Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติความเป็นมาอำเภอทับคล้อ

ประวัติความเป็นมาอำเภอทับคล้อ

Published by ห้องสมุดประชาชน, 2019-12-12 23:10:21

Description: ประวัติความเป็นมาอำเภอทับคล้อ

Search

Read the Text Version

ประวตั แิ ละความเปน็ มา อาเภอทับคลอ้

ประวตั ิและความเปน็ มา “อำเภอทับคล้อ” เป็นช่ืออำเภอหน่ึงของจังหวัดพิจิตร ต้ังอยู่บนทำงหลวงแผ่นดินหมำยเลข 113 สำย ตะพำนหิน- เพชรบูรณ์ มีพ้ืนท่ีประมำณ 235,964 ไร่ หรือประมำณ 378.287 ตำรำงกิโลเมตร ต้ังอยู่ ระหวำ่ งเส้นรุ้งที่ 16 กับ 09 และเสส้นแวงท่ี 101 กับ 100 องศำ 370 ลิปดำ ตะวันออกมีรูปร่ำงล้ำยกับ หัวมงั กร ต้ังอยู่ทำงทศิ ตะวนั ออกเฉยี งใต้ของจังหวดั พิจิตร อยู่หำ่ งจำกจังหวัดประมำณ 50 กิโลเมตร และ อย่หู ่ำงจำกกรงุ เทพมหำนคร 330 กิโลเมตร เป็นอำเภอที่มรี อยต่อตดิ กบั ชำยแดนจงั หวดั เพชรบูรณ์ มีเส้น ทำวคมนำคมทเ่ี ชอ่ื มตอ่ กบั จงั หวัดอน่ื ๆ ดว้ ยทำงหลวงแผน่ ดนิ หลำยเสน้ ทำง เดิมอำเภอทับคล้อ เป็นตำบลหน่ึงของอำเภอตะพำนหิน ต่อมำทำงรำชกำรได้แยกพ้ืนท่ีออกจำก อำเภอตะพำนหินและยกฐำนะเป็นก่ิงอำเภอ เม่ือวันที่ 1 พฤษภำคม พ.ศ. 2526 ได้รับกำรยกฐำนะเป็น อำเภอ เมื่อวันท่ี 12 สิงหำคม พ.ศ. 2530 และสร้ำงท่ีว่ำกำรอำเภอทับคล้อ ต้ังอยู่บริเวณวังเดือนห้ำ หมู่ท่ี 2 ตำบลทับคลอ้ อำเภอทับคลอ้ ความเปน็ มาของอาเภอทบั คลอ้ เดิมทับคล้อมีช่ือเรียกว่ำ “บ้ำนตะคร้อ” ซ่ึงเป็นกำรเรียกช่ือตำมลักษณะธรรมชำติ เนื่องจำก สภำพพืน้ ท่ีเป็นป่ำไมเ้ บญจพรรณ มีตน้ ตะครอ้ ข้ึนอยู่มำกๆในพ้ืนท่ี คำว่ำ “ทับ” หมำยถึงท่ีพกั ข้ำงทำงจึง เรียกว่ำทับตะคร้อ ต่อมำเรียกเพ้ียนไปเป็น บ้ำนทับคล้อในช่วงสงครำมโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยได้เข้ำร่วม สงครำมภำยใต้ผนู้ ำประเทศ คือ จอมพล ป. พิบูลสงครำมในช่วงวันที่ 8 ธันวำคม พ.ศ. 2484 กองทัพญ่ีปุ่น ได้ยกพลขึ้นบกท่ีอรัญประเทศ สมุทรปรำกำร ชุมพร สุรำษฏร์ธำนี ปัตตำนีมีกำรต่อสู่กันระหว่ำงทหำร และยวุ ชนไทยจนทำให้มผี ู้เสียชวี ติ เป็นจำนวนมำก รัฐบำลจอมพล ป.พิบลู สงครำม ได้มีคำสงั่ ห้ำมกองทัพ ไทยยุติกำรต่อต้ำนและยอมให้ญ่ีปุ่นเดินทัพผ่ำนไปยังพม่ำ ทำให้รัฐบำลไทยตอ้ งประกำศสงครำมกับฝ่ำย สัมพันธมติ รเป็นเหตใุ ห้กองทัพอังกฤษ อเมริกำ และฝรงั่ เศสโกรธไทยมำกและได้นำเครือ่ งบนิ มำท้งิ ระเบิด ในประเทศไทย ทำให้ประชำชนไทยเดือดร้อนมำก ต่อมำ ม.ร.ว. เสนีย์ ปรำโมทย์ เอกอัครำชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตนั ได้จัดตั้งกลุม่ เสรีไทยข้นึ เพ่อื ต่อต้ำนญ่ปี ุ่น

รฐั บำลจอมพล ป. พิบูลสงครำม ได้วำงแผนเตรียมย้ำยเมืองหลวงจำกกรุงเทพฯ ไปอยู่ท่ีจังหวัด เพชรบูรณ์ จึงให้มีกำรสร้ำงทำงและเกณฑ์ประชำชนในที่ต่ำงๆ ขนไม้ข้ึนไปทำทำงเพ่ือเตรียมสร้ำงเมือง แต่ต่อมำสภำผู้แทนรำษฎรลงมติไม่อนุมัติเพรำะเห็นว่ำเพชรบูรณ์เป็นเมืองท่ีกันดำร และมีไข้ป่ำชุกชุม รัฐบำลไม่สำมำรถช้ีแจงเหตุผลท่ีเหมำะสมได้จึงต้องทำให้จอมพล ป. พิบูลสงครำม ตองตัดสินใจลำออก จำกกำรเป็นนำยกรัฐมนตรี สงครำมได้ยืดเย้ือมำจนถึง วันที่ 9 สิงหำคม พ.ศ. 2488 กองทัพญี่ปุ่นถูก อเมริกำท้ิงระเบิดปรมำณูถล่มเมืองฮิโรชิมำและนำงำซำกิ ทำให้คนญ่ีปุ่นเสียชีวิตเพรำะแรงระเบิดทันที 700,000 คนและตำยในเวลำตอ่ มำอีก 700,000 คน รัฐบำลญ่ีป่นุ ตองขอยอมแพ้สงครำมโลกคร้งั ท่ี 2 จึง ยตุ ิลงในวันท่ี 14 สงิ หำคม พ.ศ. 2488 จำกแนวคิดของผู้นำที่จะย้ำยเมืองหลวง ทำให้อำเภอตะพำนหินพัฒนำมำกมำย มีกำรสร้ำง โรงแรม ร้ำนค้ำ เป็นผลให้ทับคล้อซ่ึงขณะน้ันเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอตะพำนหิน มีควำมเจริญและ เปลี่ยนแปลงตำมไปด้วย ทำให้ทำงรำชกำรได้แยกพื้นที่ทับคล้อออกจำกอำเภอตะพำนหินและยกฐำนะ เป็นก่ิง อำเภอและอำเภอในชว่ งเวลำตอ่ มำ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ พื้นทข่ี องอำเภอทับคลอ้ มีควำมลำดเอียงจำกทิศตะวันออกไปทำงทิศตะวนั ตก บริเวณทิศใต้และ ทศิ ตะวนั ตกเปน็ พนื้ ทร่ี ำบลุ่มมีลำคลองขนำดเล็กไหลผำ่ น บรเิ วณทิศเหนอื และทิศตะวันออกมปี ่ำไม้เบญจ พรรณและป่ำโปรง่ บรเิ วณพื้นที่เป็นภูเขำสงู อยู่ตดิ กัน บำงแหง่ เป็นภเู ขำโดด เช่นเขำปอ เขำนกยูง เขำเจ็ด ลูก แต่ในปัจจุบันป่ำไม้ลดน้อยลงไปมำก เนื่องจำกกำรขยำยตัวของประชำชน ในกำรทำมำหำกินและ ต้องกำรทอ่ี ยู่อำศัยมำกข้นึ ด้วยเหตุที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นท่ีรำบลุ่ม จึงเหมำะกับกำรประกอบอำชีพเก ษตรกรรม ทำนำ เล้ียงสัตว์ ปลูกพืชสวน เพำะเห็ดฟำง ปลูกพืชผักสวนครัว ประชำชนได้รวมกลุ่มกันพัฒนำฝีมือ แรงงำนให้มคี ุณภำพเชิงธุรกิจ มกี ำรพัฒนำตนเองตำมแนวพระรำชดำริ จนทำให้มีรำยได้เพ่ิมข้ึนและด้วย ควำมรู้แห่งภูมิปัญญำไทยแต่ด่ังเดิมผสมผสำนกับ ควำมรู้ให ม่ที่ได้รับ จำกหน่วยงำนและองค์กรอื่นๆที่ เก่ียวข้อง ทำให้ประชำชนได้รับประโยชน์อย่ำงเต็มท่ี มีสินค้ำท่ีโดดเด่นหลำยกลุ่มหลำยหมู่บ้ำนที่จัดเป็น หนึ่งผลติ ภัณฑห์ น่งึ ตำบล

สภาพภูมอิ ากาศ ลกั ษณะภูมิอำกำศของอำเภอทบั คล้อ เป็นแบบฝนเมืองร้อนแตล่ ะฤดกู ำลมีควำมแตกต่ำงกันอย่ำง ชดั เจน อำกำศรอ้ นจัดในฤดูร้อน ฤดูหนำวอำกำศหนำวแต่ไม่หนำวจัดและมีฝนตกชุกในฤดูฝน แตล่ ะฤดูมี ช่วงเวลำดงั น้ี ฤดูร้อน เร่ิมตั่งแต่เดือนกุมภำพันธ์ ไปส้ินสุดเดือนเมษำยนได้รับอิทธิพลจำกลมมรสุมตะวันออก และตะวนั ออกเฉียงใต้ ฤดูฝน เร่ิมตั่งแต่เดือนพฤษภำคม ไปส้ินสุดเดอื นตุลำคมได้รบั อิทธพิ ลจำกลมมรสุมตะวนั ตกเฉียง ใต้ พัดนำควำมชุ่มช้ืนจำกมหำสมทุ รอนิ เดีย และพำยุดเี ปรสชัน่ ทพ่ี ัดมำจำกทะเลจีนใต้ มำยงั ประเทศไทย ทำใหไ้ ด้รับปรมิ ำณน้ำที่ไหลมำอย่ำงรวดเร็วจำกจงั หวัดเพชรบรู ณ์ ซึง่ เป็นภูเขำสูง กอ่ ให้เกดิ ปัญหำน้ำท่วม เกอื บทกุ ปี ประชำชนตอ้ งเดือดร้อนเพรำะผลผลิตเสียหำยหลำยตำบล ฤดูหนาว เร่ิมตั่งแต่เดือนพฤศจิกำยนไปสิ้นสุดเดือนมกรำคมได้รับอิทธิพลจำกลมมรสุม ตะวันออกเฉยี งเหนือที่พดั มำจำกประเทศจนี เขตการปกครอง อำเภอ ทั บ คล้อ แบ่ งเขตก ำรป ก ครอ งใน อ ำเภอ ตำมป ระก ำศกระท รวงมหำดไท ย (รำชกิจจำนุเบกษำ เล่ม 114 ตอนพิเศษ 105 ลงวันท่ี 12 พฤศจิกำยน พ.ศ. 2540 หน้ำ 28 -38 ) แบง่ เป็น 4 ตำบล ไดแ้ ก่ 1. ตำบลทับคลอ้ 2. ตำบลเขำทรำย 3. ตำบลเขำเจด็ ลกู 4. ตำบลทำ้ ยทุ่ง ในแตล่ ะตำบล ไดแ้ บง่ เขตกำรปกครอง ออกเป็นหมูบ่ ำ้ น ดงั นี้ 1. ตาบลทับคล้อ มีอาณาเขตติดต่อกับพ้นื ที่อื่นๆ ดงั นี้ ทศิ เหนอื ติดกับตำบลเขำเจ็ดลูก อำเภอทบั คล้อ ทศิ ตะวันออก ตดิ กบั ตำบลเขำทรำย อำเภอทบั คล้อ ทิศตะวันตก ติดกับตำบลวงั หลุม อำเภอตะพำนหนิ ทิศใต้ ตดิ กับตำบลทำ้ ยทุง่ อำเภอทับคลอ้

ลักษณะของตำบลทับคล้อ เป็นท่ีรำบลุ่ม มีลำคลองร่องกอกและลำคลองสำขำหลำยสำย ทำให้พ้ืนที่ในแต่ละตำบลได้รับน้ำเพียงพอในกำรประกอบอำชีพเกษตรกรรมตำบลทับคล้อแบ่งเขต กำรปกครองออกเป็น 11 หมู่บำ้ นคอื หมู่ที่ 1 บ้ำนทับคล้อ หมทู่ ี่ 2 บ้ำนวัดป่ำ หมู่ที่ 3 บ้ำนสวนพริก หมู่ที่ 4 บำ้ นหนองน้ำเต้ำ หมู่ที่ 5 บ้ำนสำยคลองแห้ง หม่ทู ี่ 6 บ้ำนสำยดงยำง หมทู่ ่ี 7 บ้ำนบอ่ ทรำย หมูท่ ่ี 8 บำ้ นหนองอ้ำยตู้ หมู่ท่ี 9 บ้ำนทบั คลอ้ หมทู่ ี่ 10 บำ้ นใหมส่ ำยดงยำง หมู่ท่ี 11 บำ้ นบอ่ ทรำยพัฒนำ 2. ตาบลเขาทราย สภำพพืน้ ที่โดยทัว่ ไปมีลักษณะเป็นพนื้ ทรี่ ำบและพนื้ ทดี่ อนบำงส่วนมีภูเขำสูง มีลักษณะ เปน็ กลุ่มภูเขำแต่ไม่สูงมำก ตำบลเขำทรำย มีอำณำเขตติดต่อกบั พ้นื ที่อน่ื ๆ ดังน้ี ทศิ เหนือ ตดิ กับตำบลเขำเจด็ ลกู อำเภอทบั คล้อ ทศิ ตะวันออก ติดกบั ตำบลดงขุย อำเภอชนแดน ทศิ ตะวันตก ตดิ กับตำบลทบั คลอ้ อำเภอทบั คลอ้ ทิศใต้ ตดิ กับตำบลท้ำยท่งุ อำเภอทับคลอ้ สภำพพ้นื ที่โดยทัว่ ไปของตำบลเขำทรำย มีลักษณะเป็นภูเขำ สูงๆ ต่ำๆ หลำยแหง่ เช่น 1. เขำปอ เปน็ ภูเขำท่สี ูงท่ีสดุ ในกลมุ่ ภูเขำ สูงประมำณ 251 เมตร 2. เขำตะล่มุ สงู ประมำณ 239 เมตร 3. เขำพระ สงู ประมำณ 226 เมตร 4. เขำนกยูง สูงประมำณ 200 เมตร ตำบลเขำทรำย แบ่งเขตกำรปกครองออกเป็น 14 หมบู่ ้ำน คอื หมทู่ ี่ 1 บำ้ นเขำทรำย หมู่ท่ี 2 บำ้ นวงั แดง หมูท่ ี่ 3 บ้ำนลำประดำ หมูท่ ่ี 4 บำ้ นเขำทรำย หม่ทู ี่ 5 บ้ำนวังหนิ เพลิง หมู่ที่ 6 บำ้ นหนองจะปรำบ หมู่ท่ี 7 บ้ำนเขำพระ หมทู่ ี่ 8 บ้ำนเขำนกยูง หมู่ที่ 9 บ้ำนหนองพง หมู่ท่ี 10 บำ้ นเขำทรำย หมทู่ ี่ 11 บ้ำนวังหนิ เพลงิ เหนือ หมู่ท่ี 12 บ้ำนวงั แดงเหนอื หมู่ที่ 13 บ้ำนเกำะแกว้ ลำประดำ หมูท่ ่ี 14 บำ้ นหนองสองห้อง

3. ตาบลเขาเจ็ดลกู สภำพพ้ืนท่โี ดยท่ัวไปมีลักษณะเป็นพน้ื ท่ีรำบลมุ่ สลบั กับเนินมีภูเขำสูงติดกัน 7 ลูก ภูเขำท่ีสูงที่สุด ได้แก่ เขำเจ็ดลูก ภูเขำท่ีต่ำท่ีสุด คือเขำพนมพำ กรมทรัพยำกรธรณี ได้สำรวจธรณีฟิสิกส์ทำงอำกำศ ในช่วงปี พ.ศ. 2527- 2533 พบว่ำบรเิ วณพื้นทีเ่ ขำพนมพำพบแรท่ องคำ อยู่ภำยในบรเิ วณภูเขำ จึงทำให้มี ชำวบ้ำนลักลอบขดุ แรท่ องคำในปีพ.ศ. 2542 และยังพบว่ำมแี ร่ทองคำบริเวณทศิ ตะวันตกของพ้ืนท่ีตำบล เขำเจ็ดลูก เขตติดจ่ออำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ มีสำยแร่ทองคำฝังตัวอยู่ใต้ดิน เป็นสำยแร่ควอตซ์ ผสมแร่ประเภทคำร์บอเนต บริษัทอัครำไมนิ่งจำกัด จึงย่ืนขอประทำนบัตรทำเหมืองแรท่ องคำ ในปีพ.ศ. 2538 ไดร้ บั อนุญำต เมอ่ื วนั ที่ 19 มถิ ุนำยน พ.ศ. 2543 ได้เปดิ ทำเหมอื งในปี พ.ศ. 2544 ซ่งึ นับว่ำตำบล เขำเจด็ ลกู มที รพั ยำกรธรรมชำติท่ีสำคญั ควรศึกษำเปน็ อย่ำงยงิ่ ตำบลเขำเจ็ดลูก มีเส้นทำงคมนำคมท่ีสำคัญติดต่อกับตำบลเขำทรำย คือทำงหลวงหมำยเลข 11 อินทรบ์ ุรี-เชยี งใหมแ่ ละทำงหลวงหมำยเลข 1301 หนองขนำก-วังโป่ง จงั หวัดเพชรบรู ณม์ ีอำณำเขตตดิ ต่อ กับพื้นทีอ่ น่ื ๆ ดังนี้ ทิศเหนอื ติดกบั ตำบลหนองพระ อำเภอวงั ทรำยพูน ทิศตะวันออก ติดกับตำบลท้ำยดง อำเภอวังโป่ง ทศิ ตะวนั ตก ติดกับตำบลวงั หลุม อำเภอตะพำนหิน ทศิ ใต้ ตดิ กับตำบลเขำทรำย อำเภอทับคล้อ ตำบลเขำเจ็ดลกู แบ่งเขตกำรปกครองออกเปน็ 12 หมูบ่ ำ้ น คือ หมทู่ ่ี 1 บ้ำนเกำะแก้ว หมทู่ ี่ 2 บำ้ นเขำตะพำนนำก หมทู่ ี่ 3 บำ้ นเขำดิน หม่ทู ี่ 4 บ้ำนจิตเสือเต้น หมู่ท่ี 5 บ้ำนไดวน หมู่ที่ 6 บ้ำนเขำโล้น หมทู่ ี่ 7 บำ้ นหนองขนำก หมูท่ ่ี 8 บำ้ นนคิ ม หมูท่ ่ี 9 บ้ำนเขำหมอ้ หม่ทู ี่ 10 บำ้ นไดนำ้ ขนุ่ หม่ทู ี่ 11 บ้ำนเนินพวง หมู่ท่ี 12 บ้ำนยำงสำมตน้

4. ตาบลท้ายทุ่ง สภำพพื้นที่โดยทั่วไปมีลักษณะเป็นพ้ืนท่ีรำบลุ่มเหมำะสมกับกำรทำนำมีเส้นทำงคมนำคมภำยใน ตำบล ได้แก่ถนน รพช. เชื่อมต่อระหว่ำงหมู่บ้ำนและตำบลอ่ืนๆ ประชำกรส่วนใหญ่จะเป็นชำวไทย เชื้อ สำยไทยพวนและไทยอสี ำนปะปนอยู่รวมกนั เปน็ ลกั ษณะกระจุกรวมตวั เปน็ กลุ่มและกระจำยตัวตำมพน้ื ที่ เกษตรกรรม มอี ำณำเขตตดิ ต่อกับพน้ื ทอ่ี ืน่ ๆ ดงั นี้ ทศิ เหนอื ติดกับตำบลทับคล้อ อำเภอวังทับคลอ้ ทศิ ตะวันออก ตดิ กบั ตำบลเขำทรำย อำเภอทับคลอ้ ทศิ ตะวนั ตก ติดกับตำบลวังงว้ิ อำเภอทบั คลอ้ ทิศใต้ ตดิ กบั ตำบลท่งุ โพธ์ิ อำเภอตะพำนหิน ตาบลท้ายทุ่ง แบง่ เขตการปกครองออกเป็น 19 หมบู่ ้าน คือ หมู่ที่ 1 บำ้ นทำ้ ยทงุ่ หมทู่ ี่ 2 บำ้ นทำ้ ยท่งุ หมทู่ ี่ 3 บำ้ นบำงเบน หมู่ที่ 4 บำ้ นบำงเบน หมู่ที่ 5 บำ้ นวังกระชนั หมู่ท่ี 6 บ้ำนเขำดนิ หมู่ท่ี 7 บำ้ นหนองจิก หมูท่ ่ี 8 บ้ำนเขำส้ำน อาเภอทบั คล้อมกี ารปกครองระดับท้องถ่นิ ดังนี้ 1. มเี ทศบำลตำบล 2 แห่ง คอื เทศบำลตำบลทับคล้อและเทศบำลตำบลเขำทรำย 2. องค์กำรบริหำรส่วนตำบล มี 4 ตำบลคือ องค์กำรบริหำรส่วนตำบลทับคล้อ องค์กำรบริหำร ส่วนตำบลเขำทรำย, องค์กำรบรหิ ำรส่วนตำบลเขำเจด็ ลูกและ องคก์ ำรบริหำรสว่ นตำบลทำ้ ยทงุ่ นอกจำกน้ัน ยังมีหมู่บ้ำนอำสำพัฒ นำป้องกันตนเอง (อพป.) จำนวน 5 หมู่บ้ำนคือ บำ้ น ไดวน บ้ำนเขำโล้น บ้ำนเขำหมอ้ บำ้ นหนองจะปรำบและบ้ำนเขำนกยงู

ประชากร อำเภอทับคลอ้ มีประชำกรประมำณ 46,296 คนมเี ช้อื สำยไทย,ไทยพวน,จีน,ไทยอีสำนและชำว ต่ำงประเทศ เช่นอินเดีย ปำกีสถำน ออสเตเรีย ส่วนใหญ่นับถือศำสนำพุทธ มีนับถือศำสนำอิสลำมและ ศำสนำคริสต์เป็นสว่ นน้อย ด้วยเหตุที่ประชำชนในอำเภอทับคล้อ อยู่รวมกันหลำยชำติพันธุ์จึงทำให้เอกลักษณ์ทำงภำษำ วฒั นธรรมในแต่ละตำบลหมบู่ ้ำนแตกต่ำงกันไป ลักษณะควำมเป็นอยู่จะรวมตัวกันเป็นกระจกุ ประกอบ อำชีพค้ำขำย ปลูกผัก เล้ียงสตั ว์ บำงส่วนกระจำยตำมพนื้ ท่ีเกษตรกรรม ทรัพยากรธรรมชาติ 1. ทรพั ยากรดิน จำกกำรสำรวจดินของกรมพัฒนำที่ดินสำมำรถสรปุ ลักษณะทำงธรณีสัณฐำนดิน ท่พี บในบรเิ วณอำเภอทับคล้อได้ ดังนี้ 1.1 ท่ีรำบลุ่มตะกอนน้ำ เป็นท่ีรำบที่เกิดจำกกำรทับถมลักษณะน้ีจะมีเน้ือดินละเอียด มกี ำรระบำยน้ำค่อนข้ำงเรว็ มีควำมอดุ มสมบรณู ์ปำนกลำงถึงต่ำ เหมำะสมต่อกำรปลกู ข้ำว 1.2 เนินตะกอนรูปพัด เป็นเนินตะกอนท่ีเกิดจำกกำรสะสมตัวของตะกอนบริเวณท่ีมีกำรเปล่ียน ระดับของทำงน้ำ จำกหุบเขำลงสู่ท่ีรำบ ตะกอนที่พัดมำจะตกตะกอนสะสมในลักษณะกระจำยไปรอบๆ ข้ำงเป็นรูปพัด เป็นลูกคลื่นเล็กน้อย ตะกอนท่ีทับถมกันจะมีเนื้อละเอียดปำนกลำง มีควำมอุดมสมบรูณ์ ปำนกลำง เหมำะสมต่อกำรปลกู ข้ำวพืชไร่ พบมำกบริเวณแนวเขตติดตอ่ จงั หวดั เพชรบูรณ์ 1.3 ดินเหลือค้ำงจำกกำรกัดกรอ่ น จะพบชั้นหนิ เศษหนิ ศลิ ำแลง ภำยในควำมลึก 50 เซนติเมตร บรเิ วณน้ีไม่เหมำะแก่กำรเพำะปลกู พบในพ้ืนที่ตำบลเขำทรำยมำกท่สี ุด 2. ทรัพยากรน้า แหลง่ น้ำมคี วำมสำคัญอยำ่ งย่ิงต่อกำรประกอบอำชีพและอุปโภค อำเภอทับคล้อ มแี หลง่ น้ำอยู่มำก แหลง่ นำ้ ตำมธรรมชำติ ไดแ้ ก่ ลำคลอง หว้ ย บึง รวมทงั้ แหล่งน้ำบำดำล แหลง่ น้าท่สี าคัญในแต่ละตาบล ตำบลทบั คลอ้ มคี ลองลอ่ งกอก คลองณรงค์ คลองวงั เดือนหำ้ คลองขนวน ตำบลเขำทรำย มีคลองล่องกอกใหญ่ คลองวังแดง คลองสำยพระงำม คลองวังหินเพลิง คลองห้วยบงุ ตำบลเขำเจ็ดลูก มีคลองป่ำบง คลองเขำตะพำนนำก คลองสำยรุ้ง คลองวังม่วง คลองร่องหอย คลองไดน้ำขุ่น ตำบลทำ้ ยทงุ่ มีคลองหว้ ยหลวั คลองก้ำนเหลอื ง คลองขนวน นอกจำกน้ีแล้วยังพบช้ันน้ำบำดำลในหินแข็ง ในบริเวณ อำเภอทับคล้อ ในเขตตำบล เขำเจ็ดลกู ตำบลเขำทรำย ตำบลท้ำยทุ่ง และตำบลทับคล้อบำงส่วน ควำมลกึ ของดนิ ประมำณ 46 เมตร

3. ทรพั ยากรแร่ทองคาและเงิน อำเภอทับคล้อ เป็นอำเภอที่มี “ ทองคำและเงิน ” มูลค่ำสูงมำก กรมทรัพยำกรธรณี ได้ศึกษำ และสำรวจธรณีวิทยำ มำต้ังแต่ปี 2527 – 2533 พบว่ำ มีแร่ทองคำ บริเวณรอยต่อของจังหวัดพิจิตร – เพชรบรู ณ์ – พษิ ณุโลก บริษัทอัครำไมน่ิง จำกัด เป็นเอกชนรำยแรกที่สำรวจพบ แหล่งแร่ทองคำบริเวณ เขำโป่ง – เขำ หมอ้ จงึ ได้ตงั้ ช่อื แหลง่ แรน่ ีว้ ่ำ “ แหล่งแร่ทองคำชำตรี ” แหล่งแร่ทองคำชำตรี ได้สำรวจพบแร่ทองคำ ต้ังแต่ปี พ.ศ.2530 และขออนุญำตสำรวจในปี พ .ศ .2538 พ บ ว่ ำ มี ส ำ ย แ ร่ ทองคำฝังอยู่ใต้ดิน เป็นสำยแร่ ควอตซ์ผสมกั บ แ ร่ป ระเภ ท คำร์บอเนตแทรกอยู่ตำม รอย แยก และรอยเลื่อนในหินภูเขำ ไฟประเภท แอนดีไซต์และหิน ตะกอนเนื้อประสม ที่มีส่วน ภาพจาลองแสดงลักษณะของแหล่งแร่ทองคาเขาพนมพา ของตะกอน ดินทรำยเนื้อละเอียดกบั เศษขี้เถ้ำภเู ขำไฟ สำยแร่ทองคำพบต้ังแต่ผิวดินลงไปจนถึงควำมลึก ประมำณ 100 เมตร บริษัท อัครำไมนิ่ง จำกัด จึงขอประทำนบัตรเพื่อทำเหมืองแร่จำนวน 4 แปลง ในบริเวณพ้ืนท่ี 1,950 ไร่ ซึ่งได้รับอนุญำต เมื่อวันท่ี 19 มิถุนำยน พ.ศ. 2543 โดยเริ่มเปิดทำเหมืองแร่ในปี พ.ศ. 2544 ได้ผลิตโลหะผสมทองคำและเงิน ครั้งแรกในเดือนพฤศจิกำยน พ.ศ. 2544 ทองคำ ชุดแรกน้ีได้นำข้ึน ทลู เกล้ำฯถวำยพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอย่หู ัว เนื่องในวโรกำสวันเฉลิมพระชนมพรรษำ วันที่ 5 ธันวำคม พ.ศ.2544 4. ทรัพยากรป่าไม้ ป่ำไม้ในอำเภอทับคล้อ มีมำกบริเวณเขตติดต่อจังหวัดเพชรบูรณ์ คือ พ้ืนท่ีใน ตำบลเขำทรำย และตำบลเขำเจ็ดลูก เน่ืองจำกพ้ืนท่ีป่ำไม้บำงส่วนได้เปลี่ยนสภำพไปเป็นพื้นท่ี เกษตรกรรม ทำให้พ้ืนท่ีป่ำไม้มีจำนวนน้อยลง กรมป่ำไม้ได้ประกำศเป็นป่ำสงวนแห่งชำติในอำเภอ ทบั คล้อ 2 แห่ง ได้แก่ 1. ป่ำสงวนแห่งชำติ ป่ำเขำเจ็ดลกู – เขำตะพำนนำก เขำชะอม ตำบลเขำเจ็ดลูก เน้ือที่ประมำณ 1,115 ไร่ 2. ป่ำสงวนแห่งชำติ ป่ำเขำทรำย – เขำพระ ตำบลเขำทรำย เนอื้ ที่ 1,875 ไร่ นอกจำกนั้นยังไดส้ ่งเสริมให้มีกำรปลกู ป่ำไมโ้ ตเรว็ จำกภำคเอกชนในพืน้ ที่ 998 ไร่ ปัจจุบันอำเภอทับคล้อมีบ้ำนเรือนหนำแน่น มีตลำดร้ำนค้ำและหน่วยงำนรำชกำรและองค์กร ต่ำงๆมำกมำย ด้วยเหตุท่ีอำเภอทับคล้อมีเขตติดต่อกับอำเภอต่ำงๆ ประชำชนในพื้นท่ีอื่นๆเข้ำมำหำซ้ือ สนิ ค้ำ ทำให้เศรษฐกิจของอำเภอทบั คลอ้ หมุนเวียนได้ดี

คาขวัญของอาเภอทับคลอ้ อำเภอทับคล้อ เป็นอำเภอท่ีมีควำมสงบ ร่มรื่น มีศูนย์รวมใจคือวัดมงคลทับคล้อ เมื่อคร้ังท่ี พระเทพญำณเมธี เป็นเจ้ำอำวำส ประชำชนได้เลื่อนใส และศรทั ธำท่ำนเป็นอย่ำงมำก ท่ำนได้ใหค้ ำขวัญ เปน็ คำสอนให้เป็นเครื่องยึดเหนยี่ วจติ ใจของคนในอำเภอทับคลอ้ ดว้ ยคำขวัญว่ำ “ พวกเราต้องรักกัน ” ต่อมำ เม่ือปี พ.ศ.2539 อำเภอทับคล้อ ร่วมกับสำนักงำนศึกษำธิกำรอำเภอทับคล้อ จัดให้มีกำร ประกวดคำขวญั อำเภอทับคล้อ ซ่ึงคณะกรรมกำรได้คัดเลือกเปน็ คำขวญั ประจำอำเภอ ดงั น้ี “ ทบั คล้อเมืองสะอาด ตักบาตรเขาทราย หลวงพ่อใหญ่ม่งิ ขวญั สืบสานวนั สงกรานต์ พทุ ธสถานวัดสวน ข้าวเจา้ ลว้ นพนั ธ์ดุ ี ผคู้ นมนี ้าใจ” ทีม่ าของความหมาย คาขวญั อาเภอทับคล้อ ทับคล้อเมืองสะอาด อำเภอทับคล้อ เคยได้รับรำงวัลท่ี 1 เทศบำลสะอำดระดับประเทศ เม่ือปี พ.ศ. 2541 ดงั น้ันเทศบำล จึงใหค้ วำมสำคญั เร่อื ง ควำมสะอำดของบ้ำนเมืองเปน็ สง่ิ สำคัญที่ต้องดูแลและ สง่ เสริม ตักบาตรเขาทราย เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมำยำวนำน เดิมผู้คนจะเรียกกำรตักบำตร เทโวนี้ว่ำ กำรตักบำตรพระร้อย ในกำรจัดงำนจะมีกำรจำลอง กำรเสด็จลงจำกสวรรค์ช้ันดำวดึงส์ ของ สมเด็จพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำ ภำยหลังจำกกำรแสดงธรรมโปรดพุทธมำรดำ ในปี 2542 นำยประสำท พงษ์ศิวำลัย ได้เห็นควำมสำคัญของประเพณีจึงได้มำร่วมงำนและเป็นผู้เดินนำขบวนพระสงฆ์ที่มำรับ บณิ ฑบำต ลงมำจำกยอดเขำ ท่ำนผ้วู ่ำรำชกำรจังหวัดพิจิตร ต้องแตง่ กำยเสมือนเทวดำโดยเชือ่ วำ่ เป็นท้ำว สกั กะหัวหนำ้ ของเทวดำท้ังหลำย ประเพณีกำรตักบำตรเทโวนี้จัดขึ้นในในวันแรม 2 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ประชำชนมำร่วมงำน มำกมำย มกี ำรจดั รถขบวนบุปผชำติ พระประจำวัน แห่จำกอำเภอตะพำนหินมำสู่ตำบลเขำทรำย

หลวงพ่อใหญ่ม่ิงขวัญ พระเทพญำณ เวที อดีตเจ้ำอำวำสวัดมงคลทับคล้อ (รองเจ้ำ คณะภำค 4) ประชำชนจะเรียกนำมท่ำนว่ำ หลวงพ่อใหญ่ ท่ำนได้ปฏบิ ตั ติ นเป็นแบบอย่ำงท่ี ดีงำมในด้ำนพุทธศำสนำจนได้รับพระรำชทำน เลื่อน สมณศักด์ิเป็นพระรำชำคณะชั้นสำมัญท่ี พระเทพญาณเวที ประชำชนชำวทับคล้อให้ ควำมเคำรพนับถือท่ำนเป็นอยำ่ งมำ สืบสานวันสงกรานต์ อำเภอทับคล้อได้สบื สำนงำนสงกรำนต์ประเพณี มำยำวนำนจนเป็นทีส่ นใจ ของชำวอำเภอและจังหวัดใกล้เคียงในงำนสงกรำนต์ของทุกปี คณะกรรมกำรจะจัดให้มีกำรประกวดนำง สงกรำนต์ ประกวดกำรละเล่นพื้นบ้ำนไทย กำรก่อพระเจดีย์ทรำย กำรสรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวผู้สูงอำยุ รวมท้ังกำรส่งเสริมกิจกรรมไทยๆมำกมำย จึงทำให้มีประชำชนจำกจังหวัดอื่นๆ และอำเภอใกล้เคียงมำ ร่วมงำนสงกรำนต์มำกมำยทุกปี พุทธสถานวัดสวน ปี พ.ศ. 2520 หลวงพ่อมหำโกศลได้ เปดิ สวนโพธิสัตว์เพอื่ เป็นสำนักเรยี นนกั ธรรมบำลี ต่อมำจงึ เปลี่ยน ชื่อวัดเป็นวัดทับคล้อ ภำยในบริเวณวดั มีควำมร่มรืน่ สวยงำม สงบ และเป็นทีต่ ั้งของห้องสมุดประชำชน “ เฉลิมรำชกุมำรี ” ข้าวเจ้าล้วนพันธุ์ดี อำเภอทับคล้อเป็นพื้นท่ีรำบลุ่มประชำชนส่วนใหญ่ประกอบอำชีพเกษตรกร ประชำชนนิยมปลูกข้ำวหลำยพันธ์ุ เช่น พษิ ณุโลก 2 ขำวกอเดยี ว ขำวดอกมะลิ 105 และ ข้ำวชัยนำท 1 ผคู้ นมนี ้าใจงาม ประชำชนชำวทับคลอ้ มหี ลำกหลำยเชือ้ ชำติหลำยเผำพนั ธ์ุ จึงทำใหม้ วี ัฒนธรรม ทหี่ ลำกหลำยในกำรดำเนินชวี ติ ประชำชนทุกกลมุ่ ทุกชำตพิ นั ธุส์ ำมำรถอยู่รว่ มกันและทำกจิ กรรมดว้ ยกนั อยำ่ งกลมกลนื ท้ังนีเ้ พรำะประชำชนชำวทับคลอ้ ยึดม่ันในหลักธรรมแหง่ ควำมสำมัคคี

ทับคล้อแหลง่ อารยธรรมในอดีต ประวัติการต้ังถน่ิ ฐานของคนในชมุ ชนโบราณ ทับคล้อกับกำรเปน็ ชุมชนโบรำณสมยั แรกเริ่มประวัติศำสตร์ ทับคล้อ เป็น ช่ืออำเภอหนึ่ งของจังหวัดพิจิตร ตั้งอยู่ท ำงทิศตะวัน ออกของอำเภอ ตะพำนหิน และติดเขตพื้นท่ีจังหวัดเพชรบูรณ์อำณำบริเวณท่ีเป็นอำเภอทับคล้อในอดีตเคยเป็นเมือง สำคัญในประวัติศำสตร์ แตไ่ ม่ทรำบถึงประวัติและควำมรุ่งเรอื งในยุคนั้นเน่ืองจำกหลักฐำนที่เกี่ยวข้องใน อดตี หลงเหลืออยู่นอ้ ยมำก ทั้งหลักฐำนทำงโบรำณคดหี ลกั ฐำนทเ่ี ป็นลำยลกั ษณ์อกั ษรพระรำชพงศำวดำร และจำรึกต่ำงๆ ไดก้ ลำ่ วถึงดินแดนทีเ่ ปน็ เมอื งโบรำณไวไ้ ม่มำกนกั จำกกำรศกึ ษำค้นควำ้ เอกสำร รำยงำน วิทยำนิพนธ์ รวมทั้งหนงั สือทม่ี ีผสู้ นใจสบื ค้นเร่อื งรำวควำม เป็นไปในอดีตของชุมชนเมืองโบรำณในจังหวัดพิจิตรและหัวเมืองต่ำงๆในภำคเหนือ เขียนเป็นหนังสือ หลำยเล่ม จึงได้สรุปควำมรู้ที่ได้จำกกำรอ่ำนหนังสือและวิเครำะห์ประวัติศำสตร์เมืองพิจิตรในช่วงสมัย ต่ำงๆทำให้ได้ทรำบว่ำเมืองพิจิตรตั้งอยู่บนดินแดน ท่ีมีควำมรุ่งเรืองทำงวัฒนธรรม และกำรปกครองมำ เป็นระยะ เวลำยำวนำน ตง้ั แต่กอ่ นประวตั ิศำสตร์ ในช่วงก่อนพุทธศตวรรษท่ี 24 พบว่ำ บริเวณลุ่มแม่น้ำน่ำนตอนล่ำง มีชุมชนโบรำณ กระจำยตัว อยู่อย่ำงหนำแน่นถึง 11 แหง่ และใน 11 แห่งน้ัน พบชุมชนเมืองโบรำณอยู่ในเขตอำเภอทบั คล้อ 2 เมือง คอื 1. ชุมชนเมืองโบรำณบ้ำนวังแดง ต. เขำทรำย 2. ชมุ ชนเมอื งโบรำณบำ้ นทับคลอ้ ต.ทับคล้อ จำกกำรศึกษำสภำพทำงภูมิศำสตร์ และสภำพแวดล้อมทำให้ได้พบกำรเคลื่อนย้ำยถ่ินฐำนมำอยู่ เป็นชุมชนในบริเวณนี้ มีลักษณะอยู่รวมกันเป็นสังคมขนำดเล็ก หลำยกลุ่มดำรงชีวิตอยดู่ ้วยกำรล่ำสัตวห์ ำ ของป่ำท่ีมีอยู่ตำมธรรมชำติ ขณะเดียวกันก็เดินทำงติดต่อกับพ้ืนที่อ่ืนๆ ท่ีอยู่ใกล้เคียง บริเวณชุมชน โบรำณนี้ พบว่ำมีลำน้ำไหลมำจำกเทือกเขำผ่ำนแหล่งโบรำณ มีแหล่งแร่ธำตุ แหล่งอำหำรและวัตถุดิบท่ี มำกเพยี งพอในกำรดำรงชวี ติ จำกรำยงำนกำรศึกษำค้นควำ้ แหล่งโบรำณคดีของสำนักโบรำณคดแี ละพพิ ธิ ภณั ฑ์สถำนแหง่ ชำติที่ 5 จังหวัดสุโขทัยพบว่ำบริเวณชุมชนโบรำณบ้ำนวังแดง เป็นชุมชนสมยั ทวำรดี กำหนดอำยุรำว 1,200 ปี นอกจำกน้ันยังพบโบรำณวัตถุและโบรำณสถำนประมำณ 10 แห่งภำยในหมู่บ้ำน ลักษณะเป็นเนินดิน ดำ้ นใตม้ แี นวอฐิ ก่อเป็นรปู สเ่ี หลี่ยมและพบหนิ บดยำ เหรียญและลูกปดั เป็นตน้

ซึ่งสอดคล้องกับอำจำรย์ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ท่ีได้เขียนรำยงำนกำรสืบค้นเมื่อ ปี 2532 ว่ำ พบ ชุมชนโบรำณ บริเวณบ้ำนคลองเดื่อ ตำบลเขำทรำย เป็นชุมชนท่ีมีรูปร่ำงไม่สม่ำเสมอ ลักษณะค่อนข้ำง กลมและเห็นแนวคูน้ำและคันดิน ทำงฝ่ังตะวันตก ปัจจุบันเป็นถนนหลวงสำยสำกเหล็ก – เขำทรำย ตัด ผำ่ นชุมชนน้ีเป็นชุมชนในสมัยทวำรวดี ภำยในมีซำกพระสถูปก่อด้วยอิฐขนำดใหญ่ มีผู้ขุดพบเหรียญเงิน แบบทวำรวดี และฟูนำนเป็นจำนวนมำก ปัจจุบันยังคงเหลือเพียงคันดินเป็นแนว บริเวณน้ีชำวบ้ำน เรยี กว่ำ บ้ำนสระเพ็ง ซำกหลักฐำนและร่องรอยอ่ืนๆ เลือนหำยไปเกือบหมดแล้ว นอกจำกน้ี คณะสำรวจ ของชุมนุมวัฒนธรรมโบรำณคดีคณะโบรำณคดี มหำวิทยำลัยศิลปำกรได้เดินทำงมำสำรวจบริเวณเมือง โบรำณบำ้ นวงั แดง (2509) พบโบรำณสถำนและโบรำณวตั ถทุ ีน่ ่ำสนใจหลำยอยำ่ งเช่นกนั จำกกำรตรวจสอบภำพถ่ำยทำงอำกำศพบเนินดินเป็นแนวยำวข้นึ ไปทำงทิศเหนือ บริเวณเนินดิน พบซำกอิฐก้อนใหญ่ที่มีร่องรอยเศษแกลบข้ำวเผำไฟ เรียงเป็น ชั้นๆวัดขนำดอิฐได้18.5 x 7 x 32 เซนติเมตรและพบโคกเจดยี ์โบรำณมีร่องรอยของชำวบ้ำนขดุ บริเวณใจกลำงเจดีย์ และขณะนี้บรเิ วณเนิน ดนิ และบริเวณเจดีย์ถูกชำวบำ้ นเกลื่อนทไ่ี ปทำไร่นำ จำกร่องรอยของเศษแกลบข้ำวในก้อนอิฐขนำดใหญ่น่ำจะเป็นหลักฐำนแสดงให้เห็นว่ำ บริเวณ ดังกล่ำวเป็นที่ต้ังของชุมชนโบรำณที่เป็นสังคมเกษตรกรรม มีกำรเพำะปลุกข้ำวและพืชอ่ืนๆ เพื่อเป็น อำหำรจำกลักษณะและรูปแบบของก้อนอิฐที่พบ มลี ักษณะคล้ำยกบั ทเี่ คยพบ จำกโบรำณสถำนในจงั หวัด นครสวรรค์ เมืองโบรำณดงมำนำงเมืองซึ่งสนั นิษฐำนในเบื้องต้นวำ่ ชุมชนวังแดงน่ำจะมีอำยุร่วมสมัยกับ เมอื งโบรำณสมัยทวำรวดใี นจังหวัดนครสวรรค์ นอกจำกบริเวณโบรำณสถำนแลว้ คณะสำรวจยังได้พบเศษภำชนะดินเผำ ลักษณะของหม้อ ชำม หรอื อ่ำงกน้ จะกลม เน้อื หยำบ สดี ำ สีเทำ และสสี ม้ บำงช้ินตกแต่งด้วยลำยเชอื กทำบ ซ่งึ มีควำมคลำ้ ยคลึง กับลักษณะภำชนะสมัยทวำรวดีที่มีผู้ศึกษำไว้ว่ำ “ ภำชนะสมัยทวำรวดีมีรูปแบบมำจำกภำชนะดนิ เผำที่ เคยปรำกฏสมัยก่อนประวัติศำสตร์ ซึ่งสว่ นใหญ่ใช้เทคนิคกำรตกแต่งผิวภำชนะด้วยเทคนิคพื้นเมือง เช่น เทคนิคกำรขูดขดี เส้นคลนื่ เปน็ ลำยเชือกทำบ ภำชนะจำนหรือชำมมเี ชงิ มรี ปู ลักษณะเป็นหม้อก้นกลม ” จำกลักษณะของเศษภำชนะดินเผำแสดงให้เห็นว่ำเมืองโบรำณบ้ำนวังแดง น่ำจะเป็นเมืองหน่ึงที่ ได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมทวำรวดีในภำคกลำง ซ่ึงคลำ้ ยกบั ภำชนะท่ีพบในเมืองโบรำณจันเสน จังหวัด นครสวรรค์ เมืองโบรำณโกสมั พี จังหวัดกำแพงเพชร

จำกกำรสำรวจยงั พบ แวดินเผำ เป็นกระสวยป่ันเส้นใยพชื ใหเ้ ป็นด้ำย เพื่อใช้ทอเป็นเครื่องนุ่งห่ม แวดินเผำที่พบมีทั้งขนำดใหญ่และขนำดเล็ก รูปร่ำงกลมแบน นอกจำกน้ันยังพบเคร่ืองใช้ในครัวเรือนท่ี สำคัญ ไดแ้ ก่ แทน่ หินบดยำ ซึ่งเป็นอปุ กรณส์ ำหรบั บดเครือ่ งเทศ เมลด็ พืชและยำ มลี กั ษณะเป็นแท่นหินมี ขำตั้งส่วนใหญท่ ำจำกหินทรำยสีเขียวและสนี ำ้ ตำล (แทง่ หนิ บดยาที่ขุดพบบริเวณชมุ ชนโบราณบา้ นวังแดง) ในส่วนของเครื่องประดับโลหะ ได้สำรวจพบโลหะเงิน และลูกปัดแก้วสีต่ำงๆ มีรูปทรงต่ำงๆ จำนวนมำกจำกบริเวณ บ่อน้ำของชำวบ้ำน และบรเิ วณไร่ข้ำวโพด ลักษณะของลูกปัดท่ีพบมีลักษณะเป็น ทรงกระบอกและทรงกลมหลำยสี มีท้ังแบบเนื้อแก้วใสและแบบทึบแสง ได้แก่ สีเหลืองเข้ม แดง น้ำตำล ฟ้ำ น้ำเงนิ เปน็ ตน้ นอกจำกน้ันคณ ะสำรวจยังได้ พ บ เหรียญ เงินมีตรำป ระทับ รูป พ ระอำทิตย์ศรีวัตสะ ,ภัท รปิฎ ะ ลักษณะของเหรียญท่ีพบเป็นเหรียญไม่มีจำรึก มีขนำดใหญ่และมีเส้นผ่ำศูนย์กลำงประมำณ 2-3 เซนตเิ มตร ดำ้ นหนำ้ เปน็ รูปพระอำทติ ยแ์ ละภทั รปฏิ กสว่ นดำ้ นหลังเปน็ รปู ศรีวัตสะ

รศ.ดร.ผำสุข อินทรำวุธ ภำควิชำโบรำณคดีมหำวิทยำลัยศิลปำกร ได้ให้คำอธิบำยไว้ในหนังสือ “ ทวำรวดีกำรศึกษำเชงิ วิเครำะห์จำกหลักฐำนทำงโบรำณคดี ” ว่ำเหรยี ญโบรำณทีพ่ บในแหลง่ โบรำณคดี และเมืองโบรำณในเอเชียจะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจำกอินเดีย เหรียญจำรึกส่วนใหญ่ จะเป็นเหรียญเงินทำด้วยเงินท่ีไม่บริสุทธ์ิมีทองแดงผสม และทำด้วยสำริดก็พบ เป็นเหรียญขนำดใหญ่ ประมำณ 2.8-3 เซนตเิ มตร รปู แบบของเหรยี ญรปู พระอำทิตย์/ศรวี ัตสะ ทพี่ บตำมแหลง่ โบรำณคดีและเมืองโบรำณสมยั ทวำร วดจี ะเป็นรูปภัทรปฏิ ก (บลั ลงั ก์) หรอื ดวงอำทิตย์อยดู่ ำ้ นหน้ำ เป็นรูปศรีวตั สะอยดู่ ้ำนหลัง ศรีวตั สะ แปลตำมรูปศพั ท์ แปลว่ำ ที่ประทับของเทพีแห่งควำมอุดมสมบูรณ์ของบ้ำนเมือง ควำม ร่งุ เรือง และเกี่ยวขอ้ งกับสัญลักษณ์ของกษัตริย์ท่ีปกครองรัฐ หรอื อำณำจักรนน้ั ๆภำยในเมืองโบรำณบ้ำน วังแดงน้ี ยังขุดพบแท่งเงนิ จำนวนหนึง่ แต่ไม่มีรำยงำนว่ำบรเิ วณดังกลำ่ วมีแหล่งผลติ เหรียญหรือแหลง่ แร่ เงิน ดังนั้นจึงกล่ำวได้ว่ำ เมืองโบรำณบ้ำนวังแดงเป็นชุมชนท่ีมีกำรต้ังถิ่นฐำนบริเวณพ้ืนที่รำบลุ่มใกล้ กบั ลำนำ้ มกี ำรติดตอ่ กบั ชุมชนโบรำณภำยนอกอ่ืนๆ และเปน็ ชุมชนโบรำณท่ีไดร้ บั อิทธิพลในยุคสมยั ทวำร วดีในภำคกลำง อำณำจักรทวำรวดีรุ่งเรืองสงู สุดในภำคกลำง ระหว่ำงพุทธศตวรรษที่ 11-12 หลังพุทธศตวรรษที่ 13 เป็นต้นมำ อำณำจักรทวำรวดกี ็เข้ำสู่ยุคเส่อื ม สาเหตแุ ห่งการเสื่อมอาจมหี ลายประการ ประกำรแรก อำจเกิดมำจำกภำวะควำมแห้งแล้ง โรคระบำดหรือแม่น้ำคูคลองบำงสำยเปล่ียน ทำงเดนิ ประกำรที่ 2 อำจจะเกิดจำกกำรขยำยอำณำเขตของอำณำจักรใกล้เคียง ซึ่งได้แก่ขอม ซึ่งอยู่ทำง ตะวนั ออกของอำณำจักรทวำรวดี กษัตริยข์ องอำณำจักรขอมเกง่ กล้ำเป็นทง้ั นกั รบ นกั คิด และนกั กอ่ สร้ำง กษัตริย์ทุกพระองค์ สถำปนำควำมย่ิงใหญ่ขยำยอำณำเขตและแนวคิดเทวรำชเข้ำสู่อำณำจักรที่อยู่ ใกล้เคยี งไปสู่หวั เมืองท่ีออ่ นแอกว่ำหลำยเมือง ซงึ่ มีหลกั ฐำนปรำกฏส่ิงก่อสร้ำงแบบขอมในหลำยๆจังหวัด จึงเชอ่ื แน่วำ่ อทิ ธิพลของขอมได้แผ่มำถึงชมุ ชนแถบนดี้ ว้ ย

ทบั คลอ้ แหลง่ โบราณ เมอื งโบราณสมัยสโุ ขทยั -อยุธยา นอกจำกชุมชนบ้ำนวังแดง ตำบลเขำทรำยแล้ว ยังพบว่ำบริเวณหลังตลำดทับคล้อ ในย่ำนชุมชน ปจั จุบันมรี ่องรอยของชมุ ชนโบรำณรูปสเี่ หล่ียม ตั้งคร่อมลำน้ำทง้ั ฝัง่ ตะวนั ตกและตะวนั ออก เป็นชมุ ชนมีคู นำ้ ลอ้ มรอบชั้นเดยี วและเปน็ ชมุ ชนแบบเมืองแตก เพรำะมลี ำนำ้ ผำ่ กลำง ชมุ ชนทับคล้อนี้เป็นชุมชนขนำดใหญ่แห่งหนึ่งท่ีพบในเขตแคว้นสุโขทัยจำกกำรสำรวจของ คณะ โบรำณคดีมหำวิทยำลัยศิลปำกร ได้ออกทำกำรสำรวจชุมชนในภำคเหนือระหว่ำงวันท่ี 13-15 พฤศจิกำยน พ.ศ. 2509 และอำจำรย์สินชัย กระบวนแสง ได้ออกทำกำรสำรวจ เช่นกัน ท่ำนได้เขียน รำยงำน กำรสำรวจเมืองโบรำณทบ่ี ริเวณบำ้ น วงั โอ่งไวต้ อนหนึง่ ว่ำ “ จำกภำพถ่ำยทำงอำกำศ พบว่ำเมืองนี้เป็นรูปสี่เหล่ียมจัตุรัสแนวดินบริเวณด้ำนเหนือของเมือง ไปจนถึงด้ำนทิศตะวันออกถึงกำแพงเมือง พบว่ำ มีกำแพงเมือง 1 ช้ัน คูน้ำ 1 ชั้น ทำงด้ำนใต้และ ตะวันตกของตลำดทบั คล้อ มเี นนิ ดนิ เป็นคันดินด้ำนนอกกว้ำง 6.80 เมตร ด้ำนในกวำ้ ง 8.60 เมตร มคี นู ้ำ ผำ่ นกลำงกว้ำง 18.50 เมตร แนวคันดินนี้ชำวบ้ำนเล่ำว่ำ แต่เดิมสูงกว่ำนี้ ต่อมำรำษฎรเกลื่อนที่ลงทำนำ จึงทำให้เตย้ี ลง ” บริเวณบ้ำนวังโอ่ง พบเศษเคร่ืองใช้ทำด้วยดินเผำสมัยสุโขทัยบริเวณลำน้ำใหญ่มำก่อน แสดงให้ เห็นว่ำมีกำรเพำะปลูกในบริเวณเมือง ชำวบ้ำนได้อำศัยลำน้ำสำยน้ีเป็นหลัก จำกปำกคำบอกเล่ำของ ชำวบ้ำนเล่ำว่ำ เคยมีคนขุดพบพระพุทธรูปในบริเวณน้ีพบซำกเจดีย์และอิฐขนำด 14 x 25 x 6 เซนติเมตรและ 15 x 30 x 7 เซนติเมตร นอกจำกน้ี คณะสำรวจพบว่ำบริเวณนี้มี วดั ร้ำง พระพทุ ธรปู ลำน้ำโคง้ เป็นวัง แท่นหินขนำดใหญ่ และพระพิมพ์อยู่โอ่งขนำดใหญ่มำก จงึ เรยี กบรเิ วณนี้วำ่ บำ้ นวังโป่ง ต่อมำสขุ ำภิบำลทับคล้อได้ขุดสระน้ำ เพ่ือทำประปำ ตอนขุดสระน้ำพบเคร่ืองป้ันดินเผำต่ำงๆ รวมทั้งกระดูกคน และพบเนินดินด้ำนตะวนั ตก บริเวณบ้ำนสำยดงยำง แต่ในปัจจุบันบรเิ วณเมืองโบรำณและหลักฐำนดังกล่ำวไดถ้ ูกทำลำยไปจะหมดสิ้น แล้ว จำกกำรศึกษำและกำรวิเครำะห์ประวัติศำสตร์เมืองพิจิตร ซึ่งเคยเป็นเมืองสำคัญในสมัยสุโขทัย กำรต้ังถ่ินฐำนในบริเวณชุมชนโบรำณในยุคนี้ บริเวณลุ่มน้ำน่ำน จะต้ังถิ่นฐำนอยู่บริเวณท่ีรำบลุ่ม นิยม สรำ้ งคนั ดนิ ธรรมชำตทิ ่นี ้ำท่วมไม่สงู ถึง 80 – 200 เมตร จำกระดับนำ้ ทะเล ชมุ ชนเมืองทับคลอ้ เป็นเมอื งโบรำณที่มีลักษณะกำรตงั้ ถิ่นฐำนคล้ำยกบั ชุมชนโบรำณอน่ื ๆ ในสมัย สุโขทัย เชน่ ชุมชนโบรำณบ้ำนวังทองจงั หวัดพิษรโุ ลก เป็นต้น

กลุม่ ชนดงั้ เดิมและวัฒนธรรมประเพณี จำกกำรสำรวจพื้นเพทำงชำติพันธ์ุของประชำกร ในอำเภอทับคล้อ พบว่ำส่วนใหญ่เป็นชำวไทย ท่ีอพยพมำจำกจังหวัดต่ำงๆ เช่น สุพรรณบุรี รำชบุรี สระบุรี ลพบุรี อยุธยำ อุทัยธำนี นครสวรรค์ กรุงเทพ และภำคตะวันออกเฉียงเหนอื ประชำชนท่ีเข้ำมำอยู่อำศัยเดิมนั้น เดินทำงมำเพื่อหำที่ทำกนิ บำง คนมีญำติมำซ้ือไร่นำอยู่ทำงนี้ จึงชักชวนกันมำ ในสมัยก่อนที่นำจะเป็นของเจ้ำขุนมูลนำยที่มีศักดินำ ทำใหไ้ ด้ครอบครองทด่ี ินไว้มำกมำย เมื่อมีประชำชนอพยพมำ จึงขอซ้ือไร่ละ 100 – 1,000 บำท ประชำชนที่อพยพเข้ำมำมักจะอยู่ รวมกันเป็นกลุ่ม เช่น กลุ่มคนที่อพยพมำจำกจังหวัดอุทัยธำนี นครสวรรค์ ชัยนำท จะตั้งบ้ำนเรือนอยู่ท่ี บ้ำนสำยดงยำง บ้ำนหนองอ้ำยตู้ ภำษท่ีพูดจะเป็นภำษำไทยกลำง ภำษำไทยพวน ประชำชนท่ีอพยพมำ จำกอยุธยำ สระบุรี ลพบุรี จะตั้งบ้ำนเรือนอยู่ท่ีบ้ำนหนองน้ำเต้ำ บ้ำนน้ำเคือง ภำษำท่ีพูดส่วนใหญ่เป็น ภำษำไทยกลำง ภำษำลำวและภำษำไทนพวน ส่วนประชำชนท่ีอพยพมำจำกสุพรรณบรุ ี จะอำศัยอยทู่ บ่ี ้ำนวังแดง วงั หินเพลิง วังกระชนั เขำพระ ทบั คล้อ หนองน้ำเต้ำ บำงเบน เขำดนิ ไดอเี ผือก ภำษำท่ีใช้จะเปน็ ภำษำพวน ส่วนประชำชนที่อพยพมำ จำกภำคตะวันออกเฉียงเหนือ จะอำศัยอยู่กระจัดกระจำย เช่น บ้ำนเขำหมอ้ เขำเจ็ดลูก บ้ำนนคิ ม โคกกระถิน คำยนอ้ ย เป็นตน้ ชำวไทยพวนเปน็ กลุม่ ชนที่อพยพเข้ำมำอยู่มำกที่สุดจำกกำรศึกษำเรือ่ งรำวของกำรอพยพแล้ว ทำ ให้ทรำบว่ำชำวไทยพวนนั้นส่วนหนึ่งเคยถูกกวำดต้อนมำต้ังแต่สมัยธนบุรีจนถึงตอนต้นของสมัยรัชกำลที่ 3 จำกกำรศึกษำประชุมพงศำวดำร ภำค 9 ได้กล่ำวถ่ินเดิมของชำวไทยพวน คือ ดินแดนแคว้นสิบสองจุ ไทย ซ่ึงอยู่ทำงริมฝั่งแม่นำ้ โขง แขวงเมืองเชียงขวำง บรเิ วณภูพวน ประเทศลำว ตอ่ มำได้เสียเมืองแก่พม่ำ คร้งั พระเจ้ำกรงุ หงสำวดบี เุ รงนองจงึ ได้แยกกนั ออกเปน็ สองฝำ่ ยคือหลวงพระบำงและเวียงจันทร์ ไทยพวน ทอี่ พยพเข้ำมำอยใู่ นประเทศไทยมำกนั หลำยครงั้ ในสมยั ธนบรุ ีเปน็ รำชธำนี ไดอ้ พยพหลบหนีภัยเขำ้ มำอยู่ ในดินแดนไทยครั้งหนึ่ง และแยกกันไปอยู่หลำยพ้นื ท่ี ในช่วง พ.ศ. 2370 ชำวไทยพวนได้ถูกกวำดต้อนมำอีกครั้งหนึ่ง ภำยหลังที่ไทยยกกำลังไปปรำบ กองทัพญวนที่ให้กำรสนับสนนุ เจ้ำอนุวงศ์ผู้คิดกำรกบฏยกทัพมำกวำดต้อนผู้คนในไทย จนกระทั่งเกิดวีร สตรไี ทย คือทำ้ วสุรนำรี ผู้ซ่งึ ได้ออกอบุ ำยจนทำใหท้ หำรลำวท่มี ำกวำดตอ้ นแตกกระเจงิ ไปทำให้ทำ่ นไดร้ ับ ควำมยกยอ่ งใหเ้ ป็นวีรสตรที ี่เก่งกลำ้

เม่ือกองทัพลำวโดยเจ้ำอนุวงศ์พ่ำยแพ้แก่ชำวนครรำชสีมำแล้วจึงได้หลบหนีไปหำเจ้ำเมืองญวน เจ้ำเมืองญวนจึงให้เจ้ำอนุวงศ์ท่ีอยู่เมืองพวน ควำมทรำบถึงพระบำทสมเด็จ พระนั่งเกล้ำเจ้ำอยู่หัวฯ รชั กำลท่ี 3 จึงส่ังให้พระยำบดินทรเดชำ (สิงห์ สิงหเสนีย์) ยกทัพไปปรำบเจ้ำเมืองพวนเกรงจะเป็นภัยแก่ บำ้ นเมืองของตน จึงจับเจ้ำอนุวงศ์ส่งให้แกไ่ ทย เจ้ำเมืองญวนจึงส่งคนมำฆ่ำเจ้ำเมืองพวนที่มำเข้ำกับฝ่ำย ไทย กองทัพไทยต้องยกทัพไปปรำบญวนและกวำดต้อนเอำชำวพวนที่อย่บู ริเวณเมอื งสุย เมืองสอง เมือง สำม เมืองเชียงขวำง ให้เข้ำมำอยู่ในประเทศไทย จำกกำรอพยพเข้ำมำมำกมำยทำให้ชำวไทยพวนแยก ยำ้ ยไปอย่ตู ำมทีต่ ่ำงๆ ดังน้ี ภาคกลาง ชำวไทยพวนกลุ่มหนึ่งอพยพมำอยู่ในเขตบริเวณภำคกลำงประกอบอำชีพกสิกรรม ทำไร่นำ ทำ หตั ถกรรมพ้นื บำ้ น ทอผำ้ ตีเหล็ก บรเิ วณทอ่ี พยพไปอยู่ ได้แก่ จังหวดั ลพบุรี อพยพมำอยู่บรเิ วณ อำเภอบ้ำนหม่ี อำเภอเมือง อำเภอโคกสำโรง จงั หวัดสิงห์บุรี อพยพมำอยู่ที่ อำเภอพรหมบรุ ี จงั หวัดสุพรรณบรุ ี อพยพมำอยู่ที่ อำเภอบำงปลำม้ำ จงั หวัดสระบุรี อพยพมำอยทู่ ่ี อำเภอหนองโดน อำเภอดอนผุด อำเภอวิหำรแดง อำเภอบำ้ นนำ จงั หวัดอทุ ยั ธำนอี พยพมำอยทู่ ่ี อำเภอทัพทนั จังหวดั กำญจนบรุ ี อพยพมำอยู่ที่ อำเภอพนมทวน ภาคเหนือ ประชำชนสว่ นหนง่ึ อพยพข้นึ ไปทำงเหนอื ได้แก่ จงั หวดั แพร่ อพยพมำอย่ทู ่บี รเิ วณ อำเภอเมืองแพร่ จงั หวัดพิษณุโลก อพยพมำอยู่ท่ี อำเภอวงั ทอง จงั หวัดอุตรดิตถ์ อพยพมำอยู่ท่ี อำเภอเมอื ง จงั หวัดพิจิตร อพยพมำอยู่ท่ี อำเภอตะพำนหิน อำเภอบำงมูลนำก อำเภอทบั คล้อ อำเภอโพธิ์ ประทบั ช้ำง จงั หวดั สโุ ขทยั อพยพมำอยู่ท่ี อำเภอศรสี ัชชนำลยั อำเภอสวรรคโลก อำเภอลำนหอย จังหวดั นครสวรรค์ อพยพมำอยู่บริเวณ อำเภอท่ำตะโก อำเภอตำคลี อำเภอตำกฟำก ภาคตะวนั ออก จงั หวดั นครนำยก อพยพมำอยู่ท่ี อำเภอปำกพลี อำเภอนครนำยก จังหวัดปรำจนี บรุ ี อพยพมำอยูท่ ี่ อำเภอศรมี หำโพธิ์ อำเภอโคกปบี จงั หวดั ฉะเชิงเทรำ อพยพมำอยูท่ ี่ อำเภอพนมสำรคำม ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื จงั หวดั อุดรธำนี อพยพมำอยู่ที่ อำเภอบ้ำนเชียง

นอกเหนือจำกไทยพวนแล้ว ในอำเภอทับคล้อ ยงั มีไทยภำคกลำงที่อพยพมำจำกจังหวดั อุทัยธำนี มำอำศัยอยู่ที่บ้ำนสำยดงยำงและบริเวณใกล้เคียง ชำวไทยอีสำนที่อพยพเข้ำมำอำศัยอยู่ท่ีบ้ำนท้ำยทุ่ง คำยนอ้ ย เนนิ มว่ ง ไดอีเผือก เขำหม้อ เขำดิน โคกกระถนิ ส่วนชำวจีนอพยพมำจำกกรุงเทพฯ และอำเภอใกล้เคียงมำอยู่ในตัวอำเภอประกอบกำรค้ำเป็น ส่วนใหญ่ จำกกำรอพยพเข้ำมำอยู่รวมกันหลำยเผ่ำพันธุ์ทำให้เกิด ประเพณีและวัฒนธรรมร่วมกัน หลำกหลำย เชน่ สภาพทางเศรษฐกจิ และวถิ ชี ีวติ สภำพพืน้ ที่ของอำเภอทับคลอ้ สว่ นใหญเ่ ป็นทีร่ ำบลมุ่ ประชำชนใชท้ รัพยำกรแหลง่ นำ้ จำกลำคลอง ในแต่ละปีเมอ่ื ถึงฤดนู ำ้ หลำกอำเภอทบั คล้อจะประสบปญั หำนำ้ ท่วมบ่อยครงั้ สำยน้ำจะพัดพำเอำตะกอน ดนิ ซำกอินทรีย์ต่ำงๆ ลงมำทับถมและตกตะกอนท่ัวท้ังพื้นท่ีประชำชนจึงประกอบอำชีพทำนำเป็นหลัก ในกำรดำรงชีวิตจะช่วยเหลือแบ่งปันกัน แต่ในปัจจุบันวิถีชีวิตในกำรช่วยเหลือกัน ลดน้อยลงไปตำม สภำวะทำงสังคม การตัง้ ช่อื หม่บู า้ นของอาเภอทบั คล้อ ตาบลเขาทราย บ้านเขาทราย ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนเขำทรำยก่อตั้งมำประมำณ 71 – 100 ปี เป็นช่ือท่ีปรำกฏพร้อมหมู่บ้ำน ต้ังตำมลักษณะพ้ืนท่ีและภูมิประเทศ คือ เป็นบริเวณท่ีมีภูเขำ และพื้นท่ี สว่ นใหญ่เปน็ หินทรำย ลกั ษณะภูมิประเทศเป็นภูเขำ ต้ังอยู่บรเิ วณของเขำทรำย มีแหลง่ นำ้ ท่ีสำคัญ คือ คลองวังแดงไหล ผำ่ น ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพทำนำทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีหรือ เทศกำลที่สำคัญของหมูบ่ ำ้ น คือ ประเพณตี กั บำตรเทโว บ้านวังแดง ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนวังแดง ก่อต้ังมำประมำณ 50 – 70 ปี เป็น ชื่อที่ปรำกฏหลงั ตง้ั หมบู่ ้ำน ตั้งตำมแหลง่ น้ำและพืน้ ที่เดิมเคยเปน็ ชมุ ชนโบรำณ บริเวณน้ีมอี ฐิ เก่ำแกส่ ีแดง สมยั ทวำรวดี และมีสระนำ้ ขนำดใหญ่ ลกั ษณะภูมิประเทศเป็นที่รำบและทุ่งนำมีแหล่งน้ำสำคัญ คือคลองวังโป่งไหลผ่ำนประชำกรส่วน ใหญ่ประกอบอำชีพทำนำทำไร่นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีหรอื เทศกำลทสี่ ำคัญของ หมูบ่ ้ำน คอื ประเพณสี งกรำนต์ โบรำณสถำนท่ีสำคัญคอื สระเพ็ง

บา้ นลาประดา ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยช่ือหมู่บ้ำน บ้ำนลำประดำ เป็นหมู่บ้ำน บ้ำนลำประดำเป็น หมู่บ้ำนที่อพยพมำจำกท่ีอ่ืน ก่อต้ังมำประมำณ 21 – 50 ปี ชื่อเดิมคือ บ้ำนไผ่ตง ช่ือปัจจุบันต้ังตำม แหลง่ น้ำ ที่มำของช่ือ มำจำกกำรท่ีคร้ังหน่ึงมีเรือสินค้ำมำล่มท่ีคลอง คนในเรือจึงมำขอแรงชำวบ้ำนลงไป งมสินค้ำ หลังจำกน้ัน จงึ เรียกวำ่ ลำประดำมีแหลง่ น้ำท่ีสำคัญ คือคลองวงั โปงไหลผำ่ นประชำกรสว่ นใหญ่ ประกอบอำชีพทำนำทำไร่ นับถือ ศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีหรือเทศกำลที่สำคัญ คือ ประเพณีสงกรำนต์ โบรำณสถำนท่ีสำคัญคือ วัดเกำะแก้วลำประดำผลิตภัณฑ์ท่ีสำคัญของหมู่บ้ำนคือ เครอ่ื งจักสำนและเครือ่ งดมื่ ผลไม้ บ้านเขาพระ ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหม่บู ้ำน บำ้ นเขำพระ เป็นหม่บู ้ำนท่ีอยู่มำแต่เดิม ก่อตั้งมำ ประมำณ 50 ปี เป็นชื่อที่ปรำกฏพร้อมหมู่บ้ำน ตั้งตำมสถำนท่ีสำคัญซ่ึงมีลักษณะเป็นภูเขำและมีเจดีย์ เก่ำแก่ต้ังอยู่บนภูเขำ ลกั ษณะภูมิประเทศเป็นภูเขำ ต้ังอยู่บริเวณของเขำพระเจดีย์และป่ำเขำพระ ประชำกรส่วนใหญ่ ประกอบอำชีพทำนำทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีหรือเทศกำลที่สำคัญคือ เทศกำลขน้ึ ปใี หมแ่ ละประเพณสี งกรำนต์ ผลติ ภณั ฑท์ ่สี ำคญั ของหมู่บำ้ นคอื ผ้ำทอ บา้ นคลองเดอ่ื ประวัติควำมเป็นมำ และควำมหมำยช่ือหมู่บ้ำน บ้ำนคลองเด่ือ เป็นหมู่บ้ำนท่ีแยกมำจำกหมบู่ ้ำน วงั หนิ เพลิงใต้ ก่อต้ังมำประมำณ 20 ปี ต้ังตำมแหสถำนที่สำคัญซ่ึงมีลักษณะเปน็ ภูเขำและมีเจดยี ์เก่ำแก่ ต้ังอย่บู นภูเขำ ลักษณะภมู ิประเทศเป็นที่รำบ ต้ังอยู่บรเิ วณคลองมะเด่ือ มแี หล่งน้ำสำคัญ คือ คลองเดือ่ ไหลผ่ำน ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีหรือ เทศกำลสำคัญของหมู่บ้ำน คอื ประเพณีสงกรำนต์ บ้านหนองจะปราบ ประวัติควำมเป็นมำ และควำมหมำยช่ือหมู่บ้ำน บ้ำนหนองจะปรำบ เป็นหมู่บ้ำนก่อตั้งมำ ประมำณ 50 ปี ช่อเดิมคือ หนองหญ้ำปรำบต้ังตำมแหล่งน้ำ คือ เป็นบริเวณหนองน้ำทม่ี ีหญ้ำปรำบมำก ต่อมำมีโจรผู้ร้ำยเข้ำมำหลบซ่อนในหมู่บ้ำนมำก มีตำรวจช้ันจ่ำนำยหนึ่งอำสำว่ำจะปรำบแต่ก็ผลัดวันไป เรือ่ ยๆ ไม่ปรำบเสียที จงึ เรียกชอ่ หนองจะปรำบ ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่รำบ มีแหต้ังอยู่บริเวณแหล่งน้ำสำคัญ คือ คลองสำยพระงำมไหลผ่ำน ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณที ี่สำคัญของหมบู่ ้ำนคอื เทศกำลปีใหม่และประเพณสี งกรำนต์

บา้ นหนองพงษ์ ประวัติควำมเป็นมำ และควำมหมำยช่ือหมู่บ้ำน บ้ำนหนองพงษ์ เดิมช่ือว่ำ บ้ำนหนองพงษ์ เดิม ชอ่ื วำ่ บำ้ นหนองจิกรี เป็นหมู่ท่ีอยู่มำแต่เดิม ก่อตั้งประมำณ 50 ปี เป็นชื่อปรำกฏพร้อมหม่เู ปน็ มำนำน ต้ังชื่อตำหนองน้ำใหญ่แหง่ หนึง่ ในหมู่บำ้ นหนองนำ้ นน้ั มตี ้นพงอยู่รอบ พนื้ ที่อุดมสมบูรณ์มำก จึงเรยี กว่ำ หมู่บำ้ นหนองพงษ์ ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่รำบ มีหนองน้ำ คือ หนองพงประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธประเพณีหรือเทศกำลสำคัญของหมู่บ้ำน คือเทศกำลขึ้นปีใหม่และประเพณี สงกรำนต์ ผลติ ภณั ฑท์ ี่สำคัญของหมู่บ้ำนคือ ผ้ำทอและสุรำหมีทอง บา้ นเขานกยูง ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยของชื่อหมู่บ้ำนเขำนกยูงเป็นหมู่บ้ำนที่อยู่มำแต่เดิม ก่อตั้งมำ ประมำณ 70 ปี เป็นชอ่ื ที่ปรำกฏพร้อมหมู่บ้ำน ต้ังตำมสัตว์คือ สมัยก่อนเป็นบริเวณที่มีนกยูงมำก แต่ใน ปัจจุบนั ไมม่ ีนกยูงแมแ้ ต่ตัวเดยี ว ลกั ษณะภูมิประเทศเป็นเนินเขำเต้ียๆต้งั แตบ่ ริเวณเขำเตี้ยๆ ต้ังอยู่บรเิ วณเขำตะลุ่ม เขำขวำงและ เขำนกยงู มแี หลง่ น้ำสำคัญคือ แอ่งนำ้ โคกแดงประชำกรส่วนใหญป่ ระกอบอำชพี ทำนำทำไร่ นบั ถอื ศำสนำ พุทธ พูดภำษำไทยกลำงประเพณีหรอื เทศกำลที่สำคัญคือประเพณีสงกรำนต์ แหล่งท่องเท่ียวทีส่ ำคัญ คือ สวนน้ำวังปลำ ผลติ ภณั ฑท์ ีส่ ำคัญของหมู่บ้ำน คอื เคร่อื งจักสำน บา้ นวงั หนิ เพลงิ เหนอื ประวัติควำมเป็นมำ และควำมหมำยของชื่อหมู่บ้ำนวังหินเพลิงเหนือ เป็นหมู่บ้ำนที่ ก่อตั้งมำ ประมำณ 20 ปี เปน็ ชอ่ื ที่ปรำกฏพร้อมหมบู ้ำน ตง้ั ตำมลกั ษณะพ้ืนทม่ี หี ินดินดำนสีแดง น้ำกัดเซำะจึงเป็น เพิงคล้ำยถ้ำชะโงกอยู่ มีน้ำตลอดปีไม่เคยแห้งแล้ง ชำวบ้ำนจึงเรียกว่ำ คลองวังหินเพลิง ตำนำนหมู่บ้ำน เล่ำว่ำ มีชำวนำท่ีออกหำปลำโดยกำรทอดแหตำมแอ่งน้ำในหน้ำแล้ง เดินทำงมำพบกับแหล่งน้ำท่ีมีปลำ มำกมำย แต่จับไม่ไดเ้ พรำะปลำเข้ำไปในเพงิ หิน ชำวนำจึงลองเอำไม้หยงั่ ดูปรำกฏว่ำไมไ้ ผ่ทั้งลำกห็ ย่งั ไมถ่ ึง จงึ กลำยเป็นชอื่ หม่บู ำ้ น ดงั กลำ่ ว ลักษณะภูมิประเทศเป็นท่ีรำบ มีแหล่งน้ำสำคัญคือ ลำน้ำโคกแดงประชำกรส่วนใหญ่ประกอบ อำชีพทำนำทำไร่ นบั ถือศำสนำพุทธแดงผ่ำน ประชำกรสว่ นใหญ่ประกอบอำชีพทำนำทำไร่ นับถือศำสนำ พุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีหรอื เทศกำลที่สำคญั คือประเพณีสงกรำนต์ละประเพณตี ักบำตรเทโว บา้ นวงั แดงเหนอื ประวัติควำมเป็นมำ และควำมหมำยของชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนวังแดงเหนือ เป็นหมู่บ้ำนท่ีแยกมำจำก หมู่บ้ำนอ่ืนในตำบลเดียวกัน ก่อต้ังมำประมำณ 10-20 ปี เป็นชื่อท่ีปรำกฏพร้อมหมู่บ้ำน ต้ังตำมวัตถุ สำคญั และแหล่งนำ้ ท่ีมำของช่อื มำจำกพนื้ ทบี่ ริเวณนนั้ มำอฐิ สแี ดงสมยั ทวำรวดแี ละมสี ระนำ้ ขนำดใหญ่

ลักษณะภูมิประเทศเป็นท่ีรำบ มีแหล่งน้ำที่สำคัญ คือ คลองวังแดงไหลผ่ำน ประชำกรส่วนใหญ่ ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีหรือเทศกำลสำคัญคือ เทศกำล ขึน้ ปใี หมแ่ ละประเพณี ตาบลทับคลอ้ บา้ นทับคลอ้ ประวัติควำมเปน็ มำและควำมหมำยของช่อื หมู่บำ้ น บ้ำนทบั คล้อเป็นหมบู่ ้ำนทอ่ี ยู่มำแต่เดิม ก่อต้ัง มำประมำณ 100 ปี เป็นชื่อทปี่ รำกฏพรอ้ มหม่บู ้ำน ตง้ั ตำมช่ือต้นไม้คือ ต้นตะครอ้ ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่รำบ มีแหล่งน้ำท่ีสำคัญ คือ คลองวังแดงไหลผ่ำน ประชำกรส่วนใหญ่ ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีหรือเทศกำลสำคัญคือ เทศกำล ข้ึนปีใหม่และประเพณี สงกรำนต์ โบรำณวัตถุท่ีสำคัญคอื พระพทุ ธรูปหลวงพ่อพุทธมงคล และ หลวงพ่อองคด์ ำ วดั ทรงธรรม บา้ นวดั ปา่ เรไรย์ ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยของชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนวัดป่ำเรไรย์ เป็นช่ือท่ีปรำกฏพร้อม หมู่บ้ำน ก่อตั้งมำประมำณ 80 ปี ต้ังช่ือตำมสถำนท่ีท่ีสำคัญและเร่ืองเล่ำของหมู่บ้ำน สมัยก่อนพ้ืนทข่ี อง หมู่บ้ำนเตม็ ไปด้วยป่ำไม้ มเี สียงเรไรรอ้ งอย่ตู ลอดเวลำ หลวงพ่อเดิมได้ขช่ี ้ำงเข้ำมำเจอหมูบ่ ้ำนเข้ำ ทำ่ นจึง ได้โปรดสัตว์และจำพรรษำ ชำวบ้ำนและได้สร้ำงโบสถ์ขึ้นภำยในหมู่บ้ำน ต้ังช่ือว่ำวัดป่ำเรไร ชำวบ้ำนจึง เรียกช่อื หมูบ่ ำ้ นตำมชอ่ื วัด ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่รำบ ตั้งอยู่บริเวณท่ีมีบ่อน้ำและคลองทับคล้อไหลผ่ำน ประชำกรส่วน ใหญ่ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำงและไทยอีสำน ประเพณีหรือ เทศกำลสำคัญคือเทศกำล ประเพณี สงกรำนต์ โบรำณวัตถุที่สำคัญคือ วัดป่ำเรย์ไร ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ คอื เคร่ืองจักสำน บ้านสวนพรกิ ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยของชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนสวนพริก เป็นหมู่บ้ำน ท่ีก่อตั้งมำ ประมำณ 100 ปี ตั้งช่ือตำมสถำนทีเ่ พำะปลูก ลักษณะภูมิประเทศเป็นท่ีรำบ ต้ังอยู่บริเวณที่มีบ่อน้ำและคลองทับคล้อไหลผ่ำน ประชำกรส่วน ใหญ่ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ ประเพณีทีส่ ำคัญคือประเพณีสงกรำนต์ บา้ นสายสมบรู ณ์ ประวตั ิควำมเป็นมำและควำมหมำยของชื่อหมู่บ้ำน บำ้ นสำยสมบูรณ์ ก่อตั้งมำประมำณ 100 ปี ชื่อเดิมคือบ้ำนสำยคลองแห้ง ต้ังช่ือตำมแหล่งน้ำสำคัญมที ี่มำจำกลำคลองภำยในหมู่บ้ำนท่ีน้ำจะแห้งเมื่อ ถึงหนำ้ แล้ง

ลักษณะภูมิประเทศเป็นท่ีรำบ มีแหล่งน้ำสำคัญคือคลองน้ำแห้งไหลผ่ำน ประชำกรส่วนใหญ่ ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีหรือเทศกำลสำคัญของ หมู่บ้ำนคือ เทศกำลขึ้นปีใหม่และประเพณีสงกรำนต์ ผลิตภัณฑ์ที่สำคัญของหมู่บ้ำน คือ ผลิตภัณฑ์จำก ผักตบชบำ บา้ นบอ่ ทราย ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยของชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนบ่อทรำย เป็นหมู่บ้ำนท่ีแยกมำจำก หมู่บ้ำนสำยดงยำง ก่อตั้งมำประมำณ 100 ปี ตั้งชื่อตำมลักษณะภูมิประเทศ คือสภำพพื้นดินส่วน ใหญเ่ ปน็ ดนิ ทรำย ชำวบ้ำน ขุดบอ่ นำ้ ซึมไวใ้ ช้ในหมบู่ ้ำน ลกั ษณะภมู ิประเทศเป็นที่รำบ มีแหล่งน้ำสำคัญคอื คลองสำยนำ้ แหง้ ไหลผำ่ น ประชำกรส่วนใหญ่ ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีท่ีสำคัญของหมู่บ้ำนคือ ประเพณีสงกรำนต์ บ้านหนองน้าเตา้ ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยของช่ือหมู่บ้ำน บ้ำนหนองน้ำเต้ำก่อต้ังมำปรำณ 1 00 ปี ตั้ง ตำมชือ่ แหล่งนำ้ ใหญ่ แหล่งน้ำดังกลำ่ วมีนำ้ เตำ้ ขนึ้ อยู่มำก ลกั ษณะภูมิประเทศเป็นที่ลุ่ม มีแหล่งน้ำที่สำคัญ คอื คลองสำยคลองแห้งไหลผ่ำน ประชำกรส่วน ใหญ่ประกอบอำชีพทำนำทำไร่ นับถอื ศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีหรือเทศกำลที่สำคัญคือ ประเพณสี งกรำนต์ ผลติ ภัณฑ์ท่สี ำคญั คือ อำหำรแปรรปู จำกเห็ดฟำง บา้ นสายดงยาง ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยของชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนสำยดงยำง ก่อต้ังมำประมำณ 70 ปี ต้ัง ตำมช่ือต้นไม้ คือ มีต้นยำงอยู่แถววัดมำก ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่รำบ ดินเป็นลักษณะดินปนทรำย มี แหล่งน้ำที่สำคัญ คือ บ่อน้ำบำดำลภำยในหมู่บ้ำน ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพทำนำทำไร่ นับถือ ศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำงประเพณีหรือเทศกำลท่ีสำคัญคือ ประเพณีสงกรำนต์ โบรำณสถำนท่ี สำคัญ คอื โบสถ์เกำ่ แก่ในวัดจันทรงั ษี ผลิตภัณฑ์ท่ีสำคัญ คือ เครอ่ื งจกั สำน ประชำชนส่วนใหญ่อพยพมำ จำก จังหวัดอุทัยธำนี สพุ รรณบรุ ี อยธุ ยำ ชัยนำท บ้านหนองชยั ศรี ประวัติควำมเป็นมำและควำมและควำมหมำยของท่อหมู่บ้ำน บ้ำนหนองน้ำชัยศรี ก่อต้ังมำ ประมำณ 20 ปี ช่ือเดมิ คือบ้ำนหนองอ้ำยตู้ ต้ังตำมชื่อสตั ว์ โดยเป็นตำนำนหมู่บ้ำนวำ่ สมัยก่อนมีถนนลุก รังตัดผ่ำน และมีหนองน้ำอยู่กลำงหมู่บ้ำน (ซ่ึงปัจจุบันเป็นที่ต้ังวัด) จึงเป็นทำงผ่ำนของเกวียนลำกไม้ และคนขับเกวียนมักจะแวะพักบริเวณนั้นประจำ วันหนึ่งมำตำยในหนองน้ำ จึงเรียกหนองน้ำว่ำ หนอง อำ้ ยตู้และเรียกช่ือหมู่บ้ำนตำม ต่อมำจึงเปล่ียนมำเรียกว่ำบ้ำนหนองชัยศรี ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ รำบสำหรับทำกำรเกษตร มีแหลง่ นำ้ ทสี่ ำคัญ คอื อำ่ งหนองอำ้ ยต้แู ละคลองวังแดงไหลผ่ำน

ประชำกรส่วนใหญป่ ระกอบอำชีพไรน่ ำ นับถือศำสนำพุทธ พดู ภำษำกลำงเปน็ มำและผลติ ภณั ฑท์ ี่สำคัญ ของหมู่บ้ำน คอื ข้ำวปลอดสำร พืชปรอดภัย บ้านใหม่สายดงยาง ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยช่ือหมบู่ ้ำน บ้ำนใหม่สำยดงยำง ก่อต้ังมำประมำณ 70 ปี ชื่อเดิมคือบ้ำนสำยดงยำง ตง้ั ตำมช่ือตน้ ไม้ เนอ่ื งจำกมตี ้นยำงใหญข่ นึ้ อยแู่ ถววัดจึงเรยี กช่อื ตำมน้นั ลักษณะภูมิประเทศเป็นท่ีรำบ มีแหล่งน้ำสำคัญคือ คลองสำยดงยำงไหลผ่ำน ประชำกร ส่วนใหญ่ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ผลิตภัณฑ์ท่ีสำคัญของ หมบู่ ้ำน คอื เครอื่ งจักสำน บ้านบอ่ ทรายพฒั นา ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนบ่อทรำยพัฒนำ เป็นหมู่บ้ำนที่แยกมำจำก หมู่บ้ำนอื่นในตำบลเดียวกัน ก่อตั้งมำประมำณ 71 ปีต้ังชื่อตำม ลักษณะภูมิประเทศลักษณะภูมิประเทศ เป็นที่รำบ ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่และทำสวน นับถือศำสนำพุทธท่ีสำคัญของ หม่บู ้ำนคอื ประเพณสี งกรำนต์ ตาบลเขาเจด็ ลูก บา้ นเขาเจด็ ลูก ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยช่ือหมู่บ้ำนขำเจ็ดลูกเป็นหมู่บ้ำนท่ีอยู่มำแต่เดิม ก่อตั้งมำ มำกกว่ำ 100 ปี เป็นช่ือท่ีปรำกฏหลงั ตงั้ หมู่บ้ำน ชื่อเดิมคือบ้ำนคลองปง ต้งั ตำมชอื่ ต้นไม้ คอื เป็นบรเิ วณ ที่มีคลองไหลผ่ำนและมีป่ำไม่ปง ซ่ึงมีช้ำงเดินผ่ำนตลอดเวลำ ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่รำบ มีแหล่งน้ำ สำคัญคือคลองปงไหลผ่ำนประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพทำนำทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ ประชำชน ส่วนใหญ่อพยพมำจำกภำคตะวันออกเฉียงเหนือ พูดภำษำลำว ประเพณีและเทศกำลปใี หม่และประเพณี สงกรำนต์ โบรำณสถำนท่ีสำคัญ คือ วัดเกำะแก้ว แห่ลงท่องเที่ยวสำคัญคือ อ่ำงน้ำเกำะแก้วผลิตภัณฑ์ที่ สำคญั คอื เครอ่ื งจักสำน บ้านเขาตะพานนาก ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนเขำตะพำนนำกเป็นหมู่บ้ำนที่อยู่มำแต่เดิม ก่อต้ังมำประมำณ 70 ปี เป็นช่ือปรำกฏพร้อมตั้งหมู่บ้ำน ตั้งชื่อตำมชื่อสัตว์คือนำกลักษณะภูมิประเทศ เป็นทรี่ ำบมีแหลง่ นำ้ สำคัญคอื คลองลอ่ งหอยไหลผ่ำน ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธพูดภำษำไทยกลำง โบรำณสถำนท่สี ำคัญคือวัดเขำตะพำนนำก ผลิตภณั ฑ์ที่สำคัญของหมูบ่ ำ้ นคือข้ำวปลอดสำรพษิ

บ้านเขาดิน ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยของชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนเขำดินก่อตั้งมำประมำณ 5 0 ปีตั้งตำม สถำนที่สำคัญ คือ สมัยก่อนภำยในวัดจะมีกองดินกองใหญ่กองอยู่ มีลักษณะเหมือนภูเขำ จึงเรียกชื่อ หมบู่ ำ้ นตำมลกั ษณะกองดินนี้ ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่รำบ มีแหล่งน้ำสำคัญคือ หนองอ่ำงและหนองระมำน ประชำกรส่วน ใหญ่ประกอบอำชีพทำนำทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีและเทศกำลที่สำคัญของ หมบู่ ้ำนคอื เทศกำลขนึ้ ปใี หม่และประเพณีสงกรำนต์ บ้านจิตเสอื เตน้ ประวัตคิ วำมเป็นมำและควำมหมำยของชือ่ หมู่บ้ำน บ้ำนจิตเสอื เตน้ ก่อตั้งมำประมำณ 70 ปี มีช่ือ เดมิ วำ่ หนองจิกกลำงเต้น ซึ่งต้ังตำมช่ือคน มที ี่มำจำกสมัยสงครำมโลก ทหำรญี่ปุ่นได้เข้ำมำพกั กลุ่มบ้ำนนี้ และเรยี กว่ำหนองจกิ กลำงเต้น ตอ่ มำมีกำรสร้ำงทำงและหมวดกำรทำง จงึ เปลย่ี นเป็นช่อื ปัจจุบนั ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่รำบมรแหล่งน้ำสำคัญคือ คลองสำยดงยำงรุ้งไหลผ่ำน ประชำกรส่วน ใหญ่ประกอบออำชีพทำนำทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีและเทศกำลท่ีสำคัญ ของหม่บู ้ำน คอื เทศกำลขน้ึ ปใี หมส่ งกรำนต์ บ้านไดวน ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยช่ือหมู่บ้ำน บ้ำนไดวนก่อต้ังมำประมำณ 100 ปีต้ังช่ือตำม แหลง่ นำ้ หมำยควำมวำ่ อำดำกวน ลักษณะภูมิประเทศเป็นท่ีรำบ มีแหล่งน้ำสำคัญคือ คลองไดวนไหลผ่ำนประชำกรส่วนใหญ่ ประกอบอำชีพทำนำ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพรีที่สำคัญของหมู่บ้ำน คือเพณี สงกรำนต์ บา้ นเขาโลน้ ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหมู่บ้ำนเขำโล้นก่อตั้งมำประมำณ 70 ปี เป็นช่ือปรำกฏ พรอ้ มตั้งหมู่บำ้ นตง้ั ชอ่ื ตำมลักษณะภูมปิ ระเทศ คอื สมัยก่อนเขำลูกดังกล่ำวไม่มีต้นไมข้ น้ึ เลยจงึ เรยี กว่ำเขำ โลน้ ลกั ษณะภูมิประเทศเป็นภูเขำ แหล่งน้ำสำคัญคือ คลองม่วงไหลผ่ำนประชำกรส่วนใหญ่ประกอบ อำชพี ทำนำ ทำไร่ นบั ถือศำสนำพทุ ธ พดู ภำษำไทยกลำงประเพณสี ำคญั ของหมู่บ้ำนคอื ปะเพณีสงกรำนต์ บ้านหนองขนาก ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยของช่ือหมู่บ้ำน บ้ำนหนองขนำก ก่อตั้งมำประมำณ 70 ปี เป็นชื่อทปี่ รำกฏพรอ้ มหมู่บ้ำน ต้ังตำชื่อต้นไม้ คือ สมัยก่อนบริเวณนั้นมหี นองน้ำและต้นขนำกเยอะมำก จึงเรียนตำมลกั ษณะดังกลำ่ ว โดยมีเรอ่ื งเลำ่ ท่เี ป็นตำนำนหมู่บ้ำนวำ่ นำนมำแลว้ ชำวบ้ำนท่ีอพยพมำจำก

สระบุรีเป็นส่วนมำกมำเห็นว่ำพ้ืนท่ีน้ีมนี ้ำเหมำะสำหรับทำกำรเกษตรจึงทำกำรต้ังบำ้ นเรือน ท่ีนแ่ี ละเรยี กชื่อหมู่บ้ำนตำมลักษณะชือ่ ตน้ ขนำก ลักษณะภูมิประเทศเป็นท่ีรำบสำหรับทำนำทั้งหมดมีแหล่งน้ำสำคัญคือ คลองล่องหอยไหลผ่ำน ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพทำนำทำไร่นบั ถือศำสนำพุทธพุดภำษำไทยกลำง ประเพณีและเทศกำล ท่สี ำคญั ของหมูบ่ ำ้ น คือ ประเพณีตกั บำตรเทโวและประเพณสี งกรำนต์ บ้านนิคม ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนนิคมเป็นก่อตั้งมำประมำณ70 ปีเป็นแนวคิด ของชำวบำ้ นคอื เปน็ นิคมสร้ำงตนเอง ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ดอนและมีป่ำไม่สลับกัน แหล่งน้ำสำคัญของชำวบ้ำนมีลักษณะเป็นบ่อ สว่ นตัวและขุดขนึ้ เองประมำณ 53 แห่ง ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ รับจ้ำงทั่วไป นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทย กลำง ประเพณีสำคัญของหมู่บ้ำนคือ ประเพณีสงกรำนต์ แหล่งท่องเท่ียวที่สำคัญคือ เหมืองแร่ทองคำ ผลติ ภณั ฑ์ทส่ี ำคญั ของหม่บู ้ำนคอื ขำ้ วปลอดสำรพิษ บา้ นเขาหม้อ ประวัติควำมเป็นมำ และควำมหมำยของชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนเขำหม้อ ก่อตั้งมำประมำณ 50 ปี ตั้ง ตำมช่ือภูเขำ มีเร่ืองเล่ำเป็นตำนำนหมู่บ้ำนวำ่ สมัยก่อมนี ำยพลคนหน่งึ ออกล่ำสัตยม์ ำถึงเขำลูกหน่ึงอยูใ่ น เขตหม่บู ้ำนในปัจจบุ นั เมือ่ มำถึงเขำลูกน้กี ็พบหมอ้ ห้อยอยบู่ นตน้ ไม้ เมือ่ นำยพลกลับถงึ บ้ำนก็ตัง้ ชื่อเขำลูก น้ีว่ำ เขำหมอ้ ตอ่ มำเม่ือมีกำรแยกหมบู่ ำ้ นจึงตัง้ ช่ือตำมเขำ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ มีภเู ขำ ต้ังอยู่บริเวณเขำหมอ้ มีแหล่งน้ำที่สำคัญ คือ คลองล่องหอยไหล่ผ่ำน ประชำกำรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่และรับจ้ำง นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณแี ละเทศกำลท่ีสำคัญของหมูบ่ ้ำน คือ ประเพณสี งกรำนต์ บา้ นไดนา้ ขุน่ ประวัติควำมเป็นมำ และควำมหมำยของชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนไดน้ำขุ่น ก่อตั้งมำประมำณ 20 ปี ตั้ง ช่อื ตำมแหล่งนำ้ โดยมีเร่ืองเลำ่ วำ่ ลำคลองไหลผ่ำนหมู่บำ้ นจะบรเิ วณนี้จะขุน่ ลักษณะภูมิประเทศเป็นท่ีรำบ มีแหล่งน้ำที่สำคัญ คือ ไดน้ำขุ่นไหล่ผ่ำน ประชำกำรส่วนใหญ่ ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่และรับจ้ำงทั่วไป นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีท่ีสำคัญ ของหมู่บำ้ น คือ ประเพณสี งกรำนต์ บา้ นเนินพวง ประวตั คิ วำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหม่บู ้ำน บำ้ นเนนิ พวงกอ่ ต้ังมำประมำณ 70 ปี ต้งั ตำมลกั ษณะภูมปิ ระเทศคือบริเวณทเ่ี ปน็ เนนิ ลักษณะภมู ปิ ระเทศเป็นภเู ขำ ตง้ั อยบู่ รเิ วณเขำเจ็ดลกู มแี หลง่ น้ำสำคญั คอื คลองวงั แดงไหลผ่ำน

ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีที่ สำคัญของหมู่บ้ำน คือประเพณีสงกรำนต์ โบรำณท่ีสำคัญคือ วัดสัตตศิลำอำสน์ โบรำณวัตถุท่ีสำคัญ คือ พระพุทธรูปในหมบู่ ้ำน นำง สมคิด สขุ นวล บา้ นยางสามต้น ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหมู่บ้ำนยำงสำมต้นก่อต้ังมำประมำณ20ปี ตั้งชื่อ ตำมช่อื ต้นไม้ คือบรเิ วณนนั้ มตี น้ ยำงใหญส่ ำมตน้ ลักษณะภูมิประเทศเป็นท่ีรำบ มีแหล่งน้ำสำคัญคือ คลองแสงรุ้ง ไหลผ่ำนประชำกรส่วน ใหญ่ประกอบ อำชีพทำนำ ทำไร่ นบั ถอื ศำสนำพุทธ พดู ภำษำไทยกลำง ตาบลท้ายทุ่ง บ้านทา้ ยทุง่ ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยของช่ือหมู่บ้ำนท้ำยทุ่งก่อตั้งมำมำกกว่ำ 100 ปี ชื่อเดิมคือ บ้ำนถ่ำยถุง หมำยถงึ เปลย่ี นย่ำม มีเรื่องเล่ำเป็นนิทำนหมบู่ ้ำนวำ่ สมัยก่อนมีพ่อค้ำนำสินค้ำมำขำยบรเิ วณ น้ีและมักมีกำรซอื้ ขำยแลกเปลย่ี นกัน หรือ เรียกวำ่ ถ่ำยถุง คือกำรเปลีย่ น ถุงย่ำมจำกคนหน่ึงไปยังอีกคน หนง่ึ ปจั จบุ ันเรียกเปลี่ยนไปเพ่ือให้เกดิ ควำมไพเรำะ ลักษณะภูมิประเทศเป็นท่ีรำบ มีแหล่งน้ำสำคัญคือ คลองบำงไผ่ ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบ อำชีพทำนำ ทำไร่รับจ้ำงทำสวน นับถือ ศำสนำพุทธ ประชำกรส่วนใหญ่อพยพมำจำกภำค ตะวันออกเฉียงเหนือ พูดภำษำลำว ประเพณีและเทศกำลท่ีสำคัญคือ อำบน้ำผู้เฒ่ำผู้แก่ในวันสงกรำนต์ โบรำณทส่ี ำคญั คือ คือพระพุทธรปู ทองขำว บา้ นบางเบน ประวัติควำมเป็นมำเป็นควำมหมำยชื่อหมู่บ้ำนบำงเบนก่อตั้งมำประมำณ100ปี ต้ังชื่อตำมต้นไม้ เนอ่ื งจำกสมยั กอ่ นแถวลำคลองมเี บนมำก ลักษณะภูมิประเทศประเทศเป็นท่ีรำบ มีแหล่งสำคัญคือ บ่อน้ำใน หมู่บ้ำนประชำกรส่วนใหญ่ ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีที่สำคัญคือของหมู่บ้ำน คือ ประเพณีสงกรำนตโ์ บรำณที่สำคัญคือ วดั บำงเบน ผลติ ภณั ฑ์ที่สำคญั คอื ของหมู่บำ้ นคือเคร่อื งจกั สำน บ้านวังกระชัน ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหมู่บ้ำนวังกระชันเป็นหมู่บ้ำนที่อพยพมำจำกท่ีอ่ืน ก่อตั้ง มำประมำณ 100 ปี ตั้งช่ือตำมแหล่งน้ำ ในหมบู่ ำ้ นที่มคี วำมลึกและชันมำก ลักษณะภูมิประเทศเป็นท่ีรำบ มีแหล่งน้ำสำคัญคอื คลองวังกระชันไหลผ่ำนประชำกรส่วนใหญ่ที่ ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพทุ ธ ประเพณีทีส่ ำคัญของหม่บู ้ำน คอื ประเพณีสงกรำนต์

บ้านสแี่ ยกเขาดิน ประวตั ิควำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหมูบ่ ้ำนส่ีแยกเขำดิน ก่อตั้งมำประมำณ 100 ปี ต้ังชื่อตำม สถำนที่สำคัญ นั่นคือ สมัยก่อนภำยในวัดจะมีกองดินกองใหญ่สูงมำกเหมือนภูเขำกองอยู่จึงหมูเรียกชื่อ หมูบ่ ำ้ นตำมลกั ษณะกองดิน ลกั ษณะภูมิประเทศเป็นท่ีรำบ ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพ ทำนำ ทำไร่ และรับจ้ำงท่ัวไป นบั ถือศำสนำพุทธ พดู ภำษำไทยกลำงประเพณีท่สี ำคัญของ หมู่บำ้ น คือประเพณสี งกรำนต์ ซ่งึ มีกำรรดน้ำ ดำหัว ผ้สู งู อำยุ วนั ท่ี15เมษำยน ของทกุ ปี บ้านหนองจกิ ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยช่ือหมู่บ้ำนหนองจิกก่อตั้งมำมำกกว่ำ100ปี ตั้งชื่อตำมแหล่ง น้ำและต้นไม้ ลักษณะถูมิประเทศเป็นท่ีรำบ มีแหล่งน้ำสำคัญ ลำคลองห้วยหลัวไหลผ่ำน ประชำกรส่วนใหญ่ ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่และรบั จ้ำงทว่ั ไป นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ประเพณีท่ีสำคญั ของ หมู่บ้ำน คอื ประเพณีสงกรำนต์ โบรำณสถำนที่สำคญั คือ วดั หนองจกิ บา้ นเขาส้าน ประวัติควำมเปน็ มำและควำมหมำยช่ือหมู่บ้ำน บ้ำนเขำสำ้ น เปน็ หมู่บำ้ นที่อยู่มำแต่เดิม ก่อต้ังมำ ประมำณ71-100ปีเป็นช่ือปรำกฏพร้อมตั้งหมู่บ้ำน ตั้งชื่อหมู่บ้ำน ต้ังตำมต้นไม้คือบริเวณท่ีมีเขำท่ีมีต้น ซ่ำนขึ้นมำก ลกั ษณะภูมิประเทศเป็นเนินเขำ ต้ังอยูบ่ ริเวณเขำส้ำน มีแหล่งน้ำ สำคญั คือ ลำคลองล่องหอยไหล ผ่ำน ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพ ทำนำ ทำไร นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยอีสำน ประเพณีที่ สำคัญของหมูบ่ ำ้ น คือประเพณีสงกรำนต์ บ้านโคกกระถนิ ประวัติควำมเป็นและควำมหมำยช่ือหม่บู ำ้ นโคกกระถนิ ก่อตง้ั มำประมำณ 100 ปี ต้ังช่อื ตำมต้นไม้ คอื บริเวณปำ่ มตี ้นกระถนิ มำก ลักษณะภูมิประเทศเป็นป่ำ ต้ังอยู่บริเวณของโคกกระถินแหล่งน้ำสำคัญคือ คลองห้วยหลัวไหล ผ่ำน ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพ ทำนำ ทำไร นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำลำว ประเพณีท่ีสำคัญ ของหมบู่ ้ำน คอื ประเพณีสงกรำนต์ โบรำณวัตถุท่ีสำคญั คือ พระพุทธรูป พระศรีอำรย์ ผลิตภัณฑ์ทส่ี ำคัญ ของหมบู่ ำ้ นคือพริกแกงและไม้กวำด บา้ นหนองจอก ประวัติควำมเป็นและควำมหมำยชื่อหมบู่ ้ำนหนองจอก ก่อตง้ั มำประมำณ 50 ปี ต้ังช่ือตำมต้นไม้ คอื บริเวณทมี่ ีต้นไมจ้ อกมำก ลักษณะภูมิประเทศเป็นทุ่ง ต้ังอยู่บริเวณทุ่งนำ มีแหล่งน้ำสำคัญคือ คลองหนองกรุงไหลผ่ำน ประชำกรส่วนใหญป่ ระกอบอำชพี ทำนำ ทำไร นับถอื ศำสนำพทุ ธ พดู ภำษำลำว

บา้ นคายน้อย ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยช่ือหมู่บ้ำนคำยน้อย ก่อต้ังมำมำกกว่ำ 100 ปี ตั้งชื่อตำม ตน้ ไมค้ ือพื้นทีม่ ีไมไ้ ผ่คำยอยไู่ มม่ ำกนกั ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่รำบ มีแหล่งน้ำสำคัญคอื คลองคำยหนองโพธิ์ไหลผ่ำน ประชำกรส่วน ใหญ่ประกอบอำชพี ทำนำ ทำไร นบั ถอื ศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำง ผลติ ภัณฑ์ท่ีสำคญั ของหมู่บ้ำนคือ เครื่องจักสำน บา้ นน้าเคอื ง ประวตั ิควำมเปน็ มำและควำมหมำยชื่อหมู่บ้ำนน้ำเคอื ง กอ่ ตั้งมำมำกกว่ำ 50 ปี ต้งั ช่ือตำมแหล่งนำ้ ลักษณะภูมิประเทศเป็นท่ีรำบ มีแหล่งน้ำสำคัญคือ คลองบำงไผ่ไหลผ่ำน ประชำกรส่วนใหญ่ ประกอบอำชีพ ทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยอีสำนประเพณีท่ีสำคัญของหมู่บ้ำน คือ ประเพณีสงกรำนต์ โบรำณวัตถุทีส่ ำคัญคือพระพุทธรูปหลวงพ่อนำ้ เคอื ง บ้านคลองห้วยหลัว ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนคลองห้วยหลัว ก่อตั้งมำประมำณ 70 ปี เป็นช่ือปรำกฏพร้อมตัง้ หมบู่ ำ้ น ตง้ั ช่ือตำมแหลง่ นำ้ ลักษณะภูมิประเทศเป็นทุ่งนำ มีแหล่งน้ำสำคัญคือ ลำคลองห้วยหลัวไหลผ่ำน ประชำกรส่วน ใหญ่ประกอบอำชีพ ทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำไทยกลำงและไทยอีสำนประเพณีท่ีสำคัญ ของหมบู่ ำ้ น คอื ประเพณสี งกรำนต์ บ้านหนองคอม ประวตั ิควำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหมู่บ้ำน บ้ำนหนองคอม ก่อต้งั มำประมำณ 50 ปี ต้ังช่ือ ตำมต้นไม้และแหล่งน้ำคือภำยในหมู่บ้ำนซ่ึงบรเิ วณรอบๆ หนองน้ำมตี ้นป่ำหนำมคอม ขึ้นอยู่เต็มไปหมด ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่รำบ ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพ ทำนำ ทำไร่ นับถือศำสนำพุทธ พูด ภำษำไทยกลำง ประเพณที ี่สำคัญของหมูบ่ ้ำน คือประเพณสี งกรำนต์ บา้ นเนนิ มว่ ง ประวตั ิควำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหมู่บ้ำนเนินม่วง เป็นหมู่บ้ำนท่ีแยกมำจำกหมู่บ้ำนอืน่ คือ บ้ำนเกำะม่วง ก่อต้ังมำประมำณ 100 ปี ตั้งช่ือตำมต้นไม้ คือมีต้นมะม่วงป่ำต้นใหญ่ขึ้นอยู่กลำงหมู่บ้ำน ซงึ่ ปัจจุบันไม่มีแล้ว ลกั ษณะภมู ิประเทศเป็นเนนิ เขำเตี้ยๆ ตัง้ อยู่บริเวณเนนิ มว่ งมีแหล่งน้ำสำคัญเปน็ บ่อน้ำขนำดใหญ่ ภำยในหมู่บ้ำน ประชำกรประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ และเล้ียงสัตว์ นับถือศำสนำพุทธ พูดภำษำกลำง ประเพณีที่สำคัญของหมู่บ้ำน คือประเพณีสงกรำนต์ โบรำณสถำนท่ีสำคัญ คือวัด ผลิตภัณฑ์ท่ีสำคัญของ หมู่บำ้ น คือ ตัดเยบ็ เส้ือผำ้

บ้านหนองหวั ลิง ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยชื่อหมู่บ้ำนหนองหัวลิง ก่อตั้งมำประมำณ 70 ปี เป็นช่ือ ปรำกฏพรอ้ มตง้ั หมบู่ ำ้ น ตัง้ ช่อื ตำมแหลง่ น้ำ คือเป็นบริเวณที่มีหนองน้ำซ่ึงมตี ้นไมห้ วั ลงิ อยมู่ ำก ลักษณะภูมิประเทศเป็นทุ่งนำ มีแหล่งน้ำสำคัญเป็นร่องบ่อหลำไหลผ่ำน ประชำกรส่วนใหญ่ ประกอบอำชีพทำนำทำไร่ นับถอื สำสนำพุทธ พูดภำษำอีสำน ประเพณที ส่ี ำคัญของหมู่บำ้ น คอื ประเพณี สงกรำนต์ บา้ นไดอีเผอื ก ประวัติควำมเป็นมำเป็นหมู่บ้ำนท่ีอยมู่ ำแต่เดิม กอ่ ตั้งมำมำกกว่ำ 100 ปี เป็นช่อื ท่ีปรำกฏตำมชื่อ สัตว์และแหล่งน้ำ มีเร่ืองเล่ำเป็นนิทำนหมู่บ้ำนว่ำ สมัยก่อนที่ลำไดภำยในหมู่บ้ำน มีควำมเผือกตัวหน่ึง อำยมุ ำกแล้ว ลงไปกินนำ้ แลว้ เกดิ ตดิ หลม่ ชำวบ้ำนพำกันชว่ ยข้ึนมำได้ไม่นำนควำยเผือกก็ตำย จงึ เรียกช่ือ หมู่บำ้ นตำมลกั ษณะนน้ั ลกั ษณะภูมิประเทศเป็นที่รำบลุม่ เปน็ ทุง่ นำ มแี หลง่ นำ้ ลำเหมืองไหลผำ่ น ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพทำนำทำไร่รับจ้ำง ทำสวน นับถือศำสนำพุทธ ประชำชนส่วน ใหญ่อพยพมำจำกภำคตะวันออกเฉียงเหนือ พูดภำษำลำวอีสำน ประเพณีและเทศกำลท่ีสำคัญ คือ งำน สงกรำนต์ โบรำณวัตถุที่สำคัญ คือวัดนวลศรีสิทธำรำชผลิตภัณฑ์หมู่บ้ำน คือ เครื่องจักสำน และสุรำต้ม กล่นั บ้านโคกสะอาด ประวัติควำมเป็นมำและควำมหมำยของช่ือหมู่บ้ำน ก่อต้ังมำมำกกว่ำ 100 ปี ชื่อเดิมคือ คลอง ล่องกระเทียม เป็นชื่อท่ีปรำกฏตำมชื่อคน มีเร่ืองเล่ำเป็นนิทำนหมู่บ้ำนว่ำ สมัยก่อนมีครอบครัวหลำย ครอบครวั อพยพมำตงั้ ถิ่นฐำนอยตู่ ดิ กับลำคลอง เม่อื ผคู้ นผำ่ นมำ จะแวะมำดื่มน้ำ จึงเรยี กชื่อหมู่บ้ำนตำม ชือ่ ของคนต่อมำจึงเพ้ียนไปเปน็ คลองลอ่ งกระเทียม ลักษณะภูมิประเทศที่รำบลุ่ม มีแหล่งน้ำลำเหมืองไหลผ่ำน คือ คลองส่องกระเทียมไหลผ่ำน ประชำชนส่วนใหญ่ประกอบอำชีพทำนำ ทำไร่ รับจ้ำง ทำสวน นับถือศำสนำพุทธ ประชำชนส่วนใหญ่ อพยพมำจำกภำคตะวันออกเฉียงเหนือ พูดภำษำลำวอีสำน ประเพณีและเทศกำลที่ สำคัญ คือ งำน สงกรำนต์ ผลิตภัณฑห์ มู่บำ้ น คอื เครื่องจกั สำน

ด้านภาษาและวรรณกรรม เน่ืองจำกพิจิตรเป็นเขตพื้นที่ภำคกลำงตอนบนของประเทศ ถือว่ำอยู่ในภำคเหนือตอนล่ำงภำค กลำงตอนบน ภำษำท่ีใช้พูดเป็นภำษำไทยภำคกลำงเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มภี ำษำพูดอื่น ปะปนอยู่บ้ำง เช่น ภำษำไทย อีสำน ภำษำจนี ภำษำไทยพวนท่ีใช้สื่อสำรในทอ้ งที่บำงตำบล นอกจำกนัน้ ยังมีกำรใช้ภำษำซ่ึง เป็นภำษำพูด (สำเนียงภำษำ) ตำมวัฒนธรรมและกลุ่มที่อยู่อำศัยตำมแหล่งที่อพยพ ซ่ึงมีใช้อยู่หลำย สำเนียงภำษำ เช่น ภาษาไทยดง มีเขตบำ้ นทำ้ ยทุ่ง หมทู่ ่ี 1, 2 ตำบลท้ำยทุ่ง ภาษาไทยพวน มีใช้ในเขตบ้ำนวังแดง บ้ำนวังหินเพลิง ตำบลเขำทรำย บ้ำนเขำดิน บ้ำนโคก สะอำด บ้ำนบำงเบน บ้ำนวังกระชัน ตำบลทำยทุง่ และบำงส่วนของบำ้ นสำยดงยำง ตำบลทับคล้อ ภาษาไทยอีสาน ใช้กันมำกในเขตบ้ำนไดอีเผือก บ้ำนคำยน้อย ตำบลท้ำยทุ่ง บ้ำนเนินม่วง ตำบลเขำทรำยและบำงส่วนของบำ้ นหนองคอม ตำบลทำ้ ยทุ่ง ภาษาไทยยวน ใช้พูดในเขตบ้ำนคลองหว้ ยหลัว ตำบลท้ำยท่งุ ภาษาจนี มพี ดู สือ่ สำรเฉพำะในเขต ตำบลทับคล้อ เนือ่ งจำกมีชมุ ชนชำวจีนอำศัยอยู่มำก ในดำ้ นของวรรณกรรม อำเภอทับคล้อไม่มีวรรณกรรมทเ่ี ป็นภำษำเขยี นมีเพยี งคำบอกเลำ่ เรอื่ งรำว ตำนำนหมบู่ ้ำน นทิ ำนพน้ื บำ้ นทีเ่ ลำ่ ต่อๆกันมำเท่ำนนั้

สถานทส่ี าคญั ของอาเภอทบั คลอ้ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วท่สี าคัญ 1. วัดมงคลทับคลอ้ พระอารามหลวง เป็ น พ ระอ ำรำม ห ล วงชั้ น ต รี ช นิ ดส ำมั ญ ตั้ งอ ยู่ ห มู่ ที่ 2 ถ น น ช ม ฐี รเวช ภ ำย ใน มี พระอุโบสถประดษิ ฐำนพระพทุ ธรูป มีนำมวำ่ “ พระพุทธมงคล ” หนำ้ ตักกวำ้ ง 29 น้ิว นอกจำกน้ันภำยในวัด มีสถำนที่ร่มร่ืน ยังมีพิพิธภัณฑ์พระเทพญำณเวที เป็นอำคำร 2 ช้ัน กว้ำง 15 เมตร ยำว 24 เมตรทรง 8 เหลี่ยม หลังคำกระเบื้องหำงปลำ มณฑปยอดหลังคำติดกระจกสีทอง บรรจุพระพุทธรูปเชียงแสนและสุโขทัย ใช้เวลำก่อสร้ำงท้ังสิ้น 5 ปี ชั้นบนเก็บอัฐิและอัฐบริขำรของ พระเทพญำณเวที พิพธิ ภัณฑ์พระเทพญาณเวที วัดมงคลทับคล้อพระอารามหลวง

2. พ ร ะ พุ ท ธ บ าท เข าท ราย เป็ น แ ห ล่ งท่ อ งเท่ี ย วเชิ งศิ ล ป วัฒ น ธรรม โด ย มี รอ ย พระพทุ ธบำทจำลองประดษิ ฐำนอยู่ในมณฑป 3. เขาพระ เป็นแหลง่ ท่องเทย่ี วทำงธรรมชำติ มปี ่ำชุมชนดเี ด่นและเปน็ ป่ำสงวน เขำพระประกอบ ไปดว้ ยภูเขำ ประมำณ 20 ลกู บริเวณกลำงเขำมีสระน้ำขนำดใหญ่ สำมำรถเก็บนำ้ ท่ไี หลลงมำจำกภูเขำ 4. บริเวณเหมืองแร่ทองคาชาตรี ตั้งอยู่ท่ีบรเิ วณบำ้ นเขำหมอ้ ประชำชนที่สนใจต้องกำรไปเย่ียม ชมตอ้ งได้รบั กำรอนุญำตจำกบริษทั กอ่ นเพอื่ ควำมปลอดภยั 5. สนามกอล์ฟเขาทรายคันทร่คี ลบั อยทู่ ต่ี ำบลเขำทรำย มีพืน้ ท่ี 250 ไร่ มี 9 หลมุ เป็นศูนย์กฬี ำ ครบวงจร ในอนำคตจะพฒั นำใหเ้ ปน็ สนำมกอลฟ์ ใหบ้ ริกำรแกส่ มำชิกไดม้ ำกขนึ้ 6.วัดทับคล้อ เดิมมีชื่อว่ำวัดสวนโพธ์ิสัตว์ เป็นพุทธสถำนท่ี สงบ ร่มรื่น ภำยในวัดมีพระพุทธรูป ปำงต่ำงๆ มำกมำย มีต้นไม้ ท่ีหำยำก ป ระชำชน จำก อำเภอทับคล้อและจังหวัด อื่นๆจะมำปฏิบัติธรรม นั่ง วิปัสนำกรรมฐำน ในช่วง เข้ำพรรษำ และวันส่งท้ำยปี เก่ำเป็นจำนวนมำกภำยใน วัด ยั งมีสถำน ที่ พั ก ผ่อ น หย่อนใจมีสระน้ำขนำดใหญ่ ซึ่งมีพันธ์ุปลำมำกมำยหลำย ชนิด ผู้คนมักจะนำปลำ และ เต่ำมำปล่อย ทำให้ปริมำณปลำมีมำกข้ึนผู้คนจะแวะเวียนมำให้อำหำรปลำเสมอๆ นอกจำกนั้นยังมี สมุนไพรให้ไดเ้ รียนรแู้ ละศกึ ษำอีกมำก 7. ห้องสมดุ ประชาชน “ เฉลิมราชกมุ ารี ” สร้ำงข้ึนใน วโรกำสที่สมเด็ จพระเท พ รัตนรำชสุดี มีพระชนมำยุครบ 36 พรรษำ เป็นแหล่งเรียนร้ทู ่ีสำคัญของชำวอำเภอทับ คล้อ ให้บริกำรอ่ำน และค้นคว้ำรวมท้ัง ใหบ้ ริกำรยืม เปิดบรกิ ำร ตัง้ แต่เวลำ 08.30 น. – 16.30 น. วันหยุด ทำกำรไดแ้ ก่ วันหยุดนักขตั ฤกษ์

8. บ้านวังแดง เมืองโบราณ บ้านสระเพ็ง อยู่ที่บ้ำนวังแดงตำบลเขำทรำย มีเศษก้อนอิฐ ท่ีขุดพบอยู่ ภำยในวัดวังแดงใต้ เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญทำงประวัติศำสตร์ และมีปรำชญ์ชำวไทยพวน เป็นผู้รู้ เกีย่ วกบั วัฒนธรรม ประเพณี และภูมปิ ญั ญำชำวบ้ำน 9. ภายในตาบลทับคล้อ มีทัศนียภำพท่สี วยงำม และแวะชิมของดีอำเภอทับคล้อ เช่น กำแฟโบรำณ ขำ้ ม หลำม สม้ ตำ ขนมหวำน และลูกชิน้ อรอ่ ย นอกจำกนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่เก่ียวข้องกับ หัตถกรรม เช่น กลุ่มผลิตล้อเกวียนวัดวังหินเพลิง กลุ่ม ผ้ำทอไหมประดิษฐ์ บ้ำนเขำพระ เป็นกำรรวมกลุ่มคน ในชุมชน พฒั นำศักยภำพเป็นอำชีพเสริมหลังกำรทำนำ ผู้ท่ีชอบซื้อสินค้ำอำจแวะชมสินค้ำและซ้ือเป็นของฝำก ได้อีกด้วย นอกจำกน้ันยังมีชมรมโรงสีชุมชน ผลิตข้ำว ปลอดสำรพิษ ประชำชนในชุมชนรวมกลุ่มในลักษณะ สหกรณ์ มีกำลังผลิตเพิ่มข้ึนทุกปี สวนน้ำวังปลำ อยู่ในตำบลเขำทรำย เป็นสถำนท่ีสำมำรถเข้ำค่ำยพัก แรมลูกเสือ เนตรนำรี ไดจ้ ำนวนมำกมำย ในบริเวณมีควำมรม่ รนื่ มำก แหล่งท่องเที่ยวในอำเภอทับคล้อยังมีอีกหลำยแห่ง หำกได้มีกำรพัฒนำในทุกตำบล คงจะทำให้ อำเภอทับคล้อมีแหล่งท่องเที่ยวมำกขึ้น เพรำะอำเภอทับคล้อมีควำมหลำกหลำยทำงวัฒนธรรม และมี เส้นทำงคมนำคมทสี่ ะดวก สำมำรถเดนิ ทำงมำไดจ้ ำกท้งั ภำคเหนอื ภำคอสี ำน และภำคกลำง

ทับคลอ้ บา้ นเรา คนทับคลอ้ ภมู ใิ จในถ่นิ เกิด ถน่ิ กำเนดิ รวมชำติพนั ธ์ุนั้นหลำกหลำย ท้ังไทยจนี ลำวพวนยวนมำกมำย รวมเป็นสำยเลอื ดไทยใจเดียวกัน วดั มงคลทับคลอ้ รวมใจพทุ ธ งำมพิสทุ ธิ์คณุ ธรรมนำจิตมั่น พระเทพญำณเวทีอภวิ นั ท์ ทพี่ ึ่งอนั ค่ำสงู ส่งผทู้ รงคุณ ตักบำตรทีว่ ัดเขำทรำยไดเ้ ก้ือหนนุ ประเพณีดีงำมตำมวิถี กุศลหนุนบุญบำเพญ็ เยน็ ชีวี วนั เทโวโรหนะร่วมทำบญุ ดินแดนแหง่ บุญเสรมิ เพม่ิ สุขศรี วัดทบั คลอ้ แหลง่ ธรรมะรชู้ ัดแจ้ง หอ้ งสมดุ คำ่ มำกมีเสรมิ ปญั ญำ พทุ ธสถำนร่มรื่นชน่ื ฤดี ซำกสถำนแตก่ อ่ นเกำ่ ชวนศึกษำ เปน็ แหลง่ อำรยะนำควำมร่งุ เรอื ง บ้ำนวังแดงแหล่งชุมชนเมืองโบรำณ สโุ ขทัยเมอื งสำคญั เคยลือเลอ่ื ง ยุคสมยั ทวำรวดเี คยมมี ำ น่คี ือเมืองโบรำณกำลก่อนมำ อกี เมอื งหนงึ่ อยู่วังโอ่งตำ่ งสมัย ทรพั ย์มำมอี ย่ใู นดินสินล้ำคำ่ แสงเซรำนครพังคำ่ นำมประเทอื ง เขำพนมพำแหลง่ มีทองของบำ้ นเรำ ทำลกู ชิ้นขนมหวำนไม่เคยเหงำ เหมืองทองคำแหล่งใหญ่นำมชำตรี อกี กระเป๋ำทอผำ้ เด่นไม่เปน็ ลอง ทองคำแท้แรเ่ งินมำกรำคำ ประชำชนตื่นตัวทว่ั ทัง้ ผอง คนทับคล้อคนขยนั หม่ันทำกิน พวกเรำตอ้ งรักกันคำขวญั มี ปลกู พชื ไรพ่ ชื สวนและข้ำวเจ้ำ ถิน่ กำเนิดพร้อมพทิ ักษ์สรำ้ งศกั ดศ์ิ รี สร้ำงทับคลอ้ บำ้ นเรำนีใ้ หร้ ุ่งเรือง เศรษฐกจิ พอเพียงได้เล้ียงตน สินในน้ำทรัพย์ท่วั ถน่ิ แผ่นดินทอง คนทบั คลอ้ อย่ทู ีไ่ หนรวมใจรกั รวมใจมั่นกลมเกลียวกันสำมคั คี ณฐวรรณ คันธยิ งค์ ผ้ปู ระพนั ธ์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook