Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชิ้นงานที่ 4 หน่วยที่ 2 แผนที่ 14-merged-compressed

ชิ้นงานที่ 4 หน่วยที่ 2 แผนที่ 14-merged-compressed

Published by วัชรีย์ รัตโนทัย, 2018-10-12 03:08:05

Description: ชิ้นงานที่ 4 หน่วยที่ 2 แผนที่ 14-merged-compressed

Search

Read the Text Version

เร่ือง การพดู หรือเขยี นเล่าเร่ืองทส่ี ะท้อนการใช้คาสอนในโคลงโลกนิติช่ือ .........................................................ช้นั ................... เลขที่ ......................... ได.้ ......................คะแนน คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน ให้นกั เรียนเลอื กทากจิ กรรมต่อไปนี้ ๑ กจิ กรรม ๑. พดู หรือเขียนเล่าเรื่องจากประสบการณ์ตรงของนกั เรียนท่ีสะทอ้ นใหเ้ ห็นวา่ คาสอนในโคลงโลกนิติสามารถนามาใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจาวนั ของนกั เรียนได้ ๒. พดู หรือเขียนเล่าเร่ืองจากประสบการณ์ของผอู้ ่ืนที่นกั เรียนไดฟ้ ังมา ซ่ึงสะทอ้ นใหเ้ ห็นวา่คาสอนในโคลงโลกนิติสามารถนามาใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั ได้ ๓. พดู หรือเขียนเล่าเร่ืองจากละครโทรทศั น์หรือภาพยนตร์ท่ีนกั เรียนไดไ้ ปชมมา ซ่ึงสะทอ้ นใหเ้ ห็นวา่ คาสอนในโคลงโลกนิติสามารถนามาใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจาวนั ได้ เขียนบรรยายประสบการณ์

เร่ือง การเขยี นกระทู้เกยี่ วกบั โคลงโลกนิติบนกระดานสนทนา วนั ที่ ........เดือน..............................พ.ศ. ............. ได.้ ......................คะแนนช่ือ ..........................................................ช้นั .................. เลขที่ ......................... คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน ให้นักเรียนต้งั กระทู้เกย่ี วกบั โคลงโลกนิตใิ นกระดานข่าว (web-board) แล้วช่วยกนัแสดงความคดิ เห็น และคดั เลอื กประเดน็ หรือมมุ มองทส่ี ร้างสรรค์มาบันทกึ ไว้และสนทนาเพมิ่ เตมิ ในช้ันเรียน_____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

เรื่อง การเขยี นบนั ทกึ วรรณคดีศึกษา : โคลงโลกนิติช่ือ ..........................................................ช้นั .................. เลขที่ ......................... ได.้ ......................คะแนน คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน พจิ ารณาทบทวนบทเรียน แล้วเขยี นบนั ทกึ การเรียนรู้เพอื่ แสดงความคดิ เห็นอย่างอสิ ระ เกยี่ วกบั โคลงโลกนติ ิ บันทกึ วรรณคดีศึกษา เรื่อง โคลงโลกนิติ________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ โคลงโลกนิติ เร่ือง ปริศนาศพั ท์ลบั ปญั ญารายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๑ ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมงครผู สู้ อน นางวัชรีย์ รัตโนทยั โรงเรียน หนั คาราษฎร์รังสฤษดิ์ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ดั มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิดเพ่ือนาไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาเนินชีวติ และมนี สิ ยั รักการอ่าน ตวั ช้วี ัด ท ๑.๑ ม. ๑/๔ ระบุและอธบิ ายคาเปรียบเทียบและคาทมี่ ีหลายความหมายในบรบิ ทตา่ ง ๆ จากการอ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้สูต่ วั ชี้วดั ๑. อธิบายความเปน็ มาและคาศัพทจ์ ากโคลงโลกนิติ (K) ๒. วิเคราะห์คาศัพทใ์ นโคลงโลกนิตจิ ากบริบท (P) ๓. เหน็ ความสาคัญของการแปลความหมายของคาศัพท์ในโคลงโลกนิติ เพือ่ ให้เขา้ ใจเนื้อหา อยา่ งถูกต้อง (A)สาระสาคัญ โคลงโลกนิติ เปน็ สภุ าษิตท่ีมกี ารรวบรวมและชาระโดยสมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมพระยาเดชาดิศร เนอื้ หาของโคลงเป็นคตสิ อนใจในการดาเนนิ ชีวติ การศึกษาความหมายของคาศพั ท์ ทาให้เข้าใจเนือ้ หาไดด้ ยี ิ่งขึน้สาระการเรียนรู้ ๑. ทม่ี าของโคลงโลกนติ ิ ๒. ความหมายของคาศัพทใ์ นโคลงโลกนิติสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการอา่ น - ทกั ษะการเขยี น - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู

๒. ความสามารถในการคิด - การวเิ คราะห์ - การสรุปความรู้๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิตคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ ตวั ชวี้ ัดที่ ๔.๑ ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ ตัวชว้ี ดั ที่ ๔.๒แสวงหาความรจู้ ากแหลง่ เรียนรู้ตา่ ง ๆ ทงั้ ภายในและภายนอก โรงเรียนดว้ ยการเลอื กใชส้ ่ืออย่างเหมาะสม บันทกึ ความรู้ วิเคราะห์ สรุปเปน็ องคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชใ้ น ชีวิตประจาวันได้ ม่งุ ม่ันในการทางาน ตัวชี้วัดที่ ๖.๑ ตัง้ ใจและรับผดิ ชอบในการปฏิบัตหิ น้าที่การงาน ตัวชี้วัดท่ี ๖.๒ทางานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพ่ือให้งานสาเร็จตาม เปา้ หมาย รกั ความเปน็ ไทย ตวั ชว้ี ัดท่ี ๗.๒เหน็ คณุ ค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่อื สารได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสมการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ให้นักเรยี นดูตวั อยา่ งโคลงโลกนติ ิ ร่วมกันอ่าน อธบิ ายความหมายของคาทขี่ ดี เส้นใต้พรอ้ มทง้ั วธิ ีการสังเกต แปลความ และบอกลักษณะของโคลงโลกนิติ เพ่อื นกนิ ส้ินทรพั ย์แลว้ แหนงหนี หาง่าย หลายหมนื่ มี มากได้ เพอื่ นตาย ถา่ ยแทนชี วาอาตม์ หายาก ฝากผีไข้ ยากแทจ้ ักหา๒. ให้นักเรยี นอา่ นบทนาเร่ืองแล้วร่วมกันสรปุ สาระสาคญั๓. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๕ กลุ่ม อ่านโคลงโลกนิติกลุ่มละ ๑๐ บท อธิบายความหมายของคาศัพท์และวิธีการสังเกต หากยังไม่เข้าใจความหมายของคาศัพท์ให้ค้นหาในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ออกมานาเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง๔. ให้นกั เรยี นจับคเู่ ลน่ เกมทายคาศพั ท์ โดยใหน้ ักเรียนคนที่ ๑ ชบู ัตรคาศัพท์ นักเรยี นคนท่ี ๒ ทาท่าทางหรือพดู ใบ้คาศัพท์ ใหน้ กั เรียนคนที่ ๑ ทาย นกั เรยี นคู่ใดทายถูกได้คะแนน๑ คะแนนตวั อย่างคาศัพท์ กรรณ ขึ้ง คอ้ ม สรุ ิยะ สดับ

๕. ใหน้ ักเรยี นเติมคาศัพทใ์ นตารางปริศนาอักษรไขว้ โดยใหม้ ีความหมายตรงกับที่ให้ไว้ในแนวตั้งและแนวนอน ครแู ละนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ๖. นกั เรียนและครูรว่ มกันสรุปความรู้ ดังน้ี โคลงโลกนิติ เปน็ สภุ าษติ ทมี่ ีการรวบรวมและชาระโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอกรมพระยาเดชาดิศร เน้ือหาของโคลงเปน็ คติสอนใจในการดาเนนิ ชวี ติ การศึกษาความหมายของคาศัพท์ ทาใหเ้ ขา้ ใจเน้ือหาได้ดียิ่งขึน้ ๗. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คาถามท้าทาย ดงั นี้ การศกึ ษาคาศัพท์มปี ระโยชน์อย่างไร สือ่ การเรยี นรู้ ๑. บตั รคา ๒. พจนานกุ รมการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑. วิธีการวดั และประเมินผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ๓) ตรวจผลงานของนักเรยี น ๒. เคร่ืองมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผา่ นตงั้ แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผา่ น ๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรุง



แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๒หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๒ โคลงโลกนิติเรอ่ื ง ภาพสือ่ ศัพท์กับความเปรียบรายวิชา ภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๑ ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑กลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๑ ชั่วโมงครผู ู้สอน นางวัชรีย์ รัตโนทัย โรงเรยี น หันคาราษฎร์รงั สฤษด์ิ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคดิ เพอ่ื นาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปญั หาในการดาเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ัยรกั การอา่ น ตวั ช้วี ดั ท ๑.๑ ม. ๑/๔ ระบแุ ละอธบิ ายคาเปรียบเทียบและคาทม่ี หี ลายความหมายในบริบทตา่ ง ๆ จากการอา่ นจุดประสงค์การเรียนรสู้ ่ตู ัวชี้วดั ๑. อธบิ ายความหมายของคาเปรยี บเทียบ (K) ๒. เขียนคาศัพท์จากภาพ (P) ๓. วเิ คราะหค์ วามเปรียบ (P) ๔. เห็นความสาคัญของการเปรยี บเทียบเพื่อนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน (A)สาระสาคัญ ความเปรยี บเปน็ การเปรียบเทียบสิ่งใดสิ่งหน่งึ ใหเ้ ห็นภาพทีช่ ดั เจนขึ้น เนอื้ หาในโคลงโลกนติ เิ ปน็ สภุ าษติ คาสอนจงึ ใช้ความเปรยี บเทียบ เพอื่ ใหผ้ อู้ ่านเห็นภาพและเข้าใจเนื้อหาเชื่อมโยงกบั ชีวติ ประจาวนัสาระการเรยี นรู้ คาศัพท์และความเปรียบในโคลงโลกนิติสมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอา่ น - ทกั ษะการเขียน - ทักษะการฟัง การดู และการพดู

๒. ความสามารถในการคดิ - การวิเคราะห์- การสรปุ ความรู้๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิตคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ใฝ่เรยี นรู้ ตัวช้ีวัดที่ ๔.๑ ตงั้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ ตวั ชี้วดั ที่ ๔.๒ แสวงหาความรู้จากแหลง่ เรยี นรตู้ ่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอก โรงเรยี นดว้ ยการเลือกใชส้ ื่ออย่างเหมาะสม บนั ทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ สามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้มุ่งมั่นในการทางาน ตัวช้ีวัดท่ี ๖.๑ ตัง้ ใจและรับผิดชอบในการปฏิบัติหนา้ ทีก่ ารงาน ตวั ชว้ี ดั ที่ ๖.๒ ทางานดว้ ยความเพียรพยายามและอดทนเพอื่ ให้งานสาเรจ็ ตามเป้าหมายรกั ความเป็นไทย ตัวชีว้ ดั ที่ ๗.๒ เห็นคณุ คา่ และใชภ้ าษาไทยในการสือ่ สารได้อย่างถกู ต้องเหมาะสมการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้๑. ใหน้ กั เรยี นดูภาพแล้วรว่ มกนั บอกคาศัพทจ์ ากเร่ืองโคลงโลกนติ ิ๒. ให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ ๓ คน วาดภาพคาศัพทจ์ ากเรื่องโคลงโลกนิติ ระบายสีใหส้ วยงาม จากน้ันออกมานาเสนอหนา้ ช้ันเรียน ใหเ้ พ่ือนในชนั้ เรียนรว่ มกันทายคาศพั ท์๓. ให้นักเรยี นรว่ มกันหาคามาเติมคาเปรียบเทยี บตอ่ ไปนี้ ใจดเี ป็น _____________ (แม่พระ) ใจกวา้ งเหมือน _____________ (มหาสมทุ ร) ใจดาเหมอื น _____________ (อีกา) แขง็ เหมือน _____________ (หิน) หยาบเปน็ _____________ (หนงั ช้าง) คันเหมอื น _____________ (ตาแย)ครูและนักเรียนรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้อง แล้วร่วมกนั สนทนาเก่ียวกับลักษณะของคาเปรียบเทยี บ๔. ใหน้ ักเรยี นนาภาพท่ีวาดออกมานาเสนอหน้าช้ันเรยี นอีกครั้ง แลว้ บอกความเปรยี บของภาพ เชน่ภาพจวักตกั ข้าว กวีเปรยี บเหมอื นคนท่อี ยู่ใกลส้ ิง่ ดีงามแต่ไม่ไดซ้ มึ ซบั ความดีงามน้นั ไวเ้ ลยภาพหัวเต่า กวเี ปรียบเหมือนคาพูดทีก่ ลับกลอกของคนช่ัวจากนัน้ ครแู ละนักเรียนรว่ มกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง

๕. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ ดงั นี้  ความเปรยี บเป็นการเปรียบเทยี บสงิ่ ใดสิง่ หนงึ่ ใหเ้ หน็ ภาพท่ชี ัดเจนขน้ึ เน้ือหาในโคลงโลกนติ ิเปน็ สภุ าษติ คาสอนจงึ ใช้ความเปรยี บ เพ่ือให้ผอู้ า่ นเห็นภาพและเขา้ ใจเนื้อหา เชื่อมโยงกับชีวติ ประจาวัน ๖. ให้นักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คาถามทา้ ทาย ดงั นี้  ความเปรยี บในโคลงโลกนติ ิ ทาใหเ้ ขา้ ใจเนื้อหามากขึ้นอย่างไรสอื่ การเรียนรู้ ๑. กระดาษสาหรับวาดภาพ ๒. สเี ทียน สไี ม้ สเี มจิกการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงานของนักเรียน ๒. เคร่อื งมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑) การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผา่ นต้ังแต่ ๒ รายการ ถือว่า ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่าน ๒) การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรงุ



แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๓หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ โคลงโลกนิตเิ ร่อื ง วเิ คราะหค์ วามเปรียบแล้วเทียบความหมายรายวชิ า ภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๑ ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑กลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมงครผู สู้ อน นางวัชรยี ์ รตั โนทัย โรงเรียน หันคาราษฎร์รังสฤษดิ์ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคดิ เพอ่ื นาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แกป้ ัญหาในการดาเนินชีวติ และมีนิสยั รักการอ่าน ตวั ชว้ี ดั ท ๑.๑ ม. ๑/๔ ระบแุ ละอธบิ ายคาเปรียบเทยี บและคาท่ีมีหลายความหมายในบรบิ ทตา่ ง ๆ จากการอา่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นร้สู ูต่ ัวชี้วัด๑. อธิบายความเปรียบในโคลงโลกนติ ิ (K)๒. วเิ คราะหค์ วามเปรยี บในโคลงโลกนิติ (P)๓. เหน็ ความสาคญั ของความเปรยี บในโคลงโลกนติ ิ (A)สาระสาคัญ ความเปรยี บเปน็ การเปรยี บเทียบสง่ิ ใดสิ่งหนึง่ ให้เหน็ ภาพทชี่ ดั เจนขึน้ เนอื้ หาในโคลงโลกนติ ิเปน็ สภุ าษิตคาสอนจึงใช้ความเปรยี บเทยี บเพ่ือให้ผู้อา่ นเหน็ ภาพและเขา้ ใจเน้ือหาเช่อื มโยงกับชีวิตประจาวันสาระการเรยี นรู้ ความเปรียบในโคลงโลกนิติสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น ๑. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการอ่าน - ทักษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพูด ๒. ความสามารถในการคิด - การวิเคราะห์ - การสงั เคราะห์ - การสรุปความรู้ ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ ตวั ชว้ี ัดท่ี ๔.๑ ต้ังใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ ตวั ช้ีวัดท่ี ๔.๒ แสวงหาความร้จู ากแหลง่ เรียนรตู้ า่ ง ๆ ทง้ั ภายในและภายนอก โรงเรียนด้วยการเลือกใช้สอ่ื อยา่ งเหมาะสม บันทกึ ความรู้ วิเคราะห์ สรปุ เปน็ องค์ความรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้ มุ่งมั่นในการทางาน ตวั ชีว้ ดั ที่ ๖.๑ ตง้ั ใจและรับผดิ ชอบในการปฏิบัติหน้าท่ีการงาน ตัวชี้วดั ท่ี ๖.๒ ทางานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพื่อให้งานสาเรจ็ ตามเปา้ หมาย รกั ความเป็นไทย ตวั ชี้วัดท่ี ๗.๒ เหน็ คณุ คา่ และใช้ภาษาไทยในการสือ่ สารได้อย่างถูกต้องเหมาะสมการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ใหน้ ักเรยี นร่วมกนั เติมคาในช่องวา่ งในแถบข้อความ แล้วบอกวา่ ความเปรยี บน้นัมีความหมายอยา่ งไร  ปลาร้าพนั ห่อด้วย (ใบคา) (หมายถงึ คนทไี่ ปคบหาคนไม่ดียอ่ มเป็น คนไมด่ ีตามไปดว้ ย)  (ผลเด่ือ) เม่ือสุกไซร้ มีพรรณ (หมายถงึ คนทรี่ ูปร่างหนา้ ตาดี บคุ ลกิ ภายนอกดี)  (หวั เตา่ ) ยาวแลว้ สนั้ เล่ห์ลนิ้ ทรชน (หมายถงึ คาพูดท่ีกลบั กลอกของคนชัว่ ) ๒. ให้นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม ๖ กลุ่ม หาความเปรียบในโคลงโลกนิติและวเิ คราะหค์ วามหมายออกมานาเสนอหนา้ ชนั้ เรียน ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ๓. ใหน้ กั เรียนแต่ละกล่มุ แต่งข้อความ กลอนเปล่า หรืองานเขียนรปู แบบอ่ืน ๆ ตามความถนัดโดยใช้ความเปรยี บ และกาหนดเร่ืองราวตามความสนใจ จากนนั้ ส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลงานหน้าชัน้ เรียน ครูและนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบและแสดงความคดิ เหน็ ๔. นกั เรยี นและครูร่วมกันสรปุ ความรู้ ดงั น้ี ความเปรียบเป็นการเปรียบเทียบส่ิงใดส่ิงหนึ่งให้เห็นภาพท่ีชดั เจนข้นึ เนื้อหาในโคลงโลกนติ ิเป็นสภุ าษติ คาสอนจงึ ใช้ความเปรียบเพือ่ ใหผ้ อู้ ่านเหน็ ภาพและเขา้ ใจเนื้อหา เช่ือมโยงกบั ชวี ติ ประจาวัน ๕. ใหน้ กั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คาถามทา้ ทาย ดงั น้ี  นักเรยี นใช้ความเปรยี บใดบา้ ง เม่อื ส่อื สารในชวี ิตประจาวัน ความเปรยี บน้ันชัดเจน หรือไม่ อย่างไรส่ือการเรยี นรู้ ๑. แถบข้อความ ๒. กระดาษสาหรับทากจิ กรรม

การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๒) สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ ๓) ตรวจผลงานของนกั เรียน ๒. เครือ่ งมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผ่านตง้ั แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผา่ น ผ่าน ๑ รายการ ถือวา่ ไมผ่ า่ น ๒) การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดับ พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรุง

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๔หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๒ โคลงโลกนติ เิ รื่อง วเิ คราะห์คาพอ้ งต้องวนิ ิจความหมายรายวิชา ภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๑ ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมงครูผูส้ อน นางวัชรีย์ รตั โนทัย โรงเรียน หนั คาราษฎรร์ ังสฤษดิ์ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวัด มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละความคิดเพอื่ นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปญั หาในการดาเนินชวี ิต และมนี สิ ยั รักการอ่าน ตัวช้ีวดั ท ๑.๑ ม. ๑/๕ ตคี วามคายากในเอกสารวชิ าการโดยพจิ ารณาจากบริบท มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลย่ี นแปลง ของภาษาและพลังของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทย ไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ ตวั ชว้ี ดั ท ๔.๑ ม. ๑/๒ สร้างคาในภาษาไทยจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ส่ตู ัวชี้วัด ๑. อธบิ ายลักษณะของคาพอ้ ง (K) ๒. ตคี วามคายากจากบรบิ ท (P) ๓. วิเคราะห์คาพ้องในโคลงโลกนิติ (P) ๔. เหน็ ความสาคัญของการนาคาพ้องไปใช้อยา่ งถูกต้อง (A)สาระสาคัญ คาพอ้ งแบ่งเป็นคาพ้องรูปซึ่งเขียนเหมือนกัน อ่านออกเสียงต่างกัน คาพ้องเสียงเป็นคา ที่เขียนต่างกัน อ่านออกเสียงเหมือนกัน ส่วนคาพ้องรูปพ้องเสียงเป็นคาท่ีเขียนและอ่านออกเสียงเหมือนกัน คาพ้องท้ัง ๓ ประเภทมีความหมายแตกต่างกัน การเข้าใจความหมายของคาพ้อง ต้องพิจารณาบริบทแวดล้อมจึงจะทราบความหมายอย่างถูกต้อง ส่วนคาพ้องความหมายหรือคาไวพจน์เป็นคาท่ีเขยี นต่างกนั อ่านออกเสียงต่างกัน แต่ความหมายเหมือนกัน การนาคาไปใช้ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับบรบิ ทสาระการเรยี นรู้ คาพ้อง

สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ๑. ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทักษะการฟงั การดู และการพูด ๒. ความสามารถในการคิด - การวเิ คราะห์ - การสรปุ ความรู้ - การประเมนิ คา่ ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ ตวั ช้ีวดั ท่ี ๔.๑ ตัง้ ใจ เพยี รพยายามในการเรยี นและเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ ตวั ชว้ี ัดท่ี ๔.๒ แสวงหาความร้จู ากแหล่งเรียนรตู้ ่าง ๆ ทง้ั ภายในและภายนอก โรงเรยี นด้วยการเลอื กใชส้ อื่ อย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรปุ เปน็ องค์ความรู้ สามารถนาไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้ ม่งุ มน่ั ในการทางาน ตัวชวี้ ัดท่ี ๖.๑ ตั้งใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบัติหน้าท่กี ารงาน ตัวช้ีวัดท่ี ๖.๒ ทางานด้วยความเพยี รพยายามและอดทนเพ่ือใหง้ านสาเร็จตามเปา้ หมาย รกั ความเปน็ ไทย ตัวช้วี ดั ท่ี ๗.๒ เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสมการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ให้นักเรยี นอา่ นประโยคจากแถบประโยคต่อไปนี้ แล้วร่วมกันบอกลักษณะของคาพ้อง  ในวนอทุ ยานแห่งชาติมแี หล่งน้าวน (คาพ้องรูป)  เขาพิศดดู อกไม้มีพษิ อยา่ งระมัดระวงั (คาพอ้ งเสียง)  แม่สวมผา้ มัดหมที่ าเสน้ หมี่ (คาพอ้ งรูปพ้องเสียง)  การสดับหรือฟงั มากทาให้เปน็ ผู้รู้ (คาพ้องความหมาย) ๒. ใหน้ ักเรียนศึกษาความรูเ้ รอ่ื ง คาพ้อง แล้วร่วมกนั สรุปความเขา้ ใจ ครูเปน็ ผูอ้ ธบิ ายเพมิ่ เติม ๓. ให้นักเรียนแบง่ กลมุ่ ๖ กลมุ่ หาคาพ้องในโคลงโลกนิติ ดงั น้ี กลุ่ม ๑, ๔ หาคาพ้องเสยี ง กลุ่ม ๒, ๕ หาคาพ้องรูปพ้องเสยี ง กลมุ่ ๓, ๖ หาคาพ้องความหมาย ออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรียน ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง ๔. ให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รวบรวมคาพ้องที่ใชใ้ นชวี ิตประจาวันเพ่มิ เติมจากโคลงโลกนติ ิ ตามประเภทที่ได้รับมอบหมาย เช่น ในโคลงโลกนิตมิ คี าวา่ สาร คาทใี่ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั เชน่ ขา้ วสาร สื่อสาร นิตยสาร

แตล่ ะกลุม่ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอหนา้ ช้ันเรียน พรอ้ มทั้งเขียนคาบนกระดาน ครแู ละนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง และเสนอแนะเพม่ิ เติม ๕. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดังนี้ คาพ้องแบ่งเปน็ คาพอ้ งรูปซึ่งเขียนเหมอื นกัน อ่านออกเสยี งต่างกนั คาพ้องเสียงเปน็ คาที่เขียนต่างกัน อา่ นออกเสียงเหมือนกัน ส่วนคาพ้องรูปพ้องเสียงเป็นคาท่เี ขยี นและอา่ นออกเสยี งเหมือนกนั คาพ้องทง้ั ๓ ประเภทมคี วามหมายแตกตา่ งกัน การเข้าใจความหมายของคาพ้องต้องพจิ ารณาบริบทแวดล้อมจึงจะทราบความหมายอย่างถูกต้อง สว่ นคาพ้องความหมายหรือคาไวพจน์เป็นคาทเี่ ขยี นต่างกัน อ่านออกเสยี งตา่ งกัน แต่ความหมายเหมือนกนั การนาคาไปใช้ต้องเลอื กใช้ ให้เหมาะสมกับบริบท ๖. ใหน้ กั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คาถามท้าทาย ดงั น้ี คาพ้องมีความสาคญั ในภาษาไทยอย่างไรสื่อการเรยี นรู้ แถบประโยคการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. วิธีการวดั และประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ ๓) ตรวจผลงานของนักเรยี น ๒. เครื่องมือ ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) การประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน ๑ รายการ ถอื ว่าไมผ่ ่าน ๒) การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรงุ

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๕หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๒ โคลงโลกนติ เิ รอ่ื ง บริบทกาหนดชนิดและหน้าที่รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๑ ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๑ ชั่วโมงครผู ้สู อน นางวัชรีย์ รตั โนทยั โรงเรียน หันคาราษฎร์รังสฤษด์ิ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัดมาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลง ของภาษาและพลังของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทย ไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ ตวั ชีว้ ดั ท ๔.๑ ม. ๑/๓ วิเคราะห์ชนดิ และหน้าทีข่ องคาในประโยคจุดประสงค์การเรยี นรูส้ ูต่ ัวช้ีวัด ๑. อธิบายชนดิ และหน้าท่ีของคา (K) ๒. วิเคราะห์ชนิดและหนา้ ท่ีของคาในประโยค ( P) ๓. เหน็ ความสาคญั ของชนดิ และหน้าท่ขี องคาในประโยค (A)สาระสาคญั คาแต่ละชนดิ ในประโยคทาหนา้ ทแ่ี ตกต่างกัน และคาชนดิ เดยี วกันอาจทาหน้าที่ในประโยคแตกต่างกันได้ ข้ึนอยู่กบั ตาแหน่งและบรบิ ทอนื่ ๆ ในประโยค การรจู้ กั ชนดิ และหน้าทขี่ องคาในประโยคทาให้เข้าใจเน้ือความในประโยคน้นั ได้ชัดเจน การสื่อสารจงึ มปี ระสทิ ธภิ าพสาระการเรยี นรู้ ชนิดของคาและหน้าทข่ี องคาในประโยคสมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น ๑. ความสามารถในการสื่อสาร - ทักษะการอ่าน - ทกั ษะการเขยี น - ทักษะการฟัง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคดิ - การวเิ คราะห์ - การสังเคราะห์ - การสรปุ ความรู้ ๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต

คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ใฝ่เรยี นรู้ ตวั ชว้ี ัดท่ี ๔.๑ ตง้ั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ ตัวชี้วัดที่ ๔.๒ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรยี นรตู้ ่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก โรงเรยี นด้วยการเลอื กใช้ส่อื อย่างเหมาะสม บันทกึ ความรู้ วิเคราะห์ สรปุ เป็นองค์ความรู้ สามารถนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวันได้มงุ่ มั่นในการทางาน ตัวชว้ี ดั ท่ี ๖.๑ ตั้งใจและรับผิดชอบในการปฏิบตั ิหน้าทก่ี ารงาน ตวั ช้ีวัดที่ ๖.๒ ทางานดว้ ยความเพียรพยายามและอดทนเพอ่ื ให้งานสาเรจ็ ตามเปา้ หมายรกั ความเป็นไทย ตวั ชี้วัดที่ ๗.๒ เห็นคุณคา่ และใช้ภาษาไทยในการสอื่ สารได้อย่างถูกต้องเหมาะสมการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกันแตง่ ประโยคโดยใหน้ ักเรียนแต่ละคนบอกคาคนละ ๑ คาใหเ้ รียงตอ่ กันเป็นประโยคท่สี มบูรณ์ แล้วร่วมกนั บอกชนิดและหน้าทขี่ องคาในประโยค๒. ให้นกั เรยี นศึกษาความรู้เร่ือง ชนิดของคาและหนา้ ที่ของคาในประโยค แล้วร่วมกนัสรุปความเขา้ ใจ ครเู ปน็ ผู้อธิบายเพ่ิมเติม๓. ให้นักเรียนแบง่ กลมุ่ ๕ กล่มุ วเิ คราะห์ชนิดและหน้าที่ของคาในเพลงทช่ี น่ื ชอบกลมุ่ ละ ๑เพลง โดยวเิ คราะหค์ าท่สี นใจ ๑๐ คา ออกมานาเสนอหน้าชั้นเรยี น ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้อง๔. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ ๕ กล่มุ เลน่ เกมตอบไวได้คะแนน โดยให้นกั เรยี นบอกคาจาก โคลงโลกนติ ติ ามชนิดและหน้าท่ที คี่ รกู าหนด เชน่ คาสรรพนาม ทาหนา้ ที่เปน็ ประธาน คานามสามัญ ทาหน้าท่เี ปน็ กรรม คาวเิ ศษณ์ ทาหนา้ ที่ ขยายคากริยา คาบพุ บท ทาหน้าท่ี บอกเวลากลมุ่ ใดตอบได้ไวและถกู ต้องได้ข้อละ ๑ คะแนน๕. ใหน้ กั เรียนร่วมกันวเิ คราะหช์ นิดและหนา้ ท่ีของคาในโคลงโลกนิตทิ ่ีครูกาหนด ครูช่วยอธบิ ายเพมิ่ เติมและตรวจสอบความถกู ต้อง๖. นกั เรียนและครูรว่ มกนั สรุปความรู้ ดังนี้ คาแต่ละชนิดในประโยคทาหนา้ ที่แตกต่างกนั และคาชนิดเดียวกนั อาจทาหน้าทใ่ี นประโยคแตกตา่ งกันได้ ขึ้นอยู่กบั ตาแหน่งและบริบทอ่ืน ๆ ในประโยค การรจู้ ักชนดิ และหน้าท่ี ของคาในประโยคทาใหเ้ ข้าใจเนื้อความในประโยคนนั้ ได้ชดั เจน การสอ่ื สารจึงมปี ระสิทธภิ าพ๗. ใหน้ ักเรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คาถามท้าทาย ดงั นี้ ลกั ษณะประโยคของวยั รุน่ ในปัจจุบนั เปน็ อยา่ งไรสื่อการเรียนรู้ -

การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ ๓) ตรวจผลงานของนักเรยี น ๒. เครื่องมอื ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑) การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผา่ นตั้งแต่ ๒ รายการ ถือว่า ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือว่าไม่ผา่ น ๒) การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรุง

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๖หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒ โคลงโลกนติ เิ ร่อื ง เสยี งคาสัมพนั ธก์ บั ความหมายรายวชิ า ภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๑ ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมงครผู ูส้ อน นางวัชรยี ์ รตั โนทัย โรงเรียน หนั คาราษฎรร์ ังสฤษดิ์ มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้วี ัด มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคดิ เพอื่ นาไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปัญหาในการดาเนนิ ชวี ิต และมนี ิสัยรกั การอ่าน ตัวชี้วดั ท ๑.๑ ม. ๑/๑ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองได้ถกู ต้องเหมาะสมกับ เรอ่ื งท่ีอา่ น ท ๑.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทในการอ่าน จุดประสงค์การเรียนร้สู ูต่ วั ช้ีวดั ๑. อธิบายคาเอก คาโท ตามฉนั ทลักษณข์ องโคลงสสี่ ุภาพ (K) ๒. อ่านออกเสยี งคาในโคลงโลกนิตแิ ละเขียนคาอา่ น (P) ๓. เหน็ ความสาคัญของการเลอื กใชค้ าในคาประพนั ธ์ (A) สาระสาคัญ คาประพนั ธป์ ระเภทโคลงบงั คับการใช้คาเอก คาโท บางคาจงึ ตอ้ งใชค้ าเอกโทษ โทโทษเพื่อใหถ้ กู ต้องตามฉันทลกั ษณ์ และส่ือความหมายตามทผ่ี ้แู ต่งตอ้ งการ การเข้าใจคาเอกโทษ โทโทษทาให้เขา้ ใจเนื้อหาในโคลงโลกนติ ิมากขน้ึ และการอา่ นคาในโคลงโลกนติ อิ ย่างถูกต้อง ทาใหไ้ ดร้ ับอรรถรสในการอา่ น และส่อื ความหมายได้ตรงตามต้องการ สาระการเรียนรู้ ๑. คาเอกโทษ คาโทโทษ ๒. การเขียนคาอ่าน สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอา่ น - ทกั ษะการเขียน - ทักษะการฟัง การดู และการพูด ๒. ความสามารถในการคดิ - การวิเคราะห์ - การสรุปความรู้

๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิตคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ ตวั ชี้วดั ที่ ๔.๑ ตั้งใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ ตวั ช้วี ัดที่ ๔.๒ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรยี นร้ตู า่ ง ๆ ทง้ั ภายในและภายนอก โรงเรยี นดว้ ยการเลอื กใช้สอ่ื อย่างเหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเปน็ องค์ความรู้ สามารถนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวันได้ ม่งุ มัน่ ในการทางาน ตวั ชี้วัดท่ี ๖.๑ ตั้งใจและรบั ผิดชอบในการปฏิบตั ิหนา้ ทกี่ ารงาน ตวั ชวี้ ดั ที่ ๖.๒ ทางานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพื่อให้งานสาเร็จตามเปา้ หมาย รักความเป็นไทย ตัวชี้วดั ที่ ๗.๒ เห็นคุณคา่ และใชภ้ าษาไทยในการสอื่ สารได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสมการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนอ่านและสงั เกตคาประพันธท์ ่ีครกู าหนด แล้วร่วมกันบอกความแตกตา่ งและลักษณะคาประพันธท์ ี่ถูกต้อง หิ่งห้อยสอ่ งกน้ ซู่ แสงจนั ทร์ปัดเทียบเทยี มรัตน์อนั เอย่ี มข้า หิ่งหอ้ ยสอ่ งก้นสู้ แสงจันทร์ปัดเทียบเทยี มรัตนอ์ ัน เอ่ยี มค่า ๒. ใหน้ ักเรยี นศึกษาความรู้เรือ่ ง คาเอกโทษ โทโทษ แล้วรว่ มกันสรปุ ความเขา้ ใจ ครเู ป็น ผู้อธบิ ายเพิม่ เติม ๓. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ ๕ กลุม่ พิจารณาคาเอกโทษและคาโทโทษในโคลงโลกนิตกิ ลุ่มละ ๑๐บท ดังนี้ กลุ่ม ๑ บทท่ี ๑ - ๑๐ กลมุ่ ๒ บทท่ี ๑๑ - ๒๐ กลมุ่ ๓ บทที่ ๒๑ - ๓๐ กล่มุ ๔ บทท่ี ๓๑ - ๔๐ กลุ่ม ๕ บทท่ี ๔๑ - ๕๐ โดยบอกคาเอกโทษ คาโทโทษ การสะกดคาทถี่ ูกต้องตามอักขรวธิ ีและความหมายของคา ออกมานาเสนอหน้าช้ันเรียน ครูและนกั เรียนรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง ๔. ให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ สารวจคาศัพท์ในโคลงโลกนิตทิ ่ีไดร้ บั มอบหมายว่ามีคาใดอาจจะอา่ นไดไ้ ม่ถกู ต้อง ใหต้ รวจสอบคาอ่านจากพจนานกุ รม บนั ทกึ และนามาแลกเปลย่ี นกนั ศึกษาระหวา่ งกลุ่ม ๕. ให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั เขียนคาอ่านจากบัตรคาท่ีครูกาหนดบนกระดาน ดังน้ีรสมาลย์ สัปปุรุษ รัถยา สมมติ มยุรอาตมา หววั ศิขรา จวัก เสนหา

เมอ่ื ครบทุกคาแลกเปลยี่ นกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ๖. นกั เรียนและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ ดังนี้ คาประพันธ์ประเภทโคลงบังคับการใชค้ าเอก คาโท บางคาจึงต้องใชค้ าเอกโทษ โทโทษเพ่อื ใหถ้ ูกต้องตามฉันทลกั ษณ์ และส่อื ความหมายตามทผ่ี ้แู ต่งต้องการ การเขา้ ใจคาเอกโทษ โทโทษทาให้เขา้ ใจเนอื้ หาในโคลงโลกนติ มิ ากข้นึ และการอ่านคาในโคลงโลกนติ ิอยา่ งถูกต้อง ทาให้ไดร้ บั อรรถรสในการอ่านและสื่อความหมายไดต้ รงตามตอ้ งการ ๗. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี ถ้าอา่ นคาในคาประพันธ์ผดิ จะเกดิ ผลอย่างไรส่ือการเรียนรู้ ๑. บัตรคา ๒. แถบข้อความ ๓. พจนานกุ รม ๔. กระดาษสาหรับทากจิ กรรมการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑. วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ ๓) ตรวจผลงานของนกั เรยี น ๒. เครื่องมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑) การประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผา่ นตงั้ แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถอื ว่าไมผ่ า่ น ๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรุง

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๗ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๒ โคลงโลกนิตเิ รอ่ื ง วรรคทองคลอ้ งใจรายวชิ า ภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๑ ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๑ ชั่วโมงครูผ้สู อน นางวัชรีย์ รตั โนทัย โรงเรยี น หันคาราษฎรร์ งั สฤษด์ิมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดัมาตรฐานการเรยี นรู้มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทย อยา่ งเห็นคุณคา่ และนามาประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ จริงตวั ชว้ี ดัท ๕.๑ ม. ๑/๕ ท่องจาบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทร้อยกรองทีม่ คี ณุ ค่าตาม ความสนใจจดุ ประสงค์การเรยี นรูส้ ู่ตัวชี้วัด๑. อธิบายคณุ ค่าบทอาขยานจากโคลงโลกนติ ิ (K)๒. ท่องจาบทอาขยานจากโคลงโลกนิติ (P)๓. ตระหนักในคุณค่าของบทอาขยานเพื่อนาข้อคิดที่ไดม้ าประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ (A)สาระสาคญั บทอาขยานในโคลงโลกนิตมิ ีคุณคา่ ทั้งด้านเน้อื หาท่ีใหข้ ้อคิดและคณุ คา่ ด้านภาษาท่ีไพเราะคมคาย การท่องจาบทอาขยานจึงมีประโยชน์สามารถนาไปใช้ในการดาเนนิ ชวี ติ ได้สาระการเรียนรู้ การทอ่ งจาบทอาขยานสมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอา่ น - ทักษะการเขยี น - ทกั ษะการฟงั การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคดิ - การวเิ คราะห์ - การสรุปความรู้ - การประเมินค่า

คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ใฝ่เรียนรู้ ตวั ชี้วัดท่ี ๔.๑ ตงั้ ใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้าร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ ตัวช้วี ดั ที่ ๔.๒ แสวงหาความรจู้ ากแหล่งเรยี นรตู้ ่าง ๆ ทงั้ ภายในและภายนอก โรงเรยี นดว้ ยการเลอื กใชส้ ่ืออย่างเหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรปุ เป็นองค์ความรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวันได้มงุ่ มั่นในการทางาน ตัวชีว้ ดั ที่ ๖.๑ ต้ังใจและรับผดิ ชอบในการปฏิบตั ิหน้าทกี่ ารงาน ตวั ชว้ี ัดที่ ๖.๒ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพอ่ื ให้งานสาเร็จตามเป้าหมายรักความเปน็ ไทย ตวั ชวี้ ดั ท่ี ๗.๒ เหน็ คณุ คา่ และใชภ้ าษาไทยในการสอื่ สารได้อย่างถกู ต้องเหมาะสมชิ้นงานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความรู)้ การท่องจาบทอาขยานการจัดกิจกรรมการเรียนรู้๑. ใหน้ กั เรยี นฟังครูอ่านโคลงโลกนติ ิแบบทานองเสนาะแลว้ ร่วมกันบอกจังหวะการเวน้ วรรค๒. ใหน้ ักเรยี นศึกษาความรู้เรอ่ื ง การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรอง และการอ่านโคลงส่สี ภุ าพแล้วร่วมกนั สรุปความเข้าใจ ครูเปน็ ผู้อธิบายเพิ่มเติม๓. ให้นักเรยี นอ่านออกเสียงบทอาขยานโคลงโลกนิติแบบธรรมดา โดยเวน้ จงั หวะการอา่ นให้ถูกต้อง ดังนี้ พระสมุทร / สุดลกึ ลน้ // คณนา //สายดง่ิ / ท้งิ ทอดมา // หยงั่ ได้ //เขาสงู / อาจวัดวา // กาหนด //จิตมนษุ ย์ / นีไ้ ซร้ // ยากแท้ / หยั่งถึง // ก้านบวั / บอกลึกตืน้ // ชลธาร //มารยาท / สอ่ สนั ดาน // ชาติเชื้อ //โฉดฉลาด / เพราะคาขาน // ควรทราบ //หย่อมหญา้ / เหยี่ วแห้งเรื้อ // บอกร้าย / แสลงดิน // โคควาย / วายชพี ได้ // เขาหนัง //เป็นส่ิง / เป็นอนั ยงั // อยไู่ ซร้ //คนเดด็ / ดบั สูญสัง // ขารร่าง //เปน็ ช่อื / เป็นเสียงได้ // แตร่ า้ ย / กับดี // เพอ่ื นกนิ / สนิ้ ทรพั ย์แล้ว // แหนงหนี //หางา่ ย / หลายหมน่ื มี // มากได้ //เพื่อนตาย / ถ่ายแทนชี // วาอาตม์ //หายาก / ฝากผีไข้ // ยากแท้ / จกั หา

๔. ให้นกั เรยี นอ่านออกเสียงบทอาขยานจากโคลงโลกนติ ิแบบทานองเสนาะตามครูพรอ้ มกัน และฝึกอ่านจนคล่องแคลว่ ๕. ใหน้ ักเรยี นท่องจาบทอาขยานจากโคลงโลกนติ ิ และมาทอ่ งกับครูเป็นรายบุคคลเพื่อประเมินผลตามตัวชี้วดั (ครูอาจจดั กจิ กรรมนนี้ อกเวลาเรยี น) ๖. ให้นักเรียนชว่ ยกนั วิเคราะห์คุณค่าของบทอาขยานจากโคลงโลกนิติในด้านวรรณศิลปแ์ ละด้านเน้อื หา ครชู ่วยแนะนาและอธิบายเพ่ิมเติม ๗. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้ บทอาขยานในโคลงโลกนิติมีคุณคา่ ทั้งด้านเน้ือหาทใี่ ห้ข้อคิดและคณุ คา่ ดา้ นภาษาทไ่ี พเราะคมคาย การท่องจาบทอาขยานจึงมปี ระโยชนส์ ามารถนาไปใชใ้ นการดาเนินชีวิตได้ ๘. ใหน้ ักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครูใชค้ าถามท้าทาย ดังน้ี บทอาขยานสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันไดอ้ ยา่ งไรบา้ งส่ือการเรยี นรู้ บทอาขยานการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๒. เคร่อื งมือ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผ่านตง้ั แต่ ๒ รายการถอื ว่า ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือว่า ไม่ผ่านการประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) การประเมินกจิ กรรมน้ใี หผ้ ้สู อนพิจารณาจากเกณฑ์การประเมินผลตามสภาพจรงิ (Rubrics)เร่อื ง การท่องจาบทอาขยานระดับคะแนน ๔ ๓ ๒ ๑เกณฑ์การประเมนิ ทอ่ งจาบทอาขยาน ทอ่ งจาบทอาขยาน ท่องจาบทอาขยาน ท่องจาบทอาขยานการทอ่ งจา ได้ถูกต้องทุกคา ได้ถูกต้องทุกคา ได้ถูกตอ้ งทกุ คา ไม่มีตดิ ขดั ตกหล่น ไมม่ ตี ดิ ขดั ตกหล่น แต่มตี ิดขัดบ้างบทอาขยาน ไดถ้ ูกตอ้ งทกุ คา ออกเสียงคา ออกเสียงคา ออกเสียงคาบางคา ถกู ต้องชดั เจน ถกู ต้องชดั เจน ยงั ไมช่ ัดเจน ไมม่ ีติดขัด ตกหล่น ทกุ คา เว้นจงั หวะ ทกุ คา เว้นจงั หวะ เวน้ จงั หวะ วรรคตอนถูกตอ้ ง วรรคตอนถูกต้อง วรรคตอนถูกต้อง ออกเสียงคา ทกุ วรรค ใช้ระดับ- เปน็ สว่ นใหญ่ เป็นบางวรรค เสยี งแสดงอารมณ์ ใชร้ ะดับเสียง ระดับเสียง ถูกต้องชดั เจน ตามบทประพนั ธ์ แสดงอารมณต์ าม ราบเรียบ ไดด้ ี บทประพันธ์ ไม่แสดงอารมณ์ ทกุ คา เวน้ จังหวะ ไดพ้ อใช้ วรรคตอนถูกตอ้ ง ทุกวรรค ใชร้ ะดับ- เสียงแสดงอารมณ์ ตามบทประพนั ธ์ ได้ดมี าก



แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๘หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๒ โคลงโลกนิตเิ ร่ือง กลวิธกี ารประพันธ์ในโคลงโลกนิติรายวชิ า ภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๑ ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๑กลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๑ ชั่วโมงครูผ้สู อน นางวัชรยี ์ รัตโนทยั โรงเรียน หนั คาราษฎรร์ งั สฤษดิ์ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดัมาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทย อย่างเหน็ คุณคา่ และนามาประยุกต์ใช้ในชวี ติ จรงิ ตัวช้วี ดั ท ๕.๑ ม. ๑/๒ วิเคราะหว์ รรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบจดุ ประสงค์การเรยี นร้สู ู่ตัวชี้วดั ๑. อธบิ ายกลวธิ ีการประพนั ธ์ (K) ๒. วเิ คราะห์กลวิธกี ารประพนั ธ์ (P) ๓. เห็นความสาคัญของการใช้กลวิธีการประพนั ธใ์ นการแต่งคาประพนั ธ์ (A)สาระสาคัญ ก ล วิ ธี ก า ร ป ร ะ พั น ธ์ เ ป็ น ก า ร เ ลื อ ก ใ ช้ ถ้ อ ย ค า ใ ห้ เ กิ ด ค ว า ม ไ พ เ ร า ะ ง ด ง า ม แ ล ะ ช่ ว ยสื่อความหมายให้เกิดความชัดเจนมากย่ิงขึ้น กลวิธีการประพันธ์มีหลายรูปแบบ เช่น กา รใช้คาอุปมา อุปลักษณ์ การเล่นคา และการเล่นเสียง การเข้าใจกลวิธีการประพันธ์ทาให้เข้าใจเนือ้ หาในคาประพันธ์ และตระหนกั ในคุณค่าของคาประพันธ์มากข้ึนสาระการเรียนรู้ กลวิธีการประพนั ธ์สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอา่ น - ทกั ษะการเขียน - ทักษะการฟงั การดู และการพูด ๒. ความสามารถในการคิด - การวิเคราะห์ - การสรปุ ความรู้ ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต

คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ใฝเ่ รยี นรู้ ตัวช้วี ดั ท่ี ๔.๑ ต้ังใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเข้ารว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ ตวั ชว้ี ดั ท่ี ๔.๒ แสวงหาความรจู้ ากแหลง่ เรียนรู้ต่าง ๆ ท้ังภายในและภายนอก โรงเรยี นดว้ ยการเลอื กใช้ส่อื อยา่ งเหมาะสม บนั ทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเปน็ องค์ความรู้ สามารถนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวันได้มุ่งมน่ั ในการทางาน ตัวชว้ี ดั ท่ี ๖.๑ ต้งั ใจและรับผดิ ชอบในการปฏิบตั ิหนา้ ทก่ี ารงาน ตัวชีว้ ดั ท่ี ๖.๒ ทางานด้วยความเพยี รพยายามและอดทนเพ่ือใหง้ านสาเร็จตามเปา้ หมายรกั ความเป็นไทย ตัวชี้วดั ที่ ๗.๒ เหน็ คณุ คา่ และใชภ้ าษาไทยในการสอื่ สารได้อย่างถกู ต้องเหมาะสมการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ให้นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คาถามทา้ ทาย ดงั น้ี ลักษณะเฉพาะของบทรอ้ ยกรองมอี ะไรบ้าง ๒. ใหน้ ักเรียนอ่านคาประพนั ธ์ท่ีครกู าหนด แล้วรว่ มกันบอกลักษณะเด่นของคาประพันธ์ นางนวลจับนางนวลนอน เหมือนท่ีแนบนวลสมรจนิ ตะหราจากพรากจับจากจานรรจา เหมอื นจากนางสการะวาตีพระผ่านแผ่นไผททรง สบื ไท้กลดง่ั สรอ้ ยสอดคล้อง เวยี่ ไวใ้ นกรรณ ๓. ให้นกั เรยี นศึกษาความรู้เรือ่ ง กลวิธีการประพันธ์ แล้วร่วมกนั สรุปความเขา้ ใจ ครเู ป็นผูอ้ ธิบายเพิ่มเติม ๔. ให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ ๕ กลมุ่ วิเคราะห์กลวิธกี ารประพันธ์ในโคลงโลกนติ ิ ดังน้ี กลมุ่ ๑ อปุ มา อปุ ลกั ษณ์ กลมุ่ ๒ การเล่นคาซ้า การเล่นคาพ้องเสยี ง การเลน่ คาพ้องความหมาย กลุ่ม ๓ การเล่นคาตรงข้าม การเลน่ คาเชิงถาม กลมุ่ ๔ การเล่นเสียงสัมผัสอกั ษร การเล่นเสยี งวรรณยุกต์ กล่มุ ๕ อัพภาส บคุ คลวัตหรือบุคลาธิษฐาน ออกมานาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ๕. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปความรู้ ดังนี้ กลวิธกี ารประพันธเ์ ปน็ การเลือกใช้ถ้อยคาให้เกิดความไพเราะงดงามและชว่ ยส่อื ความหมายให้เกดิ ความชดั เจนมากยง่ิ ข้ึน กลวธิ ีการประพันธม์ ีหลายรูปแบบ เชน่ การใช้คาอุปมา อุปลกั ษณ์ การเลน่ คา และการเล่นเสยี ง การเข้าใจกลวิธีการประพนั ธท์ าให้เข้าใจเนื้อหาในคาประพนั ธ์ และตระหนกั ในคณุ ค่าของคาประพนั ธม์ ากขึน้

สอ่ื การเรยี นรู้ แถบข้อความการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. วธิ ีการวดั และประเมินผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ ๓) ตรวจผลงานของนกั เรยี น ๒. เคร่อื งมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑) การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผา่ นตั้งแต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผ่าน ผ่าน ๑ รายการถอื วา่ ไม่ผ่าน ๒) การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรบั ปรงุ

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๙หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๒ โคลงโลกนติ เิ รื่อง คาสอนนาชวี ติ ในโคลงโลกนติ ิรายวิชา ภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๑ ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมงครผู ูส้ อน นางวัชรยี ์ รัตโนทัย โรงเรียน หนั คาราษฎร์รังสฤษด์ิมาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชี้วัดมาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย อยา่ งเห็นคุณคา่ และนามาประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตจริง ตัวช้ีวดั ท ๕.๑ ม. ๑/๒ วิเคราะหว์ รรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตผุ ลประกอบจดุ ประสงค์การเรยี นรูส้ ูต่ ัวช้ีวดั ๑. อธบิ ายคาสอนในโคลงโลกนิติ (K) ๒. วิเคราะหค์ าสอนในโคลงโลกนิติ (P) ๓. เหน็ ความสาคญั ของการนาคาสอนในโคลงโลกนติ ไิ ปใช้ในชวี ติ จรงิ (A) สาระสาคัญ โคลงโลกนิติเป็นสภุ าษิตไทยโบราณท่ีมเี น้ือหาให้คตสิ อนใจ ทัง้ ในเรือ่ งการพฒั นาตนเองและการปฏบิ ัติตนต่อผู้อ่ืน การเข้าใจเน้ือหาในโคลงโลกนติ ิ ทาให้สามารถนาคาสอนไปประยุกตใ์ ชใ้ นการดาเนินชีวิตประจาวันได้สาระการเรียนรู้ คาสอนในโคลงโลกนิติสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทักษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทักษะการฟัง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคิด - การวเิ คราะห์ - การสังเคราะห์ - การสรุปความรู้ - การประเมนิ คา่ ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ

คุณลักษณะอันพึงประสงค์ซือ่ สัตย์สจุ รติ ตัวชว้ี ดั ที่ ๒.๑ ประพฤตติ รงตามความเป็นจริงต่อตนเองทง้ั ทางกาย วาจา ใจ ตัวชี้วดั ท่ี ๒.๒ ประพฤตติ รงตามความเปน็ จริงต่อผูอ้ นื่ ทัง้ ทางกาย วาจา ใจใฝเ่ รียนรู้ ตัวชี้วดั ท่ี ๔.๑ ตง้ั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ ตัวชว้ี ดั ที่ ๔.๒ แสวงหาความรจู้ ากแหล่งเรยี นรตู้ ่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก โรงเรยี นดว้ ยการเลอื กใช้ส่ืออย่างเหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ สามารถนาไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้อยู่อยา่ งพอเพียง ตัวชว้ี ดั ท่ี ๕.๑ ดาเนินชวี ติ อย่างพอประมาณ มเี หตผุ ล รอบคอบมคี ุณธรรม ตวั ชี้วัดที่ ๕.๒ มภี มู คิ ุม้ กันในตัวทีด่ ี ปรบั ตัวเพ่ืออยใู่ นสังคมไดอ้ ย่างมีความสุขรกั ความเปน็ ไทยตัวชี้วัดท่ี ๗.๑ ภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนยี มประเพณี ศิลปะวัฒนธรรมไทย และมคี วาม กตญั ญูกตเวทีชิ้นงานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน รอ่ งรอยแสดงความร้)ู -การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้๑. ใหน้ ักเรยี นอา่ นโคลงโลกนิติทคี่ รกู าหนด แลว้ รว่ มกันบอกคาสอนที่ได้จากโคลงโลกนิติ ขนนุ สุกสล้างแห่ง สาขาภายนอกเห็นหนามหนา หนน่ั แท้ การรูจ้ กั พิจารณาคน โคควายวายชพี ได้ เขาหนัง การทาความดี ละเว้นความช่ัว ถึงจนทนสกู้ ัด กินเกลอื การรักศักด์ิศรี ฝนท่ังเท่าเข็มเพยี ร ผา่ ยหน้า ความขยนั หมน่ั เพียรในการศึกษา ไมค้ ้อมมลี ูกนอ้ ม นวยงาม ความอ่อนนอ้ มถ่อมตน๒. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม ๖ กลมุ่ เลอื กโคลงโลกนติ ิกลุ่มละ ๒ บท แล้วบอกคาสอน ออกมานาเสนอหน้าช้นั เรยี น ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง๓. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มแสดงบทบาทสมมตุ ิประกอบคาสอนในโคลงโลกนิติกล่มุ ละ๑ คาสอน ครูและนักเรียนร่วมกันประเมนิ ผลงาน๔. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ความรู้ ดงั นี้ โคลงโลกนิติเป็นสภุ าษติ ไทยโบราณทีม่ ีเนื้อหาให้คตสิ อนใจท้ังในเรอื่ งการพฒั นาตนเองและการปฏิบัติตนต่อผูอ้ ่ืน การเขา้ ใจเนอื้ หาในโคลงโลกนติ ิ ทาให้สามารถนาคาสอนไปประยกุ ต์ใช้ในการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวนั ได้๕. ใหน้ ักเรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ าถามทา้ ทาย ดงั นี้ คาสอนในโคลงโลกนิตบิ ทใดที่สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ในปัจจุบันมากทีส่ ุด

การจัดบรรยากาศเชิงบวก ใหน้ ักเรียนแสดงบทบาทสมมุติประกอบคาสอนในโคลงโลกนติ ิ เพือ่ ให้เกิดความสนกุ สนาน และประยกุ ตค์ าสอนมาใชใ้ นการดาเนินชีวติ จรงิ ครูชมเชยนักเรยี นทม่ี ีความต้ังใจ และอธบิ ายให้คาแนะนาเพ่ิมเติม เพอื่ ความเข้าใจทถี่ ูกต้องสือ่ การเรียนรู้ แถบข้อความการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ๑. วธิ ีการวดั และประเมินผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ ๓) ตรวจผลงานของนกั เรยี น ๒. เคร่ืองมือ ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑) การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผา่ นตั้งแต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถือว่าไม่ผ่าน ๒) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุม่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรบั ปรงุ



แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๑๐ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ โคลงโลกนติ เิ ร่อื ง พินจิ ปรศิ นาสภุ าษติ คาพังเพยรายวิชา ภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๑ ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๑กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมงครผู ู้สอน นางวัชรยี ์ รัตโนทยั โรงเรียน หนั คาราษฎรร์ งั สฤษดิ์มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้วี ดัมาตรฐานการเรยี นรู้มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลง ของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทย ไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติตวั ชว้ี ดัท ๔.๑ ม. ๑/๖ จาแนกและใชส้ านวนทเี่ ปน็ คาพงั เพยและสภุ าษิตจุดประสงค์การเรียนรสู้ ตู่ ัวช้ีวัด ๑. อธบิ ายความหมายของสภุ าษิตและคาพงั เพย (K) ๒. วิเคราะห์คาสอนในโคลงโลกนิติเชื่อมโยงกบั สุภาษติ และคาพังเพย (P) ๓. เหน็ ความสาคญั ของการนาสุภาษติ และคาพังเพยมาประยกุ ต์ใชใ้ นการปฏิบตั ติ น ( A)สาระสาคัญ คาพังเพยและสุภาษิตเป็นถ้อยคาสานวนที่มุ่งให้คติในการดาเนินชีวิต โดยคาพังเพยมีความหมายกลาง ๆ ที่แฝงข้อคิดเตือนใจให้นาไปปฏิบัติ ส่วนสุภาษิตมุ่งเน้นการส่ังสอนตักเตือนให้จดจา ในโคลงโลกนิตมิ ีคาสอนทสี่ อดคล้องกบั คาพังเพยและสภุ าษติ การเขา้ ใจเน้ือหาทาให้สามารถนาคาพังเพยและสุภาษิตไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้สาระการเรยี นรู้ คาพังเพยและสุภาษิตสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ๑. ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟงั การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคิด - การจาแนก - การใหเ้ หตผุ ล - การวิเคราะห์ - การสรุปความรู้

๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ ตัวช้วี ดั ท่ี ๔.๑ ตง้ั ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ ตัวชว้ี ดั ที่ ๔.๒ แสวงหาความรูจ้ ากแหล่งเรยี นรตู้ ่าง ๆ ทงั้ ภายในและภายนอก โรงเรยี นดว้ ยการเลอื กใชส้ ่ืออย่างเหมาะสม บนั ทกึ ความรู้ วิเคราะห์ สรุปเปน็ องค์ความรู้ สามารถนาไปใช้ในชีวติ ประจาวันได้ มงุ่ ม่ันในการทางาน ตัวชวี้ ดั ท่ี ๖.๑ ตั้งใจและรบั ผิดชอบในการปฏิบตั หิ น้าที่การงาน ตวั ชว้ี ดั ที่ ๖.๒ ทางานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพือ่ ให้งานสาเรจ็ ตามเป้าหมาย รักความเปน็ ไทย ตัวชี้วดั ท่ี ๗.๒ เห็นคณุ คา่ และใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสมชิ้นงานหรือภาระงาน -การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ใหน้ ักเรียนร่วมกันเตมิ ตัวอักษรที่หายไปในคาพงั เพยและสุภาษิต โดยครบู อกความหมาย เชน่ _ ว_ นห_ (คนท่ีมีความผิดติดตวั ทาใหค้ อยหวาดระแวง) ง_ _ะ (ทาความดีแตไ่ มไ่ ด้รับการยกย่องเพราะไมม่ ีใครเห็น) ปิ _ _อ_ _ลงั _ร_ _งเ_าเ_ _ ง_า แ_ อ_ _ เ _า _ (ควรทาตามแบบอย่างเฉพาะใน ย่ _ ง _ า ด้านดี สิง่ ทไ่ี ม่ดกี ็ไมค่ วรเลียนแบบ) จากนน้ั ร่วมกันสนทนาเกีย่ วกับลกั ษณะของคาพงั เพยและสุภาษิต๒. ให้นกั เรียนศึกษาความรเู้ รอ่ื ง สานวนทเี่ ป็นคาพังเพยและสุภาษิต แลว้ รว่ มกันสรุปความเขา้ ใจ ครเู ปน็ ผู้อธบิ ายเพม่ิ เตมิ๓. ใหน้ ักเรียนดูภาพคาพังเพยและสภุ าษติ แลว้ รว่ มกนั บอกคาพงั เพยและสภุ าษติ พร้อมท้ังความหมาย ครูและนกั เรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง๔. ให้นกั เรยี นช่วยกันค้นหาโคลงโลกนิติที่สอดคล้องกบั ภาพและคาพังเพยหรอื สภุ าษิตดงั กล่าว๕. ให้นกั เรียนแบง่ กลุม่ กลุ่มละ ๓-๔ คน วาดภาพให้สอดคลอ้ งกับสุภาษติ หรือคาพังเพยในโคลงโลกนิติ ระบายสตี กแต่งใหส้ วยงาม ออกมานาเสนอหน้าช้นั เรยี น โดยใหเ้ พอ่ื นทายวา่ ตรงกบั โคลงโลกนิตบิ ทใด ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนัน้ นาภาพวาดไปจัด ป้ายนเิ ทศ๖. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดงั น้ี  คาพงั เพยและสุภาษิตเปน็ ถ้อยคาสานวนที่มุ่งให้คติในการดาเนินชีวิต โดยคาพังเพยมีความหมายกลาง ๆ ที่แฝงข้อคดิ เตอื นใจใหน้ าไปปฏิบัติ ส่วนสุภาษติ ม่งุ เนน้ การสัง่ สอน ตักเตอื นให้จดจา ในโคลงโลกนิติมีคาสอนทสี่ อดคล้องกับคาพังเพยและสุภาษิต การเข้าใจเนื้อหาทาให้สามารถนาคาพงั เพยและสุภาษติ ไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้

๗. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คาถามท้าทาย ดังน้ี  เพราะเหตุใดคาสอนในสภุ าษิตและคาพงั เพยจงึ ใช้ไดเ้ สมอไม่ว่าจะยคุ สมยั ใดสือ่ การเรียนรู้ ๑. แถบข้อความ ๒. ภาพ ๓. กระดาษสาหรับวาดภาพ ๔. สีไม้ สเี ทยี น การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ๑. วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ ๓) ตรวจผลงานของนกั เรยี น ๒. เคร่อื งมอื ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมิน ๑) การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผ่านตง้ั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไมผ่ า่ น ๒) การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรบั ปรงุ



แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๑หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๒ โคลงโลกนิตเิ รื่อง วจิ ักษ์วรรณคดีรายวชิ า ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๑๑๐๑ ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๑กลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมงครูผสู้ อน นางวัชรีย์ รัตโนทัย โรงเรยี น หนั คาราษฎร์รังสฤษดิ์ มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวช้วี ัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรแู้ ละความคิดเพ่ือนาไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนนิ ชีวติ และมนี สิ ัยรกั การอ่าน ตัวชวี้ ัด ท ๑.๑ ม. ๑/๘ วเิ คราะหค์ ุณคา่ ท่ีได้รบั จากการอ่านงานเขียนอย่างหลากหลาย เพื่อนาไปใช้แก้ปัญหาในชวี ิต มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทย อยา่ งเหน็ คุณคา่ และนามาประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ ตัวช้วี ดั ท ๕.๑ ม. ๑/๓ อธิบายคุณคา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน จดุ ประสงค์การเรยี นรสู้ ่ตู ัวช้ีวดั ๑. อธิบายคณุ ค่าของโคลงโลกนิติ (K) ๒. พนิ จิ คุณค่าของโคลงโลกนิติ (P) ๓. เห็นความสาคัญของคุณค่าในโคลงโลกนติ ิเพ่ือนาไปปฏบิ ตั ิในชีวติ จรงิ ( A) สาระสาคัญ การพินิจคุณค่าของโคลงโลกนิติแบ่งเป็นคุณค่าด้านวรรณศิลป์ คุณค่าด้านแนวคิดคุณค่าด้านเนื้อหา และคุณค่าด้านสังคม ซึ่งคุณค่าแต่ละด้านนั้นมีประโยชน์ต่อการศึกษาวรรณคดีและการนามาประยุกตใ์ ช้ในการดาเนินชวี ติ ประจาวนั สาระคกณุ ารคเา่ รขยี อนงรโคู้ ลงโลกนติ ิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทักษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพูด

๒. ความสามารถในการคิด - การวิเคราะห์ - การสังเคราะห์ - การจดั ระบบความคดิ เปน็ แผนภาพ - การสรุปความรู้๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ซ่อื สัตย์สจุ รติ ตวั ชี้วัดท่ี ๒.๑ ประพฤตติ รงตามความเป็นจริงต่อตนเองท้งั ทางกาย วาจา ใจ ตัวชว้ี ัดท่ี ๒.๒ ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อผู้อน่ื ทัง้ ทางกาย วาจา ใจใฝเ่ รียนรู้ ตวั ชว้ี ัดท่ี ๔.๑ ต้ังใจ เพยี รพยายามในการเรยี นและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ ตวั ชว้ี ดั ท่ี ๔.๒ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรยี นรู้ตา่ ง ๆ ทั้งภายในและภายนอก โรงเรียนด้วยการเลือกใช้สอื่ อย่างเหมาะสม บนั ทึกความรู้ วิเคราะห์ สรปุ เปน็ องค์ความรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวันได้อยู่อยา่ งพอเพยี ง ตวั ช้ีวัดที่ ๕.๑ ดาเนินชวี ิตอยา่ งพอประมาณ มเี หตผุ ล รอบคอบมคี ุณธรรม ตวั ชี้วัดที่ ๕.๒ มภี มู ิคมุ้ กนั ในตวั ท่ีดี ปรับตัวเพ่ืออยู่ในสงั คมได้อย่างมคี วามสขุรกั ความเป็นไทย ตัวชี้วดั ที่ ๗.๑ ภาคภมู ิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะวัฒนธรรมไทย และมี ความกตญั ญกู ตเวทีช้ินงานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน รอ่ งรอยแสดงความรู้) -การจดั กิจกรรมการเรียนรู้๑. ให้นกั เรยี นอ่านโคลงโลกนติ ิบทท่คี รกู าหนด แลว้ ร่วมกันบอกลกั ษณะเด่นของโคลง และข้อคิดท่ีได้รบั หา้ มเพลิงไว้อย่าให้ มีควนัหา้ มสุริยแสงจนั ทร์ ส่องไซร้ห้ามอายใุ ห้หัน คืนเล่าห้ามดัง่ น้ไี วไ้ ด้ จึง่ ห้ามนินทา (การเล่นคา้ ซ้า เเื่อเเนนนคาาหมหาย ใมนขนเคิดาา่ เไห่หใี ครมนาหการติฉนิ นินทาไดน)๒. ใหน้ ักเรยี นศึกษาความร้เู รื่อง การพินจิ คุณคา่ ของวรรณคดี แลว้ รว่ มกันสรุปความเขา้ ใจครูเป็นผอู้ ธบิ ายเพ่ิมเตมิ

๓. ให้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม ๔ กลมุ่ พินจิ คณุ ค่าของโคลงโลกนิติ ดังนี้ กลุม่ ๑ คุณคา่ ด้านวรรณศิลป์ กลมุ่ ๒ คุณคา่ ด้านแนวคดิ กลุ่ม ๓ คณุ คา่ ด้านเน้ือหา กลุ่ม ๔ คุณค่าด้านสงั คม เขียนเป็นแผนภาพความคิด แล้วออกมานาเสนอหน้าช้นั เรียน ครูและนักเรยี นร่วมกนัตรวจสอบความถูกตอ้ ง ๔. นักเรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั นี้  การพินิจคุณค่าของโลกนิติแบ่งเป็นคณุ ค่าดา้ นวรรณศิลป์ คุณคา่ ดา้ นแนวคดิ คุณค่าดา้ นเนอ้ื หา และคุณค่าดา้ นสังคม ซ่งึ คุณคา่ แตล่ ะด้านนน้ั มีประโยชนต์ ่อการศกึ ษาวรรณคดแี ละการนามาประยุกตใ์ ช้ในการดาเนินชวี ิตประจาวนั ๕. ให้นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คาถามทา้ ทาย ดงั นี้  คุณคา่ จากเรอ่ื งโคลงโลกนิติสามารถนาไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้ อย่างไรบ้างสื่อการเรยี นรู้ แผนภมู คิ าประพนั ธ์การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล ๑) สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๒) สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงานของนักเรียน ๒. เคร่อื งมือ ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑) การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผา่ นตัง้ แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผา่ น ๒) การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ คะแนน ๙ - ๑๐ ระดับ ดมี าก คะแนน ๗ - ๘ ระดับ ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดับ ควรปรบั ปรงุ



แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๒หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒ โคลงโลกนติ ิ เรอื่ ง การเขยี นบรรยายประสบการณ์รายวิชา ภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๑ ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมงครผู ู้สอน นางวัชรยี ์ รัตโนทัย โรงเรยี น หนั คาราษฎร์รังสฤษด์ิ มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขียนสื่อสาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขยี น เรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศ และรายงาน การศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ตัวชีว้ ัด ท ๒.๑ ม. ๑/๓ เขียนบรรยายประสบการณโ์ ดยระบุสาระสาคัญและรายละเอยี ด สนับสนนุ ท ๒.๑ ม. ๑/๙ มีมารยาทในการเขยี น จุดประสงคก์ ารเรียนรสู้ ู่ตวั ช้ีวัด ๑. อธบิ ายลักษณะการเขียนบรรยายประสบการณ์ (K) ๒. เขยี นบรรยายประสบการณ์ (P) ๓. เห็นความสาคญั ของการเขียนบรรยายประสบการณ์ ( A) สาระสาคญั การเขียนบรรยายประสบการณ์ เป็นการเขียนอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ตามลาดับเหตุการณ์และตามความเป็นจริง ผู้เขียนจึงต้องใช้สานวนภาษา ถ้อยคาอย่างเหมาะสม เรียบเรียงลาดับเหตุการณ์ให้เป็นลาดบั เพ่ือให้ผู้อา่ นเขา้ ใจเรื่องและเกิดความรู้สึกคล้อยตามเรื่องราวที่ผู้เขียนต้องการเลา่ สาระการเรียนรู้ การเขียนบรรยายประสบการณ์สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน ๑. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอา่ น - ทกั ษะการเขยี น - ทกั ษะการฟงั การดู และการพดู

๒. ความสามารถในการคิด - การวิเคราะห์ - การสงั เคราะห์ - การจัดระบบความคิดเป็นแผนภาพ - การประยุกต์/การปรับปรงุ - การสรุปความรู้ - การประเมินค่าคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝเ่ รียนรู้ ตัวชว้ี ัดท่ี ๔.๑ ตงั้ ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเข้ารว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ ตวั ชี้วดั ท่ี ๔.๒ แสวงหาความร้จู ากแหล่งเรียนร้ตู า่ ง ๆ ท้ังภายในและภายนอก โรงเรียนด้วยการเลอื กใช้ส่ืออย่างเหมาะสม บนั ทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรปุ เป็นองค์ความรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้ ม่งุ ม่ันในการทางาน ตัวช้วี ดั ที่ ๖.๑ ตั้งใจและรับผดิ ชอบในการปฏิบัติหน้าที่การงาน ตวั ช้ีวัดที่ ๖.๒ ทางานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพอื่ ให้งานสาเรจ็ ตามเป้าหมาย รักความเป็นไทย ตวั ชวี้ ัดท่ี ๗.๒ เห็นคณุ คา่ และใช้ภาษาไทยในการส่อื สารได้อย่างถกู ต้องเหมาะสมการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ให้นกั เรียนอ่านงานเขยี นบรรยายประสบการณ์ที่ครเู ตรยี มมาจากนติ ยสารหรืออินเทอรเ์ นต็ที่มเี นือ้ หาเหมาะสมและนา่ สนใจ แลว้ ร่วมกนั สนทนาเกีย่ วกบั ลกั ษณะของงานเขยี น ๒. ใหน้ ักเรียนศึกษาความรูเ้ รื่อง การเขียนบรรยายประสบการณ์ แลว้ ร่วมกนั สรปุความเขา้ ใจ ครูเป็นผ้อู ธิบายเพ่ิมเติม ๓. ให้นักเรียนเขียนแผนภาพความคดิ เกี่ยวกับประสบการณ์จากสิ่งตา่ ง ๆ จากนนั้ เขียนบรรยายประสบการณ์ โดยเลอื กรปู แบบตามความสนใจ เช่น  เรยี งความ  จดหมาย  บนั ทึก ๔. ให้ตวั แทนนักเรยี นออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน ครูและนกั เรียนรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง และประเมินผลงาน โดยคดั เลือกผลงานทดี่ ีนามาตดิ ป้ายนเิ ทศ ๕. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ ดังนี้  การเขียนบรรยายประสบการณ์ เป็นการเขียนอธิบายเร่ืองราวต่าง ๆ ตามลาดับเหตุการณ์ และตามความเป็นจริง ผู้เขียนจึงต้องใช้สานวนภาษา ถ้อยคาอย่างเหมาะสมเรียบเรียงลาดับเหตุการณ์ให้เป็นลาดับ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องและเกิดความรู้สึกคล้อยตามเร่ืองราวที่ผู้เขยี นต้องการเล่า ๖. ใหน้ ักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี  การแลกเปลีย่ นประสบการณ์ซง่ึ กนั และกันมผี ลดีอยา่ งไร

สอ่ื การเรียนรู้ ตัวอยา่ งงานเขียนบรรยายประสบการณ์การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. วิธกี ารวดั และประเมินผล ๑) สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม ๒) ตรวจผลงานของนักเรียน ๒. เครื่องมือ  แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ๓. เกณฑ์การประเมนิ  การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผ่านต้ังแต่ ๒ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผา่ น ๑ รายการ ถอื ว่า ไม่ผา่ น

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๓หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๒ โคลงโลกนิติ เรอื่ ง การพูดแสดงความคดิ อย่างสรา้ งสรรค์รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๑๑๐๑ ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมงครูผูส้ อน นางวัชรยี ์ รัตโนทัย โรงเรยี น หันคาราษฎร์รังสฤษดิ์มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด และความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และสร้างสรรค์ ตวั ชี้วดั ท ๓.๑ ม. ๑/๓ พดู แสดงความคิดเห็นอยา่ งสร้างสรรคเ์ ก่ียวกบั เร่ืองที่ฟังและดู ท ๓.๑ ม. ๑/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพดู จุดประสงค์การเรียนรู้สู่ตัวชี้วดั ๑. อธิบายหลกั การพดู แสดงความคิดอยา่ งสร้างสรรค์ (K) ๒. พดู แสดงความคิดอยา่ งสร้างสรรค์ (P) ๓. เห็นความสาคญั ของการพดู แสดงความคิดอยา่ งสร้างสรรคท์ ี่สามารถนาไปใช้ ในชีวติ จริง (A) สาระสาคญั การพูดแสดงความคิดอย่างสร้างสรรค์ เป็ นการใช้ความคิดพิจารณาประเด็นต่าง ๆ โดย เป็ นความคิดท่ีแปลกใหม่ น่าสนใจ และสร้างสรรคส์ ังคม ผพู้ ูดจึงตอ้ งศึกษาเรื่องน้นั อย่างละเอียด แลว้ จึงวเิ คราะห์ วจิ ารณ์หรือประเมินคา่ เร่ืองน้นั อยา่ งมีหลกั เกณฑ์ เพื่อใหผ้ ฟู้ ังไดร้ ับประโยชน์ และ สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดใ้ นชีวติ จริง สาระการเรียนรู้ การพดู แสดงความคิดอยา่ งสร้างสรรคส์ มรรถนะสาคญั ของผู้เรียน

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ๑. ความสามารถในการสื่อสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟัง การดู และการพดู ๒. ความสามารถในการคิด - การสังเคราะห์ - การประยกุ ต/์ การปรับปรุง - การสรุปความรู้ - การประเมินคา่ ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝ่ เรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ท่ี ๔.๑ ต้งั ใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ที่ ๔.๒ แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอก โรงเรียนดว้ ยการเลือกใชส้ ่ืออยา่ งเหมาะสม บนั ทึกความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเป็นองคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ มุ่งม่นั ในการทางาน ตวั ช้ีวดั ท่ี ๖.๑ ต้งั ใจและรับผดิ ชอบในการปฏิบตั ิหนา้ ที่การงาน ตวั ช้ีวดั ท่ี ๖.๒ ทางานดว้ ยความเพียรพยายามและอดทนเพ่ือใหง้ านสาเร็จตามเป้ าหมาย รักความเป็ นไทย ตวั ช้ีวดั ท่ี ๗.๒ เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั เสนอความคิดในประเด็นต่อไปน้ี “ทาอยา่ งไรนกั เรียนจึงจะสนุกกบั การเรียนภาษาไทย” เม่ือนกั เรียนเสนอความคิดพอสมควร ใหน้ กั เรียนสงั เกตลกั ษณะของการพดู ดงั กล่าว

๒. ใหน้ กั เรียนศึกษาความรู้เร่ือง การพดู แสดงความคิดอยา่ งสร้างสรรค์ แลว้ ร่วมกนั สรุปความเขา้ ใจ ครูเป็นผอู้ ธิบายเพิ่มเติม ๓. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ ๔-๕ คน เลือกประเด็นขา่ วท่ีน่าสนใจในขณะน้นั หรือปัญหาในชุมชนท่ีอยากใหช้ ่วยแกไ้ ข นามาพดู แสดงความคิดอยา่ งสร้างสรรค์ ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียน ครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง และประเมินผลการพูด ๔. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดงั น้ี  การพดู แสดงความคิดอยา่ งสร้างสรรค์ เป็นการใชค้ วามคิดพิจารณาประเด็นตา่ ง ๆโดยเป็นความคิดท่ีแปลกใหม่ น่าสนใจ และสร้างสรรคส์ ังคม ผพู้ ดู จึงตอ้ งศึกษาเร่ืองน้นั อยา่ งละเอียดแลว้ จึงวเิ คราะห์ วจิ ารณ์หรือประเมินคา่ เรื่องน้นั อยา่ งมีหลกั เกณฑ์ เพือ่ ใหผ้ ฟู้ ังไดร้ ับประโยชน์และสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดใ้ นชีวติ จริง ๕. ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี  ในชีวติ จริงนกั เรียนพดู แสดงความคิดอยา่ งสร้างสรรคใ์ นสถานการณ์ใดบา้ ง สื่อการเรียนรู้ - การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑) สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓) ตรวจผลงานของนกั เรียน ๒. เคร่ืองมอื ๑) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม ๓. เกณฑ์การประเมนิ ๑) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ ๒ รายการ ถือวา่ ผ่าน ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผ่าน ๒) การประเมินพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน ๙ - ๑๐ ระดบั ดีมาก คะแนน ๗ - ๘ ระดบั ดี คะแนน ๕ - ๖ ระดบั พอใช้ คะแนน ๐ - ๔ ระดบั ควรปรับปรุง

ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ ลงช่ือ ________________________ (ผบู้ ริหารสถานศึกษา) (________________________) ______ /_______ /______ บันทึกหลงั การสอนผลการจัดการเรียนการสอน__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________ปัญหา/อปุ สรรค__________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________แนวทางแก้ไข________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook