ผลดิ อก รายงานผลการพฒั นา ศึกษานเิ ทศก์รุน่ ใหมเ่ พอื่ การขับเคลือ่ นการปฏิรปู การเรยี นรู้ สนบั สนนุ โดย ส�ำนกั งานกองทุนสนับสนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน (สพฐ.) ส�ำนกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ_Final.indd 1 5/17/2017 8:42:10 PM
ผลิดอก รายงานผลการพฒั นาศึกษานิเทศกร์ นุ่ ใหม่ เพือ่ ขับเคล่ือนการปฏิรูปการเรียนรู้ นายเฉลิมชยั พันธเ์ ลศิ บรรณาธกิ าร จัดท�ำโดย คณะทำ� งาน: ผู้นำ� เพื่อการเปล่ยี นแปลงทางการศกึ ษา รุน่ ที่ ๒ (Leadership for Education Change : LEC.2) นายเฉลมิ ชัย พนั ธ์เลิศ นักวิชาการศึกษา สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน นายสฏายุ ธรี ะวณชิ ตระกลู อาจารย์มหาวิทยาลัยบูรพา นายสุวทิ ย์ บึงบัว นักวิชาการศกึ ษา สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน นางสาวรุง่ นภา แสนอำ� นวยผล ศึกษานิเทศก์ สำ� นกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษาขอนแกน่ เขต ๓ นายศรณ์ณิวิชญ์ ศรวมิ ล ศึกษานิเทศก ์ ส�ำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา นางสาววราภรณ์ อนุวรรัตน์ ศึกษานิเทศก์ ส�ำนกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต ๓๔ นางดารุณี พทุ ไธวัฒน ์ นักวชิ าการศกึ ษา สำ� นักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร แ บบปก และรูปเ ล่ม : นายธรรมรัตน์ บญุ แพทย์ พมิ พ์ครง้ั แรก : มกราคม ๒๕๖๐ จำ� นวนพิมพ์ : ๑๐๐ เลม่ พิมพท์ ่ี : ห้างหุ้นสว่ นจำ� กดั ประยรู สาสนไ์ ทยการพิมพ ์ ๔๔/๑๓๒ หมู่ ๖ ถนนก�ำนนั แมน้ แขวงบางขนุ เทยี น เขตจอมทอง กรงุ เทพฯ ISBN: 978-616-395-851-8 ลขิ สทิ ธเ์ิ ปน็ ของสำ� นักงานกองทนุ สนับสนุนการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ (สสส.) _Final.indd 2 5/17/2017 8:42:11 PM
คำ� นำ� รายงานผลการจัดกิจกรรมโครงการศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่เพื่อการขับเคล่ือนการปฏิรูปการเรียนรู้ เป็นการสรุปผลการด�ำเนินการจัดกิจกรรมตามโครงการพัฒนาศึกษานิเทศก์ยุคปฏิรูปการศึกษา โดยทาง คณะผู้จัดได้ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ในลักษณะของการพัฒนาวิชาชีพศึกษานิเทศก์อย่างต่อเน่ือง (Continuing Professional Development) แบบโมดลู หลัก (Core Module) จำ� นวน ๖ โมดูล เพอื่ เสริม สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจและสมรรถนะสำ� คญั สำ� หรบั ศกึ ษานเิ ทศกส์ ำ� หรบั ใชใ้ นการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา และการท�ำงานพัฒนาสถานศึกษา ตลอดจนการสร้างเครือข่ายการท�ำงานด้านศึกษานิเทศก์ และการใช้ กลไกการจดั การความรใู้ นการสร้างการเรียนร้ทู ่ตี อ่ เนื่องและย่ังยืน เพอื่ เตรยี มศึกษานเิ ทศกร์ ุ่นใหมจ่ ำ� นวน หนึง่ เตมิ เขา้ ไปหนนุ เสริมคุณภาพของระบบการจดั การศึกษา โครงการศกึ ษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหมเ่ พอ่ื การขบั เคลอ่ื นการปฏริ ปู การเรยี นรสู้ ำ� เรจ็ สมบรู ณต์ ามเปา้ หมาย เพราะได้รับความร่วมมือความช่วยเหลือ และค�ำแนะน�ำที่เป็นประโยชน์ต่อการด�ำเนินการพัฒนาอย่างย่ิง จากผูม้ พี ระคณุ หลายทา่ น ทางคณะผู้จัดท�ำขอขอบพระคุณ ส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (สพฐ.) ส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้ให้ การสนับสนนุ งบประมาณในการดำ� เนินการโครงการ ขอขอบคณุ คณะวทิ ยากร ผู้มีส่วนเก่ยี วข้อง ท่ีมีสว่ นใหโ้ ครงการศกึ ษานเิ ทศก์รนุ่ ใหมเ่ พื่อการขับ เคลอื่ นการปฏิรปู การเรียนรู้ สำ� เร็จสมบรู ณ์ตามเปา้ หมาย ท้ายสุดนี้ผู้จัดท�ำหวังเป็นอย่างย่ิงว่ารายงานผลการจัดกิจกรรมโครงการศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่เพื่อ การขับเคลื่อนการปฏิรปู การเรยี นรู้ จะเป็นแนวทางในการพัฒนาวชิ าชีพศกึ ษานเิ ทศกต์ อ่ ไป คณะผจู้ ัดทำ�_Final.indd 3 5/17/2017 8:42:11 PM
_Final.indd 4 5/17/2017 8:42:13 PM
สารบญั คำ� นำ� สารบัญ กระบวนการเรยี นรทู้ ี่ ๑ ........................................................................................................ ๗ กำ� หนดการ ................................................................................................................. ๘ กระบวนกร ................................................................................................................. ๑๐ การสะท้อนการเรียนรู้หนว่ ยที่ ๑ .................................................................................. ๑๑ การสะท้อนการเรียนรู้หน่วยท่ี ๒ .................................................................................. ๑๓ การสะท้อนการเรียนรหู้ น่วยที่ ๓ .................................................................................. ๑๖ การสะท้อนการเรยี นรหู้ นว่ ยที่ ๔ .................................................................................. ๑๙ ประโยชนท์ ไี่ ดร้ ับจากการรว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ .......................................................... ๒๑ การน�ำความรไู้ ปสู่การปฏิบตั ิ ........................................................................................ ๒๒ กระบวนการเรยี นรูท้ ่ี ๒ ........................................................................................................ ๒๓ ก�ำหนดการ ................................................................................................................. ๒๔ กระบวนกร ................................................................................................................. ๒๖ การสะทอ้ นการเรยี นรหู้ น่วยท่ี ๑ .................................................................................. ๒๗ การสะทอ้ นการเรียนรู้หน่วยที่ ๒ .................................................................................. ๒๘ การสะทอ้ นการเรียนรหู้ นว่ ยที่ ๓ .................................................................................. ๓๐ การสะทอ้ นการเรียนรู้หนว่ ยที่ ๔ .................................................................................. ๓๑ การสะทอ้ นการเรยี นรู้หน่วยที่ ๕ .................................................................................. ๓๓ การสะท้อนการเรยี นรู้หนว่ ยท่ี ๖ .................................................................................. ๓๕ การสะทอ้ นการเรียนรหู้ น่วยท่ี ๗ .................................................................................. ๓๗ การสะท้อนการเรียนรู้หนว่ ยท่ี ๘ .................................................................................. ๓๙ ประโยชน์ที่ไดร้ ับจากการรว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ .......................................................... ๔๑ การน�ำความรูไ้ ปสกู่ ารปฏบิ ตั ิ ........................................................................................ ๔๓ โครงการศึกษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหมเ่ พอื่ ขบั เคล่ือนการปฏิรูปการเรยี นรู้ : 5_Final.indd 5 5/17/2017 8:42:14 PM
กระบวนการเรยี นรู้ท่ี ๓-๔ .................................................................................................... ๔๕ กำ� หนดการ ................................................................................................................. ๔๖ กระบวนกร ................................................................................................................. ๔๗ การสะท้อนการเรยี นรหู้ น่วยท่ี ๑ .................................................................................. ๔๙ การสะทอ้ นการเรยี นรูห้ นว่ ยที่ ๒ .................................................................................. ๕๑ การสะทอ้ นการเรยี นรูห้ นว่ ยท่ี ๓ .................................................................................. ๕๒ การสะทอ้ นการเรียนรู้หนว่ ยท่ี ๔ .................................................................................. ๕๔ การสะทอ้ นการเรียนรหู้ นว่ ยท่ี ๕ .................................................................................. ๕๖ การสะท้อนการเรียนรหู้ น่วยท่ี ๖ .................................................................................. ๕๙ การสะท้อนการเรยี นรหู้ น่วยที่ ๗ .................................................................................. ๖๓ ประโยชนท์ ไี่ ด้รบั จากการรว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ .......................................................... ๖๖ การนำ� ความรู้ไปส่กู ารปฏิบัติ ........................................................................................ ๖๗กระบวนการเรยี นรทู้ ี่ ๕-๖ .................................................................................................... ๖๙ กำ� หนดการ ................................................................................................................. ๗๐ กระบวนกร ................................................................................................................. ๗๒ การสะทอ้ นการเรยี นรหู้ น่วยที่ ๑ .................................................................................. ๗๓ การสะทอ้ นการเรียนรหู้ นว่ ยที่ ๒ .................................................................................. ๗๔ การสะทอ้ นการเรยี นรหู้ นว่ ยท่ี ๓ .................................................................................. ๗๕ การสะท้อนการเรียนรหู้ น่วยที่ ๔ .................................................................................. ๗๖ การสะทอ้ นการเรยี นรู้หน่วยที่ ๕ .................................................................................. ๗๗ การสะท้อนการเรียนรหู้ นว่ ยท่ี ๖ .................................................................................. ๗๙ การสะท้อนการเรียนรหู้ น่วยท่ี ๗ .................................................................................. ๘๐ ประโยชนท์ ่ีไดร้ ับจากการร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ .......................................................... ๘๑ การน�ำความรไู้ ปสู่การปฏบิ ตั ิ ........................................................................................ ๘๒ ผลิดอก : รายงานการพัฒนาศึกษานเิ ทศกร์ ่นุ ใหม่เพื่อการขับเคลอื่ นการปฏิรปู การเรยี นรู้ : 6 5/17/2017 8:42:15 PM_Final.indd 6
กระบวนการเรยี นรทู้ ่ี ๑ การปฐมนเิ ทศและการประชมุ ปฏบิ ตั กิ ารเพอื่ พฒั นาศักยภาพ “จติ ตปญั ญาศกึ ษา” ระหวา่ งวนั ที่ ๒๑-๒๓ ธนั วาคม ๒๕๕๘ ณ กนกรัตนร์ ีสอรท์ จังหวัดสมุทรสงคราม_Final.indd 7 โครงการศึกษานิเทศกร์ นุ่ ใหมเ่ พือ่ ขบั เคลื่อนการปฏริ ปู การเรียนรู้ : 7 5/17/2017 8:42:16 PM
กำ� หนดการ กระบวนการเรยี นรูท้ ี่ ๑ การปฐมนเิ ทศและการประชมุ ปฏบิ ตั กิ ารเพอื่ พฒั นศกั ยภาพ “จติ ตปัญญาศึกษา” ระหวา่ งวนั ที่ ๒๑-๒๓ ธนั วาคม ๒๕๕๘ ณ กนกรัตนร์ ีสอรท์ จงั หวัดสมุทรสงครามเวลา กจิ กรรมวนั จนั ทร์ที่ ๒๑ ธนั วาคม ๒๕๕๘๐๙:๐๐ - ๙:๓๐ น. Check in สำ� รวจสภาวะความพร้อม๐๙:๓๐ - ๑๐:๐๐ น. กิจกรรมท�ำความรู้จักกนั สะทอ้ นการเรียนรู้จากกจิ กรรมในกลุ่มยอ่ ย และใหญ่๑๐:๐๐ - ๑๑:๐๐ น. สุนทรียสนทนา๑๑:๐๐ - ๑๒:๐๐ น. อตั ตชวี ประวัติ Biography: ๐-๗ ปี๑๒:๐๐ - ๑๓:๐๐ น. พกั รบั ประทานอาหารกลางวนั๑๓:๐๐ - ๑๓:๓๐ น. ผ่อนพักตระหนกั รู้๑๓:๓๐ - ๑๔:๓๐ น. ชวี ประวตั ิ Biography: ๗-๑๔ ปี๑๔:๓๐ - ๑๕:๐๐ น. พกั รับประทานอาหารว่าง๑๕:๐๐ - ๑๖:๓๐ น. ชวี ประวตั ิ Biography: ๑๔-๒๑ ปี๑๖:๓๐ - ๑๗:๐๐ น. สะทอ้ นการเรยี นรู้๑๗:๐๐ - ๑๙:๐๐ น. พกั ผอ่ นตามอธั ยาศยั และรบั ประทานอาหารเยน็๑๙:๐๐ - ๒๐:๐๐ น. ทบทวนชวี ิตของตนในชว่ ง ๒๑-๒๘ ปี ๒๘-๓๕ ปแี ละ ๓๕-๔๒ ปี สุนทรียสนทนา๒๐:๐๐ - ๒๑:๐๐ น. สะท้อนประสบการณ์ในการท�ำ biography สรปุ การเรยี นร้จู ากกิจกรรมนี้วันองั คารที่ ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๕๘๐๖:๓๐ - ๐๗:๓๐ น. โยคะยามเช้า๐๗:๓๐ - ๐๘:๓๐ น. รบั ประทานอาหารเช้า ผลดิ อก : รายงานการพัฒนาศกึ ษานิเทศก์รนุ่ ใหมเ่ พือ่ การขับเคลื่อนการปฏริ ูปการเรียนรู้ : 8 5/17/2017 8:42:16 PM_Final.indd 8
๐๙:๐๐ - ๐๙:๓๐ น. Check in ส�ำรวจสภาวะความพร้อม ๐๙:๓๐ - ๐๙:๔๕ น. Warm up ๐๙:๔๕ - ๑๐:๑๕ น. ต้นไม้ของฉัน ๑๐:๑๕ - ๑๐:๓๐ น. ตวั อกั ษรบอกตวั ตน ๑๐:๓๐ - ๑๐:๔๕ น. พกั รับประทานอาหารวา่ ง ๑๐:๔๕ - ๑๒:๐๐ น. ศาสตรน์ พลกั ษณ์ ๑๒:๐๐ - ๑๓:๐๐ น. พกั รบั ประทานอาหารกลางวนั ๑๓:๐๐ - ๑๓:๓๐ น. ผอ่ นพักตระหนักรู้ ๑๓:๓๐ - ๑๔:๓๐ น. Mini panel ศูนย์ทอ้ ง ๑๔:๓๐ - ๑๕:๐๐ น. Mini panel ศนู ย์ใจ ๑๕:๐๐ - ๑๕:๓๐ น. พกั รับประทานอาหารว่าง ๑๕:๓๐ - ๑๖:๓๐ น. Mini panel ศูนย์หัว ๑๖:๓๐ - ๑๗:๐๐ น. Wrap up ๑๗:๐๐ - ๑๙:๐๐ น. พักผ่อนตามอธั ยาศัยและรบั ประทานอาหารเย็น ๑๙:๐๐ - ๒๑:๐๐ น. ของรกั ของหวง สนุ ทรยี สนทนา วันพธุ ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ๐๖:๓๐ - ๐๗:๓๐ น. โยคะยามเชา้ (optional) ๐๗:๓๐ - ๐๘:๓๐ น. รับประทานอาหารเชา้ ๐๙:๐๐ - ๐๙:๓๐ น. Check in สำ� รวจสภาวะความพร้อม ๐๙:๓๐ - ๑๐:๓๐ น. Artistic work: Painting dialogue ๑๐:๓๐ - ๑๐:๔๕ น. พกั รับประทานอาหารว่าง ๑๐:๔๕ - ๑๒:๐๐ น. สนุ ทรยี สาธก (Appreciate Inquiry: AI) สะทอ้ นการเรยี นร้ใู นกลมุ่ ใหญ่ ๑๒:๐๐ - ๑๓:๐๐ น. พกั รบั ประทานอาหารกลางวัน ๑๓:๐๐ - ๑๓:๑๕ น. ผอ่ นพักตระหนกั รู้ ๑๓:๑๕ - ๑๔:๓๐ น. Backward review และสะทอ้ นผลการเรียนรูต้ ลอด ๓ วัน ปิดการอบรม เดนิ ทางกลบั โดยสวสั ดภิ าพ_Final.indd 9 โครงการศึกษานิเทศกร์ ุ่นใหมเ่ พื่อขบั เคลื่อนการปฏริ ปู การเรยี นรู้ : 9 5/17/2017 8:42:17 PM
กระบวนกรผศ.ดร.ศศิลกั ษณ์ ขยันกิจ ดร.มานติ า ลโี ทชวลิต อรรถนุพรรณคณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรดร.หฤทัย อนสุ รราชกจิ นายจกั รา วรี กลุ กระบวนกรอิสระคณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั รำ� ไพพรรณี ผลิดอก : รายงานการพัฒนาศกึ ษานิเทศกร์ นุ่ ใหม่เพอื่ การขับเคลอื่ นการปฏิรปู การเรียนรู้ : 10 5/17/2017 8:42:17 PM_Final.indd 10
การสะทอ้ นการเรยี นรูห้ นว่ ยท่ี ๑ การเรียนรูด้ ว้ ยใจทใ่ี คร่ครวญ และสนุ ทรียสนทนา (Contemplative Education and Dialogue) สาระความรทู้ ่ไี ด้รบั กิจกรรมที่ ๑ วอรม์ อัพ (warm up) กจิ กรรมวอรม์ อพั เรม่ิ จากกระบวนกรพดู แนะนำ� การอบรม และขอ้ ตกลงตา่ งๆ ดงั น้ี “ในการอบรม ครัง้ นใ้ี หพ้ ยายามดู อารมณ์ ความร้สู ึก ประสบการณ์ เปน็ สภาวะที่จะอยู่กับเรามากทีส่ ดุ ” จากนัน้ ให้ผู้เข้า ร่วมปรับอิริยาบถให้อยู่ในท่าสบายผ่อนคลาย กระบวนกรจัดบรรยากาศโดย การปิดไฟ เปิดเพลง และบรรยายให้เกดิ บรรยากาศทีผ่ ่อนคลาย กิจกรรมท่ี ๒ ทำ� ความรูจ้ ักกนั กจิ กรรมที่ ๒.๑ เดิน กิจกรรมเดิน เร่ิมจากกระบวนกรให้ผู้เข้าร่วมเดินในบริเวณพ้ืนท่ีการเรียนรู้ ใช้การทักทายกัน ด้วย การสบตา และการยิ้ม ไม่มีการสนทนา โดยในกิจกรรมนี้ กระบวนกรเน้นให้ผู้เข้ารับการอบรม ทิ้งความกังวล เปล่ียนวิธีคิด เปล่ียนวิธีเดินปรับมุมมองตนเองเพ่ือให้พบวิธีใหม่มากขึ้น เรียนรู้ถึง ความแตกต่างหลากหลายทีเ่ กดิ ขนึ้ กจิ กรรมท่ี ๒.๒ โยนถงุ ถวั่ กระบวนกรให้ผู้เข้าร่วมยืนเป็นวงกลม แล้วโยนตุ๊กตาให้เพ่ือนท่ีอยากรู้จักพร้อมแนะน�ำตัว ผเู้ ขา้ รว่ มโยนตุก๊ ตาให้เพอ่ื นฝ่ังตรงขา้ มทอ่ี ยูซ่ า้ ยมอื ของคนทีโ่ ยนให้เรา โยนเป็นรัศมรี ้อยๆ กนั แลว้ เปลยี่ น จากการโยนตุ๊กตาเป็นโยนถุงถ่ัวหลายๆ ถุง ในการท�ำกิจกรรมให้ติดตามอารมณ์ ความรู้สึกของตัวเอง ทเี่ กิดข้ึนตลอดเวลา กิจกรรมท่ี ๒.๓ สามเหลย่ี ม ผูเ้ ขา้ ร่วม แต่ละคนจะได้ภาพสามเหล่ยี มคนละหนึง่ ชนิ้ (สฟี า้ หรอื สชี มพู วางอยู่ใต้เบาะนั่ง) ให้ แต่ละคนตามหาสามเหลีย่ มอีก ๒ ชิน้ ทจ่ี ะน�ำมาต่อให้ได้สามเหล่ยี มรูปใหญ่ ๑ รูป (สามเหลยี่ มใหญ่ ๑ รปู ประกอบด้วยสามเหล่ยี มเลก็ ๓ รูป) ผู้เขา้ ร่วมแบ่งเปน็ ๒ กลมุ่ ตามสี เมื่อกระบวนกรให้สญั ญาณหมดเวลา ผ้เู ขา้ ร่วมกลบั มายนื รวมกลุม่ เปน็ วงกลมดูผลงาน กระบวน กรถามพอใจหรอื ไม่ ถา้ ใหเ้ วลาทำ� อกี อยากไดเ้ ทา่ ไหร่ (ผเู้ ขา้ รว่ มขอ ๑๐ นาท)ี กระบวนกรใหเ้ วลาทำ� กจิ กรรม ใหม่ ๑๐ นาที_Final.indd 11 โครงการศกึ ษานิเทศก์รนุ่ ใหม่เพอ่ื ขบั เคลอ่ื นการปฏิรูปการเรียนรู้ : 11 5/17/2017 8:42:18 PM
ภาพท่ี ๑ ผเู้ ขา้ ร่วมสะท้อนความรู้สกึ จากกจิ กรรมสามเหลย่ี มสรุปการสะท้อนการเรยี นรู้ของผเู้ ข้าร่วมการพฒั นา ๑. ความรู้สกึ ในการท�ำกิจกรรม ผอ่ นคลาย สงบ ไดป้ ลอ่ ยวาง หนคี วามสบั สน ทำ� ใหพ้ รอ้ มเรยี นรู้ พรอ้ มทจ่ี ะทำ� กจิ กรรมตอ่ ไป ๒. ส่งิ ท่ีได้เรยี นรูจ้ ากการทำ� กจิ กรรม ต้องมีสติ มสี มาธิ อยกู่ ับตวั เอง ตอ้ งไวว้ างใจ ยอมรับผอู้ น่ื และตอ้ งร่วมมอื กนั ในการทำ� งานกระบวนกร กระบวนกรกลา่ วเสรมิ “สงิ่ สำ� คญั ฟงั อยา่ งลกึ ซง้ึ อยา่ เพงิ่ รบี สรปุ ดแู ตว่ า่ เรารสู้ กึ อยา่ งไร ตอบสนองกิจกรรมนั้นอย่างไร กิจกรรมไหนมีความสุข กิจกรรมไหนท่ีท�ำให้เราขุ่นมัว สถานการณ์ไหนท�ำให้เราต่ืนเต้น เราแคเ่ ฝ้ามองปฏกิ ิริยาเราท่ีตอบสนองตอ่ เหตุการณต์ ่างๆ ลองเปิดใจ อย่าเพง่ิ รีบตดั สิน มสี ตแิ ละตระหนกั ร้ตู วั เองตลอดเวลา ลองดูวา่ ๓ วันนีเ้ ราเขา้ ไปมปี ระสบการณ์แลว้ จะรู้สึกถึงสิ่งนั้นอยา่ งไร เราอยู่กบั ตัวเองมาตลอด พอไหมทจี่ ะเข้าใจวา่ ตวั เราเป็นอย่างไร อารมณ์ ความคดิ ของเราเป็นอย่างไร กาย ใจหัว เราสมดุลหรอื ไม่ ใหด้ ูวา่ กจิ กรรมไหนตอบสนองเราได้ดี แลว้ การศึกษาให้สามสว่ นนอี้ ย่างสมดลุ หรอื ไม่ ผลดิ อก : รายงานการพัฒนาศึกษานเิ ทศกร์ ุ่นใหมเ่ พอ่ื การขับเคลอื่ นการปฏิรปู การเรียนรู้ : 12 5/17/2017 8:42:18 PM_Final.indd 12
การสะท้อนการเรยี นรู้หน่วยท่ี ๒ ชีวประวตั ิ (Biography) สาระความรทู้ ่ไี ดร้ ับ กจิ กรรมที่ ๑ Biography ข้อตกลงเบอื้ งต้นของการท�ำกจิ กรรม คือ • ไม่กลบั ไปทีป่ มในชวี ติ ของเรา ต้องมีสติและความรตู้ วั (consciousness) • เอาตัวเองไปเปน็ คนมอง ผสู้ งั เกตการณ์ ไมใ่ ชผ่ ถู้ กู กระทำ� ไมเ่ อาตวั เองเขา้ ไปตดั สนิ ในเหตกุ ารณเ์ ดมิ • ใชก้ ารฟังอยา่ งลึกซึ้ง (Deep listening) • ให้เลือกจับคู่กบั คนท่สี นทิ ดว้ ยนอ้ ยทีส่ ุด เมอ่ื หมดเวลาทก่ี �ำหนดใหย้ ้ายคู่ใหไ้ กลจากทน่ี ัง่ อย่เู ดิม กระบวนกรให้ผเู้ ข้าร่วมจบั คู่กันเล่าเร่อื งราวตนเองแตล่ ะช่วงวยั ดงั น้ี ๑. ชว่ งอายุ ๐-๗ ปี ใหเ้ หน็ ถงึ กายภาพ รปู รา่ งหนา้ ตา อารมณค์ วามรสู้ กึ ความคดิ ความทรงจำ� แรก สิ่งแวดล้อมที่เติบโตมา ผคู้ นท่อี ยู่รอบตวั ๒. ช่วงอายุ ๗-๑๔ ปี ใหเ้ หน็ ถึงแบบแผนชวี ิต กิจวตั รประจำ� วัน ต้ังแต่เช้าจนเยน็ วันจันทรถ์ ึง วนั ศุกร์ วนั เสารอ์ าทิตย์ รปู ร่างหน้าตา การแตง่ กาย อารมณ์ความร้สู กึ กิจกรรมท่ีใสใ่ จ ความแตกต่างหรือ การเปล่ยี นแปลงจากช่วงอายุ ๐ - ๗ ปี ๓. ชว่ งอายุ ๑๔ - ๒๑ ปี ให้เห็นถงึ รปู รา่ งหนา้ ตา การแตง่ กาย การใชช้ ีวติ การตดั สินใจ การรับมือ กับสถานการณ์ตา่ งๆ สง่ิ ทส่ี นใจพิเศษ ประสบการณใ์ นมหาวทิ ยาลยั การบรรยายพน้ื ฐาน Biography Biography เปน็ การศกึ ษาชีวประวตั ิของตนเองเพอ่ื ทจี่ ะได้รูก้ ารดำ� เนนิ ชีวติ ในชว่ งวัยต่างๆ แบง่ อายุเป็นช่วงละ ๗ ปี ชว่ งอายุ ๐-๗ ปี • ดาวทเ่ี ปน็ ตัวแทนคอื ดวงจันทร์ มลี กั ษณะของความอดุ มสมบรู ณ์ ความอิม่ ความอบอ่นุ • เด็กอนุบาลมีความสามารถในการสะท้อนสิ่งต่างๆ เช่น ครอบครัว ครู ห้องเรียน และ การเลยี นแบบ (Imitation) ผา่ นการเลน่ • การเลน่ ถอื เปน็ การสอื่ สารวา่ เดก็ รู้จกั โลกน้ีอยา่ งไร • เดก็ อนุบาลควรได้รูค้ วามงาม ความอบอนุ่ ของชวี ิต_Final.indd 13 โครงการศึกษานเิ ทศกร์ ่นุ ใหม่เพอ่ื ขบั เคลื่อนการปฏิรูปการเรียนรู้ : 13 5/17/2017 8:42:19 PM
ภาพที่ ๒ ลกั ษณะ Biography ของคนชว่ งอายุ ๐ - ๖๓ ปี • จากภาพท่ี ๒ ลกั ษณะของช่วงอายุ ๐ - ๗ ปี สะทอ้ นลกั ษณะของช่วงอายุ ๓๕ - ๔๒ ปีและ ๕๖ - ๖๓ ปี ดงั นนั้ คนช่วงอายุ ๓๕ - ๔๒ ปี และ ๕๖ - ๖๓ ปี เปน็ ครูใหเ้ ด็กชว่ งอายุ ๐ - ๗ ปี ไดด้ ีถ้าเขาได้รบั การเตมิ เต็มมาต้งั แตเ่ ดก็ ช่วงอายุ ๗-๑๔ ปี • ดาวทเ่ี ป็นตัวแทนคือ ดาวพธุ • เปน็ ชว่ งทีภ่ ายในเตม็ เป่ียมไปดว้ ยความสวยงาม • เดก็ มจี นิ ตนาการสูง • เดก็ อยใู่ นวนิ ัยไดด้ ี • คิดแล้วชอบลงมือท�ำทนั ที • เดก็ เคลื่อนท่ี เคลอื่ นไหวมาก • ชอบความท้าทาย การผจญภัย การผาดโผน • ช่วงเวลาน้คี รมู คี วามทรงสิทธิ์ (Authority) • เดก็ ควรไดร้ บั การหล่อหลอมวนิ ยั และความรบั ผิดชอบ การให้งานทีม่ กี ติกาเปน็ สิ่งสำ� คัญเพ่ือใหก้ �ำกบั ตนเองได้ • เด็กควรมีแบบแผนชวี ิตทด่ี ี ควรร้สู ีสนั ในชีวิต • จากภาพที่ ๒ ลักษณะของชว่ งอายุ ๗ - ๑๔ ปีสะท้อนลักษณะของช่วงอายุ ๒๘ - ๓๕ ปีและ ๔๙ - ๕๖ ปี ดังนั้นคนชว่ งอายุ ๒๘ - ๓๕ ปี และ ๔๙ - ๕๖ ปี เป็นครใู หเ้ ด็กชว่ งอายุ ๗ - ๑๔ ปไี ดด้ ี ผลดิ อก : รายงานการพัฒนาศึกษานิเทศกร์ ุ่นใหม่เพอ่ื การขับเคล่อื นการปฏิรูปการเรียนรู้ : 14 5/17/2017 8:42:19 PM_Final.indd 14
ช่วงอายุ ๑๔-๒๑ ปี • ดาวทเี่ ปน็ ตวั แทนคอื ดาวศุกร์ ซึ่งเป็นดาวแห่งความรกั ความล่มุ หลงกบั เร่ืองใดเรือ่ งหน่ึง • เป็นชว่ งทอ่ี ารมณช์ ดั เจน แปรปรวน ไม่มตี รงกลาง • ผู้เรียนควรเรียนรู้โดยได้เข้าไปจัดการปัญหาด้วยตนเอง เรียนรู้จากประสบการณ์ เอาพลงั งานท่ีมีอย่มู ากไปทำ� ให้เกิดรปู ธรรมขึ้น • ผู้เรียนควรได้รู้สาระในชีวิต เด็กควรได้รู้ความสามารถของตนเอง ความหมายของชีวิต สาระในชวี ติ ให้ผเู้ รียนแยกแยะสาระ และส่ิงไม่ใชส่ าระได้ • จากภาพท่ี ๓ ลกั ษณะของช่วงอายุ ๑๔ - ๒๑ ปสี ะทอ้ นลกั ษณะของช่วงอายุ ๒๑ - ๒๘ ปี และ ๔๒ - ๔๙ ปี การสะทอ้ นการเรยี นร้ขู องผเู้ ขา้ รับการพัฒนา ความคิดเหน็ ท่ี ๑ จากกิจกรรมได้ปลดปล่อยตัวเอง โดยระบายสี สีท่ีระบายมีวัตถุประสงค์อยู่แล้วว่าสีไหนคืออะไร และเม่ือภาพรวมของผลงานจะมองได้หลายลักษณะ คือ ความสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้น แม้จะมาจากมุมมอง ของตนเองก็สามารถเชื่อมโยงกนั ได้ ความคดิ เหน็ ท่ี ๒ กิจกรรมชว่ ยให้เขา้ ใจวา่ ท�ำไมชีวติ ต้องเป็นแบบน้ี ได้เลา่ ชวี ิตทีม่ ีมาตั้งแตเ่ กดิ จนถงึ ตอนนท้ี เี่ ข้ามา เปน็ ศึกษานิเทศกพ์ บว่า ๐-๗ ปี ได้รับการโอบอ้มุ ๗-๑๔ ปี ไดร้ บั การชมเชยจากครภู าษาไทย จงึ เปน็ ศกึ ษานเิ ทศกภ์ าษาไทยเปน็ ชว่ งทเี่ ปลยี่ นเพอื่ น ตลอดเวลา ตอนเดก็ จงึ เขา้ กบั คนอนื่ ไมไ่ ด้ และอยกู่ บั ผใู้ หญท่ ไ่ี มใ่ ชพ่ อ่ แมจ่ งึ ทำ� ใหต้ อ้ งอยใู่ นกรอบ (ทกุ อยา่ ง บ่มเพาะใหเ้ ราเปน็ แบบน้ี) ความคิดเห็นที่ ๓ สีแต่ละสีท่ีระบายมีความหมายตั้งแต่กิจกรรมที่ให้นึกถึงวัยต่าง ๆ สีแต่ละสีก็สัมพันธ์กับตนเอง จนกระทง่ั สีที่ระบายเผอ่ื ไวใ้ นอนาคตซง่ึ ใช้สเี หลอื งคือเข้าธรรมะ สีแต่ละสีเป็นประสบการณท์ ่ีเราเจอเอง ความคดิ เห็นท่ี ๔ สีท่ีใช้ในการเล่าชีวิตต้ังแต่ปฐมวัยถึงการท�ำงาน เป็นการย้อนความทรงจ�ำกับสะท้อนให้เกิด ความรู้สึกเข้าใจกันมากข้ึน เข้าใจเพื่อน เข้าใจตัวเอง ชีวิตวัยเยาว์ขลุกขลักจนมาถึงทุกวันน้ี เหมือนกับ การย้อนภาพเก่า ดูหนงั เรือ่ งเกา่_Final.indd 15 โครงการศึกษานเิ ทศก์รุน่ ใหมเ่ พื่อขบั เคลือ่ นการปฏิรปู การเรยี นรู้ : 15 5/17/2017 8:42:19 PM
การสะท้อนการเรียนรู้หน่วยที่ ๓ นพลกั ษณ์ (Enneargram)สาระความรทู้ ี่ได้รบั กจิ กรรมท่ี ๑ Warm up: Self Introduction and Imagine You as ๑) กระบวนกรใหผ้ ้เู ขา้ ร่วมลองนึกถงึ ตนเองผา่ นค�ำถามว่า “ฉนั เปน็ ใคร” และ “ฉันอยากจะถกู เรียกวา่ อะไร” แลว้ ให้ผู้เข้าร่วมใช้สีวาดสิง่ นั้นพรอ้ มเขียนชอ่ื กำ� กับ โดยจะใชช้ ่ือนี้เรยี กกนั ท้ังวัน ๒) กระบวนกรใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มแนะนำ� ตวั เอง จากนน้ั นำ� กระดาษทว่ี าดภาพและเขยี นชอื่ กำ� กบั ไว้ไปวางไว้ในที่ทีค่ ิดวา่ ปลอดภัย ๓) ให้เขยี นคำ� สำ� คญั (key word) ค�ำท่ีเปน็ ตัวเราลงสมุด กจิ กรรมท่ี ๒ ต้นไม้ของชีวิต (My Life’s Tree) ๑) กระบวนกรให้ผูเ้ ข้ารว่ มใช้ดินสอด�ำวาดภาพตน้ ไม้ที่แสดงความเปน็ ตนเอง ลงในกระดาษเอ๔ ใช้เวลาในการท�ำกิจกรรม ๑๐ นาที ๒) กระบวนกรใหผ้ ู้เข้ารว่ มจับกลมุ่ จตรุ มิตร เล่าใหเ้ พ่อื นฟงั โดยไมต่ ้องสะท้อน กจิ กรรมท่ี ๓ การบรรยายศาสตรน์ พลกั ษณ์ (Enneagram) นพลักษณ์อาศัยกระบวนการการสังเกตตนเอง นพลักษณ์ คือลักษณะของคน ๙ ลักษณะประกอบอยใู่ น ๓ ศูนยท์ ี่เปน็ พลงั ชีวติ ของคน ดังน้ี ภาพท่ี ๓ ศาสตรน์ พลกั ษณ์ (Enneagram) 5/17/2017 8:42:20 PM ผลิดอก : รายงานการพฒั นาศกึ ษานิเทศกร์ ุ่นใหมเ่ พอื่ การขบั เคล่อื นการปฏริ ปู การเรียนรู้ : 16_Final.indd 16
๑. ศนู ย์ทอ้ ง เปน็ พลังสญั ชาตญาณผ่านรา่ งกาย มปี ฏิกริ ิยากับสง่ิ ต่างๆ โดยทนั ที ไมผ่ ่าน การคิด เป็นนกั ปฏบิ ตั ิ เป็นผ้กู ระท�ำ พืน้ อารมณ์ คือ ความโกรธ ลักษณ์ ๘ นักรักษาสทิ ธ์ิ (The Challenger) คนลักษณ์ ๘ รู้สึกว่าโลกข่มเหงคนอ่อนแอ คนลักษณ์นี้จึงเข้มแข็ง ใช้พลังทางกาย คอยปกป้องผู้อื่น เป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี รักความถูกต้อง รักความยุติธรรม กล้าแสดงออก อาฆาตแค้น มอี ำ� นาจควบคมุ อยู่ แสดงการใช้อำ� นาจออกทางการใชแ้ รง มคี วามออ่ นแอแต่เก็บไวไ้ มใ่ หใ้ ครเห็น ลักษณ์ ๙ นกั แสวงหาความกลมกลนื (The Peacemaker) คนลักษณ์ ๙ รู้สึกว่าคนอื่นส�ำคัญกว่า ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของคนอ่ืนเท่าน้ัน ลืม ความตอ้ งการของตนเอง ไมช่ อบขดั ใจใคร ไมช่ อบเหน็ ความขดั แยง้ รสู้ กึ วา่ เรอื่ งของคนอน่ื สำ� คญั ตอ้ งชว่ ยเหลอื ต้องดแู ล ข้อดคี อื สงบนง่ิ เยอื กเยน็ โอบอ้อมอารี ข้อด้อยคอื ไมม่ ีจุดยืนเปน็ ของตวั เอง ข้เี กียจ หลบเลี่ยง ปญั หา กดความโกรธไว้ คนลักษณน์ ถี้ ้าพฒั นาไดจ้ ะเปน็ นกั เจรจาต่อรองหรอื นักประสานสมั พนั ธท์ ด่ี ี ลักษณ์ ๑ นักแสวงหาความถูกตอ้ ง (The Perfectionism) คนลักษณ์ ๑ ร้สู ึกว่าวธิ กี ารทถ่ี กู ตอ้ งมีเพยี งวิธกี ารเดียว ทกุ อย่างต้องทำ� ได้ ถา้ พัฒนา แล้วคนลักษณ์น้ีจะเป็นผู้มีหลักการ มีวิจารณญาณท่ีเฉียบแหลม ข้อดีคือ ชัดเจน ท�ำงานหนัก ข้อด้อย คอื วิพากษว์ ิจารณ์ ตัดสินทุกอย่างในมมุ มองของตวั เอง เข้มงวด ขุ่นเคืองอยู่เสมอเพราะทกุ สิง่ ไมไ่ ด้ดงั ใจ ๒. ศนู ย์ใจ มีใจเป็นที่รับรอู้ ารมณ์ มีสัมพันธก์ ับสง่ิ ต่างๆ ผ่านอารมณ์ ความรสู้ ึก คนกลุม่ นี้ จะไวตอ่ ความรสู้ กึ สังเกตและเอาใจใสผ่ อู้ ่นื พน้ื อารมณ์ของคนศนู ย์ใจคือ ความกังวล กับภาพลักษณ์ ลักษณ์ ๒ ผู้ให้ (The Giver) คนลักษณ์ ๒ ต้องการความรัก ดังน้ันเขาจึงให้ความรักก่อน อุทิศตนเพื่อตอบสนอง ความต้องการของคนอนื่ ตา่ งจากลกั ษณ์ ๙ คอื การชว่ ยเหลืออย่างมีเป้าหมายเพื่อใหไ้ ด้ความรกั กลบั มา จะรสู้ กึ นอ้ ยใจเมอื่ ไมไ่ ดร้ บั การตอบสนองกลบั คนื ดแู ลคนพเิ ศษ ถา้ พฒั นาแลว้ จะเปน็ ผใู้ จดี มเี มตตา ชว่ ยเหลอื ผูอ้ ่ืน สมั พนั ธ์กับผู้อื่นไดด้ ี ขอ้ ดอ้ ย คอื ชอบจดั การ ให้โดยไมด่ ูวา่ คนรบั ต้องการหรือเปล่า รสู้ ึกขุ่นเคือง เมอ่ื ไม่ไดร้ ับการปฏิเสธ ลกั ษณ์ ๓ นักแสวงหาความส�ำเร็จ (The Performer) คนลักษณ์ ๓ สร้างผลงาน สร้างความส�ำเร็จเพ่ือให้คนยอมรับ ชอบแข่งขัน ประกวด ชอบเป็นที่หนงึ่ ยดึ ตดิ กับความชนะ ภมู ิใจในความส�ำเร็จที่ทำ� ทำ� งานได้ทุกอยา่ ง กระตือรือร้น มองโลก ในแง่ดี มน่ั ใจในตวั เอง มเี ป้าหมายชดั เจน ถา้ พัฒนาได้จะเปน็ ผู้ปฏบิ ตั ิทีด่ ี เป็นผู้นำ� ทก่ี ระตอื รอื รน้ ข้อดอ้ ย คอื กลวั ความลม้ เหลว ยกยอตวั เอง ยึดติดกบั ภาพจอมปลอม ลกั ษณ์ ๔ นักแสวงหาความหมาย (Individualist) คนลกั ษณ์ ๔ รู้สกึ วา่ มอี ะไรหายไปอยูต่ ลอด อยากไดส้ ิ่งท่ตี นไมม่ ี อยากเป็นในสิ่งทต่ี น ไมไ่ ด้เป็น ไมพ่ อใจในสิ่งที่ตนมอี ยู่ ไม่เห็นความสำ� คญั ของการได้อะไรมาง่ายๆ หรอื ถ้าไดส้ ่ิงท่ตี ้องการแลว้ ก็จะไม่เห็นความส�ำคัญ อารมณ์ศิลปิน อ่อนไหวง่าย หมกมุ่นอยู่กับเร่ืองใดเรื่องหนึ่ง มีความด่ิงลึก ลงในอารมณ์มากที่สุด อบอุ่น เข้าใจผู้อ่ืน ถ้าพัฒนาแล้วจะเป็นคนท่ีมีความคิดสร้างสรรค์ ถ่ายทอด_Final.indd 17 โครงการศึกษานิเทศกร์ นุ่ ใหมเ่ พอ่ื ขบั เคลอ่ื นการปฏิรูปการเรียนรู้ : 17 5/17/2017 8:42:20 PM
ความออ่ นไหวทางอารมณ์ได้ดี ขอ้ ดอ้ ย คือ โศกเศรา้ ตลอดเวลา คิดทางลบ อิจฉา รู้สกึ ว่าตวั เองนา่ สงสารเป็นผูถ้ ูกกระทำ� ๓. ศนู ย์หวั กระท�ำสง่ิ ต่างๆ ผ่านพลงั การคิด สนใจขอ้ มลู ขา่ วสาร ชอบวเิ คราะห์ หาเหตหุ าผล ไมส่ นใจอารมณค์ วามรู้สึก พ้นื ฐานอารมณ์ คอื ความกลวั ลักษณ์ ๕ นกั แสวงหาข้อมลู (The Investigator) คนลกั ษณ์ ๕ ปกปอ้ งความเปน็ สว่ นตวั รกั ษาระยะหา่ งกบั ผอู้ น่ื เหนอื่ ยกบั การสรา้ งสมั พนั ธ์กับผู้อนื่ รูส้ ึกลำ� บากต่อการพดู ในทสี่ าธารณะ ชอบแสวงหาความรู้ เป็นปราชญ์ มีความรู้เยอะแต่ไมร่ จู้ ะเอาออกมาท�ำไม ถา้ พัฒนาแล้วจะเป็นนกั คดิ สามารถถ่ายทอดความรูไ้ ดใ้ จความ กระชับ ไดแ้ ก่นของความรู้ขอ้ ดอ้ ย คอื แยกตวั ดหู ยิ่งยโส ลักษณ์ ๖ นกั ปุจฉา (The Loyalist) คนลักษณ์ ๖ ในหัวเต็มไปด้วยค�ำถาม ชอบคิดมากกว่าท�ำ กลัวการลงมือกระท�ำเพราะเกรงว่าจะเกดิ อะไรขน้ึ รู้สึกกังวลจนตดั สนิ ใจไมไ่ ด้ ลงั เล ไม่แนใ่ จ ถา้ พฒั นาแลว้ จะซอื่ สัตย์ อบอนุ่รบั ผดิ ชอบ รอบคอบ ดูแลปกป้องคนอ่ืนได้ เป็นเพอ่ื นที่ดี รักองคก์ ร ไม่ค�ำนึงถึงประโยชน์สว่ นตัว ขอ้ ด้อยคอื ข้ีกลวั หวาดระแวง ไมก่ ล้า ไมใ่ ห้อภยั เม่อื ถูกทรยศความซอื่ สตั ย์ ไม่เด็ดขาด ลักษณ์ ๗ นักแสวงหาความร่นื รมย์ (The Enthusiast) คนลักษณ์ ๗ เป็นผู้รู้ส่ิงต่างๆ มากมาย แต่เปล่ียนใจเร็ว ต้องการความสุขในชีวิตหลกี เลย่ี ง การผกู มดั ตวั เองกบั อะไรบางอยา่ ง ไมช่ อบความซำ�้ ความจำ� เจ ไมช่ อบการถกู จำ� กดั ถา้ พฒั นาแล้วจะเป็นคนที่สังเคราะห์ส่ิงต่างๆ ได้ดี เป็นผู้รอบรู้วิทยาการหลายอย่าง กระตือรือร้น มองโลกในแง่ดีขี้เลน่ เฮฮา สนกุ สนาน สดใส ข้อด้อยคือ ไมค่ อ่ ยมีสมาธิ ท�ำสิ่งต่างๆ ไม่ส�ำเรจ็ ผลิดอก : รายงานการพัฒนาศกึ ษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหม่เพ่อื การขับเคลอื่ นการปฏิรปู การเรยี นรู้ : 18 5/17/2017 8:42:21 PM_Final.indd 18
การสะทอ้ นการเรยี นร้หู น่วยท่ี ๔ สนุ ทรียสาธก (Appreciate Inquiry: AI) สาระความรู้ทไี่ ด้รับ กจิ กรรมที่ ๑ Artistic Work: Painting Dialogue ผเู้ ข้าร่วมท�ำกิจกรรมสนุ ทรยี สนทนาผ่านการระบายสีน้ำ� โดยใช้เทคนิค wet on wet ให้ผเู้ ข้ารว่ ม แบง่ กลุ่มละ ๔ คน แตล่ ะคนไดร้ ับสีหนงึ่ สี ใหใ้ ช้สนี น้ั พดู คยุ สอ่ื สารกนั โดยตลอด โดยใหพ้ ดู คยุ กนั ทลี ะคน ไม่ตอ้ งเป็นระบบ ใชก้ ระบวนการฟงั อย่างลึกซง้ึ (deep listening) การจดั กลมุ่ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ คละศนู ย์ คละลกั ษณ์ เพอื่ จะดลู กั ษณะของคนทง้ั ศนู ยท์ อ้ ง ศนู ยห์ วั ศนู ยใ์ จ และแตล่ ะกลุม่ ตอ้ งมลี ักษณ์ไมซ่ �ำ้ กัน เริม่ ท�ำกจิ กรรมโดยการใช้ฟองนำ�้ ถกู ระดาษให้เปียก ทุกคนรว่ มลงมอื ปฏบิ ตั ิ ตอ่ จากนนั้ เร่ิมวาด ที่มุมกระดาษของตัวเราเองแล้วค่อยๆ ไปเจอผู้อ่ืนในวงสนทนา ค่อยๆ วาดเข้าไปในพ้ืนท่ีคนอ่ืน ใช้สี ไปเจอสขี องเพอ่ื น ทบั สขี องเพอื่ นหรอื ประสานสขี องเพอื่ น ไมใ่ หเ้ หลอื สขี าว กจิ กรรมนมี้ เี พลงเปดิ ประกอบ ให้ติดตามฟังค�ำแนะน�ำของกระบวนกรไปเร่ือยๆ และฟังเสียงท่ีเกิดข้ึนบนหน้ากระดาษ อาศัยการสังเกต ปรากฏการณท์ ีเ่ กิดข้ึน_Final.indd 19 ภาพที่ ๔ กิจกรรมสนุ ทรยี สนทนาดว้ ยวิธี Painting Dialogue โครงการศึกษานิเทศก์รนุ่ ใหม่เพ่ือขบั เคล่อื นการปฏริ ูปการเรยี นรู้ : 19 5/17/2017 8:42:21 PM
ใหผ้ ูเ้ ขา้ ร่วมติดตามความรู้สกึ ของสี ดูใหส้ ีพูดคยุ เจอกัน พาสีไปพน้ื ทตี่ ่างๆ พาสอี อกไปจากพนื้ ท่ีสว่ นตัวของเรา การใช้เส้นตรงเสน้ โคง้ ท�ำให้เกดิ ความรู้สึกแตกตา่ งกันอยา่ งไร ช่วยทำ� ใหพ้ ื้นทที่ ี่เป็นสีขาวเปลี่ยนเป็นสีสัน ไม่ต้องกังวลกับรูปภาพหรือรูปร่างที่ปรากฏออกมา จากน้ันเดินไปรอบๆ มองดูภาพจากมุมนอก แลว้ กลับเขา้ ไปท�ำใหม่ สังเกตอารมณค์ วามรสู้ ึกของเราว่าคุยเร่อื งเดยี วกันอย่หู รอื ไม่ ท�ำงานกับความรู้สึก ไม่ท�ำงานกับความคิด ใช้จินตนาการ จากความรู้สึกบนหน้ากระดาษ ดูว่าสีสันเป็นform อะไร และเติม form น้ัน ให้ชัดเจนยิ่งข้ึน ติดตามความรู้สึกในทุกขณะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ สงั เกตอยู่กบั วงสนทนาว่าเกิดอะไรขึน้ บ้าง มกี ารเปล่ียนแปลงทางอารมณห์ รอื ไม่ ขั้นตอนสุดทา้ ยให้ขมวดบทสนทนา โดยทุกคนใช้ได้ทุกสีแต่สรุปได้คร้ังเดียว กติกาคือ deep listening สรุปทีละคนมองผลงาน แล้วไปมองในมุมทเี่ รามอง ผลิดอก : รายงานการพัฒนาศกึ ษานเิ ทศก์ร่นุ ใหม่เพอื่ การขับเคล่อื นการปฏิรปู การเรียนรู้ : 20 5/17/2017 8:42:21 PM_Final.indd 20
ประโยชน์ทไี่ ดร้ ับจากการรว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ การสะทอ้ นความรู้สกึ ของผเู้ ข้ารบั การพฒั นา ความคิดเห็นที่ ๑ ขอพูดความรู้สึกท่ีดีๆ ที่ผู้ท่ีมีความยอดเย่ียมที่ได้มาพบกันที่นี่ ซ่ึงผ่าน การกลนั่ กรองมารว่ มการตอ่ ยอดในครง้ั นี้ กจิ กรรมนไี้ ดร้ บั ความรว่ มมอื เปน็ อยา่ งดจี ากวทิ ยากร และผเู้ ขา้ รว่ ม การอบรม ซ่ึงท�ำให้ท้ังสิ่งน้ีน�ำไปใช้ในการพัฒนาศึกษานิเทศก์โดยเร่ิมจากการพัฒนาตนเอง เรียนรู้ที่จะ รับฟังอย่างไรจะได้รับรู้อารมณ์ความรู้สึกของเขาซ่ึงเมื่อเราเข้าใจตนเองก็จะเข้าใจคนรอบข้างซึ่งสามารถ นำ� ไปใชใ้ นการทำ� งานได้ งานตา่ งๆ ทจ่ี ะเจอในวนั ขา้ งหนา้ เมอ่ื รตู้ นเอง รคู้ นอน่ื กจ็ ะไปสเู่ ปา้ หมายได้ กจิ กรรม สดุ ทา้ ยเปน็ การนำ� ไปใช้ เปน็ สงิ่ ทเี่ หมอื นเปน็ ไกด์ มาทำ� ใหใ้ ชไ้ ดโ้ ดยอาจจะเลอื ก คดั เลอื กกจิ กรรมทว่ี ทิ ยากร อบรมไปใช้ ความคิดเห็นที่ ๒ หนา้ ทศี่ กึ ษานเิ ทศกท์ า้ ทาย โดยสว่ นตวั ไมใ่ ชค่ วามบงั เอญิ จากประเดน็ การเรยี นรใู้ นแนวจติ ปญั ญา ศึกษาซ่ึงได้อยู่ในแวดวงนี้มาพักหน่ึง ซึ่งสอดคล้องกับการใช้ transformative ตอนนี้คิดถึงกระบวนการ หรอื key man วา่ เมอื่ กลบั ไปแลว้ ผบู้ รหิ าร ครู และบคุ ลากรอน่ื ๆ จะเขา้ ใจกระบวนการนห้ี รอื ไม่ และกย็ งั คดิ ไปถึงการอบรมท่ี ม.บรู พาท่ีกำ� ลังจะเกดิ ข้ึน ความคิดเห็นที่ ๓ สรปุ ว่าวันน้เี ป็นวนั สุดท้ายของการอบรม กจิ กรรมทีไ่ ดร้ บั ในสามวนั ท�ำใหร้ ูส้ ึกถึงความเปน็ ตวั เอง มากขึ้นว่าใช้ความคดิ ในการดำ� รงชีวติ มาก และเมอื่ ศกึ ษากใ็ หเ้ ขา้ ใจเพอื่ น และคนอนื่ ๆ ลกั ษณ์ ๗ ลกั ษณ์ ๓ แต่เม่ือรู้ลักษณ์ของคนอื่นก็ท�ำให้ไม่รู้สึกอึดอัด อยู่ร่วมกันได้และกิจกรรมของรักของหวงท�ำให้ปล่อยวาง และเมอื่ ไดร้ บั ของจากเพอ่ื น พบวา่ การมองคนแคใ่ บหนา้ ไมไ่ ด้ ต้องดสู ่ิงต่างๆ ประกอบ รสู้ กึ ว่ามคี วามสขุ มาก ภาพท่ี ๕ ผเู้ ขา้ รว่ มการพฒั นาสะท้อนการเรียนรู้_Final.indd 21 โครงการศึกษานเิ ทศกร์ ุ่นใหม่เพอ่ื ขับเคลอ่ื นการปฏริ ูปการเรียนรู้ : 21 5/17/2017 8:42:22 PM
การน�ำความรูไ้ ปสู่การปฏบิ ตั ิ การสะทอ้ นความรู้สกึ ของผู้เขา้ รบั การพฒั นา ผู้เข้ารว่ มการอบรมได้เรียนร้เู กี่ยวกับการนำ� จิตตปัญญาศกึ ษาท่ีได้รับจากการอบรมในครง้ั น้ี และ สะทอ้ นความรสู้ กึ และการเรยี นรทู้ เี่ กดิ ขน้ึ จากภายในตนเองไปสกู่ ารดำ� รงชวี ติ ในสงั คม และการทำ� งานเปน็ ดา้ นตา่ งๆ ประกอบดว้ ย สงิ่ ทไ่ี ดเ้ รยี นรู้ การนำ� ไปใชพ้ ฒั นาตนเอง การเขา้ ใจผอู้ น่ื และการนำ� ไปใชพ้ ฒั นางาน โดยมรี ายละเอียดดังนี้ ๑. ความรู้สึกท่เี กดิ ข้นึ จากการอบรม ผเู้ ขา้ รว่ มสะทอ้ นความรสู้ กึ สบาย ผอ่ นคลาย มคี วามปตี ิ พรอ้ มเปดิ รบั กจิ กรรมตา่ งๆ รสู้ กึ ชอบ ความสขุ กบั การได้ฝึกจรงิ ใหร้ สู้ ึกถงึ ความเปน็ ตวั เอง รู้สึกว่ามีความสขุ มาก รสู้ ึกเข้มแข็งขนึ้ ท�ำให้ชวี ิต ประจำ� วันมคี ณุ ค่า โชคดที ี่ไดร้ บั โอกาสทด่ี กี ว่าคนอ่นื ถ้าไมไ่ ดม้ าจะเสยี ดายมาก ๒. สิง่ ท่ไี ด้เรยี นรู้ ผเู้ ขา้ รว่ มไดร้ บั รคู้ วามคดิ ประสบการณ์ ผา่ นการใชก้ ารฟงั อยา่ งลกึ ซง้ึ และไมต่ ดั สนิ ซง่ึ ทำ� ให้ พบวา่ การเรยี นรจู้ ะเกดิ ขน้ึ ไดด้ ตี อ้ งปราศจากอคติ และฟงั อยา่ งตงั้ ใจ สง่ิ หนง่ึ คอื การเรยี นรใู้ นแนวจติ ตปญั ญา สอดคล้องกับการเรียนรู้เพื่อการเปล่ียนแปลง (transformative Learning) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างย่ิง ต่องานในหน้าท่ีศึกษานเิ ทศก์ นอกจากน้ียังได้เรียนรู้ว่าชีวิตมนุษย์มีอะไรอีกมาก ทุกคนมิได้สมบูรณ์ ท�ำให้ได้มุมมอง ไดเ้ รยี นรู้ เรียนรูจ้ ากภายในเรารเู้ องผอ่ นคลาย ใหร้ ู้สกึ ว่าชีวิตวุ่นวาย แตจ่ รงิ ๆ แลว้ ชวี ติ ไม่วุ่นวาย เพยี งแต่ เราต้องเลือกทจี่ ะพนิ จิ พิจารณาลงไปในแต่ละเรอ่ื งแต่ละประเด็นในการดำ� รงชีวิต ๓. การนำ� ไปใชพ้ ฒั นาตนเอง ผู้เข้าร่วมได้สะท้อนแนวทางในการปรับตัวโดยใช้หลักท่ีได้เรียนรู้ตามแนวจิตตปัญญาศึกษา เพื่อท�ำความเข้าใจความคิดจติ ใจเรา ทำ� ให้เราตรวจสอบตนเอง ทสี่ ำ� คัญคือผเู้ ข้ารว่ มพบว่า การจะพัฒนา คนอนื่ ได้ ต้องเริม่ จากการพฒั นาตนเอง และการพัฒนาตนเปน็ พ้นื ฐานของการพฒั นางาน ๔. การเขา้ ใจผู้อ่ืน ผู้เข้าร่วมสะท้อนการเข้าใจผู้อื่นในลักษณะท่ีเข้าใจในความเป็นตัวตนของกันและกัน ตัดสิน คนอน่ื น้อยลง ไดเ้ รียนรู้ความแตกตา่ ง ความหลากหลาย ๕. การน�ำไปใชพ้ ัฒนางาน ผู้เข้าร่วมแสดงทัศนะท่ีมีความต้องการน�ำกิจกรรมจิตตปัญญาที่รับการอบรมนี้ ไปใช้ในการ พฒั นางาน ท้งั น้ียงั แสดงความสนใจท่จี ะศึกษาเพิม่ เตมิ โดยสะทอ้ นออกมาในลกั ษณะวา่ หากจะน�ำศาสตร์ น้ไี ปใช้ต่อกต็ อ้ งท�ำความรูจ้ ักส่งิ นใ้ี ห้ลกึ ซง้ึ หรืออาศยั กระบวนกรที่ท�ำการอบรมในครง้ั นี้ไปเปน็ วทิ ยากร นอกจากน้ีผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นถึงการนำ� ไปใช้ในการพัฒนาศึกษานิเทศก์ น�ำไปใช้ ในการท�ำงานได้ ด้านงานต่างๆ ในโอกาสข้างหน้า อาจคัดเลือกกิจกรรมท่ีวิทยากรอบรมไปใช้ และ นำ� ประเดน็ เกย่ี วกบั จติ ตปญั ญาศึกษาไปขยายผลเพ่ือปรบั ใช้ในองค์กรท่ีตนเองสงั กดั ต่อไป ผลิดอก : รายงานการพฒั นาศกึ ษานิเทศกร์ ุน่ ใหม่เพอ่ื การขับเคล่อื นการปฏริ ูปการเรยี นรู้ : 22_Final.indd 22 5/17/2017 8:42:22 PM
กระบวนการเรียนรู้ท่ี ๒ “ภาวะผนู้ ำ� ทางการศกึ ษา” ระหวา่ งวันที่ ๒๑-๒๔ มกราคม ๒๕๕๙ ณ โรงแรมบางแสนเอสทู อำ� เมือง จังหวดั ชลบรุ ี_Final.indd 23 5/17/2017 8:42:23 PM
กำ� หนดการ กระบวนการเรียนรทู้ ่ี ๒ ภาวะผ้นู ำ� ทางการศึกษา ระหว่างวนั ท่ี ๒๑-๒๔ มกราคม ๒๕๕๙ ณ โรงแรมบางแสนเอสทู อ�ำเภอเมือง จังหวัดชลบรุ ีเวลา กิจกรรมวนั พฤหัสที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๙๑๖.๐๐ น. ลงทะเบยี น๑๖.๓๐ น. ปฐมนเิ ทศโมดูลท่ี ๒ ภาวะผนู้ �ำทางการศึกษาและกจิ กรรม (BAR) กอ่ นการอบรม โดย ผศ.ดร.สฎายุ ธรี ะวณชิ ตระกลู และคณะ๑๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเยน็๑๙.๐๐ น. ประชมุ กลุ่มยอ่ ยเพ่อื พิจารณาหวั ขอ้ Mini Project๒๐.๐๐ น. พักผ่อนตามอธั ยาศัยวันศกุ ร์ที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๙๐๘.๓๐ น. พธิ เี ปดิ การอบรมโมดลู ท่ี ๒ และการบรรยายพเิ ศษ โดย ดร.สเุ ทพ ชติ วงษ์ รองเลขาธกิ าร สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน๑๐.๐๐ น. บรรยายความสำ� คญั และความจำ� เปน็ ของภาวะผนู้ ำ� ทางการศกึ ษาสำ� หรบั ศกึ ษานเิ ทศก์ รนุ่ ใหม่ โดย ดร.สมทุ ร ชำ� นาญ ประธานหลกั สตู รการศกึ ษามหาบณั ฑติ สาขาวชิ าการ บรหิ ารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั บรู พา๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน๑๓.๐๐ น. กรณศี กึ ษาประสบการณด์ า้ นการพฒั นาภาวะผนู้ ำ� การเปลย่ี นแปลงสำ� หรบั ศกึ ษานเิ ทศก์ (Dialogue) โดย ดร.ชยั พจน์ รกั งาม (อดตี หวั หนา้ หนว่ ยศกึ ษานเิ ทศกเ์ ขต ๕) ผทู้ รง คณุ วฒุ ปิ ระจำ� สาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา ม.บรู พา๑๕.๐๐ น. การถอดบทเรียนปัจจัยท่ีมีผลต่อการเกิดภาวะผู้นำ� การเปล่ียนแปลงจากครูต้นแบบ (จำ� นวน ๕-๗ คน) ทที่ ำ� งาน ณ โรงเรยี นในพนื้ ทท่ี รุ ะกนั ดารเขตภาคเหนอื ตอนบน นำ� เสนอผลการสงั เคราะหโ์ ดย อ.ปยิ ะพร วงศอ์ ดุ ม (ผวู้ จิ ยั หลกั ทไี่ ดไ้ ปลงพน้ื ทมี่ า)๑๗.๐๐ น. พักผอ่ นตามอัธยาศยั ผลดิ อก : รายงานการพัฒนาศกึ ษานิเทศกร์ นุ่ ใหม่เพือ่ การขับเคลื่อนการปฏิรูปการเรียนรู้ : 24 5/17/2017 8:42:24 PM_Final.indd 24
๑๘.๐๐ น. รับประทานอาหารเยน็ ๑๙.๐๐ น. กรณศี กึ ษาเรอ่ื งภาวะผนู้ ำ� และความกลา้ ทางจรยิ ธรรมจากตน้ แบบระดบั โลก โดยการชม วดี ทิ ศั นภ์ าพยนตรอ์ องซานซจู ี โดยคณะทำ� งาน ๒๑.๐๐ น. กิจกรรม AAR จากการเรยี นร้ใู นวันท่ี ๒ โดยคณะทำ� งาน วันเสาร์ที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๙ ๐๘.๓๐ น. กจิ กรรม BAR โดยสมาชกิ ผู้เข้ารบั การพฒั นา ๐๙.๐๐ น. ยุทธศาสตรก์ ารพัฒนาภาวะผู้น�ำการเปลี่ยนแปลงทางการศกึ ษาสำ� หรับ ศน.ร่นุ ใหม่ โดย รศ.ดร.จณิ ณวตั ร ปะโคทงั , ประธานหลกั สตู รครศุ าสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าการ บริหารการศึกษา มรภ.อุบลราชธานี (ผูเ้ ช่ยี วชาญด้านยทุ ธศาสตร์/การวางแผน) ๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน ๑๓.๐๐ น. กระบวนการเชงิ รกุ ของการพฒั นาภาวะผนู้ ำ� การเปลยี่ นแปลงทางการศกึ ษาในการทำ� หน้าทน่ี ิเทศ โดย ผศ.ดร.สรุ ยี ์มาศ สขุ กส,ิ รองคณบดฝี ่ายวชิ าการ มรภ.รำ� ไพพรรณี (อดีต ศน.ช�ำนาญการพเิ ศษ และผ้สู อนรายวิชานิเทศการศกึ ษาระดบั บณั ฑิตศกึ ษา) ๑๖.๐๐ น. กิจกรรม AAR จากการเรยี นรู้ โดยคณะท�ำงาน ๑๘.๐๐ น. รบั ประทานอาหารเย็น ๑๙.๐๐ น. Workshop งานกลุ่มท่ีไดร้ บั มอบหมายจากวทิ ยากรกระบวนการ วันอาทติ ยท์ ี่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๙ ๐๘.๓๐ น. กิจกรรม BAR โดยสมาชกิ ผเู้ ขา้ รับการพฒั นา ๐๙.๐๐ น. การน�ำเสนอแผนการพัฒนาภาวะผู้น�ำการเปลี่ยนแปลงในตนเองของกลุ่มผู้เข้ารับ การ พัฒนา วพิ ากษโ์ ดย รศ.ดร.จณิ ณวัตร ปะโคทัง และ ผศ.ดร.สุรียม์ าศ สุขกสิ ๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน ๑๓.๐๐ น. การน�ำเสนอกระบวนการเชิงรุกของการพัฒนาภาวะผู้น�ำการเปลี่ยนแปลงในการท�ำ หน้าทน่ี ิเทศของกล่มุ ผู้เขา้ รบั การพฒั นา วพิ ากษโ์ ดย รศ.ดร.จณิ ณวัตร ปะโคทงั และ ผศ.ดร.สุรยี ์มาศ สุขกสิ ๑๖.๐๐ น. กจิ กรรม AAR (After action review) จากการเรยี นรทู้ ้งั หมด โดยคณะทำ� งาน ๑๗.๐๐ น. พธิ ีปดิ / นดั หมายการประชุมกระบวนการตอ่ ไป_Final.indd 25 โครงการศึกษานิเทศกร์ ุน่ ใหมเ่ พอื่ ขับเคลอื่ นการปฏริ ูปการเรียนรู้ : 25 5/17/2017 8:42:24 PM
กระบวนกร ดร.สเุ ทพ ชติ ยวงษ์ ดร.สมทุ ร ช�ำนาญ รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน ประธานหลกั สูตรการศกึ ษามหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการบริหารการศึกษา มหาวทิ ยาลัยบูรพา ดร.ชัยพจน์ รกั งาม รศ.ดร.จิณณวัตร ปะโคทัง ผูท้ รงคณุ วฒุ ิสาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา ประธานหลักสูตรครศุ าสตรมหาบณั ฑิต คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา มรภ.อุบลราชธานี ผศ.ดร.สุรยี ม์ าศ สุขกสิ ผศ.ดร.สฎายุ ธรี ะวณิชตระกูล รองคณบดีฝ่ายวชิ าการ รองคณบดีฝา่ ยฝ่ายพฒั นานิสิต มหาวิทยาลยั ราชภฏั ร�ำไพพรรณี คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บรู พา ผลิดอก : รายงานการพัฒนาศกึ ษานิเทศก์รุ่นใหม่เพอื่ การขบั เคลอ่ื นการปฏิรูปการเรยี นรู้ : 26_Final.indd 26 5/17/2017 8:42:25 PM
การสะท้อนการเรียนรหู้ น่วยท่ี ๑ พธิ เี ปดิ การอบรมโมดูลที่ ๒ และการบรรยายพเิ ศษ ดร.สุเทพ ชติ ยวงษ์ รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน สาระความร้ทู ่ีได้รับ สาระความรทู้ ี่ได้รบั จากการบรรยายพเิ ศษ โดย ดร.สเุ ทพ ชติ วงษ์ รองเลขาธิการ กพฐ. เกีย่ วกบั ภารกจิ การศกึ ษากับศกึ ษานเิ ทศกร์ ุ่นใหม่ โดยท่านได้ให้หลักในการทำ� งานของศึกษานเิ ทศก์ คอื ใหม้ อง ท่ีเป้าหมายการจัดการศึกษา คือ คุณภาพการศึกษาเป็นส�ำคัญ ซ่ึงบทบาทของศึกษานิเทศก์จะต้อง มีกระบวนการ ๓ ดา้ น คือ การบริหาร การจัดการศึกษา และการนเิ ทศการจดั การศึกษา โดยวิสัยทศั น์ ของการจดั การศกึ ษาในอนาคต คอื มงุ่ จดั การศกึ ษาใหผ้ เู้ รยี นเปน็ นกั วเิ คราะห์ มองปญั หาในเชงิ สรา้ งสรรค์ โดยศึกษานิเทศก์ จะตอ้ งศกึ ษาภารกิจ และเป้าหมายของศกึ ษานิเทศก์ ซ่ึงตอ้ งมที ักษะส�ำคัญ ๓ ประการ คือ Human skill, Technical skill และ Conceptual skill นอกจากน้ี ภารกิจส�ำคัญประการหน่ึง ของศกึ ษานเิ ทศก์ คอื การนเิ ทศการศกึ ษาเพอ่ื ปรบั ปรงุ การเรยี นการสอนใหไ้ ดม้ าตรฐานการศกึ ษา การคน้ ควา้ ทางวิชาการและวิเคราะห์วิจัย ติดตามตรวจสอบ และประเมินผลเพ่ือพัฒนาการจัดการเรียนการสอน ให้มีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน ซ่ึงภารกิจต่างๆ เหล่านี้ ต้องมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เกิด ความพึงพอใจต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องท้ังหมด ในการบรรยายครั้งน้ีท่านได้ฝากหลักการปฏิบัติงานนิเทศ การจัดการศกึ ษาใหก้ ับศกึ ษานเิ ทศก์ คอื การนเิ ทศการจัดการศึกษาทกุ ครงั้ ใหย้ ึดหลกั สปั ปุรสิ ธรรม ๗ คือ ร้จู ักเหตุ รู้จักผล รจู้ กั ตน รู้จักประมาณ รจู้ กั กาล รจู้ ักชมุ ชน และรู้จักบุคคลดว้ ย การสะท้อนความรสู้ กึ ของผเู้ ข้ารบั การพฒั นา คนที่ ๑ จากการรบั ฟงั การบรรยายของท่านรองเลขา กพฐ. ชว่ ยใหข้ า้ พเจา้ ได้ตระหนักในหน้าที่ ศึกษานิเทศก์ว่าจะต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีภาวะผู้น�ำทางวิชาการ และการประพฤติตน เป็นแบบอย่างท่ดี มี ีคณุ ธรรม จริยธรรม ทเี่ หมาะสม ประพฤตติ นให้อยใู่ นมาตรฐานวิชาชีพศึกษานิเทศก์ คนที่ ๒ ต่ืนเต้นท่ีได้มีโอกาสพบกับผู้บริหารระดับสูงของส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขัน้ พน้ื ฐาน และทา่ นยังให้ก�ำลังใจคณะศกึ ษานิเทศก์ ร่นุ ใหม่ทุกคนด้วนการสัญญาว่าจะอนุมัตงิ บประมาณ ใหเ้ ราไดด้ ำ� เนนิ การในโครงการทไี่ ดน้ ำ� เสนอ ใหเ้ กดิ เปน็ มรรคเปน็ ผล นบั เปน็ ความภาคภมู ใิ จ และเปน็ ขวญั ก�ำลงั ใจในการทำ� งานทด่ี ยี อดเยีย่ มท่สี ดุ คนที่ ๓ ข้าพเจ้ามองว่าท่านเป็นบุคคลท่ีเป็นต้นแบบของภาวะผู้น�ำที่ให้แนวทางการเป็นผู้น�ำ การเปลี่ยนแปลงของศึกษานิเทศก์ ตามภารกจิ คือปฏิบตั วิ ชิ าการ นิเทศ ปรบั ปรุงการเรยี นการสอนใหไ้ ด้ มาตรฐาน ค้นคว้า วเิ คราะห์ วจิ ยั ตดิ ตาม ตรวจสอบ ประเมนิ ผล ประเมินตามเปา้ หมายเพอ่ื พฒั นาการ จัดการเรียนการสอนและหน้าท่ีอ่ืนท่ีได้รับมอบหมาย โดยต้องยึดหลักคุณภาพ ความพึงพอใจของผู้ท่ี เกี่ยวขอ้ ง_Final.indd 27 5/17/2017 8:42:25 PM
การสะทอ้ นการเรยี นรู้หน่วยท่ี ๒ ความส�ำคญั และความจำ� เปน็ ของภาวะผนู้ ำ� ทางการศกึ ษา ส�ำหรับศกึ ษานิเทศกร์ ุ่นใหม่ ดร.สมทุ ร ช�ำนาญ ประธานหลักสูตรการศึกษามหาบณั ฑติ สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบูรพา สาระความรทู้ ่ไี ดร้ บั สาระความรทู้ ่ไี ดร้ ับจากการบรรยายพเิ ศษ โดย ดร.สมทุ ร ชำ� นาญ คือ โรงเรียนคณุ ภาพจะตอ้ ง มีองค์ประกอบท่ีส�ำคัญ ดังน้ี ผู้น�ำจะต้องเข้มแข็ง มีเป้าหมายที่ชัดเจน มีบรรยากาศทางวิชาการท่ีดี มีการสื่อสารที่ดีระหว่างสมาชิก มีการใช้ทรัพยากรทางการศึกษาร่วมกัน และมีภาพสะท้อนผลส�ำเร็จ ที่เป็นรูปธรรมซ่ึงได้จากการที่บุคลากรได้เรียนรู้แนวคิดที่เป็นผลของการปฏิบัติงาน โดยการท�ำงาน ท่ีเนน้ เปา้ หมายเชงิ คณุ ธรรม จริยธรรมและการกระทำ� เหน็ คุณคา่ ของความเปน็ มนุษยอ์ ย่างแทจ้ รงิ ความส�ำคัญและความจำ� เปน็ ของภาวะผนู้ �ำทางการศกึ ษาสำ� หรับศึกษานิเทศก์ รุน่ ใหม่ เกีย่ วกับ ความแตกต่างระหว่างศาสตร์ และศิลป์ ความแตกต่างของ “ศาสตร์” ศาสตร์เป็นวิชาการท่ีมีกฎเกณฑ์ และหลักการท่ีสามารถน�ำไปพิสูจน์ได้ สามารถน�ำมาจัดเป็นกฎเกณฑ์เป็นระบบได้ ความรู้ ความจริง สามารถน�ำมาถ่ายทอดได้ในลักษณะของการ สอนให้รู้ ส่วน “ศิลป์” จะต้องน�ำศาสตร์มาสู่การปฏิบัติ มพี นื้ ฐานจากความรทู้ างวชิ าการ ใชท้ กั ษะสว่ นบคุ คล เปน็ การถา่ ยทอดในลกั ษณะ สอนใหท้ ำ� และองคค์ วามรู้ เชิงเทคนิคในการถ่ายทอดซึ่งท�ำให้ยากกว่าศาสตร์ ท่านได้ชี้ให้เห็นประเด็นขององค์ประกอบที่ส�ำคัญ ในการเป็นโรงเรียนคุณภาพและเน้นย้�ำถึงบทบาทของภาวะผู้น�ำ และภาวะผู้น�ำทางวิชาการ ซ่ึงมี ความจ�ำเป็นต่อการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน และสร้างโอกาสการเรียนรู้แก่ผู้เรียน หลังจากนั้น ได้นำ� เสนอแนวคดิ ของผู้บรหิ ารซีพีท่ีประสบความส�ำเรจ็ คือ คุณธนินท์ เจยี รวนนท์ ซ่ึงมีหลกั การบรหิ าร โดยมองการล่วงหน้าและท�ำในส่ิงท่ีก�ำลังจะเกิดขึ้นล่วงหน้า และให้ความส�ำคัญในเร่ืองทรัพยากรบุคคล ทตี่ อ้ งมคี วามกตัญญูรูค้ ณุ คน และใชห้ ลกั ธรรมทางศาสนา คือ ใหก้ อ่ นได้ โดยจะต้องมคี วามจรงิ ใจทจี่ ะให้ รูปแบบของภาวะผู้น�ำ ของ Greenleaf ท่ีใช้ช่ือว่า Servant Leadership (ภาวะผู้น�ำ แบบผู้รับใช้) ซึ่งมีคุณลักษณะ ๑๐ ประการ ดังน้ี ๑) เป็นผู้ฟังท่ีดี ๒) ยอมรับและเข้าใจบุคคลอื่น ๓) บ�ำรุงรกั ษาบคุ ลากร ๔) มีความตระหนักรู้ ๕) มคี วามสามารถในการโน้มน้าวใจ ๖) มีความสามารถ สรา้ งมโนทศั นใ์ นองคก์ ร ๗) มองการณไ์ กล ๘) มจี ติ บรกิ าร ๙) มงุ่ มนั่ พฒั นาบคุ ลากร และ ๑๐) สรา้ งสรรค์ ชมุ ชน โดยภาวะผูน้ ำ� แบบผรู้ บั ใชม้ คี ำ� ขวัญวา่ “Leaders are not Bosses, but leaders are Servants” แนวทางทส่ี ่งผลต่ออทิ ธิพลการด�ำรงชวี ิต มีแนวคิดท่วี ่า “Listening = Something can said & not said” โดยสงิ่ ทก่ี ระทำ� จะสอดคล้องตามผลท่เี กิดขึน้ ดังน้ี สง่ิ ที่กระท�ำ ส่งิ ท่สี ง่ ผลใหเ้ กดิ - วุฒิ / ต�ำแหน่ง = อทิ ธพิ ลการดำ� รงชวี ติ - นิเทศมงุ่ ผลสัมฤทธ ิ์ = ตามส่งิ ทถ่ี า่ ยทอด หรอื สิ่งที่อยากให้รู้ ผลดิ อก : รายงานการพฒั นาศึกษานเิ ทศกร์ ุ่นใหมเ่ พอื่ การขับเคล่ือนการปฏิรูปการเรยี นรู้ : 28_Final.indd 28 5/17/2017 8:42:26 PM
- เป้าหมายไมช่ ัด = ล้มเหลว / เท่าทุน - ความร้ไู มต่ กผลึก = ลม้ เหลว / เทา่ ทนุ / ขาดทนุ ดา้ นเวลา โอกาสและชวี ติ - ผู้น�ำชำ� นาญงาน = มผี ตู้ าม / สรา้ งคนเกง่ ได้ / ความสำ� เรจ็ - สรา้ งสรรคช์ มุ ชน = การสอดประสานในองคก์ ร - พัฒนาบคุ ลากร = มุ่งหวงั ชมุ ชนเพอื่ พฒั นาองค์กร - Acceptance (ยอมรับ) = กัลยาณมติ ร = การใชช้ วี ติ แบบละเอยี ด & Empathy (เขา้ ใจ) = ความสอดรบั กบั เปา้ หมายองค์กร - Awareness (ตระหนกั ร)ู้ = คิดกา้ วหน้า / พฒั นาตน - Conceptualizing = เสนห่ ์ = เกิดการยอมรับ (มโนทศั นอ์ งค์กร) = มุ่งผลส่วนรวมเป็นเปา้ หมาย - Foresight (มองไกล) - Healing (รกั ษา) - Persuasion (โน้มนา้ วใจ) - Stewardship (จติ บริการ) สรปุ ไดว้ า่ การใชภ้ าวะผนู้ ำ� รว่ มกบั การออกนเิ ทศการศกึ ษา จะชว่ ยครดู งั น้ี ๑) ทำ� ใหค้ รมู คี วามเชอ่ื มนั่ ในตนเองมากขนึ้ ๒) สนับสนนุ ให้ครูสามารถประเมินผลงานดว้ ยตนเองได้ ๓) เกดิ การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ระหวา่ งกนั ๔) กระตนุ้ ใหค้ รทู ำ� งานโดยการวางแผนลว่ งหนา้ ๕) การนเิ ทศเปน็ กระบวนการทา้ ทายศกั ยภาพ ของครู การสะทอ้ นความรสู้ ึกของผูเ้ ข้ารบั การพฒั นา คนที่ ๑ ความรทู้ ไ่ี ดร้ บั ถอื วา่ มคี ณุ คา่ มาก เพราะทำ� ใหท้ ราบถงึ การเปน็ ผนู้ ำ� ทางการศกึ ษาในฐานะ ศกึ ษานเิ ทศกย์ คุ ใหม่นั่น จะตอ้ งเปน็ คนท่มี คี วามรู้ความสามารถ มีสภาวะผู้นำ� ทางวิชาการ และมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คนท่ี ๒ ไดเ้ รยี นรถู้ งึ แนวคดิ ทม่ี ผี ลตอ่ การปฏบิ ตั งิ าน โดยการทำ� งานทเี่ นน้ เปา้ หมายเชงิ คณุ ธรรม จริยธรรมและการกระท�ำ เหน็ คุณค่าของความเปน็ มนุษยอ์ ย่างแท้จริง คนท่ี ๓ ได้เรียนรู้ว่าผู้น�ำจะมีบทบาทและอิทธิพลในการท�ำให้หน่วยงานบรรลุเป้าหมายมากกว่า คนอ่ืน สงิ่ ที่ส�ำคัญที่สุดคอื การพฒั นาบคุ คล ในการเปน็ ผู้นำ� ควรตระหนกั ไว้เสมอวา่ “ทุกปญั หามีทางแก”้ กลยทุ ธ์สู่ความสำ� เรจ็ ของผูน้ �ำทางวิชาการ “ผู้น�ำไมใ่ ช่เจ้านาย แต่ผูน้ ำ� คอื ผรู้ ับใช้” (Leaders are not Bosses, but leaders are Servants)_Final.indd 29 โครงการศกึ ษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหม่เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรปู การเรียนรู้ : 29 5/17/2017 8:42:26 PM
การสะท้อนการเรยี นร้หู น่วยที่ ๓ กรณีศึกษาประสบการณ์ดา้ นการพฒั นาภาวะผนู้ ำ� การเปล่ียนแปลงสำ� หรับศกึ ษานิเทศ ดร.ชัยพจน์ รักงาม ผ้ทู รงคุณวุฒปิ ระจำ� สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบูรพา สาระความรทู้ ไ่ี ดร้ ับ สาระความรทู้ ี่ได้รับจากการบรรยายพเิ ศษ โดย ดร.ชัยพจน์ รักงาม คอื ผู้น�ำทางวิชาการจะตอ้ ง มคี วามสามารถในการเปน็ ผนู้ ำ� ในดา้ นการจดั การเรยี นการสอน การพฒั นาหลกั สตู รการประเมนิ การนเิ ทศ การศึกษา และการสนับสนุนด้านนวัตกรรมการเรียนรู้ ส่ิงที่ส�ำคัญของการท�ำงานคือ การบริหารเวลา การจดั สรรเวลา รวมทง้ั ต้องสรา้ งความศรัทธาและความสามารถ ใหเ้ ป็นผู้ใฝเ่ รียนรูท้ ันกบั การเปลยี่ นแปลง ของโลกปจั จุบันโดยใช้ส่ือ ICT ประเด็นสำ� คัญในการบรรยาย คือ ความเป็นผ้นู ำ� ทางด้านวชิ าการ ผูบ้ ริหารท่ีมีภาวะของการเป็น ผู้น�ำจะต้องยึดหลักการบริหารเวลาส�ำหรับการท�ำงานเป็นทีม และปัจจัยที่ส่งเสริมการเป็นผู้น�ำ มีดังนี้ การจดั ลำ� ดับของความส�ำคัญของงาน การจัดสรรเวลา ความส�ำคญั และเทคนคิ การบริหารเวลา โดยที่ผนู้ ำ� ต้องค�ำนึงถึงเปา้ หมายทีใ่ ช้ร่วมกนั ขององคก์ ร การเป็นผู้น�ำทางด้านวิชาการในการจัดการเรียนการสอน การพัฒนาหลักสูตร การประเมินผล การนเิ ทศการจดั การศกึ ษา และการสนบั สนนุ นวตั กรรมการเรยี นรู้ รว่ มถงึ การบรหิ ารเวลา การบรหิ ารเวลา จัดเป็นทรัพยากรท่ีมีจ�ำกัด ใช้แล้วหมดไป เวลาไม่สามารถซ้ือเพ่ิมได้ ไม่ว่ารวยหรือจน เวลาไม่สามารถ เกบ็ เอาไวใ้ ชไ้ ด้ เวลาผา่ นไปเรอ่ื ยๆ ไมห่ วนยอ้ นกลบั มาอกี และยงั ไดใ้ หข้ อ้ คดิ เกยี่ วกบั การจดั สรรเวลาสำ� หรบั กจิ กรรมหลกั ในแตล่ ะวนั โดย ใหจ้ ัดสรรเปน็ เวลาท�ำงานประมาณ ๘ ชัว่ โมง พกั ผ่อนประมาณ ๖-๘ ช่วั โมง แสวงหาความรปู้ ระมาณ ๑–๓ ช่ัวโมง ใชเ้ วลาเดนิ ทางประมาณ ๑ ชว่ั โมง และกจิ กรรมสขุ ภาพประมาณ ๑-๒ ชว่ั โมง อกี ทง้ั อยา่ ลมื สรา้ ง “ชว่ั โมงศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ ” ไวใ้ หต้ นเองไดห้ ยดุ และหลดุ จากมลภาวะทางอารมณท์ ง้ั หลาย ไมว่ า่ จะจากการเสพสือ่ ต่างๆ บนโลกแห่งความจรงิ หรอื โลกเสมือนจริง การสะทอ้ นความรสู้ กึ ของผู้เขา้ รบั การพัฒนา คนที่ ๑ ได้รบั ทราบลกั ษณะของการจะเปน็ ผู้นำ� ทางด้านวชิ าการ จากการถอดประสบการณจ์ าก ศึกษานเิ ทศก์อนั จะเปน็ ความร้ทู ี่จะได้นำ� ไปใชใ้ นการปฏิบัติงานในหน้าทีต่ ่อไป คนท่ี ๒ ไดเ้ รยี นรวู้ า่ เราควรใชห้ ลกั การบรหิ ารเวลา สำ� หรบั การทำ� งานเปน็ ทมี โดยการใชพ้ ลงั งาน อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ร้จู กั วางแผน และจดั ล�ำดบั ความสำ� คัญของงาน รวมถงึ การจัดการกบั เอกสารอย่างมี ประสิทธภิ าพ โดยสรปุ ผนู้ ำ� ที่เก่งที่สดุ คือผูน้ �ำท่ที ุกคนท�ำตามโดยไมต่ ้องบอก คนท่ี ๓ ท�ำให้รู้ว่าการจะเป็นผู้น�ำทางวิชาการไม่ใช่เรื่องง่ายและก็ไม่ใช่เรื่องยากหากรู้จักสร้าง ศรัทธาและความสามารถท�ำตนใหเ้ ปน็ ผเู้ รียนรูอ้ ยตู่ ลอดเวลาใหท้ นั ตอ่ การเปลยี่ นแปลง คนที่ ๔ ทา่ นวทิ ยากรไดฝ้ ากวลที งี่ า่ ยแตม่ ากดว้ ยคณุ คา่ คอื “พยายามทางทกุ เรอ่ื งไมย่ าก ไมซ่ บั ซอ้ น” ผลิดอก : รายงานการพัฒนาศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่เพอ่ื การขบั เคล่ือนการปฏิรูปการเรียนรู้ : 30_Final.indd 30 5/17/2017 8:42:27 PM
การสะท้อนการเรียนรูห้ น่วยที่ ๔ การถอดบทเรยี นปจั จยั ที่มีผลตอ่ การเกิดภาวะผู้น�ำ การเปลย่ี นแปลงจากครตู น้ แบบ ณ โรงเรยี นในพนื้ ทที่ รุ กนั ดาร เขตภาคเหนอื ตอนบน อาจารย์ปิยะพร วงศอ์ ดุ ม สาระความรู้ทไ่ี ด้รบั สาระความรู้ท่ีได้จากการถอดบทเรียน โดย อาจารย์ปิยะพร วงศ์อุดม (ผู้วิจัยหลักที่ลงพื้นที่) เรอื่ งการถอดบทเรยี นปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ การเกดิ ภาวะผนู้ ำ� การเปลย่ี นแปลงสำ� หรบั ศกึ ษานเิ ทศก์ (Dialogue) โดยบุคคลตอ่ ไปนท้ี ำ� ใหเ้ รียนรู้ไดว้ า่ ภาวะผนู้ ำ� เกดิ ข้นึ ได้กับทุกคนและทุกสถานการณ์ ดงั นี้ ๑. ครูสามารถ สทุ ะ (ครผู เู้ สยี สละเพือ่ ศษิ ย์) โรงเรียนบ้านบ้านก้อจัดสรร สาขาเรือนแพ อำ� เภอล้ี จงั หวดั ล�ำพูน เป็นครูทีม่ โี รงเรยี นอยู่บนแพและสอนเดก็ นกั เรียนท่อี ย่หู ่างไกล ซึ่งต้องอาศัยความพยายาม หลายๆ อยา่ งในการสอนนกั เรียน ต้องท่มุ เทเวลาสว่ นตัวของตวั เองเพอื่ นักเรียน การเปน็ ครผู ู้เสียสละนั้น ทำ� ไดไ้ มง่ า่ ยเลย และคุณสมบตั ิข้อหน่ึงของผนู้ �ำ คือ การเสยี สละ ๒. ครูชัยยศ สุขต้อ (ครูศิลปะ ผู้มีจิตวิญญาณคือ ครู) ครูโรงเรียนบ้านยางเปา เป็นครูท่ีได้ เปลีย่ นแปลงชีวติ จากคนท่ีผดิ พลาดในชวี ติ และได้แรงผลกั ดนั จากครฉู ตั รชัย ท่ีส่ังสอนจนครชู ยั ยศ สขุ ต้อ ไดด้ ี และน�ำแรงผลักดนั น้ันมาถ่ายทอดสลู่ กู ศษิ ย์อยา่ งไมร่ ้จู กั เหน็ดเหน่ือย จนได้รับทุนครสู อนดโี ดยทำ� ให้ รู้ว่าการเป็นผู้น�ำนั้นต้องมีคุณสมบัติการสร้างแรงผลักดันหรือเข้าใจในตัวบุคคลนั้นให้มากๆ เพ่ือท�ำให้ เขานน้ั บรรลตุ ามเป้าหมายท่ไี ด้ตั้งไว้ และสงิ่ ท่ีได้จากบทเรียนนคี้ ือ เราจะพฒั นาครูไดอ้ ย่างไร ๓. ครวู รรณา กาโยง่ แวน่ (ครทู พี่ รอ้ มลยุ กบั ทกุ อปุ สรรค) เปน็ ครตู วั อยา่ งของความมมุ านะ อดทน และไม่ย่อท้อ ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงแต่ก็ไม่เคยท้อถอย โดยชีวิตนี้ขอเป็นครูและถ้าโอกาสมาเราต้องรับ เพราะส่ิงเหล่าน้ีเป็นการสร้างประสบการณ์และเป็นส่ิงทดสอบจิตใจได้เป็นอย่างดี โดยท�ำให้รู้ว่าการเป็น ผู้น�ำน้ันต้องมีความอดทน อดกล้ัน ไม่ย่อท้อ และพร้อมรับกับทุกสถานการณ์ท่ีจะเกิดข้ึน คติประจ�ำใจ ของคณุ ครู แนวทางมเี สมอส�ำหรบั เท้าที่จะก้าวเดนิ ๔. ครูบัวเพชร (ครูผลักดันนักเรียนสู่อนาคตท่ีก้าวไกล) ครูโรงเรียนบ้านทุ่งขาม จังหวัดล�ำปาง เปน็ ครทู ีม่ ีเป้าหมายชดั เจนและลงมอื ท�ำไม่รอชา้ เสยี สละ อทุ ิศเวลา รวมทัง้ ครูบวั เพชรมคี รอบครวั ทคี่ อย สนบั สนนุ ชว่ ยเหลอื อยา่ งตอ่ เนอื่ ง จนเปน็ ทไี่ วว้ างใจจากผบู้ รหิ ารใหท้ ำ� งานยากๆ อยบู่ อ่ ยครง้ั โดยทำ� ใหร้ วู้ า่ การเป็นผู้นำ� นัน้ ตอ้ งมีเปา้ หมายที่ชัดเจนกลา้ ทำ� ในส่ิงทถี่ ูกตอ้ ง เสยี สละ ทั้งร่างกายและสตปิ ัญญา รวมทงั้ ผู้น�ำต้องมีคนที่คอยให้กำ� ลังใจ สนับสนุนเพ่ือเป็นก�ำลังใจและนั่นคือ ครอบครัว เป้าหมายเพ่ือต้องการให้ นกั เรยี นมคี วามรู้ โดยมคี วามตงั้ ใจใหน้ กั เรยี นได้ เกง่ เหมอื นลกู ตนเองโดยถอื คตวิ า่ คณุ จะเปน็ ลกู ใครกช็ า่ ง แต่เมอ่ื เขา้ มาในโรงเรียนน้ีแล้วคณุ คือลกู ศษิ ย์ของฉนั ๕. ครนู ำ้� ผง้ึ (ครสู ายเลอื ดใหมใ่ นพนื้ ทที่ รุ กนั ดาร) ครโู รงเรยี นบา้ นหว้ ยอนื้ เปน็ ครรู นุ่ ใหมท่ ไ่ี มย่ อ่ ทอ้ และเปน็ ครทู กี่ ระตนุ้ คนรอบขา้ งไดเ้ ปน็ อยา่ งดี และรจู้ กั กฎระเบยี บของสงั คมทตี่ อ้ งสอดคลอ้ งกบั การดำ� เนนิ โครงการศึกษานเิ ทศก์รุน่ ใหมเ่ พ่ือขับเคล่ือนการปฏริ ปู การเรยี นรู้ : 31_Final.indd 31 5/17/2017 8:42:28 PM
ชีวิตของแต่ละสถานท่ีเพื่อการเรียนรู้บริบทของการท�ำงานแต่ละที่ เพ่ือเป็นการส่งเสริมการท�ำงานที่เกิดประสิทธภิ าพและสามารถอยู่ในสงั คมนั้นๆ ได้เปน็ อยา่ งดี โดยท�ำใหร้ ู้วา่ การเปน็ ผู้น�ำนัน้ ตอ้ งมีการปรบั ตวัเรียนรู้กฎระเบียบ จารีตประเพณีของท่ีนั้นๆ เพ่ือให้สอดคล้องกับบริบทและสังคมที่เราน้ันจะเข้าไปขอความรว่ มมอื หรือทำ� งาน เพ่ือกอ่ ใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพในการทำ� งานที่ตรงตามเปา้ หมายท่ีไดต้ ้ังไว้การสะท้อนความรู้สกึ ของผเู้ ข้ารบั การพฒั นา คนท่ี ๑ ทำ� ใหร้ วู้ า่ คนทม่ี อี ดุ มการณ์ มคี วามรคู้ วามสมารถมอี ยใู่ นทกุ ๆทข่ี องประเทศ ซงึ่ จากทไ่ี ด้ศึกษาการถอดประสบการณ์จากครูดังกล่าวท�ำให้เรารู้สึกชอบและรักการท�ำงาน เพราะไม่มีใครสามารถก�ำหนดอนาคตได้ แตเ่ ลอื กทีจ่ ะมีความสขุ ในการปฏิบัติงานไดเ้ ทา่ นก้ี ็เพียงพอ คนที่ ๒ ส่ิงที่ครูสามารถทุ่มเทการท�ำงานใหก้ ับเด็ก ๆ และโรงเรยี น เพราะว่าคุณครูไดร้ บั โอกาสทดี่ จี ากสงั คมและตระหนกั ถงึ การให้จากการท่ีไดร้ ับ “The more you give the more you take” ย่ิงให้ย่ิงได้ ซ่ึงเป็นการน�ำเสนอท่ีสัมผัสได้ถึงพลังและความสุขของผู้ท�ำวิจัย เป็นแบบอย่างท่ีดีงามของผู้น�ำการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา คนท่ี ๓ ขา้ พเจ้าไดข้ ้อคดิ ในการใช้ชวี ิต ไดห้ ลักการ แนวทางปฏบิ ัตติ นในการท�ำงาน จากชวี ิตครูในกลมุ่ เปา้ หมายทงั้ ๕ ทา่ น สรปุ ไดว้ า่ การทำ� สง่ิ ใดหากเกดิ จากจติ วญิ ญาณ อดุ มการณ์ ความรกั มเี ปา้ หมายทช่ี ดั เจน ลงมอื กระทำ� ดว้ ยความอดทน ความเพยี ร ความพยายาม และมกี ำ� ลงั ใจ จะสามารถเอาชนะอปุ สรรคต่างๆ หนทางมเี สมอส�ำหรบั เท้าที่จะก้าวเดนิ ถา้ เราคดิ ว่าเราท�ำได้ มันก็สำ� เร็จไปแลว้ คร่งึ หนึ่ง คนที่ ๔ ความสขุ ในการถา่ ยทอดประสบการณข์ องวทิ ยากร จากความสขุ และความปตี ทิ วี่ ทิ ยากรมีต่ออุดมคติและแนวทางการปฏิบัติของครูผู้น�ำทางปัญญาของเด็กและชุมชน ท�ำให้ข้าพเจ้าคล้อยตามและตระหนักถึงบทบาทของตนเองในการเป็นศึกษานิเทศก์ ท่ีทุกคนได้ผ่านประสบการณ์ความเป็นครูมาแลว้ และคณุ ลกั ษณะของความเปน็ ครทู มี่ งุ่ มน่ั พฒั นาการศกึ ษาไมใ่ ชแ่ คเ่ ดก็ ในหอ้ งเรยี น แตก่ วา้ งออกไปถึงเพอ่ื นร่วมวิชาชพี ผบู้ รหิ าร ชุมชน สงั คม คนที่ ๕ ได้แนวคิดจากการถอดบทเรียนนี้และได้น�ำมาเชื่อมโยงกับแนวทางการเป็นผู้น�ำการเปลย่ี นแปลงได้วา่ คนในองคก์ ารเป็นทรพั ยากรทยี่ ิง่ ใหญ่ ดงั นัน้ การน�ำการเปล่ียนแปลงให้ประสบความส�ำเรจ็ ไดน้ ัน้ ผ้นู ำ� ต้องมคี วามเชอื่ อย่างสนิทใจว่า “คนคอื สินทรัพย์ (Asset) ทีส่ ำ� คัญขององคก์ าร”ผู้น�ำให้คุณค่าของผลงานทางวิชาชีพ (Professional) ของบุคลากรท่ีสร้างให้กับองค์การ, ผู้น�ำต้องมีความสามารถในการสรา้ งสมั พนั ธภาพทดี่ กี บั คนในหนว่ ยงาน และผนู้ ำ� ตอ้ งสามารถสรา้ งบรรยากาศใหเ้ กดิสมั พนั ธภาพแบบใหค้ วามรว่ มมอื รว่ มใจ (Collaborative relationship) ทงั้ หมดนตี้ อ้ งเกดิ จากการศรทั ธามีความมุ่งม่ัน พรอ้ มท่ีจะเสยี สละให้กบั ประโยชน์ส่วนรวม ผลิดอก : รายงานการพฒั นาศกึ ษานิเทศก์รนุ่ ใหมเ่ พือ่ การขับเคลอ่ื นการปฏิรูปการเรยี นรู้ : 32 5/17/2017 8:42:28 PM_Final.indd 32
การสะทอ้ นการเรียนรู้หน่วยที่ ๕ กรณศี กึ ษาเรอ่ื งภาวะผนู้ ำ� และความกลา้ ทางจริยธรรม จากตน้ แบบระดับโลก โดยการชมภาพยนตร์อองซานซจู ี การสะท้อนความรู้สึกของผเู้ ขา้ รับการพฒั นา คนที่ ๑ เปน็ ตวั อยา่ งของความกลา้ ในเชงิ ของการปฏริ ปู การปกครองซง่ึ พวกเราดแู ลว้ เกดิ การเรยี นรู้ ว่า คนที่จะเป็นผู้น�ำนั้นนอกจากมีความกล้าแล้วต้องมีความอดทนและสามารถรอคอยสิ่งที่เป็นเป้าหมาย ไดอ้ ย่างยง่ิ ใหญ่ คนท่ี ๒ ดภู าพยนตร์ เรอ่ื ง “The Lady” อองซานซจู ี ทท่ี ำ� ใหซ้ าบซงึ้ ถงึ ความเสยี สละ ความกลา้ หาญ เชงิ จรยิ ธรรม และความรบั ผดิ ชอบตอ่ ผนื แผน่ ดนิ เกดิ ของผนู้ ำ� แมเ้ ปน็ เพยี งผหู้ ญงิ ตวั เลก็ ๆ แตห่ วั ใจของเธอ ช่างเด็ดเด่ียว ทระนง ยอมสละความสุขส่วนตัว ครอบครัว คนท่ีรัก แต่เห็นแก่ส่วนรวม อนาคตของ ประเทศชาติ สงิ่ ทท่ี มุ่ เททงั้ หมดดเู หมอื นจะไมม่ ใี ครมองเหน็ และถกู บบี จากกลมุ่ คณะชวั่ รา้ ยทก่ี มุ อำ� นาจมดื แต่คนดีที่มีพลังอย่างอองซานซูจี ส่งอิทธิพลต่อคนทั่วโลก จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนท้ังหลาย ลุกขึ้นมาต่อสู้ร่วมกับเธอ และยังจุดประกายในใจให้แก่คนทั่วโลก จนแม้แต่รางวัลโนเบลท่ีเธอได้รับน้ัน ดวู า่ เลก็ นอ้ ยเกนิ ไปสำ� หรบั เธอดว้ ยซำ�้ บทสรปุ ทแ่ี ตะตอ้ งใจขา้ พเจา้ ทสี่ ดุ ในเรอ่ื งนค้ี อื “ปจั จบุ นั โลกไมไ่ ดข้ าด คนเก่ง และคนดี แตข่ าดคนดีทมี่ ีพลัง มคี วามกลา้ หาญเชงิ จริยธรรม มีอดุ มการณห์ นกั แนน่ มนั่ คง แมแ้ ลก ดว้ ยชวี ิต” ผูน้ ำ� การเปลย่ี นแปลงจะต้องเป็นคนแบบอองซานซจู .ี ..เทา่ น้ัน คนที่ ๓ ไดร้ บั ขอ้ คดิ จากบทบาทของอองซานซจู ี ซง่ึ เปน็ ผหู้ ญงิ ตวั เลก็ ๆ แตม่ อี ดุ มการณเ์ ดด็ เดยี่ ว มีความกล้า มีความมุ่งม่ันในการสืบสานแนวคิด อุดมการณ์ของบิดาเรื่องประชาธิปไตย และมีความเป็น ผู้น�ำในการเปล่ียนแปลง ในการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ให้เกิดการปกครองครอง การเลือกต้ังในระบอบ ประชาธปิ ไตยใหก้ ับประชาชนชาวพม่า พรอ้ มสูก้ ับอทิ ธพิ ลทอ่ี ย่รู อบตวั ด้วยจิตใจทม่ี ัน่ คง จรงิ ใจ เดด็ เดี่ยว ไม่เกรงกลัวด้วยมือเปล่า และมีความเชื่อว่าสักวันความถูกต้อง สิทธิเสรีภาพ และการปกครองในระบอบ ประชาธปิ ไตยจะกลบั มาสปู่ ระชาชนชาวพมา่ ทกุ คน จนไดร้ บั การยอมรบั และชนื่ ชมวา่ เปน็ ตน้ แบบระดบั โลก จนได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจากองค์การยูเนสโกนับเป็นบุคคลตัวอย่างที่หาได้ยากในสังคม ยคุ ปจั จบุ นั ในการเปน็ ผนู้ ำ� การเปลยี่ นแปลงเชงิ จรยิ ธรรม สรา้ งศรทั ธา สรา้ งแรงบนั ดาลใจ ทำ� ในสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ ง มองประโยชนส์ ว่ นร่วมเป็นทต่ี ้ัง คนที่ ๔ ไดแ้ นวคดิ วา่ ความกลา้ ทางจรยิ ธรรม เปน็ การทำ� ความดที จ่ี ะตอ้ งกลา้ เสยี สละผลประโยชน์ ของตนเอง เพ่ือผูอ้ น่ื และสงั คม โดยปฏิบัตติ ามค�ำสอนของศาสนาคอื เดนิ สายกลาง จะตอ้ งมีความเขม็ แขง็ ของจิตใจต่อสู้กับความกลัวที่มีอยู่ในทุกๆคน สามารถพัฒนาตนเองให้ตระหนักในคุณค่า และศรัทธา ในคุณความดีเหนือส่ิงอ่ืนใด ซึ่งต้องใช้ความอดทนและการต่อสู้อย่างยาวนานเป็นการกระท�ำที่สะท้อนถึง ความเปน็ ผู้น�ำท่ีมีความกลา้ ทางจรยิ ธรรมอยา่ งแทจ้ ริง_Final.indd 33 โครงการศึกษานเิ ทศกร์ ่นุ ใหมเ่ พือ่ ขบั เคลือ่ นการปฏริ ูปการเรียนรู้ : 33 5/17/2017 8:42:28 PM
คนที่ ๕ เกิดความชื่นชมในความกล้าหาญของผู้หญิงตัวเล็กๆ บอบบางคนหน่ึงที่ยอมยืนหยัดสู้เพือ่ คนหม่มู าก บนพืน้ ฐานของการปฏบิ ัตกิ ารอยา่ งมรี ะบบ มีวนิ ัย มคี วามอดทนและเสียสละเป็นอยา่ งยงิ่ในการยอมห่างจากครอบครัวอันเป็นที่รักจนแม้กระทั่งลมหายใจสุดท้ายของสามีก็ยังไม่ได้กลับไปเห็นผนวกกับความเข้าใจของครอบครัวท่ีคอยให้ก�ำลังใจ เกื้อหนุนอยู่แม้จะห่างไกลและยากล�ำบาก แต่ค�ำว่า“ก�ำลังใจ” ก็คือสิ่งท่ีได้จากครอบครัวเรื่อยมา ดังน้ันหากจะกล้า ต้องรู้จักกล้าอย่างมีจริยธรรม กล้าท�ำในส่ิงท่ีถกู ต้อง แล้วจะมีคนสนับสนุน ยกยอ่ งและสรรเสรญิ คนท่ี ๖ ทำ� ใหเ้ รยี นรวู้ า่ คนทจี่ ะเปน็ ผนู้ ำ� ไดต้ อ้ งมคี วามกลา้ มจี ติ ใจทจี่ ะทำ� เพอื่ ผอู้ น่ื มคี วามเสยี สละเพ่อื ผอู้ น่ื สงู คนที่ ๗ ซ่ึงท�ำให้เกิดการเรียนรู้ว่าผู้นาท่ีดีต้องมีหัวใจที่ย่ิงใหญ่ และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเปน็ หลัก ผลิดอก : รายงานการพฒั นาศกึ ษานเิ ทศก์ร่นุ ใหมเ่ พื่อการขับเคลอ่ื นการปฏริ ูปการเรยี นรู้ : 34 5/17/2017 8:42:29 PM_Final.indd 34
การสะทอ้ นการเรยี นรหู้ นว่ ยที่ ๖ ยุทธศาสตร์การพฒั นาภาวะผนู้ ำ� การเปลย่ี นแปลง ทางการศึกษาสำ� หรบั ศกึ ษานิเทศก์รุ่นใหม่ รศ.ดร.จณิ ณวัตร ปะโคทงั ประธานหลักสูตรครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุบลราชธานี สาระความรู้ทไี่ ดร้ บั สาระความรทู้ ่ีไดร้ ับจากการบรรยายพิเศษ โดย รศ.ดร.จณิ ณวตั ร ปะโคทัง คือ ท่านวิทยากรได้ให้ ความรู้เกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาภาวะผู้น�ำการเปล่ียนแปลงทางการศึกษา ศึกษานิเทศก์ในยุค การเปลีย่ นแปลงนัน้ ตอ้ งมแี ต่ให้ โดยไม่หวงั ผลตอบแทน การเปลี่ยนแปลงตา่ งๆ น้ัน มีเหตปุ ัจจัยมาจาก ความผนั ผวนทางการเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คม ความไมแ่ นน่ อนทางการเมอื ง ความสลบั ซบั ซอ้ นในวงการ ศกึ ษา ความคลมุ เครอื และไดเ้ รยี นรวู้ า่ คนทจ่ี ะเปน็ ผนู้ ำ� ทด่ี ตี อ้ งมวี สิ ยั ทศั นล์ กึ กวา้ งไกล มคี วามเขา้ ใจหนว่ ยงาน เพ่ือนรว่ มงาน ชัดเจนในเรือ่ งบทบาทหนา้ ท่ี ทส่ี �ำคัญตอ้ งมีความไวต่อสถานการณว์ า่ เป็นอย่างไร ศึกษานิเทศกย์ ุคใหม่ ซึ่งจะต้องเป็นบุคคลทมี่ ีคณุ สมบัติดงั น้ี คือ มภี าวะผู้น�ำทางการเปลี่ยนแปลง มีความสามารถทางการนิเทศ อันจะส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพและจะส่งผลต่อคุณภาพ การศึกษาที่ดีขึ้น และได้รับความรู้เร่ืองกระบวนการเชิงรุกของการพัฒนาภาวะผู้น�ำการเปล่ียนแปลงทาง การศึกษาในการท�ำหน้าท่ีนิเทศทางการศึกษา ทักษะของการนิเทศการศึกษาประกอบด้วยการส่ือสาร การรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ และการมสี ว่ นรว่ ม แนวคิดทฤษฎีการพฒั นาภาวะผนู้ �ำ เชน่ Model VOCA Word ซึง่ มาจาก V = Volatility ความผันผวน Vision ความมีวสิ ัยทัศน ์ U = Uncertertainty ความไม่แน่นอน Understanding ความเขา้ ใจ C = Complexity ความสลับซบั ซ้อน Clarity ความชัดเจน A = Ambiguity ความคลมุ เครือ Agility ความวอ่ งไวต่อสถานการณ์ ซ่งึ ส่งิ ท่ีส�ำคัญทีส่ ุดส�ำหรับศึกษานิเทศกท์ ่ีจะต้องมวี ัฒนธรรมการท�ำงาน ใน ๕ ดา้ น คอื เปน็ ที่พงึ่ ของครู คิดในเชิงสร้างสรรค์ มีความเห็นอกเห็นใจ มีความสามารถในการส่ือสาร และต้องเป็นผู้น�ำ การเปลย่ี นแปลง การสะทอ้ นความรู้สึกของผเู้ ขา้ รับการพัฒนา คนท่ี ๑ ได้แนวคิดว่า ลักษณะความเป็นผู้น�ำน้ันต้องมีความมุ่งม่ันเพื่อความส�ำเร็จของงาน และต้องมีความรวดเร็วถูกต้องด้านผลผลิตของงาน การบริหารต้องยืดหยุ่นหวังผลในงานน้ันๆ ได้ มคี วามสนกุ กบั งานกบั คนรอบขา้ งภายในองคก์ ร ไมเ่ ครยี ด สดุ ทา้ ยตอ้ งเปน็ กลั ยาณมติ ร เพอื่ สรา้ งมติ รไมตรี เพอ่ื เปา้ หมายทม่ี รี ว่ มกนั อยา่ งยง่ั ยนื ในการปฏบิ ตั งิ าน ตอ้ งยดึ ถอื หลกั การความซอ่ื สตั ย์ การปฏสิ มั พนั ธก์ บั ผู้คนตอ้ งยึดถือความใจกว้างและอ่อนโยน จงึ จะทำ� ใหง้ านท่เี ราทำ� น้นั ประสบผลส�ำเร็จลลุ ่วงไปดว้ ยดี_Final.indd 35 โครงการศกึ ษานเิ ทศก์รุ่นใหม่เพือ่ ขบั เคลื่อนการปฏิรปู การเรียนรู้ : 35 5/17/2017 8:42:29 PM
คนที่ ๒ ทา่ นไดเ้ ปดิ โลกทศั นเ์ กยี่ วกบั แนวคดิ ศกึ ษานเิ ทศกใ์ นยคุ การเปลย่ี นแปลงอนั ไดแ้ ก่ VUCAWorld, VUCA Leadership, Cultural Leader, 5Fs : Leadership Characteristic, การจดั การความรู้(Knowledge Management: KM), ตวั แบบการจัดการความรู้ (KM Model), การพฒั นาศักยภาพของบุคลากร, วัฒนธรรมองค์กรในยคุ การเปลยี่ นแปลง, แนวโนม้ การจัดการองค์กรในอนาคต นบั เปน็ แนวคิดและหลกั การที่สามารถนำ� ไปปรับใช้ในการปฏบิ ัติงานไดอ้ ยา่ งดีย่งิ คนท่ี ๓ สรปุ ไดว้ ่า การสูญเสยี คอื การให้ ย่งิ ใหม้ าก ยงิ่ ได้มาก ผูน้ �ำคอื ผ้ทู มี่ ีความร้ลู ึก กว้าง ไกลมองทะลุ จะตอ้ งมลี ักษณะความเป็นผู้นำ� ๕Fs : Leadership Characteristic ถ่ายทอดเกง่ เขา้ ใจงา่ ย และไดเ้ รยี นรู้ กระบวนการเชงิ รกุ ของการพฒั นาภาวะผนู้ ำ� การเปลยี่ นแปลงทางการศกึ ษาในการทำ� หนา้ ทน่ี เิ ทศ คนท่ี ๔ ไดแ้ นวคิดวา่ ลกั ษณะความเป็นผูน้ ำ� น้นั ต้องมีความมุ่งม่ันเพ่อื ความส�ำเรจ็ ของงานและตอ้ งมคี วามรวดเรว็ ถกู ตอ้ งดา้ นผลผลติ ของงาน การบรหิ ารตอ้ งยดื หยนุ่ หวงั ผลในงานนนั้ ๆ ได้ มคี วามสนกุกบั งานกบั คนรอบขา้ งภายในองคก์ รไมเ่ ครยี ด สดุ ทา้ ยตอ้ งเปน็ กลั ยาณมติ รเพอื่ สรา้ งมติ รไมตรเี พอื่ เปา้ หมายท่มี รี ว่ มกันอยา่ งยงั่ ยนื ผลดิ อก : รายงานการพฒั นาศึกษานเิ ทศก์รนุ่ ใหม่เพอ่ื การขับเคลือ่ นการปฏริ ปู การเรียนรู้ : 36 5/17/2017 8:42:29 PM_Final.indd 36
การสะท้อนการเรียนรู้หนว่ ยที่ ๗ กระบวนการเชงิ รกุ ของการพฒั นาภาวะผู้น�ำ การเปลยี่ นแปลงทางการศึกษาในการทำ� หน้าที่นิเทศ ผศ.ดร.สุรยี ม์ าศ สขุ กสิ รองคณบดีฝ่ายวชิ าการ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏรำ� ไพพรรณี สาระความรทู้ ่ีไดร้ บั สาระความรู้ท่ีได้รบั จากการบรรยายพเิ ศษ โดย ผศ.ดร.สรุ ยี ม์ าศ สุขกสิ คือ เป้าหมายส�ำคัญของ การพัฒนาภาวะผู้น�ำการเปลี่ยนแปลงในการนิเทศการศึกษา คือ คุณภาพการศึกษา ซ่ึงเกิดจากการจัด การเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ โดยมีผลจากภาวะผู้น�ำการเปลี่ยนแปลง และความสามารถในการนิเทศ การศึกษา ซ่ึงจะเห็นว่าศึกษานิเทศก์เป็นผู้ท่ีมีบทบาทส�ำคัญในการขับเคล่ือนการจัดการศึกษาอย่างมี คุณภาพ โดยการนิเทศในศตวรรษที่ ๒๑ ซ่ึงมีทักษะที่จ�ำเป็นส�ำหรับศึกษานิเทศก์ในศตวรรษท่ี ๒๑ คือ ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา ความร่วมมือและภาวะผู้น�ำ ความเฉลียวฉลาดและ ความร่วมมือ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และการสร้างภาวะผู้น�ำ การส่ือความหมายท่ีมีประสิทธิภาพ การเขา้ ถงึ ข้อมลู และการวิเคราะห์ข้อมลู การที่จะเป็นผู้น�ำการเปล่ียนแปลงในการนิเทศ ควรจะต้องมีเทคนิควิธีการ คือ การสร้างบารมี การสร้างแรงบันดาลใจ การกระตุ้นเชาว์ปัญญา การค�ำถึงถึงเอกบุคคล และการนิเทศในศตวรรษที่ ๒๑ ผนู้ ำ� การเปลย่ี นแปลงในการนเิ ทศควรนำ� เทคนคิ วธิ กี ารไปประยกุ ตใ์ ช้ โดยการเปน็ แบบอยา่ งทคี่ วรยกยอ่ ง เคารพนับถือ ศรัทธา ไว้วางใจ สามารถกระตุ้นจิตวิญญาณของการท�ำงานเป็นทีมได้ ให้ความใส่ใจ ในการแก้ปัญหาเพื่อค้นพบแนวทางใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาในองค์กรให้ดีกว่าเดิมและเอาใจใส่ ผู้รับการนิเทศเป็นรายบุคคลและท�ำให้รู้สึกมีคุณค่า มีความส�ำคัญ โดยต้องมีทักษะการคิดเพ่ือแก้ปัญหา การปรับตัว คดิ ริเริม่ สรา้ งสรรคแ์ ละสามารถวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ องค์กรได้ การพฒั นาภาวะผนู้ ำ� การเปลยี่ นแปลงในการนเิ ทศการศกึ ษา โดยการผสมผสานระหวา่ งภาวะผนู้ ำ� การเปลยี่ นแปลง กบั ความสามารถในการนเิ ทศ จะชว่ ยใหก้ ารจดั การเรยี นรมู้ ปี ระสทิ ธภิ าพสง่ ผลตอ่ คณุ ภาพ การศกึ ษา โดยบทบาทส�ำคัญของศึกษานิเทศก์ในการมภี าวะผู้นำ� การเปล่ยี นแปลงนั้น ต้องมี ๓ ส่วนคือ ๑) ผู้น�ำการนเิ ทศ ตอ้ งมภี มู ริ ู้ มีความรทู้ จ่ี ะเป็นผ้นู ำ� ได้ ๒) ผ้ใู ห้ ๓) ผ้รู ว่ มปฏบิ ัติ ซึง่ สามส่วนนีจ้ ะทำ� ให้เกิดการเปลยี่ นแปลงในการนเิ ทศการศกึ ษา และศึกษานิเทศก์มอื อาชีพนัน้ ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ชัดในเร่ืองใดเร่ืองหน่ึงท่ีรับผิดชอบ มีข้อมูลแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายชี้แนะได้ เป็น ผ้ปู ระสานและนำ� เป็นผู้รู้ภมู ปิ ญั ญา เปน็ ผ้ใู ห้บริการทีย่ อดเยี่ยมประทับใจ ผู้น�ำทุกคนมีศักยภาพพอท่ีจะสร้างวิสัยขององค์การข้ึน ท�ำหน้าท่ีเสมือนผู้น�ำที่ต้องน�ำผู้ร่วมงาน ท้ังหลายไปสสู่ ถานทใี่ หม่ และมคี วามสามารถในการแปรเปลย่ี นใหว้ สิ ยั ทศั นก์ ลายเปน็ ความจรงิ ดว้ ยเหตนุ ้ี_Final.indd 37 โครงการศึกษานิเทศก์ร่นุ ใหมเ่ พอ่ื ขับเคลื่อนการปฏิรปู การเรียนรู้ : 37 5/17/2017 8:42:30 PM
ภาวะผู้น�ำในปัจจุบันจึงต้องกล่าวถึง ผู้น�ำว่าต้องเป็นผู้สร้างวิสัยทัศน์ เป็นผู้รักษาความฝันขององค์การและเป็นผทู้ มี่ วี สิ ยั ทศั นท์ ส่ี ะทอ้ นอย่ใู นวัตถุประสงคข์ ององคก์ าร ผนู้ �ำตอ้ งเป็นผ้บู ริหารความฝัน (Managethe dream) แหง่ วสิ ยั ทัศนน์ ัน้ วิสยั ทศั นท์ ผ่ี ้นู ำ� เกย่ี วขอ้ งประกอบด้วยวสิ ัยทศั น์ ๔ ประเภท ได้แก่ ๑) วิสัยทัศน์องค์การ (Organizational Vision) ซึ่งเก่ียวข้องและครอบคลุมการมีภาพท่ีสมบูรณ์ขององค์การอย่างมีระบบ มีการระบุองค์ประกอบย่อยๆ และสร้างความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างองคป์ ระกอบยอ่ ยเหลา่ นนั้ ๒) วิสัยทัศน์เชิงอนาคต (Future Vision) เป็นวิสัยทัศน์ที่บ่งบอกถึงภาพท่ีสมบูรณ์ท่ีควรเป็นในอนาคตขององค์การ รวมถึงรู้ว่าในสภาพแวดล้อมที่องค์การตั้งอยู่ในอนาคตน้ันเป็นอย่างไรและการท�ำหนา้ ทีข่ องส่วนตา่ งๆ ภายในขององคก์ ารในอนาคตเปน็ เช่นไร ๓) วสิ ยั ทศั นส์ ว่ นบคุ คล (Personal Vision) ไดแ้ กว่ สิ ยั ทศั นส์ ว่ นตวั ของผนู้ ำ� ทมี่ คี วามปรารถนาอยา่ งแรงกลา้ ตอ่ องคก์ าร รวมทงั้ การกระทำ� ของบคุ คลอน่ื ทชี่ ว่ ยผนู้ ำ� ในการปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื ใหอ้ งคก์ ารปจั จบุ นัสามารถเชือ่ มโยงเข้ากบั ภาพทเี่ ปน็ วิสัยทัศนใ์ นอนาคตขององคก์ าร ๔) วิสัยทัศนเ์ ชงิ กลยุทธ์ (Strategic Vision)ไดแ้ กแ่ นวทางทีท่ ำ� ให้เกดิ การเชอ่ื มตอ่ ระหว่างความเป็นจริงปัจจุบัน (วิสัยทัศน์ปัจจุบันขององค์การ) กับความน่าจะเป็นไปได้ในอนาคต (วิสัยทัศน์ในอนาคตขององคก์ าร) ด้วยวธิ กี ารทเ่ี หมาะกบั ทงั้ ต่อองค์การและตอ่ ตวั ผู้นำ� ด้วยการสะทอ้ นความรสู้ กึ ของผ้เู ข้ารบั การพฒั นา คนที่ ๑ ได้แนวคิดว่า ผู้น�ำการเปล่ียนแปลงในการนิเทศต้องให้ความใส่ใจในการแก้ปัญหาเพื่อค้นพบแนวทางใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาในองค์กรให้ดีกว่าเดิม และเอาใจใส่ผู้รับการนิเทศเป็นรายบุคคลและท�ำให้รู้สึกมีคุณค่า มีความส�ำคัญ โดยต้องมีทักษะการคิดเพื่อแก้ปัญหา การปรับตัวคดิ ริเร่มิ สร้างสรรคแ์ ละสามารถวิเคราะหข์ อ้ มลู ท่เี ป็นประโยชน์ต่อองค์กรได้ คนท่ี ๒ ได้เรยี นรกู้ ารจดั กจิ กรรมของผนู้ เิ ทศ เพอื่ ชว่ ยเหลอื ใหค้ รปู รบั ปรงุ พฒั นาการเรยี นการสอนที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ท�ำให้เกิดขวัญและก�ำลังใจในการปฏิบัติงานของครู ช่วยพัฒนาครูให้มีความก้าวหน้าในวิชาชีพทางการศึกษา ก่อให้เกิดผลดีต่อการพัฒนาผู้เรียนอย่างเต็มตามศักยภาพผู้น�ำการเปล่ียนแปลงควรน�ำเทคนิคต่างๆ มาประยุกต์ใช้เช่นการสร้างบารมี การสร้างแรงบันดาลใจซง่ึ ศึกษานิเทศกม์ อื อาชพี จะต้อง Expert ในเร่อื งใดเรือ่ งหนึง่ มขี อ้ มูลแหลง่ เรียนรู้ที่หลากหลาย สามารถประสานและนำ� เป็นผู้ให้บริการท่ียอดเยี่ยม ผลิดอก : รายงานการพัฒนาศึกษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหม่เพ่อื การขบั เคลอื่ นการปฏริ ปู การเรียนรู้ : 38 5/17/2017 8:42:30 PM_Final.indd 38
การสะทอ้ นการเรียนรหู้ นว่ ยท่ี ๗ กิจกรรม การทบทวนหลังการปฏิบตั งิ าน (After Action Review : AAR) ผศ.ดร.สฎายุ ธีระวณชิ ตระกลู รองคณบดฝี า่ ยพฒั นานิสติ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบรู พา การสะทอ้ นความรูส้ ึกของผเู้ ขา้ รบั การพัฒนา คนที่ ๑ การท่ีได้ท�ำกิจกรรม AAR จากการเรียนรู้ โดยแต่ละกลุ่มน�ำเสนอโดยได้แนวคิดว่า การเป็นผู้น�ำที่มีภาวะผู้น�ำนั้นต้องมีการท�ำงานเป็นทีม ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืนได้ และสามารถ ทำ� งานเป็นทีมโดยยดึ ถอื เปา้ หมายและผลสัมฤทธ์ิของงานเป็นที่ต้ัง คนท่ี ๒ เป็นกจิ กรรมฝึกให้มีการวางแผน สรุปองค์ความรู้ จากการศกึ ษาค้นคว้า โดยใช้สอื่ ICT และการทำ� งานรว่ มกนั ภายใตว้ งจรคณุ ภาพ PDCA ใชท้ กั ษะการแกป้ ญั หาในเชงิ สรา้ งสรรค์ การใชท้ กั ษะ การสอื่ สาร และสามารถถา่ ยทอดองคค์ วามรทู้ มี่ หี ลายรปู แบบประสบการณ์ ซงึ่ ถอื วา่ เปน็ การสรา้ งและพฒั นา ศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่ให้มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะ ในการท่ีจะเป็นผู้ขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา อยา่ งมีคณุ ภาพ_Final.indd 39 โครงการศึกษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหม่เพื่อขับเคล่ือนการปฏริ ูปการเรียนรู้ : 39 5/17/2017 8:42:30 PM
_Final.indd 40 5/17/2017 8:42:32 PM
ประโยชนท์ ่ีไดร้ บั จากการรว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ การสะทอ้ นความร้สู ึกของผ้เู ข้ารบั การพัฒนา ๑. ได้เครือข่ายท่ีเป็นคนเก่ง มีภูมิรู้ ภูมิธรรมและภูมิฐาน ท้ังจากคณะวิทยากรและเพ่ือนร่วม โครงการ ซงึ่ เรามคี วามรสู้ กึ วา่ ยง่ิ นบั วนั เรายงิ่ เปดิ ใจและสนทิ กนั ชว่ ยเหลอื เออื้ เฟอ้ื กนั มากขนึ้ ทำ� ใหส้ งั คม น่าอยู่ มบี รรยากาศท่ีดีในการอบรมตลอดเวลา ๒. ได้รับความรู้ถึงลักษณะของผู้ที่มีภาวะผู้น�ำที่ดี โดยเฉพาะด้าน วิชาการ ว่ามีลักษณะ และ คณุ สมบตั ิอย่างไร ซึ่งเปน็ ความรทู้ ่ีใหม่ และไมเ่ คยได้รบั รูม้ าก่อน ๓. ไดร้ ว่ มพดู คยุ และแลกเปลย่ี นประสบการณ์ กบั บคุ คลทม่ี คี วามรคู้ วามสามารถทางดา้ นการนเิ ทศ ใหไ้ ด้ แนวคดิ และความรูท้ างด้านการนิเทศในลกั ษณะต่างๆ อันจะเปน็ แนวทางในการเป็นศึกษานเิ ทศก์ ทีด่ ีและมคี วามรูค้ วามสามารถ ๔. ได้เรียนรจู้ ากประสบการณข์ องผูน้ �ำทางการศกึ ษาที่มีความหลากหลายสถานการณ์ ๕. ได้เรยี นรจู้ ากการถอดประสบการณจ์ ากครตู น้ แบบ และศกึ ษานเิ ทศกท์ เี่ ขา้ รบั การพฒั นาในครงั้ น้ี ๖. ไดร้ บั การพฒั นาองคค์ วามรู้ เรยี นรแู้ นวทางการนำ� ไปใชใ้ นการเปน็ ศกึ ษานเิ ทศกใ์ นศตวรรษที่ ๒๑ ๗. ไดร้ บั แรงบนั ดาลใจ และเรียนรแู้ นวทางการเปน็ ศกึ ษานเิ ทศก์ท่ดี ีและมคี ุณภาพ ๘. ได้เห็นตน้ แบบการจัดการเรียนการสอนทนี่ ำ� ไปส่กู ารพัฒนาผู้เรียนอย่างแท้จรงิ ๙. ได้เห็นแบบอย่างการท�ำวิจัยเชิงคุณภาพท่ีน่าตื่นเต้น และท�ำให้มีแรงบันดาลใจอยากเรียน ปรญิ ญาเอกมากขึน้ ๑๐. ฝกึ การท�ำงานเปน็ ทีมเพ่ือท�ำงานใหบ้ รรลุตามเปา้ หมาย เนน้ ผลของงาน ความส�ำเรจ็ ของงาน และการท�ำงานรว่ มกบั ผอู้ น่ื ๑๑. ไดร้ บั ความรคู้ วามเขา้ ใจในคำ� วา่ ผนู้ ำ� และ ภาวะผนู้ ำ� ทางการศกึ ษา ซง่ึ ไดร้ บั ความรจู้ ากวทิ ยากร ซง่ึ เปน็ ประสบการณต์ รงทไ่ี มส่ ามารถหาไดจ้ ากตำ� รา หรอื เอกสารวชิ าการซง่ึ เปน็ ความรทู้ มี่ คี วามสำ� คญั และ จ�ำเป็นมากตอ่ การทำ� งานในหน้าท่ีศึกษานเิ ทศก์ ๑๒. ได้รบั ความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั แนวคิด ทฤษฎี แนวทาง เทคนิควิธีการ ประสบการณ์จาก การบรรยายให้ความร้ขู องวทิ ยากรทุกทา่ น ๑๓. ไดฝ้ กึ ประสบการณ์ภาวะผ้นู ำ� ทางการศึกษา จากกจิ กรรมในกระบวนการเรยี นร้ทู ่ี ๒ ๑๔. ได้ขอ้ คดิ ได้เรยี นรู้ เทคนิค วธิ กี าร แนวทางในการปฏบิ ตั ิตน และปฏบิ ัตงิ าน จากกิจกรรม ถอดบทเรียน กิจกรรมกรณีศกึ ษา กจิ กรรมศกึ ษาจากวดี ิทศั น์ ๑๕. นำ� ความรแู้ ละแนวทางปฏบิ ตั ทิ ไี่ ดร้ บั มาตรวจสอบ ทบทวน การปฏบิ ตั งิ านในหนา้ ทขี่ องตนเอง ท้งั ในดา้ นความรู้และคณุ ธรรมจริยธรรม ๑๖. สามารถเชอ่ื มโยงแนวคดิ ทฤษฎีกับการปฏิบัตใิ นหน้าที่ศกึ ษานิเทศก์ชัดเจนยง่ิ ขึน้_Final.indd 41 โครงการศึกษานเิ ทศก์รนุ่ ใหม่เพอื่ ขับเคลอ่ื นการปฏิรปู การเรยี นรู้ : 41 5/17/2017 8:42:33 PM
๑๗. สามารถก�ำหนดความมุ่งหมายและแนวทางการปฏิบตั ิงานในหนา้ ท่ศี ึกษานเิ ทศก์ของตนเอง ๑๘. ได้ศึกษาความส�ำเร็จของบุคคลต้นแบบท่ีเกิดจากแรงบันดาลใจ และประสบการณ์ รวมทั้งแนวคิดและกระบวนการท�ำงาน ๑๙. เกดิ การความกล้าหาญทางจริยธรรมจากการเรยี นรู้ชวี ิตของบคุ คลระดบั โลก ๒๐. ความรู้ท่ีเคยได้รับในเรื่องของภาวะผู้น�ำ เม่ือน�ำมาทบทวนและย้�ำในหัวข้อที่ตรงกับการท�ำหนา้ ทศี่ กึ ษานเิ ทศกโ์ ดยตรง ผนวกเขา้ กบั ความรแู้ ละทกั ษะเรอื่ งจติ ตปญั ญา ชว่ ยใหเ้ ราสามารถเหน็ ทศิ ทางท่ีจะนำ� ไปปฏิบตั ิ ปรับใช้กบั อาชีพให้ลกึ ซง้ึ และไดผ้ ลดีกับทงั้ ตนเองและผู้อ่ืน ๒๑. ได้รับรู้ว่าความส�ำเร็จของผู้น�ำนั้นได้มายากมาก แต่ผลของความส�ำเร็จมักหอมหวานเสมอและสิ่งที่ผมไดม้ าอกี มากมายคอื ผนู้ ำ� มักมองไกลกว่าผ้ตู ามเสมอ ๒๒.ได้ท�ำงานเป็นทีมท่ีมีเวลาจ�ำกัดและมีสมาชิกทีมไม่มาก การท�ำงานถ้าไม่เร่ิมท�ำก็ไม่รู้จะออกแบบและตอ้ งการผลลพั ธอ์ ยา่ งไร แตถ่ า้ เรมิ่ ทำ� เราจะมปี ระสบการณใ์ หเ้ รยี นรมู้ ากขนึ้ จากการลงมอื ทำ�ดังน้ันเม่ือเราต้องการท�ำอะไรที่มุ่งผลส�ำเร็จ ควรลงมือท�ำเลยโดยท่ีไม่ต้องกังวลต่อผลที่จะเกิดขึ้น ถ้าไม่สำ� เร็จเรากไ็ ด้ประสบการณม์ าเปน็ บทเรียน แต่ถา้ ไม่ลงมอื ทำ� เลย เราจะไม่ได้อะไรเลย ผลิดอก : รายงานการพฒั นาศึกษานเิ ทศก์รุน่ ใหมเ่ พือ่ การขับเคลอื่ นการปฏิรูปการเรียนรู้ : 42 5/17/2017 8:42:34 PM_Final.indd 42
การนำ� ความรไู้ ปสู่การปฏบิ ตั ิ การสะท้อนความรู้สึกของผู้เข้ารับการพัฒนา ๑. มสี ติในการทำ� งาน มคี วามพร้อม และ มีวฒุ ิภาวะทางอารมณใ์ นการทำ� งานมากขน้ึ อนั มาจาก ได้รับความรู้ถึงลักษณะ และทักษะในการปฏิบัติงานมากข้ึน และท�ำให้งานท่ีท�ำเกิดข้อผิดพลาดน้อยลง กว่าเดิม ๒. มีความกล้าคิด กล้าท�ำ กล้าแสดงออกในด้านที่สร้างสรรค์ คิดบวก กับบุคคลอื่น ท�ำให้ มีความสขุ กบั งานในหน้าทม่ี ากย่งิ ข้นึ ๓. การจะเป็นผู้น�ำ ต้องมีท้ังศาสตร์และศิลป์ เพราะฉะนั้น จะศึกษาหาความรู้ในด้านการจัด การเรยี นการสอนใหเ้ ข้าใจอยา่ งลึกซงึ้ ศึกษาความรูใ้ หม่ๆตามความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ๔. มคี วามมน่ั ใจมากขน้ึ ในการทำ� งาน ซง่ึ ทำ� ใหก้ ลา้ แสดงความคดิ เหน็ แสดงวสิ ยั ทศั นใ์ นการทำ� งาน เพ่อื องคก์ รมากขน้ึ ๕. มที กั ษะในการทำ� งานร่วมกบั ผูอ้ ื่นอยา่ งมคี วามสุข ๖. มคี วามมงุ่ มนั่ มพี ลงั ในการคดิ เพอ่ื ประโยชนส์ ว่ นรวม โดยยดึ หลกั “ความเปน็ ผนู้ ำ� เชงิ จรยิ ธรรม” ในการด�ำเนินชวี ิต ๗. การเรม่ิ ต้นสรา้ งภาวะผู้น�ำใหต้ นเอง แสดงความคิดเหน็ และแสดงออกอยา่ งสร้างสรรค์ ๘. การน�ำแนวทางและกระบวนการนิเทศในศตวรรษที่ ๒๑ มาใช้ในการวางแผนการนิเทศ อยา่ งเป็นระบบ ๙. การคิดและท�ำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม มีอุดมการณ์ในการเป็นศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่ ที่น�ำ ความเปลี่ยนแปลงมาสู่วงการการศกึ ษาในเขตพ้นื ที่ ๑๐. ขบั เคล่ือนโครงการตา่ ง ๆ ดว้ ยพลัง ความรู้ และประสบการณ์ทีไ่ ดร้ บั จากโครงการฯ ใหเ้ ป็น ทยี่ อมรับจากเพอ่ื นร่วมงาน ครู และผบู้ ริหาร ๑๑. แลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกับภาคีต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ และเป็นผู้ให้ในโอกาสต่างๆ ท้ังด้าน องคค์ วามรู้ และการสรา้ งขวญั ก�ำลังใจ ๑๒. ท้าทายเพ่ือนครู ผู้บริหารรุ่นใหม่ เพ่ือสร้างเครือข่ายผู้น�ำการเปลี่ยนแปลงในการปฏิรูป การศกึ ษา ๑๓. ฝกึ การฟังผู้อืน่ มากขนึ้ ทำ� ให้เรามีสติ เพอื่ นำ� มาคดิ วเิ คราะห์งานให้มากขึ้น ๑๔. ฝึกความเป็นภาวะผู้น�ำของตนเองมากขึ้น กล้าท่ีจะคิด ตัดสินใจ คิด วิเคราะห์ไตร่ตรอง ในการท�ำงานให้มากขึ้น ๑๕. ได้แนวคิดที่ได้รับมาวิเคราะห์และหาจุดที่เหมาะสมกับตัวตน และน�ำมาเรียบเรียงใหม่ เพ่ือพัฒนาตนเอง ผลที่ไดท้ �ำให้เรารจู้ ักวางแผนในระยะทยี่ าวมากข้ึนและคิดได้ซบั ซอ้ นมากขน้ึ_Final.indd 43 โครงการศกึ ษานิเทศก์ร่นุ ใหม่เพ่ือขับเคลอื่ นการปฏริ ูปการเรียนรู้ : 43 5/17/2017 8:42:34 PM
๑๖. ท�ำให้มีความกล้าท่ีจะท�ำในสิ่งที่ถูกต้อง กล้าท่ีจะเปล่ียนแปลงไปในทางที่ถูกต้อง และท�ำให้งานทีท่ ำ� น้นั บรรลุตามที่เราตอ้ งการ ๑๗. การรับฟังด้วยใจไม่มีอคติ เคารพผู้พูด และให้ค�ำแนะน�ำหรือความช่วยเหลืออย่างจริงใจแม้เพยี งไมม่ ากกส็ ามารถทำ� ให้ผูร้ ับการนิเทศประทบั ใจ ซ่ึงนำ� มาสู่การให้ความร่วมมือในกิจกรรมตา่ งๆ ๑๘. แม้ว่าเราจะยังดูด้อยอาวุโส ด้อยประสบการณ์กว่าผู้รับการนิเทศ รวมถึงท่านศึกษานิเทศก์ผทู้ รงวยั วฒุ ใิ นสำ� นกั งาน แตเ่ ราสามารถสรา้ ง ภมู ริ ู้ และ ภมู ฐิ าน ใหท้ นั หรอื กา้ วหนา้ กวา่ ทงั้ นตี้ อ้ งไมแ่ สดงในลกั ษณะอวดรู้ แตต่ ้องแสดงความออ่ นนอ้ มถอ่ มตน ดงั คณุ ลกั ษณะภาวะผู้นำ� การเปลย่ี นแปลงการนิเทศการศึกษา : จงู ใจ ใฝร่ ู้ ส้ปู ญั หา พัฒนาทมี งาน กล้าหาญเชงิ จรยิ ธรรม ๑๙. ได้แรงบนั ดาลใจจากภาพยนตร์ The Lady ออง ซาน ซจู ี ท�ำใหม้ ีความกล้าจริยธรรมมากขึน้กล้าท่ีจะเปล่ียนแปลงในส่ิงท่ีดี มีความอดทน และมีอุดมการณ์ มีความมุ่งม่ัน ซึ่งน�ำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาทงั้ ด้านการท�ำงานและการดำ� เนินชวี ติ ได้ดี ซงึ่ เป็นจดุ เล็กๆทีเ่ รมิ่ ต้นจากตวั เราเอง วา่ เราต้องมคี วามเชอื่ มั่นในสงิ่ ทด่ี ีและถกู ตอ้ ง และก้าวต่อไปเพอื่ เปา้ หมายอยา่ งไมย่ ่อท้อ และตอ้ งสรา้ งความเชอ่ื มัน่ศรทั ธาแก่ผรู้ ว่ มก้าวเดนิ ไปพร้อมๆ กัน อยา่ งมนั่ คงและยงั่ ยนื ผลดิ อก : รายงานการพฒั นาศกึ ษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหม่เพ่อื การขับเคลือ่ นการปฏริ ปู การเรียนรู้ : 44 5/17/2017 8:42:34 PM_Final.indd 44
กระบวนการเรยี นรทู้ ี่ ๓ กระบวนทัศนท์ างการศึกษาใหม่ การเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ และ System Thinking กระบวนการเรยี นรทู้ ี่ ๔ นวัตกรรมการเรยี นรู้ ตามแนวทางวธิ ีการแบบเปดิ (Open Approach) และการศึกษาช้นั เรยี น (Lesson Study) ระหว่างวนั ที่ ๒๑ – ๒๕ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ณ โรงแรมค้มุ ภคู ำ� อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่_Final.indd 45 โครงการศกึ ษานเิ ทศก์รนุ่ ใหมเ่ พอื่ ขับเคลอ่ื นการปฏิรูปการเรยี นรู้ : 45 5/17/2017 8:42:35 PM
กำ� หนดการ กระบวนการเรยี นรทู้ ่ี ๓ กระบวนทัศน์ทางการศึกษาใหม่ การเรียนรใู้ นรปู แบบใหม่ และ System Thinking กระบวนการเรยี นรู้ท่ี ๔ นวัตกรรมการเรียนรู้ ตามแนวทางวิธีการแบบเปดิ (Open Approach) และการศึกษาช้ันเรยี น (Lesson Study) ระหว่างวันที่ ๒๑ – ๒๕ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ณ โรงแรมคุม้ ภคู ำ� อ.เมอื ง จังหวดั เชยี งใหม่เวลา กิจกรรมวนั จนั ทร์ท่ี ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๙๐๘.๓๐ น. ลงทะเบยี น๐๙.๐๐ น. System Thinking กบั วชิ าชพี ศกึ ษานเิ ทศก์ (รศ.เกตมุ ณี มากม)ี๑๒.๐๐ น. รบั ประทานอาหารกลางวนั๑๓.๐๐ น. System Thinking กับวิชาชพี ศึกษานิเทศก์ (รศ.เกตุมณี มากมี)๑๙.๐๐ น. AAR (ทีมพเ่ี ลยี้ ง)วันอังคารที่ ๒๒ มนี าคม ๒๕๕๙๐๘.๓๐ น. เดินทางไปอำ� เภอสะเมงิ๐๙.๐๐ น. แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ การจดั การศกึ ษารปู แบบใหม่ ณ วดั พระบรมธาตุดอยผา สม้ (หลวงพ่สี รยทุ ธ ชยปัญโญ) รบั ประทานอาหารกลางวนั๑๒.๐๐ น. รบั ประทานอาหารกลางวนั๑๓.๐๐ น. เดนิ ทางไปโฮงเฮยี นสืบสานภมู ิปัญญาล้านนา๑๔.๐๐ น. แลกเปลยี่ นเรียนรู้การศึกษาทางเลือก ท่ีโฮงเฮียนสบื สานภูมปิ ญั ญาล้านนา (คณุ ชชั วาลย์ ทองดีเลิศ )๑๘.๐๐ น. รบั ประทานอาหารเย็นท่ีโฮงเฮยี นสบื สานภมู ปิ ัญญาลา้ นนา ผลิดอก : รายงานการพฒั นาศกึ ษานิเทศกร์ ่นุ ใหมเ่ พือ่ การขบั เคลอ่ื นการปฏิรปู การเรียนรู้ : 46 5/17/2017 8:42:35 PM_Final.indd 46
วันพุธท่ี ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙ ๐๘.๓๐ น. เดนิ ทางไปโรงเรยี นศึกษาสงเคราะหเ์ ชยี งใหม่ ๐๙.๐๐ น. ร่วมงาน Symposium PLC จังหวัดเชยี งใหม่ ๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน ๑๓.๐๐ น. เดนิ ทางไปโรงเรียนทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการPLC ในจังหวดั เชยี งใหม่ ๑๔.๐๐ น. เยยี่ มชมหอ้ งเรียนที่จัดการเรยี นการสอนในรปู แบบ Lesson Study ๑๙.๐๐ น. AAR (ทีมพี่เลย้ี ง) วันพฤหัสบดที ี่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ ๐๘.๓๐ น. เรียนรู้ตามแนวทางวิธีการแบบเปดิ (Open Approach) และการศึกษา ช้นั เรียน (Lesson Study) (ทีม สสค.) ๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวนั ๑๓.๐๐ น. เรยี นรตู้ ามแนวทางวธิ กี ารแบบเปิด (Open Approach) และการศกึ ษา ช้ันเรยี น (Lesson Study) (ทีม สสค.) ๑๙.๐๐ น. AAR (ทีมพ่ีเลยี้ ง) วันศุกรท์ ี่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๙ ๐๘.๓๐ น. วางแผนการทำ� Mini Special Project และน�ำเสนอ โดย(ทมี พ่ีเล้ียง) ๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน ๑๓.๐๐ น. เดนิ ทางกลับ_Final.indd 47 โครงการศึกษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหมเ่ พ่ือขับเคลอื่ นการปฏริ ปู การเรียนรู้ : 47 5/17/2017 8:42:36 PM
กระบวนกร รศ.ดร.เกตุมณี มากมี นายชชั วาลย์ ทองดีเลศิ อาจารย์มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เชียงใหม่ โฮงเฮียนสืบสานภูมปิ ัญญาลา้ นนา ดร.ดารณีย์ พยัคฆก์ ุล ดร.หนึง่ ฤทัย ชยั ดารา ศึกษานิเทศก์ สพป.เชียงใหม่ เขต ๔ ศกึ ษานิเทศก์ สพป.เชียงใหม่ เขต ๕ ดร.วารณุ ี โพธาสนิ ธุ์ ดร.วราภรณ์ อนวุ รรัตน์ ครเู ช่ยี วชาญ โรงเรียนสันปา่ ตองวทิ ยาคม ศกึ ษานิเทศก์ สพม. เขต ๓๔ สพม. เขต ๓๔ ผลิดอก : รายงานการพัฒนาศึกษานเิ ทศก์รุ่นใหมเ่ พอ่ื การขบั เคลอ่ื นการปฏริ ูปการเรียนรู้ : 48_Final.indd 48 5/17/2017 8:42:36 PM
การสะทอ้ นการเรยี นรหู้ นว่ ยท่ี ๑ การเรียนรเู้ รอื่ ง Coaching ดร.หน่งึ ฤทยั ชยั ดารา ศกึ ษานเิ ทศก์ สพป.เชยี งใหม่ เขต ๕ สาระความร้ทู ่ีไดร้ ับ ดร.หนง่ึ ฤทยั ชยั ดารา ได้ใหค้ วามรู้เรอื่ ง Coaching ซงึ่ Coaching (ผูช้ แ้ี นะ) คอื ผู้ใหก้ ารช่วย เหลอื แนะนำ� เราจะเรียกผรู้ บั การชแี้ นะว่า Coachee กระบวนการชแี้ นะ มี ๓ ขน้ั ตอน ประกอบด้วย ๑) ข้ันกอ่ นการชี้แนะ (Pre-Coaching) ๒) ขนั้ ช้ีแนะ (Coaching) ๓) ขน้ั หลงั การชแี้ นะ (Post-Coaching) หลักการของการชีแ้ นะ ประกอบดว้ ย ๑) การสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจ (Trust and rapport) ๒) การเสรมิ พลังอำ� นาจ (Empowerment) ๓) การท�ำงานอย่างเป็นระบบ (Systematic Approach) ๔) การพัฒนาท่ีต่อเนอื่ ง (Ongoing Development) ๕) การชแ้ี นะแบบมีเป้าหมายหรอื จดุ เนน้ ร่วมกนั (Focusing) ๖) การชแี้ นะในบริบทของโรงเรียน (Onsite Coaching) ๗) การช้แี นะทีน่ �ำไปใช้ได้จริง (Work in Real Content) ๘) การทบทวนและสะท้อนผลการด�ำเนินงาน (After action review and reflection) กลวธิ กี ารชแ้ี นะ ประกอบดว้ ย ๑) เดนิ ทลี ะกา้ ว กนิ ทลี ะคำ� ๒) จบั ถกู ไมจ่ บั ผดิ ๓) ปญั หาของใคร คนน้นั ตอ้ งแก้ ๔) ชมสองอยา่ ง ชจี้ ดุ บกพรอ่ งหน่งึ อย่าง ๕) การถามไม่ต้องหวงั คำ� ชม ๖) ใหก้ ารบ้าน ต้องตามมาตรวจ ๗) ถ้าจะบอก ตอ้ งมที างเลอื ก ๘) แกล้งท�ำเปน็ ไม่รู้ ๙) อดทนฟงั ใหถ้ ึงท่ีสุด และ ๑๐) เราเรยี นรรู้ ว่ มกนั จากกระบวนการเรยี นรู้ ทำ� ใหเ้ ขา้ ใจถงึ ความสำ� คญั กระบวนการขน้ั ตอน และเหน็ แนวทาง ในการนำ� ความร้ทู ี่ได้รบั ไปประยุกตใ์ ช้ในการปฏบิ ัติงานของศึกษานเิ ทศก์ในการเปน็ Coaching (ผ้ชู ้แี นะ) ใหก้ ับครู ไดช้ ัดเจนยง่ิ ขึ้น Coach จะเป็นการสอนงานโดยส่วนใหญ่จะเป็นการสอนจากผู้บริหาร หรือศึกษานิเทศก์หรือ ผู้ท่ีได้รับมอบหมาย เพื่อเป็นการพัฒนาความรู้ และเพิ่มทักษะการสอนของครู ซึ่งจะท�ำให้ครูมีผล การปฏบิ ัตงิ านท่ดี ขี นึ้ สว่ น Mentor ไมใ่ ช่เพียงแค่สอนงานแตจ่ ะเป็นลกั ษณะของการถา่ ยทอด สนบั สนนุ เพื่อให้เกิดความรู้ และประสบการณ์ในการท�ำงานท่ีดีขึ้น นอกจากน้ันพี่เลี้ยงยังเป็นท่ีปรึกษาให้แก่ครู ในกรณีที่เกิดความสับสน พร้อมทั้งยังจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการปฏิบัติตนอีกด้วยและหาก Coaching + Mentoring ก็จะท�ำให้ครูได้ท้ังความรู้ ประสบการณ์ ที่ปรึกษาได้พัฒนาตนเอง รวมท้ัง_Final.indd 49 โครงการศึกษานเิ ทศก์รุน่ ใหมเ่ พอ่ื ขบั เคลอ่ื นการปฏริ ปู การเรยี นรู้ : 49 5/17/2017 8:42:37 PM
มีทักษะการท�ำงานที่ดีข้ึน และผลสุดท้ายก็จะท�ำให้ครูเกิดความรักองค์กร ศึกษานิเทศก์ท่ีดีจะต้องเป็นได้ทัง้ Coach และ Mentor ข้อแตกตา่ งระหวา่ ง Coaching กบั Mentoring Coaching Mentoring๑. ผู้สอน โดยสว่ นมากจะมตี �ำแหน่งงานท่สี ูงกว่า ๑. พี่เลี้ยง ซ่ึงส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้มีหน้าท่ีระดับ เดียวกันหรือ เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการท�ำงาน ทม่ี ากกว่า๒. ท�ำหน้าท่ีในการชี้แนะ และสอนให้พัฒนา ๒. ท�ำหน้าท่ีในการช่วยเพิ่มศักยภาพของงานการท�ำงานให้ดีข้ึนโดยใช้หลักการ On The Job ช่วยให้คนท�ำงานใหม่ท�ำงานได้อย่างเต็มที่ เต็มTraining นอกจากน้ันยังคอยช่วยเหลือ และให้ ความสามารถ เพอ่ื จะไดไ้ มต่ อ้ งเสยี เวลาในการแกไ้ ขกำ� ลังใจกับครู ในยามท่ีเกดิ ความทอ้ แท้ งาน พร้อมท้ังองค์กรยังได้รับกัลยาณมิตรท่ีดี ต่อกันระหว่างทีมงาน๓. ถ่ายทอดความรู้เป็นกลุ่ม อธิบายให้เกิด ๓. ถ่ายทอดความรู้แบบตัวต่อตัว ช่วยเหลือความเข้าใจ และใหล้ งมอื ปฏิบตั ิเอง โดยให้กำ� ลังใจ ในการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งเป็นท่ีปรึกษาในเวลาอย่ดู า้ นข้าง ท่ีเกิดปัญหา ท�ำให้พี่เลี้ยงกับครูมีความสัมพันธ์ ใกล้ชดิ กนั มากกว่า Coach ผลดิ อก : รายงานการพฒั นาศึกษานิเทศกร์ นุ่ ใหมเ่ พื่อการขบั เคลื่อนการปฏริ ปู การเรียนรู้ : 50 5/17/2017 8:42:37 PM_Final.indd 50
Search