45 ตอไปนี้เปนผลของขอ 1 – 7 ขา งตน ผล ขอ 1 - 7 การละเมิดกติกาขอ 1 - 7 เปนการพิตชที่ผิดกติกา (ยกเวนการกระทําผิดกติกาหมวด 6 ขอ 3 ฑ และ ขอ 6 ข ซึง่ กาํ หนดไวต างหากแลว ) โดยมีรายละเอยี ดดงั ตอไปน้ี : 1. ใหผตู ดั สินแสดงสญั ญาณดีเลยเ ดดบอล และขานอลิ ลีกัลพติ ช (illegal pitch) 2. ถาผูตไี มตี (ก) ผูต ีไดบ อลเพม่ิ อีก 1 ครัง้ (ผตู ไี ดครอบครองเบสหนึง่ ถาเปนบอลที่ 4) (ข) ผวู ิ่งทกุ คนไดสิทธ์ิเคลอื่ นไปขางหนา 1 เบส ขอ ยกเวน ในกรณีทผี่ วู ิ่งเคลอ่ื นไปขางหนาโดยถูกกตกิ า เน่อื งจากการพิตชทผี่ ิดกตกิ า (หรอื พาสดบ อล หรือไวลดโธรวของแคตเชอร) ใหผูวง่ิ ไดค รอบครองเบสน้นั ไวถ าผวู ่งิ ถกู ทาํ เอาตหลงั จากเคลื่อนไปขา งหนา 1 เบสแลวผวู ิ่งนั้นจะถกู ขานเอาต 3. ถา ผูตตี ถี กู ลูกบอล ผจู ดั การทมี ฝายรุกมีสิทธิ์เลอื กอยางใดอยางหน่ึงตอ ไปน้ี (ก) ใหล งโทษการพิตชท่ีผิดกตกิ า (ข) ใหค งผลการเลนไว ขอยกเวน ถาผวู ่งิ แรกเริ่มเคลอ่ื นไปถึงเบสหน่งึ เน่อื งจากการตี และผูว ่ิงทกุ คนไดเ คลอื่ นไป ขา งหนา อยางนอ ย 1 เบส การพิตชท ่ีผดิ กติกาใหยกเลิก ใหค งผลการเลนไว ผจู ัดการทีมฝายรุกไมม สี ทิ ธิ์เลือกอีก 4. ถาผูตีเหว่ียงไมตี แตไมถูกลูกบอล และแคตเชอรรับลูกบอลท่ีเปนสไตรคท่ี 3 ไมได กอ นตกถึงพ้ืน แตขวางไปที่เบสหน่ึงทําเอาตผูวง่ิ แรกเร่ิมได ผูว่งิ คนอน่ื เคลื่อนไปขางหนา ไดอยางนอย 1 เบส ผจู ดั การทีมฝายรกุ มสี ิทธิเ์ ลอื กอยา งใดอยา งหนึ่งตอไปน้ี (ก) ใหลงโทษการพิตชท่ผี ดิ กตกิ า (ข) ใหค งผลการเลนไว ขอ ยกเวน ถาผวู ง่ิ แรกเรมิ่ เคล่ือนไปถึงเบสหน่งึ เนือ่ งจากแคตเชอรร ับลูกบอลท่ีเปน สไตรคที่ 3 ไมไ ดกอนตกถงึ พื้น และผวู งิ่ ทกุ คนไดเคล่อื นไปขา งหนา อยา งนอย 1 เบส การพิตช ทผ่ี ิดกติกาใหยกเลกิ ใหค งผลการเลนไวผ ูจัดการทีมฝายรุกไมม สี ิทธเ์ิ ลือกอีก 5. ถาผูจัดการทีมไมเลือกใหคงผลการเลน ใหลงโทษการพิตชท่ีผิดกติกาโดยใหผูตีไดบอล เพ่ิมอีก 1 คร้ัง (ผูตีไดครอบครองเบสหนึ่ง ถาเปนบอลท่ี 4) ผูว่ิงทุกคนไดเคลื่อนไป ขา งหนา 1 เบส เปนเดดบอล 6. ถา ลูกบอลจากการพิตชท ี่ผิดกติกาโดนรางกายผูต ี เปนเดดบอล ผตู ไี ดส ิทธ์ไิ ปครอบครอง เบสหนง่ึ ผูวง่ิ ทุกคนไดเ คล่ือนไปขา งหนา 1 เบส ผจู ัดการทีมฝา ยรกุ ไมมสี ทิ ธเ์ิ ลอื กอกี ขอ 8 เบสออนบอลโดยเจตนา ถาทีมฝายรับตองการใหผูตีไดเบสออนบอลโดยเจตนา จะกระทําไดโดยพิตเชอร แคตเชอร หรือ ผฝู กสอนแจงผตู ัดสนิ เพลต ซึ่งผูตัดสินจะอนุญาตใหผูตีไดเ คล่ือนไปครอบครองเบสหนง่ึ การแจงนี้ใหถือเปน การพิตชด วย เปนเดดบอล
46 หมายเหตุ การแจง นี้จะกระทําเม่ือใดกไ็ ดกอนท่ผี ูตเี ร่มิ และสิน้ สดุ รอบข้ึนตี ไมว าจะมีจํานวน บอลและ สไตรคเทา ใด เปนเดดบอล ผูว ิ่งไมส ามารถเคลอ่ื นไปขางหนาได เวนแตเปนเบสบังคบั ขอ 9 การซอมพิตช ก. เม่ือเริ่มตนอินนิงแรกของทั้งสองทีม หรอื เม่ือมีการเปลยี่ นผูเลนตําแหนงพิตเชอร จะใชเวลาได ไมเกิน 1 นาที ซอมพิตชไดไมเกิน 5 คร้ังใหกับแคตเชอรหรือสมาชิกทีมคนอ่ืนทุกคร่ึง อินนงิ หลังจากนน้ั อนุญาตใหซ อมพติ ชไดไมเ กนิ 3 ครั้งเทานัน้ ขอยกเวน ไมใชก ติกาขอนี้เมอื่ ผตู ดั สินเริ่มการแขง ขัน หรอื ใหท ําการแขง ขนั ตอ ลาชาหลงั จาก หยดุ การแขงขนั ช่ัวขณะเนื่องจากมีการเปล่ียนผูเลนสํารอง การชอชารจคอนเฟอเรนซ การบาดเจบ็ เปน ตน ผล ขอ 9 ก ถา ซอ มพติ ชเกินกวา ที่ระบุไว ใหลงโทษพติ เชอรโ ดยใหผตู ไี ด “บอล” สาํ หรบั แต ละครั้งท่ีซอ มพิตชเ กนิ ข. ใหการแขง ขนั หยดุ ลงชว่ั ขณะในระหวางการซอมพติ ช ค. ไมอนญุ าตใหพิตเชอรท ่กี ลับมาพิตชใ หมในครงึ่ อินนิงเดยี วกัน ซอมพิตชอ ีก ผล ขอ 9 ค ใหผ ตู ีได “บอล” สาํ หรับแตละคร้ังที่ซอมพติ ช ง. ผเู ลนสามารถกลบั เขา มาเลน ในตําแหนง พติ เชอรไ ด โดยไมจํากัดจํานวนครงั้ 1. ถาผเู ลนนน้ั ยงั ไมออกจากลาํ ดับการขนึ้ ตี 2. ถาผูตดั สินยงั ไมป ระกาศใหผ เู ลน นน้ั เปน พิตเชอรท่ีผิดกตกิ า ขอ 10 โนพิตช ใหผ ูตัดสนิ เพลตขาน “โนพติ ช” ในกรณีตอ ไปนี้ : ก. เมื่อพิตเชอรพติ ชในระหวา งหยุดการแขงขันชัว่ ขณะ ข. เมือ่ พิตเชอรพยายามพิตชกลับเรว็ 1. กอ นผูตีเขามาในเขตผูตี 2. เมื่อผูตยี งั คงเสียหลักอยจู ากการพิตชคร้ังที่ผานมา ค. เม่ือผวู งิ่ ถกู ขานเอาตเ น่อื งจากออกจากเบสกอนพติ เชอรปลอยลกู บอลในการพิตช ง. เม่อื พิตเชอรพิตชกอ นผูว ่ิงจะกลบั ไปแตะเบสหลังจากฟาวลบอล และเปนเดดบอล จ. เมอื่ ผูเลน ผูจดั การทีม หรอื ผฝู ก สอน กระทําส่งิ ใดส่ิงหน่ึง ตอไปน้ี 1. ขาน “ไทม” 2. ใชถ อยคาํ หรือวลีอน่ื ๆ 3. กระทาํ การใดๆ ในขณะท่ีเปนบอลอนิ เพลย โดยเห็นไดช ดั วามจี ดุ ประสงคใ หพิตเชอรท ําการพิตชท่ีผดิ กตกิ า หมายเหตุ ใหเ ตอื นทีมทกี่ ระทําผิด ถาสมาชิกของทีมท่ีถกู เตือนกระทําผิดซาํ้ อีก ใหไ ลผ กู ระทาํ ผิดน้ัน ออกจากการแขง ขนั ผล ขอ 10 ก - จ เปน เดดบอล ใหย กเลกิ การเลนท่เี กิดข้ึน
47 ขอ 11 ลกู บอลหลุดจากมือ ถา ลูกบอลหลุดจากมือของพิตเชอรร ะหวา งการพติ ช 1. ผตู ไี ด “บอล” 2. ยงั คงเปน บอลอินเพลย 3. ผูวิ่งจะเคลอื่ นไปขางหนา ก็ได แตอาจถกู ทาํ เอาตไ ด ขอ 12 พติ เชอรท ผ่ี ดิ กติกา พติ เชอรท่ีถูกประกาศวาเปนพิตเชอรที่ผิดกติกา เน่ืองจากทีมขอชารจคอนเฟอเรนชขณะท่ีเปนฝาย รับเกินกําหนด จะกลบั เขามาเลนในตาํ แหนงพิตเชอรไมไ ดอีกตลอดระยะเวลาการแขงขนั ที่เหลอื อยู ผล ขอ 12 ถาพิตเชอรที่ผิดกติกากลับเขามาแขงขันและทําการพิตชไปแลว (ไมวาถูกหรือผิดกติกา) ใหไล พิตเชอรน ั้นออกจากการแขง ขนั ถาตรวจพบกอนการพิตชค รั้งตอ ไป ผจู ดั การทมี ฝายรุกมสี ทิ ธ์เิ ลือก (1) ใหคงผลการเลนทีเ่ กดิ ข้นึ (2) ใหยกเลิกการเลนท่ีเกิดข้ึน ผูวิ่งทุกคนกลับไปยังเบสสุดทายท่ีครอบครองอยูขณะที่มี การเลน น้นั ขอยกเวน จากผลขอ 12 (2) ถาการเลนนั้นเปนผลจากผูตีท่ีส้ินสุดรอบข้ึนตีแลว และฝายรุกเลือกใหยกเลิกการเลน ทีเ่ กิดข้นึ ใหผูตีนั้นกลับมาขึน้ ตี โดยมจี าํ นวนบอลและสไตรคเ ทา กับทีม่ ีอยกู อ นสนิ้ สดุ รอบ ขน้ึ ตี ผวู ง่ิ ทุกคนกลับไปยงั เบสที่ครอบครองอยเู มอื่ เร่ิมการพิตช
หมวด 6 การพติ ช (ประเภทโมดฟิ ายดพิตช) (PITCHING REGULATIONS (Modified Pitch Only) หมายเหตุ ผลของการละเมิดกตกิ าขอ 1 - 7 ดไู ดจ ากตอนทายของขอ 7 ขอ 1 ขอ ปฏบิ ตั ิเบอื้ งตน กอ นเริ่มตน การพิตช ก. พิตเชอรท ี่ไมมลี ูกบอลในครอบครอง จะยืนใกลหรือบนพติ เชอรเพลตไมไ ด ข. ไมถ ือวาพิตเชอรอ ยูในตําแหนงพิตช เวน แตแ คตเชอรอ ยใู นตาํ แหนงพรอมทจี่ ะรับลกู บอลจาก การพติ ช ค. พิตเชอรตองวางเทาท้ังสองบนพื้นภายในระยะความยาว 61.0 เซนติเมตร (24 น้ิว) ของ พติ เชอรเพลต ใหไหลท้ังสองขา งอยูในแนวเสนตรงระหวางเบสหน่ึงและเบสสาม เทาท้ังสอง ขางตองสัมผสั กับพติ เชอรเพลต ง. พิตเชอรตองรับสัญญาณ หรือทําทาเสมือนกําลังรับสัญญาณจากแคตเชอร ในขณะที่ยืนบน พิตเชอรเพลต มลี ูกบอลอยูในมอื หรอื โกลฟ โดยมือทัง้ สองแยกออกจากกนั จ. หลังจากรับสัญญาณแลว ใหพิตเชอรรวมมือท้ังสองขางท่ีดานหนาของลําตัว โดยถือลูกบอล อยูภายใน ลําตัวตองหยุดน่ิงโดยสมบูรณอยางนอย 2 วินาทีแตไมเกิน 10 วินาที กอนเรม่ิ ตน การพิตช ขอ 2 การเรมิ่ ตนการพติ ช การพติ ชเริม่ ตน เม่ือมอื ขา งท่ถี ือลูกบอลแยกออกมาจากโกลฟ ขอ 3 การปลอ ยลกู บอลท่ถี กู กตกิ า ก. พิตเชอรต อ งไมขยบั ตัวกอ นเริ่มการพิตช โดยไมปลอ ยลกู บอลไปยงั ผูตที นั ที ข. หลังจากอยูในตําแหนงพิตช และมีลูกบอลอยูในมือท้ังสอง พิตเชอรตองไมขยับตัว กอนเร่ิมตนการพิตชโดยแยกมือท่ีถือลูกบอลออกมาจากโกลฟ ควงแขนไปทางดานหลัง แลวยอนกลับมาทางดานหนา รวมมือท้ังสองทีด่ า นหนา ของลําตัวอกี ค. แขนของพิตเชอรทค่ี วงมาดา นหนา แลว หามหยดุ หรอื ควงยอนกลบั ง. ในการสงแขนไปดา นหลงั พติ เชอรจะนาํ ลกู บอลไปอยดู านหลงั ของลาํ ตัวก็ได จ. พิตเชอรตองไมใชการพิตชแบบควงแขน (windmill) หรือกระตุกแขน (slingshot) หรือ หมนุ แขนครบรอบในการปลอ ยลกู บอล ฉ. ในระหวางท่ีแขนเคล่ือนท่ีลงไปดานลางจนถึงการปลอยลูกบอลโยสมบูรณ ลูกบอลตองไมหาง ลําตัวเกนิ กวา ขอมอื ช. การปลอยลูกบอลตองเปนการปลอยจากดานลาง โดยใหมือต่ํากวาสะโพก และฝามือหันลง ดานลาง ซ. ในระหวา งทแ่ี ขนซึ่งใชพ ิตชเคล่อื นไปดานหนา 1. ขอศอกตอ งหยดุ นิง่ ณ จุดปลอยลกู บอล 2. ไหลและสะโพกตอ งหันขนานกับโฮมเพลตขณะปลอยลกู บอล
49 ฌ. การปลอยลูกบอล ตองกระทําในขณะท่ีแขนขางซ่ึงใชพิตชเร่ิมเคลื่อนผานสะโพกไปขางหนา มีการสงแรงตามที่สมบูรณ ไมม กี ารหยดุ แขนใกลส ะโพก ญ. เทาทัง้ สองขา งตอ งสัมผัสกบั พิตเชอรเ พลตตลอดเวลากอนกาวเทาไปขางหนา ฎ. ในการปลอยลูกบอลน้ัน ใหพิตเชอรกาวเทาไปขางหนา 1 กาว ตรงไปยังผูตี และอยูภายใน ระยะความยาวของพิตเชอรเพลตพรอมกับปลอยลูกบอลออกจากมือ เทาท่ีกาวตองช้ีไปทาง โฮมเพลตและตอ งไมส มั ผัสพื้นหนา หรอื ขา มเสน สมมตุ ทิ ่ีลากเชื่อมระหวางเทาหลกั กบั โฮมเพลต หมายเหตุ ไมถือวาเปนการกาวเทา ถาพิตเชอรเ ล่ือนเทา ไปตามความยาวของพติ เชอรเ พลต และยังสัมผัส อยกู ับพติ เชอรเ พลต การยกเทา หลักออกจากพิตเชอรเ พลตแลววางกลบั ลงไปที่พติ เชอรเพลต เปน การพติ ชท ่ผี ดิ กตกิ า ฏ. การถีบเทาสงตัว (ดวยเทาหลัก) จากตําแหนงอื่นที่ไมใชพิตเชอรเพลต กอนเทาที่ใชกาว (ทไ่ี มใ ชเ ทา หลกั ) พน จากพิตเชอรเพลต เปน “โครวฮอ็ ป” และเปน การพิตชท ีผ่ ดิ กติกา ฐ. พติ เชอรตองไมควงแขนขนึ้ ดานบนอีกหลงั จากปลอยลูกบอลออกจากมือ ฑ. พิตเชอรต อ งไมเจตนาทําใหล กู บอลตกพน้ื กลง้ิ หรือกระดอน เพ่อื ปองกันไมใหผตู ตี ลี กู บอล ฒ. พิตเชอรมีเวลา 20 วินาทีในการพิตชคร้ังตอไปหลังจากรับลูกบอลจากแคตเชอร หรือหลัง จาก ผตู ดั สนิ เพลตขาน “เพลยบอล” ผล ใหผ ตู ีไดบ อลเพ่มิ อกี 1 ครั้ง ขอ 4 ตําแหนงของผเู ลน ฝา ยรับ ก. ไมใหพิตเชอรพิตชจนกวาผูเลนฝายรับทุกคนอยูในเขตแฟร ยกเวนแคตเชอรตองอยูภายใน เขตแคตเชอร ข. หามผูเลนฝายรับเขาไปอยูในแนวการมองลูกบอลของผูตี หรือเจตนาแสดงกิริยาอันมิใชวิสัย ของนักกีฬาเพ่ือทาํ ใหผ ูตีเสียสมาธิ หมายเหตุ ใหไ ลผ ูที่กระทาํ ผดิ ออกจากการแขงขนั โดยไมจาํ เปน ตอ งมีการพิตช ค. เมอ่ื ผวู ่งิ บนเบสสามพยายามทาํ คะแนนโดยการทาํ สควีซเพลย หรอื การขโมยเบส 1. หามผเู ลน ฝา ยรบั ท่ีไมม ลี กู บอลกา วไปบนโฮมเพลต หรือดา นหนา ของโฮมเพลต 2. หามผเู ลน ฝา ยรับถกู ผูตี หรอื ไมตี การลงโทษ เปนเดดบอล ผตู ีไดส ิทธิค์ รอบครองเบสหน่งึ เนือ่ งจากการขดั ขวาง และผูวิง่ ทกุ คนได เคล่อื นไปขางหนา 1 เบส เนือ่ งจากการพิตชท่ีผดิ กติกา ขอ 5 สารแปลกปลอม ก. ตลอดการแขงขัน หามสมาชิกของทีมฝายรับใชสารแปลกปลอมบนลูกบอล พิตเชอรท่ีใชน้ิว แตะนาํ้ ลาย ตอ งเช็ดน้ิวใหแ หง กอ นสมั ผสั กับลูกบอล หมายเหตุ ถา ยงั มีสมาชิกของทีมฝา ยรับคนใดใชสารแปลกปลอมบนลูกบอล ใหไลพิตเชอรอ อกจาก การแขง ขนั ข. การใชเรซิน (resin) บนลูกบอล หรือในโกลฟ แลวนําลูกบอลเขาไปสัมผัสเรซิน (resin) ในโกลฟ เปนการกระทําท่ีผิดกติกา ใหวางเรซิน (resin) ที่ไมไดใชไวบนพื้นสนามดานหลัง พิตเชอรเ พลต
50 ค. พิตเชอรจะใชผงเรซิน (powdered resin) เพ่ือชวยใหมือแหงได ภายใตการควบคุมและ ตรวจสอบจากผูตดั สนิ หมายเหตุ ผาซ่งึ มเี ฉพาะเรซิน (resin) แทรกในเนอ้ื ผา และผลติ โดยไดร ับการรบั รอง อนุญาตใหใชไ ด ง. หามพติ เชอรสวมเทปบนนิ้วมือ แถบรัดขอ มอื กําไลขอมือ หรอื วัตถอุ ื่นใดในลักษณะเดยี วกัน บนขอ มอื หรือแขนขา งท่ใี ชพิตช หมายเหตุ ถาพติ เชอรจําเปน ตองสวมแถบรัดขอ มอื ไวบนแขนขา งท่ีใชพ ิตชเน่ืองจากการบาดเจบ็ ควรสวม เส้อื ตัวในทม่ี แี ขนยาวเพื่อปด แขนท้งั 2 ขางไว ขอ 6 แคตเชอร ก. ตอ งอยูภายในเขตแคตเชอรจ นกวา พิตเชอรจ ะปลอ ยลูกบอล ข. ใหคืนลูกบอลกบั พติ เชอรโ ดยตรงหลังจากการพิตชแ ตละคร้ัง รวมท้ังหลังจากฟาวลบอล หมายเหตุ ใหผ ูตีไดบอลเพิม่ อีก 1 คร้ัง ขอ ยกเวน ไมใ ชกติกาขอน้ี ในกรณตี อ ไปน้ี 1. หลังจากสไตรคเ อาต 2. เม่ือผูตีเปนผวู ่งิ แรกเรม่ิ 3. เมื่อมผี วู ิ่งบนเบส 4. เมื่อแคตเชอรร บั ฟาวลบ อลใกลเสนเขตฟาวล แลว ขวางไปที่เบสใดเบสหน่ึงเพ่ือทาํ เอาต 5. เม่ือแคตเชอรขวางลูกบอลไปที่เบสหนึ่งเพ่ือทําใหผูว่ิงแรกเร่ิมเอาต ในกรณีที่แคตเชอร ไมมั่นใจวาผูตีเหวี่ยงไมตีหรือไม (เช็คสวิง) และเปนสไตรคที่ 3 ลูกบอลตกถึงพื้น (แคตเชอรรบั ลูกบอลไวไ มไ ด) ขอ 7 การขวา งไปทเี่ บส เม่ือพิตเชอรอยูในตําแหนงพิตช และขณะน้ันเปนบอลอินเพลย หามพิตเชอรขวางลูกบอลไปที่เบส ขณะทีเ่ ทา ยังสมั ผัสกับพิตเชอรเพลต ถา การขวางนกี้ ระทาํ ในระหวา งท่ีมีการขออุทธรณข ณะท่ีเปน บอลอินเพลย ใหย กเลิกการขออุทธรณ หมายเหตุ พติ เชอรจ ะเคลอื่ นตัวออกจากตําแหนงพิตชได โดยการกาวถอยหลังออกจากพิตเชอรเพลต แลว จงึ แยกมอื ท้งั สองออกจากกัน การกาวไปดานหนา หรอื ไปดา นขา งเปนการพติ ชท ผ่ี ดิ กติกา ตอไปนี้เปน ผลสาํ หรับขอ 1 - 7 ขางตน ผล ขอ 1 - 7 การละเมิดกติกาขอ 1 - 7 เปนการพิตชที่ผิดกติกา (ยกเวนการกระทําผิดในกติกาหมวด 6 ขอ 3 ฒ และ ขอ 6 ข ซง่ึ กําหนดไวตา งหากแลว ) โดยมีรายละเอยี ดดังตอ ไปน้ี 1. ใหผ ูต ัดสินแสดงสญั ญาณดเี ลยเดดบอล 2. ถา ผูตีไมตี (ก) ผูตไี ดบ อลเพ่มิ อีก 1 คร้ัง (ผูตไี ดครอบครองเบสหนงึ่ ถาเปนบอลท่ี 4) (ข) ผวู ิ่งทุกคนไดส ิทธิ์เคลือ่ นไปขางหนา 1 เบส
51 ขอยกเวน ในกรณีท่ผี ูวง่ิ เคลื่อนไปขา งหนาโดยถกู กติกาเน่ืองจากการพิตชท ่ีผิดกติกา (หรอื พาสดบอล หรอื ไวลดโ ธรวของแคตเชอร) ใหผ วู ิง่ ไดค รอบครองเบสน้นั ไว ถา ผูวิ่ง ถกู ทาํ เอาตห ลังจากเคล่อื นไปขางหนา 1 เบสแลว ผูวง่ิ นั้นจะถกู ขานเอาต 3. ถาผูต ีตลี กู บอล ผูจ ดั การทมี ฝา ยรุกมีสทิ ธเ์ิ ลือกอยา งใดอยางหน่ึงตอ ไปน้ี (ก) ใหลงโทษการพติ ชท ี่ผิดกติกา (ข) ใหคงผลการเลน ท่ีเกดิ ขึน้ ขอ ยกเวน ถาผูวงิ่ แรกเริ่มเคล่อื นไปถงึ เบสหนงึ่ เนอื่ งจากการตหี รือแคตเชอรร บั ลกู บอล ทเ่ี ปน สไตรคที่ 3 ไมไดก อ นตกถงึ พนื้ และผูวิง่ ทุกคนไดเคล่ือนไปขา งหนาอยา งนอ ย 1 เบส ใหยกเลกิ การพิตชท ผ่ี ิดกตกิ า 4. ถาผูจัดการทีมไมเลือกใหคงผลการเลน ใหลงโทษการพิตชท่ีผิดกติกาโดยผูตีไดบอลเพิ่ม อกี 1 ครงั้ (ผตู ไี ดครอบครองเบสหน่งึ ถา เปน บอลท่ี 4) ผวู งิ่ ทกุ คนไดเคลือ่ นไปขางหนา 1 เบส เปน เดดบอล 5. ถาลูกบอลจากการพิตชท่ีผิดกติกาโดนรางกายผูตี เปนเดดบอล ผูตีไดสิทธิ์ไป ครอบครองเบสหน่ึง ผูว่ิงทุกคนไดเคล่ือนไปขางหนา 1 เบส ผูจัดการทีมฝายรุก ไมม ีสทิ ธเ์ิ ลือกอกี ขอ 8 เบสออนบอลโดยเจตนา ถาทีมฝายรับตองการใหผูตีไดเบสออนบอลโดยเจตนา จะกระทําไดโดยพิตเชอร แคตเชอร หรือ ผูฝกสอนแจงผูตัดสินเพลต ซึง่ จะอนุญาตใหผูตีไดเคลอ่ื นไปครอบครองเบสหนึง่ การแจง นี้ใหถอื เปน การพติ ช ดวย เปน เดดบอล หมายเหตุ การแจงน้จี ะกระทาํ เมอ่ื ใดกไ็ ดกอ นทผี่ ตู เี ร่ิมและส้ินสดุ รอบขึ้นตี ไมวา จะมีจาํ นวนบอลและ สไตรคเ ทาใด เปน เดดบอล ผูวง่ิ ไมส ามารถเคลอ่ื นไปขางหนาไดเ วน แตเ ปน เบสบังคบั ขอ 9 การซอมพิตช ก. เม่ือเริ่มตนทุกครึ่งอินนิง หรือเมื่อมีการเปลี่ยนผูเลนตําแหนงพิตเชอรจะใชเวลาไดไมเกิน 1 นาที ซอมพิตชไดไมเกิน 3 คร้งั ใหกบั แคตเชอร หรือสมาชกิ ทีมคนอน่ื ขอ ยกเวน ไมใชก ติกาขอ นีเ้ ม่ือผตู ัดสินเริม่ การแขง ขัน หรือใหทําการแขงขนั ตอลาชาหลงั จากหยุด การแขงขนั ช่ัวขณะ เนอื่ งจากมกี ารเปลยี่ นผูเลนสํารอง การขอชารจคอนเฟอเรนซ การบาดเจ็บ เปน ตน ผล ขอ 9 ก ถาซอมพิตชเกินกวาที่ระบุไว ใหลงโทษพิตเชอรโดยใหผูตีได “บอล” สําหรับ แตล ะครงั้ ทีซ่ อ มพติ ชเ กนิ ข. ใหก ารแขง ขันหยุดลงชว่ั ขณะในระหวา งการซอ มพิตช ค. ไมอนญุ าตใหพ ิตเชอรท ีก่ ลบั มาพิตชใหมใ นครง่ึ อินนิงเดียวกนั ซอมพิตชอกี ผล ขอ 9 ค ใหผตู ไี ด “บอล” สําหรบั แตละครั้งท่ีซอ มพติ ช ง. ผเู ลนสามารถกลบั เขามาเลน ในตาํ แหนง พิตเชอรได โดยไมจ าํ กดั จาํ นวนคร้งั 1. ถาผูเ ลน นั้นยงั ไมอ อกจากลําดับการข้นึ ตี 2. ถา ผูต ัดสนิ ยังไมป ระกาศใหผเู ลนนน้ั เปนพิตเชอรทผ่ี ดิ กตกิ า
52 ขอ 10 โนพติ ช ใหผตู ดั สินเพลตขาน “โนพติ ช” ในกรณีตอไปนี้ : ก. เม่ือพิตเชอรพิตชใ นระหวางหยดุ การแขง ขนั ชั่วขณะ ข. เม่อื พติ เชอรพยายามพิตชกลับเรว็ 1. กอ นผตู เี ขาไปในเขตผตู ี 2. เมอื่ ผตู ยี งั คงเสียหลักอยจู ากการพติ ชค ร้ังที่ผานมา ค. เมอื่ ผูวิง่ ถูกขานเอาตเน่ืองจากออกจากเบสกอนพิตเชอรป ลอยลกู บอลในการพิตช ง. เมื่อพิตเชอรพติ ชกอ นผูวง่ิ จะกลบั ไปแตะเบสหลังจากฟาวลบ อล และเปนเดดบอล จ. เม่อื ผเู ลน ผจู ดั การทีม หรอื ผูฝก สอน กระทําสิง่ ใดสิ่งหน่ึงตอ ไปน้ี 1. ขาน “ไทม” 2. ใชถอ ยคาํ หรอื วลีอื่นๆ 3. กระทาํ การใดๆ ในขณะท่เี ปน บอลอนิ เพลย โดยเห็นไดช ัดวามีจุดประสงคใ หพิตเชอรท ําการพิตชท ี่ผิดกตกิ า หมายเหตุ ใหเ ตือนทมี ท่กี ระทาํ ผดิ ถา สมาชกิ ของทีมทถ่ี ูกเตอื นแลว กระทําผิดซ้ําอีก ใหไ ลผ กู ระทาํ ผดิ นัน้ ออกจากการแขง ขัน ผล ขอ 10 ก - จ เปน เดดบอล ใหยกเลกิ การเลน ที่เกดิ ขึ้น ขอ 11 ลูกบอลหลดุ จากมอื ถาลูกบอลหลดุ จากมือของพติ เชอรร ะหวางการพิตช 1. ผูตีจะได “บอล“ 2. ยงั คงเปน บอลอินเพลย 3. ผูวิง่ จะเคล่ือนไปขางหนา กไ็ ด แตอ าจถกู ทําเอาตได ขอ 12 พติ เชอรทีผ่ ดิ กตกิ า พติ เชอรท ่ีถูกผตู ัดสินประกาศวาเปนพิตเชอรท ่ีผดิ กติกาเนื่องจากทมี ขอชารจ คอนเฟอเรนช ขณะท่ี เปน ฝายรับเกนิ กําหนด จะกลับเขามาเลนในตาํ แหนงพติ เชอรไ มไ ดอีกตลอดระยะเวลาการแขงขนั ทเี่ หลืออยู ผล ขอ 12 ถาพิตเชอรท ผ่ี ดิ กตกิ ากลบั เขามาแขงขันและทาํ การพิตชไปแลว (ไมวา ถูกหรือผิด กตกิ า) ใหไ ลพ ิตเชอรนน้ั ออกจากการแขง ขัน ถาตรวจพบกอนการพติ ชครัง้ ตอไป ผูจ ดั การทมี ฝา ยรกุ มสี ทิ ธเิ์ ลือก (1) ใหค งผลการเลนท่เี กดิ ขึ้น (2) ใหย กเลกิ การเลนที่เกิดข้นึ ผวู ่งิ ทุกคนกลับไปยงั เบสสดุ ทา ยที่ครอบครองอยูขณะทม่ี ีการเลน นนั้ ขอ ยกเวน จากผลขอ 12 (2) ถา การเลน น้ันเปนผลจากผตู ีท่สี ้ินสุดรอบขึน้ ตีแลว และฝายรุกเลือกใหย กเลกิ การเลนท่ีเกิดข้ึน ใหผูตีน้ันกลับมาตีใหม โดยมีจํานวนบอลและสไตรคเทากับที่มีอยู กอนส้ินสุดรอบขึ้นตี ผวู ง่ิ ทุกคนกลับไปยงั เบสท่ีครอบครองอยูเมื่อเร่มิ การพิตช
หมวด 6 การพิตช (ประเภทสโลวพ ติ ช) (PITCHING REGULATIONS (Slow Pitch Only) หมายเหตุ ผลของการละเมิดกตกิ าขอ 1-7 ดไู ดจากตอนทายของขอ 7 ขอ 1 ขอปฏิบัติเบ้ืองตน กอนเริม่ ตนการพติ ช ก. ไมถ ือวาพติ เชอรอยูในตาํ แหนงพติ ช เวนแตแคตเชอรอยูในตําแหนงพรอ มทีจ่ ะรบั ลูกบอลจากการพิตช ข. พิตเชอรตองวางเทาทั้งสองบนพื้นอยางมั่นคง และเทาขางหน่ึงหรือท้ังสองขางสัมผัสกับ พิตเชอรเพลต ค. พิตเชอรตองอยใู นทาทีล่ ําตวั หยุดนิ่งโดยสมบรู ณ มีลกู บอลอยูใ นมือขางหนง่ึ หรือทั้งสองขา ง ที่ดานหนา ของลาํ ตวั ซง่ึ หันไปยงั ผตู ีตอ งหยุดนิ่งในทานอ้ี ยางนอ ย 1 วินาทีแตไมเกนิ 10 วินาที กอ นเรม่ิ ตนการพิตช ขอ 2 การเรม่ิ ตน การพติ ช การพิตชเริ่มตนเมื่อพิตเชอรทําการเคลื่อนไหวใดๆ ท่ีเปนสวนหน่ึงของการควงแขน (windup) หลังจากลําตวั ของพิตเชอรห ยดุ นิง่ โดยสมบรู ณตามกําหนดแลว กอ นการหยดุ นิง่ พติ เชอรจะทําการเคลือ่ นไหวใดๆ กไ็ ด ขอ 3 การพติ ชท ่ถี กู กตกิ า ก. พิตเชอรตอ งไมขยบั ตวั กอนเริ่มการพิตช โดยไมป ลอยลกู บอลไปยงั ผูตที ันที ข. การควงแขนของพติ เชอรตอ งเปน ไปโดยตอเนอ่ื ง ค. แขนของพิตเชอรท ี่ควงมาดานหนา แลว หา มหยุดหรอื ควงยอ นกลับ ง. พิตเชอรตองปลอยลูกบอลไปยังโฮมเพลตเมื่อแขนขางท่ีใชพิตชเคลื่อนไปขางหนา ผานสะโพกครั้งแรก และเปนการปลอยลกู บอลโดยมืออยตู า่ํ กวาสะโพก จ. เทาหลักตองสัมผัสกับพิตเชอรเพลต จนกระท่ังลูกบอลถูกปลอยออกจากมือของพิตเชอร ถามีการกาวเทา พิตเชอรสามารถกาวเทาไปขางหนา ขางหลัง หรือขางๆ ได เทาหลัก ตอ งสัมผสั กับพิตเชอรเพลตและพติ เชอรปลอ ยลูกบอลออกไปพรอมกับการกาวเทานั้น ฉ. หามพติ เชอรปลอยลกู บอลไปยังโฮมเพลต ในลักษณะใดลกั ษณะหนึ่งตอ ไปนี้ 1. การปลอ ยลกู บอลผา นดา นหลงั ของลาํ ตัวของพิตเชอร 2. การปลอยลูกบอลผานระหวางขาทงั้ 2 ขางของพติ เชอร 3. การปลอยลูกบอลจากโกลฟ ช. ใหพติ เชอรปลอยลูกบอลดวยความเรว็ พอประมาณ
54 หมายเหตุ ความเร็วพอประมาณนี้เปนดุลพินิจของผูตัดสินแตเพียงผูเดียว ใหผูตัดสินเตือนพิตเชอร ทพ่ี ิตชดว ยความเรว็ มากเกนิ ไป ถาพิตเชอรย งั ทําซาํ้ อกี หลังจากผูตดั สินเตอื นแลว ใหผ ตู ดั สิน ลงโทษพิตเชอรน ้ันโดยประกาศเปนพิตเชอรท ี่ผิดกติกา ซึ่งจะพิตชไมไดอีกตลอดการแขงขัน เกมนนั้ ซ. ลูกบอลท่ปี ลอยไปยังโฮมเพลตตองมีวถิ ีโคง อยูสูงจากพน้ื ไมตํา่ กวา 1.83 เมตร (6 ฟตุ ) และไม สูงกวา 3.65 เมตร (12 ฟตุ ) ฌ. พิตเชอรตอ งไมค วงแขนขน้ึ ดา นบนอีกหลังจากปลอ ยลูกบอลออกจากมอื ญ. พติ เชอรม เี วลา 10 วนิ าทีในการพิตชค ร้ังตอไปหลงั จากรบั ลกู บอลจากแคตเชอร หรอื หลงั จากผตู ัดสนิ เพลตขาน “เพลยบ อล” ขอ 4 ตาํ แหนงของผเู ลนฝา ยรบั ก. ไมใหพิตเชอรพิตชจนกวาผูเลนฝายรับทุกคนอยูในเขตแฟร ยกเวนแคตเชอรตองอยูภายใน เขตแคตเชอร ข. หามผูเลนฝายรับเขาไปอยูในแนวการมองลูกบอลของผูตี หรือเจตนาแสดงกิริยาอันมิใชวิสัย ของนักกฬี าเพ่ือทําใหผตู ีเสยี สมาธิ หมายเหตุ ใหไ ลผทู กี่ ระทําผิดออกจากการแขงขนั โดยไมจ ําเปนตอ งมกี ารพติ ช ขอ 5 สารแปลกปลอม ก. ตลอดการแขง ขนั หา มสมาชกิ ของทีมฝายรบั ใชส ารแปลกปลอมบนลูกบอล หมายเหตุ ถาสมาชิกของทีมฝา ยรบั ใชส ารแปลกปลอมบนลกู บอล ใหไลพ ติ เชอรอ อกจากการแขงขนั ข. พิตเชอรจะใชผงเรซิน (powdered resin) เพื่อชวยใหมือแหงไดภายใตการควบคุมและ ตรวจสอบจากผตู ดั สิน ค. การใชเรซิน (resin) ทาบนลูกบอลหรือทาในโกลฟ แลวนําลูกบอลเขาไปสัมผัสเรซิน (resin) ในโกลฟ เปนการกระทําที่ผิดกติกาใหวางเรซิน (resin) ที่ไมไดใชไวบนพื้นสนามดานหลัง พิตเชอรเ พลต ง. พติ เชอรจะใชส ารแปลกปลอมบนขอมอื หรือแขนขา งซ่งึ ใชพิตชไ มได จ. หามพติ เชอรสวมโกลฟทีม่ อื ขางซึ่งใชพติ ช ขอ 6 แคตเชอร ก. ตอ งอยูภายในเขตแคตเชอรจนกวาลูกบอลทีถ่ กู พิตชม าจะถูกต,ี กระทบพนื้ , กระทบโฮมเพลต, โดนรา งกายผูตี หรอื ไปถงึ เขตแคตเชอร ข. ใหคนื ลกู บอลกบั พติ เชอรโดยตรงหลงั จากการพิตชแตละคร้ัง รวมทั้งหลังจากฟาวลบ อล ขอ ยกเวน ไมใ ชกตกิ าขอ น้ี ในกรณตี อไปน้ี 1. หลงั จากสไตรคเ อาต 2. เมอื่ แคตเชอรท าํ ใหผูเลนฝา ยรกุ เอาต
55 ขอ 7 การพิตชเ รว็ หามพติ เชอรพยายามพิตชลกู บอลกลับไปยงั แคตเชอรโ ดยเร็ว ก. กอนผตู เี ขาไปในเขตผูตี ข. เมอื่ ผตู เี สยี หลกั จากการพติ ชครงั้ ทผ่ี านมา ตอ ไปนี้เปน ผลของขอ 1 - 7 ขางตน ผล ขอ 1 - 7 การละเมดิ กตกิ าขอ 1–7 เปน การพิตชท่ีผิดกตกิ า ใหป ฏบิ ัตดิ ังน้ี 1. ใหผตู ดั สินแสดงสญั ญาณดเี ลยเ ดดบอล 2. ใหข านบอลใหกบั ผตู ี 3. ผวู ่งิ เคลื่อนไปขา งหนาไมได ขอ ยกเวน ถาผูตีตีลูกบอลจากการพิตชที่ผิดกติกา ใหยกเลิกการพิตชที่ผิดกติกา และคงผลการ เลน ทีเ่ กดิ ขึ้น ขอ 8 เบสออนบอลโดยเจตนา ถาทีมฝายรับตองการใหผูตีไดเบสออนบอลโดยเจตนา จะกระทําไดโดยพิตเชอร แคตเชอร หรือ ผูฝกสอนแจงผูตัดสินเพลตซึ่งจะอนุญาตใหผูตีไดเคล่ือนไปครอบครองเบสหนึ่ง การแจงนี้ใหถือเปน การพิตชดว ย เปนเดดบอล หมายเหตุ การแจงน้ีจะกระทําเมื่อใดก็ไดกอนที่ผูตีเริ่มและสิ้นสุดรอบขึ้นตี ไมวาจะมีจํานวนบอล และสไตรคเทาใด เปน เดดบอล ผูวิ่งไมสามารถเคลือ่ นไปขางหนา ไดเ วนแตเปนเบสบงั คบั ขอ 9 การซอมพิตช ก. เมอื่ เริม่ ตนทกุ ครง่ึ อนิ นงิ หรอื เมื่อมกี ารเปลยี่ นพิตเชอร จะใชเวลาไดไ มเกิน 1 นาที ซอ มพติ ชไดไมเกนิ 3 ครงั้ ใหก บั แคตเชอรห รือสมาชกิ ทมี คนอน่ื ขอ ยกเวน ไมใ ชกติกาขอนีเ้ มื่อผตู ัดสินเร่มิ การแขงขัน หรอื ใหท ําการแขง ขนั ตอลาชา หลงั จากหยุ การแขง ขันชว่ั ขณะเนือ่ งจากมกี ารเปลย่ี นผเู ลนสํารอง การขอชารจคอนเฟอเรนซ การบาดเจบ็ เปนตน ผล ขอ 9 ก ถาซอมพิตชเกินกวาที่ระบุไว ใหลงโทษพิตเชอรโดยใหผูตีได “บอล” สําหรับ แตล ะครง้ั ทซ่ี อ มพิตชเกนิ ข. ใหการเลน หยุดลงช่วั ขณะในระหวางการซอ มพิตช ค. ไมอนญุ าตใหพิตเชอรท ี่กลบั มาพติ ชใหมใ นครึ่งอนิ นงิ เดยี วกัน ซอ มพติ ชอกี ผล ขอ 9 ค ใหผ ูตไี ด “บอล” สําหรับแตล ะครงั้ ท่ีซอมพติ ช ง. ผเู ลน สามารถกลบั เขามาเลน ในตาํ แหนง พิตเชอรไดไ มจํากดั จาํ นวนครัง้ 1. ถา ผเู ลนน้นั ยังไมออกจากลําดับการขึ้นตี 2. ถา ผตู ัดสินยงั ไมป ระกาศใหผ ูเลน น้นั เปน พติ เชอรท ี่ผิดกติกา
56 ขอ 10 โนพติ ช ใหผ ูต ัดสินเพลตขาน “โนพติ ช” ในกรณตี อไปนี้ ก. เมอ่ื พิตเชอรพ ิตชในระหวา งหยุดการแขง ขันชว่ั ขณะ ข. เมอ่ื ผวู ่งิ ถกู ขานเอาตเ น่ืองจากออกจากเบส - กอนลกู บอลทถี่ กู พิตชม าถงึ โฮมเพลต - กอ นลกู บอลที่ถูกพติ ชม ากระทบไมต ี - กอนลกู บอลท่ีถูกพติ ชมากระทบพื้นกอนถึงโฮมเพลต ค. เมอ่ื พิตเชอรพติ ชกอ นผูว่ิงจะกลบั ไปแตะเบสหลงั จากฟาวลบอล และเปน เดดบอล ง. เม่ือลกู บอลหลุดจากมอื ของพิตเชอรในระหวางการควงแขนหรือการเหว่ียงแขนไปดานหลงั จ. เมอ่ื ผเู ลน ผจู ดั การทีม หรือผฝู กสอน กระทาํ สิ่งใดส่งิ หนึ่งตอไปน้ี 1. ขาน “ไทม” 2. ใชถอยคํา หรอื วลอี ืน่ ๆ 3. กระทาํ การใดๆ ในขณะท่เี ปนบอลอินเพลย โดยเห็นไดช ัดวามจี ดุ ประสงคใ หพติ เชอรทําการพิตชท ี่ผิดกติกา หมายเหตุ ใหเตอื นทีมที่กระทําผดิ ถาสมาชกิ ของทีมที่ถูกเตือนกระทาํ ผดิ ซํา้ อกี ใหไลผูกระทําผดิ น้ัน ออกจากการแขงขัน ผล ขอ 10 ก - จ เปนเดดบอล ใหย กเลกิ การเลน ท่ีเกดิ ขึน้ ขอ 11 พติ เชอรทผ่ี ดิ กติกา พติ เชอรที่ถกู ผตู ดั สินประกาศเปนพติ เชอรที่ผดิ กตกิ า เนอ่ื งจากสาเหตุใดสาเหตหุ นง่ึ ตอ ไปนี้ 1. การขอชารจคอนเฟอเรนชเ กินกําหนดของทมี ฝายรบั 2. การพติ ชด ว ยความเรว็ มากเกินไป พิตเชอรที่ผดิ กติกา ไมส ามารถกลับเขา มาเลน ในตาํ แหนง พิตเชอรไดอกี ตลอดระยะเวลาการแขงขัน ที่เหลืออยู ผล ขอ 11 ถาพิตเชอรท่ีผิดกตกิ ากลับเขามาแขงขนั และทําการพิตชไปแลว (ไมวาถูกหรือผิดกติกา) ใหไลพติ เชอรนั้นออกจากการแขง ขัน ถาผูตีตีลูกบอลที่ถูกพิตชมา และมีการตรวจพบกอนการพิตชคร้ังตอไป ผูจัดการทีมฝายรุกมี สทิ ธเิ์ ลอื ก (1) ใหคงผลการเลน (2) ใหย กเลกิ การเลนทเ่ี กดิ ข้นึ และ (ก) ใหผูตีนั้นกลับมาตีใหม โดยใหจํานวนบอลและสไตรคเทากับที่มีอยูกอนการตรวจ พบวา เปนพติ เชอรท ผ่ี ิดกตกิ า (ข) ใหผ วู ง่ิ ทกุ คนกลบั ไปยงั เบสทค่ี รอบครองอยเู ม่อื เรม่ิ การพติ ช
57 ขอ ยกเวน จากผลขอ 11 (2) ถา การเลนนั้นเปนผลจากผตู ีที่สิน้ สดุ รอบข้ึนตแี ลว และฝา ยรกุ เลอื กใหย กเลิกการเลน ทเี่ กดิ ข้ึน ใหผูต นี ั้นกลับมาตีใหม โดยมจี าํ นวนบอลและสไตรคเ ทา กบั ที่มีอยกู อนส้ินสดุ รอบข้นึ ตี ผวู ง่ิ ทุกคนกลับไปยังเบสท่คี รอบครองอยเู มื่อเร่ิมการพิตช
หมวด 7 การตี (BATTING) ขอ 1 ผูเลนรอขนึ้ ตี ก. ขณะเริ่มการแขงขันแตละอินนิง ผูเลนรอขึ้นตีเปนผูตีคนแรก ตองอยูภายในเขตผูเลนรอขึ้นตี จนกระทงั่ ผูตัดสนิ เพลตเรียกใหเ ขา ไปอยภู ายในเขตผตู ี ข. เม่ือเริ่มการแขงขันแตละอินนิงแลว ผูเลนรอข้ึนตีเปนผูเลนฝายรุกที่มีชื่อในใบแสดงลําดับการ ขึ้นตีที่จะเขา ไปอยูภ ายในเขตผตู ี เปน คนตอไป ค. ใหผ เู ลน รอข้นึ ตีเขาไปอยภู ายในเขตผูเลนรอข้นึ ตดี า นทอี่ ยูใกลกบั เขตที่พักของทีม ง. ผูเลนรอขึ้นตีจะซอมเหวี่ยงดวยไมตีแขงขันไมเกิน 2 อัน, ไมตีวอรมที่ไดรับการรับรอง 1 อัน หรอื ไมตที ้ัง 2 ชนิดรวมกนั แตไ มเ กิน 2 อัน กไ็ ด หมายเหตุ จะติดหรือสวมวัสดอุ ปุ กรณใ ด ๆ กับไมต ที ่ีผูเลน รอขนึ้ ตีใชในการซอ มเหว่ยี งไมไ ด เวนแตว สั ดุ อปุ กรณนน้ั ไดร ับการรบั รองจากสหพันธซอฟทบ อลนานาชาติ ผล ขอ 1 ง ถามีการใชวัสดุอุปกรณ ท่ีไมไดรับการรับรองจากสหพันธฯ ติดหรือสวมกับ ไมตีที่ใชในการซอมเหวี่ยง ใหนําวัสดุอุปกรณดังกลาว ออกจากการแขงขัน ถาผูเลนยังคง นํากลบั มาใชอกี ใหไ ลผ เู ลนนนั้ ออกจากการแขงขนั จ. ผเู ลน รอข้ึนตีจะออกจากเขตผูเลน รอขึ้นตไี ด ในกรณตี อ ไปน้ี : 1. เปนผูตี 2. ช้ีแนะผวู ง่ิ ซงึ่ กําลงั เคลอื่ นท่จี ากเบสสามเขา สโู ฮมเพลต 3. หลบหลีกมิใหเกิดการรบกวนผูเลนฝายรับท่ีพยายามจะรับฟลายบอล หรือลูกบอลท่ีถูก ขวา งมาไมตรงตาํ แหนงทรี่ ออยู ฉ. ผูเลนรอข้ึนตจี ะรบกวนผูเลนฝา ยรบั ใหเสยี โอกาสทีจ่ ะรบั หรือขวางลกู บอลไมไ ด ผล ขอ 1 ฉ เปนเดดบอล 1. ถาเปน การรบกวนผูเ ลน ฝายรบั ท่พี ยายามจะทาํ ใหผวู ่งิ เอาต (ก) ใหขานผูว ิ่งทีอ่ ยูใ กลโ ฮมเพลตท่ีสุดขณะทีม่ กี ารรบกวน เอาต (ข) ใหผ วู ่ิงทกุ คนกลับไปยงั เบสสดุ ทา ยท่ีครอบครองอยูขณะท่มี ีการรบกวน เวน แต ถกู บงั คบั ใหเ คลื่อนไปเบสขางหนา เน่อื งจากผูตไี ดครอบครองเบสหนึ่ง 2. ถา เปนการรบกวนผูเลนฝา ยรับท่ีพยายามจะรับฟลายบอลหรือเปนการรบกวนฟลายบอล ทผ่ี เู ลนฝา ยรบั พยายามจะรับ (ก) ใหข านผวู ง่ิ แรกเรมิ่ เอาต (ข) ใหผวู ิง่ ทุกคนกลบั ไปยังเบสที่ครอบครองอยูเ ม่ือเร่ิมการพติ ช ขอ 2 ลําดับการข้ึนตี ก. ลําดับการข้ึนตีของแตละทีมตองปรากฏอยูในใบบันทึกผล หรือใบแสดงลําดับการขึ้นตี ผูจัดการทีม หรือหัวหนาทีมตองสงใหกับผูตัดสินเพลต และผูบันทึกผลกอนเร่ิมการแขงขัน ผตู ัดสินเพลตตรวจแลว สง ใหผจู ดั การทมี หรอื หวั หนา ทีมของทีมคแู ขงขนั ข. (ประเภทสโลวพติ ชท มี ผสม) ลําดับการขึ้นตีใหจ ัดผเู ลนชายและผูเลน หญงิ สลับกัน
59 ค. ลําดับการขึน้ ตที ่สี งใหกบั ผตู ดั สนิ เพลตนี้ตอ งใชไ ปจนกระทัง่ สิ้นสดุ การแขง ขันเกมน้นั ยกเวน ในกรณตี อไปนี้ 1. มีการเปล่ียนผูเลนสํารองเขามาเลนแทน ในกรณีน้ีใหใสช่ือผูเลนสํารองแทนท่ีชื่อผูเลนที่ ถูกเปลีย่ นออก 2. (ประเภทฟาสตพิตช) ผูเ ลนเฟล็กซเขามาเลนเปนฝายรุกแทนดีพีเร่ิมตนหรอื ผูเลน สํารอง ทเี่ ขา มาเลนแทนดีพีเร่ิมตน ค. ใหผูตีคนแรกในแตละอินนิงเปนผูตีท่ีมีรายชื่อตอจากผูเลนคนสุดทาย ที่ส้ินสุดรอบขึ้นตี โดยสมบูรณแลว ในอินนิงท่ีผานมา ผล ขอ 2 ค - ง การข้ึนตีผิดลําดับเปนการเลนตองอุทธรณ ซ่ึงจะขออุทธรณไดโดยผูจัดการทีม ผูฝกสอน หรือผูเลนของทีมฝายรับเทาน้ัน ทีมฝายรับเสียสิทธิ์ที่จะขออุทธรณการข้ึนตี ผิดลําดับ เมื่อผูเลนฝายรับทุกคนออกจากตําแหนงการรับปกติ และออกพนเขตแฟรไปยัง เขตทพี่ กั ของทมี 1. ถา ขออทุ ธรณข ณะทผี่ ูตใี นลําดับการขน้ึ ตที ีไ่ มถูกตอ งอยใู นรอบขนึ้ ตี (ก) ผเู ลน ในลาํ ดับการข้ึนตที ่ีถูกตอง จะเขามาเปนผตู โี ดยถูกกติกาใหนับบอลและสไตรค ตอ เนอื่ งไป (ข) ผลการเลนทเ่ี กดิ ข้ึนไมวาจะเปนคะแนนหรือจาํ นวนเบสท่ีทําไดในขณะท่ผี ูตใี นลาํ ดับ ทไี่ มถ ูกตองอยูในรอบขึ้นตี ใหถ อื วาถกู ตอง 2. ถาขออุทธรณหลังจากผูตีในลําดับการข้ึนตีที่ไมถูกตองส้ินสุดรอบข้ึนตีแลว และกอนมี การพติ ช (ไมว า จะถูกหรือผิดกตกิ า) ใหผตู คี นตอไป (ก) ผูเลน ในลาํ ดบั การขนึ้ ตที ่ถี ูกตอ ง ถกู ขานเอาต (ข) ผลการเลนทเี่ กิดขึ้นไมวาจะเปนคะแนนหรือจํานวนเบสทท่ี ําไดเ น่ืองจากผูตีในลาํ ดับ การขนึ้ ตีทไ่ี มถกู ตอ งเปนผูวิง่ แรกเริม่ ใหย กเลิก ยกเวน เอาตท ่ีเกดิ ข้นึ ใหคงไว (ค) ผูตีคนตอไปที่ถูกตองเปนผูที่มีชื่อตอจากผูเลนท่ีถูกขานเอาต เนื่องจากไมไดขึ้นตี ถาผเู ลนนัน้ เปนผูตีในลําดบั การข้ึนตีท่ีไมถกู ตองซึ่งถกู ขานเอาตจากการเลน ใหผ ูท่ีมี รายช่ือถดั ไปเปน ผูตีคนตอไปที่ถกู ตอ ง (ง) ถาการอุทธรณมีผลใหผูตีที่ถูกขานเอาต เปนเอาตที่ 3 ใหผูที่มีชื่อตอจากผูเลนท่ี ถูกขานเอาตเปนผูตี (คนแรก) ที่ถูกตองในอินนิงถัดไป โดยถือเสมือนวาเปนการทํา เอาตโ ดยการเลนปกติ (จ) ถามีการทําใหผูว่ิงเอาตเปนเอาตท่ี 3 กอนตรวจพบวามีการทําผิดกติกา ยังคง ขออทุ ธรณไ ดเพื่อปรบั ลาํ ดับการขึ้นตีใหคนื สูป กติ การขออุทธรณนี้ (ถามี) ไมม ผี ล ใหไ ดเอาตเพมิ่ ขึ้น 3. ถาขออุทธรณหลังจากมีการพิตชครั้งแรก (ไมวาจะถูกหรือผิดกติกา) ใหกับผูตีคน ตอ ไปแลว (ก) รอบขึน้ ตีของผตู ีในลําดับการขึ้นตที ีไ่ มถ ูกตองน้นั ถอื วา ถกู ตอ ง (ข) ผลการเลน ทีเ่ กดิ ข้ึน ไมว าจะเปน คะแนนและจํานวนเบสท่ีทาํ ได ถือวาถูกตอง
60 (ค) ผูตีคนตอไปเปนผูมีชื่อตอจากผูตีในลําดับการขึ้นตีท่ีไมถูกตอง (ซ่ึงถือวาถกู ตองแลว ตามขอ (ก)) (ง) ไมม ีผเู ลนคนใดถูกขานเอาตเ นื่องจากไมไดข ึ้นตี (จ) ผเู ลนท่ีไมไดข ้นึ ตีและไมถูกขานเอาต เสยี สิทธิเ์ ปน ผตู ีในรอบข้นึ ตีนั้น และจะไดสทิ ธ์ิ อีกคร้ังในรอบข้ึนตีถัดไป 4. ไมใหนําผูวิ่งที่อยูบนเบสมาเปนผูตี แมวาจะเปนลําดับการขึ้นตีที่ถูกตองของผูเลนน้ัน เพียงแตเสียสิทธ์ิเปนผูตีในรอบขึ้นตีนั้นโดยไมมีการลงโทษ ผูตีท่ีถูกตองเปนผูมีช่ือตอ จากผเู ลน นัน้ ขอยกเวน ผวู ิ่งแรกเริม่ ทีผ่ ตู ดั สนิ ใหอ อกจากเบส เน่อื งจากยกเลกิ ผลการเลนตามผล 2 (ข) ขางตน ง. เมื่อมีการทําเอาตท่ี 3 กอนผูตีสิ้นสุดรอบขึ้นตี ใหผูเลนนั้นเปนผูตีคนแรกในอินนิงถัดไป และใหย กเลิกจาํ นวนบอลและสไตรคจ ากอินนงิ ที่ผา นมา ขอ 3 การเขาสูเ ขตผตู ี ก. ผูตตี องเขา ไปอยใู นเขตผูตีภายใน 10 วินาที หลังจากทีผ่ ูตัดสนิ เพลตขาน “เพลยบอล” ผล ขอ 3 ก ผูต ดั สนิ เพลตขานสไตรค โดยไมจําเปน ตอ งมกี ารพิตช เปนเดดบอล ข. สมาชิกทีมฝายรุกเจตนาลบเสนแสดงเขตผูตีไมไดไมวาจะในเวลา และสถานการณใด ตลอด การแขง ขันครั้งนั้น ซ่งึ รวมถึงกรณีผฝู กสอนลบเสนระหวางการประชุมกอ นเร่ิมการแขงขันดว ย ผล ขอ 3 ข – ถา ผตู ลี บเสน ใหผ ูต ัดสินเพลตขานสไตรคโ ดยไมจ าํ เปน ตองมกี ารพติ ช เปนเดดบอล – ถา ผูฝก สอนหรือสมาชกิ ทีมทีไ่ มไดเปนผูเลน ลบเสน ใหผูตัดสินเพลตขานสไตรค กับผูที่ จะเปน ผูตคี นตอไปหรอื ผูเ ลนสาํ รองท่ีเปลย่ี นเขา มาแทน หมายเหตุ ถา ผใู ดเจตนาลบเสนอกี หลังจากมกี ารกระทาํ ผดิ คร้ังแรกแลว ใหลงโทษผูนนั้ โดยไลออกจาก การแขง ขนั ค. เทาทั้งสองขางของผูตีตองอยูภายในเขตผูตีโดยสมบูรณกอนเริ่มการพิตช เทาสัมผัสเสนได แตสวนใดสวนหนง่ึ ของเทาจะอยลู าํ้ เสนกอนเร่มิ การพติ ชไมไ ด ขอ 4 ผตู ัดสนิ เพลตขานสไตรค ในกรณตี อ ไปน้ี : ก. (ประเภทฟาสตพิตช) สวนใดสวนหน่ึงของลกู บอลท่ีพิตชมาโดยถกู กตกิ า ผานสไตรคโซนกอ น สมั ผสั พ้ืน และผูตไี มเ หวี่ยงไมต ี (ประเภทสโลวพิตช) ลูกบอลที่พิตชมาโดยถูกกติกาผานสไตรคโซน กอนสัมผัสพื้น และผูตีไม เหว่ียงไมตี ขอ ยกเวน ไมเ ปน สไตรคถ า ลูกบอลทีถ่ กู พิตชมาสัมผสั โฮมเพลต และผูตไี มเ หว่ยี งไมตี ข. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ลูกบอลที่พติ ชมาโดยถกู กตกิ าและผูต เี หวีย่ งไมต แี ตไ มถูกลูกบอล (ประเภทสโลวพิตช) ลูกบอลที่พิตชมา (ไมวาถูกกติกาหรอื ผิดกติกา) และผูตีเหว่ียงไมตีแตไม ถูกลกู บอล
61 หมายเหตุ (ประเภทสโลวพิตช ขอ 4 ก และขอ 4 ข) ลูกบอลที่พิตชมากระทบพ้ืน หรือโฮมเพลต ผูตีไมสามารถเหวี่ยงไมตีไดโดยถูกกติกา หากผูตีเหว่ียงไมตีและไมถูกลูกบอลกอนที่ลูกบอล กระทบพื้นหรือโฮมเพลต ใหเ ปนสไตรค ผล ขอ 4 ก และขอ 4 ข (ประเภทฟาสตพ ติ ช) เปน บอลอินเพลย ผวู ่งิ จะเคลือ่ นไปขางหนา โดยอาจถูกทําเอาตได (ประเภทสโลวพ ิตช) เปน เดดบอล ผวู ่ิงเคล่ือนไปขางหนาไมไ ด ค. กรณฟี าวลทปิ ผล ขอ 4 ค (ประเภทฟาสตพิตช) เปนบอลอินเพลย ผูวิ่งจะเคลื่อนไปขางหนาโดยอาจถูกทําเอาตได ผตู เี อาตถา เปน สไตรคที่ 3 (ประเภทสโลวพ ิตช) เปน เดดบอล ผตู เี อาตถาเปน สไตรคท ่ี 3 ง. กรณีฟาวลบ อล และผูตีมนี อยกวา 2 สไตรค จ. (ประเภทสโลวพิตช) กรณฟี าวลบ อล รวมถึงสไตรคท่ี 3 ดว ย ฉ. ลูกบอลที่ถูกพิตชมาและผูตีเหว่ียงไมตีแตไมถูกลูกบอลแลวลูกบอลนั้นมาสัมผัสสวนใด สว นหน่ึงของผตู ี ช. ผตู ีตีถูกลูกบอล แลวลูกบอลน้ันมาโดนสวนใดสวนหนึ่งของรางกายหรือเสอ้ื ผาของผูตี ในขณะ ท่ียังอยใู นเขตผูตี และผูตีมีนอ ยกวา 2 สไตรค ซ. ลกู บอลทถี่ กู พติ ชมาโดนผตู ีขณะทล่ี กู บอลอยูใ นสไตรคโ ซน ฌ. ผตู ไี มเ ขาไปอยูในเขตผูต ภี ายใน 10 วินาที หลงั จากผตู ดั สินเพลตขาน “เพลยบอล” ญ. สมาชิกของทมี ฝา ยรกุ เจตนาลบเสนลบเสน แสดงเขตผตู ี ผล ขอ 4 ง – ญ เปน เดดบอล ผวู งิ่ ตองกลับมายงั เบสทค่ี รอบครองอยูโดยถูกทําเอาตไ มได ขอ 5 ผูตดั สนิ เพลตขานบอล ในกรณีตอ ไปนี้ : ก. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ลกู บอลท่พี ติ ชมาโดยถูกกติกาซ่ึง 1. ไมผ า นสไตรคโซน 2. กระทบพน้ื กอนถงึ โฮมเพลต และผตู ไี มเหวยี่ งไมตี 3. กระทบโฮมเพลต และผูต ีไมเ หวี่ยงไมตี ผล ขอ 5 ก เปน บอลอนิ เพลย ผูว งิ่ จะเคลือ่ นไปขางหนาโดยอาจถูกทาํ เอาตได ข. (ประเภทสโลวพติ ช) ลูกบอลที่พติ ชม าโดยถกู กติกาซงึ่ 1. ไมผา นสไตรคโซน 2. กระทบพ้ืนกอนถงึ โฮมเพลต 3. กระทบโฮมเพลตและผูต ีไมเหวีย่ งไมตี 4. ผตู เี หวยี่ งไมต หี ลังจากลกู บอลกระทบพื้นหรอื โฮมเพลตแลว ผล ขอ 5 ข เปนเดดบอล ผูวิ่งจะเคลอื่ นไปขางหนาไมไ ด ค. (ประเภทฟาสตพติ ช) ลูกบอลทีพ่ ติ ชม าโดยผดิ กติกาซ่งึ 1. ผูตีไมเหวย่ี งไมตี 2. ผตู ตี ลี กู บอลนั้น และผจู ัดการทีมเลือกไมเอาผลการเลน ท่เี กิดข้นึ
62 ผล ขอ 5 ค เปน เดดบอล ผวู ิ่งมีสทิ ธิเ์ คลือ่ นไปขา งหนา ได 1 เบสโดยถูกทาํ เอาตไมได ง. (ประเภทสโลวพ ิตช) ลูกพติ ชทพ่ี ิตชมาโดยผิดกติกา และผตู ีไมเหวีย่ งไมต ี ผล ขอ 5 ง เปน เดดบอล ผวู ิ่งเคล่อื นไปขา งหนาไมได จ. (ประเภทสโลวพ ติ ช) ลูกบอลท่พี ติ ชม าโดนรางกายผูตนี อกสไตรคโ ซน ฉ. พติ เชอรซ อมพิตชเกินจากทีผ่ ูตดั สินอนญุ าต ผล ขอ 5 จ – ฉ เปน เดดบอล ผวู ิ่งเคล่ือนไปขา งหนา ไมได ช. แคตเชอรไมไดส ง ลกู บอลคืนไปยังพิตเชอรโ ดยตรง ซ. พิตเชอรไมไดเ ริ่มการพติ ช ภายในเวลาทกี่ าํ หนดไว ดังนี้ (ประเภทฟาสตพิตช และประเภทโมดิฟายดพติ ช) ภายใน 20 วนิ าที (ประเภทสโลวพิตช) ภายใน10 วนิ าที ผล ขอ 5 ช – ซ (ประเภทฟาสตพ ิตช) เปน บอลอนิ เพลย ยกเวนตอ งเปน เดดบอลดวยเหตุผลอืน่ (ประเภทสโลวพิตช) เปนเดดบอล ผูวิ่งเคลอ่ื นไปขางหนา ไมไ ด ขอ 6 ผูตีเอาต ในกรณตี อไปนี้ : ก. เปนสไตรคท ่ี 3 1. ผตู เี หวี่ยงไมต ี แตไมถูกลูกบอล แลว ลกู บอลนั้นมาสมั ผสั สว นใดสวนหน่งึ ของรา งกายผูตี 2. ผตู ไี มไดเหว่ียงไมต ี ลูกบอลที่พิตชมาโดนรางกายผูตใี นสไตรคโ ซน ข. ผตู ีนําไมต ดี ัดแปลงเขาไปในเขตผูตีหรอื ตรวจพบวาผูตใี ชไ มตีดดั แปลง หมายเหตุ ผูตีถกู ไลอ อกจากการแขงขนั ดว ย ค. ผตู ีนําไมตที ี่ผิดกติกาเขา ไปใชในเขตผูตีหรอื ตรวจพบวาผูต ีใชไมตที ่ีผิดกติกา ผล ขอ 6 ข – ค ใหนาํ ไมต ีดัดแปลงและไมตที ผ่ี ดิ กติกาออกจากการแขงขัน ง. ผตู ีตีถกู ลกู บอล ในขณะท่เี ทา ของผตู ีสมั ผสั พ้ืนนอกเขตผตู โี ดยสมบรู ณท งั้ เทา หรอื สวนใด สวนหน่งี ของเทาสัมผสั โฮมเพลต จ. ผตู ีออกจากเขตผตู เี พ่ือเรม่ิ ว่งิ แตก ลบั เขามาอยูในเขตและใชไ มต กี ระทบลกู บอล ขอยกเวน ถาตีไมถ กู ลูกบอลท่ีพิตชมา ไมมกี ารลงโทษ (ประเภทฟาสตพ ิตช) ถาผตู เี หว่ยี งไมตี ไมถ กู ลูกบอล เปน บอลอนิ เพลย (ประเภทสโลวพิตช) ถาผตู เี หวี่ยงไมตี ไมถูกลูกบอล เปน เดดบอล ฉ. (ประเภทฟาสตพิตช) ผูตีบนั ตเ ปน ฟาวลบ อลในสไตรคท ่ี 3 ขอ ยกเวน 1. ถาผวู ่ิงรบกวนผูเลนฝายรบั ท่พี ยายามจะรับบันตท ี่เปนฟลายบอลในเขตฟาวล 2. ถาผูวิ่งรบกวนฟลายบอลในเขตฟาวล ท่ผี เู ลน ฝายรับพยายามจะรับ ผวู ิ่งเอาต ผตู ี กลบั มาตีใหมโ ดยเพมิ่ จํานวนสไตรค ถาจํานวนสไตรคเดิมนอยกวา 2 สไตรค หมายเหตุ (1) ถาผตู ัดสินเหน็ วา การรบกวนนนั้ เปน ความพยายามอยา งเห็นไดช ดั ทจี่ ะปองกนั ดับเบลิ เพลย ใหข านผูวิ่งทีอ่ ยูใกลโ ฮมเพลตท่สี ดุ ขณะท่ีมีการรบกวนเอาตด วย (2) ถาฝายรับรับลูกบันตท ่เี ปน ฟลายบอลได เปนบอลอนิ เพลย
63 ช. (ประเภทสโลวพ ิตช) ผูตัดสนิ เพลตขานสไตรคท่ี 3 รวมถึงกรณีผตู ตี ีเปน ฟาวลบอลใน สไตรคท ่ี 3 และฝายรับรับไวไมไ ด ซ. (ประเภทสโลวพ ิตช) ผูตีบนั ตหรือชอ็ ปบอล ฌ. ผูตีตีลกู แฟรบ อลเปนครงั้ ที่ 2 เหนอื เขตแฟร ขอยกเวน ขอ 6 ฌ 1. ถาผตู ีอยใู นเขตผูต ีและลกู บอลถูกไมตีเปนครั้งที่ 2 ขณะที่ไมตอี ยูใ นมือ เปนฟาวลบอล แมวาลกู บอลจะอยเู หนือเขตแฟร 2. ถาผตู ปี ลอยไมตลี งบนพน้ื แลวลูกบอลกลงิ้ มาโดนไมตีน้นั เหนือเขตแฟร และผูต ดั สนิ เห็นวา ผูตไี มเจตนารบกวนลูกบอลใหเปลี่ยนทิศทาง เปนแฟรบอลหรอื ฟาวลบอล ข้ึนอยูกับตําแหนงท่ลี กู บอลหยดุ หรือผูเลน สมั ผสั ลูกบอลคร้ังแรก ญ. เมอื่ ผตู กี าวผานหนา แคตเชอรไปยงั เขตผูตีอีกดานหนงึ่ (ประเภทฟาสตพิตช) ขณะทพี่ ิตเชอรกาํ ลงั รับสัญญาณ หรือเสมือนกําลังรบั สญั ญาณที่ พิตเชอรเพลต (ประเภทสโลวพ ติ ช) ขณะที่พิตเชอรอยูในตาํ แหนงการพติ ชห รือในระหวางน้นั จนถงึ กอน ปลอ ยลกู บอล ผล ขอ 6 ก – ญ เปน เดดบอล ผูว ่ิงทกุ คนตองกลบั ไปยังเบสที่ครอบครองอยูเมือ่ เรมิ่ การพิตช ฎ. เมื่อผูต ีกระทําสงิ่ ใดส่งิ หน่ึง ตอไปนี้ 1. กดี ขวางแคตเชอรท ี่จะรบั หรือขวา งลกู บอลโดยการกาวออกนอกเขตผูตี 2. เจตนากดี ขวางแคตเชอรในขณะที่อยใู นเขตผตู ี 3. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) รบกวนการเลน ที่โฮมเพลต 4. เจตนารบกวนลูกบอลที่ถูกขวางมาขณะทีอ่ ยูในหรือนอกเขตผตู ี ผล ขอ 6 ฎ. เปน เดดบอล ผวู งิ่ ทุกคนตองกลับไปยงั เบสสุดทายทีผ่ ูตัดสินเหน็ วา ครอบครอง อยขู ณะท่ีมกี ารรบกวน ฏ. (ประเภทฟาสตพติ ช) เมอ่ื ผตู ัดสนิ เพลตขานสไตรคท ี่ 3 (ไมวา ผตู ีจะเหว่ยี งไมต ีหรือไมกต็ าม) และแคตเชอรรับลูกบอลได ฐ. (ประเภทฟาสตพิตช) เม่ือผตู ัดสินเพลตขานสไตรคท ี่ 3 ฝายรุกมีนอ ยกวา 2 เอาต และมีผูวงิ่ อยูบนเบสหนงึ่ ผล ขอ 6 ฏ - ฐ เปนบอลอนิ เพลย ผวู ่ิงจะเคลือ่ นไปขางหนา โดยอาจถูกทาํ เอาตได
หมวด 8 ผูว ่งิ แรกเร่มิ และผูว งิ่ (BATTER-RUNNER AND RUNNER) ขอ 1 ผูตเี ปนผูวิ่งแรกเรมิ่ ก. เมอ่ื ตลี ูกบอลโดยถูกกติกา และเปนแฟรบอล ข. (ประเภทฟาสตพติ ช) เมอ่ื แคตเชอรร ับลกู บอลทผ่ี ูตดั สินเพลตขานเปน สไตรคที่ 3 ไมไ ด กอ นลูกบอลถูกพ้นื และสอดคลองกบั ขอ ใดขอหนง่ึ ตอไปน้ี 1. เมื่อฝายรกุ มนี อยกวา 2 เอาต และไมมผี วู ง่ิ บนเบสหนึ่ง 2. เมือ่ ฝายรกุ มี 2 เอาต กติกาขอน้ีเรยี กวา กติกากรณีสไตรคท ี่ 3 (the third strike rule) ผล ขอ 1 ก – ข เปน บอลอินเพลย ผูตเี ปนผวู ่ิงแรกเร่มิ โดยอาจถูกทาํ เอาตได ค. เม่อื ผตู ัดสนิ เพลตขานบอล และเปนบอลที่ 4 ผล ขอ 1 ค ผูตีไดสิทธคิ์ รอบครองเบสหนงึ่ โดยถูกทาํ เอาตไมได ถา เคลื่อนไปเพียงแค เบสหนง่ึ ถา ผตู ดั สินเพลตพลาด โดยอนญุ าตใหผูเลน ฝายรุก 2 คนไปครอบครองเบสหนึ่ง ในเวลาเดยี วกนั และผูเ ลน คนแรกไมไ ดแตะเบสหนงึ่ จะขออุทธรณผ ูเลนคนแรกไมได 1. (ประเภทฟาสตพ ิตช) เปน บอลอนิ เพลย เวน แตเ ปนบลอ กบอล 2. (ประเภทสโลวพ ิตช) เปนเดดบอล ผวู ง่ิ จะเคล่ือนไปขา งหนา ไมได เวน แตเปนเบสบังคบั และผตู ไี ดไปครอบครองเบสหนงึ่ 3. ถาทีมฝายรบั ตองการใหผ ตู ีไดเบสออนบอลโดยเจตนา ทาํ ไดโดยพิตเชอร แคตเชอร หรอื ผฝู ก สอนแจงผตู ดั สนิ เพลต ซง่ึ จะใหผูตไี ปครอบครองเบสหน่ึง ถาตอ งการใหผ ตู ี 2 คน ไดเ บสออนบอลโดยเจตนา จะใหผ ตู ีคนท่ี 2 ไปครอบครองเบสหน่ึงไมไ ด จนกวา ผตู ี คนแรกไปถงึ เบสหนึง่ แลว การแจง ผูตดั สินเพลตใหถือเปน การพิตชด ว ย หมายเหตุ สามารถแจงเม่ือใดก็ได ตงั้ แตกอนเรมิ่ รอบขึ้นตจี นถงึ กอนส้ินสุดรอบข้นึ ตี ไมว า ผตู ีจะมีจํานวน บอลและสไตรคเทา ใด เปนเดดบอล ผวู ่ิงเคลือ่ นไปขางหนาไมได เวนแตเปนเบสบงั คบั 4. (ประเภทสโลวพิตชท ีมผสม) เปนเดดบอล ถาพติ เชอรท ําใหผ ตู ชี ายไดวอลค ไมว า จะโดยเจตนาหรือไม จะไดเคล่ือนไปขางหนา 2 เบส ไดครอบครองเบสสอง ผตู ีคนถดั ไปที่เปนหญงิ จะเปน ผูตี ขอ ยกเวน กรณีมอี ยูแลว 2 เอาต ผูต ีหญิงมีสทิ ธเ์ิ ลือกทจ่ี ะวอลค หรอื ขึ้นตี เม่ือผูตเี ขา ไปอยใู นเขตผูตี หรือไปถึงเบสหนง่ึ ถือวา ไดเ ลือกเรียบรอยแลว ไมส ามารถเปล่ียนแปลงได หมายเหตุ ถาผวู ิ่งแรกเร่ิมท่ีเปน หญิงเคล่อื นผา นผวู ิ่งแรกเริ่มทีเ่ ปน ชายเม่ือเลอื กที่จะวอลคไมมีการขานเอาต ง. เม่อื แคตเชอร หรอื ผเู ลน ฝา ยรบั คนอ่ืน ขดั ขวาง กีดขวางหรอื ปองกนั ไมใ หผ ตู ีตลี กู บอลท่ี ถูกพิตชม า ผล ขอ 1 ง 1. ใหผ ตู ดั สินเพลตแสดงสัญญาณดเี ลยเดดบอล ยังคงเปน บอลอนิ เพลยจ นกระทงั่ การเลน ครัง้ นั้นสิ้นสุดลง 2. ผจู ดั การทีมฝา ยรกุ มีสิทธ์เิ ลือก (ก) ใหล งโทษการขัดขวางของแคตเชอร (ข) ใหค งผลการเลนทเี่ กิดข้นึ
65 3. ถา ผูต ีตีลูกบอลเขาไปในสนาม และไปครอบครองเบสหนึ่งได รวมท้ังผูว่ิงทุกคนเคล่ือนไป ครอบครองเบสขางหนาไดอยางนอย 1 เบส ใหคงผลการเลนที่เกิดขึ้น ผูจัดการทีมฝาย รกุ ไมม ีสิทธ์ิเลือกอีก หมายเหตุ เมื่อผูวง่ิ เคลอ่ื นผานเบส (แมว าจะไมไดแตะเบส) ใหถือเสมือนวาไดไปถงึ เบสนน้ั แลว 4. ถาผูจัดการทีมฝายรุกไมเลือกใหคงผลการเลนท่ีเกิดข้ึน ใหนํากติกาการขัดขวางของ แคตเชอรมาบังคบั ใช โดยใหผูตีครอบครองเบสหนง่ึ ผูว่ิงอ่นื เคลอ่ื นไปขางหนาไดเม่ือเปน เบสบงั คบั จ. เมอ่ื แฟรบ อลโดนผูตัดสนิ อุปกรณท่ีอยกู ับผูตดั สิน หรือเสอื้ ผาของผตู ดั สิน หรอื โดนผวู งิ่ ผล ขอ 1 จ 1. ถาการโดนลูกบอลท่ีเกิดขึ้นหลังจากลูกบอลสัมผัสกับผูเลนฝายรับ (รวมทั้งพิตเชอร) เปนบอลอนิ เพลย 2. ถาการโดนลูกบอลนั้นเกิดขึ้นหลังจากลูกบอลผานผูเลนฝายรับ (ไมรวมพิตเชอร) และ ผูเลนฝา ยรบั คนอื่นไมม โี อกาสท่ีจะทาํ เอาตไ ด เปน บอลอนิ เพลย 3. ถาการโดนลูกบอลนั้นเกิดข้ึนกอนผานผูเลนฝายรับ (ไมรวมพิตเชอร) และไมมีผูเลน ฝายรับคนใดสัมผสั กับลูกบอล เปนเดดบอล ฉ. (ประเภทฟาสตพิตช) เมื่อลูกบอลถูกพิตชมา ผูตีไมเหว่ียงไมตี และผูตัดสินเพลตไมขาน “สไตรค” ลูกบอลนั้นโดนรางกายหรือเส้ือผาของผูตีขณะที่อยูในเขตผูตี ไมวาลูกบอลจะ กระทบพื้นกอนโดนรางกายหรอื เส้ือผาของผูตหี รอื ไม หมายเหตุ มือของผตู ไี มถือวา เปน สว นหน่งึ ของไมตี ผล ขอ 1 ฉ เปนเดดบอล ผตู ีไดค รอบครองเบสหน่ึงโดยถกู ทาํ เอาตไมได ขอ ยกเวน ถาผูตีไมพยายามหลบลูกบอลน้ัน ใหผูตัดสินขานเปนบอลและไมใหผูตีไดครอบครอง เบสหน่ึง ช. เมื่อผูตตี ลี กู บอลเปน ฟลายบอลในเขตแฟร และ 1. ลกู บอลน้ันลอยขามร้ัวกัน้ ดานนอก (outfield fence) 2. ลูกบอลนัน้ ถกู โกลฟหรือรางกายของผเู ลนฝายรับ แลว ลอยขามรั้วก้นั ดานนอก (outfield fence) ในเขตแฟร หรือโดนสว นบนของรวั้ ก้ันดา นนอก (outfield fence) แลวลอยขาม ไปในเขตแฟร 3. ลกู บอลนน้ั กระทบเสาแสดงเสนเขตฟาวลเ หนอื ระดับรว้ั กน้ั ดา นนอก (outfield fence) ผล ขอ 1 ช ใหผูวงิ่ แรกเริ่มไดโ ฮมรนั และตองสมั ผสั เบสทกุ เบสอยา งถกู ตอง ขอ ยกเวน 1. ถาลูกบอลลอยขามรั้วกั้นดานนอก (outfield fence) แตระยะของร้ัวกั้นดานนอก (outfield fence) นอยกวาท่รี ะบุไวในกตกิ าหมวด 2 ขอ 1 2. ถาลูกบอลน้ันถูกโกลฟหรือรางกายของผูเลนฝายรับ แลวลอยขามรั้วก้ันดานนอก (outfield fence) ในเขตฟาวล
66 3. ถาลูกบอลน้ันโดนร้ัวกั้นดานนอก (outfield fence) กอ นมาถูกผูเลนฝายรับแลวลอย ขามร้ัวก้ันดานนอก (outfield fence) ใหผูวิ่งแรกเร่ิมไดครอบครองเบสขางหนา 2 เบส เม่ือเริ่มการพติ ช หมายเหตุ ตําแหนงท่ีระยะร้ัวก้ันดานนอก (outfield fence) อยูหางจากโฮมเพลตนอยกวา ท่ีระบุไวใน กตกิ า ใหแ สดงสัญลักษณเพ่อื เปน จุดสังเกตสาํ หรับการตัดสิน ซ. เม่ือผูที่ไมไดเปนสมาชิกของทีมเขามาในสนามแขงขัน และทําการรบกวน ในลักษณะใด ลกั ษณะหนง่ึ ตอไปน้ี 1. รบกวนลกู บอลทถ่ี กู ตีลงพ้ืน และเปน แฟรบ อล 2. รบกวนผเู ลน ฝายรับที่กาํ ลังจะรับลกู บอลทถ่ี กู ขวา งมา 3. รบกวนผูเ ลน ฝายรับท่กี ําลังจะขวา งลกู บอล 4. รบกวนลกู บอลทผี่ ูเ ลนฝา ยรบั ขวาง ผล ขอ 1 ซ เปน เดดบอล ใหผูวิง่ แรกเริม่ ไดครอบครองเบสทผี่ ูตดั สนิ เห็นวาควรจะได ถาไมเกิดการรบกวนน้ัน ขอ 2 ผูว่ิงแรกเรม่ิ เอาต ก. (ประเภทฟาสตพิตช) เมื่อแคตเชอรรับลูกบอลที่ผูตัดสินเพลตขานเปนสไตรคที่ 3 ไวไมได ลูกบอลตกถึงพ้ืน และผูวิ่งแรกเริ่มถูกแตะดวยลูกบอลโดยถูกกติกา หรือผูเลนฝายรับขวาง ลูกบอลไปใหเพื่อนรวมทีมรับลกู บอลและแตะเบสหนึง่ ไดกอน ข. เม่ือผูเลนฝายรับรับฟลายบอลไดโดยถูกกติกากอนลูกบอลกระทบพื้น วัตถุ หรือบุคคลอื่น นอกเหนือจากผูเลน ฝา ยรบั ค. หลังจากตีลูกบอลเปนแฟรบ อล ผูเลนฝา ยรับนําลูกบอลมาแตะโดยถูกกติกา หรือผูเลนฝายรับ ขวา งลูกบอลไปใหเพ่อื นรว มทมี รับลกู บอลและแตะเบสหน่ึงไดกอน ง. เม่อื ผูว ่ิงแรกเรมิ่ ไมเ คลือ่ นไปเบสหน่งึ แตกลับเขาไปในเขตทพ่ี ักของทีม 1. หลังจากเปนแฟรบอล 2. หลังจากเปน เบสออนบอล 3. ทุกกรณีท่ีมีสทิ ธเ์ิ คล่อื นไปเบสหนง่ึ ไดโ ดยถูกกติกา จ. เมื่อผตู ัดสินขานอินฟลดฟ ลาย ผล ขอ 2 ก – จ เปน บอลอนิ เพลย ผวู ่งิ เคลอ่ื นไปขางหนาโดยอาจถกู ทําเอาตไ ด ขอยกเวน เปนเดดบอล ในกรณีตอ ไปนี้ - เมอื่ ทมี ฝายรับแจงผูตัดสินเพลตใหผูตีไดเ บสออนบอลโดยเจตนา - (ประเภทฟาสตพิตช) ลูกบอลถกู ผูตี - (ประเภทสโลวพ ติ ช) เปน เบสออนบอล ผูวง่ิ แรกเริม่ ไมเ อาต ผวู ิ่งอ่ืนเคลอื่ นไปขา งหนา ไมได เวนแตเ ปน เบสบังคบั ฉ. หลังจากตีลูกบอลเปนแฟรบอล ผูว่ิงแรกเริ่มว่ิงจากเขตผูตีไปแตะดับเบิลเบสเฉพาะสวนท่ีอยู ในเขตแฟร และผูเลน ฝา ยรบั นําลูกบอลมาแตะเบส
67 ผล ขอ 2 ฉ เปนการเลนตองอุทธรณ ทีมฝายรับเสียสิทธ์ิท่ีจะทําใหผูว่ิงแรกเริ่มเอาต ถาไมขออุทธรณกอนผูวิ่งแรกเร่มิ กลับมาท่ีเบสหน่ึงสวนที่อยูในเขตแฟร หลังจากแตะเบสผาน ไปแลว ช. เมือ่ ผูว ิง่ แรกเริม่ กระทาํ สิ่งใดส่งิ หนึ่งตอ ไปน้ี 1. ว่ิงออกนอกเขต 1 เมตร (3 ฟตุ ) ของทางวิ่ง และผูตัดสินเหน็ วา (ก) เปนการรบกวนผเู ลน ฝายรับทกี่ าํ ลังจะรับลกู บอลท่ถี ูกขวา งมาทีเ่ บสหนงึ่ (ข) เปนการรบกวนลูกบอลที่ถูกขวางมา ทําใหผูเลนฝายรับเสียโอกาสทําเอาต ท่ีเบสหนงึ่ หมายเหตุ ลกู บอลทถ่ี ูกขวา งมาโดนผวู ่ิงแรกเริม่ จะเปนการรบกวนหรือไม ใหพ ิจารณาเปน กรณีๆ 2. รบกวนผเู ลนฝา ยรบั ท่พี ยายามรบั ลกู บอลทีถ่ กู ตีมา หมายเหตุ ผูว่ิงแรกเริ่มวิ่งออกนอกระยะ 1 เมตร (3 ฟุต) ของทางวิ่งได เพ่ือหลบผูเลน ฝายรับท่ี พยายามรับลกู บอลท่ีถกู ตีมา 3. รบกวนผูเลน ฝายรบั ท่ีพยายามขวา งลูกบอล 4. เจตนารบกวนลกู บอลท่ีถกู ขวางมา 5. รบกวนลูกบอลทถี่ กู ตีอยใู นเขตแฟร (นอกเขตผูต ี) ระหวางเคลือ่ นไปเบสหน่ึง 6. (ประเภทฟาสตพิตช) รบกวนลูกบอลที่ผูตัดสินเพลตขานเปนสไตรคท่ี 3 และแคตเชอร ทาํ ลกู บอลตกถงึ พืน้ 7. หลังจากตีลูกบอลแลว ปลอยไมตีในลักษณะที่ทําใหเกิดการรบกวนผูเลนฝายรับ จนเสียโอกาสทจ่ี ะทาํ ใหผ เู ลน ฝา ยรุกเอาต หมายเหตุ ขอ 2 ช (1 - 7) ถาผูตัดสินพิจารณาวา การรบกวนน้ันเห็นไดช ดั วา พยายามที่จะปองกันการ ทาํ ดับเบลิ เพลย ใหข านผวู ่ิงทอี่ ยใู กลโ ฮมเพลตทีส่ ดุ ขณะทมี่ กี ารรบกวน เอาตดว ย ซ. เมื่อผูว่ิงแรกเริ่มรบกวนการเลนท่ีโฮมเพลต ถาไมเกิดการรบกวนนี้ ผูเลนฝายรับสามารถ ทําผวู ิ่งเอาตท โ่ี ฮมเพลตไดอ ยา งแนน อน หมายเหตุ ผวู ิง่ ถกู ขานเอาตด วย ฌ. เมื่อผูวิ่งแรกเริม่ ถอยกลบั มาทางโฮมเพลตเพ่ือหลีกเลี่ยงหรอื ชะลอการถกู แตะโดยผูเลน ฝา ยรับ ญ. กรณีการใชดับเบิลเบส และมีการเลนเพื่อพยายามทําฟอรซเอาตที่เบสหนึ่ง ผูว่ิงแรกเร่ิม เคลื่อนไปแตะเบสหนึ่งสวนที่อยูในเขตแฟร และชนกับผูเลนฝายรับซึ่งกําลังจะรับลูกบอลที่ ขวางมาและใชเ บสหนงึ่ สวนที่อยูในเขตแฟรด วยเชน กนั ฎ. เมื่อสมาชิกของทีมฝายรุก ซ่ึงไมใช ผูตี ผูวิ่งแรกเร่ิม ผูวิ่ง หรือผูเลนรอข้ึนตี รบกวนผูเลน ฝายรับ (ที่พยายามจะรับฟลายบอลที่อยูในเขตฟาวล) หรือฟลายบอลที่อยูในเขตฟาวล (ทีผ่ ูเลน ฝา ยรับพยายามจะรบั ) ขอ ยกเวน ถาเปนการรบกวนในขณะที่มีผูวิ่งบนเบส ใหขานผูวิ่งที่อยูใกลโฮมเพลตท่ีสุดขณะที่มีการ รบกวน เอาต หมายเหตุ ในกรณีนี้ ใหผูวิ่งแรกเร่ิมกลับมาตีใหม โดยนับสไตรคเพ่ิมหน่ึงสไตรค ถาจํานวนสไตรคกอน การตนี ั้นนอ ยกวา 2 สไตรค
68 (ก) (ประเภทฟาสตพิตช) ถาเอาตที่เกิดจากการรบกวนเปนเอาตที่ 3 ผูวิ่งแรกเริ่ม เปน ผตู คี นแรกในอนิ นิงถดั ไป จํานวนบอลและสไตรคทีม่ ีอยูเ ดิมใหย กเลกิ (ข) (ประเภทสโลวพิตช) ถาเปนสไตรคที่ 3 ผูวิ่งแรกเร่ิมถูกขานเอาตดวย เวนแต การขานผูวิ่งที่ทําการรบกวนเปนเอาตท่ี 3 แลวใหถือวาผูว่ิงแรกเริ่มส้ินสุด รอบข้นึ ตีแลว ผล ขอ 2 ช – ฎ เปนเดดบอล ผูวิ่งทุกคนตองกลับไปยังเบสสุดทายท่ีครอบครองอยูโดยถูก กตกิ าเมือ่ เร่มิ การพติ ช ขอ ยกเวน ถามีการเลน ท่ีพยายามทําใหผ ูวงิ่ เอาตกอนจะมีการรบกวน และ 1. ฝายรบั ทาํ ใหผ ูวิง่ เอาตไ ด ใหคงผลการเลนที่เกดิ ขนึ้ 2. ฝา ยรับทําใหผูว่ิงนั้นเอาตไมได ใหคงผลการเลนที่เกิดขึ้น ถาผูว่ิงแรกเร่ิมทําการรบกวน และถูกขานเอาต แตไมเปนเอาตท่ี 3 ผูว่ิงอื่นตองกลับไปยังเบสสุดทายท่ีครอบครองอยู เมอ่ื เริ่มการพิตช ฏ. เม่ือฝายรุกมีนอยกวา 2 เอาตและมีผูวิ่งอยูบนเบสหน่ึง ผูเลนฝายรับในอินฟลดเจตนาปลอย ลกู บอลซ่งึ สามารถรับไวไดดวยการเลนปกติตกถึงพื้นหลังจากควบคมุ ลูกบอลไวไดแลว ดวยมือ หรือโกลฟ ไมวาลูกบอลน้นั จะเปน ฟลายบอลในเขตแฟร, ลกู พงุ หรือบนั ต หมายเหตุ แทร็ปบอลหรือฟลายบอลท่ีรับในขณะที่กระดอนขึ้นจากพ้ืน ไมถือวาเปนการทําลูกบอลตก ถงึ พ้นื โดยเจตนา ผล ขอ 2 ฏ เปน เดดบอล ผวู ง่ิ ตอ งกลับไปยงั เบสสดุ ทายที่ครอบครองอยเู ม่ือเรม่ิ การพิตช หมายเหตุ ถากติกาอนิ ฟล ดฟ ลายมีผลบังคับใช ใหย ดึ กติกาอินฟลดฟลายเปน หลัก ฐ. เม่อื ผตู ัดสนิ เห็นวา ผวู ่ิงคนหนา ทีย่ งั ไมถูกขานเอาต เจตนารบกวนผูเลน ฝา ยรับ 1. ขณะทผ่ี เู ลนนนั้ พยายามรบั ลูกบอลท่ถี ูกขวา งมา 2. ขณะที่ผเู ลนนัน้ พยายามขวางลูกบอลไปทาํ ใหผ ูเลน ฝา ยรกุ เอาต ผล ขอ 2 ฐ เปนเดดบอล ผูวิ่งถูกขานเอาตดวย ผูวิ่งอ่ืนตองกลับไปยังเบสสุดทายที่ ครอบครองอยูโดยถกู กตกิ าขณะท่ีมกี ารรบกวน ฑ. เมื่อผูท ไี่ มไดเปน สมาชิกของทีมเขามาในสนามแขงขัน และ 1. รบกวนผูเลน ฝายรับทีก่ าํ ลังจะรับฟลายบอล 2. รบกวนฟลายบอลที่ผตู ัดสินเหน็ วา ผเู ลนฝายรบั สามารถรบั ไวไ ด ผล ขอ 2 ฑ. เปนเดดบอล ผูวิ่งไดครอบครองเบสท่ีผูตัดสินเห็นวาควรจะได ถาไมเกิดการ รบกวน ขอ 3 ผูวงิ่ แรกเริม่ ไมเอาต ถา ผเู ลนฝายรับพยายามทาํ ใหผ ูว ง่ิ แรกเร่ิมเอาต โดยใชโกลฟทผี่ ิดกติกา ผล ขอ 3 ผูจัดการทมี ฝายรกุ มสี ทิ ธ์เิ ลือก (ก) ใหคงผลการเลน ที่เกิดขนึ้ (ข) ใหผูตีกลับมาตีใหม โดยมีจํานวนบอลและสไตรคเทากับที่มีอยูกอนการเลนน้ัน ผูว่ิงอ่ืน กลับไปยังเบสที่ครอบครองอยูเมือ่ เรม่ิ การพิตช
69 ขอ 4 การแตะเบสตามลําดับโดยถกู กติกา ผูวิ่งตองแตะเบสตามลาํ ดับโดยถกู กติกา นน่ั คอื เบสหนงึ่ เบสสอง เบสสาม และโฮมเพลต ขอยกเวน ถาผวู ่ิงถกู ขัดขวางท่ีเบสใดเบสหนึง่ ทําใหไ มสามารถแตะเบสน้นั ได ก. เม่อื ผวู ง่ิ ยอนกลับ 1. ไปยงั เบสที่เคลอ่ื นออกไปกอนทีผ่ ูเลน ฝา ยรับสมั ผสั ฟลายบอลครั้งแรก 2. ไปยังเบสท่แี ตะพลาด ขณะทเี่ ปนบอลอนิ เพลย ผูวงิ่ ตอ งแตะเบสยอนกลับตามลาํ ดบั ผล ขอ 4 ก เปน บอลอนิ เพลย ผูวง่ิ ตองยอนกลับโดยอาจถกู ทาํ เอาตไ ด ข. เม่ือผูว่ิง หรือผูว่ิงแรกเริ่มไดสิทธิ์ครอบครองเบสใดเบสหน่ึง โดยแตะเบสน้ันและยังไมถูกทํา เอาต มีสิทธ์ิครอบครองเบสน้ันจนกวาจะไดครอบครองเบสขางหนาโดยถูกกติกา หรือ ถกู บังคบั ใหเสียสทิ ธ์กิ ารครอบครองเบสเดมิ ใหกับผวู ง่ิ ท่ีตามมา ค. เม่ือผวู ิ่งทําใหเบสเคลื่อนจากตาํ แหนงปกติ ผวู ่ิงน้ันและผูว่ิงอื่นที่ตามมา ไมจําเปนตองตามไป แตะเบสท่เี คลือ่ นออกจากตําแหนง ปกติ ผล ขอ 4 ข–ค เปนบอลอินเพลย ผูวิ่งจะเคลื่อนไปขางหนา หรือยอนกลับโดยอาจถูกทํา เอาตได ง. ผวู ง่ิ ครอบครองเบสเดียวกันพรอมกัน 2 คนไมได ผล ขอ 4 ง ผูวิ่งคนแรกมีสิทธ์ิครอบครองเบสโดยถูกกติกา เวนแตถูกบังคับใหเคล่ือนไป ขางหนา ผูวิ่งอกี คนหนึ่งถูกทาํ เอาตไ ดโดยผเู ลนฝา ยรบั นําลกู บอลมาแตะ จ. ผูว่ิงคนหนาถูกขานเอาตเน่ืองจากไมไดแตะเบส หรือไมไดเคลื่อนออกจากเบสโดยถูกกติกา กอ นที่ผเู ลนฝายรบั สมั ผสั ฟลายบอลครั้งแรก ไมมผี ลตอผูวง่ิ ที่ตามมาซงึ่ แตะเบสตามลาํ ดบั โดย ถกู กตกิ า ขอยกเวน ถา เปน เอาตที่ 3 ผูว ิง่ ทตี่ ามมาไมไดคะแนน ฉ. ผูวิ่งจะกลับไปแตะเบสท่ีแตะพลาด หรอื เบสที่ผูว่งิ เคล่ือนออกมาโดยผิดกติกาไมได ถาผวู ิ่งนั้น ออกนอกสนามแขงขนั หรือผูว่งิ ทีต่ ามมาไดคะแนนแลว ช. ผูว่ิงที่เคลื่อนออกจากเบสกอนผูเลนฝายรับสัมผัสฟลายบอลคร้ังแรก (กรณีรับฟลายบอลได) ตองกลบั ไปแตะเบสน้ันกอ น จึงเคลื่อนไปครอบครองเบสขา งหนาได ซ. ผูว ่ิงตองแตะเบสท่ไี ดสิทธิ์ครอบครองตามลําดับโดยถูกกติกา ขอ ยกเวน ถาผวู ิ่งถูกขัดขวางทเี่ บสใดเบสหนึง่ ทําใหไมสามารถแตะเบสนน้ั ได ผล ขอ 4 จ–ซ ผูวิ่งถูกขานเอาต ถาทีมฝายรับขออุทธรณโดยถูกกติกากอนการพิตชคร้ัง ตอ ไป (ไมวาถกู หรอื ผดิ กติกา) ขอ 5 ผวู ่งิ มีสิทธ์เิ คล่ือนไปขา งหนา โดยอาจถูกทําเอาตได ก. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) เม่ือลกู บอลหลุดออกจากมือของพิตเชอร ข. (ประเภทสโลวพ ิตช) เม่ือผตู ีตีลกู บอลทถี่ กู พิตชม า ค. เมือ่ ลกู บอลท่ถี ูกขวาง หรือแฟรบอลไมเปนบลอกบอล ง. เมอื่ ลกู บอลท่ีถูกขวางมาโดนผูตดั สิน จ. เม่ือผูเ ลนฝา ยรบั สัมผสั ฟลายบอลคร้งั แรก (กรณรี ับฟลายบอลได)
70 ฉ. เม่ือแฟรบอล 1. โดนผูต ดั สนิ หรอื ผวู งิ่ หลังจากผา นผูเ ลน ฝา ยรับ (ไมรวมพิตเชอร) และไมมีผเู ลน ฝา ยรับ คนใดมีโอกาสทําเอาตได 2. โดนผูเลน ฝา ยรับ (รวมท้งั พิตเชอร) ช. เมอ่ื ลูกบอลเขาไปติดอยูกบั อุปกรณห รือเครือ่ งแตง กายของผูเ ลนฝา ยรบั ผล ขอ 5 ก–ช เปน บอลอนิ เพลย ขอ 6 ผวู ง่ิ อาจถกู ทาํ เอาตไ ด ก. ถาผูว ิ่งไมไดแตะเบสท่มี ีสิทธค์ิ รอบครอง กอนพยายามเคล่ือนไปครอบครองเบสขา งหนา ขอยกเวน ถา ผวู ่ิงถกู ขดั ขวางทเ่ี บสใดเบสหน่ึงทาํ ใหไ มส ามารถแตะเบสนนั้ ได ข. หลังจากผูวง่ิ แตะและผา นเลยเบสหนงึ่ ไปแลว พยายามเคล่ือนตอ ไปยังเบสสอง ค. หลงั จากผวู ิ่งทําใหเ กิดเบสเคล่ือนแลว พยายามเคลอื่ นตอไปยงั เบสขา งหนา ง. (ประเภทฟาสตพิตช) กรณีเปนการพิตชท ผี่ ดิ กติกา และไมม กี ารตีลูกบอล ผวู ิง่ พยายาม เคลื่อนไปเกนิ กวา เบสท่ไี ดสิทธ์คิ รอบครองโดยถูกกติกา จ. เม่อื ผวู ง่ิ เคล่ือนไปเกินกวาเบสทีไ่ ดสทิ ธิค์ รอบครอง ในกรณีตอไปนี้ 1. ผเู ลนฝา ยรบั เจตนาสัมผัสลูกบอลทถี่ ูกขวา งมาดวยอปุ กรณท ่ีหลดุ ออกจากตัว 2. ผูเลน ฝายรบั เจตนาสมั ผัสแฟรบอลดว ยอปุ กรณทห่ี ลุดออกจากตวั ฉ. เมอื่ ผวู ่ิงเคลื่อนไปเกนิ กวา เบสที่ไดสิทธคิ์ รอบครอง หรอื ไดร ับการคุมครอง เนอ่ื งจากมีการ ขัดขวาง ช. (ประเภทฟาสตพ ิตช) เมือ่ ผวู ิ่งเคลอ่ื นไปเกินกวา 1 เบส กรณเี ปนการพติ ชทผ่ี ดิ กติกาและเปน ไวลดพ ติ ชหรอื พาสดบอลดว ย ซ. (ประเภทฟาสตพ ิตช) เม่ือผูวิ่งเคลอื่ นไปเกนิ กวา เบสท่ถี ูกบังคับใหเ คล่ือนไปเนื่องจากผูตไี ด เบสออนบอล ขอ 7 ผูว ิง่ มีสิทธ์เิ คลือ่ นไปขางหนา โดยถูกทําเอาตไมไ ด ก. เมอื่ ผูว ่ิงถูกบงั คับใหเ คลื่อนไปขางหนา 1 เบส เนอื่ งจากผตู ีไดเบสออนบอล ผล ขอ 7 ก – (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ยังคงเปนบอลอินเพลย เวนแตก ลายเปน บลอกบอล ผูวิ่งเคล่อื น ไปขา งหนาตอ ไปไดอีก โดยอาจถกู ทําเอาตได – (ประเภทสโลวพ ติ ช) เปนเดดบอล ข. เมื่อผเู ลน ฝายรบั ขดั ขวาง หรอื กดี ขวางผูว ิ่ง, ผูว่ิงแรกเริ่ม ไมใหเ คลอ่ื นไปครอบครองเบส ขา งหนา ซึ่งเคลื่อนไปโดยถูกกตกิ า 1. ถา ผเู ลนฝายรับไมไดครอบครองลกู บอล 2. ถาผูเลน ฝา ยรับไมอยใู นลกั ษณะที่จะรับลูกบอลที่ถูกตมี า 3. ถาผูเลนฝา ยรบั ทาํ การหลอกแตะ โดยไมมลี ูกบอลในครอบครอง 4. ถา ผูเ ลนฝายรบั มลี ูกบอลในครอบครอง ผลักผวู ่ิงใหหลุดออกจากเบสเพื่อทาํ เอาต
71 5. ถาผูเลนฝายรับมีลูกบอลในครอบครอง ไมอยูในลักษณะท่ีพยายามทําผูว่ิงเอาต เจตนา หนวงเหน่ียวการเคลื่อนไปขางหนาของผูวิ่งนั้นหรือผูวิ่งแรกเริ่มซ่ึงเคลื่อนไปครอบครอง เบสโดยถกู กตกิ า ผล ขอ 7 ข. เมอื่ เกดิ การขดั ขวาง (รวมทงั้ การพยายามแตะผวู ิ่งระหวางเบส) 1. ใหผูตัดสินแสดงสัญญาณดีเลยเดดบอล ยังคงเปนบอลอินเพลยอยูจนกระท่ัง การเลน ส้ินสดุ ลง 2. ผวู ิ่งที่ถูกขัดขวางและผูวงิ่ อ่ืนที่ไดรบั ผลกระทบจากการขัดขวาง ไดสิทธิ์ครอบครอง เบสที่ผูตัดสินเห็นวาควรจะไดหากไมมีการขัดขวางผูตัดสินจะไลผูเลนฝายรับที่ทํา การหลอกแตะ ออกจากการแขง ขันกไ็ ด 3. ถาผูว่ิงท่ีถูกขัดขวางถูกทําเอาตกอนไปถึงเบสที่ควรจะไดครอบครองหากไมมีการ ขัดขวาง ใหผูตัดสินขานเดดบอล ผูว่ิงที่ถูกขัดขวางและผูวิ่งอื่นซึ่งไดรับผลกระทบ จากการขดั ขวาง ไดส ทิ ธค์ิ รอบครองเบสทผ่ี ูตดั สินเหน็ วาควรไดหากไมม กี ารขัดขวาง 4. ผูว ่งิ ท่ถี ูกขัดขวางจะไมถ ูกขานเอาต ในระหวางเบสท่ถี กู ขดั ขวาง ขอ ยกเวน 1) ถาผูว่ิงที่ถูกขัดขวางทําการรบกวนหลังจากเกิดการขัดขวางแลว หรือฝายรับ ขออุทธรณ โดยถกู กตกิ า ในกรณีตอไปนี้ : (ก) เมื่อผูวิ่งน้ันไมไดแตะเบส เวนแตถูกขัดขวางท่ีเบสนั้น ทําใหไมสามารถ แตะเบสได (ข) เม่ือผวู งิ่ นั้นออกจากเบสกอนที่ผูเลนฝายรบั สัมผัสฟลายบอลครง้ั แรก (ค) ถาผูวิ่งท่ีถูกขัดขวางถูกทําเอาตหลังจากเคล่ือนผานเบสที่ควรไดหากไม เกดิ การขดั ขวาง ผวู งิ่ น้นั จะถูกขานเอาต ยงั คงเปนบอลอินเพลย 2) ถาผูวิ่งที่ถูกขัดขวางไดครอบครองเบสท่ีผูตัดสินเห็นวาควรไดแลว และ มีการเลนที่ผูวิ่งอื่นเกิดขึ้นตอมา ผูวิ่งท่ีถูกขัดขวางจะไมไดรับการคุมครอง ในระหวางเบสที่ถูกขัดขวางอีกตอไปและอาจถูกทําเอาตได ยังคงเปน บอลอินเพลย 5. การขดั ขวางของแคตเชอรระบุไวใ นกติกาหมวด 8 ขอ 1 ง หมายเหตุ ผูวิง่ ทีถ่ กู ขัดขวางยังตอ งแตะเบสตามลําดบั โดยถูกกติกา มฉิ ะนน้ั จะถูกขานเอาต ถาฝา ยรับ ขออุทธรณโ ดยถกู กติกา ขอ ยกเวน ถาผวู ิง่ ถูกขัดขวางท่ีเบสใดเบสหนงึ่ ทําใหไ มสามารถแตะเบสนน้ั ได ค. (ประเภทฟาสตพิตช) เม่ือเกิดไวลดพติ ชหรอื เกิดพาสดบอล แลว ลูกบอลลอด ขาม ทะลุ หรือ ตดิ อยกู บั แบก สต็อป ผล ขอ 7 ค เปน เดดบอล ผวู ่ิงไดค รอบครองเบสขางหนา 1 เบสเทา น้นั ผูตไี ดครอบครอง เบสหน่งึ เมอ่ื ผตู ัดสนิ ขานเปนบอลที่ 4 ง. (ประเภทฟาสตพ ิตช) เมื่อพติ เชอรพติ ชผดิ กติกา (ผูตัดสินขานอลิ ลีกัลพติ ช)
72 จ. เม่อื ผูเลนฝายรบั เจตนาสมั ผสั หรอื รับลูกบอลท่ีถูกตี (เปน แฟรบอล) ลกู บอลท่ีถูกขวางมา หรือ ลูกบอลท่ีถูกพิตชมา ดวยหมวกแกป หมวกปองกัน หนากาก อุปกรณปองกัน กระเปา โกลฟ หรอื สว นใดสวนหนง่ึ ของชุดแขง ขนั ทไ่ี มอยูในตาํ แหนง ปกติ ผล ขอ 7 จ ใหผ ูวิง่ ทุกคน รวมท้ังผวู ง่ิ แรกเริ่มมสี ทิ ธิเ์ คล่อื นไปขา งหนา ดงั นี้ 1. เคล่ือนไปขางหนา 3 เบส นับจากเม่ือเริ่มการพิตช กรณีเกิดขึ้นกับลูกบอลที่ถูกตี (เปน แฟรบอล) ขอยกเวน ถาการรับ หรือการสมั ผัสท่ีผดิ กติกาเกิดขึ้นกับแฟรบอล ซ่ึงผูตัดสินเห็นวา ลูกบอลน้ัน นาจะลอยขา มร้วั กัน้ ดา นนอก (outfield fence) ใหผูวง่ิ แรกเรม่ิ ไดโฮมรัน 2. เคลื่อนไปขางหนา 2 เบส นับจากขณะที่ขวางลูกบอล กรณีเกิดข้ึนกับลูกบอลท่ี ถกู ขวางมา 3. (ประภทฟาสตพิตช) เคลอ่ื นไปขางหนา 1 เบส นับจากเม่ือเร่มิ การพิตช กรณีเกิดข้ึนกับ ลกู บอลทถี่ กู พิตชม า ขอยกเวน ถาลูกบอลท่ีถูกพิตชมาผานเลยแคตเชอรไปอยูกับอุปกรณที่หลุดออกจาก ผูเ ลน ไมม กี ารลงโทษ ในกรณีตอไปน้ี (ก) ผวู ง่ิ ไมเ คลื่อนไปขางหนา (ข) ไมม กี ารเลน เกิดขึน้ (ค) ไมเกิดการไดเปรียบ หมายเหตุ ผตู ีเคลื่อนไปไดแคเ บสหนงึ่ เนือ่ งจากเบสออนบอลหรอื ลูกบอลทถ่ี ูกพติ ชม าเปนสไตรคท ี่ 3 ตกถึงพน้ื ในแตละกรณีดังกลาว ผูว่ิงเคล่ือนไปขางหนาอีกโดยอาจถูกทําเอาตได เน่ืองจากยังคง เปน บอลอนิ เพลย ฉ. เมือ่ เปนบอลอินเพลยแ ละเกิดโอเวอรโธรว หรอื เปน บลอ กบอล ผล ขอ 7 ฉ ใหผูวิ่งทุกคน รวมท้ังผูวิ่งแรกเร่ิมไดสิทธิ์ครอบครองเบสขางหนา 2 เบส จากตําแหนงของผูวิ่งขณะท่ีลูกบอลหลุดออกจากมือของผูขวาง ถามีผูวิ่ง 2 คนอยูระหวาง เบสเดยี วกัน ใหพ ิจารณาจากตาํ แหนงของผวู ิง่ คนหนา ขอ ยกเวน 1. เม่ือผูเลนฝายรับเสียการครอบครองลูกบอล เชน พยายามแตะผูวิ่ง แลวลูกบอลหลุด เขาไปในเขตเดดบอล หรือเปนบลอกบอล ผูว่ิงทุกคนไดสิทธิ์ครอบครองเบสขางหนา 1 เบสนับจากเบสสุดทายท่ีครอบครองขณะท่ีลูกบอลหลุดเขาไปในเขตเดดบอล หรือ เปนบลอ กบอล 2. ถา ผูวิ่งแตะเบสขางหนา แลวยอนกลับมายงั เบสเดมิ ใหถือวาเบสเดิมนเี้ ปน “เบสสุดทา ย ทค่ี รอบครอง” 3. ถาเปนบลอกบอลเน่ืองจากอุปกรณของทีมฝายรุก เปนเดดบอล ผูว่ิงทุกคนกลับไปยัง เบสสุดทายที่ครอบครองขณะท่ีเปนบลอกบอล ถาเหตุการณนั้นกีดขวางฝายรับท่ี พยายามทําผูว่ิงเอาต ใหผูตัดสินขานผูวิ่งน้ันเอาต (ถาผูเลนน้ันทําคะแนนไดกอนเปน บลอกบอล ใหข านผูว ิ่งทอ่ี ยใู กลโ ฮมเพลตทส่ี ดุ เอาต)
73 ช. เมอื่ (ผูต ีตีลูกบอล) เปน ฟลายบอลในเขตแฟร และ 1. ลูกบอลนั้นลอยขา มรั้วกน้ั ดานนอก (outfield fence) 2. ลูกบอลนั้นถูกโกลฟหรือโดนรา งกายของผูเลนฝา ยรับ และขามรวั้ กน้ั ดา นนอก (outfield fence) ในเขตแฟร หรือถกู ดา นบนของรั้วกัน้ ดานนอก (outfield fence) แลวขา มรั้วก้ัน ดา นนอก (outfield fence) ในเขตแฟร 3. ลกู บอลนัน้ ถูกเสาแสดงเสน เขตฟาวลเ หนอื ระดับรั้วกั้นดานนอก (outfield fence) ผล ขอ 7 ซ. เปนเดดบอล ผวู งิ่ ทุกคนไดสิทธิ์เคลื่อนไปจนถงึ โฮมเพลต ขอยกเวน 1. ถา ลูกบอลนั้นลอยขามรั้วกั้นดานนอก (outfield fence) แตระยะของร้ัวกน้ั ดานนอก (outfield fence) นอ ยกวา ทร่ี ะบไุ วใ นกตกิ าหมวด 2 ขอ 1 2. ถา ลกู บอลน้นั ถูกโกลฟหรือโดนรา งกายของผเู ลน ฝายรบั และขามรวั้ กน้ั ในเขตฟาวล 3. ถาลูกบอลน้ันถกู รวั้ กั้นดา นนอก (outfield fence) กอ นมาโดนผูเลน ฝา ยรับ แลวขา ม ร้วั กน้ั ดานนอก (outfield fence) ใหผ วู งิ่ ไดสิทธิ์ครอบครองเบสขา งหนา 2 เบสนบั จากเมอ่ื เรมิ่ การพิตช เมื่อแฟรบอลกระดอนขาม กล้ิงลอด หรือทะลุผานรั้วก้ัน หรือส่ิงแสดงเขตสนามแขงขัน แลว ลกู บอลออกนอกสนามแขง ขัน ซ. รวมถึงกรณตี อไปนี้ 1. ลกู บอลนั้นโดนผูเ ลน ฝายรับ หรอื ผตู ัดสนิ 2. ลูกบอลนั้นโดนผูวิ่ง หลังจากผานผูเลนฝายรับ (ไมรวมพิตเชอร) และไมมีผูเลนคนใดมี โอกาสทาํ เอาตได ผล ขอ 7 ซ. เปนเดดบอล ผูว่ิงทุกคนไดสิทธิ์ครอบครองเบสขางหนา 2 เบส นับจากเม่ือ เรม่ิ การพติ ช ฌ. เม่ือเปนบอลอินเพลย ผเู ลน ฝายรบั นาํ ลูกบอลเขาไปในเขตเดดบอลโดยไมเจตนา หมายเหตุ ผูเลนฝายรับนําลูกบอลท่ียังเปนบอลอินเพลยเขาไปในเขตท่ีพักของทีม เพื่อทําการแตะผูเลน ถือวาเปนการนําลกู บอลออกไปโดยไมเจตนา ผล ขอ 7 ฌ. เปนเดดบอล ผูว่ิงทุกคนไดสิทธ์ิครอบครองเบสขางหนาได 1 เบสจากเบส สดุ ทา ยที่ครอบครองอยู ขณะท่ีผูเ ลน ฝายรับนาํ ลกู บอลเขา ไปยงั เขตเดดบอล ญ. เมื่อผูตัดสินเห็นวา ขณะท่ียังเปนบอลอินเพลย ผูเลนฝายรับเจตนานํา เตะ ผลัก หรือขวาง ลกู บอลไปยังเขตเดดบอล ผล ขอ 7 ญ. เปนเดดบอล ผูวิ่งทุกคนไดสิทธิ์ครอบครองเบสขางหนาได 2 เบสจากเบส สดุ ทายท่คี รอบครองอยู ขณะทีผ่ เู ลนฝายรบั นาํ เตะ ผลกั หรือขวา งลูกบอลไปยังเขตเดดบอล หมายเหตุ เสนเขตเดดบอลถือวา อยใู นเขตการเลน ฎ. เมื่อผทู ไ่ี มไดเ ปนสมาชิกของทมี เขา มาในเขตสนามแขง ขนั และ 1. รบกวนผูเลนฝา ยรบั ทีก่ าํ ลงั จะรับฟลายบอล 2. รบกวนฟลายบอลที่ผเู ลนฝา ยรบั นา จะรบั ได 3. รบกวนลกู ตตี กพืน้ ทเี่ ปนแฟรบ อล
74 4. รบกวนผเู ลนฝา ยรับทีก่ ําลงั จะรับลกู บอลทีถ่ กู ขวา งมา 5. รบกวนผูเ ลนฝายรบั ที่กาํ ลังจะขวา งลูกบอล 6. รบกวนลกู บอลทผ่ี ูเ ลนฝายรบั ขวาง ผล ขอ 7 ฎ เปนเดดบอล ผวู ิ่งเคลอ่ื นไปครอบครองเบสทผ่ี ูตดั สินเห็นวาควรจะได ถาไมเ กิดการรบกวน ฏ. เมื่อลูกบอลติดอยูก บั 1. เสอ้ื ผา หรอื อปุ กรณป อ งกันของผตู ดั สิน 2. เส้อื ผา ของผูเลนฝายรุก ผล ขอ 7 ฏ เปนเดดบอล ผูวิ่งเคลอ่ื นไปครอบครองเบสที่ผตู ดั สนิ เหน็ วาควรจะได ถา ไมเกิดเหตกุ ารณน้ัน ขอ 8 ผวู งิ่ ตอ งกลับเบสเดิม ผูว่ิงตอ งกลับเบสเดมิ แตไ มจาํ เปน ตอ งแตะเบสตามลาํ ดบั ท่ีผา นไป ในกรณตี อไปน้ี : ก. เม่ือผตู ีตีลูกบอลเปน ฟาวลบ อล ข. เมอ่ื ผตู ดั สินเพลตขานวา เปน ลกู บอลทถี่ ูกตีโดยผดิ กตกิ า ค. เม่ือผวู ิง่ แรกเร่มิ ถูกขานเอาตเ นือ่ งจากทําการรบกวน ง. เมอื่ ผูเ ลน รอข้ึนตหี รอื สมาชิกทมี คนอ่ืนซึง่ ไมไ ดเ ปนผเู ลนทําการรบกวน จ. (ประเภทฟาสตพิตช) เม่ือผูตีเหวี่ยงไมตีลูกบอลท่ีถูกพิตชมา แตไมถูกลูกบอล และลูกบอล มาโดนสวนใดสว นหนงึ่ ของรางกายผูตี ฉ. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) เมือ่ ลูกบอลทีถ่ ูกพิตชม าโดนผตู ี ช. ในขณะท่ีฝายรุกมีนอยกวา 2 เอาตและมีผูวิ่งอยูบนเบสหน่ึง ผูเลนฝายรับในอินฟลดเจตนา ปลอยลูกบอลซ่ึงสามารถรับไวไดดวยการเลนปกติตกถึงพ้ืน หลังจากควบคุมลูกบอลไวไดแลว ดว ยมือหรือโกลฟ ไมว าลูกบอลนนั้ จะเปน ฟลายบอลในเขตแฟร ลกู พุง หรือบันต หมายเหตุ ถากตกิ าอนิ ฟลดฟลายมีผลบงั คบั ใช ใหใ ชก ติกาอนิ ฟลดฟ ลายเปนหลกั ผล ขอ 8 ก–ช เปนเดดบอล ผูวิ่งตองกลับไปยังเบสสุดทายที่ครอบครองอยูโดยถูกกติกา เมื่อเริ่มการพิตช โดยถูกทําเอาตไมได เวนแตถูกบังคับใหเคล่ือนไปขางหนาเนื่องจากผูตี ไดสทิ ธค์ิ รอบครองเบสหนงึ่ ซ. เมอ่ื ผตู ี หรอื ผวู ง่ิ ถูกขานเอาตเน่ืองจากทาํ การรบกวน ผล ขอ 8 ช. เปนเดดบอล ผูว่ิงตองกลับไปยังเบสสุดทายท่ีครอบครองอยูโดยถูกกติกา ขณะที่มีการรบกวน โดยถูกทําเอาตไมได เวนแตจะถูกบังคับใหเคลื่อนท่ีไปขางหนา เน่ืองจากผตู ีไดส ิทธิ์ครอบครองเบสหน่งึ ฌ. (ประเภทฟาสตพิตช) เม่ือรางกาย หรือเสื้อผาของผูตัดสินเพลตลบกวนแคตเชอรที่พยายาม ทําใหผวู ิง่ ท่กี าํ ลงั ขโมยเบสหรือผวู ่งิ ทก่ี าํ ลังกลบั มายงั เบสเดมิ เอาต หมายเหตุ ในกรณีท่ีเปนพาสดบอล หรือไวลดพิตช แคตเชอรข วางลูกบอลโดนผูตัดสิน ไมถือวาเปนการ รบกวนของผูตดั สิน ยังคงเปนบอลอินเพลย
75 ผล ขอ 8 ฌ ใหผูตัดสินแสดงสัญญาณดีเลยเดดบอล ยังคงเปนบอลอินเพลย จนกระท่ัง การเลน สิ้นสุดลง 1. ถา แคตเชอรท ําใหผูวงิ่ นน้ั เอาตไ ด ใหค งผลการเลนทเ่ี กิดข้นึ ยงั คงเปนบอลอินเพลย 2. ถาแคตเชอรทําใหผูว่ิงน้ันเอาตไมได เปนเดดบอล ผูว่ิงทุกคนกลับไปยังเบสสุดทายที่ ครอบครองอยูขณะท่ีแคตเชอรข วา งลูกบอล ญ. (ประเภทสโลวพ ติ ช) เมอ่ื ผูวง่ิ เคลื่อนออกจากเบสแตผ ตู ไี มต ีลูกบอล ผวู งิ่ ตอ งกลับไปยังเบสเดมิ ผล ขอ 8 ญ. ไมอนุญาตใหม ีการขโมยเบส ขอ 9 ผูว ิง่ เอาต ก. เม่ือผูวิ่งออกนอกทางวิ่งมากกวา 1 เมตร (3 ฟุต) ไมวาจะเปนการเคลื่อนไปขางหนาหรือ ยอนกลบั เพ่อื หลบหลกี ไมใหผูเลน ฝายรบั นําลกู บอลมาแตะ ข. เม่ือถูกแตะดวยลูกบอลในมือของผูเลนฝายรับโดยถูกกติกา ในขณะที่ไมไดอยูบนเบสและ เปนบอลอนิ เพลย ค. เม่อื เปนเบสบงั คับ และ 1. ผูเลนฝายรับถอื ลูกบอลแลว (ใชสว นใดสว นหน่ึงของรางกาย) แตะเบส กอนผวู ่งิ ถงึ เบส 2. ผูเลน ฝา ยรบั นําลูกบอลไปแตะเบส กอนผวู ิ่งถงึ เบส 3. ผูเลนฝา ยรบั แตะผวู ิ่ง กอนผวู ่งิ ถงึ เบส หมายเหตุ ผูว่ิงไปแตะเบสขางหนา แลวยอนกลับมาครอบครองเบสเดมิ ไมวาดวยเหตุผลใด เบสขา งหนา ยงั คงเปนเบสบังคับ ง. ขณะที่เปนบอลอินเพลย ผูวิ่งแตะเบสพลาด หรือไมไดกลับไปแตะเบสท่ีออกมากอนผูเลน ฝายรับสมั ผัสฟลายบอลครง้ั แรก และฝายรับขออทุ ธรณโ ดยถูกกติกา จ. เม่ือผูท่ีไมใชผูวิ่งดวยกันชวยเหลือทางรางกายตอผูว่ิงในขณะที่เปนบอลอินเพลย หรือเปน เดดบอลหลังจากการทาํ โฮมรันหรือการใหเคล่อื นไปครอบครองเบสขา งหนา หมายเหตุ ถา ฝา ยรบั รบั ฟลายบอลได ขานผวู ิ่งแรกเร่ิมเอาตดว ย ผล ขอ 9 ก–จ ยังคงเปน บอลอนิ เพลย ขอยกเวน จากผลขอ 9 จ ถา ผวู ิ่งไดร ับการชว ยเหลือหลังจากการทาํ โฮมรัน หรือการใหเ คลื่อนไป ครอบครองเบสขา งหนา ยงั คงเปนเดดบอล ฉ. เมอื่ วงิ่ แซงผวู ่ิงคนหนา ท่ยี ังไมถ ูกขานเอาต ผล ขอ 9 ฉ. ยงั คงเปนบอลอนิ เพลย ขอ ยกเวน เม่อื ผูว่งิ แซงผวู ง่ิ คนหนา ระหวางทเี่ ปนเดดบอล ยังคงเปนเดดบอล ถา ลกู บอลที่ถูกตเี ปน ฟาวลบ อล ผูวง่ิ แซงไมเอาต ช. เมือ่ ผวู ่ิงออกจากเบสกอนทีผ่ ูเลนฝายรบั สมั ผสั ฟลายบอลครั้งแรก ซ. เมอ่ื ผูวิง่ ไมไดแ ตะเบสใดเบสหน่ึง หรือหลายเบสในการเคลอ่ื นไปขา งหนา หรอื ยอนกลับ ขอ ยกเวน ถา ผูว่งิ ถูกขดั ขวางท่เี บส ทําใหไ มส ามารถแตะเบสนั้นได ฌ. เม่ือผูว่ิงแรกเริ่มเปนผูวิ่งไดครอบครองเบสหน่ึงแลว พยายามว่ิงไปยังเบสสอง และผูเลน ฝายรบั นาํ ลูกบอลมาแตะโดยถูกกติกา ขณะที่ผูวิง่ ไมอ ยูบนเบส
76 ญ. เม่ือผูวิ่งว่ิงหรือสไลดเขาสูโฮมเพลต แตไมไดแตะโฮมเพลต และไมพยายามกลับไปแตะ ผูเ ลน ฝา ยรบั แตะโฮมเพลต และขออทุ ธรณต อ ผตู ัดสนิ ผล ขอ 9 ช–ญ เปนการเลน ตอ งอทุ ธรณ ผูว ิง่ ไมถ กู ขานเอาต ถา ผเู ลนฝายรับไมขออทุ ธรณ โดยถกู กติกา 1. จะขออุทธรณข ณะที่เปน บอลอินเพลยหรอื เดดบอลก็ไดฝ า ยรบั เสียสิทธใิ์ นการขออุทธรณ (ก) ถาไมขออุทธรณก อนการพิตชครงั้ ตอไป (ไมวา จะถกู หรือผดิ กตกิ า) (ข) ถาไมขออุทธรณกอนผูเลนฝายรับทุกคนออกจากตําแหนงการรับปกติ และออก พนเขตแฟรไปยังเขตที่พักของทีมตน ผูเลนฝายรับจะขออุทธรณไดก็ตอเม่ือผูเลน ตอ งอยใู นอินฟลด (ค) ถา ไมข ออุทธรณกอนผูตัดสนิ ออกนอกสนามแขงขัน กรณีที่เปนการเลนสุดทายของ การแขง ขนั 2. (ประเภทฟาสตพิตช) กรณขี ออทุ ธรณขณะท่เี ปน บอลอนิ เพลย ผวู ่งิ จะออกจากเบสกไ็ ด (ก) ถา ลูกบอลออกนอกเขตพติ เชอร (ข) ถาพิตเชอรไ มมลี กู บอลอยใู นครอบครอง (ค) ถา พิตเชอรแ สดงทา ขวา ง หรือหลอกขวาง 3. กรณีขออุทธรณขณะที่เปน เดดบอล เมือ่ ลูกบอลอยูในอินฟล ดและเปนเดดบอลเน่อื งจาก ผูตัดสินขาน “ไทม” หรือจากสาเหตุอ่ืน สมาชิกของทีมฝายรับในอินฟลดมีหรือไมมี ลูกบอลในครอบครองก็ได ขออุทธรณดวยวาจา กรณีผูวิ่งไมไดแตะเบส หรือออกจาก เบสกอนผูเลนฝายรับสัมผัสฟลายบอลคร้ังแรก ผูตัดสินท่ีรับผิดชอบ ณ จุดนั้น จะรับ การขออุทธรณ แลวตัดสินการเลนไปตามกติกา ในระหวางน้ีผูวิ่งออกจากเบสไมได (เนื่องจากยังคงเปน เดดบอล) จนกวาจะมกี ารพิตชค รง้ั ตอ ไป ขอ ยกเวน ผูว งิ่ ซงึ่ ไมไ ดแตะเบส หรือออกจากเบสกอ นผเู ลนฝายรบั สมั ผสั ฟลายบอลครง้ั แรก จะกลับไปแตะเบสในขณะที่เปน เดดบอลก็ได หมายเหตุ (ก) ถาลูกบอลออกนอกสนามแขงขัน จะขออุทธรณไดก็ตอเมื่อผูตัดสินสงลูกบอลใหม เขา ในอนิ ฟลด (ข) ถา พิตเชอรขออุทธรณดวยวาจา ขณะท่ีมีลูกบอลในครอบครองและสัมผัสพิตเชอร เพลต ไมเปนการพิตชทีผ่ ิดกตกิ า (ค) เมอ่ื ผตู ดั สินขานเพลตขาน “เพลยบอล” แลว พติ เชอรขออุทธรณ ผูตดั สนิ เพลตจะ ขาน “ไทม” อกี ครงั้ แลว อนญุ าตใหข ออุทธรณตามกระบวนการตอไป 4. จะขออุทธรณเพือ่ เอาตเ พม่ิ หลังจากเกิดเอาตที่ 3 แลว ก็ได หากกระทําโดยถูกกติกาและ กระทําเพื่อไมไหทีมฝายรกุ ไดค ะแนนหรอื เพื่อปรับลําดับการขนึ้ ตใี หคืนสปู กติ ฎ. เม่ือลูกบอลท่ีถูกตีโดนผูว่ิงในเขตแฟร ในขณะที่ผูวิ่งน้ันไมไดอยูบนเบส และกอนลูกบอลนั้น ผานผูเลนฝายรับ (ไมรวมพิตเชอร) เวนแตผูตัดสินเห็นวาไมมีผูเลนฝายรับคนใดมีโอกาส ทําเอาตได
77 ฏ. เม่ือผูว ง่ิ เจตนาเตะลกู บอลซ่งึ ผูเลน ฝายรับรับไมไ ด ฐ. เมื่อผูวิ่งรบกวนผูเลนฝายรับที่พยายามรับแฟรบอล ไมคํานึงวาผูเลนฝายรับอื่นสัมผัสลูกบอล น้ันแลว หรอื ไม หรอื เจตนารบกวนลกู บอลทถ่ี ูกขวางมา หมายเหตุ ขอ ฎ - ฐ ถาผูตัดสินเห็นไดชัดวาเปนการปองกันการทําดับเบิลเพลย ใหผูตัดสินขานผูวิ่ง ทต่ี ามมา เอาตดว ย ฑ. เม่ือผูวิ่งรบกวนผูเลนฝายรับท่ีพยายามรับฟลายบอลในเขตฟาวล หรือรบกวนฟลายบอลใน เขตฟาวลที่ผูเลนฝายรับพยายามรับ ใหผูตีกลับมาตีใหม โดยมีจํานวนสไตรคเพิ่มอีก 1 คร้ัง ถากอนการตีนนั้ มีจํานวนสไตรคน อยกวา 2 สไตรค (1) (ประเภทฟาสตพิตช) ถาการรบกวนน้ัน ทําใหผูว่ิงเอาตเปนเอาตที่สาม ผูว่ิงแรกเร่ิม จะเปนผูต ีคนแรกในอนิ นงิ ถดั ไป จํานวนบอลและสไตรคท ี่เคยมอี ยู ใหยกเลกิ (2) (ประเภทสโลวพิตช) ถาเปนสไตรคท่ี 3 ขานผูวงิ่ แรกเริ่มเอาตดวย เวนแตการรบกวน น้นั ทําใหผูวง่ิ เอาตเปน เอาตท่ีสาม และใหถ อื วา ผูวิง่ แรกเรม่ิ สนิ้ สุดรอบข้นึ ตีแลว ฒ. หลังจากผูว่ิง หรือผูตีถูกขานเอาต หรือหลังจากผูว่ิงไดคะแนนแลว ยังคงวิ่งตอเปนเหตุให ผูเลนฝา ยรับสบั สน และเสยี โอกาสทําเอาตผ วู ่ิงคนอน่ื ใหถอื วาเปนการรบกวนอยางหนง่ึ หมายเหตุ ผวู ่งิ ทอี่ ยใู กลโ ฮมเพลตที่สดุ ขณะทีม่ ีการรบกวน จะถูกขานเอาต ณ. เม่ือสมาชิกของทีมฝายรุกตั้งแต 1 คนขึ้นไป ยืนหรือชุมนุมกันที่หรือใกลเบสท่ีผูว่ิงกําลัง เคลื่อนไปครอบครอง เปนเหตใุ หผ เู ลนฝา ยรับสับสน และเกดิ ความยงุ ยากในการเลน มากข้ึน หมายเหตุ สมาชิกของทีมรวมถงึ เจาหนาท่ีเกบ็ ไมตี และผูท ่ีอยใู นเขตท่พี ักของทีม ด. เม่อื ผูฝก สอนทางดานเบสสามวง่ิ มาทางโฮมเพลตบนหรือใกลเสนแนวเบส ขณะที่ผูเลนฝายรับ พยายามรับลูกบอลทถ่ี ูกตีหรือถกู ขวาง จนเปนเหตุใหผูเลน ฝา ยรับขวางลกู บอลไปยังโฮมเพลต ผดิ พลาด หมายเหตุ ผูว่งิ ทอี่ ยใู กลโฮมเพลตท่สี ดุ จะถูกขานเอาต ต. เมอื่ ผฝู กสอน หรือสมาชกิ ของทมี ฝา ยรกุ ทไ่ี มใชผูต,ี ผเู ลน รอขึ้นตี, ผูว่งิ แรกเร่มิ หรอื ผูวิง่ 1. เจตนารบกวนลูกบอลทถี่ ูกขวา ง ขณะท่ีอยใู นเขตผฝู กสอน 2. รบกวนผูเลนฝา ยรับท่ีมโี อกาสทําใหผ วู ่ิง หรอื ผูว่งิ แรกเริ่มเอาต หมายเหตุ ผวู ่งิ ทอ่ี ยูใกลโ ฮมเพลตท่สี ุดขณะทม่ี กี ารรบกวน จะถกู ขานเอาต ถ. เม่ือผูเลนฝายรับมีลูกบอลในครอบครอง และรอแตะผวู ่ิงอยู ผูว่ิงยังคงว่ิงเต็มฝเทาและเจตนา ชนผเู ลนฝา ยรบั น้ัน หมายเหตุ ถา ผูต ัดสนิ เหน็ วา เปนการกระทาํ ที่รนุ แรงเกินกวาเหตุ ใหไ ลผ เู ลนนนั้ ออกจากการแขงขนั ผล ขอ 9 ฎ – ถ เปนเดดบอล ผูว่ิงอ่ืนตองกลับไปยังเบสสุดทายท่ีครอบครองอยูโดยถูกกติกา ขณะที่มีการรบกวน เวน แตถ ูกบังคับใหเ คล่ือนไปขา งหนาเน่ืองจากผูตีไดครอบครองเบสหนึง่ ท. เม่ือผูวิ่งวิ่งยอนกลับหรือออกจากเสนแนวเบส มีพยายามเคล่ือนไปขางหนา ไมวาจะกระทํา เพือ่ ทาํ ใหผเู ลน ฝายรบั สบั สน หรือทําใหสภาพการแขงขันผดิ ปกติไป ผล ขอ 9 ท. เปนเดดบอล ผวู ิง่ ทกุ คนตอ งกลบั ไปยงั เบสสดุ ทายทีค่ รอบครองอยู โดยถกู กตกิ าขณะทีผ่ วู ิ่งถกู ขานเอาต เวนแตถ ูกบังคับใหเคลอื่ นไปขา งหนา เนือ่ งจาก ผูตีไดค รอบครองเบสหน่ึง
78 ธ. (ประเภทสโลวพิตช) เมื่อผูว่ิงไมไดแตะเบสที่มีสิทธ์ิครอบครองอยูจนกวาลูกบอลท่ีถูกพิตช กระทบพืน้ , ถึงโฮมเพลต หรือถกู ตี น. (ประเภทฟาสตพิตช) เมื่อผูวิ่งไมไดแตะเบสท่ีมีสิทธิ์ครอบครองอยูจนกวาพิตเชอรปลอย ลกู บอลออกจากมือโดยถูกกติกา ผล ขอ 9 ธ - น เปนเดดบอล ใหผูตัดสินเพลตขาน “โนพิตช” ผูว่ิงทุกคนตองกลับไปยัง เบสสดุ ทา ยท่คี รอบครองอยูโดยถกู กตกิ าเม่ือเรม่ิ การพิตช บ. (ประเภทฟาสตพิตช) เม่ือผวู ่ิงออกจากเบสโดยถูกกตกิ า หลังการพิตช หรือหลังจากผตู ีสิ้นสุด รอบขึ้นตี และขณะที่พิตเชอรมีลูกบอลอยูในครอบครองในเขตพิตเชอร ผูว่ิงน้ันไมไดกลับไป ยังเบสเดมิ หรอื พยายามเคลอ่ื นไปยงั เบสขางหนา โดยทันที ผล ขอ 9 บ 1. เปนเดดบอล ผูวิ่งทุกคนตองกลับไปยังเบสสุดทายที่ครอบครองอยูโดยถูกกติกาขณะที่ ผวู งิ่ ถกู ขานเอาต 2. ผูว่ิงจะถูกขานเอาต ถาผูวิ่งไมเคล่ือนไปขา งหนาหรือกลับสูเบสเดิมทันที เม่ือพิตเชอรมี ลูกบอลอยใู นครอบครองในเขตพิตเชอร 3. เมื่อผวู ิง่ กลบั สเู บสเดมิ แลว ถาผูว ่งิ คนนนั้ ออกจากเบสมาอีก ผูว ิ่งจะถกู ขานเอาต ขอ ยกเวน จากผลขอ 9 บ 2 – 3 ผูวิง่ ไมถกู ขานเอาต ในกรณตี อไปน้ี (ก) ถา ฝายรับทําการเลนที่ผูวง่ิ คนใดคนหนง่ึ (การหลอกขวาง ใหถ อื วาเปนการเลน ดวย) (ข) ถาพิตเชอรอ ยใู นเขตพติ เชอร แตไมม ีลกู บอลในครอบครอง (ค) ถา พิตเชอรป ลอยลกู บอลไปยังผูต ีแลว หมายเหตุ เบสออนบอล หรือแคตเชอรท าํ ลูกบอลตกถึงพืน้ กรณีเปนสไตรคท่ี 3 ผูวิ่ง มีสิทธ์ิวิ่งโดยถือปฏิบัติเชนเดียวกับลูกบอลที่ถูกตี ผูวิ่งแรกเริ่มจะว่ิงผานเบสหนึ่งและเคลื่อน ตอไปยังเบสสองได ตราบเทา ทไี่ มไดหยุดทเ่ี บสหน่ึง ถา ผูว ิ่งนน้ั หยุดหลังจากผา นเบสหน่งึ แลว ตองปฏบิ ตั ติ ามขอ 9 บ 2 ป. เมอื่ ผูวิง่ ออกจากเบส เขาไปยงั เขตที่พกั ของทีมของทีม หรอื ออกพน สนามแขงขนั ขณะท่ีเปน บอลอินเพลย ผ. เมื่อผูวิ่งถอยมาอยูในตําแหนงหลังเบสโดยไมไดสัมผัสอยูกับเบส เพ่ือใหมีความเร็วในการว่ิง ออกจากเบส เมอื่ ฝา ยรบั รับฟลายบอลได ผล ขอ 9 ป - ผ ยังคงเปนบอลอินเพลย ฝ. เมื่อผูวิ่งแรกเร่ิมรบกวนการเลนท่ีโฮมเพลต โดยพยายามปองกันการทําเอาตตอผูว่ิงท่ี โฮมเพลต ผล ขอ 9 ฝ เปนเดดบอล ใหขานผูว่ิงแรกเริ่มเอาตดวย ผูว่ิงอ่ืนตองกลับไปยังเบสสุดทายที่ครอบครอง เม่อื เริ่มการพติ ช พ. เมอื่ ผวู งิ่ สลบั ตําแหนง กันบนเบส
79 หมายเหตุ ผล ขอ 9 พ เปนการเลนตองอุทธรณ เมื่อขออุทธรณโดยถูกกติกา ใหขานผูว่ิงแตละคนท่ีพบวาสลับ ตําแหนง กนั บนเบส เอาต และใหไ ลห ัวหนาผฝู กสอนออกจากการแขง ขนั สามารถขออุทธรณเมอื่ ใดก็ไดจนกระทั่งผูว่ิงทกุ คนทีส่ ลับตําแหนงกันบนเบส อยูใ นเขตท่ีพัก หรืออินนิงนั้นสิ้นสุดลง ถามีผูวิ่งอยางนอย 1 คนท่ีสลับตําแหนงบนเบสยังเปนผูว่ิงอยูบนเบส ใหขานผูว ่ิงน้ันและผูว ิง่ ทกุ คนที่สลับตาํ แหนงกันบนเบส (แมวาจะเคลื่อนไปแตะโฮมเพลตแลว) เอาต ใหยกเลิกรันท่ีไดจ ากผูวงิ่ ทไ่ี มถ กู กตกิ า ขอ 10 ผูว่ิงไมเอาต ก. เม่อื ผูว่ิงว่ิงผานดานหลัง หรือดานหนาของผูเลนฝายรับนอกทางวิง่ เพื่อหลกี เลี่ยงไมใหเ กิดการ รบกวนผูเ ลน ฝายรับซง่ึ พยายามรบั ลกู บอลที่ถกู ตบี รเิ วณทางว่ิง ข. เม่อื ผูว่งิ ไมไ ดว ่ิงในแนวตรงไปท่ีเบส ถาผเู ลนฝา ยรบั ท่ีอยใู นแนวน้ันไมม ลี ูกบอลในครอบครอง ค. เม่ือผูเลนฝายรับมากกวา 1 คนพยายามรับลูกบอลที่ถูกตี และผูว่ิงเคลื่อนไปชนกับผูเลนฝาย รับ คนท่ผี ตู ัดสินเห็นวา ไมมีโอกาสรับลูกบอล ง. เม่ือแฟรบ อล ซึ่งไมสัมผัสผูเลนฝายรับ โดนผูว่ิง ขณะที่ไมไดแตะเบส และผูตัดสินเห็นวาไมมี ผเู ลน ฝา ยรับคนใดมโี อกาสทําเอาตไ ด จ. เมือ่ แฟรบอล ซึง่ ไมสัมผสั ผเู ลนฝายรับ โดนผูว่งิ บนเขตฟาวล และผตู ัดสินเห็นวา ไมมผี เู ลนฝา ย รบั คนใดมีโอกาสทําเอาตไ ด ฉ. เม่ือแฟรบอล โดนผูวิ่ง หลังจากลูกบอลน้ันสัมผัสกับผูเลนฝายรับ (รวมท้ังพิตเชอร) และผูวิ่ง นน้ั ไมส ามารถหลบใหพ น ลกู บอลได ช. เม่อื ผูว งิ่ ถกู แตะขณะทไี่ มไดอยบู นเบส 1. ดว ยลกู บอลซึ่งผเู ลน ฝา ยรบั ไมไ ดถอื ไวอ ยางมน่ั คง 2. ดว ยมือหรอื โกลฟขางท่ีไมมีลกู บอล ซ. เม่ือทีมฝายรับไมไดขออุทธรณตอผูตัดสิน ในกรณีท่ีเปนการเลนตองอุทธรณกอนมีการพิตช ครั้งตอไป (ไมวาจะถูกหรือผิดกติกา) หรือกอนท่ีผูเลนฝายรับทุกคนออกจากตําแหนงการ รบั ปกติ และออกพนเขตแฟรเขา ไปยังเขตที่พกั ของทีม ฌ. เมื่อผูว่ิงแรกเร่ิมไดครอบครองเบสหนึ่ง (เปนผูวิ่ง) แลวผานเลยไป และกลับมายังเบสน้ัน โดยตรง ญ. เมื่อผูว่ิงไมมีเวลาเพียงพอท่ีจะกลับไปยังเบส จะไมถูกขานเอาตเน่ืองจากไมไดอยูบนเบส จนกวาพิตเชอรปลอยลูกบอล ผูวิ่งน้ันสามารถเคลื่อนไปขางหนาไดเสมือนออกจากเบส โดยถกู กตกิ า ฎ. เมื่อผูว่ิงเร่ิมเคลื่อนไปขางหนาโดยถูกกติกา ผูเลนฝายรับไมสามารถหยุดการเคลื่อนที่ของ ผวู ่ิงนั้นได แมวาพิตเชอรรับลูกบอลขณะที่อยูบนพิตเชอรเพลต หรอื กาวข้ึนบนพิตเชอรเพลต โดยมลี ูกบอลอยใู นครอบครอง ฏ. เม่ือผูวิ่งแตะเบสอยูจนกระท่ังผูเลนฝายรับสัมผัสฟลายบอลคร้ังแรก แลวจึงเร่ิมเคลื่อนไป ขา งหนา
80 ฐ. เม่ือแฟรบอล ซึ่งไมสัมผัสผูเลนฝายรับ โดนผูว่ิงขณะท่ียังอยูบนเบส เวนแตเจตนารบกวน ลูกบอล หรือรบกวนผูเ ลน ฝา ยรบั ท่พี ยายามเลนลกู บอล หมายเหตุ จะเปน เดดบอลหรือบอลอนิ เพลยข ึ้นอยกู ับตาํ แหนงของผูเลนฝายรับที่อยูใกล เบสนัน้ ทีส่ ดุ ฑ. เมือ่ ผูว่งิ สไลดเ ขาสูเ บส แลว ทาํ ใหเบสนน้ั เคล่ือนจากตาํ แหนงปกติ ถอื วาเบสน้นั ตดิ ไปกับผูว ่งิ หมายเหตุ ในกรณีทผ่ี ูว่ิงทําใหเกิดเบสเคล่อื น จะไมถ ูกขานเอาต แมวาจะไมไดสัมผัสอยูกบั เบส เม่ือนํา เบสมาติดต้ังใหม ณ ตําแหนงเดิม ผูว่ิงจะกลับมาครอบครองเบสโดยถูกทําเอาตไมได ถาผูวิ่ง พยายามเคลื่อนไปยังเบสขางหนากอนนําเบสท่ีเคลื่อนมาติดตั้ง ณ ตําแหนงเดิม ผูว่ิงอาจ ถกู ทําเอาตได ฒ. เม่ือผเู ลนฝา ยรบั ทีพ่ ยายามทําใหผ ูวิ่งเอาต ใชโ กลฟท่ผี ิดกตกิ า หมายหเตุ การพิตชจ ากพติ เชอร ไมถอื วาเปนการพยายามทาํ ใหผ ูวิง่ เอาต ผล ขอ 10 ฒ ทมี ฝา ยรกุ มสี ิทธ์ิเลอื กอยา งใดอยา งหน่ึงตอ ไปนี้ 1. ใหคงผลการเลนทเี่ กดิ ข้ึน 2. ใหยกเลิกผลการเลนท่ีเกิดขึน้ ท้ังหมด ใหผูวิ่งทุกคนกลับไปยังเบสสดุ ทายท่ีครอบครอง อยขู ณะที่เกดิ การเลน ขอยกเวน จากผล ขอ 10 ฒ 2 ถาผลการเลน น้นั เกดิ ขึน้ เมื่อผูตสี ้ินสดุ รอบขึ้นตีแลว ใหผูตีกลับมาตใี หมโ ดยมีจาํ นวนบอล และไตรคค งเดิม ผูว่งิ ทกุ คนกลับไปยงั เบสสุดทา ยท่ีครอบครอง อยเู ม่อื เริม่ การพิตช ณ. ผูฝก สอนรบกวนบอลท่ีถูกขวางมาหรือรบกวนบอลท่ีถูกตีเปนแฟรบอลโดยไมเจตนา ในขณะท่ี อยูในเขตผฝู ก สอน
หมวด 9 เดดบอลและบอลอนิ เพลย (DEAD BALL – BALL IN PLAY) ขอ 1 เดดบอล เปน เดดบอลในกรณีตอไปนี้ ก. เม่ือผตู ตี ลี กู บอลโดยผิดกติกา ข. เม่ือผูต กี าวขา มไปยงั เขตผตู ีอีกดา นหนงึ่ (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ขณะท่ีพติ เชอรกาํ ลงั รับสญั ญาณหรือเสมือนกาํ ลังรับสัญญาณบน พติ เชอรเ พลต (ประเภทสโลวพิตช) ขณะท่ีพิตเชอรก า วขึ้นไปบนพิตเชอรเพลต ค. เม่อื ผตู ัดสนิ เพลตขาน “โนพติ ช” ง. เมอ่ื ลกู บอลทีถ่ ูกพติ ชมาโดนรางกายหรอื เส้ือผา ของผตู ี ไมวาผตู จี ะตลี กู บอลนนั้ หรือไม จ. เมือ่ ฝายรบั รับฟลายบอลในเขตฟาวลไ มได ฉ. เมอื่ ฝา ยรุกทําการรบกวน ช. เมือ่ ลูกบอลท่ถี ูกตีเปนแฟรบอล โดนผตู ัดสนิ หรือผูว ่งิ 1. กอ นสัมผสั ผเู ลน ฝา ยรับ รวมท้ังพติ เชอร 2. กอนผา นผเู ลน ฝา ยรบั ไมรวมพติ เชอร โดยไมมีการสมั ผสั 3. หลงั จากผา นผเู ลนฝายรับ ไมรวมพิตเชอร และผูต ัดสินเหน็ วา ผเู ลน ฝายรับคนอน่ื มโี อกาส ทําผูวงิ่ เอาต หมายเหตุ เม่ือลูกบอลท่ีถูกตีเปนแฟรบอลและไมสมั ผัสผเู ลน ฝา ยรบั โดนรา งกายผูวงิ่ ขณะท่ียังสมั ผัสเบส ถา ผวู ิ่งนน้ั ไมเจตนารบกวนลูกบอลหรอื รบกวนผเู ลน ฝายรบั ทีพ่ ยายามเลน ลูกบอลเพื่อทาํ เอาต จะเปน บอลอนิ เพลยห รือเดดบอลข้ึนอยูกับตําแหนง ของผเู ลน ฝายรบั ทีอ่ ยใู กลเบสนนั้ มากท่สี ุด ซ. เมื่อลูกบอลอยนู อกเขตสนามแขงขัน ฌ. เมอ่ื เกิดอบุ ตั ิเหตุกับผวู งิ่ แรกเริ่มหรอื ผวู ่งิ และผูเลน นั้นไมสามารถเคล่ือนไปยังเบสขางหนา ที่ ไดสิทธิ์ครอบครอง ผูตัดสนิ เพลตจะอนญุ าตใหเ ปลย่ี นผูเลนสํารองเขา ไปแทนผูเลนน้นั ได ผเู ลนสํารองตองเคลอ่ื นไปยงั เบสทไ่ี ดส ทิ ธค์ิ รอบครอง โดยตอ งแตะเบสทุกเบสอยา งถกู กตกิ า ญ. (ประเภทสโลวพ ติ ช) เม่อื ผตู บี ันตห รอื ชอ็ ปบอลกบั ลูกบอลท่ีถกู พิตชมา ฎ. (ประเภทฟาสตพิตช) เมอื่ เกิดไวลดพ ิตชหรือพาสดบอล ทาํ ใหลูกบอลลอด ขาม ติด หรือ ทะลแุ บกสตอ็ ปออกไปทางดานหลงั ฏ. เมอ่ื ผูตัดสินขาน “ไทม” ฐ. เมอื่ ลกู บอลทถี่ ูกตโี ดนรา งกายผูตีในเขตผตู ี ฑ. เมือ่ ผูวง่ิ ยอ นกลับหรอื ออกนอกเสน แนวเบสในขณะที่ไมพยายามเคล่ือนไปขา งหนา ซง่ึ ทําให ผูเลนฝายรับสับสน หรอื ทาํ ใหสภาพการแขงขนั ผิดปกติไป ฒ. เมอื่ ผฝู ก สอนทางดา นเบสสามวงิ่ ไปทางโฮมเพลตบนเสน แนวเบสหรอื ใกลๆ เสน แนวเบส ในขณะท่ผี ูเลน ฝายรบั พยายามเลน ลูกบอล ทําใหผูเลนฝายรบั สบั สน ขวา งลกู บอลไปยัง โฮมเพลต ณ. เม่ือสมาชกิ ของทมี ฝายรุกตงั้ แตห นง่ึ คนขนึ้ ไป ยนื หรือชุมนุมกันที่เบสหรือใกลๆ เบสทีผ่ วู ิ่ง กาํ ลังเคล่ือนเขา ไปครอบครอง ทําใหผูเลน ฝา ยรับสบั สนและการเลน ยุงยากขึ้น
82 ด. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) เม่อื ผูว ่ิงไมแ ตะเบสท่มี สี ทิ ธิค์ รอบครอง กอนพิตเชอรป ลอ ยลูกบอล ออกจากมือโดยถูกกติกา ต. (ประเภทสโลวพ ติ ช) เมือ่ ผูว งิ่ ไมแ ตะเบสท่ีมสี ิทธ์คิ รอบครอง กอนลูกบอลท่ีถูกพติ ช โดยถูกกติกาไปถงึ โฮมเพลต ถ. (ประเภทสโลวพิตช) หลงั จากผูตดั สนิ เพลตขาน สไตรค หรือ บอล ท. เม่ือผตู ัดสินขาน “บลอ กบอล” ธ. เม่อื ผตู นี ําไมตีดดั แปลงเขาไปในเขตผูตี หรือใชไมต ีดดั แปลง น. เม่อื ผูต นี าํ ไมตที ่ีผดิ กติกาเขา ไปในเขตผูต ี หรือใชไมตีท่ีผดิ กติกา บ. ในขณะท่ีฝายรุกมนี อยกวา 2 เอาตแ ละมผี วู งิ่ อยูบนเบสหนง่ึ ผูเ ลน ฝา ยรับในอนิ ฟลดเจตนา ปลอยลกู บอลซึ่งสามารถรบั ไวไดดว ยการเลนปกตติ กถงึ พ้นื หลงั จากควบคุมลกู บอลไวไ ดแลว ดวยมอื หรอื โกลฟ ไมวาลกู บอลทีถ่ ูกตนี ้นั เปน – (ประเภทฟาสตพิตชและสโลวพิตช) ฟลายบอลในเขตแฟร รวมท้ังลูกพุงดว ย – (ประเภทฟาสตพติ ช) บนั ต หมายเหตุ ถา กตกิ าอินฟล ดฟลายมีผลบังคบั ใช ใหต ัดสนิ ตามกติกาอนิ ฟล ดฟลายเปนหลกั ป. ในขณะทีเ่ ปนบอลอินเพลย ผเู ลน ฝายรบั นําลกู บอลออกไปนอกเขตสนาม ผ. เมือ่ ผตู ัดสนิ ขาน “ไทม” และผูเ ลน ฝา ยรบั ขออุทธรณ ฝ. เมือ่ ผตู ไี มเขา ไปอยใู นเขตผตู ภี ายใน 10 วนิ าทีหลงั จากผูตัดสนิ เพลตขาน “เพลยบ อล” พ. เมอื่ ผูที่ไมไดเ ปน สมาชกิ ของทีมเขาไปในสนามแขง ขันและทําการรบกวน ฟ. เม่อื ผูว งิ่ แรกเริ่มถอยกลบั มาทางโฮมเพลตเพ่ือหลกี เล่ยี ง หรอื ชะลอการถูกแตะโดยผูเ ลน ฝา ยรบั ภ. เมื่อสมาชิกทมี ฝา ยรกุ เจตนาลบเสนแสดงเขตผูต ี ม. เมื่อพติ เชอร แคตเชอร หรอื ผูฝก สอนแจง ผตู ัดสนิ เพลตใหผ ูตีไดเบสออนบอลโดยเจตนา ขอ 2 บอลอนิ เพลย เปน บอลอนิ เพลยในกรณตี อไปน้ี ก. เมือ่ เริม่ ตน การแขง ขันและเรมิ่ ตน แตละคร่งึ อินนิง พิตเชอรมลี กู บอลอยใู นครอบครองและ อยูในตําแหนงพติ ช และผตู ัดสินเพลตขาน “เพลยบ อล” ข. เม่ือกติกาอนิ ฟลดฟลายมีผลบังคับใช ค. เม่ือผูเ ลนฝา ยรับรับลูกบอลท่ีถกู ขวา งมาไมได และลูกบอลยงั อยใู นเขตสนามแขงขัน ง. เมอ่ื ลูกบอลท่ีถูกตเี ปนแฟรบอลโดนผตู ดั สินหรือผวู ิ่งในเขตแฟร 1. หลังจากลกู บอลผานผเู ลนฝายรบั (ไมรวมพติ เชอร) และไมมผี เู ลนฝา ยรับคนใดมโี อกาส ทําเอาตได 2. หลังจากลกู บอลสมั ผสั ผูเลน ฝายรับ (รวมทง้ั พติ เชอร) จ. เมือ่ ลูกบอลท่ถี ูกตเี ปนแฟรบ อลโดนผูตดั สนิ ในเขตฟาวล ฉ. เมื่อผวู งิ่ เคล่ือนไปถงึ เบสท่มี ีสิทธคิ์ รอบครองแลว หลงั จากผูเ ลนฝา ยรบั รับลูกบอลท่ีถูกพิตช ถกู ขวา ง หรือถูกตี โดยผดิ กติกา ช. เมอื่ ผูต ดั สนิ ขานผวู ่งิ เอาตเ น่ืองจากแซงผูว งิ่ คนหนา
83 ขอยกเวน เม่ือผตู ัดสินขานผวู ิ่งเอาตเนอื่ งจากแซงผูว ่ิงคนหนาในขณะทเ่ี ปนเดดบอล ยงั คงเปน เดดบอล ซ. เมือ่ มีการขัดขวางผูวิง่ ผเู ลนฝายรับไมพยายามทําเอาตผ ูว่ิงทถ่ี กู ขัดขวาง ยังคงเปน บอลอนิ เพลย จนกระทง่ั การเลนส้ินสุดลง ฌ. เมื่อผตู ตี ลี ูกบอลโดยถกู กติกาและเปน แฟรบ อล ญ. เมื่อผวู ิง่ ตองวิง่ ยอนกลับขณะที่เปนบอลอนิ เพลย ฎ. เมื่อผวู งิ่ ไดส ิทธ์ิครอบครองเบสใดเบสหน่งึ โดยการแตะเบสน้ันกอนถูกทาํ เอาต ฏ. เมื่อเบสหลุดออกจากตําแหนง ปกติขณะท่ผี ูวงิ่ เคลอ่ื นผา นไป ฐ. เมื่อผวู ิ่งออกนอกทางว่ิงมากกวา 1 เมตร (3 ฟุต) ไมว า จะเปน การเคล่ือนไปขางหนาหรอื ยอนกลับ เพ่ือหลบหลีกไมใหผเู ลน ฝา ยรบั นาํ ลูกบอลมาแตะ ฑ. เม่ือผวู ง่ิ ถูกทําเอาตโ ดยผเู ลน ฝา ยรบั นําลกู บอลมาแตะ หรือทาํ ฟอรซ เอาต ฒ. เม่ือผูต ดั สินขานผูว ่งิ เอาต เนื่องจากไมกลบั ไปแตะเบสเม่ือเริ่มแขง ขันใหมห ลังจากหยุด การแขงขนั ช่วั ขณะ ณ. เมื่อฝายรับขออุทธรณโดยถูกกติกาขณะทเี่ ปน บอลอนิ เพลย ด. เมอื่ ผูต ีตลี ูกบอล ต. ในขณะทเี่ ปนบอลอนิ เพลย ลูกบอลโดนชา งภาพ เจาหนาท่สี นาม ตํารวจ ฯลฯ ที่ปฏบิ ตั ิ หนา ทใ่ี นการแขงขัน ถ. เมือ่ ผูเลน ฝา ยรับรับฟลายบอลไดโดยถูกกตกิ า ท. เมอ่ื ลูกบอลท่ถี ูกขวา งมา โดนผเู ลนฝายรุก ธ. ถาผตู ปี ลอ ยไมตลี งพ้ืนแลว ลกู บอลกล้ิงมาโดนไมต ีในเขตแฟร และผตู ดั สินเห็นวาไมเ จตนา รบกวนลูกบอลใหเปลย่ี นทิศทาง ยงั คงเปน บอลอินเพลย น. เมอ่ื ลูกบอลท่ถี ูกขวา งมา โดนผูตดั สนิ บ. เมอ่ื ไมเ ปน เดดบอลตามที่ระบุไวในกติกาหมวด 9 ขอ 1 ป. เมือ่ ลกู บอลท่ถี ูกขวา งมา โดนผฝู กสอนโดยไมเจตนา ผ. (ประเภทฟาสตพ ิตช) เมอื่ ผตู ัดสนิ เพลตขาน บอล กรณีเปน บอลที่ 4 ผูตไี ดส ทิ ธิ์ครอบครอง เบสหนึง่ โดยถูกทาํ เอาตไมไ ด ฝ. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) เมอื่ ผูต ัดสินเพลตขาน สไตรค พ. (ประเภทฟาสตพิตช) เมอ่ื แคตเชอรรบั ฟาวลท ปิ ไดโดยถูกกตกิ า ฟ. (ประเภทสโลวพติ ช) เมือ่ มกี ารเลน เกิดขึน้ เนื่องจากผตู ตี ลี กู บอลเขาไปในสนามแขง ขนั รวมถึง การเลน ตองอุทธรณท่ีเกดิ ข้ึนดว ย ภ. (ประเภทฟาสตพิตช) เม่ือลกู บอลหลุดจากมือของพิตเชอรใ นขณะควงแขน หรือเหวี่ยงแขน ไปดา นหลงั ม. เมื่อผตู ดั สนิ ขานผวู ิ่งเอาต เน่ืองจากผูวง่ิ นั้นคล่ือนไปอยูห ลังเบส (ไมอยูบนเบส) กรณีท่เี ปน ฟลายบอล ย. เมอ่ื ผวู ิง่ ออกจากเบส ไมพยายามเคล่อื นไปขา งหนา แตกลับเขา ไปยังเขตทีพ่ ักของทีม หรือ ออกนอกสนามแขง ขนั ผูว่ิงถูกขานเอาต
84 ร. เม่ือผวู ง่ิ ถูกขานเอาตเนื่องจากผทู ่ีไมไดเปน ผวู ่งิ ดวยกนั ใชร า งกายชว ยเหลือ ขอ ยกเวน เมอ่ื เปน การชว ยเหลอื กรณีเปนฟลายบอลในเขตฟาวลทฝ่ี ายรบั รบั ไมได เปนเดดบอล ล. (ประเภทสโลวพ ิตช) เปนบอลอนิ เพลยจ นกระท่ังผูตัดสินขาน “ไทม” ซ่ึงควรกระทําเมื่อผูเลน ในอนิ ฟล ดครอบครองลูกบอล และผูต ดั สนิ เห็นวา การเลนทุกอยางยุตแิ ลว ขอ 3 ดเี ลยเดดบอล เมือ่ มีการทําผดิ กตกิ าตามลกั ษณะที่ระบุไวทา ยขอน้ี ผูต ดั สนิ แสดงสัญญาณใหร วู า มกี ารทาํ ผิด กติกา และใหการเลนนน้ั ดําเนินตอไป จนกระทั่งสิน้ สุดลง กรณีดังกลาว ไดแก ก. การพิตชที่ผดิ กตกิ า ข. การขดั ขวางโดยแคตเชอร ค. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) การรบกวนโดยผตู ัดสนิ เพลต ง. การขัดขวาง จ. อุปกรณหลุดออกไปจากผูเ ลน สมั ผสั กบั ลูกบอลที่ถกู ขวา งมา ลกู บอลทีถ่ ูกพติ ชมา หรือ ลกู บอลทีถ่ ูกตเี ปนแฟรบ อล
หมวด 10 ผตู ัดสิน (UMPIRES) ขอ 1 อํานาจและหนา ที่ ผูตัดสินเปนผูแทนที่ไดรับมอบหมายจากคณะกรรมการจัดการแขงขัน ใหทําหนาที่ตัดสินในการ แขงขันเกมนั้น ดังน้ันจึงมีอํานาจหนาท่ีควบคุมดูแลใหการแขงขันดําเนินไปภายใตขอบังคับของกติกา ผูตัดสินมีอํานาจสั่งใหผูจัดการทีม ผูฝกสอน หัวหนาทีม หรือผูเลน กระทํา หรืองดเวนการกระทําใดๆ ท่ีผูตัดสินเห็นวาจําเปน เพ่ือใหการแขงขันดําเนินไปดวยความเรียบรอย และใหใชบทลงโทษตอผูท่ีละเมิด กติกาตามทีร่ ะบไุ ว ใหผตู ดั สินเพลตมีอํานาจหนาทีใ่ นการตัดสินชข้ี าด กรณีใดกต็ ามทีไ่ มไ ดร ะบไุ วใ นกติกานี้ ขอ มลู ทวั่ ไปสาํ หรบั ผตู ดั สิน ก. หามผูตัดสินเปนสมาชิกของทีม ไดแก ผูจัดการทีม ผูฝกสอน ผูเลน เจาหนาที่ทีม ผูบันทึกผล หรือผูใหการสนับสนนุ ทีม ข. ผูตัดสินควรทราบวัน เวลา และสนามแขงขันท่ีตองทําหนาท่ีตัดสินโดยแนชัด และควรไปถึง สนามแขงขันกอนกําหนดเวลาการแขงขันประมาณ 20 - 30 นาที เร่ิมการแขงขันตามเวลาท่ี กําหนดไว และออกจากสนามเม่ือการแขงขันส้นิ สุดลง ค. ผูต ัดสินตองสวมเครอ่ื งแตง กายและอปุ กรณ ดงั ตอ ไปนี้ 1. เสอ้ื เช้ิตแขนยาวหรอื แขนสนั้ สีฟา ออน 2. ถุงเทา สีกรมทา 3. กางเกงขายาวสีกรมทา 4. หมวกแกป สกี รมทา 5. ถงุ ใสลูกบอลสีกรมทา (ผตู ดั สินเพลตเทาน้ัน) 6. แจก เก็ตหรือสเว็ตเตอรส กี รมทา 7. รองเทา และเขม็ ขดั สีดํา 8. เสอ้ื ยืดคอกลมสขี าวเปน เสอื้ ตัวใน ง. ห าม ผู ตั ด สิ น ส ว ม เค ร่ื อ งป ระ ดั บ โด ย เป ด เผ ย ซ่ึ งอ าจ ก อ ให เกิ ด อั น ต ราย ได ขอ ยกเวน เปนอปุ กรณท างการแพทยท ีเ่ ปนกาํ ไลขอมือ หรือสรอยคอ จ. ผตู ัดสนิ เพลต ในการแขงขนั ประเภทฟาสตพ ติ ช 1. ตองสวมหนากากสีดํา นวมรองหนากากสีดําหรือสีแทน และอุปกรณปองกันลําคอสีดํา (จะสวมหนากากที่มีอุปกรณปองกันลําคอยื่นออกมาแทนหนากากที่ตองติดอุปกรณ ปองกันลําคอเขากับหนากากก็ได) 2. ควรสวมอุปกรณปองกันลาํ ตัว และอปุ กรณปองกันหนา แขง ฉ. ผูตัดสนิ ควรแนะนาํ ตนเองตอหัวหนา ทมี ผูจ ัดการทีม และผูบ นั ทึกผล ช. ผตู ัดสินควรตรวจสอบเขตสนามแขงขันและอุปกรณ อธิบายระเบียบการแขงขันหรือขอตกลง ที่ใชในการแขงขันตอ ผูฝก สอนและผูเ ลนทัง้ สองทีม ซ. ใหผูตัดสินแตละคนมีอํานาจตัดสินวามีการละเมิดกติกาหรือไม ตลอดเวลาการแขงขันหรือ ระหวางหยุดการแขง ขนั ชวั่ ขณะ จนกระท่ังการแขง ขนั สิ้นสุดลง ฌ. ไมวาผูตัดสินคนใดก็ไมมีอํานาจหนาที่ที่จะเปล่ียนแปลง หรือสงสัยคําตัดสินของผูตัดสินอ่ืน ถา ผตู ดั สินนน้ั ไดตัดสินตามขอบเขตหนา ท่ีท่ีระบุไวในกติกาน้ี
86 ญ. ผูตัดสินจะปรึกษาหารือกับผูตัดสินอ่ืนเมื่อใดก็ได แตการตัดสินใจข้ันสุดทายใหข้ึนอยูกับ ผตู ดั สนิ ท่ีเปน ผูขอปรึกษาหารอื เน่ืองจากมีหนา ท่ีรับผิดชอบโดยตรงตอเหตกุ ารณน้ัน ฎ. เพ่ือสะดวกในการกําหนดหนาที่ ใหเรียกผูตัดสินที่ขานบอลและสไตรควา “ผูตัดสินเพลต” สวนผูตัดสินทีต่ ัดสนิ เหตุการณท ่เี กดิ ขนึ้ ตามเบสตางๆ ใหเ รยี กวา “ผูตัดสินเบส” ฏ. ผตู ดั สนิ เพลตและผูตดั สินเบสมีอํานาจหนา ที่เทาเทยี มกันในกรณตี อไปน้ี 1. ขานผวู ่ิงเอาตเนอื่ งจากผูว ่ิงออกจากเบสกอนเวลาอันควร 2. ขาน “ไทม” เพือ่ หยุดการแขง ขนั ชัว่ ขณะ 3. ใหหรอื ไลผ จู ัดการทีม ผูฝกสอน หรอื ผเู ลน ท่ีละเมดิ กติกา ออกจากการแขง ขนั 4. ขานอลิ ลีกลั พติ ช 5. ขานอนิ ฟลดฟลาย ฐ. ใหผตู ดั สนิ ขานผูตหี รอื ผูวิ่งเอาตโดยไมต อ งรอใหฝายรับขออทุ ธรณ ในทุกกรณีที่สอดคลองกบั ท่ี ไดร ะบไุ วในกตกิ าน้ี หมายเหตุ ในกรณีตอ ไปนี้ ถา ไมขออทุ ธรณ ผูตัดสนิ ไมข านผูเ ลนเอาตห รอื ไมลงโทษ แลวแตก รณี - ผเู ลนแตะเบสพลาดหรือไมไดแตะเบส - ผเู ลน ออกจากเบสกอนเวลาอนั ควรในกรณีท่ีเปน ฟลายบอล - การข้ึนตีผดิ ลําดับ - การเปลี่ยนผูเลนสํารองโดยไมแจง ผตู ัดสินเพลต - การกลบั เขา มาแขง ขนั ใหมโ ดยผิดกตกิ า - ผูเลนแทนช่วั คราวเขา มาแขงขนั หรือผูเ ลนตองพกั กลับเขา มาแขง ขนั โดยไมแ จง ผตู ัดสินเพลต - ผูวิง่ สลับตําแหนง บนเบสท่คี รอบครองกบั ผูว งิ่ อืน่ - ผูเลนพยายามเคล่ือนตอไปยงั เบสสองหลังจากถงึ เบสหนึ่งแลว ฑ. หามผตู ดั สินลงโทษทีมท่ลี ะเมดิ กตกิ าเมอื่ การลงโทษน้นั ทําใหทมี ที่กระทําผิดไดเ ปรียบ ฒ. หามนํากรณีท่ีผูตัดสินไมไดปฏิบัติตามท่ีระบุไวในกติกาหมวด 10 น้ี ไปใชทําการประทวง กตกิ าหมวดน้เี ปน เพยี งแนวทางปฏบิ ตั สิ าํ หรับผูต ดั สินเทานัน้ ขอ 2 ผตู ดั สนิ เพลต ก. ใหยืนอยูดานหลังของแคตเชอร และมีอํานาจเต็มในการควบคุมดูแลและรับผิดชอบใหการ แขงขนั ดําเนนิ ไปดว ยความเรยี บรอ ยและเหมาะสม ข. ใหทําหนา ท่ีขานบอลและสไตรค ค. ใหป ระสานและรวมมือกบั ผูตดั สินเบสในการตัดสินเหตกุ ารณตางๆ ทเี่ กิดขึ้น เชน ผูตีเหว่ียงไม ตีหรือไม ลูกบอลที่ถูกตีเปนแฟรบอลหรือฟาวลบอล ฝายรับรับลูกบอล โดยถูกหรือผิดกติกา ในกรณีท่ีผูตัดสินเบสจําเปนตองออกไปทําหนาท่ีนอกเขตอินฟลด ใหผูตัดสินเพลตทําหนาท่ี แทนผูต ัดสนิ เบสนน้ั ง. ใหต ดั สินและขาน ในกรณตี อ ไปนี้ 1. ผูต ีบันตห รือช็อปบอลหรอื ไม 2. ลกู บอลท่ถี กู ตโี ดนรางกายหรือเส้อื ผา ของผูต หี รอื ไม
87 จ. ใหต ดั สนิ การเลน ท่เี กดิ ขึ้นตามเบสตางๆ เม่อื ถงึ เวลาท่ตี องทาํ หนาที่ ฉ. ใหป ระกาศวาการแขง ขันเกมนน้ั มกี ารปรับเปน แพ ช. ใหทําหนาที่ทกุ อยางเม่อื ไดรบั มอบหมายใหทําหนา ทตี่ ดั สินเพียงคนเดียว ขอ 3 ผูตดั สินเบส ก. ใหยนื ในสนามแขง ขันตามตําแหนง ในระบบของผตู ัดสิน ข. ใหช ว ยเหลอื ผูต ดั สนิ เพลตในทุกกรณี เพ่อื ใหการแขง ขนั ดําเนนิ ไปดวยความเรียบรอ ย ขอ 4 ความรับผิดชอบของผูตดั สินเมื่อทาํ หนา ทเี่ พยี งคนเดยี ว ถาไดรับมอบหมายใหทําหนาที่ตัดสินเพียงคนเดียว อํานาจหนาท่ีของผูตัดสินนั้นใหครอบคลุมไป ท่ัวสนาม ตําแหนงเร่ิมตนของผูตัดสินสําหรับการพิตชแตละครั้งใหอยูหลังโฮมเพลต เม่ือลูกบอลถูกตี หรือ การเลนแตล ะคร้ังเกิดข้ึน ใหผูตัดสินเคลอื่ นที่จากดานหลังโฮมเพลตเขามา ในเขตอินฟลดเพื่ออยใู นตําแหนง ท่เี หมาะสมทีส่ ุดสําหรบั ตัดสนิ การเลน ท่ีเกิดข้ึน ขอ 5 การเปลย่ี นผูตัดสิน ในระหวางการแขงขนั ไมสามารถเปลี่ยนผตู ดั สนิ ไดแ มวาท้งั สองทมี จะยินยอมกต็ าม เวน แตกรณีที่ ผูต ดั สนิ ไมส ามารถปฏิบตั ิหนา ท่ไี ดเ นอื่ งจากบาดเจบ็ หรือปว ย ขอ 6 ดุลพินจิ ของผูต ดั สนิ หา มมีการประทวงในการตดั สินของผตู ัดสนิ วาไมถ ูกตอง ในกรณีตอ ไปนี้ - ลูกบอลทีถ่ ูกตีเปน แฟรบอลหรอื ฟาวลบ อล - ผูว่งิ เซฟหรือเอาต - ลูกบอลทีพ่ ติ ชม าเปนสไตรค หรือบอล - กรณีอืน่ ๆ ที่เกี่ยวขอ งกบั ความแมน ยาํ ในการตัดสิน และหา มมีการกลับคําตัดสนิ เวนแตมกี ารยืนยนั ไดวาคําตัดสนิ น้นั ไมเ ปนไปตามทรี่ ะบุไว ในกติกานี้ ในกรณีท่ีผูจัดการทีม หรือหัวหนาทีมขอใหมีการกลับคําตัดสินเนื่องจากความผิดพลาด ในการใชกติกาให ถูกตองกับสถานการณที่เกิดข้ึน ใหผูตัดสินท่ีตัดสินการเลนน้ันปรึกษากับผูตัดสินอื่นได ถาไมแนใจใน คําตัดสินของตน จากนั้นใหยืนคําตัดสินหรือกลับคําตัดสิน เฉพาะผูจัดการทีม ผูฝกสอนหรือหัวหนาทีม มสี ทิ ธิป์ ระทวงการตัดสินหรอื ขอใหม กี ารกลบั คําตดั สนิ ในทุกกรณี หามผูตัดสินเปล่ียนแปลงการตัดสินของผูตัดสินอื่น วิจารณหรือยุงเกี่ยวกับหนาท่ีของ ผตู ัดสนิ อืน่ เวนแตจะไดร ับการรอ งขอจากผูตดั สินน้ัน ผูตัดสินท่ีใหคําปรึกษาอาจชวยแกไขสถานการณใด ๆ ซึ่งการเปล่ียนแปลงการตัดสิน หรือ การตัดสินลาชา ทาํ ใหผวู ่ิงแรกเรม่ิ หรือผูวงิ่ อยใู นภาวะลอแหลม หรือทาํ ใหท มี ฝา ยรับเสียเปรียบ หมายเหตุ การแกไขน้จี ะไมส ามารถกระทาํ ไดหลังจากมีการพติ ชแลว (ไมว า ถกู กตกิ าหรือผดิ กติกา) หรือ ถา ผเู ลน ของทมี ฝายรบั ทุกคนออกพนเขตแฟรแลว
88 ขอ 7 สัญญาณตางๆ ก. เม่ือเร่ิมการแขงขัน หรือเร่ิมแขงขันตอหลังจากหยุดการแขงขันชั่วขณะ ใหผูตัดสินเพลตขาน “เพลยบ อล” และใหส ัญญาณพิตเชอรเ ริม่ การพติ ช ข. เพ่ือแสดงวาเปนสไตรค ใหผูตัดสินเพลตยกมือขวาข้ึน ใชนิ้วแสดงจํานวนสไตรค ในขณะ เดียวกับท่ีขาน “สไตรค” แลว ตามดว ยจาํ นวนสไตรคด วยเสยี งดังชดั เจน ค. เพอื่ แสดงวา เปนบอล ใหผูตดั สนิ เพลตขาน “บอล” โดยไมใชส ญั ญาณมือ ง. เพื่อแสดงจาํ นวนบอลและสไตรคของผูตี ใหขานจํานวนบอลกอ น จ. เพอื่ แสดงวาเปนฟาวลบอล ใหผตู ัดสนิ ขาน “ฟาวลบ อล” และเหยยี ดแขนขนานพื้นช้ีออกนอก สนามไปตามทิศทางของลูกบอล ฉ. เพือ่ แสดงวา เปนแฟรบอล ใหผตู ดั สินเหยียดแขนชีไ้ ปยังบริเวณกลางสนาม ขยับแขนขนึ้ ลง ช. เพือ่ แสดงวาผตู ีหรอื ผวู ่งิ เอาต ใหผูตดั สนิ กาํ มือขวาแลวชูแขนขึน้ เหนอื ไหล ซ. เพ่ือแสดงวาผูเลนเซฟ ใหผูตัดสินเหยียดแขนทั้งสองขนานกับพื้นออกไปดานขางลําตัว ควํ่าฝา มอื ลง ฌ. เพ่ือแสดงวาหยุดการแขงขันช่ัวขณะ ใหผูตัดสินขาน “ไทม” ในขณะเดียวกันใหชูแขน ทั้งสองข้นึ เหนอื ศีรษะ ผูตัดสินคนอืน่ ใหแ สดงการรบั รูโดยแสดงสัญญาณเดยี วกัน ญ. ใหผตู ัดสินแสดงสญั ญาณดีเลยเดดบอล โดยเหยียดแขนซา ยขนานไปกับพนื้ ฎ. เพื่อแสดงวาเปนแทร็ปบอล ใหผูตัดสินเหยียดแขนท้ังสองขนานกับพื้นออกไปดานขางลําตัว ควํ่าฝา มอื ลง ฏ. เพอื่ แสดงวาผูเ ลนฝา ยรุกไดเคลื่อนไปขางหนา 2 เบส ใหผ ูตัดสินชมู อื ขวาขึ้นเหนือศรี ษะ แลว แสดงจาํ นวนเบสดว ยน้วิ มอื 2 น้วิ ฐ. เพ่ือแสดงวาเปนโฮมรัน ใหผูตัดสินกํามอื และชูมือขวาข้ึนเหนือศีรษะแลว หมุนแขน ในทิศทาง ตามเข็มนาฬิกา ฑ. เพื่อแสดงวาเปนอินฟลดฟลาย ใหผูตัดสินชูแขนขวาข้ึนเหนือศีรษะแลวขาน “อินฟลด ฟลาย อฟี แฟร แบตเตอรอ สี เอาต” ฒ. เพ่ือแสดงวายงั ไมใหพิตช ใหผตู ัดสินเพลตยกมือขางหน่ึงหันฝามอื ไปทางพิตเชอร ถาพิตเชอร ยังคงพิตชลูกบอลใหขาน “โนพิตช” ขอ 8 การหยุดการแขง ขันช่ัวขณะ ก. ผตู ัดสินหยดุ การแขง ขันชัว่ ขณะไดต ามท่เี หน็ สมควร ข. ใหหยุดการแขงขันชั่วขณะเม่ือผูตัดสินเพลตออกไปจากตําแหนงท่ีประจําอยูเพื่อทํา ความสะอาดโฮมเพลต หรอื ทําหนา ที่อ่ืนท่ีไมเ กยี่ วขอ งโดยตรงกบั การตัดสนิ ค. ใหผูตัดสินหยุดการแขงขันชั่วขณะ เม่ือผูตีหรือพิตเชอรกาวออกจากตําแหนงโดยมีเหตุผล อนั สมควร ง. หามผตู ดั สนิ ขาน “ไทม” หลังจากพติ เชอรเรม่ิ หมนุ แขน จ. หามผูตัดสนิ ขาน “ไทม” ขณะท่กี ารเลน ยังดาํ เนนิ อยู ฉ. ในกรณีทเี่ กิดการบาดเจบ็ หามผูต ัดสินขาน “ไทม” จนกวาการเลนทด่ี ําเนินอยูสิน้ สดุ ลงหรือ ผวู ิง่ ถกู หยดุ เอาไวที่เบส เวนแตผ ตู ัดสนิ เหน็ วาเปน การบาดเจ็บทีร่ า ยแรง
89 ผล ขอ 8 ฉ ในกรณีท่ีเกิดการบาดเจ็บ เมื่อผูตัดสินขาน “ไทม” เปนเดดบอล ผูว่ิงจะได เคล่ือนไปครอบครองเบสขางหนา ซึ่งผตู ัดสินเห็นวาผวู ง่ิ นาจะครอบครองไดถ าไมมีการบาดเจ็บ เกดิ ขึ้น ช. หา มผูตัดสินหยุดการแขงขันช่ัวขณะ ตามท่ีผจู ัดการทีม ผฝู กสอน หรือผเู ลน ขอ จนกวา การ เลน ทด่ี าํ เนนิ อยสู น้ิ สดุ ลง ซ. (ประเภทสโลวพ ิตช) ควรขาน “ไทม” เมื่อผูต ัดสินเหน็ วาการเลน ส้ินสุดอยา งชดั เจน ขอ 9 การละเมดิ กตกิ าและการลงโทษ ก. หามผูจัดการทีม ผูฝกสอน หรือผูเลนกลาววาจาหรือแสดงอาการดูถูกผูเลนทีมคูแขงขัน เจา หนาท่ฝี า ยจัดการแขง ขัน หรือผชู ม ตลอดจนกระทําการใดๆ ซ่งึ ไมใ ชว สิ ยั ของนกั กีฬา ข. บทลงโทษสาํ หรับผเู ลน ท่ีละเมดิ กตกิ า คอื การใหออก หรือไลอ อกจากการแขง ขนั ทนั ที ค. บทลงโทษสําหรบั ผจู ดั การทีม ผูฝก สอน หรอื เจา หนา ท่ที ีม ไดแ ก 1. เมื่อมีการกระทาํ ผดิ กติกาคร้ังแรก ใหเตอื นผกู ระทาํ ผิด 2. เมื่อมีการกระทําผิดกติกาเปนครั้งท่ี 2 หรือถากระทําผิดคร้ังแรกแตผูตัดสินเห็นวา รายแรง ผูกระทําผิดนนั้ จะถกู ไลออกจากการแขงขนั หมายเหตุ ในกรณที ่หี วั หนา ผูฝกสอนถกู ไลออกจากการแขง ขัน ใหแจง ชอ่ื บุคคล ทจ่ี ะเปนหัวหนา ผูฝ กสอนในชว งเวลาทเี่ หลือตอ ผูต ัดสินเพลต ง. ผเู ลนท่ีถูกใหออกจากการแขงขันจะนั่งอยูในเขตท่ีพักของทีมก็ได แตเขารวมการแขงขันไมได เวน แตในฐานะผูฝกสอน จ. ผจู ัดการทีม ผูฝ กสอน ผูเลน หรือเจา หนาท่ที มี ท่ีถูกไลออกจากการแขงขัน ใหตรงไปอยูใ นหอ ง เปลีย่ นเครือ่ งแตงกายตลอดเวลาทเ่ี หลอื อยู หรอื ออกจากสนามแขง ขนั ไป ฉ. หากผทู ี่ถูกใหอ อก หรอื ไลอ อกจากการแขง ขันไมป ฏิบตั ิตามโดยทนั ที ใหป รบั เปนแพ
หมวด 11 การประทว ง (PROTESTS) ขอ 1 การประทวงทไี่ มร บั พิจารณา ไมรับพิจารณาการประทวง ถาประทวงเกี่ยวกับความถูกตองของการใชดุลพินิจของผูตัดสิน หรือ ทมี ทีป่ ระทวงชนะการแขง ขนั ตัวอยางของการประทวงท่ไี มร ับพิจารณา ไดแก ก. ลูกบอลทถี่ กู ตีเปนแฟรบ อล หรือฟาวลบ อล ข. ผูวง่ิ “เซฟ” หรือ “เอาต” ค. ลกู บอลที่พิตชมาเปน “สไตรค” หรือ “บอล” ง. การพติ ชน นั้ ถกู กติกา หรอื ผิดกตกิ า จ. ผูวิ่งแตะเบส หรอื ไมไดแตะเบส ฉ. ผูวิง่ เคล่ือนออกจากเบสกอ นฝา ยรบั สัมผสั ฟลายบอลครัง้ แรกหรอื ไม ช. รับฟลายบอลไดโ ดยถูกกติกาหรือไม ซ. เปน อินฟล ดฟ ลายหรอื ไม ฌ. มกี ารรบกวนหรือไม ญ. มกี ารขดั ขวางหรือไม ฎ. ผูเ ลนหรอื ลูกบอลเขา ไปในเขตเดดบอล ลกู บอลโดนวตั ถุ หรอื ถูกบคุ คลอน่ื ใดในเขตเดดบอล หรอื ไม ฏ. ลูกบอลท่ีถกู ตีลอยขามรั้วก้นั ดานนอกหรือไม ฐ. สภาพสนามเหมาะสมที่จะแขง ขนั ตอไปหรือไม ฑ. มแี สงสวา งเพยี งพอทจี่ ะแขงขันตอไปหรือไม ฒ. กรณีอ่นื ๆ ทเ่ี กี่ยวขอ งกบั ความถกู ตอ งของการใชดุลพินิจของผตู ดั สิน ขอ 2 การประทวงทร่ี ับพจิ ารณา รบั พจิ ารณาการประทว งทเ่ี กย่ี วของกบั ประเดน็ ตา งๆ ดังตอ ไปนี้ ก. การตคี วามกตกิ าผดิ พลาด ข. ผูต ัดสินไมไดใชก ติกาทถ่ี กู ตองและเหมาะสมกบั สถานการณท่เี กิดข้นึ ค. ผตู ัดสนิ ไมไดใชบทลงโทษที่ถกู ตอ งและเหมาะสมกับการทําผดิ กติกาท่ีเกิดขึน้ หมายเหตุ 1. การประทวงตามขอ ก-ค ตองกระทาํ กอ นเกิดเหตุการณใดเหตุการณหนง่ึ ตอไปน้ี - มีการพติ ชค รงั้ ตอ ไปแลว (ไมวา ถูกหรือผิดกตกิ า) - ผเู ลนฝา ยรบั ในอนิ ฟล ดอ อกพน เขตแฟร - ผตู ดั สนิ ออกนอกสนามแขงขัน หลังการเลนสุดทายของการแขง ขนั 2. หลังจากมีการพิตชที่ถูกกติกา หรือมีการขานเปนการพิตชที่ผิดกติกาแลวไมมีการ เปลยี่ นแปลงการตัดสนิ ง. การขาดคณุ สมบัติของสมาชิกของทีมในบญั ชรี ายชอ่ื หมายเหตุ การประทวงตามขอน้ี ตองย่ืนตอผมู ีหนาท่ีรบั ผิดชอบ (ไมใชย ื่นตอ ผูตดั สิน) และจะยื่นเม่ือใดก็ ได ถาเปนไปตามที่กาํ หนดไวในหมวด 11 ขอ 5
91 ขอ 3 การประทวงท่เี กย่ี วกับความถูกตอ งของการใชด ุลพนิ ิจของผูตดั สินและการตีความกตกิ า การประทวงจะเกยี่ วกับความถกู ตอ งของการใชด ลุ พนิ จิ ของผตู ดั สิน และการตีความกติกาก็ได กรณีตัวอยาง ไดแก ขณะที่ฝายรุกมี 1 เอาต และมีผูว่ิงบนเบสสองและเบสสาม ผูตีตีลูกบอล เปน ฟลายบอลออกไปไกล ผูเลนฝา ยรับรบั ลกู บอลได ผูตีเอาต ผูว ่งิ บนเบสสามแตะเบสรอจนฝายรับสัมผัส ลูกบอลคร้ังแรก ผูว่ิงบนเบสสองไมไดแตะเบสรอ ผูว่ิงบนเบสสามว่ิงมาแตะโฮมเพลตกอนฝายรับจะนํา ลกู บอลมาแตะเบสสองและขออุทธรณทําใหผ ูวิ่งเอาตเปนเอาตที่ 3 ผูต ัดสินไมใหฝา ยรุกไดคะแนน กรณีผูวิ่งบนเบสสองออกจากเบสกอนฝายรับสัมผัสลูกบอลครั้งแรก และมีการนําลูกบอลมาแตะท่ี เบสสองกอนผูว่ิงที่เบสสามแตะโฮมเพลตหรือไม เปนเรื่องความถูกตองของการใชดุลพินิจของผูตัดสิน ไมสามารถประทวงได สวนการที่ผูตัดสินเพลตไมใหฝายรุกไดคะแนน เปนการตีความกติกาผิดพลาด สามารถประทว งได ขอ 4 การแสดงความจํานงจะประทวง การแสดงความจาํ นงจะประทว ง ตอ งกระทําโดยทนั ทีกอนท่จี ะมีการพติ ชค ร้ังตอไป ขอยกเวน การประทวงคณุ สมบัตนิ กั กฬี า ก. ใหผูจัดการทีม หรือผูท่ีทําหนาท่ีแทนผูจัดการทีมของทีมท่ีทําการประทวง แจงผูตัดสินเพลต ทันทีวาตองการประทวง ใหผูตัดสินเพลตแจงตอไปใหผูจัดการทีมของทีมคูแขงขัน และ ผบู นั ทึกผลทราบวาการแขง ขนั คร้ังนีด้ าํ เนินตอไปภายใตก ารประทว ง ข. ใหผูท่ีเก่ียวของทุกฝายบันทึกสภาพเหตุการณและเงื่อนไขตางๆ ท่ีเก่ียวของกับการตัดสิน ท่ีเกดิ การประทว งไว เพื่อชว ยในการระบปุ ระเดน็ ไดอยางถกู ตอง หมายเหตุ ในกรณีทเ่ี ปน การเลนตองอุทธรณตองกระทํากอนมีการพิตชครั้งตอไป (ไมวา ถกู หรือผิดกติกา) หรือกอ นทท่ี ีมฝายรับจะออกนอกสนามแขงขนั กติกาขอนใ้ี หถอื วา ผเู ลนฝายรับ “ออกนอก สนามแขงขนั ” เมือ่ พติ เชอรแ ละผูเลนทกุ คนออกพนเขตแฟรไปยัง เขตทีพ่ กั ของทีมแลว ขอ 5 กําหนดเวลาทตี่ องยน่ื เอกสารประทว ง ตอ งยื่นเอกสารประทว งอยา งเปน ทางการภายในเวลาอนั สมควร ก. ในกรณีท่ีไมมีการกําหนดไวในระเบียบของคณะกรรมการจัดการแขงขัน ควรรับพิจารณา เอกสารประทวงที่ย่ืนมาภายในเวลาอันสมควร ซึ่งข้ึนอยูกับลักษณะเหตุการณท่ีเกิดข้ึน และ ความยากลําบากในการหาขอ มูลทจี่ ะนํามาใชป ระกอบ ข. โดยทว่ั ไป ถือวาภายใน 48 ช่วั โมงหลังจากเวลาเร่ิมตนการแขง ขนั เปน เวลาอนั สมควร ขอ 6 ขอ มูลท่ีตองระบใุ นเอกสารประทวง เอกสารประทวงอยา งเปน ทางการควรจะประกอบดวยขอมูลดังตอ ไปน้ี ก. วัน เวลา และสถานทีแ่ ขง ขนั ข. รายชื่อผตู ดั สนิ ทัง้ หมด และผูบันทึกผล ค. หมวดและขอ ของกติกา หรอื ขอตกลงเพิม่ เติมที่ใชในการแขง ขัน ท่เี กี่ยวขอ งกับการประทว ง ง. การตดั สิน พรอมรายละเอยี ดของเหตกุ ารณและเงื่อนไขตา งๆ ทเ่ี ก่ียวของกับการตดั สนิ จ. ขอเทจ็ จริงที่สาํ คัญๆ ทั้งหมดท่ีเกยี่ วขอ งกบั ประเดน็ ทปี่ ระทว ง
92 ขอ 7 ผลการประทวง การตัดสนิ การประทวง ตอ งมีผลอยา งใดอยางหนง่ึ ตอ ไปนี้ ก. การประทว งนั้นไมเปน ผล คงผลการแขง ขันไว ข. การประทวงน้นั เปน ผล เนื่องจากการตคี วามกติกาผดิ พลาดใหผูตัดสินแกไขคําตัดสนิ ใหถกู ตอง ตามกตกิ ากอ น และแขงขันตอ ไปตามปกติ ค. การประทวงนั้นเปนผล เน่ืองจากการขาดคุณสมบัติของสมาชิกทีมใหปรับทีมที่กระทําผิด เปนแพ
หมวด 12 การบันทึกผล (SCORING) ขอ 1 ผบู นั ทึกผล ก. ใหบ นั ทกึ ขอมูลการแขง ขันตามท่ีกําหนดไวใ นกตกิ าหมวดนี้ ข. ใหผูบันทึกผลเปนผูมีสิทธ์ิตัดสินใจเกี่ยวกับการบันทึกผลของการแขงขันกับการตัดสิน เชน การครอบครองเบสหนง่ึ ของผตู ีเกิดจากการตี หรือเกดิ จากการเลนผดิ พลาดของฝา ยรับ แตก ารบันทกึ ผลของการแขงขนั ตอ งไมขัดแยง กับกติกาหรือการตดั สนิ ของผตู ดั สิน ขอ 2 ชอ งบันทกึ ผล ก. ใหเขียนช่ือ และตําแหนงของผูเลนเรียงตามลําดับการขึ้นตี หรือลําดับที่จะขึ้นตี ถาผูเลน ไมถูกเปล่ียนออกโดยถูกกติกา ถูกไลออก หรือถูกใหออกจากการแขงขัน หรือการแขงขัน สน้ิ สดุ ลงกอ นถงึ รอบขึ้นตขี องผเู ลนน้ัน หมายเหตุ (กติกาผเู ลนเลอื ดออก) สถิตทิ ี่เกิดข้ึนจากการเลนของผูเลนแทนช่ัวคราว ใหบนั ทึกวา ผเู ลน แทน ช่วั คราวเปนผกู ระทํา แมวา จะเปน ผูเลนสํารองซ่ึงไมไดเ ปลี่ยน เขา มาแทนผูเ ลน คนใดเลย 1. (ประเภทฟาสตพิตช) จะเลือกใชผูเลนแทน (ดีพี) หรือไมก็ได ถาใชผูเลนแทน ตองแจงผูตัดสินเพลตต้ังแตกอนเริ่มการแขงขันและตองเขียนรายช่ือผูเลนแทน ลงในใบ บันทึกผลในลําดบั การข้ึนตีปกติ รายช่ือทั้งหมดจะมี 10 ช่ือ โดยลําดับที่ 10 เปนรายช่ือ ของผูเลนเฟลก็ ซ ซ่ึงดพี เี ปนผตู ีแทน 2. (ประเภทสโลวพิตช) จะเลือกใชผูเลนพิเศษ (อีพี) หรือไมก็ได ถาใชผูเลนพิเศษ ตองแจงผูตดั สินเพลตต้ังแตกอ นเร่ิมการแขงขัน และตองเขยี นรายช่ือผูเลนพิเศษลงในใบ บนั ทึกผลตามลําดับการขน้ึ ตีปกติ รายช่ือทงั้ หมดจะมี 11 ช่ือ (ประเภททีมผสมมี 12 ชื่อ) และทุกคนตองเปนผตู ี หมายเหตุ ถา มีการใชผูเลนพเิ ศษ ตอ งใชต ลอดการแขงขันเกมนั้น มิฉะน้นั จะถกู ปรับเปน แพ ข. ตองบนั ทึกขอ มูลของผเู ลน แตล ะคนในการขนึ้ ตี และการรบั ลกู บอลในตารางดงั ตอไปน้ี 1. ชอ งทห่ี นึ่ง ใหแสดงจํานวนครงั้ ทขี่ ึ้นตขี องผเู ลนแตละคน ไมน ับเปนจาํ นวนคร้ังท่ขี นึ้ ตี ก) เมอ่ื ผูเ ลนน้ันตีลกู บอลเปนฟลายบอลเสยี สละ สงใหเพอื่ นรวมทีมไดคะแนน ข) เม่ือผเู ลนนน้ั ไดเ บสออนบอล ค) เมื่อผเู ลนนน้ั ไดครอบครองเบสหนง่ึ เนอ่ื งจากการขัดขวาง ง) (ประเภทฟาสตพิตช) เมอ่ื ผูเ ลน น้ันบนั ตเสียสละ จ) (ประเภทฟาสตพิตช) เมือ่ ผเู ลนน้ันโดนลูกบอลท่ีถูกพติ ชมา 2. ชองที่สอง ใหแ สดงจํานวนคะแนนท่ีผูเลนแตล ะคนทาํ ได 3. ชอ งท่สี าม ใหแสดงจํานวนคร้ังทผ่ี ูเลน แตล ะคนทาํ เบสฮิตได เบสฮิต หมายถึง การตลี กู บอลเปน แฟรบอล ผูตไี ปครอบครองเบสโดยปลอดภัย
94 ก) เมื่อผูว่ิงแรกเร่ิมไปครอบครองเบสหน่ึง หรือเบสอื่นๆ โดยปลอดภัยจากการตี ลูกบอลเปนแฟรบอล โดยลูกบอลหยุดอยูในสนาม ขามรั้วก้ันดานนอก หรือปะทะ กบั รั้วกน้ั กอ นผเู ลน ฝา ยรับสัมผสั ข) เมื่อผูว ิ่งแรกเริ่มไปครอบครองเบสหน่ึงโดยปลอดภัยจากการตีลูกบอลเปนแฟรบอล ซ่ึงเร็ว ชา หรือกระดอนผิดปกติ จนผูเลนฝายรับไมสามารถทําใหผูว่ิงเอาตได ดว ยการเลนปกติ ค) เมือ่ แฟรบอลไมสมั ผัสผูเลน ฝา ยรับ เปนเดดบอลเนื่องจากโดนรางกายตัวหรือเส้ือผา ของผูวิ่ง หรอื ผูต ัดสิน ง) เม่ือผูเลนฝายรับไมสามารถทําใหผูว่ิงบนเบสเอาต และผูบันทึกผลเห็นวา ถาผูเลน ฝายรับเลือกที่จะทําใหผูว่ิงแรกเริ่มเอาต และเปนการเลนท่ีสมบูรณ ก็ไมสามารถ ทําใหผูว่ิงแรกเรมิ่ เอาตได จ) เม่ือผูตีทําใหการแขงขันส้ินสุดลงดวยการทําเบสฮิต ทําใหทีมไดคะแนนเพียงพอ ที่จะชนะ ใหบันทึกจํานวนเบสที่ผูตีทําไดเทากับจํานวนเบสท่ีผูวิ่งที่ทําคะแนนให ทีมชนะทาํ ได ขอยกเวน เมื่อผูตีทําใหการแขงขันสิ้นสุดลงดวยการตีลูกบอลขามร้ัวก้ันดานนอก ใหบันทึกวา ผูตไี ดโฮมรัน และใหผวู ิง่ ทุกคน รวมทง้ั ผูตี ไดค ะแนน 4. ชองทสี่ ่ี ใหแสดงจาํ นวนคร้งั ท่ผี เู ลนฝายรบั แตล ะคนทําใหผ ูเลนของทมี คูแ ขงขนั เอาต ก) ใหนบั จาํ นวนครั้งท่ีผูเลนแตละคนทําใหผ เู ลน ของทมี คูแขง ขนั เอาต 1) เมอ่ื ผูเ ลน นัน้ รบั ฟลายบอลหรือลกู พงุ ได 2) เม่อื ผเู ลน นัน้ รบั ลูกบอลท่ถี กู ขวางมา ทาํ ใหผ ตู ีหรอื ผูว งิ่ เอาต 3) เม่ือผูเลนนั้นแตะผูวง่ิ ดว ยลกู บอลโดยถกู กติกาขณะทผี่ ูวงิ่ ไมอยูบนเบส 4) เมื่อผูเลนน้ันอยูใกลลูกบอลที่สุดเมื่อผูว่ิงถูกขานเอาตเน่ืองจากลูกบอลท่ีเปน แฟรบอลโดนตัวในเขตแฟร หรอื ผูวงิ่ ทําการรบกวนผูเ ลน ฝา ยรับ 5) เมื่อผูเลน นน้ั อยใู กล (ที่สุด) กับผเู ลนสาํ รองท่ีเปล่ียนเขา มาแขงขันโดยไมไดแจง ผูตัดสินเพลต และผูเลนสํารองน้ันถูกขานเอาตตามกติกาหมวด 4 ขอ 8 ช (ฝา ยรกุ ทาํ ผดิ กตกิ า) 6) เมือ่ ผเู ลน นน้ั อยูใกล (ท่สี ุด) กับผูว่ิงที่ถกู ขานเอาตเ น่อื งจากว่ิงออกนอกทางว่ิง ข) นบั จํานวนครง้ั ทท่ี าํ ใหผ เู ลน ของทมี คูแขงขันเอาต ใหกับแคตเชอร 1) เมอ่ื ผตู ดั สินเพลตขานเปนสไตรคท ี่ 3 2) (ประเภทสโลวพิตช) เม่ือผตู ีบนั ตหรอื ช็อปบอล 3) เม่อื ผูตไี มไดขึ้นตีตามลาํ ดบั การขึ้นตีท่ถี ูกตอง 4) เมื่อผูต ีรบกวนแคตเชอร 5) (ประเภทสโลวพ ิตช) เมอ่ื ผตู ีตีเปนฟาวลบอลในสไตรคที่ 3 6) เม่ือผูตถี กู ขานเอาตเนอื่ งจากเปน การตีทผี่ ดิ กติกา 7) (ประเภทฟาสตพิตช) เม่ือผูตีถูกขานเอาต เน่ืองจากบันตเปนฟาวลบอล ในสไตรคท ี่ 3
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113