Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มที่ ๕ ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น

เล่มที่ ๕ ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น

Published by krumintra2018, 2021-01-09 16:50:32

Description: เล่มที่ ๕ ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น

Keywords: หนังสือส่งเสริมการอ่านจับใจความแบบ E-Book ชุด ภูมิปัญญาท้องถิ่น กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓

Search

Read the Text Version



ก คำนำ สำหรับหนังสือส่งเสริมกำรอ่ำนจับใจควำมแบบ E-Book ชุด ภูมิปัญญำท้องถ่ิน กลุ่มสำระ กำรเรียนรู้ภำษำไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี ๓ เล่มนี้ ได้จัดทำข้ึน เพ่ือเป็นส่ือประกอบ กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี ๓ เพื่อ พัฒนำผลสมั ฤทธทิ์ ำงกำรเรียนและควำมสำมำรถในกำรอ่ำนจับใจควำม กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี ๓ โรงเรียนสมเด็จพระญำณสังวร ในพระสังฆรำชูปถัมภ์ สังกัด สำนกั งำนเขตพน้ื ทีก่ ำรศกึ ษำมัธยมศกึ ษำ เขต ๒๘ หนังสือส่งเสริมกำรอ่ำนจับใจควำมแบบ E-Book ชุด ภูมิปัญญำท้องถิ่น กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ภำษำไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี ๓ มีเน้ือหำสำระกำรเรียนรู้สอดคล้องกับหลักสูตร กำรศึกษำข้ันพื้นฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑ ของกระทรวงศึกษำธิกำรจะต้องผ่ำนกำรประเมินกำรอ่ำน จับใจควำมให้ได้ตำมเกณฑ์ท่ีสถำนศึกษำกำหนด ซ่ึงนับว่ำมีควำมสำคัญอย่ำงย่ิงสำหรับนักเรียน เพรำะกำรอ่ำนเป็นเครื่องมือในกำรเรียนรู้ของทุกกลุ่มสำระทักษะกำรอ่ำนจึงมีควำมจำเป็นอย่ำงยิ่งท่ี จะต้องให้เด็กๆ ฝึกอ่ำนทั้งอ่ำนออกเสียง อ่ำนจับใจควำม รวมถึงกำรคิดวิเครำะห์สำรที่ได้รับ แสดง ควำมคิดเห็น นำประโยชน์จำกกำรอ่ำนไปใช้ได้อย่ำงเหมำะสม และใช้ในกำรแสวงหำควำมรู้ต่อไป ตลอดจนมกี ิจกรรมที่ครอบคลุมตำมสำระกำรเรยี นรทู้ ี่กำหนดตำมชว่ งวยั ผู้จัดทำมุ่งหวังว่ำ หนังสือส่งเสริมกำรอ่ำนจับใจควำมแบบ E-Book ชุด ภูมิปัญญำท้องถิ่น กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี ๓ จะอำนวยประโยชน์แก่ผู้รักกำรอ่ำน นักเรยี น และผู้สนใจ เพื่อใชป้ ระกอบกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย สำหรับ นกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษำปีที่ ๓ หรือใชส้ ง่ เสรมิ กำรเรียนรู้ได้อยำ่ งมีประสทิ ธภิ ำพและประสิทธผิ ลตอ่ ไป มนิ ตรำ งำมทรัพย์

ข คำช้ีแจง สำหรับหนังสือส่งเสริมกำรอ่ำนจับใจควำมแบบ E-Book ชุด ภูมิปัญญำท้องถิ่น กลุ่มสำระ กำรเรียนรู้ภำษำไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี ๓ เล่มน้ี ได้จัดทำข้ึน เพ่ือเป็นส่ือประกอบ กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี ๓ เพ่ือ พัฒนำผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนและควำมสำมำรถในกำรอำ่ นจับใจควำม กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี ๓ โรงเรียนสมเด็จพระญำณสังวร ในพระสังฆรำชูปถัมภ์ สังกัด สำนักงำนเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๒๘ หนังสือส่งเสริมกำรอ่ำนจับใจควำมแบบ E-Book ชดุ ภมู ปิ ญั ญำท้องถิ่น กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี ๓ มีเนื้อหำสำระ กำรเรียนรู้สอดคล้องกับหลักสูตรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑ ของกระทรวงศึกษำธิกำร จะต้องผ่ำนกำรประเมินกำรอ่ำนจับใจควำมให้ได้ตำมเกณฑ์ท่ีสถำนศึกษำกำหนด ซึ่งนับว่ำมีควำมสำคัญ อย่ำงยิ่งสำหรับนักเรียน เพรำะกำรอ่ำนเป็นเครื่องมือในกำรเรียนรู้ของทุกกลุ่มสำระทักษะกำรอ่ำน จึงมีควำมจำเป็นอย่ำงย่ิงที่จะต้องให้เด็กๆ ฝึกอ่ำนทั้งอ่ำนออกเสียง อ่ำนจับใจควำม รวมถึงกำรคิด วิเครำะห์สำรที่ได้รับ แสดงควำมคิดเห็น นำประโยชน์จำกกำรอ่ำนไปใช้ได้อย่ำงเหมำะสม และใช้ใน กำรแสวงหำควำมรู้ต่อไป ตลอดจนมีกิจกรรมท่ีครอบคลุมตำมสำระกำรเรียนรทู้ ี่กำหนดตำมชว่ งวยั หนังสอื สง่ เสริมกำรอำ่ นจับใจควำมแบบ E-Book ชดุ ภมู ิปัญญำทอ้ งถน่ิ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ ภำษำไทย สำหรบั นักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๓ จำนวน ๖ เลม่ ดงั นี้ เล่มที่ ๑ จังหวดั ของเรำยโสธร เลม่ ท่ี ๒ อำชีพท้องถ่ิน เลม่ ที่ ๓ เขำ้ วดั ทำบญุ เล่มที่ ๔ แหล่งทอ่ งเท่ียวสำคัญ เล่มท่ี ๕ ผลิตภัณฑ์ท้องถ่ิน เล่มที่ ๖ ประเพณีและกำรละเลน่ หนงั สือสง่ เสรมิ กำรอ่ำนจับใจควำมแบบ E-Book ชดุ ภมู ิปัญญำ ทอ้ งถนิ่ กล่มุ สำระกำรเรียนร้ภู ำษำไทย สำหรบั นกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๓ เลม่ นี้ คอื เลม่ ท่ี ๕ ผลิตภณั ฑท์ อ้ งถ่ิน และเน่ืองจำกหนังสอื สง่ เสริม กำรอำ่ นจับใจควำมแบบ E-Book มีลักษณะเป็นหนังสืออเิ ล็กทรอนิกส์ สแกนผำ่ น QR-Code หรือเข้ำผำ่ นเว็บไซด์ตำมลิงคท์ ี่แนบมำต่อไปนี้ QR-Code https://pubhtml๕.com/bookcase/jjyl เพ่ือใช้งำนหนังสือตำมปกติ พร้อมกบั รปู เล่มจรงิ

ค บทบำทครู เนื่องจำกหนังสือส่งเสริมกำรอ่ำนจับใจควำมแบบ E-Book ชุด ภูมิปัญญำท้องถิ่น กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย สำหรับนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษำปีที่ ๓ เล่มน้ี มีลักษณะเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ สแกนผ่ำน QR-Code QR-Code เพอ่ื ใชง้ ำนหนังสอื ตำมปกติ ควรปฏบิ ตั ิ ดังนี้ ๑. ศึกษำและทำควำมเข้ำใจคู่มือกำรใชแ้ ละหนงั สือส่งเสริมกำรอ่ำนจับใจควำมแบบ E-Book ชดุ ภมู ิปญั ญำท้องถ่ิน กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย สำหรบั นักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี ๓ เลม่ น้ี ให้เขำ้ ใจ ก่อนนำไปใช้งำน ๒. จดั เตรยี มหนังสือส่งเสริมกำรอำ่ นจบั ใจควำมแบบ E-Book ชุด ภูมิปัญญำท้องถ่ิน กลุม่ สำระ กำรเรยี นรู้ภำษำไทย สำหรบั นกั เรยี นช้นั มัธยมศกึ ษำปีที่ ๓ สำหรบั แจกให้นักเรียนทุกคน ๓. แนะนำกำรใช้งำนหนังสือสง่ เสริมกำรอ่ำนจับใจควำมแบบ E-Book ชุด ภูมิปัญญำท้องถิ่น กลุ่มสำระกำรเรียนร้ภู ำษำไทย สำหรับนักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ ๓ ๔. ใหน้ กั เรยี นลงมือทำแบบทดสอบก่อนเรียนประจำหนังสือสง่ เสรมิ กำรอ่ำนจับใจควำมแบบ E-Book ชุด ภูมิปญั ญำทอ้ งถ่ิน กลมุ่ สำระกำรเรียนรูภ้ ำษำไทย สำหรบั นกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษำปที ี่ ๓ ๕. เปิดโอกำสให้นักเรียนศึกษำเน้ือหำ หรือบทเรยี นในหนงั สือส่งเสริมกำรอำ่ นจบั ใจควำม แบบ E-Book ชุด ภูมปิ ญั ญำทอ้ งถ่ิน กลุ่มสำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย สำหรับนักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษำปที ่ี ๓ ดว้ ยตนเอง ตำมกระบวนกำรเรียนรู้ (ดว้ ยกำรเรียนรู้แบบ Sq๔r) ๖. ให้นักเรยี นทบทวนควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจด้วยกำรทำกิจกรรมฝกึ ทักษะให้ครบถ้วนทุกตอน ๗. ให้นกั เรยี นลงมือทำแบบทดสอบหลงั เรียนประจำหนงั สือส่งเสริมกำรอำ่ นจับใจควำมแบบ E-Book ชดุ ภมู ปิ ัญญำทอ้ งถ่ิน กลมุ่ สำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย สำหรบั นักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษำปีท่ี ๓ ๘. นำนกั เรียนตรวจคำตอบและเฉลยคำตอบท้งั หมด เพ่ือบันทึกคะแนนท้ำยหนังสอื ส่งเสรมิ กำรอำ่ นจับใจควำมแบบ E-Book ชุด ภูมปิ ัญญำทอ้ งถน่ิ กลุ่มสำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย สำหรบั นักเรียน ช้นั มัธยมศกึ ษำปีที่ ๓ หมำยเหตุ : สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียนระหว่ำงทำกจิ กรรม

ง บทบำทนักเรยี น เน่ืองจำกหนังสือส่งเสริมกำรอ่ำนจับใจควำมแบบ E-Book ชุด ภูมิปัญญำท้องถ่ิน กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย สำหรับนักเรียนชั้น QR-Code มัธยมศึกษำปีท่ี ๓ เล่มน้ี มีลักษณะเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ สแกนผ่ำน QR-Code เพือ่ ใชง้ ำนหนังสอื ตำมปกติ ควรปฏบิ ัติ ดังนี้ ๑. ศกึ ษำและทำควำมเขำ้ ใจคำชแี้ จง และบทบำทนักเรยี น เพื่อกำรใช้หนังสือสง่ เสริมกำรอำ่ น จับใจควำมแบบ E-Book ชดุ ภมู ิปัญญำท้องถนิ่ กลุ่มสำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย สำหรับนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษำปที ี่ ๓ เล่มนี้ ให้เข้ำใจกอ่ นนำไปใช้งำน ๒. นักเรยี นลงมอื ทำแบบทดสอบก่อนเรยี นประจำหนังสือส่งเสริมกำรอ่ำนจับใจควำมแบบ E-Book ชดุ ภมู ิปญั ญำทอ้ งถ่ิน กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย สำหรับนกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษำปีที่ ๓ ๓. นักเรียนศึกษำหนงั สือส่งเสริมกำรอ่ำนจบั ใจควำมแบบ E-Book ชุด ภูมปิ ัญญำทอ้ งถ่ิน กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย สำหรบั นักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษำปีที่ ๓ ดว้ ยตนเอง ตำมกระบวนกำรเรียนรู้ (ด้วยกำรเรยี นร้แู บบ Sq๔r) ๔. นักเรียนทบทวนควำมรู้ ควำมเข้ำใจด้วยกำรทำกิจกรรมฝึกทักษะให้ครบถ้วนทุกตอน ๕. นักเรยี นลงมือทำแบบทดสอบหลังเรียนประจำหนังสือสง่ เสรมิ กำรอำ่ นจับใจควำมแบบ E-Book ชดุ ภูมิปญั ญำทอ้ งถ่ิน กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย สำหรบั นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษำปีที่ ๓ ๖. นกั เรยี นรว่ มตรวจคำตอบและเฉลยคำตอบทั้งหมด เพอื่ บนั ทึกคะแนนท้ำยหนังสือส่งเสรมิ กำรอำ่ นจับใจควำมแบบ E-Book ชุด ภูมปิ ญั ญำท้องถ่ิน กลุ่มสำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย สำหรบั นักเรียน ชั้นมธั ยมศกึ ษำปีท่ี ๓ ๗. นักเรยี นสำมำรถศกึ ษำทบทวนเน้ือหำหนงั สือสง่ เสรมิ กำรอำ่ นจบั ใจควำมแบบ E-Book ชดุ ภมู ปิ ัญญำท้องถน่ิ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย สำหรับนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษำปที ี่ ๓ ได้ตลอดเวลำ หลังเรียนเสรจ็ แล้ว หำกไม่ผำ่ นเกณฑร์ ้อยละ ๘๐.๐๐ หมำยเหตุ : กจิ กรรมระหวำ่ งเรยี นอำจมีทงั้ แบบเดยี่ วและกลมุ่

จ ขอ้ ควรระวังและปฏิบตั ิ ข้อควรระวังและปฏิบตั กิ ่อนกำรดำเนนิ กำรสอน ๑. ศึกษำแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้อย่ำงละเอยี ด ๒. เตรยี มอปุ กรณ์ ส่อื กำรเรยี นกำรสอนให้เรียบร้อย ๓. ศึกษำรำยละเอยี ดชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ๔. กำหนดบทบำทสมำชิในกลมุ่ ทรำบถึงกำรปฏบิ ตั ติ มบทบำทต่ำงๆ โดยสมำชิกทุกคนใน กลมุ่ ตอ้ งได้ทำทกุ บทบำท ๕. ครผู ู้สอนชแี้ จงวธิ กี ำรใช้ชุดกิจกรรมกำรเรียนแบบร่วมมือและกิจกรรมทน่ี ักเรยี นต้องปฏบิ ตั ิ ข้อควรระวงั และปฏบิ ัตขิ ณะดำเนนิ กำรสอน ๑. ชแี้ จงกำรใช้ชดุ กิจกรรมกำรเรียนร้ใู ห้นกั เรยี นทกุ คนทรำบ ๒. ตำเนินกิจกรมตมแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ เพื่อใหส้ อดคล้องกบั จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ เน้ือหำและเวลำท่ีกำหนด ๓. ครผู ู้สอนต้องใหค้ ำแนะนำและคอยดแู ลนักเรียนอย่ำงใกลช้ ดิ ๔. ให้นกั เรยี นเรยี นรู้จำกชดุ กิจกรรมกำรเรียนรู้ตำมข้ันตอนอยำ่ งเคร่งครัดและมีควำมซ่ือสตั ย์ ต่อตนเอง ๕. ตรวจสอบกำรทำงำนของนักเรียนและสรปุ บทเรยี นรว่ มกนั นักเรยี น ขอ้ ควรระวงั และปฏบิ ัติเมื่อดำเนนิ กำรสอนสิ้นสุด ๑. ครูผสู้ อนใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ๒. ตรวจผลงำนจำกกำรทำแบบทดสอบและบตั รกิจกรรม ๓. ถำ้ นักเรยี นไม่ผ่ำนเกณฑท์ ่ีระบไุ ว้ ครูควรให้นักเรียนศึกษำและทบทวนเน้ือหำใหม่อกี ครั้ง แล้วทำแบบทดสอบหลังเรยี นให้ผำ่ นเกณฑ์ทก่ี ำหนดไว้

สำรบญั ฉ คำนำ หน้ำ คำช้ีแจง ก บทบำทครู ข บทบำทนกั เรียน ค ขอ้ ควรระวังและปฏบิ ตั ิ ง สำรบัญ จ หนงั สือส่งเสริมกำรอ่ำนจับใจควำมแบบ E-Book ชุด ภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถนิ่ ช กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย สำหรับนกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษำปีที่ ๓ เลม่ ที่ ๕ ผลิตภัณฑ์ท้องถน่ิ ๑ ๑ มำตรฐำนกำรเรียนรูแ้ ละตวั ชี้วดั ๑ แนวคิด ๑ สำระกำรเรยี นรู้ ๑ จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ ๒ สมรรถนะที่สำคัญ ๒ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ๒ ภำระงำน / ชิ้นงำน ๒ กำรวดั และประเมินผลกำรเรียนรู้ ๓ แบบทดสอบก่อนเรียน ๖ กระดำษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรียน ๗ บทเรยี นท่ี ๕ ผลิตภณั ฑท์ ้องถิ่น ๑๒ กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะ ๑๓ กจิ กรรมที่ ๑.๑ ๑๔ กจิ กรรมที่ ๑.๒ ๑๕ กิจกรรมท่ี ๑.๓ ๑๖ กิจกรรมท่ี ๑.๔ ๑๗ กจิ กรรมท่ี ๑.๕ ๑๘ กจิ กรรมที่ ๑.๖ ๒๐ แบบทดสอบหลงั เรียน ๒๓ กระดำษคำตอบแบบทดสอบหลงั เรียน

สำรบญั (ต่อ) ช บรรณำนกุ รม หน้ำ ภำคผนวก ๒๔ ๒๕ กิจกรรมท่ี ๑.๑ ๒๖ กจิ กรรมท่ี ๑.๒ ๒๗ กจิ กรรมท่ี ๑.๓ ๒๘ กิจกรรมที่ ๑.๔ ๓๐ กจิ กรรมท่ี ๑.๕ ๓๑ กิจกรรมท่ี ๑.๖ ๓๒ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ๓๕ แบบบนั ทกึ คะแนนกิจกรรมระหวำ่ งเรยี น ๓๖ ประวตั ิยอ่ ผจู้ ัดทำ ๓๗

๑ หนงั สอื ส่งเสริมกำรอ่ำนจบั ใจควำมแบบ E-Book ชุด ภมู ปิ ญั ญำท้องถิ่น กลมุ่ สำระกำรเรยี นรูภ้ ำษำไทย สำหรบั นกั เรียนช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี ๓ มำตรฐำนกำรเรียนรู้และตัวช้ีวดั มำตรฐำน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนกำรอ่ำนสรำ้ งควำมรแู้ ละควำมคดิ เพอ่ื นำไปใช้ตดั สินใจ แก้ปญั หำใน กำรดำเนนิ ชีวิต และมนี ิสัยรกั กำรอ่ำน ท ๑.๑ ม.๓/๓ ระบุใจควำมสำคญั และรำยละเอยี ดของข้อมูลที่สนบั สนุนจำกเร่ืองท่ีอ่ำน ท ๑.๑ ม.๓/๔ อ่ำนเร่ืองต่ำงๆ แลว้ เขยี นกรอบแนวคดิ ผงั ควำมคิด บันทึก ย่อควำมและรำยงำน ท ๑.๑ ม.๓/๕ วิเครำะห์ วิจำรณ์ และประเมนิ เร่ืองท่ีอ่ำนโดยใชก้ ลวธิ ีกำรเปรียบเทยี บ เพอ่ื ใหผ้ ูอ้ ำ่ นเข้ำใจไดด้ ีขนึ้ ท ๑.๑ ม.๓/๖ ประเมนิ ควำมถกู ต้องของข้อมูลที่ใช้สนบั สนุนในเรื่องที่อ่ำน ท ๑.๑ ม.๓/๗ วิจำรณค์ วำมสมเหตสุ มผล กำรลำดบั ควำม และควำมเป็นไปไดข้ องเร่ือง ท ๑.๑ ม.๓/๘ วิเครำะห์เพ่ือแสดงควำมคดิ เห็นโต้แยง้ เก่ยี วกบั เรอ่ื งทีอ่ ่ำน มำตรฐำน ท ๕.๑ เข้ำใจและแสดงควำมคดิ เห็น วิจำรณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยำ่ งเหน็ คณุ ค่ำ และนำมำประยุกต์ใช้ในชีวิตจรงิ ท ๕.๑ ม.๓/๓ สรปุ ควำมรแู้ ละข้อคิดจำกกำรอำ่ น เพ่ือนำไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ จรงิ แนวคิด กำรอ่ำนจับใจควำมสำคัญ เป็นทกั ษะที่ควรฝึกใชน้ ักเรียนเกิดควำมชำนำญเพ่อื นำไปใช้ใน ชีวิตประจำวนั เป็นกำรอำ่ นท่ีผูอ้ ำ่ นต้องอ่ำนอย่ำงละเอียด เพ่อื พิจำรณำสว่ นประกอบของเรอื่ งที่อำ่ น ซึ่งอำจจะเป็นเรอ่ื งเลำ่ สืบตอ่ กันมำ ขำ่ วเหตกุ ำรณ์ เน้อื หำท่ีเป็นบทกลอน บทเพลง หรือบทควำม อำจ เปน็ เรอ่ื งรำวที่เป็นจรงิ หรืออิงควำมจริงหรอื เป็นเรื่องท่ีแตง่ ขน้ึ ก็ได้โดยสำมำรถบอกรำยละเอียด อธิบำยลักษณะของตวั ละคร สรุปใจควำมสำคญั บอกควำมสมั พนั ธ์ของสว่ นตำ่ งๆ บอกและลำดบั เหตุกำรณ์ และสรุปควำมร้แู ละควำมคดิ อยำ่ งรอบคอบ โดยกำรเขียนสรปุ ควำมจำกเร่ืองที่อ่ำนให้สั้น แตไ่ ดใ้ จควำมสำคัญ โดยเรอื่ งทอ่ี ่ำนเกยี่ วกับผลิตภัณฑท์ ้องถิ่นของจังหวดั ยโสธร สำระกำรเรียนรู้ ผลติ ภัณฑท์ ้องถนิ่ จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ ๑. มีควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจสำมำรถตอบคำถำมเกีย่ วเร่ืองที่อ่ำนได้ (K) ๒. จบั ใจควำมสำคญั จำกเร่ืองที่อ่ำนได้ (P) ๓. สรปุ เรือ่ งด้วยกรอบแนวคิด ผังควำมคดิ บนั ทึก ยอ่ ควำม และรำยงำนได้ (P)

๒ ๔. วเิ ครำะห์ วิจำรณ์ และประเมนิ ควำมสมเหตสุ มผล กำรลำดบั ควำม และควำมเป็นไปได้ ของเรื่องท่ีอำ่ นได้ (P) ๕. วิเครำะหเ์ พ่ือแสดงควำมคิดเหน็ โตแ้ ยง้ เกีย่ วกบั เร่ืองท่ีอำ่ นได้ (P) ๖. มีควำมกระตือรอื รน้ ใฝเ่ รียนรู้ และใหค้ วำมรว่ มมือในกิจกรรมกลมุ่ (A) สมรรถนะท่ีสำคัญ หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พน้ื ฐำน มงุ่ ใหผ้ เู้ รียนเกดิ สมรรถนะสำคัญ ๕ ประกำร ดังน้ี ๑. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร ๒. ควำมสำมำรถในกำรคดิ ๓. ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ ๔. ควำมสำมำรถในกำรใช้ทกั ษะชีวติ ๕. ควำมสำมำรถในกำรใชเ้ ทคโนโลยี คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ หลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพืน้ ฐำน มงุ่ พฒั นำผู้เรียนให้มคี ุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้สำมำรถอยู่ร่วมกับผู้อ่นื ในสงั คมไดอ้ ยำ่ งมคี วำมสุข ในฐำนะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังน้ี ๑. รกั ชำติ ศำสน์ กษัตรยิ ์ ๒. ซ่ือสัตยส์ จุ ริต ๓. มีวนิ ัย ๔. ใฝเ่ รียนรู้ ๕. อยอู่ ย่ำงพอเพยี ง ๖. มงุ่ มนั่ ในกำรทำงำน ๗. รกั ควำมเป็นไทย ๘. มีจิตสำธำรณะ ภำระงำน/ช้ินงำน หนงั สือสง่ เสริมกำรอ่ำนจบั ใจควำมแบบ E-Book ชุด ภูมปิ ัญญำท้องถ่ิน กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ภำษำไทย สำหรับนกั เรยี นชัน้ มัธยมศึกษำปที ่ี ๓ เล่มที่ ๕ ผลิตภณั ฑ์ท้องถ่นิ ๑. แบบทดสอบก่อนเรยี น ๒. กจิ กรรมที่ ๑.๑-๑.๖ ๓. แบบทดสอบหลงั เรยี น กำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ ๑. แบบทดสอบก่อนเรยี น เกณฑก์ ำรประเมินนักเรียนต้องได้คะแนน ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ๒. กิจกรรมท่ี ๑.๑-๑.๖ เกณฑก์ ำรประเมินนักเรียนต้องได้คะแนน ร้อยละ ๘๐ ขึน้ ไป ๓. แบบทดสอบหลงั เรยี น เกณฑ์กำรประเมนิ นักเรียนต้องได้คะแนน ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป

๓ แบบทดสอบก่อนเรยี น หนงั สอื ส่งเสรมิ กำรอำ่ นจับใจควำมแบบ E-Book ชดุ ภมู ปิ ัญญำทอ้ งถ่ิน กลมุ่ สำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย สำหรับนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษำปที ี่ ๓ เลม่ ที่ ๕ ผลติ ภณั ฑ์ทอ้ งถิน่ คำช้แี จง ๑. แบบทดสอบทั้งหมด ๑๐ ข้อ ข้อละ ๑ คะแนน คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน ๒. ใหน้ ักเรียนทำเคร่อื งหมำย X ลงในกระดำษคำตอบ โดยเลือกช่องวำ่ งตำมตัวอักษร ก. ข. ค. และ ง. ที่ถกู ที่สดุ เพียงข้อเดียว ๑. ข้อใดไม่ใช่ผลติ ภัณฑท์ ้องถิ่นของจงั หวดั ยโสธร ข. แกะสลกั เทยี น ก. ผ้ำไหม ง. เครอื่ งทองเหลอื ง ค. หมอนขดิ ๒. “หมอนขดิ ” มีชื่อเรยี กมำจำกข้อใด ข. จำกกำรตดั เยบ็ ผ้ำ ก. จำกชนิดของผำ้ ง. จำกกำรต้ังช่ือตำมชมุ ชน ค. จำกกำรใช้ประโยชน์ ๓. ข้อใดกลำ่ วไม่ถูกต้องเกย่ี วกับผลิตภัณฑ์จกั รสำน ก. กระตบิ ข้ำวหรือกอ่ งขำ้ วเหนยี ว ข. ไมไ้ ผ่ที่ผำ่ แลว้ ทำเป็นรว้ิ ๆ เรยี กว่ำ “ตอก” ค. ชำวบำ้ นท่ไี ม่มีอำชพี จะทำกระติบขำ้ วขำย ง. กำรสร้ำงลวดลำย เพ่อื จะเพ่ิมมูลค่ำของกระติบข้ำว ใหน้ ักเรียนอำ่ นข้อควำมตอ่ ไปน้ีแล้วตอบคำถำมข้อท่ี ๔ – ๕ สินคำ้ โอทอป (OTOP) หรอื โครงกำรหนึ่งตำบล หนึ่งผลติ ภัณฑ์ ถือเป็นนโยบำย ทก่ี อ่ กำเนิดข้นึ มำ เพือ่ กระตุ้นเศรษฐกจิ ของประเทศไทย โดยได้นำภูมิปญั ญำของชำวบ้ำนแตล่ ะ จังหวดั ทม่ี ีเอกลักษณ์ไม่ซำ้ ใครมำแปรรูปเป็นสนิ คำ้ ที่หลำกหลำย อำทิ อำหำร งำนหัตถกรรม งำนจัก สำน รวมถึงงำนถักทอ ซงึ่ นอกจำกเป็นกำรกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตวั แล้ว ยงั มีส่วนชว่ ยเผยแพร่วัฒนธรรมผ่ำนสินค้ำ แบบไทย ๆ ออกสู่สำยตำชำวโลกอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันมีสินค้ำ OTOP วำงจำหน่ำยทั้งในไทยและ ต่ำงประเทศ ถือเป็นกำรต่อยอดให้ชำวบ้ำนดึงจุดเด่นส่ิงของในท้องถ่ินตนเองออกมำ เพื่อสรรสร้ำง สนิ ค้ำทีด่ ี และมคี ุณภำพ

๔ ๔. ขอ้ ใดไม่สอดคล้องกบั สนิ ค้ำโอทอป (OTOP) ก. งำนหตั ถกรรม งำนจักสำน ข. โครงกำรหนึง่ ตำบล หน่งึ ผลติ ภัณฑ์ ค. ภูมปิ ัญญำของชำวบ้ำน ง. กำรแปรรูปสนิ คำ้ ต่ำงประเทศ ๕. ข้อใดกล่ำวถงึ ข้อดีของสินค้ำโอทอป (OTOP) ไดถ้ ูกตอ้ ง ก. กระตนุ้ เศรษฐกิจของประเทศไทย โดยได้นำภูมปิ ัญญำของชำวบำ้ นแตล่ ะภมู ภิ ำคมำขำย ข. เพือ่ สรรสร้ำงสนิ คำ้ ท่ดี ี และมคี ณุ ภำพ ไปวำงจำหนำ่ ยในตำ่ งประเทศ ค. เพ่อื นำทรัพยำกรท่มี ีอยใู่ นทอ้ งถ่ินมำใช้ประโยชน์ และสรำ้ งรำยไดใ้ ห้กบั คนในชมุ ชน ง. เพือ่ นำสินค้ำทมี่ เี อกลกั ษณไ์ ม่ซ้ำใครมำเป็นสนิ คำ้ สนิ คำ้ โอทอป (OTOP) ใหน้ กั เรียนอำ่ นข้อควำมต่อไปน้แี ล้วตอบคำถำมข้อท่ี ๖ – ๗ วัสดุในทอ้ งถ่ิน หมำยถึง วัตถุตำมธรรมชำตทิ ีม่ ใี นท้องถน่ิ เช่น ผักตบชวำ ใบตำล กระบอก ไมไ้ ผ่ เปน็ ต้น กำรประดิษฐส์ ่ิงของจำกวัสดแุ ละเศษวัสดเุ ปน็ กำรส่งเสรมิ ควำมคดิ สร้ำงสรรค์ดำ้ นกำรออกแบบ ฝกึ ฝนให้เรำรจู้ ักวำงแผนกำรทำงำน มีควำมอดทนต่องำนที่ทำ สำมำรถแก้ปญั หำจำกกำรปฏบิ ัตงิ ำนและ ปลูกฝังให้รู้จกั กำรใชเ้ วลำให้เปน็ ประโยชน์ กำรประดิษฐ์สง่ิ ของมีท้งั ของเลน่ ของใช้ และของประดับ ตกแตง่ กำรฝึกปฏบิ ัติเกย่ี วกับงำนประดษิ ฐ์ กำรประดิษฐข์ องใช้ ของประดับตกแต่งเป็นกำรสร้ำงสรรค์ ผลงำนทีม่ คี ณุ ค่ำ และมเี อกลักษณ์เฉพำะของผู้ประดิษฐแ์ ต่ละคน โดยเลือกใชว้ สั ดตุ ่ำง ๆ กนั เช่น เศษ วัสดุเศษวัสดเุ หลอื ใช้ วสั ดุทม่ี ีอย่ใู นท้องถน่ิ สำมำรถนำมำประดษิ ฐ์ให้เป็นผลงำน เปน็ กำรใชเ้ วลำว่ำงให้ เกิดประโยชน์ สร้ำงควำมภำคภมู ใิ จ มคี วำมสนุกสนำน อีกทั้งเปน็ กำรพัฒนำทักษะฝีมือ สำมำรถนำไป ประกอบอำชีพเพื่อเสริมสรำ้ งรำยได้ให้กับครอบครัวอีกทำงหนึ่ง ๖. ผูป้ ระดิษฐ์ควรยดึ หลักกำรประดษิ ฐข์ องใช้ ยกเว้นข้อใด ก. สำรวจควำมตอ้ งกำรของตนเองว่ำประดษิ ฐ์ช้นิ งำนอะไร ข. ศึกษำหลักกำรและวิธีกำรประดษิ ฐข์ องชิน้ งำนทีต่ ้องกำรประดิษฐ์ ค. สำรวจช้นิ งำนทสี่ นใจ และคำนึงถงึ วสั ดทุ ่ีสวยงำมและหำยำก ง. คำนึงถงึ ควำมปลอดภยั ในกำรประดิษฐช์ ิน้ งำน

๕ ๗. ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของกำรประดษิ ฐ์สงิ่ ของจำกวสั ดุ ก. ฝึกทักษะฝมี อื เพอื่ นำวัสดุทห่ี ำยำกมำสร้ำงมลู ค่ำให้แพงขน้ึ ข. พฒั นำทกั ษะฝีมอื เพอื่ นำไปประกอบอำชีพเสริมสรำ้ งรำยได้ ค. แกป้ ัญหำจำกกำรปฏิบัตงิ ำนและปลกู ฝังให้รู้จักกำรใชเ้ วลำให้เปน็ ประโยชน์ ง. ฝึกปฏิบัตเิ กีย่ วกับงำนประดษิ ฐ์ และเปน็ กำรสร้ำงสรรค์ผลงำนท่มี คี ุณค่ำ ๘. ขน้ั ตอนแรกของผลิตภณั ฑ์ผ้ำไหมและผลิตภณั ฑผ์ ำ้ ฝำ้ ยคือข้อใด ก. กำรสำวไหมดว้ ยมือ ข. กำรปลูกหม่อนเลีย้ งไหม ค. กำรทอมอื จนไดผ้ ้ำไหมสธี รรมชำติ ง. กำรทอผำ้ ดว้ ยมือและย้อมสธี รรมชำติ ๙. วตั ถุดบิ ที่นำมำทำเป็นสียอ้ มผ้ำในขอ้ ใดไมส่ อดคล้องกัน ก. สีแดง ไดจ้ ำก ดอกคำฝอย ข. สชี มพู ไดจ้ ำก ตน้ มหำกำฬ ค. สเี หลอื ง ไดจ้ ำก แก่นขนนุ ง. สนี ้ำตำล ไดจ้ ำก ใบสำบเสอื ๑๐. เกวยี นบ้ำนนำสะไมย์มลี กั ษณะเฉพำะตำมข้อใด ก. เกวียนทม่ี ีกำรสลักลวดลำยของตวั เรอื นเกวยี น ข. เกวยี นทมี่ กี ำรสลักลวดลำยล้อเกวยี น ค. เกวียนท่ีมีกำรสลักลวดลำยเตม็ พ้ืนที่ ง. เกวียนทมี่ ีกำรสลกั ลวดลำยหัวโถน สู้ๆ นะคะนกั เรียน

๖ กระดำษคำตอบแบบทดสอบกอ่ นเรียน หนงั สอื ส่งเสริมกำรอ่ำนจับใจควำมแบบ E-Book ชดุ ภูมปิ ญั ญำทอ้ งถ่นิ กลุ่มสำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย สำหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษำปีที่ ๓ เลม่ ที่ ๕ ผลติ ภัณฑท์ ้องถน่ิ คำช้ีแจง ๑. แบบทดสอบท้ังหมด ๑๐ ขอ้ ข้อละ ๑ คะแนน คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน ๒. ให้นักเรยี นทำเคร่อื งหมำย X ลงในกระดำษคำตอบ โดยเลือกช่องว่ำงตำมตวั อกั ษร ก. ข. ค. และ ง. ท่ถี กู ที่สุดเพียงข้อเดยี ว ข้อ ก ข ค ง ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐. สรปุ คะแนนที่ได้ .................... คะแนน เปน็ คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ นักเรียนตอ้ งได้คะแนน ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป หรอื ๘ คะแนนขน้ึ ไป ผำ่ น ไมผ่ ่ำน



๘ ผลิตภณั ฑ์ OTOP หมบู่ า้ นทาหมอนขดิ บา้ นศรฐี าน จงั หวัดยโสธรมีสินค้ำผลิตภณั ฑช์ ุมชนท่มี ชี ื่อเสียงเป็นท่ีรจู้ กั กันอย่ำงกว้ำงขวำง คอื หมอนขิด ผลติ ภณั ฑจ์ ักสำน และผำ้ ย้อมสีธรรมชำติ สว่ นประเภทอำหำร ไดแ้ ก่ ข้ำวหอมมะลิอินทรีย์ ขำ้ วหอม มะลคิ ุณภำพดี และปลำส้มยโสธร อันเป็นท่ยี อมรับของผู้บริโภค โดยมีผลติ ภัณฑช์ ุมชนท่ีได้รับกำร รับรองมำตรฐำนผลติ ภัณฑ์ชุมชน จำนวน ๙๐๗ ผลติ ภณั ฑ์ (ข้อมลู ณ ปี ๒๕๕๙) และผลติ ภัณฑช์ มุ ชน ที่ได้รบั ควำมนยิ มและสร้ำงรำยได้ให้กับกลุ่มสมำชิกและจังหวดั ยโสธร โดยเฉพำะหมอนขวำนผ้ำขิด ท่ีบ้ำนศรฐี ำน อำเภอปำ่ ต้วิ มีกำรสง่ ไปจำหนำ่ ยทงั้ ในประเทศและต่ำงประเทศ ส่วนผลติ ภัณฑ์อ่นื ๆ ทมี่ ีจำหน่ำยในท้องถ่ินและภำยในประเทศ ซง่ึ มีกำลังผลติ ไม่มำกนักและสร้ำงรำยได้ให้กบั กล่มุ สมำชิก ในชุมชน ได้แก่ ผลิตภัณฑจ์ ักสำน (ไม้ไผ่) ผลิตภัณฑผ์ ้ำไหม ผลิตภณั ฑผ์ ้ำฝำ้ ย เคร่อื งทองเหลือง แกะสลกั ไม้ ปลำส้ม ไกย่ ำ่ งบ้ำนแคน ลอดชอ่ ง เน้ือโคขนุ ไข่ไก่อนิ ทรยี ์ และผลติ ภณั ฑ์จำกถัว่ ลิสง เป็นต้น โดยผลิตภัณฑ์ชุมชุนที่ไดร้ ับกำรรับรองมำตรฐำนผลติ ภัณฑ์ชมุ ชน มแี นวโนม้ เพม่ิ จำนวนสูงขึ้น อย่ำงต่อเนอ่ื ง ผลติ ภัณฑ์ของชุมชนจังหวัดยโสธร ได้แก่ ๑. หมอนขิด หมอนขิดเป็นภมู ปิ ัญญำท้องถิ่นท่มี มี ำยำวนำน สำเหตทุ ี่เรียกหมอนขิดน้นั มำจำกกำรที่หมอน ทำมำจำกผ้ำขิด ผำ้ ทอพ้นื เมอื งของภำคอสี ำน ผำ้ ขดิ มีลวดลำยหลำกหลำยและสสี ันสวยงำม ถกู นำมำ ประยุกต์ทำเป็นหมอนขดิ ถ่ำยทอดภมู ิปัญญำกันจำกรนุ่ สรู่ ุ่น ในสมยั ก่อนชำวบำ้ นจะทำหมอนหนนุ เพ่ือใช้ในครัวเรือนและใช้แลกเปลีย่ นกับส่งิ ของต่ำง ๆ เชน่ ขำ้ ว ปลำ พริก แทนกำรซื้อขำย โดยหมอนขดิ ได้รับควำมนิยมเป็นอยำ่ งมำก ซ่ึงนอกจำกจะใชเ้ องใน ครวั เรือนแลว้ ยังนำไปถวำยพระ ใช้ในงำนประเพณตี ำ่ ง ๆ รวมถึงเปน็ ของฝำกญำตพิ น่ี ้องต่ำงถนิ่ ควำมนยิ มจึงมำกข้ึนเรื่อย ๆ ชำวบ้ำนจึงไดพ้ ัฒนำรปู แบบและผลิตจำหนำ่ ยอย่ำงจริงจงั

๙ สว่ นรูปแบบจะมีหมอน ๖ ลกู หมอน ๙ ลูก หมอนขวำน เบำะรองนั่ง หมอนข้ำง หมอนเล็ก หมอนลูกฟักทอง (สะม๊อก) ซ่ึงหมอนขนำดเล็กใช้หนนุ และทำพวงกุญแจ จะขำยได้มำก เพรำะประโยชน์ ใช้สอยมำก เชน่ หนนุ นอนในรถยนต์ มรี ปู แบบ ๔ แบบ คือ หมอนสำมเหลย่ี ม หมอนตดิ เบำะ หมอน ผำ้ ดไี ซด์ เบำะนงั่ และยังสง่ ท่ลี ำดพร้ำว นักท่องเท่ียวสำมำรถเข้ำไปเยี่ยมชมกำรทำหมอนขิดได้ ต้ังแต่กำรเย็บผ้ำทำปลอกหมอน กำรขึ้นโครง ยัดนุ่น จนเสร็จกลำยเป็นหมอนขิด นอกจำกหมอนสำมเหลี่ยมแล้ว ยังมีอีกหลำย รูปแบบ ท้ังที่นอนระนำด ที่นอนพับ หมอนกระดูก หมอนรองคอ หมอนอิง เป็นต้น ภาพหมอนขิด ๒. ผลติ ภณั ฑ์จกั สำน ชำวบำ้ นทงุ่ นำงโอก ตำบลทงุ่ นำงโอก อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ประกอบอำชีพกำรเกษตร คอื ทำนำทำไดเ้ ฉพำะนำปีเท่ำนน้ั เนอ่ื งจำกไม่มีแหล่งน้ำขนำดใหญ่หรือระบบชลประทำนทจ่ี ะสำมำรถ ทำกำรเกษตรนอกฤดูกำลได้ หลังจำกกำรทำนำเสร็จชำวบำ้ นได้ประกอบอำชีพกำรจักสำนไม้ไผ่ ซึ่งกำรจกั สำนไม้ไผ่นที้ ำมำต้งั แตบ่ รรพบุรษุ สบื ทอดกันมำจนถึงปัจจุบัน จะทำเป็นต้ังแต่เดก็ เลก็ จนโต เพรำะชว่ งว่ำงจำกกำรทำนำกว่ำจะฤดกู ำรเกบ็ เกีย่ วกจ็ ะทำกำรจักสำนไม่ไผ่กนั ประเภทของสินค้ำในกำรจักสำนประกอบไปด้วยกระติบข้ำวหรือกอ่ งข้ำวเหนียว จะมขี นำด ต่ำง ๆ ต้ังแต่เลก็ จนใหญ่ อีกทั้งทำตำมควำมต้องกำรของผสู้ ัง่ ซื้อว่ำจะเอำขนำดเทำ่ ใด ในสว่ นของ กำรจักสำนไม้ไผน่ น้ั กไ็ ม่ยำก โดยตัดต้นไม้ไผท่ ่ีปลูกไว้ มำผ่ำแลว้ ทำเป็นร้ิว ๆ เรยี กวำ่ “ตอก” เมือ่ ได้ ตอกแลว้ ก็นำมำสำนเปน็ กลอ่ งข้ำว กระตบิ ข้ำว และสำมำรถนำไปจำหนำ่ ยได้ แต่ในปจั จบุ ันนีก้ ำรทำ กระตบิ ขำ้ วก็ไดส้ ร้ำงลวดลำยขนึ้ ข้ำงก่องข้ำว เพ่ือจะเพ่มิ มูลค่ำของก่องข้ำวหรือกระติบข้ำว ให้ สวยงำมและมีรำคำเพ่ิมมำกขึ้น สว่ นรำคำนนั้ มีตง้ั แต่ รำคำ ๓๐ บำท จนถึง ๒,๐๐๐ บำท ดังนน้ั กำรทำกระตบิ ข้ำวขำยของชำวบ้ำนท่งุ นำงโอกจึงเป็นรำยได้ที่ดสี รำ้ งรำยได้ครอบครัวแบบพอเพยี ง และยงั่ ยืนจนทำใหค้ ณุ ภำพชวี ิตดีข้นึ ภาพผลิตภณั ฑจ์ กั สาน

๑๐ ๓. ผลิตภณั ฑผ์ ำ้ ไหม และผลิตภณั ฑผ์ ำ้ ฝ้ำย ผลิตภณั ฑ์ผำ้ ไหม และผลิตภณั ฑผ์ ำ้ ฝ้ำยเร่มิ ต้นก่อต้ังกลุ่มครัง้ แรกเม่ือปี ๒๕๒๔ ดำเนนิ กำร ทอผำ้ ดว้ ยมือและย้อมสีธรรมชำติ ซึง่ วตั ถุดิบทีน่ ำมำทำเปน็ สียอ้ มผ้ำ ก็จะไดจ้ ำกตน้ ไม้ใบไมท้ ม่ี ีอยใู่ น ละแวกชุมชน เช่น เปลอื กไมใ้ บไมช้ นดิ ต่ำง ๆ ที่มอี ยู่ในท้องถิน่ นำไปต้มนำ้ ให้เดือดเพอื่ จะได้สีต่ำง ๆ ตำมสีของเปลือกไมใ้ บไม้แต่ละชนดิ เช่น สแี ดง ไดจ้ ำกดอกคำฝอย รำกยอ ครัง่ สีนำ้ เงนิ ได้จำกต้นครำม สเี หลอื ง ไดจ้ ำกแกน่ ขนนุ ขม้ินชัน ดอกดำวเรอื ง แก่นแข รำกต้นสะกือ ใบสำบเสือ ใบสมอ และเหมือแอ่ สดี ำ ได้จำกลูกกระจำย ลูกมะเกลือ สชี มพู ได้จำกต้นมหำกำฬและตน้ ฝำง สีนำ้ ตำล ไดจ้ ำกฝักคูณ สีมว่ งอ่อน ไดจ้ ำกลูกหวำ้ สเี ขยี ว ได้จำกใบดอกแก้วและสบู่เลอื ด แต่ทกี่ ลุ่มทอผ้ำไหมบ้ำนโนนยำงนิยมทำกนั มำก คือ สีเขียวออ่ นท่ีไดจ้ ำกใบดอกแก้ว และสบ่เู ลือด สว่ นเสน้ ไหมทเ่ี ปน็ วตั ถดุ ิบหลักในกำรนำไปย้อมสธี รรมชำติ ก่อนนำไปทอเปน็ ผ้ำไหม ชำวบำ้ นจะพำกนั ปลกู หม่อนเลยี้ งไหมกนั เองภำยในชมุ ชน และสำวไหมด้วยมือก่อนทีจ่ ะนำเสน้ ไหมไป ย้อมสีธรรมชำติ ตำมข้ันตอนและนำไปทอมือจนไดผ้ ำ้ ไหมสีธรรมชำติ ส่งจำหน่ำยเร่อื ยมำจนเปน็ ที่รจู้ กั และเร่มิ มผี สู้ นใจเข้ำไปติดต่อรับซื้อผ้ำไหมย้อมสธี รรมชำติเพ่มิ มำกขึน้ ทกุ วนั ภาพผลิตภัณฑ์ผ้าไหม และผลิตภณั ฑ์ผ้าฝา้ ย สำหรบั ขน้ั ตอนกำรย้อมสธี รรมชำติเรม่ิ จำกหำวตั ถุดิบทม่ี ีอยูใ่ บไมช้ นิดต่ำงๆ ท่ีเรำต้องกำร สีธรรมชำตนิ ำไปสบั เปน็ ชนิ้ ๆ แล้วนำไปโขกใหล้ ะเอยี ดกรองเอำแตน่ ้ำ แลว้ นำไปน้ำท่ีได้ไปต้มใหเ้ ดือด จงึ นำเส้นไหมที่ฟอกทำควำมสะอำดลงย้อมนำนประมำณ ๓๐ นำที ก่อนนำขนึ้ รอใหเ้ ย็นจึงนำไปลำ้ ง ด้วยน้ำอ่นุ และลำ้ งอีกรอบดว้ ยนำ้ เยน็ แล้วนำไปทำกำรกระตุกเพ่ือให้เสน้ ไหมตรงและเส้นกลมแนน่ ตำกลมใหแ้ หง้ กจ็ ะได้เสน้ ไหมย้อมสธี รรมชำติตำมท่ีตอ้ งกำร จำกน้ันจึงนำเสน้ ไหมไปทอด้วยมือเปน็ ผำ้ ไหมท่สี วยงำมสง่ จำหนำ่ ยเปน็ รำยไดต้ ่อไป โดยจะจำหนำ่ ยอย่ทู ี่ผนื ละ ๗๐๐-๑,๐๐๐ บำท สำหรับผ้ำขำวม้ำ แต่ถำ้ เป็นผ้ำถุง หรือผ้ำพื้น รำคำอยู่ท่ีผืนละ ๑,๕๐๐ – ๑,๘๐๐ บำท ตอ่ มำไดร้ ับกำรสนับสนุนจำกสำนกั งำนพัฒนำชุมชนจงั หวัด ยโสธร และกรมส่งเสริมอตุ สำหกรรม สนับสนุนงบประมำณบำงส่วน ในกำรวำ่ จำ้ งวิทยำกรเขำ้ ไปให้

๑๑ ควำมรตู้ อ่ ยอดเพม่ิ เติม เกย่ี วกับวิธกี ำรย้อมสีธรรมชำติและกำรพฒั นำลำยของผำ้ ไหม พร้อมกับจดั ซื้อ ที่กระตนุ้ เพ่มิ เตมิ ให้กับกลมุ่ เพื่อทีจ่ ะสำมำรถทอผ้ำไหมให้ทันตำมควำมต้องกำรของลูกคำ้ ปัจจบุ นั กลมุ่ ทอผ้ำไหมดว้ ยมือย้อมสธี รรมชำตบิ ้ำนโนนยำง มีสมำชกิ ๔๓ คน มีกำรทอผ้ำไหมสง่ จำหนำ่ ยทุก วัน ส่วนตลำดกำรส่งออกจะมีทั้งในจงั หวดั ยโสธร และตำ่ งจังหวัดท่ีมกี ำรสงั่ ซื้อเข้ำมำอย่ำงต่อเนื่องจน ทำงกลมุ่ ไมส่ ำมำรถทอผำ้ สง่ ใหไ้ ดท้ ัน เนื่องจำกกำรทอผ้ำด้วยมอื และย้อมสีธรรมชำติมีข้ันตอนยุ่งยำก ต้องใช้เวลำค่อนข้ำงมำกในกำรผลิตชิ้นงำนแตล่ ะชน้ิ ซ่งึ ช้นิ งำนท่ผี ลิตออกมำประกอบดว้ ย ผำ้ ขำวม้ำ ผำ้ ถงุ และผำ้ พ้นื เป็นท่ตี ้องกำรของลกู ค้ำ สง่ ผลทำให้มเี งินหมุนเวียนภำยในกลมุ่ สงู ถงึ เดือนละไม่ต่ำ กวำ่ ๓๕๐,๐๐๐ บำท โดยสมำชิกกลมุ่ ที่ช่วยกันทอผ้ำย้อมสีธรรมชำติจะไดค้ ่ำแรงเมตรละ ๑๐๐-๑๕๐ บำท ข้นึ อยู่กับควำมยำกง่ำยของลำยผ้ำเฉลีย่ แล้วสมำชิกกลุ่มจะมีรำยไดไ้ มต่ ่ำกว่ำเดอื นละ ๕,๐๐๐ บำทต่อคน เป็นอีกหนึ่งอำชพี ท่สี ร้ำงรำยไดใ้ ห้กบั ชำวบ้ำนในชมุ ชนเป็นอยำ่ งดี หลังจำกที่วำ่ งเว้นจำก กำรทำนำซ่ึงเป็นอำชีพหลกั ของชำวบำ้ น ๓. ทำเกวยี น เกวยี น คอื พำหนะชนดิ หน่ึง มี ๒ ล้อ ใชค้ วำยหรอื วัวเทยี ม ใชส้ ำหรับงำนบรรทกุ ขนส่ง เดินทำงไกล ทำจำกไม้เนื้อแข็งเป็นส่วนใหญ่ เช่น ไม้พยงู ไม้แดง ไม้ประดู่ ไมแ้ คน (ไมต้ ะเคียน) ในกำรทำเกวียน ช่ำงตอ้ งมีควำมรู้ในกำรคำนวณ สดั สว่ น ทง้ั ส่วนโครงสรำ้ งและสว่ นประกอบ ยอ่ ยต่ำง ๆ ใหเ้ หมำะสมกับลักษณะกำรใชง้ ำน กำรเลือกไม้ที่ใชใ้ น แต่ละสว่ นของเกวยี นใหเ้ หมำะสม กบั กำรรับนำ้ หนักบรรทุก แรงกระแทกและกำรเสยี ดสี แหล่งผลิตเกวยี นที่สำคญั อยูท่ ี่ บำ้ นนำสะไมย์ ตำบลนำสะไมย์ อำเภอเมอื ง จังหวัดยโสธร เกวียนบ้ำนนำสะไมยม์ ีลักษณะเฉพำะ เรยี กวำ่ เกวยี นสลกั ลำย เป็นเกวยี นทมี่ กี ำรสลกั ลวดลำยเต็มพื้นที่ ของตวั เรือนเกวียน และรวมถึงสลักในส่วนอื่น ๆ อีกหลำยแหง่ คอื แป้นชำน หวั โถน คั่นยัน แพดหรอื แปรก หวั ทวก คนั ทูปเกวียน หัวเต่ำหนำ้ หวั เตำ่ หลงั คำนหน้ำ คำนหลัง และ กอ้ งเพลำ ลักษณะของเกวียนมหี ัวทวกโคง้ งอลง เล็กน้อย ตัวเรือนเกวียนจะทำแยกอีกชนิ้ หนงึ่ วำงเพอ่ื ใช้งำน บนโครงคำน ทวก และถอดออกได้ โดยเฉพำะอยำ่ งย่ิง กำรสลกั ลวดลำยท่ีดูเหมือน จะคล้ำย ๆ กันทวั่ ไป แตใ่ นรำยละเอียดช่ำงสลกั เกวียนจะมีอสิ ระในกำรจดั วำงลวดลำยต่ำง ๆ ท่สี บื ทอดกนั มำ เช่น ลำยเมด็ ขำ้ วสำร ลำยดอก ลำยยอ้ ย ลำยเครอื ฯลฯ ปัจจบุ นั กำรทำเกวียนสลกั ลำยกำลังประสบปญั หำ หลำยด้ำน เชน่ กำรหมดประโยชนใ์ ชส้ อย กำรขำดแคลน วัตถุดบิ ซ่ึงทำให้ช่ำงฝีมอื ต้องละทง้ิ อำชีพเดิมไปประกอบอำชีพใหม่ ซง่ึ อำจจะส่งผลให้ ควำมรใู้ นเชงิ ชำ่ งสูญหำยไปในท่ีสดุ ภาพแกะสลักเกวยี น

๑๒

๑๓ กจิ กรรมท่ี ๑.๑ คำชีแ้ จง ให้นักเรยี นทำเครอ่ื งหมำยถกู () ลงในช่องท่ีถูก และทำเครือ่ งหมำยผดิ () ลงในช่องท่ผี ิดต่อไปน้ใี หถ้ ูกต้อง ผลวเิ ครำะห์ รำยกำรประเมิน ๑. ผลิตภัณฑ์ผ้ำไหม และผลติ ภัณฑ์ผำ้ ฝ้ำยเร่มิ ตน้ ก่อตง้ั กลุม่ ครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๒๔ และดำเนินกำรทอผ้ำดว้ ยมอื และยอ้ มสธี รรมชำติ ๒. สีย้อมผำ้ มำจำกตน้ ไมใ้ บไมท้ ่ีมีอยใู่ นละแวกชุมชน เชน่ เปลอื กไมใ้ บไมท้ ่ีมีอยู่ใน ท้องถ่นิ นำไปต้มนำ้ ใหเ้ ดือดเพ่ือจะได้สตี ำ่ ง ๆ ตำมสีของเปลอื กไมใ้ บไม้แต่ละชนดิ ๓. สียอ้ มผ้ำสเี หลือง ได้จำกแก่นขนุน ขม้นิ ชัน ดอกดำวเรือง แกน่ แข รำกต้นสะกอื ใบสำบเสือ ใบสมอและเหมือแอ่ เปน็ ตน้ ๔. กลุ่มทอผ้ำไหมบำ้ นโนนยำงนยิ มทำกนั มำก คอื สีเขยี วอ่อนท่ีได้จำกใบดอกแก้ว และสบูเ่ ลอื ด ๕. ขัน้ ตอนกำรย้อมสธี รรมชำตเิ รม่ิ จำกหำวตั ถุดิบท่ีมีอยู่ใบไมช้ นิดตำ่ งๆ ที่เรำ ต้องกำรสีธรรมชำตินำไปสบั เป็นช้ิน ๆ แลว้ นำไปโขกให้ละเอยี ดกรองเอำแต่นำ้ ๖. ผลติ ภัณฑ์ผ้ำไหม และผลิตภัณฑผ์ ้ำฝ้ำยจำหน่ำยอยู่ทผี่ นื ละ ๑๑,๐๐๐ บำท ๗. เกวยี น คอื พำหนะชนิดหนึ่ง มี ๖ ลอ้ ใชค้ นในกำรลำก ๘. เกวยี น ทำจำกไมเ้ น้ือแขง็ เปน็ สว่ นใหญ่ เช่น ไมพ้ ยูง ไมแ้ ดง ไมป้ ระดู่ ไม้แคน ๙. แหล่งผลิตเกวียนทีส่ ำคัญอยทู่ ่ี บ้ำนนำสะไมย์ ตำบลนำสะไมย์ อำเภอเมือง จงั หวัดยโสธร ๑๐. เกวียนบ้ำนนำสะไมย์มีลักษณะเฉพำะ เรยี กว่ำ เกวยี นสลักลำย เป็นเกวยี นทม่ี ี กำรสลักลวดลำยเตม็ พน้ื ที่ ของตวั เรือนเกวียน สรปุ คะแนนที่ได้ .................... คะแนน เป็นคะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ นกั เรียนตอ้ งได้คะแนน รอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป หรอื ๘ คะแนนข้นึ ไป ผ่ำน ไมผ่ ่ำน

๑๔ กิจกรรมท่ี ๑.๒ คำชแ้ี จง ให้นักเรยี นวิเครำะหข์ ้อควำมตอ่ ไปน้ีแล้วจบั คคู่ ำตอบให้ถูก ก. ไม้พยงู ไมแ้ ดง ไมป้ ระดู่ ไมต้ ะเคยี น ข. กระติบข้ำวหรือก่องขำ้ วเหนียว ค. กำรหมดประโยชนใ์ ชส้ อย และกำรขำดแคลนวัตถุดิบ ง. เกวยี นสลกั ลำย จ. มหี ัวทวกโค้งงอลงเล็กน้อย ฉ. คำนวณ สดั สว่ น ช. บ้ำนนำสะไมย์ ต.นำสะไมย์ อ.เมือง จ.หวดั ยโสธร ซ. กำรหมดประโยชนใ์ ชส้ อย และกำรขำดแคลนวตั ถุดิบ ฌ. แป้นชำน หวั โถน คั่นยนั แพด ญ. แปน้ ชำน หวั โถน คน่ั ยนั แพด ฎ. บรรทุกขนส่ง ฏ. ควำยหรือวัวเทียม ............... ๑. เกวียน คอื พำหนะชนิดหน่งึ มี ๒ ลอ้ ใช้ ......................................................................... ............... ๒. เกวียนใชส้ ำหรบั งำน ........................................................................... ทำจำกไม้เน้ือแขง็ ............... ๓. ไม้ที่ใชท้ ำเกวียน ได้แก่ ..................................................................................................... ............... ๔. กำรทำเกวียนชำ่ งต้องมีควำมรใู้ นกำร ............................................................................... ............... ๕. แหล่งผลติ เกวียนท่สี ำคัญอยู่ที่ .......................................................................................... ............... ๖. เกวียนบ้ำนนำสะไมย์มลี กั ษณะเฉพำะ เรยี กว่ำ ................................................................. ............... ๗. เกวยี นสลกั ลำย เป็นเกวียนท่ีมีกำรสลกั ลวดลำยเต็มพ้นื ท่ีของตัวเรอื นเกวียน เช่น ....................................................................................................................................... ............... ๘. ลกั ษณะของเกวียน ได้แก่ ................................................................................................. ............... ๙. ปัจจุบันกำรทำเกวียนสลักลำยกำลังประสบปัญหำหลำยดำ้ น เช่น ................................... ............... ๑๐. ประเภทของสินค้ำในกำรจักสำนประกอบไปด้วย .......................................................... สรปุ คะแนนท่ีได้ .................... คะแนน เป็นคะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน เกณฑ์กำรประเมินนักเรียนตอ้ งได้คะแนน รอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป หรือ ๘ คะแนนขน้ึ ไป ผ่ำน ไมผ่ ำ่ น

๑๕ กจิ กรรมท่ี ๑.๓ คำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นอ่ำนจบั ใจควำมสำคญั เรื่อง ผลติ ภัณฑ์ของชมุ ชน จำกน้ันทำกิจกรรม ทั้งหมด ๒ ตอน ใหเ้ รียบร้อย ตอนที่ ๑ ให้นกั เรยี นตอบคำถำมตอ่ ไปน้ี ๑. เพรำะเหตุ ชำวบำ้ นจึงเรยี กวำ่ “หมอนขิด” ตอบ .................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. ๒. คณุ ประโยชนข์ องหมอนขิดในสมยั ก่อนมลี ักษณะกำรใช้งำนอยำ่ งไร ตอบ .................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. ๓. รปู แบบของหมอนขิดมลี ักษณะอย่ำงไรบำ้ ง ตอบ .................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. ๔. กำรจกั สำนไมไ้ ผ่ โดยตัดต้นไมไ้ ผ่ท่ปี ลูกไว้ มำผำ่ แลว้ ทำเป็นรวิ้ ๆ เรยี กวำ่ อย่ำงไร ตอบ .................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. ๕. ผลิตภัณฑ์ผ้ำไหม และผลิตภัณฑ์ผำ้ ฝำ้ ยเริ่มตน้ ก่อต้ังกล่มุ ครงั้ แรกเมอื่ ใด และทอผำ้ ด้วยวิธีใด ตอบ .................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. ตอนท่ี ๒ เขียนสรปุ ใจควำมสำคญั และแสดงควำมคิดเห็นท่ีมีตอ่ เรอื่ งท่ีอำ่ น ............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. .............................................................................................................................................. สรปุ คะแนนท่ีได้ .................... คะแนน เป็นคะแนนเต็ม ๑๘ คะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ นักเรียนต้องได้คะแนน รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป หรือ ๑๔ คะแนนขึน้ ไป ผำ่ น ไม่ผ่ำน

๑๖ กิจกรรมท่ี ๑.๔ คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนอ่ำนเรือ่ งต่อไปนี้ แล้วเตมิ คำตอบให้ถกู ตอ้ ง ควำยหรือววั เทยี ม บรรทกุ ขนส่ง บำ้ นนำสะไมย์ เกวยี นสลกั ลำย หวั ทวกโคง้ งอ ลำยเม็ดข้ำวสำร ลำยดอก ลำยย้อย ลำยเครอื กำรหมดประโยชนใ์ ชส้ อย เกวยี น คอื พำหนะชนิดหนึง่ มี ๒ ล้อ ใช้ ..................................... ใชส้ ำหรบั งำน ..................................... เดนิ ทำงไกล ทำจำกไมเ้ นื้อแข็งเป็นสว่ นใหญ่ เชน่ ไม้พยงู ไมแ้ ดง ไมป้ ระดู่ ไม้แคน (ไมต้ ะเคียน) ในกำรทำเกวยี น ชำ่ งตอ้ งมคี วำมรใู้ นกำรคำนวณ สดั ส่วน ทั้งส่วนโครงสรำ้ งและส่วนประกอบ ยอ่ ยตำ่ ง ๆ ให้เหมำะสมกับลักษณะกำรใช้งำน กำรเลือกไม้ที่ใชใ้ น แต่ละส่วนของเกวยี นให้เหมำะสม กบั กำรรับน้ำหนักบรรทกุ แรงกระแทกและกำรเสียดสี แหล่งผลติ เกวียนท่สี ำคญั อยทู่ ่ี ..................... ตำบลนำสะไมย์ อำเภอเมอื ง จงั หวดั ยโสธร เกวียนบ้ำนนำสะไมย์มีลักษณะเฉพำะ เรียกว่ำ ............................... เป็นเกวยี นที่มกี ำรสลัก ลวดลำยเตม็ พนื้ ที่ ของตวั เรอื นเกวียน และรวมถงึ สลักในส่วนอน่ื ๆ อกี หลำยแหง่ คอื แป้นชำน หวั โถน ค่นั ยนั แพดหรือแปรก หวั ทวก คันทปู เกวียน หวั เต่ำหน้ำ หวั เต่ำหลัง คำนหน้ำ คำนหลัง และ ก้องเพลำ ลักษณะของเกวยี นมี ..................................... ลงเล็กน้อย ตัวเรอื นเกวียนจะทำแยกอีกชิน้ หนึง่ วำงเพ่ือใช้งำน บนโครงคำน ทวก และถอดออกได้ โดยเฉพำะอยำ่ งยิง่ กำรสลกั ลวดลำยท่ดี ู เหมอื นจะคล้ำย ๆ กนั ทัว่ ไป แต่ในรำยละเอียดช่ำงสลกั เกวยี นจะมอี สิ ระในกำรจดั วำงลวดลำยต่ำง ๆ ทส่ี ืบทอดกันมำ เช่น ...................... ....................... ....................... ....................... ฯลฯ ปัจจุบนั กำรทำเกวยี นสลักลำยกำลังประสบปัญหำ หลำยด้ำน เชน่ .................................. กำรขำดแคลน วตั ถดุ ิบ ซึง่ ทำใหช้ ำ่ งฝีมอื ต้องละท้งิ อำชพี เดิมไปประกอบอำชีพใหม่ ซึ่งอำจจะสง่ ผลให้ ควำมรู้ในเชงิ ชำ่ งสูญหำยไปในที่สุด สรุปคะแนนที่ได้ .................... คะแนน เปน็ คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ นักเรียนต้องไดค้ ะแนน ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป หรอื ๘ คะแนนขึน้ ไป ผ่ำน ไมผ่ ่ำน

๑๗ กิจกรรมที่ ๑.๕ คำชแี้ จง ให้นกั เรยี นอำ่ นบทควำมต่อไปนี้ แลว้ เติมคำตอบให้ถูกตอ้ ง จงั หวัดยโสธรมสี ินคำ้ ผลิตภัณฑช์ มุ ชนที่มีช่ือเสยี งเปน็ ที่รจู้ ักกันอย่ำงกว้ำงขวำง คือ หมอนขดิ ผลิตภณั ฑ์จักสำน และผำ้ ย้อมสีธรรมชำติ สว่ นประเภทอำหำร ได้แก่ ข้ำวหอมมะลิอนิ ทรีย์ ข้ำวหอมมะลิ คุณภำพดี และปลำส้มยโสธร อนั เปน็ ท่ยี อมรบั ของผู้บรโิ ภค โดยมผี ลิตภณั ฑช์ ุมชนทีไ่ ดร้ ับกำรรับรอง มำตรฐำนผลิตภัณฑ์ชมุ ชน จำนวน ๙๐๗ ผลิตภณั ฑ์ (ข้อมลู ณ ปี ๒๕๕๙) และผลติ ภัณฑ์ชุมชนทไ่ี ด้รับ ควำมนิยมและสรำ้ งรำยได้ให้กับกลมุ่ สมำชิกและจังหวดั ยโสธร โดยเฉพำะหมอนขวำนผ้ำขดิ ท่บี ำ้ นศรฐี ำน อำเภอป่ำต้ิว มีกำรส่งไปจำหน่ำยท้งั ในประเทศและตำ่ งประเทศ ส่วนผลิตภณั ฑ์อน่ื ๆ ที่มจี ำหน่ำยใน ท้องถน่ิ และภำยในประเทศ ซ่ึงมกี ำลงั ผลิตไมม่ ำกนักและสร้ำงรำยได้ให้กับกล่มุ สมำชิกในชุมชน ไดแ้ ก่ ผลิตภณั ฑ์จกั สำน ไม้ไผ่ ผลติ ภัณฑผ์ ้ำไหม ผลติ ภณั ฑผ์ ำ้ ฝำ้ ย เคร่ืองทองเหลือง แกะสลักไม้ ปลำส้ม ไก่ยำ่ ง บำ้ นแคน ลอดช่อง เน้ือโคขุน ไขไ่ ก่อินทรยี ์ และผลิตภณั ฑจ์ ำกถัว่ ลิสง เป็นต้น โดยผลติ ภัณฑช์ มุ ชนุ ที่ได้รับ กำรรับรองมำตรฐำนผลติ ภณั ฑช์ ุมชน มแี นวโน้มเพ่ิมจำนวนสงู ข้นึ อยำ่ งต่อเนื่อง ๑. สินค้ำผลติ ภัณฑ์ชุมชนที่มีชอ่ื เสียงของจงั หวดั ยโสธร คอื สนิ ค้ำประเภทใด ตอบ ............................................................................................................................. ................ ๒. อำหำรท่ีมชี ื่อเสียงของจงั หวัดยโสธร คือ อำหำรประเภทใด ตอบ ............................................................................................................................. ................ ๓. ผลติ ภัณฑช์ ุมชนทีไ่ ด้รบั ควำมนิยมและสร้ำงรำยได้ใหก้ บั กล่มุ สมำชิกและจังหวัดยโสธร คอื ผลิตภณั ฑป์ ระเภทใด ตอบ ............................................................................................................................... .............. ๔. ผลติ ภัณฑ์ท่มี จี ำหน่ำยในท้องถ่ินและภำยในประเทศ ทีม่ ีกำลังผลิตไม่มำกนักและสรำ้ งรำยไดใ้ หก้ ับ กลมุ่ สมำชกิ ในชมุ ชน ได้แก่ ผลติ ภณั ฑป์ ระเภทใด ตอบ ............................................................................................................................. ................ ๕. ผลิตภัณฑช์ ุมชนทีไ่ ด้รบั กำรรบั รองมำตรฐำนมีทงั้ หมดกี่ผลติ ภณั ฑ์ ตอบ ............................................................................................................................................. สรปุ คะแนนท่ีได้ .................... คะแนน เป็นคะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ นกั เรียนตอ้ งได้คะแนน รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป หรือ ๘ คะแนนขึ้นไป ผ่ำน ไม่ผ่ำน

๑๘ กิจกรรมท่ี ๑.๖ คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนอ่ำนจบั ใจควำมสำคัญเรื่องต่อไปนีด้ ้วยเทคนคิ Sq๔r กลุ่มจกั สำน “กระติบขำ้ วบ้ำนนำงโอก” จังหวัดยโสธร เปน็ เครือ่ งจักสำนด้วยมือที่ประณีต สวยงำม สำมำรถจกั สำนเขียนเป็นข้อควำมได้อย่ำงลงตวั มีหลำกหลำยลวดลำย เหมำะสมเปน็ ของ ฝำกในชว่ งสงกรำนตแ์ ละทกุ เทศกำล เปน็ อีกอำชีพที่สรำ้ งรำยได้ใหค้ รอบครวั และชุมชน นำยนกิ ร สกุ ใส ผวู้ ำ่ รำชกำรจังหวัดยโสธร พร้อมดว้ ยภรรยำ และคณะ ได้ตรวจเยีย่ มชมกลุ่ม จกั สำนบ้ำนทงุ่ นำงโอก หมู่ท่ี ๓ ตำบลทุ่งนำงโอก อำเภอเมืองยโสธร เพ่ือเป็นกำลังใจในกำรทำงำน โดยมนี ำงบุญสุข สมหวัง ประธำนกลมุ่ ดังกลำ่ วและสมำชกิ ให้กำรต้อนรับ ซึง่ เป็นกลุม่ จักสำนกระตบิ ข้ำวดว้ ยไม้ไผ่ ท่ีมคี วำมประณีต สวยงำมและทสี่ ำคัญทำงกลุ่มสำมำรถจกั สำนเปน็ ตัวหนงั สอื หรือ ขอ้ ควำมลงบนกระติบขำ้ วไดอ้ ย่ำงลงตวั ทำใหห้ ตั ถกรรมของกลมุ่ นีส้ ร้ำงควำมแตกตำงจำกกลุ่มอ่ืน ๆ สำหรบั กำรจักสำนกระตบิ ข้ำวทำงกลมุ่ ไดด้ ำเนินจำกภูมปิ ัญญำของชำวบำ้ น จำกกระติบขำ้ ว ทีว่ ำงจำหนำ่ ยในรำคำแล้วแต่ควำมสวยงำม ลวดลำยที่ประณตี มำน้อยต่ำงกัน เร่ิมตน้ ทีร่ ำคำลูกละ ๕๐-๑๕๐ บำท ส่วนลวดลำยน้ันมีมำกมำย อำทิ ลำยดอก ลำยหวั ใจ ลำยปลำ และอ่ืน ๆ ทกุ ชนิ้ งำน ทำจำกมืออยำ่ งประณตี อย่ำงสวยงำมพร้อมกนั น้ี ทำงกลุม่ ไดว้ วิ ฒั นำกำรดดั แปลงแก้ไขให้ดีขึน้ ตำมยุค สมยั จนสำมำรถจกั สำนให้เป็นตวั หนงั สอื หรอื เขยี นเป็นข้อควำมได้ ทำใหเ้ พิ่มรำคำขึ้นมำจำกรำคำ ปกติ มำอยทู่ ี่รำคำ ๑๕๐-๓๕๐ บำท ส่วนมำกจะเปน็ ลกู คำ้ ต้องส่งั จองและเขยี นข้อควำมมำใหจ้ ึงจะทำ ให้ ซงึ่ ในแตล่ ะวันสมำชิกท่ีมีอยู่ ๒๐ คน สำมำรถทำกระตบิ ๓ วนั ๑ ชดุ (ชดุ ๑ จะมี ๒ ลูก) ในสว่ นวสั ดทุ ี่ทำ ได้แก่ ไม้ไผ่ซื้อจำกในชมุ ชนลำละ ๕๐ บำท (ขนำด ๕-๖ เมตร) สำมำรถจัก สำนได้ ๒๐ ชดุ (๔๐ ลูก) และกำ้ นตำล รำคำก้ำนละ ๑๐ บำท นำมำทำเป็นฝำปิดกระตบิ ข้ำว และทำ ขำกระติบ ๑ กำ้ นตำล ทำได้ ๒ ลกู และหวำยและเชือก นอกจำกน้ี กลุม่ หัตถกรรมกระติบข้ำวพ้ืนบ้ำนของยงั ไดท้ ำ \"แจกนั จกั สำน\" อกี หลำยรูปแบบ หลำยขนำดควบคู่กับกระตบิ ข้ำว ซงึ่ มคี วำมเหมำะสมกับเป็นของฝำกในชว่ งเทศกำลสงกรำนต์น้ี หรอื จะเป็นของฝำกแทนใจได้ทุกเทศกำล อีกด้วย ๑. Survey (S) สำรวจและอำ่ นแบบคร่ำว ๆ ตอบ ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................................. ...................................

๑๙ ๒. Question (Q) อำ่ นบทควำมและตง้ั คำถำม ตอบ ............................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................. ................................................... ๓. Read (R) อ่ำนซ้ำและหำคำตอบจำกขอ้ ที่ ๒ ตอบ ............................................................................................................................. ..................... ........................................................................................................................................ ........................ ๔. Record (R) จดบันทกึ ข้อมลู ท่ีสำคญั ตอบ .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................... ๕. Recite (R) สรุปใจควำมสำคญั ของเร่ือง ตอบ ............................................................................................................................. ..................... ................................................................................................................................................................ สรปุ คะแนนท่ีได้ .................... คะแนน เป็นคะแนนเต็ม ๑๕ คะแนน เกณฑ์กำรประเมินนักเรียนต้องได้คะแนน รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป หรือ ๑๒ คะแนนข้ึนไป ผ่ำน ไม่ผำ่ น ไม่ยำกเลยใชไ่ หมคะ นักเรยี น

๒๐ แบบทดสอบหลงั เรยี น หนังสอื ส่งเสริมกำรอ่ำนจบั ใจควำมแบบ E-Book ชดุ ภมู ิปญั ญำทอ้ งถนิ่ กลุ่มสำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย สำหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษำปที ่ี ๓ เล่มท่ี ๕ ผลิตภณั ฑ์ท้องถนิ่ คำช้ีแจง ๑. แบบทดสอบทั้งหมด ๑๐ ข้อ ข้อละ ๑ คะแนน คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน ๒. ให้นักเรียนทำเครื่องหมำย X ลงในกระดำษคำตอบ โดยเลอื กช่องว่ำงตำมตวั อักษร ก. ข. ค. และ ง. ทีถ่ ูกที่สดุ เพียงข้อเดยี ว ๑. วตั ถุดบิ ทนี่ ำมำทำเป็นสียอ้ มผ้ำในข้อใดไมส่ อดคล้องกัน ก. สแี ดง ไดจ้ ำก ดอกคำฝอย ข. สชี มพู ไดจ้ ำก ต้นมหำกำฬ ค. สเี หลือง ไดจ้ ำก แกน่ ขนุน ง. สีนำ้ ตำล ไดจ้ ำก ใบสำบเสือ ๒. ขอ้ ใดกลำ่ วไม่ถกู ตอ้ งเกยี่ วกับผลิตภัณฑ์จักรสำน ก. กระติบขำ้ วหรอื กอ่ งข้ำวเหนียว ข. ไมไ้ ผ่ที่ผ่ำแลว้ ทำเปน็ ร้วิ ๆ เรียกว่ำ “ตอก” ค. ชำวบ้ำนทีไ่ ม่มอี ำชีพจะทำกระติบข้ำวขำย ง. กำรสร้ำงลวดลำย เพือ่ จะเพ่ิมมูลค่ำของกระติบขำ้ ว ๓. ข้ันตอนแรกของผลิตภณั ฑผ์ ำ้ ไหมและผลติ ภัณฑ์ผ้ำฝ้ำยคอื ข้อใด ก. กำรสำวไหมดว้ ยมอื ข. กำรปลกู หม่อนเลี้ยงไหม ค. กำรทอมือจนไดผ้ ้ำไหมสีธรรมชำติ ง. กำรทอผำ้ ด้วยมือและย้อมสีธรรมชำติ ใหน้ กั เรยี นอำ่ นข้อควำมต่อไปน้ีแลว้ ตอบคำถำมข้อท่ี ๔ – ๕ วสั ดุในท้องถ่ิน หมำยถงึ วตั ถุตำมธรรมชำตทิ ี่มีในทอ้ งถิ่น เช่น ผักตบชวำ ใบตำล กระบอก ไม้ไผ่ เป็นตน้ กำรประดิษฐ์สิ่ งของจำกวัส ดุและเศษวัส ดุเป็นกำรส่งเสริมควำมคิดสร้ ำงสรรค์ด้ำนกำร ออกแบบฝึกฝนให้เรำรู้จักวำงแผนกำรทำงำน มีควำมอดทนต่องำนท่ีทำ สำมำรถแก้ปัญหำจำกกำร ปฏิบัติงำนและปลูกฝังให้รู้จักกำรใช้เวลำให้เป็นประโยชน์ กำรประดิษฐ์ส่ิงของมีทั้งของเล่น ของใช้ และของประดับตกแต่ง กำรฝึกปฏิบัติเก่ียวกับงำนประดิษฐ์ กำรประดิษฐ์ของใช้ ของประดับตกแต่ง เปน็ กำรสรำ้ งสรรค์ผลงำนที่มีคุณค่ำ และมีเอกลักษณ์เฉพำะของผู้ประดิษฐ์แต่ละคน โดยเลือกใช้วัสดุ ต่ำง ๆ กัน เช่น เศษวัสดุเศษวัสดุเหลือใช้ วัสดุที่มีอยู่ในท้องถ่ิน สำมำรถนำมำประดิษฐ์ให้เป็นผลงำน เป็นกำรใช้เวลำว่ำงให้เกิดประโยชน์ สร้ำงควำมภำคภูมิใจ มีควำมสนุกสนำน อีกท้ังเป็นกำรพัฒนำ ทักษะฝีมือ สำมำรถนำไปประกอบอำชพี เพื่อเสรมิ สรำ้ งรำยได้ใหก้ บั ครอบครัวอกี ทำงหน่ึง

๒๑ ๔. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ประโยชน์ของกำรประดิษฐส์ ง่ิ ของจำกวสั ดุ ก. ฝึกทกั ษะฝีมือ เพอื่ นำวสั ดุทีห่ ำยำกมำสรำ้ งมลู ค่ำให้แพงขึน้ ข. พัฒนำทกั ษะฝมี อื เพอื่ นำไปประกอบอำชพี เสริมสร้ำงรำยได้ ค. แกป้ ัญหำจำกกำรปฏบิ ัตงิ ำนและปลกู ฝงั ให้รจู้ กั กำรใชเ้ วลำให้เป็นประโยชน์ ง. ฝึกปฏบิ ัติเก่ียวกบั งำนประดิษฐ์ และเปน็ กำรสร้ำงสรรค์ผลงำนทมี่ คี ณุ ค่ำ ๕. ผูป้ ระดษิ ฐค์ วรยดึ หลกั กำรประดิษฐ์ของใช้ ยกเว้นข้อใด ก. สำรวจควำมตอ้ งกำรของตนเองวำ่ ประดษิ ฐ์ชิ้นงำนอะไร ข. ศกึ ษำหลกั กำรและวธิ ีกำรประดษิ ฐ์ของชิน้ งำนท่ีตอ้ งกำรประดิษฐ์ ค. สำรวจช้นิ งำนท่ีสนใจ และคำนึงถึงวสั ดุทีส่ วยงำมและหำยำก ง. คำนงึ ถึงควำมปลอดภัยในกำรประดิษฐช์ น้ิ งำน ๖. “หมอนขิด” มชี อ่ื เรียกมำจำกขอ้ ใด ก. จากชนิดของผา้ ข. จำกกำรตัดเย็บผำ้ ค. จำกกำรใชป้ ระโยชน์ ง. จำกกำรตงั้ ชอ่ื ตำมชุมชน ให้นกั เรียนอ่ำนข้อควำมตอ่ ไปนีแ้ ล้วตอบคำถำมขอ้ ท่ี ๗ – ๘ สินค้ำโอทอป (OTOP) หรือ โครงกำรหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ถือเป็นนโยบำย ที่ กอ่ กำเนิดข้ึนมำ เพ่ือกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยได้นำภูมิปัญญำของชำวบ้ำนแต่ละจังหวัด ท่ีมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครมำแปรรูปเป็นสินค้ำที่หลำกหลำย อำทิ อำหำร งำนหัตถกรรม งำนจักสำน รวมถงึ งำนถกั ทอ ซ่ึงนอกจำกเป็นกำรกระตุ้นเศรษฐกจิ ให้ฟ้นื ตัวแล้ว ยงั มสี ่วนชว่ ยเผยแพร่วัฒนธรรมผ่ำนสินค้ำ แบบไทย ๆ ออกสู่สำยตำชำวโลกอีกด้วย ซ่ึงในปัจจุบันมีสินค้ำ OTOP วำงจำหน่ำยท้ังในไทยและ ต่ำงประเทศ ถือเป็นกำรต่อยอดให้ชำวบ้ำนดึงจุดเด่นส่ิงของในท้องถิ่นตนเองออกมำ เพ่ือสรรสร้ำง สนิ ค้ำทด่ี ี และมคี ุณภำพ ๗. ขอ้ ใดกล่ำวถึงข้อดีของสินค้ำโอทอป (OTOP) ไดถ้ ูกต้อง ก. กระตนุ้ เศรษฐกจิ ของประเทศไทย โดยไดน้ ำภมู ิปญั ญำของชำวบ้ำนแต่ละภมู ภิ ำคมำขำย ข. เพื่อสรรสร้ำงสนิ คำ้ ทด่ี ี และมีคณุ ภำพ ไปวำงจำหนำ่ ยในต่ำงประเทศ ค. เพ่ือนำทรพั ยำกรทีม่ ีอยูใ่ นท้องถิ่นมำใชป้ ระโยชน์ และสร้ำงรำยได้ให้กับคนในชุมชน ง. เพอ่ื นำสนิ ค้ำที่มเี อกลักษณ์ไมซ่ ำ้ ใครมำเป็นสนิ คำ้ สินคำ้ โอทอป (OTOP)

๒๒ ๘. ข้อใดไมส่ อดคล้องกับ สนิ ค้ำโอทอป (OTOP) ก. งำนหัตถกรรม งำนจักสำน ข. โครงกำรหนึง่ ตำบล หน่ึงผลิตภัณฑ์ ค. ภูมปิ ญั ญำของชำวบำ้ น ง. กำรแปรรปู สนิ ค้ำตำ่ งประเทศ ๙. เกวยี นบ้ำนนำสะไมย์มีลักษณะเฉพำะตำมข้อใด ก. เกวยี นท่ีมกี ำรสลกั ลวดลำยของตัวเรอื นเกวียน ข. เกวยี นที่มกี ำรสลกั ลวดลำยลอ้ เกวยี น ค. เกวียนท่มี กี ำรสลักลวดลำยเต็มพนื้ ที่ ง. เกวียนทม่ี ีกำรสลกั ลวดลำยหัวโถน ๑๐. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ผลติ ภณั ฑ์ทอ้ งถ่นิ ของจังหวัดยโสธร ก. ผำ้ ไหม ข. แกะสลกั เทียน ค. หมอนขิด ง. เครือ่ งทองเหลอื ง สู้ๆ นะคะนกั เรยี น

๒๓ กระดำษคำตอบแบบทดสอบหลงั เรียน หนังสือส่งเสรมิ กำรอำ่ นจับใจควำมแบบ E-Book ชุด ภมู ปิ ัญญำทอ้ งถ่นิ กลุ่มสำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย สำหรับนกั เรยี นช้นั มธั ยมศึกษำปีที่ ๓ เลม่ ท่ี ๕ ผลิตภณั ฑท์ ้องถิ่น คำชีแ้ จง ๑. แบบทดสอบท้ังหมด ๑๐ ขอ้ ข้อละ ๑ คะแนน คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน ๒. ให้นักเรยี นทำเครื่องหมำย X ลงในกระดำษคำตอบ โดยเลือกช่องว่ำงตำมตวั อกั ษร ก. ข. ค. และ ง. ที่ถูกท่ีสดุ เพียงข้อเดยี ว ขอ้ ก ข ค ง ๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐. สรุปคะแนนที่ได้ .................... คะแนน เป็นคะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน เกณฑ์กำรประเมินนักเรียนตอ้ งได้คะแนน รอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป หรอื ๘ คะแนนข้นึ ไป ผ่ำน ไม่ผ่ำน

๒๔ บรรณำนกุ รม กมลเนตร คำไสย.์ (๒๕๔๙). กำรพฒั นำกำรเรยี นรูก้ ำรอ่ำนจับใจควำมบทร้อยกรองภำษำไทย ชน้ั มธั ยมศึกษำปที ี่ ๒ ด้วยกระบวนกำรกลุ่มท่ใี ช้แผนผังควำมร.ู้ วทิ ยำนิพนธ์กำรศึกษำ มหำบัณฑิต คณะศึกษำศำสตร์ สำขำวิชำหลกั สูตรและกำรสอน มหำวิทยำลัย มหำสำรคำม. กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร. (๒๕๔๕). คพู่ ฒั นำสื่อกำรเรยี นร.ู้ กรุงเทพฯ : กรุงเทพฯ : ครุ สุ ภำลำดพร้ำว. _______.(๒๕๕๒). มำตรฐำนกำรเรียนรแู้ ละตัวชวี้ ัด กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย. ตำมหลักสตู ร แกนกลำงกำรศกึ ษำขึน้ พ้นื ฐำน พทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ : ชุมชนสหกรณก์ ำรเกษตร แหง่ ประเทศไทย. _______. (๒๕๕๒). แนวทำงกำรจดั กำรเรียนรู้ ตำมหลกั สตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำข้ันพนื้ ฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : สำนกั วชิ ำกำรและมำตรฐำนกำรศึกษำ สำนกั งำน คณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน. _______.(๒๕๕๒). แนวกำรวดั ผลและประเมินผลกำรเรียนรู้ ตำมหลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำ ข้ันพนื้ ฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ : สำนกั วิชำกำรและมำตรฐำนกำรศึกษำ สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พน้ื ฐำน. _______. (๒๕๔๕). เทคนิคกำรเขยี นหนังสอื สำหรบั เดก็ . กรงุ เทพฯ : ครุสภำลำดพร้ำว. กำญจนำ สุรยิ ะวิทยะ. (๒๕๕๓). กำรพฒั นำหนังสือส่งเสริมกำรอ่ำน เรอื่ งประเพณีทอ้ งถ่นิ สกลนคร เพื่อฝึกทักษะกำรอำ่ นและกำรเขียนภำษำไทย ชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี ๒. วิทยำนิพนธ์ ครุ ศำสตร มหำบณั ฑติ สำขำหลักสูตรและกำรสอน มหำวิทยำลยั รำชภัฏสกลนคร. กำนต์มณี ศกั ดิเ์ จรญิ . (๒๕๔๓). กิจกรรมส่งเสริมกำรอำ่ น. กรงุ เทพฯ : คุรสุ ภำลำดพร้ำว. กุลวรำ ชูพงษไ์ พโรจน.์ (๒๕๔๕). หนงั สอื ทำมอื ทำได้งำ่ ยจัง. กรุงเทพฯ : เอดิสันเพรส โพรดกั ส์. กศุ ยำ แสงเดช และคนคณะ (๒๕๔๕). หนังสอื ส่งเสริมกำรอ่ำน. กรงุ เทพฯ : แมค็ . สำลี รกั สทุ ธ.ี (๒๕๕๓). ค่มู อื กำรจดั ทำสอื่ นวัตกรรม และแผนฯ และกอบสื่อ นวตั กรรม. กรุงเทพฯ : พฒั นำศึกษำ. สนุ ันทำ มน่ั เศรษฐวิทย.์ (๒๕๔๕). หลักและวธิ ีกำรสอนอำ่ นภำษไทย. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนำพำณิช. สุวทิ ย์ มูลคำ และสนุ ันทำ สนุ ทรประเสรฐิ . (๒๕๕๐). กำรพฒั นำผลงำนทำงวิชำกำร สกู่ ำรเลือ่ น วิทยฐำนะ. กรุงเทพฯ : อี เค บคุ ส์. สำนกั งำนจงั หวัดยโสธร. (๒๕๕๐). กลมุ่ งำนข้อมูลสำรสนเทศจังหวัดยโสธร. สืบคน้ ออนไลนท์ ่ี : http://www.yasothon.go.th/web.

๒๕

๒๖ เฉลยกจิ กรรมที่ ๑.๑ คำชแี้ จง ให้นักเรียนทำเครอ่ื งหมำยถูก () ลงในช่องท่ีถูก และทำเครือ่ งหมำยผิด () ลงในชอ่ งทีผ่ ิดต่อไปนใี้ หถ้ ูกต้อง ผลวเิ ครำะห์ รำยกำรประเมนิ  ๑. ผลติ ภณั ฑผ์ ำ้ ไหม และผลติ ภัณฑ์ผ้ำฝำ้ ยเริ่มตน้ ก่อตงั้ กลุ่มครง้ั แรกเมอ่ื ปี ๒๕๒๔ และดำเนนิ กำรทอผ้ำดว้ ยมือและย้อมสธี รรมชำติ  ๒. สียอ้ มผำ้ มำจำกตน้ ไมใ้ บไม้ทีม่ ีอยู่ในละแวกชุมชน เช่น เปลอื กไม้ใบไมท้ ่ีมอี ยู่ใน  ท้องถิน่ นำไปต้มน้ำใหเ้ ดือดเพ่ือจะได้สีต่ำง ๆ ตำมสขี องเปลอื กไมใ้ บไม้แต่ละชนดิ  ๓. สยี ้อมผำ้ สเี หลอื ง ได้จำกแก่นขนุน ขมิน้ ชัน ดอกดำวเรือง แกน่ แข รำกต้นสะกือ ใบสำบเสอื ใบสมอและเหมือแอ่ เปน็ ตน้  ๔. กลุม่ ทอผ้ำไหมบ้ำนโนนยำงนยิ มทำกันมำก คือ สีเขยี วอ่อนท่ีไดจ้ ำกใบดอกแก้ว  และสบู่เลือด  ๕. ขั้นตอนกำรย้อมสีธรรมชำติเรม่ิ จำกหำวตั ถุดิบทม่ี ีอยูใ่ บไม้ชนิดต่ำงๆ ท่เี รำ  ตอ้ งกำรสธี รรมชำตินำไปสบั เปน็ ชน้ิ ๆ แลว้ นำไปโขกให้ละเอียดกรองเอำแต่นำ้  ๖. ผลิตภณั ฑผ์ ำ้ ไหม และผลติ ภัณฑผ์ ำ้ ฝำ้ ยจำหนำ่ ยอยู่ท่ีผืนละ ๑๑,๐๐๐ บำท  ๗. เกวยี น คือ พำหนะชนดิ หนึง่ มี ๖ ล้อ ใช้คนในกำรลำก ๘. เกวียน ทำจำกไมเ้ น้ือแขง็ เป็นสว่ นใหญ่ เช่น ไม้พยงู ไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้แคน ๙. แหล่งผลติ เกวียนทีส่ ำคัญอยูท่ ี่ บ้ำนนำสะไมย์ ตำบลนำสะไมย์ อำเภอเมอื ง จังหวัดยโสธร ๑๐. เกวียนบำ้ นนำสะไมย์มีลักษณะเฉพำะ เรยี กว่ำ เกวียนสลกั ลำย เปน็ เกวยี นท่มี ี กำรสลกั ลวดลำยเต็มพนื้ ท่ี ของตัวเรอื นเกวยี น สูๆ้ นะคะนกั เรยี น

๒๗ เฉลยกิจกรรมที่ ๑.๒ คำชีแ้ จง ให้นกั เรยี นวเิ ครำะหข์ ้อควำมตอ่ ไปนแ้ี ล้วจบั คู่คำตอบให้ถูก ก. ไมพ้ ยูง ไม้แดง ไมป้ ระดู่ ไมต้ ะเคยี น ข. กระตบิ ข้ำวหรือก่องขำ้ วเหนียว ค. กำรหมดประโยชน์ใชส้ อย และกำรขำดแคลนวัตถุดิบ ง. เกวียนสลักลำย จ. มีหัวทวกโคง้ งอลงเล็กน้อย ฉ. คำนวณ สัดส่วน ช. บำ้ นนำสะไมย์ ต.นำสะไมย์ อ.เมอื ง จ.หวัดยโสธร ซ. กำรหมดประโยชน์ใช้สอย และกำรขำดแคลนวตั ถุดบิ ฌ. แป้นชำน หวั โถน คัน่ ยนั แพด ญ. แปน้ ชำน หวั โถน คน่ั ยัน แพด ฎ. บรรทุกขนสง่ ฏ. ควำยหรอื วัวเทยี ม ........ฏ....... ๑. เกวียน คอื พำหนะชนดิ หนง่ึ มี ๒ ล้อ ใช้ ควำยหรือวัวเทียม ........ฎ....... ๒. เกวยี นใช้สำหรบั งำน บรรทกุ ขนส่ง ทำจำกไม้เนือ้ แขง็ ........ก....... ๓. ไมท้ ใ่ี ชท้ ำเกวียน ได้แก่ ไม้พยูง ไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้ตะเคยี น ........ฉ....... ๔. กำรทำเกวียนช่ำงตอ้ งมีควำมรใู้ นกำร คำนวณ สดั สว่ น ........ช....... ๕. แหล่งผลิตเกวยี นท่ีสำคัญอยู่ท่ี บ้ำนนำสะไมย์ ต.นำสะไมย์ อ.เมือง จ.หวดั ยโสธร ........ง....... ๖. เกวียนบ้ำนนำสะไมย์มลี ักษณะเฉพำะ เรียกว่ำ เกวียนสลักลำย ........ฌ....... ๗. เกวยี นสลักลำย เปน็ เกวียนทมี่ ีกำรสลักลวดลำยเต็มพ้นื ที่ของตวั เรอื นเกวียน เชน่ แปน้ ชำน หวั โถน ค่นั ยัน แพด ........จ....... ๘. ลกั ษณะของเกวยี น ได้แก่ มหี ัวทวกโค้งงอลงเลก็ นอ้ ย ........ซ....... ๙. ปจั จุบนั กำรทำเกวยี นสลกั ลำยกำลงั ประสบปัญหำหลำยดำ้ น เชน่ กำรหมดประโยชน์ ใช้สอย และกำรขำดแคลนวตั ถุดบิ ........ข....... ๑๐. ประเภทของสนิ คำ้ ในกำรจักสำนประกอบไปดว้ ย กระตบิ ขำ้ วหรือก่องขำ้ วเหนยี ว

๒๘ เฉลยกิจกรรมท่ี ๑.๓ คำชี้แจง ให้นกั เรยี นอำ่ นจับใจควำมสำคญั เรอ่ื ง ผลติ ภัณฑ์ของชุมชน จำกน้นั ทำกจิ กรรม ทัง้ หมด ๒ ตอน ให้เรียบรอ้ ย ตอนท่ี ๑ ให้นกั เรยี นตอบคำถำมตอ่ ไปน้ี ๑. เพรำะเหตใุ ด ชำวบำ้ นจึงเรียกวำ่ “หมอนขิด” ตอบ เพรำะ หมอนขิดเปน็ ภมู ิปัญญำท้องถิน่ ที่มีมำยำวนำน และสำเหตุทเี่ รยี กหมอนขิดกม็ ำจำก กำรที่หมอนทำมำจำกผำ้ ขดิ ผ้ำทอพืน้ เมืองของภำคอีสำน ผ้ำขดิ มีลวดลำยหลำกหลำยและสสี นั สวยงำมถูกนำมำประยุกต์ทำเปน็ หมอนขิด ๒. คุณประโยชนข์ องหมอนขิดในสมัยก่อนมีลกั ษณะกำรใช้งำนอยำ่ งไร ตอบ ชำวบำ้ นจะทำหมอนหนุนเพื่อใช้ในครวั เรอื นและใชแ้ ลกเปล่ียนกับส่งิ ของต่ำง ๆ เช่น ข้ำว ปลำ พรกิ แทนกำรซ้ือขำย ๓. รูปแบบของหมอนขิดมีลักษณะอย่ำงไรบ้ำง ตอบ มีหมอน ๖ ลูก หมอน ๙ ลกู หมอนขวำน เบำะรองนง่ั หมอนข้ำง หมอนเลก็ หมอนลกู ฟักทอง (สะม๊อก) ซ่ึงหมอนขนำดเล็กใชห้ นนุ และทำพวงกุญแจ ๔. กำรจกั สำนไมไ้ ผ่ โดยตดั ต้นไม้ไผ่ทีป่ ลกู ไว้ มำผำ่ แลว้ ทำเป็นรวิ้ ๆ เรียกว่ำอยำ่ งไร เ ตอบ รียกว่ำ “ตอก” ๕. ผลติ ภัณฑ์ผ้ำไหม และผลิตภัณฑผ์ ้ำฝำ้ ยเร่ิมต้นก่อตัง้ กลมุ่ ครง้ั แรกเมอื่ ใด และทอผ้ำด้วยวธิ ใี ด ตอบ กอ่ ตั้งเมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ดำเนนิ กำรทอผำ้ ดว้ ยมอื และยอ้ มสธี รรมชำติ ตอนที่ ๒ เขยี นสรปุ ใจควำมสำคญั และแสดงควำมคิดเห็นท่มี ีตอ่ เรอ่ื งท่ีอำ่ น ตอบ จงั หวดั ยโสธรมีสนิ คำ้ ผลิตภณั ฑช์ ุมชนทม่ี ชี ื่อเสยี งเปน็ ท่รี ู้จกั กันอยำ่ งกวำ้ งขวำง คอื หมอนขิด ผลติ ภณั ฑจ์ ักสำน และผำ้ ย้อมสธี รรมชำติ และผลิตภัณฑ์ชมุ ชนทไี่ ด้รับควำมนยิ มและสรำ้ งรำยได้ ใหก้ ับกลุม่ สมำชกิ และจังหวดั ยโสธร โดยเฉพำะหมอนขวำนผ้ำขิดทบี่ ้ำนศรฐี ำน อำเภอป่ำต้ิว มีกำร สง่ ไปจำหน่ำยทงั้ ในประเทศและตำ่ งประเทศ โดยผลิตภณั ฑ์ชมุ ชนุ ทไี่ ดร้ ับกำรรบั รองมำตรฐำน ผลิตภัณฑช์ มุ ชน มีแนวโนม้ เพ่ิมจำนวนสงู ข้ึนอย่ำงต่อเนื่อง

๒๙ แบบประเมินกำรรว่ มกิจกรรมที่ ๑.๓ ชือ่ ........................................................…นำมสกุล.............................................เลขที่........................ ผู้ประเมิน นกั เรยี น เพ่อื น ครู คำช้ีแจง ใหท้ ำเครื่องหมำยถูกต้อง  ลงในช่องว่ำงระดับคะแนนที่ตรงกับควำมเปน็ จริงมำกทสี่ ุด โดยจัดระดบั คุณภำพเป็น ๓ ระดับ ตำมเกณฑ์ตอ่ ไปน้ี ๓ หมำยถงึ สำมำรถอธิบำย ตอบคำถำมได้ถกู ต้อง ชดั เจน และตรงประเด็น ๒ หมำยถึง สำมำรถอธิบำย ตอบคำถำมไม่ค่อยถูกตอ้ ง และไม่ค่อยตรงประเดน็ ๑ หมำยถงึ ไม่สำมำรถอธิบำย ตอบคำถำมได้ถกู ต้อง ชัดเจน และตรงประเดน็ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน ๓๒๑ ตอนท่ี ๑ ให้นกั เรยี นตอบคำถำมใหถ้ กู ต้อง ๑. เพรำะเหตุ ชำวบำ้ นจงึ เรยี กว่ำ “หมอนขิด” ผลกำรประเมิน ๒. คุณประโยชน์ของหมอนขิดในสมยั ก่อนมลี กั ษณะกำรใช้งำนอยำ่ งไร  ผ่ำน ๓. รูปแบบของหมอนขิดมลี ักษณะอย่ำงไรบำ้ ง  ไม่ผ่ำน ๔. กำรจักสำนไมไ้ ผ่ โดยตัดต้นไม้ไผ่ที่ปลกู ไว้ มำผ่ำแล้วทำเปน็ ริว้ ๆ เรียกว่ำ อยำ่ งไร ๕. ผลิตภณั ฑผ์ ้ำไหม และผลติ ภัณฑผ์ ำ้ ฝำ้ ยเรมิ่ ต้นก่อต้งั กลมุ่ ครัง้ แรกเม่ือใด และทอผ้ำด้วยวธิ ใี ด ตอนที่ ๒ เขยี นสรุปใจควำมสำคญั และแสดงควำมคดิ เห็นที่มีตอ่ เร่ืองท่ีอ่ำน - สรุปใจควำมสำคัญและแสดงควำมคิดเห็น คะแนนรวมแต่ละชอ่ ง สรปุ คะแนนที่ได้ (หำรดว้ ยสอง) เกณฑก์ ำรประเมิน ผำ่ นเกณฑ์รอ้ ยละ ๘๐ นกั เรยี นได้คะแนน ๑๔ คะแนนข้นึ ไป จงึ ถือวำ่ ผ่ำน ลงชื่อ..................................................ผู้ประเมนิ (.................................................)

๓๐ เฉลยกิจกรรมท่ี ๑.๔ คำชี้แจง ให้นกั เรียนอ่ำนเรอื่ งต่อไปน้ี แลว้ เติมคำตอบให้ถูกต้อง ควำยหรือววั เทียม บรรทกุ ขนสง่ บำ้ นนำสะไมย์ เกวยี นสลักลำย หวั ทวกโคง้ งอ ลำยเมด็ ข้ำวสำร ลำยดอก ลำยย้อย ลำยเครอื กำรหมดประโยชนใ์ ชส้ อย เกวยี น คอื พำหนะชนิดหน่ึง มี ๒ ล้อ ใช้ ควำยหรอื วัวเทยี ม ใชส้ ำหรับงำน บรรทุกขนส่ง เดนิ ทำงไกล ทำจำกไมเ้ นื้อแข็งเปน็ ส่วนใหญ่ เชน่ ไมพ้ ยูง ไม้แดง ไม้ประดู่ ไมแ้ คน (ไมต้ ะเคียน) ในกำรทำเกวยี น ช่ำงต้องมคี วำมรูใ้ นกำรคำนวณ สัดส่วน ท้ังส่วนโครงสรำ้ งและส่วนประกอบ ย่อยตำ่ ง ๆ ใหเ้ หมำะสมกับลักษณะกำรใช้งำน กำรเลือกไม้ทีใ่ ช้ใน แตล่ ะสว่ นของเกวียนใหเ้ หมำะสม กับกำรรบั นำ้ หนักบรรทกุ แรงกระแทกและกำรเสียดสี แหล่งผลิตเกวยี นทส่ี ำคัญอยู่ท่ี บำ้ นนำสะไมย์ ตำบลนำสะไมย์ อำเภอเมอื ง จังหวัดยโสธร เกวยี นบำ้ นนำสะไมยม์ ลี ักษณะเฉพำะ เรียกว่ำ เกวียนสลักลำย เปน็ เกวยี นทมี่ กี ำรสลกั ลวดลำยเต็มพน้ื ที่ ของตัวเรือนเกวยี น และรวมถึงสลักในสว่ นอนื่ ๆ อีกหลำยแห่ง คอื แปน้ ชำน หวั โถน คนั่ ยัน แพดหรอื แปรก หวั ทวก คันทปู เกวียน หัวเตำ่ หน้ำ หัวเต่ำหลงั คำนหน้ำ คำนหลัง และ กอ้ งเพลำ ลกั ษณะของเกวียนมี หวั ทวกโค้งงอ ลงเล็กน้อย ตัวเรือนเกวียนจะทำแยกอกี ช้ินหนง่ึ วำงเพอ่ื ใช้งำน บนโครงคำน ทวก และถอดออกได้ โดยเฉพำะอย่ำงย่ิง กำรสลกั ลวดลำยที่ดูเหมือน จะคล้ำย ๆ กนั ทว่ั ไป แต่ในรำยละเอยี ดช่ำงสลกั เกวียนจะมีอิสระในกำรจดั วำงลวดลำยต่ำง ๆ ท่ีสืบทอดกันมำ เช่น ลำยเมด็ ขำ้ วสำร ลำยดอก ลำยยอ้ ย ลำยเครอื ฯลฯ ปจั จุบันกำรทำเกวียนสลกั ลำยกำลงั ประสบปญั หำ หลำยด้ำน เชน่ กำรหมดประโยชนใ์ ชส้ อย กำรขำดแคลน วัตถดุ ิบ ซง่ึ ทำใหช้ ่ำงฝีมอื ต้องละทิง้ อำชพี เดิมไปประกอบอำชีพใหม่ ซ่ึงอำจจะส่งผลให้ ควำมรู้ในเชิงชำ่ งสูญหำยไปในที่สุด

๓๑ เฉลยกจิ กรรมที่ ๑.๕ คำชแี้ จง ให้นกั เรยี นอ่ำนบทควำมต่อไปนี้ แล้วเติมคำตอบให้ถูกต้อง จังหวดั ยโสธรมสี ินค้ำผลติ ภณั ฑช์ มุ ชนทีม่ ีชื่อเสียงเป็นทร่ี ้จู ักกนั อย่ำงกว้ำงขวำง คอื หมอนขดิ ผลติ ภัณฑจ์ ักสำน และผำ้ ย้อมสธี รรมชำติ สว่ นประเภทอำหำร ไดแ้ ก่ ข้ำวหอมมะลิอินทรีย์ ขำ้ วหอม มะลิคุณภำพดี และปลำส้มยโสธร อนั เปน็ ทย่ี อมรบั ของผบู้ ริโภค โดยมีผลติ ภัณฑช์ ุมชนทไี่ ด้รบั กำร รบั รองมำตรฐำนผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชน จำนวน ๙๐๗ ผลติ ภณั ฑ์ (ข้อมูล ณ ปี ๒๕๕๙) และผลติ ภัณฑ์ชุมชน ท่ไี ดร้ ับควำมนิยมและสร้ำงรำยได้ใหก้ บั กลุม่ สมำชกิ และจงั หวัดยโสธร โดยเฉพำะหมอนขวำนผำ้ ขิด ทบ่ี ้ำนศรฐี ำน อำเภอป่ำติ้ว มีกำรส่งไปจำหน่ำยทั้งในประเทศและต่ำงประเทศ สว่ นผลติ ภัณฑอ์ นื่ ๆ ที่มจี ำหน่ำยในท้องถนิ่ และภำยในประเทศ ซ่ึงมีกำลงั ผลิตไม่มำกนกั และสรำ้ งรำยได้ให้กบั กล่มุ สมำชิก ในชุมชน ได้แก่ ผลติ ภณั ฑจ์ ักสำน ไม้ไผ่ ผลติ ภัณฑ์ผำ้ ไหม ผลติ ภณั ฑผ์ ้ำฝำ้ ย เคร่ืองทองเหลอื ง แกะสลักไม้ ปลำสม้ ไกย่ ่ำงบ้ำนแคน ลอดชอ่ ง เน้ือโคขุน ไข่ไก่อินทรยี ์ และผลติ ภณั ฑจ์ ำกถวั่ ลสิ ง เปน็ ตน้ โดยผลติ ภณั ฑ์ชุมชนุ ทีไ่ ด้รบั กำรรับรองมำตรฐำนผลติ ภัณฑ์ชมุ ชน มีแนวโน้มเพิ่มจำนวนสงู ขึ้น อย่ำงต่อเน่อื ง ๑. สนิ ค้ำผลติ ภัณฑช์ ุมชนทม่ี ีชอ่ื เสียงของจังหวดั ยโสธร คือ สินคำ้ ประเภทใด ตอบ หมอนขดิ ผลติ ภณั ฑจ์ ักสำน และผำ้ ยอ้ มสีธรรมชำติ ๒. อำหำรท่ีมชี ่ือเสยี งของจังหวัดยโสธร คอื อำหำรประเภทใด ตอบ ขำ้ วหอมมะลิอินทรยี ์ ขำ้ วหอมมะลิคุณภำพดี และปลำสม้ ยโสธร ๓. ผลิตภณั ฑ์ชุมชนทไี่ ดร้ บั ควำมนยิ มและสรำ้ งรำยได้ให้กับกลุ่มสมำชิกและจงั หวัดยโสธร คอื ผลิตภัณฑ์ประเภทใด ตอบ หมอนขวำนผ้ำขิดทีบ่ ำ้ นศรฐี ำน อำเภอปำ่ ติ้ว ๔. ผลิตภัณฑท์ ่ีมจี ำหนำ่ ยในท้องถนิ่ และภำยในประเทศ ทีม่ ีกำลังผลิตไม่มำกนักและสร้ำงรำยได้ใหก้ บั กลุ่มสมำชกิ ในชมุ ชน ได้แก่ ผลิตภณั ฑ์ประเภทใด ตอบ ผลติ ภณั ฑ์จกั สำนไมไ้ ผ่ ผลติ ภณั ฑผ์ ้ำไหม ผลติ ภณั ฑผ์ ำ้ ฝำ้ ย เครือ่ งทองเหลือง แกะสลักไม้ ปลำส้ม ไกย่ ำ่ งบ้ำนแคน ลอดชอ่ ง เนือ้ โคขุน ไขไ่ กอ่ นิ ทรีย์ และผลิตภัณฑ์จำกถ่ัวลิสง เป็นตน้ ๕. ผลติ ภัณฑช์ มุ ชนทไ่ี ดร้ บั กำรรบั รองมำตรฐำนมีท้ังหมดก่ีผลิตภณั ฑ์ ตอบ จำนวน ๙๐๗ ผลติ ภัณฑ์

๓๒ เฉลยกิจกรรมที่ ๑.๖ คำชแี้ จง ให้นักเรียนอำ่ นจับใจควำมสำคัญเรอ่ื งต่อไปนีด้ ว้ ยเทคนคิ Sq๔r กลมุ่ จักสำน “กระติบขำ้ วบำ้ นนำงโอก” จังหวัดยโสธร เปน็ เคร่ืองจักสำนดว้ ยมือทีป่ ระณตี สวยงำม สำมำรถจกั สำนเขียนเปน็ ขอ้ ควำมได้อยำ่ งลงตัว มีหลำกหลำยลวดลำย เหมำะสมเป็นของ ฝำกในช่วงสงกรำนตแ์ ละทกุ เทศกำล เปน็ อกี อำชีพทสี่ รำ้ งรำยได้ให้ครอบครวั และชุมชน นำยนิกร สกุ ใส ผวู้ ่ำรำชกำรจงั หวดั ยโสธร พร้อมด้วยภรรยำ และคณะ ได้ตรวจเยี่ยมชมกลมุ่ จักสำนบ้ำนท่งุ นำงโอก หมู่ที่ ๓ ตำบลทุง่ นำงโอก อำเภอเมืองยโสธร เพื่อเป็นกำลังใจในกำรทำงำน โดยมีนำงบุญสุข สมหวงั ประธำนกลุ่มดังกล่ำวและสมำชกิ ใหก้ ำรตอ้ นรับ ซึ่งเปน็ กลุ่มจักสำนกระตบิ ข้ำวดว้ ยไม้ไผ่ ที่มีควำมประณีต สวยงำมและทส่ี ำคัญทำงกลุ่มสำมำรถจักสำนเป็นตัวหนังสือ หรือ ข้อควำมลงบนกระติบข้ำวได้อย่ำงลงตวั ทำให้หัตถกรรมของกลมุ่ นส้ี ร้ำงควำมแตกตำงจำกกล่มุ อน่ื ๆ สำหรับกำรจกั สำนกระตบิ ข้ำวทำงกลุม่ ได้ดำเนนิ จำกภูมิปัญญำของชำวบ้ำน จำกกระติบขำ้ ว ทว่ี ำงจำหน่ำยในรำคำแลว้ แต่ควำมสวยงำม ลวดลำยทปี่ ระณีตมำกน้อยตำ่ งกนั เริ่มต้นที่รำคำลูกละ ๕๐-๑๕๐ บำท ส่วนลวดลำยนน้ั มมี ำกมำย อำทิ ลำยดอก ลำยหัวใจ ลำยปลำ และอน่ื ๆ ทกุ ชนิ้ งำน ทำจำกมืออย่ำงประณีตอยำ่ งสวยงำมพร้อมกันนี้ ทำงกลุม่ ไดว้ ิวัฒนำกำรดดั แปลงแก้ไขให้ดีข้นึ ตำมยุค สมยั จนสำมำรถจักสำนให้เป็นตวั หนงั สอื หรอื เขยี นเป็นขอ้ ควำมได้ ทำให้เพิ่มรำคำขึน้ มำจำกรำคำ ปกติ มำอยู่ท่ีรำคำ ๑๕๐-๓๕๐ บำท สว่ นมำกจะเป็นลกู ค้ำตอ้ งส่งั จองและเขยี นข้อควำมมำใหจ้ ึงจะทำ ให้ ซ่ึงในแต่ละวนั สมำชิกที่มีอยู่ ๒๐ คน สำมำรถทำกระตบิ ๓ วัน ๑ ชดุ (ชุด ๑ จะมี ๒ ลกู ) ในสว่ นวสั ดทุ ีท่ ำ ได้แก่ ไม้ไผซ่ ้ือจำกในชมุ ชนลำละ ๕๐ บำท (ขนำด ๕-๖ เมตร) สำมำรถจัก สำนได้ ๒๐ ชดุ (๔๐ ลกู ) และก้ำนตำล รำคำก้ำนละ ๑๐ บำท นำมำทำเป็นฝำปิดกระตบิ ข้ำว และทำ ขำกระตบิ ๑ ก้ำนตำล ทำได้ ๒ ลกู และหวำยและเชือก นอกจำกน้ี กลุม่ หตั ถกรรมกระติบข้ำวพนื้ บำ้ นของยงั ไดท้ ำ “แจกนั จักสำน” อีกหลำยรูปแบบ หลำยขนำดควบคู่กบั กระตบิ ข้ำว ซงึ่ มีควำมเหมำะสมกบั เป็นของฝำกในช่วงเทศกำลสงกรำนต์น้ี หรือ จะเปน็ ของฝำกแทนใจไดท้ ุกเทศกำล อกี ดว้ ย ๑. Survey (S) สำรวจและอ่ำนแบบคร่ำว ๆ ตอบ ได้กล่ำวถึงกลุม่ จกั สำน “กระติบข้ำวบ้ำนนำงโอก” ของจงั หวัดยโสธร เป็นเคร่ืองจกั สำน ด้วยมอื ทปี่ ระณีตสวยงำม

๓๓ ๒. Question (Q) อ่ำนบทควำมและตั้งคำถำม ตอบ วสั ดุทน่ี ำมำทำกระติบขำ้ วบำ้ นนำงโอก ได้แก่วัสดุชนดิ ใดบ้ำง ๓. Read (R) อำ่ นซำ้ และหำคำตอบจำกขอ้ ที่ ๒ ตอบ ไมไ้ ผซ่ ้ือจำกในชมุ ชนลำละ ๕๐ บำท (ขนำด ๕-๖ เมตร) สำมำรถจกั สำนได้ ๒๐ ชุด (๔๐ ลูก) และกำ้ นตำล รำคำกำ้ นละ ๑๐ บำท นำมำทำเป็นฝำปิดกระติบขำ้ ว และทำขำกระติบ ๑ ก้ำนตำล ทำ ได้ ๒ ลูก และหวำยและเชือก ๔. Record (R) จดบนั ทกึ ข้อมูลที่สำคญั ตอบ กลมุ่ หัตถกรรมกระตบิ ข้ำวพืน้ บำ้ นไดท้ ำ “แจกันจักสำน” อกี หลำยรปู แบบ หลำยขนำด ควบคู่กับกระติบข้ำว ซึ่งมีควำมเหมำะสมกับเปน็ ของฝำกในชว่ งเทศกำลสงกรำนตน์ ี้ หรือจะเปน็ ของ ฝำกแทนใจได้ทุกเทศกำลอกี ด้วย ๕. Recite (R) สรปุ ใจควำมสำคัญของเรื่อง ตอบ นำยนกิ ร สกุ ใส ผู้วำ่ รำชกำรจังหวัดยโสธร ไดต้ รวจเย่ยี มชมกลุม่ จักสำนบำ้ นทุ่งนำงโอก เพือ่ เป็นกำลงั ใจในกำรทำงำนของกลุม่ จกั สำนกระติบข้ำวด้วยไม้ไผ่ ท่ีมีควำมประณตี สวยงำมและ ท่สี ำคัญทำงกลมุ่ สำมำรถจกั สำนเปน็ ตวั หนังสือ หรอื ข้อควำมลงบนกระตบิ ข้ำวได้อย่ำงลงตัว ทำให้ หัตถกรรมของกลุม่ นส้ี ร้ำงควำมแตกตำงจำกกลุ่มอน่ื ๆ อยำ่ ลืมทวนคำตอบ นะคะนกั เรียน

๓๔ แบบประเมินกำรร่วมกจิ กรรมท่ี ๑.๖ ชื่อ........................................................…นำมสกลุ .............................................เลขที่........................ ผู้ประเมิน นักเรยี น เพอื่ น ครู คำชีแ้ จง ใหท้ ำเครื่องหมำยถูกต้อง  ลงในช่องว่ำงระดับคะแนนท่ีตรงกบั ควำมเปน็ จริงมำกท่ีสุด โดยจดั ระดับคุณภำพเป็น ๓ ระดบั ตำมเกณฑ์ต่อไปนี้ ๓ หมำยถึง สำมำรถอธบิ ำย ตอบคำถำมไดถ้ ูกต้อง ชดั เจน และตรงประเด็น ๒ หมำยถงึ สำมำรถอธิบำย ตอบคำถำมไม่คอ่ ยถูกตอ้ ง และไม่ค่อยตรงประเด็น ๑ หมำยถึง ไมส่ ำมำรถอธิบำย ตอบคำถำมได้ถูกต้อง ชดั เจน และตรงประเด็น รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน ๓๒๑ ๑. Survey (S) สำรวจและอ่ำนแบบครำ่ ว ๆ ๒. Question (Q) อำ่ นบทควำมและตั้งคำถำม ผลกำรประเมนิ ๓. Read (R) อำ่ นซ้ำและหำคำตอบจำกข้อท่ี ๒  ผ่ำน ๔. Record (R) จดบนั ทึกข้อมลู ทส่ี ำคญั  ไม่ผำ่ น ๕. Recite (R) สรุปใจควำมสำคัญของเร่ือง คะแนนรวมแตล่ ะช่อง สรปุ คะแนนท่ีได้ (หำรด้วยสอง) เกณฑ์กำรประเมนิ ผำ่ นเกณฑ์ร้อยละ ๘๐ นกั เรยี นได้คะแนน ๑๒ คะแนนข้นึ ไป จงึ ถือว่ำผำ่ น ลงชือ่ ..................................................ผูป้ ระเมนิ (.................................................)

๓๕ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน หนงั สือส่งเสริมกำรอำ่ นจับใจควำมแบบ E-Book ชดุ ภูมิปญั ญำท้องถน่ิ กลุม่ สำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย สำหรบั นักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษำปีที่ ๓ เล่มที่ ๕ ผลติ ภัณฑท์ ้องถิน่ กอ่ นเรียน หลงั เรียน ข้อ ก ข ค ง ขอ้ ก ข ค ง ๑.  ๑.  ๒.  ๒.  ๓.  ๓.  ๔.  ๔.  ๕.  ๕.  ๖.  ๖.  ๗.  ๗.  ๘.  ๘.  ๙.  ๙.  ๑๐.  ๑๐.  ตอบถกู ก่ีข้อคะ นักเรยี น

๓๖ แบบบนั ทึกคะแนนกิจกรรมระหว่ำงเรยี น หนังสือส่งเสรมิ กำรอำ่ นจบั ใจควำมแบบ E-Book ชดุ ภูมปิ ัญญำทอ้ งถ่นิ กลุ่มสำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย สำหรบั นกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษำปที ่ี ๓ เลม่ ที่ ๕ ผลิตภัณฑท์ อ้ งถิน่ กำรประเมนิ คะแนนเต็ม คะแนนทีไ่ ด้ ควำมก้ำวหนำ้ แบบทดสอบกอ่ นเรียน ๑๐ แบบทดสอบหลังเรียน ๑๐ เกณฑ์กำรประเมนิ นกั เรียนตอ้ งได้คะแนน รอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป หรอื ๘ คะแนนข้นึ ไป ผ่ำน ไม่ผ่ำน กำรประเมิน คะแนนเต็ม คะแนนท่ไี ด้ กจิ กรรมท่ี ๑.๑ ๑๐ กจิ กรรมท่ี ๑.๒ ๑๐ กิจกรรมท่ี ๑.๓ ๑๕ กิจกรรมท่ี ๑.๔ ๑๐ กจิ กรรมท่ี ๑.๕ ๑๐ กิจกรรมที่ ๑.๖ ๑๕ รวม ๗๐ เกณฑ์กำรประเมนิ นกั เรียนตอ้ งไดค้ ะแนน ร้อยละ ๘๐ ขึน้ ไป หรอื ๕๖ คะแนนข้ึนไป ผำ่ น ไมผ่ ่ำน

๓๗ ประวัตยิ ่อผู้จัดทำ ขอ้ มูลทั่วไป ชอ่ื -นำมสกุล นำงมนิ ตรำ งำมทรัพย์ เกดิ เมื่อวนั ที่ ๒๖ เดอื น กันยำยน พ.ศ. ๒๕๐๙ ทอี่ ยปู่ จั จุบนั เลขท่ี ๓๕ หมู่ ๒ ตำบลบงึ แก อำเภอมหำชนะชัย จงั หวัดยโสธร ๓๕๑๓๐ เบอรต์ ิดต่อ ๐๘๕-๒๔๕๑๕๐๗ อเี มลล์ krumintra๒๐๑๘@gmail.com ด้ำนกำรศกึ ษำ พ.ศ. ๒๕๕๔ กำรศึกษำระดับปรญิ ญำโท ครุศำสตรมหำบัณฑิต ภำษำไทย มรภ. อุบลรำชธำนี พ.ศ. ๒๕๔๓ กำรศึกษำระดับปริญญำตรี ครศุ ำสตรบัณฑิต ภำษำไทย สรภ. อบุ ลรำชธำนี ด้ำนกำรปฏบิ ัติงำน ตำแหนง่ ครู วิทยฐำนะ ครูชำนำญกำรพิเศษ โรงเรยี นสมเด็จพระญำณสงั วร ในพระสงั ฆรำชูปถมั ภ์ สงั กัด สำนักงำนเขตพนื้ ที่กำรศึกษำมัธยมศกึ ษำ เขต ๒๘ ***********************************************************

๓๘


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook