Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ตำนานหมาขนคำ

ตำนานหมาขนคำ

Published by ningkunlanit13, 2022-07-02 04:18:34

Description: ตำนานหมาขนคำ

Search

Read the Text Version

นางสาว กลุ นษิ ฐ์ กาถาวร นกั ศกึ ษา 63123010106 สาขาวชิ าภาษาไทย (ศิลปศาสตรบ์ ณั ฑติ ) คณะมนษุ ยศ์ าสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ ตำนำนหมำขนคำ “ผำสำมเส้ำ” (ตำนำนแห่งวัดดอยม่วงคำ) 1. เร่ืองหมำขนคำ คือ ตำนำน หรือ นิทำน ? ตอบ เร่ืองหมาขนคา เป็นตานาน เนื่องจาก ตานาน (Legend) คือ เรื่องเลา่ ร้อยแกว้ ที่ผเู้ ลา่ และผฟู้ ังพิจารณาวา่ เป็นเร่ืองจริงแต่เป็นเรื่องจริงท่ีเกิดข้ึน ในโลกท่ีมีสภาพเดียวกบั โลกปัจจุบนั ไมไ่ ดเ้ กิดในโลกยคุ แรกหรืออดีตท่ียาวนานเทา่ กบั ตานานปรัมปรา เรื่องเล่าประเภทน้ีไม่เนน้ ความศกั ด์ิสิทธ์ิ แตเ่ นน้ เล่าเร่ืองราว เก่ียวกบั โลกวิสยั และตวั ละครสาคญั จะเป็นมนุษย์ เน้ือหาของตานานจะเล่าเร่ืองราวเกี่ยวกบั มนุษยใ์ น แงม่ มุ ต่างๆ เช่น การอพยพ สงคราม พฤติกรรมของวรี บุรุษ กษตั ริย์ และการสืบสันติวงศข์ องราชวงศต์ ่างๆ “วิลเลียม บาสคอม” กล่าววา่ “ตานาน” อาจมีการถา่ ยทอดไดท้ ้งั ประเพณีมขุ ปาฐะ(ประเพณีท่ี แสดงออก)หรือประเพณีการถ่ายทอดแบบลายลกั ษณ์(แบบอกั ษรหรือ ตวั หนงั สือ) ในลกั ษณะของบนั ทึกทาง ประวตั ิศาสตร์ ท่ีไมไ่ ดม้ ีเพียงเหตุการณ์จริงในประวตั ิศาสตร์อยา่ งเดียว แต่มีการรวมนิทานทอ้ งถ่ิน เร่ืองเลา่ เก่ียวกบั ผี นางฟ้า และนกั บญุ เพ่ิม เขา้ ไปดว้ ย (Bascom.1965: 4-5) จากท่ีไดม้ ีโอกาสไปลงพ้ืนที่วดั ดอยมว่ งคา ทาใหท้ ราบถึงตานานหมาขนคา โดยสรุปเร่ืองยอ่ ไดด้ งั น้ีวดั พระธาตุดอยมว่ งคาน้ี เป็นแหล่งกาเนิดตานานที่ลือลนั่ แห่งหน่ึงของ เมืองลาปาง เรียกกนั วา่ ตานานหมาขนคา หรือ หมาขนสีทองคา ซ่ึงตานานหมาขนคา เล่าวา่ นานมาแลว้ มีนายพรานคนหน่ึงไดเ้ ล้ียงหมาตวั เมียมีขนสีทองจึงเรียกกนั วา่ “หมาขนคา” ไวห้ น่ึงตวั และในทอ้ งถิ่นน้นั ไม่มีหมาตวั ผอู้ าศยั อยเู่ ลย วนั หน่ึงแมห่ มาเกิดก็ต้งั ทอ้ งข้ึนมาโดยไร้สาเหตุ นายพรานเกรงจะถูกชาวบา้ นครหาวา่ มีเมียเป็นหมา จึงคิดจะกาจดั แมห่ มา บา้ นของนายพรานอยแู่ ถว บา้ นเหลา่ ปลดใกลป้ ่ า คือบา้ นเสาสูงแบบเรือนตน้ ไมร้ าวบนั ไดปลดเกบ็ ข้ึนไวบ้ นเรือนเพือ่ ป้องกนั ไม่ใหส้ ตั วร์ ้าย ข้ึนเรือนไปทาร้ายชีวิตคนบนบา้ นได้ เยน็ วนั หน่ึงนายพรานปลดบนั ไดบา้ นเก็บไวบ้ นบา้ นโดยทิ้งแมห่ มาไวข้ า้ งล่าง โดยหวงั ท่ีจะใหเ้ สือมา คาบแมห่ มาเอาไปกิน

นางสาว กลุ นิษฐ์ กาถาวร นกั ศกึ ษา 63123010106 สาขาวชิ าภาษาไทย (ศิลปศาสตรบ์ ณั ฑติ ) คณะมนษุ ยศ์ าสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ แม่หมาก็วง่ิ หนีไปถึงดอยผาสามเส้าริมดอยวดั ม่วงคา (เขตอาเภอแมท่ ะ) แลว้ คลอดลกู แฝดเป็นเดก็ หญิง น่ารักสองคนในแต่ละวนั แม่หมาก็ไปหาอาหารมาเล้ียงลกู นอ้ ย และคาบเส้ือผา้ ที่ชาวบา้ นตากไวบ้ นราวตากผา้ นาไปใหล้ กู สาวสวมใส่ จนกระทง่ั เวลาผา่ นไปลกู สาวฝาแฝดท้งั สองคนเติบโตเป็นหญิงสาว คนพชี่ ่ือ นางเจตะกา คนนอ้ งชื่อ นางบวั ตอง ความสวยงามของเธอท้งั สองเลืองลือไปถึงในเมือง เม่ือพระยาปลมั มะโฆษา เจา้ เมืองรู้ข่าวก็อยากจะไดพ้ ่ีนอ้ งฝาแฝดไปเป็นเมีย จึงจดั ขบวนไปรับสองพี่ นอ้ งฝาแฝดที่ดอยผาสามเส้าขณะท่ีแมห่ มาไม่อยู่ บวั ตองผเู้ ป็นนอ้ งสาว เสียใจร้องไห้คร่าครวญถึงแม่หมา ส่วนผู้ เป็นพ่มี ีทา่ ทีตื่นเตน้ ท่ีมีวาสนาจะไดเ้ ขา้ ไปอยใู่ นวงั พระยาปลมั มะโฆษา เจา้ เมืองไดส้ ร้างปราสาทสองหลงั ให้ นางเจตะกาและนางบวั ตองอยคู่ นละหลงั เมื่อแมห่ มาเม่ือกลบั มาถึงผาสามเส้ากพ็ บวา่ ลกู สาวหายไป แม่หมาก็เห่าหอนและตะกุยหนา้ ผาจนเป็น รอยคลา้ ยเลบ็ เทา้ ฝังในเน้ือหินผาท่ีชาวบา้ นเรียกวา่ รอยตีนหมาขนคาร้องไหห้ าลกู สาว มาจนทุกวนั น้ี ร้อนถึง พระอินทร์สงสารแมห่ มาจึงเนรมิตใหแ้ ม่หมาพูดได้ แมห่ มาจึงเดินทางติดตามหาลกู สาวถึงในเมือง แมห่ มาได้ ถามไถช่ าวบา้ นมาเรื่อยๆ จนกระทง่ั มาถึงปราสาทของนางเจตะกา ทหารไดซ้ กั ถามแมห่ มาวา่ รู้จกั และเก่ียวขอ้ ง กบั นางเจตะกาอยา่ งไร แมห่ มากบ็ อกวา่ นางเจตะกาเคยเป็นนายเก่ามาก่อน ทหารจึงไปบอกนางเจตะกา นางเจตะ กา แตน่ างเจตะกากลวั วา่ จะอบั อายท่ีมีแม่เป็นหมาจึงส่ังให้ทหารทาร้ายแม่หมาจนไดร้ ับบาดเจ็บจนตอ้ งวิ่งหนีไป แมห่ มาไดร้ ับบาดเจบ็ ก็วิ่งมาถึงปราสาทนางบวั ตอง นางบวั ตองรีบว่งิ มารับแมห่ มานาเขา้ ไปในปราสาท เพื่อเยยี วยารักษา ใหข้ า้ วใหน้ ้าแก่แม่หมา นางบวั ตองไดข้ อหีบขนาดใหญ่จากสามีโดยบอกวา่ จะเอาไปขนสมบตั ิ ที่ผาสามเส้า ภายในกาหนดเวลาเจด็ วนั แตใ่ นความเป็นจริงแลว้ นางบวั ตองไดน้ าหีบไวเ้ ป็นท่ีซ่อนของแม่ หมาในวงั เมื่อครบเจด็ วนั แลว้ แมห่ มาทนพิษบาดแผลไม่ไหวกส็ ิ้นใจตาย พระอินทร์ไดเ้ สกร่างแม่หมาให้ กลายเป็นแกว้ แหวนเงินทอง เมื่อเจา้ เมืองพบวา่ มีแกว้ แหวนเงินทองเตม็ หีบ พระองคก์ โ็ ปรดปรานนางบวั ตองเป็นอยา่ งมากพระองคก์ ็ ใหน้ างบวั ตองไปขนสมบตั ิที่ผาสามเสา้ อีกคร้ังหน่ึง นางบวั ตองมีความเสียใจที่แม่หมาเสียชีวติ นางจึงคดิ จะ กระโดดหนา้ ผาจะฆา่ ตวั ตาย แตบ่ ริเวณขา้ งล่างของหนา้ ผาเป็ นท่ีอยขู่ องยกั ษซ์ ่ึงป่ วยเป็นฝีกลดั หนอง

นางสาว กลุ นิษฐ์ กาถาวร นกั ศกึ ษา 63123010106 สาขาวชิ าภาษาไทย (ศลิ ปศาสตรบ์ ณั ฑติ ) คณะมนษุ ยศ์ าสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ เม่ือนางบวั ตองกระโดดลงไปกระทบกบั ร่างของยกั ษท์ าใหฝ้ ีแตก ยกั ษจ์ ึงหายเจ็บทนั ที ยกั ษจ์ ึงมอบ ทรัพยส์ มบตั ิใหน้ างบวั ตองเป็นอนั มาก นางบวั ตองจึงนาสมบตั ิกลบั มาใหส้ ามี ฝ่ายเจตะกา (บวั แกว้ ) เม่ือทราบขา่ ววา่ บวั ตองไปขนสมบตั ิที่ผาสามเส้า นางกร็ ู้สึกอิจฉาบวั ตอง นางจึง อาสาสามี จะไปขนสมบตั ิที่ผาสามเส้าบา้ ง เมื่อไปถึงผาสามเส้านางเจตะกากก็ ระโดดหนา้ ผาตามท่ีนางบวั ตอง แนะนา แต่เนื่องจากนางเป็นคนไม่ดี นางข้นึ ไปบนหนา้ ผา เห็นนางยกั ษิณีผเี ส้ือหว้ ยนอนหลบั อยู่ นางก็ยกเทา้ ข้ึน เหยยี บผีเส้ือสะดุง้ ตื่น และผเี ส้ือกพ็ ดู วา่ “นางผนู้ ้นั หม่ินประมาทกแู ละไม่รู้จกั บญุ คุณพ่อแม่บาปกรรมอนั น้นั คง มาตามทนั ” จึงไดจ้ บั เอานางฉีกกินเป็นอาหาร นางยกั ษณิ ีผเี ส้ือหว้ ยยงั ไลจ่ บั ชา้ งท่ีนางบวั แกว้ นงั่ มากินเป็นอาหาร ณ สถานท่ีน้นั เรียกวา่ “โทกหวั ชา้ ง” จนถึงตอนน้ี นบั แตน่ ้นั มานางศรีบวั ตองกไ็ ดอ้ ยใู่ นปราสาทราชมณเฑียรร่วมกบั สามีดว้ ยความสุขความเจริญ พร้อมกบั มีลูกดว้ ยกนั สองคน คอื เจา้ ศรีบุญเรือง และเจา้ บุญศิริราชกุมาร และไดบ้ าเพญ็ ทาบุญจนถึงวนั ตาย ตายแลว้ ไดไ้ ปเกิดในสรวงสวรรคเ์ สวยทิพยสมบตั ิเป็นใหญก่ วา่ เทพบุตรเทพธิดาท้งั หลายสุขเกษมสาราญในวมิ านช้นั ฟ้าน้นั และนี่กเ็ ป็นเรื่องราวท้งั หมดจากท่ีปรากฏตามตานานหมาขนคา และจากส่ิงท่ีชาวบา้ นไดเ้ ช่ือถือหรือเลา่ ตอ่ ๆกนั มาในระแวกน้นั ตาม วดั พระธาตุดอยม่วงคา ดงั น้นั จึงสามารถสรุปไดว้ า่ เร่ือง หมาขนคา เป็นตานาน ท่ีมีการเลา่ ต่อๆกนั มาจากปากต่อปากบวกกบั หลกั ฐานท่ีปรากฏในดอยมว่ งคาท้งั รอยเทา้ ของหมา

นางสาว กลุ นษิ ฐ์ กาถาวร นกั ศกึ ษา 63123010106 สาขาวชิ าภาษาไทย (ศลิ ปศาสตรบ์ ณั ฑิต) คณะมนษุ ยศ์ าสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ 2. ภูมนิ ำม หมำยถงึ อะไร ? และ จำกกำรไปลงพื้นทีว่ ัดดอยม่วงคำนำมำเชื่อมโยงกันได้อย่ำงไร ตอบ ภูมนิ ำม หมายถึง (Toponymy) หมายถึง การศึกษาชื่อ หรือ นาม ท่ีใชอ้ ธิบายประวตั ิความเป็นมาของ สถานท่ีหรือ ภูมิศาสตร์ในชุมชนเป็นไดท้ ้งั สถานที่ตามธรรมชาติและสถานที่ท่ีมนุษยส์ ร้างข้นึ โดยปกติ ภูมินามจะเป็น การใชค้ าเรียกขานหมู่บา้ นชื่อชุมชน ชื่อเมือง หรือองคป์ ระกอบทางกายภาพอ่ืนๆ ท่ีสัมพนั ธ์ กบั บริบท ทางสงั คม วฒั นธรรม และสภาพภูมิศาสตร์ “เรืองเดช ในเข่ือนขตั ิย”์ (2538: 20-21) ไดก้ ล่าวถึง การต้งั ช่ือ นามของสถานที่และจงั หวดั ตา่ งๆ ใน ประเทศไทยพบวา่ มีการต้งั ช่ือโดยเรียกช่ือตามประวตั ิศาสตร์ของ สถานท่ี เรียกช่ือตามส่ิงท่ีมีความสาคญั ที่มี อยใู่ นทอ้ งถิ่นเรียกชื่อตามช่ือทอ้ งถ่ินเป็นภาษาถ่ินของจงั หวดั น้นั และการต้งั ช่ือใหม่ให้มีความหมายท่ีดี หรือใกลเ้ คยี งกบั ชื่อเดิมของเมืองท้งั น้ีช่ือของสถานที่ต่างๆ นบั วา่ มีความสาคญั ต่อการศึกษาประวตั ิศาสตร์ ความเป็นมาของกลมุ่ ชน เน่ืองจากชื่อเหลา่ น้นั มีความสมั พนั ธ์ใกลช้ ิดกบั ลกั ษณะทางสงั คมวิทยา มานุษยวทิ ยา และวฒั นธรรม จึงเป็นหลกั ฐานประการหน่ึงท่ีบง่ บอกความเป็นมาของทอ้ งถิ่นต่างๆ ไดเ้ ป็น อยา่ งดี ดงั น้นั หากอยากรู้เรื่องราวเก่ียวกบั ประวตั ิศาสตร์ทอ้ งถ่ินใดจาเป็นตอ้ งศึกษาคน้ ควา้ วจิ ยั ช่ือสถานที่ ของทอ้ งถิ่นน้นั ในแง่มมุ ต่างๆ อยา่ ง ลึกซ้ึงและกวา้ งขวาง ภูมินามมีสาเหตุและท่ีมาแตกต่างกนั เช่น ความเช่ือ กลุ่มชน ช่ือบคุ คลสาคญั ในประวตั ิศาสตร์ทอ้ งถิ่น และอ่ืนๆ นอกจากน้ียงั รวมไปถึงการใชน้ ิทานพ้ืนบา้ นหรือความเช่ือพ้ืนบา้ นในการอธิบายที่มาที่ไปของช่ือ หมบู่ า้ น ภมู ิวฒั นธรรม หมายถึงลกั ษณะทางภูมิศาสตร์ เช่น ป่ า ภเู ขา หุบ แอ่ง ที่ราบสูง ที่เก่ียวพนั ธก์ บั การต้งั ถ่ินฐาน บา้ นเมืองของผคู้ นในทอ้ งถิ่น จนเป็นที่รู้จกั และมีการกาหนดนามเป็น สถานที่ต่างๆใหเ้ ป็นที่รู้จกั ร่วมกนั ดงั น้นั วดั ดอยมว่ งคา หรือ วดั พระธาตดุ อยมว่ งคา จึงมีภมู ินามท่ีเก่ียวขอ้ งสมั พนั ธ์กบั ดอยม่วงคา น้นั ก็ คอื สถานท่ีนนั่ เอง ดอยม่วงคา ซ่ึง คาวา่ ม่วงคาก็มาจากที่

นางสาว กลุ นิษฐ์ กาถาวร นกั ศกึ ษา 63123010106 สาขาวชิ าภาษาไทย (ศลิ ปศาสตรบ์ ณั ฑิต) คณะมนษุ ยศ์ าสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ พระอินทร์กใ็ หพ้ ระวษิ ณุกรรมไปนาเอาก่ิงไมม้ ะมว่ งที่พระพทุ ธเจา้ แสดงปาฏิหาริยต์ ่อพวกอญั ญเดียรถีย์ ท้งั ๖ ใน เมืองพาราณสี คร้ันวิษณุกรรมนามาแลว้ ทา้ วสกั กะจึงเอาปักไวท้ ี่ปากโหมง้ ขุมคาทนั ที องคส์ มเด็จ พระชินสีหจ์ ึงตรัสต่อไปวา่ ต้งั แตน่ ้ีไปภายหนา้ สถานที่แห่งน้ีจกั ไดช้ ื่อวา่ “ดอยม่วงคา” ซ่ึงมีความเกี่ยวสัมพนั ธ์ระหวา่ งช่ือพระธาตุ สถานที่ (ที่เป็นสถานท่ีสร้างตานาน นนั่ ก็คือตานานหมาขน คา ซ่ึงมีประวตั ิความเป็นมา และถ่ายทอดหมนุ เวยี นจนเป็นเรื่องเลา่ ในชุมชน ในทอ้ งถิ่น) วดั พระธาตดุ อย มว่ งคากเ็ หมือนกนั มีที่มาที่ไปจนเป็นท่ีรู้จกั และมีการกาหนดนามเรียกชื่อสถานท่ีต่างๆใหเ้ ป็นที่รู้จกั ร่วมกนั ในทอ้ งถิ่น ดงั น้นั วดั พระธาตุดอยม่วงคา จึงเป็นภมู ินามท่ีใชบ้ อกประวตั ิความเป็นมาของสถานท่ีของวดั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook