Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กติกาซอฟท์บอล พ.ศ.2554

กติกาซอฟท์บอล พ.ศ.2554

Description: กติกาซอฟท์บอล พ.ศ.2554

Search

Read the Text Version

45 ตอไปนี้เปนผลของขอ 1 – 7 ขา งตน ผล ขอ 1 - 7 การละเมิดกติกาขอ 1 - 7 เปนการพิตชที่ผิดกติกา (ยกเวนการกระทําผิดกติกาหมวด 6 ขอ 3 ฑ และ ขอ 6 ข ซึง่ กาํ หนดไวต างหากแลว ) โดยมีรายละเอยี ดดงั ตอไปน้ี : 1. ใหผตู ดั สินแสดงสญั ญาณดีเลยเ ดดบอล และขานอลิ ลีกัลพติ ช (illegal pitch) 2. ถาผูตไี มตี (ก) ผูต ีไดบ อลเพม่ิ อีก 1 ครัง้ (ผตู ไี ดครอบครองเบสหนึง่ ถาเปนบอลที่ 4) (ข) ผวู ิ่งทกุ คนไดสิทธ์ิเคลอื่ นไปขางหนา 1 เบส ขอ ยกเวน ในกรณีทผี่ วู ิ่งเคลอ่ื นไปขางหนาโดยถูกกตกิ า เน่อื งจากการพิตชทผี่ ิดกตกิ า (หรอื พาสดบ อล หรือไวลดโธรวของแคตเชอร) ใหผูวง่ิ ไดค รอบครองเบสน้นั ไวถ าผวู ่งิ ถกู ทาํ เอาตหลงั จากเคลื่อนไปขา งหนา 1 เบสแลวผวู ิ่งนั้นจะถกู ขานเอาต 3. ถา ผูตตี ถี กู ลูกบอล ผจู ดั การทมี ฝายรุกมีสิทธิ์เลอื กอยางใดอยางหน่ึงตอ ไปน้ี (ก) ใหล งโทษการพิตชท่ีผิดกตกิ า (ข) ใหค งผลการเลนไว ขอยกเวน ถาผวู ่งิ แรกเริ่มเคลอ่ื นไปถึงเบสหน่งึ เน่อื งจากการตี และผูว ่ิงทกุ คนไดเ คลอื่ นไป ขา งหนา อยางนอ ย 1 เบส การพิตชท ่ีผดิ กติกาใหยกเลิก ใหค งผลการเลนไว ผจู ัดการทีมฝายรุกไมม สี ทิ ธิ์เลือกอีก 4. ถาผูตีเหว่ียงไมตี แตไมถูกลูกบอล และแคตเชอรรับลูกบอลท่ีเปนสไตรคท่ี 3 ไมได กอ นตกถึงพ้ืน แตขวางไปที่เบสหน่ึงทําเอาตผูวง่ิ แรกเร่ิมได ผูว่งิ คนอน่ื เคลื่อนไปขางหนา ไดอยางนอย 1 เบส ผจู ดั การทีมฝายรกุ มสี ิทธิเ์ ลอื กอยา งใดอยา งหนึ่งตอไปน้ี (ก) ใหลงโทษการพิตชท่ผี ดิ กตกิ า (ข) ใหค งผลการเลนไว ขอ ยกเวน ถาผวู ง่ิ แรกเรมิ่ เคล่ือนไปถึงเบสหน่งึ เนือ่ งจากแคตเชอรร ับลูกบอลท่ีเปน สไตรคที่ 3 ไมไ ดกอนตกถงึ พื้น และผวู งิ่ ทกุ คนไดเคล่อื นไปขา งหนา อยา งนอย 1 เบส การพิตช ทผ่ี ิดกติกาใหยกเลกิ ใหค งผลการเลนไวผ ูจัดการทีมฝายรุกไมม สี ิทธเ์ิ ลือกอีก 5. ถาผูจัดการทีมไมเลือกใหคงผลการเลน ใหลงโทษการพิตชท่ีผิดกติกาโดยใหผูตีไดบอล เพ่ิมอีก 1 คร้ัง (ผูตีไดครอบครองเบสหนึ่ง ถาเปนบอลท่ี 4) ผูว่ิงทุกคนไดเคลื่อนไป ขา งหนา 1 เบส เปนเดดบอล 6. ถา ลูกบอลจากการพิตชท ี่ผิดกติกาโดนรางกายผูต ี เปนเดดบอล ผตู ไี ดส ิทธ์ไิ ปครอบครอง เบสหนง่ึ ผูวง่ิ ทุกคนไดเ คล่ือนไปขา งหนา 1 เบส ผจู ัดการทีมฝา ยรกุ ไมมสี ทิ ธเ์ิ ลอื กอกี ขอ 8 เบสออนบอลโดยเจตนา ถาทีมฝายรับตองการใหผูตีไดเบสออนบอลโดยเจตนา จะกระทําไดโดยพิตเชอร แคตเชอร หรือ ผฝู กสอนแจงผตู ัดสนิ เพลต ซึ่งผูตัดสินจะอนุญาตใหผูตีไดเ คล่ือนไปครอบครองเบสหนง่ึ การแจงนี้ใหถือเปน การพิตชด วย เปนเดดบอล

46 หมายเหตุ การแจง นี้จะกระทําเม่ือใดกไ็ ดกอนท่ผี ูตเี ร่มิ และสิน้ สดุ รอบข้ึนตี ไมว าจะมีจํานวน บอลและ สไตรคเทา ใด เปนเดดบอล ผูว ิ่งไมส ามารถเคลอ่ื นไปขางหนาได เวนแตเปนเบสบังคบั ขอ 9 การซอมพิตช ก. เม่ือเริ่มตนอินนิงแรกของทั้งสองทีม หรอื เม่ือมีการเปลยี่ นผูเลนตําแหนงพิตเชอร จะใชเวลาได ไมเกิน 1 นาที ซอมพิตชไดไมเกิน 5 คร้ังใหกับแคตเชอรหรือสมาชิกทีมคนอ่ืนทุกคร่ึง อินนงิ หลังจากนน้ั อนุญาตใหซ อมพติ ชไดไมเ กนิ 3 ครั้งเทานัน้ ขอยกเวน ไมใชก ติกาขอนี้เมอื่ ผตู ดั สินเริ่มการแขง ขัน หรอื ใหท ําการแขง ขนั ตอ ลาชาหลงั จาก หยดุ การแขงขนั ช่ัวขณะเนื่องจากมีการเปล่ียนผูเลนสํารอง การชอชารจคอนเฟอเรนซ การบาดเจบ็ เปน ตน ผล ขอ 9 ก ถา ซอ มพติ ชเกินกวา ที่ระบุไว ใหลงโทษพติ เชอรโ ดยใหผตู ไี ด “บอล” สาํ หรบั แต ละครั้งท่ีซอ มพิตชเ กนิ ข. ใหการแขง ขนั หยดุ ลงชว่ั ขณะในระหวางการซอมพติ ช ค. ไมอนญุ าตใหพิตเชอรท ่กี ลับมาพิตชใ หมในครงึ่ อินนิงเดยี วกัน ซอมพิตชอ ีก ผล ขอ 9 ค ใหผ ตู ีได “บอล” สาํ หรับแตละคร้ังที่ซอมพติ ช ง. ผเู ลนสามารถกลบั เขา มาเลน ในตําแหนง พติ เชอรไ ด โดยไมจํากัดจํานวนครงั้ 1. ถาผเู ลนนน้ั ยงั ไมออกจากลาํ ดับการขนึ้ ตี 2. ถาผูตดั สินยงั ไมป ระกาศใหผ เู ลน นน้ั เปน พิตเชอรท่ีผิดกตกิ า ขอ 10 โนพิตช ใหผ ูตัดสนิ เพลตขาน “โนพติ ช” ในกรณีตอ ไปนี้ : ก. เมื่อพิตเชอรพติ ชในระหวา งหยุดการแขงขันชัว่ ขณะ ข. เมือ่ พิตเชอรพยายามพิตชกลับเรว็ 1. กอ นผูตีเขามาในเขตผูตี 2. เมื่อผูตยี งั คงเสียหลักอยจู ากการพิตชคร้ังที่ผานมา ค. เม่ือผวู งิ่ ถกู ขานเอาตเ น่อื งจากออกจากเบสกอนพติ เชอรปลอยลกู บอลในการพิตช ง. เม่อื พิตเชอรพิตชกอ นผูว ่ิงจะกลบั ไปแตะเบสหลังจากฟาวลบอล และเปนเดดบอล จ. เมอื่ ผูเลน ผูจดั การทีม หรอื ผฝู ก สอน กระทําส่งิ ใดส่ิงหน่ึง ตอไปน้ี 1. ขาน “ไทม” 2. ใชถ อยคาํ หรือวลีอน่ื ๆ 3. กระทาํ การใดๆ ในขณะท่ีเปนบอลอนิ เพลย โดยเห็นไดช ดั วามจี ดุ ประสงคใ หพิตเชอรท ําการพิตชท่ีผดิ กตกิ า หมายเหตุ ใหเ ตอื นทีมทกี่ ระทําผิด ถาสมาชิกของทีมท่ีถกู เตือนกระทําผิดซาํ้ อีก ใหไ ลผ กู ระทาํ ผิดน้ัน ออกจากการแขง ขนั ผล ขอ 10 ก - จ เปน เดดบอล ใหย กเลกิ การเลนท่เี กิดข้ึน

47 ขอ 11 ลกู บอลหลุดจากมือ ถา ลูกบอลหลุดจากมือของพิตเชอรร ะหวา งการพติ ช 1. ผตู ไี ด “บอล” 2. ยงั คงเปน บอลอินเพลย 3. ผูวิ่งจะเคลอื่ นไปขางหนา ก็ได แตอาจถกู ทาํ เอาตไ ด ขอ 12 พติ เชอรท ผ่ี ดิ กติกา พติ เชอรท่ีถูกประกาศวาเปนพิตเชอรที่ผิดกติกา เน่ืองจากทีมขอชารจคอนเฟอเรนชขณะท่ีเปนฝาย รับเกินกําหนด จะกลบั เขามาเลนในตาํ แหนงพิตเชอรไมไ ดอีกตลอดระยะเวลาการแขงขนั ที่เหลอื อยู ผล ขอ 12 ถาพิตเชอรที่ผิดกติกากลับเขามาแขงขันและทําการพิตชไปแลว (ไมวาถูกหรือผิดกติกา) ใหไล พิตเชอรน ั้นออกจากการแขง ขนั ถาตรวจพบกอนการพิตชค รั้งตอ ไป ผจู ดั การทมี ฝายรุกมสี ทิ ธ์เิ ลือก (1) ใหคงผลการเลนทีเ่ กดิ ข้นึ (2) ใหยกเลิกการเลนท่ีเกิดข้ึน ผูวิ่งทุกคนกลับไปยังเบสสุดทายท่ีครอบครองอยูขณะที่มี การเลน น้นั ขอยกเวน จากผลขอ 12 (2) ถาการเลนนั้นเปนผลจากผูตีท่ีส้ินสุดรอบข้ึนตีแลว และฝายรุกเลือกใหยกเลิกการเลน ทีเ่ กิดข้นึ ใหผูตีนั้นกลับมาขึน้ ตี โดยมจี าํ นวนบอลและสไตรคเ ทา กับทีม่ ีอยกู อ นสนิ้ สดุ รอบ ขน้ึ ตี ผวู ง่ิ ทุกคนกลับไปยงั เบสที่ครอบครองอยเู มอื่ เร่ิมการพิตช

หมวด 6 การพติ ช (ประเภทโมดฟิ ายดพิตช) (PITCHING REGULATIONS (Modified Pitch Only) หมายเหตุ ผลของการละเมิดกตกิ าขอ 1 - 7 ดไู ดจ ากตอนทายของขอ 7 ขอ 1 ขอ ปฏบิ ตั ิเบอื้ งตน กอ นเริ่มตน การพิตช ก. พิตเชอรท ี่ไมมลี ูกบอลในครอบครอง จะยืนใกลหรือบนพติ เชอรเพลตไมไ ด ข. ไมถ ือวาพิตเชอรอ ยูในตําแหนงพิตช เวน แตแ คตเชอรอ ยใู นตาํ แหนงพรอมทจี่ ะรับลกู บอลจาก การพติ ช ค. พิตเชอรตองวางเทาท้ังสองบนพื้นภายในระยะความยาว 61.0 เซนติเมตร (24 น้ิว) ของ พติ เชอรเพลต ใหไหลท้ังสองขา งอยูในแนวเสนตรงระหวางเบสหน่ึงและเบสสาม เทาท้ังสอง ขางตองสัมผสั กับพติ เชอรเพลต ง. พิตเชอรตองรับสัญญาณ หรือทําทาเสมือนกําลังรับสัญญาณจากแคตเชอร ในขณะที่ยืนบน พิตเชอรเพลต มลี ูกบอลอยูในมอื หรอื โกลฟ โดยมือทัง้ สองแยกออกจากกนั จ. หลังจากรับสัญญาณแลว ใหพิตเชอรรวมมือท้ังสองขางท่ีดานหนาของลําตัว โดยถือลูกบอล อยูภายใน ลําตัวตองหยุดน่ิงโดยสมบูรณอยางนอย 2 วินาทีแตไมเกิน 10 วินาที กอนเรม่ิ ตน การพิตช ขอ 2 การเรมิ่ ตนการพติ ช การพติ ชเริม่ ตน เม่ือมอื ขา งท่ถี ือลูกบอลแยกออกมาจากโกลฟ ขอ 3 การปลอ ยลกู บอลท่ถี กู กตกิ า ก. พิตเชอรต อ งไมขยบั ตัวกอ นเริ่มการพิตช โดยไมปลอ ยลกู บอลไปยงั ผูตที นั ที ข. หลังจากอยูในตําแหนงพิตช และมีลูกบอลอยูในมือท้ังสอง พิตเชอรตองไมขยับตัว กอนเร่ิมตนการพิตชโดยแยกมือท่ีถือลูกบอลออกมาจากโกลฟ ควงแขนไปทางดานหลัง แลวยอนกลับมาทางดานหนา รวมมือท้ังสองทีด่ า นหนา ของลําตัวอกี ค. แขนของพิตเชอรทค่ี วงมาดา นหนา แลว หามหยดุ หรอื ควงยอนกลบั ง. ในการสงแขนไปดา นหลงั พติ เชอรจะนาํ ลกู บอลไปอยดู านหลงั ของลาํ ตัวก็ได จ. พิตเชอรตองไมใชการพิตชแบบควงแขน (windmill) หรือกระตุกแขน (slingshot) หรือ หมนุ แขนครบรอบในการปลอ ยลกู บอล ฉ. ในระหวางท่ีแขนเคล่ือนท่ีลงไปดานลางจนถึงการปลอยลูกบอลโยสมบูรณ ลูกบอลตองไมหาง ลําตัวเกนิ กวา ขอมอื ช. การปลอยลูกบอลตองเปนการปลอยจากดานลาง โดยใหมือต่ํากวาสะโพก และฝามือหันลง ดานลาง ซ. ในระหวา งทแ่ี ขนซึ่งใชพ ิตชเคล่อื นไปดานหนา 1. ขอศอกตอ งหยดุ นิง่ ณ จุดปลอยลกู บอล 2. ไหลและสะโพกตอ งหันขนานกับโฮมเพลตขณะปลอยลกู บอล

49 ฌ. การปลอยลูกบอล ตองกระทําในขณะท่ีแขนขางซ่ึงใชพิตชเร่ิมเคลื่อนผานสะโพกไปขางหนา มีการสงแรงตามที่สมบูรณ ไมม กี ารหยดุ แขนใกลส ะโพก ญ. เทาทัง้ สองขา งตอ งสัมผัสกบั พิตเชอรเ พลตตลอดเวลากอนกาวเทาไปขางหนา ฎ. ในการปลอยลูกบอลน้ัน ใหพิตเชอรกาวเทาไปขางหนา 1 กาว ตรงไปยังผูตี และอยูภายใน ระยะความยาวของพิตเชอรเพลตพรอมกับปลอยลูกบอลออกจากมือ เทาท่ีกาวตองช้ีไปทาง โฮมเพลตและตอ งไมส มั ผัสพื้นหนา หรอื ขา มเสน สมมตุ ทิ ่ีลากเชื่อมระหวางเทาหลกั กบั โฮมเพลต หมายเหตุ ไมถือวาเปนการกาวเทา ถาพิตเชอรเ ล่ือนเทา ไปตามความยาวของพติ เชอรเ พลต และยังสัมผัส อยกู ับพติ เชอรเ พลต การยกเทา หลักออกจากพิตเชอรเ พลตแลววางกลบั ลงไปที่พติ เชอรเพลต เปน การพติ ชท ่ผี ดิ กตกิ า ฏ. การถีบเทาสงตัว (ดวยเทาหลัก) จากตําแหนงอื่นที่ไมใชพิตเชอรเพลต กอนเทาที่ใชกาว (ทไ่ี มใ ชเ ทา หลกั ) พน จากพิตเชอรเพลต เปน “โครวฮอ็ ป” และเปน การพิตชท ีผ่ ดิ กติกา ฐ. พติ เชอรตองไมควงแขนขนึ้ ดานบนอีกหลงั จากปลอยลูกบอลออกจากมือ ฑ. พิตเชอรต อ งไมเจตนาทําใหล กู บอลตกพน้ื กลง้ิ หรือกระดอน เพ่อื ปองกันไมใหผตู ตี ลี กู บอล ฒ. พิตเชอรมีเวลา 20 วินาทีในการพิตชคร้ังตอไปหลังจากรับลูกบอลจากแคตเชอร หรือหลัง จาก ผตู ดั สนิ เพลตขาน “เพลยบอล” ผล ใหผ ตู ีไดบ อลเพ่มิ อกี 1 ครั้ง ขอ 4 ตําแหนงของผเู ลน ฝา ยรับ ก. ไมใหพิตเชอรพิตชจนกวาผูเลนฝายรับทุกคนอยูในเขตแฟร ยกเวนแคตเชอรตองอยูภายใน เขตแคตเชอร ข. หามผูเลนฝายรับเขาไปอยูในแนวการมองลูกบอลของผูตี หรือเจตนาแสดงกิริยาอันมิใชวิสัย ของนักกีฬาเพ่ือทาํ ใหผ ูตีเสียสมาธิ หมายเหตุ ใหไ ลผ ูที่กระทาํ ผดิ ออกจากการแขงขนั โดยไมจาํ เปน ตอ งมีการพิตช ค. เมอ่ื ผวู ่งิ บนเบสสามพยายามทาํ คะแนนโดยการทาํ สควีซเพลย หรอื การขโมยเบส 1. หามผเู ลน ฝา ยรบั ท่ีไมม ลี กู บอลกา วไปบนโฮมเพลต หรือดา นหนา ของโฮมเพลต 2. หามผเู ลน ฝา ยรับถกู ผูตี หรอื ไมตี การลงโทษ เปนเดดบอล ผตู ีไดส ิทธิค์ รอบครองเบสหน่งึ เนือ่ งจากการขดั ขวาง และผูวิง่ ทกุ คนได เคล่อื นไปขางหนา 1 เบส เนือ่ งจากการพิตชท่ีผดิ กติกา ขอ 5 สารแปลกปลอม ก. ตลอดการแขงขัน หามสมาชิกของทีมฝายรับใชสารแปลกปลอมบนลูกบอล พิตเชอรท่ีใชน้ิว แตะนาํ้ ลาย ตอ งเช็ดน้ิวใหแ หง กอ นสมั ผสั กับลูกบอล หมายเหตุ ถา ยงั มีสมาชิกของทีมฝา ยรับคนใดใชสารแปลกปลอมบนลูกบอล ใหไลพิตเชอรอ อกจาก การแขง ขนั ข. การใชเรซิน (resin) บนลูกบอล หรือในโกลฟ แลวนําลูกบอลเขาไปสัมผัสเรซิน (resin) ในโกลฟ เปนการกระทําท่ีผิดกติกา ใหวางเรซิน (resin) ที่ไมไดใชไวบนพื้นสนามดานหลัง พิตเชอรเ พลต

50 ค. พิตเชอรจะใชผงเรซิน (powdered resin) เพ่ือชวยใหมือแหงได ภายใตการควบคุมและ ตรวจสอบจากผูตดั สนิ หมายเหตุ ผาซ่งึ มเี ฉพาะเรซิน (resin) แทรกในเนอ้ื ผา และผลติ โดยไดร ับการรบั รอง อนุญาตใหใชไ ด ง. หามพติ เชอรสวมเทปบนนิ้วมือ แถบรัดขอ มอื กําไลขอมือ หรอื วัตถอุ ื่นใดในลักษณะเดยี วกัน บนขอ มอื หรือแขนขา งท่ใี ชพิตช หมายเหตุ ถาพติ เชอรจําเปน ตองสวมแถบรัดขอ มอื ไวบนแขนขา งท่ีใชพ ิตชเน่ืองจากการบาดเจบ็ ควรสวม เส้อื ตัวในทม่ี แี ขนยาวเพื่อปด แขนท้งั 2 ขางไว ขอ 6 แคตเชอร ก. ตอ งอยูภายในเขตแคตเชอรจ นกวา พิตเชอรจ ะปลอ ยลูกบอล ข. ใหคืนลูกบอลกบั พติ เชอรโ ดยตรงหลังจากการพิตชแ ตละคร้ัง รวมท้ังหลังจากฟาวลบอล หมายเหตุ ใหผ ูตีไดบอลเพิม่ อีก 1 คร้ัง ขอ ยกเวน ไมใ ชกติกาขอน้ี ในกรณตี อ ไปน้ี 1. หลังจากสไตรคเ อาต 2. เม่ือผูตีเปนผวู ่งิ แรกเรม่ิ 3. เมื่อมผี วู ิ่งบนเบส 4. เมื่อแคตเชอรร บั ฟาวลบ อลใกลเสนเขตฟาวล แลว ขวางไปที่เบสใดเบสหน่ึงเพ่ือทาํ เอาต 5. เม่ือแคตเชอรขวางลูกบอลไปที่เบสหนึ่งเพ่ือทําใหผูว่ิงแรกเร่ิมเอาต ในกรณีที่แคตเชอร ไมมั่นใจวาผูตีเหวี่ยงไมตีหรือไม (เช็คสวิง) และเปนสไตรคที่ 3 ลูกบอลตกถึงพื้น (แคตเชอรรบั ลูกบอลไวไ มไ ด) ขอ 7 การขวา งไปทเี่ บส เม่ือพิตเชอรอยูในตําแหนงพิตช และขณะน้ันเปนบอลอินเพลย หามพิตเชอรขวางลูกบอลไปที่เบส ขณะทีเ่ ทา ยังสมั ผัสกับพิตเชอรเพลต ถา การขวางนกี้ ระทาํ ในระหวา งท่ีมีการขออุทธรณข ณะท่ีเปน บอลอินเพลย ใหย กเลิกการขออุทธรณ หมายเหตุ พติ เชอรจ ะเคลอื่ นตัวออกจากตําแหนงพิตชได โดยการกาวถอยหลังออกจากพิตเชอรเพลต แลว จงึ แยกมอื ท้งั สองออกจากกัน การกาวไปดานหนา หรอื ไปดา นขา งเปนการพติ ชท ผ่ี ดิ กติกา ตอไปนี้เปน ผลสาํ หรับขอ 1 - 7 ขางตน ผล ขอ 1 - 7 การละเมิดกติกาขอ 1 - 7 เปนการพิตชที่ผิดกติกา (ยกเวนการกระทําผิดในกติกาหมวด 6 ขอ 3 ฒ และ ขอ 6 ข ซง่ึ กําหนดไวตา งหากแลว ) โดยมีรายละเอยี ดดังตอ ไปน้ี 1. ใหผ ูต ัดสินแสดงสญั ญาณดเี ลยเดดบอล 2. ถา ผูตีไมตี (ก) ผูตไี ดบ อลเพ่มิ อีก 1 คร้ัง (ผูตไี ดครอบครองเบสหนงึ่ ถาเปนบอลท่ี 4) (ข) ผวู ิ่งทุกคนไดส ิทธิ์เคลือ่ นไปขางหนา 1 เบส

51 ขอยกเวน ในกรณีท่ผี ูวง่ิ เคลื่อนไปขา งหนาโดยถกู กติกาเน่ืองจากการพิตชท ่ีผิดกติกา (หรอื พาสดบอล หรอื ไวลดโ ธรวของแคตเชอร) ใหผ วู ิง่ ไดค รอบครองเบสน้นั ไว ถา ผูวิ่ง ถกู ทาํ เอาตห ลังจากเคล่อื นไปขางหนา 1 เบสแลว ผูวง่ิ นั้นจะถกู ขานเอาต 3. ถาผูต ีตลี กู บอล ผูจ ดั การทมี ฝา ยรุกมีสทิ ธเ์ิ ลือกอยา งใดอยางหน่ึงตอ ไปน้ี (ก) ใหลงโทษการพติ ชท ี่ผิดกติกา (ข) ใหคงผลการเลน ท่ีเกดิ ขึน้ ขอ ยกเวน ถาผูวงิ่ แรกเริ่มเคล่อื นไปถงึ เบสหนงึ่ เนอื่ งจากการตหี รือแคตเชอรร บั ลกู บอล ทเ่ี ปน สไตรคที่ 3 ไมไดก อ นตกถงึ พนื้ และผูวิง่ ทุกคนไดเคล่ือนไปขา งหนาอยา งนอ ย 1 เบส ใหยกเลกิ การพิตชท ผ่ี ิดกตกิ า 4. ถาผูจัดการทีมไมเลือกใหคงผลการเลน ใหลงโทษการพิตชท่ีผิดกติกาโดยผูตีไดบอลเพิ่ม อกี 1 ครงั้ (ผตู ไี ดครอบครองเบสหน่งึ ถา เปน บอลท่ี 4) ผวู งิ่ ทกุ คนไดเคลือ่ นไปขางหนา 1 เบส เปน เดดบอล 5. ถาลูกบอลจากการพิตชท่ีผิดกติกาโดนรางกายผูตี เปนเดดบอล ผูตีไดสิทธิ์ไป ครอบครองเบสหน่ึง ผูว่ิงทุกคนไดเคล่ือนไปขางหนา 1 เบส ผูจัดการทีมฝายรุก ไมม ีสทิ ธเ์ิ ลือกอกี ขอ 8 เบสออนบอลโดยเจตนา ถาทีมฝายรับตองการใหผูตีไดเบสออนบอลโดยเจตนา จะกระทําไดโดยพิตเชอร แคตเชอร หรือ ผูฝกสอนแจงผูตัดสินเพลต ซึง่ จะอนุญาตใหผูตีไดเคลอ่ื นไปครอบครองเบสหนึง่ การแจง นี้ใหถอื เปน การพติ ช ดวย เปน เดดบอล หมายเหตุ การแจงน้จี ะกระทาํ เมอ่ื ใดกไ็ ดกอ นทผี่ ตู เี ร่ิมและส้ินสดุ รอบขึ้นตี ไมวา จะมีจาํ นวนบอลและ สไตรคเ ทาใด เปน เดดบอล ผูวง่ิ ไมส ามารถเคลอ่ื นไปขางหนาไดเ วน แตเ ปน เบสบังคบั ขอ 9 การซอมพิตช ก. เม่ือเริ่มตนทุกครึ่งอินนิง หรือเมื่อมีการเปลี่ยนผูเลนตําแหนงพิตเชอรจะใชเวลาไดไมเกิน 1 นาที ซอมพิตชไดไมเกิน 3 คร้งั ใหกบั แคตเชอร หรือสมาชกิ ทีมคนอน่ื ขอ ยกเวน ไมใชก ติกาขอ นีเ้ ม่ือผตู ัดสินเริม่ การแขง ขัน หรือใหทําการแขงขนั ตอลาชาหลงั จากหยุด การแขงขนั ช่ัวขณะ เนอื่ งจากมกี ารเปลยี่ นผูเลนสํารอง การขอชารจคอนเฟอเรนซ การบาดเจ็บ เปน ตน ผล ขอ 9 ก ถาซอมพิตชเกินกวาที่ระบุไว ใหลงโทษพิตเชอรโดยใหผูตีได “บอล” สําหรับ แตล ะครงั้ ทีซ่ อ มพติ ชเ กนิ ข. ใหก ารแขง ขันหยุดลงชว่ั ขณะในระหวา งการซอ มพิตช ค. ไมอนญุ าตใหพ ิตเชอรท ีก่ ลบั มาพิตชใหมใ นครง่ึ อินนิงเดียวกนั ซอมพิตชอกี ผล ขอ 9 ค ใหผตู ไี ด “บอล” สําหรบั แตละครั้งท่ีซอ มพติ ช ง. ผเู ลนสามารถกลบั เขามาเลน ในตาํ แหนง พิตเชอรได โดยไมจ าํ กดั จาํ นวนคร้งั 1. ถาผูเ ลน นั้นยงั ไมอ อกจากลําดับการข้นึ ตี 2. ถา ผูต ัดสนิ ยังไมป ระกาศใหผเู ลนนน้ั เปนพิตเชอรทผ่ี ดิ กตกิ า

52 ขอ 10 โนพติ ช ใหผตู ดั สินเพลตขาน “โนพติ ช” ในกรณีตอไปนี้ : ก. เม่ือพิตเชอรพิตชใ นระหวางหยดุ การแขง ขนั ชั่วขณะ ข. เม่อื พติ เชอรพยายามพิตชกลับเรว็ 1. กอ นผตู เี ขาไปในเขตผตู ี 2. เมอื่ ผตู ยี งั คงเสียหลักอยจู ากการพติ ชค ร้ังที่ผานมา ค. เมอื่ ผูวิง่ ถูกขานเอาตเน่ืองจากออกจากเบสกอนพิตเชอรป ลอยลกู บอลในการพิตช ง. เมื่อพิตเชอรพติ ชกอ นผูวง่ิ จะกลบั ไปแตะเบสหลังจากฟาวลบ อล และเปนเดดบอล จ. เม่อื ผเู ลน ผจู ดั การทีม หรอื ผูฝก สอน กระทําสิง่ ใดสิ่งหน่ึงตอ ไปน้ี 1. ขาน “ไทม” 2. ใชถอ ยคาํ หรอื วลีอื่นๆ 3. กระทาํ การใดๆ ในขณะท่เี ปน บอลอนิ เพลย โดยเห็นไดช ัดวามีจุดประสงคใ หพิตเชอรท ําการพิตชท ี่ผิดกตกิ า หมายเหตุ ใหเ ตือนทมี ท่กี ระทาํ ผดิ ถา สมาชกิ ของทีมทถ่ี ูกเตอื นแลว กระทําผิดซ้ําอีก ใหไ ลผ กู ระทาํ ผดิ นัน้ ออกจากการแขง ขัน ผล ขอ 10 ก - จ เปน เดดบอล ใหยกเลกิ การเลน ที่เกดิ ขึ้น ขอ 11 ลูกบอลหลดุ จากมอื ถาลูกบอลหลดุ จากมือของพติ เชอรร ะหวางการพิตช 1. ผูตีจะได “บอล“ 2. ยงั คงเปน บอลอินเพลย 3. ผูวิง่ จะเคล่ือนไปขางหนา กไ็ ด แตอ าจถกู ทําเอาตได ขอ 12 พติ เชอรทีผ่ ดิ กตกิ า พติ เชอรท ่ีถูกผตู ัดสินประกาศวาเปนพิตเชอรท ่ีผดิ กติกาเนื่องจากทมี ขอชารจ คอนเฟอเรนช ขณะท่ี เปน ฝายรับเกนิ กําหนด จะกลับเขามาเลนในตาํ แหนงพติ เชอรไ มไ ดอีกตลอดระยะเวลาการแขงขนั ทเี่ หลืออยู ผล ขอ 12 ถาพิตเชอรท ผ่ี ดิ กตกิ ากลบั เขามาแขงขันและทาํ การพิตชไปแลว (ไมวา ถูกหรือผิด กตกิ า) ใหไ ลพ ิตเชอรนน้ั ออกจากการแขง ขัน ถาตรวจพบกอนการพติ ชครัง้ ตอไป ผูจ ดั การทมี ฝา ยรกุ มสี ทิ ธเิ์ ลือก (1) ใหค งผลการเลนท่เี กดิ ขึ้น (2) ใหย กเลกิ การเลนที่เกิดข้นึ ผวู ่งิ ทุกคนกลับไปยงั เบสสดุ ทา ยที่ครอบครองอยูขณะทม่ี ีการเลน นนั้ ขอ ยกเวน จากผลขอ 12 (2) ถา การเลน น้ันเปนผลจากผตู ีท่สี ้ินสุดรอบขึน้ ตีแลว และฝายรุกเลือกใหย กเลกิ การเลนท่ีเกิดข้ึน ใหผูตีน้ันกลับมาตีใหม โดยมีจํานวนบอลและสไตรคเทากับที่มีอยู กอนส้ินสุดรอบขึ้นตี ผวู ง่ิ ทุกคนกลับไปยงั เบสท่ีครอบครองอยูเมื่อเร่มิ การพิตช

หมวด 6 การพิตช (ประเภทสโลวพ ติ ช) (PITCHING REGULATIONS (Slow Pitch Only) หมายเหตุ ผลของการละเมิดกตกิ าขอ 1-7 ดไู ดจากตอนทายของขอ 7 ขอ 1 ขอปฏิบัติเบ้ืองตน กอนเริม่ ตนการพติ ช ก. ไมถ ือวาพติ เชอรอยูในตาํ แหนงพติ ช เวนแตแคตเชอรอยูในตําแหนงพรอ มทีจ่ ะรบั ลูกบอลจากการพิตช ข. พิตเชอรตองวางเทาทั้งสองบนพื้นอยางมั่นคง และเทาขางหน่ึงหรือท้ังสองขางสัมผัสกับ พิตเชอรเพลต ค. พิตเชอรตองอยใู นทาทีล่ ําตวั หยุดนิ่งโดยสมบรู ณ มีลกู บอลอยูใ นมือขางหนง่ึ หรือทั้งสองขา ง ที่ดานหนา ของลาํ ตวั ซง่ึ หันไปยงั ผตู ีตอ งหยุดนิ่งในทานอ้ี ยางนอ ย 1 วินาทีแตไมเกนิ 10 วินาที กอ นเรม่ิ ตนการพิตช ขอ 2 การเรม่ิ ตน การพติ ช การพิตชเริ่มตนเมื่อพิตเชอรทําการเคลื่อนไหวใดๆ ท่ีเปนสวนหน่ึงของการควงแขน (windup) หลังจากลําตวั ของพิตเชอรห ยดุ นิง่ โดยสมบรู ณตามกําหนดแลว กอ นการหยดุ นิง่ พติ เชอรจะทําการเคลือ่ นไหวใดๆ กไ็ ด ขอ 3 การพติ ชท ่ถี กู กตกิ า ก. พิตเชอรตอ งไมขยบั ตวั กอนเริ่มการพิตช โดยไมป ลอยลกู บอลไปยงั ผูตที ันที ข. การควงแขนของพติ เชอรตอ งเปน ไปโดยตอเนอ่ื ง ค. แขนของพิตเชอรท ี่ควงมาดานหนา แลว หา มหยุดหรอื ควงยอ นกลับ ง. พิตเชอรตองปลอยลูกบอลไปยังโฮมเพลตเมื่อแขนขางท่ีใชพิตชเคลื่อนไปขางหนา ผานสะโพกครั้งแรก และเปนการปลอยลกู บอลโดยมืออยตู า่ํ กวาสะโพก จ. เทาหลักตองสัมผัสกับพิตเชอรเพลต จนกระท่ังลูกบอลถูกปลอยออกจากมือของพิตเชอร ถามีการกาวเทา พิตเชอรสามารถกาวเทาไปขางหนา ขางหลัง หรือขางๆ ได เทาหลัก ตอ งสัมผสั กับพิตเชอรเพลตและพติ เชอรปลอ ยลูกบอลออกไปพรอมกับการกาวเทานั้น ฉ. หามพติ เชอรปลอยลกู บอลไปยังโฮมเพลต ในลักษณะใดลกั ษณะหนึ่งตอ ไปนี้ 1. การปลอ ยลกู บอลผา นดา นหลงั ของลาํ ตัวของพิตเชอร 2. การปลอยลูกบอลผานระหวางขาทงั้ 2 ขางของพติ เชอร 3. การปลอยลูกบอลจากโกลฟ ช. ใหพติ เชอรปลอยลูกบอลดวยความเรว็ พอประมาณ

54 หมายเหตุ ความเร็วพอประมาณนี้เปนดุลพินิจของผูตัดสินแตเพียงผูเดียว ใหผูตัดสินเตือนพิตเชอร ทพ่ี ิตชดว ยความเรว็ มากเกนิ ไป ถาพิตเชอรย งั ทําซาํ้ อกี หลังจากผูตดั สินเตอื นแลว ใหผ ตู ดั สิน ลงโทษพิตเชอรน ้ันโดยประกาศเปนพิตเชอรท ี่ผิดกติกา ซึ่งจะพิตชไมไดอีกตลอดการแขงขัน เกมนนั้ ซ. ลูกบอลท่ปี ลอยไปยังโฮมเพลตตองมีวถิ ีโคง อยูสูงจากพน้ื ไมตํา่ กวา 1.83 เมตร (6 ฟตุ ) และไม สูงกวา 3.65 เมตร (12 ฟตุ ) ฌ. พิตเชอรตอ งไมค วงแขนขน้ึ ดา นบนอีกหลังจากปลอ ยลูกบอลออกจากมอื ญ. พติ เชอรม เี วลา 10 วนิ าทีในการพิตชค ร้ังตอไปหลงั จากรบั ลกู บอลจากแคตเชอร หรอื หลงั จากผตู ัดสนิ เพลตขาน “เพลยบ อล” ขอ 4 ตาํ แหนงของผเู ลนฝา ยรบั ก. ไมใหพิตเชอรพิตชจนกวาผูเลนฝายรับทุกคนอยูในเขตแฟร ยกเวนแคตเชอรตองอยูภายใน เขตแคตเชอร ข. หามผูเลนฝายรับเขาไปอยูในแนวการมองลูกบอลของผูตี หรือเจตนาแสดงกิริยาอันมิใชวิสัย ของนักกฬี าเพ่ือทําใหผตู ีเสยี สมาธิ หมายเหตุ ใหไ ลผทู กี่ ระทําผิดออกจากการแขงขนั โดยไมจ ําเปนตอ งมกี ารพติ ช ขอ 5 สารแปลกปลอม ก. ตลอดการแขง ขนั หา มสมาชกิ ของทีมฝายรบั ใชส ารแปลกปลอมบนลูกบอล หมายเหตุ ถาสมาชิกของทีมฝา ยรบั ใชส ารแปลกปลอมบนลกู บอล ใหไลพ ติ เชอรอ อกจากการแขงขนั ข. พิตเชอรจะใชผงเรซิน (powdered resin) เพื่อชวยใหมือแหงไดภายใตการควบคุมและ ตรวจสอบจากผตู ดั สิน ค. การใชเรซิน (resin) ทาบนลูกบอลหรือทาในโกลฟ แลวนําลูกบอลเขาไปสัมผัสเรซิน (resin) ในโกลฟ เปนการกระทําที่ผิดกติกาใหวางเรซิน (resin) ที่ไมไดใชไวบนพื้นสนามดานหลัง พิตเชอรเ พลต ง. พติ เชอรจะใชส ารแปลกปลอมบนขอมอื หรือแขนขา งซ่งึ ใชพิตชไ มได จ. หามพติ เชอรสวมโกลฟทีม่ อื ขางซึ่งใชพติ ช ขอ 6 แคตเชอร ก. ตอ งอยูภายในเขตแคตเชอรจนกวาลูกบอลทีถ่ กู พิตชม าจะถูกต,ี กระทบพนื้ , กระทบโฮมเพลต, โดนรา งกายผูตี หรอื ไปถงึ เขตแคตเชอร ข. ใหคนื ลกู บอลกบั พติ เชอรโดยตรงหลงั จากการพิตชแตละคร้ัง รวมทั้งหลังจากฟาวลบ อล ขอ ยกเวน ไมใ ชกตกิ าขอ น้ี ในกรณตี อไปน้ี 1. หลงั จากสไตรคเ อาต 2. เมอื่ แคตเชอรท าํ ใหผูเลนฝา ยรกุ เอาต

55 ขอ 7 การพิตชเ รว็ หามพติ เชอรพยายามพิตชลกู บอลกลับไปยงั แคตเชอรโ ดยเร็ว ก. กอนผตู เี ขาไปในเขตผูตี ข. เมอื่ ผตู เี สยี หลกั จากการพติ ชครงั้ ทผ่ี านมา ตอ ไปนี้เปน ผลของขอ 1 - 7 ขางตน ผล ขอ 1 - 7 การละเมดิ กตกิ าขอ 1–7 เปน การพิตชท่ีผิดกตกิ า ใหป ฏบิ ัตดิ ังน้ี 1. ใหผตู ดั สินแสดงสญั ญาณดเี ลยเ ดดบอล 2. ใหข านบอลใหกบั ผตู ี 3. ผวู ่งิ เคลื่อนไปขา งหนาไมได ขอ ยกเวน ถาผูตีตีลูกบอลจากการพิตชที่ผิดกติกา ใหยกเลิกการพิตชที่ผิดกติกา และคงผลการ เลน ทีเ่ กดิ ขึ้น ขอ 8 เบสออนบอลโดยเจตนา ถาทีมฝายรับตองการใหผูตีไดเบสออนบอลโดยเจตนา จะกระทําไดโดยพิตเชอร แคตเชอร หรือ ผูฝกสอนแจงผูตัดสินเพลตซึ่งจะอนุญาตใหผูตีไดเคล่ือนไปครอบครองเบสหนึ่ง การแจงนี้ใหถือเปน การพิตชดว ย เปนเดดบอล หมายเหตุ การแจงน้ีจะกระทําเมื่อใดก็ไดกอนที่ผูตีเริ่มและสิ้นสุดรอบขึ้นตี ไมวาจะมีจํานวนบอล และสไตรคเทาใด เปน เดดบอล ผูวิ่งไมสามารถเคลือ่ นไปขางหนา ไดเ วนแตเปนเบสบงั คบั ขอ 9 การซอมพิตช ก. เมอื่ เริม่ ตนทกุ ครง่ึ อนิ นงิ หรอื เมื่อมกี ารเปลยี่ นพิตเชอร จะใชเวลาไดไ มเกิน 1 นาที ซอ มพติ ชไดไมเกนิ 3 ครงั้ ใหก บั แคตเชอรห รือสมาชกิ ทมี คนอน่ื ขอ ยกเวน ไมใ ชกติกาขอนีเ้ มื่อผตู ัดสินเร่มิ การแขงขัน หรอื ใหท ําการแขง ขนั ตอลาชา หลงั จากหยุ การแขง ขันชว่ั ขณะเนือ่ งจากมกี ารเปลย่ี นผเู ลนสํารอง การขอชารจคอนเฟอเรนซ การบาดเจบ็ เปนตน ผล ขอ 9 ก ถาซอมพิตชเกินกวาที่ระบุไว ใหลงโทษพิตเชอรโดยใหผูตีได “บอล” สําหรับ แตล ะครง้ั ทซ่ี อ มพิตชเกนิ ข. ใหการเลน หยุดลงช่วั ขณะในระหวางการซอ มพิตช ค. ไมอนญุ าตใหพิตเชอรท ี่กลบั มาพติ ชใหมใ นครึ่งอนิ นงิ เดยี วกัน ซอ มพติ ชอกี ผล ขอ 9 ค ใหผ ูตไี ด “บอล” สําหรับแตล ะครงั้ ท่ีซอมพติ ช ง. ผเู ลน สามารถกลบั เขามาเลน ในตาํ แหนง พิตเชอรไดไ มจํากดั จาํ นวนครัง้ 1. ถา ผเู ลนน้นั ยังไมออกจากลําดับการขึ้นตี 2. ถา ผตู ัดสินยงั ไมป ระกาศใหผ ูเลน น้นั เปน พติ เชอรท ี่ผิดกติกา

56 ขอ 10 โนพติ ช ใหผ ูต ัดสินเพลตขาน “โนพติ ช” ในกรณตี อไปนี้ ก. เมอ่ื พิตเชอรพ ิตชในระหวา งหยุดการแขง ขันชว่ั ขณะ ข. เมอ่ื ผวู ่งิ ถกู ขานเอาตเ น่ืองจากออกจากเบส - กอนลกู บอลทถี่ กู พิตชม าถงึ โฮมเพลต - กอ นลกู บอลที่ถูกพติ ชม ากระทบไมต ี - กอนลกู บอลท่ีถูกพติ ชมากระทบพื้นกอนถึงโฮมเพลต ค. เมอ่ื พิตเชอรพติ ชกอ นผูว่ิงจะกลบั ไปแตะเบสหลงั จากฟาวลบอล และเปน เดดบอล ง. เม่ือลกู บอลหลุดจากมอื ของพิตเชอรในระหวางการควงแขนหรือการเหว่ียงแขนไปดานหลงั จ. เมอ่ื ผเู ลน ผจู ดั การทีม หรือผฝู กสอน กระทาํ สิ่งใดส่งิ หนึ่งตอไปน้ี 1. ขาน “ไทม” 2. ใชถอยคํา หรอื วลอี ืน่ ๆ 3. กระทาํ การใดๆ ในขณะท่เี ปนบอลอินเพลย โดยเห็นไดช ัดวามจี ดุ ประสงคใ หพติ เชอรทําการพิตชท ี่ผิดกติกา หมายเหตุ ใหเตอื นทีมที่กระทําผดิ ถาสมาชกิ ของทีมที่ถูกเตือนกระทาํ ผดิ ซํา้ อกี ใหไลผูกระทําผดิ น้ัน ออกจากการแขงขัน ผล ขอ 10 ก - จ เปนเดดบอล ใหย กเลกิ การเลน ท่ีเกดิ ขึน้ ขอ 11 พติ เชอรทผ่ี ดิ กติกา พติ เชอรที่ถกู ผตู ดั สินประกาศเปนพติ เชอรที่ผดิ กตกิ า เนอ่ื งจากสาเหตุใดสาเหตหุ นง่ึ ตอ ไปนี้ 1. การขอชารจคอนเฟอเรนชเ กินกําหนดของทมี ฝายรบั 2. การพติ ชด ว ยความเรว็ มากเกินไป พิตเชอรที่ผดิ กติกา ไมส ามารถกลับเขา มาเลน ในตาํ แหนง พิตเชอรไดอกี ตลอดระยะเวลาการแขงขัน ที่เหลืออยู ผล ขอ 11 ถาพิตเชอรท่ีผิดกตกิ ากลับเขามาแขงขนั และทําการพิตชไปแลว (ไมวาถูกหรือผิดกติกา) ใหไลพติ เชอรนั้นออกจากการแขง ขัน ถาผูตีตีลูกบอลที่ถูกพิตชมา และมีการตรวจพบกอนการพิตชคร้ังตอไป ผูจัดการทีมฝายรุกมี สทิ ธเิ์ ลอื ก (1) ใหคงผลการเลน (2) ใหย กเลกิ การเลนทเ่ี กดิ ข้นึ และ (ก) ใหผูตีนั้นกลับมาตีใหม โดยใหจํานวนบอลและสไตรคเทากับที่มีอยูกอนการตรวจ พบวา เปนพติ เชอรท ผ่ี ิดกตกิ า (ข) ใหผ วู ง่ิ ทกุ คนกลบั ไปยงั เบสทค่ี รอบครองอยเู ม่อื เรม่ิ การพติ ช

57 ขอ ยกเวน จากผลขอ 11 (2) ถา การเลนนั้นเปนผลจากผตู ีที่สิน้ สดุ รอบข้ึนตแี ลว และฝา ยรกุ เลอื กใหย กเลิกการเลน ทเี่ กดิ ข้ึน ใหผูต นี ั้นกลับมาตีใหม โดยมจี าํ นวนบอลและสไตรคเ ทา กบั ที่มีอยกู อนส้ินสดุ รอบข้นึ ตี ผวู ง่ิ ทุกคนกลับไปยังเบสท่คี รอบครองอยเู มื่อเร่ิมการพิตช

หมวด 7 การตี (BATTING) ขอ 1 ผูเลนรอขนึ้ ตี ก. ขณะเริ่มการแขงขันแตละอินนิง ผูเลนรอขึ้นตีเปนผูตีคนแรก ตองอยูภายในเขตผูเลนรอขึ้นตี จนกระทงั่ ผูตัดสนิ เพลตเรียกใหเ ขา ไปอยภู ายในเขตผตู ี ข. เม่ือเริ่มการแขงขันแตละอินนิงแลว ผูเลนรอข้ึนตีเปนผูเลนฝายรุกที่มีชื่อในใบแสดงลําดับการ ขึ้นตีที่จะเขา ไปอยูภ ายในเขตผตู ี เปน คนตอไป ค. ใหผ เู ลน รอข้นึ ตีเขาไปอยภู ายในเขตผูเลนรอข้นึ ตดี า นทอี่ ยูใกลกบั เขตที่พักของทีม ง. ผูเลนรอขึ้นตีจะซอมเหวี่ยงดวยไมตีแขงขันไมเกิน 2 อัน, ไมตีวอรมที่ไดรับการรับรอง 1 อัน หรอื ไมตที ้ัง 2 ชนิดรวมกนั แตไ มเ กิน 2 อัน กไ็ ด หมายเหตุ จะติดหรือสวมวัสดอุ ปุ กรณใ ด ๆ กับไมต ที ่ีผูเลน รอขนึ้ ตีใชในการซอ มเหว่ยี งไมไ ด เวนแตว สั ดุ อปุ กรณนน้ั ไดร ับการรบั รองจากสหพันธซอฟทบ อลนานาชาติ ผล ขอ 1 ง ถามีการใชวัสดุอุปกรณ ท่ีไมไดรับการรับรองจากสหพันธฯ ติดหรือสวมกับ ไมตีที่ใชในการซอมเหวี่ยง ใหนําวัสดุอุปกรณดังกลาว ออกจากการแขงขัน ถาผูเลนยังคง นํากลบั มาใชอกี ใหไ ลผ เู ลนนนั้ ออกจากการแขงขนั จ. ผเู ลน รอข้ึนตีจะออกจากเขตผูเลน รอขึ้นตไี ด ในกรณตี อ ไปน้ี : 1. เปนผูตี 2. ช้ีแนะผวู ง่ิ ซงึ่ กําลงั เคลอื่ นท่จี ากเบสสามเขา สโู ฮมเพลต 3. หลบหลีกมิใหเกิดการรบกวนผูเลนฝายรับท่ีพยายามจะรับฟลายบอล หรือลูกบอลท่ีถูก ขวา งมาไมตรงตาํ แหนงทรี่ ออยู ฉ. ผูเลนรอข้ึนตจี ะรบกวนผูเลนฝา ยรบั ใหเสยี โอกาสทีจ่ ะรบั หรือขวางลกู บอลไมไ ด ผล ขอ 1 ฉ เปนเดดบอล 1. ถาเปน การรบกวนผูเ ลน ฝายรบั ท่พี ยายามจะทาํ ใหผวู ่งิ เอาต (ก) ใหขานผูว ิ่งทีอ่ ยูใ กลโ ฮมเพลตท่ีสุดขณะทีม่ กี ารรบกวน เอาต (ข) ใหผ วู ่ิงทกุ คนกลับไปยงั เบสสดุ ทา ยท่ีครอบครองอยูขณะท่มี ีการรบกวน เวน แต ถกู บงั คบั ใหเ คลื่อนไปเบสขางหนา เน่อื งจากผูตไี ดครอบครองเบสหนึ่ง 2. ถา เปนการรบกวนผูเลนฝา ยรับท่ีพยายามจะรับฟลายบอลหรือเปนการรบกวนฟลายบอล ทผ่ี เู ลนฝา ยรบั พยายามจะรับ (ก) ใหข านผวู ง่ิ แรกเรมิ่ เอาต (ข) ใหผวู ิง่ ทุกคนกลบั ไปยังเบสที่ครอบครองอยูเ ม่ือเร่ิมการพติ ช ขอ 2 ลําดับการข้ึนตี ก. ลําดับการข้ึนตีของแตละทีมตองปรากฏอยูในใบบันทึกผล หรือใบแสดงลําดับการขึ้นตี ผูจัดการทีม หรือหัวหนาทีมตองสงใหกับผูตัดสินเพลต และผูบันทึกผลกอนเร่ิมการแขงขัน ผตู ัดสินเพลตตรวจแลว สง ใหผจู ดั การทมี หรอื หวั หนา ทีมของทีมคแู ขงขนั ข. (ประเภทสโลวพติ ชท มี ผสม) ลําดับการขึ้นตีใหจ ัดผเู ลนชายและผูเลน หญงิ สลับกัน

59 ค. ลําดับการขึน้ ตที ่สี งใหกบั ผตู ดั สนิ เพลตนี้ตอ งใชไ ปจนกระทัง่ สิ้นสดุ การแขง ขันเกมน้นั ยกเวน ในกรณตี อไปนี้ 1. มีการเปล่ียนผูเลนสํารองเขามาเลนแทน ในกรณีน้ีใหใสช่ือผูเลนสํารองแทนท่ีชื่อผูเลนที่ ถูกเปลีย่ นออก 2. (ประเภทฟาสตพิตช) ผูเ ลนเฟล็กซเขามาเลนเปนฝายรุกแทนดีพีเร่ิมตนหรอื ผูเลน สํารอง ทเี่ ขา มาเลนแทนดีพีเร่ิมตน ค. ใหผูตีคนแรกในแตละอินนิงเปนผูตีท่ีมีรายชื่อตอจากผูเลนคนสุดทาย ที่ส้ินสุดรอบขึ้นตี โดยสมบูรณแลว ในอินนิงท่ีผานมา ผล ขอ 2 ค - ง การข้ึนตีผิดลําดับเปนการเลนตองอุทธรณ ซ่ึงจะขออุทธรณไดโดยผูจัดการทีม ผูฝกสอน หรือผูเลนของทีมฝายรับเทาน้ัน ทีมฝายรับเสียสิทธิ์ที่จะขออุทธรณการข้ึนตี ผิดลําดับ เมื่อผูเลนฝายรับทุกคนออกจากตําแหนงการรับปกติ และออกพนเขตแฟรไปยัง เขตทพี่ กั ของทมี 1. ถา ขออทุ ธรณข ณะทผี่ ูตใี นลําดับการขน้ึ ตที ีไ่ มถูกตอ งอยใู นรอบขนึ้ ตี (ก) ผเู ลน ในลาํ ดับการข้ึนตที ่ีถูกตอง จะเขามาเปนผตู โี ดยถูกกติกาใหนับบอลและสไตรค ตอ เนอื่ งไป (ข) ผลการเลนทเ่ี กดิ ข้ึนไมวาจะเปนคะแนนหรือจาํ นวนเบสท่ีทําไดในขณะท่ผี ูตใี นลาํ ดับ ทไี่ มถ ูกตองอยูในรอบขึ้นตี ใหถ อื วาถกู ตอง 2. ถาขออุทธรณหลังจากผูตีในลําดับการข้ึนตีที่ไมถูกตองส้ินสุดรอบข้ึนตีแลว และกอนมี การพติ ช (ไมว า จะถูกหรือผิดกตกิ า) ใหผตู คี นตอไป (ก) ผูเลน ในลาํ ดบั การขนึ้ ตที ่ถี ูกตอ ง ถกู ขานเอาต (ข) ผลการเลนทเี่ กิดขึ้นไมวาจะเปนคะแนนหรือจํานวนเบสทท่ี ําไดเ น่ืองจากผูตีในลาํ ดับ การขนึ้ ตีทไ่ี มถกู ตอ งเปนผูวิง่ แรกเริม่ ใหย กเลิก ยกเวน เอาตท ่ีเกดิ ข้นึ ใหคงไว (ค) ผูตีคนตอไปที่ถูกตองเปนผูที่มีชื่อตอจากผูเลนท่ีถูกขานเอาต เนื่องจากไมไดขึ้นตี ถาผเู ลนนัน้ เปนผูตีในลําดบั การข้ึนตีท่ีไมถกู ตองซึ่งถกู ขานเอาตจากการเลน ใหผ ูท่ีมี รายช่ือถดั ไปเปน ผูตีคนตอไปที่ถกู ตอ ง (ง) ถาการอุทธรณมีผลใหผูตีที่ถูกขานเอาต เปนเอาตที่ 3 ใหผูที่มีชื่อตอจากผูเลนท่ี ถูกขานเอาตเปนผูตี (คนแรก) ที่ถูกตองในอินนิงถัดไป โดยถือเสมือนวาเปนการทํา เอาตโ ดยการเลนปกติ (จ) ถามีการทําใหผูว่ิงเอาตเปนเอาตท่ี 3 กอนตรวจพบวามีการทําผิดกติกา ยังคง ขออทุ ธรณไ ดเพื่อปรบั ลาํ ดับการขึ้นตีใหคนื สูป กติ การขออุทธรณนี้ (ถามี) ไมม ผี ล ใหไ ดเอาตเพมิ่ ขึ้น 3. ถาขออุทธรณหลังจากมีการพิตชครั้งแรก (ไมวาจะถูกหรือผิดกติกา) ใหกับผูตีคน ตอ ไปแลว (ก) รอบขึน้ ตีของผตู ีในลําดับการขึ้นตที ีไ่ มถ ูกตองน้นั ถอื วา ถกู ตอ ง (ข) ผลการเลน ทีเ่ กดิ ข้ึน ไมว าจะเปน คะแนนและจํานวนเบสท่ีทาํ ได ถือวาถูกตอง

60 (ค) ผูตีคนตอไปเปนผูมีชื่อตอจากผูตีในลําดับการขึ้นตีท่ีไมถูกตอง (ซ่ึงถือวาถกู ตองแลว ตามขอ (ก)) (ง) ไมม ีผเู ลนคนใดถูกขานเอาตเ นื่องจากไมไดข ึ้นตี (จ) ผเู ลนท่ีไมไดข ้นึ ตีและไมถูกขานเอาต เสยี สิทธิเ์ ปน ผตู ีในรอบข้นึ ตีนั้น และจะไดสทิ ธ์ิ อีกคร้ังในรอบข้ึนตีถัดไป 4. ไมใหนําผูวิ่งที่อยูบนเบสมาเปนผูตี แมวาจะเปนลําดับการขึ้นตีที่ถูกตองของผูเลนน้ัน เพียงแตเสียสิทธ์ิเปนผูตีในรอบขึ้นตีนั้นโดยไมมีการลงโทษ ผูตีท่ีถูกตองเปนผูมีช่ือตอ จากผเู ลน นัน้ ขอยกเวน ผวู ิ่งแรกเริม่ ทีผ่ ตู ดั สนิ ใหอ อกจากเบส เน่อื งจากยกเลกิ ผลการเลนตามผล 2 (ข) ขางตน ง. เมื่อมีการทําเอาตท่ี 3 กอนผูตีสิ้นสุดรอบขึ้นตี ใหผูเลนนั้นเปนผูตีคนแรกในอินนิงถัดไป และใหย กเลิกจาํ นวนบอลและสไตรคจ ากอินนงิ ที่ผา นมา ขอ 3 การเขาสูเ ขตผตู ี ก. ผูตตี องเขา ไปอยใู นเขตผูตีภายใน 10 วินาที หลังจากทีผ่ ูตัดสนิ เพลตขาน “เพลยบอล” ผล ขอ 3 ก ผูต ดั สนิ เพลตขานสไตรค โดยไมจําเปน ตอ งมกี ารพิตช เปนเดดบอล ข. สมาชิกทีมฝายรุกเจตนาลบเสนแสดงเขตผูตีไมไดไมวาจะในเวลา และสถานการณใด ตลอด การแขง ขันครั้งนั้น ซ่งึ รวมถึงกรณีผฝู กสอนลบเสนระหวางการประชุมกอ นเร่ิมการแขงขันดว ย ผล ขอ 3 ข – ถา ผตู ลี บเสน ใหผ ูต ัดสินเพลตขานสไตรคโ ดยไมจ าํ เปน ตองมกี ารพติ ช เปนเดดบอล – ถา ผูฝก สอนหรือสมาชกิ ทีมทีไ่ มไดเปนผูเลน ลบเสน ใหผูตัดสินเพลตขานสไตรค กับผูที่ จะเปน ผูตคี นตอไปหรอื ผูเ ลนสาํ รองท่ีเปลย่ี นเขา มาแทน หมายเหตุ ถา ผใู ดเจตนาลบเสนอกี หลังจากมกี ารกระทาํ ผดิ คร้ังแรกแลว ใหลงโทษผูนนั้ โดยไลออกจาก การแขง ขนั ค. เทาทั้งสองขางของผูตีตองอยูภายในเขตผูตีโดยสมบูรณกอนเริ่มการพิตช เทาสัมผัสเสนได แตสวนใดสวนหนง่ึ ของเทาจะอยลู าํ้ เสนกอนเร่มิ การพติ ชไมไ ด ขอ 4 ผตู ัดสนิ เพลตขานสไตรค ในกรณตี อ ไปน้ี : ก. (ประเภทฟาสตพิตช) สวนใดสวนหน่ึงของลกู บอลท่ีพิตชมาโดยถกู กตกิ า ผานสไตรคโซนกอ น สมั ผสั พ้ืน และผูตไี มเ หวี่ยงไมต ี (ประเภทสโลวพิตช) ลูกบอลที่พิตชมาโดยถูกกติกาผานสไตรคโซน กอนสัมผัสพื้น และผูตีไม เหว่ียงไมตี ขอ ยกเวน ไมเ ปน สไตรคถ า ลูกบอลทีถ่ กู พิตชมาสัมผสั โฮมเพลต และผูตไี มเ หว่ยี งไมตี ข. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ลูกบอลที่พติ ชมาโดยถกู กตกิ าและผูต เี หวีย่ งไมต แี ตไ มถูกลูกบอล (ประเภทสโลวพิตช) ลูกบอลที่พิตชมา (ไมวาถูกกติกาหรอื ผิดกติกา) และผูตีเหว่ียงไมตีแตไม ถูกลกู บอล

61 หมายเหตุ (ประเภทสโลวพิตช ขอ 4 ก และขอ 4 ข) ลูกบอลที่พิตชมากระทบพ้ืน หรือโฮมเพลต ผูตีไมสามารถเหวี่ยงไมตีไดโดยถูกกติกา หากผูตีเหว่ียงไมตีและไมถูกลูกบอลกอนที่ลูกบอล กระทบพื้นหรือโฮมเพลต ใหเ ปนสไตรค ผล ขอ 4 ก และขอ 4 ข (ประเภทฟาสตพ ติ ช) เปน บอลอินเพลย ผวู ่งิ จะเคลือ่ นไปขางหนา โดยอาจถูกทําเอาตได (ประเภทสโลวพ ิตช) เปน เดดบอล ผวู ่ิงเคล่ือนไปขางหนาไมไ ด ค. กรณฟี าวลทปิ ผล ขอ 4 ค (ประเภทฟาสตพิตช) เปนบอลอินเพลย ผูวิ่งจะเคลื่อนไปขางหนาโดยอาจถูกทําเอาตได ผตู เี อาตถา เปน สไตรคที่ 3 (ประเภทสโลวพ ิตช) เปน เดดบอล ผตู เี อาตถาเปน สไตรคท ่ี 3 ง. กรณีฟาวลบ อล และผูตีมนี อยกวา 2 สไตรค จ. (ประเภทสโลวพิตช) กรณฟี าวลบ อล รวมถึงสไตรคท่ี 3 ดว ย ฉ. ลูกบอลที่ถูกพิตชมาและผูตีเหว่ียงไมตีแตไมถูกลูกบอลแลวลูกบอลนั้นมาสัมผัสสวนใด สว นหน่ึงของผตู ี ช. ผตู ีตีถูกลูกบอล แลวลูกบอลน้ันมาโดนสวนใดสวนหนึ่งของรางกายหรือเสอ้ื ผาของผูตี ในขณะ ท่ียังอยใู นเขตผูตี และผูตีมีนอ ยกวา 2 สไตรค ซ. ลกู บอลทถี่ กู พติ ชมาโดนผตู ีขณะทล่ี กู บอลอยูใ นสไตรคโ ซน ฌ. ผตู ไี มเ ขาไปอยูในเขตผูต ภี ายใน 10 วินาที หลงั จากผตู ดั สินเพลตขาน “เพลยบอล” ญ. สมาชิกของทมี ฝา ยรกุ เจตนาลบเสนลบเสน แสดงเขตผตู ี ผล ขอ 4 ง – ญ เปน เดดบอล ผวู งิ่ ตองกลับมายงั เบสทค่ี รอบครองอยูโดยถูกทําเอาตไ มได ขอ 5 ผูตดั สนิ เพลตขานบอล ในกรณีตอ ไปนี้ : ก. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ลกู บอลท่พี ติ ชมาโดยถูกกติกาซ่ึง 1. ไมผ า นสไตรคโซน 2. กระทบพน้ื กอนถงึ โฮมเพลต และผตู ไี มเหวยี่ งไมตี 3. กระทบโฮมเพลต และผูต ีไมเ หวี่ยงไมตี ผล ขอ 5 ก เปน บอลอนิ เพลย ผูว งิ่ จะเคลือ่ นไปขางหนาโดยอาจถูกทาํ เอาตได ข. (ประเภทสโลวพติ ช) ลูกบอลที่พติ ชม าโดยถกู กติกาซงึ่ 1. ไมผา นสไตรคโซน 2. กระทบพ้ืนกอนถงึ โฮมเพลต 3. กระทบโฮมเพลตและผูต ีไมเหวีย่ งไมตี 4. ผตู เี หวยี่ งไมต หี ลังจากลกู บอลกระทบพื้นหรอื โฮมเพลตแลว ผล ขอ 5 ข เปนเดดบอล ผูวิ่งจะเคลอื่ นไปขางหนาไมไ ด ค. (ประเภทฟาสตพติ ช) ลูกบอลทีพ่ ติ ชม าโดยผดิ กติกาซ่งึ 1. ผูตีไมเหวย่ี งไมตี 2. ผตู ตี ลี กู บอลนั้น และผจู ัดการทีมเลือกไมเอาผลการเลน ท่เี กิดข้นึ

62 ผล ขอ 5 ค เปน เดดบอล ผวู ิ่งมีสทิ ธิเ์ คลือ่ นไปขา งหนา ได 1 เบสโดยถูกทาํ เอาตไมได ง. (ประเภทสโลวพ ิตช) ลูกพติ ชทพ่ี ิตชมาโดยผิดกติกา และผตู ีไมเหวีย่ งไมต ี ผล ขอ 5 ง เปน เดดบอล ผวู ิ่งเคล่อื นไปขา งหนาไมได จ. (ประเภทสโลวพ ติ ช) ลูกบอลท่พี ติ ชม าโดนรางกายผูตนี อกสไตรคโ ซน ฉ. พติ เชอรซ อมพิตชเกินจากทีผ่ ูตดั สินอนญุ าต ผล ขอ 5 จ – ฉ เปน เดดบอล ผวู ิ่งเคล่ือนไปขา งหนา ไมได ช. แคตเชอรไมไดส ง ลกู บอลคืนไปยังพิตเชอรโ ดยตรง ซ. พิตเชอรไมไดเ ริ่มการพติ ช ภายในเวลาทกี่ าํ หนดไว ดังนี้ (ประเภทฟาสตพิตช และประเภทโมดิฟายดพติ ช) ภายใน 20 วนิ าที (ประเภทสโลวพิตช) ภายใน10 วนิ าที ผล ขอ 5 ช – ซ (ประเภทฟาสตพ ิตช) เปน บอลอนิ เพลย ยกเวนตอ งเปน เดดบอลดวยเหตุผลอืน่ (ประเภทสโลวพิตช) เปนเดดบอล ผูวิ่งเคลอ่ื นไปขางหนา ไมไ ด ขอ 6 ผูตีเอาต ในกรณตี อไปนี้ : ก. เปนสไตรคท ่ี 3 1. ผตู เี หวี่ยงไมต ี แตไมถูกลูกบอล แลว ลกู บอลนั้นมาสมั ผสั สว นใดสวนหน่งึ ของรา งกายผูตี 2. ผตู ไี มไดเหว่ียงไมต ี ลูกบอลที่พิตชมาโดนรางกายผูตใี นสไตรคโ ซน ข. ผตู ีนําไมต ดี ัดแปลงเขาไปในเขตผูตีหรอื ตรวจพบวาผูตใี ชไ มตีดดั แปลง หมายเหตุ ผูตีถกู ไลอ อกจากการแขงขนั ดว ย ค. ผตู ีนําไมตที ี่ผิดกติกาเขา ไปใชในเขตผูตีหรอื ตรวจพบวาผูต ีใชไมตที ่ีผิดกติกา ผล ขอ 6 ข – ค ใหนาํ ไมต ีดัดแปลงและไมตที ผ่ี ดิ กติกาออกจากการแขงขัน ง. ผตู ีตีถกู ลกู บอล ในขณะท่เี ทา ของผตู ีสมั ผสั พ้ืนนอกเขตผตู โี ดยสมบรู ณท งั้ เทา หรอื สวนใด สวนหน่งี ของเทาสัมผสั โฮมเพลต จ. ผตู ีออกจากเขตผตู เี พ่ือเรม่ิ ว่งิ แตก ลบั เขามาอยูในเขตและใชไ มต กี ระทบลกู บอล ขอยกเวน ถาตีไมถ กู ลูกบอลท่ีพิตชมา ไมมกี ารลงโทษ (ประเภทฟาสตพ ิตช) ถาผตู เี หว่ยี งไมตี ไมถ กู ลูกบอล เปน บอลอนิ เพลย (ประเภทสโลวพิตช) ถาผตู เี หวี่ยงไมตี ไมถูกลูกบอล เปน เดดบอล ฉ. (ประเภทฟาสตพิตช) ผูตีบนั ตเ ปน ฟาวลบ อลในสไตรคท ่ี 3 ขอ ยกเวน 1. ถาผวู ่ิงรบกวนผูเลนฝายรบั ท่พี ยายามจะรับบันตท ี่เปนฟลายบอลในเขตฟาวล 2. ถาผูวิ่งรบกวนฟลายบอลในเขตฟาวล ท่ผี เู ลน ฝายรับพยายามจะรับ ผวู ิ่งเอาต ผตู ี กลบั มาตีใหมโ ดยเพมิ่ จํานวนสไตรค ถาจํานวนสไตรคเดิมนอยกวา 2 สไตรค หมายเหตุ (1) ถาผตู ัดสินเหน็ วา การรบกวนนนั้ เปน ความพยายามอยา งเห็นไดช ดั ทจี่ ะปองกนั ดับเบลิ เพลย ใหข านผูวิ่งทีอ่ ยูใกลโ ฮมเพลตท่สี ดุ ขณะท่ีมีการรบกวนเอาตด วย (2) ถาฝายรับรับลูกบันตท ่เี ปน ฟลายบอลได เปนบอลอนิ เพลย

63 ช. (ประเภทสโลวพ ิตช) ผูตัดสนิ เพลตขานสไตรคท่ี 3 รวมถึงกรณีผตู ตี ีเปน ฟาวลบอลใน สไตรคท ่ี 3 และฝายรับรับไวไมไ ด ซ. (ประเภทสโลวพ ิตช) ผูตีบนั ตหรือชอ็ ปบอล ฌ. ผูตีตีลกู แฟรบ อลเปนครงั้ ที่ 2 เหนอื เขตแฟร ขอยกเวน ขอ 6 ฌ 1. ถาผตู ีอยใู นเขตผูต ีและลกู บอลถูกไมตีเปนครั้งที่ 2 ขณะที่ไมตอี ยูใ นมือ เปนฟาวลบอล แมวาลกู บอลจะอยเู หนือเขตแฟร 2. ถาผตู ปี ลอยไมตลี งบนพน้ื แลวลูกบอลกลงิ้ มาโดนไมตีน้นั เหนือเขตแฟร และผูต ดั สนิ เห็นวา ผูตไี มเจตนารบกวนลูกบอลใหเปลี่ยนทิศทาง เปนแฟรบอลหรอื ฟาวลบอล ข้ึนอยูกับตําแหนงท่ลี กู บอลหยดุ หรือผูเลน สมั ผสั ลูกบอลคร้ังแรก ญ. เมอื่ ผตู กี าวผานหนา แคตเชอรไปยงั เขตผูตีอีกดานหนงึ่ (ประเภทฟาสตพิตช) ขณะทพี่ ิตเชอรกาํ ลงั รับสัญญาณ หรือเสมือนกําลังรบั สญั ญาณที่ พิตเชอรเพลต (ประเภทสโลวพ ติ ช) ขณะที่พิตเชอรอยูในตาํ แหนงการพติ ชห รือในระหวางน้นั จนถงึ กอน ปลอ ยลกู บอล ผล ขอ 6 ก – ญ เปน เดดบอล ผูว ่ิงทกุ คนตองกลบั ไปยังเบสที่ครอบครองอยูเมือ่ เรมิ่ การพิตช ฎ. เมื่อผูต ีกระทําสงิ่ ใดส่งิ หน่ึง ตอไปนี้ 1. กดี ขวางแคตเชอรท ี่จะรบั หรือขวา งลกู บอลโดยการกาวออกนอกเขตผูตี 2. เจตนากดี ขวางแคตเชอรในขณะที่อยใู นเขตผตู ี 3. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) รบกวนการเลน ที่โฮมเพลต 4. เจตนารบกวนลูกบอลที่ถูกขวางมาขณะทีอ่ ยูในหรือนอกเขตผตู ี ผล ขอ 6 ฎ. เปน เดดบอล ผวู งิ่ ทุกคนตองกลับไปยงั เบสสุดทายทีผ่ ูตัดสินเหน็ วา ครอบครอง อยขู ณะท่ีมกี ารรบกวน ฏ. (ประเภทฟาสตพติ ช) เมอ่ื ผตู ัดสนิ เพลตขานสไตรคท ี่ 3 (ไมวา ผตู ีจะเหว่ยี งไมต ีหรือไมกต็ าม) และแคตเชอรรับลูกบอลได ฐ. (ประเภทฟาสตพิตช) เม่ือผตู ัดสินเพลตขานสไตรคท ี่ 3 ฝายรุกมีนอ ยกวา 2 เอาต และมีผูวงิ่ อยูบนเบสหนงึ่ ผล ขอ 6 ฏ - ฐ เปนบอลอนิ เพลย ผวู ่ิงจะเคลือ่ นไปขางหนา โดยอาจถูกทาํ เอาตได

หมวด 8 ผูว ่งิ แรกเร่มิ และผูว งิ่ (BATTER-RUNNER AND RUNNER) ขอ 1 ผูตเี ปนผูวิ่งแรกเรมิ่ ก. เมอ่ื ตลี ูกบอลโดยถูกกติกา และเปนแฟรบอล ข. (ประเภทฟาสตพติ ช) เมอ่ื แคตเชอรร ับลกู บอลทผ่ี ูตดั สินเพลตขานเปน สไตรคที่ 3 ไมไ ด กอ นลูกบอลถูกพ้นื และสอดคลองกบั ขอ ใดขอหนง่ึ ตอไปน้ี 1. เมื่อฝายรกุ มนี อยกวา 2 เอาต และไมมผี วู ง่ิ บนเบสหนึ่ง 2. เมือ่ ฝายรกุ มี 2 เอาต กติกาขอน้ีเรยี กวา กติกากรณีสไตรคท ี่ 3 (the third strike rule) ผล ขอ 1 ก – ข เปน บอลอินเพลย ผูตเี ปนผวู ่ิงแรกเร่มิ โดยอาจถูกทาํ เอาตได ค. เม่อื ผตู ัดสนิ เพลตขานบอล และเปนบอลที่ 4 ผล ขอ 1 ค ผูตีไดสิทธคิ์ รอบครองเบสหนงึ่ โดยถูกทาํ เอาตไมได ถา เคลื่อนไปเพียงแค เบสหนง่ึ ถา ผตู ดั สินเพลตพลาด โดยอนญุ าตใหผูเลน ฝายรุก 2 คนไปครอบครองเบสหนึ่ง ในเวลาเดยี วกนั และผูเ ลน คนแรกไมไ ดแตะเบสหนงึ่ จะขออุทธรณผ ูเลนคนแรกไมได 1. (ประเภทฟาสตพ ิตช) เปน บอลอนิ เพลย เวน แตเ ปนบลอ กบอล 2. (ประเภทสโลวพ ิตช) เปนเดดบอล ผวู ง่ิ จะเคล่ือนไปขา งหนา ไมได เวน แตเปนเบสบังคบั และผตู ไี ดไปครอบครองเบสหนงึ่ 3. ถาทีมฝายรบั ตองการใหผ ตู ีไดเบสออนบอลโดยเจตนา ทาํ ไดโดยพิตเชอร แคตเชอร หรอื ผฝู ก สอนแจงผตู ดั สนิ เพลต ซง่ึ จะใหผูตไี ปครอบครองเบสหน่ึง ถาตอ งการใหผ ตู ี 2 คน ไดเ บสออนบอลโดยเจตนา จะใหผ ตู ีคนท่ี 2 ไปครอบครองเบสหน่ึงไมไ ด จนกวา ผตู ี คนแรกไปถงึ เบสหนึง่ แลว การแจง ผูตดั สินเพลตใหถือเปน การพิตชด ว ย หมายเหตุ สามารถแจงเม่ือใดก็ได ตงั้ แตกอนเรมิ่ รอบขึ้นตจี นถงึ กอนส้ินสุดรอบข้นึ ตี ไมว า ผตู ีจะมีจํานวน บอลและสไตรคเทา ใด เปนเดดบอล ผวู ่ิงเคลือ่ นไปขางหนาไมได เวนแตเปนเบสบงั คบั 4. (ประเภทสโลวพิตชท ีมผสม) เปนเดดบอล ถาพติ เชอรท ําใหผ ตู ชี ายไดวอลค ไมว า จะโดยเจตนาหรือไม จะไดเคล่ือนไปขางหนา 2 เบส ไดครอบครองเบสสอง ผตู ีคนถดั ไปที่เปนหญงิ จะเปน ผูตี ขอ ยกเวน กรณีมอี ยูแลว 2 เอาต ผูต ีหญิงมีสทิ ธเ์ิ ลือกทจ่ี ะวอลค หรอื ขึ้นตี เม่ือผูตเี ขา ไปอยใู นเขตผูตี หรือไปถึงเบสหนง่ึ ถือวา ไดเ ลือกเรียบรอยแลว ไมส ามารถเปล่ียนแปลงได หมายเหตุ ถาผวู ิ่งแรกเร่ิมท่ีเปน หญิงเคล่อื นผา นผวู ิ่งแรกเริ่มทีเ่ ปน ชายเม่ือเลอื กที่จะวอลคไมมีการขานเอาต ง. เม่อื แคตเชอร หรอื ผเู ลน ฝา ยรบั คนอ่ืน ขดั ขวาง กีดขวางหรอื ปองกนั ไมใ หผ ตู ีตลี กู บอลท่ี ถูกพิตชม า ผล ขอ 1 ง 1. ใหผ ตู ดั สินเพลตแสดงสัญญาณดเี ลยเดดบอล ยังคงเปน บอลอนิ เพลยจ นกระทงั่ การเลน ครัง้ นั้นสิ้นสุดลง 2. ผจู ดั การทีมฝา ยรกุ มีสิทธ์เิ ลือก (ก) ใหล งโทษการขัดขวางของแคตเชอร (ข) ใหค งผลการเลนทเี่ กิดข้นึ

65 3. ถา ผูต ีตีลูกบอลเขาไปในสนาม และไปครอบครองเบสหนึ่งได รวมท้ังผูว่ิงทุกคนเคล่ือนไป ครอบครองเบสขางหนาไดอยางนอย 1 เบส ใหคงผลการเลนที่เกิดขึ้น ผูจัดการทีมฝาย รกุ ไมม ีสิทธ์ิเลือกอีก หมายเหตุ เมื่อผูวง่ิ เคลอ่ื นผานเบส (แมว าจะไมไดแตะเบส) ใหถือเสมือนวาไดไปถงึ เบสนน้ั แลว 4. ถาผูจัดการทีมฝายรุกไมเลือกใหคงผลการเลนท่ีเกิดข้ึน ใหนํากติกาการขัดขวางของ แคตเชอรมาบังคบั ใช โดยใหผูตีครอบครองเบสหนง่ึ ผูว่ิงอ่นื เคลอ่ื นไปขางหนาไดเม่ือเปน เบสบงั คบั จ. เมอ่ื แฟรบ อลโดนผูตัดสนิ อุปกรณท่ีอยกู ับผูตดั สิน หรือเสอื้ ผาของผตู ดั สิน หรอื โดนผวู งิ่ ผล ขอ 1 จ 1. ถาการโดนลูกบอลท่ีเกิดขึ้นหลังจากลูกบอลสัมผัสกับผูเลนฝายรับ (รวมทั้งพิตเชอร) เปนบอลอนิ เพลย 2. ถาการโดนลูกบอลนั้นเกิดขึ้นหลังจากลูกบอลผานผูเลนฝายรับ (ไมรวมพิตเชอร) และ ผูเลนฝา ยรบั คนอื่นไมม โี อกาสท่ีจะทาํ เอาตไ ด เปน บอลอนิ เพลย 3. ถาการโดนลูกบอลนั้นเกิดข้ึนกอนผานผูเลนฝายรับ (ไมรวมพิตเชอร) และไมมีผูเลน ฝายรับคนใดสัมผสั กับลูกบอล เปนเดดบอล ฉ. (ประเภทฟาสตพิตช) เมื่อลูกบอลถูกพิตชมา ผูตีไมเหว่ียงไมตี และผูตัดสินเพลตไมขาน “สไตรค” ลูกบอลนั้นโดนรางกายหรือเส้ือผาของผูตีขณะที่อยูในเขตผูตี ไมวาลูกบอลจะ กระทบพื้นกอนโดนรางกายหรอื เส้ือผาของผูตหี รอื ไม หมายเหตุ มือของผตู ไี มถือวา เปน สว นหน่งึ ของไมตี ผล ขอ 1 ฉ เปนเดดบอล ผตู ีไดค รอบครองเบสหน่ึงโดยถกู ทาํ เอาตไมได ขอ ยกเวน ถาผูตีไมพยายามหลบลูกบอลน้ัน ใหผูตัดสินขานเปนบอลและไมใหผูตีไดครอบครอง เบสหน่ึง ช. เมื่อผูตตี ลี กู บอลเปน ฟลายบอลในเขตแฟร และ 1. ลกู บอลน้ันลอยขามร้ัวกัน้ ดานนอก (outfield fence) 2. ลูกบอลนัน้ ถกู โกลฟหรือรางกายของผเู ลนฝายรับ แลว ลอยขามรั้วก้นั ดานนอก (outfield fence) ในเขตแฟร หรือโดนสว นบนของรวั้ ก้ันดา นนอก (outfield fence) แลวลอยขาม ไปในเขตแฟร 3. ลกู บอลนน้ั กระทบเสาแสดงเสนเขตฟาวลเ หนอื ระดับรว้ั กน้ั ดา นนอก (outfield fence) ผล ขอ 1 ช ใหผูวงิ่ แรกเริ่มไดโ ฮมรนั และตองสมั ผสั เบสทกุ เบสอยา งถกู ตอง ขอ ยกเวน 1. ถาลูกบอลลอยขามรั้วกั้นดานนอก (outfield fence) แตระยะของร้ัวกั้นดานนอก (outfield fence) นอยกวาท่รี ะบุไวในกตกิ าหมวด 2 ขอ 1 2. ถาลูกบอลน้ันถูกโกลฟหรือรางกายของผูเลนฝายรับ แลวลอยขามรั้วก้ันดานนอก (outfield fence) ในเขตฟาวล

66 3. ถาลูกบอลน้ันโดนร้ัวกั้นดานนอก (outfield fence) กอ นมาถูกผูเลนฝายรับแลวลอย ขามร้ัวก้ันดานนอก (outfield fence) ใหผูวิ่งแรกเร่ิมไดครอบครองเบสขางหนา 2 เบส เม่ือเริ่มการพติ ช หมายเหตุ ตําแหนงท่ีระยะร้ัวก้ันดานนอก (outfield fence) อยูหางจากโฮมเพลตนอยกวา ท่ีระบุไวใน กตกิ า ใหแ สดงสัญลักษณเพ่อื เปน จุดสังเกตสาํ หรับการตัดสิน ซ. เม่ือผูที่ไมไดเปนสมาชิกของทีมเขามาในสนามแขงขัน และทําการรบกวน ในลักษณะใด ลกั ษณะหนง่ึ ตอไปน้ี 1. รบกวนลกู บอลทถ่ี กู ตีลงพ้ืน และเปน แฟรบ อล 2. รบกวนผเู ลน ฝายรับที่กาํ ลังจะรับลกู บอลทถ่ี กู ขวา งมา 3. รบกวนผูเ ลน ฝายรับท่กี ําลังจะขวา งลกู บอล 4. รบกวนลกู บอลทผี่ ูเ ลนฝา ยรบั ขวาง ผล ขอ 1 ซ เปน เดดบอล ใหผูวิง่ แรกเริม่ ไดครอบครองเบสทผี่ ูตดั สนิ เห็นวาควรจะได ถาไมเกิดการรบกวนน้ัน ขอ 2 ผูว่ิงแรกเรม่ิ เอาต ก. (ประเภทฟาสตพิตช) เมื่อแคตเชอรรับลูกบอลที่ผูตัดสินเพลตขานเปนสไตรคที่ 3 ไวไมได ลูกบอลตกถึงพ้ืน และผูวิ่งแรกเริ่มถูกแตะดวยลูกบอลโดยถูกกติกา หรือผูเลนฝายรับขวาง ลูกบอลไปใหเพื่อนรวมทีมรับลกู บอลและแตะเบสหนึง่ ไดกอน ข. เม่ือผูเลนฝายรับรับฟลายบอลไดโดยถูกกติกากอนลูกบอลกระทบพื้น วัตถุ หรือบุคคลอื่น นอกเหนือจากผูเลน ฝา ยรบั ค. หลังจากตีลูกบอลเปนแฟรบ อล ผูเลนฝา ยรับนําลูกบอลมาแตะโดยถูกกติกา หรือผูเลนฝายรับ ขวา งลูกบอลไปใหเพ่อื นรว มทมี รับลกู บอลและแตะเบสหน่ึงไดกอน ง. เม่อื ผูว ่ิงแรกเรมิ่ ไมเ คลือ่ นไปเบสหน่งึ แตกลับเขาไปในเขตทพ่ี ักของทีม 1. หลังจากเปนแฟรบอล 2. หลังจากเปน เบสออนบอล 3. ทุกกรณีท่ีมีสทิ ธเ์ิ คล่อื นไปเบสหนง่ึ ไดโ ดยถูกกติกา จ. เมื่อผตู ัดสินขานอินฟลดฟ ลาย ผล ขอ 2 ก – จ เปน บอลอนิ เพลย ผวู ่งิ เคลอ่ื นไปขางหนาโดยอาจถกู ทําเอาตไ ด ขอยกเวน เปนเดดบอล ในกรณีตอ ไปนี้ - เมอื่ ทมี ฝายรับแจงผูตัดสินเพลตใหผูตีไดเ บสออนบอลโดยเจตนา - (ประเภทฟาสตพิตช) ลูกบอลถกู ผูตี - (ประเภทสโลวพ ติ ช) เปน เบสออนบอล ผูวง่ิ แรกเริม่ ไมเ อาต ผวู ิ่งอ่ืนเคลอื่ นไปขา งหนา ไมได เวนแตเ ปน เบสบังคบั ฉ. หลังจากตีลูกบอลเปนแฟรบอล ผูว่ิงแรกเริ่มว่ิงจากเขตผูตีไปแตะดับเบิลเบสเฉพาะสวนท่ีอยู ในเขตแฟร และผูเลน ฝา ยรบั นําลูกบอลมาแตะเบส

67 ผล ขอ 2 ฉ เปนการเลนตองอุทธรณ ทีมฝายรับเสียสิทธ์ิท่ีจะทําใหผูว่ิงแรกเริ่มเอาต ถาไมขออุทธรณกอนผูวิ่งแรกเร่มิ กลับมาท่ีเบสหน่ึงสวนที่อยูในเขตแฟร หลังจากแตะเบสผาน ไปแลว ช. เมือ่ ผูว ิง่ แรกเริม่ กระทาํ สิ่งใดส่งิ หนึ่งตอ ไปน้ี 1. ว่ิงออกนอกเขต 1 เมตร (3 ฟตุ ) ของทางวิ่ง และผูตัดสินเหน็ วา (ก) เปนการรบกวนผเู ลน ฝายรับทกี่ าํ ลังจะรับลกู บอลท่ถี ูกขวา งมาทีเ่ บสหนงึ่ (ข) เปนการรบกวนลูกบอลที่ถูกขวางมา ทําใหผูเลนฝายรับเสียโอกาสทําเอาต ท่ีเบสหนงึ่ หมายเหตุ ลกู บอลทถ่ี ูกขวา งมาโดนผวู ่ิงแรกเริม่ จะเปนการรบกวนหรือไม ใหพ ิจารณาเปน กรณีๆ 2. รบกวนผเู ลนฝา ยรบั ท่พี ยายามรบั ลกู บอลทีถ่ กู ตีมา หมายเหตุ ผูว่ิงแรกเริ่มวิ่งออกนอกระยะ 1 เมตร (3 ฟุต) ของทางวิ่งได เพ่ือหลบผูเลน ฝายรับท่ี พยายามรับลกู บอลท่ีถกู ตีมา 3. รบกวนผูเลน ฝายรบั ท่ีพยายามขวา งลูกบอล 4. เจตนารบกวนลกู บอลท่ีถกู ขวางมา 5. รบกวนลูกบอลทถี่ กู ตีอยใู นเขตแฟร (นอกเขตผูต ี) ระหวางเคลือ่ นไปเบสหน่ึง 6. (ประเภทฟาสตพิตช) รบกวนลูกบอลที่ผูตัดสินเพลตขานเปนสไตรคท่ี 3 และแคตเชอร ทาํ ลกู บอลตกถงึ พืน้ 7. หลังจากตีลูกบอลแลว ปลอยไมตีในลักษณะที่ทําใหเกิดการรบกวนผูเลนฝายรับ จนเสียโอกาสทจ่ี ะทาํ ใหผ เู ลน ฝา ยรุกเอาต หมายเหตุ ขอ 2 ช (1 - 7) ถาผูตัดสินพิจารณาวา การรบกวนน้ันเห็นไดช ดั วา พยายามที่จะปองกันการ ทาํ ดับเบลิ เพลย ใหข านผวู ่ิงทอี่ ยใู กลโ ฮมเพลตทีส่ ดุ ขณะทมี่ กี ารรบกวน เอาตดว ย ซ. เมื่อผูว่ิงแรกเริ่มรบกวนการเลนท่ีโฮมเพลต ถาไมเกิดการรบกวนนี้ ผูเลนฝายรับสามารถ ทําผวู ิ่งเอาตท โ่ี ฮมเพลตไดอ ยา งแนน อน หมายเหตุ ผวู ิง่ ถกู ขานเอาตด วย ฌ. เมื่อผูวิ่งแรกเริม่ ถอยกลบั มาทางโฮมเพลตเพ่ือหลีกเลี่ยงหรอื ชะลอการถกู แตะโดยผูเลน ฝา ยรับ ญ. กรณีการใชดับเบิลเบส และมีการเลนเพื่อพยายามทําฟอรซเอาตที่เบสหนึ่ง ผูว่ิงแรกเร่ิม เคลื่อนไปแตะเบสหนึ่งสวนที่อยูในเขตแฟร และชนกับผูเลนฝายรับซึ่งกําลังจะรับลูกบอลที่ ขวางมาและใชเ บสหนงึ่ สวนที่อยูในเขตแฟรด วยเชน กนั ฎ. เมื่อสมาชิกของทีมฝายรุก ซ่ึงไมใช ผูตี ผูวิ่งแรกเร่ิม ผูวิ่ง หรือผูเลนรอข้ึนตี รบกวนผูเลน ฝายรับ (ที่พยายามจะรับฟลายบอลที่อยูในเขตฟาวล) หรือฟลายบอลที่อยูในเขตฟาวล (ทีผ่ ูเลน ฝา ยรับพยายามจะรบั ) ขอ ยกเวน ถาเปนการรบกวนในขณะที่มีผูวิ่งบนเบส ใหขานผูวิ่งที่อยูใกลโฮมเพลตท่ีสุดขณะที่มีการ รบกวน เอาต หมายเหตุ ในกรณีนี้ ใหผูวิ่งแรกเร่ิมกลับมาตีใหม โดยนับสไตรคเพ่ิมหน่ึงสไตรค ถาจํานวนสไตรคกอน การตนี ั้นนอ ยกวา 2 สไตรค

68 (ก) (ประเภทฟาสตพิตช) ถาเอาตที่เกิดจากการรบกวนเปนเอาตที่ 3 ผูวิ่งแรกเริ่ม เปน ผตู คี นแรกในอนิ นิงถดั ไป จํานวนบอลและสไตรคทีม่ ีอยูเ ดิมใหย กเลกิ (ข) (ประเภทสโลวพิตช) ถาเปนสไตรคที่ 3 ผูวิ่งแรกเร่ิมถูกขานเอาตดวย เวนแต การขานผูวิ่งที่ทําการรบกวนเปนเอาตท่ี 3 แลวใหถือวาผูว่ิงแรกเริ่มส้ินสุด รอบข้นึ ตีแลว ผล ขอ 2 ช – ฎ เปนเดดบอล ผูวิ่งทุกคนตองกลับไปยังเบสสุดทายท่ีครอบครองอยูโดยถูก กตกิ าเมือ่ เร่มิ การพติ ช ขอ ยกเวน ถามีการเลน ท่ีพยายามทําใหผ ูวงิ่ เอาตกอนจะมีการรบกวน และ 1. ฝายรบั ทาํ ใหผ ูวิง่ เอาตไ ด ใหคงผลการเลนที่เกดิ ขนึ้ 2. ฝา ยรับทําใหผูว่ิงนั้นเอาตไมได ใหคงผลการเลนที่เกิดขึ้น ถาผูว่ิงแรกเร่ิมทําการรบกวน และถูกขานเอาต แตไมเปนเอาตท่ี 3 ผูว่ิงอื่นตองกลับไปยังเบสสุดทายท่ีครอบครองอยู เมอ่ื เริ่มการพิตช ฏ. เม่ือฝายรุกมีนอยกวา 2 เอาตและมีผูวิ่งอยูบนเบสหน่ึง ผูเลนฝายรับในอินฟลดเจตนาปลอย ลกู บอลซ่งึ สามารถรับไวไดดวยการเลนปกติตกถึงพื้นหลังจากควบคมุ ลูกบอลไวไดแลว ดวยมือ หรือโกลฟ ไมวาลูกบอลน้นั จะเปน ฟลายบอลในเขตแฟร, ลกู พงุ หรือบนั ต หมายเหตุ แทร็ปบอลหรือฟลายบอลท่ีรับในขณะที่กระดอนขึ้นจากพ้ืน ไมถือวาเปนการทําลูกบอลตก ถงึ พ้นื โดยเจตนา ผล ขอ 2 ฏ เปน เดดบอล ผวู ง่ิ ตอ งกลับไปยงั เบสสดุ ทายที่ครอบครองอยเู ม่ือเรม่ิ การพิตช หมายเหตุ ถากติกาอนิ ฟล ดฟ ลายมีผลบังคับใช ใหย ดึ กติกาอินฟลดฟลายเปน หลัก ฐ. เม่อื ผตู ัดสนิ เห็นวา ผวู ่ิงคนหนา ทีย่ งั ไมถูกขานเอาต เจตนารบกวนผูเลน ฝา ยรับ 1. ขณะทผ่ี เู ลนนนั้ พยายามรบั ลูกบอลท่ถี ูกขวา งมา 2. ขณะที่ผเู ลนนัน้ พยายามขวางลูกบอลไปทาํ ใหผ ูเลน ฝา ยรกุ เอาต ผล ขอ 2 ฐ เปนเดดบอล ผูวิ่งถูกขานเอาตดวย ผูวิ่งอ่ืนตองกลับไปยังเบสสุดทายที่ ครอบครองอยูโดยถกู กตกิ าขณะท่ีมกี ารรบกวน ฑ. เมื่อผูท ไี่ มไดเปน สมาชิกของทีมเขามาในสนามแขงขัน และ 1. รบกวนผูเลน ฝายรับทีก่ าํ ลังจะรับฟลายบอล 2. รบกวนฟลายบอลที่ผตู ัดสินเหน็ วา ผเู ลนฝายรบั สามารถรบั ไวไ ด ผล ขอ 2 ฑ. เปนเดดบอล ผูวิ่งไดครอบครองเบสท่ีผูตัดสินเห็นวาควรจะได ถาไมเกิดการ รบกวน ขอ 3 ผูวงิ่ แรกเริม่ ไมเอาต ถา ผเู ลนฝายรับพยายามทาํ ใหผ ูว ง่ิ แรกเร่ิมเอาต โดยใชโกลฟทผี่ ิดกติกา ผล ขอ 3 ผูจัดการทมี ฝายรกุ มสี ทิ ธ์เิ ลือก (ก) ใหคงผลการเลน ที่เกิดขนึ้ (ข) ใหผูตีกลับมาตีใหม โดยมีจํานวนบอลและสไตรคเทากับที่มีอยูกอนการเลนน้ัน ผูว่ิงอ่ืน กลับไปยังเบสที่ครอบครองอยูเมือ่ เรม่ิ การพิตช

69 ขอ 4 การแตะเบสตามลําดับโดยถกู กติกา ผูวิ่งตองแตะเบสตามลาํ ดับโดยถกู กติกา นน่ั คอื เบสหนงึ่ เบสสอง เบสสาม และโฮมเพลต ขอยกเวน ถาผวู ่ิงถกู ขัดขวางท่ีเบสใดเบสหนึง่ ทําใหไ มสามารถแตะเบสน้นั ได ก. เม่อื ผวู ง่ิ ยอนกลับ 1. ไปยงั เบสที่เคลอ่ื นออกไปกอนทีผ่ ูเลน ฝา ยรับสมั ผสั ฟลายบอลครั้งแรก 2. ไปยังเบสท่แี ตะพลาด ขณะทเี่ ปนบอลอนิ เพลย ผูวงิ่ ตอ งแตะเบสยอนกลับตามลาํ ดบั ผล ขอ 4 ก เปน บอลอนิ เพลย ผูวง่ิ ตองยอนกลับโดยอาจถกู ทาํ เอาตไ ด ข. เม่ือผูว่ิง หรือผูว่ิงแรกเริ่มไดสิทธิ์ครอบครองเบสใดเบสหน่ึง โดยแตะเบสน้ันและยังไมถูกทํา เอาต มีสิทธ์ิครอบครองเบสน้ันจนกวาจะไดครอบครองเบสขางหนาโดยถูกกติกา หรือ ถกู บังคบั ใหเสียสทิ ธ์กิ ารครอบครองเบสเดมิ ใหกับผวู ง่ิ ท่ีตามมา ค. เม่ือผวู ิ่งทําใหเบสเคลื่อนจากตาํ แหนงปกติ ผวู ่ิงน้ันและผูว่ิงอื่นที่ตามมา ไมจําเปนตองตามไป แตะเบสท่เี คลือ่ นออกจากตําแหนง ปกติ ผล ขอ 4 ข–ค เปนบอลอินเพลย ผูวิ่งจะเคลื่อนไปขางหนา หรือยอนกลับโดยอาจถูกทํา เอาตได ง. ผวู ง่ิ ครอบครองเบสเดียวกันพรอมกัน 2 คนไมได ผล ขอ 4 ง ผูวิ่งคนแรกมีสิทธ์ิครอบครองเบสโดยถูกกติกา เวนแตถูกบังคับใหเคล่ือนไป ขางหนา ผูวิ่งอกี คนหนึ่งถูกทาํ เอาตไ ดโดยผเู ลนฝา ยรบั นําลกู บอลมาแตะ จ. ผูว่ิงคนหนาถูกขานเอาตเน่ืองจากไมไดแตะเบส หรือไมไดเคลื่อนออกจากเบสโดยถูกกติกา กอ นที่ผเู ลนฝายรบั สมั ผสั ฟลายบอลครั้งแรก ไมมผี ลตอผูวง่ิ ที่ตามมาซงึ่ แตะเบสตามลาํ ดบั โดย ถกู กตกิ า ขอยกเวน ถา เปน เอาตที่ 3 ผูว ิง่ ทตี่ ามมาไมไดคะแนน ฉ. ผูวิ่งจะกลับไปแตะเบสท่ีแตะพลาด หรอื เบสที่ผูว่งิ เคล่ือนออกมาโดยผิดกติกาไมได ถาผวู ิ่งนั้น ออกนอกสนามแขงขนั หรือผูว่งิ ทีต่ ามมาไดคะแนนแลว ช. ผูว่ิงที่เคลื่อนออกจากเบสกอนผูเลนฝายรับสัมผัสฟลายบอลคร้ังแรก (กรณีรับฟลายบอลได) ตองกลบั ไปแตะเบสน้ันกอ น จึงเคลื่อนไปครอบครองเบสขา งหนาได ซ. ผูว ่ิงตองแตะเบสท่ไี ดสิทธิ์ครอบครองตามลําดับโดยถูกกติกา ขอ ยกเวน ถาผวู ิ่งถูกขัดขวางทเี่ บสใดเบสหนึง่ ทําใหไมสามารถแตะเบสนน้ั ได ผล ขอ 4 จ–ซ ผูวิ่งถูกขานเอาต ถาทีมฝายรับขออุทธรณโดยถูกกติกากอนการพิตชคร้ัง ตอ ไป (ไมวาถกู หรอื ผดิ กติกา) ขอ 5 ผวู ่งิ มีสิทธ์เิ คล่ือนไปขา งหนา โดยอาจถูกทําเอาตได ก. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) เม่ือลกู บอลหลุดออกจากมือของพิตเชอร ข. (ประเภทสโลวพ ิตช) เม่ือผตู ีตีลกู บอลทถี่ กู พิตชม า ค. เมือ่ ลกู บอลท่ถี ูกขวาง หรือแฟรบอลไมเปนบลอกบอล ง. เมอื่ ลกู บอลท่ีถูกขวางมาโดนผูตดั สิน จ. เม่ือผูเ ลนฝา ยรบั สัมผสั ฟลายบอลคร้งั แรก (กรณรี ับฟลายบอลได)

70 ฉ. เม่ือแฟรบอล 1. โดนผูต ดั สนิ หรอื ผวู งิ่ หลังจากผา นผูเ ลน ฝา ยรับ (ไมรวมพิตเชอร) และไมมีผเู ลน ฝา ยรับ คนใดมีโอกาสทําเอาตได 2. โดนผูเลน ฝา ยรับ (รวมท้งั พิตเชอร) ช. เมอ่ื ลูกบอลเขาไปติดอยูกบั อุปกรณห รือเครือ่ งแตง กายของผูเ ลนฝา ยรบั ผล ขอ 5 ก–ช เปน บอลอนิ เพลย ขอ 6 ผวู ง่ิ อาจถกู ทาํ เอาตไ ด ก. ถาผูว ิ่งไมไดแตะเบสท่มี ีสิทธค์ิ รอบครอง กอนพยายามเคล่ือนไปครอบครองเบสขา งหนา ขอยกเวน ถา ผวู ่ิงถกู ขดั ขวางทเ่ี บสใดเบสหน่ึงทาํ ใหไ มส ามารถแตะเบสนนั้ ได ข. หลังจากผูวง่ิ แตะและผา นเลยเบสหนงึ่ ไปแลว พยายามเคล่ือนตอ ไปยังเบสสอง ค. หลงั จากผวู ิ่งทําใหเ กิดเบสเคล่ือนแลว พยายามเคลอื่ นตอไปยงั เบสขา งหนา ง. (ประเภทฟาสตพิตช) กรณีเปนการพิตชท ผี่ ดิ กติกา และไมม กี ารตีลูกบอล ผวู ิง่ พยายาม เคลื่อนไปเกนิ กวา เบสท่ไี ดสิทธ์คิ รอบครองโดยถูกกติกา จ. เม่อื ผวู ง่ิ เคล่ือนไปเกินกวาเบสทีไ่ ดสทิ ธิค์ รอบครอง ในกรณีตอไปนี้ 1. ผเู ลนฝา ยรบั เจตนาสัมผัสลูกบอลทถี่ ูกขวา งมาดวยอปุ กรณท ่ีหลดุ ออกจากตัว 2. ผูเลน ฝายรบั เจตนาสมั ผัสแฟรบอลดว ยอปุ กรณทห่ี ลุดออกจากตวั ฉ. เมอื่ ผวู ่ิงเคลื่อนไปเกนิ กวา เบสที่ไดสิทธคิ์ รอบครอง หรอื ไดร ับการคุมครอง เนอ่ื งจากมีการ ขัดขวาง ช. (ประเภทฟาสตพ ิตช) เมือ่ ผวู ิ่งเคลอ่ื นไปเกินกวา 1 เบส กรณเี ปนการพติ ชทผ่ี ดิ กติกาและเปน ไวลดพ ติ ชหรอื พาสดบอลดว ย ซ. (ประเภทฟาสตพ ิตช) เม่ือผูวิ่งเคลอื่ นไปเกนิ กวา เบสท่ถี ูกบังคับใหเ คล่ือนไปเนื่องจากผูตไี ด เบสออนบอล ขอ 7 ผูว ิง่ มีสิทธ์เิ คลือ่ นไปขางหนา โดยถูกทําเอาตไมไ ด ก. เมอื่ ผูว ่ิงถูกบงั คับใหเ คลื่อนไปขางหนา 1 เบส เนอื่ งจากผตู ีไดเบสออนบอล ผล ขอ 7 ก – (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ยังคงเปนบอลอินเพลย เวนแตก ลายเปน บลอกบอล ผูวิ่งเคล่อื น ไปขา งหนาตอ ไปไดอีก โดยอาจถกู ทําเอาตได – (ประเภทสโลวพ ติ ช) เปนเดดบอล ข. เมื่อผเู ลน ฝายรบั ขดั ขวาง หรอื กดี ขวางผูว ิ่ง, ผูว่ิงแรกเริ่ม ไมใหเ คลอ่ื นไปครอบครองเบส ขา งหนา ซึ่งเคลื่อนไปโดยถูกกตกิ า 1. ถา ผเู ลนฝายรับไมไดครอบครองลกู บอล 2. ถาผูเลน ฝา ยรับไมอยใู นลกั ษณะที่จะรับลูกบอลที่ถูกตมี า 3. ถาผูเลนฝา ยรบั ทาํ การหลอกแตะ โดยไมมลี ูกบอลในครอบครอง 4. ถา ผูเ ลนฝายรบั มลี ูกบอลในครอบครอง ผลักผวู ่ิงใหหลุดออกจากเบสเพื่อทาํ เอาต

71 5. ถาผูเลนฝายรับมีลูกบอลในครอบครอง ไมอยูในลักษณะท่ีพยายามทําผูว่ิงเอาต เจตนา หนวงเหน่ียวการเคลื่อนไปขางหนาของผูวิ่งนั้นหรือผูวิ่งแรกเริ่มซ่ึงเคลื่อนไปครอบครอง เบสโดยถกู กตกิ า ผล ขอ 7 ข. เมอื่ เกดิ การขดั ขวาง (รวมทงั้ การพยายามแตะผวู ิ่งระหวางเบส) 1. ใหผูตัดสินแสดงสัญญาณดีเลยเดดบอล ยังคงเปนบอลอินเพลยอยูจนกระท่ัง การเลน ส้ินสดุ ลง 2. ผวู ิ่งที่ถูกขัดขวางและผูวงิ่ อ่ืนที่ไดรบั ผลกระทบจากการขัดขวาง ไดสิทธิ์ครอบครอง เบสที่ผูตัดสินเห็นวาควรจะไดหากไมมีการขัดขวางผูตัดสินจะไลผูเลนฝายรับที่ทํา การหลอกแตะ ออกจากการแขง ขันกไ็ ด 3. ถาผูว่ิงท่ีถูกขัดขวางถูกทําเอาตกอนไปถึงเบสที่ควรจะไดครอบครองหากไมมีการ ขัดขวาง ใหผูตัดสินขานเดดบอล ผูว่ิงที่ถูกขัดขวางและผูวิ่งอื่นซึ่งไดรับผลกระทบ จากการขดั ขวาง ไดส ทิ ธค์ิ รอบครองเบสทผ่ี ูตดั สินเหน็ วาควรไดหากไมม กี ารขัดขวาง 4. ผูว ่งิ ท่ถี ูกขัดขวางจะไมถ ูกขานเอาต ในระหวางเบสท่ถี กู ขดั ขวาง ขอ ยกเวน 1) ถาผูว่ิงที่ถูกขัดขวางทําการรบกวนหลังจากเกิดการขัดขวางแลว หรือฝายรับ ขออุทธรณ โดยถกู กตกิ า ในกรณีตอไปนี้ : (ก) เมื่อผูวิ่งน้ันไมไดแตะเบส เวนแตถูกขัดขวางท่ีเบสนั้น ทําใหไมสามารถ แตะเบสได (ข) เม่ือผวู งิ่ นั้นออกจากเบสกอนที่ผูเลนฝายรบั สัมผัสฟลายบอลครง้ั แรก (ค) ถาผูวิ่งท่ีถูกขัดขวางถูกทําเอาตหลังจากเคล่ือนผานเบสที่ควรไดหากไม เกดิ การขดั ขวาง ผวู งิ่ น้นั จะถูกขานเอาต ยงั คงเปนบอลอินเพลย 2) ถาผูวิ่งที่ถูกขัดขวางไดครอบครองเบสท่ีผูตัดสินเห็นวาควรไดแลว และ มีการเลนที่ผูวิ่งอื่นเกิดขึ้นตอมา ผูวิ่งท่ีถูกขัดขวางจะไมไดรับการคุมครอง ในระหวางเบสที่ถูกขัดขวางอีกตอไปและอาจถูกทําเอาตได ยังคงเปน บอลอินเพลย 5. การขดั ขวางของแคตเชอรระบุไวใ นกติกาหมวด 8 ขอ 1 ง หมายเหตุ ผูวิง่ ทีถ่ กู ขัดขวางยังตอ งแตะเบสตามลําดบั โดยถูกกติกา มฉิ ะนน้ั จะถูกขานเอาต ถาฝา ยรับ ขออุทธรณโ ดยถกู กติกา ขอ ยกเวน ถาผวู ิง่ ถูกขัดขวางท่ีเบสใดเบสหนงึ่ ทําใหไ มสามารถแตะเบสนน้ั ได ค. (ประเภทฟาสตพิตช) เม่ือเกิดไวลดพติ ชหรอื เกิดพาสดบอล แลว ลูกบอลลอด ขาม ทะลุ หรือ ตดิ อยกู บั แบก สต็อป ผล ขอ 7 ค เปน เดดบอล ผวู ่ิงไดค รอบครองเบสขางหนา 1 เบสเทา น้นั ผูตไี ดครอบครอง เบสหน่งึ เมอ่ื ผตู ัดสนิ ขานเปนบอลที่ 4 ง. (ประเภทฟาสตพ ิตช) เมื่อพติ เชอรพติ ชผดิ กติกา (ผูตัดสินขานอลิ ลีกัลพติ ช)

72 จ. เม่อื ผูเลนฝายรบั เจตนาสมั ผสั หรอื รับลูกบอลท่ีถูกตี (เปน แฟรบอล) ลกู บอลท่ีถูกขวางมา หรือ ลูกบอลท่ีถูกพิตชมา ดวยหมวกแกป หมวกปองกัน หนากาก อุปกรณปองกัน กระเปา โกลฟ หรอื สว นใดสวนหนง่ึ ของชุดแขง ขนั ทไ่ี มอยูในตาํ แหนง ปกติ ผล ขอ 7 จ ใหผ ูวิง่ ทุกคน รวมท้ังผวู ง่ิ แรกเริ่มมสี ทิ ธิเ์ คล่อื นไปขา งหนา ดงั นี้ 1. เคล่ือนไปขางหนา 3 เบส นับจากเม่ือเริ่มการพิตช กรณีเกิดขึ้นกับลูกบอลที่ถูกตี (เปน แฟรบอล) ขอยกเวน ถาการรับ หรือการสมั ผัสท่ีผดิ กติกาเกิดขึ้นกับแฟรบอล ซ่ึงผูตัดสินเห็นวา ลูกบอลน้ัน นาจะลอยขา มร้วั กัน้ ดา นนอก (outfield fence) ใหผูวง่ิ แรกเรม่ิ ไดโฮมรัน 2. เคลื่อนไปขางหนา 2 เบส นับจากขณะที่ขวางลูกบอล กรณีเกิดข้ึนกับลูกบอลท่ี ถกู ขวางมา 3. (ประภทฟาสตพิตช) เคลอ่ื นไปขางหนา 1 เบส นับจากเม่ือเร่มิ การพิตช กรณีเกิดข้ึนกับ ลกู บอลทถี่ กู พิตชม า ขอยกเวน ถาลูกบอลท่ีถูกพิตชมาผานเลยแคตเชอรไปอยูกับอุปกรณที่หลุดออกจาก ผูเ ลน ไมม กี ารลงโทษ ในกรณีตอไปน้ี (ก) ผวู ง่ิ ไมเ คลื่อนไปขางหนา (ข) ไมม กี ารเลน เกิดขึน้ (ค) ไมเกิดการไดเปรียบ หมายเหตุ ผตู ีเคลื่อนไปไดแคเ บสหนงึ่ เนือ่ งจากเบสออนบอลหรอื ลูกบอลทถ่ี ูกพติ ชม าเปนสไตรคท ี่ 3 ตกถึงพน้ื ในแตละกรณีดังกลาว ผูว่ิงเคล่ือนไปขางหนาอีกโดยอาจถูกทําเอาตได เน่ืองจากยังคง เปน บอลอนิ เพลย ฉ. เมือ่ เปนบอลอินเพลยแ ละเกิดโอเวอรโธรว หรอื เปน บลอ กบอล ผล ขอ 7 ฉ ใหผูวิ่งทุกคน รวมท้ังผูวิ่งแรกเร่ิมไดสิทธิ์ครอบครองเบสขางหนา 2 เบส จากตําแหนงของผูวิ่งขณะท่ีลูกบอลหลุดออกจากมือของผูขวาง ถามีผูวิ่ง 2 คนอยูระหวาง เบสเดยี วกัน ใหพ ิจารณาจากตาํ แหนงของผวู ิง่ คนหนา ขอ ยกเวน 1. เม่ือผูเลนฝายรับเสียการครอบครองลูกบอล เชน พยายามแตะผูวิ่ง แลวลูกบอลหลุด เขาไปในเขตเดดบอล หรือเปนบลอกบอล ผูว่ิงทุกคนไดสิทธิ์ครอบครองเบสขางหนา 1 เบสนับจากเบสสุดทายท่ีครอบครองขณะท่ีลูกบอลหลุดเขาไปในเขตเดดบอล หรือ เปนบลอ กบอล 2. ถา ผูวิ่งแตะเบสขางหนา แลวยอนกลับมายงั เบสเดมิ ใหถือวาเบสเดิมนเี้ ปน “เบสสุดทา ย ทค่ี รอบครอง” 3. ถาเปนบลอกบอลเน่ืองจากอุปกรณของทีมฝายรุก เปนเดดบอล ผูว่ิงทุกคนกลับไปยัง เบสสุดทายที่ครอบครองขณะท่ีเปนบลอกบอล ถาเหตุการณนั้นกีดขวางฝายรับท่ี พยายามทําผูว่ิงเอาต ใหผูตัดสินขานผูวิ่งน้ันเอาต (ถาผูเลนน้ันทําคะแนนไดกอนเปน บลอกบอล ใหข านผูว ิ่งทอ่ี ยใู กลโ ฮมเพลตทส่ี ดุ เอาต)

73 ช. เมอื่ (ผูต ีตีลูกบอล) เปน ฟลายบอลในเขตแฟร และ 1. ลูกบอลนั้นลอยขา มรั้วกน้ั ดานนอก (outfield fence) 2. ลูกบอลนั้นถูกโกลฟหรือโดนรา งกายของผูเลนฝา ยรับ และขามรวั้ กน้ั ดา นนอก (outfield fence) ในเขตแฟร หรือถกู ดา นบนของรั้วกัน้ ดานนอก (outfield fence) แลวขา มรั้วก้ัน ดา นนอก (outfield fence) ในเขตแฟร 3. ลกู บอลนัน้ ถูกเสาแสดงเสน เขตฟาวลเ หนอื ระดับรั้วกั้นดานนอก (outfield fence) ผล ขอ 7 ซ. เปนเดดบอล ผวู งิ่ ทุกคนไดสิทธิ์เคลื่อนไปจนถงึ โฮมเพลต ขอยกเวน 1. ถา ลูกบอลนั้นลอยขามรั้วกั้นดานนอก (outfield fence) แตระยะของร้ัวกน้ั ดานนอก (outfield fence) นอ ยกวา ทร่ี ะบไุ วใ นกตกิ าหมวด 2 ขอ 1 2. ถา ลกู บอลน้นั ถูกโกลฟหรือโดนรา งกายของผเู ลน ฝายรบั และขามรวั้ กน้ั ในเขตฟาวล 3. ถาลูกบอลน้ันถกู รวั้ กั้นดา นนอก (outfield fence) กอ นมาโดนผูเลน ฝา ยรับ แลวขา ม ร้วั กน้ั ดานนอก (outfield fence) ใหผ วู งิ่ ไดสิทธิ์ครอบครองเบสขา งหนา 2 เบสนบั จากเมอ่ื เรมิ่ การพิตช เมื่อแฟรบอลกระดอนขาม กล้ิงลอด หรือทะลุผานรั้วก้ัน หรือส่ิงแสดงเขตสนามแขงขัน แลว ลกู บอลออกนอกสนามแขง ขัน ซ. รวมถึงกรณตี อไปนี้ 1. ลกู บอลนั้นโดนผูเ ลน ฝายรับ หรอื ผตู ัดสนิ 2. ลูกบอลนั้นโดนผูวิ่ง หลังจากผานผูเลนฝายรับ (ไมรวมพิตเชอร) และไมมีผูเลนคนใดมี โอกาสทาํ เอาตได ผล ขอ 7 ซ. เปนเดดบอล ผูว่ิงทุกคนไดสิทธิ์ครอบครองเบสขางหนา 2 เบส นับจากเม่ือ เรม่ิ การพติ ช ฌ. เม่ือเปนบอลอินเพลย ผเู ลน ฝายรบั นาํ ลูกบอลเขาไปในเขตเดดบอลโดยไมเจตนา หมายเหตุ ผูเลนฝายรับนําลูกบอลท่ียังเปนบอลอินเพลยเขาไปในเขตท่ีพักของทีม เพื่อทําการแตะผูเลน ถือวาเปนการนําลกู บอลออกไปโดยไมเจตนา ผล ขอ 7 ฌ. เปนเดดบอล ผูว่ิงทุกคนไดสิทธ์ิครอบครองเบสขางหนาได 1 เบสจากเบส สดุ ทา ยที่ครอบครองอยู ขณะท่ีผูเ ลน ฝายรับนาํ ลกู บอลเขา ไปยงั เขตเดดบอล ญ. เมื่อผูตัดสินเห็นวา ขณะท่ียังเปนบอลอินเพลย ผูเลนฝายรับเจตนานํา เตะ ผลัก หรือขวาง ลกู บอลไปยังเขตเดดบอล ผล ขอ 7 ญ. เปนเดดบอล ผูวิ่งทุกคนไดสิทธิ์ครอบครองเบสขางหนาได 2 เบสจากเบส สดุ ทายท่คี รอบครองอยู ขณะทีผ่ เู ลนฝายรบั นาํ เตะ ผลกั หรือขวา งลูกบอลไปยังเขตเดดบอล หมายเหตุ เสนเขตเดดบอลถือวา อยใู นเขตการเลน ฎ. เมื่อผทู ไ่ี มไดเ ปนสมาชิกของทมี เขา มาในเขตสนามแขง ขนั และ 1. รบกวนผูเลนฝา ยรบั ทีก่ าํ ลงั จะรับฟลายบอล 2. รบกวนฟลายบอลที่ผเู ลนฝา ยรบั นา จะรบั ได 3. รบกวนลกู ตตี กพืน้ ทเี่ ปนแฟรบ อล

74 4. รบกวนผเู ลนฝา ยรับทีก่ ําลงั จะรับลกู บอลทีถ่ กู ขวา งมา 5. รบกวนผูเ ลนฝายรบั ที่กาํ ลังจะขวา งลูกบอล 6. รบกวนลกู บอลทผ่ี ูเ ลนฝายรบั ขวาง ผล ขอ 7 ฎ เปนเดดบอล ผวู ิ่งเคลอ่ื นไปครอบครองเบสทผ่ี ูตดั สินเห็นวาควรจะได ถาไมเ กิดการรบกวน ฏ. เมื่อลูกบอลติดอยูก บั 1. เสอ้ื ผา หรอื อปุ กรณป อ งกันของผตู ดั สิน 2. เส้อื ผา ของผูเลนฝายรุก ผล ขอ 7 ฏ เปนเดดบอล ผูวิ่งเคลอ่ื นไปครอบครองเบสที่ผตู ดั สนิ เหน็ วาควรจะได ถา ไมเกิดเหตกุ ารณน้ัน ขอ 8 ผวู งิ่ ตอ งกลับเบสเดิม ผูว่ิงตอ งกลับเบสเดมิ แตไ มจาํ เปน ตอ งแตะเบสตามลาํ ดบั ท่ีผา นไป ในกรณตี อไปน้ี : ก. เม่ือผตู ีตีลูกบอลเปน ฟาวลบ อล ข. เมอ่ื ผตู ดั สินเพลตขานวา เปน ลกู บอลทถี่ ูกตีโดยผดิ กตกิ า ค. เม่ือผวู ิง่ แรกเร่มิ ถูกขานเอาตเ นือ่ งจากทําการรบกวน ง. เมอื่ ผูเ ลน รอข้ึนตหี รอื สมาชิกทมี คนอ่ืนซึง่ ไมไ ดเ ปนผเู ลนทําการรบกวน จ. (ประเภทฟาสตพิตช) เม่ือผูตีเหวี่ยงไมตีลูกบอลท่ีถูกพิตชมา แตไมถูกลูกบอล และลูกบอล มาโดนสวนใดสว นหนงึ่ ของรางกายผูตี ฉ. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) เมือ่ ลูกบอลทีถ่ ูกพิตชม าโดนผตู ี ช. ในขณะท่ีฝายรุกมีนอยกวา 2 เอาตและมีผูวิ่งอยูบนเบสหน่ึง ผูเลนฝายรับในอินฟลดเจตนา ปลอยลูกบอลซ่ึงสามารถรับไวไดดวยการเลนปกติตกถึงพ้ืน หลังจากควบคุมลูกบอลไวไดแลว ดว ยมือหรือโกลฟ ไมว าลูกบอลนนั้ จะเปน ฟลายบอลในเขตแฟร ลกู พุง หรือบันต หมายเหตุ ถากตกิ าอนิ ฟลดฟลายมีผลบงั คบั ใช ใหใ ชก ติกาอนิ ฟลดฟ ลายเปนหลกั ผล ขอ 8 ก–ช เปนเดดบอล ผูวิ่งตองกลับไปยังเบสสุดทายที่ครอบครองอยูโดยถูกกติกา เมื่อเริ่มการพิตช โดยถูกทําเอาตไมได เวนแตถูกบังคับใหเคล่ือนไปขางหนาเนื่องจากผูตี ไดสทิ ธค์ิ รอบครองเบสหนงึ่ ซ. เมอ่ื ผตู ี หรอื ผวู ง่ิ ถูกขานเอาตเน่ืองจากทาํ การรบกวน ผล ขอ 8 ช. เปนเดดบอล ผูว่ิงตองกลับไปยังเบสสุดทายท่ีครอบครองอยูโดยถูกกติกา ขณะที่มีการรบกวน โดยถูกทําเอาตไมได เวนแตจะถูกบังคับใหเคลื่อนท่ีไปขางหนา เน่ืองจากผตู ีไดส ิทธิ์ครอบครองเบสหน่งึ ฌ. (ประเภทฟาสตพิตช) เม่ือรางกาย หรือเสื้อผาของผูตัดสินเพลตลบกวนแคตเชอรที่พยายาม ทําใหผวู ิง่ ท่กี าํ ลงั ขโมยเบสหรือผวู ่งิ ทก่ี าํ ลังกลบั มายงั เบสเดมิ เอาต หมายเหตุ ในกรณีท่ีเปนพาสดบอล หรือไวลดพิตช แคตเชอรข วางลูกบอลโดนผูตัดสิน ไมถือวาเปนการ รบกวนของผูตดั สิน ยังคงเปนบอลอินเพลย

75 ผล ขอ 8 ฌ ใหผูตัดสินแสดงสัญญาณดีเลยเดดบอล ยังคงเปนบอลอินเพลย จนกระท่ัง การเลน สิ้นสุดลง 1. ถา แคตเชอรท ําใหผูวงิ่ นน้ั เอาตไ ด ใหค งผลการเลนทเ่ี กิดข้นึ ยงั คงเปนบอลอินเพลย 2. ถาแคตเชอรทําใหผูว่ิงน้ันเอาตไมได เปนเดดบอล ผูว่ิงทุกคนกลับไปยังเบสสุดทายที่ ครอบครองอยูขณะท่ีแคตเชอรข วา งลูกบอล ญ. (ประเภทสโลวพ ติ ช) เมอ่ื ผูวง่ิ เคลื่อนออกจากเบสแตผ ตู ไี มต ีลูกบอล ผวู งิ่ ตอ งกลับไปยังเบสเดมิ ผล ขอ 8 ญ. ไมอนุญาตใหม ีการขโมยเบส ขอ 9 ผูว ิง่ เอาต ก. เม่ือผูวิ่งออกนอกทางวิ่งมากกวา 1 เมตร (3 ฟุต) ไมวาจะเปนการเคลื่อนไปขางหนาหรือ ยอนกลบั เพ่อื หลบหลกี ไมใหผูเลน ฝายรบั นําลกู บอลมาแตะ ข. เม่ือถูกแตะดวยลูกบอลในมือของผูเลนฝายรับโดยถูกกติกา ในขณะที่ไมไดอยูบนเบสและ เปนบอลอนิ เพลย ค. เม่อื เปนเบสบงั คับ และ 1. ผูเลนฝายรับถอื ลูกบอลแลว (ใชสว นใดสว นหน่ึงของรางกาย) แตะเบส กอนผวู ่งิ ถงึ เบส 2. ผูเลน ฝา ยรบั นําลูกบอลไปแตะเบส กอนผวู ิ่งถงึ เบส 3. ผูเลนฝา ยรบั แตะผวู ิ่ง กอนผวู ่งิ ถงึ เบส หมายเหตุ ผูว่ิงไปแตะเบสขางหนา แลวยอนกลับมาครอบครองเบสเดมิ ไมวาดวยเหตุผลใด เบสขา งหนา ยงั คงเปนเบสบังคับ ง. ขณะที่เปนบอลอินเพลย ผูวิ่งแตะเบสพลาด หรือไมไดกลับไปแตะเบสท่ีออกมากอนผูเลน ฝายรับสมั ผัสฟลายบอลครง้ั แรก และฝายรับขออทุ ธรณโ ดยถูกกติกา จ. เม่ือผูท่ีไมใชผูวิ่งดวยกันชวยเหลือทางรางกายตอผูว่ิงในขณะที่เปนบอลอินเพลย หรือเปน เดดบอลหลังจากการทาํ โฮมรันหรือการใหเคล่อื นไปครอบครองเบสขา งหนา หมายเหตุ ถา ฝา ยรบั รบั ฟลายบอลได ขานผวู ิ่งแรกเร่ิมเอาตดว ย ผล ขอ 9 ก–จ ยังคงเปน บอลอนิ เพลย ขอยกเวน จากผลขอ 9 จ ถา ผวู ิ่งไดร ับการชว ยเหลือหลังจากการทาํ โฮมรัน หรือการใหเ คลื่อนไป ครอบครองเบสขา งหนา ยงั คงเปนเดดบอล ฉ. เมอื่ วงิ่ แซงผวู ่ิงคนหนา ท่ยี ังไมถ ูกขานเอาต ผล ขอ 9 ฉ. ยงั คงเปนบอลอนิ เพลย ขอ ยกเวน เม่อื ผูว่งิ แซงผวู ง่ิ คนหนา ระหวางทเี่ ปนเดดบอล ยังคงเปนเดดบอล ถา ลกู บอลที่ถูกตเี ปน ฟาวลบ อล ผูวง่ิ แซงไมเอาต ช. เมือ่ ผวู ่ิงออกจากเบสกอนทีผ่ ูเลนฝายรบั สมั ผสั ฟลายบอลครั้งแรก ซ. เมอ่ื ผูวิง่ ไมไดแ ตะเบสใดเบสหน่ึง หรือหลายเบสในการเคลอ่ื นไปขา งหนา หรอื ยอนกลับ ขอ ยกเวน ถา ผูว่งิ ถูกขดั ขวางท่เี บส ทําใหไ มส ามารถแตะเบสนั้นได ฌ. เม่ือผูว่ิงแรกเริ่มเปนผูวิ่งไดครอบครองเบสหน่ึงแลว พยายามว่ิงไปยังเบสสอง และผูเลน ฝายรบั นาํ ลูกบอลมาแตะโดยถูกกติกา ขณะที่ผูวิง่ ไมอ ยูบนเบส

76 ญ. เม่ือผูวิ่งว่ิงหรือสไลดเขาสูโฮมเพลต แตไมไดแตะโฮมเพลต และไมพยายามกลับไปแตะ ผูเ ลน ฝา ยรบั แตะโฮมเพลต และขออทุ ธรณต อ ผตู ัดสนิ ผล ขอ 9 ช–ญ เปนการเลน ตอ งอทุ ธรณ ผูว ิง่ ไมถ กู ขานเอาต ถา ผเู ลนฝายรับไมขออทุ ธรณ โดยถกู กติกา 1. จะขออุทธรณข ณะที่เปน บอลอินเพลยหรอื เดดบอลก็ไดฝ า ยรบั เสียสิทธใิ์ นการขออุทธรณ (ก) ถาไมขออุทธรณก อนการพิตชครงั้ ตอไป (ไมวา จะถกู หรือผดิ กตกิ า) (ข) ถาไมขออุทธรณกอนผูเลนฝายรับทุกคนออกจากตําแหนงการรับปกติ และออก พนเขตแฟรไปยังเขตที่พักของทีมตน ผูเลนฝายรับจะขออุทธรณไดก็ตอเม่ือผูเลน ตอ งอยใู นอินฟลด (ค) ถา ไมข ออุทธรณกอนผูตัดสนิ ออกนอกสนามแขงขัน กรณีที่เปนการเลนสุดทายของ การแขง ขนั 2. (ประเภทฟาสตพิตช) กรณขี ออทุ ธรณขณะท่เี ปน บอลอนิ เพลย ผวู ่งิ จะออกจากเบสกไ็ ด (ก) ถา ลูกบอลออกนอกเขตพติ เชอร (ข) ถาพิตเชอรไ มมลี กู บอลอยใู นครอบครอง (ค) ถา พิตเชอรแ สดงทา ขวา ง หรือหลอกขวาง 3. กรณีขออุทธรณขณะที่เปน เดดบอล เมือ่ ลูกบอลอยูในอินฟล ดและเปนเดดบอลเน่อื งจาก ผูตัดสินขาน “ไทม” หรือจากสาเหตุอ่ืน สมาชิกของทีมฝายรับในอินฟลดมีหรือไมมี ลูกบอลในครอบครองก็ได ขออุทธรณดวยวาจา กรณีผูวิ่งไมไดแตะเบส หรือออกจาก เบสกอนผูเลนฝายรับสัมผัสฟลายบอลคร้ังแรก ผูตัดสินท่ีรับผิดชอบ ณ จุดนั้น จะรับ การขออุทธรณ แลวตัดสินการเลนไปตามกติกา ในระหวางน้ีผูวิ่งออกจากเบสไมได (เนื่องจากยังคงเปน เดดบอล) จนกวาจะมกี ารพิตชค รง้ั ตอ ไป ขอ ยกเวน ผูว งิ่ ซงึ่ ไมไ ดแตะเบส หรือออกจากเบสกอ นผเู ลนฝายรบั สมั ผสั ฟลายบอลครง้ั แรก จะกลับไปแตะเบสในขณะที่เปน เดดบอลก็ได หมายเหตุ (ก) ถาลูกบอลออกนอกสนามแขงขัน จะขออุทธรณไดก็ตอเมื่อผูตัดสินสงลูกบอลใหม เขา ในอนิ ฟลด (ข) ถา พิตเชอรขออุทธรณดวยวาจา ขณะท่ีมีลูกบอลในครอบครองและสัมผัสพิตเชอร เพลต ไมเปนการพิตชทีผ่ ิดกตกิ า (ค) เมอ่ื ผตู ดั สินขานเพลตขาน “เพลยบอล” แลว พติ เชอรขออุทธรณ ผูตดั สนิ เพลตจะ ขาน “ไทม” อกี ครงั้ แลว อนญุ าตใหข ออุทธรณตามกระบวนการตอไป 4. จะขออุทธรณเพือ่ เอาตเ พม่ิ หลังจากเกิดเอาตที่ 3 แลว ก็ได หากกระทําโดยถูกกติกาและ กระทําเพื่อไมไหทีมฝายรกุ ไดค ะแนนหรอื เพื่อปรับลําดับการขนึ้ ตใี หคืนสปู กติ ฎ. เม่ือลูกบอลท่ีถูกตีโดนผูว่ิงในเขตแฟร ในขณะที่ผูวิ่งน้ันไมไดอยูบนเบส และกอนลูกบอลนั้น ผานผูเลนฝายรับ (ไมรวมพิตเชอร) เวนแตผูตัดสินเห็นวาไมมีผูเลนฝายรับคนใดมีโอกาส ทําเอาตได

77 ฏ. เม่ือผูว ง่ิ เจตนาเตะลกู บอลซ่งึ ผูเลน ฝายรับรับไมไ ด ฐ. เมื่อผูวิ่งรบกวนผูเลนฝายรับที่พยายามรับแฟรบอล ไมคํานึงวาผูเลนฝายรับอื่นสัมผัสลูกบอล น้ันแลว หรอื ไม หรอื เจตนารบกวนลกู บอลทถ่ี ูกขวางมา หมายเหตุ ขอ ฎ - ฐ ถาผูตัดสินเห็นไดชัดวาเปนการปองกันการทําดับเบิลเพลย ใหผูตัดสินขานผูวิ่ง ทต่ี ามมา เอาตดว ย ฑ. เม่ือผูวิ่งรบกวนผูเลนฝายรับท่ีพยายามรับฟลายบอลในเขตฟาวล หรือรบกวนฟลายบอลใน เขตฟาวลที่ผูเลนฝายรับพยายามรับ ใหผูตีกลับมาตีใหม โดยมีจํานวนสไตรคเพิ่มอีก 1 คร้ัง ถากอนการตีนนั้ มีจํานวนสไตรคน อยกวา 2 สไตรค (1) (ประเภทฟาสตพิตช) ถาการรบกวนน้ัน ทําใหผูว่ิงเอาตเปนเอาตที่สาม ผูว่ิงแรกเร่ิม จะเปนผูต ีคนแรกในอนิ นงิ ถดั ไป จํานวนบอลและสไตรคท ี่เคยมอี ยู ใหยกเลกิ (2) (ประเภทสโลวพิตช) ถาเปนสไตรคท่ี 3 ขานผูวงิ่ แรกเริ่มเอาตดวย เวนแตการรบกวน น้นั ทําใหผูวง่ิ เอาตเปน เอาตท่ีสาม และใหถ อื วา ผูวิง่ แรกเรม่ิ สนิ้ สุดรอบข้นึ ตีแลว ฒ. หลังจากผูว่ิง หรือผูตีถูกขานเอาต หรือหลังจากผูว่ิงไดคะแนนแลว ยังคงวิ่งตอเปนเหตุให ผูเลนฝา ยรับสบั สน และเสยี โอกาสทําเอาตผ วู ่ิงคนอน่ื ใหถอื วาเปนการรบกวนอยางหนง่ึ หมายเหตุ ผวู ่งิ ทอี่ ยใู กลโ ฮมเพลตที่สดุ ขณะทีม่ ีการรบกวน จะถูกขานเอาต ณ. เม่ือสมาชิกของทีมฝายรุกตั้งแต 1 คนขึ้นไป ยืนหรือชุมนุมกันที่หรือใกลเบสท่ีผูว่ิงกําลัง เคลื่อนไปครอบครอง เปนเหตใุ หผ เู ลนฝา ยรับสับสน และเกดิ ความยงุ ยากในการเลน มากข้ึน หมายเหตุ สมาชิกของทีมรวมถงึ เจาหนาท่ีเกบ็ ไมตี และผูท ่ีอยใู นเขตท่พี ักของทีม ด. เม่อื ผูฝก สอนทางดานเบสสามวง่ิ มาทางโฮมเพลตบนหรือใกลเสนแนวเบส ขณะที่ผูเลนฝายรับ พยายามรับลูกบอลทถ่ี ูกตีหรือถกู ขวาง จนเปนเหตุใหผูเลน ฝา ยรับขวางลกู บอลไปยังโฮมเพลต ผดิ พลาด หมายเหตุ ผูว่งิ ทอี่ ยใู กลโฮมเพลตท่สี ดุ จะถูกขานเอาต ต. เมอื่ ผฝู กสอน หรือสมาชกิ ของทมี ฝา ยรกุ ทไ่ี มใชผูต,ี ผเู ลน รอขึ้นตี, ผูว่งิ แรกเร่มิ หรอื ผูวิง่ 1. เจตนารบกวนลูกบอลทถี่ ูกขวา ง ขณะท่ีอยใู นเขตผฝู กสอน 2. รบกวนผูเลนฝา ยรับท่ีมโี อกาสทําใหผ วู ่ิง หรอื ผูว่งิ แรกเริ่มเอาต หมายเหตุ ผวู ่งิ ทอ่ี ยูใกลโ ฮมเพลตท่สี ุดขณะทม่ี กี ารรบกวน จะถกู ขานเอาต ถ. เม่ือผูเลนฝายรับมีลูกบอลในครอบครอง และรอแตะผวู ่ิงอยู ผูว่ิงยังคงว่ิงเต็มฝเทาและเจตนา ชนผเู ลนฝา ยรบั น้ัน หมายเหตุ ถา ผูต ัดสนิ เหน็ วา เปนการกระทาํ ที่รนุ แรงเกินกวาเหตุ ใหไ ลผ เู ลนนนั้ ออกจากการแขงขนั ผล ขอ 9 ฎ – ถ เปนเดดบอล ผูว่ิงอ่ืนตองกลับไปยังเบสสุดทายท่ีครอบครองอยูโดยถูกกติกา ขณะที่มีการรบกวน เวน แตถ ูกบังคับใหเ คล่ือนไปขา งหนาเน่ืองจากผูตีไดครอบครองเบสหนึง่ ท. เม่ือผูวิ่งวิ่งยอนกลับหรือออกจากเสนแนวเบส มีพยายามเคล่ือนไปขางหนา ไมวาจะกระทํา เพือ่ ทาํ ใหผเู ลน ฝายรบั สบั สน หรือทําใหสภาพการแขงขันผดิ ปกติไป ผล ขอ 9 ท. เปนเดดบอล ผวู ิง่ ทกุ คนตอ งกลบั ไปยงั เบสสดุ ทายทีค่ รอบครองอยู โดยถกู กตกิ าขณะทีผ่ วู ิ่งถกู ขานเอาต เวนแตถ ูกบังคับใหเคลอื่ นไปขา งหนา เนือ่ งจาก ผูตีไดค รอบครองเบสหน่ึง

78 ธ. (ประเภทสโลวพิตช) เมื่อผูว่ิงไมไดแตะเบสที่มีสิทธ์ิครอบครองอยูจนกวาลูกบอลท่ีถูกพิตช กระทบพืน้ , ถึงโฮมเพลต หรือถกู ตี น. (ประเภทฟาสตพิตช) เมื่อผูวิ่งไมไดแตะเบสท่ีมีสิทธิ์ครอบครองอยูจนกวาพิตเชอรปลอย ลกู บอลออกจากมือโดยถูกกติกา ผล ขอ 9 ธ - น เปนเดดบอล ใหผูตัดสินเพลตขาน “โนพิตช” ผูว่ิงทุกคนตองกลับไปยัง เบสสดุ ทา ยท่คี รอบครองอยูโดยถกู กตกิ าเม่ือเรม่ิ การพิตช บ. (ประเภทฟาสตพิตช) เม่ือผวู ่ิงออกจากเบสโดยถูกกตกิ า หลังการพิตช หรือหลังจากผตู ีสิ้นสุด รอบขึ้นตี และขณะที่พิตเชอรมีลูกบอลอยูในครอบครองในเขตพิตเชอร ผูว่ิงน้ันไมไดกลับไป ยังเบสเดมิ หรอื พยายามเคลอ่ื นไปยงั เบสขางหนา โดยทันที ผล ขอ 9 บ 1. เปนเดดบอล ผูวิ่งทุกคนตองกลับไปยังเบสสุดทายที่ครอบครองอยูโดยถูกกติกาขณะที่ ผวู งิ่ ถกู ขานเอาต 2. ผูว่ิงจะถูกขานเอาต ถาผูวิ่งไมเคล่ือนไปขา งหนาหรือกลับสูเบสเดิมทันที เม่ือพิตเชอรมี ลูกบอลอยใู นครอบครองในเขตพิตเชอร 3. เมื่อผวู ิง่ กลบั สเู บสเดมิ แลว ถาผูว ่งิ คนนนั้ ออกจากเบสมาอีก ผูว ิ่งจะถกู ขานเอาต ขอ ยกเวน จากผลขอ 9 บ 2 – 3 ผูวิง่ ไมถกู ขานเอาต ในกรณตี อไปน้ี (ก) ถา ฝายรับทําการเลนที่ผูวง่ิ คนใดคนหนง่ึ (การหลอกขวาง ใหถ อื วาเปนการเลน ดวย) (ข) ถาพิตเชอรอ ยใู นเขตพติ เชอร แตไมม ีลกู บอลในครอบครอง (ค) ถา พิตเชอรป ลอยลกู บอลไปยังผูต ีแลว หมายเหตุ เบสออนบอล หรือแคตเชอรท าํ ลูกบอลตกถึงพืน้ กรณีเปนสไตรคท่ี 3 ผูวิ่ง มีสิทธ์ิวิ่งโดยถือปฏิบัติเชนเดียวกับลูกบอลที่ถูกตี ผูวิ่งแรกเริ่มจะว่ิงผานเบสหนึ่งและเคลื่อน ตอไปยังเบสสองได ตราบเทา ทไี่ มไดหยุดทเ่ี บสหน่ึง ถา ผูว ิ่งนน้ั หยุดหลังจากผา นเบสหน่งึ แลว ตองปฏบิ ตั ติ ามขอ 9 บ 2 ป. เมอื่ ผูวิง่ ออกจากเบส เขาไปยงั เขตที่พกั ของทีมของทีม หรอื ออกพน สนามแขงขนั ขณะท่ีเปน บอลอินเพลย ผ. เมื่อผูวิ่งถอยมาอยูในตําแหนงหลังเบสโดยไมไดสัมผัสอยูกับเบส เพ่ือใหมีความเร็วในการว่ิง ออกจากเบส เมอื่ ฝา ยรบั รับฟลายบอลได ผล ขอ 9 ป - ผ ยังคงเปนบอลอินเพลย ฝ. เมื่อผูวิ่งแรกเร่ิมรบกวนการเลนท่ีโฮมเพลต โดยพยายามปองกันการทําเอาตตอผูว่ิงท่ี โฮมเพลต ผล ขอ 9 ฝ เปนเดดบอล ใหขานผูว่ิงแรกเริ่มเอาตดวย ผูว่ิงอ่ืนตองกลับไปยังเบสสุดทายที่ครอบครอง เม่อื เริ่มการพติ ช พ. เมอื่ ผวู งิ่ สลบั ตําแหนง กันบนเบส

79 หมายเหตุ ผล ขอ 9 พ เปนการเลนตองอุทธรณ เมื่อขออุทธรณโดยถูกกติกา ใหขานผูว่ิงแตละคนท่ีพบวาสลับ ตําแหนง กนั บนเบส เอาต และใหไ ลห ัวหนาผฝู กสอนออกจากการแขง ขนั สามารถขออุทธรณเมอื่ ใดก็ไดจนกระทั่งผูว่ิงทกุ คนทีส่ ลับตําแหนงกันบนเบส อยูใ นเขตท่ีพัก หรืออินนิงนั้นสิ้นสุดลง ถามีผูวิ่งอยางนอย 1 คนท่ีสลับตําแหนงบนเบสยังเปนผูว่ิงอยูบนเบส ใหขานผูว ่ิงน้ันและผูว ิง่ ทกุ คนที่สลับตาํ แหนงกันบนเบส (แมวาจะเคลื่อนไปแตะโฮมเพลตแลว) เอาต ใหยกเลิกรันท่ีไดจ ากผูวงิ่ ทไ่ี มถ กู กตกิ า ขอ 10 ผูว่ิงไมเอาต ก. เม่อื ผูว่ิงว่ิงผานดานหลัง หรือดานหนาของผูเลนฝายรับนอกทางวิง่ เพื่อหลกี เลี่ยงไมใหเ กิดการ รบกวนผูเ ลน ฝายรับซง่ึ พยายามรบั ลกู บอลที่ถกู ตบี รเิ วณทางว่ิง ข. เม่อื ผูว่งิ ไมไ ดว ่ิงในแนวตรงไปท่ีเบส ถาผเู ลนฝา ยรบั ท่ีอยใู นแนวน้ันไมม ลี ูกบอลในครอบครอง ค. เม่ือผูเลนฝายรับมากกวา 1 คนพยายามรับลูกบอลที่ถูกตี และผูว่ิงเคลื่อนไปชนกับผูเลนฝาย รับ คนท่ผี ตู ัดสินเห็นวา ไมมีโอกาสรับลูกบอล ง. เม่ือแฟรบ อล ซึ่งไมสัมผัสผูเลนฝายรับ โดนผูว่ิง ขณะที่ไมไดแตะเบส และผูตัดสินเห็นวาไมมี ผเู ลน ฝา ยรับคนใดมโี อกาสทําเอาตไ ด จ. เมือ่ แฟรบอล ซึง่ ไมสัมผสั ผเู ลนฝายรับ โดนผูว่งิ บนเขตฟาวล และผตู ัดสินเห็นวา ไมมผี เู ลนฝา ย รบั คนใดมีโอกาสทําเอาตไ ด ฉ. เม่ือแฟรบอล โดนผูวิ่ง หลังจากลูกบอลน้ันสัมผัสกับผูเลนฝายรับ (รวมท้ังพิตเชอร) และผูวิ่ง นน้ั ไมส ามารถหลบใหพ น ลกู บอลได ช. เม่อื ผูว งิ่ ถกู แตะขณะทไี่ มไดอยบู นเบส 1. ดว ยลกู บอลซึ่งผเู ลน ฝา ยรบั ไมไ ดถอื ไวอ ยางมน่ั คง 2. ดว ยมือหรอื โกลฟขางท่ีไมมีลกู บอล ซ. เม่ือทีมฝายรับไมไดขออุทธรณตอผูตัดสิน ในกรณีท่ีเปนการเลนตองอุทธรณกอนมีการพิตช ครั้งตอไป (ไมวาจะถูกหรือผิดกติกา) หรือกอนท่ีผูเลนฝายรับทุกคนออกจากตําแหนงการ รบั ปกติ และออกพนเขตแฟรเขา ไปยังเขตที่พกั ของทีม ฌ. เมื่อผูว่ิงแรกเร่ิมไดครอบครองเบสหนึ่ง (เปนผูวิ่ง) แลวผานเลยไป และกลับมายังเบสน้ัน โดยตรง ญ. เมื่อผูว่ิงไมมีเวลาเพียงพอท่ีจะกลับไปยังเบส จะไมถูกขานเอาตเน่ืองจากไมไดอยูบนเบส จนกวาพิตเชอรปลอยลูกบอล ผูวิ่งน้ันสามารถเคลื่อนไปขางหนาไดเสมือนออกจากเบส โดยถกู กตกิ า ฎ. เมื่อผูว่ิงเร่ิมเคลื่อนไปขางหนาโดยถูกกติกา ผูเลนฝายรับไมสามารถหยุดการเคลื่อนที่ของ ผวู ่ิงนั้นได แมวาพิตเชอรรับลูกบอลขณะที่อยูบนพิตเชอรเพลต หรอื กาวข้ึนบนพิตเชอรเพลต โดยมลี ูกบอลอยใู นครอบครอง ฏ. เม่ือผูวิ่งแตะเบสอยูจนกระท่ังผูเลนฝายรับสัมผัสฟลายบอลคร้ังแรก แลวจึงเร่ิมเคลื่อนไป ขา งหนา

80 ฐ. เม่ือแฟรบอล ซึ่งไมสัมผัสผูเลนฝายรับ โดนผูว่ิงขณะท่ียังอยูบนเบส เวนแตเจตนารบกวน ลูกบอล หรือรบกวนผูเ ลน ฝา ยรบั ท่พี ยายามเลนลกู บอล หมายเหตุ จะเปน เดดบอลหรือบอลอนิ เพลยข ึ้นอยกู ับตาํ แหนงของผูเลนฝายรับที่อยูใกล เบสนัน้ ทีส่ ดุ ฑ. เมือ่ ผูว่งิ สไลดเ ขาสูเ บส แลว ทาํ ใหเบสนน้ั เคล่ือนจากตาํ แหนงปกติ ถอื วาเบสน้นั ตดิ ไปกับผูว ่งิ หมายเหตุ ในกรณีทผ่ี ูว่ิงทําใหเกิดเบสเคล่อื น จะไมถ ูกขานเอาต แมวาจะไมไดสัมผัสอยูกบั เบส เม่ือนํา เบสมาติดต้ังใหม ณ ตําแหนงเดิม ผูว่ิงจะกลับมาครอบครองเบสโดยถูกทําเอาตไมได ถาผูวิ่ง พยายามเคลื่อนไปยังเบสขางหนากอนนําเบสท่ีเคลื่อนมาติดตั้ง ณ ตําแหนงเดิม ผูว่ิงอาจ ถกู ทําเอาตได ฒ. เม่ือผเู ลนฝา ยรบั ทีพ่ ยายามทําใหผ ูวิ่งเอาต ใชโ กลฟท่ผี ิดกตกิ า หมายหเตุ การพิตชจ ากพติ เชอร ไมถอื วาเปนการพยายามทาํ ใหผ ูวิง่ เอาต ผล ขอ 10 ฒ ทมี ฝา ยรกุ มสี ิทธ์ิเลอื กอยา งใดอยา งหน่ึงตอ ไปนี้ 1. ใหคงผลการเลนทเี่ กดิ ข้ึน 2. ใหยกเลิกผลการเลนท่ีเกิดขึน้ ท้ังหมด ใหผูวิ่งทุกคนกลับไปยังเบสสดุ ทายท่ีครอบครอง อยขู ณะที่เกดิ การเลน ขอยกเวน จากผล ขอ 10 ฒ 2 ถาผลการเลน น้นั เกดิ ขึน้ เมื่อผูตสี ้ินสดุ รอบขึ้นตีแลว ใหผูตีกลับมาตใี หมโ ดยมีจาํ นวนบอล และไตรคค งเดิม ผูว่งิ ทกุ คนกลับไปยงั เบสสุดทา ยท่ีครอบครอง อยเู ม่อื เริม่ การพิตช ณ. ผูฝก สอนรบกวนบอลท่ีถูกขวางมาหรือรบกวนบอลท่ีถูกตีเปนแฟรบอลโดยไมเจตนา ในขณะท่ี อยูในเขตผฝู ก สอน

หมวด 9 เดดบอลและบอลอนิ เพลย (DEAD BALL – BALL IN PLAY) ขอ 1 เดดบอล เปน เดดบอลในกรณีตอไปนี้ ก. เม่ือผตู ตี ลี กู บอลโดยผิดกติกา ข. เม่ือผูต กี าวขา มไปยงั เขตผตู ีอีกดา นหนงึ่ (ประเภทฟาสตพ ติ ช) ขณะท่ีพติ เชอรกาํ ลงั รับสญั ญาณหรือเสมือนกาํ ลังรับสัญญาณบน พติ เชอรเ พลต (ประเภทสโลวพิตช) ขณะท่ีพิตเชอรก า วขึ้นไปบนพิตเชอรเพลต ค. เม่อื ผตู ัดสนิ เพลตขาน “โนพติ ช” ง. เมอ่ื ลกู บอลทีถ่ ูกพติ ชมาโดนรางกายหรอื เส้ือผา ของผตู ี ไมวาผตู จี ะตลี กู บอลนนั้ หรือไม จ. เมือ่ ฝายรบั รับฟลายบอลในเขตฟาวลไ มได ฉ. เมอื่ ฝา ยรุกทําการรบกวน ช. เมือ่ ลูกบอลท่ถี ูกตีเปนแฟรบอล โดนผตู ัดสนิ หรือผูว ่งิ 1. กอ นสัมผสั ผเู ลน ฝา ยรับ รวมท้ังพติ เชอร 2. กอนผา นผเู ลน ฝา ยรบั ไมรวมพติ เชอร โดยไมมีการสมั ผสั 3. หลงั จากผา นผเู ลนฝายรับ ไมรวมพิตเชอร และผูต ัดสินเหน็ วา ผเู ลน ฝายรับคนอน่ื มโี อกาส ทําผูวงิ่ เอาต หมายเหตุ เม่ือลูกบอลท่ีถูกตีเปนแฟรบอลและไมสมั ผัสผเู ลน ฝา ยรบั โดนรา งกายผูวงิ่ ขณะท่ียังสมั ผัสเบส ถา ผวู ิ่งนน้ั ไมเจตนารบกวนลูกบอลหรอื รบกวนผเู ลน ฝายรบั ทีพ่ ยายามเลน ลูกบอลเพื่อทาํ เอาต จะเปน บอลอนิ เพลยห รือเดดบอลข้ึนอยูกับตําแหนง ของผเู ลน ฝายรบั ทีอ่ ยใู กลเบสนนั้ มากท่สี ุด ซ. เมื่อลูกบอลอยนู อกเขตสนามแขงขัน ฌ. เมอ่ื เกิดอบุ ตั ิเหตุกับผวู งิ่ แรกเริ่มหรอื ผวู ่งิ และผูเลน นั้นไมสามารถเคล่ือนไปยังเบสขางหนา ที่ ไดสิทธิ์ครอบครอง ผูตัดสนิ เพลตจะอนญุ าตใหเ ปลย่ี นผูเลนสํารองเขา ไปแทนผูเลนน้นั ได ผเู ลนสํารองตองเคลอ่ื นไปยงั เบสทไ่ี ดส ทิ ธค์ิ รอบครอง โดยตอ งแตะเบสทุกเบสอยา งถกู กตกิ า ญ. (ประเภทสโลวพ ติ ช) เม่อื ผตู บี ันตห รอื ชอ็ ปบอลกบั ลูกบอลท่ีถกู พิตชมา ฎ. (ประเภทฟาสตพิตช) เมอื่ เกิดไวลดพ ิตชหรือพาสดบอล ทาํ ใหลูกบอลลอด ขาม ติด หรือ ทะลแุ บกสตอ็ ปออกไปทางดานหลงั ฏ. เมอ่ื ผูตัดสินขาน “ไทม” ฐ. เมอื่ ลกู บอลทถี่ ูกตโี ดนรา งกายผูตีในเขตผตู ี ฑ. เมือ่ ผูวง่ิ ยอ นกลับหรอื ออกนอกเสน แนวเบสในขณะที่ไมพยายามเคล่ือนไปขา งหนา ซง่ึ ทําให ผูเลนฝายรับสับสน หรอื ทาํ ใหสภาพการแขงขนั ผิดปกติไป ฒ. เมอื่ ผฝู ก สอนทางดา นเบสสามวงิ่ ไปทางโฮมเพลตบนเสน แนวเบสหรอื ใกลๆ เสน แนวเบส ในขณะท่ผี ูเลน ฝายรบั พยายามเลน ลูกบอล ทําใหผูเลนฝายรบั สบั สน ขวา งลกู บอลไปยัง โฮมเพลต ณ. เม่ือสมาชกิ ของทมี ฝายรุกตงั้ แตห นง่ึ คนขนึ้ ไป ยนื หรือชุมนุมกันที่เบสหรือใกลๆ เบสทีผ่ วู ิ่ง กาํ ลังเคล่ือนเขา ไปครอบครอง ทําใหผูเลน ฝา ยรับสบั สนและการเลน ยุงยากขึ้น

82 ด. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) เม่อื ผูว ่ิงไมแ ตะเบสท่มี สี ทิ ธิค์ รอบครอง กอนพิตเชอรป ลอ ยลูกบอล ออกจากมือโดยถูกกติกา ต. (ประเภทสโลวพ ติ ช) เมือ่ ผูว งิ่ ไมแ ตะเบสท่ีมสี ิทธ์คิ รอบครอง กอนลูกบอลท่ีถูกพติ ช โดยถูกกติกาไปถงึ โฮมเพลต ถ. (ประเภทสโลวพิตช) หลงั จากผูตดั สนิ เพลตขาน สไตรค หรือ บอล ท. เม่ือผตู ัดสินขาน “บลอ กบอล” ธ. เม่อื ผตู นี ําไมตีดดั แปลงเขาไปในเขตผูตี หรือใชไมต ีดดั แปลง น. เม่อื ผูต นี าํ ไมตที ่ีผดิ กติกาเขา ไปในเขตผูต ี หรือใชไมตีท่ีผดิ กติกา บ. ในขณะท่ีฝายรุกมนี อยกวา 2 เอาตแ ละมผี วู งิ่ อยูบนเบสหนง่ึ ผูเ ลน ฝา ยรับในอนิ ฟลดเจตนา ปลอยลกู บอลซึ่งสามารถรบั ไวไดดว ยการเลนปกตติ กถงึ พ้นื หลงั จากควบคุมลกู บอลไวไ ดแลว ดวยมอื หรอื โกลฟ ไมวาลกู บอลทีถ่ ูกตนี ้นั เปน – (ประเภทฟาสตพิตชและสโลวพิตช) ฟลายบอลในเขตแฟร รวมท้ังลูกพุงดว ย – (ประเภทฟาสตพติ ช) บนั ต หมายเหตุ ถา กตกิ าอินฟล ดฟลายมีผลบังคบั ใช ใหต ัดสนิ ตามกติกาอนิ ฟล ดฟลายเปนหลกั ป. ในขณะทีเ่ ปนบอลอินเพลย ผเู ลน ฝายรบั นําลกู บอลออกไปนอกเขตสนาม ผ. เมือ่ ผตู ัดสนิ ขาน “ไทม” และผูเ ลน ฝา ยรบั ขออุทธรณ ฝ. เมือ่ ผตู ไี มเขา ไปอยใู นเขตผตู ภี ายใน 10 วนิ าทีหลงั จากผูตัดสนิ เพลตขาน “เพลยบ อล” พ. เมอื่ ผูที่ไมไดเ ปน สมาชกิ ของทีมเขาไปในสนามแขง ขันและทําการรบกวน ฟ. เม่อื ผูว งิ่ แรกเริ่มถอยกลบั มาทางโฮมเพลตเพ่ือหลกี เล่ยี ง หรอื ชะลอการถูกแตะโดยผูเ ลน ฝา ยรบั ภ. เมื่อสมาชิกทมี ฝา ยรกุ เจตนาลบเสนแสดงเขตผูต ี ม. เมื่อพติ เชอร แคตเชอร หรอื ผูฝก สอนแจง ผตู ัดสนิ เพลตใหผ ูตีไดเบสออนบอลโดยเจตนา ขอ 2 บอลอนิ เพลย เปน บอลอนิ เพลยในกรณตี อไปน้ี ก. เมือ่ เริม่ ตน การแขง ขันและเรมิ่ ตน แตละคร่งึ อินนิง พิตเชอรมลี กู บอลอยใู นครอบครองและ อยูในตําแหนงพติ ช และผตู ัดสินเพลตขาน “เพลยบ อล” ข. เม่ือกติกาอนิ ฟลดฟลายมีผลบังคับใช ค. เม่ือผูเ ลนฝา ยรับรับลูกบอลท่ีถกู ขวา งมาไมได และลูกบอลยงั อยใู นเขตสนามแขงขัน ง. เมอ่ื ลูกบอลท่ีถูกตเี ปนแฟรบอลโดนผตู ดั สินหรือผวู ิ่งในเขตแฟร 1. หลังจากลกู บอลผานผเู ลนฝายรบั (ไมรวมพติ เชอร) และไมมผี เู ลนฝา ยรับคนใดมโี อกาส ทําเอาตได 2. หลังจากลกู บอลสมั ผสั ผูเลน ฝายรับ (รวมทง้ั พติ เชอร) จ. เมือ่ ลูกบอลท่ถี ูกตเี ปนแฟรบ อลโดนผูตดั สนิ ในเขตฟาวล ฉ. เมื่อผวู งิ่ เคล่ือนไปถงึ เบสท่มี ีสิทธคิ์ รอบครองแลว หลงั จากผูเ ลนฝา ยรบั รับลูกบอลท่ีถูกพิตช ถกู ขวา ง หรือถูกตี โดยผดิ กติกา ช. เมอื่ ผูต ดั สนิ ขานผวู ่งิ เอาตเ น่ืองจากแซงผูว งิ่ คนหนา

83 ขอยกเวน เม่ือผตู ัดสินขานผวู ิ่งเอาตเนอื่ งจากแซงผูว ่ิงคนหนาในขณะทเ่ี ปนเดดบอล ยงั คงเปน เดดบอล ซ. เมือ่ มีการขัดขวางผูวิง่ ผเู ลนฝายรับไมพยายามทําเอาตผ ูว่ิงทถ่ี กู ขัดขวาง ยังคงเปน บอลอนิ เพลย จนกระทง่ั การเลนส้ินสุดลง ฌ. เมื่อผตู ตี ลี ูกบอลโดยถกู กติกาและเปน แฟรบ อล ญ. เมื่อผวู ิง่ ตองวิง่ ยอนกลับขณะที่เปนบอลอนิ เพลย ฎ. เมื่อผวู งิ่ ไดส ิทธ์ิครอบครองเบสใดเบสหน่งึ โดยการแตะเบสน้ันกอนถูกทาํ เอาต ฏ. เมื่อเบสหลุดออกจากตําแหนง ปกติขณะท่ผี ูวงิ่ เคลอ่ื นผา นไป ฐ. เมื่อผวู ิ่งออกนอกทางว่ิงมากกวา 1 เมตร (3 ฟุต) ไมว า จะเปน การเคล่ือนไปขางหนาหรอื ยอนกลับ เพ่ือหลบหลีกไมใหผเู ลน ฝา ยรบั นาํ ลูกบอลมาแตะ ฑ. เม่ือผวู ง่ิ ถูกทําเอาตโ ดยผเู ลน ฝา ยรบั นําลกู บอลมาแตะ หรือทาํ ฟอรซ เอาต ฒ. เม่ือผูต ดั สินขานผูว ่งิ เอาต เนื่องจากไมกลบั ไปแตะเบสเม่ือเริ่มแขง ขันใหมห ลังจากหยุด การแขงขนั ช่วั ขณะ ณ. เมื่อฝายรับขออุทธรณโดยถูกกติกาขณะทเี่ ปน บอลอนิ เพลย ด. เมอื่ ผูต ีตลี ูกบอล ต. ในขณะทเี่ ปนบอลอนิ เพลย ลูกบอลโดนชา งภาพ เจาหนาท่สี นาม ตํารวจ ฯลฯ ที่ปฏบิ ตั ิ หนา ทใ่ี นการแขงขัน ถ. เมือ่ ผูเลน ฝา ยรับรับฟลายบอลไดโดยถูกกตกิ า ท. เมอ่ื ลูกบอลท่ถี ูกขวา งมา โดนผเู ลนฝายรุก ธ. ถาผตู ปี ลอ ยไมตลี งพ้ืนแลว ลกู บอลกล้ิงมาโดนไมต ีในเขตแฟร และผตู ดั สินเห็นวาไมเ จตนา รบกวนลูกบอลใหเปลย่ี นทิศทาง ยงั คงเปน บอลอินเพลย น. เมอ่ื ลูกบอลท่ถี ูกขวา งมา โดนผูตดั สนิ บ. เมอ่ื ไมเ ปน เดดบอลตามที่ระบุไวในกติกาหมวด 9 ขอ 1 ป. เมือ่ ลกู บอลท่ถี ูกขวา งมา โดนผฝู กสอนโดยไมเจตนา ผ. (ประเภทฟาสตพ ิตช) เมอื่ ผตู ัดสนิ เพลตขาน บอล กรณีเปน บอลที่ 4 ผูตไี ดส ทิ ธิ์ครอบครอง เบสหนึง่ โดยถูกทาํ เอาตไมไ ด ฝ. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) เมอื่ ผูต ัดสินเพลตขาน สไตรค พ. (ประเภทฟาสตพิตช) เมอ่ื แคตเชอรรบั ฟาวลท ปิ ไดโดยถูกกตกิ า ฟ. (ประเภทสโลวพติ ช) เมือ่ มกี ารเลน เกิดขึน้ เนื่องจากผตู ตี ลี กู บอลเขาไปในสนามแขง ขนั รวมถึง การเลน ตองอุทธรณท่ีเกดิ ข้ึนดว ย ภ. (ประเภทฟาสตพิตช) เม่ือลกู บอลหลุดจากมือของพิตเชอรใ นขณะควงแขน หรือเหวี่ยงแขน ไปดา นหลงั ม. เมื่อผตู ดั สนิ ขานผวู ิ่งเอาต เน่ืองจากผูวง่ิ นั้นคล่ือนไปอยูห ลังเบส (ไมอยูบนเบส) กรณีท่เี ปน ฟลายบอล ย. เมอ่ื ผวู ิง่ ออกจากเบส ไมพยายามเคล่อื นไปขา งหนา แตกลับเขา ไปยังเขตทีพ่ ักของทีม หรือ ออกนอกสนามแขง ขนั ผูว่ิงถูกขานเอาต

84 ร. เม่ือผวู ง่ิ ถูกขานเอาตเนื่องจากผทู ่ีไมไดเปน ผวู ่งิ ดวยกนั ใชร า งกายชว ยเหลือ ขอ ยกเวน เมอ่ื เปน การชว ยเหลอื กรณีเปนฟลายบอลในเขตฟาวลทฝ่ี ายรบั รบั ไมได เปนเดดบอล ล. (ประเภทสโลวพ ิตช) เปนบอลอนิ เพลยจ นกระท่ังผูตัดสินขาน “ไทม” ซ่ึงควรกระทําเมื่อผูเลน ในอนิ ฟล ดครอบครองลูกบอล และผูต ดั สนิ เห็นวา การเลนทุกอยางยุตแิ ลว ขอ 3 ดเี ลยเดดบอล เมือ่ มีการทําผดิ กตกิ าตามลกั ษณะที่ระบุไวทา ยขอน้ี ผูต ดั สนิ แสดงสัญญาณใหร วู า มกี ารทาํ ผิด กติกา และใหการเลนนน้ั ดําเนินตอไป จนกระทั่งสิน้ สุดลง กรณีดังกลาว ไดแก ก. การพิตชที่ผดิ กตกิ า ข. การขดั ขวางโดยแคตเชอร ค. (ประเภทฟาสตพ ติ ช) การรบกวนโดยผตู ัดสนิ เพลต ง. การขัดขวาง จ. อุปกรณหลุดออกไปจากผูเ ลน สมั ผสั กบั ลูกบอลที่ถกู ขวา งมา ลกู บอลทีถ่ ูกพติ ชมา หรือ ลกู บอลทีถ่ ูกตเี ปนแฟรบ อล

หมวด 10 ผตู ัดสิน (UMPIRES) ขอ 1 อํานาจและหนา ที่ ผูตัดสินเปนผูแทนที่ไดรับมอบหมายจากคณะกรรมการจัดการแขงขัน ใหทําหนาที่ตัดสินในการ แขงขันเกมนั้น ดังน้ันจึงมีอํานาจหนาท่ีควบคุมดูแลใหการแขงขันดําเนินไปภายใตขอบังคับของกติกา ผูตัดสินมีอํานาจสั่งใหผูจัดการทีม ผูฝกสอน หัวหนาทีม หรือผูเลน กระทํา หรืองดเวนการกระทําใดๆ ท่ีผูตัดสินเห็นวาจําเปน เพ่ือใหการแขงขันดําเนินไปดวยความเรียบรอย และใหใชบทลงโทษตอผูท่ีละเมิด กติกาตามทีร่ ะบไุ ว ใหผตู ดั สินเพลตมีอํานาจหนาทีใ่ นการตัดสินชข้ี าด กรณีใดกต็ ามทีไ่ มไ ดร ะบไุ วใ นกติกานี้ ขอ มลู ทวั่ ไปสาํ หรบั ผตู ดั สิน ก. หามผูตัดสินเปนสมาชิกของทีม ไดแก ผูจัดการทีม ผูฝกสอน ผูเลน เจาหนาที่ทีม ผูบันทึกผล หรือผูใหการสนับสนนุ ทีม ข. ผูตัดสินควรทราบวัน เวลา และสนามแขงขันท่ีตองทําหนาท่ีตัดสินโดยแนชัด และควรไปถึง สนามแขงขันกอนกําหนดเวลาการแขงขันประมาณ 20 - 30 นาที เร่ิมการแขงขันตามเวลาท่ี กําหนดไว และออกจากสนามเม่ือการแขงขันส้นิ สุดลง ค. ผูต ัดสินตองสวมเครอ่ื งแตง กายและอปุ กรณ ดงั ตอ ไปนี้ 1. เสอ้ื เช้ิตแขนยาวหรอื แขนสนั้ สีฟา ออน 2. ถุงเทา สีกรมทา 3. กางเกงขายาวสีกรมทา 4. หมวกแกป สกี รมทา 5. ถงุ ใสลูกบอลสีกรมทา (ผตู ดั สินเพลตเทาน้ัน) 6. แจก เก็ตหรือสเว็ตเตอรส กี รมทา 7. รองเทา และเขม็ ขดั สีดํา 8. เสอ้ื ยืดคอกลมสขี าวเปน เสอื้ ตัวใน ง. ห าม ผู ตั ด สิ น ส ว ม เค ร่ื อ งป ระ ดั บ โด ย เป ด เผ ย ซ่ึ งอ าจ ก อ ให เกิ ด อั น ต ราย ได ขอ ยกเวน เปนอปุ กรณท างการแพทยท ีเ่ ปนกาํ ไลขอมือ หรือสรอยคอ จ. ผตู ัดสนิ เพลต ในการแขงขนั ประเภทฟาสตพ ติ ช 1. ตองสวมหนากากสีดํา นวมรองหนากากสีดําหรือสีแทน และอุปกรณปองกันลําคอสีดํา (จะสวมหนากากที่มีอุปกรณปองกันลําคอยื่นออกมาแทนหนากากที่ตองติดอุปกรณ ปองกันลําคอเขากับหนากากก็ได) 2. ควรสวมอุปกรณปองกันลาํ ตัว และอปุ กรณปองกันหนา แขง ฉ. ผูตัดสนิ ควรแนะนาํ ตนเองตอหัวหนา ทมี ผูจ ัดการทีม และผูบ นั ทึกผล ช. ผตู ัดสินควรตรวจสอบเขตสนามแขงขันและอุปกรณ อธิบายระเบียบการแขงขันหรือขอตกลง ที่ใชในการแขงขันตอ ผูฝก สอนและผูเ ลนทัง้ สองทีม ซ. ใหผูตัดสินแตละคนมีอํานาจตัดสินวามีการละเมิดกติกาหรือไม ตลอดเวลาการแขงขันหรือ ระหวางหยุดการแขง ขนั ชวั่ ขณะ จนกระท่ังการแขง ขนั สิ้นสุดลง ฌ. ไมวาผูตัดสินคนใดก็ไมมีอํานาจหนาที่ที่จะเปล่ียนแปลง หรือสงสัยคําตัดสินของผูตัดสินอ่ืน ถา ผตู ดั สินนน้ั ไดตัดสินตามขอบเขตหนา ท่ีท่ีระบุไวในกติกาน้ี

86 ญ. ผูตัดสินจะปรึกษาหารือกับผูตัดสินอ่ืนเมื่อใดก็ได แตการตัดสินใจข้ันสุดทายใหข้ึนอยูกับ ผตู ดั สนิ ท่ีเปน ผูขอปรึกษาหารอื เน่ืองจากมีหนา ท่ีรับผิดชอบโดยตรงตอเหตกุ ารณน้ัน ฎ. เพ่ือสะดวกในการกําหนดหนาที่ ใหเรียกผูตัดสินที่ขานบอลและสไตรควา “ผูตัดสินเพลต” สวนผูตัดสินทีต่ ัดสนิ เหตุการณท ่เี กดิ ขนึ้ ตามเบสตางๆ ใหเ รยี กวา “ผูตัดสินเบส” ฏ. ผตู ดั สนิ เพลตและผูตดั สินเบสมีอํานาจหนา ที่เทาเทยี มกันในกรณตี อไปน้ี 1. ขานผวู ่ิงเอาตเนอื่ งจากผูว ่ิงออกจากเบสกอนเวลาอันควร 2. ขาน “ไทม” เพือ่ หยุดการแขง ขนั ชัว่ ขณะ 3. ใหหรอื ไลผ จู ัดการทีม ผูฝกสอน หรอื ผเู ลน ท่ีละเมดิ กติกา ออกจากการแขง ขนั 4. ขานอลิ ลีกลั พติ ช 5. ขานอนิ ฟลดฟลาย ฐ. ใหผตู ดั สนิ ขานผูตหี รอื ผูวิ่งเอาตโดยไมต อ งรอใหฝายรับขออทุ ธรณ ในทุกกรณีที่สอดคลองกบั ท่ี ไดร ะบไุ วในกตกิ าน้ี หมายเหตุ ในกรณีตอ ไปนี้ ถา ไมขออทุ ธรณ ผูตัดสนิ ไมข านผูเ ลนเอาตห รอื ไมลงโทษ แลวแตก รณี - ผเู ลนแตะเบสพลาดหรือไมไดแตะเบส - ผเู ลน ออกจากเบสกอนเวลาอนั ควรในกรณีท่ีเปน ฟลายบอล - การข้ึนตีผดิ ลําดับ - การเปลี่ยนผูเลนสํารองโดยไมแจง ผตู ัดสินเพลต - การกลบั เขา มาแขง ขนั ใหมโ ดยผิดกตกิ า - ผูเลนแทนช่วั คราวเขา มาแขงขนั หรือผูเ ลนตองพกั กลับเขา มาแขง ขนั โดยไมแ จง ผตู ัดสินเพลต - ผูวิง่ สลับตําแหนง บนเบสท่คี รอบครองกบั ผูว งิ่ อืน่ - ผูเลนพยายามเคล่ือนตอไปยงั เบสสองหลังจากถงึ เบสหนึ่งแลว ฑ. หามผตู ดั สินลงโทษทีมท่ลี ะเมดิ กตกิ าเมอื่ การลงโทษน้นั ทําใหทมี ที่กระทําผิดไดเ ปรียบ ฒ. หามนํากรณีท่ีผูตัดสินไมไดปฏิบัติตามท่ีระบุไวในกติกาหมวด 10 น้ี ไปใชทําการประทวง กตกิ าหมวดน้เี ปน เพยี งแนวทางปฏบิ ตั สิ าํ หรับผูต ดั สินเทานัน้ ขอ 2 ผตู ดั สนิ เพลต ก. ใหยืนอยูดานหลังของแคตเชอร และมีอํานาจเต็มในการควบคุมดูแลและรับผิดชอบใหการ แขงขนั ดําเนนิ ไปดว ยความเรยี บรอ ยและเหมาะสม ข. ใหทําหนา ท่ีขานบอลและสไตรค ค. ใหป ระสานและรวมมือกบั ผูตดั สินเบสในการตัดสินเหตกุ ารณตางๆ ทเี่ กิดขึ้น เชน ผูตีเหว่ียงไม ตีหรือไม ลูกบอลที่ถูกตีเปนแฟรบอลหรือฟาวลบอล ฝายรับรับลูกบอล โดยถูกหรือผิดกติกา ในกรณีท่ีผูตัดสินเบสจําเปนตองออกไปทําหนาท่ีนอกเขตอินฟลด ใหผูตัดสินเพลตทําหนาท่ี แทนผูต ัดสนิ เบสนน้ั ง. ใหต ดั สินและขาน ในกรณตี อ ไปนี้ 1. ผูต ีบันตห รือช็อปบอลหรอื ไม 2. ลกู บอลท่ถี กู ตโี ดนรางกายหรือเส้อื ผา ของผูต หี รอื ไม

87 จ. ใหต ดั สนิ การเลน ท่เี กดิ ขึ้นตามเบสตางๆ เม่อื ถงึ เวลาท่ตี องทาํ หนาที่ ฉ. ใหป ระกาศวาการแขง ขันเกมนน้ั มกี ารปรับเปน แพ ช. ใหทําหนาที่ทกุ อยางเม่อื ไดรบั มอบหมายใหทําหนา ทตี่ ดั สินเพียงคนเดียว ขอ 3 ผูตดั สินเบส ก. ใหยนื ในสนามแขง ขันตามตําแหนง ในระบบของผตู ัดสิน ข. ใหช ว ยเหลอื ผูต ดั สนิ เพลตในทุกกรณี เพ่อื ใหการแขง ขนั ดําเนนิ ไปดวยความเรียบรอ ย ขอ 4 ความรับผิดชอบของผูตดั สินเมื่อทาํ หนา ทเี่ พยี งคนเดยี ว ถาไดรับมอบหมายใหทําหนาที่ตัดสินเพียงคนเดียว อํานาจหนาท่ีของผูตัดสินนั้นใหครอบคลุมไป ท่ัวสนาม ตําแหนงเร่ิมตนของผูตัดสินสําหรับการพิตชแตละครั้งใหอยูหลังโฮมเพลต เม่ือลูกบอลถูกตี หรือ การเลนแตล ะคร้ังเกิดข้ึน ใหผูตัดสินเคลอื่ นที่จากดานหลังโฮมเพลตเขามา ในเขตอินฟลดเพื่ออยใู นตําแหนง ท่เี หมาะสมทีส่ ุดสําหรบั ตัดสนิ การเลน ท่ีเกิดข้ึน ขอ 5 การเปลย่ี นผูตัดสิน ในระหวางการแขงขนั ไมสามารถเปลี่ยนผตู ดั สนิ ไดแ มวาท้งั สองทมี จะยินยอมกต็ าม เวน แตกรณีที่ ผูต ดั สนิ ไมส ามารถปฏิบตั ิหนา ท่ไี ดเ นอื่ งจากบาดเจบ็ หรือปว ย ขอ 6 ดุลพินจิ ของผูต ดั สนิ หา มมีการประทวงในการตดั สินของผตู ัดสนิ วาไมถ ูกตอง ในกรณีตอ ไปนี้ - ลูกบอลทีถ่ ูกตีเปน แฟรบอลหรอื ฟาวลบ อล - ผูว่งิ เซฟหรือเอาต - ลูกบอลทีพ่ ติ ชม าเปนสไตรค หรือบอล - กรณีอืน่ ๆ ที่เกี่ยวขอ งกบั ความแมน ยาํ ในการตัดสิน และหา มมีการกลับคําตัดสนิ เวนแตมกี ารยืนยนั ไดวาคําตัดสนิ น้นั ไมเ ปนไปตามทรี่ ะบุไว ในกติกานี้ ในกรณีท่ีผูจัดการทีม หรือหัวหนาทีมขอใหมีการกลับคําตัดสินเนื่องจากความผิดพลาด ในการใชกติกาให ถูกตองกับสถานการณที่เกิดข้ึน ใหผูตัดสินท่ีตัดสินการเลนน้ันปรึกษากับผูตัดสินอื่นได ถาไมแนใจใน คําตัดสินของตน จากนั้นใหยืนคําตัดสินหรือกลับคําตัดสิน เฉพาะผูจัดการทีม ผูฝกสอนหรือหัวหนาทีม มสี ทิ ธิป์ ระทวงการตัดสินหรอื ขอใหม กี ารกลบั คําตดั สนิ ในทุกกรณี หามผูตัดสินเปล่ียนแปลงการตัดสินของผูตัดสินอื่น วิจารณหรือยุงเกี่ยวกับหนาท่ีของ ผตู ัดสนิ อืน่ เวนแตจะไดร ับการรอ งขอจากผูตดั สินน้ัน ผูตัดสินท่ีใหคําปรึกษาอาจชวยแกไขสถานการณใด ๆ ซึ่งการเปล่ียนแปลงการตัดสิน หรือ การตัดสินลาชา ทาํ ใหผวู ่ิงแรกเรม่ิ หรือผูวงิ่ อยใู นภาวะลอแหลม หรือทาํ ใหท มี ฝา ยรับเสียเปรียบ หมายเหตุ การแกไขน้จี ะไมส ามารถกระทาํ ไดหลังจากมีการพติ ชแลว (ไมว า ถกู กตกิ าหรือผดิ กติกา) หรือ ถา ผเู ลน ของทมี ฝายรบั ทุกคนออกพนเขตแฟรแลว

88 ขอ 7 สัญญาณตางๆ ก. เม่ือเร่ิมการแขงขัน หรือเร่ิมแขงขันตอหลังจากหยุดการแขงขันชั่วขณะ ใหผูตัดสินเพลตขาน “เพลยบ อล” และใหส ัญญาณพิตเชอรเ ริม่ การพติ ช ข. เพ่ือแสดงวาเปนสไตรค ใหผูตัดสินเพลตยกมือขวาข้ึน ใชนิ้วแสดงจํานวนสไตรค ในขณะ เดียวกับท่ีขาน “สไตรค” แลว ตามดว ยจาํ นวนสไตรคด วยเสยี งดังชดั เจน ค. เพอื่ แสดงวา เปนบอล ใหผูตดั สนิ เพลตขาน “บอล” โดยไมใชส ญั ญาณมือ ง. เพื่อแสดงจาํ นวนบอลและสไตรคของผูตี ใหขานจํานวนบอลกอ น จ. เพอื่ แสดงวาเปนฟาวลบอล ใหผตู ัดสนิ ขาน “ฟาวลบ อล” และเหยยี ดแขนขนานพื้นช้ีออกนอก สนามไปตามทิศทางของลูกบอล ฉ. เพือ่ แสดงวา เปนแฟรบอล ใหผตู ดั สินเหยียดแขนชีไ้ ปยังบริเวณกลางสนาม ขยับแขนขนึ้ ลง ช. เพือ่ แสดงวาผตู ีหรอื ผวู ่งิ เอาต ใหผูตดั สนิ กาํ มือขวาแลวชูแขนขึน้ เหนอื ไหล ซ. เพ่ือแสดงวาผูเลนเซฟ ใหผูตัดสินเหยียดแขนทั้งสองขนานกับพื้นออกไปดานขางลําตัว ควํ่าฝา มอื ลง ฌ. เพ่ือแสดงวาหยุดการแขงขันช่ัวขณะ ใหผูตัดสินขาน “ไทม” ในขณะเดียวกันใหชูแขน ทั้งสองข้นึ เหนอื ศีรษะ ผูตัดสินคนอืน่ ใหแ สดงการรบั รูโดยแสดงสัญญาณเดยี วกัน ญ. ใหผตู ัดสินแสดงสญั ญาณดีเลยเดดบอล โดยเหยียดแขนซา ยขนานไปกับพนื้ ฎ. เพื่อแสดงวาเปนแทร็ปบอล ใหผูตัดสินเหยียดแขนท้ังสองขนานกับพื้นออกไปดานขางลําตัว ควํ่าฝา มอื ลง ฏ. เพอื่ แสดงวาผูเ ลนฝา ยรุกไดเคลื่อนไปขางหนา 2 เบส ใหผ ูตัดสินชมู อื ขวาขึ้นเหนือศรี ษะ แลว แสดงจาํ นวนเบสดว ยน้วิ มอื 2 น้วิ ฐ. เพ่ือแสดงวาเปนโฮมรัน ใหผูตัดสินกํามอื และชูมือขวาข้ึนเหนือศีรษะแลว หมุนแขน ในทิศทาง ตามเข็มนาฬิกา ฑ. เพื่อแสดงวาเปนอินฟลดฟลาย ใหผูตัดสินชูแขนขวาข้ึนเหนือศีรษะแลวขาน “อินฟลด ฟลาย อฟี แฟร แบตเตอรอ สี เอาต” ฒ. เพ่ือแสดงวายงั ไมใหพิตช ใหผตู ัดสินเพลตยกมือขางหน่ึงหันฝามอื ไปทางพิตเชอร ถาพิตเชอร ยังคงพิตชลูกบอลใหขาน “โนพิตช” ขอ 8 การหยุดการแขง ขันช่ัวขณะ ก. ผตู ัดสินหยดุ การแขง ขันชัว่ ขณะไดต ามท่เี หน็ สมควร ข. ใหหยุดการแขงขันชั่วขณะเม่ือผูตัดสินเพลตออกไปจากตําแหนงท่ีประจําอยูเพื่อทํา ความสะอาดโฮมเพลต หรอื ทําหนา ที่อ่ืนท่ีไมเ กยี่ วขอ งโดยตรงกบั การตัดสนิ ค. ใหผูตัดสินหยุดการแขงขันชั่วขณะ เม่ือผูตีหรือพิตเชอรกาวออกจากตําแหนงโดยมีเหตุผล อนั สมควร ง. หามผตู ดั สนิ ขาน “ไทม” หลังจากพติ เชอรเรม่ิ หมนุ แขน จ. หามผูตัดสนิ ขาน “ไทม” ขณะท่กี ารเลน ยังดาํ เนนิ อยู ฉ. ในกรณีทเี่ กิดการบาดเจบ็ หามผูต ัดสินขาน “ไทม” จนกวาการเลนทด่ี ําเนินอยูสิน้ สดุ ลงหรือ ผวู ิง่ ถกู หยดุ เอาไวที่เบส เวนแตผ ตู ัดสนิ เหน็ วาเปน การบาดเจ็บทีร่ า ยแรง

89 ผล ขอ 8 ฉ ในกรณีท่ีเกิดการบาดเจ็บ เมื่อผูตัดสินขาน “ไทม” เปนเดดบอล ผูว่ิงจะได เคล่ือนไปครอบครองเบสขางหนา ซึ่งผตู ัดสินเห็นวาผวู ง่ิ นาจะครอบครองไดถ าไมมีการบาดเจ็บ เกดิ ขึ้น ช. หา มผูตัดสินหยุดการแขงขันช่ัวขณะ ตามท่ีผจู ัดการทีม ผฝู กสอน หรือผเู ลน ขอ จนกวา การ เลน ทด่ี าํ เนนิ อยสู น้ิ สดุ ลง ซ. (ประเภทสโลวพ ิตช) ควรขาน “ไทม” เมื่อผูต ัดสินเหน็ วาการเลน ส้ินสุดอยา งชดั เจน ขอ 9 การละเมดิ กตกิ าและการลงโทษ ก. หามผูจัดการทีม ผูฝกสอน หรือผูเลนกลาววาจาหรือแสดงอาการดูถูกผูเลนทีมคูแขงขัน เจา หนาท่ฝี า ยจัดการแขง ขัน หรือผชู ม ตลอดจนกระทําการใดๆ ซ่งึ ไมใ ชว สิ ยั ของนกั กีฬา ข. บทลงโทษสาํ หรับผเู ลน ท่ีละเมดิ กตกิ า คอื การใหออก หรือไลอ อกจากการแขง ขนั ทนั ที ค. บทลงโทษสําหรบั ผจู ดั การทีม ผูฝก สอน หรอื เจา หนา ท่ที ีม ไดแ ก 1. เมื่อมีการกระทาํ ผดิ กติกาคร้ังแรก ใหเตอื นผกู ระทาํ ผิด 2. เมื่อมีการกระทําผิดกติกาเปนครั้งท่ี 2 หรือถากระทําผิดคร้ังแรกแตผูตัดสินเห็นวา รายแรง ผูกระทําผิดนนั้ จะถกู ไลออกจากการแขงขนั หมายเหตุ ในกรณที ่หี วั หนา ผูฝกสอนถกู ไลออกจากการแขง ขัน ใหแจง ชอ่ื บุคคล ทจ่ี ะเปนหัวหนา ผูฝ กสอนในชว งเวลาทเี่ หลือตอ ผูต ัดสินเพลต ง. ผเู ลนท่ีถูกใหออกจากการแขงขันจะนั่งอยูในเขตท่ีพักของทีมก็ได แตเขารวมการแขงขันไมได เวน แตในฐานะผูฝกสอน จ. ผจู ัดการทีม ผูฝ กสอน ผูเลน หรือเจา หนาท่ที มี ท่ีถูกไลออกจากการแขงขัน ใหตรงไปอยูใ นหอ ง เปลีย่ นเครือ่ งแตงกายตลอดเวลาทเ่ี หลอื อยู หรอื ออกจากสนามแขง ขนั ไป ฉ. หากผทู ี่ถูกใหอ อก หรอื ไลอ อกจากการแขง ขันไมป ฏิบตั ิตามโดยทนั ที ใหป รบั เปนแพ

หมวด 11 การประทว ง (PROTESTS) ขอ 1 การประทวงทไี่ มร บั พิจารณา ไมรับพิจารณาการประทวง ถาประทวงเกี่ยวกับความถูกตองของการใชดุลพินิจของผูตัดสิน หรือ ทมี ทีป่ ระทวงชนะการแขง ขนั ตัวอยางของการประทวงท่ไี มร ับพิจารณา ไดแก ก. ลูกบอลทถี่ กู ตีเปนแฟรบ อล หรือฟาวลบ อล ข. ผูวง่ิ “เซฟ” หรือ “เอาต” ค. ลกู บอลที่พิตชมาเปน “สไตรค” หรือ “บอล” ง. การพติ ชน นั้ ถกู กติกา หรอื ผิดกตกิ า จ. ผูวิ่งแตะเบส หรอื ไมไดแตะเบส ฉ. ผูวิง่ เคล่ือนออกจากเบสกอ นฝา ยรบั สัมผสั ฟลายบอลครัง้ แรกหรอื ไม ช. รับฟลายบอลไดโ ดยถูกกติกาหรือไม ซ. เปน อินฟล ดฟ ลายหรอื ไม ฌ. มกี ารรบกวนหรือไม ญ. มกี ารขดั ขวางหรือไม ฎ. ผูเ ลนหรอื ลูกบอลเขา ไปในเขตเดดบอล ลกู บอลโดนวตั ถุ หรอื ถูกบคุ คลอน่ื ใดในเขตเดดบอล หรอื ไม ฏ. ลูกบอลท่ีถกู ตีลอยขามรั้วก้นั ดานนอกหรือไม ฐ. สภาพสนามเหมาะสมที่จะแขง ขนั ตอไปหรือไม ฑ. มแี สงสวา งเพยี งพอทจี่ ะแขงขันตอไปหรือไม ฒ. กรณีอ่นื ๆ ทเ่ี กี่ยวขอ งกบั ความถกู ตอ งของการใชดุลพินิจของผตู ดั สิน ขอ 2 การประทวงทร่ี ับพจิ ารณา รบั พจิ ารณาการประทว งทเ่ี กย่ี วของกบั ประเดน็ ตา งๆ ดังตอ ไปนี้ ก. การตคี วามกตกิ าผดิ พลาด ข. ผูต ัดสินไมไดใชก ติกาทถ่ี กู ตองและเหมาะสมกบั สถานการณท่เี กิดข้นึ ค. ผตู ัดสนิ ไมไดใชบทลงโทษที่ถกู ตอ งและเหมาะสมกับการทําผดิ กติกาท่ีเกิดขึน้ หมายเหตุ 1. การประทวงตามขอ ก-ค ตองกระทาํ กอ นเกิดเหตุการณใดเหตุการณหนง่ึ ตอไปน้ี - มีการพติ ชค รงั้ ตอ ไปแลว (ไมวา ถูกหรือผิดกตกิ า) - ผเู ลนฝา ยรบั ในอนิ ฟล ดอ อกพน เขตแฟร - ผตู ดั สนิ ออกนอกสนามแขงขัน หลังการเลนสุดทายของการแขง ขนั 2. หลังจากมีการพิตชที่ถูกกติกา หรือมีการขานเปนการพิตชที่ผิดกติกาแลวไมมีการ เปลยี่ นแปลงการตัดสนิ ง. การขาดคณุ สมบัติของสมาชิกของทีมในบญั ชรี ายชอ่ื หมายเหตุ การประทวงตามขอน้ี ตองย่ืนตอผมู ีหนาท่ีรบั ผิดชอบ (ไมใชย ื่นตอ ผูตดั สิน) และจะยื่นเม่ือใดก็ ได ถาเปนไปตามที่กาํ หนดไวในหมวด 11 ขอ 5

91 ขอ 3 การประทวงท่เี กย่ี วกับความถูกตอ งของการใชด ุลพนิ ิจของผูตดั สินและการตีความกตกิ า การประทวงจะเกยี่ วกับความถกู ตอ งของการใชด ลุ พนิ จิ ของผตู ดั สิน และการตีความกติกาก็ได กรณีตัวอยาง ไดแก ขณะที่ฝายรุกมี 1 เอาต และมีผูว่ิงบนเบสสองและเบสสาม ผูตีตีลูกบอล เปน ฟลายบอลออกไปไกล ผูเลนฝา ยรับรบั ลกู บอลได ผูตีเอาต ผูว ่งิ บนเบสสามแตะเบสรอจนฝายรับสัมผัส ลูกบอลคร้ังแรก ผูว่ิงบนเบสสองไมไดแตะเบสรอ ผูว่ิงบนเบสสามว่ิงมาแตะโฮมเพลตกอนฝายรับจะนํา ลกู บอลมาแตะเบสสองและขออุทธรณทําใหผ ูวิ่งเอาตเปนเอาตที่ 3 ผูต ัดสินไมใหฝา ยรุกไดคะแนน กรณีผูวิ่งบนเบสสองออกจากเบสกอนฝายรับสัมผัสลูกบอลครั้งแรก และมีการนําลูกบอลมาแตะท่ี เบสสองกอนผูว่ิงที่เบสสามแตะโฮมเพลตหรือไม เปนเรื่องความถูกตองของการใชดุลพินิจของผูตัดสิน ไมสามารถประทวงได สวนการที่ผูตัดสินเพลตไมใหฝายรุกไดคะแนน เปนการตีความกติกาผิดพลาด สามารถประทว งได ขอ 4 การแสดงความจํานงจะประทวง การแสดงความจาํ นงจะประทว ง ตอ งกระทําโดยทนั ทีกอนท่จี ะมีการพติ ชค ร้ังตอไป ขอยกเวน การประทวงคณุ สมบัตนิ กั กฬี า ก. ใหผูจัดการทีม หรือผูท่ีทําหนาท่ีแทนผูจัดการทีมของทีมท่ีทําการประทวง แจงผูตัดสินเพลต ทันทีวาตองการประทวง ใหผูตัดสินเพลตแจงตอไปใหผูจัดการทีมของทีมคูแขงขัน และ ผบู นั ทึกผลทราบวาการแขง ขนั คร้ังนีด้ าํ เนินตอไปภายใตก ารประทว ง ข. ใหผูท่ีเก่ียวของทุกฝายบันทึกสภาพเหตุการณและเงื่อนไขตางๆ ท่ีเก่ียวของกับการตัดสิน ท่ีเกดิ การประทว งไว เพื่อชว ยในการระบปุ ระเดน็ ไดอยางถกู ตอง หมายเหตุ ในกรณีทเ่ี ปน การเลนตองอุทธรณตองกระทํากอนมีการพิตชครั้งตอไป (ไมวา ถกู หรือผิดกติกา) หรือกอ นทท่ี ีมฝายรับจะออกนอกสนามแขงขนั กติกาขอนใ้ี หถอื วา ผเู ลนฝายรับ “ออกนอก สนามแขงขนั ” เมือ่ พติ เชอรแ ละผูเลนทกุ คนออกพนเขตแฟรไปยัง เขตทีพ่ กั ของทีมแลว ขอ 5 กําหนดเวลาทตี่ องยน่ื เอกสารประทว ง ตอ งยื่นเอกสารประทว งอยา งเปน ทางการภายในเวลาอนั สมควร ก. ในกรณีท่ีไมมีการกําหนดไวในระเบียบของคณะกรรมการจัดการแขงขัน ควรรับพิจารณา เอกสารประทวงที่ย่ืนมาภายในเวลาอันสมควร ซึ่งข้ึนอยูกับลักษณะเหตุการณท่ีเกิดข้ึน และ ความยากลําบากในการหาขอ มูลทจี่ ะนํามาใชป ระกอบ ข. โดยทว่ั ไป ถือวาภายใน 48 ช่วั โมงหลังจากเวลาเร่ิมตนการแขง ขนั เปน เวลาอนั สมควร ขอ 6 ขอ มูลท่ีตองระบใุ นเอกสารประทวง เอกสารประทวงอยา งเปน ทางการควรจะประกอบดวยขอมูลดังตอ ไปน้ี ก. วัน เวลา และสถานทีแ่ ขง ขนั ข. รายชื่อผตู ดั สนิ ทัง้ หมด และผูบันทึกผล ค. หมวดและขอ ของกติกา หรอื ขอตกลงเพิม่ เติมที่ใชในการแขง ขัน ท่เี กี่ยวขอ งกับการประทว ง ง. การตดั สิน พรอมรายละเอยี ดของเหตกุ ารณและเงื่อนไขตา งๆ ทเ่ี ก่ียวของกับการตดั สนิ จ. ขอเทจ็ จริงที่สาํ คัญๆ ทั้งหมดท่ีเกยี่ วขอ งกบั ประเดน็ ทปี่ ระทว ง

92 ขอ 7 ผลการประทวง การตัดสนิ การประทวง ตอ งมีผลอยา งใดอยางหนง่ึ ตอ ไปนี้ ก. การประทว งนั้นไมเปน ผล คงผลการแขง ขันไว ข. การประทวงน้นั เปน ผล เนื่องจากการตคี วามกติกาผดิ พลาดใหผูตัดสินแกไขคําตัดสนิ ใหถกู ตอง ตามกตกิ ากอ น และแขงขันตอ ไปตามปกติ ค. การประทวงนั้นเปนผล เน่ืองจากการขาดคุณสมบัติของสมาชิกทีมใหปรับทีมที่กระทําผิด เปนแพ

หมวด 12 การบันทึกผล (SCORING) ขอ 1 ผบู นั ทึกผล ก. ใหบ นั ทกึ ขอมูลการแขง ขันตามท่ีกําหนดไวใ นกตกิ าหมวดนี้ ข. ใหผูบันทึกผลเปนผูมีสิทธ์ิตัดสินใจเกี่ยวกับการบันทึกผลของการแขงขันกับการตัดสิน เชน การครอบครองเบสหนง่ึ ของผตู ีเกิดจากการตี หรือเกดิ จากการเลนผดิ พลาดของฝา ยรับ แตก ารบันทกึ ผลของการแขงขนั ตอ งไมขัดแยง กับกติกาหรือการตดั สนิ ของผตู ดั สิน ขอ 2 ชอ งบันทกึ ผล ก. ใหเขียนช่ือ และตําแหนงของผูเลนเรียงตามลําดับการขึ้นตี หรือลําดับที่จะขึ้นตี ถาผูเลน ไมถูกเปล่ียนออกโดยถูกกติกา ถูกไลออก หรือถูกใหออกจากการแขงขัน หรือการแขงขัน สน้ิ สดุ ลงกอ นถงึ รอบขึ้นตขี องผเู ลนน้ัน หมายเหตุ (กติกาผเู ลนเลอื ดออก) สถิตทิ ี่เกิดข้ึนจากการเลนของผูเลนแทนช่ัวคราว ใหบนั ทึกวา ผเู ลน แทน ช่วั คราวเปนผกู ระทํา แมวา จะเปน ผูเลนสํารองซ่ึงไมไดเ ปลี่ยน เขา มาแทนผูเ ลน คนใดเลย 1. (ประเภทฟาสตพิตช) จะเลือกใชผูเลนแทน (ดีพี) หรือไมก็ได ถาใชผูเลนแทน ตองแจงผูตัดสินเพลตต้ังแตกอนเริ่มการแขงขันและตองเขียนรายช่ือผูเลนแทน ลงในใบ บันทึกผลในลําดบั การข้ึนตีปกติ รายช่ือทั้งหมดจะมี 10 ช่ือ โดยลําดับที่ 10 เปนรายช่ือ ของผูเลนเฟลก็ ซ ซ่ึงดพี เี ปนผตู ีแทน 2. (ประเภทสโลวพิตช) จะเลือกใชผูเลนพิเศษ (อีพี) หรือไมก็ได ถาใชผูเลนพิเศษ ตองแจงผูตดั สินเพลตต้ังแตกอ นเร่ิมการแขงขัน และตองเขยี นรายช่ือผูเลนพิเศษลงในใบ บนั ทึกผลตามลําดับการขน้ึ ตีปกติ รายช่ือทงั้ หมดจะมี 11 ช่ือ (ประเภททีมผสมมี 12 ชื่อ) และทุกคนตองเปนผตู ี หมายเหตุ ถา มีการใชผูเลนพเิ ศษ ตอ งใชต ลอดการแขงขันเกมนั้น มิฉะน้นั จะถกู ปรับเปน แพ ข. ตองบนั ทึกขอ มูลของผเู ลน แตล ะคนในการขนึ้ ตี และการรบั ลกู บอลในตารางดงั ตอไปน้ี 1. ชอ งทห่ี นึ่ง ใหแสดงจํานวนครงั้ ทขี่ ึ้นตขี องผเู ลนแตละคน ไมน ับเปนจาํ นวนคร้ังท่ขี นึ้ ตี ก) เมอ่ื ผูเ ลนน้ันตีลกู บอลเปนฟลายบอลเสยี สละ สงใหเพอื่ นรวมทีมไดคะแนน ข) เม่ือผเู ลนนน้ั ไดเ บสออนบอล ค) เมื่อผเู ลนนน้ั ไดครอบครองเบสหนง่ึ เนอ่ื งจากการขัดขวาง ง) (ประเภทฟาสตพิตช) เมอ่ื ผูเ ลน น้ันบนั ตเสียสละ จ) (ประเภทฟาสตพิตช) เมือ่ ผเู ลนน้ันโดนลูกบอลท่ีถูกพติ ชมา 2. ชองที่สอง ใหแ สดงจํานวนคะแนนท่ีผูเลนแตล ะคนทาํ ได 3. ชอ งท่สี าม ใหแสดงจํานวนคร้ังทผ่ี ูเลน แตล ะคนทาํ เบสฮิตได เบสฮิต หมายถึง การตลี กู บอลเปน แฟรบอล ผูตไี ปครอบครองเบสโดยปลอดภัย

94 ก) เมื่อผูว่ิงแรกเร่ิมไปครอบครองเบสหน่ึง หรือเบสอื่นๆ โดยปลอดภัยจากการตี ลูกบอลเปนแฟรบอล โดยลูกบอลหยุดอยูในสนาม ขามรั้วก้ันดานนอก หรือปะทะ กบั รั้วกน้ั กอ นผเู ลน ฝา ยรับสัมผสั ข) เมื่อผูว ิ่งแรกเริ่มไปครอบครองเบสหน่ึงโดยปลอดภัยจากการตีลูกบอลเปนแฟรบอล ซ่ึงเร็ว ชา หรือกระดอนผิดปกติ จนผูเลนฝายรับไมสามารถทําใหผูว่ิงเอาตได ดว ยการเลนปกติ ค) เมือ่ แฟรบอลไมสมั ผัสผูเลน ฝา ยรับ เปนเดดบอลเนื่องจากโดนรางกายตัวหรือเส้ือผา ของผูวิ่ง หรอื ผูต ัดสิน ง) เม่ือผูเลนฝายรับไมสามารถทําใหผูว่ิงบนเบสเอาต และผูบันทึกผลเห็นวา ถาผูเลน ฝายรับเลือกที่จะทําใหผูว่ิงแรกเริ่มเอาต และเปนการเลนท่ีสมบูรณ ก็ไมสามารถ ทําใหผูว่ิงแรกเรมิ่ เอาตได จ) เม่ือผูตีทําใหการแขงขันส้ินสุดลงดวยการทําเบสฮิต ทําใหทีมไดคะแนนเพียงพอ ที่จะชนะ ใหบันทึกจํานวนเบสที่ผูตีทําไดเทากับจํานวนเบสท่ีผูวิ่งที่ทําคะแนนให ทีมชนะทาํ ได ขอยกเวน เมื่อผูตีทําใหการแขงขันสิ้นสุดลงดวยการตีลูกบอลขามร้ัวก้ันดานนอก ใหบันทึกวา ผูตไี ดโฮมรัน และใหผวู ิง่ ทุกคน รวมทง้ั ผูตี ไดค ะแนน 4. ชองทสี่ ่ี ใหแสดงจาํ นวนคร้งั ท่ผี เู ลนฝายรบั แตล ะคนทําใหผ ูเลนของทมี คูแ ขงขนั เอาต ก) ใหนบั จาํ นวนครั้งท่ีผูเลนแตละคนทําใหผ เู ลน ของทมี คูแขง ขนั เอาต 1) เมอ่ื ผูเ ลน นัน้ รบั ฟลายบอลหรือลกู พงุ ได 2) เม่อื ผเู ลน นัน้ รบั ลูกบอลท่ถี กู ขวางมา ทาํ ใหผ ตู ีหรอื ผูว งิ่ เอาต 3) เม่ือผูเลนนั้นแตะผูวง่ิ ดว ยลกู บอลโดยถกู กติกาขณะทผี่ ูวงิ่ ไมอยูบนเบส 4) เมื่อผูเลนน้ันอยูใกลลูกบอลที่สุดเมื่อผูว่ิงถูกขานเอาตเน่ืองจากลูกบอลท่ีเปน แฟรบอลโดนตัวในเขตแฟร หรอื ผูวงิ่ ทําการรบกวนผูเ ลน ฝา ยรับ 5) เมื่อผูเลน นน้ั อยใู กล (ที่สุด) กับผเู ลนสาํ รองท่ีเปล่ียนเขา มาแขงขันโดยไมไดแจง ผูตัดสินเพลต และผูเลนสํารองน้ันถูกขานเอาตตามกติกาหมวด 4 ขอ 8 ช (ฝา ยรกุ ทาํ ผดิ กตกิ า) 6) เมือ่ ผเู ลน นน้ั อยูใกล (ท่สี ุด) กับผูว่ิงที่ถกู ขานเอาตเ น่อื งจากว่ิงออกนอกทางว่ิง ข) นบั จํานวนครง้ั ทท่ี าํ ใหผ เู ลน ของทมี คูแขงขันเอาต ใหกับแคตเชอร 1) เมอ่ื ผตู ดั สินเพลตขานเปนสไตรคท ี่ 3 2) (ประเภทสโลวพิตช) เม่ือผตู ีบนั ตหรอื ช็อปบอล 3) เม่อื ผูตไี มไดขึ้นตีตามลาํ ดบั การขึ้นตีท่ถี ูกตอง 4) เมื่อผูต ีรบกวนแคตเชอร 5) (ประเภทสโลวพ ิตช) เมอ่ื ผตู ีตีเปนฟาวลบอลในสไตรคที่ 3 6) เม่ือผูตถี กู ขานเอาตเนอื่ งจากเปน การตีทผี่ ดิ กติกา 7) (ประเภทฟาสตพิตช) เม่ือผูตีถูกขานเอาต เน่ืองจากบันตเปนฟาวลบอล ในสไตรคท ี่ 3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook