Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กติกาซอฟท์บอล พ.ศ.2554

กติกาซอฟท์บอล พ.ศ.2554

Description: กติกาซอฟท์บอล พ.ศ.2554

Search

Read the Text Version

95 8) เม่ือผูตีถูกขานเอาตเน่ืองจากใชไมตีทผี่ ิดกติกาหรอื ไมตีดัดแปลง 9) เม่ือผูตีถูกขานเอาตเนือ่ งจากเปลยี่ นไปใชเขตผตู ีอีกดานหนึ่งโดยผิดกติกา 5. ชองท่ีหา ใหแสดงจํานวนครั้งท่ีผูเลนแตละคนมีสวนรวมในการทําเอาต ใหนับจํานวน ครงั้ ทีผ่ เู ลนมสี วนรวมในการทําเอาต ก) เมื่อผูเลนนั้นสัมผัสลูกบอลจากการเลนที่ตอเนื่อง โดยใหไดคนละ 1 คร้ังเทาน้ัน ผูเลนฝายรับท่ีมีสวนรวมชวยในการไลแตะผูวิ่งเอาต หรือการเลนอ่ืนๆ ในลักษณะ เดียวกัน ผูเลนนั้นอาจไดท้ังจํานวนคร้ังในการทําเอาตและจํานวนครั้งในการ ชวยเหลือก็ได ข) เม่ือผูเลนนั้นสัมผัสหรือขวางลูกบอลในลักษณะที่นาจะทําใหผูเลนฝายรุกเอาตได ถา เพอื่ นรวมทีมเลนไมผดิ พลาด ค) เมื่อผูเลน น้ันทาํ ใหล ูกบอลท่ถี กู ตเี ปลย่ี นทศิ ทางแลวมีสวนชว ยในการทาํ เอาตได ง) เม่ือผูเลนนั้นสัมผัสลูกบอลในการเลนซึ่งทําใหผูว่ิงถูกขานเอาต เนื่องจากมีการ รบกวน หรอื การว่ิงออกนอกทางว่งิ 6. ชอ งท่หี กใหแสดงจาํ นวนคร้ังของการเลนผดิ พลาดทเ่ี กิดขนึ้ กับผูเ ลน ฝายรบั แตละคน ดังนี้ ก) เมื่อผูเลนฝายรับเลนผิดพลาดทําใหรอบข้ึนตีของผูตี หรือสถานภาพของผูว่ิงยัง ดําเนนิ ตอ ไป ข) เมื่อผูเลนฝายรับไมไดแตะเบสหลังจากรับลูกบอลจากการขวางเพื่อทําใหผูวิ่งเอาต (กรณีเบสบังคับ หรอื กรณเี ม่อื ผวู ิง่ บนเบสถกู บังคับใหกลบั มายังเบสเดิม) ค) เมอ่ื แคตเชอรขัดขวางผูตี ทาํ ใหผ ูตไี ดครอบครองเบสหนงึ่ ง) เม่อื ผูเลน ฝา ยรบั ไมส ามารถทําดบั เบลิ เพลยได เนอ่ื งจากทาํ ลูกบอล ตกถึงพื้น จ) เม่ือผูเลนฝายรับไมสามารถหยุด หรือพยายามหยุดลูกบอลท่ีขวางมายังเบส ทําให ผูว่ิงไดครอบครองเบส ถามีผูเลนฝายรับมากกวา 1 คน ที่มีโอกาสรับลูกบอล ท่ีถูกขวางมาได ผูบนั ทกึ ผลตองระบุวา ผูเลนใดเลน ผิดพลาด ขอ 3 ไมใหบ ันทกึ จํานวนครง้ั ในการทําเบสฮติ ไมใ หบนั ทึกจํานวนคร้งั ในการทําเบสฮิตแกผ ูตี ในกรณีตอไปน้ี ก. เม่ือผูวิ่งถูกทําฟอรซเอาตจากการตีลูกบอล หรือนาจะถูกทําฟอรซเอาต ถาผูเลนฝายรับ เลนไมผ ิดพลาด ข. เมอ่ื ผูเ ลนรับลกู บอลท่ีถูกตไี ด และทาํ ใหผ วู ิง่ คนหนาเอาตไ ดดว ยการเลนปกติ ค. เม่ือผูเลนฝายรับทําใหผูว่ิงคนหนาเอาตไมได และผูบันทึกผลเห็นวา ถามีการเลนท่ีเบสหนึ่ง (แทนทีจ่ ะพยายามทาํ ผูว่ิงคนหนา เอาต) ผวู ง่ิ แรกเรม่ิ นา จะถกู ทําเอาตได ง. เม่ือผูว่ิงแรกเร่ิมไดครอบครองเบสหนึ่ง เน่ืองจากผูวิ่งคนหนารบกวนผูเลนฝายรับหรือรบกวน ลกู บอลทถี่ กู ตี และถกู ผูตดั สนิ ขานเอาต ขอยกเวน ถา ในดุลพินจิ ของผบู นั ทึกผลเห็นวา ถา ไมม ีการรบกวน ผตู ีก็นา จะไปถงึ เบสหน่งึ โดย ปลอดภยั ใหผตู ีไดเ บสฮติ

96 ขอ 4 ตีฟลายบอลเสยี สละ ใหบ นั ทกึ จํานวนครั้งของการตฟี ลายบอลเสยี สละ เมื่อฝา ยรกุ มีนอยกวา 2 เอาต และ ก. ผตู ีตีลกู บอลเปน ฟลายบอล ผูเลนฝา ยรับรับได ผูว ิ่งไดค ะแนน ข. เมื่อผูเลนเอาตฟลด (หรือผูเลนอินฟลดว่ิงออกไปในเขตเอาตฟลด) พยายามรับลูกบอลหรือ ลกู พุง แตทาํ ลูกบอลตกถึงพ้ืน ทําใหผูวงิ่ ไดค ะแนน และผบู ันทึกผลเห็นวา แมฝ ายรบั จะรบั ลูก บอลได ผวู ่งิ ก็สามารถทาํ คะแนนได ขอ 5 รันแบตเตด็ อิน หรอื อารบ ไี อ รนั แบตเตด็ อิน หรอื อารบ ไี อ หมายถึง คะแนนทีไ่ ดม าดวยเหตใุ ดเหตหุ นงึ่ ตอ ไปนี้ ก. การตลี กู บอลเปน แฟรบ อล และไมมีผูวิ่งคนใดถูกทําเอาต ข. (ประเภทฟาสตพิตช) การบันตเสยี สละ หรือสแล็ปฮติ (ประเภทฟาสตพติ ช และประเภทสโลวพิตช) การตีฟลายบอลเสียสละ ค. การรับฟลายบอลในเขตฟาวลได ง. การทําเอาตในอนิ ฟลด หรอื การเลือกทาํ เอาตทผ่ี ูวิ่งคนอ่ืน จ. ผูว่ิงไดสิทธ์ิเคล่ือนเขาโฮมเพลตเนื่องจากเกิดการขัดขวาง ลูกบอลท่ีถูกพิตชมาโดนรางกายผูตี หรอื ผูต ีไดเบสออนบอล ฉ. ผตู ตี โี ฮมรนั และทุกคะแนนทีไ่ ดจ ากการตโี ฮมรัน ขอ 6 พิตเชอรผูชนะ ใหพ ติ เชอรไดเปน “พิตเชอรผูช นะ” ในกรณีตอไปนี้ : ก. เมื่อเปนพิตเชอรเริ่มตน และไดพิตชมาแลวไมนอยกวา 4 อินนิง ทีมมีคะแนนนําขณะที่ถูก เปล่ยี นออก และมคี ะแนนนาํ ไปจนสิ้นสดุ การแขง ขัน ข. เมื่อการแขงขันสิ้นสุดลงหลังจากแขงขันกันครบ 5 อินนิง พิตเชอรเร่ิมตนนั้นพิตชมาแลว ไมน อ ยกวา 3 อินนิง และทีมมคี ะแนนมากกวา ทีมคูแขง ขันเม่ือการแขงขันสิ้นสดุ ลง ขอ 7 พติ เชอรผูแ พ ใหพิตเชอรเปน “พิตเชอรผูแพ” โดยไมคํานึงถึงจํานวนอินนิงท่ีพิตชมาแลว ถาถูกเปล่ียนออก ในขณะทีท่ มี มีคะแนนนอ ยกวา และหลงั จากน้ันไมส ามารถทาํ คะแนนมาเทา กันหรือมากกวาได ขอ 8 สรุปผลการแขง ขนั สรุปผลการแขง ขันใหมีหัวขอตามลาํ ดบั ตอ ไปนี้ ก. คะแนนในแตล ะอนิ นงิ และคะแนนรวม ข. รนั แบตเตด็ อินหรอื อารบ ไี อและชื่อผตู ี ค. จาํ นวนครั้งของการทําเบสฮิตได 2 เบสและช่ือผูตี ง. จาํ นวนครงั้ ของการทาํ เบสฮิตได 3 เบสและช่อื ผูต ี จ. จํานวนครง้ั ของการทําโฮมรันและชอื่ ผตู ี ฉ. จาํ นวนคร้งั ของการตฟี ลายบอลเสยี สละและช่อื ผูตี ช. จํานวนครัง้ ของการทาํ ดบั เบิลเพลยและผเู ลนทีม่ สี วนรวม

97 ซ. จํานวนคร้งั ของการทาํ ทรเิ ปลเพลยและผเู ลนท่มี ีสว นรวม ฌ. จํานวนครัง้ ของวอลคสาํ หรบั พติ เชอรแตล ะคน ญ. จํานวนครง้ั ของการทําสไตรคเอาตข องพิตเชอรแตละคน ฎ. จาํ นวนครง้ั ของเบสฮิตและคะแนนท่พี ติ เชอรแตละคนเสยี ใหแ กคแู ขงขนั ฏ. ช่ือพติ เชอรผชู นะ ฐ. ชือ่ พติ เชอรผแู พ ฑ. เวลาทใ่ี ชในการแขงขนั ฒ. ชอื่ ผตู ัดสินและผูบนั ทกึ ผล ณ. (ประเภทฟาสตพ ิตช) จาํ นวนเบสทีข่ โมยและชื่อผูทที่ ําได ด. (ประเภทฟาสตพิตช) จาํ นวนครงั้ ของการบันตเ สียสละ ต. (ประเภทฟาสตพติ ช) ชือ่ ผูต ีท่โี ดนลูกบอลท่ถี ูกพิตชมาและชอ่ื พิตเชอร ถ. (ประเภทฟาสตพติ ช) จาํ นวนครง้ั ของไวลดพติ ชส าํ หรับพิตเชอรแตล ะคน ท. (ประเภทฟาสตพติ ช) จํานวนครง้ั ของพาสดบ อลสาํ หรับแคตเชอรแ ตล ะคน ขอ 9 จาํ นวนเบสทีข่ โมยได (ประเภทฟาสตพิตช) นับจํานวนเบสที่ขโมยไดใหกับผูวิ่งทุกครั้งที่สามารถเคลื่อนไปขางหนาได 1 เบส โดยไมไดมาจากการชวยเหลอื ตอไปน้ี – การตี – การทาํ เอาต – การเลนท่ผี ิดพลาด – การทําฟอรซเอาต – การเลือกทาํ เอาตทผี่ ูว่ิงอืน่ – พาสดบอล – ไวลดพ ติ ช – การพติ ชท ี่ผิดกตกิ า รวมไปถึงกรณีผูวิง่ แรกเร่มิ ทไี่ ดสิทธิ์ครอบครองเบสหนึ่งเนื่องจากไดเ บสออนบอล แลว เคล่ือนตอไป ครอบครองเบสสองได ขอ 10 สถิตขิ องการแขง ขันท่ีมีการปรบั เปน แพ สถิติทั้งหมดของการแขงขันที่มีการปรับเปนแพใหแสดงรวมไวในสถิติของการแขงขันอยางเปน ทางการดวย ยกเวนสถติ ิชนะและแพข องพติ เชอร

98 ภาคผนวก 1 ก

99 ภาคผนวก 1 ข

100 ภาคผนวก 1 ค

101 ภาคผนวก 1 ง

102 ภาคผนวก 2 ตารางแสดงระยะตา งๆ ประเภท ระดับ ระยะพิตช ระยะเบส ระยะรั้วก้ัน เมตร เมตร ดานนอก (Outfield Fence) ตํา่ สุด เมตร เยาวชน หญิง 12.19 18.29 67.06 อายุไมเ กิน 16 ป เยาวชน หญงิ 13.11 18.29 67.06 อายไุ มเ กนิ 19 ป ฟาสตพติ ช เยาวชน ชาย 14.02 18.29 76.20 สโลวพ ติ ช อายไุ มเกิน 16 ป เยาวชน ชาย 14.02 18.29 76.20 อายุไมเกิน 19 ป ทั่วไป หญงิ 13.11 18.29 67.06 ชาย 14.02 18.29 76.20 ทั่วไป เยาวชน หญิง 14.02 19.81 80.77 อายุไมเ กิน 16 ป เยาวชน หญิง 15.24 19.81 80.77 อายุไมเกนิ 19 ป เยาวชน ชาย 14.02 19.81 91.44 อายไุ มเกนิ 16 ป เยาวชน ชาย 15.24 19.81 91.44 อายุไมเกนิ 19 ป ท่วั ไป หญงิ 15.24 19.81 83.82 ชาย 15.24 19.81 91.44 ทัว่ ไป ผสม 15.24 19.81 83.82 ทว่ั ไป

ภาคผนวก 2 103 ตารางแสดงระยะตา งๆ ประเภท ระดับ ระยะพิตช ระยะเบส ระยะรั้วก้ัน ฟุต ฟุต ดานนอก (Outfield Fence) ตํ่าสุด ฟุต เยาวชน หญงิ 40 60 220 อายุไมเ กิน 16 ป เยาวชน หญงิ 43 60 220 อายไุ มเกนิ 19 ป ฟาสตพติ ช เยาวชน ชาย 46 60 250 สโลวพ ิตช อายุไมเกนิ 16 ป เยาวชน ชาย 46 60 250 อายไุ มเ กนิ 19 ป ท่ัวไป หญงิ 43 60 220 ท่วั ไป ชาย 46 60 250 เยาวชน อายไุ มเ กนิ 16 ป หญงิ 46 65 265 เยาวชน อายไุ มเ กนิ 19 ป หญงิ 50 65 265 เยาวชน อายไุ มเ กนิ 16 ป ชาย 46 65 300 เยาวชน อายไุ มเกิน 19 ป ชาย 50 65 300 ทั่วไป ทั่วไป หญิง 50 65 275 ทว่ั ไป ชาย 50 65 300 ผสม 50 65 275

104 ภาคผนวก 3 การทําสนามแขง ขัน เนื้อหาสวนน้เี ปน ตัวอยาง สาํ หรับการทาํ สนามแขงขันทมี่ ีระยะระหวา งเบส 18.29 เมตร (60 ฟุต) และระยะพิตช 14.02 เมตร (46 ฟตุ ) 1. ในการกาํ หนดตาํ แหนง ของโฮมเพลต ใหลากเสนตรงในทิศทางที่ตองการจะใหเ ปน สนาม แขง ขนั ตอกหมุดที่มมุ ของโฮมเพลตดานทใ่ี กลกบั แคตเชอรทีส่ ุด ผูกเชือกกบั หมุดนี้ แลว ผกู เชอื ก เปนปมที่ ระยะ 14.02 เมตร (46 ฟุต), 18.29 เมตร (60 ฟุต), 25.86 เมตร (84 ฟุต 10 1/4 น้ิว) และ 36.58 เมตร (120 ฟุต) 2. ทาบเชอื ก (โดยไมต องดึงใหต ึง) ไปตามเสนท่ลี ากไว และตอกหมุดทีร่ ะยะ 14.02 เมตร (46 ฟุต) จุดนี้จะเปนจดุ กง่ึ กลางของขอบหนาของพิตเชอรเ พลต จากนน้ั เลื่อนไปตอกหมดุ ท่รี ะยะ 25.86 เมตร (84 ฟตุ 10 1/4 น้ิว) จดุ น้จี ะเปน จดุ ก่ึงกลางของเบสสอง สําหรับระยะระหวางเบส 19.81 เมตร (65 ฟุต) จุดนีจ้ ะอยูที่ระยะ 28.02 เมตร (91 ฟุต 11 นวิ้ ) 3. ผูกปมเชอื กระยะ 36.58 เมตร (120 ฟตุ ) ไวกบั หมุดที่แสดงตาํ แหนงจุดกึ่งกลางของ เบส สอง แลวถอื ปมเชอื กทบ่ี อกระยะ 18.29 เมตร (60 ฟุต) ไว เดนิ ไปทางขวาของเสนทลี่ ากไวจ นกระทง่ั เชอื กตงึ แลว ตอกหมุดท่ีตาํ แหนง ของปมเชือกระยะ 18.29 เมตร (60 ฟตุ ) จุดนี้จะเปนมุมดา นนอกของเบส หนง่ึ และแนวเชอื กจะเปน แนวเสนเบสจากโฮมเพลต ไปยังเบสหนง่ึ และจากเบสหน่งึ ไปยังเบสสอง 4. ถือปมเชือกท่ีระยะ 18.29 เมตร (60 ฟตุ ) แลวขามไปทางดานซายของเสนทีล่ ากไว ทําแบบเดิม จะไดจุดทเี่ ปนมุมดา นนอกของเบสสาม โดยโฮมเพลต เบสหน่ึง และเบสสาม จะอยูภายในเสน แสดงสนามแขงขนั 5. ในการตรวจสอบสนามแขงขัน ยายปมเชอื กท่ีแสดงตําแหนงโฮมเพลตไปผูกไวก บั หมดุ ที่กาํ หนด มุมดานนอกของเบสหน่งึ และปมเชือกระยะ 36.58 เมตร (120 ฟุต) กับหมดุ ท่ีกาํ หนดมุมดานนอกของ เบสสาม แลวจงึ ถือปมเชือกระยะ 18.29 เมตร (60 ฟุต) ไปตรวจสอบตาํ แหนง ที่โฮมเพลตและเบสสองวา ถูกตองตรงกนั 6. ในการทําสนามที่มรี ะยะระหวางเบส 19.81 เมตร (65 ฟุต) ใหทาํ ตามวิธกี ารตัง้ แตขอ 1 ถึง ขอ 5 โดยเปลีย่ นเปน ผูกเชือกเปน ปมท่ีระยะ 19.81 เมตร (65 ฟุต), 39.62 เมตร (130 ฟตุ ) และ 28.02 เมตร (91 ฟุต 11 น้ิว) 7. ตรวจสอบระยะทั้งหมดดว ยเทปวดั ระยะชนิดโลหะทนั ทีทท่ี ําได

105 ภาคผนวก 4 ขอ กําหนดเก่ยี วกบั ลกู ซอฟทบอล 1. ใหล กู บอลท่ีมีขนาด 30.5 เซนตเิ มตร (12 น้วิ ) มขี นาดเสน รอบวงไดตั้งแต 30.2 เซนติเมตร (11 7/8 น้ิว) ถึง 30.8 เซนตเิ มตร (12 1/8 นวิ้ ) และมีนํ้าหนักไดต้งั แต 178.0 กรมั (6 1/4 ออนซ) ถงึ 198.4 กรัม (7 ออนซ) ลูกบอลชนดิ ตะเขบ็ เรยี บใหมรี อยเย็บไมน อยกวา 88 รอยในแตละชน้ิ ของวัสดุหอหุม น้ัน และเย็บโดยวิธเี ข็มคู 2. ใหลูกบอลท่ีมีขนาด 27.9 เซนติเมตร (11 น้ิว) มขี นาดเสน รอบวงไดตัง้ แต 27.6 เซนติเมตร (10 7/8 น้ิว) ถงึ 28.3 เซนติเมตร (11 1/8 นิว้ ) และมนี ํ้าหนกั ไดต ้ังแต 166.5 กรมั (5 7/8 ออนซ) ถงึ 173.6 กรมั (6 1/8 ออนซ) ลูกบอลชนิดตะเขบ็ เรยี บใหมรี อยเย็บไมนอ ยกวา 80 รอยในแตละช้นิ ของ วัสดหุ อหุมนั้น และเย็บโดยวธิ เี ข็มคู 3. ลกู บอลที่สมบรู ณต องมีคา ซโี ออารแ ละมาตรฐานแรงบบี อดั ตามท่ีกาํ หนดไวโดยคณะกรรมการ มาตรฐานอปุ กรณข องสหพนั ธฯ 4. ใหใ ชล กู บอลสขี าวตะเขบ็ สีขาวหรอื สีเหลอื ง (yellow optic) ตะเข็บสแี ดง ขนาด 12 น้วิ ทีม่ ีคา ซีโออารไมเกิน 0.47 มตี รา ISF ที่ลูกบอล ในการแขง ขันของสหพนั ธฯ ตอ ไปน้ี : - การแขง ขันประเภทฟาสตพ ิตชร ะดบั ทว่ั ไปทีมชายและทีมหญงิ - การแขงขนั ประเภทฟาสตพิตชและสโลวพติ ชร ะดับเยาวชนทมี ชาย - การแขงขนั ประเภทฟาสตพ ิตชระดบั เยาวชนทีมหญิง 5. ใหใชล ูกบอลสีขาวตะเขบ็ สีแดง ขนาด 12 นิว้ ทีม่ คี าซีโออารไมเ กิน 0.47 มตี รา ISF และ ตวั อกั ษร MSP -47 ท่ีลูกบอล ในการแขงขนั ของสหพันธฯ ตอ ไปนี้ - การแขง ขนั ประเภทสโลวพ ติ ชระดับท่วั ไปทีมชาย - การแขงขนั ประเภทสโลวพติ ชระดบั ทัว่ ไปทีมผสม 6.ใหใ ชล ูกบอลสีขาวตะเขบ็ สีแดง ขนาด 11 นิ้ว ทมี่ ีคา ซีโออารไมเ กิน 0.47 มตี รา ISF และ ตัวอักษร GWSP – 47 ทล่ี ูกบอล ในการแขง ขันของสหพันธฯ ตอไปนี้ - การแขงขนั ประเภทสโลวพ ิตชร ะดับท่วั ไปทีมหญิง - การแขง ขันประเภทสโลวพติ ชระดบั เยาวชนทีมหญิง 7. ลกู บอลทใ่ี ชในการแขง ขนั ของสหพนั ธฯ แรงบีบอดั ทีท่ ําใหลูกบอลเลก็ ลง 0.64 เซนตเิ มตร (1/4 นว้ิ ) ตอ งไมเกนิ 170.1 กโิ ลกรมั (375 ปอนด) เม่ือทําการทดสอบลูกบอลนั้นตามวิธกี ารทดสอบ ของสมาคมวัสดุและการทดสอบแหงอเมรกิ า (ASTM) สําหรบั วดั แรงบีบอัดและการยุบลงของลูกบอล ซง่ึ ไดร บั การรบั รองจากคณะกรรมการมาตรฐานอุปกรณข องสหพันธฯ

106 ตารางแสดงขนาดมาตรฐานของลกู บอล ลกู บอล สี ขนาด นํา้ หนกั ตรา และ/หรือ ขนาด ใชกับ สงู สุด ต่ําสุด ตวั อกั ษรที่ (เซนตเิ มตร) ประเภท ลกู บอล ตะเข็บ สูงสุด ตํ่าสุด (กรัม) (กรัม) ลูกบอล (เซนติเมตร) (เซนติเมตร) 30.5 ฟาสตพ ติ ช ขาว ขาว 30.2 30.8 178.0 198.4 ตรา ISF 30.5 ฟาสตพ ติ ช เหลอื ง แดง 30.2 30.8 178.0 198.4 ตรา ISF 30.5 สโลวพ ติ ช ขาว แดง 30.2 27.9 สโลวพติ ช ขาว แดง 27.6 30.8 178.0 198.4 MSP - 47 และตรา ISF 28.3 166.5 173.6 GWSP - 47 และตรา ISF ลกู บอล สี ขนาด นาํ้ หนกั ตราและ/หรือ ขนาด ใชก บั ลกู บอล ตะเข็บ สงู สดุ ต่ําสุด สูงสดุ ตํ่าสดุ ตวั อกั ษรที่ (นว้ิ ) ประเภท ขาว ขาว (นิ้ว) (นว้ิ ) (ออนซ) (ออนซ) ลกู บอล 12 ฟาสตพ ิตช 11 7/8 12 1/8 6 1/4 7 ตรา ISF 12 ฟาสตพติ ช เหลอื ง แดง 11 7/8 12 1/8 6 1/4 7 ตรา ISF MSP - 47 12 สโลวพ ติ ช ขาว แดง 11 7/8 12 1/8 6 1/4 7 และตรา ISF GWSP – 47 11 สโลวพ ติ ช ขาว แดง 10 7/8 11 1/8 5 7/8 6 1/8 และตรา ISF

107 ภาคผนวก 5 ขอกาํ หนดเกีย่ วกับโกลฟ (ก) ความกวางของฝามือ (บน) 20.3 เซนตเิ มตร (8 น้ิว) (ข) ความกวางของฝา มือ (ลาง) 21.6 เซนตเิ มตร (8 1/2 นว้ิ ) (ค) ความกวางของตาขา ย (บน) 12.7 เซนติเมตร (5 น้วิ ) (ง) ความกวางของตาขา ย (ลา ง) 11.5 เซนติเมตร (4 1/2 นิ้ว) (จ) ความยาวของตาขาย 18.4 เซนตเิ มตร (7 1/4 นิ้ว) (ฉ) แนวตะเขบ็ ดา นน้ิวชี้ 19.0 เซนติเมตร (7 1/2 นิ้ว) (ช) แนวตะเข็บดานนวิ้ หวั แมม อื 19.0 เซนตเิ มตร (7 1/2 นิ้ว) (ซ) แนวตะเขบ็ ระหวางนวิ้ ชแ้ี ละนิ้วหวั แมมอื 44.5 เซนติเมตร (17 1/2 นว้ิ ) (ฌ) ความยาวของนิว้ หวั แมมือ 23.5 เซนตเิ มตร (9 1/4 นว้ิ ) (ญ) ความยาวของน้วิ ชี้ 35.6 เซนติเมตร (14 นว้ิ ) (ฎ) ความยาวของนว้ิ กลาง 33.7 เซนติเมตร (13 1/4 นิ้ว) (ฏ) ความยาวของนิ้วนาง 31.1 เซนติเมตร (12 1/4 น้ิว) (ฐ) ความยาวของน้ิวกอย 27.9 เซนตเิ มตร (11 นวิ้ )


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook