คมู ือสาํ หรบั พอ แม เพื่อเผยแพรความรดู านการดูแลและพัฒนาเด็ก ตอน วัยรุน ไมยากอยางทีค่ ดิ 1
ค่มู อื ส�ำหรับพอ่ แม่ เพอ่ื เผยแพรค่ วามรู้ด้านการดูแลและพฒั นาเด็ก ตอน วยั ร่นุ ไม่ยากอยา่ งทคี่ ดิ ทีมบรรณาธิการ มานะบรบิ รู ณ์ พญ.นภาไพลนิ เศรษฐพานชิ เกตุมาน พญ.สุธาทพิ ย์ เอมเปรมศิลป์ รศ.พญ.บุญยิ่ง อินอิว ศ.คลนิ ิก พญ.วินัดดา ปยิ ะศิลป์ ผศ.นพ.พนม ธัญพพิ ฒั น์ ผศ.พญ.สุภญิ ญา นพ.เฉลิมพงษ์ คณะอนุกรรมการ Child Health Supervision ทะรักษา รศ.พญ.ประสบศร ี อ้ึงถาวร พญ.จริยา ชน่ื สวุ รรณ ผศ.พญ.อิสราภา ณศี ะนันท์ พญ.วันดี นิงสานนท์ พญ.นัยนา เฟอ่ื งฟู ศ.คลนิ ิก พญ.วนิ ัดดา ปยิ ะศลิ ป์ มานะบรบิ รู ณ์ รศ.พญ.จนั ทฑ์ ติ า พฤกษานานนท์ ผศ.พญ.อดศิ ร์สุดา เอมเปรมศิลป์ รศ.นพ.อดิศกั ดิ์ ผลติ ผลการพิมพ์ รศ.พญ.บุญยงิ่ ปรู านธิ ิ รศ.นพ.พงษศ์ กั ด ์ิ น้อยพยคั ฆ์ พญ.สธุ าทิพย ์ พญ.ปองทอง ผศ. (พเิ ศษ) นพ.เทอดพงศ ์ เตม็ ภาคย์ ISBN จดั พิมพโ์ ดย ราชวทิ ยาลยั กมุ ารแพทยแ์ หง่ ประเทศไทย สมาคมกมุ ารแพทยแ์ หง่ ประเทศไทย ช้ัน 9 อาคารเฉลิมพระบารมี ๕๐ ปี เลขท่ี 2 ซอยศนู ยว์ จิ ัย ถนนเพชรบุรตี ัดใหม่ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ10310 โทร. 0-2716-6200-1 โทรสาร 0-2716-6202 E-mail: [email protected] http: //www.thaipediatrics.org ลิขสิทธ์ขิ องราชวทิ ยาลัยกมุ ารแพทย์แหง่ ประเทศไทย และ สมาคมกุมารแพทยแ์ ห่งประเทศไทย การผลติ และลอกเลียนแบบของหนงั สือเลม่ น้ี ไมว่ า่ รปู แบบใดท้ังส้นิ ต้องไดร้ ับอนญุ าตเปน็ ลายลักษณอ์ กั ษรจากราชวทิ ยาลัยกุมารแพทยแ์ ห่งประเทศไทย และ สมาคมกมุ ารแพทยแ์ หง่ ประเทศไทย ข้อมลู ทางบรรณานกุ รมของส�ำนกั หอสมดุ แหง่ ชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data 2
สารจากประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ แห่งประเทศไทย ดว้ ยเทคโนโลยกี ารสอ่ื สารทล่ี ำ�้ สมยั ในปจั จบุ นั ทำ� ใหพ้ อ่ แมม่ อื ใหมส่ ามารถรบั รขู้ อ้ มลู ขา่ วสารตา่ ง ๆ จากส่ือต่าง ๆ ทางมอื ถือไดอ้ ย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน ขอ้ มลู เหลา่ นี้อาจจะไมไ่ ด้รบั การกล่ันกรอง ซึ่งเมื่อน�ำไปใช้ในการเลยี้ งลูกอาจจะไมเ่ หมาะสมกับลูกของตนเอง หนงั สอื เลม่ นไี้ ดร้ วบรวมความรแู้ ละหลกั เกณฑใ์ นการเลยี้ งลกู ในวยั ตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหพ้ อ่ แมไ่ ดร้ บั มอื กับอารมณ์และพัฒนาการของลูกในแต่ละวัย ทั้งน้ีเพ่ือความเหมาะสมแก่ลูกในวัยนั้น อีกท้ังการวาง แนวทางแกไ้ ขปญั หาตา่ ง ๆ ท่ีอาจจะเกดิ ขึ้น หนงั สอื เลม่ นจี้ งึ ใหห้ ลกั เกณฑต์ า่ ง ๆ ในการเลย้ี งลกู ทค่ี รบถว้ นแตก่ ารเลยี้ งลกู ยงั ตอ้ งอาศยั ความ รัก ความใกลช้ ิด ความเอาใจใส่ และความต่อเนอื่ งต้ังแตเ่ ล็กจนโต เพือ่ ทจ่ี ะได้ผู้ใหญค่ นหนึ่งทีส่ มบูรณ์ ทกุ ๆ ดา้ นในยคุ 4G น้ี (ศาสตราจารยน์ ายแพทยพ์ ภิ พ จิรภญิ โญ) ประธานราชวทิ ยาลยั กมุ ารแพทย์แหง่ ประเทศไทย นายกสมาคมกมุ ารแพทยแ์ หง่ ประเทศไทย 3
บทนำ� ใครๆก็มักพูดวา่ เด็ก คอื อนาคตของชาติ แต่คนท่มี คี วามรทู้ ี่แทจ้ รงิ ในการพฒั นาเดก็ จนท�ำให้ เดก็ เตบิ โตไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ พฒั นาความรคู้ วามสามารถ จนทำ� ประประโยชนต์ อ่ ตนเองและผอู้ น่ื ไดก้ ลบั มไี มม่ าก สงั คมในปจั จบุ นั พบปญั หาเดก็ ไทยมปี รมิ าณสงู ขนึ้ ชดั เจน ทงั้ ๆทป่ี รมิ าณเดก็ ไทยมปี รมิ าณลดลง และสาเหตุหลักมาจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม หน้าท่ีหลักของกุมารแพทย์นอกจากให้การรักษาดูแล ขณะเจ็บป่วยแล้ว กุมารแพทย์พึงต้องให้ค�ำแนะน�ำครอบครัวในแต่ละช่วงวัยเพื่อเป็นหลักในการเลี้ยงดู พัฒนาเดก็ เราให้เติบโตอยา่ งถกู ทิศทาง เปน็ กำ� ลังส�ำคญั ของครอบครัว เป็นคนดีของสงั คมและประเทศ ชาตติ อ่ ไป แตข่ ณะเดยี วกนั พอ่ แมซ่ งึ่ เปน็ ผทู้ ม่ี คี วามสำ� คญั อยา่ งสงู ตอ่ การสง่ เสรมิ เลยี้ งดู พฒั นาเดก็ รอบดา้ น และใหโ้ อกาสมีประสบการณช์ ีวติ ในด้านตา่ งๆตลอดช่วง 15 ปแี รกของชวี ติ จำ� เปน็ ต้องค้นคว้าหาความ รู้เพื่อนำ� ไปใช้ในการเล้ยี งดแู ละพฒั นาเด็กต่อไป ในการทำ� งานนี้ ตอ้ งขอขอบคณุ ทมี บรรณาธกิ ารทกุ ชว่ งวยั ทกุ ทา่ นทเี่ สยี สละเวลาอนั มคี า่ รวบรวม ความรู้ท่ีทันสมัย ข้อมูลส�ำคัญ เรียบเรียงจนผู้ที่ต้ังใจอ่านจะเข้าใจได้ง่าย ท้ังนี้เพ่ือประโยชน์ที่มีต่อเด็ก ต่อพ่อแม่ ต่อผู้ท่ีท�ำงานเก่ียวข้องกับเด็กทุกภาคส่วน ท่ีส�ำคัญ คือ ประโยชน์ที่จะมีต่อสังคม และต่อ ประเทศชาตขิ องเรา (ศ.คลินกิ พญ.วินดั ดา ปยิ ะศิลป)์ ประธานวชิ าการ ราชวทิ ยาลัยกุมารแพทยแ์ หง่ ประเทศไทย 4
สารบญั สารจากประธานราชวทิ ยาลัยกุมารแพทยแ์ หง่ ประเทศไทย หนา้ บทน�ำ 3 4 บทท่ี 1 เป้าหมายของการพฒั นาลูกวัยรุ่น เตรยี มลกู ให้พร้อมเข้าส่วู ัยรุ่น 7 บทที่ 2 ร่างกาย และจิตใจที่เปลี่ยนแปลง เมือ่ กา้ วเขา้ สวู่ ยั ร่นุ 9 บทท่ี 3 เตรยี มรบั มอื ลูกวัยรุน่ 10 สงิ่ สำ� คัญเร่มิ ต้นท่ีผู้ปกครอง 23 เรอื่ งส�ำคญั ที่พ่อแม่ควรฝึกลกู พ่อแมจ่ ะส่งเสรมิ พฒั นาการลูกได้อยา่ งไร 23 สื่อสารใหไ้ ดใ้ จลูก 26 ฝึกลูกให้รูจ้ กั วางแผน 30 สอนลูกให้แบง่ เวลาเปน็ 33 เป็นตวั อย่างในการจัดการกับอารมณ์ 37 ทำ� ให้วัยรนุ่ ร้สู ึกมีคุณค่า 39 มีวธิ หี าความสุขหลายแบบ และสนกุ กบั ชีวิต 39 รจู้ กั เพื่อนลกู ...รู้จักลูก 40 41 บทที่ 4 ชวนวัยรนุ่ ตรวจสุขภาพ 41 กำ� หนดการดแู ลสขุ ภาพเดก็ ไทยโดย 43 ราชวทิ ยาลัยกุมารแพทยแ์ หง่ ประเทศไทย พ.ศ.2557 44 5
บทที่ 5 สวย หล่อ และดดู ี ได้ไมย่ าก 49 อาหารส�ำหรบั วยั ร่นุ 54 อาหารส�ำหรับวัยรนุ่ เฉพาะกลุ่ม 56 สวิ 58 กลนิ่ ตวั 58 การออกกำ� ลงั กาย 58 การสรา้ งความเขม้ แขง็ ทางจติ ใจ 59 บทที่ 6 วยั รุน่ และเร่อื งวุ่นๆเกี่ยวกับเพศ 62 พฒั นาการทางเพศ 62 สอนลกู เร่ืองเพศศึกษา 64 71 บทที่ 7 ผู้ใหญ่แบบไหน...ท่ีวยั ร่นุ อยากเปน็ 75 บทท่ี 8 เมือ่ บาดแผลไมไ่ ดส้ รา้ งแค่…ความเจ็บปวด 75 ไมม่ ีเพื่อน 76 คบเพ่อื นไม่ด ี 77 สงครามพน่ี อ้ ง 77 เมือ่ โลกนี้ ไมไ่ ด้มแี ค่ชาย หญิง 78 มีปัญหาการเรียน 79 บหุ ร่ี เหลา้ ยา และเหล่าผองเพ่อื น 79 เพราะความรักไมเ่ ท่ากับ...เซ็กซ์ 80 วันทล่ี ูกเปราะบาง 81 สวยหล่อใสแบบใส่ทอ็ ปป้งิ (เจาะ สัก บ๊กิ อาย) 82 เอกสารอ้างอิง 6
เปา้ หมายของการพัฒนาวยั รุ่น บทที่ 1 เป้าหมายของการพัฒนาวัยรุ่น ในศตวรรษที่ 21 นี้ สงั คมมคี วามซบั ซอ้ นและเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ วยั รนุ่ ยุคใหมน่ อกจากจะ ตอ้ งเผชญิ กบั การเปลยี่ นแปลงทง้ั รา่ งกายจติ ใจและสงั คมอยา่ งมาก เพอื่ เปน็ คนทบ่ี คุ ลกิ ภาพดี มเี อกลกั ษณ์ ของตน มคี วามสขุ ในชวี ติ ไดอ้ ย่างพอเพยี ง มเี มตตาเออื้ เฟ้ือผู้อืน่ มคี ุณธรรม มีจติ สำ� นกึ ดีต่อสงั คมและสิ่ง แวดล้อม มีทักษะส่วนตัวและทักษะสังคมยืดหยุ่นท่ีสามารถปรับตัวต่อการเปล่ียนแปลงและความแตก ต่างทางศาสนา ความเช่ือและวฒั นธรรม รวมทงั้ มีความคิดริเริม่ สร้างสรรค์ ทจ่ี ะทำ� ให้พฒั นาประเทศไป สกู่ ารแขง่ ขันกันทางเศรษฐกิจได้ การเตรยี มตัวเดก็ ข้าสู่วยั รุน่ จงึ ต้องมกี ารวางแผน ก�ำหนดเปา้ หมายและแนวทางใหส้ อดคล้องกบั การเปลีย่ นแปลงดังกล่าว เปา้ หมายของการพัฒนาวยั รุ่น คอื 1. มรี า่ งกายแขง็ แรงสมบรู ณ์ปราศจากโรคหรอื ภาวะเสย่ี งตอ่ ปญั หาสขุ ภาพกายตา่ งๆ ออกกำ� ลงั กาย สมำ่� เสมอจนเปน็ นสิ ัย และมีภมู ติ ้านทานโรค 2. มีสุขภาพจิตดี พอใจตนเอง จติ ใจทเี่ ปน็ สุข ปราศจากโรคทางจิตใจ 3. มบี คุ ลกิ ภาพดี มที กั ษะสว่ นตวั และทกั ษะทางสงั คมทดี่ ี วางตวั ไดเ้ หมาะสม มสี มั พนั ธภาพและ รักษาสัมพันธภาพกับผอู้ ่นื ไวไ้ ด้อย่างราบรืน่ 4. มีเอกลักษณท์ างเพศชัดเจน และแสดงออกอย่างเหมาะสม 5. มเี ป้าหมายในการเรียนและอาชพี ตามความชอบ และความถนัดของตนเอง 6. บรหิ ารจัดการตนเองไดด้ ี ทั้งเรือ่ งการแบ่งเวลา และการเงนิ โดยไมต่ ้องพ่งึ พาผ้อู ืน่ 7. ดำ� เนนิ ชวี ติ ไดส้ อดคลอ้ งกบั ความชอบ ความถนดั และเปา้ หมายของตนเอง มคี วามสมดลุ ในการ เรียน การทำ� งาน การพกั ผ่อน มีงานอดิเรก และเล่นกีฬา หาความสขุ ไดพ้ อเพียงโดยไมเ่ บียดเบียนผอู้ ื่น 8. มีความรับผิดชอบสังคม ประเทศชาติ และสิ่งแวดล้อม มีจิตส�ำนึกที่ดีต่อตนเองและผู้อ่ืน มีมโนธรรม สามารถหกั ห้ามใจตนเองให้ไมล่ ะเมิดกฎเกณฑ์ และกฎหมาย รวมท้ังท�ำตัวให้เปน็ ประโยชน์ ทงั้ ต่อตนเองและสงั คม 7
เปา้ หมายของการพฒั นาวัยร่นุ สุขภาพจิตมีความส�ำคัญอยา่ งไร วัยรุ่นที่ได้รับการส่งเสริมอย่างถูกต้องและเหมาะสม จะเป็นผู้ท่ีมีสุขภาพจิตดี สร้างและรักษา พนั ธภาพกบั ผอู้ นื่ ไดร้ าบรนื่ ปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั สงิ่ แวดลอ้ มไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ เรยี นรไู้ ดเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพทม่ี ี ดำ� เนนิ ชวี ติ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ รวมทง้ั สามารถแบง่ ปนั ความสขุ และชว่ ยผอู้ นื่ ใหม้ คี วามสขุ ได้ ไมเ่ กดิ อาการ ทางจติ เวช หรือโรคทางจติ เวชได้งา่ ย ถึงแมช้ ีวิตจะเผชิญปญั หามาก ก็สามารถแก้ไขผ่านพน้ ไปไดด้ ว้ ยดี ในทางตรงกันข้าม วยั รุ่นมสี ขุ ภาพจติ ไม่ดี จะมปี ัญหาในการปรับตัว เครียดงา่ ย ปรับตวั ยาก จิต ตกงา่ ย มปี ญั หาดา้ นพฤตกิ รรมบอ่ ย และเสย่ี งตอ่ การเปน็ โรคทางจติ เวชได้ ถา้ ไมไ่ ดร้ บั การชว่ ยเหลอื ทถ่ี กู ตอ้ ง เหมาะสม อาจทำ� ใหว้ ัยรุน่ มีปญั หาสขุ ภาพจิตเร้อื รงั และมกั จะฟื้นตวั ยาก 8
เปา้ หมายของการพฒั นาวัยรนุ่ เตรยี มลูกให้พร้อมเขา้ สู่วยั รุน่ ส่งเสริมวัยรุน่ ให้มสี ุขภาพกายและใจทแ่ี ข็งแรง ถ้าวัยรุ่นมีสุขภาพกาย และใจแข็งแรง จะท�ำให้ลูกเป็นวัยรุ่นท่ีมีคุณภาพ มีความพร้อมทั้งด้าน ร่างกายและจิตใจท่ีจะเรียนรู้ และสร้างประโยชน์เพื่อผู้อื่น และสังคม ดังน้ันการส่งเสริมวัยรุ่น จึงเป็น งานทีต่ อ้ งอาศัยความรว่ มมือของทุกฝ่าย โดยมแี นวทางหลกั ๆ ดังนี้ 1. เปิดโอกาสให้วัยรุ่นได้เข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร ทรัพยากร เพ่ือกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น ให้วยั รนุ่ ได้ทดลอง ไดเ้ รียนรู้ ไดฝ้ กึ ฝนในสิ่งทตี่ นเองสนใจและมคี วามถนดั 2. ชมุ ชนและหนว่ ยงานเอกชนควรมสี ว่ นรว่ มในการสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ มเี วทที วี่ ยั รนุ่ ไดแ้ สดงออก และคดิ ริเรม่ิ สร้างสรรค์ 3. ส่งเสริมครูอาจารย์และพี่เลี้ยงเยาวชนท่ีมีความสามารถพิเศษ และเป็นตัวอย่างที่ดีแก่วัยรุ่น เช่น นกั กีฬาทมี ชาติ ควรใหเ้ ปน็ ผู้สอนเยาวชนในกฬี าทว่ี ัยรนุ่ สนใจ 4. รัฐบาลสนับสนุนดา้ นนโยบาย และสง่ เสริมสนามกฬี า ศูนยเ์ ยาวชน สวนสาธารณะ สวนสัตว์ ให้เปน็ ทเี่ รยี นรู้แก่วัยรุน่ โดยมีผ้ใู หญท่ ค่ี อยดแู ลให้ทุกคนได้เรียนรู้อย่างคุ้มคา่ 9
ร่างกาย และจิตใจท่ีเปล่ียนไป เม่อื กา้ วเขา้ ส่วู ัยรุ่น บทท่ี 2 ร่างกาย และจิตใจทเ่ี ปล่ียนไป เมื่อกา้ วเขา้ สู่วยั รุ่น วยั รุ่นแบง่ เปน็ 3 ช่วง ไดแ้ ก่ ช่วงวัยแรกรุ่น (อายุ10-14 ปี) เป็นช่วงที่ร่างกายเปลี่ยนแปลงทุกระบบโดยเฉพาะรูปร่าง ท้งั ภายนอกและภายใน เช่น มหี น้าอก มขี น เสียงแตก มีสิว ดงั นัน้ ส่วนใหญท่ �ำใหว้ ยั รนุ่ มกั จะคดิ กังวลตอ่ การเปลีย่ นแปลงเหลา่ น้ี จนอาจมอี ารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ชว่ งวยั รนุ่ ตอนกลาง (อายุ 14- 16 ป)ี เปน็ ชว่ งทวี่ ยั รนุ่ สว่ นใหญย่ อมรบั สภาพรา่ งกายทเ่ี ปลยี่ นแปลง เป็นหนุ่มเป็นสาวได้แล้ว มักหมักมุ่นค้นหาเอกลักษณ์ของตัวเอง พัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง และพยายามจะเอาชนะความรสู้ กึ แบบเด็กๆทผ่ี ูกพนั และพึ่งพาพอ่ แม่ ชว่ งวยั รนุ่ ตอนปลาย (อายุ 16-18 ป)ี เปน็ ชว่ งทร่ี า่ งกายเปลยี่ นแปลงเตบิ โต สมบรู ณเ์ ตม็ ท่ี สามารถ ตดั สนิ ใจในเรอื่ งของอนาคตของตนเองได้ มองเหน็ ความสามารถทจ่ี ะพฒั นาตอ่ เพอ่ื สรา้ งอาชพี ทเ่ี หมาะสม และเป็นช่วงท่บี รรลนุ ติ ภิ าวะในเชิงกฏหมาย รา่ งกาย ในช่วงวัยแรกรุ่นน้ัน ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและ เห็นลักษณะเฉพาะของเพศตนเองชัดเจนขึ้น โดยแต่ละคนมีการเจริญเติบโตท่ีต่างกัน บางคนเติบโต สมำ่� เสมอ บางคนโตเรว็ ในชว่ งแรก หรอื หลายคนทดี่ เู ปน็ เดก็ นานกวา่ คนอนื่ แลว้ มาโตอยา่ งรวดเรว็ ภายหลงั วยั รนุ่ แต่ละคนเติบโตเข้าสู่วยั รุ่นแตกตา่ งกัน เนื่องมาจาก 1. ความแตกต่างทางเพศ ซึง่ ผูห้ ญงิ จะเขา้ สู่วยั รุ่นเร็วกว่าผู้ชายประมาณ 2 ปี 2. เชื้อชาติ กรรมพนั ธุ์ วัยร่นุ ท่ีมีพ่อแม่เปน็ หนุม่ สาวช้ามกั จะเขา้ สู่วัยรุ่นชา้ กว่าเพ่อื นๆ 3. สภาพสงั คม เศรษฐกจิ วฒั นธรรม โดยเด็กในเมอื งจะเขา้ วัยรนุ่ เรว็ กวา่ เดก็ ในชนบท 4. อาหาร การออกก�ำลังกาย โดยอาหารท่ีเหมาะสมและการออกกำ� ลังกายสม่�ำเสมอจะท�ำให้ รา่ งกายเจรญิ เติบโตไดเ้ ต็มท่ี 10
รา่ งกาย และจติ ใจท่ีเปลีย่ นไป เมอื่ กา้ วเข้าสวู่ ัยรุน่ ช่วงทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงทัง้ ส่วนสงู น�้ำหนกั รปู หน้า สดั สว่ นของร่างกาย รวมทง้ั การทำ� งานของ ระบบอวัยวะภายในเกือบทุกส่วน ช่วงนี้ลูกจะกินเก่งข้ึน นอนง่ายขึ้น การเติบโตมักไม่ค่อยได้สัดส่วน ในระยะแรกสง่ ผลทำ� ใหว้ ยั รนุ่ อาจไมพ่ อใจตอ่ การเปลย่ี นแปลงนี้ สง่ ผลกระทบตอ่ จติ ใจได้ ลกู สาวจะสงู ขน้ึ เร็วกว่าลูกชายในระยะแรก และไปหยดุ สูงหลงั จากมปี ระจ�ำเดอื นสมำ่� เสมอแลว้ โดยทั่วไปประมาณ 2 ปี ขณะทลี่ กู ชายเร่มิ สงู ช้ากว่า แต่สงู ได้นานกวา่ จนอายปุ ระมาณ 18 ปี ในลูกสาวจะมีการสะสมไขมันมากที่บริเวณสะโพกและเต้านม ลูกชายจะมองเห็นกล้ามเนื้อ แข็งแรงขึ้น รูปหน้าเปลี่ยนแปลง ดั้งจมูกเป็นสัน กระดูกกล่องเสียงโตข้ึนชัด ท�ำให้ลูกชายมีเสียงแตก หา้ ว ทุ้มข้ึน และต่อมไขมนั ทำ� งานเพมิ่ ข้ึนเป็นท่ีมาของสิวและกลนิ่ ตวั ฮอร์โมนเพศจะถูกผลิตสูงข้ึนจนท�ำให้อวัยวะเพศทั้งในและนอกร่างกายพัฒนาเพ่ิมข้ึนชัดเจน ลกู สาวจะเรมิ่ มปี ระจำ� เดอื นและหนา้ อก ขณะทลี่ กู ชายจะมลี กู อณั ฑะเตบิ โต และทำ� งานเตม็ ท่ี จงึ พบภาวะ ฝนั เปียกได้ ในชว่ งวยั แรกรุน่ น้ี วยั รุน่ มกั จะสงั เกตความเปลยี่ นแปลงและสำ� รวจตนเอง จนสามารถน�ำไป ส่กู ารสำ� เรจ็ ความใคร่ด้วยตนเองได้ ซึง่ ถือวา่ เปน็ เรอ่ื งธรรมชาตทิ ีป่ กติ และเปน็ สว่ นหนึง่ ของการเรยี นรู้ ในชว่ งวัยน้ี 11
ร่างกาย และจติ ใจที่เปล่ียนไป เม่ือก้าวเขา้ สูว่ ัยรุน่ อารมณ์ อารมณ์ค่อยๆพัฒนาหล่อหลอมมาต้ังแต่เด็กๆ บางส่วนมาจากพันธุกรรมโดยมีพ้ืนฐานมาตั้งแต่ แรกเกดิ และบางส่วนเกิดจากสมั พันธภาพระหว่างเด็กกบั ผูเ้ ลี้ยงดู อารมณด์ เี กดิ จากความรสู้ กึ วา่ เปน็ ทร่ี กั และถกู รกั จากบคุ คลรอบขา้ ง และมาจากความรสู้ กึ วา่ เปน็ อิสระ สามารถพูด คิด ทำ� ในส่งิ ท่ีสังคมยอมรับ และร้ตู วั ว่าเป็นคนท่มี คี า่ คนหนงึ่ ของครอบครัว จะรา่ เรงิ แจม่ ใส รกั ตัวเองและรกั ผู้อืน่ ได้ ใจเย็น ย่งิ ถ้าไดร้ ับการฝกึ ฝนจนมคี วามสามารถในด้านตา่ งๆสมวัยด้วย แล้วจะยิง่ ทำ� ให้วัยรนุ่ มีจิตใจทม่ี ่นั คง มั่นใจตนเอง มองเห็นคณุ คา่ ในตัวเอง อารมณด์ ีจึงมไิ ด้เกดิ จากการ ท่ีพ่อแมต่ ามใจเด็ก อยา่ งไรกต็ าม การทว่ี ยั รนุ่ ตอนตน้ ตอ้ งเผชญิ หนา้ กบั การเปลย่ี นแปลงของรา่ งกายทงั้ ภายนอกและ ภายใน จะทำ� ใหจ้ ติ ใจหวนั่ ไหวสน่ั คลอนงา่ ยระยะหนง่ึ จนเขา้ สชู่ ว่ งวยั รนุ่ ตอนกลางทท่ี ำ� ใจไดก้ บั ความเปน็ หนมุ่ สาว แตจ่ ะเหน็ อารมณท์ เี่ ขม้ ขน้ ขน้ึ ทง้ั อารมณร์ กั ชอบ โกรธ เกลยี ด อจิ ฉา โออ้ วด ถอื ดี เจา้ ทฐิ ิ ออ่ นไหว วุ่นวายสับสน เห็นอกเห็นใจ เห็นแก่ตัว สบั สน เปน็ ต้น ไมว่ า่ จะมอี ารมณ์ประเภทใด ก็มกั มีความรุนแรง เปลย่ี นแปลงงา่ ย ควบคมุ อารมณย์ งั ไมด่ นี กั บางครง้ั พลงุ่ พลา่ น บางครง้ั เกบ็ กด หลายครงั้ ทด่ี อื้ รนั้ เอาแต่ ใจตวั เอง แต่กพ็ บว่ามชี ว่ งทด่ี ีนา่ รกั เช่นกัน จากพ้นื อารมณท์ ีก่ ล่าวมา ช่วงวัยนจี้ ะเขา้ กับพอ่ แม่ไดย้ าก มักเกาะกลมุ่ กันเพือ่ นรุ่นเดยี วกนั ได้ดี กว่าวยั อน่ื เพราะต่างคนต่างก็เข้าใจกนั ยอมรับกนั และกนั ได้งา่ ยกว่า จะเหน็ การแสดงออกทางอารมณ์ แบบสุดขีด เช่น โกรธรนุ แรง ดีใจก็ไรข้ ีดจำ� กดั เปน็ ไปแบบสดุ ขดี เศร้าเสียใจก็แสดงออกอยา่ งมากมาย เกินกว่าเหตุ ก้าวร้าว วู่วามได้ง่าย อาจพบความกังวลในการเปล่ียนแปลงของร่างกาย กังวลเร่ืองเพศ การจัดการกับอารมณ์เพศท่ีเกิดขึ้น และบางรายกลัวการเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบ พยายามจะยึดติด กับความเป็นเดก็ ใหน้ านทส่ี ดุ จนกระทงั่ ยา่ งเขา้ สวู่ ยั รนุ่ ตอนปลาย เรม่ิ ทอี่ ายปุ ระมาณ 16 ปขี น้ึ ไปทว่ี ยั รนุ่ จะเรม่ิ มกี ารแสดงออก ทางอารมณ์ดีข้ึน ม่นั คงขนึ้ และเช่ือมน่ั ในตนเองไดต้ อ่ ไป ส่วนหน่ึงมาจากการคน้ พบเอกลกั ษณ์ทแ่ี ท้จรงิ ของตวั เองไดก้ ่อน ยอมรับท้ังขอ้ ดแี ละข้อไมด่ ขี องตนเอง ยอมรับสภาพความเป็นผ้ใู หญเ่ ตม็ ขน้ั ส่วนใหญ่ จะวกกลับมาสร้างสัมพันธภาพกับพ่อแม่ในรูปแบบใหม่ท่ีมีความเป็นตัวของตัวเองเพ่ิมข้ึน และยอมรับ นบั ถือผอู้ าวโุ สในแง่ท่มี ีประสบการณม์ ากอ่ น 12
รา่ งกาย และจติ ใจท่ีเปลยี่ นไป เม่อื กา้ วเขา้ สู่วัยรนุ่ ในดา้ นตรงกนั ขา้ ม กลมุ่ วยั รนุ่ ทมี่ พี น้ื อารมณไ์ มด่ หี รอื ไมเ่ ขม้ แขง็ มกั จะมปี ระสบการณช์ วี ติ ไมร่ าบรนื่ ครอบครัวแตกแยก คนในครอบครัวไม่ไว้ใจกัน เคยถูกละท้ิง หรือถูกโกหกหลอกลวงมาก่อน เคยถูก ลงโทษรุนแรง กลุ่มน้ีมักจะหงุดหงิดง่าย ไม่มั่นใจในความรักและผูกพันท่ีพ่อแม่มีต่อตนเอง เข้ากับพ่อ แม่หรอื เพ่ือนไมไ่ ด้ เม่ือเร่มิ เขา้ วยั รนุ่ ปญั หาเดมิ ที่มอี ยู่จะทวคี วามรนุ แรงเพ่มิ ขนึ้ และถา้ วยั รนุ่ ไมส่ ามารถ เลยี นแบบพฤตกิ รรมทด่ี กี บั คนท่เี ขาชื่นชมได้ จะยง่ิ ท�ำใหเ้ กดิ ความสับสน เกดิ ปมด้อย ขาดความภูมใิ จใน ตนเอง เปรยี บเทยี บตนเองกับคนอนื่ และถ้ามปี ญั หาการเรียนร่วมด้วย หรือมปี ญั หากับพ่อแม่ เพื่อน จะ ยง่ิ สง่ ผลกระทบตอ่ พฒั นาการทางอารมณโ์ ดยตรงได้ ทำ� ใหว้ ยั รนุ่ เปน็ คนทอ่ี อ่ นไหวงา่ ย ขห้ี งดุ หงดิ กา้ วรา้ ว ไม่แน่ใจ ใจน้อย และส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกทางเดินในอนาคตได้ การที่อารมณ์ไม่ถูกพัฒนาอย่าง เหมาะสม ในขณะที่ร่างกายพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ท�ำให้วัยรุ่นโตแต่ตัวแต่จิตใจยังเป็นเด็กอยู่และอาจ เกิดปัญหาตามมาได้ ดงั นั้น การมีพื้นฐานอารมณท์ ด่ี ีจะสง่ ผลทำ� ให้วัยรุ่นใชส้ มองในการคิดไตรต่ รอง แกป้ ัญหาเฉพาะ หน้าไดอ้ ยา่ งเตม็ ทเ่ี หมาะสม ทำ� ให้ปรับตวั แกป้ ัญหาต่างๆดว้ ยตัวเองได้ สติปัญญา และการเรยี นรู้ ถึงแม้ว่าธรรมชาติจะมอบความเปล่ียนแปลงหลายๆอย่างมากมายในช่วงวัยรุ่นน้ี ท�ำให้ชีวิตวัยรุ่น สบั สนวนุ่ วายแตธ่ รรมชาตกิ ม็ อบสตปิ ญั ญาทเี่ พมิ่ ขนึ้ มาดว้ ยเพอื่ นำ� มาใชใ้ นการดำ� เนนิ ชวี ติ ใหเ้ หมาะสมดงี าม ฉลาดขน้ึ จนเขา้ ใจในสง่ิ ทเ่ี ปน็ ทง้ั รปู ธรรม (เหตกุ ารณ์ สง่ิ ของ ความสำ� เรจ็ ทเี่ หน็ ชดั เปน็ ตน้ ) และนามธรรม ได้ (ปรัชญา ศาสนา วฒั นธรรม ความตาย การเสยี สละ เป้นต้น) เรยี นรู้ เขา้ ใจสิ่งตา่ ง ๆ ได้ลกึ ซง้ึ ขน้ึ คิด วเิ คราะห์ และสังเคราะห์ ตั้งสมมติฐาน คาดการณ์ ค้นหาข้อมูล และนำ� เหตผุ ลมาอ้างองิ มองตามความ เปน็ จริงมากขึน้ คดิ ได้ดี คดิ เปน็ คดิ รอบด้าน จนทำ� ใหส้ ามารถตัดสนิ ใจได้ เมื่อผ่านชว่ งวัยรุ่นไปแลว้ จะ มีความสามารถทางสติปัญญาเหมือนผู้ใหญ่ แต่ความที่วัยรุ่นยังขาดประสบการณ์ ไม่รอบคอบมากพอ หนุ หนั พลนั แล่น ขาดความย้ังคิด หรอื ไตร่ตรองไมร่ อบคอบ จึงเปน็ ชว่ งท่พี อ่ แม่ชว่ ยพฒั นาความคดิ เชงิ 13
ร่างกาย และจติ ใจท่เี ปล่ยี นไป เมือ่ ก้าวเข้าสวู่ ยั รุ่น วิเคราะห์ให้วัยรุ่นได้ฝึกฝนสม�่ำเสมอจนคล่องตัวเพ่ือน�ำไปใช้ในชีวิตดีขึ้น มีประสบการณ์เพิ่มข้ึนเรียนรู้ ได้ทั้งจากประสบการณ์ความสำ� เรจ็ และผดิ พลาด แตก่ ารเรยี นรแู้ ละความฉลาดทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ในชว่ งนน้ี นั้ มไิ ดเ้ ปน็ หลกั ประกนั วา่ วยั รนุ่ จะประสบความ สำ� เรจ็ ด้านการเรยี น เพราะการเรยี นจ�ำเป็นตอ้ งอาศัยพ้นื ฐานของความเปน็ นักเรยี นทดี่ ีดว้ ย คอื มงุ่ มั่น อดทน พยายาม ใฝ่รู้ รับผิดชอบ รอบคอบ และมรี ะเบียบวนิ ัยในตนเอง การเข้าสังคม วยั รนุ่ ทุกคนต้องมเี พอื่ น และเพ่ือนเปน็ ส่ิงสำ� คัญในชีวิตวยั รนุ่ คอื เป็นทัง้ กำ� ลงั ใจ คนรูใ้ จ เขา้ ใจ ปญั หา ช่วยเสรมิ พลงั ในการเจรจากบั พอ่ แมแ่ ละครู การคบเพื่อนท�ำใหเ้ ห็นภาพวยั รุ่นแยกตวั จากพอ่ แม่ ได้ชัดเจนข้ึน วัยรุ่นจะหลงใหลเชิดชูคนดี คนเก่งในสังคม เห็นดาราและนักร้องเป็นแบบอย่างมากกว่า คนในวัยอ่ืนๆ และมกี ารเลียนแบบกนั ในกลุม่ เพือ่ น ไม่ว่าการแตง่ กาย ทรงผม เพลง หรือภาษาเฉพาะ กลุ่ม ราวกับว่าสังคมเพื่อนเป็นเหมือนห้องทดลองให้วัยรุ่นใช้ทดสอบว่า ส่ิงใดท่ีเหมาะสมเข้ากับตนเอง ไดด้ ี และสงั คมยอมรบั บา้ ง ดงั นนั้ พอ่ แมท่ ่ีอยากเข้าใจลูกวยั ร่นุ จงึ ต้องพยายามเรียนรู้ และยอมรับส่ิงท่ีเขาชอบ วัยนคี้ บกบั เพอื่ นเพศเดยี วกนั ไปไหนเปน็ กลมุ่ ใหญ่ อาจมกี ลมุ่ เพอื่ นตา่ งเพศรว่ มดว้ ย สนใจเพอื่ นตา่ งเพศเพมิ่ มากขนึ้ อาจแยกตัวจากกลุ่มไปใชเ้ วลากับแฟนมากข้นึ แต่ก็ยังไม่ละท้ิงกลุ่มเพอ่ื น วัยรุ่นต้องการเป็นท่ียอมรับจากกลุ่มเพ่ือน อยากส่ือสารกับเพ่ือนและมักจะเลือกกลุ่มเพ่ือนที่มี ลกั ษณะทค่ี ลา้ ยตนเอง หรอื เปน็ แบบทตี่ นเองอยากเปน็ เชน่ ชอบกฬี า หรอื ตดิ เกม หรอื ชอบดาราเหมอื น กัน พอ่ แม่จะเรียนรู้จกั วยั รุน่ ไดผ้ า่ นทางกลมุ่ เพ่อื น และพ่อแม่เองกส็ ามารถพฒั นาลกู วัยรุ่นผ่านทางกล่มุ เพื่อนของลูกไดเ้ ช่นกนั การสรา้ งสมั พนั ธภาพของวยั รนุ่ กบั เพอื่ นนน้ั จะยงั่ ยนื กวา่ เพอื่ นในวยั เดก็ เพราะเปน็ ชว่ งทวี่ ยั รนุ่ เหน็ ความ สำ� คญั ของเพอื่ น มที กั ษะเขา้ สงั คมเพมิ่ ขนึ้ รจู้ กั สอื่ สารเจรจา แกป้ ญั หาเกง่ ขน้ึ จงึ ประนปี ระนอม และทำ� งานรว่ ม กับเพ่อื นได้เพ่ิมข้ึน รู้จกั ใชเ้ หตุผล และปรับตัวไดด้ ีจนสามารถรักษาสัมพันธภาพให้ยงั่ ยืนตอ่ ไปจนเปน็ ผใู้ หญไ่ ด้ ดงั นนั้ พฒั นาการทางสงั คมทดี่ จี งึ เปน็ พนื้ ฐานของการมมี นษุ ยสมั พนั ธแ์ ละบคุ ลกิ ภาพทด่ี ี การเรยี น รสู้ งั คมจะชว่ ยใหว้ ยั รนุ่ สามารถหาแนวทางการดำ� เนนิ ชวี ติ ทเ่ี หมาะสมกบั ตนเอง เลอื กวชิ าชพี และมสี งั คม ทด่ี ี เหมาะสมกับตนเองได้ในอนาคต 14
ร่างกาย และจติ ใจที่เปลี่ยนไป เมอ่ื กา้ วเขา้ สู่วยั รนุ่ การปรบั ตัว ความยดื หย่นุ วยั รนุ่ ทถี่ กู เลยี้ งดใู หป้ รบั ตวั งา่ ย และมคี วามยดื หยนุ่ ตอ่ สถานการณง์ า่ ย มกั มกี ลมุ่ เพอื่ นหลายรปู แบบ ตามกจิ กรรมทสี่ นใจ เช่น กลุ่มเพื่อนเรียน กลมุ่ ท่ีท�ำงานอดเิ รกคล้ายกนั กลุม่ กฬี า เป็นต้น แตกตา่ งตา่ ง จากวัยรนุ่ ทีพ่ ่อแม่ชว่ ยเหลือ หรือปกป้องมากเกนิ ไป การปรบั ตัว และความสามารถในการยดื หย่นุ ตอ่ สถานการณ์ตา่ งๆ มิได้เกดิ ขน้ึ ได้เอง แตเ่ กิดจาก การเรียนรู้จากการได้เห็นและเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อแม่ ท่ีใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจ�ำวัน โดยพ่อแม่ฝึกฝนให้ลูกท�ำหลายส่ิงหลายอย่างจนมีความสามารถด้านต่างๆต้องช่วยตัวเองช่วยคนรอบ ข้างมาก่อนตามวัย ฝกึ ให้กินงา่ ย นอนง่าย ปรบั ตวั งา่ ยมาก่อน ไดเ้ ผชญิ กับอุปสรรค และสภาพแวดลอ้ ม ที่เปลยี่ นไปหลายๆรปู แบบ อยา่ งไรกต็ าม วยั รนุ่ กย็ งั มอี ารมณอ์ อ่ นไหวงา่ ย ทฐิ ิ ถอื ดี อยากเปน็ อสิ ระ แตก่ ย็ งั ขาดประสบการณ์ ขาดความเชย่ี วชาญในการปรบั ตวั แกป้ ญั หาในอกี หลายดา้ น เปน็ เหตใุ หเ้ กดิ การเพลยี่ งพลำ�้ ไดง้ า่ ย เมอื่ เกดิ ความผดิ พลาดขนึ้ อาจทำ� ใหส้ ญู เสยี โอกาสทสี่ ำ� คญั ในชวี ติ ได้ ดงั นน้ั พอ่ แมจ่ งึ ตอ้ งใหท้ งั้ โอกาสวยั รนุ่ ฝกึ ฝน เรยี นรู้ ใหอ้ ิสระแต่กพ็ รอ้ มในการเข้าไปชว่ ยเหลอื เชน่ กนั การฝกึ ฝนจงึ ตอ้ งรวมไปถงึ ฝกึ ทกั ษะชวี ติ ฝกึ ใหว้ ยั รนุ่ ปรบั ตวั ยดื หยนุ่ เพม่ิ ทกั ษะหลายๆดา้ นใหว้ ยั รนุ่ เชน่ หงุ ขา้ ว เขา้ คา่ ย ท�ำขนม ขีจ่ กั รยาน ว่ายน้ำ� เข้ากล่มุ กิจกรรม เตน้ รำ� วาดภาพ ขึน้ รถเมล์ เชยี ร์กฬี า รอ้ งเพลง เลน่ เกม ตากผา้ รดี ผา้ ฯลฯ เปน็ สว่ นหนงึ่ ทสี่ ำ� คญั ในการเตรยี มวยั รนุ่ ใหเ้ ขา้ สวู่ ยั ผใู้ หญท่ มี่ ศี กั ยภาพได้ จิตใจ ความตอ้ งการพน้ื ฐานทางจติ ใจของวยั รนุ่ ไมต่ า่ งกบั ความตอ้ งการของผใู้ หญ่ วยั รนุ่ ตอ้ งการความรกั ความห่วงใย อยากมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ต้องการอิสระและอยากเป็นตัวของตัวเอง อยากทดลอง พลงั ความสามารถของตนเองในทกุ เร่อื ง และทีส่ �ำคญั คอื วยั ร่นุ ตอ้ งการการยอมรับว่าเปน็ ส่วนหนง่ึ ของ ครอบครวั เพ่อื นและสังคม 15
ร่างกาย และจิตใจท่ีเปล่ียนไป เมอื่ ก้าวเข้าสวู่ ัยร่นุ ตอ้ งการความรกั ความหว่ งใย การยอมรบั แมร้ า่ งกายจะเตบิ โตขนึ้ มีความเปน็ อสิ ระ เปน็ ตวั ของตวั เองมากขึน้ แต่วยั รนุ่ ทุกคนกย็ ังตอ้ งการ ทีจ่ ะถูกรัก และได้รบั ความเอาใจใส่ ห่วงใยจากคนสำ� คญั ในชวี ิตของเขา ในการแสดงความรัก ความเอาใจใส่ ห่วงใย ไม่ควรแสดงออกเหมือนเขาเป็นเด็กเล็ก วัยรุ่น ไมต่ อ้ งการความเจา้ กเ้ี จา้ การของแม่ ไมต่ อ้ งการใหไ้ ปรบั ไปสง่ ตลอด ไมต่ อ้ งการใหแ้ สดงความหว่ งใยตลอด เวลา เพราะการกระทำ� เหลา่ นเ้ี หมอื นกบั ผปู้ กครองไมไ่ วใ้ จความสามารถในการเอาตวั รอดของเขา วยั รนุ่ ทกุ คนอยากเปน็ ทร่ี กั และอยากไดร้ บั ความรกั ความหว่ งใยจากพอ่ แมเ่ หมอื นเดมิ เพยี งแตร่ ปู แบบทตี่ อ้ งการ อาจแตกต่างไปจากเดิม พนื้ ฐานการเลย้ี งดทู ย่ี อมรบั ในตวั วยั รนุ่ มคี วามรกั ความผกู พนั ระหวา่ งพอ่ แมล่ กู จะทำ� ใหล้ กู เจรญิ เตบิ โตขึ้นมาในบา้ นที่เขารูว้ า่ อบอุ่น มคี นรกั และจรงิ ใจกบั เขา แม้ว่าเขาจะมีส่วนดี และไมด่ ีกต็ าม การท่ี วยั รุ่นไดร้ บั โอกาสฝึกฝน เรยี นร้ใู หร้ จู้ กั ลองคดิ ลองท�ำส่งิ ต่างๆ แลว้ มผี ูค้ อยชว่ ยชแี้ นะและรบั ฟงั ความคิด ความรู้สกึ ทเ่ี กิดข้นึ หากเขาท�ำไมถ่ กู ก็ได้รบั การชี้แนะ สง่ิ เหล่านช้ี ว่ ยใหว้ ัยรนุ่ มคี วามรู้สกึ วา่ เปน็ ส่วนหนึง่ ของตรอบครวั เปน็ การสรา้ งความรสู้ กึ ผกู พนั ระหวา่ งวยั รนุ่ กบั สมาชกิ ในบา้ น สถานทท่ี อี่ ดตี มที ง้ั ความสนกุ ความสมหวงั และไมส่ มหวงั คละเคลา้ กนั ไมว่ า่ จะเตบิ โตและเดนิ ทางไปนานเพยี งใดความรสู้ กึ วา่ เปน็ สว่ น หนึ่งของบา้ นกจ็ ะเปน็ ตัวรั้งให้วยั รนุ่ กลบั มาเสมอ ทสี่ ดุ ของความตอ้ งการของวยั รนุ่ คอื ตอ้ งการเปน็ ทย่ี อมรบั ของพอ่ แม่ การยอมรบั วา่ เขาเปน็ สมาชกิ คนหนึ่งของครอบครัวที่ยอมรับตัวตนของเขาที่มีทั้งด้านดี และด้านไม่ดีเหมือนคนทั่วๆไป เช่นเดียวกับ การยอมรบั ของเพอื่ น และครทู โ่ี รงเรยี น ทำ� ใหน้ กั เรยี นทกุ คนอยากเปน็ สว่ นหนงึ่ ของเพอ่ื น ของหอ้ งเรยี น ของโรงเรียน ของทที่ ำ� งาน ของสังคม และเป็นประชากรคนหนึง่ ของประเทศไทย อยากมีเอกลักษณ์ เฉพาะตวั การคน้ หาเอกลกั ษณข์ องตนเองเปน็ งานทส่ี ำ� คญั ของชว่ งวยั รนุ่ วยั รนุ่ จะแสวงหาตวั เองวา่ เขาอยาก เป็นอย่างไร อยากเรียนสาขาใด หรือโตข้ึนอยากท�ำงานอะไร ภายใต้ความคิดที่สมเหตุผล และเป็นที่ พอใจของตนเองรวมถงึ คนทเี่ ขารกั การคน้ หาเอกลกั ษณข์ องวยั รนุ่ เปน็ ขบวนการการเรยี นรู้ และปรบั ตวั ทใี่ ชเ้ วลา วยั รุ่นจะค้นหาคณุ สมบัติตา่ งๆทจี่ ะประกอบเปน็ ตวั เอง เชน่ การแตง่ ตัว นิสยั ใจคอ ลักษณะ ของเพื่อนที่จะคบ หรือส่ิงใดที่จะเหมาะกับตัวเขามากท่ีสุด เป็นต้น ซึ่งการสร้างเอกลักษณ์ของตนเอง นน้ั มีความสมั พนั ธก์ ับการนับถือวีรบรุ ุษ การเลียนแบบบุคคลทน่ี ่านิยมทั้งใน และนอกบา้ น การแสวงหา อดุ มคตปิ ระจำ� ตน ค่านิยม และปรัชญาชีวิต ซง่ึ จะเปน็ สว่ นหนึ่งของบุคลิกภาพในอนาคต 16
รา่ งกาย และจติ ใจทเ่ี ปลยี่ นไป เม่อื ก้าวเขา้ สูว่ ยั ร่นุ การคน้ หาเอกลกั ษณข์ องตนเองนนั้ เปน็ งานทส่ี ำ� คญั สำ� หรบั วยั รนุ่ ชว่ งกลางและปลาย ซงึ่ อาจ พบกับความสมหวงั และผดิ หวงั ในการลองผดิ ลองถกู แตก่ ไ็ ดค้ น้ พบตัวตนในส่วนทภี่ าคภมู ใิ จและผิดหวัง กับส่วนที่เปน็ ขอ้ บกพรอ่ งของตวั เองเช่นกนั บางครง้ั ก็พบปมความขดั แย้งของอารมณ์ เชน่ ต้องตดั สินใจ ยอมทำ� ตามเพอื่ นท้งั ทีอ่ ยากเป็นตัวของตัวเองเพอื่ คงอดุ มการณ์ เปน็ ต้น กระบวนการน้ี วยั ร่นุ จะได้เรยี น รวู้ า่ หลายสงิ่ ทคี่ ดิ วา่ ถกู กลบั เปน็ ผดิ บางคนดถู กู ตนเอง ตคี า่ ความสามารถของตนเองตำ�่ กวา่ ความเปน็ จรงิ ท�ำให้ไม่มกี �ำลังใจในการเรียนรู้ตอ่ ไป หากวัยรุน่ พบความผิดหวังบ่อย หรอื รู้สกึ วา่ ตนเองไร้คา่ อาจท�ำให้ วัยร่นุ ท้อแท้ และมีปัญหาทางด้านจิตใจตามมาได้ การหาเอกลักษณ์ของตนเองนนั้ มหี ลายด้านดังนี้ • เอกลกั ษณท์ างเพศ วยั รนุ่ จะมคี วามเชอ่ื มนั่ วา่ ตนเองเปน็ เพศใด จะเหน็ ไดจ้ ากการทวี่ ยั รนุ่ ชาย อยากลองมเี พศสัมพนั ธ์ เพอื่ พสิ จู น์ตนเอง และตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของตน • เอกลกั ษณใ์ นกลมุ่ เพอ่ื นและสงั คม วยั รนุ่ พยายามแสดงความเปน็ ผใู้ หญ่ ตดั สนิ ใจเองในเรอื่ ง ต่าง ๆ หดั ท�ำงานเป็นทีม เลือกคบเพื่อนที่มีลักษณะคล้าย ๆ กัน หรือเข้ากนั ได้ โดยเรียนรแู้ ละถา่ ยทอด แบบอยา่ งจากเพอื่ นทง้ั แนวคดิ คา่ นยิ ม ระบบ จรยิ ธรรม การแสดงออก และการแกป้ ญั หาในชวี ติ จนหลอ่ หลอมเปน็ เอกลักษณ์เฉพาะตน และพฒั นาเปน็ บุคลกิ ภาพในที่สุด • เอกลกั ษณใ์ นการจดั การชวี ติ ตนเอง วยั รนุ่ จะพฒั นาความสามารถในการบรหิ ารจดั การตนเอง พง่ึ พาผอู้ น่ื นอ้ ยลง แบง่ เวลา และจดั การชวี ติ ใหเ้ ปน็ ไปตามเวลา ใชเ้ งนิ เปน็ และวางแผนตา่ ง ๆของชวี ติ ได้ เข้าใจถงึ สงิ่ ท่ตี นเองชอบและอยากท�ำ มเี ปา้ หมายในการด�ำรงชีวิต เลอื กอาชีพตามความชอบและความ ถนดั ของตนเองได้ในท่สี ุด วยั รนุ่ ทกุ คนตอ้ งการทจี่ ะเปน็ ตวั ของตวั เอง ตอ้ งการอสิ ระ ตอ้ งการรบั ผดิ ชอบชวี ติ ตนเองในบางสว่ น การเปิดโอกาสให้วัยรุ่นมีความเป็นตัวของตัวเองในระดับหน่ึง จะท�ำให้เขาได้เรียนรู้จักตนเอง และโลก ภายนอกได้ วัยรุน่ ทผ่ี ่านพ้นวิกฤตในการค้นหาตัวเองไดอ้ ย่างไม่ยุง่ ยากนัก มักมีลักษณะต่อไปนี้ 1. ใชส้ ติปญั ญาในการเผชิญปญั หา มากกว่าใช้อารมณ์ 2. เลือกเผชิญหน้ากับปัญหา มากกว่าหลีกเล่ียงปัญหา 3. รจู้ ัดตนเองมากพอ เท่าทนั ธรรมชาตขิ องตัวเอง 4. รตู้ ัววา่ ตนเองไมโ่ ดดเด่ยี ว สามารถขอความชว่ ยเหลือจากผู้อน่ื ได้ 17
รา่ งกาย และจติ ใจที่เปล่ยี นไป เม่ือก้าวเข้าสู่วัยรุ่น การบีบบงั คับใหว้ ัยรนุ่ ท�ำตามกฎมากไป จะท�ำใหว้ ยั รุ่นต่อต้าน ไมร่ ่วมมือ ในทางตรงกนั ข้าม หาก ปล่อยให้อิสระมากเกินไปก็จะท�ำให้วัยรุ่นหมกมุ่นในบางเรื่องมากไป หรือหมกมุ่นอยู่กับส่ิงท่ีไม่ถูกต้อง และไมร่ ู้จักขอบเขตในสทิ ธิของตน การเลียนแบบพฤติกรรม คติธรรม รวมทั้งความรู้สึกนึกคิดของพ่อแม่ (ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่วัยรุ่น เลยี นแบบไดม้ ากทส่ี ดุ ) ขน้ึ อยกู่ บั สมั พนั ธภาพระหวา่ งพอ่ แมล่ กู วธิ ที พี่ อ่ แมป่ ฏบิ ตั ติ อ่ วยั รนุ่ และการสรา้ ง บรรยากาศแห่งการเรียนร้ใู นครอบครัว การค้นหาเอกลักษณ์ของวัยรุ่นนั้น เป็นขบวนการที่ต้องใช้เวลาและประสบการณ์พอควรในการ คน้ หาสง่ิ ทตี่ นเองชอบและเหมาะสม การทวี่ ยั รนุ่ สามารถคน้ พบตวั เองไดน้ นั้ กเ็ ทา่ กบั วยั รนุ่ มคี วามสามารถ ที่จะเตบิ โตเปน็ ผ้ใู หญท่ ่มี บี ุคลกิ ภาพท่มี ัน่ คงได้ ตอ้ งการอิสระ และเป็นตวั ของตวั เอง โดยธรรมชาตแิ ล้ว ทุกคนอยากเปน็ ตัวของตวั เอง ความเปน็ ตวั ของตวั เองในวยั รนุ่ ไดม้ าจากการที่ วยั รุน่ สามารถเอาชนะอารมณ์ ความร้สู กึ แบบเกา่ ๆ ในชว่ งวัยแรกร่นุ นั้น วยั รุน่ จะมักรสู้ ึกสองจติ สองใจ ระหวา่ งความอยากที่จะเป็นเดก็ ต่อไป (อาลัย อาวรณ์กับความสนกุ สนาน ความทีไ่ มต่ ้องรับผดิ ชอบ หรอื ความผกู พนั ใกล้ชิดกบั พ่อแม)่ กับความอยาก เป็นผใู้ หญ่ ทีต่ อ้ งพึ่งตนเอง ตัดสนิ ใจ ควบคมุ พฤตกิ รรม อารมณ์ ใหอ้ อกมาในรปู แบบเฉพาะตัว และรับ ผดิ ชอบไดเ้ หมาะสม ซง่ึ เปน็ งานทยี่ ง่ิ ใหญข่ องชวี ติ วยั รนุ่ พอ่ แมจ่ งึ ยงั เหน็ พฤตกิ รรมแบบเดก็ ๆ ทเ่ี ขา้ มาออด ออ้ นพ่อแม่สลบั กับการทำ� ตวั เหนิ ห่าง จนเข้าวัยรุ่นตอนกลางทีแ่ นวคิด อารมณ์ การตัดสนิ ใจแกไ้ ขปัญหา 18
ร่างกาย และจิตใจทีเ่ ปล่ยี นไป เมอื่ ก้าวเข้าสวู่ ยั รุ่น ต่างๆ ดีขึ้น จึงเห็นพฤติกรรมท่ีมีวุฒภิ าวะเพิ่มขนึ้ ควบคมุ ตัวเองและคมุ อารมณไ์ ด้มากข้นึ จนเขา้ สูว่ ัยรนุ่ ตอนปลายที่มีอารมณ์มั่นคงชัดเจนข้ึน คิดอ่านค่อนไปในทิศที่มีเหตุผลเพิ่มขึ้น เอาชนะความรู้สึก และ เอาชนะตวั เองได้ดขี ้ึนมาก ตัดสินใจวางแผนเกี่ยวกับอาชีพ และอนาคตไดอ้ ยา่ งใกล้เคียงความเป็นจริงข้ึน การเอาชนะใจตนเองนน้ั เปน็ สงิ่ ทพี่ อ่ แมฝ่ กึ ฝนไดม้ าตง้ั แตเ่ ลก็ โดยผา่ นการวางแผน การทำ� กจิ กรรม หน้าท่ี ความรับผดิ ชอบที่เหมาะสมในแตล่ ะชว่ งวยั ขอบเขตท่พี อ่ แม่วางไว้ใหล้ ูกในแต่ละช่วงชีวติ จะตอ้ ง ไมม่ ากเกินไปจนลูกรสู้ กึ อดึ อดั ไมส่ บายใจ แตก่ ็ไมใ่ ชป่ ล่อยจนลูกนึกอยากทำ� อะไรก็ไดไ้ ปหมด การทำ� ตวั ใหม้ ีความสุขในขอบเขตท่ีพอ่ แม่วางไว้ใหไ้ ด้ดนี ั้น ต้องมาจากการเรียนรูท้ ีจ่ ะเอาชนะใจตนเองมาก่อน ความรูส้ กึ วา่ เป็นอิสระเป็นสิง่ ที่วยั รนุ่ ตอ้ งการ วยั ร่นุ จึงชอบคดิ เอง ทำ� เอง พ่ึงตวั เอง เชือ่ ความคิด ตนเอง ไม่ชอบอยใู่ นกติกาใดๆ แตม่ ิไดห้ มายความวา่ วัยรนุ่ ต้องการอสิ รภาพท่ไี ร้ขอบเขต เพยี งแต่อยาก ทำ� อะไรด้วยตวั เอง อยากท�ำในสง่ิ ทค่ี ิดวา่ ดี อยากมสี ่วนร่วมในการใชค้ วามคดิ เพ่อื น�ำไปสูก่ ารตัดสินใจใน ทกุ เรอื่ งทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ตวั เอง ไมช่ อบคำ� สง่ั และการโอท๋ ท่ี ำ� ราวกบั วา่ เขาเปน็ เดก็ ไมช่ อบคำ� วพิ ากษว์ จิ ารณ์ ตอ่ สง่ิ ท่เี ขาลองท�ำ ไมช่ อบให้ใครมาจ้จู ี้ บน่ ว่า หรอื เขา้ มากา้ วกา่ ยความเป็นส่วนตัว ความมอี สิ ระ มใิ ชเ่ ฉพาะในเรอื่ งการแตง่ ตวั หรอื การกระทำ� แตห่ มายรวมไปถงึ ความมอี สิ ระในแง่ ความคิดเห็น และความรู้สึกที่อาจแตกตา่ งจากพอ่ แม่ ความตอ้ งการในการแยกจากพอ่ แมใ่ นทกุ รูปแบบ บางครงั้ วยั รนุ่ อาจเกดิ ความสบั สน รสู้ กึ เสยี ดายความรกั ความเอาใจใสด่ แู ลจากพอ่ แม่ แตถ่ า้ วยั รนุ่ ยอมรบั การดูแล หรือยอมท�ำตามค�ำส่งั ของพ่อแม่ กจ็ ะไปขดั กบั ความต้องการท่จี ะเปน็ อสิ ระที่จะพ่ึงพาตวั เอง ชว่ งวยั น้ี จงึ พบพฤตกิ รรมทไ่ี มย่ อมทำ� ตามทพ่ี อ่ แมบ่ อกเพมิ่ ขน้ึ แยกตวั เพมิ่ ขน้ึ ชอบความเปน็ สว่ นตวั อยากไดห้ อ้ งทสี่ ามารถจดั เองได้ ตกแตง่ เอง ซง่ึ อาจดรู กขดั หขู ดั ตาพอ่ แม่ ชอบอยดู่ กึ ๆ เพราะจะรสู้ กึ สงบ เปน็ ตวั ของตวั เอง ปลอดจากผคู้ นและคำ� สง่ั ทงั้ นเี้ กดิ จากความอยากมอี สิ ระ และเปน็ ตวั ของตวั เองเทา่ นนั้ ซ่ึงถ้าพ่อแม่เข้าใจ ไม่ท�ำให้เขาเก้อเขิน เมื่อเขามาร่วมวงคุยกันบ้างก็จะไปด้วยกันได้ดี ในทางตรงข้าม หากพอ่ แม่ไมเ่ ขา้ ใจ ไม่พอใจ บบี บังคับมากขนึ้ กจ็ ะเห็นพฤติกรรมท่ลี กู ตอ่ ต้านเพิม่ ขน้ึ ชดั เจน การเลย้ี งดลู กู วยั รนุ่ จงึ ตอ้ งการความเขา้ ใจ และเคารพในสทิ ธสิ ว่ นบคุ คลของลกู แตม่ ไิ ดห้ มายความ วา่ จะตอ้ งปลอ่ ยใหว้ ยั รนุ่ ทำ� อะไรไดต้ ามอำ� เภอใจ พอ่ แมม่ สี ทิ ธทิ แี่ สดงความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกตา่ ง มสี ว่ นสำ� คญั ในการตดั สนิ ใจ ใหอ้ สิ ระในบางดา้ นซง่ึ ตอ้ งมาคกู่ บั หนา้ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบ ยง่ิ วยั รนุ่ รบั ผดิ ชอบไดเ้ พม่ิ ขน้ึ จะยง่ิ ทำ� ใหพ้ อ่ แมย่ อมรบั และไวใ้ จมากขนึ้ ซง่ึ วยั รนุ่ กจ็ ะไดอ้ สิ ระเพม่ิ ขนึ้ เชน่ กนั ลกั ษณะเหลา่ นตี้ อ้ ง พดู กันใหช้ ัดเจนในครอบครวั 19
ร่างกาย และจติ ใจท่เี ปลย่ี นไป เมือ่ ก้าวเขา้ สวู่ ยั รนุ่ ชอบความตนื่ เตน้ ทา้ ทาย ทดสอบความสามารถและการเรยี นรู้ คนทุกคนไม่ใช่เฉพาะวัยรุ่นที่ต้องการชีวิตที่มีความต่ืนเต้นบ้าง ความรู้สึกว่ามีอะไรท่ียากล�ำบาก เป็นอุปสรรค ท้าทายความคดิ ความสามารถของตนเอง เพ่ือทดสอบพลงั ความสามารถ และได้เรยี นรใู้ น สงิ่ ทเ่ี กดิ ข้นึ ชีวิตทม่ี ีอปุ สรรคบา้ งเปน็ ชวี ติ ท่สี ร้างโอกาสพฒั นาตัวเองให้เกง่ ขึ้น กา้ วหนา้ ข้นึ แต่ต้องอาศยั พนื้ ฐานทด่ี ี วยั รนุ่ ควรผา่ นการฝกึ ฝนใหห้ ดั ทำ� สง่ิ ตา่ งๆทยี่ ากขนึ้ ทลี ะนอ้ ย การทเี่ ขาตอ้ งทำ� อะไรดว้ ยตวั เอง จะชว่ ยพฒั นาทกั ษะในการแกป้ ญั หา และการทเี่ ขาไดฝ้ กึ ทบทวนสงิ่ ทไี่ ดเ้ รยี นรจู้ ากคำ� สอนของพอ่ แม่ จะ ยิ่งท�ำใหเ้ ขาพฒั นาความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ได้ดยี ิง่ ขึ้น วยั รนุ่ ชอบอยูก่ บั เพอื่ นเพราะเพ่อื นทำ� ให้มคี วามสขุ เพอ่ื นยอมรบั ความไม่เก่งของกันและกัน แต่ มปี ระสบการณส์ ว่ นตวั ที่เล่าแบ่งปนั และรับฟัง เข้าใจกนั ช่วยเหลอื กนั จนท�ำให้ผ่านพน้ ปญั หาไปได้ ถงึ แมบ้ างครง้ั จะมผี ดิ พลาด แตว่ ยั รนุ่ กไ็ ดเ้ รยี นรบู้ ทเรยี นดงั กลา่ ว เชน่ การทว่ี ยั รนุ่ จะขอกลบั บา้ นกนั เองเปน็ กลมุ่ หากลงรถเมลผ์ ดิ ปา้ ย เพอ่ื นๆกแ็ คห่ วั เราะขบขนั กนั แตก่ ช็ ว่ ยกนั หาทางแกป้ ญั หาเฉพาะหนา้ ตอ่ จนถงึ บา้ น เปน็ ตน้ พอ่ แมบ่ างคนมกั มองเหน็ จดุ บกพรอ่ งของเดก็ ไดง้ า่ ย และมกั เรยี กรอ้ งความสมบรู ณแ์ บบจาก วยั รนุ่ บา้ งก็บ่น ดุ วา่ เขาเหมือนเขาเป็นเด็ก ท�ำให้วยั รุน่ ไมช่ อบ และอาจแสดงออกโดยการเถียง หรอื ไม่ สนใจ หรือแยกตวั จากพ่อแม่ พอ่ แม่สามารถให้การสนับสนุนและสง่ เสริมให้วัยรุ่นมีความอยากรู้อยากเหน็ อยากทดสอบความ สามารถของตนได้ในขอบเขตท่ีเหมาะสมโดยปรับวิธีการฝึกสอนให้เข้ากับเขา และสร้างประสบการณ์ ตรงให้ เชน่ การข้ึนรถเมล์ รถไฟใต้ดนิ ลงเรอื หดั จดจ�ำถนนหนทาง ใชโ้ ทรศัพทส์ าธารณะ หัดอา่ นแผนท่ี ติดต่อท�ำบัตรประชาชนด้วยตนเอง เป็นต้น การฝึกให้วัยรุ่นได้ท�ำจะช่วยเสริมความม่ันใจและท�ำให้เขา รสู้ กึ ภูมิใจในตวั เองได้ 20
ร่างกาย และจติ ใจทเ่ี ปล่ยี นไป เม่ือกา้ วเขา้ สวู่ ัยรนุ่ อย่างไรก็ตาม หลายคร้ังความอยากลองก็น�ำไปสู่อันตรายได้ เช่น ลองยาเสพติด ลองเรื่องเพศ ดังน้นั การฝกึ สอนตอ้ งชัดเจนโดยใหโ้ อกาสเดก็ ลองคิด พูดคยุ ถึงอันตรายทีอ่ าจเกิดข้ึน แนวทางการ แก้ไข และฝกึ ใหเ้ ขารจู้ กั ยับย้ังใจ มิใหล้ องในสง่ิ ทอ่ี าจเกดิ อันตรายได้ ความอยากลองและขาดความยบั ยง้ั ชงั่ ใจของวยั รนุ่ เปน็ เรอื่ งปกติจะพบไดม้ ากในชว่ งวยั รนุ่ ตอนกลาง เมอื่ โตขึน้ วัยรนุ่ จะมคี วามคิดอา่ นรอบคอบข้ึน และมีความมัน่ ใจในตัวเองเพม่ิ ข้นึ วยั รนุ่ ท่ีมนั่ ใจในตนเอง พอควร และมีส่ิงทีภ่ าคภูมิใจ เชน่ มีครอบครัวที่อบอุ่น ผลการเรียนปานกลาง เล่นกีฬาได้ ทำ� กิจกรรม เปน็ ทยี่ อมรับของเพ่ือน โดยทไ่ี ม่จำ� เปน็ ต้องเกง่ หรอื ดเี ลิศ วัยรนุ่ กลมุ่ นม้ี ักไมค่ อ่ ยท�ำพฤติกรรมแผลง ๆ หรอื แปลก ๆ หรอื ทำ� ในส่ิงท่อี าจเป็นอนั ตรายเพื่อเรยี กร้องความสนใจ โรงเรยี นเปน็ สถานทท่ี ำ� ใหว้ ยั รนุ่ พฒั นาตนเองไดม้ ากจนเปน็ ทยี่ อมรบั จากครแู ละเพอื่ นได้ คนที่ ไดร้ บั การยอมรบั จากคนรอบขา้ งทงั้ ทบ่ี า้ นและทโ่ี รงเรยี นจะพฒั นาตนเองไปไดส้ งู สดุ เมอ่ื เทยี บกบั คน ทไี่ มไ่ ดร้ บั การยอมรบั จากทบ่ี า้ นแตไ่ ดร้ บั จากทโี่ รงเรยี น หรอื กลมุ่ ทไ่ี ดร้ บั การยอมรบั จากทบ่ี า้ นมากจน ไม่สนใจทจ่ี ะทำ� ดีท่ีโรงเรยี น ไม่สนใจกฎเกณฑก์ ติกาต่าง ๆ ทโ่ี รงเรียน วยั รนุ่ ทโ่ี ชครา้ ยถกู เลย้ี งดแู บบคณุ หนู ขาดความรู้ ทกั ษะ ไมเ่ คยถกู ฝกึ ใหห้ ดั ลองคดิ ลองทำ� มากอ่ น เขาจะเกิดความขดั แย้งในตัวเองไดง้ ่าย พอๆกับวยั รุ่นทถ่ี กู เลี้ยงดูแบบตามใจ ขาดระเบยี บวนิ ยั ในตนเอง เอาแตใ่ จ ไมเ่ ขา้ ใจความรสู้ กึ ของคนรอบขา้ ง เขามกั จะทำ� ทุกสิง่ ทุกอยา่ งโดยไมย่ บั ยงั้ ช่งั ใจถึงอนั ตรายต่อ ตนเองและผอู้ น่ื สดุ ทา้ ยมกั เกดิ ปญั หาตามมา เชน่ ถกู จบั ตดิ บหุ ร่ี เหลา้ หรอื สารเสพตดิ อาจไมไ่ ดเ้ รยี นตอ่ ว่างงาน และเสียอนาคตได้ ในขณะท่วี ยั รุ่นท่ขี าดโอกาส ขาดความมัน่ ใจ มีปมด้อย เชน่ ครอบครัวแตกแยก เรียนไมเ่ ก่ง กีฬา ไมส่ ู้ ไมม่ งี านอดเิ รกทช่ี อบ ขเ้ี หงา ไมม่ ที ศิ ทางชดั เจน ขาดคนสอน วนั ๆ ไมร่ จู้ ะทำ� อะไรดี กลมุ่ นม้ี กั มคี วาม เส่ยี งสูงทีจ่ ะท�ำอะไรนอกลู่นอกทาง กล้าท่จี ะลองในส่ิงทค่ี นท่ัวไปไม่กลา้ เพื่อเปน็ การแสดงออกถงึ ความ กล้าหาญ ยอมเสย่ี งอนั ตราย เพื่อแลกกับการทจี่ ะไดเ้ ป็นฮีโร่ หรอื เป็นท่ียอมรับจากเพอ่ื น จริยธรรม วัยน้ีจะมีความคิดเชิงอุดมคติสูงได้ด้วยตัวเอง เพราะสามารถแยกแยะความผิดชอบชั่วดีได้ มมี โนธรรมของตนเอง ตอ้ งการความถกู ตอ้ ง ความชอบธรรมในสงั คม ชอบชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ ตอ้ งการเปน็ คน ดี เป็นทช่ี นื่ ชอบของคนอื่น และจะรู้สกึ อดึ อดั ใจกับความไมถ่ ูกต้องในสงั คมหรอื ในบ้าน แมแ้ ตพ่ อ่ แม่ของ ตนเองเขาก็อาจร้สู กึ ว่าไม่ได้ดสี มบรู ณแ์ บบเหมือนเมอื่ กอ่ น บางคร้งั อาจวจิ ารณพ์ ่อแม่ หรอื ครู อาจารย์ ตรง ๆ อาจมกี ารตอ่ ตา้ น ประทว้ งเมอ่ื เขาเหน็ การกระทำ� ทไี่ มถ่ กู ตอ้ ง หรอื มกี ารเอาเปรยี บเกดิ ขน้ึ เมอ่ื เขา้ สวู่ ัยรุ่นตอนปลาย การควบคมุ ตนเองจะดีขึน้ จนมจี รยิ ธรรมท่ีสมบูรณเ์ หมอื นผใู้ หญ่ 21
ร่างกาย และจติ ใจท่เี ปล่ียนไป เมือ่ ก้าวเขา้ สู่วัยรุ่น การมแี บบอยา่ งทด่ี ี จะชว่ ยใหว้ ยั รนุ่ มจี รยิ ธรรมทดี่ ดี ว้ ย พอ่ แม่ คนใกลช้ ดิ เพอ่ื น ครู มอี ทิ ธพิ ลสงู ในการสร้างทศั นคติ คา่ นิยม และจริยธรรมที่ดี ดงั นนั้ การเปดิ โอกาสให้วยั รุน่ ไดเ้ ข้าร่วมกิจกรรมที่หลาก หลายจงึ เปน็ สง่ิ ทชี่ ว่ ยฝกึ ใหว้ ยั รนุ่ ไดเ้ รยี นรทู้ ง้ั ดา้ นวฒั นธรรม ประเพณี กฎเกณฑท์ างสงั คม และเปน็ รากฐาน ในการสรา้ งจรยิ ธรรมภายในตวั เอง พอ่ แมส่ ามารถสอดแทรกจรยิ ธรรมใหเ้ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของชวี ติ ประจำ� วนั ไดต้ งั้ แตล่ กู ยงั เดก็ เชน่ สอน วา่ เรอื่ งอะไรทคี่ วรทำ� และไมค่ วรทำ� สง่ิ ทค่ี วรพดู และไมค่ วรพดู พฤตกิ รรมทเี่ หมาะสมและใหเ้ กยี รติ อะไร เรียกว่าท�ำดี ทำ� ไม่ดี เปน็ ตน้ ระยะแรกเด็กจะทำ� ตาม เพราะตอ้ งการความรกั จากพ่อแม่ เมื่อเขาโตขน้ึ เขาจะทำ� ดเี พ่ือให้ไดก้ ารยอมรบั จากเพ่ือนและครูทีโ่ รงเรยี น และเมอ่ื เขาเข้าส่วู ัยรนุ่ เขาจะรู้จกั คิด เขา้ ใจ ส่ิงทเ่ี ปน็ นามธรรม ปรชั ญา วฒั นธรรม ประเพณี ศาสนา สามารถมองชวี ติ ผู้คนได้ลกึ ซ้ึงขึน้ เข้าใจ ความ แตกตา่ ง ความดอ้ ยโอกาส ความไดเ้ ปรยี บเสยี เปรยี บ และเขา้ ถงึ ความรสู้ กึ ของผคู้ นไดเ้ พมิ่ ขนึ้ เขาจะสนใจ ท่จี ะชว่ ยเหลือคนท่ไี ดร้ ับความลำ� บากด้วยความจริงใจ และเข้าใจในคุณคา่ ของวัฒนธรรมและประเพณี การเปลี่ยนแปลงทงั้ รา่ งกายและจิตใจในช่วงวัยรนุ่ เป็นเรอื่ งปกตทิ ี่พ่อแมค่ วรทราบ เพื่อให้เข้าใจ ลกู วยั ร่นุ และสามารถเลีย้ งดใู หเ้ ขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทส่ี มบูรณ์ แขง็ แรงและมีศักยภาพตอ่ ไป 22
เตรยี มรับมือกบั ลูกวยั ร่นุ บทที่ 3 เตรียมรับมือกบั ลูกวัยรนุ่ ส่งิ สำ� คัญเริม่ ต้นทีพ่ อ่ แม่ ครอบครัวมีบทบาทท่ีส�ำคัญมากในการสร้างเด็กให้เป็นคนดี มีความสุข และเป็นคนที่มีคุณค่า ต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม การสร้างคนที่มีคุณภาพจึงเป็นงานท่ีย่ิงใหญ่และเป็นกระบวนการท่ี ซบั ซอ้ น มใิ ชแ่ คก่ ารหาอาหาร ปกปอ้ งใหค้ วามปลอดภยั และสง่ ใหเ้ รยี นเทา่ นนั้ แตก่ ารเลย้ี งลกู ยงั สอดแทรก ความรกั ความผกู พนั เออื้ อาทร สรา้ งความสมั พนั ธใ์ กลช้ ดิ ระหวา่ งคนสองรนุ่ ถา่ ยทอดประสบการณ์ และ แนวทางการใชช้ ีวิตในทกุ รูปแบบเพอื่ เตรยี มไวส้ �ำหรบั สถานการณต์ า่ งๆทีเ่ กิดขึน้ ในชีวิต ชวี ิตมีหลายบทบาท และหลายหน้าท่ีเปลีย่ นแปลงตามกาลเวลา พอ่ แม่ที่มลี กู วยั ร่นุ มกั มีอายุเลย วยั กลางคน และเปน็ ชว่ งทญี่ าตผิ ใู้ หญส่ งู วยั ตอ้ งการการดแู ลจากลกู หลานเพมิ่ ขนึ้ ในขณะทวี่ ยั รนุ่ ตอ้ งการ เวลาจากพอ่ แมล่ ดลง แต่ตอ้ งการเวลาคณุ ภาพเพิม่ ขนึ้ พ่อแม่ทีป่ รบั ตวั ได้เหมาะสม และเป็นตัวอยา่ งท่ีดี เป็นเพอ่ื นคคู่ ิดกับลูก แต่กย็ งั คงความเปน็ ผูท้ มี่ ีอ�ำนาจในบ้าน คงความนา่ ทงึ่ น่าสนใจ น่าติดตาม มคี วาม ทนั สมัย ทนั ยุค รู้เรือ่ งใหม่ๆ คุยกันไดห้ ลายเรื่อง และมีเวลาใหเ้ สมอในยามทีเ่ ขาตอ้ งการความชว่ ยเหลอื เพยี งเท่าน้ี พ่อแมก่ ็จะสามารถเปน็ ต้นแบบใหล้ กู วยั รุ่นไดเ้ ลียนแบบ เฝา้ มอง และตดิ ตามไดเ้ สมอ นา่ เสยี ดายทพี่ อ่ แมก่ ลมุ่ หนึ่งกลบั เชอ่ื ว่า โตขน้ึ ลกู ก็จะรเู้ อง เปน็ ความเชื่อทที่ ำ� ใหพ้ อ่ แมเ่ ลยี้ งผดิ พลาดมามากโดยเฉพาะในกลุ่มท่ีพ่อแม่ให้เวลากับลูกวัยรุ่นน้อย ปล่อยให้วัยรุ่นใช้เวลากับเพื่อนเรียนรู้ ชีวติ นอกบ้านมากกว่าในบา้ น โซเชียลมีเดีย และสอื่ ต่างๆ ท่อี าจมีเนอื้ หา หรือมคี วามเส่ยี ง ไมเ่ หมาะสม กบั วฒุ ภิ าวะของลกู แต่ลูกสามารถเข้าถึงได้ดว้ ยตนเอง ดังนนั้ การเลีย้ งลูกวยั ร่นุ จึงเปน็ งานทที่ ้าทายพ่อแม่ยุคปจั จบุ ัน บา้ นทีอ่ บอุ่น ประกอบดว้ ย บรรยากาศของความเปน็ ครอบครัว พ่อแม่ของวัยรุน่ มกั อยู่ในวัยกลางคนขึน้ ไป ซึ่งมหี นา้ ทแ่ี ละความรบั ผิดชอบสูงข้ึน บางครอบครัว อาจมีปัญหาสุขภาพ เวลาทม่ี ีให้วยั รนุ่ อาจลดลง คยุ เล่น หรอื ทำ� กิจกรรมรว่ มกันนอ้ ยลง ในขณะทล่ี กู วัย ร่นุ เองต้องการอสิ ระ ชอบอยกู่ ับเพื่อน มีความคดิ เปน็ ของตนเอง แตย่ ังขาดประสบการณ์ จงึ เป็นชว่ งที่ 23
เตรยี มรบั มือกบั ลกู วัยร่นุ พ่อแม่และลูกเร่ิมมีความต้องการพื้นฐานต่างกัน เวลาท่ีมีให้กันน้อยลง อาจจะเกิดความไม่เข้าใจกันได้ งา่ ย หา่ งเหินกนั สุดท้ายความสมั พันธท์ ีด่ ีก็อาจจะจดื จางไปได้ การทำ� ใหเ้ วลาทม่ี อี ยนู่ อ้ ย มคี ณุ ภาพ และทกุ คนมคี วามสขุ เมอ่ื ไดอ้ ยดู่ ว้ ยกนั ในบา้ นจงึ เปน็ สง่ิ ท่ี สำ� คญั พอ่ แมต่ อ้ งปรบั ตวั และพฒั นาเทคนคิ ทง้ั การเลย้ี งลกู และการสอื่ สารกบั วยั รนุ่ สรา้ งบรรยากาศเมอ่ื ได้ อย่รู วมกนั ให้ดี มคี ุณคา่ นา่ จดจ�ำ ขณะเดยี วกันมกี ฎ กติกาภายในบ้านทเ่ี หมาะสม ความสมั พนั ธท์ ่ดี ีระหว่างพอ่ แม่ และลูก ความสมั พนั ธท์ ด่ี รี ะหวา่ งคนสองคนเกดิ จากการทที่ งั้ สองฝา่ ยตา่ งชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู กนั มบี างอยา่ ง คล้ายกัน เช่น สนใจในสิ่งเดยี วกนั มที ัศนคตแิ ละความเชือ่ คล้ายคลงึ กัน มโี อกาสได้แลกเปลี่ยนความคิด เห็นร่วมกัน ใช้ชีวิตหรือมีประสบการณ์ต่างๆร่วมกัน และเมื่อมิตรภาพเกิดข้ึนแล้วความรักความผูกพัน ความเอ้อื อาทรต่อกันและความสมั พนั ธ์ลกึ ซ้งื ก็จะเกดิ ตามมา การอยู่ร่วมกันภายในบ้าน เป็นการฝึกให้ลูกรู้จักการใช้ชีวิตร่วมกับคนท่ีเขารักและสนิท สอนให้ วยั รนุ่ หดั สรา้ งความสัมพันธ์ที่ดี ฝึกทกั ษะต่างๆ เชน่ การพูดคยุ อย่างสร้างสรรค์ รบั ผิดชอบ ปฏบิ ัตติ นไป ตามกตกิ าของบา้ น เปน็ ตน้ ดงั นน้ั บา้ นจงึ เปน็ รากฐานทฝี่ กึ เดก็ ใหส้ รา้ งสมั พนั ธภาพทด่ี กี บั คนในบา้ น เพอื่ ท่ีจะน�ำทกั ษะตา่ งๆไปสรา้ งความสมั พนั ธก์ บั ครู เพ่ือน แฟน เพอ่ื นรว่ มงาน หรือเจา้ นายไดใ้ นเวลาตอ่ มา พ่อแม่ จงึ เป็นผู้ทมี่ คี วามส�ำคัญที่สุด และเป็นตน้ แบบทส่ี ำ� คัญให้ลกู มองเห็น และเรียนรู้เกอื บทกุ เร่อื ง เช่น ลูกไดเ้ หน็ เวลาท่ีพ่อแม่จัดการปญั หาเม่ือพอ่ แม่ทะเลาะกนั เอง หรอื ลกู ๆทะเลาะกัน หรือมอง เห็นวา่ พอ่ แมค่ ิดเหน็ อยา่ งไรในเรอ่ื งตา่ งๆ หรือ เวลาแม่โกรธ แมท่ ำ� อยา่ งไรจงึ หายได้เร็ว เปน็ ต้น 24
เตรยี มรับมอื กบั ลูกวัยรนุ่ นอกจากน้ี พ่อแมต่ อ้ งรกั ษาสมดลุ ระหวา่ งความเปน็ กันเองหรือความเปน็ เพอ่ื นกับลกู และความ เป็นพ่อแม่ท่ีมีอ�ำนาจเหนือลูก โดยเฉพาะในการปกครองครอบครัว นั่นหมายความว่า พ่อแม่จะสนิท สนมกับลูกมากเพียงใด แต่ลูกตอ้ งยอมรบั ความเป็นผมู้ อี ำ� นาจในการตดั สนิ ใจของพอ่ แม่ หลายบา้ น ทพ่ี อ่ แมล่ กู สนทิ สนมกนั ดี และสามารถฝกึ ลกู ใหอ้ ยใู่ นกตกิ าของบา้ นได้ แตห่ ลายบา้ นทพ่ี อ่ แมใ่ จออ่ น เมอื่ ลกู ตอื๊ มากกจ็ ะโอนออ่ นกฎเกณฑต์ า่ งๆใหล้ กู ทำ� ใหเ้ สยี อำ� นาจในการปกครองลกู ใหอ้ ยใู่ นระเบยี บวนิ ยั ได้ และเมื่อทำ� บ่อยครง้ั ข้ึน ลกู ก็จะร้ไู ดว้ ่า เขามอี �ำนาจเหนอื พ่อแม่ และไม่เกรงกลัวพ่อแม่ หลกั การในการรักษาความสัมพนั ธ์ทีด่ ี คอื 1. ใหเ้ กียรติในความเป็นคน แมว้ า่ อกี ฝา่ ยหน่งึ จะเด็กกว่า มคี วามร้นู อ้ ยกวา่ ด้อยประสบการณ์ กว่าก็ตาม 2. เชอ่ื ม่ันวา่ คนทุกคนอยากเป็นคนดี ตอ้ งการความรัก และความเข้าใจจากผอู้ ื่น 3. ทกุ คนอยากได้ก�ำลงั ใจเมื่อชีวิตพบอุปสรรค และอยากให้คนช่ืนชมเมือ่ ทำ� งานไดส้ �ำเรจ็ 4. ปรบั ตวั ใหเ้ ข้ากนั รบั ฟงั ทำ� ความเข้าใจ ให้โอกาส ให้อภยั และใหใ้ นสง่ิ ท่ีอีกฝา่ ยหนึ่งต้องการ (ถ้าท�ำได)้ ในขณะเดียวกนั เรียนรูท้ จ่ี ะเป็นผรู้ บั ดว้ ยเช่นกนั 5. ใชค้ �ำพดู ที่จริงใจ พดู ในส่ิงที่มีประโยชน์ 6. รักษาความลับ และคำ� พูด 7. ใชเ้ วลาท่มี ดี ว้ ยกนั ให้เกิดคณุ ค่า เป็นประโยชน์มากที่สดุ ทง้ั ต่อตัวเองและผ้อู นื่ 8. รักษาระดับความสัมพันธ์ใกลช้ ดิ ที่เหมาะสม ติดต่อกนั เปน็ ระยะ แมว้ ่าจะมิไดเ้ จอกนั บ่อยๆ วยั รนุ่ เปน็ วยั ทสี่ นใจในเพศตรงขา้ มเพมิ่ ขนึ้ เมอื่ ไดพ้ บคนทถ่ี กู ใจจะรสู้ กึ ตน่ื เตน้ อยากรจู้ กั พอใจทไ่ี ด้ เหน็ อยากพดู คยุ สนทิ สนมดว้ ย ความสนใจเพศตรงขา้ มเรมิ่ ตน้ ทเี่ วลาตา่ งกนั บางคนมแี ฟนแลว้ แตว่ ยั รนุ่ หลายคนท่วี นุ่ วายอยู่กับการเรียน หรือการทำ� กจิ กรรมจนเกือบไม่สนใจเรื่องน ้ี ในใจของพ่อแม่ทุกคนไม่อยากให้ลูกมีแฟนในช่วงเวลาท่ียังเรียนหนังสืออยู่ แต่ความรู้สึกน้ีเป็น เรอื่ งทห่ี า้ มยาก และเกดิ ขนึ้ ไดเ้ องเกนิ ความควบคมุ ของพอ่ แม่ การท่ีจะให้ลูกรักษาสัมพันธภาพท่ีดีกับคนท่ีเขาชอบโดยอยู่ ในความเหมาะสมในระดับเพ่ือน จึงต้องอาศัยการฝึกฝนเพื่อ ควบคมุ ตนเองและการปรบั ตวั ทดี่ ีมาก่อน 25
เตรียมรบั มอื กบั ลกู วยั รุ่น ความคาดหวงั ของพอ่ แม่ พอ่ แม่ทุกคนอยากใหล้ ูกได้ดที ง้ั สิ้น อยากใหล้ ูกเรียนสงู ๆ อยากให้มีเพ่ือนดี มคี วามสามารถด้าน อ่ืนนอกเหนือการเรียนหลาย ๆ อย่าง อยากให้ผูใ้ หญ่รัก เพอ่ื นๆชอบ นิสยั ดี รับผิดชอบ ตรงเวลา สขุ ุม รอบคอบ มคี วามเปน็ ผ้นู �ำ และอ่ืนๆอกี มากมาย แต่การแสดงออกของพ่อแม่ การฝกึ ฝน การใหโ้ อกาส พัฒนาลกู วัยรนุ่ อาจแตกตา่ งกัน ถ้าตงั้ ความหวงั ไว้เชน่ น้ี และดำ� เนนิ การฝึกฝนให้เปน็ ไปตามทพี่ ่อแม่ฝัน ได้นน้ั กเ็ ปน็ เรอ่ื งไม่ยาก แต่หลายครั้งท่ีพบวา่ ฝนั อยา่ งหน่งึ แต่ลงมอื ฝึกฝนลูกไปอีกอย่างหน่ึง เชน่ อยาก ใหล้ กู เป็นคนรบั ผิดชอบ แต่ไมใ่ ห้ช่วยตัวเอง มพี เี่ ลี้ยงชว่ ยไปหมดทกุ อยา่ ง หรอื ไมม่ อบงานให้รับผิดชอบ ก็ยากที่ความฝนั ของพ่อแม่จะเป็นจรงิ ได้ เรือ่ งส�ำคญั ทพี่ ่อแมค่ วรฝึกฝนลกู มี 3 ประการ คอื 1. ทักษะ ความสามารถในด้านต่าง ๆ ทเี่ กดิ จากการเรียนรู้ และฝกึ ฝน ผ่านการท�ำกิจกรรมตา่ ง ๆ จากง่าย ไปยาก และซับซ้อนขน้ึ จนเกิดความชำ� นาญผา่ นประสบการณจ์ รงิ ทกั ษะทสี่ �ำคัญ เชน่ 1. ทักษะพ้ืนฐานในการดำ� รงชวี ิต เช่น การช่วยเหลือตวั เอง การท�ำอาหาร ท�ำงานบา้ น ซอื้ ของ เก็บเงนิ ดูแลทรัพยส์ ินของตัวเองและสว่ นรวม เป็นตน้ 2. ทักษะที่เปน็ สอ่ื ในการเขา้ สงั คม เชน่ ใชค้ อมพิวเตอรเ์ ปน็ เล่นเกมหมากฮอส หมากรกุ เปน็ วา่ ยน�ำ้ เล่นฟุตบอล แบตมนิ ตัน ปิงปอง บาสเกต็ บอล เลน่ ดนตรี รอ้ งเพลง เต้นรำ� พดู ได้หลายภาษา ท�ำกจิ กรรมหลายอยา่ ง มีความเปน็ ตัวของตวั เอง ปรับตัวเขา้ กบั สถานการณ์และคนอ่นื ไดห้ ลายรูปแบบ สื่อสารไดช้ ัดเจน ควบคุมอารมณ์ และแสดงออกไดเ้ หมาะสม เขา้ ใจความรสู้ ึกของผ้อู น่ื แก้ปญั หาเฉพาะ หน้าไดด้ ี และมีความมัน่ ใจในตนเอง เป็นต้น 3. ทกั ษะในการเอาตัวรอด เชน่ วางแผนเป็น ประเมนิ เหตกุ ารณไ์ ด้ ชา่ งสงั เกต สามารถปฏเิ สธ สง่ิ ที่ไม่เหมาะสมดว้ ยตนเอง และสามารถท่ีจะแกป้ ัญหาดว้ ยตวั เองได้ เป็นตน้ 4. ทกั ษะในการเดนิ ทาง เชน่ ขนึ้ รถเมล์ รถไฟฟา้ รถไฟใตด้ นิ เปน็ วา่ ยนำ�้ ถบี จกั รยานได้ เปน็ ตน้ 5. ทกั ษะในการไตรต่ รอง สงั เกต วเิ คราะห์ และศกึ ษาผคู้ นทอี่ ยรู่ อบ ๆ ตวั เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจคนและรู้ เทา่ ทนั ความคดิ ของคนได้ โดยเฉพาะรวู้ า่ ตนเองจะถกู เอาเปรยี บ หรอื จะเกดิ อนั ตรายกบั ตนเองได้ มองเหน็ และสามารถเลียนแบบข้อดีของคนที่อยรู่ อบๆตวั ได้ 26
เตรียมรบั มือกับลูกวัยร่นุ 2. กติกา กฎ ขอบเขต และข้อแม้ สมาชกิ ในครอบครวั จะอยรู่ วมกนั ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ปราศจากเรอ่ื งกวนใจหรอื เรอื่ งเดอื ดรอ้ นนนั้ ในครอบครัวจ�ำเป็นต้องมีกฎ กติกา เหมือนบ้านเมืองท่ีต้องมีกฏหมายให้ทุกคนได้ปฏิบัติตาม หากผู้ใด ละเมิดกฎหมายกต็ ้องถกู ลงโทษ ในครอบครวั พอ่ แมเ่ ปน็ ผกู้ ำ� หนดกฎระเบยี บและขอบเขตตา่ งๆ ใหล้ กู รวมทง้ั ฝกึ ฝนลกู มาตง้ั แตเ่ ลก็ ผ่านการเล้ียงดใู นชีวิตประจำ� วนั เช่น เลน่ มดี ไมไ่ ด้ ต้องเกบ็ ของเลน่ หลังเลน่ เสรจ็ เข้านอน 3 ท่มุ ท�ำการ บา้ นก่อนดทู วี ี ต้องเดินเองไม่มใี ครอุม้ อีกแล้ว ตอ้ งไปโรงเรียนใหท้ นั เข้าแถวเคารพธงชาติทุกเช้า เปน็ ตน้ กฎและกตกิ าพนื้ ฐานในบา้ นจงึ เปน็ รากฐานในการฝกึ ฝนการเอาชนะใจตนเองของลกู ใหท้ ำ� ในสงิ่ ทถี่ กู ตอ้ ง มากกวา่ จะทำ� ในส่งิ ท่ีถกู ใจ ซึ่งการเอาชนะใจตนเองมคี วามสำ� คญั ต่ออนาคตอย่างยิ่ง หลักการที่ส�ำคญั ทที่ �ำให้วยั รนุ่ ทำ� ตามกฎ และกติกา เมอื่ เตบิ โตเขา้ สวู่ ยั รนุ่ ทตี่ อ้ งการอสิ ระเพม่ิ ขน้ึ กตกิ า กฎเกณฑ์ หรอื ขอบเขตจะถกู ปรบั เปลย่ี นขยบั ขยายออกไป มีรายละเอยี ดเพิม่ ขน้ึ วธิ ีการก�ำหนดกตกิ าเพ่ือใหว้ ัยรุ่นทำ� ตามนน้ั มีหลกั การที่ส�ำคัญดงั นี้ 1. เปดิ โอกาสใหว้ ยั รนุ่ มสี ว่ นรว่ มในการกำ� หนดขอบเขต รบั ฟงั แสดงความคดิ เหน็ พรอ้ มเหตผุ ล ของวัยรุน่ และใหว้ ยั ร่นุ รบั รเู้ หตุผลของพ่อแม่ โดยยดึ ผลประโยชน์ท่จี ะเกิดกับครอบครัวเปน็ หลกั 2. ใช้เทคนิคในการพูดคุย ยืดหยุ่นต่อรองเล็กน้อย ภายใต้บรรยากาศท่ีดี จนท�ำให้เกิดความ พอใจท้ังสองฝ่าย แต่การตัดสินใจขนั้ สุดทา้ ยยังเปน็ ของพ่อแม่ 3. เม่อื วยั รุ่นรบั ผดิ ชอบไดเ้ พิ่มขน้ึ กจ็ ะมสี ทิ ธไ์ิ ดเ้ พิ่มข้ึน เชน่ เมื่อวยั ร่นุ ช่วยงานพ่อแม่หรอื รบั ผิด ชอบงานได้เพิ่มขึ้น เชน่ หงุ ข้าว ซกั ผา้ ลา้ งห้องนำ้� หรือทำ� สงิ่ ใดเพิ่มตามขอ้ ตกลงท่ไี ดค้ ยุ กนั เปน็ ตน้ วยั รุ่นก็ 27
เตรียมรบั มือกบั ลกู วัยร่นุ จะได้สิทธเ์ พม่ิ ขนึ้ เปน็ ไปตามทตี่ กลงกันไว้ เช่นไดไ้ ปบา้ นเพ่อื นไดเ้ ดอื นละครงั้ หรอื ใชโ้ ทรศพั ทม์ อื ถอื ไมเ่ กิน เดอื นละ 300 บาท กลบั บ้านไมเ่ กินหกโมงเยน็ เปน็ ตน้ แต่ถา้ รับผิดชอบไม่ได้ ลูกกจ็ ะเสยี สิทธน์ิ นั้ ไป 4. รกั ษากตกิ าใหม้ น่ั คง ยนื หยดั ในสงิ่ ทถี่ กู ตอ้ ง ความเปน็ นำ้� หนงึ่ ใจเดยี วกนั ของพอ่ แม่ สมำ�่ เสมอ ไมโ่ ลเล หรือใจออ่ น จะเป็นหัวใจสำ� คญั ทจ่ี ะฝกึ วนิ ยั จนวัยร่นุ ยอมรบั ในกติกาทีก่ �ำหนดและทส่ี ำ� คญั คือ เห็นวิธกี ารที่จะยืนหยัดเพอื่ สิ่งที่ถูกต้อง ดีงาม 5. เอาจริงกับส่ิงที่ตกลงกันไว้ ถ้ามีการละเมิดข้อตกลง ต้องมีวิธีการเตือนที่ได้ผล พ่อแม่ควร ทบทวนดเู สมอวา่ วธิ กี ารเตอื นแบบใดทไ่ี มไ่ ดผ้ ลกค็ วรเลกิ ใช้ การเตอื นทไ่ี ดผ้ ลมกั จะเกดิ จากการตกลงกนั ไวล้ ว่ งหนา้ และเมอ่ื เตอื นแลว้ ควรกำ� กบั ใหเ้ กดิ ผลอยา่ งจริงจงั ทนั ที ลกู จะเรยี นรวู้ า่ พอ่ แมเ่ อาจรงิ กบั สงิ่ ทพี่ ูดและตกลงกนั ไวล้ ่วงหน้า เมอื่ มกี ารตกลงกันอีกในคร้ังต่อไป ลูกก็จะตัง้ ใจทำ� ตามทต่ี กลง โดยทั่วไป เมื่อตกลงกันแลว้ ต้องกำ� หนดเวลาทดลองปฏบิ ัตใิ นระยะแรกให้ชัดเจน เชน่ เรอื่ งน้ีเรา จะทดลองท�ำรว่ มกนั ประมาณ 2 สปั ดาห์ หลงั จากนน้ั จะมาทบทวนกนั ใหม่ เปน็ การเปิดช่องทางให้มกี าร เจรจา เปลยี่ นแปลงแกไ้ ขไดโ้ ดยพอ่ แมไ่ มเ่ สยี หนา้ และปรบั เปลยี่ นรายละเอยี ดบางอยา่ งใหล้ กู ทำ� ไดง้ า่ ยขนึ้ เปิดช่องใหล้ ูกมสี ว่ นรว่ มมากข้นึ โดยไม่รสู้ กึ เปน็ การบงั คบั กนั เกินไป ลกู จะไดเ้ รียนร้วู ่า เมื่อตกลงกนั แล้ว ตอ้ งท�ำ ถา้ อยากจะเปล่ยี นแปลงแก้ไขยงั มโี อกาสท�ำไดอ้ ยู่ แต่ตอ้ งมาตกลงกนั กอ่ น เปน็ การเปดิ ช่องทาง การ “เจรจา” เปิดโอกาสให้ลกู มสี ่วนรว่ ม เพ่อื ให้มแี รงจงู ใจในการท�ำตาม ขอ้ ตกลงมากขึ้น พ่อแม่หลายคนไม่เห็นความส�ำคัญในเร่ืองกติกา กฎเกณฑ์ หรือขอบเขต มักให้เหตุผลในการ ตามใจลกู วา่ อยากใหเ้ ขามคี วามสขุ ทสี่ ดุ เทา่ ทที่ ำ� ได้ แตล่ มื มองการณไ์ กลวา่ ถา้ ลกู เรยี นรทู้ จ่ี ะอดทน และ อย่ใู นขอบเขตท่ีเหมาะสม โอกาสทเ่ี ขาจะไปยุง่ กบั ยาเสพตดิ เทย่ี วกลางคืน หรือมีเพศสมั พนั ธ์น้ันจะเกิด ยาก เพราะเขาได้ถูกฝกึ ใหร้ ้จู กั ความอดทน ยบั ย้งั ความต้องการของตนเอง และรักษาวนิ ยั มาตั้งแตเ่ ลก็ เมอ่ื เขาโตขนึ้ เขาจะมโี อกาสประสบความสำ� เรจ็ ในเรอ่ื งการเรยี น การงาน และอยรู่ อดในสงั คมเพราะเขา มวี ินัย รับผิดชอบตวั เอง และงานที่ได้รับมอบหมายได้ กรณีทไี่ มท่ �ำตามกตกิ า และการลงโทษ การรกั ษากตกิ าใหม้ นั่ คงเปน็ เรอ่ื งสำ� คญั หากมกี ารละเมดิ ขอ้ ตกลง ตอ้ งมวี ธิ กี ารเตอื นทไ่ี ดผ้ ล ดงั นี้ 1. เอาจริงทันที โดยเฉพาะช่วงท่ีเริ่มต้นสร้างกติกา ต้องคอยสังเกต ติดตามลูก ถ้าท�ำได้ท�ำดี ใหช้ น่ื ชม ถา้ ทำ� ไมไ่ ด้ ควรมองในแงด่ วี า่ เขาอาจลมื ตอ้ งทำ� อยา่ งสมำ่� เสมอตอ่ เนอ่ื งกนั จนสามารถทำ� ไดโ้ ดย อัตโนมัติ ใชเ้ วลาประมาณ 3 สปั ดาห์ กรณเี ดก็ สมาธสิ ัน้ อาจต้องให้เวลาฝึกนานขึ้น และกรณีทเี่ ป็นการ ปรับพฤติกรรมเกา่ ท่ไี ม่ดี อาจตอ้ งใชเ้ วลาในการฝกึ มากขนึ้ 2. หยดุ พฤตกิ รรมทเ่ี ปน็ ปญั หาทนั ที เมอ่ื ลกู เรม่ิ ทำ� ผดิ อยา่ ปลอ่ ยทง้ิ ไวน้ าน หากไมแ่ กไ้ ขลกู อาจ มองวา่ ผ้ใู หญย่ อมรบั ได้ 28
เตรยี มรับมือกบั ลูกวัยรุ่น 3. ทบทวนวา่ เคยมกี ารพดู คยุ กันลว่ งหนา้ ก่อนหรอื ไม่ เช่น ถ้าเล่นเกมเลยเวลาที่ตกลงกันไว้ จะมีการจัดการอย่างไร ถ้ามีอยู่แล้ว ให้จัดการตามน้ันอย่างจริงจังและนุ่มนวล เน้นเร่ืองของการตกลง ทำ� อยา่ งไร ไดผ้ ลอยา่ งนนั้ ถา้ ไมต่ อ้ งการใหเ้ กดิ ซำ�้ อกี ควรทำ� อยา่ งไร คาดหวงั วา่ ครงั้ ตอ่ ไปเขาจะควบคมุ ตัวเองไดด้ ขี ้นึ 4. รบั ฟงั ความคดิ เหน็ คำ� โวยวายไดส้ นั้ ๆ จบั ประเดน็ ทลี่ กู ไมพ่ อใจ สะทอ้ นความคดิ ความรสู้ กึ ของเขาสน้ั ๆ 5. ไมม่ กี ารตอ่ รอง เจรจา ผดั ผอ่ น ควรทำ� ทนั ที และหากเปน็ ไปไดใ้ หส้ อดคลอ้ งกบั สงิ่ ทตี่ กลงกนั ไว้ลว่ งหนา้ แล้ว 6. หากไมม่ กี ารตกลงกนั ลว่ งหนา้ ใหใ้ ช้ กฎมาตรฐาน เชน่ ไมล่ ะเมดิ สทิ ธผ์ิ อู้ น่ื ไมล่ ะเมดิ ตนเอง ไม่ทำ� ใหข้ องเสียหาย หรอื ไม่ฟ่มุ เฟือยเกนิ เหตุ และต้ังเป็นกติกามาตรฐานไว้ ลกู ตอ้ งการหลักยดึ ท่ีชดั เจน และบางครงั้ อาจตอ้ งลงรายละเอียดให้เห็นเปน็ รปู ธรรม 7. ส่ือสารถงึ กฎเกณฑต์ า่ ง ๆ ให้ชัดเจน เชน่ แทนท่จี ะพูดวา่ อย่านอนดกึ ควรเปล่ียน เป็นบอก เวลานอนทก่ี ำ� หนดไหแ้ ทน หรอื แทนทจ่ี ะพดู ใหล้ กู อา่ นหนงั สอื เรยี นมากขนึ้ ควรพดู ใหล้ กู ทราบเวลาอา่ น หนังสอื คอื สามทมุ่ ถึงสีท่ ่มุ แทน เม่ือมีการลงโทษ พ่อแม่ควรสรุปส้ัน ๆ ก่อนการลงโทษว่าเกิดอะไรข้ึน เหตุใดจึงมีการลงโทษ ใหล้ กู ทบทวนตนเอง ถา้ สำ� นกึ ผดิ ได้ ควรแสดงความชน่ื ชมลกู ทรี่ จู้ กั ไดค้ ดิ หรอื ชมทเ่ี ขายอมเปดิ เผยความจรงิ ไมโ่ กหกปดิ บัง ชวนใหเ้ ขาคิดว่า ถ้าจะไม่ใหเ้ กิดเร่ืองนน้ั ข้ึนอีก ควรท�ำอย่างไร ป้องกนั อย่างไร และคาด หวงั ในทางทดี่ ีว่า เขานา่ จะท�ำได้ พอ่ แมจ่ ะคอยดู และช่ืนชมเขาในโอกาสตอ่ ไป หากลูกไม่คิดท่ีจะเรียนรู้ ไม่ส�ำนึก พ่อแม่ควรคุยอีกคร้ังหลังจากพ้นโทษทันที หรือในช่วงเวลา ตอ่ มาทีไ่ ม่นานเกินไป ชวนคยุ ใหล้ กู ทบทวนตนเองวา่ เกดิ อะไรขึน้ รู้สกึ อย่างไร อยากปอ้ งกันไม่ให้เกดิ เหตุการณ์แบบน้ีอกี อยา่ งไร กระตุ้นให้ลกู คิด และชมความคดิ ทด่ี ีของเขา เป็นการฝึกใหล้ กู คิด ทบทวน ตนเอง และวางแผนเกย่ี วกบั ตนเอง ทสี่ ำ� คญั คอื นำ� มาใชก้ บั ชวี ติ ตนเองไดม้ ากขน้ึ โดยไมต่ อ้ งมพี อ่ แม่ หรอื ผู้ใหญค่ อยบอกคอยเตือนอกี ต่อไป 3. ความรบั ผิดชอบ ความใฝ่ฝนั และความสุขอย่างหนง่ึ ของวัยร่นุ ทกุ คนคือ อยากเปน็ ทยี่ อมรบั ของพ่อแม่และคนอ่ืน ความรบั ผดิ ชอบเปน็ รากฐานทสี่ ำ� คญั ทพ่ี วกเขาจะไดร้ บั การยอมรบั จากคนรอบตวั ยงิ่ ผใู้ หญเ่ หน็ วา่ เขารบั ผิดชอบดี รักษาค�ำพูด ก็จะมอบความเชื่อถือและไว้วางใจให้ ความรับผิดชอบเป็นคุณลักษณะท่ีสำ� คัญ อยา่ งหนึง่ ของการประสบความสำ� เรจ็ ในชีวิต แตก่ ารที่ลกู จะมคี วามรบั ผดิ ชอบได้นั้น ต้องไดร้ บั การสอน 29
เตรียมรับมือกับลูกวัยรุ่น และฝกึ มาต้งั แต่เลก็ เริ่มจากการที่ตอ้ งรบั ผดิ ชอบการดแู ลตวั เอง ข้าวของเคร่ืองใช้ การเรยี น งานบา้ น เงนิ การเดนิ ทาง รกั ษาเวลา คำ� พดู และรบั ผดิ ชอบผลของการกระทำ� ของตนเอง เปน็ ตน้ พอ่ แมค่ วรคอ่ ยๆ เพ่มิ งานให้ลกู รบั ผดิ ชอบปีตอ่ ปี จะพบว่า ลูกยงิ่ โตก็มีความสามารถในการรับผดิ ชอบเพม่ิ ขน้ึ ตามวัย หากพอ่ แมไ่ มเ่ คยฝกึ ลกู ใหม้ คี วามรบั ผดิ ชอบมากอ่ น และอยากเรม่ิ ฝกึ เขาในชว่ งน้ี พอ่ แมต่ อ้ งเอาจรงิ และท�ำสมำ่� เสมอ จงึ จะส�ำเรจ็ หลกั ในการฝึกลูกให้รบั ผดิ ชอบ มดี ังนี้ 1. ก�ำหนดงานทใ่ี หล้ ูกรบั ผดิ ชอบ โดยการตกลงรว่ มกนั ท้ังพ่อแม่และลกู 2. ก�ำหนดกติกาให้ชัดเจน ท้ังกรณีท่ีท�ำได้ และไม่ได้ท�ำตามที่ตกลงโดยพูดให้ชัดเจนถึงผลท่ีจะ ไดร้ ับ ถา้ ไมท่ ำ� ตามกติกา 3. ชื่นชม และมองผลงานของลูกเป็นระยะ ในช่วงแรกเขาอาจยังท�ำได้ไม่ดีนัก ต้องให้ก�ำลังใจ หลกี เล่ียงการไปช่วยทำ� แทน ใช้หลักการเปรยี บเทียบความสามารถของเขาในอดตี กับปัจจุบนั 4. เขา้ ใจความร้สู ึก เพราะบางครั้งลูกกไ็ มไ่ ด้อยากท�ำงานท่ไี ด้รับ แตเ่ ขากต็ ้องอดทนทำ� โดยมพี ่อ แมท่ ี่เขา้ ใจความรู้สึก แตก่ ็ยืนยันให้ทำ� ในสง่ิ ทต่ี ้องรบั ผดิ ชอบให้ได้ 5. อยา่ เขา้ ไปช่วยเหลอื จนเกนิ เหตุ เพราะจะทำ� ใหล้ กู หยดุ ท�ำ และหันมาพึ่งพาพ่อแมอ่ กี 6. ใชท้ า่ ทที นี่ มุ่ นวล แตเ่ อาจรงิ เขา้ ใจความรสู้ กึ ของเขา แตย่ ดึ กตกิ าทวี่ างไว้ มคี วามเดด็ ขาดอยใู่ นทา่ ที 7. ให้โอกาสลูกบน่ ระบายความรสู้ ึกที่ไม่พอใจได้ 8. มสี มั พันธภาพทีด่ ีตอ่ กนั ไมใ่ ช้การบ่น ว่า หรือประจานเมอ่ื ท�ำไดไ้ ม่ดี พยายามแสดงให้ชัดวา่ พอ่ แม่เชอ่ื มน่ั วา่ ลูกต้องรบั ผิดชอบได้ 9. ใชเ้ วลาในการฝึกฝนอย่างสมำ�่ เสมอ 10. เมอ่ื ทำ� ไดแ้ ลว้ คอ่ ยๆเพม่ิ งานใหร้ บั ผดิ ชอบขน้ึ งานนนั้ ควรเปน็ งานทม่ี คี วามหมาย หรอื ซบั ซอ้ น ขึน้ ตามวฒุ ิภาวะของลูก พ่อแมจ่ ะส่งเสริมพฒั นาการลกู วัยรุ่นได้อย่างไร วัยรุ่นเป็นวัยท่ีมีพลังแฝงในตัวมากมาย และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆในชีวิต สนใจสิ่งแวดล้อม และอยากมีประสบการณแ์ ปลกใหม่ที่ท้าทายความสามารถ จงึ ควรส่งเสริมใหเ้ รียนรู้ในสิ่งท่ดี ี เหมาะสม และเพิม่ ความสามารถในทุกๆด้านไปพร้อมกนั มาตั้งแตเ่ ล็ก พอ่ แมส่ ว่ นใหญม่ กั มงุ่ พฒั นาดา้ นการเรยี นของลกู เปน็ สว่ นใหญ่ แตค่ วามเปน็ จรงิ พบวา่ วยั รนุ่ ขาด การส่งเสริมเรื่องพัฒนาการด้านอารมณ์ และสังคม ขาดประสบการณ์ชีวิตอย่างมากจนท�ำให้ควบคุม อารมณ์ตนเองได้ยาก ผ่อนคลายไม่เป็น ปรับตัวเข้ากับคนอ่ืน ๆ ได้น้อย ข้ีกลัว ไม่กล้าแสดงออกต่อ 30
เตรียมรับมือกับลูกวัยรนุ่ หน้าผู้อื่น รับผิดชอบตนเองได้ล�ำบาก ติดการพ่ึงพาผู้ใหญ่ มองเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ในมุมแคบและไมร่ อบคอบ การท่ีจะท�ำให้ลูกสนใจกิจกรรมที่พ่อแม่สรรหามาให้ นั้น เพ่ือท่ีจะพัฒนาเบ่ียงเบนพฤติกรรมไปในทางท่ีดี และ เป็นประโยชนต์ อ่ ตัววัยรนุ่ เองนน้ั มหี ลกั ดงั น้ี 1. เข้าใจวัยรุ่น วัยน้ีมีความเป็นส่วนตัวมากข้ึน พ่ึงผู้ใหญ่น้อยลง ติดเพ่ือน ฟังความเห็นของเพ่ือนมากกว่า พ่อแม่ ถ้าอยากให้ลูกเข้ากิจกรรมใด ก็ต้องขยายโอกาสให้ เพ่ือน ๆ ของเขาด้วย การกระตุน้ ให้ลกู สนใจ อยากรู้อยาก เห็น คน้ ควา้ หาขอ้ มลู เพิม่ เตมิ และอยากลองทำ� ในสง่ิ ทด่ี ี ๆ น้นั ทำ� ได้ไมย่ าก แตพ่ ่อแมต่ อ้ งเป็นแบบอย่างท่ดี ี การร่วมคิด ร่วมวางแผน คิดหลายๆด้าน ท้ังด้านการเงิน การเดินทาง การเตรยี มตวั จะชว่ ยฝกึ ใหล้ กู มองไดร้ อบดา้ นขนึ้ ยง่ิ ทำ� หรอื มีประสบการณ์หลากหลายจะช่วยให้ลูกเข้าใจตนเอง รู้ว่า ตนเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ถนดั ดา้ นใด ซงึ่ เปน็ สว่ นหน่ึง ในการคน้ หาเอกลกั ษณ์ของตนเอง 2. มองให้รอบด้าน ชีวิตมีเร่ืองที่ต้องเรียนรู้ และพัฒนาตนเองหลายด้าน ท้ังด้านกีฬา ดนตรี ศลิ ปะ ภาษา ทกั ษะการพดู การเขา้ สังคม การเดนิ ทาง การผจญภัย การช่วยเหลือผู้อ่นื การแกป้ ญั หา เฉพาะหน้า การท�ำกับข้าว ท�ำขนม ซ่อมส่ิงของ ใช้คอมพิวเตอร์ การปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ การควบคมุ อารมณ์ การผอ่ นคลายตนเอง เปน็ ตน้ อยา่ สง่ เสรมิ แตก่ ารเรยี น โดยใหเ้ รยี นพเิ ศษมาก ๆ เพราะ จะทำ� ให้ลูกขาดประสบการณใ์ นดา้ นอืน่ อยา่ งนา่ เสยี ดาย 3. ท�ำกจิ กรรมหลากหลาย ท่เี หมาะสม ทา้ ทายและสนกุ เชน่ การเข้าคา่ ยผจญภยั ค่ายนักกฬี า มอื ใหม่ ค่าย YMCA YPDC ฝกึ รอ้ งเพลง วาดรูป ว่ายนำ้� เล่นสกี เรียนเทนนสิ ทำ� ขนม เย็บผา้ เต้นร�ำ รำ� ละคร เปน็ ตน้ สลบั กจิ กรรมไปมาเพอ่ื ไมใ่ หล้ กู เบอื่ ความสนกุ หรอื มเี รอ่ื งทา้ ทาย คาดเดาไมไ่ ดล้ ว่ งหนา้ จะเปน็ หัวใจในการจัดกจิ กรรมทดี่ งึ ความสนใจลกู วัยรนุ่ ไดน้ าน 4. สง่ เสริมพฒั นาการทุกดา้ นไปพรอ้ มกัน วัยรุ่นแต่ละคนมจี ุดเดน่ ความชอบ ความถนัดแตก ตา่ งกนั แตก่ ย็ งั มสี ว่ นทต่ี อ้ งพฒั นาดา้ นอนื่ อกี ดงั นน้ั การเลอื กกจิ กรรมเฉพาะ จนเกดิ การเรยี นรดู้ า้ นเดยี ว เชน่ การเรียนพเิ ศษ การเรยี นเปียโน คอมพิวเตอร์ ฝกึ พูดภาษา ท�ำกบั ข้าว วา่ ยนำ้� จะฝึกได้สั้น ๆ เชน่ 1 ชวั่ โมงตอ่ สปั ดาห์ แตส่ มำ�่ เสมอ จะชว่ ยใหล้ กู มคี วามสามารถเกดิ ขน้ึ ในระยะยาวได้ แตล่ กู จะไดเ้ พอื่ นนอ้ ย 31
เตรียมรบั มอื กบั ลูกวัยร่นุ กว่า และต้องปรับตัวเข้ากับคนอื่นน้อยกว่าเม่ือเทียบกับให้ลูกไปเข้าค่ายฤดูร้อนระยะยาวท่ีเน้นการอยู่ รวมกบั คนอนื่ ชว่ ยตวั เอง ตอ้ งตดั สนิ ใจ ไดต้ น่ื เตน้ ผจญภยั ตอ้ งแกป้ ญั หาเฉพาะหนา้ เอง กจิ กรรมลกั ษณะ แบบหลังนี้จะช่วยพฒั นาทกั ษะด้านอารมณ์ การปรบั ตัว และการเข้าสงั คมของลูกไดด้ ีกว่า 5. หดั ให้ตัดสินใจดว้ ยตวั เองและยอมรบั ผลทต่ี ามมา การพดู คยุ วางแผน เป็นพ้ืนฐานท่ีส�ำคญั มากในการให้ลูกเรียนรถู้ งึ การคน้ หาข้อมูลซ่งึ พ่อแมอ่ าจชว่ ยค้นหาในบางส่วน ลูกตอ้ งหัดวางแผน ติดตอ่ สอบถาม และน�ำมาปรึกษา แลกเปล่ียนความคิดเห็นกับพ่อแม่ คิดล่วงหน้าถึงความเป็นไปได้ในด้าน บวกและลบ วิเคราะหค์ วามเสย่ี ง ประเมินความเส่ยี ง และหาสาเหตุของความเสี่ยง โอกาสเกดิ อันตราย วธิ ปี อ้ งกนั ความเสยี่ ง การลดความเสี่ยงดว้ ยวิธีการตา่ งๆ หรอื การแกไ้ ขปญั หาหากเกิดเหตุการณ์ไมค่ าด คิดข้ึน วเิ คราะห์ ขอ้ ดี ขอ้ เสียของแต่ละทางเลอื ก ก่อนที่จะใหต้ ัดสนิ ใจดว้ ยตวั เอง และไปสมัครเขา้ รว่ ม กิจกรรม 6. สนบั สนนุ และตดิ ตามผล พอ่ แมม่ บี ทบาทอยา่ งมากในการสง่ เสรมิ พฒั นาลกู วยั รนุ่ ในทางทเ่ี หมาะ สม ถ้าไม่ไปติดกับการเร่งรัดในเรอ่ื งการเรยี นมากมาย ไม่วา่ ลูกจะเลือกตัดสินใจอย่างไร พอ่ แม่ยังมหี นา้ ที่กระตุ้นให้เขาได้เรียนรู้ผลกระทบของการตัดสินใจของเขา หรือประสบการณ์ที่เขาได้รับให้มากท่ีสุด แม้วา่ การตัดสนิ ใจของลกู อาจไมต่ รงกับใจของพ่อแมก่ ็ตาม แต่การบงั คับลูกใหท้ ำ� ตามทพ่ี ่อแม่สง่ั ก็มักไม่ สำ� เรจ็ ดงั นนั้ การจงู ใจใหล้ กู มองเหน็ ทาง สนใจ และอยากทำ� อะไรดว้ ยตวั เองในทศิ ทางทเ่ี หมาะสมจงึ เปน็ วิธกี ารท่ไี ด้ผลเสมอ 32
เตรียมรบั มือกบั ลกู วยั รนุ่ สื่อสารให้ได้ใจลกู พ่อแม่ส่วนหนึ่งท่ีมีปากเสียงกับลูก เนื่องมาจากขาดเทคนิคการพูดคุยและส่ือสารที่ถูกต้องกับ ลูกวัยรุ่น ซ่ึงพัฒนาการในช่วงนี้ของลูกจะท�ำให้เขาเร่ิมคิดโดยใช้เหตุผล วัยน้ีอยากเป็นตัวของตัวเอง แต่ยงั คิดไดไ้ ม่รอบ ยังเอาตวั เองเป็นหลัก และยงั ขาดความยบั ยง้ั ช่งั ใจอยู่ การที่จะคยุ กบั วยั รุ่นไดร้ เู้ ร่ือง ตอ้ งอาศยั หลกั ตอ่ ไปนี้ 1. เข้าใจเขาหน่อย และยอมรับการเปล่ียนแปลง จากวัยเด็กท่ีเคยอยู่ในโอวาทของพ่อแม่ เขาจะเรมิ่ ตอ่ ลอ้ ตอ่ เถยี ง ฉนุ เฉยี วงา่ ย ไมค่ อ่ ยยอมทำ� ตามคำ� สง่ั งา่ ย ๆ บางทดี เู หมอื นผใู้ หญพ่ ดู คยุ กนั รเู้ รอ่ื ง บางคร้ังก็ทำ� ตามใจตวั เอง ไม่ค่อยคิดถึงจติ ใจคนอื่น ใชค้ ำ� พดู เชือดเฉอื น ก้าวร้าว ดเู หมือนไมม่ มี ารยาท แตบ่ ทจะพดู หวานกห็ วานได้ อารมณข์ ้ึนๆ ลงๆ เอาแนน่ อนไม่คอ่ ยได้ แต่ก็อยากมีสว่ นร่วม อยากแสดง ความคดิ เหน็ และต้องการการยอมรับจากผใู้ หญ่ พ่อแมจ่ ำ� เปน็ ต้องปรบั ปรงุ และเปล่ียนแปลงวิธกี ารพดู คยุ กฎเกณฑ์ กตกิ า และลกู เล่นตา่ ง ๆ ใหท้ นั สมัย พร้อมทีจ่ ะนำ� มาใช้กับลูกเพิ่มขึ้น ลูกไมช่ อบการจจู้ ้ี ขบี้ น่ วนุ่ วายกบั เร่อื งเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ ของเขา ย่งิ เข้าไปยุ่ง เขาจะย่ิงถอยหา่ ง เขาไมช่ อบการบงั คับตรง ๆ ถา้ ไมใ่ ช่เรื่องใหญ่ พ่อแมอ่ าจท�ำเป็นไมร่ ู้ไมช่ ้ีบา้ ง แต่หากเปน็ เรอื่ งท่ีเกินขอบเขต ยอมรับไมไ่ ด้ เช่น หนี โรงเรียน กลบั บา้ นดกึ กต็ อ้ งจดั การใหช้ ัดเจน 2. พดู คยุ เปดิ เผย เป็นกนั เอง เปน็ เร่อื งทตี่ อ้ งฝึกทักษะนี้มาตัง้ แตเ่ ล็ก ๆ โดยพอ่ แม่พดู คุยกบั ลกู ไดท้ กุ เร่อื ง ทัง้ เรื่องดีและไมด่ ี เร่ืองทท่ี ำ� ส�ำเร็จและไม่สำ� เร็จ เรอื่ งของความชอบและไมช่ อบ คยุ กนั อยา่ ง เปิดเผยเป็นประจำ� ภายใต้บรรยากาศสบาย ๆ และแสดงความเป็นห่วงเปน็ ใยพอสมควร หากพอ่ แมน่ �ำปญั หาตา่ งๆ มาชว่ ยกนั คิด และรบั ฟังความคดิ เหน็ ซง่ึ กันและกนั จะยิง่ เพ่ิมคุณภาพ การพดู คยุ มากขน้ึ การใชเ้ วลาพดู คยุ แบบนจี้ ะทำ� ใหพ้ อ่ แมเ่ ขา้ ใจความคดิ ความรสู้ กึ ของลกู ทมี่ ตี อ่ เรอ่ื งตา่ ง ๆ ไดด้ ี พอ่ แม่สามารถกระต้นุ ให้ลกู หดั คิด หดั พูดถึงความคิด ความรูส้ กึ ของตัวเอง และสะทอ้ นความคิด และความรู้สึกได้ เช่น “ลกู คดิ ถงึ เรือ่ งนอี้ ยา่ งไร” (ถามความคดิ ) “ลกู ต้องการให้เปน็ อย่างไร...........” (ถามความคิด) “เมื่อลกู โกรธ ลูกคดิ จะทำ� อย่างไรต่อไป” (ถามความคดิ ) เมือ่ เด็กตอบว่า “ผมอยากกลับไปชกหน้ามัน” ควรพูดตอ่ ไปว่า “ลูกโกรธมากจนคิดว่านา่ จะกลบั ไปชกหนา้ เขา” (สะท้อนความคดิ ) “ลูกคงเสียใจ ท่คี ุณครทู ำ� โทษ” (สะทอ้ นความรู้สกึ ) “ลกู รูส้ กึ อย่างไรบา้ ง ที่พอ่ แม่ไม่ไดอ้ ยู่ดว้ ยกัน” (ถามความรูส้ กึ ) 33
เตรยี มรบั มือกับลกู วยั รนุ่ การถามและสะท้อนความรู้สึกและความคิด จะได้ประโยชน์มาก เพราะท�ำให้ลูกรู้สึกว่า พ่อแม่ เข้าใจความคิด และความร้สู ึกของเขา ส่งผลให้เกิดความสมั พนั ธท์ ี่ดี เขารสู้ กึ ว่า พอ่ แมเ่ ปน็ พวกเดียวกับ เขา และจะบอกความจรงิ กบั พอ่ แมเ่ พิม่ ขึน้ ลูกควรเข้าใจว่า การพูดเล่าเรื่องทั้งเร่ืองดีและไม่ดีเป็นเร่ืองปกติในครอบครัว โดยพ่อแม่ควร เป็นตัวอย่างแก่ลูกในการบอกความคิดเห็น หรือต้องการของตนเองท่ีชัดเจน เช่น “แม่คิดว่า...” หรือ “พอ่ ต้องการให้เป็นแบบน้.ี ..” เป็นตน้ การที่พ่อแม่เล้ียงลูกมาต้ังแต่เล็ก ไม่จ�ำเป็นท่ีพ่อแม่และลูกจะคิดอะไร หรือท�ำไรเหมือนกัน พอ่ แมค่ วรยอมรับฟังความเหน็ ของลกู แม้ว่าพอ่ แมอ่ าจไม่เหน็ ด้วยกต็ ามควรใหโ้ อกาสเขาไดแ้ สดงความ เห็น แสดงความรู้สึกได้ทุก ๆ เรื่อง แม้ว่าจะเป็นเร่ืองท่ีอาจท�ำผิดพลาดมาก็ต้องชมที่เขากล้าเปิดเผย แตก่ ารจัดการในเรื่องผิดถกู เป็นอกี เร่ืองหนึง่ 3. ให้เวลา เวลาเป็นสิง่ มคี า่ เป็นสง่ิ ทม่ี อบให้ส�ำหรับคนท่ีรกั กนั พดู คยุ ทม่ี ีคุณภาพไมจ่ ำ� เป็นต้อง ใชเ้ วลามาก ควรคยุ ในช่วงท่ีสบายใจ อาจยกเอาเหตุการณ์ในละคร ในภาพยนตร์ หรือประสบการณใ์ น ชวี ติ มาคยุ เพอ่ื สงั เกตความคดิ เหน็ ความเชอ่ื และคา่ นยิ มของลกู ภายใตบ้ รรยากาศทด่ี ตี อ่ กนั การพดู คยุ นจ้ี ะท�ำใหว้ ัยรุ่นรบั ฟงั ข้อมลู ท่ีพ่อแมส่ ่ือสารไดด้ ีทสี่ ดุ 4. ท่าทีของพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่รับฟังความคิดเห็นและเหตุผลของลูก ลูกก็จะฟังพ่อแม่เช่นกัน พอ่ แมท่ กุ คนพอใจทลี่ กู เชอ่ื ฟงั และไมพ่ อใจถา้ ลกู ไมท่ ำ� ตาม ทา่ ทขี องพอ่ แมจ่ งึ เปน็ เรอ่ื งทมี่ คี วามสำ� คญั ต่อคุณภาพในการพูดคุยกับลูกวัยรุ่น และพ่อแม่ควรฝึกให้ลูกคิดเองก่อนเสมอ เมื่อเขาคิดไม่ออก หรอื คดิ ไม่รอบคอบ ไมก่ ว้างพอ พอ่ แม่จึงช่วยชแี้ นะใหใ้ นตอนท้าย พ่อแม่ควรยอมรับในความคิดเห็นของลูกท่ีอาจแตกต่างจากตนเอง และยอมรับการปฏิเสธที่มี เหตผุ ลของลกู เพราะนนั่ หมายความวา่ ลกู เรมิ่ เปน็ ตวั ของตวั เอง แตก่ ม็ ไิ ดห้ มายความวา่ จะตอ้ งทำ� ตามท่ี ลกู คดิ ทกุ ครง้ั ขนึ้ อยกู่ บั เหตผุ ลประกอบ บอกลกู ถงึ ความปรารถนาดี ใหเ้ หตผุ ลในมมุ มองทตี่ า่ งกนั ออกไป และใหเ้ วลาลูกกลับไปคิด จะชว่ ยฝกึ ใหล้ ูกรู้จกั คดิ ไตร่ตรอง มากขึ้น ภายใตบ้ รรยากาศทีไ่ มก่ ดดนั เชน่ “ลูกคดิ ว่าปญั หาอยู่ทีไ่ หน” (ให้คิดสรปุ หาสาเหตขุ องปัญหา) “แล้วทางออกแบบอน่ื ละ มวี ธิ กี ารอน่ื หรือไม่” (ให้หาทางเลอื กอน่ื ๆ ความเปน็ ไปได้อื่นๆ) “ท�ำแบบนี้ แลว้ คาดว่าผลจะเป็นอย่างไร” (ใหค้ ดิ ถงึ ผลทตี่ ามมา) “เปน็ ไปได้ไหม ถา้ จะท�ำแบบน.้ี ... (แนะน�ำ) .......ลูกคดิ อย่างไรบา้ ง” 5. ชน่ื ชมความสามารถ การชมควรชมใหล้ กู เกดิ ความภาคภมู ใิ จตนเอง ควรชมใหผ้ อู้ นื่ ทราบดว้ ย หรอื รว่ มชน่ื ชมดว้ ย และเสรมิ ใหล้ กู รสู้ กึ ตอ่ ไปวา่ เขาควรจะภมู ใิ จทต่ี วั เองเปน็ คนดดี ว้ ย ตอ่ ไปลกู จะชน่ื ชม ตวั เองเป็น ไมต่ อ้ งรอให้คนอนื่ เห็นความดีของตน หรอื รอให้คนอื่นชมเสมอไป ดังตัวอย่างน้ี 34
เตรียมรบั มอื กับลกู วัยรุ่น “แมด่ ีใจมากที่ลกู ชว่ ยน้องแกป้ ญั หา ลูกรสู้ กึ ภูมใิ จใชไ่ หมจ๊ะ” “แม่ดใี จที่ลกู มีความพยายามและตงั้ ใจอ่านหนงั สอื สอบ คะแนนจงึ ออกมาดี ลูกร้สู ึกภมู ใิ จในตวั เองด้วยใชไ่ หม” ในด้านตรงข้าม เวลาเตือนอย่าให้เกิดความอับอาย ให้ลูกค่อย ๆ คิดและยอมรับด้วยตัวเอง อยา่ ให้เขาเสียความรู้สึก ควรเตอื นเปน็ การส่วนตวั และกอ่ นจะเตอื น ควรหาขอ้ ดีของเขากอ่ นแล้วใหช้ ม ตรงจดุ น้ันกอ่ น จงึ คอ่ ยเตือนท่ีพฤตกิ รรมทต่ี อ้ งการให้ปรับปรุง เช่น “แมร่ วู้ า่ ลกู ไมไ่ ดต้ งั้ ใจ แตก่ ารทลี่ กู กนิ ขนมในหอ้ งนอนเสรจ็ แลว้ ไมเ่ อาจานไปเกบ็ จนมดขนึ้ อนั นไี้ มถ่ กู ตอ้ ง” “พอ่ เหน็ แลว้ วา่ ลกู มคี วามตง้ั ใจเรยี นมาก แตก่ ารนอนดกึ ไมด่ ตี อ่ สขุ ภาพ และจะทำ� ใหล้ กู ตน่ื ไปโรง เรยี นไมไ่ หว” 6. หลีกเล่ียงการใช้ค�ำถามที่ขึ้นต้นว่า “ท�ำไม..?” การใช้ค�ำถามท่ีข้ึนต้นว่า “ท�ำไม..?” เช่น “ทำ� ไมลกู ไม่ส่งงาน?” จะท�ำใหล้ ูกเขา้ ใจได้ 2 แบบ คอื แบบแรก ลูกท�ำไมด่ เี ลย ทำ� ไมจึงทำ� เช่นนั้น และ แบบทสี่ อง ถ้าลูกมเี หตผุ ลทีด่ พี อ การกระทำ� เช่นน้ันกอ็ าจเป็นทย่ี อมรบั ได้ ผลท่ีตามมาคือ ลูกจะพยายามหาเหตุผลเข้าข้างตนเองมากข้ึนเพื่อยืนยันความถูกต้องของความ คดิ และการกระทำ� ของเขา เป็นการสอนให้ลูกเถียงแบบขา้ ง ๆ คู ๆ แลว้ พอ่ แมก่ จ็ ะโมโหเสยี เอง ทง้ั ๆที่ เปน็ คนเรมิ่ ตน้ ใหล้ กู หาเหตผุ ล แตเ่ มอ่ื ลกู แสดงเหตผุ ล กไ็ มย่ อมรบั เหตผุ ลของเขา ถา้ ตอ้ งการทราบเหตผุ ล จรงิ ๆ ของพฤตกิ รรทล่ี ูกทำ� ควรถามดังนี้ “พอจะบอกแมไ่ ดไ้ หมวา่ ลูกคดิ อย่างไรกอ่ นท่จี ะท�ำอย่างนน้ั ” หรอื “มันเกดิ อะไรขึน้ ไหนลองเล่าใหพ้ อ่ เข้าใจหนอ่ ย” 7. การต�ำหนิ การทมี่ คี วามคดิ เห็นขัดแย้งกันเปน็ เรอ่ื งธรรมดาของคน ความผิดพลาด การเถยี ง ขา้ ง ๆ คู ๆ กไ็ มค่ วรไปเอาใจใสม่ ากนกั อยา่ ด่วนตำ� หนิ ดวุ า่ ลงโทษกอ่ นทลี่ ูกจะพดู จบ พยายามสงบใจ รบั ฟงั ทำ� ความเข้าใจ ให้โอกาส อยา่ พดู ขดั และสรปุ ประเดน็ ใหต้ รงกันในเรื่องท่ีเขาเล่ามาใหฟ้ งั ถา้ จะตำ� หนใิ หต้ ทิ ค่ี วามคดิ การตดั สนิ ใจ หรอื พฤตกิ รรม จะทำ� ใหล้ กู ยอมรบั และไมเ่ สยี ความรสู้ กึ ด้านดขี องตนเอง ไมค่ วรต�ำหนิทต่ี ัวลกู ว่าเป็นคนไม่ดี เพราะจะเกิดการต่อต้านไมย่ อมรบั ได้ เชน่ “การตนื่ ไปโรงเรยี นนสาย เปน็ ส่ิงท่ไี มถ่ ูกต้อง” ดกี ว่า “ลกู แย่มาก ข้เี กยี จจงั เลยถงึ ต่นื สาย” “การท�ำเช่นนั้น ไมฉ่ ลาดเลย” ดีกวา่ “ลูกนี่โงม่ ากนะ ทที่ �ำเชน่ นัน้ ” “แมไ่ มช่ อบทลี่ กู ไมไ่ ดช้ ว่ ยงานบา้ นทกุ คนตอ้ งชว่ ยกนั ” ดกี วา่ “ลกู เหน็ แกต่ วั และชอบเอาเปรยี บ” ไมค่ วรใชค้ ำ� พดู ท�ำนองว่า เปน็ นสิ ัยไมด่ ี หรือสันดานไม่ดี เพราะจะเกดิ การตอ่ ต้าน หรือแกล้งเปน็ อย่างน้นั จริง ๆ และไมค่ วรพดู ล่วงเกินไปถึงผู้อน่ื เช่น “นสิ ัยเสยี เหมือนพอ่ ไม่มผี ดิ ” 35
เตรียมรบั มอื กบั ลกู วัยร่นุ เหตุใดลูกวยั รนุ่ ไมช่ อบพูดคุยกบั พ่อแม่ มักเกดิ จาก • พ่อแม่ไม่รักษาความลับ ชอบเอาไปเลา่ ต่อ • จบการพดู คุยดว้ ยการสง่ั สอน อบรม ดุว่า หรอื โวยวายโดยทยี่ ังฟงั ไม่จบ • ไม่สนใจจริงจังในเนื้อหาที่วัยรุ่นพูด หรือยึดติดแนวความคิดของผู้ใหญ่ เพียงแค่ท�ำท่ารับฟัง ไปอยา่ งน้นั ไม่ได้ต้งั ใจท่ีจะท�ำความเขา้ ใจเนื้อหาทเี่ ขาพดู ออกมา หรือไมย่ อมท่จี ะเข้าใจคอยจ้องจบั ผิด • พอ่ แมไ่ มเ่ คยสนใจพดู คยุ กนั มากอ่ น พอมเี รอื่ งขน้ึ มา ถงึ จะมาพดู คยุ ซกั ถาม หรอื เพอ่ื หวงั ผลประโยชน์ สงิ่ ทีล่ ูกวยั รุ่นอยากไดร้ บั จากพ่อแม่ เวลาพูดคุยกนั 1. ยอมรับความคดิ เหน็ ของวัยร่นุ แม้วา่ จะแตกต่างกัน 2. ใหโ้ อกาสแสดงความเป็นตัวของตัวเองโดยไมด่ ่วนตัดสนิ วา่ ผิดหรอื ถูก 3. ใหเ้ กียรตใิ นการพดู คุยเสมอว่า เป็นผู้ใหญ่คนหน่งึ 4. ถ้าจะดุ หรือว่ากล่าวตักเตือน ให้พูดตรง ๆ เฉพาะเร่ืองน้ัน ให้ตรงประเด็น ไม่ต้องพูดยาว อย่าเอาความผดิ เก่า ๆ มาพดู ซ�ำ้ 5. คุยกันในบรรยากาศดี ๆ สบาย ๆ ไม่กดดัน 6. คยุ กนั ได้หลาย ๆ เรื่องอยา่ งสนกุ สนาน และยอมรับในความแตกต่าง 7. เปน็ ท่ีปรึกษาได้ในยามที่ลกู ตอ้ งการ 8. ใกลช้ ิด แตไ่ ม่วุ่นวาย เจ้ากี้เจ้าการ หรือบีบบงั คบั 36
เตรียมรบั มอื กบั ลกู วัยรุน่ ฝึกลกู ใหร้ จู้ กั วางแผน ควรฝกึ ใหล้ กู รจู้ กั การคดิ ลว่ งหนา้ คาดการณล์ ว่ งหนา้ และวางแผนเพ่ือปอ้ งกนั ปัญหา หรอื เพอื่ ให้ ไดผ้ ลในอนาคตตามท่ตี นเองตอ้ งการ รวมทง้ั สามารถควบคุมตนเองใหท้ �ำไดต้ ามแผนนัน้ เพ่ือนมีความส�ำคัญต่อวยั รุน่ มาก และเขาอยากใชเ้ วลาอยูก่ บั เพอ่ื นเพมิ่ ขน้ึ อยากมอี ิสระมากข้ึน ในการท�ำกิจกรรมร่วมกัน แต่ก็ควรมีขอบเขตของความเหมาะสมควบคู่ไปเสมอ ลูกอาจมาขอไปเท่ียว ไปบา้ นเพอื่ น ไปตา่ งจงั หวดั ขอดหู นงั ขอนอนคา้ งบา้ นเพอื่ น เปน็ ตน้ การวางแผนจะเปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ ฝกึ ฝน ใหล้ กู หดั คิด วิเคราะห์ และฝึกฝนเร่อื งตา่ ง ๆ ตามมา พอ่ แมค่ วรมเี ทคนคิ เพ่มิ เติม ดงั น้ี 1. เขา้ ใจวยั รนุ่ ความทอี่ ยากรู้ อยากเหน็ อยากลอง อยากเดน่ อยากดงั อยากเลยี นแบบและตดิ เพือ่ นจึงสนใจกจิ กรรมที่ตื่นเตน้ ทา้ ทาย นอกล่นู อกทางได้งา่ ย ยิ่งไปไหนล�ำบาก ๆ ไปไกล ๆ กลับดึก ๆ ก็เหมือนเป็นการพิสูจน์ความสามารถในตัวว่า ตัวเองก็ท�ำได้ มีความเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ยังขาด ประสบการณ์หลายอยา่ ง อาจมองไมเ่ ห็นอนั ตรายทีอ่ าจเกิดขึน้ ได้ 2. ความเหมาะสมและเปน็ จรงิ การทวี่ ยั รนุ่ มาขออนญุ าตไปกบั เพอ่ื นถอื วา่ เขาแสดงความนบั ถอื และใหเ้ กยี รติพอ่ แม่ การมาขอก่อนทีจ่ ะทำ� ลงไปเป็นเร่ืองท่ีต้องสง่ เสรมิ ชนื่ ชม แต่มไิ ดห้ มายความว่าจะ ต้องได้รบั อนุญาตทุกคร้งั ไป พอ่ แมค่ วรพิจารณาตามความเหมาะสม และตามความเห็นชอบของพอ่ แม่ ไมค่ วรโวยวาย รบี ดว่ นปฏเิ สธโดยไมฟ่ งั เรอ่ื งราวทง้ั หมดกอ่ น อา้ งแตค่ วามปลอดภยั หรอื ดวุ า่ ทนั ทโี ดยไม่ ฟงั เขาพดู ใหจ้ บ หรือปล่อยใหเ้ ขาพดู โดยไม่ตัง้ ใจฟัง สิ่งเหลา่ นจ้ี ะท�ำใหล้ ูกรู้สึกไม่ดี ทำ� ใหเ้ ขาอาจไมอ่ ยาก ขอพอ่ แม่อีกตอ่ ไป และแอบท�ำไปโดยพลการเลย 3. รบั ฟัง และใหโ้ อกาสคยุ กนั ถึงแผนท่จี ะทำ� อย่าด่วนวจิ ารณ์ หรือให้คำ� แนะนำ� ใหใ้ จเย็นรับ ฟังความคดิ เห็น ไมก่ ดดัน หรือจอ้ งจบั ผดิ คยุ ถึงแผนการทีอ่ ยากจะทำ� ว่า จะไปไหน ไปอย่างไร กับใคร ไปกโ่ี มง กลบั อยา่ งไร ถงึ บ้านเวลาไหน ใช้เงินใคร ต้องเอาอะไรไป และคาดวา่ จะได้เรียนรู้อะไร อปุ สรรค น่าจะอยู่ตรงไหน อันตรายเกิดได้บ้างหรือไม่ แล้วจะแก้ไขอย่างไร เท่านี้พ่อแม่จะเข้าใจแนวคิดของลูก และขณะเดียวกัน ลกู เองกไ็ ดท้ บทวนแผนการ โดยการทพ่ี ่อแม่กระตุ้นใหค้ ิดหลาย ๆ ทางจากการถาม ชว่ ยให้ลูกได้เรียนรู้ และคดิ ไดร้ อบคอบข้ึน 4. อยา่ เพงิ่ รีบตดั สินใจ พ่อแม่อาจขอเวลาคดิ ไตร่ตรองกอ่ น 2-3 วนั แมว้ ่าในใจจะไมต่ ้องการ ให้ไปก็ตาม เพื่อเป็นแบบอย่างให้ลูกเรียนรู้ว่า จะต้องมีการคิดท่ีรอบคอบเหมือนกันก่อนที่จะตัดสินใจ และเวลาที่ยืดออกไปจะช่วยให้ลูกได้ท�ำใจหากผิดหวังหรือสมหวัง พ่อแม่เองก็จะได้มีเวลาเตรียมการว่า จะปฏิเสธอยา่ งไรลกู ถึงจะยอมรบั ดว้ ยดี 5. แสดงออกใหช้ ดั ในการพดู คยุ กบั ลกู นนั้ ควรตอ้ งแสดงชดั เจนใหล้ กู รบั รถู้ งึ ความรกั ความผกู พนั ทพี่ ่อแม่มีต่อลกู ความกงั วลถึงความปลอดภัย และอันตรายทีอ่ าจเกิดขนึ้ ให้ลูกมอง เห็นถงึ ความหว่ งใย 37
เตรียมรบั มือกบั ลกู วยั รุ่น แต่อีกด้านหนึ่งพ่อแม่ควรรับรู้ถึงความต้องการของลูก ให้ความเช่ือถือ และเชื่อม่ันในความสามารถเอา ตวั รอดของลกู บางคร้ังทพี่ อ่ แมไ่ วใ้ จในตวั ลูกแต่ไมไ่ วใ้ จคนอื่น เรอ่ื งนีล้ ูกก็ต้องแสดงให้พ่อแมเ่ หน็ ว่า ลกู สามารถหลบหลีกภยั จากคนอื่นได้เช่นกัน 6. ยึดกติกากลาง มีขอบเขตโดยใช้เหตุผลเป็นพ้ืนฐาน พ่อแม่ควรตกลงกับลูกให้ชัดเจนเมื่อ อนุญาตให้ท�ำตามที่ขอ เชน่ การใช้เวลาอยู่กบั เพื่อนจะตอ้ งไมร่ บกวนการเรียนซ่งึ เปน็ หน้าทห่ี ลกั ของลกู ไมเ่ กดิ อนั ตรายตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื ไมร่ บกวนสทิ ธขิ องผอู้ นื่ ไมฟ่ มุ่ เฟอื ย และอยใู่ นกรอบของขนบธรรมเนยี ม ประเพณีที่ดี เป็นต้น การบีบบังคับให้ลูกเปล่ียนใจโดยอ้างอันตรายท่ีจะเกิดขึ้นเพียงอย่างเดียวนั้น จะท�ำให้ลูกเกิดความรู้สึกไม่ดี เหมือนถูกสบประมาท และลูกจะพยายามหาทางพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาไม่ กลัว ท�ำได้ และไม่มอี ะไรเกดิ ข้นึ ตามทีพ่ อ่ แมก่ ลวั 7. หน้าท่ี ความรบั ผดิ ชอบ การท่ีลกู จะขอท�ำอะไรทพ่ี เิ ศษข้นึ มานัน้ เขาจะตอ้ งทำ� หน้าทท่ี ่ีเขา รับผิดชอบอยู่แล้วให้เรียบร้อยก่อน หลายบ้านท่ีพ่อแม่ใช้ให้ท�ำงานเพ่ิมข้ึนจากเดิมอีก 1 อย่างเป็นการ แลกเปล่ยี นกบั การท่จี ะไปกับเพอ่ื น ถือเปน็ การฝกึ ฝนทกั ษะด้านอืน่ ไปในตวั 8. การปฏิเสธไม่ใหล้ กู ไป ถ้าพจิ ารณาแลว้ วา่ สงิ่ ที่ลูกขอน้นั ไมเ่ หมาะสม พ่อแม่สามารถปฏเิ สธ ได้หลงั จากใช้เวลาพิจารณาอย่างเหมาะสม การปฏิเสธทำ� ให้ลูกเสยี ความรสู้ ึกเป็นเร่ืองธรรมดา หลักการ ทส่ี ำ� คญั คือ • ชื่นชมทีเ่ ขาให้เกยี รตพิ ่อแมโ่ ดยการมาขออนญุ าต แต่สิ่งทีข่ อนนั้ ไมส่ ามารถให้ทำ� ได้ • ใช้ท่าทปี ฏเิ สธท่ีนุม่ นวล ใชเ้ หตุผล เช่น สงิ่ ทขี่ อไปน้นั ใช้เงินมากเกนิ ไป จะไปเทย่ี วเรือแต่ยงั ว่ายน�้ำไม่เปน็ จะไปค้างบ้านเพ่อื น ก็ตอ้ งรบั ผิดชอบตวั เองให้ไดก้ ่อน ไมไ่ ปเปน็ ภาระของคนอนื่ เป็นต้น 38
เตรยี มรบั มอื กับลกู วัยรุ่น • พดู ง่าย ๆ ตรงไปตรงมา ไมก่ ลา่ ววา่ ไปถงึ เรื่องอน่ื • ใหแ้ นวทางทีท่ ำ� ใหค้ วามหวังเป็นจรงิ เช่น หัดว่ายน้�ำเพอื่ จะไดไ้ ปเทย่ี วทางเรอื ได้ เก็บสตางค์ หรือหารายไดพ้ เิ ศษเพือ่ ไปเที่ยวกับเพือ่ นช่วงปิดเทอมหน้า ฝกึ รับผิดชอบตัวเองเพิ่มขน้ึ เพอ่ื จะได้ไปคา้ ง บ้านเพอื่ นได้ เป็นต้น สอนลูกแบง่ เวลาให้เปน็ พอ่ แมม่ หี ลายบทบาท และหลายหนา้ ทที่ ต่ี อ้ งรบั ผดิ ชอบ ตอ้ งแบง่ เวลาสำ� หรบั คคู่ รอง เวลาสำ� หรบั ลกู เวลาทำ� งาน เวลาส�ำหรับปยู่ ่าตายายที่สงู วยั เวลาเพือ่ สาธารณประโยชน์ และเวลาสว่ นตัว การแยกแยะ บทบาท หน้าที่และเวลา จึงเป็นพ้ืนฐานส�ำคัญส่วนหนึ่งในการเตรียมลูกให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะทาง อารมณท์ ีเ่ หมาะสม พ่อแม่ควรฝกึ ให้ลกู รจู้ ักแบง่ เวลาต้ังแตเ่ ดก็ เพราะชว่ งวัยเรียนเองก็มหี ลายหน้าท่ี หลายบทบาท และตอ้ งเรียนรูใ้ นการแบง่ เวลาเชน่ กัน เช่น บทบาทเป็นลูก เป็นพ่ี เปน็ น้อง เปน็ หลาน และเป็นนกั เรียน เป็นต้น เมื่อต้องไปท�ำบทบาทนั้น ๆ ก็ต้องแบ่งเวลาไปท�ำตามหน้าที่ให้สมบูรณ์ แม้ว่าจะชอบหรือไม่ ชอบใจกต็ าม เชน่ ถงึ เวลาไปเรยี นกต็ อ้ งเรียน ถงึ เวลานอนพกั หรอื ออกกำ� ลังกายกต็ ้องทำ� เพอื่ สุขภาพ ของตัวเอง เวลาส�ำหรับครอบครวั ก็ต้องมี เวลาส�ำหรบั ไปกราบหรอื ไปเย่ยี มปู่ยา่ ตายาย เวลาในการช่วย เหลืองานบ้าน เป็นตน้ พอ่ แม่เปน็ ต้นแบบท่ดี ขี องคนทีแ่ บง่ เวลาท�ำงานตา่ ง ๆ และสร้างแรงจงู ใจใหท้ กุ คนในบ้านท�ำตาม จนกลายเป็นกิจวัตรประจ�ำวันของคนในบ้าน พ่อแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกเอาแต่ดูหนังสือ หรือเล่นตลอด เวลาโดยไม่นกึ ถงึ หนา้ ท่ีความรบั ผิดชอบ หรอื ใชเ้ วลามากมายไปกับบางส่งิ บางอยา่ งจนเสียสมดลุ ท�ำให้ พัฒนาการด้านอ่ืนด้อยลงไป และเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ลูกอยากใช้เวลาอยู่กับเพื่อนเพ่ิมขึ้น พ่อแม่ก็เข้าใจ แตล่ กู ต้องมเี วลาให้กบั ครอบครัว และมีหน้าท่ที ี่ต้องรบั ผิดชอบดว้ ย เปน็ ตวั อยา่ งในการจดั การกบั อารมณ์ พอ่ แมจ่ ะเหน็ การแสดงออกทางอารมณท์ แี่ รงขนึ้ ของลกู ทงั้ อารมณร์ กั ชอบ โกรธ เกลยี ด อจิ ฉา โออ้ วด เจ้าทิฐิ ออ่ นไหว หรือวุ่นวายสบั สนได้ รวมท้งั จะเห็นพฤติกรรมทท่ี ำ� ไปตามอารมณน์ ัน้ เปลี่ยนแปลงง่าย ยังควบคมุ อารมณ์ไดไ้ มด่ ีนัก บางคร้งั พลุ่งพลา่ น บางครั้งเก็บกด หลายครั้งทดี่ ้ือร้นั เอาแตใ่ จตวั เอง และ ก็มชี ว่ งที่ดีนา่ รัก พ่อแม่อาจไม่เข้าใจลูก และบางครั้งลูกเอง ก็ไม่เข้าใจอารมณ์ตนเองเช่นกัน การที่ลูกจะเข้าใจ อารมณ์ตนเอง หยั่งรู้อารมณ์ผู้อ่ืน สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ และมีความสุขได้แม้เผชิญกับ 39
เตรียมรบั มอื กบั ลูกวยั รุน่ ความเครียดนน้ั พอ่ แมส่ ามารถช่วยเหลอื ลกู ใหร้ ู้จกั และเข้าใจอารมณ์ตนเองได้ ดงั น้ี 1. เข้าใจ และไมม่ ปี ฏกิ ริ ยิ าโต้ตอบ 2. ใหเ้ วลาพูดคยุ สบาย ๆ โดยให้เล่า ทบทวนเหตุการณท์ ่เี กดิ ขน้ึ ถามความคดิ เหน็ ถามความ รู้สกึ และสรปุ ปัญหาทีเ่ กิดขึน้ 3. ชี้ปญั หาในอีกแง่มมุ อน่ื ที่ลกู อาจมองไมเ่ หน็ หรือสะท้อนความรู้สึกนึกคดิ ของเขา 4. ให้โอกาสเขาคดิ ไตรต่ รองด้วยตัวเอง 5. ชว่ ยคดิ วางแผน เพือ่ หาแนวทางแก้ไขปัญหาท่เี กิดขึ้น 6. ติดตาม ประเมนิ ผลงาน และให้ก�ำลังใจลูก การใหค้ วามชว่ ยเหลอื เชน่ นี้ จะชว่ ยทำ� ใหล้ กู เขา้ ใจอารมณข์ องตวั เองไดด้ ขี น้ึ ในหลายมมุ มอง และ เรยี นรู้ที่จะปรบั อารมณ์ และแสดงออกให้เหมาะสมขน้ึ ทำ� ให้วยั รนุ่ รู้สกึ มคี ณุ ค่าในตัวเอง กว่าท่ีวยั รุ่นจะมคี วามรู้สึกมั่นใจ และภาคภูมิใจในตวั เองนน้ั เขาจะต้องผา่ นเหตุการณห์ ลายเรือ่ ง ที่มาเป็นบททดสอบความสามารถในด้านต่าง ๆ ของเขา จนเขาสามารถยืนยันกับตัวเองว่า เขาท�ำได้ แนน่ อน ความรู้สกึ ม่นั ใจส่วนหน่ึงมรี ากฐานมาจากความพอใจในสง่ิ ท่ีมี เช่น บคุ คลิกภาพ รปู ร่างหน้าตา เศรษฐานะ ครอบครัว ชีวิตความเป็นอยู่ แต่อีกส่วนหนึ่งมาจากความสามารถในตัวเองโดยตรง เช่น ทกั ษะดา้ นกฬี า ดนตรี การทำ� กจิ กรรม ทำ� งานบา้ น ความสามารถในการเดนิ ทาง ทำ� กบั ขา้ ว ผลการเรยี น การเขา้ สังคม ความสามารถโดยรวมน้ีไม่จ�ำเปน็ ตอ้ งเกง่ มาก แต่สามารถเอาตวั รอดได้ พ่อแม่เป็นรากฐานความมั่นใจของลูก พ่อแม่เปรียบเสมือนกระจกส่องสะท้อนให้ลูกมองเห็น ภาพตัวเองในหลายด้าน หลายมมุ มอง เป็นคนที่มองเห็นแววความสามารถในดา้ นต่างๆ มองการณไ์ กล ให้โอกาสฝึกสอน พัฒนาความสามารถในด้านต่างๆข้ึนมา นอกเหนือจากการเรียนรู้ในห้องเรียน เชน่ ดา้ นการเรยี น (คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ภาษา วรรณคด)ี ดา้ นดนตรี ศลิ ปะ ดา้ นสงั คม มนษุ ยสมั พนั ธ์ ด้านกีฬา ฝึกให้ปรับตัวในหลายสถานการณ์ ความยืดหยุ่น ฝึกให้หัดหลายแบบ ให้การติดต่อผู้คน หัดผจญภัย แก้ปัญหาเฉพาะหน้า อ่านแผนที่ ฝกึ หดั ใหค้ ดิ สรา้ งสรรค์ หดั วางแผน คน้ หาขอ้ มลู คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ การสรปุ ประเด็น ฯลฯ ความสามารถเหล่าน้ีถูกสอนและพัฒนา จนเปน็ เอกลกั ษณใ์ นตวั ได้ ความสามารถเหลา่ น้ี ชว่ ยเสรมิ ความมน่ั ใจ ทำ� ใหล้ กู มองเหน็ คณุ คา่ ใน 40
เตรียมรบั มอื กับลกู วัยร่นุ ตวั เอง โดยมพี อ่ แมช่ นื่ ชมความสามารถทเ่ี พม่ิ ขนึ้ มองเหน็ ความมมุ านะ ความอดทน ความเหนอ่ื ยยากใน การฝึกฝน พ่อแม่ควรให้กำ� ลังใจ ไม่เรียกร้องความสมบูรณ์แบบเร็วเกินไป หรือทวงบุญคุณ และไม่บีบ บงั คบั จนลกู ไม่มีความสขุ ในทีส่ ดุ ลกู กร็ บั รเู้ องว่าเปน็ ท่รี กั และเป็นคนที่มคี ณุ คา่ ของครอบครัว มวี ธิ หี าความสุขหลายแบบ และสนกุ กับชวี ติ วัยรุ่นทุกคนควรมีวิธีท�ำให้ตนเองมีความสุขหลายแบบ และสนุกไปกับการด�ำเนินชีวิตในทางที่ เหมาะสม ดว้ ยงาน หรอื กจิ กรรมทจี่ ะทำ� ใหต้ วั เองพอใจ สว่ นใหญจ่ ะเปน็ เรอื่ งทตี่ นเองชอบ หรอื มคี วามถนดั เมอื่ ท�ำแล้วเกดิ ความสขุ เกิดแรงจงู ใจทีจ่ ะทำ� อีก เดก็ ทีม่ วี งจรความสขุ มักจะไม่เขา้ หายาเสพติด หรอื มี เพศสัมพนั ธ์ก่อนวยั ความสุขและความสนุกท่ีอาจทำ� ได้เวลาอยูค่ นเดียว หรอื ท�ำร่วมกับคนอนื่ เช่น เล่นกีฬา ดนตรี ทำ� งานอดิเรก ท่องเที่ยว บ�ำเพญ็ ประโยชน์ อา่ นหนังสือ ร้องเพลง เตน้ รำ� เป็นต้น การฝกึ ใหล้ ูกร้จู กั สร้างความสขุ เม่อื อยู่คนเดียว เป็นการสรา้ งรากฐานของการเปน็ คนไม่เหงาง่าย การอยคู่ นเดยี วกม็ คี วามสขุ ได้ และหากจิ กรรมสนกุ ๆ ใหต้ วั เองทำ� ได้ ในขณะทก่ี ารอยรู่ วมกบั คนอน่ื กส็ นกุ และมคี วามสขุ รว่ มไปกับคนอ่ืนได้เช่นกนั รู้จักเพอ่ื นลกู …รูจ้ กั ลกู เพ่ือนของลูกเป็นสิ่งจ�ำเป็น และเป็นรากฐานที่ส�ำคัญในการพัฒนาตัวเองของลูก วัยรุ่นทุกคน ต้องการเปน็ สว่ นหน่งึ ของกลุม่ เพ่อื น วัยรนุ่ ทีไ่ รเ้ พือ่ นกเ็ หมอื นชวี ติ ไม่มีความหมาย ไมม่ คี ุณค่า แมว้ า่ วัย รนุ่ ตอ้ งการอิสระจากครอบครวั แตก่ ็ยังไมม่ ั่นใจทีจ่ ะเปน็ ตวั ของตวั เองไดเ้ ตม็ ที่ เขาจงึ ตอ้ งการเพ่ือนเพอ่ื เรยี นรดู้ ว้ ยกัน และท�ำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ดว้ ยกัน จึงมักเหน็ วัยรุ่นไปไหนกจ็ ะไปดว้ ยกัน แต่งตวั และแสดง ท่าทางก็คล้ายกัน มักเลือกคบเพ่ือนที่มีลักษณะคล้ายกัน การรู้จักเพื่อนของลูกก็เท่ากับเรียนรู้ที่จะรู้จัก ลูกในอีกดา้ นหน่ึงด้วย ถ้ากล่มุ เพือ่ นของลูกสามารถชว่ ยกันคดิ รจู้ ักรบั ผิดชอบ ร้จู ักวางแผน แยกผิดถูก ได้ พอ่ แม่จะเบาใจว่ากลมุ่ นี้จะชักชวนลูกเราไปในทางทด่ี ี วิธีการที่จะเข้าถงึ เพอ่ื นลูกน้นั มีแนวทาง ดงั นี้ 1. ต้อนรบั จำ� ได้ ทักทาย ซื้อของฝาก โดยทำ� อยา่ งทวั่ ถงึ และสม�่ำเสมอ 2. ใหโ้ อกาสมาทำ� กิจกรรมทบ่ี ้านอย่างเตม็ ใจ โดยจดั หาอาหาร และจัดสถานที่ทเี่ ป็นสดั ส่วนให้ 3. ทำ� ความรจู้ กั ครอบครวั ของเพอ่ื นลกู จะทำ� ใหเ้ ขา้ ใจเพอ่ื นลกู และมนั่ ใจเวลาทล่ี กู ไปบา้ นเพอ่ื น 4. ให้โอกาสลูกใช้เวลากับกลุ่มเพื่อนในช่วงเย็น หรือโทรศัพท์ถึงกันในขอบเขตที่เหมาะสม ในเวลาเสาร์ อาทิตยท์ ่ีไม่รบกวนการเรยี น เมือ่ รบั ผดิ ชอบงานบ้านทมี่ อบหมายแลว้ ก็อาจพจิ ารณาใหไ้ ป กบั กลุม่ เพือ่ นในเวลาที่เหมาะสม 41
เตรยี มรับมือกบั ลูกวัยรุ่น 5. ทำ� ตัวให้ทันสมัย มคี วามสามารถหลายดา้ นทล่ี ูกภูมใิ จท่มี พี ่อแม่ไม่เชย เอาไปโชว์กบั เพ่อื นได้ 6. ไม่ควรแสดงอาการต่อต้านเพอ่ื นของลกู 7. ใหโ้ อกาสกล่มุ เพ่อื นลกู ได้ชว่ ยกนั คิด รับผดิ ชอบ รจู้ กั วางแผน ซึ่งเท่ากับว่า พ่อแมก่ เ็ ป็นสว่ น หนง่ึ ในการพฒั นาความสามารถของลกู ทั้งกลมุ่ ไปในตวั 42
ชวนวยั รุน่ ตรวจสขุ ภาพ บทที่ 4 ชวนวัยร่นุ ตรวจสุขภาพ โดยทั่วไป ผู้ปกครองมักเข้าใจว่า เม่ือลูกเป็นวัยรุ่นแล้ว ไม่จ�ำเป็นต้องได้รับการตรวจสุขภาพ เหมือนตอนเด็กเพราะไดร้ บั วัคซีนครบแลว้ อยา่ งไรกต็ ามโรค หรือบางภาวะมีอุบัตกิ ารณท์ สี่ ูงขึ้นในช่วง วยั รนุ่ บางโรคไมท่ ราบสาเหตทุ ชี่ ดั เจน ในขณะทบี่ างโรคสามารถปอ้ งกนั ได้ เชน่ อว้ น เลอื ดจาง อบุ ตั เิ หตุ จกั รยานยนต์ ตดิ เกมส์ หรอื ตดิ กามโรค เปน็ ตน้ ดงั นนั้ การมาพบแพทยเ์ พอื่ ตรวจสขุ ภาพในชว่ งวยั รนุ่ จงึ มี ความจำ� เปน็ เพอ่ื คดั กรองโรค หรอื ภาวะทพี่ บบอ่ ยในชว่ งวยั รนุ่ รวมทง้ั สง่ เสรมิ ใหล้ กู สามารถดแู ลสขุ ภาพ ของตนเอง และมีวุฒิภาวะท่เี หมาะสมรวมทงั้ รับภมู คิ มุ้ กันโรคหรอื วัคซนี เพม่ิ เตมิ เมอ่ื วัยรุน่ ไปพบแพทย์ จะได้รับการดแู ลสขุ ภาพดงั น้ี 1. ประเมินสขุ ภาพทง้ั ด้านรา่ งกาย และจติ ใจ โดย การพูดคุย: แพทย์จะพูดคุยเพื่อสอบถามประวัติสุขภาพท่ีส�ำคัญของวัยรุ่น อาการตามระบบของร่างกาย และซักถามถึงสงิ่ ท่วี ยั รุน่ กงั วล รวมทง้ั ปญั หาตา่ งๆ เชน่ การเรียน เพอ่ื น ความสัมพันธ์ภายในบา้ น แฟน การลองเสพยา เป็นตน้ ซ่ึงบางเร่อื งวยั ร่นุ อาจไม่กล้าปรึกษาผู้ปกครอง เพราะกลัวโดนดุ หรือ กลัววา่ ผู้ ปกครองจะเสยี ใจ หรอื ผดิ หวงั ดงั นนั้ การทว่ี ยั รนุ่ มาตรวจสขุ ภาพ จงึ เปน็ โอกาสทว่ี ยั รนุ่ จะไดเ้ ลา่ เรอ่ื ง และได้ รบั ขอ้ มลู หรอื คำ� แนะนำ� ทเ่ี ปน็ ประโยชนจ์ ากแพทย์ ซง่ึ แพทยต์ อ้ งรกั ษาความลบั ใหว้ ยั รนุ่ ตามจรรยาบรรณ เพือ่ ใหว้ ัยรุ่นกลา้ เลา่ เรื่อง หรอื บอกขอ้ มูลทเี่ ป็นสว่ นตัวของตนได้ ตรวจร่างกาย: หลังจากพูดคยุ แล้ว แพทย์จะทำ� การประเมินการเจรญิ เติบโต พัฒนาการทางเพศ ผา่ นการตรวจ ร่างกายตามระบบ และการตรวจโดยใชเ้ ครอื่ งมืองา่ ยๆ เพ่ือคดั กรองโรค หรือภาวะผดิ ปกติท่พี บไดบ้ ่อย ในวัยรนุ่ เช่น โรคอว้ น สายตาผดิ ปกติ เบาหวานชนิดท่ี 2 ซีด ต่อมไทรอยดโ์ ต กระดูกสนั หลงั คด เปน็ ตน้ 2. ตรวจเพม่ิ เติมในวยั รุ่นที่มีความเส่ยี งท่จี ะมีปัญหาด้านสขุ ภาพ โดยตรวจระดับความเข้มข้นของเลือดในวัยรุ่นท่ีเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดจาง เช่น วัยรุ่นที่รับ ประทานมงั สวริ ตั ิ หรอื ไมช่ อบอาหารจำ� พวกไขแ่ ดง หรอื ตบั หรอื อาหารทม่ี ธี าตเุ หลก็ วยั รนุ่ หญงิ ทม่ี ปี ระจำ� เดือนมาก หรอื ตัวซดี เป็นตน้ นอกจากน้ี ในวัยรนุ่ ท่อี ว้ น หรือมีประวตั ิครอบครัวเปน็ เบาหวาน หรือไขมัน 43
ชวนวยั รุ่นตรวจสขุ ภาพ กำ� หนดการดูแลสขุ ภาพเด็กไทย มาตรฐานราชวทิ ยาลยั กมุ ารแพทย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2557 44
ชวนวยั ร่นุ ตรวจสขุ ภาพ ในเลือดสงู ก็แนะน�ำให้ตรวจเลือดเพ่ือคดั กรองภาวะดงั กล่าวดว้ ย ความเสีย่ งอนื่ ๆท่คี วรตรวจเพ่ิมเติม เชน่ การติดเช้ือวณั โรค ในกรณที ี่สมั ผสั ใกล้ชดิ กับผูท้ เ่ี ป็นวัณโรค หรือไอเร้อื รัง และในกรณที ่ีมเี พศสัมพนั ธ์แล้ว ควรตรวจคดั กรองโรคตดิ เชอ้ื ทางเพศสมั พนั ธโ์ ดยการเจาะเลอื ดตรวจ และตรวจหามะเรง็ ปากมดลกู เปน็ ตน้ 3. รบั วคั ซนี ตามวัย แพทย์จะทบทวนประวตั กิ ารได้รบั วคั ซนี พืน้ ฐานจากสมดุ สขุ ภาพของวยั ร่นุ และ สัง่ การฉีดวัคซนี ให้กรณีที่ยังได้ไม่ครบ รวมถึงแนะน�ำวัคซีนตามวัยท่ีเหมาะสมเพ่ิมเติมในช่วงวัยรุ่น วัคซีนที่วัยรุ่นควร ได้รับ ไดแ้ ก่ วัคซนี คอตบี บาดทะยัก หรอื คอตบี บาดทะยัก ไอกรนชนดิ ไรเ้ ซลล์ ทอ่ี ายุ 10-11 ปี และ ควรได้ซ�้ำทุก 10 ปี วัคซีนทางเลือกอ่ืนๆ เช่น วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส ในกรณีที่ยังไม่เคยเป็นโรค ในวยั รนุ่ ทีอ่ ายมุ ากกวา่ 13 ปี โดยได้ 2 เขม็ ห่างกันอย่างน้อย 1 เดอื น วัคซีนปอ้ งกันโรคมะเร็งปากมดลกู หรือปอ้ งกนั การติดเชื้อเอชพีวี ในวยั รนุ่ อายุ 9 ปขี ้ึนไป โดยได้ 3 เข็มที่ 0, 1-2 และ 6 เดือน (กรณีวัยรุน่ อายุน้อยกวา่ 15 ปี สามารถรบั เพียง 2 เข็ม ห่างกนั 6 เดือน) วคั ซนี ปอ้ งกันโรคไข้หวดั ใหญ่ ฉดี ปีละคร้ัง วคั ซีนปอ้ งกันโรคไข้เลอื ดออก ในกลุ่มอายุ 9-45 ปี โดยฉดี 3 เข็มท่ี 0, 6, 12 เดอื น เป็นต้น 4. พ่อแม่จะได้รับค�ำแนะน�ำในการดูแลสุขภาพ และส่งเสริมพัฒนาการตามวัยที่เหมาะสม โดยเนอื้ หาสาระทจี่ ะพูดคยุ มีดงั นี้ • พัฒนาการของวัยรุ่นแต่ละช่วงวัย เพื่อให้พ่อแม่เข้าใจพฤติกรรมของลูก เช่น วัยรุ่นตอนต้น เริม่ เปน็ หน่มุ เปน็ สาวแลว้ มักจะให้ความส�ำคญั กบั การรูปรา่ ง หน้าตาจงึ ใช้เวลาในการแตง่ ตัวนาน มกั ใช้ เวลาอยู่กบั เพ่อื นมากข้ึน มคี วามเปน็ ของตัวเองมากขึ้น เปน็ ต้น • การเลี้ยงดลู กู ใหม้ ีวฒุ ิภาวะที่เหมาะสมตามวยั เช่น สนับสนนุ ให้ลูกมีความเปน็ ตวั ของตวั เอง หัดให้ลูกมีความคิดเป็นของตนเอง กล้าแสดงความเห็น ฝึกแก้ปัญหา ส่งเสริมการเรียน ฝึกให้มีความ สามารถรอบดา้ น ผ่านการท�ำกจิ กรรมยามวา่ ง และมอบงานทเ่ี หมาะสมใหร้ ับผิดชอบ เปน็ ตน้ • สง่ เสรมิ ใหล้ ูกรูจ้ ักแกป้ ัญหากบั เพอื่ น กรณที เี่ กดิ ความขดั แยง้ กนั โดยวธิ ีสันติ สนบั สนุนการทำ� กิจกรรมกลมุ่ และกจิ กรรมจิตอาสา เป็นต้น • ช้ีแนะให้ลูกรู้เท่าทันอันตรายท่ีอาจเกิดข้ึนในสังคมปัจจุบัน ผ่านการพูดคุยหรือหยิบยก เหตกุ ารณ์ที่พบด้วยกนั มาพูด เช่น การเกิด cyber bully หรอื การแกลง้ เพอื่ นผ่านทางโซเชียลมเี ดียหรือ วยั รุ่นหญงิ ถกู ลวงผ่านการติดต่อทางเฟซบุ๊ค ดังนน้ั ลูกควรใช้สอื่ ออนไลนอ์ ยา่ งมสี ติ ใช้อนิ เตอร์เน็ตอย่าง ฉลาด ไม่ถกู หลอกเปน็ เหยื่อ เปน็ ต้น • ส่งเสริมให้ลูกเห็นคุณค่าในตนเอง รักตนเอง และวางแผนการเรียนต่อในอนาคตท่ีเหมาะสม ปลกู ฝงั การมจี ิตสาธารณะ และส่งเสริมใหว้ ัยรนุ่ เรียนหรอื ท�ำงานในดา้ นทตี่ นเองถนดั หรอื ชอบบนพน้ื ฐาน ทเ่ี ปน็ ไปได้ รวมทงั้ กระตนุ้ ใหล้ กู คดิ และหาขอ้ มลู ทางดา้ นการเรยี นหรอื อาชพี ในอนาคตดว้ ยตนเอง เปน็ ตน้ • อธบิ ายใหล้ กู เขา้ ใจเกีย่ วกับการเปล่ียนแปลงของรา่ งกาย อารมณ์ และพฤตกิ รรมท่เี กดิ ขึ้นใน 45
ชวนวัยร่นุ ตรวจสุขภาพ ก�ำหนดการดแู ลการฉดี วัคซีนเด็กไทย โดยสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแหง่ ประเทศไทย 2560 ราชวทิ ยาลัยกมุ ารแพทยแ์ หง่ ประเทศไทย 46
ชวนวัยรนุ่ ตรวจสุขภาพ 47
ชวนวัยรนุ่ ตรวจสุขภาพ ชว่ งวยั รนุ่ เชน่ การดูแลตนเองเมอ่ื มีประจำ� เดอื น การมีประจ�ำเดอื นแสดงว่าลูกเรมิ่ เป็นสาวแล้ว หากมี เพศสัมพันธ์ อาจต้ังครรภไ์ ด้ การป้องกันตนเองไมใ่ หถ้ กู ล่วงละเมิด เป็นตน้ • ปรบั กตกิ าในบา้ นใหเ้ หมาะสม เชน่ สอนใหร้ จู้ กั การแบง่ เวลาในการเลน่ อนิ เตอรเ์ นต็ แชทไลน์ และการท�ำการบ้านใหเ้ หมาะสม • สง่ เสรมิ ให้มีความรกั ความอบอนุ่ มีสมั พนั ธภาพท่ีดีในครอบครวั โดยผปู้ กครองควรเป็นแบบ อยา่ งที่ดีใหล้ ูก 5. วัยรนุ่ จะได้รับการส่งเสรมิ สุขนสิ ัยที่ดี โดยเนอื้ หาสาระที่จะพูดคยุ ไดแ้ ก่ • นอนหลบั พกั ผอ่ น มผี ลตอ่ ความสงู โดยวยั รนุ่ ควรนอนหลบั ตอนกลางคนื ประมาณ 8-10 ชม.ตอ่ วนั • โภชนาการทเ่ี หมาะสมมผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โต โดยวยั รนุ่ ควรรบั ประทานอาหาร 3 มอ้ื ใหค้ รบ 5 หมู่ และเพยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของรา่ งกาย โดยเฉพาะอาหารทมี่ แี คลเซยี มสงู เพอื่ ใหก้ ระดกู แขง็ แรง หรอื อาหารทีม่ ธี าตุเหลก็ สงู เพ่อื ป้องกันภาวะเลือดจาง • ออกก�ำลังกายอย่างสมำ่� เสมอท�ำให้ร่างกาย และจติ ใจแขง็ แรง แนะนำ� ให้ออกก�ำลงั กายอยา่ ง นอ้ ย 3 ครัง้ ตอ่ สัปดาห์ หรอื ท�ำกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องออกแรงทุกวนั และลดเวลาการใชค้ อมพิวเตอร์ เล่นโทรศพั ท์ หรอื ดโู ทรทศั นใ์ หน้ ้อยกว่า 2 ชม. ต่อวัน • ดแู ลช่องปาก และฟนั ทถ่ี ูกต้องโดยใชย้ าสีฟันทม่ี ีฟลอู อร์ไรด์และไหมขดั ฟนั รวมทั้งแนะน�ำให้ พบทนั ตแพทย์ทกุ 6 เดอื นหรืออยา่ งนอ้ ยปลี ะครงั้ 6. วยั ร่นุ จะไดร้ ับค�ำแนะน�ำเพ่อื ลดความเสย่ี งที่อาจเกิดขนึ้ โดยเน้ือหาสาระท่จี ะพดู คุยมีดังน้ี • ความรเู้ รอื่ งเพศศกึ ษาทเี่ ขา้ ใจงา่ ย เชน่ การเปลย่ี นแปลงของรา่ งกายเมอื่ เขา้ สวู่ ยั รนุ่ ประจำ� เดอื น การดแู ลผวิ เพศสมั พนั ธก์ อ่ นวยั และผลทเี่ กดิ ตามมา ยาคมุ กำ� เนดิ ชนดิ ตา่ งๆ ทำ� อยา่ งไรใหห้ า่ งไกลความ เส่ยี งเรือ่ งเพศ ในกรณีทว่ี ยั รุน่ มีเพศสัมพันธแ์ ล้ว แพทยจ์ ะแนะน�ำวธิ ีการคมุ กำ� เนดิ และการปอ้ งกนั โรค ติดเช้อื ทางเพศสมั พันธ์ท่ีมปี ระสทิ ธิภาพเปน็ รายๆไป • ความรเู้ กย่ี วกับสารเสพตดิ ชนดิ ต่าง ๆ ท่ีเปน็ ท่นี ยิ มในหม่วู ัยรุน่ ปัจจุบัน รวมถงึ บหุ ร่ี เครอ่ื งดืม่ ทม่ี อี ลั กอฮอลเ์ ปน็ สว่ นประกอบ เพอื่ ใหว้ ยั รนุ่ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ ง โดยสง่ เสรมิ ใหว้ ยั รนุ่ ลด ละ เลกิ และปอ้ งกันภาวะแทรกซ้อนท่ีอาจเกิดข้ึนในกรณีทใ่ี ช้อยู่ • ทักษะการเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่าง ๆ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น ถูกล่อลวง ถูกเพ่ือนแกลง้ หรือ เพื่อนบงั คับใหล้ องสารต่างๆ เปน็ ตน้ • กฎ กตกิ า จราจร ทต่ี อ้ งปฏบิ ตั ติ าม เชน่ สวมหมวกนริ ภยั หรอื คาดเขม็ ขดั นริ ภยั ทกุ ครง้ั ทข่ี บั ข่ี อายุทม่ี ใี บขับขี่ ผลของการเมาแลว้ ขับ เป็นต้น 48
สวยหล่อและดูดมี ีวธิ อี ยา่ งไร บทที่ 5 สวยหล่อและดดู ีมวี ิธีอย่างไร วยั รนุ่ ใหค้ วามสำ� คญั กบั รปู รา่ งหนา้ ตาตนเอง ชอบแตง่ ตวั ตามสไตลแ์ ฟชน่ั ชอบทำ� ตวั ใหค้ ลา้ ยดารา ที่ตนเองช่ืนชอบ เลอื กซอ้ื เสื้อผ้าตามสมัยนยิ ม ท�ำผมตามเพ่ือน ชอบใสค่ อนแทคเลนสส์ ี ดัดฟนั ตามสมัย นยิ ม เปน็ ต้น แมพ้ ่อแมพ่ ยายามเขา้ ใจลูก แต่ก็มีความคดิ ตา่ งไปจากวัยรุน่ ลว้ นส่งผลต่อการกระทำ� และ พฤตกิ รรมทที่ ำ� ใหว้ ยั รนุ่ ไมอ่ ยากพดู คยุ เพอื่ หลกี เลยี่ งการทะเลาะหรอื หาขอ้ อา้ งมาสนบั สนนุ ความคดิ ตวั เอง จนกลายเป็นลกั ษณะการโต้แยง้ เถยี งกันในครอบครวั ดังนั้นพอ่ แม่ควรมคี วามร้เู กย่ี วกบั การสง่ เสริมสุข ภาพในลกู วยั รุน่ เพอ่ื น�ำไปใช้เป็นแนวทางในการดแู ลใหล้ กู ๆ เป็นลกู ทส่ี วย หลอ่ ดูดมี สี ไตล์ การประเมินสุขภาพวยั รุน่ พอ่ แมส่ ว่ นใหญ่มกั กังวลวา่ ลกู วัยร่นุ อาจมีสขุ ภาพไม่แข็งแรง เนือ่ งจากมพี ฤตกิ รรมการกนิ อาหาร ทไ่ี มถ่ กู ต้อง นอนหลับพักผอ่ นที่ไมเ่ พยี งพอ รวมถงึ ใช้เวลากบั การน่ังเล่มคอม ดทู ีวี เล่นโทรศัพท์มอื ถอื ซง่ึ ลูกอยู่ในวัยทม่ี ีการเจรญิ เติบโตเร็ว มีการเพิ่มความสูงข้ึนเป็นหน่งึ ในหา้ ของส่วนสูงทั้งหมด มนี ำ้� หนัก เปน็ คร่ึงหนง่ึ ของน้�ำหนักในวยั ผู้ใหญ่ และมีมวลกระดูกเป็นครึง่ หนง่ึ ของผู้ใหญ่ ผลของฮอร์โมนทำ� ให้วยั ร่นุ หญงิ มไี ขมนั เพิ่มเป็น 2 เท่าของวยั รนุ่ ชาย ในขณะท่วี ยั รนุ่ ชายมีกล้ามเนือ้ เพ่ิมข้ึนเปน็ 2 เทา่ ซึ่งความ แตกตา่ งน้เี ปน็ ลกั ษณะประจำ� เพศทคี่ งอยู่จนถงึ วยั ผูใ้ หญ่ ดงั นน้ั พอ่ แม่สามารถประเมินสขุ ภาพของลกู ว่า ปรกตหิ รือไม่ ก่อนมาปรกึ ษาแพทย์ ดงั นี้ 1. น�ำ้ หนัก และสว่ นสงู พอ่ แมส่ ามารถชวนวยั รนุ่ นำ� นำ�้ หนกั และสว่ นสงู ของเขามาเทยี บกบั กราฟการเจรญิ เตบิ โตของเดก็ ไทย หากพบวา่ ตำ� แหนง่ ของนำ�้ หนกั และสว่ นสงู อยใู่ นเสน้ กราฟ แสดงวา่ อยใู่ นเกณฑป์ กติ หากออกนอก เส้นกราฟ แสดงวา่ มคี วามผิดปกติ 2. ดัชนีมวลกาย สูตรค�ำณวณ คือ น�้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม หารด้วย ความสูงเป็นเมตรยกก�ำลังสอง เม่ือได้ค่าที่ ค�ำณวณจะน�ำมาเทยี บตามตารางวา่ สขุ ภาพของลูกอยูใ่ นเกณฑใ์ ด 49
Search