Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore wish_eruuengelaaephuuekhwaamhwangaelaphlangaic

wish_eruuengelaaephuuekhwaamhwangaelaphlangaic

Description: wish_eruuengelaaephuuekhwaamhwangaelaphlangaic

Search

Read the Text Version

ทุกยุคทุกสมยั คนจ�ำเป็นตอ้ งมจี ิตตปญั ญาในการใชช้ ีวติ “ไม่ว่ายุคไหนก็จ�ำเป็นทั้งนั้น  ลองหลับตานึกถึงมนุษยชาติไร้ ซ่ึงคุณธรรม  ไร้ซึ่งจิตตปัญญาและศีลธรรม  จะอยู่ได้อย่างไร  มันคงไม่ ตา่ งจากสัตว์เดรัจฉาน เดรจั ฉานต้องกัดกนิ กันอยา่ งน้ตี ลอดไป ตอน นี้เราก็ใกล้เข้าทุกทีแล้วนะครับ  เพราะฉะนั้นย่ิงมีความจ�ำเป็นมากใน ยุคท่ีคนไปบูชาหลงใหลในวัตถุ  จนลืมว่ามีส่ิงที่ส�ำคัญกว่า  คนท่ีหลง ในวัตถุกลายเป็นเร่ืองของการทันสมัย  กลายเป็นเรื่องของการโก้เก๋  แต่ไม่รู้ถึงแก่นแท้ว่า  จ�ำเป็นหรือไม่จ�ำเป็นแค่ไหนท่ีเราต้องมีสิ่งต่างๆ เหลา่ นั้น มนุษย์ปัจจุบันน้ีท�ำลายล้างโลกใบน้ีและท�ำลายล้าง ทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างบ้าคล่ัง  ความมีน�้ำใจเผื่อแผ่ต่อคนมี น้อยลงนับวันก็ยิ่งได้ยินว่าคนแน่นเมืองไปหมด  แต่มีแต่คนเหงา  ใช่ ไหมครบั คนโบราณนอี้ ยู่กนั กระจดั กระจายหม่บู ้านละไม่กคี่ น  เขาไม่ เหน็ เหงาเหมือนคนปัจจบุ ันทบ่ี ่นเหงา  มรี ถ มคี อนโด มีทีวี มีไอโฟน มี คอมพิวเตอร์  แต่เราเหงา  เพราะเราไม่รู้จักจัดการจิตใจ  มัวหลงใหล ได้ปล้ืมกับสิ่งท่ีไร้สาระไม่มีแก่นแท้  ชีวิตก็ไม่มีอะไรยึดเหนี่ยว  ไม่มี คุณค่า  ส่ิงท่ีมีค่าส�ำหรับชีวิตเรามากท่ีสุดก็คือการตระหนักถึงคุณค่า ของตัวเราเอง  คุณค่าในตัวเราเองไม่ได้แปลว่าเรามีเงินในธนาคาร เท่าไร  คุณค่าที่ส�ำคัญคือเรามีคุณค่าต่อโลกใบน้ีเท่าไร  ต่อทั้งตัวเรา เอง ทัง้ ครอบครัวเรา  และตอ่ เพอื่ นมนุษยค์ นอืน่ ๆ” 51

จดุ เปล่ยี นครั้งสำ� คญั ของคุณหมออดุ มศลิ ป์ “ในอดีตชีวิตผมก็เหมือนคนอื่นๆ  ท่ีเมื่อก่อนน้ีว่ิงหาแต่ความ ส�ำเร็จที่สังคมเขายกย่องนับถือ  ผมท�ำงานหามรุ่งหามค่�ำ  กลางวัน เป็นอาจารย์ท่ีศิริราช  ตอนเย็นท�ำคลินิก  หลังจากคลินิกตอนดึกไป รักษาคนไข้พิเศษตามโรงพยาบาลเอกชนต่างๆ  แล้วยังดูแลธุรกิจ ของครอบครัวอีก  ตอนนั้นเรานึกว่าเราแน่  ไม่มีวันเป็นอะไรหรอก แล้ววันหน่ึงอยู่ดีๆ  ไปตัดผม  ช่างตัดผมเขาก็ถามว่า  ท�ำไมผมคุณ หมอมันร่วงเป็นวงๆ  อย่างน้ี  ผมตกใจ  ถามว่าไหนมาดูหน่อยสิ  เขาก็ เอากระจกมาให้ดู  ปรากฏว่าผมของผมน่ีร่วงเป็นวงๆ  เหมือนเหรียญ สตางค์  เราเป็นหมอเองเราก็รู้ทันทีเลย  อย่างน้ีเขาเรียกว่าโรคท่ีมัน เกิดจากความเครียด  ผมร่วงเหมือนเป็นการปลุกแต่เรายังไม่รู้สึกตัว นะ  จนกระทั่งเป็นโรคหัวใจตีบเพราะว่าเครียดมาก  ก็เลยรู้ว่าน่ีเราไม่ ไหวจรงิ ๆ แล้วนะ ผมปว่ ยจนหมดสตติ อนนนั้     มนั เปน็ สัญญาณเตือน ภยั ปลุกเราสะดุง้ จากความไม่รู้และความหลงมวั เมาทงั้ หลาย  วา่ เรา ท�ำอะไรกับตัวเอง  ตอนน้ันเพิ่งสี่สิบต้นๆ  ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรา 52

จะตายเลยนะ  เพราะรู้สึกว่ามันห่างไกลเหลือเกิน  ไม่เคยพูดถึงความ      เจ็บป่วย แตว่ นั นน้ั คดิ นะ นีเ่ พงิ่ จะส่ีสบิ กวา่   นจ่ี ะตายแล้วหรือ พอไป ตรวจแล้วมันเป็นเส้นเลือดตีบจริงๆ  แล้วเราตายไม่ได้  หนึ่งก็เมียยัง สวยอยยู่ งั สาวดว้ ย สองลูกเต้า สามบา้ นกย็ ังผอ่ นไมห่ มด มันลืมตา สะดงุ้ ต่ืนขึน้ มาแลว้ ...ฉนั ไมม่ ีสทิ ธแิ มแ้ ต่จะตาย หลังจากวันน้ันก็เลยเร่ิมต้นท่ีจะดูแลตัวเองใหม่  รู้จักเริ่มมา เดินวิ่งเพื่อสุขภาพ   กลายเป็นผู้ปลุกคนทั้งประเทศให้วิ่งเพ่ือสุขภาพ  แล้วต่อมาเมื่อสุขภาพกายดีข้ึนแต่ใจยังไม่น่ิง   มีผู้หลักผู้ใหญ่แนะน�ำ ให้ไปปฏบิ ตั ิธรรม กเ็ ลยไปปฏิบตั กิ รรมฐาน  ตอนนน้ั เราเห็นประโยชน์ การฝึกจิต  จากท่ีไม่เคยฝึก  มันเหมือนลิงที่อยู่ไม่สุข  ส่ายไปมาตลอด เวลา  แต่พอฝึกจิตให้มันน่ิงๆ  น่ิงอยู่กับตัวเรา  อยู่กับทุกขณะจิต หายใจเข้าออกเลยรู้เลยว่าเม่ือสติอยู่กับตัวเรา   เราก็จะไม่มีประมาท พระพุทธเจ้าสอนไว้ถึง  84,000  พระธรรมขันธ์เลยนะ  ในพระไตรปิฎก ท้ังส่ีสิบห้าเล่มท่ีเป็นภาษาไทยน่ะ  ย่อได้ค�ำเดียวเลยว่า ‘ไม่ประมาท’  แต่ยอ่ กว่าคำ� วา่ ไม่ประมาทคือ ‘สต’ิ เม่ือมีสตกิ ไ็ ม่ประมาท ถ้าไม่ ประมาทกม็ สี ติ เพราะถ้ามีสติซะอย่างก็คอื ชนะทกุ อย่าง   คอื รู้เทา่ ทัน ตัวเองหมดย่ิงฝึกปฏิบัติดีขึ้น   จิตก็จะว่องไวมากข้ึน   ว่องไวในที่น้ีคือ ไวท่ีจะจับความรู้สึก  จิตใจทุกขณะของเราได้   ความประมาทจะลด ลง   และรู้ทันท ี  อะไรดอี ะไรไม่ดี “อีกอันหน่ึงก็คือพระเจ้าอยู่หัวตรัสค�ำว่า ‘พอเพียง’  มันเป็น มัชฌิมาปฏิปทาจริงๆ พระพุทธเจ้าสอนนะครับทางสายกลาง  และ ต้งั แต่นั้นมาผมกไ็ มส่ ดุ โตง่ เหมอื นอยา่ งเมอ่ื ก่อนแล้ว เดยี๋ วนเ้ี รารคู้ �ำวา่ พอเพียงคืออะไร  พอดีๆ  ในทางสายกลาง  รู้จักเม่ือไหร่จะพอ  เม่ือไหร่ จะหยดุ   เพราะฉะนน้ั ชวี ิตยนื ตรงๆ มนั ดกี วา่ เดมิ เยอะ” 53

ความตายไมน่ า่ กลัวถา้ รูจ้ ักและเข้าใจ “เพราะคนไม่เข้าใจค�ำว่า ‘ตาย’ พอไม่เข้าใจกก็ ลัว แตถ่ า้ คน เข้าใจก็จะไม่กลัวและจะเตรียมตัวตายทุกวันด้วยซ�้ำ  ผมพูดเร่ืองตายใน รายการวิทยุ คนกต็ กใจ เปน็ หมอพดู เรื่องตาย ของอย่างนอ้ี อกวทิ ยุทกุ คืน ได้ไง ผมกบ็ อก ผมซ้อมตายทุกคืน เพราะมีอะไรทแี่ น่นอนกว่าความตาย หรอื มใี ครหลุดพ้นไดไ้ หม มใี ครหนีรอดได้ไหม แลว้ มีใครรวู้ ่าจะตายเมอื่ ไหร่  พรุ่งนเ้ี ช้าจะตืน่ ขึน้ มาอีกไหม เพราะฉะน้ันทกุ คืนซอ้ มตายไว้ ทุกคนื กอ่ นนอนจะเจริญสติ ซอ้ มตาย  ถา้ พรุ่งนผ้ี มไม่ลืมตาตน่ื ขน้ึ มา  วนั นผี้ ม ทำ� แต่ความดพี อหรอื ยงั   ได้เตรียมพร้อมสำ� หรับความตายพอหรือยงั ” “พอท�ำอย่างนี้เข้ามันก็พร้อมทุกขณะที่จะตายแล้ว  พระอานนท์ เคยตรัสถามพระพุทธเจ้าเมื่อพระพุทธเจ้าบอกว่าจะเจริญมรณานุสติว่า  เราเจรญิ สติระลึกถึงความตายเทา่ ไรถึงจะพอ พระพทุ ธเจา้ บอกวา่ ทกุ ลม หายใจเข้าออกกย็ งั น้อยไป” “คนที่ไม่เข้าใจจะคิดว่า  พระพุทธเจ้าให้เราคิดถึงความตายใน ทุกลมหายใจเข้าออกทุกขณะจิต  แล้วมันจะเหลือไปท�ำอะไรอย่างอื่น ต่อล่ะ  แบบน้ันคือการเข้าใจผิด  พระพุทธเจ้าสอนให้เราเจริญสตินึกถึง ความตาย  ไม่ประมาท  เพราะเราเหลือเวลาที่จะท�ำความดีบนโลกน้ีอีก ไม่เท่าไรแล้ว  พรุ่งน้ีอาจจะตายก็ได้   ฉะนั้นเวลาที่เหลือมีค่ามากที่จะ สะสมไว้ก่อนจะตาย ชีวติ ผมเหน็ คนตายคนเกิดมากเ็ ยอะ บางคนตาย ตัง้ แตอ่ ายุนอ้ ยๆ อย่างน่าเสยี ดาย บางคนตายอย่างทรุ นทรุ ายตายอยา่ ง เสียดายตัวเอง  วันหนึ่งสักหน่ึงช่ัวโมงฉันน่าจะได้ท�ำนั่นท�ำน่ี  ไม่มีใครท่ี เลอื กเวลาตายได้ เลอื กท่ีตายได้ หรอื เลอื กโรคหรือสาเหตุทีจ่ ะตายได้ ทกุ คนตอ้ งถึงวนั นั้นสกั วันหน่งึ เพราะงนั้ ตอ้ งซอ้ ม นกั มวยออ่ นซอ้ มเกินไป ตอ้ งแพ้แนน่ อน ทมี กีฬาถ้าไม่ซอ้ มแข่งกแ็ พ้แนน่ อน จะสมบรู ณไ์ ดต้ ้อง 54

ซ้อมบอ่ ยๆ คุณกับผมมีสิทธิ์ตายกีค่ ร้ังกัน คร้ังเดียวแล้วถ้าคณุ ไม่ซอ้ ม ไว้   พอถึงเวลาถ้ามันพลาดแล้วท�ำไง  อยากตายอย่างทุรนทุรายทุเรศ ทุรงั ไหม เพราะงนั้ มีสตเิ ราก็รอด โอกาสทีจ่ ะตายอยา่ งทุเรศทรุ ังมีนอ้ ย มาก ตายอยา่ งมีสติตายอย่างไมค่ ร่ำ� ครวญ เพราะเราเตรียมตวั ตาย” เหตุการณ์เตือนใจและน่าประทับใจเกี่ยวกับการส่งต่อความ สขุ และการสร้างคณุ คา่ ต่อโลก “เรื่องท่ีเกิดขึ้นล่าสุด  คือผมและเพ่ือนท�ำรายการวิทยุดนตรี และชีวิต  เป็นเพลงคลาสสิก  คืนวันอาทิตย์สามทุ่มถึงห้าทุ่ม  คืนหน่ึง มีคนโทร.เข้ามาถามหลังไมค์ว่า  คุณพ่ออายุมากแล้ว  ป่วยหนักอยู่ ไอซียู  ทรมานมาก  จะท�ำอย่างไรให้คุณพ่อทรมานน้อยลง  เขาฟัง รายการผม  อยากจะหาซีดีเพลงอะไรที่คุณพ่อฟังแล้วจะดีขึ้น  ตอน น้ันมีข้อมูลมาแค่น้ีนะครับ  ไม่ได้บอกด้วยนะว่าคุณพ่อเป็นอะไร  ผมก็ แนะน�ำไปว่าฟังเพลงคลาสสิกซีเรียสๆ  คงไม่ไหว   น่าจะเป็นเพลงไลท์ มิวสิกท่ีฟังเพลิดเพลิน และฟังได้เร่ือยๆ  ให้ผ่อนคลายผมก็แนะน�ำไป แล้วเขาก็ไปซ้ือมาฟังตามท่ีแนะน�ำ   บังเอิญว่าที่ร้านขายแผ่นซีดีฟัง รายการด้วยก็บอก  นี่ใช่ไหมท่ีคุยกับคุณหมออุดมศิลป์แล้วคุณหมอ แนะน�ำเพลงของวงน้ีแผ่นน้ีๆ  เจ้าของร้านก็ไม่คิดสตางค์ให้ไปฟรีๆ เลย  เห็นไหมครับความดีเกิดข้นึ ” “แล้วเขาก็เอาไปเปิดให้คุณพ่อฟังหลังจากนั้น  ผู้ฟังท่านน้ันก็ หายไปปีหนึ่ง  จนกระท่ังเม่ือวันอาทิตย์น้ีเขาก็กลับมาใหม่  ส่งโน้ตมา ยาวเลยนะครับ  แล้วก็กระเช้าส้มกระเช้าเบ้อเร่ิม  แล้วในโน้ตก็บอก วา่ คณุ หมอจำ� ไดไ้ หม  ปกี ว่าๆ ทมี่ าขอคำ� แนะนำ� เรอ่ื งคุณพอ่ แล้วกไ็ ด้ รับแผ่นซีดีเพลง  แล้วก็ไปเปิดให้คุณพ่อฟัง  คุณหมอรู้ไหมว่าคุณพ่อ อาการดีข้ึนจนตอนนี้กลับไปบ้านแล้ว  มีความสุขมากเลยกับเพลงที่ 55

คุณหมอแนะน�ำ  ขอบคุณแล้วฝากส้มมาด้วย  แน่นอนว่าสถานที่ที่เรา บอกเป็นสถานที่จัดรายการเพลง  เราก็ไม่นึกว่าจะสามารถมีผลกระทบ ต่อคนฟังได้มากถึงขนาดน้ี  เราก็ปลื้ม  แต่ความปลื้มของผมมันน้อย กว่าเจ้าหน้าที่ในห้องส่ง  เพราะหมอก็เจอคนป่วยคนใกล้ตายคนตาย ทกุ วนั   ไอเ้ รือ่ งอยา่ งน้ไี มก่ ระทบกระเทือนผมมากเท่าไร  ผมชินแล้ว แต่ เจา้ หนา้ ทใี่ นห้องสง่  ช่างอิเล็กทรอนิกส์ เจ้าหนา้ ท่ีประสานงานเขาไดก้ นิ ส้มและบอกว่าช่ืนใจมาก  มันนึกไม่ถึงว่าท่ีเขาอยู่ดึกดื่นวันละตั้งแปด เก้าช่ัวโมง  อยูย่ นั เทยี่ งคนื ตหี น่ึงในหอ้ งแคบๆ เขาจะสามารถชว่ ยชวี ติ คนให้มคี วามสุข” “ผมคิดว่าความดีอยู่ทุกหนทุกแห่ง  จิตตปัญญาที่อยากจะ ท�ำความดีอยากจะช่วยคนอ่ืนมันมีท่ัวไป  อยู่ที่การมีโอกาสที่จะน�ำ ออกมาไหม   อย่างเจ้าหน้าที่เขาท�ำงานทุกวันจ�ำเจ  แต่เมื่อมีเรื่องน้ีเกิด ข้ึนมา  คิดดูว่าเขามีความภูมิใจตระหนักถึงคุณค่าของการแค่เป็นช่าง เทคนิคในห้องส่ง  เป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานในห้องส่ง  แต่ก็ท�ำให้ชีวิต เขามคี ่าขึน้   เหน็ ความสำ� คัญถงึ คุณค่าของงานทีเ่ ขาทำ� มากข้นึ   นี่แหละ คอื จติ ตปัญญาของมนษุ ย์ทจี่ ะมีใหต้ ่อกนั และกนั ” 56

สิ่งที่มีค่าส�ำหรับชีวิตเรามากที่สุดก็คือการ ตระหนักถึงคุณค่าของตัวเราเอง  คุณค่าใน ตัวเราเองไม่ได้แปลว่าเรามีเงินในธนาคาร เท่าไร  คุณค่าท่ีส�ำคัญคือเรามีคุณค่าต่อโลก ใบนีเ้ ทา่ ไร  ตอ่ ท้งั ตัวเราเอง ทง้ั ครอบครัวเรา   และต่อเพื่อนมนุษย์คนอืน่ ๆ 57

พระอาจารย์มิตซโู อะ คเวสโก “สติปัญญาอันมั่นคง บนโลกทไี่ ม่แนน่ อน” ท่านคือพระนักพัฒนาที่เข้าใจวิถีความเป็นไปในสังคม ปัจจุบันเป็นอย่างดี  ธรรมะที่ท่านสอนเข้าถึงได้ง่าย  เหมาะกับคนทุก เพศทุกวัย  และสามารถน�ำไปปรับใช้ได้จริง  จุดเด่นเหล่าน้ีมาจาก ประสบการณ์ชีวิตในอดีตของท่าน  ที่ใช้เวลาเดินทางค้นหาความสุข สงบจากหลายท่ีท่ัวโลก  ด้วยมุ่งหวังจะได้พบทางสงบท่ีแท้จริง  และ พุทธศาสนาคอื คำ� ตอบของทา่ น 58

พระอาจารย์เล่าทีม่ าของชวี ิตว่า ท่านแสวงหาความสงบมา ตัง้ แต่วยั หนุม่ “ตั้งแตเ่ ด็กๆ  นะ คดิ เสมอว่า ชวี ิตคอื อะไร เราอยากจะทำ� อะไร ถามตัวเองแล้วกไ็ ม่มีคำ� ตอบ หรือว่าเรามองดูคนญี่ป่นุ ทอี่ ยู่รอบ ตวั ใครเปน็ ตวั อยา่ งของเรา กไ็ มเ่ หน็ ว่าอยากจะเปน็ เหมือนใคร หรอื วา่ อยากจะทำ� อะไร   นีเ่ ปน็ เหตุที่เราตอ้ งหาประสบการณ์  เดนิ ทางต่าง ประเทศ  เดินทางคนเดียวหาประสบการณ์แบบวัยรุ่น   ประหยัดเงิน ท่ีสุด  แล้วก็ไปหลายประเทศ  เห็นชีวิตของเขาบ้างอะไรบ้าง  เพ่ือจะ กระตนุ้ หาคำ� ตอบว่า  จริงๆ แลว้ เราอยากจะท�ำอะไรกนั แน่ แล้วในที่สุดเราก็ไปท่ีอินเดีย  ก็มีการศึกษาธรรมะ  ถือศีล ปฏบิ ตั ธิ รรมทีอ่ าศรมตา่ งๆ ในอินเดีย เราก็เร่มิ คดิ วา่ ส่งิ แรกทเี่ ราต้อง เริ่มคือจิตใจน่ีแหละ  เราเห็นคนต่างชาติหลายคนก็สนใจทางจิต  คน ท่ีรวยแล้วมีประสบการณ์ทางโลกมากแล้ว  เขาก็เข้ามานั่งสมาธิ  เขา ถือหนังสือญ่ีปุ่นนิกายเซนหรือว่าวัฒนธรรมญ่ีปุ่น  เขาก็สนใจทาง จิตใจและวัฒนธรรมต่างๆ  ในเอเชียตะวันออก  อาจารย์เองก็เริ่มอยู่ ในอาศรม ฝึกนงั่ สมาธิ เลน่ โยคะ หรือวา่ อ่านหนังสอื ธรรมะตา่ งๆ แลว้ ก็มีประสบการณส์ มาธิดีพอสมควร ตอนนน้ั อยากจะอยู่อินเดยี ตลอด ชีวิต  แต่ว่าต่อวีซ่าไม่ได้  อยู่ได้ปีสองปีเราก็จ�ำเป็นต้องกลับญ่ีปุ่น  ก็มี พระชาวฝร่งั เศส  พระไทยแนะนำ� มาท่ีกรุงเทพ  มาบวชศกึ ษา แล้วก็ สิ่งท่ีเราทำ� อยูท่ อี่ ินเดยี เราสามารถท�ำที่เมืองไทยไดต้ ลอดชวี ิต อยู่ที่ อินเดียเราก็ตอ้ งมีคา่ ใช้จ่าย พักท่ไี หน แต่บวชพระท่ีเมอื งไทยเราไม่ ตอ้ งกงั วลปจั จัยสี”่ 59

วดั แรกทพี่ ระอาจารยม์ าจำ� พรรษาคอื วดั เบญจมบพิตร และ น่ันเป็นจุดเปลี่ยนส�ำคัญที่ท�ำให้คิดว่าอยากจะบวชที่เมืองไทยตลอด ไป “มาทีว่ ดั เบญจมบพติ ร กรุงเทพ วัดนี้จะสงเคราะห์คนต่าง ชาติ  มาถึงกรุงเทพตั้งแต่วันแรกก็มุ่งมั่นมาวัดเบญจมบพิตรต้ังแต่น้ัน ก็อยู่เป็นสามเณร  อยู่เป็นพระ  ตอนนั้นก็เร่ิมสรุปชีวิตตัวเองได้แล้วว่า ชีวติ คือการพัฒนาจิตใจ จิตใจนส่ี �ำคญั แมแ้ ต่พระพทุ ธเจ้ากป็ ระสูติ ในพระราชวัง  มีความสุขทางโลกค่อนข้างจะเต็มหรือว่าสมบูรณ์  แต่ท่านก็ยังออกบวชมา  เพราะอะไร   เพราะขัดเกลากิเลส  หรือว่า หาความสุข ความสงบ ความสขุ ทางจิตใจ ในทส่ี ดุ กต็ รสั รู้ แล้วก็เป็น ผู้รู้ น่ีแหละคือพระนพิ พาน หมายถงึ ท่สี ดุ ทางการพัฒนาจิตใจให้มี ความสขุ ทางใจมากกว่าทางโลก เหมือนพุทธสุภาษติ ว่า ความสุขอน่ื ย่งิ กว่าความสงบไมม่ ี ก็อย่วู ัดเบญจมบพิตรสามเดอื น ก็ไปวดั ปา่ บวช พระอย่ใู นวดั ป่าสายปฏิบัตแิ บบหลวงป่ชู า ท่วี ดั หนองป่าพง อย่ทู ี่นั่น หา้ ปี ในช่วงหา้ ปนี ั้นกเ็ ข้าหอ้ งกรรมฐานอยใู่ นกฏุ ิ กป็ ฏิบตั ใิ นกฏุ ติ ลอด   ไม่พูด ไม่ได้ออกไปข้างนอก  แล้วก็มีพระคอยจัดอาหารวันละคร้ังส่ง มาให้ ฝึกเก็บอารมณ์ ฝกึ กรรมฐานอยอู่ าสนะตลอดสองปี แล้วออก มาข้างนอกเฉพาะวันปาติโมกข์  ออกไปน่ังฟังปาติโมกข์สิบห้าวันครั้ง หน่งึ หลังจากนนั้ แลว้ เรากย็ ืนสงบจติ ฝึกกรรมฐาน แล้วก็เข้าใจวา่ การ เจริญสตปิ ฏั ฐาน 4 ซ่งึ พระพทุ ธเจ้าตรสั ไวว้ ่า  การปฏบิ ตั ิมที างเดียวคือ การต้องเจรญิ สติปฏั ฐาน 4 เทา่ น้นั วถิ อี นั นกี้ ็พอสมั ผสั เขา้ ใจ ท�ำใหเ้ รา ไมม่ คี วามคิดวา่ ตอ้ งสกึ คิดว่าจะบวชเปน็ พระตลอดไป 60

“ทุกข์  คืออัตตาตัวตน  พูดง่ายๆ  ก็อุปาทานยึดม่ัน ถอื ม่นั ในร่างกายและจติ ใจ อนั นเี้ ปน็ ทุกข์ ทุกขน์ เ้ี รากต็ อ้ ง ให้เจรญิ สติ สมาธ ิ  แล้วกใ็ ห้ศึกษาว่าสิ่งส่ิงนเี้ ปน็ อะไร เม่อื มีปัญญา วิปัสสนาปญั ญาเกดิ ขึน้   จติ ใจกจ็ ะโปร่งขึ้น เม่อื นั้นจิตใจก็จะอิสระไม่เป็นทุกข์  เราก็เข้าใจว่า  เมื่อมีทุกข์เกิด ทกุ ขน์ ้ี ชวี ิตของมนษุ ยพ์ ยายามหนจี ากทกุ ข์  การเส่อื มลาภ ยศ  ไม่สบายใจท�ำให้คิดฟุ้งซ่าน  เพราะพยายามหนีจาก ทุกข์แลว้ ก็แสวงหาความสขุ แตท่ างไปนพิ พานก็ตรงกันข้าม ทกุ ข์เกดิ โนม้ เข้ามา เรากด็ ทู ุกข์ กายกด็ ี จิตใจกด็ ี ตอ้ งมสี ติ มสี มาธิกับทกุ ข์  จิตหยดุ อยกู่ บั ปัจจุบัน เมอื่ ทุกข์แลว้ ทุกข์น้ี ควรก�ำหนดรู้  ถ้าเราเข้าใจ  ปฏิบัติแล้วจิตใจก็อยู่กับปัจจุบัน เมื่อมีปัญญาเกิดขึ้นแล้วจิตใจก็จะปล่อยวาง  สงบ  และ สบายใจขึ้น  อันน้ีเราก็สอนประชาชนและพระท่ัวๆ  ไป  ไม่ สบายใจ หรอื ว่าข้เี กยี จ ข้นี ้อยใจ ขีฟ้ งุ้ ซ่าน ขี้อิจฉา ข้ีกลวั ข้ี โกรธ ขเี้ หนียว ขอี้ วด เครียด ซึมเศรา้ สิง่ เหลา่ นเ้ี กดิ ข้นึ ต้องดู นีค่ อื ขยะทางจติ ใจ คอื สิง่ ปฏกิ ูลทางจติ ใจ ไมส่ บายใจเกดิ ขน้ึ เพราะมีเหตุการณ์บางอย่างท่เี ป็นทุกข์ อันนี้ไมส่ ำ� คัญ แต่ว่า พระพุทธเจ้าบอกวา่ ดูจติ เปน็ ทกุ ข์ ถ้าเราเขา้ ใจมองเหน็ ถ้า เราสติเกดิ สมาธิปัญญาเกิด แล้วการอุปาทานยดึ มัน่ ถือมั่น ต้องก�ำจัดของเสียออกจากจิตใจ  ของเสียอยู่ที่จิตใจถ้าเรา เข้าใจเพียงเทา่ นี้ ชีวติ จะสงบ แทนท่จี ะด่าวา่ นอ้ ยใจ อิจฉา กลัว โกรธ สิ่งเหล่านจ้ี ะบนั่ ทอนจิต  เป็นขยะของเสียในจติ ใจ เราก็จัดการ  เม่ือไม่สบายใจ  มีทุกข์เป็นขยะทางจิตใจแล้ว 61

สิ่งทต่ี ้องระวังคือ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม ท้งั หมดนีใ้ ห้ จัดการที่จิตใจ ไม่สบายใจใหม้ นั จบท่ใี จ  นีเ่ ปน็ วธิ ีการรักษา สุขภาพใจท่ดี ี เป็นหลกั ๆ ทว่ั ไปในการสอน” พระอาจารย์บอกว่าสิ่งท่ีเรยี นรูเ้ หลา่ นี ้   สามารถน�ำ ไปใชไ้ ดใ้ นทกุ เหตุการณ์      แมเ้ หตุการณน์ ั้นจะเลวร้ายมาก ขนาดไหนกต็ าม “เมื่อมีความทุกข์แสนสาหัส  นี่คือโอกาสดีท่ีสุดท่ีเรา จะปฏบิ ัติ พระอาจารยไ์ ปญี่ป่นุ เมื่อวันท่ี 11 มีนาคม เมอ่ื ปี 2011 มันมสี ึนามิ อาจารย์เองกเ็ ดินทางไปญปี่ ่นุ อาจารย์มอง เหน็ คนญ่ปี ุ่นท่โี น่นดูไม่ได้เศรา้ เทา่ ไร เขาเข้มแข็ง คนทอ่ี ยู่ใน ศูนยพ์ ักพิงตอนน้ีเขาอยู่อย่างปกติก็มี เมอื่ ก่อนเพอ่ื นกนั ดา่ กนั   แตว่ นั น้รี อดชีวติ แล้วเจอกันเขาก็เขา้ มากอดกนั แค่เหน็ 62

เพ่อื นยังมีชีวิตอยู่มคี วามสุขแลว้ เม่อื มีคนมาชว่ ยกนั เยอะๆ ก็ มองเหน็ ความเสียสละก็มคี วามสุขได้นะ มสี มาธกิ ม็ คี วามสุข แล้วก็ช่วยเหลือกัน  การเสียสละมีข้าวก็เอาไปให้เพื่อนบ้านกิน กม็ คี วามสขุ ใครมโี รงแรมกใ็ หพ้ ักฟร”ี คือในภาวะปกติมนุษย์ไม่ค่อยมีโอกาสได้แบ่งปันกัน ไม่ค่อยได้มีโอกาสค้นพบว่า  ความสุขท่ีแท้จริงคืออะไร  ค่อน ข้างจะเห็นแก่ตัว   ในสภาวะปกติทุกคนก็อยากได้  อยากมี อยากเปน็ คิดถึงแต่ตัวเอง ในชีวิตกใ็ ชเ้ งิน  และเขา้ ใจว่ามีเงิน มากจะมีความสุข  ญี่ปุ่นก็เหมือนกัน  ก่อนท่ีจะเกิดสึนามิก็ ตา่ งคนตา่ งอยตู่ ่อสูช้ ีวิตตัวเอง แต่วัฒนธรรมก็เปลย่ี นไป เม่ือ เกิดคลื่นสึนามิขึ้น  ทุกคนก็ไม่มีอะไรติดตัวแล้ว  มันท�ำให้เกิด การแบ่งปันท่ีส�ำคัญ  คือเกิดความรู้สึกดีๆ  ความสามัคคีกัน ของชุมชนตา่ งๆ กเ็ กดิ ขึ้น แล้วคนที่เสยี สละต่างๆ กม็ เี ยอะ พอ ประสบภัยพิบัติมนุษย์ได้เจอด้านดีๆ  เยอะ  มนุษย์ได้เอาด้าน ที่ดีงามออกมาฟื้นความเป็นมนุษย์ข้ึน  พอเกิดสึนามิ  ทุกคน ก็เอาข้าวของแค่ท่ีพอใช้  ทุกคนก็เอาไปเท่าที่จ�ำเป็นทุกคนหิว  แต่ทุกคนก็เอาไปเท่าที่จ�ำเป็น  ในภาวะปัจจุบันผู้คนก็ใช้ชีวิต ในโลกทุนนยิ ม ต่างมุ่งกอบโกย แตพ่ อเกิดภยั พิบัติมา กลาย เป็นโอกาสให้มนุษย์ได้แสวงหาสิ่งที่ดีมากกว่าโดยมีความทุกข์ บีบค้ัน  แล้วก็อะไรท่ีส�ำคัญอย่างความสามัคคีกัน  การช่วย เหลือกัน หลายคนกส็ ัมผัสถึงความดใี นความเป็นมนุษย”์ 63

ความสญู เสยี เปน็ สิง่ ท่มี นุษย์หลีกหนีไมไ่ ด้ แต่พระอาจารย์บอก ว่าเราสามารถท�ำใจยอมรับมันอย่างมคี วามสขุ ได้ “กับคนท่ีสูญเสยี   อาจารยก์ ค็ ดิ วา่  น่ีคือเทวทูต เทวดา มนษุ ย์ ชีวิตน้ีก็เป็นแบบนี้  คนแก่คนเจ็บคนตาย  ความจริงของชีวิตก็เป็นแบบ นี้ ไมม่ ใี ครหนีพ้นจากส่ิงเหล่านีไ้ ด้ เปน็ ทกุ ขเ์ พราะสูญเสียก็เป็นความ จริงของชีวติ ทุกขท์ ส่ี ุดของชวี ติ นา่ จะเป็นความตาย ความแก่ ความเจบ็ ความตายก็มีอยู่อย่าประมาท  พระพุทธเจ้าสอนว่า  ให้พิจารณาความ ตายทกุ ลมหายใจเข้าลมหายใจออก เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจ เพราะเรามกั จะยดึ ติด ภายนอกเป็นส่วนใหญ่  ทุกข์เพราะยึดมั่นถือม่ัน  ในร่างกายหรือทรัพย์ สมบตั ิ หรือว่าพอ่ แมพ่ น่ี อ้ ง พระพุทธเจา้ ใหพ้ ิจารณาความตาย  ให้คดิ ว่า ร่างกายน้ีเหมือนศพ  เหมือนตายแล้ว  ให้พิจารณาเหมือนแก้วน้�ำ  แก้ว น้�ำมันก็แตกง่าย  ทุกอย่างอนิจจัง  แต่แก้วน้�ำมันมีประโยชน์  ท�ำอะไรให้ เกิดความสุขและประโยชน์  พิจารณาร่างกาย  ไม่ยึดมั่นถือมั่นในร่างกาย ใจเปน็ ประธาน  พระพุทธเจ้าทา่ นให้แสวงหาอรยิ ทรัพย์ เชน่ ว่า ศรทั ธาใน กฎแห่งกรรม ศรทั ธาในพระพุทธ พระธรรม  พระสงฆ์ก็ดี ก็เปน็ ความเชือ่ ในความดี รกั ษาศลี มหี ริ ิโอตตปั ปะ คอื ความละอายแกบ่ าป การเสียสละ กเ็ ป็นอรยิ ทรัพย์ การวปิ ัสสนาก็เปน็ อรยิ ทรพั ย์ ความรู้ท่สี ามารถปลอ่ ย วางได้ก็คือปัญญาอานิสงส์ของทานศีลภาวนา  มนุษย์ทุกคนอยากจะมี ปญั ญาดีก็ใหภ้ าวนา สง่ิ เหลา่ น้กี จ็ ะตดิ ตวั ไปข้ามภพขา้ มชาติ” เวลาท่ีผู้คนประสบภัยพิบัติ  สูญเสียทรัพย์สินและเงินทอง มากมาย  แต่เราสามารถเรียนรู้ที่จะอยู่บนโลกที่ไม่แน่นอนนี้ได้โดยการ หันมาใส่ใจและสนใจกับทรัพย์ภายในมากขึ้น  เราอาจสูญเสียทรัพย์ ภายนอก  แตเ่ ราก็เร่ิมเรียนรู้ที่จะบม่ เพาะทรัพย์ภายใน 64

“ทรัพย์ภายในคือการยอมรับความจริงของชีวิต  เรื่อง ทรพั ย์สนิ ภายนอก พระอาจารย์วา่ มันเอากลับมาได ้  กลับมามากกว่า เก่ากไ็ ด้ เราเกดิ มาตวั เปล่าๆ แล้วเรากส็ ญู เสยี ทรพั ยภ์ ายนอก ถ้าเรา มองดูประเทศชาติว่ามีประสบการณ์นี้แล้วท้ังประเทศก็ดีกว่าเก่านะ หรอื ส่วนบุคคลตา่ งๆ เหมือนกัน ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่บนโลกนีไ้ มน่ านก็ ดีกว่าเก่า ทรพั ยส์ มบตั จิ ะเพม่ิ ขน้ึ หรอื ไมเ่ พ่ิมขน้ึ ก็ไมเ่ ปน็ อะไร ถา้ เรา ศกึ ษาธรรมแล้วกจ็ ะมีความสขุ กจ็ ะสันโดษ พอใจในส่งิ ท่ไี ด้ พอใจใน ส่ิงทมี่ อี ยู่” เราสามารถเรียนร้ทู ีจ่ ะอยู่บนโลก ท่ีไม่แนน่ อนนไี้ ด ้   โดยการหนั มาใสใ่ จ และสนใจกับทรัพย์ภายในมากขึ้น เรา อาจสูญเสยี ทรัพย์ภายนอก แต่เราก็ เรมิ่ เรียนรทู้ จ่ี ะบ่มเพาะทรัพยภ์ ายใน คอื การยอมรบั ความจรงิ ของชวี ติ 65

ฐิตินาถ ณ พทั ลุง เข็มทศิ ชีวติ ช้ไี ปทางไหน ชวี ติ ก็รอเราอยู่ที่น่ัน ก่อนหน้าน้ีหลายปี   ฐิตินาถ  ณ  พัทลุง  คือผู้หญิงคนหนึ่งจาก หาดใหญ่ท่ีใช้ชีวิตท่ามกลางสังคมทุนนิยมเหมือนอีกหลายชีวิตท่ัวไป ท่ีคิดว่าความเป็นปึกแผ่นของทรัพย์สินที่หามาได้จะไม่มีวันล่มสลาย เธอเรียนจบปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ถึงสองใบจากประเทศ อังกฤษเม่ืออายุเพียง  20  ปี  และพอแต่งงานเธอก็เร่ิมท�ำธุรกิจร้าน เพชร  สามีก็บริหารงานโรงแรมของตน  พร้อมกับมีลูกน้อยวัย  11 เดอื น กับแผนการในอนาคตวา่ ถา้ หาเงนิ ไดถ้ งึ หลกั พนั ลา้ นก็จะเลิก ท�ำงาน  ทุกสิ่งทุกอย่างท�ำท่าว่าจะไปได้ดี  แต่แล้วก็เหมือนฟ้าผ่า กลางความฝัน  เธอต่ืนขึ้นมาในความเป็นจริงพบว่าสามีได้เสียชีวิตไป แลว้ พร้อมกับทงิ้ หนใ้ี นการทำ� ธุรกจิ ไวน้ ับรอ้ ยลา้ นบาท เธอกลายเปน็ แม่มา่ ยลูกออ่ นทม่ี หี นสี้ ินมหาศาล เวลานน้ั เธออายเุ พยี ง 25 ปี 66

ค�ำถามคอื ชวี ิตเปน็ แบบนี้ได้อย่างไร? เราจะจดั การกับความ เจบ็ ปวดอย่างไร? “คิดถึงลูกว่าเขาจะโตขึ้นมาอย่างไรโดยที่ไม่มีพ่อ  และต้อง จัดการกับหนี้ทั้งหมด  ตรงนั้นจึงเป็นจุดเร่ิมต้น  และพบว่าทุกอย่าง ท่ีเกิดข้ึนมานั้นเพ่ือส่งเราไปสู่จุดที่ดีที่สุดเสมอ  เพราะว่าท�ำให้เรา ได้ไปปฏิบัติธรรม  ก่อนเราไปปฏิบัติธรรมมีคนมาเล่าว่า  ในสมัย พระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่  มีคนคนหน่ึงเขาเสียลูกไปแล้วอุ้ม ศพลกู ร้องไหข้ อใหค้ นชว่ ย พระพุทธเจ้าตรสั วา่ ‘ถา้ ทา่ นหาเมล็ดพันธ์ุ ผักกาดในหมู่บ้านที่ไม่มีคนตายได้  เราจะช่วยลูกท่าน’  เพียงแค่ค�ำ เดยี ว ประโยคเดียว ท�ำใหเ้ ราเห็นเลยว่ามันเป็นเรือ่ งธรรมดาของโลกนี้ ไม่วา่ ใครกเ็ คยพบเจอ แต่ก่อนเวลาท่เี หน็ สามีคนอนื่ ตาย เรากจ็ ะคดิ วา่ ท�ำไมเขาถึงเศรา้ ขนาดนน้ั พอ่ แม่คนอืน่ ตาย เราก็รู้สกึ วา่ ไมม่ ีอะไร แตเ่ มอ่ื ใดที่มันเป็นคนของเราเอง เราจะรสู้ ึกเจ็บปวดมาก ตอนนั้น เหน็ เลยวา่ อ๋อ ใจของมนษุ ย์มนั เปน็ แบบน้เี อง เวลาคนอ่นื สญู เสยี เรา จะรู้สึกว่าไม่เปน็ ไร เราอาจจะเห็นใจเขาบ้างเล็กน้อย แต่เมือ่ ใดท่ีเปน็ ของเราสูญเสียเอง มันจะเหน็ ใจของเรายืดไปขา้ งหนา้ เกาะวา่ อนั นี้ เป็นของเรา  ตอ้ งอยู่ดๆี แบบน้ตี ลอดไป มนั ต้องไดแ้ บบนี้ดง่ั ใจเรา เม่ือ ใดที่มนั สญู เสีย เราเหมือนใจจะขาด ตอนนั้นรู้เลยว่ามนุษย์เราเวลามีความทุกข์แล้วหมกมุ่นกับ ตวั เองเกนิ ไป การมที างออกให้ชวี ติ ก็คอื หยดุ หมกมุ่นกับตวั เอง เอาใจ ออกมา มองเหน็ ความต้องการของคนอน่ื ดูแลคนอืน่ ก่อน ซึ่งเป็นวิธที ่ี งา่ ยท่ีสดุ ” 67

เธอขายทรัพย์สินต่างๆ  หาเงินมาชดใช้หน้ีได้หมดภายใน เวลาแคส่ องปี ตงั้ สติดว้ ยการปฏบิ ตั ธิ รรม และดวงตาเธอก็ได้เหน็ ใน สิ่งท่ีไม่เคยมองเห็นมาก่อนตลอดชีวิต  เธอบอกว่าเวลาน่ังสมาธิแล้ว รู้สึกปวดขา  แต่ถ้าลองฝึกใจให้แยกออกจากความเจ็บปวด  ใจเป็น คนดูแลว้ ความปวดเหมอื นเป็นอีกสว่ นหนึ่ง วนิ าทนี ัน้ ใจเราแค่รสู้ ึกวา่ ความปวดอยูต่ รงนั้น ใจอยู่ตรงนี้ ไมไ่ ด้เดือดรอ้ นอะไร แค่รสู้ ึกวา่ ถา้ ความเจ็บปวดที่อยู่บนร่างกายเราแท้ๆ เรายังสามารถดูมันเหมือนเป็น ของคนอ่นื ได ้ ถา้ อยา่ งน้นั นบั ตัง้ แต่บดั นี้เปน็ ต้นไป หนสี้ ่วนหน้ี ใจส่วน ใจ ความเจ็บปวดกส็ ่วนความเจ็บปวด พอร้สู กึ แบบนั้นแล้วใจกไ็ ม่ได้ เดือดร้อน “อีกเจ็ดปีหลังจากที่สามีเสียชีวิต  ลูกก็ถามเราว่า  ‘คุณแม่ ครับ   ถ้าเกิดคุณแม่ไม่ต้องคิดว่าท�ำงานเพื่อเงิน   คุณแม่จะท�ำอะไร’   เรากบ็ อกลูกวา่ คุณแมก่ จ็ ะไปอยบู่ า้ นริมทะเลกบั ลกู ไปภาวนาทกุ วนั ไปบรรยาย ทำ� สิ่งทค่ี ุณแม่รกั ทกุ วันเลย นี่คอื ส่งิ ทีค่ ุณแมอ่ ยากจะท�ำ ลูกก็ถามว่า  ‘แล้วท�ำไมคุณแม่ไม่ท�ำตอนน้ีเลยล่ะครับ’  พอตอนนั้นที่ ได้ยินก็เลยตัดสินใจขายธุรกิจทั้งหมด  เพราะว่าในจุดน้ันเรารู้สึกว่า เราไมต่ อ้ งหาเงินเพม่ิ เราไมต่ อ้ งรวยมากแบบมหาเศรษฐี แตเ่ ราแคร่ ู้ ว่าเงินท่ีเรามีนั้นเพียงพอส�ำหรับชีวิตเราสองคนแล้ว  เราไม่ต้องว่ิงหา เพอื่ ทจี่ ะทำ� เงนิ อกี กเ็ ริม่ ขายธรุ กจิ ทงั้ หมด ไปซือ้ บา้ นท่รี ิมทะเลกับลกู ตน่ื เชา้ กด็ ูพระอาทติ ย์ขึน้ ว่งิ เล่นรมิ ชายหาด ส่งลูกไปโรงเรยี น แลว้ เราก็นง่ั สมาธิ เขยี นหนังสอื ก่อนท่จี ะย้ายออกไปจากเมอื งก็คดิ วา่   ถ้า เราทำ� ได้คนท้ังประเทศกท็ �ำได้ คนอน่ื เขาไมไ่ ดเ้ ปน็ หนเ้ี ยอะขนาดรอ้ ย ล้านเท่าเราด้วยซ�ำ้ เรากเ็ ขยี นหนงั สอื ช่อื ‘เขม็ ทิศชีวติ ’ เพราะคิดวา่ อยากจะทำ� อะไรบางอย่าง” 68

จนเป็นที่มาของหนังสือที่ขายดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ของ หนงั สอื ในบา้ นเรากบั ‘เข็มทิศชวี ติ ’ ทฐี่ ติ นิ าถกล่นั กรองออกมาดว้ ย หัวใจท่ีเปี่ยมสตแิ ละประสบการณ์ จากตอนนัน้ หนงั สอื ท่ีไม่มใี ครมอง ว่าจะขายได้กลายเป็นเจ้าของยอดขายรวมหน่ึงล้านสามแสนเล่มใน ปจั จบุ ัน ตอนนัน้ เธอคดิ วา่ ตอ้ งเช่ือเสียงในหัวใจของตวั เอง  ถงึ แม้ว่า จะมีมืออาชีพในด้านวงการสื่อสิ่งพิมพ์จ�ำนวนมากเตือนเธอว่าอย่า เขยี นเลย เรอ่ื งแบบนี้ไม่มใี ครสนใจอ่านหรอก อย่าเขียนอะไรที่เปน็ หลักการ แตเ่ ธอก็ใชค้ วามกล้าและความเช่อื มนั่ เขยี นหลักการ 7 ข้อ ในการท่ีคนเราจะมีชีวิตอิสระทางการเงินและจิตใจผ่านหนังสือดัง กล่าว เปน็ หลักการท่เี ธอคิดเอง ใช้ชีวติ ของตนพสิ จู น์แลว้ ว่ามนั ได้ผล จริง 69

“สิ่งทีม่ ากกว่านน้ั คอื มันเป็นแคต่ วั อยา่ งหน่งึ ทเี่ ราบอกคนว่า คุณต้องเชื่อ  ต้องมั่นใจในตัวของเราเอง  ไม่ว่าตอนนี้คนท่ีอ่านที่ฟังจะ อยู่ในสถานการณ์ยังไง  เร่ืองท่ีโลกส่งมาให้เรามันจะพอเหมาะพอดี กบั ฝีมอื ทเ่ี รามอี ยู่ เม่อื ใดทเี่ ราได้เรียนรู้ มันจะเกดิ การกา้ วกระโดดใน ชีวิต สง่ิ ทปี่ รากฏในชวี ิตเราทัง้ สภาพการเงิน เพ่อื นฝูง ช่ือเสียง ความ สุข  ความพึงพอใจในครอบครัว  เป็นเหมือนกับกระจกสะท้อนสิ่งท่ีเรา ร้สู ึกข้างใน  ถ้าเราต้องการจะเปลี่ยนสภาพแวดลอ้ มภายนอก เปล่ียน งาน เปล่ยี นสถานะทางการเงนิ ตอ้ งเปลย่ี นข้างในใจเราก่อน ทนั ทีท่ี เราหมั่นขดั เกลาตนเอง ทันทีทเ่ี ราคดิ เรื่องดี พูดเร่ืองดที �ำเรือ่ งดี ทุก อยา่ งรอบตัวจะเปล่ียน” จากคนเขียนหนงั สอื   ฐิตินาถขยบั ขนึ้ ไปเป็นผ้บู รรยาย และ พัฒนาตัวเองไปสู่การเป็นผู้เช่ียวชาญด้านจิตใต้ส�ำนึกของโรง- พยาบาลปยิ ะเวท เธอจัดหลักสูตรพฒั นาจิตใต้ส�ำนกึ โดยมีผู้ให้ความ สนใจเป็นจ�ำนวนมาก  ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านความทุกข์ สาหสั มาก่อน  เธอมองเหน็ คณุ ค่าอะไรจากการเรยี นร้เู รอื่ งน้ี “จริงๆ  แล้ว  มนุษย์เมื่อเจริญถึงท่ีสุดจะพบว่าความเจริญ ทางวตั ถมุ ีเท่าไรกไ็ มจ่ บ มนษุ ยก์ จ็ ะพบวา่ ข้างในมันโหวงๆ อยู่ เป็น เร่ืองทตี่ อ้ งเป็นกระแสอย่แู ล้วตราบเทา่ ท่เี ปน็ มนษุ ย์ กระแสที่วา่ ทำ� ไม สงิ่ ภายนอกไม่ไดเ้ ติมสิ่งท่ีอยู่ภายในให้เตม็ เพราะฉะนั้นมนุษยจ์ ะมา ค้นหาว่าอะไรที่เติมให้ใจของเราเต็ม  ทันทีท่ีเรารู้ว่าอะไรท่ีเติมใจเรา เตม็ ได้ ใจเรากจ็ ะอิม่ ข้นึ มาเลย ฉะนน้ั จึงเปน็ เร่อื งปกตมิ ากๆ ที่มนษุ ย์ ทกุ คนจะหนั กลับมาพึง่ ตัวเอง ท�ำใหใ้ จอมิ่ ฟู เตม็ มนั เหมือนกบั วา่ เป้า หมายก�ำลงั บรรลุแลว้ ทกุ ขณะ นคี่ อื งานทีต่ ัวเราเองท�ำท้งั ในฐานะผู้ เผยแพรธ่ รรมะ  และในแง่ของผู้เชี่ยวชาญด้านจิตใตส้ �ำนกึ ของคน ว่า 70

จะจดั การกับปมของตวั เอง ดแู ลใหอ้ ภยั พ่อแม่ ใหอ้ ภยั ตัวเอง มคี น เยอะมากท่ีท�ำร้ายตัวเองเพราะเขาไม่ได้ให้อภัยตัวเอง  เด็กมีความ คิดที่จะโทษตัวเองได้ง่ายมาก  พ่อแม่เลิกกันเด็กก็โทษตัวเองแล้วว่า ถ้าฉันนา่ รกั กว่านพ้ี อ่ แม่อาจจะไม่เลิกกนั แล้วมนั กท็ �ำใหเ้ ปน็ ปัญหา ของสังคมมาเร่ือยๆ  แต่มากกว่านั้นก็คือสิ่งที่เราเห็นปรากฏการณ์ใน ประเทศตอนน้ี  การที่พ่อแม่จากต่างจังหวัดทิ้งภาคเกษตรกรรมเข้า มาท�ำงานภาคอุตสาหกรรมในโรงงาน  พอแม่ตั้งท้องก็ส่งลูกกลับไป ใหป้ ่ยู ่าตายายเลีย้ ง  เดก็ ไมไ่ ด้รบั การถ่ายทอดทางความคิด ความรกั ความอบอนุ่ จากพ่อแม่ จะโตมาแบบไมร่ วู้ า่ อะไรสวยหรอื ไมส่ วย อะไร ดหี รือไม่ดี ถกู หรอื ผดิ จนถูกชกั น�ำได้ง่ายมาก ปัจจุบันประเทศไทย อ่อนแอมากเพราะว่าเด็กไม่ได้ถูกเล้ยี งมาโดยพ่อแม่ของตวั เอง แล้ว คนสว่ นนคี้ อื ประชากรกอ้ นหลักของประเทศ ลองคดิ ดูวา่ วนั หน่งึ คน สว่ นใหญ่เป็นคนท่ไี ม่ร้วู ่าอะไรดหี รือไมด่ ี แลว้ จะเกิดอะไรข้นึ กับสังคม เราสามารถฝึกกล้ามเน้ือความสุขได้  สมมุติว่าเป็นนักกีฬา เราออกกำ� ลังบอ่ ย กลา้ มเน้ือเรากจ็ ะแข็งแรง จติ ใจกเ็ หมอื นกัน เราฝึก กล้ามเน้อื ความสุข ดว้ ยการฝึกคิดเรอื่ งดๆี ทมี่ ใี นชีวิต อย่างเช่นวันนี้ ตนื่ เชา้ มาจบิ กาแฟอรอ่ ยจงั เลย มคี นเปิดลฟิ ตใ์ ห้ คนขับรถหยดุ รถเพื่อ ให้เราเดินผ่านไปก่อน ได้ไปกราบพอ่ แม่ กอดลูก ความรกั ของชวี ิต ความสขุ ทีป่ ระสบความส�ำเรจ็ คือการรู้จักมองเห็นความสขุ ท่ไี ม่ไดใ้ ช้ เงนิ ซอ้ื ทุกวนั นี้สิ่งทีส่ อนคนที่มาเรยี นเรือ่ งจติ ใต้สำ� นึกกบั เรา ความลับ ก็คอื   คุณมีอะไรทอี่ ยากได้ ต้องเรม่ิ จากขอบคณุ ส่งิ ทมี่ ีในตอนนี้ก่อน   แล้วก็ซาบซึ้ง  แล้วก็รู้ความลับในโลกว่า  ความสุขท่ีไม่ได้ใช้เงินซ้ือนั่น แหละคือความสขุ ทีเ่ ปน็ หลักของชีวิต เปน็ ความสขุ ท่ีเราตอ้ งขอบคณุ มัน เห็นมันในทกุ มติ ิ ยำ้� จนใจเรามีพลัง พอใจเรามพี ลังแล้ว  เราจะไป สร้างอะไรดีๆ ในชีวติ ก็ได้” 71

ในสังคมท่ีเปลี่ยนไปด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร  จิตใจของ คนในหลายครัง้ กไ็ ปอยบู่ นหนา้ จอคอมพิวเตอร์ คอยสลกั ตวั ตนผา่ น คีย์บอร์ดกันมากกว่าจะมีเวลาได้พูดจากันจริงๆ  จนกระทั่งสังคม ออนไลนก์ ลายเปน็ พน้ื ทท่ี ี่ผคู้ นนำ� มาเปน็ สมรภูมทิ างการเมอื ง มีการ โตแ้ ยง้ ในเร่อื งต่างๆ มากมาย จนท�ำให้คนจ�ำนวนไม่น้อยใช้เวลาใน ชวี ิตหมดไปกับสงั คมสมมุตทิ น่ี ับวนั จะมีบทบาทมากขน้ึ ทกุ ที ฐติ ินาถ มีมุมมองท่ีนา่ สนใจเก่ยี วกับเร่ืองน้ี “ทุกคนสามารถเขา้ ไปเกง่ ในอินเตอร์เนต็ ได้ ไมส่ รา้ งผลลพั ธ์ ในชวี ิตแตไ่ ปสรา้ งในอินเตอร์เนต็ ท่ไี มม่ ีตัวตน เป็นคนสำ� คญั ในนั้นกัน ไปหมด แต่ในชีวิตความเปน็ จริงไม่ได้ดูแลลกู ไม่ได้ดูแลครอบครวั เม่ือไหร่ก็ตามที่เราจะต้องออกไปสู้เพ่ือโลกหรือท�ำอะไรลงไป  ต้องดู ก่อนว่าเรามีปัญหาส่วนตัวท่ีไม่ได้สะสางรึเปล่า  มีคนเยอะมากท่ีออก ไปวา่ คนโนน้ คนน้ีผิด คนนีไ้ ม่ดี ตอ้ งออกไปท�ำเพ่ือแกไ้ ขโลกนที้ ้งั โลก แตส่ ่ิงทีไ่ มไ่ ดแ้ ก้ไขคอื ลูกไม่มจี ะกนิ ตวั เองมปี ญั หากบั เมีย คยุ กบั พ่อ แม่ไม่รู้เร่อื ง ถ้าเราจะไปทำ� หนา้ ท่ีของเราในโลก เราตอ้ งสะสางเรือ่ ง ส่วนตวั ทบ่ี ้านเสยี กอ่ น การเงนิ ต้องดี ครอบครัวเราตอ้ งรักกัน กอดกนั คยุ กันทุกวัน ถกู บ้างผดิ บ้างตอ้ งให้อภยั กันได”้ 72

ปัจจุบันสิ่งท่ีฐิตินาถยังคงตั้งใจท�ำคือการท�ำงานที่ตนรัก งานที่มีประโยชน์ต่อโลก  และการเผยแพร่ธรรมะท่ีเคยช่วยชีวิตเธอ ไว้มาแล้ว  เธอยังมีความสุขกับการท�ำหน้าที่ของตนที่เข็มทิศชีวิตช้ี ทางให้  ในการท�ำงาน ค�ำถามท่ีเธอต้องตอบแทบทุกวันคือ  เราจะ เปล่ียนแปลงตัวเองได้อย่างไร  เธอบอกว่าการท่ีเราจะเปล่ียนชีวิตตัว เองได้กค็ อื อยา่ งแรกเราตอ้ งเปลยี่ นโฟกัสจากส่ิงทีม่ คี วามทุกข ์  จาก ส่ิงที่เราท�ำไม่ได้มาเป็นสิ่งท่ีเราท�ำได้  เพราะเม่ือใดก็ตามที่เราเอา ความสนใจของเราไปไว้ในสิ่งท่ีเราควบคุมไม่ได้  เม่ือน้ันเราจะเจ็บ ปวดกับมันและย่ิงท้อถอย  อย่างที่สองคือเปล่ียนความคิด  เพราะ มนุษย์มีความเช่ียวชาญในการคิดเรื่องด้านลบ  คิดในส่ิงท่ีเราแก้ไข ไมไ่ ด้ เราควรฝกึ คิดเรอ่ื งทเี่ รามคี วามสุข เพราะชวี ติ มนษุ ย์จะมดี ้าน ที่ให้พลังและด้านท่ีหมดพลัง  สมมุติว่าเราปล่อยตัวเองให้คิดด้านท่ี หดห่หู มดพลงั เรากจ็ ะคดิ ทางแกไ้ มอ่ อก แตถ่ า้ ตอนน้เี ราคดิ ถึงเรอ่ื ง ดีๆ คดิ ถึงคนที่รกั เรา คดิ ว่าเราจะท้งิ มรดกทางความคิดไว้ให้ลูกของ เราอยา่ งไร... ใจของเราก็จะมีพลงั ขน้ึ มา เราสามารถฝึกกลา้ มเนอื้ ความสุขได้ สมมุติวา่ เปน็ นกั กีฬา เราออกก�ำลังบ่อย  กล้ามเน้อื เราก็จะแข็งแรง  จิตใจกเ็ หมือนกัน 73

สุวรรณา โชคประจักษช์ ดั ครูชวี ิตกบั คำ� ถามท่ีถกู ต้อง ค�ำถามส�ำคัญอย่างไรกับ ชีวิต สวุ รรณา โชคประจักษช์ ัด ครู ชวี ติ  (The Coach) ผู้ใหค้ ำ� ปรึกษา และวิธีฝึกฝนตนเองในแนวทาง บ้านภายใน  ที่มีผลงานเขียนท่ี เปี่ยมด้วยคณุ คา่ มากกวา่ 10 เล่ม คือผู้ท่ีจะให้ค�ำตอบเหล่านี้ได้ กระจา่ งยิง่ กวา่ ‘อิสระที่แท้จริงเกิดจากภายใน’  เป็นส่ิงท่ีสุวรรณาค้นพบหลัง จากได้เรียนรู้จักตนเองจากการท�ำความเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้ เธอให้ความสนใจกับเร่ืองราวภายในต้ังแต่คร้ังยังเล็ก  เธอมีค�ำถาม ท่ีอาจดูเกินวัยเด็ก  9  ขวบ  ซึ่งอาจเหมือนหลายๆ  คนถ้ายังจ�ำค�ำถาม ตอนนน้ั ได้ “ค�ำถามตอนน้ันคือชีวิตคืออะไร  ท�ำไมเราเกิดในครอบครัวนี้ ใครเป็นคนก�ำหนดหรือเราเลือกเกิดเองได้  การมีค�ำถามท�ำให้เราตั้ง ข้อสังเกตชีวิตได้มากกว่าคนที่ไม่มีค�ำถาม  เพราะต้องการได้ค�ำตอบ นนั่ เอง” 74

พออายุ  13  ขวบเธอพบว่าวิชาที่น่าเรียนท่ีสุด  คือวิชา แนะแนว  เป็นวิชาที่ไม่สอนให้จ�ำไปสอบแต่สอนให้คิด  เนื่องจาก ตอนน้ันเรียนอยู่ห้องเด็กเรียนที่เอาแต่แข่งขัน  จึงเกิดค�ำถามว่า “เราสามารถรักและท�ำอะไรให้คนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนได้ ไหม...” “ส�ำหรับช่วงเปล่ียนท่ีได้เรียนรู้มากที่สุดคือก่อนเข้ามหาวิท- ยาลัย ท่ีได้ไปทศั นศกึ ษาท่ีสวนโมกขพลาราม  ตอนท่สี มคั รก็คิดวา่ ได้ เทย่ี ว ได้นงั่ รถไฟ แคค่ ิดกม็ คี วามสุขแลว้ ปรากฏวา่ เขาพาไปปฏบิ ัติ ธรรมท่ีสวนโมกข์  ท�ำให้ได้รู้จักท่านอาจารย์พุทธทาส  ต้องต่ืนตั้งแต่ ตีส่ีเตรียมไปฟังธรรมท่ีลานหน้ากุฏิท่าน  ท่านจะเทศน์แต่ไก่โห่ เด็ก นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเตรียมสัปหงกกัน  แต่ส�ำหรับเรา   กลบั อยากจะฟัง นัง่ จดลงสมดุ โนต้ จดทุกอย่างทงั้ ร้เู รอ่ื งและไมร่ เู้ ป็น เลม่ ๆ เลย มโี ดนๆ เช่น ‘ความทุกขน์ ่เี ปน็ เหมือนเพชรในหวั คางคก’ ชอบมากเลย” “การได้ไปสวนโมกข์คร้ังน้ันท�ำให้รู้สึกว่าชีวิตเราน้ันช่างมีค่า มีความหมาย ที่นน่ั ชว่ ยตอบค�ำถามชีวิตได้หลายอย่าง” “หลังจากเข้าจุฬาฯ ก็สมัครไปค่ายศิลปะพัฒนาชีวิตเองเลย คราวน้ีเดินทางคนเดียว  ยังเด็กๆ  หน้าใสๆ  คนอื่นๆเขามีอายุหมด ผู้ใหญ่หลายคนบอก ทำ� ไมหนโู ชคดีจงั ได้มาปฏบิ ตั ิธรรมต้ังแตเ่ ด็ก เราก็ยิ่งต้ังใจใหญ่ ทีน่ ่นั ต้องไม่พดู ซงึ่ ชอบมากมคี วามสุข แมบ้ าง โปรแกรมจะดูเหมือนน่าเบื่อไม่มีอะไร  เช่นก่อนสวดมนต์ทุกวันพระ อาจารย์โพธิ์มาอธิบายให้ฟังว่าธรรมะในบทสวดมนต์ตอนนี้คืออะไร   เราก็ฟังไปอย่างเพลินๆ  โดยที่ไม่รู้ว่าความเพลิดเพลินตรงน้ันมัน 75

เข้าไปกะเทาะ  ค่อยๆ  เข้าไปซึมซาบในใจเรา  จ�ำได้ว่าหลังจากฟัง ก็ สวดมนต ์  แล้วก็เกดิ ปตี เิ ปน็ ความสขุ ใจอย่างบอกไมถ่ กู รูส้ กึ ถึงความ รักของพระพุทธเจ้าที่ส่งทอดมา  2,500  ปีแล้ว  ความรู้ที่งดงามของ ท่าน  ปัญญาของท่านสามารถท�ำให้เราเข้าใจชีวิตในระดับหน่ึงท่ีเรา รู้สึกว่ามันเป็นค�ำตอบ  ขณะสวดมนต์นี่น้�ำตาหล่ังไหล  ร้องไห้  แต่ เป็นการร้องไห้ท่ีมีความสุข  รู้สึกซาบซึ้ง  และหลังจากที่ไปสวนโมกข์ เราก็รู้สึกว่าเราไม่ใช่แค่ต้องการเรียนหนังสืออย่างเดียว  เราอยากให้ ชีวติ ของเรามีคุณคา่   มีความหมาย  เหมอื นดังที่ท่านพุทธทาสกลา่ วว่า ‘ชีวิตทีด่ ที ่ีสดุ คือสงบเย็นและเป็นประโยชน’์ ” ในช่วงที่อยู่จุฬาฯ  สุวรรณาได้ท�ำกิจกรรมต่างๆ มากมาย เพราะชอบเรียนรู้ และต้องการทำ� สง่ิ ทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม “เขา้ ปหี นงึ่ ก็สมคั รลงเลอื กตัง้ เปน็ หวั หน้าช้ันปขี องคณะ การ ไปสวนโมกข์ท�ำให้เรารู้สึกต้องการปลดปล่อยศักยภาพภายในตัว เรา  ไปวัดกลับมาไม่ได้ท�ำให้เราแปลกแยกจากคนอ่ืนและใฝ่หาแต่ ความสงบ ตรงข้ามกลับรสู้ ึกอยากทำ� ตวั ให้เป็นประโยชนม์ ากขนึ้ การ ท�ำกิจกรรมนอกจากท�ำให้ได้รู้จักตัวเองยังท�ำให้เรียนรู้จักเพื่อนๆ  นัก กิจกรรมที่มีอุดมคติท่ีน่านับถือในความเสียสละและอุทิศตน  แต่ก็มัก พบว่าหลายคนท่ีพยายามท�ำอะไรให้กับสังคมประเทศ  กลับลืมท�ำ อะไรเพ่ือตัวเองและคนในครอบครัว  หรือพวกท่ีต่อต้านความรุนแรง และเรียกร้องสันตภิ าพ  กลับเต็มไปด้วยความรูส้ กึ ท่รี อ้ นรน หรอื ตอ้ ง ประณามคนหน่ึงแล้วเชิดชูคนหนึ่ง  บ้างก็ขาดสมดุลชีวิต  บางคน ท�ำงานเพื่อสังคม  แต่ยังสูบบุหรี่ท�ำร้ายตัวเอง  ท�ำให้พ่อแม่ผิดหวัง เพราะเรยี นไม่จบสักที มวั แตท่ �ำงานเพ่ือสงั คม” 76

“เราอยากบอกเขาว่าการปฏิบัติธรรมไม่ได้ท�ำให้เราละเลย สังคม  แต่มันท�ำให้เราท�ำงานเพื่อสังคมได้อย่างมีความสุขมากขึ้น  ก็ ชวนเพอ่ื นนักกจิ กรรมมาปฏบิ ัตธิ รรมท่ีสวนโมกข์” ท่ีคิดว่าการจัดคอร์สจ�ำเป็น  เพราะเราได้ประโยชน์จากมัน กอ่ น ธรรมะท�ำให้เรารู้จกั ตวั เอง ได้เขา้ ใจผอู้ ่นื ถา้ ทุกคนมสี ่งิ เหลา่ นี้ เปน็ พืน้ ฐานมนั ก็ท�ำอะไรกไ็ ด้ และธรรมะท่เี รยี นมาไมไ่ ด้แยกชวี ติ เรา วา่ น่ีคือชวี ิตปฏบิ ตั ธิ รรม นคี่ ือชวี ติ ประจำ� วนั เราเรยี นร้ทู ่ีวา่ เราจะเอา สิง่ เหลา่ น้มี าอยู่ในชีวิตประจ�ำวนั ไดย้ ังไง” ชวี ิตของสุวรรณาคอ่ ยๆ เปล่ยี นอยา่ งค่อยเปน็ คอ่ ยไป ค�ำถาม ที่เธอตั้งกับตัวเองทุกวัน  เป็นเหมือนเข็มทิศน�ำทางให้ชีวิตเธอมุ่งไปสู่ ความสุขและความสำ� เร็จในรูปแบบท่ีเธอพอใจ  และน�ำวิธีการของตน มาเป็นแนวทางต้นแบบหรือครูชีวิต  ให้คนอื่นได้ลองเปล่ียนแปลงตัว เอง เพอื่ เปลีย่ นชวี ิต “กลุ่มคนท่ีสนใจท่ีสุดคือผู้น�ำ  ซึ่งไม่จ�ำเป็นว่าต้องเป็นองค์กร เท่าน้ัน  แต่หมายถึงครู  พ่อแม่  คนท่ีต้องการพัฒนาภาวะผู้น�ำของ ตนเองข้ึนมา โดยใชเ้ คร่ืองมอื สามอย่าง อันดับแรกคอื การตง้ั ค�ำถาม ท่ีถูกต้อง  เพราะประจักษ์ชัดกับตัวเองแล้วว่าการมีค�ำถามท่ีถูกต้อง ท�ำให้เราเติบโตและพัฒนาข้ึนมาได้อย่างมาก  เราต่ืนมาพร้อมกับ คำ� ถามแลว้ ชีวติ เราก็ด�ำเนินตามคำ� ถามทีเ่ ราต้งั ไว้ ซงึ่ สว่ นใหญเ่ ราไม่ ตระหนักรู้ หน้าที่ของครูชวี ิตคือท�ำให้ศิษย์เห็นคำ� ถามทซี่ อ่ นอยู่ และ เปลย่ี นคำ� ถามให้มันถูกตอ้ ง” “สองก็คือจินตภาพที่สร้างสรรค์  จริงๆ  แล้วเราทุกคนมีภาพ ของตัวเองท่ีได้รับอิทธิพลจากการเล้ียงดูของครอบครัว  จากโรงเรียน 77

และสังคมแวดล้อม  บางคนสงสัยว่าท�ำไมเราไม่สามารถเปลี่ยนตัว เองได้ เพราะเรามภี าพเหล่าน้ันฝงั อยู่ เราไมร่ ู้ว่าจรงิ ๆ เราสามารถ สรา้ งภาพใหมใ่ ห้กับตวั เองได”้ “เครื่องมือท่ีสามคือกิจวัตรที่งดงาม  คนเราจะเปล่ียนได้  เรา จะตอ้ งมีวินยั ท่ีลงมือทำ� มนั จนเปน็ กจิ วัตร ท�ำนอ้ ยๆ แตว่ า่ ไม่เลกิ แลว้ มันจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงที่ลึกที่สุดคือการเปลี่ยนจนสามารถ ตอบสนองอย่างเป็นอัตโนมัติ  เหมือนต่ืนขึ้นมาเราก็อยากแปรงฟัน เพราะรู้สึกว่าท�ำแบบน้ีแล้วมันสดช่ืน  หลักของการสร้างกิจวัตรที่ งดงามคอื เรม่ิ ท�ำแตน่ ้อยๆ อยา่ งมีความสุข แตท่ ำ� นานๆ ทำ� ไปตลอด ชีวิต แลว้ การเปลยี่ นแปลงนั้นจะถาวรได้ เช่น เราอยากมีรา่ งกายท่ี แขง็ แรง  เราก็ต้งั ค�ำถามกบั ตวั เองว่า อะไรทท่ี �ำใหเ้ ราแข็งแรง เราพบ วา่ การเลน่ โยคะเป็นสิง่ ที่ดที ี่ทำ� ให้ทัง้ ร่างกายและจติ ใจแขง็ แรง เราก็ 78

สร้างจินตภาพว่าเราไดท้ ำ� โยคะอยา่ งมีความสขุ ทกุ วนั สรา้ งภาพเชน่ น้ีกอ่ นนอนทกุ วัน และกำ� หนดใหก้ ารท�ำโยคะเปน็ กิจวัตรท่ีงดงาม โดย เร่ิมท�ำวันละแคห่ ้านาทีในตอนเชา้ อย่างมีความสขุ ทกุ วนั แค่วนั ละทา่ เทา่ น้ัน เราจะพบวา่ โยคะกลายเปน็ ส่วนหนึ่งในชีวิตประจำ� วนั ของเรา ได้ในวนั หนง่ึ อย่างแนน่ อน” “เราจะให้เขาสังเกตชีวิตตัวเองในแต่ละวัน  ว่าวันน้ีเรามี ค�ำถามอะไรในชีวิต  ครูชีวิตจะสอนให้เราเป็นครูของตัวเราเอง  แล้ว เราเรยี นร้จู ากการสงั เกต สังเกตว่าคำ� ถามแบบน้นี ่เี องทเี่ ป็นตัวปญั หา ในชวี ติ ของเรา แลว้ เราจะเปลีย่ นคำ� ถามอย่างน้นั ได้อย่างไร เขาก็จะ เร่ิมลองเปลยี่ น เราสามารถก�ำหนดชีวิตตัวเองได้  โดยถามตัวเองว่าเรา ต้องการอะไรในชีวติ แล้วกลบั มาทบทวน บางครั้งแคร่ ูว้ า่ เราต้องการ อะไรแค่สองสามอย่างก็เป็นความสุขแล้วนะ   แต่การที่เราไม่ได้ต้ัง คำ� ถามกับตัวเอง ไมก่ ลับมาดู หรอื ไมเ่ ขา้ มาเหน็ ปมความทุกข์ของเรา อยา่ งแท้จริง เราก็ไม่สามารถพฒั นาตัวเราได”้ โปรแกรมครูชีวิตนี้จะมีการคล่ีคลายปมปัญหาชีวิตด้วยการ สงั เกตตวั เอง สงั เกตอารมณ์ท่ีเกดิ ขน้ึ ในแต่ละวัน และอารมณน์ ้ันมผี ล ต่อร่างกายและจิตใจของเราอย่างไร “คนปกติทั่วไป  ถ้าเรามีอารมณ์หนึ่งท่ีเราไม่ชอบ  เราจะ เปลี่ยนกจิ กรรมทันที ก็เลยไม่สามารถทจี่ ะปลดปล่อย สิง่ น้นั จึงเปน็ ปมทเี่ ราแอบซ่อนไว้ โปรแกรมนีจ้ ะเข้ามาท�ำใหเ้ ราสังเกตได้ละเอียด ขน้ึ ว่าอารมณ์เหล่าน้มี ันเกดิ ข้นึ ตง้ั อยู่ ดบั ไปยังไง แลว้ เราจะปลด ปลอ่ ยมันไดย้ ังไง เราจะเขา้ ใจมนั ไดย้ ังไง มนั มีที่มายังไง มนั ต้องการ อาหารแบบไหน” 79

“แต่คนเรามีขั้นตอนการเติบโต  ค�ำถามเดิมเม่ือเรียนรู้ แลว้ ก้าวผา่ นไป  กจ็ ะเจอเรอื่ งใหม่ มีคำ� ถามใหม่ๆ ของชีวติ จะ เปล่ยี นแปลงได้ถาวรหรอื เปลา่ มันขนึ้ อยู่กบั ว่าเรอื่ งน้ันเป็นเรอ่ื งอะไร ถา้ เรื่องหนึง่ ผ่านไปได้ ก็ไม่ได้หมายความวา่ ชวี ิตเราจะไมม่ ีปัญหาอกี ต่อไป “มีลูกศิษย์คนหนึ่งเป็นมะเร็ง  ค�ำถามชีวิตเขาก้าวหน้าขึ้น จากเดิมทถี่ ามว่า ‘ทำ� ไมฉันต้องเปน็ มะเรง็ ?’  เปล่ยี นเป็น ‘ทำ� ไมฉนั จะ เป็นมะเรง็ ไม่ได้ละ่ ?’ พอค�ำถามเปลีย่ นไป เขากเ็ ขม้ แขง็ ขน้ึ เลย เขา รับมือได้ แต่ไมไ่ ด้หมายความว่าชวี ติ เขาจะไม่มีปญั หา เพราะสขุ ภาพ ของมนษุ ยม์ ันข้ึนลง เด๋ียวนพ้ี อเจอปัญหาสขุ ภาพ คำ� ถามกลายเปน็ ว่า ‘ฉันจะชว่ ยเหลือคนอื่นเพมิ่ ข้นึ ไดอ้ ยา่ งไร?’ ตอนนเี้ ธอกลายเป็นครู แล้ว “ค�ำถามเขายังมี  แต่เราเห็นเลยว่าเป็นค�ำถามท่ีเติบโตขึ้น เขาทกุ ข์น้อยลง มคี วามสุขมากข้นึ มีความสขุ จนคนร�ำคาญวา่ ท�ำไม ความสุขของเธอมนั งา่ ยจงั เลย ลูกศษิ ยด์ ฉิ นั บอกวา่ แคร่ ดน้ำ� ต้นไม้ก็มี ความสขุ แคเ่ ห็นดอกไมก้ ม็ คี วามสขุ แคส่ ายลมพดั ผ่านกายกเ็ ป็นสุข “จริงๆ นะ  ความสุขของมนุษย์เป็นแบบนั้น  ในวันท่ีคุณเดิน ไมไ่ ด้ คุณพบว่าสองขาชา่ งมคี วามหมาย แลว้ พอวนั หนึ่งทอี่ ยดู่ ีๆ คุณ ก็กลับมาเดินได้ น้�ำตาจะไหลพรากเลย ขาของเราชา่ งมคี ณุ คา่ มาก เหลอื เกนิ ” สุวรรณามองว่าการเข้าใจตัวเองเป็นพื้นฐานส�ำคัญของการ พัฒนาตัวเอง  เมื่อเราเข้าใจตัวเอง  เราจะเข้าใจความต้องการของผู้ อนื่ และเมอื่ เขา้ ใจผ้อู ืน่ ทั้งเราและเขาจะอยรู่ ว่ มกนั ได้อย่างมีความสุข มากขึ้น 80

“มนุษย์มีพ้ืนฐานในทุกเรื่องเหมือนกันโดยเฉพาะความทุกข์ ความต้องการสูงสุด  ต้องการที่จะมีคุณค่า  ต้องการมีความหมาย ต้องการการยอมรับ  เร่ืองพวกนี้เช่ือมโยงตลอดช่วงชีวิตของพวกเรา ย่ิงเราเรยี นรู้มันได้เร็วท่ีสดุ กย็ ่งิ ดี “คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักว่าตัวเองคือใคร  เรานึกว่าเรารู้จัก ตวั เรา แตจ่ ริงๆ แลว้ เราไม่ไดร้ จู้ ักตัวเรา นน่ั คอื ปัญหา อายุเป็นแค่ เพยี งตัวเลข แต่การเรยี นรู้ของเรามนั หยดุ โดยไม่รูต้ วั ทำ� ให้เราไมร่ ูว้ า่ เราคือใคร บางคนหยดุ ตัวเองไวท้ ยี่ ่ีสิบแปด  ทีส่ ามสบิ หา้ หรอื เดก็ กว่า น้ีอีก แลว้ ก็ไม่ได้เติบโตไปจากนน้ั เลย ไมร่ ู้วา่ จะเติบโตไปเพื่ออะไร ไมร่ ู้วา่ ความหมายและคุณคา่ ของชีวติ อยูท่ ีไ่ หน” เราสามารถก�ำหนดชีวิตตัวเอง ได้โดยถามตัวเองว่าเราต้องการ อะไรในชีวิต  บางครั้งแค่รู้ว่าเรา ต้องการอะไรแค่สองสามอย่างก็ เป็นความสขุ แลว้ 81

โชคชัย ลิม้ ประดิษฐ์ “ผมว่าคนเราเห็นทุกข์ก็ จะเหน็ ธรรมนะ พอมันมคี วามทุกข์ เราก็จะเริ่มกลับไปมองธรรมชาติ จะเห็นธรรมะ จะเหน็ ความจรงิ นี่ คอื จดุ เปล่ยี นส�ำคัญของชวี ิต” ชีวิตคนเราย่อมมีเส้นทางชีวิตที่ผิดพลาดมาในอดีตไม่มากก็ น้อย อยูท่ ีว่ นั นี้เราจะสามารถเปล่ียนความผิดพลาดในอดตี นั้นให้เปน็ บทเรยี นหรือพลังไดไ้ หม สำ� หรับผใู้ หญ่โชคชยั ลมิ้ ประดษิ ฐ์ ผูใ้ หญ-่ บ้านหนองกลางดง อ�ำเภอสามร้อยยอด จงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ มี อดีตที่ไม่สวยงามนัก  แต่อดีตน้ันกลับเป็นบทเรียนส�ำคัญ  ให้วันนี้ เขาสามารถมีพลังเพื่อช่วยเหลือชุมชนและพัฒนาบ้านเกิดของเขาให้ เข้มแข็งได้  สร้างฐานของระบอบประชาธิปไตยทางตรงท่ีไม่จ�ำเป็น ต้องไปเปลีย่ นประเทศหรือโลกทัง้ ใบ แต่เร่ิมตน้ จากการเปลี่ยนตวั เอง และชมุ ชน  และกน็ �ำมาซึ่งสังคมทส่ี งบและร่มเยน็ 82

จากบา้ นเกิดไป และกลับมาเกิดใหม่ท่เี ดมิ “ผมเป็นครอบครัวแรกท่ีมาอยทู่ ่ีหมบู่ ้านนต้ี ้ังแต่ปี 2499 อายุ สิบเจ็ดปกี อ็ อกจากบ้านไปนาน ออกไปใช้ชีวิตข้างนอก ไปเผชญิ โชค ไปท�ำเร่ืองทั้งดีท้ังไม่ดีมาหลายเร่ืองจนชีวิตวิกฤต  แล้วก็กลับมาอยู่ บา้ นอกี ครั้งกอ็ ายเุ กอื บสีส่ ิบ ตอนนั้นผมคิดข้ึนได้ว่าผมเหลือเวลาไม่เยอะแล้ว  ผมเป็น ผูใ้ หญบ่ ้านตอนอายสุ ี่สบิ ปี ผมมองยอ้ นหลงั ชวี ติ ตวั เองไป ก็ท�ำผดิ ทำ� เสยี หายมาเยอะ เคยฆา่ คนเคยยงิ คน เคยท�ำอะไรท่เี บยี ดเบยี นสังคม มาเยอะ เรากม็ าคดิ วา่ เราเหลือเวลายสี่ บิ ปีจากส่สี ิบถึงหกสบิ ผมคิด ว่าจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ใช้หนี้แผ่นดิน  ใช้หนี้ในส่ิงที่เราท�ำผิดต่อสังคม เรากำ� หนดวนั เริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน ผมเกิดใหม่ตอนอายสุ ีส่ ิบปี เกิดใน จติ ใจทบี่ รสิ ทุ ธ์ิ และทุ่มเท” จุดเปล่ียนสู่การเกดิ ใหม่ “ผมเคยมีเพือ่ นทยี่ ิงคนมาด้วยกนั ต้ังแต่เด็ก ทา่ นก็บวชไมส่ ึก ในช่วงท่ผี มล้มละลายทางเศรษฐกิจ ผมมที ี่ดินสองสามร้อยไร่ผมขาย ใชห้ น้หี มดเลย แล้วก็ไปหาความสงบท่ีวัด ก็เหน็ คนตายทุกวัน หลวง พอ่ ทา่ นเห็นผมเครยี ดๆ ก็เลยแนะน�ำวา่ ให้ไปนอนทโ่ี รงเผาศพ ผมก็ ลองดู  คิดว่าผีมันจะมีจริงหรือเปล่า  ก็ขับรถเข้าไปนอนที่โรงทึม  แล้ว เรากเ็ ห็นคนตาย นกึ เหน็ เวลาคนมางานศพ บางศพเขากจ็ ะพดู ถึงคุณ- งามความดี บางศพกม็ คี นเขาบอกว่าตายซะได้กด็ ี จะไดห้ มดเวรหมด กรรม เรากค็ ิดว่าสกั วันเรากต็ ้องเปน็ เหมอื นเขา ส่งิ ทเี่ หลืออยูค่ อื คน ท่ีอยูข่ า้ งหลงั จะพดู ถึงเราว่าอะไรเทา่ น้ันเอง มันก็เลยทำ� ใหเ้ ราคิดได้ และคดิ วา่ จะตอ้ งทำ� ความดีเมอ่ื มโี อกาส หลงั จากนั้นเมอื่ เรามโี อกาส 83

เราก็ท�ำเร่ือยมา ผมว่าคนเราเห็นทุกข์กจ็ ะเห็นธรรมนะ จะเหน็ ความ จรงิ นค่ี อื จุดเปลย่ี นสำ� คญั ของชวี ติ ” งานเพอ่ื สังคม เส้นทางในการท�ำดี “ปี  2538  หลังจากกลับมาอยู่บ้านไม่กี่เดือนเขาก็เปิดรับ สมัคร  อบต.  เรากค็ ิดว่าเปน็ เร่อื งใหมท่ ่เี ราน่าจะมสี ่วนร่วม คนบ้านน้ี เขาไม่รู้จักกันหรอกตอนนั้นว่า อบต.  เป็นอย่างไร  ผมก็เลยไปสมัคร อบต. ท่ีอ�ำเภอ เป็น อบต. สมยั แรก เป็นอยู่สองปี แล้วผใู้ หญ่บา้ นคน เก่าเขาลาออก  เราก็เห็นสภาพปัญหาของหมู่บ้านเราเยอะ  ก็เลยไป สมัครผู้ใหญบ่ ้าน เราก็ไดร้ บั ความไวว้ างใจใหม้ าเปน็ ผ้ใู หญ่บา้ น ตอน นน้ั ไมม่ คี ู่แข่งเลย การท่เี รามาทบทวนชีวติ ตวั เองว่าต้ังแต่เดก็ มาเราก็ รังแกสงั คมไวเ้ ยอะ พอชาวบา้ นใหค้ วามไว้วางใจเรา เรากม็ สี ำ� นกึ วา่ เรากอ่ รา่ งสรา้ งตัวที่น่ีมาต้งั แต่ร่นุ พ่อรนุ่ แม่ เมือ่ มีโอกาสแล้ว เรากค็ วร จะเป็นสว่ นหนึ่งในการทจ่ี ะท�ำให้ปญั หาในหมู่บา้ นเราลดลง การเป็นผู้ใหญ่บ้านมันท�ำให้เราเห็นปัญหาว่าหมู่บ้านเรามัน ไมน่ ่าอยูใ่ นหลายเรือ่ ง เร่ืองความอ่อนแอ แบง่ เปน็ ก๊กเหลา่ ปญั หา ความรุนแรง ความขัดแย้ง ปญั หายาเสพติด ปัญหาลกั เล็กขโมยน้อย ในหมู่บ้าน เป็นผใู้ หญ่บ้านรบั แจง้ ของหายทุกวนั   สบั ปะรดในไรบ่ ้าง  มะมว่ งบนตน้ บ้าง คนตอ้ งมาเฝ้าไรเ่ ฝ้าสวนกันเอง เราก็พบว่าปัญหา ทุกอย่างเราแก้คนเดียวไม่ได้  ปัญหามันเกิดจากคนในหมู่บ้านลัก ขโมยกันเอง มีพอ่ คา้ ยาในหมู่บ้าน เด็กกต็ ิดยา ก็เลยคดิ ว่าเราจะตอ้ ง ชักชวนคนในหมู่บ้านเรารวมพลังเพื่อผลักดันให้เรื่องไม่ดีเหล่านี้ออก ไป 84

ก็เริ่มมิติใหม่ด้วยการประชุมกันทุกเดือน  ผมก็บอกว่าผม เป็นผู้ใหญ่บ้าน  ผมเป็นผู้น�ำ  ผมพร้อมท�ำงานย่ีสิบสี่ช่ัวโมง  ถ้ามันจะ ทำ� ให้หมู่บ้านเราดขี นึ้ แต่ถา้ จะขอความรว่ มมือกับพวกเรา ขอเวลา เพียงเดือนละคร้ัง  ท�ำได้ไหมกับการมานั่งประชุมกัน  ชาวบ้านเขาก็ บอกว่าก็ดีเหมือนกันนะผู้ใหญ่  บ้านเรามันไม่เคยมีโอกาสมาเจอกัน ถามสารทกุ ข์สุกดบิ กนั บ้างก็ดี กเ็ ลยตกลงกันว่าให้ประชุมกันอาทติ ย์ แรกของเดอื น ก็ต่อเนอ่ื งมาตลอด การที่เราประชมุ กันวันอาทิตย์ก็เป็น วนั หยดุ พอดี กม็ ีโอกาสได้พูดคยุ กนั ครบทกุ คน จุดแข็งของหมู่บ้านเราคือเราประชุมกันทุกเดือนต้ังแต่ปี 2539 ประชุมกนั ทกุ เดือนไมเ่ คยขาดแมแ้ ตเ่ ดือนเดียว   เน้ือหาในการ ประชมุ แตล่ ะเดือน  เราจะเน้นการคุยความจรงิ กันในหมู่บ้านเรา เรื่อง จรงิ ๆ ในหมู่บา้ นเรา ปัญหาทีม่ อี ยู่ กเ็ กิดข้อตกลงขนึ้ มาในการผลกั ดันเรื่องปัญหายาเสพติด  ปัญหาอิทธิพลต่างๆ  ออกไป  โดยการวาง บ้านอยู่ติดกันให้สังเกตบ้านซ้ายขวา  เราเชื่อว่าบ้านซ้ายบ้านขวารู้ พฤตกิ รรมกันดที ่สี ดุ ให้ตรวจสอบสองเรอ่ื ง คือลูกใครตดิ ยาภายใน บ้าน หรอื บา้ นไหนซ้อื ขายยาเสพตดิ เร่ืองทสี่ ามบ่อนการพนนั ว่ามันมี อยตู่ รงไหนบา้ ง” 85

ใชค้ วามจริงเขา้ ถึงปญั หา “ผมเปน็ ผูใ้ หญบ่ า้ นผมก็พอร้วู ่าเร่ืองเหลา่ นม้ี ันมีอยู่ วดั ใจคน บา้ นติดกนั วา่ เขาจะบอกไหม ในเมอ่ื เราไปทา้ ทายอยา่ งนี้ ชาวบ้าน เขากท็ ้าทายเหมอื นกัน เขาก็คิดว่าเราอยากรูใ้ ช่ไหม เด๋ียวเขาจะมา บอก แลว้ ดซู วิ า่ เราจะมีนำ�้ หนา้ จัดการกับพวกเหลา่ นไ้ี หม  นนั่ คือจดุ เร่ิมต้นของการมีส่วนร่วม  เราก็จะได้ข้อมูลมาว่าใครติดยาหรือเป็น อยา่ งไร คนขายเปน็ ใคร บอ่ นมีกที่ ่ี พอเรามขี ้อมลู ทีช่ าวบ้านมาบอก เราเปน็ ผนู้ �ำกอ็ ยูเ่ ฉยไมไ่ ด้แล้ว เร่ืองพวกน้ีมีตอ่ ไปไมไ่ ด้ ข้ันแรกผมก็เอาข้อมูลมาสร้างข้อตกลงว่า  เด็กติดยาท่ีมีอยู่ ผมมีวธิ ีการ โดยการจัดตง้ั กลุม่ เยาวชนแล้วชวนเขามารว่ ม ผมเองก็ จะไปคุยกับพ่อแม่ของเด็กท่ีติดยาเพื่อหาทางลดละเลิกในโอกาสต่อ ไป ตอนนั้นตัวการปัญหาใหญ่ภายในหมู่บ้านคือบ่อนการพนัน กบั พ่อค้ายาบา้ สองราย เรากข็ อมตใิ นทีป่ ระชมุ ว่าถา้ ชาวบา้ นอยากให้ หมูบ่ า้ นเราดีขนึ้ บอ่ นการพนนั กบั การค้ายาของพ่อค้ายาสองรายต้อง หมดไป ผมถามว่าใครเหน็ ดว้ ยใหย้ กมือ ทุกคนยกมือ บ้านทเ่ี ปิดบอ่ น ก็เขา้ ประชุมอย่ดู ้วย เห็นเขายกมือก็ยกบ้าง ผมก็บอกวา่ ถ้าทุกคนเห็น ด้วยนี่คือข้อตกลงกันนะ  แล้วบ้านที่เคยเอาข้อมูลมาบอกผมจากนี้ เปน็ ตน้ ไป ข้างบ้านท่านเคยค้ายา หรอื เปิดบ่อน ท่านต้องดูแลวา่ ยัง ค้ายาหรือเปิดบ่อนอยู่ไหม  หลังจากมีข้อตกลงแล้ว  บ้านใครท่ียังไม่ เลิกพฤตกิ รรมเหล่าน้ี จะตอ้ งถูกต�ำรวจจับแน่นอน เราบอกว่า  ถ้าใครโดนจับไม่ต้องสืบเลยว่าใครบอกต�ำรวจ ไปจบั เพราะผมจะเปน็ คนพาตำ� รวจไปจับเอง แลว้ ถ้าผมพาไปจบั ก็ 86

อยา่ มาโกรธกันนะ โกรธกันไมไ่ ด้เพราะน่ีคอื ขอ้ ตกลง ทกุ คนยอมรับ ในข้อตกลงแล้ว  เม่ือมีมติร่วมแล้ว  เราเป็นผู้น�ำก็เอามติร่วมน้ันไปสู่ การท�ำงานจริงๆ  เราจะชี้ให้ชาวบ้านเห็นว่า  ถ้าแก้ปัญหาแล้วมันจะมี สง่ิ ดีๆ อะไรเกดิ ข้ึน และถา้ ยงั ไมแ่ ก้จะเปน็ อยา่ งไร ทกุ คนจะรบั รถู้ งึ ผล กระทบทัง้ หมดทีจ่ ะเกดิ ขน้ึ แต่ก็ยังไม่สามารถปราบปรามได้หมด  เพราะหลังจากหยุด ไปนานบ่อนการพนันก็เปิดอยู่  ผมก็พาต�ำรวจไปจับ  ผมเข้าไปจับ นี่ต�ำรวจชอบใจเพราะชาวบ้านไม่ว่ิงหนี  เราก็เข้าไปจับแบบไม่ให้ ตำ� รวจปรากฏตัว ผมเดินเขา้ ไปคนเดยี ว พวกเล่นการพนันเปน็ วงๆ เห็นผู้ใหญ่บ้านเดินไปคนเดียวก็ไม่มีใครว่ิงหนี  เขาก็ยกมือขอโทษ ผู้ใหญค่ รบั ผมเล่นกนั แก้เครยี ด พๆี่   น้องๆ เราก็บอกว่าไมเ่ ป็นไร พวก เอ็งนัง่ เฉยๆ ไมต่ ้องลกุ ข้นึ เราก็กวักมอื เรียกตำ� รวจกจ็ บั ไดท้ ง้ั วง” ความเข้มแขง็ ท่แี ท้จรงิ เกดิ จากตัวคนและชุมชน “เหล่านี้ท่ีเล่าให้ฟังมันมีคุณค่าตรงท่ี  เม่ือก่อนชาวบ้านจะ มองปญั หาเป็นเรื่องของทางการไปหมด จรงิ ๆ ชาวบ้านเขากไ็ มช่ อบ หรอก บา้ นคา้ ยา บา้ นเปิดบอ่ น แต่เขากค็ ดิ ว่าไมใ่ ช่เร่ืองของเขา ถ้า บอกผู้น�ำแล้วผู้น�ำก็บอกว่าไม่ใช่เรื่องของเรา  ถามเป็นเรื่องของใครก็ เปน็ เรือ่ งของทางราชการ ผมเขา้ จบั บอ่ นสามสค่ี ร้งั จนตอนนีห้ มบู่ ้าน ผมไม่มบี อ่ นการพนันเลย เร่ืองแนวคิดต่างๆ  เหล่านี้  บอกตรงๆ  มันเกิดจากตอนท่ี ผมเข้าป่าในยุคพลังนักศึกษา  แล้วผมก็ได้ไปเรียนรู้การเมืองภาค ประชาชน เรียนรู้ระบอบสงั คมนิยมมาก่อน เราเชื่อวา่ พลังประชาชน มันเป็นทางออกในการแก้ปัญหาได้  เราเชื่อว่าถ้าคนคุยกันในระดับ 87

หม่บู า้ น เอาความจรงิ มาคุยกัน  ปัญหาทกุ เรือ่ งแก้ได้ ปญั หาที่เกิด จากในหมู่บ้าน  ถ้าเราเอาความจริงมาคุยกัน  ผู้น�ำเป็นแกนน�ำน�ำ ความจรงิ มาคยุ กนั ใหเ้ กดิ ประเดน็ รว่ ม  ถา้ ความเหน็ มนั รว่ มกนั ไดแ้ ลว้    ความร่วมมือมนั จะเกดิ ขน้ึ ได้เอง จริงๆ  ผมไม่เช่ือว่าอ�ำนาจรัฐจะจัดการปัญหาได้ทุกอย่าง มันจึงเป็นสาเหตุในการท่ีเราจะรวมพลังกันแก้ปัญหากันเองภายใน ชุมชน  ก็พบว่าสิบกว่าปีเราแก้ปัญหาได้มากมายกว่าท่ีคิด  เพราะ เราสร้างกติการ่วมกันมา  และกติการ่วมสามารถน�ำเราไปสู่การแก้ ปัญหาชุมชนได้  พวกนี้คือประชาธิปไตยทางตรงที่เราไม่ต้องแก้ กฎหมายอะไร มนั คอื การทเ่ี ราทุกคนมคี วามเหน็ รว่ มกัน มีข้อตกลงกัน มนั ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิโดยไมม่ ใี ครบังคบั เพราะชาวบา้ นเขามสี ่วนร่วม” ประชาธปิ ไตยทางตรงท่เี ข้าถงึ ได้ “เราเป็นนักประชาธิปไตย  เราก็พยายามหาวิธีการที่ดีที่สุด ในการให้คนในชุมชนเป็นส่วนร่วม  เพราะเราไม่เชื่อว่าผู้น�ำของ ทางการจะเก่งและเขา้ ใจไปกวา่ คนในชุมชนทอี่ ยกู่ บั ปญั หาจริงๆ วิธี การของผมน่ีเหมือนป่าล้อมเมือง  คือเราอาจจะไม่สามารถไปเปลี่ยน ความคิดของคนในสภาของชาติได้  แต่ถ้าเราสามารถท�ำหมู่บ้าน โมเดลเลก็ ๆ แลว้ ทำ� กนั เยอะๆ กระจายออกไป นจี่ ะเป็นการเรยี นรู้ ระบอบประชาธปิ ไตยทางตรง ทีส่ ุดแล้วเขาจะสามารถเลอื กผู้นำ� ดๆี ใหก้ ับชมุ ชนและประเทศได้ มนั คงเปน็ ระยะทางยาวไกล แตเ่ ป็นจดุ เริ่มตน้ ท่ีดขี องชมุ ชน” มสี ติรูใ้ นการท�ำงาน สรา้ งพลังใจใหเ้ ข้มแข็ง 88

เราต้องทบทวนว่าค�ำนินทา ว่าร้ายน้ันจริงไหม  ถ้าจริงเราก็ ป รั บ ป รุ ง ตั ว เ อ ง   แ ล ้ ว เ ร า ก็ ต ้ อ ง ยอมรับ  แต่ถ้าเรื่องไหนเป็นการ นินทาวา่ ร้ายท่ีมนั ไม่จรงิ แผเ่ มตตา ให้เขาไป ถือว่าเขาไม่รู้ เพราะไม่มี ใครจะรใู้ จเราเองเท่าตัวเราเอง 89

จิระนนั ท์ พติ รปรีชา “เปน็ ก้อนหนิ กลางกระแสน้�ำ” หลายคนรู้จักผู้หญิงคนนี้  จากเร่ืองราวและการต่อสู้เพ่ือ อุดมการณ์ทางการเมืองในอดีต  ความเป็นผู้หญิงไม่ได้บั่นทอน ความมุ่งมั่นหรือเป็นอุปสรรคกับความเชื่อในชีวิตของเธอแม้แต่น้อย ปัจจุบันจิระนันท์  พิตรปรีชา  ก็ยังคงใช้ความมุ่งมั่นที่มีในใจน้ันท�ำ ประโยชน์ให้สังคมอยู่   โดยน�ำบทเรียนต่างๆ  จากเรื่องราวในอดีต  มา ปรับใชใ้ ห้เหมาะกบั ปัจจบุ ัน 90

ถ้าถามถึงค�ำว่าอุดมการณ์  จะมีใครขยายความได้ดีกว่าเธอ คนนี้ “ค�ำว่าอุดมการณ์มักจะถูกจ�ำกัดแค่เรื่องของการเมือง  เช่น  จะต้องเป็นประชาธิปไตยหรือเป็นเผด็จการหรือสังคมนิยม  แต่จริงๆ อุดมการณ์น่ีมันแยกย่อยออกเป็นเร่ืองของสังคม  เรื่องของวิธีคิดเร่ือง ของวิถชี วี ติ ยังไดเ้ ลย ไมว่ า่ เราจะเรียกมันวา่ อะไรกต็ าม กค็ อื หลักใน การด�ำเนินชวี ิตและการดำ� รงอย่ขู องสงั คม ณ ปจั จบุ นั น่นั เอง “เพราะฉะนั้นในเม่ือตีความอย่างนี้  เราก็สามารถมี อุดมการณ์ได้โดยเราไม่ต้องไปเล่นการเมือง  ไปสมัคร  ส.ส.  หรือ ก�ำหนดนโยบายอะไร  อย่างในระดับปัจเจกบุคคลน่ีนะ  ถ้าเรามี อดุ มการณ์  หรอื จะเรียกว่าอดุ มคตกิ ็ได้ ยอ่ ยๆ  มาหน่อย เชน่ เราจะ ไมเ่ อาเปรียบใคร แค่นี้กเ็ ปน็ หลกั การในการดำ� รงชีวิตแลว้   โดยเฉพาะ คนที่ไม่สามารถจะออกมาต่อสู้ฟาดฟันอะไรได้  เพราะว่าต้องท�ำธุรกิจ ต้องใช้ชีวิตในออฟฟิศนี่นะ  เราแค่มีหลักการว่าเราจะไม่เอาเปรียบ คดโกงน่มี นั ก็ใชแ่ ลว้ ไง พอคดิ อย่างน้ีปบุ๊ ทกุ คนสามารถเปน็ คนดีได้ โดยไมต่ ้องรอใหส้ ังคมดแี บบค�ำขวญั ท้ายรถบรรทุก” และถ้าจะถามว่า ในอดีตใครคือแรงบันดาลใจสำ� คญั ในการ ดำ� เนนิ ชวี ิต คณุ จริ ะนนั ทบ์ อกว่ามหี ลายคน “สมัยวัยรุ่น  ส่วนใหญ่จะอ่านหนังสือและได้แรงบันดาล- ใจจากบุคคลหรือว่านิยายท่ีอ่าน   เช่น  นิยายของศรีบูรพาก็พูดถึง อุดมการณ์ของคนหนุ่มสาว  ส่วนท่ีเป็นตัวบุคคลน่ีจะมีหลายประเภท เช่น  คนท่ีมีความสุขกับชีวิตและการงาน  ไม่ว่าเขาจะท�ำอะไรดูมัน ช่างสร้างสรรค์และมคี วามสขุ ดว้ ยตวั เองไปหมด โอย๊ หลายคน พดู ไป 91

เด๋ียวไม่ยุติธรรม  ในทางความแกร่งกล้าโดยไม่ต้องลุกขึ้นมากระทืบ ใคร อองซานซูจกี เ็ ปน็ ตวั อยา่ งท่ดี ี เพราะถ้าไม่กล้าและทรหดจรงิ เธอก็ ไม่อยูม่ าได้แบบนั้นหรอก” บทบาทของผู้หญิงในยุคต่อสู้ทางการเมืองเป็นบทบาทท่ีคุณ จิระนนั ท์บอกวา่ เป็นจดุ เปลีย่ นสำ� คัญของบทบาทผู้หญงิ กับบ้านเมอื ง “ถา้ จะพูดถึงบทบาทของผหู้ ญิง  เหตกุ ารณช์ ่วง 14 ตุลา เปน็ จุดเปลี่ยนของผู้หญิงไทยก็ว่าได้   ท่ีจะกล้าออกมาแสดงทัศนะ หรือ ว่าพลังทางสังคมและการเมือง  ก่อนหน้าน้ันก็อาจมีบ้างแต่ก็ไม่เคย ปรากฏแบบเป็นกลุ่มเป็นก้อนขนาดน้ัน  พอวันนี้ผ่านไปสามสิบกว่า ปีแล้ว  ผู้หญิงไทยพัฒนาขึ้นมากในแง่การศึกษาเสรีภาพ  ทางเลือก ของชีวิต  อะไรต่างๆ  ถ้าจะวัดกันด้วยสถานภาพ  ก็ก้าวมาไกลพอ สมควร แต่กย็ งั มจี ดุ ท่ตี อ้ งวิพากษว์ จิ ารณก์ นั เยอะนะ อยา่ งเช่น คณุ ได้เสรีภาพแล้วคุณใช้เสรีภาพไปท�ำอะไร  ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะตกเป็น เหย่ือของโฆษณาเยอะมาก  พอชีวิตค่อนข้างสบายก็จะไม่สนใจอะไร เลยในโลกนี้ ก็จะดแู ลแต่ความงาม” 92

แต่ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย  การจะท�ำตามความเช่ือและ กลา้ เปลี่ยนชีวิตตวั เอง   ส่ิงสำ� คัญคอื ตอ้ งใช้ใจ “คนเราจะเปลี่ยนชีวิต  อุทิศตัวเองเพื่ออะไรสักอย่างที่เรา เรียกว่าอุดมการณ์  มันก็ต้องใช้ใจพอสมควร  ก็คิดว่าตัดสินใจยาก เหมือนกันตอนที่เข้าป่า  แต่อีกด้านหน่ึงพูดอย่างไม่ฮีโร่เลยก็คือ  มัน ไมม่ ที างเลอื ก ถ้าเราอยากจะสูต้ ่อ อยากจะทำ� อะไรใหส้ งั คมดขี ึ้น มนั ไม่เหลือทางเลอื ก  ตงั้ แต่ 6 ตุลาแล้วนี่ แต่ทนั ทที ี่เราไปอยู่ในสถานะ อีกแบบหน่ึง  ไม่ว่าจะกล้าหรือไม่กล้ามันก็ต้องปรับตัว  ต้องเรียนรู้  แลว้ ก็ทำ� ตัวเองให้มีคณุ ค่าและมีประโยชนท์ สี่ ุด” สิ่งส�ำคัญท่ีได้เรียนรู้จากการใช้ชีวิตในป่า  คือความอดทนที่ เป็นจุดเปลีย่ นสำ� คญั “บางคนท่ีเสียดายเวลาในชีวิตนะ  เรียนก็ไม่จบเข้าไปแบก ปืนและแบกฟืน ท้งั ท�ำนาดว้ ยและสูร้ บดว้ ย บางคนคิดว่าเสยี โอกาส ในชวี ติ กเ็ ลยกลบั มาตะเกยี กตะกายจะเปน็ รฐั มนตรเี ปน็ อะไรกนั ใหญ่ ไง แต่เราไม่ได้คดิ อยา่ งนนั้ โอ้โห มันเป็นมหาวทิ ยาลัยชีวิตนะ ทำ� ให้ เราไดเ้ รียนรู ้  ทำ� ให้เราทรหดแขง็ แกรง่ ทำ� ให้เราใช้บทเรยี นซึง่ ล้มเหลว และสำ� เร็จกบั ชีวติ ในช่วงถดั มาได้ พูดงา่ ยๆ  คอื ไม่หวนั่ ไหวกบั อะไร ง่ายๆ  แลว้ คิดว่าเข้มแข็งและหนกั แน่นขนึ้ เหมอื นคนที่ผา่ นการฝกึ รด. มา แต่เป็นการฝกึ ทีย่ าวนาน” 93

จดั การกบั ความทุกข์ในชวี ิตอย่างไรถา้ มันผา่ นเขา้ มา “ถ้ามันมีความทุกข์ในชีวิตเราก็คิดว่าล้มได้   เราไม่ใช่ฮีโร่ ตลอดกาล แตอ่ ย่าลม้ นาน ลม้ แลว้ ต้องคดิ ถึงการลกุ ขนึ้ อยา่ งสง่างาม เพราะว่าชีวติ ส่วนทีเ่ หลือยังมอี ีกเยอะ เราจะท�ำให้มันเป็นอยา่ งไร ขน้ึ อยูก่ ับเรา ณ จุดนัน้ แตบ่ างคนลม้ แล้วไม่ยอมลุกไง” ในฐานะท่ีผ่านชีวิตท่ีหนักๆ  มาแล้ว จิระนันท์จะจัดการสังคม ท่มี กี ารผันผวนดว้ ยการท�ำตวั เองให้เปน็ กอ้ นหินกลางกระแสนำ�้ “พยายามท�ำตัวให้เป็นก้อนหินกลางกระแส   ดีกว่าเป็น เศษไม้ใบหญ้าที่ลอยไป  เช่น  ในสังคมทุกวันน้ีจะสับสนเร่ืองข้อมูล ข่าวสาร เราก็ท�ำตวั ให้เป็นก้อนหนิ หนักแน่น พิจารณาหรอื ไม่ก็ปิด รบั มันไปเลย แตพ่ วกทลี่ อยไปตามกระแสอันบา้ คลั่งจะสะดุง้ สะเทือน หวน่ั ไหว บา้ จ้ี เตน้ ตามไปหมดเพราะมันไม่นงิ่ ยกตัวอยา่ งเรือ่ งความ น่ิง  คุณดูนักกีฬาก่อนท่ีเขาจะได้แชมป์  ไม่ว่าเกมอะไรก็ตามจะเป็น นาทีทนี่ ่งิ ทส่ี ุดมนั ถึงจะได้ สว่ นคนทมี่ วั แตค่ ิดว่าจะได้หรอื เปลา่ กอง เชยี รม์ าหรือยัง มวั แต่ลุ้นเน่ยี ไม่มที างไม่ส�ำเรจ็ เพราะงน้ั มันอยตู่ รง นาทีนั้นเองว่าเราจะเลอื กท�ำอยา่ งไร“ 94

สดุ ท้ายที่สำ� คญั สำ� หรบั ชวี ิตคนเราคอื ความสุข คณุ จิระนนั ท์ มีเคล็ดลับความสุขท่ที ำ� ให้ใจยงั สาวอยเู่ สมอ “พลังไฟในตัวคุณมันอยู่ในใจ  คุณจะกระพือให้มันลุกโชน หรือว่าจะดับมัน  วิธีท�ำให้มันลุกโชนโชติช่วงมีพลังไฟในตัวอยู่เสมอ ก็คือ  เปิดกะโหลกเรียนรู้  แล้วก็พยายามท�ำทุกวันของชีวิตให้มันก้าว ไปขา้ งหน้า ไมใ่ ช่กา้ วแบบต�ำแหน่งฐานะอะไรนะ ก็คอื เราไม่หยุดน่ิง เราไม่แช่ขังเป็นน้�ำอุทกภัย  เราเป็นน้�ำที่ไหลไปข้างหน้าอย่างมีจุดมุ่ง หมาย เราก็จะคึกคักตลอดเวลา วธิ ที �ำให้มนั ดบั มอดก็คอื คดิ วา่ ข้ารู้ แล้ว ขา้ เกง่ แล้ว มนั จะแย่ลง การคดิ วา่ คนสมยั น้ีมนั แย่มาก หรือว่า เพือ่ นกไ็ มด่ ี ลูกก็ไม่ดี กดู คี นเดยี ว อนั น้ันน่ะแชข่ งั แชข่ ังด้วยแชแ่ ขง็ ด้วย เป็นมัมม่ีโนรเี ทริ ์น คอื เข้าใจนะว่ามันเป็นธรรมชาตวิ ิสยั ของคน แต่ละคน  บางคนข้กี ังวลขี้กลมุ้ จะไปหา้ มเขาได้เหรอ มแี ตค่ วามสงสัย หรอื ว่าจะไปไหนทตี ้องคดิ ถึงแตใ่ นแงล่ บไวก้ อ่ น รถจะตดิ ไหม  จะไป ถึงกี่โมง อะไรทกุ อยา่ ง คนชอบกงั วลและเสพตดิ ความทุกขน์ ่นี ะมนั จะ หมดพลัง เพราะวา่ การกดั กร่อนตัวเองด้วยส่งิ เหลา่ น”ี้ เห็นเมืองไทยมานาน   มองเมืองไทยแล้วอยากให้เมืองไทย เปล่ยี นแปลงอะไรบ้าง “อยากจะให้คนไทยไม่ว่าจะในระดับปัจเจกหรือว่าชุมชน เล็กๆ  มองให้เห็นความดีงามและศักยภาพในตัวเอง  ก่อนที่จะไปมอง ความเลวร้าย แล้วงัดมันออกมาใช้ ฝมี ือไทยน่ีนะ ไดร้ บั การยอมรับ อยา่ งยงิ่ ในระดับโลก จติ ใจนำ้� ใจมันไมใ่ ช่การสรา้ งภาพ  มันมาจริงๆ ฉนั เคยไปหลงทางอยู่ขา้ งถนนในต่างประเทศไมม่ ีใครช่วยสกั คน คยุ กบั ใครไม่มีใครคยุ ดว้ ยเลย แตใ่ นประเทศไทยน่ีนะ ตอ้ งมีคนเข้ามา 95

ช่วยคุณทันทีที่คุณหกล้มหรือว่าอะไร  อาจารย์ฝรั่งแกนั่งวีลแชร์มา แกก็ว่าถ้าไปประเทศอ่ืนไม่รู้ว่าแกจะไหวหรือเปล่า  แต่ประเทศไทยน่ี นะภรรยาแกเป็นคนเขน็ ขน้ึ บันได จะต้องมใี ครกไ็ มร่ ้วู ่ิงเข้ามาทนั ทีที่ จะต้องยก ยกให้แล้วก็เดนิ ไปเลย ไทยแลนด์ เพราะฉะนน้ั ถ้าเรามอง เห็นสิ่งที่ดีงามเหล่าน้ีแล้วงัดมันออกมาใช้  ไอ้พฤติกรรมเลวร้ายทั้ง หลายของพวกเรากจ็ ะลดลง ไอ้เร่ือง บน่ ดา่ เรียกร้อง กล่าวโทษ   ซงึ่ มันเป็นกันมากในยุคที่เรามีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่ ต้องรับผิดชอบ  แล้วพลังส่วนท่ีสามารถเอาไปต่อยอดท�ำอะไรได้เยอะ แยะมันจะโผล่ออกมาสารพัดรูปแบบ  ซึ่งเราจะก้าวไปข้างหน้าด้วย กนั ได้กเ็ พราะพลังเหลา่ น้ี” 96

ในสังคมทุกวนั นี ้  มนั จะสบั สนเรือ่ งข้อมลู ข่าวสาร เรากท็ ำ� ตัวให้เป็นก้อนหนิ หนักแนน่ พิจารณาหรือไมก่ ป็ ิดรบั มันไปเลย แต่พวกท่ี ลอยไปตามกระแสอนั บา้ คลั่ง จะสะดุง้ สะเทือน หว่ันไหว บ้าจี้ เต้นตามไปหมดเพราะมนั ไม่น่ิง 97

ศ.ดร.ปารชิ าต สถาปติ านนท์ สร้างภมู ิคุม้ กนั ความทุกข์ “ความสุขของเราไม่ใช่ ว่าเรามีความสุขแล้วเราเห็นแก่ ความสุขของเราคนเดียว  เรา สามารถแบ่งปันความสุขให้คน อ่ืนๆ  ให้คนที่รอบข้างและคนที่ ไกลกวา่ มีความสขุ ด้วย เพราะสขุ มันอยู่ที่ใจเรารับร”ู้ มนุษย์ทุกคนล้วนมอง หาความสุข และทำ� ทกุ อยา่ งเพื่อ จะได้มาซ่งึ ความสุข จนบางคร้ัง ลืมเตรยี มใจคดิ ถึงความทกุ ข์ เมือ่ เรามีทุกข์ความสุขก็จะหายไป สิ่งที่สามารถเรียกความสุขกลับ มาได้อีกครั้งคือสติและปัญญา อาจารย์ปาริชาต สถาปติ านนท์ คือคนท่ีเคยผ่านทุกข์หนักจาก การสูญเสียมาแล้ว  แต่ในวันน้ี 98

เธอกลับเป็นคนท่ีมีความสุขอยู่ในทุกวันของชีวิต  ผ่านมุมมองการ สรา้ งความสุขทนี่ ่าสนใจ ทใ่ี ครๆ  กส็ ามารถท�ำได้ ค�ำแนะน�ำอย่างแรกส�ำหรับการลดทอนความทุกข์ในใจต้อง เรม่ิ จากตัวเอง “เราต้องถามตัวเองว่าในแต่ละวันเราใช้ชีวิตยังไง  ในแต่ละ วันเราตื่นเราก็ต้องดูแลตัวเอง  เราต้องกินอาหาร  เราต้องมีกิจกรรม ประจ�ำวันจนกระทง่ั ถงึ เรานอน คำ� ถามคอื เรานอนหลบั หรือเปล่า ถา้ เรานอนหลบั การนอนหลับมนั เหมือนกบั เปน็ การที่บอกว่า ถ้าวนั นเ้ี รา หลบั ได้กแ็ สดงวา่ เราตดั ได้ ตัวน้ีกจ็ ะใช้บทเรยี นในชีวิตประจำ� วัน  ถ้า เรานอนหลับได้เรากต็ ้องตดั ได้ กอ่ นนอนหลับเราก็ตอ้ งสวดมนต์แล้ว กต็ ง้ั จิตอธิษฐานวา่ พรุ่งนีจ้ ะต้องดกี วา่ วันน้จี ะต้องจบไป พรุง่ น้ีจะต้อง ดกี วา่ วันน้ี จะใช้ลกั ษณะแบบน้ี แลว้ วนั รุ่งขนึ้ ทต่ี ื่นข้ึนมา สงิ่ แรกทเ่ี รา ท�ำปุบ๊ คือสอ่ งกระจก แปรงฟนั ก็ตอ้ งทอ่ งคาถาง่ายๆ  กับตวั เองว่า วัน น้จี ะต้องดีกวา่ เมอื่ วาน อันน้ีเปน็ เคลด็ งา่ ยๆ  ที่ตวั เองใช้ เป็นการเตมิ ก�ำลงั ใจให้ตัวเอง” นอกจากมองที่ตัวเองแล้ว  เราจ�ำเป็นต้องเข้าใจถึงหลักของ ความทกุ ข์ และใช้ชวี ิตอยู่กบั ความจริง “เป็นเร่ืองบังเอิญ  โชคดีที่ได้เรียนในหลักการของจิตวิทยา การสอ่ื สารค่ะ เขาบอกวา่ ครึ่งหนง่ึ ของสงิ่ ทเ่ี กิดขึ้นกบั ตัวเราเปน็ ความ เชื่อ  อีกครึ่งหน่ึงคือฐานท่ีเรียกว่าความจริง  เพราะง้ันถ้าเราเชื่อว่ามัน ใช่  แล้วเราพยายามท่ีจะออกแรง  มันจะมีแรงมากกว่าที่เราไม่เช่ือ อะไรเลย  หรือเราหมดหวังเพราะถ้าเราหมดหวังเราก็จะเจอแต่ส่ิงท่ี 99

หมดหวงั นนั่ แหละโถมทบั เข้ามา เพราะฉะน้ันเราต้องเช่ือวา่ ชีวิตยงั มี หวงั เราต้องเชื่อว่าพรงุ่ นต้ี อ้ งดกี วา่ เราต้องเชือ่ วา่ ส่ิงท่ีมันเปน็ สิ่งร้าย ในวันวานมนั จบไป มันจะต้องมสี ง่ิ ท่ดี ขี ึน้ ” ความเชื่อท่วี ่าความทกุ ข์จริงๆ  มันก็เป็นแรงผลกั ดนั “ความทุกข์มันเหมือนกับอะไรที่มันเป็นสิ่งท้าทายเรา  ถ้าเรา ไมเ่ จอทกุ ขเ์ ราก็คงไม่เจอสขุ หรือไม่ถา้ เราเจอแตค่ วามสขุ เรากค็ งไม่รู้ หรอกว่าคนอื่นท่ีทุกข์เป็นยังไง  หรือสิ่งท่ีเรียกว่าสุขน้อยสุขมากมัน เป็นยังไง  แต่เพราะเราเจอทุกข์เราถึงได้สามารถวิเคราะห์ต้ังค�ำถาม กบั ตนเอง เราถึงได้สามารถเปรียบเทยี บไดว้ ่าอะไรคือสุข อะไรคอื สขุ กว่าหรืออะไรคือสขุ ทแี่ ท้จริง ซง่ึ พวกนม้ี ันกจ็ ะผ่านไปตามขน้ั ตอนของ ชีวิต เชน่ บางคนเกิดมาปบุ๊ เปน็ เดก็ แคว่ ันเกดิ เป่าเค้กเขากบ็ อกว่ามี ความสุข บางคนบอกว่าโอ๊ยเป่าเคก้ หรอื นา่ กลวั จงั เพราะอายุเพิ่ม ขึ้นอีกปีแล้ว  ไม่อยากเห็นไม่อยากรับรู้เลย  อยากให้หน้าตาอยากให้ สังขารอยากให้สภาพรา่ งกายคงอยเู่ หมือนกับวันนี้ บางคนมองวา่ เป็น ความวติ กกังวลว่าจะแกล่ งอีก ทกุ อยา่ งมนั อยูท่ ่ีใจ แลว้ มันอยู่ท่วี า่ เรา มองเร่อื งนนั้ ยงั ไง แลว้ เราเติมเตม็ เรื่องราวเหล่านนั้ ยงั ไง ให้กลบั มาใน การทจี่ ะให้กำ� ลังใจตัวเอง” เมอื่ คดิ บวกแล้ว อยา่ ลืมค�ำวา่ คดิ ลบ เพราะมันมีประโยชน์ เชน่ กัน “คิดบวกเป็นศัพท์ใหม่ซ่ึงดิฉันก็เพิ่งได้ยินเมื่อสองสามปีท่ี ผา่ นมา ตวั เองกไ็ ม่ไดค้ ิดว่าตวั เองเป็นคนคดิ บวก แต่ก็รูว้ า่ คดิ ยังไง ก็ได้ท่ีจะท�ำให้เราดีข้ึน  หรือจะให้ก�ำลังใจคนอื่นอย่างไรให้ก้าวเดินไป ข้างหน้าได้อย่างดีขึ้น อย่างม่นั คงขน้ึ คดิ แค่นน้ั ส�ำหรับคดิ บวกหรอื 100


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook