของฝายจดั การทีจ่ ะเพิม่ ผลผลิต ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ............................................................................................................................................................................. 10. หลักทัว่ ไปของการศกึ ษางานเพอื่ การเพิม่ ผลผลิต ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… .……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… 11. ประโยชนของการปรบั ปรุงงาน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… 12. สาเหตุการตอ ตานการเปลยี่ นแปลง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ............................................................................................................................................................................
14/14 13. วธิ ีเอาชนะการตา นทานการเปลี่ยนแปลง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………… 14. คุณสมบตั ิของผูที่ทําการปรบั ปรงุ งาน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 15. ปรัชญาและทัศนคตขิ องการปรับปรุงงานเพ่ือการเพ่ิมผลผลิต ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………..……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………........................................
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: