แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ า โปรแกรมประมวลผลคา รหัสวชิ า ง31269 ระดับช้ัน มัธยมศึกษาปที ี่ 4 จัดทาโดย นางสาวปารชิ าติ สงิ คาโล ตาแหน่ง ครู โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่ สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สานักงานการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
คาอธิบายรายวชิ า รายวชิ า โปรแกรมประมวลผลคา รหสั วชิ า ง31269 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 เวลา 60 ช่วั โมง จานวน 1.5 หน่วยกิต คาอธบิ ายรายวิชา ศกึ ษาและปฏิบตั ิเกีย่ วกับหลกั การทางานของโปรแกรมจัดพิมพเ์ อกสาร (Word Processing) ในการ พิมพแ์ ละตกแตง่ การสร้างตารางข้อมูล การจัดทาเอกสารรูปแบบตา่ ง ๆ หนงั สือราชการ จดหมายธุรกิจ แผน่ พับ เอกสารวิชาการ การสรา้ งจดหมายเวียน การพิมพ์ซองจดหมาย การพมิ พส์ มการคณิตศาสตร์ การพิมพ์เชิงอรรถ การทาดชั นี การพมิ พเ์ อกสารออกทางเคร่ืองพมิ พ์ ผลการเรยี นรู้ 1. มีความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกบั หลกั การทางานของโปรแกรมจดั พมิ พ์เอกสาร (Word Processing) และความรู้ เกีย่ วกับเอกสาร 2. ออกแบบและผลิตเอกสารตามการใชง้ าน 3. จัดทาเอกสารราชการ เอกสารธรุ กิจ และเอกสารเชิงวิชาการ โดยใช้โปรแกรมจดั พมิ พเ์ อกสาร รวมทงั้ หมด 3 ผลการเรียนรู้
ผังมโนทศั น์ รายวิชาโปรแกรมประมวลผลคา รหสั วชิ า ง31269 ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 หนว่ ยท่ี 1 หนว่ ยที่ 2 ความรู้เบ้อื งต้นเก่ียวกับโปรแกรม การพมิ พ์ขอ้ ความและการทางานกบั เอกสาร Microsoft Word 2010 จานวน 6 ช่ัวโมง : 10 คะแนน จานวน 4 ชวั่ โมง : 10 คะแนน หนว่ ยที่ 3 โปรแกรมประมวลผลคา ม.4 หน่วยที่ 4 การจัดรูปแบบขอ้ ความ จานวน 60 ช่วั โมง การคน้ หาและตรวจสอบขอ้ ความ จานวน 6 ชั่วโมง : 10 คะแนน จานวน 6 ช่วั โมง : 10 คะแนน หนว่ ยท่ี 5 หนว่ ยที่ 6 การสร้างตาราง การสรา้ งแผนภมู ิ และ SmartArt จานวน 6 ชั่วโมง : 10 คะแนน จานวน 8 ช่วั โมง : 10 คะแนน หน่วยท่ี 7 หนว่ ยท่ี 8 การทางานกบั รปู ภาพ การสรา้ งสารบัญและการอา้ งอิง จานวน 8 ช่ัวโมง : 10 คะแนน จานวน 8 ชว่ั โมง : 5 คะแนน หน่วยท่ี 9 การสรา้ งจดหมายเวียน และการส่ังพมิ พ์ จานวน 8 ช่วั โมง : 5 คะแนน
ผงั มโนทัศน์ รายวชิ าโปรแกรมประมวลผลคา รหสั วชิ า ง31269 ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง ความรเู้ บอื้ งต้นเก่ยี วกบั โปรแกรม Microsoft Word 2010 จานวน 4 ชว่ั โมง : 10 คะแนน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรื่อง ความรเู้ บื้องต้นเกย่ี วกับโปรแกรม Microsoft Word 2010 จานวน 4 ชั่วโมง ชื่อเรือ่ ง ความร้เู บ้ืองต้นเกีย่ วกบั โปรแกรม Microsoft Word 2010 จานวน …4…ชั่วโมง : …10.. คะแนน
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 เร่ือง ความรเู้ บื้องตน้ เก่ียวกบั Microsoft word 2010 แผนจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่อื ง ความรเู้ บอื้ งต้นเกย่ี วกบั Microsoft word 2010 รายวชิ าโปรแกรมประมวลผลคา รหสั วิชา ง31269 ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 นา้ หนกั เวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 60 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ เวลาท่ใี ช้ในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 4 ชว่ั โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคญั (ความเขา้ ใจที่คงทน) โปรแกรมประมวลผลคา Microsoft Word 2010 เป็นโปรแกรมในการจัดการเอกสารต่าง ๆ ท่ีมี ประสิทธิภาพและมกี ารใชง้ านกันอย่างแพร่หลาย มีความสามารถในการจัดการรูปแบบตัวอักษรและข้อความให้มีความ นา่ สนใจ เหมาะสมกบั รปู ของเอกสารนั้น ๆ และยงั สามารถปรับปรุงแก้ไข จัดเก็บในรปู แบบตา่ ง ๆ เพ่อื นามาใช้ใหม่ ทาให้ การทางานมคี วามสะดวก รวดเร็ว 2. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วัดช้ันป/ี ผลการเรียนร้/ู เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐาน ง ๒.๑ เข้าใจเทคโนโลยีและกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสร้างส่ิงของเคร่ืองใช้ หรือวิธีการ ตามกระบวนการเทคโนโลยีอยา่ งมคี วามคดิ สร้างสรรค์ เลือกใช้เทคโนโลยีในทางสรา้ งสรรค์ต่อชวี ิต สังคม สง่ิ แวดลอ้ ม และมีส่วนรว่ มในการจัดการเทคโนโลยีที่ยั่งยืน มาตรฐาน ๔.๑ เขา้ ใจ มีทกั ษะทจี่ าเป็น มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชพี ใชเ้ ทคโนโลยี เพื่อพัฒนาอาชีพ มีคุณธรรม และมเี จตคติที่ดตี ่ออาชพี ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ 1. ประโยชนข์ องโปรแกรม Microsoft Word 2010 2. สว่ นประกอบต่าง ๆ ของโปรแกรม Microsoft Word 2010 3. การสรา้ ง การเปิด ปิด และบนั ทกึ เอกสาร 4. การกาหนดค่าเรม่ิ ตน้ ในการใชโ้ ปรแกรม 5. การจัดรปู แบบย่อหนา้ และการกั้นหน้า 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เนอ้ื หาสาระหลัก : Knowledge 1. บอกประโยชนข์ องโปรแกรม Microsoft Word 2010 ได้ 2. ส่วนประกอบตา่ ง ๆ ของโปรแกรม Microsoft Word 2010 ได้ 3. สร้าง เปิด ปิด และบันทกึ เอกสารได้ 4. กาหนดค่าเริ่มตน้ ในการใชโ้ ปรแกรมได้ 5. จดั รูปแบบยอ่ หนา้ และการก้นั ระยะได้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process สามารถเขา้ สูโ่ ปรแกรม Microsoft Word 2010 ได้ 3.3 คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ : Attitude ซือ่ สัตย์ มวี นิ ัย ใฝุเรยี นรู้ มุง่ มนั้ ในการทางาน
4. สมรรถนะสาคัญของนกั เรยี น - ความรอบคอบ 4.2 ความสามารถในการคดิ 4.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คณุ ลกั ษณะของวิชา - ความมวี นิ ัย - ความรับผดิ ชอบ - มนษุ ยสัมพนั ธ์ - ขยนั หม่นั เพยี ร 6. คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 2. ซ่อื สตั ยส์ จุ ริต 3. มวี นิ ยั 4. ใฝุเรียนรู้ 5. อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง 6. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 7. รักความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7. ชิน้ งาน/ภาระงาน : - แบบประเมินผลหลังเรยี นหน่วยท่ี 1 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 (ความสามารถในการวเิ คราะห์/ใฝุเรยี นร/ู้ เทคนคิ การสืบคน้ ) 1. ครูสนทนากบั ผู้เรียนเพอ่ื ให้เหน็ ความสาคญั ของการใช้โปรแกรมประมวลผลคา ซงึ่ ในปัจจุบนั สานักงาน ทงั้ ภาครฐั และเอกชน มีการนาโปรแกรมประมวลผลคามาใชใ้ นการพิมพ์เอกสาร และรายงานตา่ งๆ แทนเครื่อง พิมพด์ ดี มากข้ึน เนือ่ งจากความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ และเครื่องคอมพิวเตอรม์ ีราคาถูกลงแตม่ ี ประสทิ ธิภาพสูงขนึ้ ทาใหส้ านกั งานต่างๆ นิยมใชค้ อมพวิ เตอร์เขา้ มาช่วยในการประมวลขอ้ มูล ซง่ึ สามารถจดั ทา เอกสาร บทความ และรายงานได้อย่างรวดเรว็ โดยจัดข้อความและเลือกแบบอกั ษร แก้ไข เพิม่ เติม ปรับปรุง แทรกข้อความ รวมขอ้ ความหรือเอกสาร จดั ขอบกระดาษและตรวจดูเอกสารกอ่ นท่ีจะพมิ พ์เอกสารจรงิ ออกมา ชั่วโมงที่ 2 -4 (ความสามารถในการวิเคราะห/์ ใฝเุ รยี นร/ู้ ช่วยกันคิดชว่ ยกนั เรยี น) 2. ครใู ช้เทคนคิ วิธีสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) ด้วยการเล่าอธิบายแสดงสาธิตให้ผเู้ รียนเป็นผ้ฟู ัง และเปิดโอกาสให้ผเู้ รียนซกั ถามปญั หาได้ในตอนท้ายของการบรรยายเกย่ี วกับประโยชนข์ องโปรแกรม Microsoft Word 2010 ได้แก่ ดา้ นการจดั เก็บเอกสาร การเรียกใช้ข้อมูล การทาสาเนา การค้นหาและแกไ้ ขเอกสาร การจัดรปู แบบเอกสาร การใช้รูปแบบทีจ่ ดั ไว้แลว้ การตรวจสอบคาผิดลกั ษณะใหม่ การใชเ้ อกสารร่วมกนั สามารถบันทกึ เอกสารต่างๆ ซึง่ มี ประโยชนด์ ังน้ี 1) ชว่ ยใหง้ านเอกสารสะดวกข้นึ เช่น การเพม่ิ ลบ แทรกข้อความ การทาสาเนา เป็นต้น 2) ชว่ ยใหก้ ารค้นหาเอกสารและจัดเก็บเอกสารงา่ ยขน้ึ 3) ช่วยลดขน้ั ตอนการปฏบิ ัตงิ าน เช่น ทาจดหมายเวยี น 4) ช่วยประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายในการพิมพ์เอกสาร 5) ช่วยสร้างเอกสารใหม้ ีความสวยงาม เนอ่ื งจากเพิ่มกราฟิก รูปวาด รปู ภาพตามที่ตอ้ งการได้
6) ลดความผิดพลาดของงานเอกสาร เนอื่ งจากลบหรอื เพ่ิม โดยตรวจสอบความถกู ต้องทางหน้าจอก่อนพิมพ์ หรือ อาจใช้ระบบตรวจคาผดิ อัตโนมัติ จึงช่วยใหเ้ อกสารสมบูรณ์ 7) สามารถค้นหาและเรียกใชข้ ้อมลู ได้ง่าย 3. ครใู ช้เทคนิควิธสี อนแบบใชโ้ สตทัศนวสั ดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) เป็นวิธีสอนที่ นาอปุ กรณโ์ สตทัศนว์ ัสดุมาชว่ ยพฒั นาคณุ ภาพการเรียนการสอน โสตทัศนว์ ัสดุดังกลา่ ว ได้แก่ CD, Power Point เพอื่ แสดงใหผ้ ู้เรยี นได้เรยี นรู้ส่วนประกอบตา่ งๆ ของโปรแกรม Microsoft Word 2010 4. ครูใชเ้ ทคนคิ วธิ ีสอนแบบสาธติ (Demonstration Method) เป็นวธิ สี อนทค่ี รูแสดงใหผ้ ู้เรยี นดแู ละใหค้ วามรู้ แก่ผู้เรยี นโดยใช้สื่อการเรียนร้ทู ี่เป็นรปู ธรรม และผูเ้ รยี นไดป้ ระสบการณ์ตรง ซงึ่ ครูเปน็ ผสู้ าธติ และให้ผ้เู รยี นฝึกทกั ษะ ปฏิบัตติ ามเพ่ือเรียนรู้สว่ นประกอบตา่ งๆ ของโปรแกรม Microsoft Office Word 2010 ดงั นี้ 5. ครูและผู้เรยี นใช้เทคนิคการจดั การเรียนร้แู บบใชค้ าถาม (Questioning Method) เปน็ กระบวนการเรียนร้ทู ่ี ม่งุ พัฒนากระบวนการทางความคดิ ของผู้เรียน โดยผูส้ อนจะปอู นคาถามในลกั ษณะตา่ ง ๆ ทเ่ี ป็นคาถามที่ดี สามารถ พัฒนาความคดิ ผเู้ รียน ถามเพ่อื ให้ผู้เรยี นใช้ความคดิ เชิงเหตุผล วเิ คราะห์ วิจารณ์ สงั เคราะห์ หรือ การประเมินคา่ เพอื่ จะ ตอบคาถามเหลา่ นนั้ ซ่ึงเปน็ คาถามเก่ียวกบั ส่วนประกอบตา่ งๆ ของโปรแกรม Microsoft Word 2010 6. ครแู ละผูเ้ รียนใช้เทคนิควธิ สี อนแบบสาธติ (Demonstration Method) เรื่องการสร้าง การเปิด ปิด และ บนั ทกึ เอกสาร นอกจากนนั้ ยงั ใชเ้ ทคนคิ วธิ ีสอนแบบใชโ้ สตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) ได้แก่ Power Point เป็นสื่อประกอบ 7. ครูและผู้เรยี นใช้เทคนคิ วธิ ีสอนแบบสาธิต (Demonstration Method) เร่ืองการกาหนดค่าเร่ิมตน้ ในการ ใช้โปรแกรม นอกจากน้ันยงั ใชเ้ ทคนคิ วธิ ีสอนแบบใช้โสตทัศนวัสดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) ไดแ้ ก่ Power Point เป็นสอ่ื ประกอบ โดยก่อนการพมิ พง์ านในเอกสารสง่ิ ท่สี าคญั คือการกาหนดรูปแบบของเอกสารให้
ตรงกับงานท่ีตอ้ งการคือการกาหนดค่าเริม่ ต้นให้กับโปรแกรม เชน่ กาหนดขนาดเอกสาร การกาหนดรปู แบบตวั อกั ษร ขนาดตวั อกั ษร เปน็ ต้น 8. ครแู ละผูเ้ รียนใช้เทคนิควธิ สี อนแบบสาธิต (Demonstration Method) เรือ่ งการกาหนดค่าเริ่มต้นในการใช้ โปรแกรม นอกจากนน้ั ยังใช้เทคนิควิธสี อนแบบใช้โสตทัศนวสั ดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) ได้แก่ Power Point เป็นสื่อประกอบ 9. ครแู ละผู้เรียนใช้เทคนิควธิ สี อนแบบสาธิต (Demonstration Method) เรอ่ื งการจัดรปู แบบย่อหนา้ และ การกนั้ ระยะ นอกจากนน้ั ยงั ใชเ้ ทคนิควิธสี อนแบบใชโ้ สตทศั นวสั ดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) ไดแ้ ก่ Power Point เปน็ สือ่ ประกอบ 10. ผูเ้ รยี นบอกสว่ นประกอบของโปรแกรม Microsoft Word 2010 ตามรูปภาพทีค่ รูแสดงใหด้ ูแล้วบนั ทกึ สง่ ครู เพื่อประเมนิ ผล 1 1. จงอธบิ ายวธิ ีการกาหนดค่าเร่ิมตน้ ของตวั อกั ษร โดยกาหนดให้ตัวอักษรภาษาไทยเป็น AngsanaUPC ตวั ปกติ ขนาด 16 ตวั อกั ษรภาษาองั กฤษเปน็ Cordia New ตวั ปกติ ขนาด 16 โดยกาหนดใหม้ ีผลเฉพาะเอกสารน้ีเท่าน้ัน 12. ผู้เรียนอธิบายวิธกี ารกาหนดคา่ หนว่ ยวัดไม้บรรทดั เป็นเซนตเิ มตร 13. ผ้เู รียนบอกความหมายของรปู แบบการกนั้ ระยะ และย่อหน้าต่อไปน้ี First Line Indent ............................................................................................................................ Left Indent ...................................................................................................................................... Right Indent .................................................................................................................................... Left Margin ...................................................................................................................................... Right Margin .................................................................................................................................... Hanging Indent ............................................................................................................................... 14. ผู้เรยี นพมิ พ์ขอ้ ความและกาหนดตาแหน่งของ Tab ตามโจทยท์ ี่กาหนดให้และกาหนดระยะหา่ งของบรรทดั 1.0 บันทกึ ไฟลช์ ่ือ EX1-1.docx 15. ครแู นะนาเพ่มิ เตมิ ให้ผ้เู รียนเขยี นบญั ชแี สดงรายรบั -รายจา่ ยในชีวิตประจาวนั เพ่อื สรา้ งนิสัยความพอเพยี ง ใหแ้ ก่ตนเองและครอบครวั ข้นั สรุปและการประยุกต์ 16. ครูและผู้เรยี นร่วมกันสรปุ ประโยชนข์ องโปรแกรม Microsoft Word 2010 สว่ นประกอบตา่ งๆ ของโปรแกรม Microsoft Office 2010 การสรา้ ง การเปดิ ปิด และบนั ทึกเอกสาร การกาหนดคา่ เรมิ่ ตน้ ในการใช้ โปรแกรม และการจดั รปู แบบยอ่ หน้าและการกัน้ ระยะ
17. ผเู้ รยี นทาแบบประเมินผลหลงั เรียน และแบบฝกึ ปฏิบตั ิ 19.สรปุ โดยการถาม-ตอบ เพ่ือประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจาวันและประเมินผู้เรยี นตามแบบฟอรม์ ตอ่ ไปนี้ ชือ่ ผู้เรยี น ประสบการณพ์ ืน้ ฐานการเรยี นรู้ วธิ ีการเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5. 9. สื่อการเรียนการสอน / แหล่งเรียนรู้ จานวน สภาพการใชส้ อื่ รายการสอ่ื 1 ชดุ ขั้นขยายความรู้ 1. แบบประเมนิ ผลหลังเรยี นหนว่ ยท่ี 1 1 ชดุ ขัน้ สร้างความสนใจ/ข้นั ขยายความรู้ 2. เครื่องคอมพวิ เตอร์ 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล เป้าหมาย หลกั ฐานการเรียนรู้ วิธวี ัด เคร่อื งมือวัดฯ ประเดน็ / การเรยี นรู้ ชิน้ งาน/ภาระงาน เกณฑ์การให้ ตรวจแบบ แบบประเมินผลการ การจดั รูปแบบยอ่ หนา้ และการก้ันหนา้ ใบงาน ประเมนิ ผลการ เรียนรู้ และแบบฝกึ คะแนน เรียนรู้ แบบฝึก ปฏิบัติ ปฏบิ ตั ิ แบบประเมนิ ผลการ เรียนรู้มีเกณฑ์ผา่ น และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 50% 11. การบูรณาการตามจดุ เนน้ ของโรงเรยี น หลักปรัชญาเศรษฐกิจ ครู ผ้เู รียน พอเพียง รู้จกั ใช้เทคโนโลยีท่ีทนั สมัยในการจัดการ กาหนดให้ทุกคนเข้าเรยี น เลิกเรยี นตรง 1. ความพอประมาณ เรียนการสอน เวลาและปฏบิ ัตงิ านเสรจ็ ทันตาม กาหนดเวลา 2. ความมีเหตผุ ล ยึดถอื การประกอบอาชพี ด้วยความถูกต้อง สุจรติ ปฏิบัตงิ านไดอ้ ยา่ งถูกต้อง และสาเรจ็ ภายใน เวลาทก่ี าหนด
3. มีภูมคิ ุมกนั ในตวั ทดี่ ี มคี วามรู้ รอบคอบ และ มคี วามรูเ้ กดิ ความรบั ผดิ ชอบ การตรงตอ่ ตรงต่อเวลา เวลา 4. เงือ่ นไขความรู้ เขา้ ใจผ้เู รยี นเป็นรายบคุ คล ในการจัด มีความรเู้ กี่ยวกบั โปรแกรม Microsoft Word กจิ กรรมการเรยี นการสอนในเร่ืองความรู้ 2010 เปิด ปดิ เอกสาร และการสร้างกั้นหนา้ เบือ้ งต้นเกีย่ วกับ Microsoft Word 2010 ได้อย่างถกู ต้อง 5. เงือ่ นไขคุณธรรม มคี วามตระหนกั ใน คณุ ธรรม มคี วาม มีความตระหนักใน คณุ ธรรม มคี วาม สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น ซอื่ สตั ยส์ ุจริตและมคี วามอดทน มีความเพียร ซ่อื สัตยส์ จุ รติ และมีความอดทน มีความเพียร - การเกดิ ชนิ้ งานแตล่ ะกรณี ใช้สติปญั ญาในการทางาน ใช้สตปิ ัญญาในการทางาน ครู ผู้เรยี น - ปจั จยั ทมี่ ผี ลตอ่ การเกิดชิน้ งาน - ระบุปจั จัยท่ีมีผลต่อการเกดิ ช้นิ งาน สง่ิ แวดลอ้ ม ครู ผู้เรยี น - การเลอื กใช้อุณภมิของ - การใชอ้ ุปกรณ์ส่อื / เทคนิควิธกี ารสอน - ใช้อุปกรณ์คอมพวิ เตอร์/ เคร่ืองปรับอากาศอยา่ งถูกวธิ ี - กระบวนการอนรุ กั ษ์พลงั งาน เครอื่ งปรับอากาศอย่างถูกวธิ ี - การอนรุ กั ษ์พลงั งาน - แสนอแนะแนวทางอนรุ ักษ์พลังงาน
แบบประเมินผลก่อนเรียนหน่วยท่ี 1 จงเลือกคาตอบท่ีถกู ตอ้ งเพยี งข้อเดยี ว 1. ขอ้ ใดเป็นแถบแสดงชื่อโปรแกรมและช่ือไฟลป์ ัจจุบันทเี่ ปดิ ใช้งานอยู่ ก.Scale Bar ข. Menu Bar ค. Title Bar ง. Tool Bar จ. Status Bar 2. ข้อใดเป็นแถบเคร่อื งมอื แสดงสถานะ ก. Title Bar ข. Menu Bar ค. Quick Access ง. Tool Bar จ. Status Bar 3. การกาหนดระยะของกระดาษอยู่ในหมวดคาสั่งใด ก. Themes ข. Page Setup ค. Page Background ง. Paragraph จ. Arrange 4. ขอ้ ใดหมายถึงการรวบรวมคาสัง่ เปน็ หมวดหมู่ จ. File Format จ. Review ก. Quick Access Toolbar ข. Ribbon ค. Work Area ง. Format จ. Design 5. รูปแบบเอกสารที่โปรแกรมจัดเตรียมมาให้เรยี กว่าอะไร ก. Document ข. Templates ค. Slide ง. Format 6. การกาหนดระยะขอบกระดาษ ตอ้ งเลือกท่แี ท็บเมนูใด ก. Home ข. Insert ค. Page Layout ง. Mailings 7. การกาหนดหน่วยของไม้บรรทดั ต้องเลอื กที่ใด ก. File > Exit ข. File > Recent ค. File > Info ง. File > Option จ. File > Save & Send 8. ให้พิจารณารปู ภาพตอ่ ไปน้ีเกย่ี วขอ้ งกบั เร่อื งใด ก. หน้ากระดาษ ข. การแทรกงาน จ. จดหมายเวียน ค. เค้าโครงหนา้ กระดาษ ง. มมุ มองการนาเสน 9. จากรูปภาพตรงกบั ขอ้ ใด ข. Right Tab แทบ็ ชดิ ขวา ก. Decimal Tab แทบ็ ทศนยิ ม ง. Center Tab แท็บกง่ึ กลาง ค. Left Tab แท็บชดิ ซ้าย จ. ข้อ ข. และ ค. ถกู ต้อง 10. จากรูปภาพเปน็ คาสง่ั ในการทางานเอกสารตามขอ้ ใด ก. กัน้ หน้าด้านซา้ ย ข. ก้นั หนา้ ด้านขวา ค. เค้าโครงหน้ากระดาษ ง. แหลง่ กระดาษ จ. กง่ึ กลางกระดาษ
แบบประเมนิ ผลหลงั เรียนหนว่ ยที่ 1 จงเลือกคาตอบทถี่ กู ตอ้ งเพียงขอ้ เดยี ว 1. ข้อใดไมใ่ ช่ประโยชนข์ องโปรแกรมประมวลผลคา ก. ชว่ ยใหพ้ ิมพง์ านได้เรว็ ข้ึน ข. ทาสาเนาไดง้ า่ ย ค. คน้ หาและแก้ไขเอกสารได้รวดเร็ว ง. จดั รูปแบบเอกสารใหส้ วยงาม จ. ค้นหาและจัดเกบ็ เอกสารได้รวดเร็ว 2. ขอ้ ใดเป็นเครื่องมือย่อขยายเอกสาร ก. Title Bar ข. Menu Bar ค. View Bar ง. Tool Bar จ. Status Bar 3. ถ้าต้องการกาหนดกระดาษให้เปน็ แนวต้งั ต้องเลอื กใชเ้ ครอ่ื งมือใด ก. Margins ข. Orientation ค. Columns ง. Breaks จ. Size 4. การสร้างเอกสารเปลา่ ต้องเลอื กข้อใด ก. File > New > Document ข. File > New > Blank Document ค. File > New > New from existing ง. File > New > Recent Templates จ. File > New > My Templates 5. การตัง้ ขอบกระดาษโดยกาหนดเองตอ้ งเลือกข้อใด ก. Margins > Normal ข. Margins > Narrow ค. Margins > Moderate ง. Margins > Custom Margins จ. Margins > Wide 6. Hanging Indent หมายถึงขอ้ ใด ก. การก้ันระยะซา้ ย ข. การกนั้ ระยะขวา ค. การย่อหนา้ บรรทัดแรก ง. การยอ่ หนา้ อื่นนอกจากบรรทัดแรก จ. การยอ่ หน้าขวา 7. การใหเ้ ครอ่ื งมอื ไมบ้ รรทดั แสดงขึ้นมา ต้องเลือกทีแ่ ท็บเมนูใด ก. Page Layout ข. References ค. Mailings ง. Review จ. View 8. ปกตโิ ปรแกรม Microsoft Word จะกาหนดขนาดกระดาษเริ่มตน้ ทีข่ นาดใด ก. A3 ข. A4 ค. Legal ง. Letter จ. Ledger 9. จากรปู ภาพตรงกบั ขอ้ ใด ข. Right Tab แท็บชิดขวา ค. Left Tab แทบ็ ชดิ ซ้าย ก. Decimal Tab แทบ็ ทศนยิ ม ง. Center Tab แท็บก่ึงกลาง จ. Left Margin กัน้ หนา้ ด้านซา้ ย 10. ขอ้ ใดเป็นเครือ่ งมอื ที่ใช้จบั ภาพหนา้ จอ ก. ข. ค. ง. จ. 1.ค เฉลยก่อนเรียน เฉลยแบประเมนิ ผลกอ่ นเรียน/หลังเรียน 2.จ เฉลยหลงั เรยี น 3.ข 4.ข 1.ก 5.ข 2.ค 6.ค 3.ข 7.ง 4.ข 8.ข 5.ง 9.ค 6.ง 10.ก 7.จ 8.ข 9.ง 10.ก
ใบงานที่ 1 ผเู้ รยี นพมิ พข์ ้อความและกาหนดตาแหนง่ ของ Tab ตามโจทย์ท่ีกาหนดให้และกาหนดระยะห่างของบรรทัด 1.0 บนั ทึกไฟลช์ ่อื EX1-1.docx
ผงั มโนทศั น์ รายวิชาโปรแกรมประมวลผลคา รหสั วชิ า ง31269 ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรื่อง การพมิ พข์ อ้ ความและการทางานกบั เอกสาร จานวน 6 ช่วั โมง : 10 คะแนน หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เร่อื ง การพมิ พ์ขอ้ ความและการทางานกับเอกสาร จานวน 6 ชวั่ โมง ชือ่ เร่ือง การพมิ พข์ อ้ ความและการทางานกบั เอกสาร จานวน …6…ชวั่ โมง : …10.. คะแนน
แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรอื่ ง การพิมพ์ข้อความและการทางานกับเอกสาร แผนจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 เร่อื ง การพิมพข์ อ้ ความและการทางานกับเอกสาร รายวิชาโปรแกรมประมวลผลคา รหัสวิชา ง31269 ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 น้าหนกั เวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 60 ชัว่ โมง/สัปดาห์ เวลาท่ใี ชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 6 ชั่วโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคัญ (ความเขา้ ใจทีค่ งทน) งานเอกสารต่างๆ ทส่ี รา้ งข้นึ ด้วยโปรแกรมใดกต็ าม หากจัดการกบั รปู แบบตัวอักษรและขอ้ ความให้มคี วาม นา่ สนใจ เหมาะสมกบั รูปแบบของเอกสารนน้ั ๆ กจ็ ะทาใหเ้ อกสารมีคุณภาพมากขน้ึ โปรแกรม Microsoft Word 2010 มี ความสามารถปรบั แตง่ รูปแบบอกั ษรและขอ้ ความใหส้ วยงามน่าสนใจไดอ้ ย่างง่ายดาย ทาให้การจัดการรูปแบบเอกสารทา ได้รวดเรว็ และมปี ระสทิ ธภิ าพ 2. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ัดชน้ั ปี/ผลการเรียนร/ู้ เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐาน ง ๒.๑ เขา้ ใจเทคโนโลยีและกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสรา้ งสงิ่ ของเครอื่ งใช้ หรือวิธีการ ตามกระบวนการเทคโนโลยีอย่างมีความคดิ สร้างสรรค์ เลือกใชเ้ ทคโนโลยใี นทางสรา้ งสรรคต์ อ่ ชวี ิต สงั คม ส่ิงแวดล้อม และมีส่วนร่วมในการจัดการเทคโนโลยีที่ยงั่ ยนื มาตรฐาน ๔.๑ เข้าใจ มที กั ษะท่จี าเป็น มีประสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชีพ ใช้เทคโนโลยี เพอ่ื พัฒนาอาชีพ มีคณุ ธรรม และมีเจตคตทิ ดี่ ตี ่ออาชพี ตวั ช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ 6. ประโยชน์ของโปรแกรม Microsoft Word 2010 7. สว่ นประกอบต่าง ๆ ของโปรแกรม Microsoft Word 2010 8. การสรา้ ง การเปดิ ปิด และบันทึกเอกสาร 9. การกาหนดคา่ เร่มิ ตน้ ในการใช้โปรแกรม 10. การจัดรปู แบบย่อหน้าและการก้นั หน้า 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เน้ือหาสาระหลัก : Knowledge 1. การปรับคุณลกั ษณะของตัวอกั ษรและข้อความ 2. การคัดลอกข้อความและคัดลอกรปู แบบขอ้ ความ 3. การคน้ หาและแทนท่ี 4. การจัดระยะห่างระหวา่ งบรรทัด 5. การจัดตาแหน่งกลมุ่ ขอ้ ความ 6. การใสส่ ัญลกั ษณแ์ สดงหวั ขอ้ 7. การทาอักษรข้ึนต้นดว้ ยตัวใหญ่ 8. การแบง่ ขอ้ ความเปน็ คอลมั น์ ทกั ษะ/กระบวนการ : Process สามารถเขา้ สโู่ ปรแกรม Microsoft Word 2010 ได้
3.4 คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ : Attitude ซอ่ื สตั ย์ มวี ินัย ใฝุเรยี นรู้ มุง่ มน้ั ในการทางาน 4. สมรรถนะสาคัญของนักเรยี น - ความรอบคอบ 4.2 ความสามารถในการคดิ 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คณุ ลกั ษณะของวิชา - ความมีวินัย - ความรบั ผิดชอบ - มนษุ ยสมั พนั ธ์ - ขยันหมั่นเพียร 6. คุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 2. ซอื่ สตั ยส์ ุจริต 3. มีวินัย 4. ใฝุเรียนรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 6. มงุ่ มั่นในการทางาน 7. รักความเปน็ ไทย 8. มจี ิตสาธารณะ 7. ช้ินงาน/ภาระงาน : - แบบประเมนิ ผลหลงั เรยี นหนว่ ยที่ 2 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรียน 1.ครูแนะนาการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชแ้ บบโมเดลซิปปา (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดิมจาก สัปดาห์ท่แี ล้ว เพ่อื ดึงความรูเ้ ดิมของผู้เรยี นในเร่ืองทีจ่ ะเรียน เพ่ือชว่ ยใหผ้ ู้เรียนมีความพรอ้ มในการเช่อื มโยงความร้ใู หม่ กบั ความรู้เดิมของตน ซึ่งผูส้ อนใช้การสนทนาซักถามใหผ้ ู้เรียนเลา่ ประสบการณ์เดมิ หรือให้ผูเ้ รยี นแสดงโครงความรู้เดมิ (Graphic Organizer) ของตน 2.ครแู นะนาใหผ้ ้เู รียนศึกษาคาศพั ท์ที่ใช้สือ่ สารในโปรแกรมประมวลผลคา เพือ่ ใหน้ าไปใชไ้ ด้ถูกตอ้ ง ขั้นสอน 3.ครใู ชเ้ ทคนดิ วธิ สี อนแบบสาธติ โดยผ้สู อนเป็นผู้สาธติ และใหผ้ เู้ รียนปฏิบัติตามในเรื่องการปรบั คณุ ลักษณะของ ตัวอกั ษรและข้อความ ซงึ่ เปน็ การเพมิ่ ความนา่ สนใจใหก้ บั ข้อความด้วยการปรบั เปลยี่ น คุณลกั ษณะดงั ตอ่ ไปนี้ 1.การเพิ่มความหนาให้กบั ข้อความ 2. การทาให้ขอ้ ความเปลยี่ นเป็นตัวเอยี ง 3. การขดี เสน้ ใต้ข้อความ 4. การขดี เสน้ ทับข้อความ 5. การเปลย่ี นขนาดตัวอักษร 6. การเปลี่ยนขนาดตัวอักษรแบบขยายขนาด 7. การทาตวั ยกและตวั ห้อย
4.ครูใช้เทคนนิควิธสี อนแบบใชโ้ สตทัศนวสั ดุ (Audio-Visual Meterial of Instruction Method) ไดแ้ ก่ CD และ Power Point 5.ครูใชเ้ ทคนิดวิธสี อนแบบสาธิตเร่อื งการปรับคุณลักษณะของขอ้ ความ การปรับคุณลักษณะของขอ้ ความเป็น การเพ่ิมความน่าสนใจให้กับข้อความด้วยการปรบั เปลยี่ นคุณลักษณะดังตอ่ ไปนี้ 1) Drag เมาสค์ ลุมขอ้ ความทีต่ ้องการตกแตง่ จะปรากฏมนิ ิทูลบาร์ (Mini Toolbar) ขนึ้ โดยอตั โนมตั ใิ ห้เลือกใชไ้ ดต้ ามตอ้ งการ 2) คลิกปุมเคร่อื งมือบนทลู บารท์ ีป่ รากฏ หรอื ใน Tab Home ที่กลุ่ม Font คลิกปุมจะปรากฏไดอะล็อกบอ็ กซ์ของ Font ให้กาหนดรายละเอยี ดเพ่มิ เตมิ
3) เม่อื กาหนดรายละเอยี ดต่างๆ เสรจ็ แล้วคลิกปมุ OK 3.1 ลากเมาส์ (Drag Mouse) คลุมข้อความทตี่ ้องการ 3.2 เลือกริบบอนหน้าแรก (Home) 3.3 คลกิ ท่ีสญั ลกั ษณ์ในเครอ่ื งมอื จดั รูปแบบขอ้ ความดงั น้ี 6.ครแู ละผ้เู รยี นสาธิตการคดั ลอกข้อความและคดั ลอกรปู แบบขอ้ ความ โดยการคดั ลอกและวางข้อความ การพิมพเ์ อกสารอาจจะมขี อ้ ความหรอื รูปแบบอักษรหรือขอ้ ความท่เี หมือนกัน ซา้ กนั เปน็ จานวนมากการพิมพซ์ า้ ๆ กนั ทา ให้เสยี เวลาและอาจมขี ้อผดิ พลาดเกิดข้นึ ได้ การใช้คาสัง่ คดั ลอก (Copy) และวาง (Paste) ชว่ ยในการทางานไดร้ วดเรว็ และลดขอ้ ผดิ พลาดได้ 1) คลุมข้อความที่ตอ้ งการคดั ลอก 2) คลกิ ทปี่ ุม (Copy) บนแท็บหน้าแรก (Home) หรือคลกิ ขวาบรเิ วณขอ้ ความท่ีคลุมเลือก Copy ในเมนทู ป่ี รากฏ 3) คลกิ เลือกตาแหน่งท่ีตอ้ งการวางข้อความ 4) คลิกทีเ่ ครื่องมอื บนแท็บหน้าแรก (Home) หรือกด Ctrl + V ท่ีแปนู พิมพ์
7.ครูสาธติ และให้ผู้เรียนปฏิบตั ิตามเร่อื งการวางขอ้ ความในลกั ษณะต่างๆ โดยการวางขอ้ ความในเอกสาร สามารถเลือกรูปแบบการวางไดห้ ลายรปู แบบ ขึน้ อยกู่ ับขอ้ มลู ท่ีคัดลอก (Copy) มา 1) เลือกขอ้ มูลท่ตี ้องการคดั ลอก 2) คลกิ เลอื กท่ีลูกศรใต้ปุมเคร่อื งมือ คลิกที่ตัวเลือกการวาง (Paste Options) จะมีรูปแบบการวางตาม ขอ้ มูลที่คดั ลอกมาดงั นี้ วางเฉพาะข้อความลงบนเอกสาร วางรูปภาพลงบนเอกสาร วางทั้งรปู แบบและข้อความลงบนเอกสาร วางข้อมูลลงตามรปู แบบปลายทาง 3) หรือคลิกเมาสข์ วาท่ตี าแหน่งการวาง 4) เลอื กคาสงั่ รปู แบบการวาง 8.ครูและผูเ้ รียนสาธติ และฝกึ ปฏิบตั ิการคัดลอกรูปแบบข้อความ (Format Painter) โดยการคดั ลอกรปู แบบเพ่ือ ไปใชง้ านในเอกสารในสว่ นทีต่ ้องการรปู แบบท่ีเหมือนกัน เช่น รูปแบบตวั อักษร ขนาด สี คุณสมบัติของตัวอกั ษร มีวิธกี าร ดงั น้ี 1) ลากคลมุ ขอ้ ความท่ตี ้องการคัดลอกรูปแบบ 2) คลิกเลือกทป่ี ุม บนแท็บหน้าแรก (Home) 3) ใชเ้ มาส์ลากขอ้ ความทต่ี ้องการคดั ลอกรูปแบบ ข้อความจะถูกเปลย่ี นแปลงเหมอื นกบั รูปแบบต้นฉบับ
หมายเหตุ การคดั ลอกรูปแบบโดยการคลิกเลือก Format Painter จะมีผลเพียงครง้ั เดยี ว ถา้ ตอ้ งการ คัดลอกรปู แบบเดยี วกันใหม้ ีผลตอ่ เนอ่ื ง ใหด้ ับเบิลคลกิ ท่ี Format Painter แลว้ นาไปลากคลมุ ข้อความ จะทาได้จนกว่า จะกดปุม Esc 9.ครสู าธติ และใหผ้ เู้ รยี นปฏิบัติตามในการคน้ หาและแทนที่ โดยการคน้ หา Find กรณเี อกสารทม่ี ีขอ้ ความจานวนมากถา้ ต้องการเปลยี่ นแปลงหรอื แกไ้ ขขอ้ ความตอ้ งใช้เวลามาก เครื่องมือคน้ หาและแทนทช่ี ว่ ยในการแก้ปัญหาดงั กลา่ วได้อยา่ งดี การทารายงานท่ีมีข้อความบางขอ้ ความพมิ พผ์ ิด เชน่ อินเทอร์เน็ต ฟงั ก์ชนั ถ้าตอ้ งการแกไ้ ขโดยการอา่ นและแกไ้ ขทลี ะตวั ทีละบรรทดั ตอ้ งใช้เวลา และอาจผิดพลาดโดยแก้ไขไมค่ รบ เปน็ ตน้ วธิ ีการค้นหาและแทนทีท่ าได้ดงั นี้ 1) ท่แี ท็บหนา้ แรก (Home) คลกิ เลอื กที่ปุม แลว้ เลอื กคาสัง่ Find 2) ที่หนา้ ต่างการนาทาง (Navigation) ทางด้านซ้ายมอื ให้พมิ พ์ข้อความท่ีต้องการค้นหา (Search Document) 3) ผลลัพธท์ คี่ ้นหาจะแสดงในหน้าเอกสารด้านขวามือ พร้อมเนน้ สที ่ีขอ้ ความ 10.ครูและผเู้ รยี นสาธติ การคน้ หาข้นั สูง Advance Find กรณที ่ตี อ้ งการคน้ หาโดยมเี ง่อื นไขใหต้ รงกับขอ้ ความ และรูปแบบ ทาไดด้ ังน้ี
1) ท่ีแท็บหน้าแรก (Home) คลิกเลือกที่ปุมลูกศร แลว้ เลอื กคาส่งั Advance Find จะปรากฏ ไดอะล็อกบอ็ กซค์ ้นหาและแทนท่ี (Find and Replace) 2) พิมพ์ขอ้ ความทต่ี อ้ งการคน้ หาในช่อง Find what: แลว้ คลกิ ที่ปุม (เพมิ่ เตมิ ) จะแสดงเงอื่ นไขที่ ตอ้ งการคน้ หา ให้คลิกเลอื กในช่องสเ่ี หลย่ี มเพือ่ เลือกเงอื่ นไขทต่ี ้องการค้นหา 11.ครแู ละผเู้ รยี นสาธิตและฝึกปฏบิ ัตกิ ารแทนที่ (Replace) โดยการแกไ้ ขขอ้ ความที่ตอ้ งการเปล่ียนแปลง แก้ไขหรือพมิ พ์ผดิ ในเอกสาร ซ่งึ อาจมีจานวนมากสามารถทาได้โดยใชค้ าสัง่ Replace 12.ครแู ละผูเ้ รยี นสาธติ การจัดระยะห่างระหว่างบรรทัด เมื่อเปดิ โปรแกรม Microsoft Word ขึน้ มา ตวั โปรแกรม จะจดั ระยะห่างระหวา่ งบรรทัดไว้ 1 ระยะบรรทัด แตส่ ามารถท่จี ะขยายใหม้ ากกว่า 1 ระยะบรรทัดได้ โดยสามารถทาได้ ดังต่อไปน้ี 1) ลากเมาส์ (Drag Mouse) คลุมพนื้ ท่ขี ้อความที่ตอ้ งการจดั ระยะห่างระหวา่ งบรรทดั 2) เลอื กรบิ บอนหนา้ แรก (Home) 3) คลิกปมุ คาส่งั ระยะหา่ งระหว่างบรรทัด 4) เลือกระยะบรรทดั ทต่ี อ้ งการ
13.ผเู้ รียนกาหนดระยะบรรทดั โดยการกาหนดระยะบรรทัดให้มีความหา่ งหรือชิดกันเพอื่ ให้มรี ะยะบรรทัดท่ี เหมาะสมกบั ขนาดของเอกสารที่ได้ออกแบบไว้ มีข้ันตอนการทาโดยการคลมุ ขอ้ ความท่ีต้องการกาหนดระยะบรรทัดและ คลิกเลอื กปุมคาสงั่ และเลอื กระยะห่างของบรรทัด 14.ผูเ้ รียนจัดตาแหน่งกลุ่มข้อความ โดยครสู าธิตให้ดแู ละให้ผ้เู รียนปฏบิ ัติตาม เมือ่ เปดิ โปรแกรม Microsoft Word เพ่อื พมิ พเ์ อกสาร โปรแกรมจะตง้ั คา่ ตาแหน่งกลุม่ ข้อความไว้ชดิ ดา้ นซ้ายขอบกระดาษเสมอ ซึง่ สามารถทจ่ี ะปรับเปลยี่ น ตาแหน่งการจัดวางกลุ่มข้อความให้อยใู่ นตาแหน่งท่ีต้องการได้ โดยการจัดตาแหน่งกลุ่มข้อความนัน้ จะทาเปน็ ยอ่ หนา้ (Paragraph) ซ่ึงสามารถที่จะจัดไดห้ ลายรปู แบบดังตอ่ ไปน้ี 14.1 การจัดกลมุ่ ขอ้ ความก่ึงกลาง 14.2 การจัดกลมุ่ ขอ้ ความชิดขวา 14.3 การจดั กลุ่มขอ้ ความเตม็ แนวกระดาษ 14.4 การจดั กลมุ่ ขอ้ ความกระจายแบบไทย
15.ครสู าธติ การใส่สญั ลักษณแ์ สดงหวั ข้อ และให้ผู้เรียนฝกึ ปฏบิ ตั ิตาม โดยในการใสส่ ัญลักษณ์แสดงหัวข้อนั้น สามารถกาหนดได้เปน็ 2 แบบ คือ 1) ใส่เลขลาดับหัวข้อ 2) ใส่สญั ลักษณ์หน้าหัวขอ้ 16.ผเู้ รียนฝึกทาอกั ษรขน้ึ ตน้ ดว้ ยตัวใหญ่ โดยครสู าธิตใหด้ ูและใหป้ ฏิบัติตาม ซึ่งการทาตัวอักษรตัวแรกจะเนน้ ตัว ใหญเ่ พอื่ ให้สะดุดตาส่วนมากจะนยิ มทาในยอ่ หนา้ แรกของเอกสาร เช่น หนงั สอื พมิ พ์ วารสาร เอกสารรายงานตา่ งๆ ทาได้ โดย 1) เลอื กตัวอกั ษรที่ต้องการทาเลอื กแทบ็ Insert (แทรก) คลิกเลือก Drop Cap (ตวั อักษรใหญ่) 2) เลอื กรปู แบบทต่ี อ้ งการ จากตัวอยา่ งเลือกจากเมนูได้ 2 ประเภท
17.ผู้เรียนกาหนด Drop Cap ดว้ ยตัวเอง ใหเ้ ลือกท่ี Drop Cap Options 18.ครอู ธบิ าย และสาธติ การแบง่ ขอ้ ความเป็นคอลัมน์ โดยให้ผู้เรียนปฏิบัติตาม ซ่ึงการแบ่งคอลัมนใ์ หก้ ับข้อความ สามารถนาไปประยุกต์ใชก้ ับงานไดห้ ลายรปู แบบ เช่น แผน่ พบั นิตยสาร วารสาร ข้นึ อย่กู บั ผอู้ อกแบบงาน ซงึ่ การกาหนด คอลัมน์ใหก้ บั เอกสาร ทาได้ดังน้ี 1. คลกิ คลุมข้อความท่ีตอ้ งการแบง่ คอลมั น์ 2. คลกิ ที่ Tab Page Layout 3. เลือก Columns ปรากฏรายการย่อย 3.1 One หมายถึง กาหนด 1 Column 3.2 Two หมายถงึ กาหนด 2 Columns 3.3 Three หมายถงึ กาหนด 3 Columns 3.4 Left หมายถงึ กาหนด Columns ทางซา้ ย 3.5 Right หมายถงึ กาหนด Columns ทางขวา 19.ครแู ละผเู้ รยี นสาธติ การแบง่ ขอ้ ความโดยการกาหนดคอลัมน์เอง ดังนี้ 20.ครูอภิปรายเพิ่มเติมว่าถ้าผเู้ รยี นมกี ารกาหนดรายได้ให้เพียงพอกับรายจ่ายจะเปน็ สิ่งที่สาคญั และจาเป็นมาก ทกุ คนสามารถนาเงนิ ที่เกบ็ สะสมไว้มาใชไ้ ดอ้ ย่างสะดวกสบายเพ่ือการดารงชวี ิตตอ่ ไป หากแตล่ ะบุคคลมีเงนิ ออมเก็บสะสมไว้ เพอื่ เปน็ ทนุ สารองไว้ใช้จ่ายสาหรบั วยั เกษียณ วธิ ีที่ดีที่สุด คอื การวางแผนเพอื่ การ เกษยี ณอายุไวต้ ัง้ แต่เริ่มต้นอยา่ งมรี ะบบตามข้นั ตอน ซึง่ แตล่ ะคนสามารถกาหนดแผนงานและขน้ั ตอนแตกตา่ งกนั ออกไป ตามความเหมาะสมกับสภาพการดารงชีวิต
21.ครสู อนเพิม่ เตมิ เกย่ี วกบั การทาหนา้ ท่เี ป็นพลเมืองดขี องสงั คมไทย รจู้ กั เอ้ือเฟ้ือเผื่อแผ่ต่อผู้อ่นื สรปุ และการประยุกต์ 22.ครูและผู้เรยี นชว่ ยกนั สรุปการพมิ พเ์ อกสาร การจัดรปู แบบตวั อกั ษร โดยใหผ้ ู้เรียนสาธติ ฝึกปฏิบตั ิให้ดู และครู เปน็ ผูก้ าหนดโจทย์คาสั่ง 23.ผูเ้ รียนทากิจกรรมใบงาน แบบฝึกหดั แบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ และแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 24.ผ้เู รยี นวิเคราะหเ์ นอ้ื หาการเรียนการสอนและหาขอ้ สรุปเปน็ ความคิดรวบยอดเพื่อนาไปประยกุ ตใ์ ช้ตอ่ ไป พร้อมขอ้ เสนอแนะตนเอง 25.ประเมินธรรมชาตขิ องผู้เรียน และวิเคราะห์ผเู้ รยี นเป็นรายกลุ่มตามวธิ กี ารเรยี นรู้ ชื่อผูเ้ รยี น ธรรมชาติของผู้เรยี น วธิ กี ารเรียนรู้ ความสนใจ สตปิ ญั ญา วุฒภิ าวะ 1. 2. 3. แบบวิเคราะห์ผู้เรียนเปน็ รายกลุม่ ตามวธิ ีการเรยี นรู้ ชือ่ กลุม่ …………….. 1. 2. 3. 9. สอื่ การเรียนการสอน / แหล่งเรียนรู้ จานวน สภาพการใช้ส่อื รายการสือ่ 1 ชุด ข้ันขยายความรู้ 1. แบบประเมนิ ผลหลังเรยี นหน่วยที่ 2 1 ชดุ ขั้นสร้างความสนใจ/ข้นั ขยายความรู้ 2. เคร่อื งคอมพวิ เตอร์ 10. การวัดผลและประเมนิ ผล เปา้ หมาย หลกั ฐานการเรียนรู้ วธิ ีวดั เครอ่ื งมอื วัดฯ ประเด็น/ การเรยี นรู้ ช้นิ งาน/ภาระงาน เกณฑก์ ารให้ ตรวจแบบ แบบประเมนิ ผลการ พมิ พ์ขอ้ ความและการทางานกบั ใบงาน ประเมนิ ผลการ เรียนรู้ และแบบฝึก คะแนน เอกสาร เรยี นรู้ แบบฝึก ปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ตั ิ แบบประเมินผลการ เรยี นร้มู ีเกณฑ์ผา่ น และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 50%
ผงั มโนทศั น์ รายวิชาโปรแกรมประมวลผลคา รหสั วชิ า ง31269 ระดับช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เรอื่ ง การจดั รปู แบบขอ้ ความ จานวน 6 ช่วั โมง : 10 คะแนน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรอ่ื ง การจดั รูปแบบข้อความ จานวน 6 ชวั่ โมง ชือ่ เรื่อง การจัดรปู แบบข้อความ จานวน …6…ช่ัวโมง : …10.. คะแนน
แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง การจัดรูปแบบข้อความ แผนจัดการเรียนรทู้ ี่ 3 เรื่อง การจดั รปู แบบขอ้ ความ รายวิชาโปรแกรมประมวลผลคา รหสั วิชา ง31269 ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 น้าหนกั เวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 60 ชัว่ โมง/สัปดาห์ เวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 6 ชวั่ โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคญั (ความเขา้ ใจทค่ี งทน) การสรา้ งงานเอกสารเพื่อนาไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ จาเปน็ จะตอ้ งประยุกตใ์ ช้เครือ่ งมอื ในการจดั การ เพอื่ ใหเ้ อกสารมีความน่าสนใจและนาไปใช้ในการส่อื สารผ่านข้อความ ภาพกราฟิก แผนภมู ิ สญั ลกั ษณ์ เปน็ ตน้ โปรแกรม Microsoft Office Word 2010 มีความสามารถในการจดั การไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ และมรี ูปแบบสาเรจ็ รวมถงึ การใช้ งานที่งา่ ย สะดวก 2. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชีว้ ัดช้นั ปี/ผลการเรียนรู้/เป้าหมายการเรยี นรู้ มาตรฐาน ง ๒.๑ เข้าใจเทคโนโลยแี ละกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสร้างสิ่งของเครอื่ งใช้ หรอื วิธีการ ตามกระบวนการเทคโนโลยอี ยา่ งมคี วามคิดสร้างสรรค์ เลอื กใชเ้ ทคโนโลยใี นทางสร้างสรรค์ตอ่ ชีวติ สังคม ส่ิงแวดลอ้ ม และมีส่วนร่วมในการจดั การเทคโนโลยีท่ีย่ังยืน มาตรฐาน ๔.๑ เข้าใจ มีทกั ษะทีจ่ าเป็น มีประสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชพี ใชเ้ ทคโนโลยี เพ่อื พัฒนาอาชีพ มีคณุ ธรรม และมีเจตคตทิ ีด่ ีตอ่ อาชีพ ตัวช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ 11. ประโยชนข์ องโปรแกรม Microsoft Word 2010 12. สว่ นประกอบต่าง ๆ ของโปรแกรม Microsoft Word 2010 13. การสรา้ ง การเปดิ ปิด และบนั ทึกเอกสาร 14. การกาหนดค่าเร่ิมต้นในการใชโ้ ปรแกรม 15. การจัดรูปแบบยอ่ หน้าและการก้ันหน้า 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนื้อหาสาระหลัก : Knowledge 1.การสรา้ งปกรายงาน 2.การแทรกรปู ภาพ ภาพตดั ปะ รปู รา่ ง SmartArt แผนภูมิ 3.การจบั ภาพหน้าจอมาแทรกในเอกสาร 4. การแทรกหัวกระดาษ ทา้ ยกระดาษ หมายเลขหนา้ กระดาษ 5. การแทรกกล่องขอ้ ความ อักษรศลิ ป์ ตวั อักษรหนา้ ข้อความขนาดใหญ่ 6. การแทรกสญั ลกั ษณพ์ เิ ศษ และแทรก สญั ลกั ษณ์คณิตศาสตร์ 7.การแทรกลายน้าลงในเอกสาร 8.การสรา้ งขอบกระดาษเอกสาร
ทักษะ/กระบวนการ : Process สามารถเข้าสูโ่ ปรแกรม Microsoft Word 2010 ได้ 3.5 คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ : Attitude ซ่ือสัตย์ มีวินยั ใฝเุ รียนรู้ มุ่งมัน้ ในการทางาน 4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรยี น - ความรอบคอบ 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คณุ ลกั ษณะของวิชา - ความมวี ินัย - ความรับผดิ ชอบ - มนุษยสมั พนั ธ์ - ขยนั หม่ันเพียร 6. คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 2. ซ่อื สัตย์สจุ ริต 3. มวี นิ ัย 4. ใฝเุ รียนรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 6. มุ่งมนั่ ในการทางาน 7. รกั ความเป็นไทย 8. มีจติ สาธารณะ 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน : - แบบประเมนิ ผลหลงั เรยี นหนว่ ยที่ 3 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1.ครแู ละผูเ้ รียนสนทาเก่ียวกับการจัดทาเอกสารเพอื่ ประยุกตใ์ ช้ในงานด้านต่างๆ เช่น การทารายงาน การทา หน้าปก การทาแผ่นพบั ใบปลวิ การนาเสนองานทมี่ ภี าพประกอบ ผังการจัดองคก์ าร การใส่รปู ร่างตา่ งๆ รวมถึงการ จัดการโครงรา่ งหน้ากระดาษ เพอ่ื ให้เอกสารใชป้ ระโยชน์ไดห้ ลากหลาย และมคี วามสะดวก รวดเรว็ ในการจดั ทารปู แบบ บางอย่างโปรแกรมจะมีแบบสาเรจ็ รูปให้ สามารถนาไปพมิ พข์ อ้ ความและตกแตง่ ตามแบบได้ทันที จึงทาให้โปรแกรม Microsoft Offi ce Word 2010 มีการใชง้ านกนั อย่างแพร่หลาย 2.ครูพูดถงึ ความสาคญั ของโปรแกรม Microsoft Word 2010 มีความสามารถสรา้ งใบปะหน้า (Cover Page) ซึ่งอาจใช้ทาเป็นหนา้ ปกรายงานในรูปแบบท่สี มบรู ณแ์ ละสวยงาม โปรแกรมจะแทรกให้เปน็ หนา้ แรกแบบอัตโนมตั ิงาน เอกสารบางอยา่ งอาจต้องการหน้าปกหรือใบปะหนา้ 3.ผเู้ รียนยกตวั อยา่ งการใชง้ านของโปรแกรมประมวลผลในปัจจุบัน ขน้ั สอน 4.ครูอธิบายและสาธติ การสร้างปกรายงาน และใหผ้ ้เู รียนปฏบิ ตั ิตาม ดังน้ี
5.ครูอธบิ าย และสาธิตการแทรกรูปภาพ ภาพตดั ปะ รูปรา่ ง SmartArt แผนภมู ิ โดยผ้เู รียนฝึกปฏบิ ัติตาม 1) คลกิ ท่ี Tab Insert 2) ที่กลุ่มคาสงั่ Illustrations เลือก ClipArt ปรากฏแถบหนา้ ตา่ งทางขวา 3) คลกิ เลือกทป่ี ุม Go 4) ปรากฏภาพ Clip art 5) คลิกที่ภาพ Clip art ทตี่ ้องการ ภาพจะถูกนามาวางในเอกสารทนั ที 6.ครูและผู้เรียนสาธติ การแทรกรปู ภาพและการจัดการไฟล์รูปภาพ (Picture) ดงั นี้ 1) คลิกที่ Tab Insert 2) ท่ีกลุ่มคาส่ัง Illustrations เลอื ก Picture ปรากฏหนา้ ต่าง Insert Picture 3) เลอื กตาแหนง่ ทจ่ี ัดเกบ็ รปู ภาพท่ีตอ้ งการแทรกลงในเอกสาร จากในรูปภาพอยู่ในLibraries>Picture 4) คลิกท่ไี ฟล์รปู ภาพ 5) เลอื ก Insert จะปรากฏรปู ภาพท่ีตอ้ งการแทรกบนเอกสาร 7.ผเู้ รยี นฝกึ ทักษะการปรับแต่งรูปภาพ โดยดับเบิลคลกิ ทรี่ ปู ภาพทต่ี อ้ งการปรบั แต่ง ทก่ี ลุ่ม Adjust สามารถ ปรับแตง่ คา่ ไดด้ ังนี้
8.ผเู้ รยี นฝกึ ทกั ษะในการปรับเปล่ยี นขนาดรปู ภาพ โดยรูปภาพท่นี ามาใส่ในเอกสาร ในบางครงั้ อาจจะตอ้ งมีการ ปรบั ขนาดให้เหมาะสม สามารถทาไดด้ งั นี้ 1) คลิกรปู ทจี่ ะปรบั ขนาด 2) วางเมาส์ท่ีมุมของรปู เคอรเ์ ซอร์ของเมาส์จะเปล่ยี นเป็นรปู ลกู ศร 2 หัว 3) คลกิ ลากปรบั ขนาดของรูปตามต้องการ 4) รปู ภาพจะมีขนาดตามท่กี าหนด 9.ผ้เู รียนฝกึ ทกั ษะในการหมุนรปู ภาพ ทาไดโ้ ดยคลิกที่รูปภาพ จะปรากฏ 9 จดุ ใหค้ ลิกค้างท่ีจุดสเี ขียวเหนอื รปู ภาพ และหมนุ รูปภาพตามที่ต้องการ เมือ่ หมนุ เรยี บรอ้ ยแลว้ ให้ปล่อยเมาส์ 10.ครแู ละผเู้ รยี นสาธิตการปรับแต่งรปู ภาพเพอื่ นามาใช้ในงานเอกสาร โดยการปรับแตง่ รปู ภาพให้เหมาะสมกบั เนือ้ หาในเอกสาร และให้มองดูสวยงาม ซ่งึ การปรบั แตง่ รปู ภาพ สามารถทาไดโ้ ดยการดับเบิลคลกิ ท่ีรูปภาพจะปรากฏ แท็บบริบท Format จะเกิดหมวดหมดู่ ังนี้ 11.ครแู ละผู้เรียนสาธิตการปรบั แตง่ รูปภาพเพิม่ เติม โดย 1) คลิกขวาท่ีรปู ภาพ เลอื ก Format Picture 2) ปรากฏหน้าตา่ งจัดรูปแบบรปู ภาพ 3) ปรบั แตง่ รปู ภาพไดท้ ันทจี ากตวั อย่างปรับให้มีเงาสะท้อน 12.ครแู ละผเู้ รียนสาธติ การจัดวางข้อความร่วมกบั รปู ภาพ (Text Wrapping) โดยText Wrapping คอื ตวั แบง่ การตัดข้อความสิ้นสุดบรรทดั ปัจจุบันและบงั คบั ใหข้ ้อความเรยี งตอ่ เน่ืองอยู่ท่ดี ้านล่างรปู ภาพ ตาราง หรอื รายการอื่น (ข้อความจะเรยี งต่อเนอ่ื งอยูบ่ นบรรทัดว่างเปล่าบรรทดั ถัดไปท่ีไมม่ รี ูปภาพหรือตารางถูกจดั ชิดระยะขอบซา้ ยหรือชิด ระยะขอบขวาอยู่) การแทรกรูปภาพบางครั้งต้องนารปู ภาพมาใช้ร่วมกบั ข้อความ ซึง่ ต้องกาหนดตาแหนง่ การจดั วางที่ เหมาะสม สามารถทาไดด้ ังนี้ 1) คลกิ ขวาท่รี ูปภาพที่ตอ้ งการจดั วาง 2) ปรากฏเมนูย่อยเลือก Wrap Text 3) เลอื กลาดบั ที่ตอ้ งการ ซ่ึงมคี วามหมายดังน้ี 3.1 In Line with Text (บรรทัดเดยี วกับตัวอักษร) รูปจะแสดงบรรทดั เดียวกบั ขอ้ ความ 3.2 Square (จัตุรัส) ล้อมรปู เปน็ กรอบสีเ่ หลย่ี ม 3.3 Tight (ล้อมรอบ) ลอ้ มไปตามแนวขอบของรูป 3.4 Through (ทะลุผ่าน) คลา้ ยแบบลอ้ มรอบ แต่จะจัดข้อความตรงที่ว่างในรูปด้วย 3.5 Top and Bottom (บนและลา่ ง) จัดข้อความอยู่เหนือและใต้รูป 3.6 Behind Text (ขา้ งหลังข้อความ) ซอ่ นรปู ไว้ดา้ นหลังข้อความ 3.7 In Front of Text (ขา้ งหน้า ข้อความ) นารูปไวด้ า้ นหนา้ ข้อความ 3.8 Edit Wrap Points (แกไ้ ขขอบรูป) เปลยี่ นขอบรูปตามจุด 13.ผูเ้ รยี นสาธิตการแทรกรูปทรง ดังต่อไปนี้ 1) บนแถบเครื่องมอื Insert คลิก Shapes ท่กี ลมุ่ เมนู Illustrations 2) เลือกรปู ทรงตามที่ต้องการ 3) คลิกหรอื ลากไปยังตาแหนง่ ทต่ี อ้ งการแทรกรปู ทรงลงในเอกสาร
4) ถา้ ตอ้ งการพิมพ์ขอ้ ความลงในรูปทรง ใหค้ ลิกขวาที่รปู ทรงเลือก Add Text พมิ พ์ขอ้ ความแล้วจัดตาแหนง่ ใหส้ วยงาม 14.ผู้เรยี นฝึกจัดรูปแบบของรูปรา่ ง (Shape Styles) โดยการปรับแต่งแก้ไขรปู ร่างใหม้ ีความสวยงาม น่าสนใจ ใน การจัดทาเอกสารบางอยา่ ง เชน่ แผ่นพับ ใบปลิว หรือโบรชัวร์ โดยการสร้างรูปรา่ งขึ้นมากอ่ นแลว้ นามาแก้ไขปรับปรงุ 15.ผ้เู รยี นฝึกทักษะการเติมสีให้รูปร่างมขี ั้นตอนดงั น้ี 1) สร้างรปู รา่ ง และคลิกทร่ี ปู ร่าง จะปรากฏแท็บ Format 2) คลิกเลือกที่ Shape Fill เลือกคาส่งั ที่ต้องการ 16.ครูอธบิ ายและสาธติ การแทรกรปู ภาพ ภาพตดั ปะ รูปร่าง SmartArt แผนภูมิ โดย SmartArt เป็นการสอ่ื สาร ข้อมลู โดยใช้กราฟิกโดยมีแมแ่ บบสาเร็จแยกตามงาน เชน่ ผังการจดั องค์การ ผงั งาน เปน็ ต้น ขนั้ ตอนการสรา้ ง SmartArt ทาได้ดังนี้ 1) คลกิ ทแ่ี ท็บ Insert เลือกคาสัง่ SmartArt 2) จะปรากฏหนา้ ตา่ งรูปแบบ SmartArt ให้เลือกตามการใช้งาน 17.ครูสาธิตการแทรกแผนภมู ิ (Chart) และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบตั ติ าม โดยแผนภมู ิเปน็ การนาเสนอข้อมูลในรปู แบบท่ี เข้าใจงา่ ย ดงั น้ันในงานเอกสารท่ีจาเปน็ ตอ้ งนาเสนอข้อมูลในรูปแบบของแผนภมู ิจงึ มคี วามจาเปน็ ในการสร้างแผนภมู ใิ น โปรแกรม Microsoft Offi ce Word 2010 มวี ธิ กี ารทงี่ า่ ยและสะดวก โดยมขี น้ั ตอนดังน้ี 1) คลกิ ที่แท็บ Insert เลอื กคาสง่ั Chart 2) จะปรากฏหน้าต่างรูปแบบ Chartให้เลือกตามการใชง้ านคลิกปุม OK 3) จะปรากฏโปรแกรม Excel ขึน้ มาพรอ้ มรูปแบบขัน้ ต้น ให้แก้ไขขอ้ มูลทีแ่ ถวและคอลัมน์ 4) แผนภูมทิ ่ีมีขอ้ มูลพรอ้ มรูปแบบจะถูกแสดงขึ้นมาในเอกสาร จากน้นั ให้ปิดโปรแกรม Excel
18.ครสู าธติ การจบั ภาพหน้าจอมาแทรกในเอกสาร และให้ผูเ้ รียนปฏบิ ัติตาม โดย Screenshot คือ เครือ่ งมอื ใน การจับภาพหนา้ จอบนคอมพิวเตอร์ คาสัง่ นชี้ ว่ ยใหส้ ามารถจับภาพหน้าจอของโปรแกรมอน่ื ๆ ทีเ่ ราเปดิ ค้างอยู่มาวางไวใ้ น หนา้ ต่าง Microsoft Word 2010 ได้ทนั ที โดยท่ไี ม่ต้องปรับเปลยี่ นหน้าต่าง โดยวิธีจบั หนา้ จอด้วย Screenshot 1) คลกิ เปิดโปรแกรม Word 2010 2) เล่อื นไปยงั ตาแหนง่ ที่ตอ้ งการวางภาพ 3) คลกิ Tab เมนู Insert 4) เลือกไอคอน Screenshot ใหค้ ลกิ ทรี่ ูปสามเหลีย่ มขนาดเล็กดา้ นลา่ ง 5) ถา้ คลิกเลอื กภาพทหี่ น้าต่าง Available Windows จะเปน็ การจบั ภาพท้ังหน้าตา่ ง 6) ถ้าคลกิ เลือกดา้ นล่าง Screen Clipping โปรแกรมจะแสดงหนา้ ตา่ งทเี่ ปดิ ล่าสุด จากนัน้ ให้ คลกิ เลอื กคลุมบางส่วน โปรแกรมจะจบั ภาพมาวางให้บนเอกสารทันที 19.ครสู าธิตการแทรกหวั กระดาษ ท้ายกระดาษ หมายเลขหนา้ กระดาษ และให้ผู้เรียนฝกึ ปฏิบัติตามดงั น้ี 1) เลอื กแทบ็ Insert 2) ทก่ี ลุม่ คาส่งั Header & Footer ให้คลิกท่ลี ูกศรใต้ Header แสดงการเรยี กใช้คาสง่ั ส่วนหวั กระดาษ 3) จะปรากฏรูปแบบของในส่วน Header ใหเ้ ลอื ก Header ตามท่ตี ้องการ (ตวั อยา่ งเลอื ก Alphabet) 4) โปรแกรมจะสรา้ งรปู แบบ Header ตามที่เลือกทีส่ ่วนบนสุดของเอกสาร ให้พิมพห์ วั เรอ่ื งตามตอ้ งการ 5) ถา้ ต้องการปรับเปลีย่ นในสว่ นของ Header ให้เลอื ก Edit Header หรอื ดับเบลิ คลกิ ท่บี รเิ วณ Header ท่ีต้องการแก้ไข ซง่ึ โปรแกรมจะปรากฏแทบ็ Design 6) เมื่อปรบั เปล่ยี นในสว่ นของ Header แลว้ ใหค้ ลิกที่ Close Header and Footer เม่ือใช้เครอ่ื งมือหวั กระดาษ หรอื ทา้ ยกระดาษ จะมีแท็บบริบท (Tab Design) ขนึ้ มา สามารถปรบั ค่าต่างๆ ไดต้ ามตอ้ งการ ผใู้ ช้สามารถใส่เลขหนา้ , Date & Time (วนั ทแี่ ละเวลา) รปู ภาพ (Picture) ภาพตดั ปะ (Clip Art) และรูปแบบสาเรจ็ (Quick Parts) ไดอ้ ีก 20.ผู้เรยี นฝกึ ปฏิบัติทักษะการแทรกหมายเลขหนา้ ดังนี้ 1) การใส่เลขหน้าลงในเอกสารให้เลือก Insert (แทรก) 2) เลอื ก Page Number (เลขหนา้ เอกสาร) หมายเหตุ การแทรกท้ายกระดาษ (Footer) ทาได้เชน่ เดยี วกับหวั กระดาษ และการลบ Header ให้เลอื ก Remove Header, Remove Footer 3) เลอื กเครอ่ื งมอื เพอ่ื ใส่หนา้ ตามรปู แบบท่ีตอ้ งการ เช่น ไว้สว่ นบนของกระดาษ, ส่วนล่างของกระดาษ, ระยะ ขอบกระดาษ หรอื ตาแหน่งปัจจบุ นั ซงึ่ แตล่ ะรปู แบบจะมตี ัวเลอื กย่อย เชน่ ดา้ นบนซา้ ยของกระดาษด้านบนขวาของ กระดาษ เป็นต้น ผูใ้ ชส้ ามารถเลือกไดต้ ามท่ีต้องการ 4) ผ้ใู ชส้ ามารถตั้งค่า “การแสดงหน้า” ได้ ดว้ ยคาส่งั Format Page Numbers สามารถกาหนดรูปแบบตัวเลข หรือ ตัวอกั ษรท่จี ะแสดง ตาแหน่งทจี่ ะแสดง รวมถงึ การกาหนด หนา้ ท่ีตอ้ งการให้เริม่ แสดงเลขหน้า 21.ครอู ธบิ าย และสาธติ การแทรกกลอ่ งขอ้ ความ อักษรศิลป์ ตวั อักษรหนา้ ข้อความขนาดใหญ่ โดยให้ ผู้เรยี นปฏิบัตติ าม ดงั น้ี 1) คลิกบนแถบเคร่อื งมอื Insert 2) คลกิ Text Box ท่ีกลุ่มเมนู Text 3) เลือกรปู แบบท่ีมีมาให้ หรอื ต้องการสรา้ งเอง โดยเลือกที่ Draw Text Box 4) ท่ีบริเวณท่ีต้องการแทรกกล่องข้อความให้คลกิ แล้วลาก เพ่ือสรา้ งกล่องขอ้ ความในเอกสาร จากน้ันพิมพ์ข้อความ หรือแทรกรูปภาพได้ตามท่ตี ้องการ 22.ผู้เรียนฝึกทกั ษะโดยการแทรกอักษรศลิ ป์ (WordArt) ซงึ่ อกั ษรศลิ ป์เป็นอกั ษรสาเรจ็ รปู ที่โปรแกรม Microsoft Word 2010 ไดอ้ อกแบบมาเพื่อเน้นขอ้ ความ โดยขอ้ ความท่พี มิ พล์ งไปจะเป็นขอ้ ความที่มีสสี นั และรูปแบบ
สวยงามตามที่ผู้ใช้ต้องการ การทางานของอกั ษรศิลป์มคี วามสะดวกรวดเรว็ และมรี ปู แบบการตกแต่งที่หลากหลายให้ผู้ ใชไ้ ด้เลอื กตามทตี่ ้องการ การแกไ้ ขข้อความอักษรศิลป์ และการตกแต่งก็ให้ปฏบิ ัตเิ ชน่ เดียวกบั การใส่เอฟเฟก็ ต์ใหข้ อ้ ความ ในแท็บรูปแบบ (Format) จงึ ทาให้สร้างผลงานได้รวดเร็วและมีประสทิ ธิภาพ การสร้างอักษรศิลป์มีวิธีการดังนี้ 1) คลิกท่ี Tab Insert 2) คลิกท่ี WordArt ปรากฏรูปแบบตัวเลอื กของ WordArt 3) คลกิ เลือกรปู แบบ WordArt จะปรากฏกลอ่ งขอ้ ความอักษรศลิ ป์ ใหพ้ ิมพ์ตัวอักษรลงในกล่องข้อความ ซงึ่ จะ เป็นรูปแบบตัวอักษรศิลป์ทไ่ี ด้เลอื กไว้ 23.ครอู ธิบายและสาธติ การแทรกสญั ลักษณ์พเิ ศษ และแทรก สญั ลักษณ์คณติ ศาสตร์ และให้ผ้เู รยี นฝกึ ปฏบิ ัติ ตาม โดยการแทรกสัญลักษณ์ทางคณติ ศาสตร์ 1) คลกิ ท่ีแทบ็ Insert คลกิ ท่ี 2) หรอื เลือกลูกศรใต้คาสง่ั Equation เลือกที่ Insert New Equation จะมรี ปู แบบคณติ ศาสตร์ใหเ้ ลอื ก 3) เลอื กรปู แบบทางคณิตศาสตรแ์ ละพิมพต์ ัวเลขตามที่ตอ้ งการ 24.ผู้เรียนฝึกทักษะการแทรกสัญลักษณพ์ เิ ศษ ดังนี้ 1) คลิกท่แี ท็บ Insert 2) เลือกลกู ศรใต้คาส่ัง Symbol 3) เลอื กสญั ลกั ษณพ์ ิเศษตามท่ีต้องการ 4) ถ้าต้องการแทรกสญั ลักษณพ์ เิ ศษอนื่ ให้เลอื ก More Symbols แลว้ เลือกสัญลักษณพ์ ิเศษ เลือกแบบอกั ษรช่ือ Wingdings 5) คลกิ ที่ Insert เพ่ือแทรกสญั ลกั ษณพ์ เิ ศษอื่นตามทเ่ี ลอื ก 25.ครูสาธิตพรอ้ มอธิบายการแทรกลายนา้ ลงในเอกสาร โดยให้ผูเ้ รียนฝกึ ปฏบิ ัตติ าม ดังน้ี 1) คลิกแท็บ Page Layout ภายใต้กลมุ่ คาส่ัง Page Background เลือก Watermark 2) สามารถเลือกรปู แบบของ Watermark ไดท้ นั ที 3) หากต้องการกาหนดรปู แบบของ Watermark ให้คลกิ ท่ี Custom Watermark จะปรากฏกลอ่ ง Printed Watermark จากนัน้ ใหก้ าหนดรปู แบบได้ตามที่ต้องการ 4) การลบ Watermark ออกจากเอกสารให้เลือกท่ี Remove Watermark 26.ครูสาธติ การสร้างขอบกระดาษเอกสาร และให้ผู้เรยี นฝึกปฏบิ ตั ิตาม ดงั นี้ 1) คลิกแท็บ Page Layout ภายใตก้ ลมุ่ คาส่งั Page Background เลือก Page Borders 2) จะปรากฏหน้าตา่ ง Borders & Shading 3) สามารถกาหนดรปู แบบต่างๆ ไดต้ ามทตี่ ้องการแลว้ กด OK
27.ครูใหค้ วามรูเ้ พ่มิ เตมิ นอกเหนือจากเนื้อหาการเรยี นการสอน เก่ยี วกับเง่ือนไขตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง ใน การตดั สินใจและการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ให้อย่ใู นระดบั พอเพียงนัน้ ตอ้ งอาศยั ทง้ั ความรู้ และคณุ ธรรมเปน็ พนื้ ฐาน กลา่ วคอื (1) เงอ่ื นไขความรู้ เปน็ ความรอบรู้เก่ยี วกบั วชิ าการตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง ความรอบคอบท่ีจะนาความรู้เหลา่ นน้ั มา พจิ ารณาให้เชื่อมโยงกนั เพือ่ การวางแผน และความระมดั ระวังในขน้ั ปฏบิ ตั ิ (2) เงื่อนไขคณุ ธรรม เปน็ ส่งิ ทต่ี ้องเสรมิ สร้างให้มีความตระหนักในคุณธรรม มคี วามซื่อสัตย์สุจรติ และมคี วาม อดทน มีความเพียร ใชส้ ติปญั ญาในการดาเนินชีวติ ขน้ั สรุปและการประยกุ ต์ 28.ครแู ละผ้เู รียนชว่ ยกนั สรปุ การการตกแต่งเอกสาร โดยให้ฝกึ ปฏบิ ัตงิ านทคี่ รูมอบหมายให้ 29.ผูเ้ รียนทาใบงาน แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏิบัติ 30.ประเมินผเู้ รียนตามแบบฟอร์มต่อไปนี้ แบบประเมนิ ประสบการณพ์ ้นื ฐาน ชอื่ ผ้เู รยี น ประสบการณ์พนื้ ฐานการเรยี นรู้ วิธีการเรียนรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5.
9. สื่อการเรียนการสอน / แหลง่ เรียนรู้ จานวน สภาพการใชส้ อื่ รายการส่อื 1 ชดุ ข้ันขยายความรู้ 1. แบบประเมนิ ผลหลงั เรียนหน่วยท่ี 3 1 ชุด ขนั้ สร้างความสนใจ/ขัน้ ขยายความรู้ 2. เคร่อื งคอมพิวเตอร์ 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล เป้าหมาย หลักฐานการเรียนรู้ วธิ ีวดั เครอื่ งมือวัดฯ ประเด็น/ การเรียนรู้ ชนิ้ งาน/ภาระงาน เกณฑก์ ารให้ ตรวจแบบ แบบประเมนิ ผลการ การจัดรูปแบบข้อความ ใบงาน ประเมนิ ผลการ เรียนรู้ และแบบฝกึ คะแนน เรยี นรู้ แบบฝึก ปฏบิ ตั ิ ปฏบิ ัติ แบบประเมินผลการ เรียนรู้มีเกณฑผ์ ่าน และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 50%
ผงั มโนทศั น์ รายวชิ าโปรแกรมประมวลผลคา รหสั วชิ า ง31269 ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 เรอื่ ง การค้นหาและการตรวจสอบขอ้ ความ จานวน 6 ชวั่ โมง : 10 คะแนน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เรื่อง การคน้ หาและการตรวจสอบขอ้ ความ จานวน 6 ชว่ั โมง ช่ือเรอ่ื ง การค้นหาและการตรวจสอบขอ้ ความ จานวน …6…ชว่ั โมง : …10.. คะแนน
แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่ือง การคน้ หาและการตรวจสอบข้อความ แผนจัดการเรียนรทู้ ่ี 4 เรือ่ ง การค้นหาและการตรวจสอบขอ้ ความ รายวชิ าโปรแกรมประมวลผลคา รหสั วชิ า ง31269 ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 นา้ หนักเวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 60 ชวั่ โมง/สัปดาห์ เวลาท่ีใช้ในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 6 ช่ัวโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคญั (ความเขา้ ใจที่คงทน) การใชต้ ารางเพอื่ ทาการจดั ระเบยี บของขอ้ มูลในเอกสารให้ดงู า่ ย เป็นระเบียบ แบง่ สัดสว่ นของขอ้ มลู ใหช้ ัดเจน Microsoft Word 2010 สามารถทาไดโ้ ดยโปรแกรมไดจ้ ดั เตรยี มตารางไวใ้ ห้ใชง้ าน ในกรณที ่ขี อ้ มลู มลี กั ษณะท่เี ป็นตวั เลข หรอื ขอ้ ความอนื่ ๆ ท่มี คี วามจาเป็นจะต้องใสล่ งในตาราง Microsoft Word 2010 จะปรับความกว้างและความสูงของชอ่ ง ตารางตามขนาดของตวั อักษรและความกวา้ งของบรรทดั สามารถปรับแต่งรปู แบบของตารางไดห้ ลากหลายเพอ่ื นาไป ประยกุ ตใ์ ชง้ านได้เหมาะสมรวมทัง้ ยังมรี ูปแบบตารางสาเรจ็ ให้เลอื กใชง้ านไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและสวยงาม 2. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชีว้ ัดช้นั ปี/ผลการเรยี นรู้/เป้าหมายการเรยี นรู้ มาตรฐาน ง ๒.๑ เขา้ ใจเทคโนโลยีและกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสรา้ งส่งิ ของเครอ่ื งใช้ หรือวธิ ีการ ตามกระบวนการเทคโนโลยีอยา่ งมีความคิดสร้างสรรค์ เลอื กใช้เทคโนโลยีในทางสรา้ งสรรคต์ ่อชีวิต สังคม ส่ิงแวดลอ้ ม และมสี ว่ นร่วมในการจัดการเทคโนโลยีท่ยี ่งั ยนื มาตรฐาน ๔.๑ เข้าใจ มีทักษะทจ่ี าเป็น มปี ระสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชพี ใช้เทคโนโลยี เพื่อพัฒนาอาชีพ มคี ณุ ธรรม และมีเจตคตทิ ีด่ ตี อ่ อาชีพ ตัวชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ 16. ประโยชน์ของโปรแกรม Microsoft Word 2010 17. ส่วนประกอบต่าง ๆ ของโปรแกรม Microsoft Word 2010 18. การสร้าง การเปดิ ปิด และบนั ทกึ เอกสาร 19. การกาหนดคา่ เริม่ ต้นในการใช้โปรแกรม 20. การจัดรปู แบบยอ่ หน้าและการกน้ั หนา้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เนอ้ื หาสาระหลกั : Knowledge 1. การสร้างตาราง 2. การกรอกข้อมูลลงในตาราง 3. การจัดตาแหน่งขอ้ ความ 4. การปรับขนาดของตาราง 5. การเพ่ิมจานวนแถวหรอื คอลัมน์ 6. การผสานและแยกเซลล์ 7. การลบเซลล์ท่ไี มต่ อ้ งการ 8. การกาหนดเสน้ ขอบของตาราง
3.5 ทักษะ/กระบวนการ : Process สามารถเขา้ สู่โปรแกรม Microsoft Word 2010 ได้ 3.6 คณุ ลักษณะท่พี งึ ประสงค์ : Attitude ซ่อื สตั ย์ มีวินัย ใฝุเรยี นรู้ มงุ่ มน้ั ในการทางาน 4. สมรรถนะสาคัญของนักเรยี น - ความรอบคอบ 4.2 ความสามารถในการคดิ 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะของวิชา - ความมวี นิ ัย - ความรบั ผิดชอบ - มนษุ ยสัมพนั ธ์ - ขยันหมั่นเพียร 6. คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2. ซ่อื สตั ยส์ จุ ริต 3. มวี ินัย 4. ใฝุเรยี นรู้ 5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง 6. มุ่งม่ันในการทางาน 7. รกั ความเปน็ ไทย 8. มีจิตสาธารณะ 7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน : - แบบประเมินผลหลงั เรยี นหนว่ ยที่ 4 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าสูบ่ ทเรยี น 1.ครใู ชเ้ ทคนคิ การสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดิมจากสัปดาห์ทผี่ ่านมา โดย ดงึ ความร้เู ดิมของผูเ้ รียนในเร่ืองทจ่ี ะเรียน เพอื่ ช่วยใหผ้ เู้ รียนมีความพรอ้ มในการเชอื่ มโยงความรใู้ หมก่ บั ความรู้เดมิ ของตน ผสู้ อนใชก้ ารสนทนาซกั ถามให้ผ้เู รยี นเล่าประสบการณเ์ ดิม หรือให้ผู้เรียนแสดงโครงความรูเ้ ดิม (Graphic Organizer) ของตน โดยโปรแกรม Microsoft Word 2010 สามารถสร้างตารางได้ดว้ ยการเลอื กจากตัวเลอื กของตารางทจี่ ดั รปู แบบ แล้ว พรอ้ มขอ้ มลู ตัวอยา่ ง หรือการเลอื กจานวนแถวและคอลัมนท์ ต่ี อ้ งการ สามารถสร้างตารางลงในเอกสาร หรือแทรก ตารางลงในอกี ตารางหนึง่ เพื่อสรา้ งตารางทซ่ี ับซอ้ นมากขึ้นได้ 2.ผูเ้ รยี นเล่าเร่อื งการใช้ตารางจากโปรแกรม Microsoft Excell ทีเ่ คยศึกษามาบ้างแล้ว ขนั้ สอน 3.ครใู ช้เทคนกการใช้แบบสาธิตการสร้างตาราง โดยใช้ส่อื Power Point ประกอบ และให้ผ้เู รยี นฝึกปฏิบัติ ตาม โดยการสร้างตารางด้วยโปรแกรม Microsoft Word 2010 ทาไดห้ ลายวธิ ี ซึ่งแต่ละวธิ นี ั้นก็สามารถทจ่ี ะสร้างตาราง ใหอ้ อกมาเหมือนกนั ได้ ขน้ึ อยกู่ บั ว่าจะเลอื กใชว้ ธิ ใี ดในการสร้างตาราง ซึ่งมีวธิ ีต่างๆ ดงั นี้ 3.1 การสร้างตารางแบบกาหนดเซลลอ์ ัตโนมตั ิ การสรา้ งตารางแบบกาหนดเซลลอ์ ตั โนมตั ินัน้
โปรแกรม Microsoft Word 2010 จะสามารถกาหนดชอ่ งตารางอัตโนมตั ไิ ด้ ซึ่งทาไดด้ งั ตอ่ ไปนี้ 1) วางเคอร์เซอร์บนตาแหน่งที่ต้องการสรา้ งตาราง 2) คลิกคาสั่ง ตาราง (Table) บนรบิ บอน แทรก (Insert) 3.)ลากเมาสก์ าหนดจานวนแถวและคอลมั นท์ ่ีต้องการ 4) ได้ตารางที่กาหนดไว้ตามต้องการ 3.2. การสร้างตารางแบบกาหนดเอง เป็นการสร้างตารางด้วยการใส่จานวนคอลัมน์และจานวนแถวตามที่ตอ้ งการ ซึ่งสามารถทาได้ดังตอ่ ไปนี้ 1) วางเคอร์เซอร์บนตาแหนง่ ที่ต้องการสรา้ งตาราง 2) คลกิ คาสงั่ ตาราง (Table) บนรบิ บอน แทรก (Insert) 3) เลอื กคาสั่ง แทรกตาราง (Insert Table) 4) ใส่จานวนคอลมั นท์ ี่ตอ้ งการในชอ่ ง จานวนคอลมั น์ (Number of columns) และใสจ่ านวนแถวทตี่ ้องการในชอ่ ง จานวนแถว (Number of rows) 5) คลกิ ตกลง (OK) จะไดต้ ารางท่ีตอ้ งการ 3.3 การสรา้ งตารางแบบวาดตาราง เป็นการวาดเส้นต่อกันเพื่อกาหนดขนาดตาราง ขนาดแถวและขนาดของ คอลัมน์ ลงในหน้าเอกสาร ในการสร้างตารางดว้ ยวิธีน้ีมขี ้อดคี อื สามารถกาหนดตารางไดต้ ามรูปแบบที่ต้องการ ช่องตาราง ไม่จาเปน็ ตอ้ งเท่ากนั ทาไดด้ ังนี้ 1) วางเคอร์เซอร์บนตาแหนง่ ทีต่ อ้ งการสรา้ งตาราง 2) คลิกคาสั่ง ตาราง (Table) บนริบบอน แทรก (Insert) 3) คลิกคาสงั่ วาดตาราง (Draw Table) แลว้ จะเหน็ เมาส์เปลย่ี นเปน็ รูปปากกา 4) คลิกเมาส์ลากปากกาเป็นเส้นตารางตามทเี่ ราต้องการ 3.4 การสรา้ งตารางโดยแปลงข้อความเป็นตารางทาได้ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) ลากเมาส์ (Drag Mouse) คลมุ ขอ้ ความท่ตี อ้ งการสรา้ งตาราง 2) คลกิ ปมุ คาสง่ั ตาราง (Table) บนริบบอน แทรก (Insert) 3) คลกิ คาส่ัง แปลงขอ้ ความตาราง (Convert Text to Table) 4) จะปรากฏไดอะลอ็ กบอ็ กซแ์ ปลงข้อความตาราง (Convert Text to Table) ใหค้ ลกิ ตกลง (OK) 5) โปรแกรมจะแบง่ คอลัมนแ์ ละแถวตามที่เราพิมพข์ ้อความไว้ และจะไดต้ ารางท่ตี ้องการ
3.5. การแทรกตารางด้วยกระดาษคานวณ Excel ทาไดด้ งั น้ี 1) วางเคอร์เซอรบ์ นตาแหนง่ ท่ีต้องการสรา้ งตาราง 2) คลิกปุมคาสั่ง ตาราง (Table) บนริบบอน แทรก (Insert) 3) คลกิ คาสงั่ กระดาษคานวณ Excel (Excel Spreadsheet) 4) จะปรากฏหน้าต่างโปรแกรม Excel ข้นึ มาให้ลากเมาส์ทีม่ ุมล่างดา้ นขวาเพือ่ กาหนดจานวนคอลัมน์และจานวนแถวท่ี เราต้องการ 5) พมิ พข์ ้อมูลลงในตาราง เมอ่ื เสรจ็ แล้วให้คลกิ เมาส์นอกหนา้ ตา่ งโปรแกรม Excel 6) ไดต้ ารางตามที่เราสรา้ งขึ้น 3.6. การสรา้ งตารางแบบใสต่ ารางด่วนทาไดน้ ้ี 1) วางเคอร์เซอรบ์ นตาแหนง่ ที่ตอ้ งการสร้างตาราง 2) คลกิ ปุมคาสั่ง ตาราง (Table) บนรบิ บอน แทรก (Insert) 3) คลิกคาสัง่ ตารางด่วน (Quick Tables) เลือกรปู แบบตารางท่ีเราตอ้ งการ 4. ครูใชเ้ ทคนคิ การสาธิตการกรอกขอ้ มลู ลงในตาราง และให้ผู้เรยี นฝกึ ทักษะปฏิบัตติ าม ดังนี้ เมอ่ื สร้างตารางแลว้ การปูอนข้อมูลในตารางท่ีสรา้ งขน้ึ ทาไดด้ ังนี้ 1) ลากเมาส์ (Drag Mouse) คลมุ ตารางที่เราสรา้ ง 2) กาหนดรปู แบบอกั ษรและขนาดอักษรทต่ี ้องการทีค่ าส่ัง Font บนริบบอน หนา้ แรก (Home) 3) คลิกในเซลล์ทีเ่ ราต้องการและพมิ พ์ขอ้ ความลงไป 4) กดคีย์ลูกศรบนคีย์บอร์ดเพ่อื เลือ่ นไปยังเซลล์อื่นทเี่ ราต้องการพมิ พต์ อ่ ไป 5) เม่ือพมิ พ์เอกสารครบถว้ นแลว้ ใหค้ ลิกเมาส์นอกตาราง
5.ครสู าธิตการจัดตาแหนง่ ข้อความ และใหผ้ ูเ้ รียนปฏิบตั ิสามารถทาได้ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) เลอื กข้อมูลทีเ่ ราต้องการจดั ตาแหนง่ 2) คลกิ ปุมจดั ตาแหน่งตามท่เี ราต้องการ เช่น ตอ้ งการจัดกึ่งกลาง 3) สามารถจดั ตาแหนง่ ใหก้ ับเซลล์อนื่ ๆ ได้ตามตอ้ งการเพือ่ ความสวยงามของเอกสาร 6.ครอู ธบิ าย และสาธติ การปรับขนาดของตาราง และใหผ้ ู้เรียนฝกึ ปฏิบตั ิตามการสร้างตารางถา้ มขี นาดไม่ตรงกบั ความ ตอ้ งการ สามารถท่ีจะปรับขนาดความกว้างของตารางได้หลายวิธี ได้แก่ -การปรบั ความกวา้ งของคอลมั น์ในตาราง -การปรบั ความสงู ของแถวในตาราง -การปรบั ความกว้างท้ังตาราง -การใส่รปู แบบตารางสาเรจ็ รปู 7.ครูอธบิ าย และสาธิตการเพิ่มจานวนแถวหรือคอลมั น์ ซึ่งสามารถทาได้ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) วางเคอรเ์ ซอรไ์ วท้ ี่เซลล์ทีต่ อ้ งการจะเพ่มิ แถวหรือเพมิ่ คอลัมน์ 2) คลกิ ปุมคาสงั่ แทรกด้านขวา (Insert Right) เม่อื ต้องการเพมิ่ คอลมั น์ บนรบิ บอน เค้าโครง (Layout) 3) หรือคลิกปุมคาส่งั แทรกด้านล่าง (Insert Below) เม่อื ต้องการเพม่ิ แถวบนรบิ บอน เค้าโครง (Layout) 8.ครสู าธิตการผสานและแยกเซลล์ 8.1. การผสานเซลล์ ทาได้ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ลากเมาส์ (Drag Mouse) คลมุ เซลลท์ ีต่ อ้ งการผสาน 2. คลิกปุมคาสง่ั ผสานเซลล์ (Merge cells) บนริบบอน เคา้ โครง (Layout) 8.2. การแยกเซลล์โดยสามารถทาได้ดังตอ่ ไปนี้ 1. วางเคอรเ์ ซอร์ไว้ในเซลล์ที่เราตอ้ งการแยก 2. คลิกปุมคาสัง่ แยกเซลล์ (Split Cells) บนริบบอนเค้าโครง (Layout) 3. ใส่จานวนแถวและคอลัมน์ทีต่ อ้ งการในไดอะลอ็ กบอ็ กซ์ การแยกเซลล์ (Split Cells) 4. คลิกปุม ตกลง (OK) 9.ครูอธิบาย และสาธติ การลบเซลล์ท่ีไม่ต้องการ โดยใหผ้ ู้เรียนฝึกปฏิบตั ิตาม หากสร้างตารางเรียบรอ้ ยแล้วพบวา่ มีเซลล์ แถว หรือคอลมั น์ ทีเ่ ราไม่ต้องการใช้ และตอ้ งการลบออกไป เราสามารถทาได้ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) วางเคอร์เซอรไ์ ว้ในเซลลท์ ่ีเราต้องการลบ 2) คลกิ ปมุ คาสงั่ ลบ (Delete) บนรบิ บอน เค้าโครง (Layout) 3) เลอื กคาสั่งดังน้ี
ลบเซลล์ (Delete Cells) เมือ่ ต้องการลบเซลล์นนั้ ลบคอลมั น์ (Delete Columns) เม่อื ตอ้ งการลบทง้ั คอลัมน์ที่เคอร์เซอร์อยู่ ลบแถว (Delete Rows) เมือ่ ต้องการลบท้งั แถวที่เคอรเ์ ซอร์อยู่ ลบตาราง (Delete Table) เมอื่ ตอ้ งการลบท้ังตาราง 4) ปรากฏไดอะลอ็ กบอ็ กซ์ ลบเซลล์ (Delete Cells) ให้เลอื กดังน้ี Shift cells left เมื่อต้องการเลอื่ นเซลล์มาทางซ้าย Shift cells up เมื่อต้องการเล่ือนเซลล์ขึน้ Delete entire row เมอ่ื ตอ้ งการลบทงั้ แถว Delete entire column เมอื่ ตอ้ งการลบทั้งคอลัมน์ 10. ผู้เรียนฝึกทกั ษะในการกาหนดเส้นขอบของตาราง สามารถทาไดด้ ังตอ่ ไปนี้ 1. คลิกปุมคาสัง่ วาดตาราง (Draw Table) บนรบิ บอน ออกแบบ (Design) 2. เลือกรปู แบบเส้นที่กลมุ่ คาสั่ง Line Style 3. เลอื กความหนาของเส้นทก่ี ลมุ่ คาสง่ั Line Weight 4. เลือกสเี สน้ ที่ปุม Pen Color 5. ลากเมาส์วาดลงบนเสน้ ท่ตี ้องการ 6. เส้นตารางจะเปลย่ี นไปตามที่เราวาด 11.ครใู ห้ความรเู้ พม่ิ เตมิ ในการทาบัญชีรายรบั -รายจา่ ย ซึ่งเป็นการจดบนั ทึกเหตกุ ารณต์ ่าง ๆ เก่ยี วกับการเงนิ หรอื บางสว่ นเก่ียวข้องกับการเงิน โดยผ่านการวเิ คราะห์ จัดประเภทและบนั ทึกไว้ในแบบฟอร์มที่กาหนด เพ่อื แสดงฐานะ การเงินและผลการดาเนินงานของตนเองหรือครอบครวั ในชว่ งระยะเวลาหน่ึง เปน็ วิธีช่วยตรวจสอบการใช้จ่ายของ ครอบครวั วา่ มรี ายจ่ายสมดุลกับรายรับ และใชจ้ ่ายอย่างมีเหตผุ ลตามความจาเปน็ พอเหมาะกับสภาพครอบครวั หรือไม่ หากสามารถปรับเปล่ียนพฤติกรรมการบริโภค เพ่ือลดรายจา่ ยทไ่ี มจ่ าเป็นเกินตนได้ จะช่วยให้มีเงินเกบ็ ออมเพือ่ เป็น รากฐานสร้างภูมิค้มุ กนั ทดี ใี นชวี ิตได้ ขัน้ สรุปและการประยกุ ต์ 12.ครแู ละผ้เู รียนสรุปการสรา้ งตารางขอ้ มูล โดยการฝกึ ปฏิบตั ิ และการถาม-ตอบและนาไปประยกุ ตใ์ ช้ใน ชวี ติ ประจาวนั ได้ 13.ผู้เรียนทากจิ กรรมใบงาน แบบประเมนิ ผล และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ และประเมินผู้เรียนตามแบบฟอร์มดังต่อไปนี้ ชื่อผู้เรยี น ประสบการณพ์ ้ืนฐานการเรียนรู้ วธิ กี ารเรียนรู้ ความรู้ ทักษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5.
9. สื่อการเรียนการสอน / แหล่งเรียนรู้ จานวน สภาพการใช้สือ่ รายการสอ่ื 1 ชดุ ขั้นขยายความรู้ 1. แบบประเมนิ ผลหลงั เรียนหน่วยที่ 4 1 ชดุ ข้ันสร้างความสนใจ/ขั้นขยายความรู้ 2. เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล เปา้ หมาย หลกั ฐานการเรียนรู้ วิธีวัด เครื่องมอื วดั ฯ ประเด็น/ การเรยี นรู้ ช้ินงาน/ภาระงาน เกณฑก์ ารให้ ตรวจแบบ แบบประเมนิ ผลการ การคน้ หาและตรวจสอบขอ้ ความ ใบงาน ประเมนิ ผลการ เรียนรู้ และแบบฝกึ คะแนน เรยี นรู้ แบบฝึก ปฏิบตั ิ ปฏบิ ตั ิ แบบประเมินผลการ เรยี นรู้มีเกณฑผ์ ่าน และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 50%
ผงั มโนทศั น์ รายวิชาโปรแกรมประมวลผลคา รหสั วิชา ง31269 ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 เรื่อง การสรา้ งตาราง จานวน 6 ชวั่ โมง : 10 คะแนน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 เร่ือง การสร้างตาราง จานวน 6 ชว่ั โมง ชือ่ เรือ่ ง การสรา้ งตาราง จานวน …6…ชั่วโมง : …10.. คะแนน
แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 5 เร่อื ง การสรา้ งตาราง แผนจดั การเรยี นรทู้ ี่ 5 เร่อื ง การสร้างตาราง รายวิชาโปรแกรมประมวลผลคา รหัสวิชา ง31269 ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 น้าหนักเวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 60 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ เวลาที่ใชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 6 ชัว่ โมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสาคัญ (ความเข้าใจที่คงทน) การใชต้ ารางเพอ่ื ทาการจัดระเบียบของขอ้ มลู ในเอกสารให้ดงู ่าย เปน็ ระเบียบ แบง่ สัดส่วนของข้อมูลให้ชัดเจน Microsoft Word 2010 สามารถทาได้โดยโปรแกรมไดจ้ ัดเตรียมตารางไว้ใหใ้ ชง้ าน ในกรณที ีข่ อ้ มูลมีลักษณะที่เป็นตัวเลข หรือขอ้ ความอื่นๆ ท่มี ีความจาเปน็ จะตอ้ งใสล่ งในตาราง Microsoft Word 2010 จะปรบั ความกว้างและความสูงของช่อง ตารางตามขนาดของตัวอักษรและความกว้างของบรรทัด สามารถปรับแต่งรูปแบบของตารางได้หลากหลายเพื่อนาไป ประยุกตใ์ ช้งานไดเ้ หมาะสมรวมทั้งยังมรี ูปแบบตารางสาเรจ็ ใหเ้ ลอื กใช้งานได้อยา่ งรวดเร็วและสวยงาม 2. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั ชน้ั ปี/ผลการเรียนรู้/เป้าหมายการเรยี นรู้ มาตรฐาน ง ๒.๑ เขา้ ใจเทคโนโลยีและกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสรา้ งส่ิงของเครอ่ื งใช้ หรือวิธกี าร ตามกระบวนการเทคโนโลยีอย่างมคี วามคิดสร้างสรรค์ เลือกใช้เทคโนโลยใี นทางสร้างสรรคต์ อ่ ชวี ิต สงั คม สิ่งแวดลอ้ ม และมีสว่ นร่วมในการจดั การเทคโนโลยีทยี่ ัง่ ยนื มาตรฐาน ๔.๑ เขา้ ใจ มีทกั ษะท่จี าเปน็ มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชีพ ใชเ้ ทคโนโลยี เพ่ือพัฒนาอาชีพ มีคณุ ธรรม และมเี จตคติท่ดี ตี อ่ อาชีพ ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรู้ 21. ประโยชนข์ องโปรแกรม Microsoft Word 2010 22. สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของโปรแกรม Microsoft Word 2010 23. การสร้าง การเปดิ ปิด และบันทึกเอกสาร 24. การกาหนดค่าเรมิ่ ต้นในการใช้โปรแกรม 25. การจดั รูปแบบย่อหน้าและการก้นั หนา้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เนื้อหาสาระหลัก : Knowledge 1. การสร้างตาราง 2. การกรอกขอ้ มลู ลงในตาราง 3. การจดั ตาแหนง่ ข้อความ 4. การปรบั ขนาดของตาราง 5. การเพิ่มจานวนแถวหรือคอลมั น์ 6. การผสานและแยกเซลล์ 7. การลบเซลลท์ ี่ไมต่ ้องการ 8. การกาหนดเส้นขอบของตาราง
3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process สามารถเข้าส่โู ปรแกรม Microsoft Word 2010 ได้ 3.3 คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ : Attitude ซ่อื สัตย์ มีวินยั ใฝเุ รยี นรู้ มุ่งมัน้ ในการทางาน 4. สมรรถนะสาคญั ของนักเรียน - ความรอบคอบ 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะของวิชา - ความมีวนิ ัย - ความรับผดิ ชอบ - มนุษยสมั พนั ธ์ - ขยันหมั่นเพยี ร 6. คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 2. ซื่อสตั ยส์ ุจริต 3. มีวนิ ยั 4. ใฝุเรยี นรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 6. มงุ่ มน่ั ในการทางาน 7. รกั ความเปน็ ไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน : - แบบประเมนิ ผลหลังเรียนหนว่ ยท่ี 5 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรียน 1.ครูใช้เทคนคิ การสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรูเ้ ดมิ จากสัปดาห์ท่ผี า่ นมา โดย ดงึ ความรู้เดิมของผ้เู รียนในเรอื่ งทจี่ ะเรยี น เพือ่ ช่วยให้ผู้เรยี นมคี วามพรอ้ มในการเชือ่ มโยงความรู้ใหมก่ ับความรเู้ ดมิ ของตน ผสู้ อนใช้การสนทนาซกั ถามให้ผู้เรียนเล่าประสบการณ์เดมิ หรอื ใหผ้ ูเ้ รยี นแสดงโครงความรู้เดมิ (Graphic Organizer) ของตน โดยโปรแกรม Microsoft Word 2010 สามารถสรา้ งตารางได้ดว้ ยการเลือกจากตวั เลือกของตารางที่จัดรูปแบบ แล้ว พร้อมข้อมลู ตวั อย่าง หรอื การเลอื กจานวนแถวและคอลมั น์ท่ตี อ้ งการ สามารถสรา้ งตารางลงในเอกสาร หรอื แทรก ตารางลงในอกี ตารางหน่งึ เพอ่ื สร้างตารางท่ีซับซ้อนมากข้นึ ได้ 2.ผเู้ รียนเล่าเร่ืองการใช้ตารางจากโปรแกรม Microsoft Excell ทเ่ี คยศกึ ษามาบ้างแลว้ ขน้ั สอน 3.ครูใชเ้ ทคนกการใช้แบบสาธิตการสรา้ งตาราง โดยใช้สอื่ Power Point ประกอบ และใหผ้ เู้ รียนฝึกปฏบิ ตั ิ ตาม โดยการสร้างตารางด้วยโปรแกรม Microsoft Word 2010 ทาได้หลายวิธี ซ่ึงแตล่ ะวธิ ีน้นั ก็สามารถท่จี ะสร้างตาราง ใหอ้ อกมาเหมือนกนั ได้ ขน้ึ อยู่กับว่าจะเลอื กใชว้ ิธีใดในการสร้างตาราง ซง่ึ มีวธิ ีต่างๆ ดงั นี้ 3.1 การสรา้ งตารางแบบกาหนดเซลลอ์ ัตโนมัติ การสร้างตารางแบบกาหนดเซลล์อัตโนมตั ิน้ัน
โปรแกรม Microsoft Word 2010 จะสามารถกาหนดชอ่ งตารางอัตโนมตั ไิ ด้ ซึ่งทาไดด้ งั ตอ่ ไปนี้ 1) วางเคอร์เซอร์บนตาแหน่งที่ต้องการสรา้ งตาราง 2) คลิกคาสั่ง ตาราง (Table) บนรบิ บอน แทรก (Insert) 3.)ลากเมาสก์ าหนดจานวนแถวและคอลมั นท์ ่ีต้องการ 4) ได้ตารางที่กาหนดไว้ตามต้องการ 3.2. การสร้างตารางแบบกาหนดเอง เป็นการสร้างตารางด้วยการใส่จานวนคอลัมน์และจานวนแถวตามที่ตอ้ งการ ซึ่งสามารถทาได้ดังตอ่ ไปนี้ 1) วางเคอร์เซอร์บนตาแหนง่ ที่ต้องการสรา้ งตาราง 2) คลกิ คาสงั่ ตาราง (Table) บนรบิ บอน แทรก (Insert) 3) เลอื กคาสั่ง แทรกตาราง (Insert Table) 4) ใส่จานวนคอลมั นท์ ี่ตอ้ งการในชอ่ ง จานวนคอลมั น์ (Number of columns) และใสจ่ านวนแถวทตี่ ้องการในชอ่ ง จานวนแถว (Number of rows) 5) คลกิ ตกลง (OK) จะไดต้ ารางท่ีตอ้ งการ 3.3 การสรา้ งตารางแบบวาดตาราง เป็นการวาดเส้นต่อกันเพื่อกาหนดขนาดตาราง ขนาดแถวและขนาดของ คอลัมน์ ลงในหน้าเอกสาร ในการสร้างตารางดว้ ยวิธีน้ีมขี ้อดคี อื สามารถกาหนดตารางไดต้ ามรูปแบบที่ต้องการ ช่องตาราง ไม่จาเปน็ ตอ้ งเท่ากนั ทาไดด้ ังนี้ 1) วางเคอร์เซอร์บนตาแหนง่ ทีต่ อ้ งการสรา้ งตาราง 2) คลิกคาสั่ง ตาราง (Table) บนริบบอน แทรก (Insert) 3) คลิกคาสงั่ วาดตาราง (Draw Table) แลว้ จะเหน็ เมาส์เปลย่ี นเปน็ รูปปากกา 4) คลิกเมาส์ลากปากกาเป็นเส้นตารางตามทเี่ ราต้องการ 3.4 การสรา้ งตารางโดยแปลงข้อความเป็นตารางทาได้ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) ลากเมาส์ (Drag Mouse) คลมุ ขอ้ ความท่ตี อ้ งการสรา้ งตาราง 2) คลกิ ปมุ คาสง่ั ตาราง (Table) บนริบบอน แทรก (Insert) 3) คลกิ คาส่ัง แปลงขอ้ ความตาราง (Convert Text to Table) 4) จะปรากฏไดอะลอ็ กบอ็ กซแ์ ปลงข้อความตาราง (Convert Text to Table) ใหค้ ลกิ ตกลง (OK) 5) โปรแกรมจะแบง่ คอลัมนแ์ ละแถวตามที่เราพิมพข์ ้อความไว้ และจะไดต้ ารางท่ตี ้องการ
3.5. การแทรกตารางด้วยกระดาษคานวณ Excel ทาไดด้ งั น้ี 1) วางเคอร์เซอรบ์ นตาแหนง่ ท่ีต้องการสรา้ งตาราง 2) คลิกปุมคาสั่ง ตาราง (Table) บนริบบอน แทรก (Insert) 3) คลกิ คาสงั่ กระดาษคานวณ Excel (Excel Spreadsheet) 4) จะปรากฏหน้าต่างโปรแกรม Excel ข้นึ มาให้ลากเมาส์ทีม่ ุมล่างดา้ นขวาเพือ่ กาหนดจานวนคอลัมน์และจานวนแถวท่ี เราต้องการ 5) พมิ พข์ ้อมูลลงในตาราง เมอ่ื เสรจ็ แล้วให้คลกิ เมาส์นอกหนา้ ตา่ งโปรแกรม Excel 6) ไดต้ ารางตามที่เราสรา้ งขึ้น 3.6. การสรา้ งตารางแบบใสต่ ารางด่วนทาไดน้ ้ี 1) วางเคอร์เซอรบ์ นตาแหนง่ ที่ตอ้ งการสร้างตาราง 2) คลกิ ปุมคาสั่ง ตาราง (Table) บนรบิ บอน แทรก (Insert) 3) คลิกคาสัง่ ตารางด่วน (Quick Tables) เลือกรปู แบบตารางท่ีเราตอ้ งการ 4. ครูใชเ้ ทคนคิ การสาธิตการกรอกขอ้ มลู ลงในตาราง และให้ผู้เรยี นฝกึ ทักษะปฏิบัตติ าม ดังนี้ เมอ่ื สร้างตารางแลว้ การปูอนข้อมูลในตารางท่ีสรา้ งขน้ึ ทาไดด้ ังนี้ 1) ลากเมาส์ (Drag Mouse) คลมุ ตารางที่เราสรา้ ง 2) กาหนดรปู แบบอกั ษรและขนาดอักษรทต่ี ้องการทีค่ าส่ัง Font บนริบบอน หนา้ แรก (Home) 3) คลิกในเซลล์ทีเ่ ราต้องการและพมิ พ์ขอ้ ความลงไป 4) กดคีย์ลูกศรบนคีย์บอร์ดเพ่อื เลือ่ นไปยังเซลล์อื่นทเี่ ราต้องการพมิ พต์ อ่ ไป 5) เม่ือพมิ พ์เอกสารครบถว้ นแลว้ ใหค้ ลิกเมาส์นอกตาราง
5.ครสู าธิตการจัดตาแหนง่ ข้อความ และใหผ้ ูเ้ รียนปฏิบตั ิสามารถทาได้ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) เลอื กข้อมูลทีเ่ ราต้องการจดั ตาแหนง่ 2) คลกิ ปุมจดั ตาแหน่งตามท่เี ราต้องการ เช่น ต้องการจัดกึ่งกลาง 3) สามารถจดั ตาแหนง่ ใหก้ ับเซลล์อนื่ ๆ ได้ตามตอ้ งการเพือ่ ความสวยงามของเอกสาร 6.ครอู ธบิ าย และสาธติ การปรับขนาดของตาราง และใหผ้ ู้เรียนฝกึ ปฏิบตั ิตามการสร้างตารางถา้ มขี นาดไม่ตรงกบั ความ ตอ้ งการ สามารถที่จะปรบั ขนาดความกว้างของตารางไดห้ ลายวิธี ได้แก่ -การปรบั ความกวา้ งของคอลมั น์ในตาราง -การปรบั ความสงู ของแถวในตาราง -การปรบั ความกว้างท้ังตาราง -การใส่รปู แบบตารางสาเรจ็ รปู 7.ครูอธบิ าย และสาธิตการเพิ่มจานวนแถวหรอื คอลมั น์ ซ่งึ สามารถทาได้ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) วางเคอรเ์ ซอรไ์ ว้ที่เซลล์ทีต่ อ้ งการจะเพ่มิ แถวหรอื เพมิ่ คอลัมน์ 2) คลกิ ปุมคาสงั่ แทรกด้านขวา (Insert Right) เมอ่ื ต้องการเพมิ่ คอลมั น์ บนรบิ บอน เค้าโครง (Layout) 3) หรือคลิกปุมคาสง่ั แทรกด้านล่าง (Insert Below) เม่อื ต้องการเพม่ิ แถวบนรบิ บอน เค้าโครง (Layout) 8.ครูสาธิตการผสานและแยกเซลล์ 8.1. การผสานเซลล์ ทาได้ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ลากเมาส์ (Drag Mouse) คลมุ เซลลท์ ีต่ อ้ งการผสาน 2. คลิกปุมคาสง่ั ผสานเซลล์ (Merge cells) บนริบบอน เคา้ โครง (Layout) 8.2. การแยกเซลล์โดยสามารถทาได้ดังตอ่ ไปน้ี 1. วางเคอร์เซอร์ไวใ้ นเซลล์ที่เราตอ้ งการแยก 2. คลิกปุมคาสัง่ แยกเซลล์ (Split Cells) บนริบบอนเค้าโครง (Layout) 3. ใส่จานวนแถวและคอลัมน์ทีต่ อ้ งการในไดอะลอ็ กบอ็ กซ์ การแยกเซลล์ (Split Cells) 4. คลิกปุม ตกลง (OK) 9.ครูอธิบาย และสาธติ การลบเซลล์ท่ีไม่ต้องการ โดยใหผ้ ู้เรียนฝึกปฏิบตั ิตาม หากสร้างตารางเรียบรอ้ ยแล้วพบวา่ มีเซลล์ แถว หรือคอลมั น์ ทีเ่ ราไม่ต้องการใช้ และตอ้ งการลบออกไป เราสามารถทาได้ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) วางเคอรเ์ ซอรไ์ วใ้ นเซลลท์ ่ีเราต้องการลบ 2) คลกิ ปมุ คาสงั่ ลบ (Delete) บนรบิ บอน เค้าโครง (Layout) 3) เลอื กคาส่ังดังน้ี
ลบเซลล์ (Delete Cells) เมือ่ ต้องการลบเซลลน์ นั้ ลบคอลมั น์ (Delete Columns) เม่อื ตอ้ งการลบทง้ั คอลัมน์ที่เคอร์เซอร์อยู่ ลบแถว (Delete Rows) เมือ่ ต้องการลบท้งั แถวที่เคอรเ์ ซอร์อยู่ ลบตาราง (Delete Table) เมอื่ ตอ้ งการลบท้ังตาราง 4) ปรากฏไดอะลอ็ กบอ็ กซ์ ลบเซลล์ (Delete Cells) ให้เลอื กดังนี้ Shift cells left เมื่อต้องการเลอื่ นเซลล์มาทางซ้าย Shift cells up เมื่อต้องการเล่ือนเซลล์ข้ึน Delete entire row เมอ่ื ตอ้ งการลบทงั้ แถว Delete entire column เมอื่ ตอ้ งการลบทั้งคอลัมน์ 10. ผู้เรียนฝึกทกั ษะในการกาหนดเส้นขอบของตาราง สามารถทาไดด้ ังตอ่ ไปนี้ 1. คลิกปุมคาสัง่ วาดตาราง (Draw Table) บนรบิ บอน ออกแบบ (Design) 2. เลือกรปู แบบเส้นที่กลมุ่ คาสั่ง Line Style 3. เลอื กความหนาของเส้นทก่ี ลมุ่ คาสง่ั Line Weight 4. เลือกสเี สน้ ที่ปุม Pen Color 5. ลากเมาส์วาดลงบนเสน้ ท่ตี ้องการ 6. เส้นตารางจะเปลย่ี นไปตามที่เราวาด 11.ครใู ห้ความรเู้ พม่ิ เตมิ ในการทาบัญชีรายรบั -รายจา่ ย ซึ่งเป็นการจดบนั ทึกเหตกุ ารณต์ ่าง ๆ เกี่ยวกบั การเงนิ หรอื บางสว่ นเก่ียวข้องกับการเงิน โดยผ่านการวเิ คราะห์ จัดประเภทและบนั ทึกไว้ในแบบฟอร์มที่กาหนด เพ่อื แสดงฐานะ การเงินและผลการดาเนินงานของตนเองหรือครอบครวั ในชว่ งระยะเวลาหน่ึง เปน็ วิธีช่วยตรวจสอบการใชจ้ า่ ยของ ครอบครวั วา่ มรี ายจ่ายสมดุลกับรายรับ และใชจ้ ่ายอย่างมีเหตผุ ลตามความจาเปน็ พอเหมาะกับสภาพครอบครวั หรือไม่ หากสามารถปรับเปล่ียนพฤติกรรมการบริโภค เพ่ือลดรายจา่ ยทไ่ี มจ่ าเป็นเกินตนได้ จะช่วยให้มีเงินเกบ็ ออมเพ่อื เป็น รากฐานสร้างภูมิค้มุ กนั ทดี ใี นชวี ิตได้ ขัน้ สรุปและการประยกุ ต์ 12.ครแู ละผ้เู รียนสรุปการสรา้ งตารางขอ้ มูล โดยการฝกึ ปฏิบตั ิ และการถาม-ตอบและนาไปประยุกตใ์ ชใ้ น ชวี ติ ประจาวนั ได้ 13.ผู้เรียนทากจิ กรรมใบงาน แบบประเมนิ ผล และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ และประเมินผู้เรยี นตามแบบฟอร์มดังต่อไปนี้ ชื่อผู้เรยี น ประสบการณพ์ ้ืนฐานการเรียนรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้ ความรู้ ทักษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5.
Search