แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 6 งานวดั ละเอยี ดช่างยนต์ 93 เรอ่ื ง เกจวดั รูขนาดเล็ก ตอนท่ ี 1 จงเตมิ คำในช่องวา่ งต่อไปน้ี 1. เกจวัดรแู บบนาฬิกาวดั เขียนคำองั กฤษอยา่ งไร 6 ....................................................................................................................................................................................................... 2. เกจวัดรูแบบยดื หดเขียนคำองั กฤษอย่างไร ....................................................................................................................................................................................................... 3. เกจวดั รแู บบหวั มนเขยี นคำองั กฤษอย่างไร ....................................................................................................................................................................................................... 4. เกจวัดรขู นาดเล็กหมายถงึ เกจวดั รทู ีไ่ มเ่ หมาะทจ่ี ะวัดด้วยอะไร ....................................................................................................................................................................................................... 5. เกจวดั รแู บบนาฬิกาวัดควรเทียบสเกลดว้ ยเวอรเ์ นยี รห์ รอื ไมโครมเิ ตอรด์ ีกว่ากัน ....................................................................................................................................................................................................... 6. ทำไมตอ้ งวัดรขู นาดเลก็ ดว้ ยเวอรเ์ นยี ร์ก่อนวดั รดู ว้ ยเกจวัดรขู นาดเล็ก ....................................................................................................................................................................................................... 7. ทำไมตอ้ งตรวจวัดรขู นาดเลก็ อยา่ งช้า ๆ ดว้ ยความระมดั ระวงั ....................................................................................................................................................................................................... 8. เกจวดั รูแบบยืดหดมีย่านการวดั ประมาณเทา่ ใด ....................................................................................................................................................................................................... 9. เกจวดั รแู บบหัวมนมียา่ นการวัดประมาณเทา่ ใด ....................................................................................................................................................................................................... 10. ทำไมในงานบริการเครอ่ื งยนต์ไม่คอ่ ยได้ตรวจวัดรขู นาดเลก็ ....................................................................................................................................................................................................... ตอนท ี่ 2 จงทำเครอ่ื งหมายถกู ( P) ลงหน้าขอ้ ความท่ถี กู ต้องทีส่ ุด 1. ทำไมต้องใช้เกจวัดขนาดเลก็ 2. เครือ่ งมือวดั ใช้แทนเกจวดั รขู นาดเล็กได้ดคี อื อะไร ก. ราคาถูก ข. เทย่ี งตรง ก. เวอรเ์ นยี ร์ ข. ไมโครมเิ ตอร ์ ค. ถกู ทั้ง 2 ข้อ ง. ผดิ ทั้ง 2 ข้อ ค. ถกู ทกุ ขอ้ ง. ผิดทกุ ขอ้
94 งานวดั ละเอียดชา่ งยนต์ 3. เกจวัดรแู บบนาฬกิ าวัด 2 ขา ใชว้ ัดอะไรได้ 7. ไมโครมเิ ตอรท์ ่วั ไปวดั ละเอยี ดไดเ้ ทา่ ไร ก. รปู ลอกกา้ นลิน้ ข. รใู นตลับลกู ปนื ก. ได้ละเอยี ด 0.01 มม. ค. รบู ชุ ก้านสูบ ง. ถกู ทุกขอ้ ข. ไดล้ ะเอียด 0.02 มม. 4. เกจวัดรแู บบยืดหดใชว้ ัดอะไรได้ ค. ได้ละเอยี ด 0.04 มม. ก. รปู ลอกก้านลน้ิ ข. รใู นตลบั ลกู ปนื ง. ได้ละเอยี ด 0.05 มม. ค. รูบชุ กา้ นสูบ ง. ถูกทกุ ข้อ 8. เกจวดั รแู บบยดื หดสำหรบั วดั รปู ระเภทใดไดบ้ ้าง 5. เกจวัดรแู บบหวั กลมใชว้ ดั อะไรได้ ก. รปู ลอกก้านลน้ิ - รูบุชก้านสบู ก. รปู ลอกก้านลนิ้ ข. รูในตลับลูกปนื ข. รบู ุชกา้ นสบู - รูสลักลูกสูบ ค. รบู ชุ กา้ นสูบ ง. ถกู ทกุ ข้อ ค. รูสลักลูกสูบ - รูแบร่ิงกา้ นสบู 6. เวอร์เนยี ร์ทั่วไปวัดได้ละเอียดเท่าไร ง. รแู บริ่งกา้ นสูบ - รูกระบอกสบู ก. ได้ละเอยี ด 0.01 มม. 9. เกจวดั รูแบบหวั มนมีความสำคญั อยา่ งไร ข. ไดล้ ะเอยี ด 0.02 มม. ก. ใช้วัดรเู ล็กมาก ค. ได้ละเอียด 0.04 มม. ข. ใช้วดั รูปานกลาง ง. ได้ละเอียด 0.05 มม. ค. ใชว้ ัดรอู ยลู่ ึก ง. ใช้วัดรูทว่ั ไป 10. ทำไมตอ้ งใช้หวั หมุนกระทบเคร่ืองมอื วัดละเอยี ด ก. เบาแรง ข. มเี สียงเตือน ค. เพอื่ ความปลอดภัย ง. เพื่อความเทย่ี งตรง ตอนท ่ี 3 จงตอบคำถามตอ่ ไปนีใ้ ห้ไดใ้ จความสมบรู ณ์ 1. จงเขียนลำดับการใช้เกจวัดรแู บบนาฬกิ าวดั มา 4 ข้อสั้น ๆ 2. จงเขียนลำดบั การใชว้ ดั เกจรแู บบยืดหดมา 9 ขอ้ ส้นั ๆ 3. จงเขียนลำดบั การใชเ้ กจวดั รูแบบหวั มนมา 8 ข้อสนั้ ๆ 4. จงเขียนกฎการใชแ้ ละการบำรุงรกั ษาเกจวดั รขู นาดเลก็ มา 5 ขอ้ สัน้ ๆ 5. จงสเกตชภ์ าพเกจวดั รแู บบนาฬิกาวดั 2 ขา และแบบยดื หดวดั แบร่ิงกา้ นสูบมาอยา่ งละภาพ
7 งานวดั ละเอียดช่างยนต์ 95 เกจวดั กระบอกสบู สาระการเรยี นรู้ 7.1 ส่วนประกอบและการเลือกขนาดเกจวัดกระบอกสูบ 7.2 การตรวจวัดและการบำรุงรกั ษาเกจวดั กระบอกสูบ ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. แนะนำสว่ นประกอบและการเลือกขนาดเกจวัดกระบอกสูบได้ 2. การตรวจวดั และการบำรงุ รักษาเกจวัดกระบอกสูบได้ 3. เพ่อื ใหม้ กี จิ นิสัยในการทำงานดว้ ยความเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย ประณีต รอบคอบและตระหนักถงึ ความปลอดภยั
96 งานวัดละเอยี ดช่างยนต์ 7 เกจวดั กระบอกสบู บทนำ เกจวัดกระบอกสูบ หรือเรียกทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่าไซลินเดอร์เกจ (Cylinder Gauge หรือ Bore Gauge) เป็นเครื่องมือวัดที่ใช้ร่วมกับนาฬิกาวัดรวมเป็นชุดบรรจุในกล่อง ใช้วัดขนาดกระบอกสูบ เครื่องยนต์เป็นหลัก หลังจากเครื่องยนต์ใช้งานมาระยะเวลาหนึ่งจะเกิดความสึกหรอ ขนาดความโตเปลี่ยน แปลงไป เกิดความหลวมระหวา่ งลูกสูบทใี่ ช้งาน ทำใหก้ ำลังอดั เปลีย่ นไปหรอื รกู ระบอกสูบสกึ หรอไม่เทา่ กนั หรอื ดา้ นบนและดา้ นล่างเรียว สามารถอา่ นได้จากหนา้ ปัดนาฬกิ าวัด เพื่อตรวจวเิ คราะหส์ ภาพการสึกหรอ ทม่ี ผี ลกระทบตอ่ ประสทิ ธภิ าพการทำงานของเครอ่ื งยนต ์ กระบอกสบู สกึ หรอมาก ทำใหก้ ำลงั อดั เครอ่ื งยนตต์ ก สิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องและน้ำมันเชื้อเพลิง นาฬิกาวัด ปลอกยดึ นาฬิกาวดั กล่องชดุ เกจวัดกระบอกสูบ ด้ามเกจ ก้านเสรมิ แหวนเสรมิ แกนวัด แหวนเสริม ก้านเสรมิ นอตลอ็ กก้านเสรมิ รปู ที่ 7.1 สว่ นประกอบชดุ เกจวัดกระบอกสูบเครือ่ งยนตจ์ ากในกล่อง
งานวดั ละเอยี ดช่างยนต์ 97 7.1 สว่ นประกอบและการเลอื กขนาดเกจวดั กระบอกสบู นาฬิกาวัด ขายึดนาฬิกาวดั 1. ส่วนประกอบเกจวัดกระบอกสูบ ดา้ มเกจ เกจวัดกระบอกสูบเปน็ เกจวัดรชู น้ิ งานไดล้ ะเอียด และเที่ยงตรง เช่น วัดขนาดรูแบริ่งเพลาข้อเหวี่ยงและวัด รูกระบอกสูบ ส่วนบนด้ามเกจเป็นที่ยึดนาฬิกาวัด ฐาน แกนเกจ เกจมกี า้ นเสรมิ และแหวนเสรมิ ใหเ้ ลอื กใชเ้ ปน็ ชดุ ตามความ 7 แหวนเสรมิ เหมาะสมของขนาดรูที่ต้องการวัด เช่น รูแบริ่งเพลาข้อ เหว่ียงเลก็ กว่ารูกระบอกสูบ ใช้ก้านเสริมสัน้ กวา่ กา้ นเสรมิ กา้ นเสริม แกนวัด วัดรูกระบอกสูบ ก้านเสริมมีให้เลือกหลายขนาด เช่น นอตลอ็ ก แผน่ นำ 50 - 60 - 70 - 80 - 90 - 100 มม. ก้านเสรมิ 2. การเลือกขนาดก้านเสริมและแหวนเสริม รปู ที่ 7.2 ขนาดกา้ นเสรมิ และแหวนเสริม เลือกขนาดก้านเสริมและแหวนเสริมให้ได้ ขนาดที่เหมาะสม สำหรับขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลาง นาฬิกาวัด ภายในของชิ้นงานที่จะวัด ซึ่งมีในชุดเกจวัดกระบอกสูบ ขายดึ นาฬกิ าวดั กา้ นเสรมิ และแหวนเสรมิ มขี น้ั ตอนการเลอื กใชด้ งั ตอ่ ไปน้ี ด้ามเกจ 1) ทำความสะอาดกระบอกสูบและเสื้อสูบ ก้านเสรมิ แผ่นนำ 2) วดั ขนาดของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางภายในของชน้ิ งาน ด้วยเวอร์เนียร์ รูปท่ี 7.3 ก้านเสรมิ และแผ่นนำ 3) เศษทเ่ี หลอื จากการวดั ทม่ี คี า่ มากกวา่ หรอื นอ้ ยกวา่ 0.5 มม. เป็นสว่ นสำคัญท่ีตอ้ งนำมาประกอบการ วัด ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ตัวอย่างที่ 1 ถ้าค่าที่วัดได้คือ 52.30 มม. การเลือกก้านเสริม และแหวนเสริมกระทำดังต่อไปนี้ ก้านเสริม = 50 มม. แหวนเสริม = 2 มม. รวมเป็น = 52 มม. ตัวอย่างที่ 2 ถ้าค่าที่วัดได้คือ 52.70 มม. การเลือกก้านเสริม และแหวนเสริมกระทำดังต่อไปนี้ ก้านเสริม = 50 มม. แหวนเสริม = 3 มม. รวมเป็น = 53 มม.
98 งานวดั ละเอียดชา่ งยนต์ 7.2 การตรวจวดั และการบำรงุ รกั ษาเกจวดั กระบอกสบู นาฬกิ าวดั 1. การตรวจวัดด้วยเกจวัดกระบอกสูบ ดา้ มเกจ 1) วางบนผ้าหรือบนแผ่นยาง 2) วัดขนาดกระบอกสูบด้วยเวอร์เนียร์ ไมโครมิเตอร์ 3) เลอื กใชก้ า้ นเสรมิ และแหวนเสรมิ ขนาดเหมาะสมประกอบ เข้ากับเกจกระบอกสูบ ถ้าหากเส้นผ่านศูนย์กลางกระบอกสูบ รปู ท่ี 7.4 ปรบั เกจด้วยไมโครมิเตอร์ เท่ากับ 53.00 มม. 4) ตั้งไมโครมิเตอร์ 53.00 มม. ตั้งเกจกระบอกสูบจากค่าที ่ นาฬกิ าวดั วัดได้ และปรับใหเ้ ลข “0” ของนาฬิกาวดั ตรงกับเข็มช ี้ ดังรปู ที่ 7.4 1 กา้ นเสรมิ 5) สอดเกจกระบอกสบู เขา้ ไปในกระบอกสูบ ขยบั ปลายวัด 2 แกนวัด ไปตามมุมต่าง ๆ เพื่อที่จะหาจุดซึ่งเกจอ่านค่าได้แคบที่สุด ดัง 3 นอตล็อก รูปที่ 7.5 เช่น ถ้าได้ 0.04 มม. นน้ั หมายความว่า เส้นผา่ นศนู ย์ กลางเล็กกว่าค่าที่ปรับต้ังบนไมโครมเิ ตอร์ 53.00 มม. อยู ่ 0.04 รปู ที่ 7.5 หาระยะแคบทีส่ ุด มม. เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางภายในคอื 53.00 - 0.04 มม. = 52.96 มม. รูปท่ี 7.6 กล่องชดุ เกจวดั กระบอกสูบ ข้อควรจำ การอ่านค่าบนหน้าปัดนาฬิกาวัดให้เที่ยงตรงต้องมอง เข็มนาฬกิ าวดั ใหต้ ้ังฉากกับหนา้ ปัดนาฬิกาวัด หลังปรับกรอบนอกนาฬิกาวัด ให้เลข “0” ตรงกับ เข็มวัดแลว้ ยกแกนวัดขนึ้ เล็กนอ้ ยแลว้ ปล่อยลงเบา ๆ ตรวจสอบเข็มนาฬิกาวัดกลับชี้ที่ “0” เสมอทุกครั้งที่ ปล่อยแกนวัดนาฬิกาวัด กระบอกสูบสึกหรอมากสุดที่แหวนอัดตัวบนขึ้น สัมผัส 2. กฎการใช้และการบำรุงรักษาเกจวัดกระบอกสูบ 1) อย่านำเกจวัดกระบอกสูบไปใกล้ที่ร้อนจัด หรือเย็นจัด อาจมีผลกระทบทางความเที่ยง 2) อย่าทำเกจวัดกระบอกสูบหล่นกับพื้น เพราะความเที่ยง อาจคลาดเคลื่อน 3) ทำความสะอาดเกจวดั กระบอกสบู ทกุ ครง้ั หลงั จากใชง้ าน เพื่อให้พร้อมใช้งาน 4) เก็บรักษาชุดเกจวัดกระบอกสูบไว้ในกล่องเฉพาะ แยก จากเครื่องมืออื่น ดังรูปที่ 7.6
งานวัดละเอียดชา่ งยนต์ 99 ใบตรวจวดั ท่ี จงตรวจวัดขนาดเส้นผา่ นศนู ยก์ ลางกระบอกสูบเครอ่ื งยนต ์ 4 สบู 7.1 ทีก่ ำหนดให ้ ดว้ ยเกจวัดกระบอกสบู ขนาด 50-100 มม. แลว้ กรอก ผลในตารางพรอ้ มผลการวิเคราะห์สภาพกระบอกสบู 7 กระบอกสูบที่ 1 2 3 4 การตรวจวดั AB AB AB AB j มม. k มม. l มม. สภาพ ดี/ไมด่ ี การประเมินผล ชือ่ ................................................................ วนั ที่ ............................................................. คะแนน ....................................................... ผู้ประเมิน ....................................................
100 งานวดั ละเอียดช่างยนต์ ใบตรวจวดั ที่ จงตรวจวดั ขนาดเสน้ ผ่านศนู ย์กลางกระบอกสบู จักรยานยนตแ์ ละ 7.2 รูฐานกา้ นสูบทก่ี ำหนดให ้ ดว้ ยเกจวัดกระบอกสูบขนาด 25-50 มม. แลว้ กรอกผลในตาราง ลำดับการตรวจวัด รกู ระบอกสูบ รูก้านสูบ ตำแหนง่ ตรวจวดั AB AB j มม. k มม. l มม. สภาพ ด/ี ไมด่ ี การประเมนิ ผล ชอ่ื ................................................................ วนั ท ี่ ............................................................. คะแนน ....................................................... ผปู้ ระเมนิ ....................................................
แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 7 งานวดั ละเอียดช่างยนต์ 101 เรื่อง เกจวัดกระบอกสูบ ตอนที ่ 1 จงเตมิ คำในช่องวา่ งตอ่ ไปน้ี 1. เกจวัดกระบอกสบู เขยี นคำองั กฤษอย่างไร 7 ....................................................................................................................................................................................................... 2. ทำไมตอ้ งตรวจวัดกระบอกสบู ....................................................................................................................................................................................................... 3. กระบอกสูบสึกหรอมีผลกระทบต่อการทำงานเคร่อื งยนต์อย่างไร ....................................................................................................................................................................................................... 4. กระบอกสบู เครอื่ งยนต์สึกหรอมาก ทำไมส้ินเปลืองน้ำมันเครื่องมาก ....................................................................................................................................................................................................... 5. เกจวดั กระบอกสบู นอกจากใชว้ ัดกระบอกสูบเครอ่ื งยนต์ ใชว้ ดั อะไรไดอ้ กี ....................................................................................................................................................................................................... 6. ทำไมเกจวดั กระบอกสูบตัวเดยี วสามารถวัดรูขนาดตา่ ง ๆ ไดห้ ลายขนาด ....................................................................................................................................................................................................... 7. เกจวดั กระบอกสูบมกี ้านเสริมประมาณเทา่ ใดบา้ ง จงเขยี นมา 5 ขนาด ....................................................................................................................................................................................................... 8. ทำไมตอ้ งวดั กระบอกสบู ด้วยเวอร์เนียร์ก่อนการใช้เกจวดั กระบอกสบู ....................................................................................................................................................................................................... 9. ทำไมตอ้ งยกแกนนาฬกิ าวดั ข้ึนแลว้ ปล่อยลงชา้ ๆ เม่อื ปรบั เลข 0 บนหน้าปัดแล้ว ....................................................................................................................................................................................................... 10. ทำไมตอ้ งทำความสะอาดเกจวดั กระบอกสบู ทกุ คร้งั หลงั ใช้งาน ....................................................................................................................................................................................................... ตอนท่ ี 2 จงทำเครอื่ งหมายถกู ( P) ลงหนา้ ข้อความที่ถูกตอ้ งทส่ี ุด 1. ทำไมต้องใช้ก้านเสริมเกจวัดกระบอกสบู ก. เพราะเกจมีหลายขนาด ข. เพราะกระบอกสบู มหี ลายขนาด ค. เพราะให้เกดิ ความเทย่ี งตรง ง. แลว้ แตน่ าฬกิ าวดั
102 งานวดั ละเอยี ดชา่ งยนต์ 2. ทำไมรูว้ ่ากระบอกสบู สึกเรยี ว 6. ทำไมตอ้ งโยกเกจวดั กระบอกสูบในการตรวจวัด ก. กระบอกสบู สกึ ไม่เทา่ กนั กระบอกสูบ ข. กระบอกสูบสึกมาก ก. เพ่อื หาขนาดกระบอกสูบ ค. กระบอกสบู สกึ ดา้ นซ้ายมากกวา่ ขวา ข. เพื่อหาขนาดลกู สบู ง. กระบอกสบู สกึ ดา้ นบนไมเ่ ทา่ ดา้ นล่าง ค. เพื่อหาระยะแคบสุด 3. ทำไมกระบอกสบู สว่ นบนไม่สึกเลย ง. เพ่ือหาระยะกว้างสุด ก. หัวลกู สูบสัมผสั ไมถ่ งึ 7. กระบอกสบู สว่ นท่ใี หญ่สุดอยูท่ ี่ใด ข. แหวนลูกสูบสัมผสั ไม่ถงึ ก. บนสดุ ค. การหล่อลื่นดี ข. ตำ่ กว่าบนสุดเล็กนอ้ ย ง. การหลอ่ เยน็ ดี ค. ก่ึงกลางความสูง 4. ทำไมเกจวัดกระบอกสูบตอ้ งใชร้ ว่ มกบั ง. เลยกง่ึ กลางความสูงเลก็ นอ้ ย ไมโครมเิ ตอร์ 8. กระบอกสูบสึกหรอเปน็ ลักษณะใด ก. เพราะกำหนดขนาดเองไม่ได้ ก. เป็นวงรี ข. เป็นวงกลม ข. เพราะกำหนดไดแ้ ตข่ นาดยาว ค. เป็นวงแหวน ง. แล้วแต่การหล่อลน่ื ค. เพราะกำหนดได้แต่ขนาดกลม 9. ทำไมต้องปรับ 0 หนา้ ปัดนาฬกิ าวัดเสมอ ง. เพราะกำหนดไดแ้ ต่ขนาดกว้าง ก. เพอื่ เร่ิมตน้ ทถ่ี กู ต้อง 5. ทำไมต้องใชก้ า้ นเสริมเกจวัดกระบอกสบู ข. เพอ่ื ความเทย่ี งตรงในการวดั ก. ตามการออกแบบเครื่องยนต์ ค. เพอื่ ให้วัดได้สะดวกรวดเรว็ ข. ตามการออกแบบเกจวดั กระบอกสูบ ง. ปอ้ งกันอันตราย ค. สะดวกในการเลือกใชไ้ ดห้ ลายขนาด ง. เพ่ือความเท่ียงตรง 10. ตอ้ งเกบ็ รักษาเกจวัดกระบอกสูบไว้อย่างไร ก. ไมเ่ กบ็ รวมกบั เคร่ืองมืออ่นื ข. ไมเ่ กบ็ ไว้ในท่ีแจง้ ค. เกบ็ ไวใ้ นกล่อง ง. เกบ็ ไวใ้ นลังเครอ่ื งมอื ตอนท ่ี 3 จงตอบคำถามตอ่ ไปนีใ้ ห้ไดใ้ จความสมบูรณ์ 1. ทำไมต้องใชเ้ กจวดั กระบอกสบู เครอื่ งยนต์ 2. จงเขียนกฎการใชเ้ กจวัดกระบอกสบู มา 5 ขอ้ สน้ั ๆ 3. จงเขียนลำดบั การใชเ้ กจวัดกระบอกสบู มา 5 ขอ้ ส้นั ๆ 4. จงเขยี นการบำรงุ รักษาเกจวดั กระบอกสูบมา 4 ขอ้ สัน้ ๆ 5. จงสเกตชภ์ าพการตรวจสอบขนาดเกจวดั กระบอกสูบด้วยไมโครมิเตอร์มา 1 ภาพ
8งานวัดละเอียดชา่ งยนต์ 103 ฟลี เลอรเ์ กจ สาระการเรียนรู้ 8.1 หน้าทแ่ี ละประเภทฟีลเลอร์เกจ 8.2 การตรวจวัดและการทดสอบความฝืดสัมผัสดว้ ยฟลี เลอรเ์ กจ 8.3 ผลกระทบจากการใชแ้ ละการบำรุงรกั ษาฟลี เลอร์เกจ ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. อธบิ ายหนา้ ทีแ่ ละประเภทฟีลเลอรเ์ กจได้ 2. ปฏิบัตกิ ารตรวจวดั และการทดสอบความฝืดสัมผัสดว้ ยฟีลเลอรเ์ กจได้ 3. อธบิ ายผลกระทบจากการใชแ้ ละการบำรุงรกั ษาฟลี เลอร์เกจได้ 4. เพื่อใหม้ ีกิจนสิ ัยในการทำงานดว้ ยความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย ประณีต รอบคอบและตระหนักถงึ ความปลอดภยั
104 งานวัดละเอยี ดชา่ งยนต์ 8 ฟลี เลอรเ์ กจ บทนำ ฟีลเลอร์เกจ (Feeler Gauge) เป็นเครื่องมือวัดละเอียด ใช้ตรวจสอบระยะห่างหรือช่องว่างของ ชิ้นส่วนเครื่องยนต์หลายส่วนด้วยกัน เช่น ตั้งระยะห่างลิ้นไอดีลิ้นไอเสีย วัดระยะเบียดข้างแหวนลูกสูบ ระยะห่างปากแหวนลูกสูบ ความโก่งตัวของฝาสูบเครื่องยนต์ และวัดระยะห่างชุดเฟืองปั๊มน้ำมันเครื่อง เป็นตน้ ฟีลเลอรเ์ กจเป็นแผน่ เหล็กแขง็ แบนเรยี บและผา่ นการอบชุบแขง็ ฟลี เลอรเ์ กจแผ่นหนง่ึ มีความหนา ขนาดหนึ่ง ฟีลเลอร์เกจจะรวมเป็นชุด ๆ ชุดหนึ่งมีหลายแผ่น และอยู่รวมกันได้ด้วยสลักในด้ามจับแผ่น ฟลี เลอร์เกจท่มี ลี กั ษณะยาวเรียวและปลายมน เพอ่ื สะดวกแกก่ ารสอดเข้าไปวัดในจุดวดั ทอ่ี ยู่ลึก ๆ ความหนา ของฟีลเลอรเ์ กจทุกแผ่นจะมีตัวเลขกำกบั ไว ้ ดงั รปู ท ี่ 8.1 และ 8.2 รูปท่ี 8.1 ชุดฟลี เลอรเ์ กจระบบเมตรกิ (Set of Metric Feeler Gauges) รูปท่ี 8.2 ชุดฟีลเลอร์เกจแบบเสน้ ลวด (Set of Wire Feeler Gauges)
งานวัดละเอียดช่างยนต์ 105 8.1 หนา้ ทแ่ี ละประเภทฟลี เลอรเ์ กจ รปู ที่ 8.3 ฟลี เลอร์เกจระบบเมตริก 8.1.1หน้าทแ่ี ละประเภทฟีลเลอรเ์ กจ 1. หน้าที่และคุณลักษณะฟีลเลอร์เกจ ฟีลเลอร์เกจ หรือเรียกว่าเกจวัดความหนา (Thickness Gauge) เปน็ เครอ่ื งมอื วดั ละเอยี ด ใชว้ ดั ชอ่ งวา่ ง แคบ ๆ หรือระยะห่างหล่อลื่นระหว่างชิ้นงาน 2 ชิ้น มี ลักษณะเป็นแผ่นเหล็กบาง ๆ ทำเป็นชุด ๆ มีหลายใบเรียง ซ้อนกัน มีตัวเลขลำดับความหนารวมกันอยู่ในด้ามจับ ร้อยติดกันด้วยหมุด 2. ฟลี เลอรเ์ กจระบบเมตรกิ (Metric Feeler Gauge) 8 ขนาดความหนาของแต่ละใบ มีค่าเป็นทศนิยม ละเอียดถึง 1/100 มม. (0.01 มม.) เริ่มจาก 0.03 มม. ถึง 1.00 มม. ขนาดต่าง ๆ แสดงอยู่บนแผ่นวัด รปู ท่ี 8.4 ฟลี เลอร์เกจระบบน้ิว 3. ฟีลเลอร์เกจระบบนิ้ว (Inches Feeler Gauge) สำหรับระบบนิ้ว มีค่าเป็นทศนิยมในพันส่วน ของนิ้ว หรือร้อยส่วนของนิ้ว เช่น 0.006 ฟีลเลอร์เกจม ี ความหนา 6 ส่วนใน 1,000 ส่วนของนิ้ว ฟีลเลอร์เกจใน ระบบเมตริก 0.15 แสดงว่าจะมีความหนา 15 ส่วนใน 100 ส่วนของมิลลิเมตร รปู ที่ 8.5 ฟลี เลอรเ์ กจแบบ 2 ช้ัน 4. ฟีลเลอร์เกจแบบ 2 ความหนา สำหรับดัดเขี้ยวหัวเทียน (Stepped Feeler Gauge) ฟลี เลอรเ์ กจแบบน้ี แตล่ ะใบจะมีความหนาเป็น 2 ขนาด ส่วนปลายของใบจะเลก็ กว่าต้นใบอย ู่ 0.002 น้ิว ฟีลเลอร์เกจแบบนี้ชว่ ยใหก้ ารทำงานรวดเรว็ ข้ึน สำหรบั งานวัดที่ต้องการความถูกต้องโดยประมาณ 5. ฟลี เลอรเ์ กจแบบเส้นลวด (Wire Feeler Gauge) ฟีลเลอร์เกจแบบนี้ ใช้วัดระยะห่างมากกว่า 0.1 มม. หรือ 0.025 นิ้ว เช่น วัดระยะห่างเขี้ยวหัวเทียน รูปท่ี 8.6 ฟลี เลอรเ์ กจแบบเสน้ ลวด
106 งานวดั ละเอยี ดชา่ งยนต์ 8.2 การตรวจวดั และการทดสอบความฝดื สมั ผสั ดว้ ยฟลี เลอรเ์ กจ สกรูปรับ 1. การตรวจวัดด้วยฟีลเลอร์เกจ นอต 1) กอ่ นตรวจวดั ตอ้ งทำความสะอาดมอื แผน่ ฟลี เลอร์ ล็อก และชน้ิ งานใหส้ ะอาด สง่ิ สกปรกและคราบนำ้ มนั ลกู เบี้ยวเพลาราวล้ิน ระยะ จะทำให้ค่าที่วัดได้ไม่เที่ยงตรง รูปที่ 8.7 ต้งั ระยะหา่ งล้ินดว้ ยฟีลเลอร์เกจ 2) ความหนาของแผน่ ฟลี เลอรม์ ไิ ดเ้ พม่ิ ขน้ึ ครง้ั ละ 0.01 ห่างลนิ้ มม. เท่า ๆกัน ซึ่งถ้าหากว่าความหนาของแผ่น แหวนลกู สบู ฟีลเลอร์แผ่นเดียวไม่เพียงพอ สามารถเพิ่มแผ่น ฟลี เลอรเ์ กจ ฟีลเลอร์ เพื่อเพิ่มค่าวัดได้ตามต้องการ อย่างไรก็ ตาม พยายามใช้แผ่นฟีลเลอร์ซ้อนกันให้น้อย แผ่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดความผิดพลาด 3) สอดแผ่นฟีลเลอร์เข้าระหว่างชิ้นส่วนที่วัด ด้วย ความระมดั ระวงั อยา่ งอแผน่ ฟลี เลอร ์ หรอื ทำให้ ขอบวดั ชำรดุ เพราะมผี ลกระทบตอ่ ความเทย่ี งตรง รอ่ งแหวน 2. ข้อแนะนำการตรวจวัดด้วยฟีลเลอร์เกจ รปู ที่ 8.8 ตรวจระยะเบยี ดขา้ งแหวนลูกสบู สอดแผ่นฟีลเลอร์เข้าระหว่างชิ้นส่วนที่วัด ด้วย ฟีลเลอรเ์ กจ ความระมดั ระวงั ถา้ หากวา่ ยงั หลวมอย ู่ ควรใชแ้ ผน่ ฟลี เลอร ์ ทห่ี นาขนึ้ (อาจจะใชห้ ลายแผ่นรว่ มกนั ) จนกระทง่ั รู้สกึ มี ความฝดื ขณะทด่ี งึ แผน่ ฟลี เลอรอ์ อก นน่ั คือความหนาของ เกจเท่ากับระยะช่องว่างระหว่างชิ้นส่วน หรือระยะห่าง หล่อลื่น รูปท่ี 8.9 ตรวจระยะเบยี ดเฟอื งปมั๊ นำ้ มันเครอ่ื ง 3. การทดสอบความฝืดสัมผัสฟีลเลอร์ แผน่ ฟีลเลอรเ์ กจ วิธีที่ช่วยให้สามารถเรียนรู้ค่าความฝืดจากการ ไมโครมิเตอร์ วัดด้วยฟีลเลอร์เกจที่เหมาะสม เพื่อการวัดความหนาที่ รูปท่ี 8.10 ทดสอบความฝืดสมั ผัสฟลี เลอรเ์ กจ ถูกต้อง 1) ปรับตั้งไมโครมิเตอร์ให้เท่ากับความหนาแผ่น ฟีลเลอร์ 2) สอดแผน่ ฟลี เลอรเ์ ขา้ ระหวา่ งแกนรบั และแกนวดั ของไมโครมิเตอร์ และชักแผ่นฟีลเลอร์ไปกลับ ระหว่างแกนรับ และแกนวัดของไมโครมิเตอร์ จากน้ันใหร้ บั รู้ความรู้สกึ วา่ เป็นความฝดื ทพ่ี อดี ในการใช้แผ่นฟีลเลอร์
งานวัดละเอยี ดช่างยนต์ 107 8.3 ผลกระทบจากการใชแ้ ละการบำรงุ รกั ษาฟลี เลอรเ์ กจ 1. ลน้ิ เครื่องยนตแ์ ตกร้าวเพราะล้นิ รอ้ นจดั ลน้ิ แตกรา้ วเพราะลน้ิ รอ้ นจดั (Valve Cracked by Heat) เนื่องจากลิ้นได้รับอิทธิพลหลายอย่าง เช่น ตั้งลิ้น แคบ ทำให้ลิ้นยัน ลิ้นถ่ายเทความร้อนออกจากหน้าลิ้น สู่บ่าลิ้นไม่ได้ หรือใช้น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพต่ำ ทำให ้ เครื่องยนต์ร้อนจัดและน็อก (Knock) ต่อเนื่อง ทำให้ลิ้น ไหม้และแตก รูปที่ 8.11 ล้นิ แตกรา้ วเพราะร้อนจดั 2. ลิน้ เครอื่ งยนต์ไหม้เพราะตัง้ ลนิ้ แคบ 8 การตั้งล้ินไอเสียแคบกว่ากำหนดด้วยฟีลเลอร์ เกจ เมื่อเครื่องยนต์ทำงานที่อุณหภูมิปกติต่อเนื่อง ส่วน ประกอบกลไกควบคุมลิ้นไอเสียต่างขยายตัวเมื่อได้รับ ความรอ้ นจากการเผาไหมเ้ ครอื่ งยนต์ ทำใหล้ ิน้ ปิดไมส่ นทิ ล้ินลอยอยแู่ บบปลาย่าง ความรอ้ นออกจากหวั ลน้ิ ไมไ่ ด ้ ลน้ิ จงึ ไหมเ้ พราะตง้ั ลน้ิ แคบ (Valve Burned from too Little Tappet Clearance) รูปที่ 8.12 ล้นิ ไหม้เพราะตงั้ ลนิ้ แคบ 3. กฎการใชแ้ ละการบำรงุ รักษาฟีลเลอรเ์ กจ แผ่นฟีลเลอร์เกจมีขนาดบาง สามารถจะหักงอได้หรือบิดได้ตลอดเวลาเมื่อใช้อย่างผิดวิธี ดังนั้น ก่อนใช้งานต้องคำนึงถึงกฎการใช้ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) ทำความสะอาดชิ้นงานและตรวจสอบความสมบูรณ์ โดยเฉพาะร่องระหว่างผิวงานที่จะสอดเกจ แผ่นเขา้ ไป 2) ทำความสะอาดและตรวจสภาพความสมบูรณ์ของแผน่ ฟลี เลอรเ์ กจ 3) ขณะใช้ฟีลเลอร์เกจให้เอาออกมาเฉพาะแผ่นทจ่ี ะใชเ้ ทา่ นัน้ ส่วนที่เหลือให้เกบ็ ไวภ้ ายในดา้ ม 4) ขณะใช้งานให้จับทด่ี า้ มจับ อย่าจบั ทแี่ ผ่นฟีลเลอร์เกจ 5) เมื่อใชง้ านเสรจ็ แลว้ ให้ทำความสะอาดทกุ ใบ และพบั เกบ็ ไวใ้ นด้ามตามเดิม 6) เมือ่ ใชฟ้ ลี เลอรเ์ กจหลายแผน่ ซอ้ นกันตอ้ งคำนึงถึงความสะอาดท่ผี ิวซอ้ นกัน
108 งานวดั ละเอียดช่างยนต์ ใบตรวจวดั ท่ี จงตรวจวัดผวิ หน้าฝาสบู และเสอื้ สบู เครอ่ื งยนต์แนวยาว แนวทแยง 8.1 และแนวขวางด้วยบรรทัดเหล็กและฟีลเลอร์เกจ แล้วหาค่าเฉลี่ย กรอกลงในตาราง ลำดับการตรวจวัด ฝาสบู เสอ้ื สูบ ความโก่งผิวหน้าแนวยาว มม. ความโกง่ ผิวหนา้ แนวทแยง มม. ความโก่งผิวหน้าแนวขวาง มม. ความโก่งผิวหน้าสงู สุดไมเ่ กนิ มม. การประเมนิ ผล ช่อื ................................................................ วันท ่ี ............................................................. คะแนน ....................................................... ผปู้ ระเมนิ ....................................................
งานวดั ละเอียดช่างยนต์ 109 ใบตรวจวดั ท่ี จงตรวจวดั ระยะรุนก้านสูบและระยะรุนเพลาข้อเหวี่ยงด้วยฟีลเลอร์ เกจ แล้วกรอกผลในตารางพร้อมระยะรนุ จำกัด 8.2 ก้านสูบ เพลาข้อเหวี่ยง A8 เพลาข้อเหวี่ยง ลำดับการตรวจวัด สบู ท่ี 1 สบู ท่ี 2 สูบที่ 3 สบู ท่ ี 4 ระยะรุนกา้ นสูบ มม. ระยะรนุ ก้านสบู ไม่เกิน มม. ระยะรุนเพลาข้อเหวยี่ ง มม. ระยะรนุ เพลาข้อเหวย่ี งไมเ่ กิน มม. การประเมนิ ผล ชือ่ ................................................................ วันที่ ............................................................. คะแนน ....................................................... ผูป้ ระเมนิ ....................................................
110 งานวดั ละเอียดช่างยนต์ ใบตรวจวัดที่ จงตรวจวัดระยะหา่ งเฟอื งป๊มั นำ้ มนั เครอื่ งดว้ ยบรรทัดเหล็กและ 8.3 ฟีลเลอร์เกจที่หัวเฟือง ยอดฟันเฟืองนอกและยอดฟันเฟืองใน แล้วกรอกผลในตาราง ระยะห่างหัวเฟือง ระยะหา่ งยอดฟนั เฟืองนอก ระยะห่างยอดฟนั เฟืองใน ลำดับการตรวจวัด หัวเฟือง ยอดฟนั เฟอื งนอก ยอดฟันเฟอื งใน ผลการตรวจระยะหา่ ง มม. ระยะหา่ งสงู สดุ ไม่เกนิ มม. การประเมินผล ชอ่ื ................................................................ วนั ท ี่ ............................................................. คะแนน ....................................................... ผู้ประเมนิ ....................................................
งานวดั ละเอียดชา่ งยนต์ 111 ใบตรวจวดั ที่ จงตรวจวดั ระยะเบียดข้างแหวนลกู สูบและระยะหา่ งปากแหวนลกู สบู ทก่ี ำหนดใหด้ ว้ ยฟีลเลอร์เกจ แลว้ กรอกผลการตรวจวัดในตาราง 8.4 8 ลำดับการตรวจวัด ระยะเบยี ดข้างแหวน ระยะหา่ งปากแหวน สูบที่ 1 2 สูงสุด 1 2 สงู สดุ แหวนอดั ตัวท ่ี 1 มม. แหวนอดั ตัวท ี่ 2 มม. แหวนน้ำมัน มม. การประเมินผล ชือ่ ................................................................ วันที่ ............................................................. คะแนน ....................................................... ผู้ประเมิน ....................................................
112 งานวดั ละเอียดชา่ งยนต์ ใบตรวจวดั ท่ี จงตรวจวัดระยะห่างเขย้ี วหัวเทยี น 2 แบบ ทก่ี ำหนดให้ด้วย 8.5 ฟลี เลอรเ์ กจ หรือเกจวดั เข้ยี วหัวเทยี น (Wire Feeler Gauge) หากไม่ได้ตามกำหนดให้ปรับให้ไดต้ ามกำหนด เขี้ยวไม่ขนานกนั (ไม่ดี) เข้ียวขนานกนั (ดี) ตรวจระยะห่าง ดัดเข้ยี วหัวเทยี น เขย้ี วหวั เทยี น ลำดับการตรวจหัวเทียน 1 2 3 4 สภาพเข้ียวหัวเทยี น ด/ี ไม่ดี ระยะห่างกำหนด มม. ผลการตรวจวดั มม. หลงั การตรวจปรบั มม. การประเมินผล ชื่อ ................................................................ วันท ่ี ............................................................. คะแนน ....................................................... ผู้ประเมนิ ....................................................
งานวดั ละเอียดช่างยนต์ 113 แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 8 เร่อื ง ฟีลเลอร์เกจ ตอนที่ 1 จงเติมคำในช่องวา่ งต่อไปนี้ 1. ชดุ ฟีลเลอรเ์ กจระบบเมตริกเขยี นคำอังกฤษอยา่ งไร ....................................................................................................................................................................................................... 2. ชุดฟลี เลอร์เกจแบบเสน้ ลวดเขยี นคำองั กฤษอย่างไร ....................................................................................................................................................................................................... 3. ฟลี เลอรเ์ กจใช้มากในงานบริการเครื่องยนต์ จงเขียนมา 2 งาน ....................................................................................................................................................................................................... 8 4. ฟีลเลอร์เกจมลี กั ษณะอย่างไร ....................................................................................................................................................................................................... 5. การเลอื กใช้แผน่ ฟีลเลอร์เกจ เลือกอย่างไร ....................................................................................................................................................................................................... 6. ทำไมต้องทำความสะอาดมือ แผน่ ฟลี เลอร์เกจและช้นิ งานก่อนตรวจวดั ....................................................................................................................................................................................................... 7. ทำไมควรใช้ฟีลเลอร์เกจแผ่นเดียวหรือซ้อนกันใหน้ ้อยแผน่ ท่สี ุด ....................................................................................................................................................................................................... 8. ทดสอบความฝดื สัมผัสของความรูส้ ึกในการตรวจวัดดว้ ยฟีลเลอรเ์ กจได้อย่างไร ....................................................................................................................................................................................................... 9. ลน้ิ เครื่องยนต์แตกร้าวเพราะการใชฟ้ ลี เลอรเ์ กจไดอ้ ย่างไร ....................................................................................................................................................................................................... 10. ลนิ้ เครอ่ื งยนตไ์ หม้เพราะการบรกิ ารดว้ ยฟีลเลอรเ์ กจได้อยา่ งไร .......................................................................................................................................................................................................
114 งานวัดละเอียดชา่ งยนต์ ตอนท ี่ 2 จงทำเคร่ืองหมายถกู ( P) ลงหนา้ ขอ้ ความทถ่ี กู ตอ้ งทส่ี ุด 1. ฟีลเลอร์เกจใชป้ ระโยชน์อะไร 6. ฟีลเลอร์เกจแบบเส้นลวดใชท้ ำอะไร ก. วดั ความหนาและความแบน ก. วัดระยะห่างหล่อล่ืนเพลา ข. วัดความหนาและความหา่ ง ข. วัดระยะห่างต้งั ลน้ิ ค. วดั ความหา่ งและความคด ค. วัดระยะหา่ งเขีย้ วหัวเทียน ง. วัดความคดและความกว้าง ง. วัดระยะห่างหน้าทองขาว 2. ฟลี เลอร์เกจระบบเมตรกิ วัดไดล้ ะเอยี ดเทา่ ไร 7. ทำไมไมค่ วรงอแผน่ ฟลี เลอร์เกจ ก. ได้ 1 ใน 10 มม. ข. ได้ 1 ใน 100 มม. ก. แผน่ ฟลี เลอรเ์ กจจะหัก ค. ได้ 1 ใน 1,000 มม. ง. ได้ 1 ใน 10,000 มม. ข. แผ่นฟีลเลอร์เกจจะเป็นอนั ตราย 3. แผน่ ฟลี เลอรเ์ กจระบบเมตริกมีความหนาอยา่ งไร ค. มผี ลกระทบตอ่ ชิน้ งาน ก. เร่มิ จาก 0. 03 มม. ข. เร่มิ จาก 0.09 มม. ง. มผี ลกระทบตอ่ ความเท่ียงตรง ค. เร่มิ จาก 0.13 มม. ง. เริ่มจาก 0.15 มม. 8. ทำไมต้องตั้งลน้ิ ดว้ ยฟลี เลอร์เกจ 4. ฟีลเลอรเ์ กจระบบเมตรกิ 0.25 หมายถงึ อะไร ก. เพ่อื ประสทิ ธภิ าพการทำงาน ก. ความหนา 0.25 ส่วนใน 25 สว่ น ข. เพือ่ ปอ้ งกันการติดตาย ข. ความหนา 25 สว่ นใน 100 สว่ น ค. เพ่อื ป้องกันการหลวมคลอน ค. ความหนา 0.25 สว่ นใน 1,000 สว่ น ง. เพ่ือปอ้ งกันการรว่ั ซึม ง. ความหนา 25 ส่วนใน 1,000 ส่วน 9. ทำไมต้องวดั ระยะเบยี ดขา้ งแหวนลกู สูบด้วย 5. ฟีลเลอรเ์ กจแบบ 2 ความหนา เป็นอย่างไร ฟีลเลอรเ์ กจ ก. มีฟลี เลอร์เกจ 2 ชดุ ก. เพอื่ ประสิทธิภาพการทำงาน ข. มีฟลี เลอร์เกจ 2 แผน่ ข. เพอ่ื ป้องกันการติดตาย ค. ใช้ฟลี เลอร์เกจ 2 แผ่นเสมอ ค. เพอ่ื ปอ้ งกนั การหลวมคลอน ง. ฟลี เลอรเ์ กจ 1 แผ่นม ี 2 ความหนา ง. เพ่อื ปอ้ งกนั การรว่ั ซมึ 10. ทำไมต้องตรวจระยะเบียดเฟอื งป๊ัมน้ำมนั เครื่อง ก. เพ่อื ประสทิ ธภิ าพการทำงาน ข. เพ่ือปอ้ งกนั การติดตาย ค. เพ่อื ปอ้ งกนั การหลวมคลอน ง. เพอ่ื ปอ้ งกันการร่วั ซมึ ตอนท ี่ 3 จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ีให้ได้ใจความสมบรู ณ์ 1. จงเขียนลกั ษณะฟีลเลอรเ์ กจระบบเมตริกมา 2-3 บรรทัด 2. จงเขียนลักษณะฟีลเลอร์เกจระบบนว้ิ มา 2-3 บรรทดั 3. จงเขียนลำดบั การใชฟ้ ลี เลอรเ์ กจมา 3 ข้อสัน้ ๆ 4. จงเขียนกฎการใชแ้ ละการบำรงุ รกั ษาฟลี เลอรเ์ กจมา 5 ขอ้ ส้ัน ๆ 5. จงสเกตชภ์ าพชุดฟลี เลอร์เกจระบบเมตรกิ พร้อมด้ามมา 1 ภาพ โดยกำหนดเบอรแ์ ละความหนาของ แผ่นฟีลเลอร์เกจดว้ ย
9งานวัดละเอียดชา่ งยนต์ 115 เกจวดั เกลยี ว สาระการเรียนรู้ 9.1 มาตรฐานเกลยี วเมตรกิ และเกลียววิตเวิรต์ 9.2 ลำดับการใชแ้ ละการบำรงุ รกั ษาเกจวัดเกลียว ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. อธิบายมาตรฐานเกลียวเมตริกและเกลียววิตเวิร์ตได้ 2. ปฏิบตั กิ ารใช้และการบำรงุ รกั ษาเกจวัดเกลยี วได้ 3. เพอ่ื ให้มกี จิ นสิ ัยในการทำงานด้วยความเป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย ประณตี รอบคอบและตระหนักถึงความปลอดภัย
116 งานวดั ละเอยี ดช่างยนต์ 9 เกจวดั เกลยี ว บทนำ เกจวัดเกลียว (Screw Pitch Gauges) ทำเป็นเหล็กแผ่น มีลักษณะเป็นซี่ฟันคล้ายหวีหวีผม ทำเป็น ใบ ๆ เรียงซอ้ นกันเปน็ ชุด สามารถกางออกและพับเกบ็ ในดา้ มไดค้ ล้ายเกจวัดรัศมี แต่ละชุดเกจวัดเกลียวมี เครอ่ื งหมายแสดงประเภทของเกลียวทใี่ ช้วดั โดยพมิ พเ์ ปน็ ตัวอักษรภาษาอังกฤษตดิ กับดา้ มเกจ เช่น เกลียว เมตริกมมุ 60o (Metric 60o ) เกลยี วองั กฤษหรอื เรียกเกลียววติ เวริ ต์ มมุ 55o (Whitworth 55o ) เกลียวอเมริกนั มุม 60o (American unified 60o ) เกจวัดเกลยี ว รูปที่ 9.1 เกจวัดเกลียวเมตริกหรือไอโซเมตริกมุม 60o ขอ้ ควรจำ เกลียวเมตริกมุม 60o ที่ใบของเกจวัด WHITWORTH 55o เกลียวกำหนดขนาดเกลียวเป็น ระยะ รูปที่ 9.2 เกจวัดเกลียววิตเวิร์ต พิตช์ มีหน่วยวัดเป็น มม. ดังรปู ที่ 9.1 เกลยี ววติ เวริ ต์ มมุ 55o และเกลยี วอเมรกิ นั มุม 60o เป็นเกลียวที่มีระบบหน่วยวัด เป็นนิ้ว ที่ใบของเกจวัดเกลียวกำหนด ขนาดเกลียวเป็น จำนวนเกลียวต่อนิ้ว ดงั รปู ท ่ี 9.2
งานวัดละเอียดชา่ งยนต์ 117 9.1 มาตรฐานเกลยี วเมตรกิ และเกลียววิตเวริ ต์ นอต 1. เกลียวเมตริก (Metric Thread) สกรู 1) เปน็ เกลยี วใชก้ นั แพรห่ ลายรวมของไทยดว้ ย รปู ที่ 9.3 เกลียวเมตริก 2) มุมเกลียวเมตรกิ 60o 3) สนั เกลยี วสกรูตัดแตข่ องนอตไมต่ ัด 4) ระยะพติ ช ์ P เปน็ มม. เชน่ 1.0 หรอื 1.5 มม. 5) เส้นผา่ นศูนย์กลางเกลียวนอกสุด เช่น d = 10 มม. เรียกว่าเกลียว M10 หรือเขียน M10 x 1.5 นอต 2. เกลยี ววติ เวิรต์ (Whitworth Thread) 9 สกรู 1) เปน็ เกลียวมาตรฐานองั กฤษ 2) มุมเกลยี ววิตเวริ ์ต 55o 3) สนั เกลยี วและร่องเกลยี วโคง้ มน 4) เส้นผ่านศูนย์กลางนอกสุด เช่น d = 3/4″ เรียกว่าเกลียว 3/4″ = 6/8″ นิยมเรียกว่า 6 หุน รูปที่ 9.4 เกลียววิตเวริ ต์ 1″= 25.4 มม. การเรียกชื่อเกลียววิตเวิร์ตเป็นลีด (Lead) กำหนดจำนวนเกลียวต่อ 1 นวิ้ เช่น 5 เกลียวน้วิ 5 เกลียว รูปที่ 9.5 เรียกชอ่ื เกลยี ววติ เวริ ์ต 3. เกลียว ISO (มาตรฐานสากล) นอต 1) มุมเกลียว 60o เหมือนเกลียวเมตริก สกรู 2) สนั เกลยี วสกรมู นแตข่ องนอตตดั (ของนอต เมตรกิ ไม่ตดั ) ขนาดเกลียว d = D 3) รอ่ งเกลยี วโค้งมนเหมือนเกลยี วเมตริก รปู ที่ 9.6 เกลยี ว ISO 4) ขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางนอกและใน d = D เหมือนเกลียวเมตริก
118 งานวดั ละเอยี ดช่างยนต์ 9.2 ลำดบั การใชแ้ ละการบำรงุ รกั ษาเกจวดั เกลยี ว รูปที่ 9.7 เกจวดั เกลียว 3.5 มม. ใช้วัดระยะพติ ชเ์ กลียวนอก 1. ลำดับการใช้เกจวดั เกลียว รปู ท่ี 9.8 เกจวัดเกลียว 2.5 มม. ใชว้ ดั ระยะพิตช์เกลียวใน รปู ที่ 9.9 วัดเกลียวดว้ ยเกจวัดเกลียวบนแทน่ กลงึ 1) เลอื กชดุ เกจวดั เกลยี วใหต้ รงกบั ระบบมาตรฐาน เกลียวที่จะวัดตรวจสอบ เช่น เกลียวเมตริก เกลียววิตเวิร์ต เกลียวอเมริกัน เป็นต้น 2) ทำความสะอาดตัวใบเกจวัดเกลียว และร่อง เกลยี วทจ่ี ะตรวจวดั ไมใ่ หม้ สี ง่ิ สกปรกตกคา้ งอยู่ 3) เลอื กใบเกจวดั เกลยี วทม่ี ขี นาดใกลเ้ คยี งกบั รอ่ ง เกลยี วที่ตอ้ งการวดั โดยวิธสี ังเกตด้วยสายตา 4) นำใบเกจวัดเกลียวที่ผ่านการคัดเลือกจากข้อที่ 3) สบั ลงบนรอ่ งเกลยี วใหต้ ง้ั ฉากและขนานกบั แกนกลางของเกลียว สังเกตร่องเกลียวกับ ซ่ีฟนั ของเกจวดั เกลียวสัมผัสกันเตม็ หนา้ โดย สังเกตจากแสงที่ลอดผ่านร่องฟัน และซี่ฟัน หากมแี สงลอดผ่านมาได ้ แสดงว่าขนาดของ เกลยี วท่ีวัดตรวจสอบยงั ไม่ถูกตอ้ ง จำเปน็ ตอ้ ง เปลี่ยนใบเกจวัดเกลียวใหม่ หากใบเกจและ ร่องเกลียวสัมผัสกันเต็มหน้าพอดี แสงไม่ สามารถลอดผา่ นได ้ ขนาดของเกลียวทีไ่ ดจ้ ึง จะอ่านค่าถูกต้อง ว่าเกลียวที่วัดตรวจสอบมี ระยะพิตช์เท่าใด หรือเกลียวมีจำนวนเกลียวกี่ เกลียวต่อนวิ้ ข้อสังเกต การตรวจวดั ระยะพติ ชเ์ กลยี วเมตรกิ หรอื จำนวน เกลียวต่อนว้ิ ของเกลียวนิ้วสามารถทำไดห้ ลาย วธิ ี เช่น ใช้บรรทดั เหลก็ เวอร์เนยี ร์วัดเกลยี ว หรือไมโครมิเตอร์วัดเกลียว แต่ยุ่งยากและมี ราคาแพง 2. กฎการใช้และการบำรุงรักษาเกจวัดเกลียว 1) ห้ามวัดงานที่กำลังร้อน 2) ขณะใช้งานควรใช้ทีละใบ ส่วนที่ไม่ใช้ให้พับเก็บไว้ในด้ามจับ 3) หลังการใช้ให้พับเก็บไว้ในด้ามจับ 4) อย่าเก็บรวมกับเครื่องมืออื่น ๆ
งานวดั ละเอียดชา่ งยนต์ 119 ใบตรวจวัดที่ จงตรวจวดั ขนาดเกลยี วสกร ู 3 ตวั ดว้ ยเวอรเ์ นยี ร ์ และตรวจระยะพติ ช์ เกลียวสกรูดว้ ยเกจวดั เกลยี ว แล้วกรอกผลการตรวจวัดในตาราง 9.1 สกร ู ความยาวเกลียว ความยาวสกรู 9 ลำดับการวัด สกรู 1 สกรู 2 สกรู 3 สกรู 4 สกรู 5 ขนาดเกลียวสกรู มม. ระยะพิตช์เกลียว มม. ขอ้ สังเกต นอตสกรูขนาดเดียวกันแต่ต่างพิตช์ ขันเข้าด้วยกัน ....................................................................... นอตสกรูขนาดต่างกันต่างพิตช์ อาจขันเข้ากันได้ แต่ .................................................................. นอตสกรูต่างระบบ คือเมตริกกับนิ้ว ฝืนขันแน่นเกลียวจะ ...................................................... การประเมินผล ชอ่ื ................................................................ วนั ที่ ............................................................. คะแนน ....................................................... ผปู้ ระเมิน ....................................................
120 งานวดั ละเอียดช่างยนต์ ใบตรวจวดั ท่ี จงตรวจวดั ขนาดเกลยี วและระยะพิตชส์ กร ู 3 ตัว ทกี่ ำหนดให้ด้วย 9.2 เวอร์เนยี รแ์ ละเกจวดั เกลียว แลว้ กรอกผลการตรวจวัดในตารางบน และเตมิ คำในช่องตารางข้างล่าง สกรูเมตริกและนิ้ว สกรู 1 สกรู 2 สกรู 3 ขนาดเกลียว มม. ระยะพติ ช์ มม. 1) มุมเกลียว ........................................................................ 2) นอตสกรใู สก่ นั ............................................................. 1) มุมเกลยี ว ........................................................................ 2) ระยะพิตช์ ........................................................................ 1) ระยะพติ ช ์ ........................................................................ 2) นอตสกรใู สก่ ัน ............................................................. การประเมินผล ชือ่ ................................................................ วันท ี่ ............................................................. คะแนน ....................................................... ผปู้ ระเมิน ....................................................
แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 9 งานวัดละเอียดชา่ งยนต์ 121 เรือ่ ง เกจวดั เกลยี ว ตอนที ่ 1 จงเติมขอ้ ความในชอ่ งว่างตอ่ ไปน้ี 9 1. เกจวัดเกลียวมีลกั ษณะอย่างไร ................................................................................................................................................................................................ 2. เกจวดั เกลยี วเขียนคำอังกฤษอยา่ งไร ............................................................................................................................................................................................... 3. เกลยี วเมตริกกบั เกลียวไอโซเมตรกิ ต่างกันหรือไม ่ อยา่ งไร .............................................................................................................................................................................................. 4. เกลยี วเมตรกิ กำหนดขนาดเปน็ อยา่ งไร .............................................................................................................................................................................................. 5. เกลียววติ เวริ ต์ กำหนดขนาดเปน็ อย่างไร .............................................................................................................................................................................................. 6. เกลียวอเมริกันกำหนดขนาดเป็นอยา่ งไร .............................................................................................................................................................................................. 7. แต่เดมิ วสั ดชุ ่างและเคร่อื งมือช่างไทยกอ่ น พ.ศ. 2500 ใช้หน่วยอะไรหรอื เกลยี วอะไร .............................................................................................................................................................................................. 8. ปัจจบุ ันวสั ดชุ า่ งและเครื่องมอื ช่างไทยใช้หนว่ ยอะไร หรอื เกลยี วอะไรเปน็ หลัก .............................................................................................................................................................................................. 9. ดอู ย่างไรจึงรวู้ ่าเป็นเกจวดั เกลียวเมตริก .............................................................................................................................................................................................. 10. ดูอยา่ งไรจงึ รูว้ ่าเป็นเกจวดั เกลยี ววติ เวริ ์ต ............................................................................................................................................................................................... ตอนท่ ี 2 จงทำเครื่องหมายถูก (P) ลงหน้าขอ้ ความที่ถูกต้องที่สดุ 1. เกลียวเมตริกใช้มุมเกลียวใด 2. เกลียววติ เวิร์ตใชม้ ุมเกลยี วเท่าใด ก. 45o ข. 55o ก. 45o ข. 55o ค. 60o ง. 75o ค. 60o ง. 75o
122 งานวัดละเอียดชา่ งยนต์ 7. เกลียวเมตริกกำหนดขนาดเกลียวอย่างไร ก. เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางร่องเกลียว 3. เกลียวอเมริกันใชม้ มุ เกลยี วเท่าใด ข. เส้นผา่ นศูนย์กลางสันเกลียว ก. 55o ข. 60o ค. เป็นระยะพติ ช์ ง. เป็นจำนวนเกลียวนิว้ ค. 75o ง. 85o 8. เกลยี วนวิ้ กำหนดขนาดเกลียวอยา่ งไร 4. สนั เกลยี วเมตริกมลี ักษณะอยา่ งไร ก. เส้นผ่านศนู ยก์ ลางร่องเกลยี ว ก. ของสกรูตัดแตข่ องนอตไมต่ ดั ข. เส้นผา่ นศูนยก์ ลางสนั เกลยี ว ข. สนั เกลยี วและรอ่ งเกลียวโค้งมน ค. เป็นระยะพติ ช์ ค. ของสกรมู นแต่ของนอตตัด ง. เป็นจำนวนเกลยี วนิ้ว ง. ท้งั ของสกรูและของนอตตัด 9. ทำไมตอ้ งทำความสะอาดเกลยี วก่อนตรวจ 5. สันเกลยี ววิตเวิรต์ มีลักษณะอย่างไร ก. เพื่อความเทีย่ งตรง ข. เพือ่ ความเรยี บร้อย ก. ของสกรตู ดั แตข่ องนอตไม่ตัด ค. ปอ้ งกันสนมิ ง. ปอ้ งกนั อนั ตราย ข. สันเกลยี วและร่องเกลยี วโคง้ มน 10. ห้ามตรวจเกลยี วงานอะไร ค. ของสกรมู นแต่ของนอตตดั ก. งานอยกู่ บั ท่ี ง. ทัง้ ของสกรูและของนอตตัด ข. งานยึดไมแ่ นน่ 6. สันเกลียว ISO มีลกั ษณะอยา่ งไร ค. งานกำลังร้อน ก. ของสกรตู ดั แตข่ องนอตไม่ตดั ง. งานบนเครอ่ื งจักร ข. สนั เกลยี วและรอ่ งเกลียวโคง้ มน ค. ของสกรูมนแตข่ องนอตตัด ง. ทงั้ ของสกรูและของนอตตดั ตอนที ่ 3 จงตอบคำถามต่อไปนใ้ี หไ้ ด้ใจความสมบูรณ์ 1. จงเขียนมาตรฐานเกลียวเมตรกิ มา 5 ข้อ 2. จงเขียนมาตรฐานเกลยี ว ISO มา 4 ขอ้ 3. จงเขียนกฎการใช้เกจวดั เกลียวมา 4 ข้อสั้น ๆ 4. จงเขยี นการบำรงุ รกั ษาเกจวัดเกลียวมา 4 ขอ้ 5. จงสเกตช์ภาพเกจวดั เกลยี ว ทาบเกลียว ขนาดพอดีและขนาดไมพ่ อดมี า 2 ภาพ
10งานวัดละเอียดชา่ งยนต์ 123 เกจสอบรศั มี สาระการเรียนรู้ 10.1 เทคนคิ การใชแ้ ละวิธีตรวจสอบดว้ ยเกจสอบรัศมี 10.2 การตรวจสอบรศั มีเพลาและกฎการใชเ้ กจสอบรศั มี ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. อธิบายเทคนิคการใช้และวธิ ตี รวจสอบดว้ ยเกจสอบรัศมีได้ 2. การตรวจสอบรศั มีเพลาและกฎการใชเ้ กจสอบรศั มไี ด้ 3. เพือ่ ใหม้ กี ิจนสิ ยั ในการทำงานดว้ ยความเปน็ ระเบยี บเรยี บร้อย ประณตี รอบคอบและตระหนักถงึ ความปลอดภัย
124 งานวดั ละเอยี ดช่างยนต์ 10 เกจสอบรศั มี บทนำ เกจสอบรัศมีรวมเป็นชุด ชุดหนึ่งมีเกจสอบรัศมีนอกและเกจสอบรัศมีใน แยกอยู่คนละด้านของ ด้ามจับ ทั้งเกจสอบรัศมนี อกและเกจสอบรัศมีในประกอบดว้ ยแผน่ เกจสอบรศั มหี ลายแผน่ ทม่ี ีคา่ ของรศั มี ความโคง้ ทไ่ี มเ่ ทา่ กนั เรยี งตามลำดบั จากรศั มนี อ้ ยสดุ ไปหามากสดุ ซง่ึ ทราบไดจ้ ากตวั เลขทก่ี ำกบั ไวท้ ด่ี า้ มจบั และทุก ๆ ใบของแผ่นเกจมีตัวเลขซึ่งแสดงค่ารัศมีความโค้งกำกับไว้ เกจสอบรัศมีทำจากแผ่นเหล็กชุบแข็ง เพื่อไม่ให้ผิวโค้งของเกจสอบรัศมีสึกหรอง่าย แต่ละแผ่นหนาเท่ากัน คือประมาณ 0.6 มม. เกจสอบรัศมี มี 2 ขนาด คอื ขนาดวัดรศั มี 1-7 มม. และ 7.5-15 มม. เกจสอบรศั มขี นาด 1-7 มม. เกจสอบรัศมขี นาด 7.5-15 มม. เกจสอบรศั มนี อก เกจสอบรัศมีใน ด้ามจบั ดา้ มจับ ตรวจสอบรศั มเี ว้า 10 มม. ตรวจสอบรศั มมี น 8 มม. รปู ที่ 10.1 เกจสอบรัศมใี นและเกจสอบรศั มนี อก
งานวัดละเอียดชา่ งยนต์ 125 10.1เทคนคิ การใชแ้ ละวธิ ตี รวจสอบดว้ ยเกจสอบรศั มี รปู ที่ 10.2 ตรวจวดั ด้วยเกจสอบรัศมีนอก 10 มม. 1. เทคนิคการใช้เกจสอบรัศมี เลือกชนิดและขนาดของเกจสอบรัศมีให้ ถูกต้องกบั ลกั ษณะและขนาดช้นิ งาน เช่น ต้องการ จะตรวจสอบผวิ งานกลงึ ตกรอ่ ง R10 จะตอ้ งใชแ้ ผน่ เกจสอบรศั มนี อกทม่ี คี า่ รศั มคี วามโคง้ เทา่ กบั 10 มม. ตรวจสอบ วิธีตรวจสอบรัศมีของงานด้วยเกจสอบ รศั มคี อื หนั หน้าเขา้ หาจดุ ทมี่ ีแสงสว่าง หรอื ใช ้ กระดาษขาว หรือวัตถุสีขาวมาวางเป็นฉากหลัง จากแสงสว่างที่ลอดผ่านระหว่างผิวงานและเกจ สอบรัศมี ทำให้ทราบว่าผิวงานมีรัศมีความโค้ง ถกู ตอ้ ง ถา้ ผิวโคง้ ของแผน่ เกจสอบรัศมีไม่สามารถ คลมุ ไดท้ ว่ั ให้ใช้วธิ ีโยกแผน่ เกจสอบรศั มีไปกลบั 2. วิธตี รวจรัศมีมนด้วยเกจสอบรศั มีใน 10 j เกจสอบรัศมีและชิ้นงานรัศมีเดียวกัน k เกจสอบรัศมีและชิ้นงานรัศมีเดียวกัน l เกจสอบรัศมีและชิ้นงานรัศมีเดียวกัน j k l เกจสอบรัศมีใน รูปที่ 10.3 ตรวจรศั มีมนด้วยเกจสอบรศั มใี น 3. วธิ ีตรวจรศั มเี วา้ ดว้ ยเกจสอบรัศมนี อก j เกจสอบรัศมแี ละชน้ิ งานรศั มีเดียวกนั k รศั มีเวา้ ช้นิ งานเล็กกว่าเกจสอบรศั มี l รศั มเี ว้าชิ้นงานโตกว่าเกจสอบรัศมี j k l เกจสอบรศั มนี อก รปู ท่ี 10.4 ตรวจรศั มเี ว้าด้วยเกจสอบรัศมีนอก
126 งานวัดละเอียดช่างยนต์ 10.2 การตรวจสอบรศั มเี พลาและกฎการใชเ้ กจสอบรศั มี 1. การตรวจสอบบา่ เว้าหวั เพลา 1) ทำความสะอาดเกจและชิ้นงาน 2) เลอื กแผน่ เกจสอบรศั มที ค่ี าดวา่ มขี นาดตรง กับงานที่จะตรวจสอบ 3) ทาบวัดกับบ่าเว้าพร้อมโยกไปกลับ 4) ส่องตรวจความโค้งรัศมี รูปที่ 10.5 ตรวจสอบบา่ เว้าด้วยเกจสอบรัศมี 2. การตรวจสอบบา่ กลงึ ตกรอ่ งเพลา รูปที่ 10.6 ตรวจสอบบา่ กลึงตกรอ่ งเพลา รปู ท่ี 10.7 ตรวจสอบมนหัวเพลา 1) ทำความสะอาดเกจและชิ้นงาน 2) เลอื กแผน่ เกจสอบรศั มที ค่ี าดวา่ มขี นาดตรง กับงานที่จะตรวจสอบ 3) ทาบวดั กบั บ่ากลงึ ตกรอ่ ง แล้วสอ่ ง 4) ส่องลอดผ่านระหวา่ งผิวงานและเกจ เพือ่ ตรวจความโค้งรัศมี 3. การตรวจสอบมนหวั เพลา 1) ทำความสะอาดเกจและชิ้นงาน 2) เลอื กแผน่ เกจสอบรศั มที ค่ี าดวา่ มขี นาดตรง กับงานที่ตรวจสอบ 3) ทาบวดั กบั มนหวั เพลาพรอ้ มโยกเกจไปกลบั 4) สอ่ งตรวจความโคง้ รศั มี 4. กฎการใช้และการบำรงุ รกั ษาเกจสอบรัศมี 1) ทำความสะอาดเกจและผิวที่จะตรวจสอบ ก่อนใช้ 2) เลือกเกจขนาดที่จะใช้ออกจากด้าม เฉพาะ แผ่นที่ใช้งานเท่านั้น 3) ทาบแผน่ เกจเขา้ เทยี บกบั ผวิ งาน โดยผวิ งาน นั้นต้องอยู่นิ่งไม่เคลื่อนที่ 4) เมอ่ื ใชแ้ ลว้ ใหท้ านำ้ มนั กนั สนมิ พบั เกบ็ ไวใ้ น ด้ามจับทั้งหมด
งานวดั ละเอยี ดช่างยนต์ 127 ใบตรวจวัดท่ี กำหนดให้ใชเ้ กจสอบรัศมนี อกและรศั มใี นขนาด 1-15 มม. ตรวจวดั 10.1 ชิน้ งานตามแบบข้างล่าง A ถงึ E แลว้ เขยี นภาพดา้ นหนา้ พรอ้ ม กำหนดขนาดชน้ิ งานและรัศมชี ิน้ งานดว้ ยมาตราส่วน 1:1 10 การประเมนิ ผล ชือ่ ................................................................ วันที่ ............................................................. คะแนน ....................................................... ผูป้ ระเมนิ ....................................................
128 งานวัดละเอียดชา่ งยนต์ ใบตรวจวัดที่ จงตรวจสอบรศั มีมุมข้ออก RF และมมุ ขอ้ ก้าน RG ด้วยเกจสอบรัศมี แล้วกรอกผลในตาราง 10.2 ข้อเล็กกว่ามาตรฐาน A B C D รัศมี RF รัศมี RG U/S 1 (0.25 มม.) U/S 2 (0.50 มม.) การตรวจวดั ข้ออก (RF) ขอ้ กา้ น (RG) สภาพ ด/ี ไม่ดี ลำดับขอ้ 123451234 รศั มีมมุ มม. ขอ้ ควรจำ รศั มมี มุ ขอ้ อกและมมุ ขอ้ กา้ นมมี าก มผี ลกระทบตอ่ .............................................................................. รศั มมี มุ ขอ้ อกและมมุ ขอ้ กา้ นมนี อ้ ย มผี ลกระทบตอ่ .............................................................................. การประเมินผล ชือ่ ................................................................ วนั ท ี่ ............................................................. คะแนน ....................................................... ผ้ปู ระเมิน ....................................................
แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 10 งานวัดละเอียดช่างยนต์ 129 เรอ่ื ง เกจสอบรศั มี ตอนท ่ี 1 จงเติมคำในชอ่ งวา่ งตอ่ ไปนี้ 1. เกจสอบรัศมีชุดหน่ึงมีเกจสอบรัศมี 2 แบบ คืออะไร ........................................................................................................................................................................................................ 2. ทำไมต้องชบุ แข็งแผ่นเกจรัศมี ........................................................................................................................................................................................................ 3. เกจสอบรัศมมี ี 2 ขนาด คืออะไรบา้ ง ........................................................................................................................................................................................................ 4. ปลายใบเกจสอบรัศมใี นมีลักษณะอย่างไร ........................................................................................................................................................................................................ 5. รปู ซ้ายมอื รัศมมี นเท่าไร 8. รูปซ้ายมือรัศมีเว้าเทา่ ไร 10 .............................................. ............................................. 6. รปู ซา้ ยมอื รศั มมี นเทา่ ไร 9. รูปซา้ ยมือรัศมีเว้าเท่าไร ............................................. ............................................ 7. รปู ซ้ายมือรศั มมี นเท่าไร 10. รปู ซา้ ยมอื รัศมีเว้าเท่าไร ............................................. .............................................
130 งานวดั ละเอยี ดชา่ งยนต์ ตอนท ่ี 2 จงทำเครือ่ งหมายถูก ( P) ลงหน้าขอ้ ความท่ถี กู ตอ้ งทส่ี ุด 1. เกจสอบรศั มนี อกใชต้ รวจอะไร 6. การใชเ้ กจสอบรศั มตี รวจชน้ิ งานควรทำอยา่ งไร ก. รศั มนี อก ข. รศั มีใน ก. ทาบกบั ชน้ิ งานเพียงเบา ๆ ค. รศั มีมน ง. รศั มเี ว้า ข. ทาบกบั ชน้ิ งานอย่างแรง 2. เกจสอบรัศมีในใชต้ รวจอะไร ค. ทาบกบั ชนิ้ งานตรงกลาง ก. รศั มนี อก ข. รัศมีใน ง. ทาบกบั ชนิ้ งานและโยกไปกลับ ค. รศั มมี น ง. รศั มเี ว้า 7. ทำไมต้องทำความสะอาดเกจและชิ้นงาน 3. จากรปู ขอ้ 6 ตอนท ่ี 1 รศั มมี นจรงิ ตอ้ งตรวจดว้ ยอะไร ก. เพ่อื ป้องกนั เกจชำรดุ ก. เกจสอบรศั มใี นมากกวา่ 8 มม. ข. เพ่อื ความเที่ยงตรง ข. เกจสอบรศั มใี นมากกว่า 9 มม. ค. เพอื่ ความปลอดภัย ค. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข. ง. เปน็ กฎการวดั ละเอียด ง. ผิดทง้ั ขอ้ ก. และ ข. 8. การตรวจสอบบา่ กลึงตกร่องตรวจสอบอยา่ งไร 4. จากรปู ที่ 10 ตอนที่ 1 รัศมีเวา้ จรงิ ต้องตรวจดว้ ยอะไร ก. ตรวจที่ความเร็วต่ำ ก. เกจสอบรศั มีนอกมากกวา่ 10 มม. ข. ตรวจทีค่ วามเร็วปานกลาง ข. เกจสอบรัศมนี อกมากกวา่ 11 มม. ค. ตรวจที่ความเร็วสูง ค. ถูกท้ังข้อ ก. และ ข. ง. ตรวจขณะหยุดน่ิง ง. ผิดทงั้ ขอ้ ก. และ ข. 9. การตรวจสอบบา่ เวา้ หวั เพลากับบ่ากลึงตกรอ่ ง 5. การตรวจสอบรัศมที ำไมตอ้ งหันหนา้ เข้าหาแสงสว่าง ทำอยา่ งไร ก. เพอื่ ใหเ้ ห็นแสงสว่างลอดผ่าน ก. ทำเหมือนกนั ข. เพื่อให้มองเห็นชน้ิ งานชดั เจน ข. ทำตา่ งกนั ค. เพ่อื ให้มองเหน็ เกจสอบรศั มชี ัดเจน ค. แล้วแต่ถนัด ง. เพ่ือใหม้ องเห็นตวั เลขขนาดเกจ ง. แล้วแตข่ นาดงาน 10. การตรวจสอบบ่ากลงึ ตกร่องกบั ตรวจมนหัวเพลาทำอยา่ งไร ก. ทำเหมือนกัน ข. ทำตา่ งกัน ค. แลว้ แตถ่ นดั ง. แล้วแตข่ นาดงาน ตอนท ี่ 3 จงตอบคำถามตอ่ ไปนใ้ี ห้ไดใ้ จความสมบรู ณ์ 1. จงเขยี นลกั ษณะเกจสอบรศั มมี า 3-4 บรรทดั 2. จงเขยี นวิธกี ารใชเ้ กจสอบรัศมมี า 3-4 บรรทดั 3. จงเขยี นลำดับการตรวจสอบบา่ กลึงตกร่องมา 4 ข้อ 4. จงเขียนกฎการใช้และการบำรุงรักษาเกจสอบรศั มีมา 4 ขอ้ 5. จงสเกตช์ภาพการตรวจรัศมมี นและรัศมีเว้าอย่างละ 3 ภาพ คือ น้อยกว่า พอดแี ละมากกวา่ รวม 2 แถว 6 ภาพ
11งานวัดละเอยี ดชา่ งยนต์ 131 พลาสตกิ เกจ สาระการเรยี นรู้ 11.1 ลำดบั การตรวจสอบระยะหา่ งหล่อล่ืนและการบำรงุ รกั ษา พลาสตกิ เกจ 11.2 การอ่านระยะหา่ งหล่อลืน่ ด้วยพลาสตกิ เกจ ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. อธบิ ายการตรวจสอบระยะหา่ งหลอ่ ลน่ื และการบำรุงรกั ษา พลาสตกิ เกจได้ 2. อา่ นระยะหา่ งหล่อลื่นดว้ ยพลาสติกเกจได้ 3. เพอื่ ใหม้ กี ิจนสิ ัยในการทำงานดว้ ยความเปน็ ระเบยี บเรียบร้อย ประณตี รอบคอบและตระหนกั ถึงความปลอดภยั
132 งานวัดละเอยี ดช่างยนต์ 11 พลาสตกิ เกจ บทนำ พลาสติกเกจ (Plastigage) เป็นเสน้ ยางสงั เคราะห์ รปู รา่ งเหมือนเสน้ ด้ายขนาดใหญ่ เปน็ เส้นกลม เท่ากันตลอด บรรจุในซองกระดาษกว้างประมาณ 3 ซม. ยาวประมาณ 20 ซม. หน้าซองพลาสติกเกจพิมพ์ เป็นสเกลตรวจวัดความแบนของพลาสติกเกจที่ถูกบีบแบนหน้าแบริ่ง เพื่อแปลงค่าเป็นระยะห่างหล่อลื่น ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ได้เที่ยงตรงและรวดเร็ว ไม่ต้องใช้ไมโครมิเตอร์และเกจวัดรูให้ยุ่งยาก พลาสติกเกจ ออกแบบมาเพอ่ื ใช้ประโยชน์ดงั ต่อไปนี้ 1. สำหรับตรวจสอบระยะห่างหล่อลื่นระหว่างเพลาข้อเหวี่ยงกับแบริ่งข้ออก (Journal) และแบริ่ง ก้านสูบ (Conecting rod Bearing) 2. สำหรับตรวจสอบระยะหา่ งหลอ่ ลื่นระหว่างหัวเฟืองปม๊ั น้ำมนั เคร่ืองกบั ฝาปิดปั๊มนำ้ มันเคร่ือง 3. สำหรบั ตรวจสอบระยะหา่ งหล่อล่นื ข้อเพลาราวล้นิ กบั แบร่งิ พลาสตกิ เกจม ี 3 ขนาดดว้ ยกนั 1) สีเขียว สำหรบั ระยะห่างหลอ่ ลื่น 0.025 - 0.076 มม. (0.001 - 0.003 นว้ิ ) 2) สีแดง สำหรบั ระยะหา่ งหล่อลนื่ 0.051 - 0.152 มม. (0.002 - 0.006 นิ้ว) 3) สีนำ้ เงิน สำหรบั ระยะห่างหลอ่ ลืน่ 0.125 - 0.200 มม. (0.005 - 0.008 นิ้ว สเกลพลาสตกิ เกจท่ซี อง เส้นพลาสตกิ เกจ พลาสติกเกจ ยังไมถ่ กู บบี ใหแ้ บน เสน้ พลาสตกิ เกจถูกบบี แบน รูปที่ 11.1 เปรียบเทียบขนาดพลาสติกเกจที่ยังไม่ถูกบีบและถูกบีบแบน
งานวัดละเอยี ดช่างยนต์ 133 11.1 ลำดบั การตรวจสอบระยะหา่ งหลอ่ ลน่ื และการบำรงุ รกั ษาพลาสตกิ เกจ รูปที่ 11.2 ตัดพลาสติกเกจวางบนเพลา 1. ลำดับการตรวจสอบระยะห่างหล่อลื่น ด้วยพลาสติกเกจ รูปที่ 11.3 ขันสกรูฝาครอบแบริ่งตามกำหนด 11 แบนนอ้ ย 1) ถอดฝาครอบแบริ่งออกทุกตัว 2) เช็ดน้ำมันเครอื่ งท่ีเพลาและแบร่ิงออกใหห้ มด รูปที่ 11.4 เส้นพลาสติกแบนน้อย วัดขนาด 3) เลือกพลาสติกที่มีค่าใกล้เคียงกับระยะห่าง ซองพลาสตกิ เกจ หล่อลื่นของเพลาและแบริ่งเครื่องยนต์ที่วัด 4) ตดั พลาสตกิ เกจความยาวไมเ่ กนิ ความยาวเพลา หรอื ความกวา้ งของฝาครอบแบรง่ิ ในแนวขวาง 5) วางพลาสติกเกจลงบนเพลาข้อเหวี่ยงที่จะวัด 6) ประกอบฝาครอบแบริ่งลงบนเพลาข้อเหวี่ยง 7) ขนั นอตฝาครอบแบรง่ิ ใหแ้ นน่ ตามกำหนด โดย ไม่ให้เพลาหมุนเลย 8) คลายนอตฝาครอบแบรง่ิ ออกแลว้ ถอดฝาครอบ แบริ่งออก 9) ใช้สเกลซองพลาสติกเกจเทียบกับความแบน ของพลาสตกิ เกจแลว้ อา่ นคา่ ทซ่ี องพลาสตกิ เกจ 10) เปรียบเทียบค่าที่อ่านได้กับค่ากำหนดในคู่มือ ซ่อมเครื่องยนต์ 11) ถ้าพลาสติกเกจแบนมาก หมายความว่าระยะ หา่ งหลอ่ ล่นื เพลาและแบรง่ิ น้อย จงึ ถูกบบี จน แบนมาก 12) ถ้าพลาสติกเกจแบนน้อย หมายความว่าระยะ หา่ งหล่อลืน่ เพลาและแบร่งิ มาก จงึ ถกู บีบจน แบนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้อควรจำ ขณะตรวจสอบระยะห่างหล่อลื่นด้วย พลาสติกเกจ เพลาต้องไม่หมุนเลย รูปที่ 11.5 เส้นพลาสติกแบนมาก 2. การบำรุงรักษาพลาสติกเกจ เนื่องจากพลาสติกเกจเป็นยางสังเคราะห์ อย่าเก็บรักษาไว้ใกล้ความร้อน จะทำให้เสื่อมสภาพเร็ว กว่าเวลาอันควร
134 งานวดั ละเอยี ดชา่ งยนต์ 11.2 การอา่ นระยะหา่ งหลอ่ ลน่ื ดว้ ยพลาสตกิ เกจ 1. เส้นพลาสติกเกจแบนน้อย ถา้ พลาสตกิ เกจแบนนอ้ ย แสดงระยะหา่ งหลอ่ ลน่ื ของข้อเพลากับแบริ่งมาก เช่น 0.025 มม. 2. เส้นพลาสติกเกจแบนมาก ถา้ พลาสตกิ เกจแบนมาก แสดงระยะหา่ งหล่อล่ืน ของข้อเพลากับแบริ่งน้อย เช่น 0.075 มม. 3. เส้นพลาสติกเกจแบน 2 หัวท้ายไม่เท่ากัน ถ้าพลาสติกเกจแบนมากข้างหนึ่ง และอีกข้าง หนึ่งแบนน้อย แสดงเพลาเรียว ความแตกต่างของความ แบน 2 ขา้ งทแ่ี ตกตา่ งกนั คอื คา่ เรยี ว เชน่ ขา้ งหนง่ึ วดั เทา่ กบั 0.075 มม. อีกปลาย 0.025 มม. ความเรียวเท่ากับ 0.050 มม. 4. เส้นพลาสติกเกจแบนเฉพาะตรงกลาง ถ้าพลาสติกเกจแบนเฉพาะตรงกลางและ 2 ปลาย ไม่แบน แสดงเพลานูนกลาง 5. เส้นพลาสติกเกจแบนที่หัวท้าย ถ้าพลาสติกเกจแบนเฉพาะปลายทั้ง 2 ข้าง ตรง กลางไม่แบน แสดงเพลาคอดกลาง
งานวดั ละเอยี ดชา่ งยนต์ 135 ใบตรวจวัดที่ จงตรวจวดั ระยะหา่ งหลอ่ ลน่ื แบรง่ิ ขอ้ อกของเพลาขอ้ เหวย่ี งเครอ่ื งยนต์ 11.1 4 สบู ด้วยพลาสติกเกจ (Plastigage) แลว้ กรอกผลการตรวจวดั ใน ตาราง พเสลน้ าสตกิ เกจ ตรงรูน้ำมันเครือ่ ง ถกู กดแบน ลำดับการตรวจวัด ข้อที่ 1 ข้อที่ 2 ขอ้ ท่ี 3 ขอ้ ท่ ี 4 ขอ้ ที่ 5 11 สภาพแบริง่ ขอ้ อก ด/ี ไม่ดี สภาพขอ้ อก ดี/ไม่ดี ผลการวดั มม. ข้อสงั เกต ขณะขันสกรูฝาครอบแบริ่ง อย่าให้ ............................................................................. ระยะห่างหล่อลื่นข้ออกมาตรฐาน ........................................................................ มม. ระยะห่างหล่อลื่นข้ออกจำกัดไม่เกิน .................................................................... มม. การประเมนิ ผล ชอื่ ................................................................ วันท่ี ............................................................. คะแนน ....................................................... ผูป้ ระเมนิ ....................................................
136 งานวัดละเอยี ดชา่ งยนต์ ใบตรวจวดั ที่ จงตรวจวดั ระยะหา่ งหลอ่ ลน่ื แบรง่ิ ขอ้ กา้ นของเพลาขอ้ เหวย่ี ง เครอ่ื งยนต ์ 4 สบู ดว้ ยพลาสตกิ เกจ แลว้ กรอกผลในตาราง 11.2 เส้นพลาสติกเกจบนข้อกา้ น ตรวจระยะหา่ งหล่อลน่ื ด้วยซองพลาสตกิ เกจ เสน้ พลาสติกเกจบนเพลา ลำดับการตรวจวัด สูบท ี่ 1 สบู ท่ี 2 สูบท่ี 3 สบู ที่ 4 สภาพแบรง่ิ ขอ้ กา้ น ด/ี ไมด่ ี สภาพขอ้ กา้ น ดี/ไมด่ ี ผลการวดั มม. ขอ้ สังเกต ขณะขันสกรูฝาครอบแบริ่ง อย่าให้ ............................................................................. ระยะห่างหล่อลื่นข้ออกมาตรฐาน ........................................................................ มม. ระยะห่างหล่อลื่นข้ออกจำกัดไม่เกิน .................................................................... มม. การประเมินผล ชอ่ื ................................................................ วันท ี่ ............................................................. คะแนน ....................................................... ผู้ประเมนิ ....................................................
แบบฝกึ กจิ กรรมท ่ี 11 งานวดั ละเอียดชา่ งยนต์ 137 เรือ่ ง พลาสติกเกจ ตอนที่ 1 จงเตมิ คำในช่องว่างตอ่ ไปน้ี 1. พลาสติกเกจเปน็ วสั ดปุ ระเภทใด ....................................................................................................................................................................................................... 2. หนา้ ซองพลาสติกเกจพมิ พ์เป็นลกั ษณะใด ....................................................................................................................................................................................................... 3. พลาสติกเกจใชท้ ำประโยชนอ์ ะไร ....................................................................................................................................................................................................... 4. พลาสตกิ เกจสเี ขยี ว สำหรบั ระยะห่างหลอ่ ลน่ื เท่าใด ....................................................................................................................................................................................................... 11 5. การถอดฝาครอบแบริง่ เพลาข้อเหวย่ี ง ควรใช้ประแจอะไร ....................................................................................................................................................................................................... 6. การขนั สกรูฝาครอบแบริง่ เพลาข้อเหวีย่ ง ควรขนั แนน่ อย่างไร ....................................................................................................................................................................................................... 7. ทำไมหา้ มไม่ใหห้ มนุ เพลาขอ้ เหวี่ยงขณะใช้พลาสตกิ เกจ ....................................................................................................................................................................................................... 8. ทำไมใช้ซองพลาสติกเกจเทยี บความแบนพลาสตกิ เกจ ....................................................................................................................................................................................................... 9. พลาสติกเกจแบนมากหมายถึงอะไร ....................................................................................................................................................................................................... 10. พลาสตกิ เกจแบนนอ้ ยหมายถงึ อะไร .......................................................................................................................................................................................................
138 งานวดั ละเอียดช่างยนต์ ตอนท่ี 2 จงทำเครือ่ งหมายถูก ( P) ลงหนา้ ข้อความทถี่ ูกต้องทส่ี ดุ 1. พลาสตกิ เกจเขียนคำองั กฤษอย่างไร 6. การตรวจระยะหา่ งหล่อลนื่ หวั เฟอื งปัม๊ นำ้ มนั ก. Plastige Gauge ข. Plastic Gauge เครือ่ งดว้ ยพลาสติกเกจดอี ย่างไร ค. Plastic Grade ง. Plastigage ก. ประหยดั เวลา ข. ประหยดั ราคา 2. พลาสติกเกจใชว้ ัดอะไร ค. เทย่ี งตรง ง. ถกู ทุกข้อ ก. ความลึก ข. ความกวา้ ง 7. การเกบ็ พลาสติกเกจไว้ใกลค้ วามร้อนมีผล ค. ความยาว ง. ความห่าง กระทบอะไร 3. พลาสตกิ เกจแสดงระยะห่างหล่อลื่นเป็นอะไร ก. ทำใหอ้ ่อนตวั ก. เปน็ ทศนยิ มนว้ิ ข. เปน็ ทศนยิ ม มม. ข. ทำใหแ้ ข็งตวั ค. เป็นคา่ เปรยี บเทยี บ ง. เปน็ คา่ โดยตรง ค. ทำให้เสอ่ื มสภาพเร็ว 4. ทำไมใชพ้ ลาสตกิ เกจไมใ่ ช้เครือ่ งมือวดั ละเอียดอื่น ง. ทำใหข้ าดความเท่ียงตรง ก. เทีย่ งตรงและรวดเรว็ 8. พลาสติกเกจแบน 2 หวั ท้ายไม่เท่ากัน ข. ประหยัดคา่ ใช้จา่ ย แสดงถึงอะไร ค. มีของอยูแ่ ล้ว ก. เพลาเรียว ข. เพลานนู กลาง ง. ตามคู่มอื ซอ่ มเคร่อื งยนต์กำหนด ค. เพลาคอดกลาง ง. เพลาเสยี ศนู ย์ 5. การตรวจสอบระยะห่างหลอ่ ลน่ื แบร่งิ กา้ นสูบ 9. พลาสตกิ เกจแบนเฉพาะตรงกลางหมายถงึ อะไร ควรใชเ้ คร่อื งมอื อะไร ก. เพลาเรยี ว ข. เพลานนู กลาง ก. เวอรเ์ นยี ร ์ ข. ไมโครมิเตอรว์ ดั นอก ค. เพลาคอดกลาง ง. เพลาเสยี ศนู ย์ ค. ไมโครมเิ ตอร์วัดใน ง. พลาสตกิ เกจ 10. พลาสตกิ เกจแบนท่ีหวั ทา้ ยแสดงถงึ อะไร ก. เพลาเรียว ข. เพลานูนกลาง ค. เพลาคอดกลาง ง. เพลาเสียศนู ย์ ตอนท ี่ 3 จงตอบคำถามตอ่ ไปนใ้ี ห้ได้ใจความสมบรู ณ์ 1. จงเขยี นคณุ ลกั ษณะพลาสติกเกจมา 2-3 บรรทดั 2. จงยกตวั อยา่ งการใชป้ ระโยชน์พลาสติกเกจมา 3 ข้อ 3. จงเขยี นลำดับการตรวจสอบด้วยพลาสตกิ เกจมา 10 ขอ้ 4. จงเขยี นการบำรงุ รกั ษาพลาสติกเกจมา 2-3 บรรทดั 5. จงสเกตช์ภาพพลาสตกิ เกจบนข้ออกและภาพการตรวจสอบความแบนพลาสติกเกจด้วยสเกลของ พลาสติกเกจบนข้ออกเพลาข้อเหวีย่ งอยา่ งละ 1 ภาพ
12งานวดั ละเอยี ดชา่ งยนต์ 139 ประแจทอรก์ ในงานช่างยนต์ สาระการเรียนรู้ 12.1 ประเภทประแจทอร์กชนดิ ขนั แนวนอน 3 แบบ 12.2 กำหนดขนาดประแจทอรก์ และความสำคัญการขันแน่นตามพิกัด 12.3 การเลอื กขนาดและการตรวจสอบความเทย่ี งประแจทอร์ก 12.4 ความแข็งแรงและค่าความแขง็ แรงสกรู 12.5 การขนั สกรแู นน่ แบบตายตัวและแบบเกินจุดยืดตวั ผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั 1. อธบิ ายประเภทประแจทอรก์ ชนดิ ขนั แนวนอน 3 แบบได้ 2. กำหนดขนาดประแจทอร์กและความสำคัญการขันแนน่ ตามพิกัดได้ 3. เลือกขนาดและการตรวจสอบความเทย่ี งประแจทอรก์ ได้ 4. แนะนำความแข็งแรงและคา่ ความแขง็ แรงสกรูได้ 5. ขนั สกรแู นน่ แบบตายตัวและแบบเกินจุดยดื ตัวได้ 6. เพ่อื ให้มีกิจนิสยั ในการทำงานดว้ ยความเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย ประณตี รอบคอบและตระหนกั ถึงความปลอดภยั
140 งานวดั ละเอียดชา่ งยนต์ 12 ประแจทอรก์ ในงานชา่ งยนต์ บทนำ ประแจทอรก์ (Torque Wrench) หรือเรยี กวา่ ประแจวัดแรงบิด ซ่งึ แตก่ ่อนเรยี กวา่ ประแจปอนด์ เพราะใช้หน่วยปอนด์-นิ้ว หรือปอนด์-ฟุต เป็นประแจที่ทำงานโดยหลักการของการบิดตัวของโครงประแจ เอง แรงดึงที่แขน หรือแรงบิดจะทำให้โครงประแจบิดตัวสัมพันธ์กัน ถ้าใช้แรงดึงที่แขนมาก การบิดตัวจะ เกิดมาก เข็มชี้จะแสดงให้ทราบ การขันสกรูที่ค่าแรงขันไม่ถูกต้อง อาจเกิดอันตรายต่อชิ้นงานนั้นและตัวสกรูเอง จึงจำเป็นต้องใช ้ ประแจทอรก์ สำหรับวัดแรงบิดในการขันสกรูให้ไดค้ า่ ตามโรงงานผู้ผลิตกำหนด แรงบิดทีใ่ ช้ในการขนั แน่น ต้องอยู่ประมาณ 50-60% ของค่าพิกัดความยืดหยุ่นของวัสดุสกรู ประแจทอร์กจะแสดงค่าแรงบิดที่ใช้ขัน สกรใู หไ้ ด้ตามมาตรฐานทีก่ ำหนด ซึ่งจะทำใหเ้ กิดแรงดงึ ที่สกรูพอดี สตัด สกรู 10 8 4 2 5 7 11 12 6 1 3 9 สตัดและสกรูฝาสูบ ลำดับการขันสตัดและสกรูฝาสูบ 200 ขยายตัวเมอ่ื ร้อน 1.5 ความดนั ใน ห้องเผาไหม้ ภาระการยึดแน่น ลักษณะสกรูรับภาระ ก่อนขันแน่น รูปที่ 12.1 ลำดบั การขนั สกรฝู าสบู และภาระยดึ แนน่ เม่ือได้รับความร้อนและความดนั
งานวัดละเอียดช่างยนต์ 141 12.1 ประเภทประแจทอรก์ ชนดิ ขนั แนวนอน 3 แบบ 1. ประแจทอรก์ แบบไมโครมเิ ตอร ์ (Micrometer Adjustable) ไม่มีเขม็ แตจ่ ะอ่านค่าท่ดี ้าม ซ่ึงจะมีสเกลคลา้ ยกับไมโครมิเตอร์ เมือ่ ขนั ถึงค่าที่ต้งั ไวท้ ี่ด้ามประแจ จะมเี สียงดงั แกรก๊ ข้ึน โดยไม่ต้องคอยมองทส่ี เกลประแจ ไมโครมิเตอร ์ (Micrometer Setting) เขม็ ชี้ (Deflecting Beam) หน้าปัด (Dial Indicating) 12 รปู ท่ี 12.2 ประแจทอรก์ ชนดิ ขันแนวนอนแบบไมโครมิเตอร์ (บน) แบบเข็มชี้ (กลาง) และแบบหนา้ ปดั (ลา่ ง) 2. ประแจทอร์กแบบเขม็ ชี้ (Deflecting Beam) ออกแบบให้วัดโดยตรงซึ่งดูจากเข็มชี้ ถ้าออกแรงในการขันมากด้ามประแจทอร์กจะบิดไปจาก เข็มชี้มาก แล้วจึงอ่านค่าตัวเลขสเกลที่ด้าม เนื่องจากว่าเข็มของประแจทอร์กแบบเข็มชี้ติดตั้งอยู่ภายนอก โอกาสคดจึงมมี าก การใช้จึงต้องระมัดระวังและเก็บบำรงุ รักษาใหด้ ี 3. ประแจทอร์กแบบหนา้ ปดั (Dial Indicator) ท่โี คนดา้ มเป็นนาฬกิ าวัดพร้อมเขม็ ช ้ี เข็มหมนุ ได้ 2 ทาง คือดา้ นขันและด้านคลาย ซึ่งในขณะทำการ ขัน เข็มจะชบ้ี นสเกลแบง่ ขีดที่หนา้ ปดั แสดงแรงขนั แนน่ ขณะนัน้
142 งานวัดละเอียดช่างยนต์ 12.2 กำหนดขนาดประแจทอร์กและ ความสำคัญการขนั แนน่ ตามพกิ ัด ระยะทาง = D 1. กำหนดขนาดและพิกัดการใชป้ ระแจทอรก์ แรง = F ขนาดประแจทอร์กที่ใช้ในงานช่างยนต์นั้นมี หลายขนาด เช่น 5 - 60, 10 - 120, 20 - 200, 60 - 300 Nm รูปที่ 12.3 แรงขนั แน่น หรือ 50, 100, 150 ปอนด์-ฟุต สเกลที่อ่านได้เที่ยงตรงที่สุด คือค่าช่วงกลางของสเกล เช่น ประแจขนาด 10 - 120 Nm 1 ปอนด์-น้ิว = 1.15 กก.-ซม. จะอ่านได้เที่ยงตรงระหว่าง 35 - 100 Nm 1 ปอนด์-ฟุต = 13.8 กก.-ซม. 1 ปอนด์-ฟุต = 0.138 กก.-ซม. แรงขันแน่น (Torque) มีพื้นฐานมาจากกฎของ 1 ปอนด-์ ฟุต = 1.356 Nm คานงัด นั่นคือ 1 ปอนด์-น้วิ = 0.113 Nm 1 กก.-ซม. = 0.87 ปอนด-์ น้ิว แรงขันแน่น T = แรง F x ระยะทาง D 1 กก.-ซม. = 0.0723 ปอนด์-ฟตุ 1 กก.-ม. = 7.23 ปอนด์-ฟุต 2. ความสำคญั การขนั แนน่ ตามพกิ ัด 1 Nm = 8.65 ปอนด-์ นว้ิ 1 Nm = 0.73 ปอนด์-นิว้ นอตสกรูทำหน้าที่ยึดบีบ หรือกดชิ้นส่วนที่ 1 Nm = 0.0737 ปอนด-์ ฟตุ ประกอบเขา้ ด้วยกนั ใหแ้ นน่ และแรงที่ยดึ ช้ินส่วนให้แน่น 1 กก.-ม. = 9.8 Nm ต้องมากกว่าแรงท่ีผลักดันให้ชิ้นส่วนแยกออกจากกันขณะ ที่เครื่องยนต์ทำงาน อย่างไรก็ดี ถ้าออกแรงขันนอตสกร ู สงู สุด ให้แน่นจนเกนิ ไปกม็ ผี ลเสีย ทำให้เกลียวชำรดุ เกลียวขาด เขม็ ประแจทอร์ก 400 กก.-ซม. หรือชิ้นส่วนบิดหรือโค้งได้ ถ้าขันนอตสกรแู น่นไมพ่ อ สกรูอาจขาดเน่ืองจาก แรงเฉอื น เพราะชน้ิ งานพยายามจะเคลอ่ื นท ่ี ถา้ แรงทก่ี ระทำ มากกว่าแรงยึดของนอตสกร ู นอตสกรจู ะล้า ถ้านอตสกร ู หรือชิ้นงานหลวม สกรูอาจขาดหรือชิ้นงานแตกหักได้ 3. การเปรยี บเทียบสเกลและหน่วย สเกล 400 กก.-ซม. = 4 กก.-ม. กก.-ซม. เปน็ กก.-ม. = หารดว้ ย 100 กก.-ม. เป็น กก.-ซม. = คูณดว้ ย 100 ปอนด์-ฟุต เปน็ ปอนด์-น้วิ = คูณดว้ ย 12 Nm เปน็ Ncm = คูณดว้ ย 100 รูปท่ี 12.4 สเกลประแจทอร์ก
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178