Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อยู่อย่างไรภายใต้ภาวะมลพิษ-ตอน-ไม้ประดับดูดสารพิษ

อยู่อย่างไรภายใต้ภาวะมลพิษ-ตอน-ไม้ประดับดูดสารพิษ

Description: อยู่อย่างไรภายใต้ภาวะมลพิษ-ตอน-ไม้ประดับดูดสารพิษ

Search

Read the Text Version

อยอู ยางไรภายใตภ าวะมลพษิ ตอน

อยอู่ ยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไมป้ ระดับดูดสารพิษ ISBN : 978-611-11-0101-0 พิมพค์ รัง้ ที่ 1 : พ.ศ. 2552 จำนวน 6,500 เลม่ พมิ พค์ รั้งที่ 2 : พ.ศ. 2553 จำนวน 3,000 เล่ม พิมพ์ครง้ั ที่ 3 : พ.ศ. 2554 จำนวน 7,700 เล่ม พิมพ์ครัง้ ท่ี 4 : พ.ศ. 2561 จำนวน 7,000 เล่ม พมิ พท์ ่ี : บริษัท เอ็ม แอนด์ พี 154 จำกัด จดั พิมพ์โดย : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสขุ ถนนตวิ านนท์ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบรุ ี 11000 โทรศพั ท์ 0 2590 4349 โทรสาร 0 2590 4356 http://hia.anamai.moph.go.th

คาํ นํา จากปัญหามลพิษทางอากาศที่ประชาชนต้องเผชิญทุกวัน โดยเฉพาะในเขตเมืองและแหล่ง อุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มีทั้งมลพิษทางอากาศภายในและภายนอกอาคาร ปัญหามลพิษทางอากาศเกิดจาก หลายแหล่งทำให้ยากต่อการแก้ไข จงึ มีผลกระทบตอ่ สุขภาพของประชาชนมาโดยตลอด ดังนั้น กรมอนามัยโดยกองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ จึงได้จัดทำหนังสือเรื่อง อยู่อย่างไร ภายใต้ภาวะมลพิษ ตอนไม้ประดับดูดสารพิษ นี้ขึ้น เพื่อเผยแพร่แก่ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ได้นำไปปฏิบัติ เพื่อช่วยลดสารมลพิษทางอากาศที่เราหายใจเข้าไป และพบว่าหนังสือเล่มนี้ได้รับ ความสนใจเป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากการจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้มาแล้วเป็นจำนวน ๓ ครั้ง และยังคง ได้รับการร้องขอมาโดยตลอด จึงได้จัดพิมพ์ครั้งที่ ๔ ขึ้น ซึ่งในครั้งนี้ คณะผู้จัดทำได้ปรับปรุงเนื้อหา ใหม้ ีความสมบรู ณแ์ ละถกู ต้องมากย่งิ ข้นึ หากเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ มีส่วนหนึ่งส่วนใดที่ผิดพลาด คณะผู้จัดทำขออภัยมา ณ ที่นี้ และถา้ ผู้อ่านเห็นว่า ควรมีเน้ือหาใดเพิ่มเติมหรอื แกไ้ ขส่วนท่ผี ิดพลาดน้นั ขอใหส้ ่งมาทก่ี องประเมินผลกระทบ ตอ่ สขุ ภาพ กรมอนามัย เพือ่ ใชเ้ ป็นข้อมลู สำหรับการปรับปรงุ ต่อไป คณะผ้จู ัดทำจะยินดีและขอบคุณยิ่ง คณะผู้จัดทำ กรมอนามยั (ก)

สารบญั หน้า คาํ นํา ก สารบัญ ข ประโยชน์ของตน้ ไม้ 1 ตน้ ค การสงั เคราะหแ์ สงและการหายใจของพืช การดดู อากาศ ดูดน้ํา และคายน้ําของพืช 1 สารมลพิษรอบตวั 2 สารไอระเหยที่เปน็ พษิ ในอาคาร ชนิดของไมป้ ระดดั ดดู สารพิษ 4 ไม้ประดบั ดูดสารพิษที่แนะนําให้ปลูก 5 เอกสารอ้างองิ 7 49 55 (ข)

(ค)



การสังเคราะหแ์ สงและการหายใจของพืช ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่คนเราหายใจออกมา ต้นไม้จะดูดก๊าซนี้เข้าไปและผ่านกระบวนการ สังเคราะห์แสง กลายเป็นน้ำตาลซึ่งเป็นอาหารของพืช อีกทั้งยังได้ก๊าซออกซิเจนสู่บรรยากาศมาให้เรา ใช้หายใจอยู่ทุกวัน ซึ่งกระบวนการสังเคราะห์แสงของไม้ประดับจะสูงกว่าต้นไม้พวกอื่น ทำให้ปล่อย ก๊าซออกซิเจนออกมาได้มาก อยู่อยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไมป้ ระดับดดู สารพิษ 1

การดูดอากาศ ดดู น้าํ และคายนาํ้ ของพืช กระบวนการคายน้ำทางปากใบของไม้ประดับจะสูงกว่าต้นไม้อื่น ซึ่งการคายน้ำจะทำให้อุณหภูมิ ของผิวใบไม้แตกต่างจากอากาศภายนอก ทำให้เกิดการไหลเวียนของอากาศรอบใบและต้น อากาศ ปนเปื้อนสารพิษจะเกิดการเคลื่อนตัวลงสู่บริเวณรากพืช ซึ่งไม้ประดับดูดสารพิษจะมีความสามารถ ดงึ ดูดจุลนิ ทรีย์ไวบ้ ริเวณรอบราก จลุ ินทรยี เ์ หลา่ นีจ้ ะยอ่ ยสลายสารพิษไปเปน็ อาหาร ในขณะที่ต้นไม้ดูดน้ำจากรากขึ้นไปยังส่วนต่าง ๆ ของพืชอย่างรวดเร็ว อากาศซึ่งมีก๊าซออกซิเจน ไนโตรเจน และสารพิษรวมอยู่ด้วยถูกดึงไปสู่ดินรอบ ๆ ราก จุลินทรีย์จะเปลี่ยนก๊าซไนโตรเจนเป็น ไนเตรท และเปลยี่ นสารพิษกลายเปน็ อาหารของพชื ตน้ ไม้จะดดู ซมึ อากาศที่ปนเปอื้ นสารพษิ เข้าทางปากใบ สง่ ไปทรี่ าก ส่งออกจากรากสู่ดนิ สดุ ทา้ ย จุลนิ ทรียร์ อบ ๆ รากจะย่อยสลายสารพิษนนั้ ไม้ประดับคายน้ำทางปากใบสูงกว่าต้นไม้อื่น ดึงดูดจุลินทรีย์มาอยู่รอบรากได้มากและดูดซึม อากาศที่ปนเปื้อนสารพิษเข้าทางปากใบได้ จึงสรุปได้ว่า ข้อความดังกล่าวข้างต้น คือ เหตุผลที่ไม้ประดับ สามารถดดู สารพิษได้ 2 อยู่อย่างไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไมป้ ระดบั ดูดสารพษิ

อยอู่ ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไมป้ ระดับดูดสารพษิ 3

สารมลพิษรอบตวั สารมลพิษหรือสารพษิ มที ้งั ภายในและภายนอกอาคาร กรณสี ารพิษภายนอกอาคารนน้ั มสี าเหตุ มาจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่เรากระทำ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถยนต์ ซ่อมรถยนต์ ปั๊มน้ำมัน ตลอดทั้งโรงงาน อุตสาหกรรมทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่ปล่อยสารพิษเข้าสู่บรรยากาศที่เราต้องสูดหายใจเข้าไป เช่น สารเบนซีน เปน็ ต้น ส่วนภายในอาคารก็มีสิ่งตา่ ง ๆ ท่ีปล่อยสารพษิ สู่อากาศไดเ้ ช่นกัน 4

สารไอระเหยท่ีเปน็ พษิ ในอาคาร สารไอระเหยที่เป็นพษิ และแหลง่ ทม่ี าจากวัสดุสงั เคราะห์และเครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าในบา้ นเรือน อยูอ่ ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไมป้ ระดับดดู สารพษิ 5

สารไอระเหยทเี่ ปน็ พษิ และแหลง่ ทมี่ าจากวสั ดุสงั เคราะหแ์ ละเครื่องใชไ้ ฟฟา้ ในบา้ นเรอื น (ตอ่ ) ตารางจากหนงั สือ Eco-friendly House Plant 6 อยอู่ ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไมป้ ระดับดูดสารพษิ

ชนิดของไมป้ ระดับดูดสารพษิ จากการวิจัยมีไม้ประดับที่ดูดสารพิษได้ประมาณ 50 ชนิด แต่ชนิดที่คนไทยเราปลูกกันอยู่โดย ทว่ั ไปท้งั ภายในและภายนอกอาคาร มปี ระมาณ 40 ชนิด ดงั มรี ายชอ่ื ต่อไปนี้ 1. หมากเหลอื ง (Areca Palm หรือ Yellow Palm) 2. โกสน (Croton) 3. จง๋ั (Lady Palm) 4. เศรษฐเี รอื นใน (Spider Plant) 5. ไอว่ี (Ivy) 6. ปาล์มใบไผ่ (Parlour Palm) 7. เดหลี (Peace Lily) 8. ออมทอง (Syngonium หรอื Albo-virens) 9. ยางอินเดยี (Rubber Plant) 10. ครสิ ต์มาส (Poinsettia) 11. ปาล์มไผ่ (Bamboo Palm) 12. พลดู า่ ง (Golden Pothos หรือ Devil’s Ivy) 13. กล้วยแคระ (Dwarf Banana หรือ Golden Lotus) 14. บอสตนั เฟริ ์น (Boston Fern) 15. สบั ปะรดสี (Urn Plant) 16. ซ้มุ กระต่าย (Lily Turf) 17. สนฉัตร (Norfolk Island Pine) 18. เขยี วหม่ืนปี (Chiness Evergreen) อย่อู ยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไม้ประดับดูดสารพิษ 7

19. แววมยุรา (Prayer Plant) 20. สโนวด์ รอบ (Snowdrop) 21. มรกตแดง (Red Emerald Philodendron) 22. กุหลาบหิน (Kalanchoe) 23. ไทรใบเลก็ (Ficus Alii) 24. หางจระเข้ (Aloe Vera) 25. วาสนาอธิษฐาน (Cornstalk Plant) 26. เข็มริมแดง (Dragon Tree) 27. หนวดปลาหมกึ (Schefflera หรอื Umbrella tree) 28. เยอบีรา่ (Gerbara Daisy) 29. ลน้ิ มังกร (Snake Plant) 30. สาวนอ้ ยประแป้ง (Dumb Cane) 31. เบญจมาศ (Chrysanthemum) 32. ไทรยอ้ ยใบแหลม (Weeping Fig) 33. ฟโิ ลหชู ้าง (Elephant Ear Philodendron) 34. ฟิโลเซลลอม (Lacy Tree Philodendron) 35. ฟโิ ลใบหัวใจ (Heart Leaf Philodendron) 36. หน้าวัว (Amthurium) 37. เสน่หจ์ นั ทร์แดง (King of Hearts) 38. สบิ สองปันนา (Dwarf Date Palm) 39. กล้วยไมพ้ นั ธหุ์ วาย (Dendrobium Orchid) 40. ประกายเงนิ (Dracaena Warneckei หรือ Striped Dracaens) 8 อยู่อย่างไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไมป้ ระดับดดู สารพิษ

หมากเหลอื ง (Areca Palm หรือ Yellow Palm) ลักษณะท่ัวไป เป็นพืชตระกูลปาล์มที่ปลูกง่าย โตเร็ว เป็นพันธุ์ไม้ขนาดกลางสูง 5 - 10 เมตร ลำต้น มีลายคล้ายข้อปล้อง โค้งงอและตั้งตรงได้สัดส่วนสวยงาม ใบมีลกั ษณะเป็นรูปขนนก แผ่นใบมีสีเขียว อมเหลืองออกดอกอยู่ใตก้ าบเปน็ ชอ่ สเี หลืองอ่อน ความตอ้ งการแสงแดด ชอบแสงแดดจดั แตป่ ลูกภายในอาคารได้ การดูแล ต้องการน้ำมาก ชอบความชื้นสูง และเป็นพืชที่คายความชื้นสูง ให้น้ำตอนเช้าวันละครั้ง ใสป่ ุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละ 1 ครงั้ อณุ หภูมทิ ่เี หมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธ์ุ เพาะเมล็ดหรือแยกกอโดยปลูกในดินที่มีส่วนผสมของดินร่วน : ทรายแกลบ : ป๋ยุ คอก : ปุ๋ยหมัก : ใบไม้ผุ ในอัตราสว่ น 4 : 2 : 1 : 2 : 1 การคายความชื้น มาก การดูดสารพิษ ดูดสารพษิ จากอากาศได้มาก อยอู่ ยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไม้ประดับดดู สารพษิ 9

โกสน (Croton) ลักษณะท่ัวไป เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กถึงกลาง มีลักษณะใบแตกต่างกันแล้วแต่สายพันธุ์ คือ มีทั้งใบกลม ใบยาว ใบกว้าง ใบแคบ และใบบิด พื้นใบก็มีทั้งสีเดียว สองสี สามสี หรือมากกว่า ส่วนใหญ่ประกอบด้วย สเี ขยี ว เหลือง แสด ชมพู และแดง ความต้องการแสงแดด อยไู่ ดท้ ้งั กลางแจ้งและแสงรำไร การดูแล เจริญได้ดีในดินร่วนที่ระบายน้ำได้ ควรรดน้ำวันละครั้งในตอนเช้า ถ้าเป็นฤดูฝนควรงดรดน้ำ ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำรดทุก 3 เดือน ใส่กระดูกป่นเสริมแคลเซียม เดือนละ 1 ครั้ง อุณหภูมิ ท่ีเหมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซียส การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง หรือปักชำในดินที่มีส่วนผสมของดินร่วน : ทรายหยาบ : ปุ๋ยหมัก หรอื ปุย๋ คอก ในอตั ราส่วน 2 : 1 : 1 และผสมกระดูกป่นเล็กนอ้ ย การคายความชื้น ปานกลาง การดดู สารพษิ ดูดสารพษิ ไดน้ ้อย 10 อย่อู ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไม้ประดบั ดดู สารพิษ

จง๋ั (Lady Palm) ลักษณะท่ัวไป จั๋งเป็นพืชตระกูลปาล์มที่มีขนาดเล็ก ใบมีสีเขียวเข้มเป็นมัน รูปใบพัดขึ้นเป็นกอคล้าย กอไผ่ มีความแข็งแรงมาก ถ้าปลูกลงดินนอกอาคารจะสูงได้ถึง 3 - 5 เมตร ถ้าปลูกในอาคารสูงไม่เกิน 2 เมตร เป็นพืชที่เจริญเติบโตช้า แต่เป็นพืชเลี้ยงง่ายและทนแล้ง จึงทนการขาดน้ำได้หลายวัน ทนต่อ โรคและแมลงไดด้ ี ความต้องการแสงแดด อยู่ได้ทั้งแสงแดดจัดและกึ่งแดดได้ ปลูกได้ในอาคารแต่ต้องมีแสงแดด พอสมควร การดูแล เจริญได้ดีในดินร่วน ต้องการน้ำพอประมาณ ต้องการความชื้นบ้าง ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ละลายน้ำรดปีละ 2 ครั้ง อณุ หภูมทิ ่ีเหมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซียส การขยายพันธ์ุ เพาะเมล็ดหรือแยกหน่อปลูกในดินที่มีส่วนผสมของดินร่วน : ทราย : ปุ๋ยหมักหรือ ปุ๋ยคอก : ใบไม้ผุ ในอัตราสว่ น 3 : 1 : 1 : 1 การคายความช้ืน มาก การดูดสารพิษ ดูดสารพิษจากอากาศไดม้ าก อยู่อยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไมป้ ระดับดดู สารพิษ 11

เศรษฐีเรือนใน ลักษณะท่ัวไป เป็นไม้กอขนาดเล็ก มีลำต้นเป็นหัวอยู่ (Spider Plant) ใต้ดิน เมื่อแก่เต็มทจ่ี ะมีลำต้นออ่ นแตกออกมาเป็นก่งิ มตี ้น อ่อนเล็ก ๆ เป็นกระจุกอยู่ตรงปลายของกิ่ง ใบมีลักษณะ คล้ายใบหญ้า ขอบใบสีเขียวยาวตลอดใบ กลางใบเป็นสีขาว ใบมคี วามยาว 15 – 30 เซนตเิ มตร โค้งงอลงดา้ นลา่ ง ความต้องการแสงแดด ไม่ชอบแสงแดดตรง ๆ ปลูกได้ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร การดูแล เจริญได้ดีในดินร่วนซุย ไม่ต้องการน้ำมาก ใหป้ ุย๋ หมักหรอื ปยุ๋ คอกละลายน้ำรด 2 เดือน/คร้งั อุณหภูมิ ทีเ่ หมาะสม 18 – 24 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธุ์ แยกต้นอ่อนปลูกในดินที่มีส่วนผสมของ ดินร่วน : ทราย : ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก : เศษอิฐละเอียด ในอตั ราสว่ น 2 : 1 : 1 : 1 การคายความชื้น ปานกลาง การดูดสารพิษ ดูดสารพิษจากอากาศภายในอาคารได้ดีมาก เชน่ ฟอรม์ ลั ดีไฮด์ เป็นตน้ 12 อยอู่ ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไมป้ ระดับดูดสารพษิ

ไอวี่ (Ivy) ลักษณะท่ัวไป เป็นไม้เถาคลุมดิน แตกใบเป็นแฉก ๆ คล้ายใบตำลึง พื้นใบสีเขียว ขอบใบด่าง สีขาว หรอื เหลืองอ่อน กลางใบอาจมีด่างสีเขยี วอมเทา ความต้องการแสงแดด ชอบแสงรำไรและยังเจริญได้ดีในที่ที่เป็นแสงจากหลอดฟลูออเรสเซนท์และ ปลกู ได้ดีในอาคาร การดูแล ไม่ชอบอากาศร้อน ไมต่ ้องรดน้ำบ่อย รดเมื่อดินแหง้ คอ่ ย ๆ รดจนหน้าดินเปียก ไม่ให้น้ำท่วมขัง ถ้าอากาศแห้งให้สเปรย์น้ำ ให้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูงจะทำให้ได้ไอวี่ที่เขียว ถ้าปลูกภายนอกอาคารให้ใส่ปุ๋ย ลงในดิน ไม่ต้องให้ทางใบเพราะดูดซึมได้น้อย ถ้าปลูกในอาคารให้ปุ๋ยเดือนละ 1 ครั้งทางใบ อุณหภูมิ ท่เี หมาะสม 16 - 25 องศาเซลเซียส การขยายพันธ์ุ ปักชำเถาโดยปลูกในกระถางทรงตื้นหรือกระถางแขวน โดยมีส่วนผสมของดินร่วน : ปยุ๋ หมักหรือปยุ๋ คอก : ใบไม้ผุ ในอัตราส่วน 2 : 1 : 1 การคายความชนื้ ปานกลางถงึ มาก การดดู สารพิษ ดดู สารพิษจำพวกเบนซนี ได้ถงึ ร้อยละ 90 และดดู ฟอรม์ ลั ดีไฮด์ไดด้ ว้ ย อยอู่ ยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไม้ประดบั ดดู สารพษิ 13

ปาล์มใบไผ่ (Parlour Palm) ลักษณะท่ัวไป เป็นพืชตระกูลปาล์มขนาดเล็ก นิยมปลูกเป็นกอพุ่ม ถ้าปลูกในอาคารจะสูงเพียง 1 - 1.8 เมตร ลักษณะของใบคล้ายใบไผ่ ใบและก้านใบมีสีเขียว ใบมีลักษณะอ่อนช้อยเหมือนใบไผ่ ปาลม์ ใบไผ่น้ีมลี ักษณะคล้ายปาล์มไผ่ แต่มขี นาดเล็กกว่า ใบจะมีความออ่ นชอ้ ยกวา่ ความต้องการแสงแดด เปน็ ไมก้ ง่ึ แดดกงึ่ รม่ ไม่ตอ้ งการแสงแดดโดยตรง และเจริญไดด้ ีในทีแ่ สงนอ้ ย การดูแล ไม่ต้องการน้ำมาก ถ้าปลูกในอาคาร ให้รดน้ำสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง แต่ต้องการความชื้น ในอากาศพอสมควร ถ้าอากาศแห้งให้ฉีดพ่นละอองน้ำ 2 – 3 วัน/ครั้ง ต้องการน้ำมากในระยะที่กำลัง เจริญเติบโต เป็นพืชเจริญช้าแต่เลี้ยงง่าย ทนทาน แม้จะขาดน้ำและแสงแดดหรือตั้งอยู่ในที่ทึบแสงเป็น เวลานาน ๆ กย็ งั สามารถอยู่ได้ อุณหภูมทิ ีเ่ หมาะสม 20 - 27 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธ์ุ เพาะเมล็ดโดยปลูกในดินที่มีส่วนผสมของดินร่วน : ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก : ใบไม้ผุ ในอัตราส่วน 2 : 1 : 1 การคายความชืน้ มาก การดูดสารพิษ ดดู สารพษิ ไดป้ านกลาง 14 อย่อู ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไมป้ ระดบั ดดู สารพษิ

ลักษณะท่ัวไป เป็นไม้พุ่มเตี้ย สูง 30 – 60 เซนติเมตร เดหลี มีใบสีเขียวเข้มมันเป็นวาว ดอกเป็นช่อสีขาว หรือขาว (Peace Lily) แกมเหลือง กาบหมุ้ ชอ่ ดอกมีสขี าว คล้ายดอกหนา้ วัว ความต้องการแสงแดด แสงแดดอ่อนรำไร ปลูกได้ ภายในอาคาร แม้จะมีความชื้นต่ำ และรับแสงจาก หลอดไฟฟ้า การดูแล ต้องการความชื้นสูง จึงควรรดน้ำอย่าง สม่ำเสมอ เพื่อให้ดินมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ และมากขึ้น ในช่วงที่มีอากาศร้อน แต่ถ้าอากาศเย็นต้องลด ปริมาณการรดน้ำ เป็นไม้ที่คายความชื้นสูง ใช้ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละ 1 - 2 ครั้ง หมั่น ทำความสะอาดใบจะช่วยป้องกันแมลงได้ อุณหภูมิที่ เหมาะสม 16 - 24 องศาเซลเซียส การขยายพันธ์ุ การแยกกอปลูกในกระถาง โดยปลูก ในดินที่มีส่วนผสมของดินร่วน : ทรายหยาบ : ปุ๋ยหมัก หรอื ปุ๋ยคอก : ใบไมผ้ ุ ในอัตราส่วน 2 : 1 : 1 : 1 การคายความชนื้ มาก การดูดสารพิษ ดูดสารพิษจำพวกแอลกอฮอล์ อาซีโตน ไตรคลอโรเอททรี ีน เบนซีน และฟอร์มลั ดีไฮดไ์ ดม้ าก อยอู่ ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไมป้ ระดบั ดูดสารพษิ 15

ออมทอง (Syngonium หรอื Albo-virens) ลักษณะท่ัวไป เป็นพันธุ์ไม้เลื้อย ลำต้นเป็นเถาอวบน้ำสีเขียว แตกรากตามข้อยึดเกาะ ใบคล้ายใบบอน แต่ปลายใบแหลมและรูปใบสอบกว่า เป็นพืชตระกูลเดียวกับออมเงิน ต่างกันตรงที่เส้นลายใบของ ออมทองเป็นสีเหลือง สว่ นออมเงนิ สีขาว ความตอ้ งการแสงแดด เป็นไม้ก่ึงแดดถงึ แสงแดดจัดหรือกลางแจง้ แต่ปลูกในอาคารได้ การดูแล ชอบดินร่วนซยุ ถ้าปลูกในทรี่ ่มควรมีแสงแดดส่องถึง หรือนำมาต้ังใหไ้ ด้รบั แสงแดดเป็นครัง้ คราว เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก ควรให้น้ำ 3 - 5 วัน/ครั้ง ชอบความชื้นสูง ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำ รดเดือนละ 1 - 2 ครัง้ อณุ หภูมทิ ีเ่ หมาะสม 16 - 24 องศาเซลเซียส การขยายพันธ์ุ การปักชำลำตน้ หรือแยกกอ ขน้ึ ได้ดใี นดินเกอื บทกุ ชนดิ การคายความช้นื มาก การดดู สารพิษ ดดู สารพิษไดน้ ้อยถึงปานกลาง 16 อย่อู ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไมป้ ระดับดดู สารพิษ

ยางอินเดยี (Rubber Plant) ลักษณะท่ัวไป มีลำต้นตั้งตรง ลักษณะเด่นอยู่ที่ใบ มีลักษณะกลมรีปลายแหลม ใบหนาสีเขียวเข้ม เป็นมันวาว ถ้าปลูกกลางแจ้งจะสงู ได้ถงึ 30 เมตร ถา้ ปลกู ในอาคารจะสงู ไมม่ าก ความต้องการแสงแดด เป็นไมท้ ี่ชอบแสงแดดแต่เจริญไดด้ ใี นสภาพแสงน้อย การดูแล เจริญได้ดีในดินร่วนซึ่งระบายน้ำได้ดี ปลูกง่ายทนทาน เป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมาก แต่คาย ความชื้นได้มาก ไม่ชอบชื้นแฉะ แต่ไม่ควรปล่อยให้ดินแห้งเกิน เป็นไม้ที่มีใบสวยงาม จึงควรหมั่นใช้ผ้า ชุบน้ำเช็ดให้ใบเป็นมันวาว ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดทุก 1 – 2 เดือน อุณหภูมิที่เหมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธุ์ ตอนกิ่งหรือปักชำปลูกในดินที่มีส่วนผสมของดินร่วน : ทรายหยาบ : ใบไม้ผุ ในอตั ราสว่ น 2 : 1 : 1 และให้ปยุ๋ หมกั หรอื ปยุ๋ คอกละลายนำ้ อย่างเจอื จางรดทกุ 1 - 2 เดือน การคายความชื้น ปานกลางถึงมาก การดดู สารพษิ ดูดสารพิษได้มาก อยอู่ ยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไมป้ ระดบั ดดู สารพิษ 17

ครสิ ตม์ าส (Poinsettia) ลักษณะท่ัวไป เป็นพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกันกับโกสนและโป๊ยเซียน ใบจะมีสีเขียวเข้ม ขอบใบหยัก ลำต้นมีสีน้ำตาล ยกเว้นส่วนที่ยังอ่อนจะเป็นสีเขียว ดอกมีสีแดงออกบริเวณยอดของก้าน ซึ่งดอกคือ ใบประดบั ทีเ่ ปลี่ยนจากสเี ขยี วมาเป็นสีแดง ความตอ้ งการแสงแดด ชอบแสงแดดจัด การดูแล เจริญได้ดีในดินร่วน ต้องการน้ำพอประมาณ ไม่ควรปล่อยให้ดินแห้งจนเกินไป ใส่ปุ๋ยทุก 2 - 3 สปั ดาห์ อณุ หภูมทิ ี่เหมาะสม 18 - 21 องศาเซลเซียส การขยายพันธุ์ ปักชำในดินที่มีส่วนผสมของดินร่วน : ทรายหยาบ : ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก : ใบไม้ผุ ในอตั ราสว่ น 2 : 1 : 1 : 1 การคายความชื้น ปานกลาง การดูดสารพิษ ดูดสารพิษไดน้ ้อย 18 อยอู่ ยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไมป้ ระดบั ดดู สารพษิ

ลักษณะท่ัวไป เป็นพืชตระกูลปาล์มที่มีหน่อแตกเป็นกอ ปาล์มไผ่ ลำต้นมีขนาดเล็ก มีข้อปล้องสีเขียวเห็นได้ชัดเจนคล้ายต้นไผ่ (Bamboo Palm) ทั้งลำต้นและใบสูงเพียง 1.5 - 2 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว เรียวแหลม สีเขียวมัน ออกตรงข้ามกันเป็นคู่และอ่อนช้อย เจริญเติบโตช้า เล้ียงง่าย ทนทาน และทนตอ่ แมลง ความต้องการแสงแดด เป็นไม้กึ่งแดด ร่มรำไร จึงปลูก ได้ภายในอาคาร การดูแล ต้องการน้ำพอสมควรถึงมาก โดยเฉพาะช่วง กำลังเจริญเติบโต ถ้าปลูกในอาคารรดน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละ 1 ครั้ง อุณหภูมทิ ี่เหมาะสม 16 - 24 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ดหรือแยกหน่อปลูกในดินที่มี ส่วนผสมของดินร่วน : ทรายหยาบ : ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก : ใบไม้ผุ ในอตั ราสว่ น 2 : 1 : 1 : 1 การคายความช้นื มาก การดูดสารพิษ ดูดสารพิษจำพวกเบนซีนไตรคลอโรเอทธิลีน และฟอร์มัลดีไฮดไ์ ด้ดี อยูอ่ ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไมป้ ระดบั ดดู สารพษิ 19

พลดู ่าง (Golden Pothos หรือ Devil’s Ivy) ลักษณะท่วั ไป ใบมลี กั ษณะเป็นรูปหัวใจสเี ขยี วสดสลบั กับสเี หลอื งนวล ความต้องการแสงแดด เป็นไม้กึ่งแดดและร่มรำไร จึงปลูกได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร อาจไดแ้ สงจากหลอดไฟกไ็ ด้ การดูแล เจริญได้ดีในดินเกือบทุกชนิด ควรให้น้ำอย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ถ้าเป็นฤดูร้อนอาจให้ มากกว่านี้ โดยพิจารณาจากผิวหน้าของดิน ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำอย่างเจือจางรดเดือนละ 1 คร้ัง อณุ หภมู ิท่เี หมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธ์ุ ใช้ยอดหรือลำต้นไปปักชำเลี้ยงในน้ำ แล้วนำไปปลูกในดินที่มีส่วนผสมของดินร่วน : ทราย : ใบไมผ้ ุหรือขุยมะพร้าว ในอัตราส่วน 2 : 1 : 1 การคายความช้ืน ปานกลาง การดูดสารพษิ ดูดสารพษิ ไดม้ าก 20 อยอู่ ยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไมป้ ระดับดดู สารพิษ

ลักษณะท่ัวไป ลักษณะเหมือนกล้วยปกติทุกประการ กลว้ ยแคระ เพียงแต่จะเล็กกว่าเหมือนย่อส่วนลงมาสูงเพียง (Dwarf Banana 1 - 2 เมตร หรอื Golden Lotus) ความต้องการแสงแดด ชอบแสงแดดจัด การดูแล เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก ปริมาณน้ำขึ้น กับความชุ่มชื้นของดิน ไม่ควรปล่อยให้หน้าดินแห้ง ใส่ปุ๋ยคอก 3 เดือนต่อครั้ง อุณหภูมิที่เหมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซียส การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ดหรือแยกหน่อปักชำ แต่การเพาะเมล็ดค่อนข้างยาก เนื่องจากต้องเพาะชำ เมล็ดไว้ ในอุณหภูมิประมาณ 5 องศาเซลเซียส ประมาณ 1 เดือน จึงจะช่วยให้การปลูกเป็นไปได้เร็วขึ้น และเจริญได้ดีในช่วงฤดูฝน ควรปลูกในดินที่มีส่วนผสม ของดินร่วน : ทราย : ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ในอัตราส่วน 2:1:1 การคายความช้นื มาก การดูดสารพิษ ดูดสารพิษได้ปานกลาง อยูอ่ ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไม้ประดับดดู สารพิษ 21

บอสตนั เฟิร์น (Boston Fern) ลกั ษณะท่วั ไป กา้ นใบแข็งโคง้ ออกและท้ิงตัวลงเมือ่ อายมุ ากขึน้ ใบขึ้นหนาทบึ ไม่มดี อก ความต้องการแสงแดด เปน็ พชื ก่งึ แดด ปลกู ไดภ้ ายในอาคารและนอกอาคาร การดูแล หมั่นรดน้ำให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอแต่อย่าให้แฉะ ควรฉีดพ่นละอองน้ำตามใบ เป็นพืชที่คาย ความชื้นให้ภายในอาคารได้เป็นอย่างดี ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำรดเดือนละ 1 ครั้ง อุณหภูมิ ทเี่ หมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธ์ุ การแยกกอ เจริญได้ดีในดินร่วนที่มีส่วนผสมของดินร่วน : ทราย : อิฐหัก : ปุ๋ยหมัก หรือปยุ๋ คอก : ใบไม้ผุ ในอตั ราสว่ น 1 : 1 : 1 : 1 : 1 การคายความชน้ื มาก การดูดสารพษิ ดดู สารพษิ ไดม้ ากโดยเฉพาะฟอร์มัลดไี ฮด์ 22 อยู่อยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไม้ประดบั ดูดสารพิษ

สบั ปะรดสี (Urn Plant) ลักษณะท่ัวไป ส่วนใหญ่จะมีลำต้นสั้น ใบเรียงวนรอบแกนจากซ้ายไปขวา ยาวประมาณ 60 เซนติเมตร ใบประดบั มีสฉี ดู ฉาด ความตอ้ งการแสงแดด อยไู่ ดท้ ้ังกลางแจง้ และทม่ี ีแสงรำไร การดูแล ต้องการความชื้นพอสมควร การให้น้ำควรคำนึงถึงลักษณะของใบอาจพ่นน้ำให้ทุก 3 - 5 วัน บางชนิดอาจถึง 7 วัน ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยเกร็ดละลายน้ำฉีดพ่นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง อณุ หภมู ิท่ีเหมาะสม 16 - 21 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธ์ุ การแยกหน่อ เพาะเมล็ด หรือการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ปลูกในดินที่มีส่วนผสมของ ดินร่วน : ทรายหยาบ : ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก : ใบไม้ผุ ในอัตราส่วน 2 : 1 : 1 : 1 และผสมกับกากมะพร้าว ครึ่งหน่งึ ของปริมาณดนิ การคายความชน้ื น้อย การดูดสารพษิ ดูดสารพิษจากอากาศไดน้ อ้ ย อย่อู ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไม้ประดบั ดูดสารพษิ 23

ซมุ้ กระต่าย หรอื เศรษฐีเรอื นแก้ว (Lily Turf) ลักษณะท่ัวไป ซุ้มกระต่ายหรือเศรษฐีเรือนแก้ว มีลักษณะต้นขึ้นเป็นกอ ใบยาวได้ถึง 45 เซนติเมตร ใบมีสเี ขียวเป็นเส้นแคบยาว ปลายใบออ่ นโค้งเปน็ พุม่ มดี อกเล็ก ๆ เป็นชอ่ สีขาวและสีม่วง ความต้องการแสงแดด ชอบแสงแดดจดั และรำไร ปลกู ภายในบ้านได้ การดูแล เจริญได้ดีในดินทุกชนิด ชอบความชื้นปานกลาง การให้ปุ๋ยควรเป็นปุ๋ยชนิดเม็ดสำหรับใบไม้ หรอื ใหป้ ๋ยุ คอกหรือปุ๋ยหมกั ละลายนำ้ รดเดอื นละ 1 - 2 ครัง้ อณุ หภมู ิที่เหมาะสม 16 – 24 องศาเซลเซียส การขยายพันธ์ุ แยกหน่อ แยกกอ หรือใช้ต้นอ่อนที่เกิดจากไหลไปปลูกในดินที่มีส่วนผสมของดินร่วน : ทรายหยาบ : ป๋ยุ หมักหรือป๋ยุ คอก : ใบไมผ้ ุ ในอัตราส่วน 2 : 1 : 1 : 1 การคายความชื้น ปานกลาง การดดู สารพษิ ดดู สารพิษโดยเฉพาะแอมโมเนยี ได้ 24 อยอู่ ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไม้ประดบั ดดู สารพิษ

สนฉตั ร (Norfolk Island Pine) ลกั ษณะท่วั ไป ปลกู ภายนอกอาคาร ลำตน้ มคี วามสูงประมาณ 5 - 15 เมตร ถ้าปลูกภายในอาคารจะสูงมากท่ีสดุ เพยี ง 3 เมตร ผวิ เปลือกลำต้นสีน้ำตาล ลำตน้ มตี ุ่มเลก็ ๆ ขึน้ รอบต้น ลำตน้ กลม ทรงพุ่มโปร่ง และมีเกล็ดใบเล็ก ๆ ออกตามต้น ส่วนยอด การเจริญแตกกิ่งก้านเป็นชั้น ๆ ออกไปตามแนวนอน ลำต้น ขึ้นตรงไปใบเป็นใบกระกอบออกตามก่ิงก้านเป็นเกลด็ มลี กั ษณะ เปน็ ขนสน้ั เลก็ มีสีเขยี วเรียงตัวกนั แนน่ ความต้องการแสงแดด ชอบแสงแดดปานกลางถึงแสงแดดจดั ก ารดูแล เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก ควรให้น้ำ 3 - 5 วัน/ครั้ง ปลูกได้ดีในห้องที่เย็นและมีความชื้น ปานกลาง ถ้าอากาศแห้งควรฉีดพ่นละอองน้ำให้ทางใบบ่อย ๆ ควรให้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรด เดอื นละ 2 คร้ัง เป็นพชื ท่ีโตช้ามากแตป่ ลูกง่าย อุณหภมู ทิ เ่ี หมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธ์ุ ตัดยอดปักหรือเพาะเมล็ดปลูกในดินที่มีส่วนผสมของดินร่วน : ทรายหยาบ : ปุ๋ยหมัก หรอื ปุ๋ยคอก ในอัตราส่วน 2 : 1 : 1 การคายความช้นื ปานกลาง การดูดสารพษิ ดดู สารพษิ จากอากาศได้นอ้ ย อยู่อยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไม้ประดับดูดสารพษิ 25

เขยี วหมนื่ ปี (Chinese Evergreen) ลักษณะท่ัวไป ลำต้นเป็นไม้เนื้ออ่อน ตั้งตรง มีข้อถี่ แตกใบอ่อนตรงส่วนยอดของลำต้นทีละใบ ใบมีรูปร่างยาวเรียวคล้ายใบพาย บางชนิดมีใบป้อมคล้ายใบโพธิ์ พื้นใบมีสีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้มและ มดี ่างสีขาว ครีม หรือเหลอื งตา่ งกันไป ความตอ้ งการแสงแดด เจรญิ ได้ดีในทมี่ แี สงสว่างไมม่ ากนกั จึงปลูกไดภ้ ายในอาคาร การดูแล ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่แห้งแล้งและความชื้นต่ำได้เป็นอย่างดี ควรดูแลไม่ให้มี น้ำขังแฉะหรือแห้งเร็วเกินไป ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำรดเดือนละ 1 ครั้ง อุณหภูมิ ท่เี หมาะสม 16 - 24 องศาเซลเซียส การขยายพันธ์ุ แยกกอ ตัดต้นหรือยอดไปปลูกในดินที่มีส่วนผสมของสารอินทรีย์และระบายอากาศ ไดด้ ี ส่วนผสมของดนิ ท่ีใช้ปลกู คือ ดนิ รว่ น : ทราย : ปยุ๋ หมักหรอื ปุ๋ยคอก ในอตั ราส่วน 2 : 1 : 1 การคายความชืน้ ปานกลาง การดูดสารพษิ ดดู สารพิษไดป้ านกลาง 26 อยู่อยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไมป้ ระดบั ดดู สารพิษ

แววมยุรา (Prayer Plant) ลักษณะท่ัวไป ใบเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ใบรูปไข่ถึงรูปรีแคบ ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบจัก ฟันเลื่อย แผ่นใบบาง สีเขียว เส้นใบเป็นร่อง ดอกมีสีแดง ชมพู ม่วงเข้ม และม่วงอ่อน โคนกลีบสีขาว กลีบล่างอาจมีแต้มสีเหลือง ออกเป็นช่อแบบช่อกระจะตามซอกใบที่ปลายกิ่ง โคนกลีบดอกเชื่อมกัน เปน็ หลอด ปลายแยกเป็น 5 แฉก ความต้องการแสงแดด ชอบแสงแดดปานกลาง ก่งึ แดดกึ่งรม่ ปลกู ในอาคารได้ การดูแล เป็นพืชที่รักษาความชุ่มชื้นภายในห้องได้ดี ต้องการน้ำมาก ความชื้นสูง ควรรดน้ำให้ดินชุ่มชื้น อยู่เสมอ ถ้าอากาศร้อนให้ฉีดพ่นละอองน้ำให้ใบชุ่มชื้น ควรใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละ 1 คร้ัง โดยปลกู ในดินที่อุ้มน้ำได้ดี อณุ หภมู ิทีเ่ หมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธุ์ การแยกกอหรอื แบง่ เหงา้ ที่โตเตม็ ท่ี การคายความชื้น ปานกลางถึงมาก การดูดสารพิษ ดูดสารพิษจากอากาศไดน้ ้อย อยู่อยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไม้ประดับดดู สารพิษ 27

สโนว์ดรอป (Snowdrop) ลักษณะท่ัวไป เป็นพืชในตระกูลเดียวกับสาวน้อยประแป้งลูกผสม ใบคล้ายกับหินอ่อน ใบรูปใบพาย ขอบใบมีสีเขียว แผ่นใบมีสีขาวอมเหลือง ไม่มีจุดมากเหมือนสาวน้อยประแป้ง เส้นกลางใบมีสีขาว ก้านใบยาวสีเขียวอ่อนอมแดง โคนก้านใบเป็นกาบหุ้มลำต้น เป็นไมป้ ระดับทมี่ ีความสงู ไม่มากแตม่ ใี บใหญ่ ความต้องการแสงแดด ต้องการแสงแดดพอสมควร ปลกู ได้ภายในอาคาร การดูแล เป็นพืชที่ไม่ทนแล้ง จึงต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอแต่ไม่แฉะเกินไป หมั่นเช็ดใบด้วยผ้าชุบน้ำ พอหมาด ใช้ป๋ยุ หมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละ 1 ครั้ง อณุ หภูมิทีเ่ หมาะสม 16 - 29 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธ์ุ การปักชำโดยการตัดต่ำกว่ายอดลงมาประมาณ 1 ฟุต ปลูกได้ดีในดินร่วนซุยส่วนผสม ของดินทใี่ ชป้ ลูกคือ ดินร่วน : ทรายหยาบ : ปยุ๋ หมักหรอื ปุ๋ยคอก ในอัตราส่วน 1 : 1 : 1 การคายความชื้น มาก การดูดสารพิษ ดดู สารพษิ ไดป้ านกลางถงึ มาก 28 อย่อู ยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไมป้ ระดับดูดสารพษิ

มรกตแดง (Red Emerald Philodendron) ลักษณะท่ัวไป เป็นพันธุ์ไม้เลื้อยตระกูลฟิโลเดนดรอน มใี บใหญ่สเี ขียวอมแดง สว่ นใบออ่ นจะมีสแี ดง ความตอ้ งการแสงแดด ชอบแดดร่มรำไร ปลกู ไดภ้ ายในอาคาร การดูแล ดูแลรักษาง่าย เป็นไม้ที่แข็งแรง ควรรดน้ำให้ ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ อย่าให้แฉะ ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ละลายน้ำรดเดือนละ 1 ครั้ง อุณหภูมิที่เหมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซียส การขยายพันธุ์ ปักชำยอดหรือลำตน้ ขึ้นได้ดีในดนิ ร่วนซุย ส่วนผสมของดินที่ใช้ปลูกคือ ดินร่วน : ทราย : ปุ๋ยหมักหรือ ปุ๋ยคอก : ใบไม้ผุ ในอัตราส่วน 2 : 1 : 1 : 1 ปลูกในอาคาร ให้ใช้กาบมะพร้าวหุ้มไม้ปักไว้ในกระถาง พรมน้ำให้ชื้นเพื่อให้ มรกตแดงยึดเกาะ ถ้าต้องการให้แตกก่ิงกา้ นมาก ๆ ควรหมนั่ เดด็ ยอดต้ังแต่ยงั เล็ก การคายความชืน้ ปานกลาง การดูดสารพิษ ดูดสารพิษได้ดีที่สุดในบรรดาพันธุ์ไม้ใน ตระกูลฟโิ ลเดนดรอน อย่อู ยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไม้ประดบั ดดู สารพษิ 29

กุหลาบหนิ (Kalanchoe) ลักษณะท่ัวไป ลำต้นสูง 20 - 50 เซนติเมตร ใบเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ใบสีเขียวรูปรีหรือรูปไข่ กว้าง 2 - 6.5 เซนติเมตร ยาว 3.5 - 9 เซนติเมตร ปลายมน โคนตัดหรือมน ขอบหยักห่าง ๆ แบบซฟ่ี นั ตน้ื ๆ แผ่นใบหนาและอวบน้ำ อายุหลายปี ความต้องการแสงแดด ชอบแสงแดดจัด ปลกู ภายในอาคารไดเ้ พยี งแตป่ ลกู ในร่มจะไมค่ อ่ ยออกดอก การดูแล ให้น้ำสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดในช่วงที่กำลังออกดอก อุณหภมู ิที่เหมาะสม 16 - 26 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธุ์ แยกหน่อ ปักชำยอด ปักชำใบ หรือเพาะเมล็ดปลูกได้ในดินเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะในดินร่วนปนทราย ส่วนผสมของดินที่ใช้ปลูกคือ ดินร่วน : ทรายหยาบ : ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ในอัตราส่วน 2 : 1 : 1 การคายความช้ืน นอ้ ย การดูดสารพิษ ดูดสารพษิ ไดน้ ้อย 30 อยอู่ ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไม้ประดบั ดดู สารพษิ

ไทรใบเล็ก (Ficus Alii) ลักษณะท่ัวไป เป็นพันธุ์ไม้ตระกูลเดียวกับยางอินเดีย ต่างกันที่ลักษณะของใบที่เรียวเล็กปลายแหลม ขอบใบเรยี บและใบเป็นมนั เงา เปน็ พันธไุ์ มพ้ มุ่ ขนาดกลาง เป็นพชื ทที่ นทาน ความตอ้ งการแสงแดด อย่ไู ดใ้ นที่ทมี่ แี สงแดดอ่อนจนถึงแสงแดดจดั หรอื กลางแจ้ง การดูแล ชอบดินร่วนซุยหรือดินร่วนปนทราย ต้องการปริมาณน้ำปานกลางจนถึงมาก ควรให้น้ำ 3 – 5 วัน/ครั้ง ไม่ชอบน้ำขัง ถ้าน้ำมากไปใบจะออกสีเหลือง ชอบความชื้นปานกลาง ควรใช้ปุ๋ยคอกหรือ ปุย๋ หมกั อตั รา 0.5 : 2 กโิ ลกรัม/ต้น ควรใสป่ ลี ะ 4 - 5 ครัง้ อณุ หภมู ิที่เหมาะสม 16 - 24 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธุ์ ปลูกง่ายโดยใช้วิธีการการตอนหรือปักชำจะดีกว่าการใช้เมล็ด ส่วนผสมของดินที่ใช้ ปลูกคือ ดินร่วน : ทรายหยาบ : ปยุ๋ หมกั หรือปยุ๋ คอก ในอัตราสว่ น 2 : 1 : 1 การคายความชน้ื มาก การดดู สารพิษ ดูดสารพษิ จากอากาศได้มาก อยู่อย่างไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไม้ประดบั ดดู สารพิษ 31

หางจระเข้ (Aloe Vera) ลักษณะท่ัวไป สูง 0.5 - 1 เมตร ข้อและปล้องสั้น ใบเดี่ยวเรียงรอบต้นกว้าง 5 – 12 เซนติเมตร ยาว 30 – 80 เซนติเมตร ใบอวบน้ำมากมีสีเขียวอ่อนหรือเขียวเข้ม ภายในมีวุ้นใส ใต้ผิวสีเขียว มนี ้ำยางสเี หลือง ใบอ่อนมกี ระสขี าว ขอบใบมีหนามแหลม เปลอื กใบแข็งสเี ขียว ความต้องการแสงแดด ชอบแสงแดดรำไร ถ้าถูกแสงแดดจัดจะทำให้ใบเป็นสีน้ำตาลแดง ปลูกได้ ท้ังภายในและภายนอกอาคาร การดูแล เป็นพืชที่ต้องการน้ำปานกลางถึงมาก ควรให้น้ำ โดยไม่ให้มีน้ำกักขังที่กากใบ เพราะจะทำให้ ร้อนลวกใบและตายได้ถ้าอยู่ในที่แสงแดดจัด ให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแต่อย่ามากเกินไป จะทำให้ ต้นหางจระเขเ้ น่าได้ อณุ หภูมิทเ่ี หมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซียส การขยายพันธ์ุ แยกหน่อ ตัดเหง้า ปักชำยอด หรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ปลูกได้ในดินทั่วไปที่ระบายน้ำ และอุ้มน้ำได้ดีพอสมควร ส่วนผสมของดินที่ใช้ปลูกคือ ดินร่วน : ทรายหยาบ : ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก : ใบไม้ผุ ในอัตราสว่ น 2 : 1 : 1 การคายความชนื้ น้อย การดูดสารพษิ ดูดสารพิษได้น้อย 32 อยอู่ ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไม้ประดับดูดสารพิษ

วาสนาอธิษฐาน (Cornstalk) ลักษณะท่ัวไป มีลำต้นตั้งตรง มีสีน้ำตาลอ่อน สูงได้ถึง 5 - 6 เมตร เป็นใบเดี่ยวมีลักษณะเรียวยาว ใบจะแตกจากหน่อที่ปลายลำต้น ปลายแหลมโคนสอบเข้าหาใบ ซึ่งเป็นกาบติดกับลำต้นพื้นใบสีเขียว มลี ายสีเหลืองพาดกลางไปตามความยาวของใบ ดอกออกเปน็ ช่อสเี หลอื ง มกี ลน่ิ หอม ความตอ้ งการแสงแดด ชอบแสงแดดจดั แต่อยไู่ ด้ในท่รี ่มรำไร ปลูกในอาคารได้ การดูแล หมั่นรดน้ำเพื่อให้ดินชุ่มน้ำอยู่เสมอแต่ไม่แฉะ ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละ 1 ครั้ง หมั่นทำความสะอาดใบโดยใช้ผ้าเช็ดช่วยป้องกันแมลงจำพวกเพลี้ยได้ เป็นไม้ที่ขึ้นได้ในดินทุกชนิด อณุ หภูมิท่เี หมาะสม 18 – 24 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธุ์ การปักชำ โดยตัดเป็นท่อนยาวท่อนละ 6 - 8 นิ้วตั้งในถาดตื้น ๆ ที่หล่อน้ำไว้จนแตก หน่อแตกใบ นำไปปลูกได้ในดินทุกชนิด ส่วนผสมของดินที่ใช้ปลูกคือ ดินร่วน : ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก : ใบไม้ผใุ นอตั ราสว่ น 2 : 1 : 1 การคายความชนื้ ปานกลางถึงมาก การดูดสารพิษ ดูดสารพิษภายในอาคารจำพวกฟอรม์ ัลดีไฮดไ์ ดม้ ีประสทิ ธิภาพ อยู่อย่างไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไมป้ ระดับดูดสารพษิ 33

เขม็ รมิ แดง (Dragon Tree) ลักษณะท่ัวไป ลักษณะใบแหลมเป็นพุ่มแตกออกจากตอหรือลำต้นที่ตั้งตรง เป็นพืชที่ทนทานมาก ใบมีทั้งเขียว เหลือง แดงอยู่ในใบเดียวกัน ขอบใบเป็นสีแดง ถ้าไม่ตัดยอด ลำต้นสูงไปเรื่อย ๆ แต่ถา้ ตดั ยอด กิ่งใหมจ่ ะแตกออกจากตอเดมิ ใบท่แี ตกออกจะเป็นพุ่มดสู วยงามยิง่ ขน้ึ ความตอ้ งการแสงแดด ชอบนำ้ มากแต่ไม่ถงึ กบั แฉะ จึงควรหมั่นฉีดละอองน้ำให้แกใ่ บ การดูแล เลี้ยงง่าย ทนทาน หรือสังเกตจากความแห้งของผิวหน้าดิน ควรตั้งไว้ในที่แสงแดดส่องถึง เจริญได้ดีในดินร่วนซุย ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละ 1 ครั้ง อุณหภูมิที่เหมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธุ์ แยกต้นอ่อนหรือปักชำ ปลูกในดินที่มีส่วนผสมของดินร่วน : ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก : ใบไมผ้ ุ ในอตั ราส่วน 2 : 1 : 1 การคายความชื้น ปานกลางถึงมาก การดูดสารพษิ ดูดสารพิษได้ปานกลางถึงมาก เชน่ ไซลีนและไตรคลอโรเอทธิลนี เป็นต้น 34 อยอู่ ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไมป้ ระดบั ดูดสารพิษ

หนวดปลาหมึก (Schefflera หรอื Umbrella tree) ลักษณะท่ัวไป ใบมีสีเขียวสดเป็นมัน ใบรีขอบใบหยักปลายแหลม ใบแตกออกมาจากกิ่งเดียว โดยแต่ละกิ่งจะมีใบประมาณ 7 – 15 ใบ ซึ่งกางออกคล้ายฝ่ามือ ก้าน ๆ หนึ่งนี้มีใบย่อยอยู่ประมาณ 5 – 12 ใบ แตกกิง่ ก้านสาขาออกเป็นทรงพมุ่ แนน่ เป็นพันธ์ุไม้ทีส่ งู ได้ถงึ 3 เมตร ความตอ้ งการแสงแดด เป็นไม้กงึ่ ร่ม ไม่ชอบแสงแดดจดั จงึ ปลกู ไดภ้ ายในอาคาร การดูแล ต้องการน้ำมาก ปลูกง่าย โตเร็ว ไม่ต้องดูแลมาก ปลูกในอาคารรดน้ำสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง และต้องการความชื้นสูง จึงต้องหมั่นฉีดละอองน้ำบ่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงอากาศแห้ง และใช้ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละครั้ง อุณหภูมทิ เี่ หมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซียส การขยายพันธ์ุ ปักชำหรือแยกต้นไม้ปลูก ชอบดินร่วนซุย ส่วนผสมของดินที่ใช้ปลูกคือดินร่วน : ทรายหยาบ : ปยุ๋ หมกั หรือป๋ยุ คอก ในอตั ราสว่ น 2 : 1 : 1 การคายความชื้น มาก การดดู สารพิษ ดดู สารพษิ ไดม้ าก อยู่อยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไม้ประดับดดู สารพิษ 35

เยอบีร่า (Gerbera Daisy) ลักษณะท่ัวไป เป็นไม้พุ่มที่มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ใบเป็นแฉก มีสีเขียวสด ก้านใบและใบมีขนละเอียด ก้านดอกแตกออกจาก ลำต้นใต้ดินยาวตั้งตรง ดอกมีหลากสี เช่น แดง ส้ม เหลือง ม่วง ชมพู และขาว เป็นต้น ความต้องการแสงแดด ชอบแสงแดดปานกลางถึงแสงแดดจัด แต่ปลกู ได้ภายในอาคาร การดูแล ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง แต่คายความชื้น ได้สูง ควรให้น้ำอย่างเพียงพอ ไม่แฉะ ให้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก อย่างสมำ่ เสมอ อุณหภูมทิ ่เี หมาะสม 16 – 18 องศาเซลเซียส การขยายพันธุ์ การแยกหน่อหรือแยกกอ เจริญได้ดีในดิน ที่อุดมสมบูรณ์และร่วนซุย ควรปลูกในดินที่มีส่วนผสมของ ดินร่วน : ทรายหยาบ : ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก : ใบไม้ผุ ในอตั ราสว่ น 2 : 1 : 1 : 1 การคายความชืน้ มาก การดดู สารพษิ ดดู สารพษิ ได้มาก 36 อย่อู ยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพิษ ตอน ไมป้ ระดบั ดูดสารพิษ

ล้ินมังกร (Snake Plant) ลักษณะท่ัวไป ลิ้นมังกรมีหลายชนิดมีทั้งลิ้นมังกรสั้น ลิ้นมังกรยาว และลิ้นมังกรลาย หรือเรียกว่า หอกพระอินทร์ ลิ้นมังกรมีลำต้นเป็นหัวหรือเหง้าอยู่ในดิน ใบเกิดจากหัวโผล่ออกมาพ้นดินประกอบกัน เป็นกอ ลักษณะใบเป็นแท่งกลมยาวหรือใบแบนกว้าง ปลายแหลม แข็ง หนาเป็นมัน ขอบใบเรียบ โค้งงอเล็กน้อยหรือเป็นเกลียว ใบกว้างประมาณ 4 - 7 เซนติเมตร และสูงประมาณ 30 - 60 เซนติเมตร มีลายตามแนวขวางและมสี เี หลอื งบริเวณของใบตามแนวยาว ดอกมีสขี าวอมเขยี ว ความต้องการแสงแดด ชอบแสงแดดปานกลางถงึ แสงแดดจดั ปลูกไดภ้ ายในอาคารและภายนอกอาคาร การดูแล ต้องการปริมาณน้ำและความชื้นปานกลาง ควรให้น้ำ 5 - 7 วันต่อครั้ง ใส่ปุ๋ยหมักหรือ ปุ๋ยคอกอัตราส่วน 0.5 - 1 กิโลกรัม/กอ ใส่ปีละ 4 - 5 ครั้ง เจริญได้ดีในดินร่วน เป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนทาน แม้มีแสงน้อยและขาดน้ำเป็นเวลาหลายวัน ไม่ค่อยพบโรคและแมลงรบกวน อุณหภูมิที่เหมาะสม 18 - 27 องศาเซลเซยี ส การขยายพนั ธ์ุ แยกหน่อหรือตัดใบเปน็ ทอ่ นเลก็ ๆ แล้วปกั ชำในดนิ ทีม่ ีส่วนผสมของดินรว่ น : ทราย : ปุ๋ยหมักหรอื ปุ๋ยคอก : ใบไม้ผุในอัตราสว่ น 3 : 1 : 1 : 1 การคายความช้นื น้อย การดูดสารพิษ ดูดสารพิษได้น้อย แต่เป็นพืชที่คายออกซิเจนออกมาตอนกลางคืน และดูดคาร์บอนไดออกไซต์ เข้าไป จงึ เหมาะทจี่ ะปลกู ในห้องนอน อยอู่ ยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไม้ประดบั ดดู สารพษิ 37

สาวน้อยประแปง้ (Dumb Cane) ลักษณะท่ัวไป มีใบใหญ่คล้ายใบพาย มีตั้งแต่สีเขียวอ่อนไปจนถึงสีเขียวแก่ รวมไปถึงสีเหลืองอ่อนด้วย มลี ายแต้มประปรายเป็นสขี าวหรอื เหลืองออ่ น ความต้องการแสงแดด เจรญิ ได้ดีในที่ร่มรำไร ปลกู ไดท้ ัง้ ภายนอกและภายในอาคาร การดูแล ชอบอากาศอบอุ่นและความชื้นสูง คายความชื้นได้ปานกลางถึงมาก ปรับตัวเจริญเติบโตได้ดี ในห้องที่เย็นและสภาพอากาศแห้งแล้ง เป็นพืชที่ปลูกและดูแลง่าย ไม่ควรปลูกในที่ที่ถูกแสงแดดโดยตรง ไม่รดน้ำมากเกินไปจนแฉะเพื่อป้องกันรากเน่า จึงควรรดน้ำแต่น้อยแต่รดบ่อยครั้ง ถ้าอากาศเย็นควรลด การให้น้ำเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา หมั่นเช็ดใบด้วยผ้าชุบน้ำพอหมาดจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ใช้ปุ๋ยหมัก หรือป๋ยุ คอกละลายน้ำรดเดอื นละ 1 - 2 คร้ัง อณุ หภูมทิ เ่ี หมาะสม 16 - 27 องศาเซลเซียส การขยายพันธ์ุ ตัดลำต้นชำ โดยตัดต่ำกว่ายอดลงมา 30 เซนติเมตร ปลูกได้ดีในดินร่วนซุย ส่วนผสม ของดนิ ทป่ี ลูกคือ ดินร่วน : ทรายหยาบ : ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก : ใบไมผ้ ใุ นอตั ราสว่ น 2 : 1 : 1 : 1 การคายความชน้ื ปานกลางถึงมาก การดูดสารพิษ ดดู สารพิษได้ปานกลางถงึ มาก 38 อยูอ่ ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไม้ประดบั ดูดสารพิษ

เบญจมาศ (Chrysanthemum) ลกั ษณะท่วั ไป สูง 0.5 - 1.2 เมตร ผิวเปลือกตน้ และก่งิ เปน็ ลายทางตามแนวยาว ต้น กิ่ง และใบมกี ล่ิน ใบเรียงสลับ โคนตัดหรือสอบแหลมคล้ายรูปลิม่ แกมรูปฐานหัวใจ ขอบเว้าเป็นพู 3 - 5 พู รูปกลมหรือ รูปไข่ ขอบเว้าเป็นจักหยาบ ๆ ปลายมนและเป็นติ่งเล็ก ๆ แผ่นใบหยาบ เส้นกลางใบและเส้นแขนงใบ สีขาวเด่นชัด ช่อดอกออกที่ปลายกิ่งและตามง่ามใบบน ๆ ดอกวงนอกเป็นดอกเพศเมียมี 1 - 2 ชั้น กลีบรปู ลนิ้ สีขาว เหลือง หรอื มว่ ง ความต้องการแสงแดด ชอบแดดปานกลางถงึ แสงแดดจดั อณุ หภมู ทิ ี่เหมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซียส การดูแล เจริญได้ดีในดินร่วน ต้องการน้ำปานกลาง ความชื้นสม่ำเสมอ ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำ รดเดือนละ 1 – 2 คร้งั ถ้าปลกู ในอาคารควรตั้งไว้ใหไ้ ดร้ ับแสงส่องถึง การขยายพันธ์ุ การปักชำ เพาะเมล็ด แยกหน่อ ต่อกิ่ง หรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ โดยปลูกในดินที่มีส่วนผสม ของดนิ รว่ น : ป๋ยุ หมักหรือปยุ๋ คอก : ใบไม้ผุ ในอตั ราส่วน 2 : 1 : 1 การคายความชน้ื มาก การดูดสารพษิ ดดู สารพษิ ได้มาก เช่น ฟอร์มัลดีไฮด์ เบนซนี และแอมโมเนีย เปน็ ต้น อยูอ่ ย่างไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไมป้ ระดับดูดสารพิษ 39

ไทรยอ้ ยใบแหลม ลักษณะท่ัวไป สูง 5 – 10 เมตร ลักษณะทรงพุ่ม ใบสีเขียว (Weeping Fig) สดห้อยย้อยสวยงาม ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับรูปรีแกมรูปไข่ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบ แผน่ ใบคอ่ นข้างหนาเป็นมัน ปลูกนาน ๆ จะมีรากอากาศแตกออกมาตามกิ่งก้านห้อย ย้อยสู่พื้น ถ้าปลูกนอกอาคารใบจะเป็นพุ่มแน่น ถ้าปลูกใน อาคารใบจะน้อยลงและต้นจะสูงโปร่ง เป็นพืชที่เจริญเติบโตเร็ว แข็งแรงทนทาน ปรับตวั เขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มได้ดี ความต้องการแสงแดด ชอบแดดอ่อนจนถึงแสงแดดจัด และปลูกภายในอาคารได้ การดูแล ชอบความชื้นปานกลาง ต้องการน้ำปานกลาง จนถึงมาก ถ้าปลูกในอาคารให้รดน้ำ สัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง ใช้ปุ๋ยคอกหรือปยุ๋ หมักละลายน้ำรดเดอื นละ 1 คร้งั เจริญไดด้ ี ในดินร่วนและดินร่วนปนทราย อุณหภูมทิ ี่เหมาะสม 18 - 24 องศาเซลเซียส การขยายพันธ์ุ เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ปักชำ หรือตัดเอากิ่งทีมี รากอากาศไปปลูก สามารถปลูกได้ในดินเกือบทุกชนิด ส่วน ผสมของดินปลูก คือใช้ดินร่วน : ทรายหยาบ : ปุ๋ยหมักหรือ ปุย๋ คอก : ใบไม้ผุ ในอัตราสว่ น 2 : 1 : 1 : 1 การคายความช้ืน มาก การดดู สารพษิ ดูดสารพษิ จำพวกฟอรม์ ลั ดีไฮด์ได้ดี 40 อย่อู ยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไม้ประดับดูดสารพิษ

ฟโิ ลหชู า้ ง (Elephant Ear Philodendron) ลักษณะท่ัวไป เป็นสายพันธุ์เดียวกับฟิโลเดนดรอนต่าง ๆ ฟิโลหูช้างมีใบค่อนข้างใหญ่ ความสูงของต้น เมื่อโตเต็มที่ประมาณ 1 เมตร เป็นพันธุ์ไม้เถาแต่ไม่เลื้อยพัน ต้องการหลักเกาะยึด เช่น กาบมะพร้าวซึ่ง จะชว่ ยใหค้ วามชน้ื ดว้ ย เป็นตน้ ใหด้ อกสเี หลืองอมขาว ความตอ้ งการแสงแดด ชอบแสงแดดรำไร หรือมแี สงแดดเพยี งครึง่ วนั การดูแล รดน้ำทุกวัน ต้องการความชื้นจึงควรฉีดละอองน้ำให้อย่างสม่ำเสมอ ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ละลายน้ำรดเดือนละ 1 ครั้ง หรือใส่ปุ๋ยบำรุงสูตรเสมอ 16 - 16 - 16 เพียงเดือนละ 1 ครั้ง หรือ เป็นปุ๋ยละลายช้าโดยใส่ 3 เดือนครั้ง และควรใช้ฟองน้ำหรือผ้าเปียกหมาด ๆ เช็ดใบเป็นครั้งคราว อุณหภมู ทิ ีเ่ หมาะสม 16 - 24 องศาเซลเซียส การขยายพันธ์ุ เพาะเมล็ด ตอน หรือปักชำ ชอบดินร่วนซุย ส่วนผสมของดินที่ใช้ปลูกคือ ดินร่วน : ทรายหยาบ : ปุย๋ หมักหรอื ป๋ยุ คอก ในอตั ราสว่ น 2 : 1 : 1 การคายความชืน้ ปานกลาง การดูดสารพษิ ดดู สารพษิ จากอากาศไดน้ ้อยถงึ ปานกลาง อยู่อย่างไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไม้ประดบั ดดู สารพษิ 41

ฟิโลเซลลอม (Lacy Tree Philodendron) ลักษณะท่ัวไป เป็นพืชในตระกูลฟิโล ซึ่งมีหลากหลายในเรื่องฟอร์มใบและสีสันของใบ เป็นไม้ประดับ ก่งึ เลือ้ ยที่มลี กั ษณะใบเป็นแฉกคล้ายฟิโลใบมะละกอ มีลักษณะใกล้เคยี งต้นซานาดนู ความต้องการแสงแดด ชอบแสงแดดรำไร ปลกู ในอาคารได้ การดูแล รดน้ำทุกวันแต่ไม่ให้แฉะ ต้องการความชื้นมากจึงควรฉีดละอองน้ำให้แก่ใบ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ ในห้องหรือเวลาอากาศแห้ง ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละ 1 ครั้ง อุณหภูมิที่เหมาะสม 16 - 24 องศาเซลเซียส การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอน ปักชำ หรือแยกกอไปปลูกในดินร่วนซุย ส่วนผสมของดินที่ใช้ปลูกคือ ดินรว่ น : ปุ๋ยหมักหรือปยุ๋ คอก : ใบไม้ผใุ นอตั ราสว่ น 2 : 1 : 1 การคายความช้ืน ปานกลาง การดดู สารพิษ ดูดสารพิษไดน้ อ้ ย 42 อยู่อยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไม้ประดับดูดสารพษิ

ฟโิ ลใบหัวใจ (Heart Leaf Philodendron) ลักษณะท่ัวไป เป็นทรงเถา และแบ่งออกเป็นข้อ ๆ ใบเป็นรูปหัวใจป้อม ๆ ปลายแหลมโคนมนเว้า เขา้ หากา้ นใบเลก็ นอ้ ยขอบใบเรยี บไม่มีหยัก พ้นื ใบเรียบมีสี เขียวแตกใบอ่อนตรงส่วนยอด ความต้องการแสงแดด ชอบแสงแดดรำไรหรอื แสงแดดเพียงครง่ึ วนั การดูแล ต้องการน้ำปานกลาง รดน้ำเพียงสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง ต้องการความชื้นจึงควรฉีดละอองน้ำ ให้บ่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงอากาศแห้ง ควรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักละลายน้ำรดเดือนละ 1 ครั้ง ใช้ฟองน้ำ หรือผ้าเปียกหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดใบเพื่อกำจัดฝุ่นละออง จะทำให้เจริญเติบโตดีขึ้นและดูสวยงาม อณุ หภมู ิที่เหมาะสม 16 - 21 องศาเซลเซียส การขยายพันธุ์ ตัดยอด กิ่ง หรือส่วนของลำต้นไปปักชำในดินที่มีส่วนผสมของดินร่วน : ทรายหยาบ : ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก : ใบไม้ผุ ในอัตราส่วน 2 : 1 : 1 : 1 อาจคลุมดินด้วยกาบมะพร้าวเพื่อช่วยให้ ความชมุ่ ช้นื การคายความช้นื น้อยถงึ ปานกลาง การดดู สารพิษ ดดู สารพษิ ได้นอ้ ยถึงปานกลาง อยู่อยา่ งไรภายใตภ้ าวะมลพษิ ตอน ไมป้ ระดับดูดสารพิษ 43