แผ่กิง่ รายงานการพฒั นาหลกั สตู รพฒั นาศกึ ษานเิ ทศก์ร่นุ ใหม่ เพื่อขบั เคล่อื นการปฏิรูปการเรยี นรู้ สนบั สนนุ โดย ส�ำนกั งานกองทุนสนบั สนนุ การสร้างเสรมิ สุขภาพ (สสส.) สำ� นกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน (สพฐ.) สำ� นกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร_Final.indd 1 5/17/2017 8:36:35 PM
แผ่ก่ิง รายงานการพฒั นาหลกั สูตรพฒั นาศกึ ษานเิ ทศกร์ ุน่ ใหม่ เพอื่ ขบั เคล่ือนการปฏริ ปู การเรียนรู้ นายเฉลิมชัย พันธเ์ ลิศ บรรณาธกิ าร จัดทำ� โดย คณะทำ� งาน: ผู้น�ำเพ่ือการเปลี่ยนแปลงทางการศกึ ษา รุน่ ที่ ๒ (Leadership for Education Change : LEC.2) นายเฉลมิ ชัย พนั ธเ์ ลิศ นักวิชาการศึกษา สำ� นักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน นายสฏายุ ธีระวณิชตระกลู อาจารย์มหาวิทยาลัยบรู พา นายสุวิทย์ บึงบวั นักวิชาการศกึ ษา สำ� นกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน นางสาวร่งุ นภา แสนอ�ำนวยผล ศึกษานเิ ทศก์ สำ� นกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาขอนแก่น เขต ๓ นายศรณณ์ วิ ชิ ญ์ ศรวมิ ล ศกึ ษานิเทศก์ สำ� นกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา นางสาววราภรณ์ อนุวรรัตน์ ศึกษานิเทศก์ ส�ำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต ๓๔ นางดารุณี พทุ ไธวฒั น์ นกั วชิ าการศึกษา สำ� นกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ แบบปก และรปู เ ล่ม : นายธรรมรตั น์ บญุ แพทย์ พิมพค์ รั้งแรก : มกราคม ๒๕๖๐ จ�ำนวนพมิ พ์ : ๑๐๐ เลม่ พิมพท์ ี่ : ห้างหนุ้ สว่ นจำ� กดั ประยูรสาสนไ์ ทยการพิมพ์ ๔๔/๑๓๒ หมู่ ๖ ถนนก�ำนันแม้น แขวงบางขนุ เทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ISBN: 978-616-395-849-5 ลิขสทิ ธเิ์ ป็นของสำ� นกั งานกองทนุ สนับสนนุ การสร้างเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) _Final.indd 2 5/17/2017 8:36:38 PM
ค�ำน�ำ โครงการพัฒนาศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่เพื่อการขับเคล่ือนการปฏิรูปการเรียนรู้ เป็นโครงการที่ สมาชกิ ทเี่ ขา้ รว่ มโครงการผู้น�ำเพือ่ การเปลย่ี นแปลงทางการศกึ ษารุ่นที่ ๒ (Leadership for Education Change : LEC.๒) ได้จัดท�ำขึ้นเป็นโครงการพิเศษ (Special Project) หลังจากที่ได้รับการพัฒนา จากการกระบวนการเรียนรู้หลัก (Core Module) เป็นระยะเวลา ๑ ปีแล้ว โครงการพิเศษ (Special Project) ใช้ระยะเวลาในการด�ำเนินการประมาณ ๑ ปี เพ่ือเป็นการแสวางหาความรู้และประสบการณ์ ทช่ี ว่ ยตอบโจทยก์ ารปฏริ ปู การเรยี นรเู้ ชงิ โครงสรา้ งของสงั คม โดยเฉพาะระบบการจดั การศกึ ษาซง่ึ เปน็ ระบบ ส�ำคัญในการขับเคล่ือนคุณภาพของคน ในฐานะท่ีเป็นต้นทุนส�ำคัญในการขับเคล่ือนคุณภาพของประเทศ โดยเน้ือหาหลักสูตรพัฒนาศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่เพ่ือขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา ใช้การออกแบบ กระบวนการเรยี นรใู้ นลกั ษณะของการพฒั นาวชิ าชพี ศกึ ษานเิ ทศกอ์ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง (continuing professional development) เพ่อื เปิดโลกทศั น์ทางการศึกษา และเสริมสรรถนะสำ� คญั สำ� หรบั การเป็นผนู้ �ำทางวชิ าการ สำ� หรับยคุ การปฏิรปู การศกึ ษาในศตวรรษ ท่ี ๒๑ โดยออกแบบการพฒั นาในรูปของชุดกระบวนการเรียนรู้ หลักหรือ โมดูลหลัก (core module) จ�ำนวน ๖ โมดูล มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และสมรรถนะส�ำคัญส�ำหรับศึกษานิเทศก์ส�ำหรับใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการท�ำงานพัฒนา สถานศึกษา ตลอดจนการสร้างเครือข่ายการท�ำงานด้านศึกษานิเทศก์ และการใชก้ ลไกการจดั การความรู้ ในการสรา้ งการเรยี นรทู้ ตี่ อ่ เนอ่ื งและยงั่ ยนื เพอ่ื เตรยี มศกึ ษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหมจ่ ำ� นวนหนง่ึ เตมิ เขา้ ไปหนนุ เสรมิ คณุ ภาพของระบบการจดั การศึกษา เอกสารทเ่ี ปน็ ผลดำ� เนินการประกอบดว้ ยเอกสาร ๓ เลม่ ประกอบด้วย เอกสารเลม่ ท่ี ๑ “แผก่ ่งิ ” ทที่ า่ นถอื อยใู่ นมอื นี้ เปน็ เอกสารรายงานการพฒั นาหลกั สตู รการพฒั นาศกึ ษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหมเ่ พอ่ื การขบั เคลอื่ น การปฏริ ปู การเรยี นรู้ เปน็ เอกสารทอี่ ธบิ ายกระบวนการทำ� งานทอี่ ยเู่ บอื้ งหลงั ความสำ� เรจ็ เนอ่ื งจากความหมาย ของ “การเรยี นรู้” กเ็ ป็นทัง้ “กระบวนการ” และ “ผล” ซ่ึงตา่ งกเ็ ป็นส่วนส�ำคญั ทจี่ ะนำ� ไปสกู่ ารประยุกตใ์ ช้ เพ่อื ผลติ คุณภาพซ้�ำตอ่ ไปได้ เอกสารเลม่ ท่ี ๒ “ผลิดอก” เอกสารรายงานผลการพฒั นาศกึ ษานิเทศก์ รุ่นใหม่เพ่ือขบั เคล่ือนการปฏริ ปู การเรยี นรู้ เป็นเอกสารบันทกึ ผลการด�ำเนนิ การจัดการพัฒนาท้งั ๖ โมดูล โดยมีการปรับเป็นการพัฒนาศักยภาพจ�ำนวน ๔ คร้ัง และปรับล�ำดับการพัฒนาตามความเหมาะสมของ เวลาและจงั หวะของการศกึ ษาดงู าน ความพรอ้ มของคณะวทิ ยากร และชว่ งเวลาอนั เหมาะสมของการทำ� งาน โครงการศกึ ษานิเทศก์ร่นุ ใหมเ่ พื่อขบั เคลือ่ นการปฏริ ูปการเรยี นรู้ : 3_Final.indd 3 5/17/2017 8:36:41 PM
ของบรรดาศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่ท่ีเข้าร่วมกระบวนการพัฒนา เพื่อไม่ให้รบกวนกระบวนการท�ำงานปกติจนเกินไป เอกสารเล่มนี้เป็นประมวลข้อมูลจากบันทึกการเรียนรู้ของศึกษานิเทศก์ ซ่ึงต้องขอขอบคุณมาณ โอกาสนี้ ทนี่ อกจากเปน็ บนั ทกึ การเรยี นรสู้ ว่ นบคุ คล และเปน็ สว่ นหนงึ่ ของการสำ� เรจ็ กระบวนการพฒั นาแล้ว ยังได้แบ่งปันความรู้นั้นแก่คนอ่ืนๆ ในวงกว้างด้วย และ เอกสารเล่มท่ี ๓ “ออกผล” บทเรียนการพัฒนาศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่เพื่อขับเคล่ือนการปฏิรูปการเรียนรู้ เป็นการเล่าความรู้และประสบการณ์ท่ีได้รับของท้ังศึกษานิเทศก์ ๒๔ คน และผู้ด�ำเนินการพัฒนาทั้ง ๗ คน เกี่ยวกับการได้มีโอกาสเรียนรู้โลกกวา้ งทางการศึกษา ท่จี ะเก็บเป็นพลังและเสบียงในการท�ำงานตอ่ ไป ผลการด�ำเนินโครงการได้ความรู้มากมายที่ผลิดอกออกผลให้ได้ชื่นชม แม้ว่าจะมีเวลาจ�ำกัดเนื่องจากคณะผดู้ �ำเนนิ การมีงานประจำ� ทต่ี อ้ งรับผิดชอบ การจดั สรรเวลาที่ไดม้ าท�ำงานรว่ มกนั ชว่ ยใหไ้ ด้เรยี นรวู้ ธิ คี ดิ และกระบวนการทำ� งานของบคุ ลคลทมี่ าจากหลากตา่ งหนว่ ยงาน ทมี่ วี ฒั นธรรมองคก์ รแตกตา่ งกัน ได้เรียนรู้ในการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่างหลากหลาย ขอขอบคุณผู้ร่วมกระบวนการเรียนรู้ทีช่ ่วยกันคิด ทำ� งาน และชนื่ ชมกบั ผลการเรยี นรอู้ ันงดงามนรี้ ว่ มกนั ขอขอบคณุ ส�ำนักงานกองทนุ สนับสนนุ การเสริมสรา้ งสุขภาพ (สสส.) ทไี่ ด้สนบั สนนุ งบประมาณในการด�ำเนนิ โครงการ ตลอดจนหนนุ เสริมและประสานงานต่างๆ จนโครงการฯ นี้ ได้สำ� เรจ็ ลงดว้ ยดี ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นกัลยาณมิตรในโครงการผู้น�ำเพ่ือการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาทกุ ท่าน โดยเฉพาะ นพ.ยงยทุ ธ วงษ์ภริ มยศ์ านต์ิ ผ้ทู รงคุณวุฒิ กรมสุขภาพจติ รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ประธานมูลนธิ สิ ถาบันวิจัยระบบการศกึ ษา นายวเิ ชยี ร ไชยบัง ผอู้ �ำนวยการโรงเรยี นลำ� ปลายมาศพฒั นาคณะทำ� งานจาก สสส. และสถาบนั พฒั นาครู คณาจารย์และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ทใ่ี ห้ค�ำปรึกษา และให้ข้อเสนอแนะในการจัดท�ำโครงการพิเศษจนสำ� เร็จลงดว้ ยดี ขอขอบคุณศกึ ษานิเทศกร์ ุ่นใหมท่ ้งั ๒๔ คน ท่จี ัดสรรเวลามาเข้าร่วมโครงการ แมว้ ่าอาจประสบอปุ สรรคเรือ่ งกระบวนการเรียนรู้ และการทำ� งานในหน่วยงานใหมอ่ ยูบ่ า้ ง กเ็ ชอื่ ว่าทุกคนไดพ้ ยายามเรยี นรู้และปรับตัวให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม สร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัว การงาน และโลกแห่งการเรียนรู้ของตนเองได้อย่างดี และหวังเป็นอย่างยิ่งขอบฟ้าแห่งการเรียนรู้ท่ีได้จากการเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ จะเป็นพลังให้สามารถมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาในยุคแห่งการปฏิรูปท่ีมีการเปล่ียนแปลงอยา่ งมหิ ยุดย้งั น้ีได้ คณะบุคคลพฒั นาศึกษานิเทศกย์ คุ ปฏริ ูปการศึกษา แผ่กิง่ : รายงานการพฒั นาหลักสูตรพัฒนาศึกษานเิ ทศกร์ ุ่นใหมเ่ พื่อการขบั เคลือ่ นการปฏริ ูปการเรยี นรู้ : 4 5/17/2017 8:36:45 PM_Final.indd 4
สารบญั ค�ำนำ� สารบัญ บทที่ ๑ บทนำ� ความเปน็ มา หลักการ และเหตผุ ล ............................................................................. ๑ วัตถปุ ระสงค์ .............................................................................................................. ๑๑ กรอบแนวคิดและยทุ ธศาสตรห์ ลกั .............................................................................. ๑๑ เปา้ หมาย ................................................................................................................... ๑๒ แผนดำ� เนินงาน .......................................................................................................... ๑๒ ระยะเวลาด�ำเนนิ งาน .................................................................................................. ๑๕ ผรู้ ับผดิ ชอบแผนงาน .................................................................................................. ๑๕ การบรหิ ารแผนงาน/โครงการ ..................................................................................... ๑๖ งบประมาณ ................................................................................................................ ๑๘ การกำ� กบั ติดตามและประเมนิ ผล ................................................................................ ๑๘ ผลท่ไี ด้รับ .................................................................................................................. ๑๘ บทที่ ๒ เอกสารและงานวิจัยท่เี กย่ี วข้อง ความรู้พื้นฐานเกยี่ วกับการนิเทศและการศึกษา .......................................................... ๑๙ การปฏิรูปการศกึ ษาและการเรยี นรู้ ............................................................................. ๓๓ งานวจิ ัยทเี่ ก่ยี วข้อง .................................................................................................... ๓๘ บทท่ี ๓ กระบวนการพัฒนาหลักสตู ร แนวคิดพนื้ ฐานในการพฒั นา ...................................................................................... ๔๓ กระบวนการเรียนรูห้ ลักและรูปแบบในการพัฒนา ........................................................ ๔๖ ระยะเวลา ................................................................................................................... ๕๐_Final.indd 5 โครงการศึกษานเิ ทศก์รนุ่ ใหม่เพือ่ ขบั เคลอื่ นการปฏริ ปู การเรียนรู้ : 5 5/17/2017 8:36:47 PM
การวดั และประเมินผล ................................................................................................ ๕๐ หลักสูตรการพฒั นาศึกษานิเทศก์ยคุ ปฏริ ปู การศึกษา .................................................. ๕๐ การประชมุ ครง้ั ที่ ๑ ....................................................................................... ๕๐ การประชมุ ครัง้ ที่ ๒ ....................................................................................... ๕๓ การประชมุ ครง้ั ที่ ๓ ....................................................................................... ๕๕ การประชมุ ครง้ั ที่ ๔ ....................................................................................... ๕๖บทท่ี ๔ ผลการด�ำเนนิ การ ตอนที่ ๑ ผลการทดสอบก่อนและหลังการพัฒนา ......................................................... ๖๑ ตอนที่ ๒ การประเมนิ ผลจากผ้เู ข้าร่วมการพฒั นา ....................................................... ๖๒ ผลการประเมินการประชุมครงั้ ท่ี ๑ ................................................... ๖๒ ผลการประเมินการประชุมครั้งท่ี ๒ ................................................... ๖๔ ผลการประเมนิ การประชุมครั้งที่ ๓ ................................................... ๖๖ ผลการประเมินการประชุมครั้งที่ ๔ ................................................... ๖๗บทท่ี ๕ สรปุ ผลการด�ำเนนิ การ บทเรียน และขอ้ เสนอแนะ สรุปผลการดำ� เนินการ ................................................................................................ ๖๙ บทเรยี น ..................................................................................................................... ๗๐ ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................... ๗๓รายการอา้ งอิง ...................................................................................................................... ๗๖ภาคผนวก ๑. แบบประเมนิ การผลการด�ำเนินการรายโมดลู .......................................................... ๗๘ ๒. แบบบันทกึ การเรยี นรู้ (After action review: AAR) .......................................... ๘๐ ๓. แบบทดสอบกอ่ นการพฒั นา “โครงการศกึ ษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหม่ เพอื่ ขบั เคลอ่ื นการปฏริ ปู การเรยี นร”ู้ ........................................................................... ๘๑ ๔. รายชือ่ โครงการพิเศษ (Mini project) .................................................................. ๘๕ ๕. บทสะทอ้ นการเรียนร้รู ายบุคคล ............................................................................. ๘๖ แผ่กงิ่ : รายงานการพัฒนาหลกั สตู รพฒั นาศึกษานิเทศกร์ นุ่ ใหม่เพือ่ การขับเคลื่อนการปฏิรูปการเรียนรู้ : 6 5/17/2017 8:36:48 PM_Final.indd 6
บทที่ ๑ บทนำ� ความเป็นมา หลกั การ และเหตุผล ระบบการจัดการศึกษา มีกลไกส�ำคัญที่ขับเคล่ือนระบบให้เกิดคุณภาพอยู่ ๓ ระบบ คือ ระบบ การจัดการเรียนการสอน ระบบการบริหารจดั การ และระบบการนเิ ทศหรือสง่ เสรมิ การศกึ ษา โดยเฉพาะ ระบบการนิเทศการศึกษาน้ัน มีงานวิจัยพบว่า ปัจจัยส�ำคัญท่ีมีอิทธิพลต่อการปฏิรูปการเรียนรู้ ที่ช่วยให้ การปฏิรปู การเรียนรดู้ ำ� เนนิ ไปได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพมากขึ้น ประการสำ� คัญ คือ ศึกษานิเทศก์หรือบุคคล ท่ีเข้าไปช่วยเหลือและร่วมเรียนรู้กับโรงเรียน เน่ืองจากแม้โรงเรียนจะมีความพร้อมในการพัฒนาตนเอง เพยี งใดกต็ าม แตม่ กั พบวา่ เมอ่ื พฒั นาไปถงึ ระดบั หนงึ่ โรงเรยี นมกั จะเผชญิ กบั ปญั หาทางวชิ าการ ทต่ี อ้ งการ ความชว่ ยเหลอื จากบคุ คลจากภายนอก เพอ่ื หนนุ เสรมิ อยา่ งจรงิ จงั และต่อเนื่อง (ทศิ นา แขมมณี และคณะ, ๒๕๔๗: ๒๐๙) โรงเรยี นทป่ี ระสบความสำ� เรจ็ จงึ มกั มนี กั วชิ าการพเี่ ลยี้ งจากภายนอกโรงเรยี นเปน็ ผปู้ ระสาน หรือช่วยเหลือสนับสนุน ในด้านกระบวนการเรียนรู้ โดยมีคุณลักษณะของกัลยาณมิตรที่จะร่วมเรียนรู้ ไปพรอ้ มๆ กบั ครู ความสำ� คญั ของการนเิ ทศการศกึ ษา มคี วามสำ� คญั เนอ่ื งจากสาเหตแุ ละปจั จยั หลายประการ ไดแ้ ก่ ๑) สภาพสังคมเปลี่ยนไปทุกขณะ การศึกษาจ�ำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้อง กับการเปลี่ยนแปลงของสังคมด้วย การนิเทศการศึกษาจะช่วยท�ำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ในองคก์ ารท่เี ก่ยี วข้องกับการศึกษาอย่างตอ่ เน่ือง เหมาะสมกับสภาพของสงั คมที่เปลย่ี นแปลงไป ๒) ความรูใ้ นสาขาวิชาตา่ งๆ เพมิ่ ข้นึ โดยไม่หยดุ ยัง้ แนวคดิ ในเรือ่ งการจัดกระบวนการเรียน รกู้ เ็ กดิ ขนึ้ ใหมแ่ ละเปลย่ี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา การนเิ ทศการศกึ ษาจะชว่ ยทำ� ใหค้ รมู คี วามรทู้ นั สมยั อยเู่ สมอ ๓) การแกไ้ ขปญั หาและอปุ สรรคต่าง ๆ เพื่อให้การจดั กจิ กรรมการเรียนรพู้ ฒั นาขน้ึ จำ� เป็น ตอ้ งได้รบั การชแี้ นะหรือการนเิ ทศการศึกษาจากผ้ชู ำ� นาญการโดยเฉพาะ จึงจะแกไ้ ขปญั หาได้ส�ำเร็จลลุ ่วง ๔) การศึกษาของประเทศเพ่ือให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ จะต้อง มีการควบคมุ ดแู ลด้วยระบบการนิเทศการศึกษา ๕) การจดั การศกึ ษาเปน็ กจิ กรรมทซ่ี บั ซอ้ น จำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งมกี ารนเิ ทศ เพอ่ื เปน็ การใหบ้ รกิ าร แกค่ รทู มี่ ีความสามารถต่าง ๆ กัน ได้พัฒนาตามศักยภาพของตนเอง และแกไ้ ขปัญหาในการปฏบิ ตั ิที่อาจ เกดิ ขนึ้ ในสถานศึกษา โครงการศึกษานิเทศกร์ ุน่ ใหมเ่ พ่อื ขับเคลื่อนการปฏริ ูปการเรียนรู้ : 7_Final.indd 7 5/17/2017 8:36:50 PM
โดยหลักการแล้ว หน้าที่ของศึกษานิเทศก์ในฐานะเป็นกลไกส�ำคัญในการพัฒนาคุณภาพการจดั การศกึ ษา ไดแ้ ก่ (๑) การขบั เคลอื่ นงานวชิ าการ หลกั สตู ร การสอน วดั และประเมนิ ผล สอ่ื นวตั กรรมการวจิ ยั และพฒั นาการเรยี นรเู้ ชงิ นโยบายสรู่ ะดบั ปฏบิ ตั ใิ นสถานศกึ ษา (๒) พฒั นาครดู า้ นหลกั สตู รการเรยี นการสอน พฒั นาสอื่ การวดั ประเมนิ ผล ระดบั สถานศกึ ษา โดยมศี กึ ษานเิ ทศกเ์ ชย่ี วชาญประจำ� วชิ า (๓) พฒั นาสอ่ื นวตั กรรมทางการศกึ ษา (๔) ดำ� เนนิ การโครงการพเิ ศษตามนโยบายของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร (๕) วจิ ยัทางการศึกษา และ (๖) ส่งเสริม สนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวกบั คุณภาพทางการศึกษาและอ่ืนๆ ซ่งึถือวา่ เปน็ ภารกิจทสี่ ำ� คัญอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้การคัดเลอื กบคุ คลเขา้ สตู่ ำ� แหน่งและการพฒั นาสมรรถนะของศกึ ษานเิ ทศกใ์ หม้ คี ณุ ภาพมากพอในการพฒั นาศกึ ษาใหม้ คี ณุ ภาพ และปฏบิ ตั หิ นา้ ทไ่ี ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพจงึ เปน็ เรือ่ งส�ำคญั มาก แนวคิดการปฏริ ูปการศกึ ษา ในศตวรรษท่ี ๒๑ (Changing Education Paradigms) พบว่าปญั หาอีกอย่างหนง่ึ คอื ระบบการศกึ ษาในปจั จุบนั ถูกออกแบบและคิดโครงสร้าง โดยคนอกี ยคุ หนง่ึ ที่แตกต่างกันกล่าวคือ คนคิดระบบกับคนเรียนอยู่คนละยุคกันระบบน้ี ถูกเรียกว่าวัฒนธรรมทางปัญญาของการรู้จริงกับสภาวะเศรษฐกิจ และววิ ัฒนาการของอตุ สาหกรรม Sir Ken Robinson ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นการศกึ ษาและความคิดสร้างสรรค์กล่าวถึง ระบบการศึกษาในปัจจุบันว่า “การศึกษาเป็นโมเดลบนผลประโยชน์ของอุตสาหกรรม โรงเรียนถูกจัดระบบการเรียนการสอนแบบสายพานของโรงงานอุตสาหกรรม เร่ิมจากมีเสียงออดเรียกเข้าเรียน มีการแยกส่ิงอ�ำนวยความสะดวกต่างๆ ในโรงเรียน แบ่งเป็นแผนกเป็นวิชาๆเรายังคงให้การศึกษากับเด็กๆ โดยการแบ่งพวกเขาเป็นกลุ่มๆ เราสร้างระบบโดยแยกเด็กไว้เป็นกลุ่มเป็นปีๆ ท�ำไมเราถึงท�ำแบบน้ัน เม่ือสิ้นสุดภาคการศึกษา เราก็ได้นักเรียนที่เรียนจบออกมาในรุ่นนั้นๆการท�ำแบบน้ีไม่ต่างอะไรจากโรงงานอุตสาหกรรมท่ีมีกระบวนการผลิตเลย เราจ�ำเป็นต้องก้าวออกมาจากกรอบความคดิ เดมิ ท่ีแบ่งแยกคน คนนช้ี อบส่ิงทเี่ ป็นนามธรรม คนนช้ี อบหลกั การเหตุผล สง่ิ ยอดเยย่ี มที่เกิดขึ้นกับการเรียนรู้คือ การเรียนรู้เป็นกลุ่ม การร่วมมือกัน คือส่ิงท่ีส�ำคัญของการพัฒนา” ในฐานะที่การนิเทศเป็นกลไกส�ำคัญอันหนึ่งของการปฏิรูปการศึกษา การพัฒนาศึกษานิเทศก์ในยุคปฏิรูปการศกึ ษา จึงต้องมการปรับเปลีย่ นฐานคดิ ในการพฒั นาดว้ ย มีงานวิจัยที่แสดงถึงปัญหาของระบบการนิเทศและศึกษานิเทศก์ ได้แก่ บุญชม ศรีสะอาด และคณะ (๒๕๔๔: ๒๔๖) ได้รายงานวิจัยเรื่อง ปัญหาและแนวทางการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานในระบบโรงเรียนของเขตการศึกษา ๑๑ พบว่า ด้านศึกษานิเทศก์มีปัญหาเรื่องไม่สามารถนิเทศได้ตามแผนหรือปฏทิ ินการนิเทศได้ จ�ำนวนศึกษานเิ ทศก์มไี มเ่ พยี งพอ ขาดการจัดเก็บขอ้ มูลทีเ่ ปน็ ปัจจุบันและเปน็ ระบบท�ำใหไ้ ม่สามารถใช้ขอ้ มลู ไดต้ ามตอ้ งการ ขาดการนิเทศ และติดตามในโรงเรยี น ขาดความรคู้ วามสามารถในการวิเคราะห์ วจิ ัย และประเมนิ ผลเพื่อพฒั นาการเรยี นการสอน จงึ ไมส่ ามารถใหค้ วามกระจา่ งแก่ครูได้และวีรนชุ ปิณฑวณชิ (๒๕๔๗: ๑๔-๑๙) รายงานวา่ พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการครู พ.ศ. ๒๕๒๐ได้ก�ำหนดให้มีต�ำแหน่งศึกษานิเทศก์เพื่อให้ท�ำหน้าท่ีแนะน�ำช่วยเหลือครูและผู้บริหารสถานศึกษาในการพฒั นาการจดั การศกึ ษาใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล อยา่ งไรกต็ ามมขี อ้ สงั เกตวา่ ชว่ งหลายปีที่ผ่านมา การปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์จ�ำนวนไม่น้อยมีปัญหา ส่งผลให้ไม่ได้รับการยอมรับจากครูมากนกั เนอ่ื งจากไมส่ ามารถเปน็ ทพ่ี ง่ึ ทางวชิ าการแกค่ รแู ละโรงเรยี นได้ การทำ� งานมกั เนน้ ดา้ นการประสาน แผก่ ิ่ง : รายงานการพฒั นาหลักสตู รพฒั นาศกึ ษานิเทศก์รุ่นใหม่เพอื่ การขบั เคล่อื นการปฏริ ูปการเรยี นรู้ : 8 5/17/2017 8:36:51 PM_Final.indd 8
งานระหว่างกรมต้นสังกัดกับโรงเรียนมากกว่าท�ำงานวิชาการ นอกจากนี้ศึกษานิเทศก์ส่วนใหญ่คุ้นชิน กับวัฒนธรรมการท�ำงานแบบใชอ้ �ำนาจและสัง่ การ จึงเนน้ การนิเทศในลักษณะสำ� รวจตรวจสอบ ตลอดจน สั่งการให้ครูและผู้บริหารสถานศึกษาให้ท�ำตามระเบียบและกรอบ มากกว่าที่จะแนะน�ำในลักษณะ กัลยาณมิตรนเิ ทศ เน่อื งจากเม่อื มกี ารปรบั เปลีย่ นโครงสร้างบรหิ ารการศึกษา จัดให้มสี �ำนกั งานเขตพืน้ ทีก่ ระจายอยู่ ตามภมู ภิ าคต่างๆ ทำ� หน้าทเี่ ปน็ ตัวแทนหน่วยงานสว่ นกลางเพอ่ื ดูแลเรอื่ งการศกึ ษาในเขตพนื้ ที่การศกึ ษา ท่รี ับผดิ ชอบ และประสานงานกับโรงเรียน ศึกษานิเทศก์ในฐานะเป็นผู้มีความร้คู วามสามารถทางวชิ าการ เป็นผู้ท�ำหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมโรงเรียนให้จัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีโรงเรียนท่ีรับผิดชอบ โดยเฉลย่ี คนละ ๑๐ โรงเรยี น และทำ� งานรว่ มกบั โรงเรยี นอยา่ งเขม้ ขน้ ในลกั ษณะของ “การฝงั ตวั ” การทำ� งาน ของศกึ ษานเิ ทศกท์ ใี่ ชบ้ ทบาทของการนเิ ทศทม่ี ขี อบเขตกวา้ งครอบคลมุ การประสานงานวชิ าการ การพฒั นา บคุ ลากร การพฒั นาทางดา้ นวชิ าการ และงานอน่ื ทไ่ี มส่ มั พนั ธก์ บั งานวชิ าการโดยตรงควรไดร้ บั การปรบั เปลยี่ น ให้สัมพันธ์กับลักษณะการท�ำงานแบบใหม่ มาเน้นการท�ำงานท่ีเกี่ยวข้องโดยตรงกับกับสภาพปัญหา ความต้องการทางวิชาการของโรงเรียนมากขึ้น ตลอดจนแนวทางการปฏิรูปการศึกษาท่ีก�ำลังจะเกิดขึ้นยุคปฏ(กPิรลrูป่าoวกfคeาsือรsเiรoกียnานaรlเรกlู้จeิดําaสเrปมnน็iัชnตชgอ้าcหงoรรmู้เือทสm่าภทuาnันกiแtาyลร)ศะสึกไ�ำดษห้รารับรับะกคดารับรผู พจสู้ ังัฒอหนนวาัดโเรพงกื่อเารจรียะสนสรจ้าาัดงมกชาาุมรรชถตนเนปแเ็นอหงผ่งู้นก(Aําารทuเtารoงียnวนoิชรmาู้แกoบาuบรsมทsือ่ีจcอhะาoไชปoีพlช)่วยให้การปซฏ่ึงริเปปู ็นกการาศรงึกาษนาทปี่ศรึกะษสาบนคิเวทาศมกส์ยาํ ุคเปรจ็ฏไิรดูป้ การเรียนรู้จ�ำเป็นต้องรู้เท่าทันและได้รับการพัฒนาเพอื่ จะสามารถศaกnรึกะdษบเดคaาปวnว้รใWนน็ยdศุนผกกกกึสaWรนู้าาษlถะรkรำ�aาบา,ปทแlกใวบkนลฏาาน,ังนสะร2บิ กว๒ปถวอ0ตัาชิ ๐ิธฏารุ0ดงิา๐ีกบแบิา5กมล๕าันนตั:าศะร:รอใงิ1วึตกทน๑าดุธ0ิ ่านษ๐จี่อมกี6งะใ๖งาศา-นไ-รค1ๆึกปตอ๑ช0์กษชาง่อ๐่ว8รงควา่ ๘ยใง)ๆยก์ห่าป)ชไใรองบ้ดหว่ีแไใตยหงด้รแก้รา่่อปรแ้บ้บากงเลแีรบตร่งนทรปุตรอ่ง่รกื่อ่ีเลฏารเะรนทงตุะมริดิ่มอดื่เี่ปาูเรับปงสมับFกม่ิ ขe้าเอขาสปFั้นหiรั้นนอmeา้ศกมกนiหmกึaาา(ามiษรnย(รnaiาพพแn-าndยNป-dลัฒฒัuแNeuระcลนนะcmมetะสาtาmiมีปioบบsบoปีseรnุคคnุคeะrร))วลrละสาาแแสาิทม((กล2๒ทกิลสธระ0๐รธะอำ�ภิช0อภิ๐เชอว่าร1๑อา่กวจ็งพพกพไเงccจปดจiเพฒัitาํปtน็ำ้�eัฒเeนdเ็นปปd๓านi็นน็กn3าชiตตาnBกช่วรอ้อ้ สงe่วางBงdองมมรeคnนสกีีกdือคaทาอาrnือzชรตรี่นa,พพว่อ่ชrBทงฒัเzัฒ่วนทo่ีต,งนนอc่ืศ่ี่อBทkางาึกoเบี่eศบนษ(ncคุึกiคุh่ือาknลษaลดeiงาtuาา้าniกeaด(นกhรrli้าnรaนดiutค้วieaยรrlุprofepsrosfioesnsaiolnal ddeevveellooppmmeennt)t)สส่ว่วนนGGoordrdoonn(๒๐๐(๔20: 0๙4): 9เ)สนเอสเนสอ้นเทสา้นงทกาารงพกัฒารนพาัฒบุคนลาาบกุครไลวา้ กไรดไ้แวก้ ไ่ ด้แก่การคกัดาเรลคือดั กเลกอื ากรกเตารเียตมรบยี ุมคบลาคุ กลรากร่อกนอ่ ปนรปะรจะําจกำ� การารกกาารรบบรรรรจุรับเขา้าททำ� ํางงาานนกากราใรหใท้ หด้ทลดอลงงอางนงาแนละแกลาะรพกฒั านรพา ัฒนาบคุ ลาบกคุ รลอายกา่รงอตย่อา่ เงนต่ืองเน่ือดงังแดสังดแสงใดนงภในาภพาทพี่ 1ที่ ๑การคดั เลอื ก การเตรียม การบรรจุเขา้ การปฐมนิเทศ การพัฒนาบคุ ลากรอยา่ งตอ่ เนื่อง(recruitment) บุคลากรกอ่ น ทํางาน และทดลองงาน (continuing professionalประจาํ การ (hiring and (induction) development)(pre-service placement)ภาพท่ี ๑ เส้นpทrาeงpกaาrรaพtัฒioนnา)วิชาชพี (professional development continuum) (Gordon, ๒๐๐๔: ๙) ภาพท่ี 1 เส้นทางการพัฒนาวชิ าชพี (professional dโeคvรงeกlาoรศpกึ mษาeนnเิ ทtศcกo์ร่นุ nใหtiมnเ่ uพuอ่ื ขmับเ)คล(Gื่อนoกrาdรoปฏnริ ,ปู 2ก0าร0เร4ยี :น9รู้ ): 9 วิชาชีพศึกษานิเทศก์เป็นระยะที่เปล่ียนผ่านจากวิชาชีพครูมาสู่การเป็นศึกษานิเทศก์ ซ่ึงความรู้ความ_Final.indd 9 เข้าใจ ทักษะกระบวนการ และสมรรถนะสําคัญ ที่จําเป็นในการทํางานหลายประการไม่ได้รับการพัฒน5า/1ม7/2า017 8:36:52 PM
วิชาชีพศึกษานิเทศก์เป็นระยะท่ีเปลี่ยนผ่านจากวิชาชีพครูมาสู่การเป็นศึกษานิเทศก์ ซึ่งความรู้ความเข้าใจ ทักษะกระบวนการ และสมรรถนะส�ำคัญ ที่จ�ำเป็นในการท�ำงานหลายประการไม่ได้รับการพฒั นามาตง้ั แตก่ ารศกึ ษาในระดบั อดุ มศกึ ษา มแี ตเ่ พยี งการรบั การพฒั นากอ่ นการเขา้ สตู่ ำ� แหนง่ เทา่ นนั้ด้วยเหตุน้ี การพัฒนาต่อเนื่อง (continuing professional development) จึงเป็นเรื่องส�ำคัญมากในการพัฒนาสมรรถภาพของศึกษานิเทศก์ ที่เช่ือมโยงความรู้ทางด้านการสอน (pedagogical contentknowledge) ตอ่ ยอดดว้ ยศาสตรด์ า้ นการพฒั นาครู การเปน็ โคช้ และพเ่ี ลยี้ ง (coaching and mentoring)ให้สามารถท�ำงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาทั้งในระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา และเป็นผู้เช่ือมโยงสรรพศาสตรน์ ำ� ไปสูก่ ารปฏิบัติ เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษา และการเรียนการสอนที่เป็นหัวใจส�ำคัญของการปฏิรูปการเรียนรู้ในโรงเรยี นประสบความสำ� เรจ็ การพฒั นาศกึ ษานเิ ทศกใ์ หส้ ามารถทำ� หนา้ ทพ่ี เี่ ลยี้ งในบรบิ ทโรงเรยี นจงึ เปน็ความจ�ำเป็น จึงจ�ำเป็นอย่างยิ่งที่ควรมีกระบวนการพัฒนาศึกษานิเทศก์แนวใหม่ ซึ่งเป็นกระบวนการฝึกหรือการจดั กระบวนการเรยี นรใู้ ห้แก่ผใู้ หญ่ (an andragogical process model for learning) ที่ควรเปน็รปู แบบทเ่ี นน้ กระบวนการ (process model) ซง่ึ แตกตา่ งจากรปู แบบทเี่ นน้ เนอื้ หา (content model) กลา่ วคอืการใหก้ ารศกึ ษาผใู้ หญแ่ บบเดมิ นน้ั ผพู้ ฒั นารปู แบบเปน็ ผคู้ ดิ เนอ้ื หาหรอื ทกั ษะทตี่ อ้ งการใหเ้ กดิ ขน้ึ จดั เนอื้ หาวธิ กี ารในการถา่ ยทอดเนอื้ หา และวางแผนหนว่ ยของเนอ้ื หาตามลำ� ดบั ในขณะทรี่ ปู แบบทเ่ี น้นกระบวนการ(process model) ให้ความส�ำคัญกับการจัดกระบวนการและทรัพยากรต่างๆ ที่เอ้ือให้เรียนรู้ข้อมูลหรือทักษะใหม่ (Knowles, Holton III and Swanson, ๒๐๐๕: ๑๑๕) เน่อื งจากศกึ ษานิเทศกเ์ ป็นผูใ้ หญ่มีประสบการณ์ มีความรู้และทักษะทางวิชาการที่ได้รับการพัฒนามาในระดับหน่ึงแล้ว ซ่ึงเป็นพื้นฐานท่ีดีในการเรียนรู้อยู่แล้ว การเรียนรู้ที่เหมาะสมท่ีควรจัดให้แก่ศึกษานิเทศก์จึงควรเป็นการเรียนรู้แบบเน้นประสบการณ์ (experiential learning) เพราะเปน็ การเรยี นรทู้ ไ่ี ดเ้ รยี นรจู้ ากการลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ การเรยี นรู้แบบเน้นประสบการณ์เช่ือเร่ืองความรู้และปัญญามีจุดเริ่มจากการท�ำงานหรือการลงมือกระท�ำ และประสบการณ์เปน็ เร่อื งของกระบวนการเรียนรู้ (Kolb, ๑๙๘๔: ๒๐; Evans, ๑๙๙๔: ๑) เปน็ การนำ� ความรู้ทมี่ อี ยแู่ ลว้ มาบรู ณาการเขา้ กบั ความรใู้ หมท่ ไี่ ดร้ บั จากประสบการณก์ ารลงมอื ปฏบิ ตั ิ (learning-by-doing)เปน็ การเรยี นรทู้ ใ่ี หค้ วามหมายกบั ประสบการณใ์ หม่ (active construction of meaning) (Moon, ๑๙๙๙: ๒๔)ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั หลกั การของกระบวนการ การเรยี นรขู้ องมนษุ ย์ ทวี่ า่ ทกุ สงิ่ ทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั เรานน้ั เปน็ ครใู หแ้ ก่เราได้ เคล็ดลับในการเรียนคอื ยนื บนขาตวั เองแล้วเรยี นรู้จากเหตุการณท์ เ่ี กดิ ขึน้ จึงเป็นพื้นฐานใหม้ องหาประสบการณอ์ นั ใหมใ่ นปรากฏการณท์ ซ่ี บั ซอ้ น ทำ� ใหค้ วามกระจา่ ง และทำ� ความเขา้ ใจใหล้ กึ ขน้ึ เรยี นรจู้ ากประสบการณ์นน้ั วา่ สอนอะไรเราบา้ ง (Zachary, ๒๐๐๐: ๕) ความเป็นมาดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นที่มาของการพัฒนาหลักสูตรส�ำหรับศึกษานิเทศก์ยุคปฏิรูปการศกึ ษา โดยออกแบบกระบวนการเรียนรใู้ นลกั ษณะของการพัฒนาวชิ าชีพศึกษานิเทศกอ์ ย่างต่อเนอื่ ง(continuing professional development) เพอ่ื เปดิ โลกทศั นท์ างการศกึ ษา และเสรมิ สรรถนะสำ� คญั สำ� หรบัการเปน็ ผูน้ ำ� ทางวิชาการสำ� หรับยุคการปฏิรูปการศึกษาในศตวรรษท่ี ๒๑ โดยออกแบบการพฒั นาในรูปของชดุ กระบวนการเรียนรูห้ ลักหรอื โมดลู หลกั (core module) จำ� นวน ๖ โมดลู มเี ปา้ หมายเพอ่ื เสรมิ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจและสมรรถนะสำ� คญั สำ� หรบั ศกึ ษานเิ ทศกส์ ำ� หรบั ใชใ้ นการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา และ แผก่ งิ่ : รายงานการพัฒนาหลักสตู รพัฒนาศกึ ษานเิ ทศกร์ ุ่นใหมเ่ พอื่ การขบั เคลื่อนการปฏริ ูปการเรยี นรู้ : 10 5/17/2017 8:36:52 PM_Final.indd 10
การท�ำงานพฒั นาสถานศึกษา ตลอดจนการสร้างเครือข่ายการทำ� งานดา้ นศกึ ษานิเทศก์ และการใช้กลไก การจัดการความรู้ในการสร้างการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องและยั่งยืน เพ่ือเตรียมศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่จ�ำนวนหนึ่ง เติมเขา้ ไปหนุนเสรมิ คุณภาพของระบบการจัดการศึกษา วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพ่ือพฒั นาศกึ ษานเิ ทศก์ให้มีความรู้ ความสามารถ มีกระบวนทศั น์ มีทักษะภาวะผนู้ �ำ ส�ำหรบั ยคุ ปฏริ ูปการศึกษา ๒. เพอ่ื พัฒนาศกึ ษานเิ ทศกใ์ ห้สามารถให้คำ� ปรกึ ษา และพัฒนากระบวนการจดั การเรยี นรูข้ องครู ตามแนวทางปฏิรปู การเรยี นรู้ ๓. เพอ่ื ให้ศึกษานเิ ทศกส์ ามารถศึกษา พัฒนาแนวคิดเก่ยี วกับนวัตกรรมด้านการนิเทศการศึกษา และสามารถนำ� ไปประยุกต์ใช้ในการท�ำงาน ๔. เพอ่ื ให้เกิดเครอื ข่ายการท�ำงานของศึกษานเิ ทศกใ์ นระดับต่างๆ กรอบแนวคิดและยทุ ธศาสตรห์ ลัก สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายของแผนท่ีเก่ียวข้องของส�ำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กลา่ วคอื แผนยุทธศาสตรร์ ะยะ ๑๐ ปี ประกอบด้วย ๓ ประการ คอื (๑) เพ่มิ สดั สว่ นของคนไทยอายุ ๑๕ ปี ขนึ้ ไปทม่ี คี วามสขุ ในการดำ� รงชวี ติ (๒) เพมิ่ สดั สว่ นของครอบครวั ทม่ี คี วามอบอนุ่ และ (๓) ชมุ ชนและทอ้ งถนิ่ เข้มแขง็ เปา้ หมายแผนหลัก ๓ ปี ของ สสส. ประกอบด้วย ๒ เปา้ ประสงค์ คอื เปา้ ประสงคท์ ่ี ๓ เพมิ่ ความสามารถเชงิ สถาบนั และสง่ เสรมิ บทบาทของชมุ ชนและองคก์ รในการพฒั นาสขุ ภาวะองคร์ วม หรอื แกไ้ ข ปญั หาสำ� คญั ของตน โดยพฒั นากระบวนการตน้ แบบและกลไกขยายผลเพอื่ มงุ่ พฒั นาสงั คมสขุ ภาวะในระยะ ยาวอย่างย่ังยืน และเป้าประสงค์ที่ ๖ เพ่ิมสมรรถนะระบบบริการและระบบสนับสนุนในการเสริมสร้าง สุขภาวะและเพมิ่ ประสิทธภิ าพกลไกในการบรหิ ารจดั การ กระบวนการพัฒนาแผนงาน มขี อบข่าย ดงั นี้ ๑) ศึกษาข้อมูลพ้ืนฐานที่เกี่ยวข้องกระบวนการศึกษานิเทศก์ ได้แก่ สมรรถนะส�ำคัญของ ศกึ ษานเิ ทศก์ หลกั สตู รการพฒั นาศกึ ษานเิ ทศกก์ อ่ นการแตง่ ตง้ั และศกึ ษาเปรยี บเทยี บกระบวนการพฒั นา ศกึ ษานเิ ทศกใ์ นระดบั นานาชาติ และการสมั ภาษณผ์ เู้ ชยี่ วชาญเกยี่ วกบั แนวทางในการพฒั นาศกึ ษานเิ ทศก์ แล้วประมวลเป็นแนวคดิ ส�ำคัญในการพัฒนา ๒) ออกแบบหลกั สตู รการพัฒนา เน้นประยกุ ตแ์ นวคดิ การพฒั นาบุคคลใน ๓ ดา้ น ตามหลัก พทุ ธปรชั ญาของการเป็นครูของครทู ่ดี ี คอื (๑) สวุ ิชาโน : การพฒั นาความรู้ความเขา้ ใจที่จำ� เป็นต่อการทำ� งานศกึ ษานเิ ทศก์ บนพ้ืนฐานการเขา้ ใจโลกและชวี ิตในยคุ เปลย่ี นผา่ นการศึกษา (๒) สุสาสโน : มีทกั ษะและสมรรถนะส�ำคญั หรบั การท�ำงานพฒั นาคุณภาพการเรยี น การสอน และหนุนเสรมิ การจัดการเรียนการสอนของครู โครงการศึกษานเิ ทศกร์ ุ่นใหม่เพือ่ ขบั เคล่ือนการปฏิรปู การเรียนรู้ : 11_Final.indd 11 5/17/2017 8:36:52 PM
(๓) สฏุ ปิ นั โน : มคี วามประพฤตดิ ี เปน็ แบบอยา่ งและเปน็ แรงบนั ดาลใจใหผ้ อู้ น่ื ไดป้ ระพฤติ ปฏบิ ตั ิตาม ๓) การจัดกลไกเกื้อหนุน ได้แก่ การสร้างชุมชนการเรียนรู้มืออาชีพ (Professionallearning Community) และการเรยี นรอู้ ย่างตอ่ เน่อื งผ่านกิจกรรมเรยี นรูแ้ ละสอื่ อันหลากหลาย ๔) สรุปผลการด�ำเนินการ โดยศึกษาการเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนกับผู้เข้าร่วมกระบวนการพัฒนาและผลกระทบ (outcome) ทีเ่ กดิ ขึ้น ด้วยการทบทวนและไตรต่ รองการเรยี นรู้ (learning reviewand reflection) และการประยกุ ต์ใช้ความรูใ้ นการปฏบิ ัติงานในบรบิ ทโรงเรยี นเป้าหมาย เชงิ ปรมิ าณ ๑) ผเู้ ขา้ รับการพฒั นา จ�ำนวน ๒๔ คน เป็นศกึ ษานิเทศก์รุน่ ใหม่ ครอบคลมุ ทกุ สงั กดั สำ� หรบัสพฐ. เลอื กจากหลายสำ� นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา (ทงั้ สพป. และ สพม.) และ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่(อปท.) และเลือกกระจายไปทวั่ ทุกภูมิภาคของประเทศ ๒) จ�ำนวนนวัตกรรมการปฏิบัติงานในพื้นท่ีจริง ซ่ึงมาจากการประยุกต์ใช้ความรู้หรือประสบการณ์ในบรบิ ทของสถานศกึ ษาอยา่ งนอ้ ย ๔ แห่ง (วธิ ีการวัด แจงนับตามจ�ำนวนสถานศกึ ษาและหรือจ�ำนวนครทู ีไ่ ดร้ บั การพฒั นา) เชิงคุณภาพ ผเู้ ข้ารับการพฒั นา มีคุณธรรม จรยิ ธรรม มีจิตสาธารณะ โลกทศั นท์ ด่ี ี มวี สิ ัยทศั น์ มที กั ษะด้านมนุษยสัมพันธ์และการส่ือสารที่ดี และมีทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ สามาถน�ำไปประยุกต์ในการปฏบิ ัตงิ านได้อย่างมคี ณุ ภาพการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๑) ใช้หลักการของกระบวนการไตร่ตรอง (Reflection) และการทบทวนหลังการปฏิบัติงาน(After action review: AAR) ๒) แบบบันทึกการเรียนรใู้ นแตล่ ะกระบวนการเรียนของผ้เู ข้ารบั การพฒั นา ๓) แบบประเมนิ ผลการเข้ารว่ มการประชมุ อบรม จ�ำนวน ๔ ครัง้แผนด�ำเนนิ งาน ๑. แผนดำ� เนนิ งาน กำ� หนดแนวทางการดำ� เนนิ งานของโครงการภายใตแ้ นวคดิ (Concept) ดงั นคี้ อื ๑) การจัดกระบวนการเรียนรู้รูปแบบใหม่ เป็นกระบวนการเรียนรู้ท่ีผู้เข้ารับการพัฒนารว่ มกบั กลั ยาณมติ ร มโี อกาสและสว่ นรว่ มในการกำ� หนดเนอ้ื หาและกระบวนการเรยี นรรู้ ว่ มกนั ซง่ึ ประกอบดว้ ยกระบวนการเรียนรหู้ ลัก (Core Module) ต่างๆ กระบวนการเรียนรู้หลัก จะเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการท่ีผู้เข้ารับการพัฒนาทุกคนและกลั ยาณมติ รทสี่ นใจเขา้ รว่ มฝกึ อบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร โดยวทิ ยากรกระบวนการทม่ี คี วามสามารถเฉพาะโดยท่ีมี ๕ กระบวนการหลัก ใช้ระยะเวลาการอบรม ๓ วันตอ่ ๑ กระบวนการหลกั ทงั้ น้ี ระยะเวลาทกี่ ำ� หนดขนึ้อยู่กับความส�ำคัญของเนือ้ หาสาระและกระบวนการเรียนรู้ ในกระบวนการหลกั น้ันๆ ไดแ้ ก่ แผก่ ิง่ : รายงานการพฒั นาหลักสตู รพัฒนาศกึ ษานเิ ทศกร์ ุ่นใหม่เพอ่ื การขบั เคล่ือนการปฏิรปู การเรียนรู้ : 12 5/17/2017 8:36:52 PM_Final.indd 12
กระบวนการเรียนรู้ที่ ๑ การเรียนรู้เพื่อพัฒนาตน ประกอบด้วยกระบวนการของ จิตปัญญาศึกษา (Contemplative education) การศึกษาอัตชีวประวัติ (Biography) และนพลักษณ์ (Enneagram) เป็นการปพู ้นื ฐานดา้ นสติสมาธิ การเข้าใจโลกและชีวิตตามความเปน็ จริง กระบวนการเรยี นรทู้ ่ี ๒ ภาวะผนู้ ำ� ทางการศกึ ษา (Educational leadership) โดยการให้ แนวคดิ หลกั การและวธิ กี ารนำ� ไปใชใ้ นการทำ� งาน จากคณะวทิ ยากรผมู้ ปี ระสบการณข์ องมหาวทิ ยาลยั บรู พา กระบวนการเรียนรู้ที่ ๓ แนวคิดสำ� คัญของการจดั การศึกษาในศตวรรษท่ี ๒๑ ประกอบ ดว้ ย การศกึ ษาเพอื่ สรา้ งความเปน็ พลเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตย (Democratic citizenship education) และการศกึ ษาดงู านการประยุกตใ์ ชแ้ นวคดิ การจัดการศึกษาในศตวรรษที่ ๒๑ ทีโ่ รงเรียนรุง่ อรุณ กระบวนการเรยี นรทู้ ี่ ๔ กระบวนทัศน์ทางการศึกษาใหม่ และการเรยี นร้ใู นรปู แบบใหม่ และการจดั การศกึ ษาแบบองคร์ วม (Holistic Education) เรยี นรกู้ ารสรา้ งบรรยากาศทส่ี ง่ เสรมิ การเรยี นรู้ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ และกระบวนการพฒั นาครโู ดยใชโ้ รงเรยี นเปน็ ฐาน ประกอบดว้ ยการศกึ ษาเรยี นรู้ ระบบการจดั การศกึ ษาแบบบา้ นเรยี น (Home School) ของวดั พระธาตดุ อยผาสม้ การจดั การศกึ ษาแนวทาง การศึกษาทางเลือก (Alternative Education) ที่โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา การจัดการศึกษา พิเศษของโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ จังหวัดเชียงใหม่ และแนวทางการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community) กระบวนการเรยี นรทู้ ี่ ๕ เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ การเรยี นรู้ และเพอ่ื ใชใ้ นการพฒั นาครู (Information technology for learning and professional development) เรียนรู้กระบวนการใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศสำ� หรับการพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ และสง่ เสรมิ การทำ� งาน กระบวนการเรียนรู้ที่ ๖ รูปแบบและเครื่องมือส�ำหรับพัฒนาบุคลากร ประกอบด้วย การช้ีแนะ (coaching) การศึกษาชั้นเรียน (lesson study) และแนวทางการสร้างชุมชนการเรียนรู้ ทางวชิ าชีพ (Professional Learning Community) ท่ีเปน็ แนวทางสำ� คญั ในการพัฒนาวชิ าชพี ครู ๒) กลั ยาณมติ ร การมกี ลั ยาณมติ รเปน็ ปจั จยั ทส่ี ำ� คญั ยงิ่ ในการเดนิ ทางเพอื่ การเรยี นรแู้ ละพฒั นา ตนเอง ดงั นนั้ ผนู้ ำ� แตล่ ะคนจะมกี ลั ยาณมติ รประจำ� ตวั ทำ� หนา้ ทด่ี แู ล ชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ กบั ผเู้ ขา้ รบั การพฒั นาอยา่ งสมำ่� เสมอ ใหค้ ำ� แนะนำ� และชว่ ยเหลอื ในการจดั ทำ� และดำ� เนนิ การตามแผนพฒั นา ศักยภาพส่วนบุคคล การประยุกต์ใช้ความรู้เพ่ือใช้ในการท�ำงานกับสถานศึกษา รวมถึงการประเมินผล การเรียนรู้ของผู้เข้ารับการพัฒนา นอกจากน้ีผู้น�ำแต่ละคนจะได้พบและสนทนากับกัลยาณมิตรอาวุโส เปน็ ระยะ ๓) เรยี นรแู้ ละใช้ชวี ติ ร่วม ในการสรา้ งใหเ้ กดิ ประสบการณร์ ว่ มกันแก่ผเู้ ขา้ รบั การพัฒนาเพื่อให้ ได้เปิดโลกทัศน์ และวิสยั ทศั น์ ในการบรหิ ารจัดการตนเอง เพื่อนรว่ มงาน เครอื ขา่ ย และองค์กร สามารถ น�ำไปประยุกต์ใช้ในหน่วยงานหรือองค์กรของตนเองได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ โดยจัดให้มี การศึกษาดูงานในพ้ืนที่จริงในองค์กร/เครือข่ายของภาคส่วนต่างๆ ท่ีให้ความส�ำคัญและแก้ไขปัญหา ทางการศึกษา ๔) พฒั นางานโรงเรียน โดยเลือกประเดน็ การพัฒนาทเี่ ปน็ สงิ่ ท้าทาย และสอดคลอ้ งกบั บทบาท หน้าที่และความรับผิดชอบของหน่วยงานท่ีตนเองสังกัด ด�ำเนินการการแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน กับ ผูเ้ ข้ารับการพัฒนาและผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ โครงการศกึ ษานิเทศก์รุ่นใหม่เพือ่ ขบั เคล่อื นการปฏิรูปการเรยี นรู้ : 13_Final.indd 13 5/17/2017 8:36:52 PM
๕) การเรียนรูด้ ้วยตนเอง (Self Study) นอกจากงานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย (Assignment) แลว้ผู้เข้ารับการพัฒนาจะได้รับการสนับสนุนสื่อการเรียนรู้ท่ีได้รับการคัดสรรจากกัลยาณมิตร เช่น หนังสือบทความ กรณศี กึ ษา ภาพยนตร์ หรอื บทเพลง รวมถงึ สามารถเขา้ ถงึ หรอื เขา้ ใชท้ รพั ยากร และสอื่ การเรยี นรู้ต่างๆ ขององค์กรภาคี เพ่ือใช้ในการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยจะมีสื่อจ�ำนวนหน่ึงท่ีได้รับการคัดเลือกให้กับผู้น�ำแต่ละคนเป็นการเฉพาะ ท้ังน้ีการเรียนรู้ด้วยตนเองจะสอดคล้องและเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาศกั ยภาพส่วนบุคคลที่จดั ทำ� ขึ้น ๖) กิจกรรมพิเศษ และการขยายเครือข่าย กิจกรรมพิเศษจัดขึ้นเพ่ิมเติมตามความต้องการของผเู้ ขา้ รบั การพฒั นา โดยความเหน็ ชอบรว่ มกนั ระหวา่ งผเู้ ขา้ รบั การพฒั นาและกลั ยาณมติ ร โดยสอดคลอ้ งกับการท�ำงานปกติของผู้เข้ารับการพัฒนา แต่ละคนสามารถเลือกเข้าร่วมกระบวนการท�ำงานขององค์กรภาคีเครือข่าย ท่ีสอดคล้องกับความต้องการ ความสนใจ การเข้าร่วมมีได้หลายลักษณะ เช่น ร่วมเป็นคณะทำ� งาน เปน็ ผูส้ ังเกตการณ์ หรือรว่ มกจิ กรรม ๗) กระบวนการเรียนรู้ โดยกระบวนการเรียนรู้ มีหลักการส�ำคัญคือ เป็นกระบวนการพัฒนาศึกษานิเทศก์ที่มีความจ�ำเพาะและแตกต่างจากหลักสูตรการฝึกอบรมทั่วไปท่ีมีอยู่ในปัจจุบัน โดยเป็นการเน้นการสร้างศึกษานิเทศก์ที่ท�ำงานสัมพันธ์กันเชิงแนวราบ เป็นความสัมพันธ์ใหม่ท้ังภายในและภายนอกองคก์ ร โดยถือหลักว่าทกุ คนมศี กั ดิศ์ รี มีคุณค่า และมีศักยภาพ สามารถเขา้ มารวมกลุ่มรว่ มคิดร่วมท�ำด้วยความเสมอภาค และเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย เกิดเป็นโครงสร้างทางสังคมใหม่ที่เรียกว่าINN ตามแนวคดิ ของศาสตราจารยป์ ระเวศ วะสี ๒. วธิ ีการดำ� เนนิ งานพัฒนาศกึ ษานเิ ทศก์ยคุ ปฏิรูปการศึกษา ๑) คณะผู้น�ำการเปล่ียนแปลงทางการศึกษา รุ่นที่ ๒ จ�ำนวน ๗ คน ร่วมกับกัลยาณมิตรทป่ี รกึ ษาโครงการ คดั เลอื กศกึ ษานเิ ทศก์ เพอ่ื เขา้ รบั การพฒั นา และประสานงานกลั ยาณมติ ร ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ๒) คดั เลอื กกลั ยาณมติ ร (Mentors) ทจี่ ะมารว่ มแลกเปล่ยี นเรยี นรู้กบั ผู้เขา้ รบั การพฒั นา ๓) คัดเลือก/สรรหา ผู้เขา้ รว่ มโครงการ โดยเนน้ ความพรอ้ มและความสมคั รใจของผ้เู ข้ารบัการพฒั นา ๔) ปฐมนเิ ทศผู้เข้ารับการพฒั นา เพ่ือชีแ้ จงสรา้ งความเขา้ ใจเกยี่ วกับข้ันตอนการดำ� เนนิ งานและระยะเวลาตามทโ่ี ครงการกำ� หนด ๕) เรียนรูร้ ว่ มกนั ท้งั ผู้เรยี นรู้ กัลยาณมิตร ผา่ นกระบวนการเรียนรู้หลัก (Core Module)ท้งั ๖ ชุดกิจกรรม โดยจัดเป็นการประชมุ จ�ำนวน ๔ คร้ัง ๖) ใช้ชีวิตร่วมกัน ระหว่างผู้เรียนรู้ และกัลยาณมิตร โดยการศึกษาดูงานและเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงจากองค์กรท่ีประสบความส�ำเร็จ ๗) สรุปและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เข้าร่วมโครงการในทุกระยะของการเรียนรู้หลักโดยกจิ กรรม Reflection and AAR ๘) จดั การศกึ ษาดงู านในประเทศ ในพนื้ ทจี่ รงิ ขององคก์ ร/เครอื ขา่ ยทจ่ี ดั การศกึ ษาประสบผลสำ� เรจ็ ๙) ตดิ ตามกจิ กรรมการเรยี นรขู้ องผเู้ ขา้ รบั การพฒั นา ในลกั ษณะเครอื ขา่ ยการเรยี นรผู้ า่ นทางส่อื เทคโนโลยีสารสนเทศ แผก่ ่งิ : รายงานการพัฒนาหลักสตู รพฒั นาศกึ ษานเิ ทศก์รุ่นใหม่เพือ่ การขับเคลอ่ื นการปฏริ ูปการเรียนรู้ : 14 5/17/2017 8:36:52 PM_Final.indd 14
๑๐) ตดิ ตามการเปลยี่ นแปลงของผเู้ ขา้ รบั การพฒั นา โดยสอบถาม สมั ภาษณผ์ ทู้ เี่ กย่ี วขอ้ งในพน้ื ท่ี ๑๑) สรุปผลการดำ� เนนิ งาน ผลผลิต ผลลัพธ์ ผลส�ำเรจ็ ของการด�ำเนนิ การพฒั นา ระยะเวลาดำ� เนินการ ระยะเวลาต้ังแตเ่ ดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ – ธันวาคม ๒๕๕๙ มรี ายละเอยี ด ดังนี้ ๑. ประชุมร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิ/ท่ีปรึกษาโครงการ ร่วมแลกเปล่ียนเรียนรู้ เพื่อจัดท�ำหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้การพัฒนา การสรรหากัลยาณมิตรเข้าร่วมโครงการ การคัดเลือก/สรรหา ผู้เข้าร่วม โครงการ และการจัดท�ำปฏิทินการด�ำเนินงานตามโครงการ โดยจัดข้ึนระหว่างวันที่ ๑๑-๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ โรงแรมเอเชยี แอร์พอรต์ อ�ำเภอลำ� ลกู กา จงั หวัดปทมุ ธานี ๒. คดั เลอื กผเู้ ขา้ รบั การพฒั นาโครงการศกึ ษานเิ ทศกย์ คุ ปฏริ ปู การศกึ ษา ระหวา่ งเดอื นพฤษภาคม ถึง เดือนมถิ ุนายน ๒๕๕๘ ๓. การประชุมครัง้ ที่ ๑ ประกอบดว้ ยกระบวนการเรียนรู้ ๑ การปฐมนเิ ทศและประชมุ ปฏบิ ตั กิ าร เพอ่ื พฒั นาศกั ยภาพ“จติ ตปญั ญาศกึ ษา” ระหวา่ งวนั ท่ี ๒๐–๒๓ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ กนกรตั น์ รสี อรท์ จงั หวัดสมุทรสงคราม ๔. การประชมุ ครัง้ ท่ี ๒ ประกอบดว้ ยกระบวนการเรียนรู้ ๒ ภาวะผู้น�ำทางการศึกษา ณ โรงแรม บางแสนเอสทู อ�ำเภอเมือง จังหวัดชลบรุ ี ระหวา่ งวันท่ี ๒๑–๒๔ มกราคม ๒๕๕๙ ๕. การประชมุ ครง้ั ท่ี ๓ ประกอบดว้ ย กระบวนการเรยี นรทู้ ี่ ๔ กระบวนการทศั นท์ างการศกึ ษาใหม่ การเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ และการคิดเชิงระบบ และกระบวนการเรียนรู้ที่ ๖ รูปแบบและเครื่องมือส�ำคัญ ในการพัฒนาบุคลากร ระหว่างวนั ท่ี ๒๑–๒๕ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ โรงแรมคมุ้ ภูค�ำ จังหวดั เชียงใหม่ ๖. การประชุมคร้งั ที่ ๔ ประกอบด้วย กระบวนการเรียนร้ทู ่ี ๓ แนวคิดส�ำคัญของการจดั การศึกษา ในศตวรรษที่ ๒๑ และกระบวนการเรยี นรทู้ ี่ ๕ เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การเรยี นรู้ และเพอื่ ใชใ้ นการพฒั นา ครู ระหว่างวันท่ี ๑๒–๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ โรงแรมบียอนด์ สวที เขตบางพลดั กรงุ เทพมหานคร ๗. สรุปและรายงานผลโครงการศกึ ษานเิ ทศก์ยคุ ปฏิรปู การศกึ ษา ระหว่างวันท่ี ๒๐-๒๔ ตลุ าคม ๒๕๕๙ ณ โรงแรมบันดาหยา รีสอร์ท จังหวดั สตูล ผรู้ บั ผดิ ชอบแผนงาน ๑. ทปี่ รึกษาโครงการ ๑) นพ.ยงยุทธ วงษ์ภิรมย์ศานติ์ ผู้ทรงคุณวฒุ ิ กรมสุขภาพจิต ๒) รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ ประธานมลู นธิ ิสถาบนั วจิ ยั ระบบการศึกษา ๓) อาจารยว์ เิ ชียร ไชยบงั ผู้อำ� นวยการโรงเรยี นลำ� ปลายมาศพฒั นา ๒. คณะกรรมการอำ� นวยการ ๑) ผทู้ รงคณุ วุฒิ ๒) ผู้จดั การ สสส. หรือรองผู้จดั การ สสส. ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ๓) สถาบันพฒั นาครู คณาจารย์และบคุ ลากรทางศกึ ษา (สคบส.) สำ� นกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ โครงการศกึ ษานเิ ทศกร์ ่นุ ใหมเ่ พอ่ื ขับเคลอ่ื นการปฏริ ูปการเรียนรู้ : 15_Final.indd 15 5/17/2017 8:36:53 PM
๓. ผูจ้ ัดการแผนงาน ประกอบด้วย ๑) ดร.เฉลมิ ชยั พนั ธเ์ ลศิ ผู้จัดการแผนงาน ๒) ผศ.ดร.สฏายุ ธรี ะวณชิ ตระกลู รองผู้จดั การแผนงาน ๓) ดร.สุวิทย์ บึงบวั คณะท�ำงาน ๔) ดร.รุ่งนภา แสนอ�ำนวยผล คณะทำ� งาน ๕) นายศรณ์ณวิ ชิ ญ์ ศรวิมล คณะทำ� งาน ๖) ดร.วราภรณ์ อนุวรรตั น ์ คณะท�ำงาน ๗) นางดารุณี พุทไธวฒั น ์ คณะทำ� งานและเลขานุการ ๔. สถานทต่ี ิดต่อประสานงาน ส�ำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร วังจันทรเกษม ถนนราชด�ำเนนิ นอก เขตดสุ ิต กรุงเทพ ๑๐๓๐๐ ๕. ภาคหี ลักหรอื องคก์ รสนบั สนนุ ๑) ส�ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา ส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา และองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินที่สนบั สนนุ ให้ศึกษานเิ ทศกร์ ่นุ ใหม่เข้ารับการพฒั นา ๒) กลมุ่ Thai Civic Education เปน็ กลมุ่ เครอื ขา่ ยองคก์ รทร่ี วมตวั กนั เพอ่ื สง่ เสรมิ การเรยี นรู้ ด้านการศึกษาเพ่อื สร้างความเปน็ พลเมอื งในระบอบประชาธิปไตย ประกอบด้วย - ศูนย์วจิ ัยและพัฒนาการศกึ ษาเพื่อการพัฒนาท่ียั่งยนื คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย - มูลนิธิฟรดี รชิ แอเบร์ท (Friedrish-Ebert Stiftung) - สถาบนั ส่ือเด็กและเยาวชน - สถาบนั แหง่ ชาติเพอื่ การพฒั นาเดก็ และเยาวชน มหาวิทยาลยั มหดิ ล องคก์ รสนับสนนุ สถานศึกษาในสังกัดส�ำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา สังกัดส�ำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษามัธยมศึกษา และสถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้การสนับสนุนในการให้ ศกึ ษานเิ ทศกท์ ่เี ขา้ รับการพฒั นา น�ำความรูแ้ ละทกั ษะทีไ่ ด้รบั ไปพฒั นางานตนเองในพืน้ ทท่ี ่ีรับผิดชอบ การบรหิ ารแผนงาน/โครงการ โครงการด�ำเนินการโดยใช้ส�ำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ส�ำนักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน เปน็ ศนู ยบ์ รหิ ารและงานงานโครงการ มคี ณะทำ� งานประกอบดว้ ย ๑. คณะทปี่ รกึ ษา ประกอบด้วย นางสุกญั ญา งามบรรจง ผูอ้ �ำนวยการส�ำนกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา ๒. คณะด�ำเนินการโครงการ ๒.๑ ดร.เฉลิมชยั พันธ์เลศิ บริหารงานโครงการ มีหน้าท่ีบริหารจัดการโครงการในภาพรวม ก�ำกับทิศทางในการพัฒนาให้สอดคล้อง เหมาะสมกบั เปา้ หมาย มอบหมายหนา้ ทใี่ นการดำ� เนนิ การใหเ้ กดิ คณุ ภาพ และรบั ผดิ ชอบกระบวนการเรยี นรู้ ที่ ๑ การปฐมนิเทศและจติ ตปญั ญาศึกษา แผ่กงิ่ : รายงานการพฒั นาหลักสูตรพัฒนาศกึ ษานเิ ทศก์รุ่นใหม่เพอ่ื การขับเคล่ือนการปฏิรปู การเรยี นรู้ : 16_Final.indd 16 5/17/2017 8:36:53 PM
๒.๒ ผศ.ดร.สฏายุ ธรี ะวณชิ ตระกลู พฒั นาหลักสตู รและบรหิ ารงานวชิ าการ มีหน้าท่ีออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ในกระบวนการพัฒนาแต่โมดูล และพัฒนางาน วิชาการให้เกิดประสิทธิผลตามเป้าหมายที่ก�ำหนดไว้ และรับผิดชอบกระบวนการเรียนรู้ที่ ๒ ภาวะผู้น�ำ ทางการศกึ ษา (Educational leadership) ๒.๓ ดร.สวุ ทิ ย์ บึงบวั พฒั นาหลักสูตรและบริหารงานวชิ าการ มหี นา้ ทอี่ อกแบบกจิ กรรมการเรยี นรใู้ นกระบวนการพฒั นาแตล่ ะโมดลู พฒั นางานวชิ าการ ให้เกดิ ประสิทธผิ ลตามเปา้ หมายที่ก�ำหนดไว้ และรบั ผดิ ชอบกระบวนการเรยี นร้ทู ี่ ๕ เทคโนโลยสี ารสนเทศ เพ่อื การเรยี นรู้ และเพ่ือใช้ในการพฒั นาครู (Information technology for learning and professional development) ๒.๔ ดร.วราภรณ์ อนวุ รรตั น์ บริหารงานวิชาการและประสานทัว่ ไป มหี น้าทปี่ ระสานงานผู้เข้ารบั การพฒั นา ฐานข้อมลู ในการพัฒนา ประสานคณะวทิ ยากร กลั ยาณมิตร แหลง่ เรยี นรู้ เพื่อให้กระบวนการพัฒนาเกดิ ประสิทธิภาพ และรับผิดชอบกระบวนการเรยี นรู้ ที่ ๖ รปู แบบและเคร่ืองมอื ส�ำหรบั พัฒนาบุคลากร ๒.๕ นายศรณณ์ ิวิชญ์ ศรวมิ ล สง่ เสรมิ ระบบเครอื ข่ายและประชาสัมพนั ธ์ มีหน้าท่ีสนับสนุนกิจกรรมการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ ด้วยการประสานเครือข่าย กัลยาณมิตร ส่ือและแหล่งเรียนรู้ รวมทั้งการเผยแพร่ความก้าวหน้าในการด�ำเนินการและรับผิดชอบ กระบวนการเรยี นร้ทู ี่ ๓ แนวคดิ ส�ำคัญของการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ ๒๑ ๒.๖ ดร.รุ่งนภา แสนอ�ำนวยผล ระบบการวดั และประเมินผลโครงการ มหี นา้ ทอ่ี อกแบบกระบวนการการประมนิ ความกา้ วหนา้ ของผเู้ ขา้ รบั การพฒั นารายบคุ คล และกระบวนการประเมินโครงการ รวมท้งั ประสานกับคณะทำ� งานจดั การท่วั ไป ในดา้ นบันทึกผลกระบวน การพัฒนา ไดแ้ ก่ การถอดบทเรยี น ถ่ายภาพ และเก็บร่องรอยหลกั ฐานการดำ� เนนิ การ ๒.๗ นางดารณุ ี พุทไธวฒั น์ เลขานุการ มหี นา้ ทป่ี ระสานคณะกรรมการทกุ ฝา่ ย จดั ทำ� ระบบจดั เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การจดั การดา้ น การเงินและพัสดุ รวมท้ังประสานงานโครงการ ๓. คณะท�ำงานจดั การทั่วไป เป็นคณะท�ำงานท่ีเข้ามาช่วยการจัดการให้การเกิดงานเกิดความคล่องตัวมากขึ้น ประกอบด้วย บคุ ลากร ๒ กล่มุ คือ คณะศกึ ษานิเทศก์ที่เขา้ มาร่วมเป็นคณะดำ� เนินการ และคณะบคุ คลทจ่ี ้างมาช่วยงาน ตามประเด็นหรือวาระ ดงั น้ี ๓.๑ คณะประสานงานและงานธุรการ ๓.๒ คณะบนั ทกึ ผลกระบวนการพฒั นา ได้แก่ การถอดบทเรียน ถ่ายภาพ และเกบ็ ร่องรอย หลกั ฐานการด�ำเนนิ การ ๓.๓ คณะออกแบบและศิลปกรรม เพ่ือจัดระบบข้อมูลและน�ำเสนอข้อมูลความก้าวหน้าของ โครงการพฒั นา ๓.๔ คณะดำ� เนินการประเมนิ สรุปและรายงานความก้าวหน้าของโครงการ _Final.indd 17 โครงการศกึ ษานิเทศก์ร่นุ ใหมเ่ พอ่ื ขบั เคล่ือนการปฏริ ูปการเรียนรู้ : 17 5/17/2017 8:36:53 PM
งบประมาณ คา่ ใชจ้ า่ ย (โครงการ ๑ ปี ระหวา่ งพฤษภาคม ๒๕๕๘ - ธนั วาคม ๒๕๕๙) ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากส�ำนกั งานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสขุ ภาพ (สสส.)การกำ� กับติดตามและประเมินผล ๑. โดยผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละคณะทำ� งาน ซึง่ มีบทบาทหนา้ ท่ี (Job description) ดังน้ี ๑) ใหค้ �ำปรกึ ษาในกระบวนการพัฒนากระบวนการนเิ ทศ ๒) เขา้ รว่ มประชมุ กับทีมคณะทำ� งาน และให้คำ� ปรกึ ษา ๒. ส�ำนักงานโครงการจัดท�ำรายงานความก้าวหน้า ผลการด�ำเนินงานของแต่ละกิจกรรม และแผนการดำ� เนินการต่อไปซ่งึ ผา่ นการเห็นชอบเสนอต่อ สสส. ทกุ รอบ ๖ เดือน ๓. จดั ใหม้ กี ารประเมนิ ความกา้ วหนา้ (Progress Evaluation) โดยผปู้ ระเมนิ ภายในของโครงการในรอบระยะที่ ๑, ระยะท่ี ๒ และสิน้ สิน้ โครงการ ๔. ดำ� เนนิ การประเมนิ ผลรวม (Summative Evaluation) โดยผปู้ ระเมนิ ภายในของโครงการ และเสนอรายงานต่อ สสส.ผลทีไ่ ด้รบั ๑. ศกึ ษานิเทศก์ผูผ้ า่ นการพัฒนามีกระบวนทศั น์ ทักษะ ภาวะผู้นำ� ทเี่ ออื้ ต่อการทำ� หน้าท่นี เิ ทศครูใหส้ อดคลอ้ งตามแนวทางการปฏิรูปการศกึ ษาของประเทศ ๒. หน่วยงานที่เป็นต้นสังกัดของศึกษานิเทศก์ท้ังส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) และองคก์ รการปรกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ (อปท.) เกดิ ความรว่ มมอื ในการสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การแลกเปลยี่ นเรียนรู้ การพัฒนาศักยภาพศึกษานิเทศก์ให้เป็นผู้น�ำเพื่อการเปล่ียนแปลงทางการศึกษาตามแนวทางการปฏิรปู การศกึ ษาของประเทศ ๓. เกดิ กลไกการขบั เคลอื่ นยทุ ธศาสตรก์ ารปฏริ ปู ศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพการจดั การเรยี นรรู้ ะดบัพ้ืนท่ีและระดับประเทศอย่างเป็นรปู ธรรม ๔. กระทรวงศึกษาธิการมีเครือข่ายศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่ที่เข้มแข็งซึ่งเป็นผู้น�ำการศึกษาเพื่อการปฏิรปู การศึกษาของประเทศอย่างมีประสิทธภิ าพ ๕. ศกึ ษานเิ ทศกผ์ ผู้ า่ นการพฒั นามเี ครอื ขา่ ยสอ่ื สงั คมออนไลนเ์ พอ่ื แลกเปลย่ี นเรยี นรดู้ า้ นการศกึ ษาเพื่อการปฏิรปู การศกึ ษาของประเทศอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ แผ่ก่งิ : รายงานการพัฒนาหลกั สตู รพฒั นาศกึ ษานเิ ทศกร์ ุ่นใหมเ่ พอ่ื การขบั เคลือ่ นการปฏริ ูปการเรยี นรู้ : 18 5/17/2017 8:36:53 PM_Final.indd 18
บทท่ี ๒ เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ กี่ยวขัอง การด�ำเนนิ การพัฒนาศึกษานิเทศกร์ ุ่นใหมเ่ พอื่ การขับเคลอื่ นการปฏริ ปู การเรยี นรู้ ไดม้ ีการศึกษา เอกสารและข้อมูลตา่ งๆ เพ่อื เปน็ พนื้ ฐานสำ� หรบั ใช้ในการด�ำเนินโครงการ ประกอบด้วย ๑. ความร้พู น้ื ฐานเกี่ยวกับการนิเทศการศกึ ษา ๒. การปฏิรูปการศกึ ษาและการเรยี นรู้ ๓. แนวคดิ การพัฒนาบุคลากร ๔. งานวิจัยทีเ่ กย่ี วขอ้ ง ความรูพ้ นื้ ฐานเก่ียวกับการนิเทศการศกึ ษา ๑. ความหมายการนิเทศการศกึ ษา จากการศึกษาแนวคดิ ของนกั การศกึ ษาหลายท่านทง้ั ในประเทศและตา่ งประเทศ ท้ังในอดีต และปัจจุบัน เกี่ยวกับความหมายของการนิเทศการศึกษา สรุปได้ว่า การนิเทศการศึกษา หมายถึง กระบวนการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยความร่วมมือระหว่างผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ ตามแนวทางของประชาธิปไตยที่เน้นการให้ความช่วยเหลือ แนะน�ำ และผู้รับการนิเทศยอมรับ เพื่อประสทิ ธภิ าพของการจดั การศึกษา ๒. จุดมุ่งหมายของการนิเทศการศึกษา งานนิเทศการศึกษาเป็นงานที่ปฏิบัติกับครู เพ่ือให้เกิดผลต่อคุณภาพผู้เรียนโดยตรง โดยมี จดุ มุ่งหมายทสี่ �ำคัญ คือ ๒.๑ เพือ่ ช่วยพฒั นาความสามารถของครผู ู้สอน ๒.๒ เพอื่ ชว่ ยให้ครูสามารถวเิ คราะห์ปัญหาและหาแนวทางแก้ไขปญั หาได้ด้วยตนเอง ๒.๓ เพ่อื ช่วยให้ครคู ้นหาวิธกี ารท�ำงานด้วยตนเอง ๒.๔ เพอื่ ช่วยให้ครูมคี วามศรทั ธาในวชิ าชพี ของตน ๒.๕ เพื่อช่วยให้ครูมีความกา้ วหน้าในวิชาชพี ๒.๖ เพอ่ื ชว่ ยใหค้ รมู ที กั ษะในการปฏบิ ตั งิ าน เชน่ การพฒั นาหลกั สตู ร การปรบั ปรงุ การเรยี น การสอน การใชแ้ ละผลติ สื่อการสอน การวดั และประเมินผล เป็นตน้ ๒.๗ เพื่อชว่ ยครูใหส้ ามารถทำ� วิจัยในชัน้ เรียนได้ โครงการศกึ ษานเิ ทศก์รุน่ ใหมเ่ พื่อขบั เคลือ่ นการปฏิรปู การเรียนรู้ : 19_Final.indd 19 5/17/2017 8:36:55 PM
๓. บทบาทหน้าที่และความรบั ผดิ ชอบของผ้นู ิเทศ ผนู้ ิเทศมภี าระหน้าที่หลายอย่างแตห่ นา้ ท่ีหลกั คือการช่วยเหลือ แนะน�ำ ส่งเสริม การพัฒนาคุณภาพการศึกษา และคุณภาพการสอน ซึ่งต้องเกี่ยวกับกับงานหลายด้านและบุคลากรหลายฝ่ายนกั การศึกษาหลายทา่ นจงึ ไดก้ ำ� หนดบทบาทหน้าที่ของผนู้ ิเทศไว้ ดังนี้ ๓.๑ บทบาทเป็นผู้ประสาน (Coordinator) เช่น ประสานครูแต่ละระดับให้ช่วยเหลือซง่ึ กันและกนั ประสานชมุ ชน ผ้ปู กครอง ๓.๒ บทบาทเป็นท่ีปรึกษา (Consultant) โดยเป็นที่ปรึกษาให้ค�ำแนะนะแก่ครู และผู้รบั การนเิ ทศทว่ั ไป ๓.๓ บทบาทเป็นผู้น�ำกลุ่ม (Group Leader) คือ รู้วิธีที่จะท�ำงานร่วมกับกลุ่มให้ประสบผลสำ� เรจ็ ๓.๔ บทบาทเปน็ ผปู้ ระเมนิ (Evaluation) ไดแ้ ก่ เป็นผู้ประเมินผลการสอน ประเมนิ ผลหลักสูตร ๓.๕ บทบาทในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตร ด้านการเรียนการสอน ด้านการวัดประเมินผล ๓.๖ บทบาทเป็นนักวิจัย เป็นผู้ที่น�ำผลการวิจัยเสนอแนะให้ครูใช้ และด�ำเนินการวิจัยโดยเฉพาะการวิจัยปฏิบตั กิ าร ๓.๗ บทบาทเป็นผู้น�ำการเปลี่ยนแปลง โดยการช่วยเหลือให้ครูมีการเปล่ียนแปลงและปรับปรุงพัฒนา ๓.๘ เป็นครูต้นแบบ คือ สามารถสาธิตการสอนท่ีมีประสิทธิภาพแก่ครู และแนะน�ำวิธีการสอนแก่ครูได้ ๔. งานการนเิ ทศการศึกษา งานนิเทศการศึกษาเป็นการด�ำเนินงานเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่งมีขอบข่ายงานที่ส�ำคัญ ดังนี้ ๔.๑ งานการใหค้ วามชว่ ยเหลือครโู ดยตรง (Direct Assistance) โดยผูน้ ิเทศจะให้ข้อมลูย้อนกลบั แก่ครู เพอ่ื ปรับปรงุ การเรยี นการสอนด้วยวิธีการนิเทศแบบต่าง ๆ เช่น การนิเทศแบบคลินกิ ๔.๒ งานพัฒนาบุคลากร (Staff Development) โดยการจดั โอกาสใหไ้ ด้รบั การเรียนรู้เพือ่ ใหค้ รูสามารถปรับปรุงการเรียนการสน เชน่ การจัดประชุม อบรม เยย่ี มชนั้ เรียน แนะน�ำวธิ สี อน สาธิตการสอน ตลอดทั้งการประเมนิ ครู เป็นตน้ ๔.๓ งานการพัฒนาหลักสูตร (Curriculum Development) โดยผู้นิเทศและครูควรร่วมกนั ในการปรบั ปรงุ พัฒนาหลักสูตรท่เี หมาะสม เช่น การคัดเลอื กและจดั เนอ้ื หาสาระกจิ กรรมการเรียนรู้การตรวจสอบคัดเลอื กประเมนิ สื่อการเรียนการสอนแตก่ ล่มุ สาระ เปน็ ตน้ ๔.๔ งานการบรหิ าร (Administration) โดยผนู้ เิ ทศจะตอ้ งดำ� เนนิ งานทตี่ อ้ งมกี ารตดั สินใจและรับผิดชอบต่อการตดั สินใจ เพือ่ ความคล่องตวั ในการปฏิบตั ิงาน นน่ั คอื ผู้นิเทศตอ้ งมีการด�ำเนนิ การอยา่ งเปน็ ระบบ มกี ารวางแผน ตดิ ตามผลการดำ� เนนิ งาน ตลอดทั้งการประเมนิ ผลการปฏบิ ัติงาน ๔.๕ งานการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) โดยผู้นิเทศสามารถช่วยให้ครูสามารถประเมินผลการสอนของตนเอง ปรับปรุงพัฒนาการสอนของตนเองได้ โดยการช่วยครูในการท�ำวิจยั ในช้นั เรียน แผ่ก่งิ : รายงานการพัฒนาหลกั สูตรพฒั นาศกึ ษานิเทศกร์ นุ่ ใหม่เพือ่ การขับเคลอื่ นการปฏริ ปู การเรียนรู้ : 20 5/17/2017 8:36:56 PM_Final.indd 20
๔.๖ งานดา้ นการวดั และประเมนิ ผล ไดแ้ ก่ การประเมนิ คณุ ภาพของผเู้ รยี น การใหข้ อ้ เสนอ แนะครูให้สามารถสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผลได้อย่างเหมาะสม และด�ำเนินการวัดประเมินได้อย่าง มคี ุณภาพ ๕. กิจกรรมการนิเทศ กิจกรรมตา่ ง ๆ ทใ่ี ชใ้ นการนิเทศการศึกษา คอื เป็นเครอื่ งมอื ส�ำคัญเพอ่ื สง่ เสริมและพฒั นา การปฏิบัติงานของครู ซ่ึงจะช่วยให้การด�ำเนินการนิเทศบรรลุเป้าหมาย กิจกรรมการนิเทศมีมากมาย ซึ่งผู้นิเทศสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับจุดมุ่งหมายของการนิเทศแต่ละครั้ง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แก่ครูและนักเรยี น ดังน้นั ผนู้ ิเทศจงึ ต้องมคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั กจิ กรรมการนิเทศ โดยจะขอน�ำเสนอ กจิ กรรมการนเิ ทศท่ีสำ� คัญและใช้มาก ๒๓ กจิ กรรม ดังน้ี ๕.๑ การบรรยาย (Lecturing) เป็นกิจกรรมที่เน้นการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ ของผู้นิเทศไปสู่รับการนเิ ทศ ใชเ้ พยี งการพูดและการฟังเทา่ นั้น ๕.๒ การบรรยายโดยใช้ส่ือประกอบ (Visualized Lecturing) เปน็ การบรรยายทีใ่ ช้สอ่ื เขา้ มาช่วย เชน่ สไลด์ แผนภมู ิ แผนภาพ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ฟงั มีความสนใจมากยิง่ ขน้ึ ๕.๓ การบรรยายเปน็ กลุม่ (Panel presenting) เป็นกจิ กรรมการให้ข้อมลู เป็นกลุ่มที่มี จดุ เน้นท่กี ารให้ข้อมลู ตามแนวความคดิ หรอื แลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ ซงึ่ กนั และกนั ๕.๔ การให้ดูภาพยนตร์หรือโทรทัศน์ (Viewing film and television) เป็นการใช้ เครื่องมือท่ีส่ือทางสายตา ได้แก่ ภาพยนตร์ โทรทัศน์ วิดีโอเทป เพื่อท�ำให้ผู้รับการนิเทศได้รับความรู้ และเกิดความสนใจมากขึน้ ๕.๕ การฟังค�ำบรรยายจากเทป วทิ ยุ และเครือ่ งบันทึกเสยี ง (Listening to tape, radio recordings) กจิ กรรมนี้เปน็ การใชเ้ ครื่องบนั ทกึ เพื่อน�ำเสนอแนวความคดิ ของบุคคลหนึ่งไปสูผ่ ฟู้ ังคนอืน่ ๕.๖ การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับวัสดุและเครื่องมือต่างๆ (Exhibiting materials and equipment) เปน็ กิจกรรมท่ีชว่ ยในการฝึกอบรมหรอื เปน็ กิจกรรมส�ำหรับงานพฒั นาสอ่ื ต่างๆ ๕.๗ การสังเกตในช้นั เรยี น (Observing in classroom) เปน็ กจิ กรรมที่ท�ำการสงั เกต การปฏิบตั งิ านในสถานการณ์จรงิ ของบุคลากร เพื่อวิเคราะห์สภาพการปฏบิ ัตงิ านของบุคลากร ซงึ่ จะช่วย ให้ทราบจุดหรือจุดบกพร่องของบุคลากร เพ่ือใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานและใช้ในการพัฒนา บุคลากร ๕.๘ การสาธติ (Demonstrating) เปน็ กจิ กรรมการใหค้ วามรทู้ มี่ งุ่ ใหผ้ อู้ น่ื เหน็ กระบวนการ และวธิ ีการดำ� เนินการ ๕.๙ การสมั ภาษณแ์ บบมโี ครงสรา้ ง (Structured interviewing) เปน็ กจิ กรรมสมั ภาษณ์ ที่กำ� หนดจุดประสงคช์ ัดเจนเพื่อใหไ้ ด้ขอ้ มูลต่างๆ ตามตอ้ งการ ๕.๑๐ การสมั ภาษณเ์ ฉพาะเรื่อง (Focused interviewing) เปน็ กจิ กรรมการสัมภาษณ์ แบบกง่ึ โครงสร้าง โดยจะท�ำการสัมภาษณ์เฉพาะโรงเรยี นท่ีผู้ตอบมคี วามสามารถจะตอบได้เทา่ น้ัน ๕.๑๑ การสมั ภาษณแ์ บบไมช่ น้ี ำ� (Non-directive interview) เปน็ การพดู คยุ และอภปิ ราย หรือการแสดงแนวความคดิ ของบุคคลท่สี นทนาดว้ ย ลกั ษณะการของการสัมภาษณ์จะสนใจกับปญั หาและ ความสนใจของผ้รู บั การสมั ภาษณ์ ๕.๑๒ การอภิปราย (Discussing) เป็นกิจกรรมที่ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศปฏิบัติ ร่วมกัน ซ่ึงเหมาะสมกบั กลมุ่ ขนาดเล็ก มักใช้รว่ มกบั กิจกรรมอื่นๆ_Final.indd 21 โครงการศึกษานเิ ทศก์รุ่นใหมเ่ พือ่ ขบั เคล่ือนการปฏิรูปการเรียนรู้ : 21 5/17/2017 8:36:56 PM
๕.๑๓ การอา่ น (Reading) เปน็ กจิ กรรมทใี่ ชม้ ากกจิ กรรมหนงึ่ สามารถใชไ้ ดก้ บั คนจำ� นวนมาก เชน่ การอา่ นข้อความจากวารสาร มักใช้รว่ มกับกจิ กรรมอน่ื ๕.๑๔ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู และการคดิ คำ� นวณ (Analyzing and calculating) เปน็ กจิ กรรมทใ่ี ช้ในการติดตามประเมินผล การวจิ ัยเชิงปฏิบตั ิการและการควบคุมประสิทธิภาพการสอน ๕.๑๕ การระดมสมอง (Brainstorming) เป็นกิจกรรรมท่ีเก่ียวข้องกับการเสนอแนวความคิดวิธีการแก้ปัญหาหรือใช้ข้อแนะน�ำต่าง ๆ โดยให้สมาชิกแต่ละคนแสดงความคิดโดยเสรี ไม่มีการวิเคราะหห์ รอื วพิ ากษว์ จิ ารณแ์ ต่อยา่ งใด ๕.๑๖ การบนั ทกึ วดิ โี อและการถา่ ยภาพ (Videotaping and photographing) วิดโี อเทปเป็นเครื่องมือที่แสดงให้เห็นรายละเอียดท้ังภาพและเสียง ส่วนการถ่ายภาพมีประโยชน์มากในการจัดนทิ รรศการ กจิ กรรมนี้มปี ระโยชน์ในการประเมนิ ผลงานและการประชาสัมพนั ธ์ ๕.๑๗ การจัดท�ำเครื่องมือและแบบทดสอบ (Instrumenting and testing) กิจกรรมน้ีเกี่ยวขอ้ งกบั การใชแ้ บบทดสอบและแบบประเมินตา่ ง ๆ ๕.๑๘ การประชมุ กลุ่มยอ่ ย (Buzz session) เป็นกิจกรรมการประชมุ กลมุ่ เพอื่ อภิปรายในหัวขอ้ เรอ่ื งทีเ่ ฉพาะเจาะจง มงุ่ เน้นการปฏสิ ัมพนั ธภ์ ายในกลุ่มมากทสี่ ุด ๕.๑๙ การจัดทัศนศึกษา (Field trip) กิจกรรมนี้เป็นการเดินทางไปสถานที่แห่งอ่ืนเพือ่ ศึกษาดงู านท่ีสมั พนั ธ์กับงานที่ตนปฏบิ ตั ิ ๕.๒๐ การเย่ียมเยียน (Intervisiting) เป็นกิจกรรมที่บุคคลหนึ่งไปเย่ียมและสังเกตการทำ� งานของอีกบคุ คลหน่ึง ๕.๒๑ การแสดงบทบาทสมมติ (Role playing) เปน็ กิจกรรมท่สี ะทอ้ นให้เห็นความรู้สึกนกึ คดิ ของบคุ คล กำ� หนดสถานการณข์ น้ึ แลว้ ใหผ้ ทู้ ำ� กจิ กรรมตอบสนองหรอื ปฏบิ ตั ติ นเองไปตามธรรมชาติทคี่ วรจะเป็น ๕.๒๒ การเขยี น (Writing) เปน็ กจิ กรรมทใ่ี ชเ้ ปน็ สอ่ื กลางในการนเิ ทศเกอื บทกุ ชนดิ เชน่การเขยี นโครงการนิเทศ การบันทกึ ข้อมลู การเขียนรายงาน การเขยี นบนั ทกึ ฯลฯ ๕.๒๓ การปฏิบัติตามค�ำแนะน�ำ (Guided practice) เป็นกิจกรรมที่เน้นการปฏิบัติในขณะที่ปฏิบตั มิ กี ารคอยดูแลชว่ ยเหลอื มักใชก้ ับรายบุคคลหรอื กลุ่มขนาดเล็ก ๖. กระบวนการในการนิเทศ (Supervisory Process) กระบวนการในการนเิ ทศการศกึ ษา หมายถงึ แบบแผนของการนเิ ทศการศกึ ษาทจี่ ดั ลำ� ดบั ไว้อย่างต่อเน่ือง เป็นระเบียบแบบแผน มีล�ำดับข้ันตอนในการด�ำเนินงานไว้ชัดเจน มีเหตุผลและสามารถด�ำเนินการได้ โดยมีนักการศึกษาหลายท่านได้น�ำเสนอกระบวนการในการนิเทศไว้หลายท่าน แต่ในท่ีน้ีขอน�ำเสนอกระบวนการนเิ ทศทีส่ ำ� คัญ ดังนี้ ๖.๑ กระบวนการนเิ ทศของสงดั อทุ รานนั ท์ (๒๕๓๐) ซงึ่ เปน็ กระบวนการนเิ ทศทสี่ อดคลอ้ งกบั สภาพสงั คมไทย ๕ ขัน้ ตอน เรียกว่า “PIDRE” ดงั นี้ (๑) การวางแผน (P-Planning) เป็นข้ันตอนท่ีผู้บริหาร ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศจะทำ� การประชุม ปรึกษาหารอื เพื่อใหไ้ ด้มาซ่งึ ปญั หาและความตอ้ งการจ�ำเปน็ ทต่ี อ้ งมีการนิเทศรวมทั้งวางแผนถงึ ขั้นตอนการปฏบิ ตั ิเกยี่ วกบั การนิเทศทจี่ ดั ขึ้น แผก่ ่ิง : รายงานการพฒั นาหลกั สตู รพฒั นาศึกษานิเทศก์รนุ่ ใหมเ่ พอ่ื การขบั เคลือ่ นการปฏิรปู การเรียนรู้ : 22 5/17/2017 8:36:56 PM_Final.indd 22
(๒) ให้ความรู้ก่อนด�ำเนินการนิเทศ (Informing-I) เป็นขั้นตอนของ การใหค้ วามรู้ ความเขา้ ใจถึงสิง่ ทีจ่ ะด�ำเนนิ การว่าต้องอาศัยความรู้ ความสามารถอยา่ งไรบา้ ง จะมีข้ันตอน ในการด�ำเนินการอย่างไร และจะด�ำเนินการอย่างไรให้ผลงานออกมาอย่างมีคุณภาพ ขั้นตอนนี้จ�ำเป็น ทกุ ครง้ั สำ� หรบั เรม่ิ การนเิ ทศทจ่ี ดั ขน้ึ ใหม่ ไมว่ า่ จะเปน็ เรอื่ งใดกต็ าม และเมอ่ื มคี วามจำ� เปน็ สำ� หรบั งานนเิ ทศ ท่ียังเป็นไปไม่ได้ผล หรือได้ผลไม่ถึงขั้นที่พอใจ ซึ่งจ�ำเป็นท่ีจะต้องทบทวนให้ความรู้ในการปฏิบัติงาน ทถี่ ูกตอ้ งอกี คร้ังหนงึ่ (๓) การดำ� เนนิ การนเิ ทศ (Doing-D) ประกอบดว้ ยการปฏบิ ตั งิ าน ๓ ลกั ษณะ คือ การปฏิบัติงานของผู้รับการนิเทศ (ครู) การปฏิบัติงานของผู้ให้การนิเทศ (ผู้นิเทศ) การปฏิบัติงาน ของผ้สู นับสนุนการนเิ ทศ (ผู้บริหาร) (๔) การสร้างเสรมิ ขวัญกำ� ลังใจแกผ่ ้ปู ฏบิ ัตงิ านนเิ ทศ (Reinforcing-R) เป็นข้ันตอนของการเสริมแรงของผู้บริหาร ซึ่งให้ผู้รับการนิเทศมีความม่ันใจและบังเกิดความพึงพอใจ ในการปฏิบัติงานข้ันน้ีอาจด�ำเนินไปพร้อมๆ กับผู้รับการนิเทศที่ก�ำลังปฏิบัติงานหรือการปฏิบัติงานได้ เสรจ็ สิ้นแลว้ ก็ได้ (๕) การประเมินผลการนิเทศ (Evaluating-E) เป็นข้ันตอนท่ีผู้นิเทศ นำ� การประเมนิ ผลการดำ� เนนิ งานทผี่ า่ นไปแลว้ วา่ เปน็ อยา่ งไร หลงั จากการประเมนิ ผลการนเิ ทศ หากพบวา่ มี ปัญหาหรือมีอุปสรรคอย่างใดอย่างหน่ึง ที่ท�ำให้การด�ำเนินงานไม่ได้ผล สมควรที่จะต้องปรับปรุง แก้ไข ซึ่งการปรับปรุงแก้ไขอาจท�ำได้โดยการให้ความรู้เพ่ิมเติมในเร่ืองที่ปฏิบัติใหม่อีกคร้ัง ในกรณีที่ผลงานยัง ไมถ่ งึ ขน้ั นา่ พอใจ หรอื ไดด้ ำ� เนนิ การปรบั ปรงุ การดำ� เนนิ งานทงั้ หมดไปแลว้ ยงั ไมถ่ งึ เกณฑท์ ตี่ อ้ งการ สมควร ทจ่ี ะต้องวางแผนรว่ มกนั วิเคราะหห์ าจุดท่ีควรพฒั นา หลังใช้นวตั กรรมด้านการเรียนรูเ้ ขา้ มานิเทศ กระบวนการนิเทศแบบ PIDRE สรปุ เป็นแผนภมู ิได้ ดังนี้ ข้นั ที่ ๑ ข้ันที่ ๒ ใหก้ ารนิเทศ ขนั้ ที่ ๔ ขัน้ ที่ ๕ และควบคุม ประเมินผล วางแผน ใหค้ วามรู้ คณุ ภาพ เสรมิ ขวัญ การนเิ ทศ การนเิ ทศ ในสง่ิ ท่จี ะท�ำ ขัน้ ท่ี ๓.๒ ก�ำลงั ใจ E P I ดำ� เนินการ R ปฏิบตั ิงาน ปรับปรงุ แกไ้ ข D ขนั้ ท่ี ๓.๑ บรกิ าร สนบั สนุน ข้ันที่ ๓.๓ ในกรณีทีท่ �ำยงั มีคุณภาพไมถ่ งึ ข้ึน ในกรณีท่ที �ำยังไมไ่ ด้ผล ภาพที่ ๓ กระบวนการนิเทศการศึกษาแบบ PIDRE โครงการศกึ ษานิเทศกร์ ุ่นใหมเ่ พือ่ ขับเคล่ือนการปฏริ ูปการเรยี นรู้ : 23_Final.indd 23 5/17/2017 8:36:56 PM
๖.๒ กระบวนการนิเทศโดยใชว้ งจรของเดมมงิ (Circle Demming Cycle) การนำ� วงจรเดมมงิ (Demming circle) หรอื โดยทวั่ ไปนยิ มเรยี กกนั วา่ P-D-C-A มาใช้ในการดำ� เนินการนิเทศการศึกษา โดยมีขน้ั ตอนทสี่ ำ� คัญ ๔ ข้ันตอน คือ ๑. การวางแผน (P-Planning) ๒. การปฏบิ ัติตามแผน (D-Do) ๓. การตรวจสอบ/ประเมินผล (C-Check) ๔. การปรับปรุงแก้ไข (A-Act) สรปุ เปน็ แผนภมู ไิ ด้ ดงั นี้การวางแผน (Plan) การน�ำไปปฏิบตั ิ (Do)กำ� หนดเปา้ หมายและ ปฏิบตั ิ ดำ� เนนิ การตามกระบวนการตา่ งๆ ทจ่ี ำ� เปน็ เพอ่ื กระบวนการตา่ งๆ ที่ให้ไดผ้ ลลพั ธ์ตามต้องการ กำ� หนดไว้การด�ำเนินการ (Act) การตดิ ตาม (Check)ดำ� เนินการปรับปรงุ ตรวจติดตาม ตรวจสอบและสมรรถนะของกระบวนการ วัดผลกระบวนการท�ำงานวา่อย่างต่อเน่ือง เป็นไปตามแผนท�ำงาน และเปา้ หมาย ภาพท่ี ๒ วงจรเดมมิง (Demming circle) จากแผนภูมิกระบวนการ PDCA แต่ละขั้นตอนมกี ิจกรรมสำ� คัญ ดงั นี้ ๑. การวางแผน (P-Plan) ๑.๑ การจัดระบบขอ้ มูลสารสนเทศ ๑.๒ การกำ� หนดจุดพัฒนาการนเิ ทศ ๑.๓ การจดั ท�ำแผนการนเิ ทศ ๑.๔ การจัดทำ� โครงการนเิ ทศ ๒. การปฏิบัติงานตามแผน (D-Do) ๒.๑ การปฏิบตั ิตามขัน้ ตอนตามแผน/โครงการ ๒.๒ การก�ำกับติดตาม ๒.๓ การควบคมุ คณุ ภาพ ๒.๔ การรายงานความก้าวหน้า ๒.๕ การประเมินความสำ� เร็จเป็นระยะๆ แผ่กิง่ : รายงานการพัฒนาหลกั สตู รพฒั นาศึกษานิเทศกร์ นุ่ ใหม่เพอื่ การขบั เคลอ่ื นการปฏิรปู การเรยี นรู้ : 24 5/17/2017 8:36:57 PM_Final.indd 24
๓. การตรวจสอบและประเมนิ ผล (C-Check) ๓.๑ ก�ำหนดกรอบการประเมนิ ๓.๒ จดั หา/สรา้ งเครอื่ งมอื ประเมนิ ๓.๓ เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ๓.๔ วเิ คราะห์ขอ้ มลู ๓.๕ สรปุ ผลการประเมนิ ๔. การนำ� ผลการประเมินมาปรบั ปรุงงาน (A-Act) ๔.๑ จดั ท�ำรายงานผลการนิเทศ ๔.๒ นำ� เสนอผลการนิเทศและเผยแพร่ ๔.๓ พฒั นาตอ่ เนอื่ ง ๗. เทคนคิ การนเิ ทศ เทคนิคการนิเทศ หมายถึง วิธีการน�ำกิจกรรมต่างๆ ทางการนิเทศไปใช้ในการปฏิบัติงาน อย่างเหมาะสมกับบุคคล สถานที่ เวลาหรือสถานการณ์น้ันๆ ในที่นี้จะขอน�ำเสนอเทคนิคที่ใช้ได้ผลดี ๓ เทคนคิ คือ ๗.๑ เทคนคิ การสอนแนะ (Coaching Techniques) เป็นเทคนคิ ทีใ่ ช้ในการพฒั นา บคุ ลากรใหส้ ามารถปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยการแนะนำ� หรอื เรยี นรจู้ ากผชู้ ำ� นาญการ (Coach) ในลกั ษณะทไ่ี ดร้ บั คำ� แนะนำ� หรอื เรยี นรไู้ ปพรอ้ มๆ กบั การปฏบิ ตั งิ าน ในการนำ� เทคนคิ นไ้ี ปใชผ้ นู้ เิ ทศควรมี แนวทางด�ำเนนิ การ ดังน้ี ๗.๑.๑ สร้างความไว้วางใจกับผู้รับการนิเทศ เพ่ือสร้างสัมพันธภาพที่อบอุ่น โดยการศึกษาข้อมูลของผู้รับการนิเทศ เช่น จุดเด่น ผลงานเด่น อัธยาศัย การให้ค�ำชมเชย การสร้าง บรรยากาศทดี่ ี ๗.๑.๒ ใช้ค�ำถามที่เป็นเชิงของความคิดเห็น ไม่ท�ำให้ผู้ตอบจนมุมหรือเกิด ความไมส่ บายใจในการตอบ ๗.๑.๓ เสนอแนะแนวทางแก้ไขหรือการพัฒนางานในลักษณะการแลกเปล่ียน เรยี นรรู้ ่วมกนั ๗.๑.๔ นำ� ขอ้ เสนอหรอื แนวทางทรี่ ว่ มกนั คดิ ใหผ้ รู้ บั การนเิ ทศปฏบิ ตั ิ โดยผนู้ เิ ทศ คอยให้ค�ำแนะน�ำอยา่ งใกล้ชดิ หรอื อาจต้องสาธติ ใหด้ ู ๗.๒ เทคนิคการนิเทศโดยใช้กระบวนการวิจัย การวิจัยเป็นกระบวนการแสวงหา ความรู้อย่างเป็นระบบที่เช่ือถือได้ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การน�ำกระบวนการวิจัยมาเป็น เทคนคิ หนง่ึ ในการนเิ ทศการศกึ ษา จำ� เปน็ ทผ่ี นู้ เิ ทศจะตอ้ งมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในกระบวนการทำ� วจิ ยั และ สามารถนำ� มาใช้ในการดำ� เนนิ งานนเิ ทศการศกึ ษา ดงั นี้ ๑) การก�ำหนดและวิเคราะห์ปัญหา ผู้นเิ ทศจะท�ำงานร่วมกับครโู ดยตรง ดังนน้ั จงึ ตอ้ งวิเคราะหส์ ภาพการปฏิบตั ิงานของผรู้ ับการนเิ ทศ (คร)ู จุดเด่น จดุ ควรพฒั นารว่ มกับครู วเิ คราะห์ หาสาเหตขุ องปญั หา ลกั ษณะปญั หาสำ� คญั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ครู เชน่ ปญั หาเกย่ี วกบั หลกั สตู ร การจดั การเรยี น_Final.indd 25 โครงการศกึ ษานิเทศกร์ ่นุ ใหม่เพื่อขบั เคลอื่ นการปฏิรปู การเรยี นรู้ : 25 5/17/2017 8:36:57 PM
การสอน การวัดและประเมินผล โดยมองในด้านของความรู้ ความเข้าใจ ทักษะกระบวนการและเจตคติเกีย่ วกับเรอ่ื งนัน้ ๆ ๒) การก�ำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาจากสาเหตุของปัญหา ผู้นิเทศจะร่วมกบั ผรู้ บั การนเิ ทศกำ� หนดวธิ แี ละแนวทางการนเิ ทศเพอ่ื แกป้ ญั หานนั้ ๆ คดิ พฒั นาสอ่ื และนวตั กรรม ซงึ่ อาจเปน็ วธิ กี าร/กจิ กรรมการนิเทศ ส่อื การนเิ ทศ เชน่ เอกสาร คู่มือ ชดุ พฒั นา สง่ิ เหล่าน้จี ะอย่บู นพนื้ ฐานของหลกั การและทฤษฎที เี่ กยี่ วขอ้ งกบั วธิ กี ารนนั้ ๆ ตลอดทงั้ มกี ารหาคณุ ภาพของสอื่ ทพ่ี ฒั นาขนึ้ เพอื่ ใหม้ คี วามเชื่อถือได้ ๓) การดำ� เนนิ การนเิ ทศ โดยนำ� วธิ กี าร/กจิ กรรมทเ่ี ปน็ สอื่ นวตั กรรมทพ่ี ฒั นาไปใช้ในการนเิ ทศ ในข้ันตอนนีจ้ ะมีการเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยใชเ้ ครือ่ งมอื ที่มปี ระสทิ ธิภาพ และนำ� ขอ้ มลู ท่ีได้ไปวเิ คราะหโ์ ดยใช้สถิตทิ เ่ี หมาะสมหรือการอธบิ ายในเชิงคุณภาพ (พรรณนา) ๔) การสรปุ ผลและเขียนรายงาน โดยการน�ำผลทไี่ ดจ้ ากการวิเคราะหข์ ้อมลู ไปสรุปผล ตามวัตถุประสงค์ท่ีก�ำหนดไว้ให้ครอบคลุมทุกประเด็น แล้วน�ำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบท่ีเหมาะสมและมีคุณภาพ จากนั้นเขียนรายงานผลการปฏิบัติงานต้ังแต่เร่ิมต้นจนถึงข้ันสุดท้าย โดยกำ� หนดกรอบการเขยี นที่สอดคลอ้ งกบั การดำ� เนนิ งานวิจยั อาจจะเป็น ๓ บท ๔ บท หรือ ๕ บท แลว้ แต่ความเหมาะสม แต่ให้มีเน้อื หาสาระครอบคลมุ รายละเอยี ดทีก่ ล่าวมาแล้ว ๕) การเผยแพร่ หลงั จากทไี่ ดม้ กี ารสรปุ และเขยี นรายงานผลการปฏบิ ตั งิ านแลว้ผนู้ เิ ทศควรจะไดม้ กี ารเผยแพรผ่ ลการปฏบิ ตั งิ าน เพอ่ื ใหผ้ ทู้ เี่ กยี่ วขอ้ งและมคี วามสนใจนำ� ไปใชห้ รอื ตอ่ ยอดตอ่ ไป การเผยแพรอ่ าจท�ำได้หลายวธิ ี เชน่ เวทกี ารนำ� เสนอผลงานทางวิชาการที่หน่วยงานตา่ ง ๆ จัด การเผยแพร่ในลักษณะของบทความทางวิชาการ การเผยแพร่ทาง Internet เป็นตน้ ๗.๓ เทคนคิ การนิเทศแบบกัลยาณมิตร รปู แบบกลั ยาณมติ รนเิ ทศ : กรอบความคดิพ้ืนฐาน กรอบความคิดพื้นฐานของกัลยาณมิตรนิเทศ คือหลักธรรมความเป็นกัลยาณมิตร ๗ ประการในทนี่ ้ีมงุ่ เอาประเภทครู หรอื พเี่ ลี้ยงเป็นส�ำคญั ได้แก่ ๑. ปโิ ย นา่ รกั ในฐานเปน็ ทสี่ บายใจและสนทิ สนม ชวนใหอ้ ยากเขา้ ไปปรกึ ษาไตถ่ าม ๒. ครุ นา่ เคารพ ในฐานประพฤติสมควรแกฐ่ านะใหเ้ กิดความรู้สกึ อบอุน่ ใจเป็นทพ่ี ึง่ ได้และปลอดภยั ๓. ภาวนโี ย นา่ เจรญิ ใจหรอื นา่ ยกยอ่ ง ในฐานทรงคณุ คอื ความรู้ และภมู ปิ ญั ญาแทจ้ ริง ท้งั เปน็ ผฝู้ ึกอบรมและปรบั ปรุงตนอยเู่ สมอ ควรเอาอยา่ ง ทำ� ใหร้ ะลึกและเอ่ยอา้ งดว้ ยความซาบซง้ึภมู ิใจ ๔. วตตา จ รจู้ กั พดู ใหไ้ ด้ผล รู้จักชแ้ี จงใหเ้ ข้าใจ ร้วู ่าเมอื่ ไรควรพูดอะไร อยา่ งไรคอยใหค้ ำ� แนะนำ� วา่ กล่าวตักเตือน เปน็ ที่ปรึกษาทีด่ ี ๕. วจนกขโม อดทนตอ่ ถอ้ ยค�ำ คือ พร้อมทจี่ ะรบั ฟังคำ� ปรึกษา ซกั ถาม ค�ำเสนอแนะวิพากษ์วิจารณ์ อดทน ฟังไดไ้ ม่เบ่ือไมฉ่ นุ เฉียว ๖. คมภีรญจ กถ กตตา แถลงเรื่องล�ำ้ ลึกได้ สามารถอธิบายเรื่องยุ่งยาก ซับซ้อนใหเ้ ข้าใจและให้เรยี นรเู้ ร่อื งราวทีล่ กึ ซง้ึ ย่งิ ขึน้ ไป แผก่ ง่ิ : รายงานการพัฒนาหลักสตู รพัฒนาศกึ ษานิเทศก์รนุ่ ใหม่เพอ่ื การขับเคลื่อนการปฏิรปู การเรยี นรู้ : 26 5/17/2017 8:36:57 PM_Final.indd 26
๗. โน จฎฐาเน นโิ ยชเย ไมช่ ักนำ� ในอฐานะ คือไมแ่ นะน�ำในเร่อื งเหลวไหล หรอื ชักจงู ไปในทางเส่อื มเสีย (พจนานกุ รมพุทธศาสตร์ : ๒๕๒๘) จะเหน็ ไดว้ า่ กลั ยาณมติ รธรรม ๗ นี้ มงุ่ เนน้ ความปลอดโปรง่ ใจ ไมบ่ บี คน้ั เนน้ ความมนี ำ�้ ใจ ช่วยเหลอื เกื้อกูล สรา้ งความเข้าใจ กระจา่ งแจ้ง แนะแนวทางที่ถกู ตอ้ งด้วยการยอมรับนบั ถอื ซึง่ กันและกัน สุมน อมรวิวัฒน์ (๒๕๓๗) ได้เสนองานทางวิชาการเรื่อง “กระบวนการกัลยาณมิตร: ฝกึ จติ ใหม้ ีน�้ำใจ ในท่ีประชมุ สำ� นกั ธรรมศาสตรแ์ ละการเมือง ราชบัณฑติ ยสถาน วันท่ี ๕ เมษายน ๒๕๓๗” สรปุ ไดว้ า่ กระบวนการกลั ยาณมติ ร คอื กระบวนการประสานสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คล เพอ่ื จดุ หมาย ๒ ประการ คือ ๑) ช้ที างบรรเทาทกุ ข์ ๒) ชส้ี ขุ เกษมศานต์ โดยทกุ คนต่างมเี มตตาธรรมพรอ้ มจะชแี้ นะและชว่ ยเหลือ ซึ่งกันและกัน กระบวนการกัลยาณมิตร ช่วยให้บุคคลสามารถแก้ปัญหาได้ โดยการจัดข้ันตอนตามหลัก อริยสจั ๔ ดังนี้ มรรค ๘.การปฏบิ ตั ิเพือ่ แก้ปัญหา ๗.การจดั ลำ� ดับจดุ หมาย นิโรธ ๖.การรร่วมกนั คดิ วิเคราะห์ ๕.การกำ� หนดจุดหมายหรอื สภาวะ สมทุ ัย ๔.การจดั ล�ำดับความเข้มระดับของปัญหา ๓.การรว่ มกนั คิดวเิ คราะหเ์ หตผุ ลของปัญหา ทกุ ข์ ๒.การก�ำหนดและจัดประเด็นปัญหา ๑.การสร้างความไวว้ างใจ ตามหลักกลั ยาณมติ รธรรม ๗ ภาพท่ี ๔ ขนั้ ตอนการสอนตามกระบวนการกลั ยาณมติ ร หากพิจารณาแผนภูมิข้างต้น กระบวนการนิเทศโดยช้ีทางบรรเทาทุกข์ มีขั้นตอนคือ ๑) การสรา้ งความไวว้ างใจ ๒) การกำ� หนดปญั หาและแนวทางแกป้ ญั หา ๓) การศกึ ษา คน้ ควา้ คดิ วเิ คราะห์ รว่ มกันถึงเหตปุ จั จยั แหง่ ปัญหา ๔) การจดั ล�ำดับความเขม้ หรือระดบั ความซับซอ้ นของปญั หา การชีส้ ุขเกษมศานต์ มขี ้ันตอนตอ่ มาคอื ๑) การกำ� หนดจุดหมายของการแก้ปัญหา หรอื วัตถปุ ระสงค์ของภารกจิ ๒) การวเิ คราะห์ความเปน็ ไปได้หรอื ทางเลอื ก ๓) การจัดลำ� ดับวตั ถุประสงคแ์ ละ วธิ ีการ ๔) การก�ำหนดวิธีการท่ีถูกตอ้ งเหมาะสมหลายๆ วิธี แผนภูมิข้ันตอนชที้ างบรรเทาทุกข์ และชีส้ ขุ เกษมศานตน์ ี้ นักการศึกษาส่วนใหญม่ ุ่งน�ำ ไปใช้ในกิจกรรมการแนะแนว และการให้คำ� ปรึกษา (Guidance and Counseling) แกน่ กั เรยี นและนสิ ติ นกั ศกึ ษา อยา่ งไรกต็ ามหากจะนำ� ขนั้ ตอนดงั กลา่ วมาใชใ้ นการแกป้ ญั หาทางการพฒั นาหลกั สตู ร การพฒั นา คณุ ภาพการเรียนการสอนและการพัฒนาครกู ย็ ่อมจะประยกุ ตใ์ ชไ้ ดด้ ี_Final.indd 27 โครงการศกึ ษานเิ ทศก์ร่นุ ใหมเ่ พอื่ ขบั เคลื่อนการปฏริ ูปการเรียนรู้ : 27 5/17/2017 8:36:57 PM
ปจั จยั ทเี่ กอ้ื หนุนกระบวนการกัลยาณมิตร การน�ำกระบวนการกัลยาณมิตรมาใช้ในการพัฒนาครู และการปฏิรูปการศึกษามีปัจจยั หลกั ๔ ประการ ท่ีเกอ้ื หนุนใหท้ ุกขั้นตอนดำ� เนินไปด้วยดี ไดแ้ ก่ ๑) องคค์ วามรู้ ๒) แรงหนุนจากตน้ สังกัด ๓) ผบู้ รหิ ารทกุ ระดับ ๔) บุคลากรท้ังโรงเรียน ๑. องคค์ วามรู้ การชแี้ นะและชว่ ยเหลอื กนั ในกลมุ่ หรอื หมคู่ ณะ ยอ่ มตอ้ งอาศยั อดุ มการณ์เป้าหมายร่วมกัน และมีหลักการความรู้ที่ได้พิสูจน์เห็นจริงแล้วเป็นพ้ืนฐาน ตัวอย่าง เช่น การปฏิรูปกระบวนการเรยี นร้ขู องส�ำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาติ (๒๕๔๐) ผู้เชีย่ วชาญถึง ๕ คณะ ได้พัฒนาหลักการและความรู้เก่ียวกับการสอนท่ีนักเรียนมีความสุข การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม การสอนและการฝึกกระบวนการคิด การพัฒนาสขุ ภาวะ สนุ ทรยี ภาพทางศิลปะ ดนตรี กฬี า และหลักการฝกึ หัดอบรมกาย วาจา ใจ คณะผเู้ ช่ียวชาญได้น�ำเสนอหลักทฤษฎีและวิธีการ เพอ่ื เปน็ พ้ืนฐานความรู้ส�ำหรับผบู้ รหิ ารและครทู ต่ี อ้ งการพัฒนาการสอน ซง่ึ เน้นผูเ้ รียนเปน็ สำ� คัญ การจดั การความรใู้ หเ้ ป็นฐานสกู่ ารปฏิบตั ิ จึงเป็นปัจจยั ทจี่ �ำเปน็ และกอ่ ให้เกิดการเรยี นรู้ร่วมกนั ในการปฏบิ ตั ิ (interactive learning through action, ประเวศ วะส,ี ๒๕๔๕) ทงั้ นี้ เพราะผูน้ ิเทศและบคุ ลากรในโรงเรยี นจะพฒั นาตนไดก้ ต็ อ่ เมอ่ื มหี ลกั การความรเู้ ปน็ พนื้ ฐาน และสรา้ งแนวทางสจู่ ดุ หมายรว่ มกัน เกดิ วัฒนธรรมความรขู้ ้ันอีกระดับหน่งึ นอกเหนอื จากการใชส้ ามญั สำ� นกึ และประสบการณ์เดิม กระบวนการกลั ยาณมติ รทม่ี ฐี านความรจู้ ะเกดิ การวจิ ยั การพฒั นาและวจิ ยั ตอ่ เนอ่ื งกนั ไปสร้างวัฒนธรรมความรู้ให้เกิดข้ึนในโรงเรียน ดังท่ีศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี ได้อธิบายไว้ในหนงั สอื “เครือข่ายแหง่ ปญั ญา” วา่ วัฒนธรรมความร้มู ีองคป์ ระกอบ ๕ ประการ คอื๑. การมฉี ันทะในความรู้๒. มีความสามารถในการสรา้ งความรู้๓. ใช้ความรู้ในการดำ� รงชีวติ และการทำ� งาน๔. ไดป้ ระโยชนจ์ ากการใช้ความรู้๕. มีความสุขจากกระบวนการความร้ทู ง้ั หมด ภาพท่ี ๕ วฒั นธรรมความรู้ (ประเวศ วะสี : ๒๕๔๕) 5/17/2017 8:36:57 PM แผก่ ่งิ : รายงานการพัฒนาหลกั สตู รพัฒนาศึกษานเิ ทศกร์ ่นุ ใหมเ่ พ่อื การขับเคล่ือนการปฏริ ปู การเรยี นรู้ : 28_Final.indd 28
กลั ยาณกัลมยติ ารณนมเิ ทติ ศรนเพเิ ทอื่ ศพเพัฒอื่ นพาัฒกนาราเกราียรนเรรยี ู้ นรู้ คุณภาพสงั คมไทย คณุ ภาพผูเ้ รียน คุณภาพการเรียน ให้ใจ คุณภาพของครู ร่วมใจ ปฐมนเิ ทศ เง่ือนไข ร่วมคิดร่วมทํา สรา้ งความสัมพนั ธ์ ไมม่ ุง่ ปริมาณ แนะนํา สาธิต แบบอย่าง แจ้งความม่งุ หมาย สานพลังอาสา ฝึกทําแผนการสอน จัดเวลา เสวนาร่วมกัน ฝึกสรา้ งส่อื การเรียนการสอน กําหนดแผนงาน สรา้ งความเป็นมิตร วจิ ยั ในชนั ้ เรียน ฝึกคดิ ม่งุ ม่ัน เรียนรู้การวดั และประเมินผล เปิดใจ ปฏบิ ัตทิ กุ วัน บนั ทกึ แนวทาง ต้งั ใจ ทบทวนวดั และประเมนิ ผล สร้างความเป็นมติ ร การประเมินตนเอง สรา้ งสรรค์คณุ ภาพ การประเมินผลงาน กัลยาณมิตรนิเทศ ครูเครือข่ายทดลองปฏิบตั ิจริง การประเมนิ โดยกัลยาณมิตร พฒั นา ครูเครือข่ายและครตู น้ แบบ การประเมนิ พฒั นา ปรึกษาหารือ แลกเปล่ียนเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ ตดิ ต่อสอ่ื สาร เยี่ยมเยียน การเรียนรู้ ชว่ ยกนั แก้ปัญหา ใหก้ ําลงั ใจ รูปแบบ สร้างศรทั ธา สาธิตรปู แบบกระบวนการ รว่ มงานรว่ มทํา ติดตามประเมินผล องค์ความรู้ แรงหนุนจากต้นสงั กัด ผู้บรหิ ารทกุ ระดับ บคุ ลากรทง้ั โรงเรยี น ภาพที่ ๖ กัลยาณมติ รนเิ ทศเพ่อื พัฒนาการเรียนรู้ โครงการศึกษานเิ ทศก์รนุ่ ใหมเ่ พือ่ ขับเคล่อื นการปฏริ ปู การเรียนรู้ : 29_Final.indd 29 5/17/2017 8:36:57 PM
๒. แรงหนุนจากต้นสังกัด ปัจจุบันน้ีมีการตื่นตัวอย่างมากในทุกองค์กรที่มุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพ ท้ังนี้เพราะในสังคมไทยมีการประเมิน การตรวจสอบ และการประกันคุณภาพของสถานศกึ ษา จากการปฏบิ ตั งิ านเปน็ ผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นการปฏริ ปู การเรยี นรู้ ผเู้ ขยี นพบวา่ หลายโครงการท่ีประสบความส�ำเร็จเป็นเพราะหน่วยงานต้นสังกัด เช่น คณะครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ส�ำนักงานการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส�ำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาเอกชน สำ� นกั งานการศกึ ษากรงุ เทพมหานคร เป็นตน้ ได้ใหค้ วามรว่ มมือ และมีสว่ นรว่ มในการวางแผน การปฏบิ ตั ิงาน ตลอดจนการประเมินผล ๓. ผบู้ รหิ ารทกุ ระดบั รายงานผลการดำ� เนนิ งานปฏริ ปู กระบวนการเรยี นรหู้ ลายโครงการได้แสดงให้เหน็ ว่า ความสำ� เร็จของการพฒั นาคุณภาพของสถานศึกษาข้ึนอย่กู ับความรู้ ความสามารถและเจตคติของผบู้ รหิ ารนับตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงระดับปฏบิ ัติในสถานศกึ ษา การพัฒนาบุคลากรท้งั โรงเรยี นอย่างมปี ระสิทธิภาพนัน้ ผ้บู ริหารมีความส�ำคญั มาก ดงั ที่ส�ำนักนโยบายและแผนการศึกษา (สกศ.) ไดใ้ หค้ วามหมายของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาต้นแบบวา่ “...หมายถงึ ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาทม่ี ผี ลการปฏบิ ตั งิ านดเี ดน่ ดา้ นการบรหิ ารทสี่ ง่ เสรมิ การปฏริ ปู การเรียนรู้ ตามแนวพระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ แกไ้ ขเพิ่มเติม (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ.๒๕๔๕ เป็นผู้นำ� ทางวิชาการ มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และความรู้ ความสามารถ เปน็ ท่ยี อมรับของคณะครูนกั เรียน ผูบ้ ังคับบัญชา กรรมการสถานศกึ ษา พอ่ แม่ ผู้ปกครอง ชุมชนและสงั คม...” ๔. บุคลากรทั้งโรงเรียน โครงการสนับสนุนการฝึกอบรมครู โดยใช้โรงเรียนเป็นฐานทส่ี ำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา (๒๕๔๖) ไดด้ ำ� เนนิ การตอ่ จากโครงการนำ� รอ่ งระยะท่ี ๑ (พ.ศ. ๒๕๔๕)นั้น เกิดข้ึนจากความเช่ือท่ีว่าการพัฒนาครูท่ีโรงเรียน ท้ังโรงเรียน โดยโรงเรียนร่วมมือจากหน่วยงานภายนอก ช่วยให้มีการปฏิบัติจริง พัฒนาการสอนในสถานการณ์จริงท่ีโรงเรียน เกิดการนิเทศ ติดตามประเมินผลภายในโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ประหยัดค่าใช้จ่าย และเวลาและส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพของผเู้ รียน การพฒั นาบุคลากรแบบต่อเนือ่ ง (Continuing professional development) ศึกษานิเทศก์เป็นวิชาชีพที่จัดอยู่กลุ่มของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซ่ึงพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๘๐บัญญัติให้มีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งต้ังให้ด�ำรงต�ำแหน่งบางต�ำแหน่งและบางวิทยฐานะ เพื่อเพ่ิมพูนความรู้ ทักษะ เจตคติที่ดี คุณธรรมจริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพท่ีเหมาะสม ในอันที่จะทำ� ให้การปฏบิ ัติหนา้ ทร่ี าชการเกิดประสิทธภิ าพประสิทธิผล และความก้าวหน้าแก่ราชการ ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑแ์ ละวิธีการที่ ก.ค.ศ. ก�ำหนด สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน เปน็ หนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบในการจดั ทำ� รายละเอยี ดหลักสูตรและด�ำเนินการพัฒนาตามหลักสูตรและด�ำเนินการพัฒนาตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ี ก.ค.ศ.กำ� หนด โดยเชญิ ผทู้ รงคณุ วฒุ แิ ละผมู้ ปี ระสบการณด์ า้ นการนเิ ทศการศกึ ษามผี ลงานเปน็ ทปี่ ระจกั ษ์ ประสบผลสำ� เรจ็ ในวิชาชพี และประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตนเปน็ แบบอย่างท่ดี มี าร่วมกนั เปน็ คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตร แผ่ก่งิ : รายงานการพฒั นาหลักสูตรพัฒนาศกึ ษานเิ ทศก์รุ่นใหมเ่ พอ่ื การขับเคล่ือนการปฏิรปู การเรียนรู้ : 30 5/17/2017 8:36:58 PM_Final.indd 30
การพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งต้ังให้ด�ำรงต�ำแหน่งศึกษานิเทศก์ พร้อมทั้ง ด�ำเนินการพฒั นาให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพของผู้ผ่านการพฒั นาตามหลักสูตร หลักสตู รประกอบด้วยวตั ถุประสงค์และโครงสร้างของหลกั สูตร ดงั น้ี วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพ่ือเสรมิ สรา้ งและพัฒนาสมรรถนะของศกึ ษานิเทศก์ ๒. เพอ่ื พฒั นาศกึ ษานเิ ทศกใ์ หม้ คี วามรคู้ วามสามารถและทกั ษะ เจตคติ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณวชิ าชพี ๓. เพื่อให้ศกึ ษานเิ ทศกส์ ามารถปฏิบตั ิการนเิ ทศไดอ้ ย่างถกู ต้องสมบรู ณ์ โครงสรา้ งหลักสูตร โครงสรา้ งหลกั สตู รการพฒั นาขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษากอ่ นแตง่ ตง้ั ใหด้ ำ� รงตำ� แหนง่ ศกึ ษานิเทศก์ ตามหนงั สอื สำ� นกั งาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ ๐๒๐๖.๒/ว๖ ลงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ประกอบ ด้วย ๓ สว่ น ส่วนท่ี ๑ : การเสรมิ สรา้ งสมรรถนะของศึกษานเิ ทศก์ เป็นการเรียนรู้ร่วมกันของผู้เข้ารับการพัฒนา และเรียนรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิท่ีมี ความรปู้ ระสบการณเ์ นน้ การเรยี นรอู้ งคร์ วมโดยบรู ณาการความรู้ ทกั ษะ เจตคติ เปน็ หนว่ ยการเรยี นรแู้ ละ เนน้ การศึกษาสภาพจรงิ ประกอบดว้ ยหนว่ ยการเรยี นรู้ ๕ หน่วย หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ สมรรถนะ วินยั คณุ ธรรม จรรยาบรรณวชิ าชพี ศกึ ษานเิ ทศก์ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๒ ความรพู้ น้ื ฐาน ทกั ษะ เทคนคิ และกระบวนการนเิ ทศการศกึ ษา หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๓ กระบวนการนิเทศ ติดตาม ประเมินผลการจัดการศกึ ษา โดยใช้ กระบวนการวจิ ัยและน�ำผลวิจัยไปใช้ในการพฒั นา คุณภาพการศึกษา หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ การติดตาม ประเมิน และรายงานผลการจดั การศึกษา หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๕ การวจิ ยั และการน�ำผลการวิจัยไปใชใ้ นการพฒั นาคณุ ภาพ การศกึ ษา ส่วนที่ ๒ : การฝกึ ประสบการณน์ เิ ทศการศึกษา โดยการเรียนรู้ตามสภาพจริงฝึกประสบการณ์นิเทศการศึกษาในสถานศึกษาและส�ำนักงาน เขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษา โดยมีผ้บู ริหารผู้ทรงคณุ วฒุ ิ ไดแ้ ก่ ผูอ้ �ำนวยการส�ำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษา หรือ รองผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ศกึ ษานเิ ทศกท์ ม่ี ปี ระสบการณใ์ หค้ ำ� ปรกึ ษา แนะน�ำ ก�ำกับตดิ ตามและประเมินผล และผเู้ ข้ารบั การพัฒนาน�ำเสนอแผนพฒั นางานนเิ ทศการศึกษา และ ผลการเรียนรู้สภาพจรงิ นำ� มาสมั มนาสรุปผล สว่ นท่ี ๓ : การจดั ทำ� และนำ� เสนอแผนพฒั นางานนเิ ทศการศกึ ษาในหนา้ ทที่ รี่ บั ผดิ ชอบ กิจกรรมสัมมนาจัดท�ำแผนการนิเทศการศึกษาและน�ำเสนอผลการฝึกประสบการณ์นิเทศ การศึกษา ก�ำหนดให้ผ้เู ขา้ รับการพัฒนานำ� ผลการฝกึ ประสบการณน์ ิเทศการศกึ ษา งานค้นคว้าอสิ ระ นำ� ความรู้และประสบการณ์มาวิเคราะห์ บูรณาการและจัดทำ� เป็นรายงานผลการพัฒนาแล้วนำ� เสนอต่อผู้เข้า_Final.indd 31 โครงการศึกษานิเทศก์รุน่ ใหม่เพือ่ ขบั เคลือ่ นการปฏริ ปู การเรียนรู้ : 31 5/17/2017 8:36:58 PM
รบั การพฒั นาดว้ ยกนั โดยใชเ้ ทคนคิ การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ตลาดนดั ความรู้ และการวพิ ากษโ์ ดยผทู้ รงคณุ วฒุ ิและมีประสบการณ์เพ่ือให้ชิ้นงานท่ีเกิดจากการหลอมรวมประสบการณ์ของผู้เข้ารับการพัฒนาสามารถนำ�ไปใชใ้ นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษาและส�ำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาต่อไปแผนภมู โิ ครงสร้างหลักสตู รการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ก่อนแต่งตั้งใหด้ ํารงตาํ แหน่งศึกษานิเทศก์ ระยะเวลา ๓๓ วัน (แบง่ เป็น ๓ ระยะ)กอ่ นพฒั นา ระหว่างพัฒนา ศึกษาเอกสาร ระยะท่ี ๑ ระยะที่ ๒ ระยะท่ี ๓หลกั สูตรและเวบ็ ไซต์ การเสริมสรา้ งสมรรถนะ การฝกึ ประสบการณ์ การจัดทําและนําเสนอ แผนพฒั นางานนิเทศ ที่เกีย่ วขอ้ งกับ ของศึกษานิเทศก์ นิเทศการศกึ ษา การศกึ ษาในหน้าที่ที่ การพฒั นา (๙ วนั ) (๒๐ วนั ทําการ) ก่อนการพฒั นา รบั ผิดชอบ (๔ วัน) ๑๕ วัน องคป์ ระกอบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ หน่วยท่ี ๑ สมรรถนะ วนิ ัย เรยี นรูต้ ามสภาพจริง สัมมนาจดั ทํารายงาน คณุ ธรรม จรรยาบรรณวิชาชพี ฝึกประสบการณใ์ นสถานศกึ ษา การวิเคราะห์แผนการนเิ ทศ หน่วยท่ี ๒ ความรู้พน้ื ฐาน และ สพท. โดยมีผ้บู รหิ าร จากผลการเรียนรจู้ าก ทักษะ เทคนิคและกระบวนการ ผู้ทรงคุณวุฒิและศึกษานเิ ทศก์ การฝึกประสบการณน์ ิเทศ นิเทศการศกึ ษา ทีม่ ีประสบการณ์ให้คําปรึกษา การศึกษา นําผลงานเสนอ หน่วยท่ี ๓ กระบวนการ แนะนํา กํากบั ติดตามและ เพื่อแลกเปล่ียนเรยี นรู้ นเิ ทศ ติดตาม ประเมนิ ผล การจดั การศึกษา ฯ ประเมนิ ผล หนว่ ยที่ ๔ การตดิ ตาม ประเมนิ และรายงานผล การจัดการศึกษา หนว่ ยที่ ๕ การวิจยั และ นาํ ผลการวจิ ยั ไปใช้ ประเมินผลการพฒั นา 5/17/2017 8:36:58 PM ระยะเวลาการเขา้ รบั การพัฒนาไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๕ ผลการประเมินระหว่างพัฒนาและสนิ้ สุดการพัฒนา ไม่ตํา่ กว่าร้อยละ ๗๐ ภาพท่ี ๗ โครงสรา้ งหลักสตู รการพฒั นาขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา แผ่กง่ิ : รายงานการพัฒนาหลกั สูตรพัฒนาศึกษานเิ ทศก์รนุ่ ใหม่เพ่อื การขับเคล่อื นการปฏิรูปการเรยี นรู้ : 32_Final.indd 32
การปฏิรปู การศึกษาและการเรียนรู้ การปฏิรปู การศึกษาและการเรยี นร้เู ป็นการศึกษาแนวโนม้ การจัดการศกึ ษาในระดับโลก ภมู ภิ าค และระดับประเทศ เพื่อใช้เป็นข้อมูลส�ำคัญในการออกแบบกระบวนการพัฒนาศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่ให้มี ความรู้ความเข้าใจและมปี ระสบการณใ์ นการอยูใ่ นสงั คมทมี กี ารปฏิรปู อย่างรู้เท่าทนั การเปล่ียนแปลง ดังน้ี ๑. การก�ำหนดเป้าหมายการพัฒนาท่ยี งั่ ยืนของโลก ๑๗ ประการ (The Global Goals for Sustainable Development) กล่าวคือ เม่ือวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๘ ผู้น�ำประเทศกว่า ๑๙๓ ชาติ เขา้ ร่วมการประชมุ สมชั ชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ (UN General Assembly) ณ กรุงนิวยอร์ค เพื่อ รับรอง \"เป้าหมายการพัฒนาที่ย่ังยืนของโลก ๑๗ ประการ\" (The Global Goals for Sustainable Development) ประกอบด้วย ๑) ขจัดความยากจน ๒) ขจัดความอดอยาก ๓) การมีสุขภาพและ ความเป็นอยู่ท่ีดี ๔) การศึกษาที่มีคุณภาพ ๕) ความเท่าเทียมทางเพศ ๖) สุขาภิบาลและน�้ำสะอาด ๗) การมีพลังงานสะอาดใชอ้ ย่างเพยี งพอ ๘) งานที่มคี ุณค่าและการเตบิ โตทางเศรษฐกจิ ๙) พัฒนาภาค อุตสาหกรรม นวัตกรรมและโครงสร้างพ้ืนฐานให้พร้อม ๑๐) ลดความเหล่ือมล้�ำ ๑๑) สร้างให้เกิดชุมชน เมืองที่ย่ังยืน ๑๒) การบริโภคและผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ ๑๓) การดูแลเรื่องสภาพภูมิอากาศ ๑๔) ดูแลทรัพยากรทางน้�ำ ๑๕) ชีวิตบนพ้ืนดิน ๑๖) การสร้างความสงบ ความยุติธรรมและสถาบัน ท่ีเข้มแข็ง และ ๑๗) ภาคีความรว่ มมือเพื่อผลกั ดันใหถ้ ึงเป้าหมาย ภาพที่ ๘ เปา้ หมายการพฒั นาที่ย่ังยนื ของโลก ๑๗ ประการ (http://www.brandbuffet.in.th/ 2015/09/dtac-telenor-support-un-with-global-goals-project/) เป้าหมายท้ัง ๑๗ ข้อนั้น อาศัยกรอบแนวคิดท่ีมองการพัฒนาท่ีย่ังยืนผ่านมิติที่เชื่อมโยงกัน ของเศรษฐกิจ สังคม และส่งิ แวดล้อม ในการรวบรวมความเห็นและข้อเสนอจากประชาชนจากทกุ ประเทศ ทั่วโลก ที่จะใช้เป็นเป้าหมายเพื่อการพัฒนาร่วมกันในอีก ๑๕ ปีข้างหน้าจนถึงปี ๒๕๗๓ เพื่อทดแทน เปา้ หมายการพฒั นาแหง่ สหสั วรรษ (Millennium Development Goals) ทง้ั ๘ ข้อทจี่ ะสิ้นสดุ ลงในปี ๒๕๕๘ นี้ ซง่ึ เปน็ ครง้ั แรกท่ีมีเป้าหมายร่วมในการมงุ่ ขจดั ความยากจนของประชากรโลกทัง้ สนิ้ ๘๓๖ ลา้ น คนทว่ั โลกใหห้ มดสิน้ ไปภายในปี ๒๕๗๓ โครงการศึกษานเิ ทศกร์ ุ่นใหม่เพอื่ ขบั เคลอ่ื นการปฏิรปู การเรียนรู้ : 33_Final.indd 33 5/17/2017 8:36:58 PM
ด้านเป้าหมายด้านการศึกษามีสาระส�ำคัญคือ ให้จัดการศึกษาแก่เด็กเยาวชนทุกคนตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงมัธยมศึกษา รวมทั้งสร้างเสริมโอกาส \"การเรียนรู้ตลอดชีวิต\" แก่ประชาชน ซึ่งถือเป็นความทา้ ทายของประเทศดอ้ ยพฒั นา และประเทศกำ� ลงั พฒั นาท่ยี ังมเี ด็กและเยาวชนอกี กว่า ๑๒๔ ล้านคนทยี่ งั ขาดโอกาสทางการศกึ ษา เพราะจากการประมาณการพบวา่ จำ� เปน็ ตอ้ งใชง้ บประมาณปลี ะกวา่ ๓๙,๐๐๐ล้านดอลลาร์สหรฐั ฯ ต่อปี ตลอด ๑๕ ปขี ้างหนา้ เพ่ือบรรลุเปา้ หมาย ดว้ ยเหตุนอี้ งคก์ ารสหประชาชาตจิ งึ เน้นย้ำ� ความสำ� คัญของเป้าหมายขอ้ ๑๗ ท่เี นน้ การสร้างภาคีความรว่ มมือเพอื่ ผลักดนั ให้ถึงเปา้ หมาย (Partnerships for Goals) ซง่ึ สง่ เสริมการทำ� งานร่วมกนั จากทุกภาคส่วน ท้ังในประเทศและในระดับนานาชาติเพ่ือสนับสนุนการระดมเงินทุน เทคโนโลยี การยกระดับศกั ยภาพของส่วนราชการและองค์กรสาธารณประโยชน์ และความรบั ผดิ ชอบตอ่ เป้าหมายรว่ มกนั ” ๒. แนวโน้มการจัดการศึกษา แนวโน้มลักษณะการจัดการศึกษามีรูปแบบต่างๆ หลายลักษณะ ซึ่งส่งผลต่อการน�ำไปสู่การจัดการเรยี นการสอนในยคุ การปฏริ ปู การศกึ ษา และการนเิ ทศเพอื่ สง่ เสรมิ การจดั การศกึ ษาทมี่ คี ณุ ภาพ ไดแ้ ก่ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาใชใ้ นการจัดการเรยี นรู้ โดยความเป็นจริงแล้ว ครูเราใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจัดการเรียนการสอนมานานแล้ว เพียงแต่ยังใช้รูปแบบเดิม ซึ่งหากมีการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องต้ังแต่การรวบรวมการจัดเก็บข้อมูลการประมวลผล การพิมพ์ การสรา้ งงาน การส่อื สารข้อมลู ฯลฯ ซ่ึงรวมไปถงึ การใหบ้ ริการ การใช้ และการดูแลขอ้ มลู จะท�ำใหก้ ารจดั การเรยี นการสอนมปี ระสิทธภิ าพมากขึน้ นักเรยี นสามารถคน้ คว้าหาความรู้จากแหลง่ ความรูท้ ห่ี ลากหลายมากย่งิ ขน้ึ เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Communication Technology: ICT) หมายถึงการนำ� เทคโนโลยดี จิ ติ อล เครอ่ื งมอื สอ่ื สาร หรอื เครอื คา่ ยคอมพวิ เตอร์ มาใชใ้ นการเขา้ ถงึ จดั การ บรู ณาการประเมนิ ผล และสรา้ งข้อมูล เปา้ หมายของการใช้ ICT เพอื่ การเรยี นรู้ เพอ่ื เปน็ เครอ่ื งมอื ชว่ ยเพม่ิ ผลงาน และการตดิ ตอ่ สอื่ สารความร่วมมือของนักเรียน โดยการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกัน บริหารจัดการข้อมูล โดยการค้นคว้าข้อมูลความร่วมมือของครู โดยครูท�ำงานร่วมกันเอง ท�ำงานร่วมกับนักเรียน และเพื่อนภายนอกโรงเรียนความรว่ มมอื ระหวา่ งโรงเรยี น โดยนกั เรยี นทำ� งานรว่ มกบั ผอู้ น่ื ทอ่ี ยนู่ อกโรงเรยี น การสรา้ งงาน โดยการจดั ทำ�ชนิ้ งาน การเผยแพร่ผลงาน และช่วยบททวนบทเรยี น โดยซอรฟ์ แวร์เสรมิ การเรียน การศึกษาทางเลือก (Alternative Education) หมายถึง การจัดการศึกษาเพื่อตอบสนองตอ่ ความต้องการของผูเ้ รียนทไี่ ม่ประสงค์ จะเรียนในระบบการศึกษาตามปกติ ซ่งึ มเี หตุผลมาจากพ้นื ฐานของบุคคล ตามปรัชญาความเช่ือทางการศึกษาและการเรียนรู้ หรือตามปรัชญาความเชื่อทางการเมืองปรชั ญาความเชื่อทางศาสนาและความศรัทธา หรอื เป็นการสนองความต้องการส่วนบุคคลเปน็ การเฉพาะมิใช่การศึกษาที่จัดให้กับบุคคลท่ัวไป หรือแม้กระท่ังการสนองตอบของบุคคลที่จะปฏิเสธระบบความสมั พนั ธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรยี นในการศกึ ษาระบบปกติ จากความหมายดังกล่าวข้างต้น ตัวอย่างการจัดการศึกษาทางเลือกในปัจจุบัน สามารถเห็นได้จากรูปแบบของโรงเรียนวิถีธรรม โรงเรียนวิถีธรรมชาติ การสอนแบบ Home-based learning หรือ แผก่ ง่ิ : รายงานการพัฒนาหลักสตู รพฒั นาศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่เพอื่ การขับเคลื่อนการปฏิรปู การเรียนรู้ : 34 5/17/2017 8:36:58 PM_Final.indd 34
Home-school เป็นตน้ ซึ่งมีจุดเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอน ผู้เรียน เนื้อหาหลักสูตร การจัด บรรยากาศให้เข้ากับวิถีของชุมชน และความเชอื่ เปน็ หลัก การศกึ ษาทางเลือก (Alternative Education) เป็นการจัดการศึกษาท่ีมีรูปแบบแตกต่างไปจากการศึกษาตามแนวกระแสหลักในระบบทั่วไป การศึกษา ทางเลือกจัดข้ึนบนพื้นฐานความเช่ือที่ว่าธรรมชาติของมนุษย์มีความแตกต่างหลากหลาย การศึกษา ทางเลือกจึงมหี ลายรูปแบบ วัตถปุ ระสงคห์ รือเป้าหมายของการศกึ ษาทางเลอื ก ๑. เพอื่ ใหก้ ารเรียนรูเ้ ป็นเคร่อื งมอื ในการพฒั นาผเู้ รยี นใหเ้ ปน็ มนษุ ยท์ ส่ี มบูรณท์ กุ ด้าน ๒. เพ่อื แก้ปัญหาของระบบการศึกษาในปัจจบุ นั เป็นทางเลอื กใหแ้ ก่ประชาชนทุกกลุ่มให้ได้ รบั การศึกษาท่เี หมาะสม และเป็นเคร่อื งมอื พัฒนามนุษยใ์ นระดับปจั เจกบุคคล ๓. เพอ่ื กระจายอำ� นาจการจัดการศึกษาไปยงั ประชาชน ให้มสี ิทธแิ ละเสรีภาพในการจัดการ ศกึ ษาดว้ ยตนเอง รูปแบบการจดั การศกึ ษาทางเลือก รปู แบบของการศึกษาทางเลอื ก มคี วามยดื หยุ่นและหลากหลาย สอดคลอ้ งกับธรรมชาตขิ อง ผเู้ รยี นและกระบวนการเรยี นรู้ รวมทง้ั เนอ้ื หา สาระทเ่ี รยี นรู้ แนวทางของการศกึ ษาทางเลอื กในประเทศไทย มดี ังน้ี (สชุ าดา จักรพิสทุ ธ์,ิ ๒๕๔๘) ๑. การศกึ ษาทางเลอื กทจี่ ดั โดยครอบครวั หรอื โฮมสคลู ซง่ึ ครอบคลมุ ทง้ั แบบครอบครวั เดย่ี ว กลมุ่ และเครือข่ายครอบครวั ๒. การศึกษาทางเลือกที่อิงกับระบบโรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนที่สามารถจัดหลักสูตร หรือกระบวนการเรียนรู้ที่แตกต่างไปจากโรงเรียน ตามแนวกระแสหลักทั่วไป เน้นนวัตกรรมการเรียนรู้ การทดลองปฏิบตั หิ รอื ประสบการณ์ เชน่ โรงเรียนรงุ่ อรณุ โรงเรยี นหมู่บ้านเด็ก เปน็ ตน้ ๓. การศึกษาทางเลอื กสายครภู มู ิปญั ญา ไดแ้ ก่ พ่อครู ปราชญช์ าวบ้าน ทมี่ กี ารถา่ ยทอด ภมู ปิ ัญญาความรู้แกผ่ ู้เรียน เชน่ ศิลปะ การช่าง ดา้ นเกษตรกรรม การแพทยพ์ ้ืนบ้าน สมุนไพร เป็นตน้ ๔. การศึกษาทางเลือกสายศาสนาและวิธีปฏิบตั ิธรรม จัดการเรียนรู้แก่สมาชิกท้ังแนว เศรษฐกิจพอเพยี งต่อตา้ นการบรโิ ภคนิยม การปฏบิ ตั ิสมาธใิ นแนวต่างๆ ตามวิถีความเชอ่ื ๕. การศกึ ษาทางเลอื กท่ีเป็นสถาบันนอกระบบ ไดแ้ ก่ กลุ่ม กิจกรรมทางการศกึ ษาทมี่ ี การจัดหลักสูตรหรือกระบวนการเรยี นรขู้ องตนเอง ไม่องิ กบั หลกั สูตรรัฐ มีทง้ั แบบเสยี คา่ ใช้จา่ ยและไมเ่ สีย ค่าใช้จ่าย เช่น มหาวิทยาลัยเท่ียงคืน เสมสิกขาลัย สถาบันเรียนรู้ขององค์กรพัฒนา เอกชน (NGOs) เปน็ ตน้ ๖. การศกึ ษาทางเลอื กกลมุ่ การเรยี นผา่ นกจิ กรรม เปน็ การเรยี นรู้ ทกี่ วา้ งขวางหลากหลาย ทส่ี ดุ มผี ลในการเสรมิ สรา้ งชมุ ชนเขม้ แขง็ ทง้ั กลมุ่ การเรยี นรู้ ผา่ นกลมุ่ กจิ กรรมชมุ ชน การสบื สานภมู ปิ ญั ญา การฟน้ื ฟู ศิลปวัฒนธรรม การอนรุ ักษท์ รัพยากร การแพทยพ์ นื้ บ้าน การสาธารณสขุ การจัดการปัญหา ชุมชน เด็กและสตรี เป็นต้น ๗. การศกึ ษาทางเลอื กผา่ นสอื่ การเรยี นและแหลง่ เรยี นรู้ ทงั้ ที่ เปน็ สอื่ มวลชน เชน่ นติ ยสาร หนังสือพิมพ์ วทิ ยุ โทรทัศน์ สอื่ ชมุ ชน อนิ เทอรเ์ น็ต หอ้ งสมุด พิพิธภัณฑ์ สถานที่ท่องเท่ียว หรือแหล่ง เรียนร้ตู ่างๆ โครงการศึกษานิเทศก์รุ่นใหมเ่ พือ่ ขับเคล่ือนการปฏิรปู การเรียนรู้ : 35_Final.indd 35 5/17/2017 8:36:58 PM
๓. การปฏิรปู การศกึ ษาของกระทรวงศึกษาธิการ ยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ มีทั้งหมด ๖ ด้านประกอบด้วย๑) ด้านหลักสูตรและกระบวนการเรยี นรู้ ๒) ดา้ นการผลติ และพฒั นาครู ๓) ดา้ นการทดสอบการประเมนิการประกันคุณภาพ และการพัฒนามาตรฐานการศึกษา ๔) ด้านการผลิต พัฒนาก�ำลังคน และงานวิจัยทสี่ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของการพฒั นาประเทศ ๕) เทคโนโลยเี พอื่ การศกึ ษา และ ๖) การบรหิ ารจดั การดังแผนภาพ ภาพท่ี ๙ จุดเน้นยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาของกระทรวงศกึ ษาธิการ ในแต่ละด้านมีการระดมความคิดเห็นวิเคราะห์สภาพของปัญหา การคิดหาแนวทางแก้ไขปญั หา และกจิ กรรม/โครงการทส่ี ามารถนำ� ไปสู่การแก้ไขปญั หา หรอื การปฏริ ปู การศึกษาให้เกิดคุณภาพ โครงการและกจิ กรรมทก่ี ระทรวงศกึ ษาดำ� เนนิ การตามแนวทางการปฏริ ปู การศกึ ษา ประกอบดว้ ย ๑) พลกิ โฉมโรงเรยี น นกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ อา่ นออกเขยี นไดใ้ น ๑ ปี ๒) ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้ ๓) การจดั การเรียนการสอนแบบสะเตม็ ศกึ ษา ๔) การพัฒนาครแู กนนำ� ด้านการสอนภาษาอังกฤษ แผ่กง่ิ : รายงานการพัฒนาหลักสูตรพัฒนาศกึ ษานเิ ทศกร์ ุ่นใหมเ่ พือ่ การขับเคลอ่ื นการปฏิรปู การเรยี นรู้ : 36 5/17/2017 8:36:58 PM_Final.indd 36
ภาพที่ ๑๐ โครงการและกจิ กรรมทกี่ ระทรวงศึกษาด�ำเนนิ การตามแนวทางการปฏิรูปการศกึ ษา (๑)_Final.indd 37 ภาพท่ี ๑๑ โครงการและกจิ กรรมที่กระทรวงศกึ ษาดำ� เนนิ การตามแนวทางการปฏริ ปู การศึกษา (๒) โครงการศึกษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหมเ่ พือ่ ขับเคล่อื นการปฏริ ปู การเรยี นรู้ : 37 5/17/2017 8:36:59 PM
งานวิจยั ท่เี ก่ียวข้อง ชลธิชา รอดผล (๒๕๔๒) ได้ศึกษาการศึกษาการปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์ ส�ำนักงาน การประถมศกึ ษาอำ� เภอ/กงิ่ อำ� เภอ ตามเกณฑม์ าตรฐานศกึ ษานเิ ทศกข์ องกระทรวงศกึ ษาธกิ าร กลมุ่ ตวั อยา่ ง ที่ใช้ในการวิจยั คือ ศึกษานเิ ทศก์ ส�ำนักงานการประถมศึกษาอ�ำเภอ/กิ่งอ�ำเภอ จำ� นวน ๓๓๘ คน เครือ่ งมือ ที่ใช้ในการวจิ ัยเปน็ แบบสอบถาม วเิ คราะห์ขอ้ มลู โดยการหาคา่ ร้อยละ ผลการวจิ ัยพบว่า เกณฑ์มาตรฐานที่ ๑ คือ การเข้าร่วมเป็นสมาชิกกิจกรรมขององค์กรท่ีส่งเสริมการนิเทศ การศึกษา การศึกษาค้นคว้ารวบรวมเทคนิควิธีการส่ือเครื่องมือนิเทศ การให้ค�ำปรึกษา แนะน�ำ สาธิต เกยี่ วกบั การนเิ ทศแกโ่ รงเรยี น กลมุ่ โรงเรยี น การศกึ ษาคน้ ควา้ การวจิ ยั ของบคุ คลอนื่ หรอื หนว่ ยงานอน่ื และ การน�ำผลการวิจัยไปใช้ในการนิเทศ ปัญหาคือ องค์กรท่ีส่งเสริมการนิเทศการศึกษาไม่ได้จัดกิจกรรม เพื่อช่วยเหลือแลกเปล่ียนความรู้ซ่ึงกันและกันอย่างจริงจัง ขาดแหล่งศึกษาค้นคว้าขาดความรู้การวิจัย งานที่ได้รับมอบหมายมากท�ำให้การปฏิบัตงิ านไม่ทว่ั ถงึ และตอ่ เนอื่ ง เกณฑม์ าตรฐานท่ี ๒ คอื การศกึ ษาขอ้ มลู พนื้ ฐานเพอ่ื ทราบสภาพปจั จบุ นั ปญั หา ความตอ้ งการ ของผู้รับการนิเทศ และกิจกรรมการนิเทศต้องสัมพันธ์กับความต้องการของผู้รับการนิเทศ ปัญหาคือ ขาดงบประมาณสนบั สนุนการด�ำเนนิ งาน เกณฑ์มาตรฐานที่ ๓ คอื ศึกษาปัญหาการจดั การเรยี นการสอนรว่ มกัน เลอื กวิธที ีเ่ หมาะสม กับผรู้ ับการนเิ ทศ และส่งเสรมิ กระตนุ้ ใหผ้ ู้รบั การนิเทศประเมินวธิ ที ำ� งานของตนเอง ปญั หาทสี่ ่วนใหญร่ ะบุ คือ ขาดงบประมาณสนับสนนุ การด�ำเนินงาน เกณฑ์มาตรฐานที่ ๔ คือ ศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหา ความต้องการของผู้รับการนิเทศ ในภาพรวม-เป็นรายกลุ่ม และพัฒนาแผนให้สอดคล้องกับนโยบายแนวปฏิบัติการนิเทศการศึกษาของ หน่วยงานต้นสงั กดั ปญั หาคือ ขาดการควบคุมกำ� กบั และตดิ ตามผลการด�ำเนนิ งาน เกณฑ์มาตรฐานท่ี ๕ ที่ส่วนใหญ่ปฏิบัติคือ เลือกส่ือเคร่ืองมือเทคนิควิธีการให้เหมาะสม กับกิจกรรมการนิเทศ และให้ผู้รับการนิเทศมีส่วนร่วมในการคิดค้น ผลิต ตัดสินใจใช้และพัฒนาส่ือ เคร่ืองมือ เทคนิค วิธีการในการนิเทศให้ดีย่ิงขึ้นอยู่เสมอ ปัญหาท่ีคือ ครู ไม่เห็นความส�ำคัญของส่ือ เครอื่ งมอื นเิ ทศ เกณฑ์มาตรฐานที่ ๖ ที่ส่วนใหญ่ปฏิบัติคือ ศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหาความต้องการของ ผู้รับการนิเทศ วิเคราะห์นโยบาย เป้าหมาย และจุดเน้นของหน่วยงานต้นสังกัด ส่งเสริมให้ครู ผู้บริหาร น�ำกิจกรรมการนิเทศการศึกษาใหม่ๆ มาใช้ในโรงเรียน และส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้รับการนิเทศแต่ละคน ปรับปรุงพัฒนาศักยภาพของตนเองด้านการเรียนการสอนอย่างต่อเน่ือง ปัญหาท่ีส่วนใหญ่ระบุคือ ขาดงบประมาณสนับสนนุ การด�ำเนินงาน เกณฑ์มาตรฐานที่ ๗ ที่สว่ นใหญ่ปฏิบัตคิ อื รวบรวม วเิ คราะห์ น�ำเสนอข้อมลู สภาพปัญหา ความตอ้ งการ เป้าหมายของการพัฒนา ท้ังในภาพรวม - จ�ำแนกเปน็ รายบคุ คล รายงานผลด้านนโยบาย เป้าหมาย และการด�ำเนินการแก้ไขโดยสรุป ปัญหาท่ีส่วนใหญ่ระบุคือ ผู้บริหาร บุคคลท่ีเกี่ยวข้องไม่ได้ น�ำผลจากการประเมินและการรายงานผลไปปรบั ปรุงการด�ำเนินงานของหนว่ ยงานอยา่ งจริงจงั เกณฑ์มาตรฐานท่ี ๘ ที่ส่วนใหญ่ปฏิบัติคือ แต่งกายสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะ ให้ค�ำแนะน�ำอย่างสร้างสรรค์ และชมเชยให้ก�ำลังใจผู้รับการนิเทศท่ีปฏิบัติงานเป็นแบบอย่างที่ดี ปัญหา ทส่ี ่วนใหญ่ระบคุ ือ บางครั้งงานทไี่ ดร้ ับมอบหมายมากทำ� ให้การปฏิบัตงิ านในหน้าท่ีไม่ดีเท่าทค่ี วรแผ่กิง่ : รายงานการพัฒนาหลักสตู รพฒั นาศึกษานเิ ทศกร์ ุ่นใหม่เพ่อื การขบั เคลอื่ นการปฏริ ูปการเรยี นรู้ : 38_Final.indd 38 5/17/2017 8:36:59 PM
เกณฑม์ าตรฐานท่ี ๙ ทสี่ ว่ นใหญป่ ฏบิ ตั คิ อื ศกึ ษางานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย วางแผนการปรบั ปรงุ งานรว่ มกนั และยอมรบั ในความรคู้ วามสามารถ ตลอดจนรับฟังความคิดเหน็ ของผ้อู ืน่ ปญั หาทส่ี ว่ นน้อย ระบุคือ ผู้รับการนิเทศไม่ยอมรับเทคนิควิธีแนวคิดใหม่ๆ แม้จะเห็นดีเห็นชอบแต่ก็ยังไม่ยอมรับไปปฏิบัติ คงท�ำตามทเ่ี คยทำ� มาก่อนเพราะสะดวกดี เกณฑ์มาตรฐานท่ี ๑๐ ท่ีส่วนใหญ่คือ การรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับท้องถ่ินที่เป็นปัจจุบัน การประสานงานรวบรวมข้อมูล ข่าวสาร และจัดท�ำแฟ้มข้อมูลให้บริการแก่ผู้ร่วมงาน หน่วยงานชุมชน ปัญหาทสี่ ่วนใหญ่ระบคุ ือ โรงเรยี นและกล่มุ โรงเรียนส่งข้อมลู ลา่ ชา้ เกณฑ์มาตรฐานท่ี ๑๑ ที่ส่วนใหญป่ ฏบิ ตั ิคอื มีความมุ่งมัน่ ตั้งใจจรงิ ในการทำ� งาน ผ้นู ิเทศและ ผู้รับการนิเทศร่วมคิด ปฏิบัติ ประเมินปรับปรุงงานร่วมกัน และส่งเสริมให้ผู้รับการนิเทศคิด ตัดสินใจ เลือกกิจกรรมการพัฒนาด้วยตนเอง ปัญหาท่ีระบุคือ ขาดกระบวนการวางแผนยุทธศาสตร์ในการปฏิบัติ งาน ขาดเครอ่ื งมอื ที่หลากหลายและมีประสิทธภิ าพ เกณฑ์มาตรฐานที่ ๑๒ ท่ีส่วนใหญ่ปฏิบัติคือ รวบรวมข้อมูลสภาพความต้องการจ�ำเป็น ค�ำนึงถึงความเป็นไปได้ของแผนด�ำเนินงาน และตัดสินใจปฏิบัติ ปรับเปลี่ยนวิธีการให้เกิดการพัฒนา ผูร้ ับการนิเทศ องคก์ รวิชาชพี ปัญหาท่รี ะบุคือ ขาดความรู้ในการวิจัย พิทยา เขม้นเขตวิทย์ (๒๕๕๐) ได้วิจัยเรื่อง การวิเคราะห์การปฏิบัติงานนิเทศการศึกษา ของศึกษานิเทศก์ ส�ำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาจันทบุรี วัตถุประสงค์เพ่ือวิเคราะห์สภาพและปัญหา การปฏิบัติงานนิเทศการศึกษาของศึกษานิเทศก์ ส�ำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจันทบุรี ประชากร คือ ศกึ ษานเิ ทศกจ์ ำ� นวน ๔๒ คน เครอ่ื งมอื ทใี่ ชใ้ นการวจิ ยั คอื แบบสมั ภาษณแ์ บบมโี ครงสรา้ งและแบบวเิ คราะห์ เอกสาร วิเคราะห์ข้อมลู โดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ๑. กลมุ่ งานพัฒนาหลกั สตู รการศึกษาขั้นพื้นฐาน และกระบวนการเรียนรู้ ส่งเสริมใหโ้ รงเรยี น จัดท�ำหลักสูตรสถานศึกษาโดยยึดหลักสูตรแกนกลาง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ และอีก ๓๐ เปอร์เซ็นต์โรงเรียน จดั ทำ� ขนึ้ เปน็ สว่ นของทอ้ งถน่ิ ปญั หาพบวา่ หลกั สตู รแกนกลางทม่ี กี ารปรบั ปรงุ เปลย่ี นแปลงบอ่ ยครง้ั ทำ� ให้ การน�ำหลักสูตรมาใช้ไม่ต่อเน่ือง และในเรื่องการจัดท�ำหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนยังไม่มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการพัฒนาหลกั สูตรอยา่ งแท้จรงิ ๒. กลุ่มงานวัดและประเมินผลการศึกษา ได้ส่งเสริมให้ครูวัดและประเมินผลสอดคล้องตาม แนวทางจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี ๒) พทุ ธศักราช ๒๕๔๕ โดยการใหก้ ารอบรมครูและผู้บรหิ ารโรงเรียน ปัญหาพบวา่ มีการรวบรวม เครื่องมอื วดั และประเมนิ ผลไมค่ รอบคลุมท้งั ๘ กลมุ่ สาระ และไม่ไดใ้ หบ้ รกิ ารเคร่อื งมอื วัดและประเมินผล ทางการศึกษาแกส่ ถานศกึ ษา ๓. กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาส่ือนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา ได้มีการส่งเสริม และพฒั นาบคุ ลากรใหส้ ามารถผลติ บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน (ผลติ สอ่ื CAI) รวมทง้ั สง่ เสรมิ ใหโ้ รงเรยี น จัดท�ำหนึ่งนวัตกรรมหนึ่งโรงเรียน ปัญหาพบว่า การด�ำเนินงานไม่ต่อเน่ืองเน่ืองจากมีการเปล่ียนแปลง บุคลากรทรี่ ับผิดชอบงานบอ่ ย และขาดแคลนงบประมาณ ๔. กลุ่มงานนิเทศ ติดตามประเมินผลระบบบริหารและการจัดการศึกษา มีรูปแบบ การนิเทศเปน็ ๒ ลักษณะ คอื ๑) การนิเทศแบบฝงั ตัว ๒) การพฒั นาบุคลากร โดยการจดั อบรม ศึกษา โครงการศกึ ษานเิ ทศกร์ ุน่ ใหมเ่ พื่อขบั เคลือ่ นการปฏิรปู การเรยี นรู้ : 39_Final.indd 39 5/17/2017 8:36:59 PM
ดูงาน ปัญหาพบว่าการท�ำงานลักษณะทีมรับผิดชอบร่วมกันเป็นรายอ�ำเภอนั้นไม่มีการจัดท�ำรายงานผล การดำ� เนนิ งานการนเิ ทศการศึกษาในภาพรวมของกลุม่ รวมทงั้ การจัดเกบ็ เอกสารไม่เปน็ ระบบ ๕. กลุม่ งานส่งเสรมิ พัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศกึ ษา สง่ เสรมิ ใหส้ ถานศกึ ษาสรา้ ง ระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา และได้นิเทศ ติดตามการพัฒนาระบบประกันคุณภาพ ภายในสถานศกึ ษาโดยวธิ กี ารออกนเิ ทศ ปญั หาพบวา่ ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาไมไ่ ดส้ ง่ เสรมิ การประกนั คณุ ภาพ การศึกษาอย่างจริงจัง ๖. กลุ่มงานเลขานุการคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลและนิเทศการศึกษา ไดจ้ ดั ทำ� แผนยทุ ธศาสตร์ และทำ� สรปุ และรายงานผลการตดิ ตาม ตรวจสอบประเมนิ ผลและนเิ ทศการศกึ ษา ต่อคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลและนิเทศการศึกษา ปัญหาพบว่า การปฏิบัติงานของ กลุม่ งานไมต่ ่อเนอ่ื งเน่อื งจากเปลี่ยนตัวผปู้ ฏิบัตบิ อ่ ย ศุภวิชญ์ ศิริผลวุฒิชัย (๒๕๕๗) ได้ศึกษาพฤติกรรมการนิเทศของผู้นิเทศตามการรับรู้และ ความคาดหวังของครูโรงเรียนในเครือมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย การวิจัยมีวัตถุประสงค์ ๑) เพอื่ ศกึ ษาพฤตกิ รรมการนเิ ทศของผนู้ เิ ทศตามการรบั รขู้ องครโู รงเรยี นในเครอื มลู นธิ คิ ณะเซนตค์ าเบรยี ล แหง่ ประเทศไทย ๒) เพือ่ ศกึ ษาพฤตกิ รรมการนเิ ทศของผูน้ ิเทศตามความคาดหวงั ของครโู รงเรยี นในเครือ มูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย ๓) เพ่ือเปรียบเทียบพฤติกรรมการนิเทศของผู้นิเทศตาม การรบั รกู้ บั ความคาดหวงั ของครโู รงเรยี นในเครอื มลู นธิ คิ ณะเซนตค์ าเบรยี ลแหง่ ประเทศไทย ซงึ่ พฤตกิ รรม การนิเทศประกอบด้วย ๑) พฤติกรรมการนิเทศแบบชี้น�ำควบคุม (Directive Control Behaviors) ๒) พฤตกิ รรมการนิเทศแบบชี้นำ� ให้ข้อมูล (Directive Informational Behaviors) ๓) พฤติกรรมการ นิเทศแบบร่วมมือ (Collaborative Behaviors) ๔) พฤติกรรมการนิเทศแบบไม่ช้ีน�ำ (Nondirective Behaviors) จากผลการวิจัยพบว่า พฤติกรรมการนิเทศที่รับรู้ว่าปฏิบัติสูงสุดคือ พฤติกรรมการนิเทศ แบบไม่ชี้น�ำอยู่ในระดับปานกลาง รองลงมาคือ พฤติกรรมการนิเทศแบบร่วมมืออยู่ในระดับปานกลาง ส่วนพฤติกรรมการนิเทศที่รับรู้ว่าปฏิบัติต่�ำสุดคือ พฤติกรรมการนิเทศแบบช้ีน�ำควบคุมอยู่ในระดับปาน กลาง ในขณะที่พฤติกรรมการนิเทศท่ีคาดหวังให้ปฏิบัติสูงสุดคือ พฤติกรรมการนิเทศแบบชี้น�ำให้ข้อมูล อยู่ในระดับมาก รองลงมาคือ พฤติกรรมการนิเทศแบบไม่ชี้น�ำอยู่ในระดับมาก ส่วนพฤติกรรมการนิเทศ ที่คาดหวังให้ปฏิบัติต่�ำสุดคือ พฤติกรรมการนิเทศแบบช้ีน�ำควบคุมและพฤติกรรมการนิเทศแบบร่วมมือ อยู่ในระดับมาก ส่วนผลการเปรียบเทียบและจัดล�ำดับความส�ำคัญพฤติกรรมการนิเทศของผู้นิเทศตาม การรับรู้กับความคาดหวัง พบว่า พฤติกรรมการนิเทศที่มีความส�ำคัญสูงสุดคือ พฤติกรรมการนิเทศ แบบช้ีน�ำให้ข้อมูล รองลงมาคือ พฤติกรรมการนิเทศแบบช้ีน�ำควบคุม ในขณะท่ีพฤติกรรมการนิเทศที่มี ความสำ� คญั ต�ำ่ สุดคือ พฤตกิ รรมการนิเทศแบบไม่ชนี้ ำ� ปัญญา อัครพุทธพงศ์ (๒๕๕๗) ได้ศึกษาปัจจัยทางสถานภาพของครูที่ส่งผลต่อความต้องการ รูปแบบการนิเทศการสอนของครูโรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพ้ืนฐานการวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาปัจจัยทางสถานภาพของครูท่ีส่งผลต่อความต้องการ รปู แบบการนเิ ทศการสอนของครโู รงเรยี นมธั ยมศกึ ษาในสงั กดั สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน ภายในเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาเขต ๑ และสรา้ งสมการทำ� นายความตอ้ งการการนเิ ทศการสอนแตล่ ะแผก่ งิ่ : รายงานการพฒั นาหลกั สตู รพฒั นาศกึ ษานิเทศก์รนุ่ ใหมเ่ พอ่ื การขับเคล่ือนการปฏริ ปู การเรียนรู้ : 40_Final.indd 40 5/17/2017 8:36:59 PM
รปู แบบ ซง่ึ ประกอบดว้ ย การนเิ ทศการสอนแบบคลนิ กิ (YCLN) การนเิ ทศการสอนแบบรว่ มพฒั นาวชิ าชพี (YCPD) การนิเทศการสอนแบบพึ่งตนเอง (YSD) และการนิเทศการสอนโดยผู้บริหาร (YAM) จาก การศึกษาปัจจัยท่ีส่งผล พบว่า ๑) ปัจจัยด้านกลุ่มสาระการเรียนรู้ส่งผลต่อ YCLN อย่างมีนัยส�ำคัญ ทางสถติ ทิ รี่ ะดบั .๐๑ และสามารถอธิบายความแปรปรวนได้ร้อยละ ๓.๙ ซ่ึงแสดงใหเ้ ห็นว่า ครกู ลมุ่ สาระ การเรียนรู้ที่แตกต่างกันมีแนวโน้มต้องการการนิเทศการสอนรูปแบบน้ีแตกต่างกัน ๒) ไม่มีปัจจัยด้านใด ท่สี ง่ ผลตอ่ YCPD และ YSD อยา่ งมีนยั ส�ำคัญทางสถติ ิทรี่ ะดับ .๐๕ ซงึ่ แสดงใหเ้ หน็ ว่า ครูท่ีมสี ถานภาพ แตกต่างกันมีแนวโน้มตอ้ งการการนเิ ทศการสอนทั้งสองรปู แบบไมแ่ ตกตา่ งกัน และ ๓) ปัจจัยทส่ี ง่ ผลต่อ YAM มากที่สดุ อย่างมีนัยส�ำคญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั .๐๑ คือ ปัจจยั ด้านกลุ่มสาระการเรยี นรู้ รองลงมาท่ีระดบั นัยส�ำคัญทางสถิติ .๐๕ คือ ด้านอายุและด้านประสบการณ์สอน ตามล�ำดับ โดยปัจจัยดังกล่าวสามารถ อธิบายความแปรปรวนได้ร้อยละ ๔.๕, ๓.๓ และ ๒.๑ ตามล�ำดับ แสดงให้เห็นว่า ครูที่อยู่ในกลุ่มสาระ การเรียนรู้ มีอายุ หรือมีประสบการณ์สอนแตกต่างกัน มีแนวโน้มต้องการการนิเทศการสอนรูปแบบน้ี แตกตา่ งกนั สำ� หรบั การสรา้ งสมการทำ� นาย พบวา่ ๑) ไมส่ ามารถสรา้ งสมการทำ� นาย YCLN และ YCPD ได้ ๒) ไม่สามารถยืนยนั สมการทำ� นาย YSD ได้ และ ๓) ตัวแปรทีร่ ่วมกันส่งผลและสามารถทำ� นาย YAM ไดด้ ที ส่ี ดุ อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .๐๑ คอื อายุ ๔๑ ปี ขนึ้ ไป (XAGE2) และกลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษา และพลศกึ ษา (XSUB4) โดยสามารถอธบิ ายความแปรปรวนไดร้ อ้ ยละ ๖.๑ เขียนเปน็ สมการท�ำนายในรูป ของสมการคะแนนดบิ และสมการคะแนนมาตรฐานได้ คอื Y’AM = 3.728 - 0.312XAGE2+ 0.468XSUB4 และ Z’AM = -0.182ZAGE2 + 0.174ZSUB4 ตามลำ� ดบั จากเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง สามารถสรุปได้ว่าในยุคของการศึกษาท่ีมีการเปล่ียนแปลง อย่างรวดเร็ว การพัฒนาคุณภาพของคนผ่านระบบกลไกของนโยบายการศึกษา ดว้ ยการก�ำหนดนโยบาย แหง่ รฐั และการผลติ ทกุ วาทกรรมตา่ งๆ ภายใตช้ อ่ื ของการปฏริ ปู การศกึ ษาและการปฏริ ปู การเรยี นรู้ จงึ เปน็ เร่ืองส�ำคัญมาก ไม่ว่ายุคสมัยจะเปล่ียนแปลงไปอย่างไร กลุ่มคนท่ีส�ำคัญมากในการเปล่ียนผ่านคือ ศึกษานิเทศก์ ซึ่งจะเป็นผู้ที่ช่วยหนุนเสริมให้ระบบการศึกษาเปล่ียนผ่านไปได้อย่างราบรื่น เกิดรูปธรรม อย่างชัดเจนในสถานศึกษาได้ กลไกการพัฒนาศึกษานิเทศก์จึงเป็นส่ิงส�ำคัญมาก ท่ีจะช่วยให้ม่ันใจว่า ศึกษานิเทศก์จะมีความรู้ความสามารถที่เท่าทันการเปล่ียนแปลง และช่วยให้การปฏิรูปประสบ ความสำ� เร็จได้_Final.indd 41 โครงการศึกษานิเทศกร์ นุ่ ใหมเ่ พ่ือขับเคลอื่ นการปฏิรูปการเรียนรู้ : 41 5/17/2017 8:36:59 PM
_Final.indd 42 5/17/2017 8:37:06 PM
บทท่ี ๓ กระบวนการพฒั นาหลกั สูตร แนวคิดพน้ื ฐานในการพัฒนา การออกแบบกระบวนการพฒั นาศกึ ษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหมเ่ พอ่ื ขบั เคลอื่ นการปฏริ ปู การเรยี นรู้ มแี นวคดิ ดังนี้ ๑. เป็นหลักสูตรการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง (continuing professional development) ทพ่ี ฒั นาบนพน้ื ฐานขอ้ มลู มาตรฐานตำ� แหนง่ ศกึ ษานเิ ทศก์ มาตรฐานความรแู้ ละสมรรถนะของศกึ ษานเิ ทศก์ ดงั นี้ ๑.๑ มาตรฐานต�ำแหน่งศึกษานิเทศก์ ปฏิบัติหน้าท่ีเก่ียวกับงานวิชาการ และงานนิเทศการ ศึกษาเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอนให้ได้มาตรฐานการศึกษา ค้นคว้างานวิชาการ และวิเคราะห์ วิจัย ตดิ ตาม ตรวจสอบและประเมินผล เพื่อพัฒนาการจดั การเรยี นการสอนใหม้ ีประสทิ ธิภาพยิ่งขนึ้ และปฏบิ ัติ หนา้ ที่อืน่ ตามท่ีได้รบั มอบหมาย ๑.๒ มาตรฐานความรู้และสมรรถนะศึกษานิเทศก์ มาตรฐานความรู้ สมรรถนะศึกษานิเทศก์ การพัฒนาวิชาชพี สร้างศรทั ธาผูร้ ับการนเิ ทศเพ่อื ให้ตระหนักและมองเห็นประโยชน์ของการนิเทศ สรา้ งความกา้ วหน้าและพัฒนาวิชาชพี อยา่ งตอ่ เนอื่ ง การนเิ ทศการศึกษา ใชเ้ ทคนคิ การนเิ ทศอยา่ งหลากหลายดว้ ยความเป็นกลั ยาณมิตร สรา้ งวฒั นธรรมในการพฒั นางานวิชาการ และนำ� สู่การเป็นบุคคลแหง่ การเรยี นรู้ แผนและกจิ กรรม สามารถวางแผนพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา และพฒั นาแผนการนเิ ทศทน่ี ำ� สกู่ ารปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ การนเิ ทศ ประเมินและปรบั ปรงุ แผนการนิเทศ การพัฒนาหลักสตู ร สรา้ ง ใช้ ประเมนิ และปรบั ปรุงหลักสตู ร และการจดั การเรยี นรู้ นิเทศเพอ่ื พัฒนาหลักสตู ร การจดั การเรียนรู้ และการวัดประเมินผล_Final.indd 43 โครงการศึกษานิเทศกร์ ุน่ ใหม่เพือ่ ขบั เคลื่อนการปฏริ ปู การเรียนรู้ : 43 5/17/2017 8:37:11 PM
ตารางที่ ๑ มาตรฐานความรูแ้ ละสมรรถนะของศึกษานิเทศก์ (ต่อ)มาตรฐานความรู้ สมรรถนะศกึ ษานิเทศก์การวจิ ยั ทางการศกึ ษา สามารถด�ำเนินการวิจยั เพอื่ พัฒนาคุณภาพการศกึ ษา สามารถนำ� ผลการวิจยั ไปใช้ในการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษานวัตกรรมและ ประยุกตใ์ ช้ และการประเมินสื่อ นวตั กรรม เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการเรียนรู้เทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการสื่อสารทางการศึกษาการประกนั คุณภาพ สามารถบรหิ ารจดั การการศกึ ษาการศึกษา นำ� ผลการประกนั คณุ ภาพการศึกษาไปใชเ้ พอื่ พัฒนาสถานศกึ ษาคุณธรรม จรยิ ธรรม ปฏบิ ตั ิตนเป็นแบบอยา่ งทีด่ ี มจี ติ สำ� นกึ สาธารณะและเสียสละใหส้ งั คมและจรรยาบรรณ ปฏิบตั ิตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพตารางที่ ๑ มาตรฐานความรู้และสมรรถนะของศึกษานิเทศก์ ๒. การพัฒนาต่อยอดประเด็นที่เป็นจุดเน้นของการปฏิรูปการการศึกษาและการเรียนรู้ เพ่ือให้สามารถนำ� ประสบการณท์ ไี่ ดร้ บั ไปชว่ ยในการหนนุ เสรมิ การปฏริ ปู การเรยี นรใู้ นระดบั พนื้ ทไ่ี ดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพโดยเน้นประเด็นที่เป็นกระแสโลก ได้แก่ การศึกษาในศตวรรษท่ี ๒๑ การก�ำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยัง่ ยนื ของโลก ๑๗ ประการ (The Global Goals for Sustainable Development) การจัดการเรยี นการสอนดว้ ยกระบวนทศั นอ์ น่ื หรือการจดั การศกึ ษารูปใหม่ ไดแ้ ก่ การศกึ ษาบ้านเรียน (Home School)การศึกษาทางเลอื ก (Alternative Education) การศกึ ษาฐานชมุ ชน เป็นต้น เพ่ือเลือกหวั ข้อและประเด็นส�ำหรับออกแบบกระบวนการเรียนรู้ให้แก่ศึกษานิเทศก์ โดยให้เป็นหลักสูตรเพ่ิมมูลค่า (Valued addedtraining) เพ่ือไมใ่ ห้เกิดความซำ้� ซอ้ นกบั หลกั สตู รการเข้าสู่ตำ� แหน่งและหลักสูตรอ่นื ๆ ท่ีศึกษานเิ ทศก์ใหม่จะได้รบั การพัฒนาอยู่แล้ว ๓. การออกแบบการเรยี นรทู้ ใี่ หค้ วามรใู้ นเนอื้ หาผนวกกบั วธิ กี ารสอนและเทคโนโลยี (TechnologicalPedagogical Content Knowledge) เพอื่ ให้เขา้ ใจในสาระสำ� คัญในเรื่องที่พฒั นา การใชเ้ ทคโนโลยี และเรยี นรกู้ ระบวนการดา้ นการสอน เพอื่ ใหส้ ามารถนำ� ไประยกุ ตใ์ ชใ้ นการพฒั นาครแู ละเปน็ แบบอยา่ งในการจดัการเรียนการสอนอยา่ งมคี ณุ ภาพ ดงั ภาพที่ ๑๒ แผก่ ่งิ : รายงานการพฒั นาหลกั สูตรพฒั นาศึกษานเิ ทศก์รุ่นใหม่เพ่อื การขบั เคลอื่ นการปฏริ ปู การเรียนรู้ : 44 5/17/2017 8:37:12 PM_Final.indd 44
ภาพท่ี ๑๒ การเรยี นรู้ท่ีให้ความรู้ในเนื้อหาผนวกกบั วธิ กี ารสอนและเทคโนโลยี (Technological Pedagogical Content Knowledge) ภาพจาก http://www.coetail.com/dimac4/2014/11/08/samr-tpack/ ๔. การเรยี นรแู้ บบเนน้ ประสบการณ์ (experiential learning) ตามรปู แบบการวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร และการอบรมในหอ้ งปฏิบตั ิการของเลวิน (The Lewinian model of action research and laboratory training) โดยอธบิ ายว่า การเรียนรู้ (learning) การเปลี่ยนแปลง(change) และการเติบโต(growth) เร่ิมต้นมาจากการได้รับประสบการณ์ตรง(here-and-now experience) เก็บรวบรวมข้อมูล และสังเกต ประสบการณน์ นั้ ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ะนำ� ไปวเิ คราะห์ ผลการวเิ คราะหท์ ำ� ใหผ้ กู้ ระทำ� นำ� ไปใชใ้ นการปรบั พฤตกิ รรม หรอื เปน็ ทางเลอื กในพฤตกิ รรมในสถานการณใ์ หม่ การเรยี นรใู้ นลกั ษณะนจี้ งึ เปน็ วงจรแบบ ๔ ขนั้ ประกอบ ดว้ ย ประสบการณร์ ปู ธรรมเปน็ ขอ้ มลู พน้ื ฐานสำ� หรบั การสงั เกตและการสะทอ้ นบทเรยี น กลายเปน็ แนวคดิ หลักการท่ีน�ำไปใชท้ ดสอบในสถานการณใ์ หม่ เปน็ วงจรทีต่ อ่ เนอ่ื งไป ดงั ภาพท่ี ๑๓_Final.indd 45 โครงการศึกษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหม่เพอ่ื ขบั เคล่อื นการปฏิรปู การเรียนรู้ : 45 5/17/2017 8:37:12 PM
ประสบการณ์รูปธรรม(concrete experience) การนํามโนทศั น์ไปทดสอบใน การสังเกต และสะท้อน สถานการณ์ใหม่ ประสบการณ์ (testing implications of (observations andconcepts in new situations) reflections) ข้อมลู มโนทัศนน์ ามธรรมและการนาํ ไปใช้ (formation of abstract concepts and generalizations)ภาพท่ี ๑๓ วงจรการเรยี นรู้แบบเน้นประสบการณข์ องเลวนิ (Kolb, ๑๙๘๔: ๒๑) กระบวนการเรยี นรู้หลกั และรปู แบบการพฒั นา กระบวนการเรียนรู้หลักออกแบบโดยใช้สมรรถนะเป็นฐาน (Competency-based Approach) โดยมกี ารท�ำข้อมูลเส้นฐาน (Based-line data) เพ่อื ประเมนิ พัฒนาของแตล่ ะสมรรถนะ ที่สนใภจาเขกพ้าาทรร่วอี่ ม1บฝ3รึกมวอแงบตจร่ลรมะกโเชามิงรดปเูลรฏเียปิบน็นัตรกิกู้แาาบรรอบบโเดรนมยน้ วเชปิทิงรยปะาฏสกิบรบัตกกิกราะารบรณทวนี่ผ์ขู้กเอขาง้ารเรทลับ่ีมวกีนิคาวร(าพKมัฒoสlนาbมา,ทา1รุกถ9คเ8นฉ4แพ:ลา2ะะก1ัล)โยดายณท่ีมมีิต๖รกระบวนขกน้ึรกะอบายวรู่กนเบั รกคยีาวรนาหมรลสักู้ห�ำคลใชัญักร้ ขะแอยลงะเเะนวลรือ้ าปูหกาแาสรบาอรบบะรแกมลาปะกรรระพะมบฒัาวณนนก๓าาวรนัเรตียอ่นร๑ู้ กระบวนการหลกั ทงั้ นี้ ระยะเวลาทีก่ �ำหนด กระบใวนนแกตา่ลระเโรมยีดนลู มรกี้หู าลรักออกอแกบแบบกบิจโกดรรยมใชทส้ห่ี มลารกรหถลนาะยเปปร็นะกฐอาบนด้ว(Cยompetency-based Approach) โดยใเมขชีกา้้ราระร่วยทมะาํ ฝเขวึก้อลกอมาาบกลูรราอเมสรบ๑๔๓๒เอ้น.ชร...บฐกมงิกกการปาาาาแนรมรรรฏตบศลมปล่ิบ(รงึกอBรรมะตัษบะaยือโหิกาาsมมปเมายeราดฏรยีาใdณหลูบิยน-โัต้คเสlรดปi3ื่อวกิูใ้nยนน็าหจิ eววมสกรกนัทิรถือรdาเู้ตราเยบรaอมน่อาอ้ือtกตทกaงบสา1่สีต)รามรถน้กรเกมหพาใสรรหนนเำ�อ่ืะชะศ้่วทหบปิงบยกึ่ีตรปวรเษับวา่รนะฏงนก่อืาๆเกิบงากมตราตัาทนิอ่ารรกิ่ีเภงพทกหๆาปิ ี่ยัฒีม่รลรวขทคีกัานขอยวผ่ีาอ้งทาู้เขแงซขมง้ักตอักา้นสับ่ลงถราะี้ปแาบัรกมรมตะรกะาล่ะยเแารดบะะลรถ็นวสะเพเเนวกฉมรฒัลกาียพรราานนรศารทรถาะเกึ ู้รก่ีนทษียโําะุกานดหตครยนอู่้ นทเดนแม่ี ข่อืลี น้ึง6ะอกกยลั รู่กยะับาบณคววนมาติกมารสรทําหส่ีคลนัญักใจของเนอื้ หaลปcึการ3ใ21tะสซiน...oย้ึงาแnกุมรตตกกกrาะeใ์ล่ก๑ใ๒าาาแชvนก.ะรรร.ลiใ้แeวศบลกโนกะตwม่าางกึการกร่ลรดมร)ารษะระสสรลูเยือดโะาะปทรมมาัปบทเปุบน็ำ�รดยีกป้อฏทงกวยีูลในาารบบินาหมนนารกรทตกักีกค้อรใาวหาฏาิกูใ้รวอนรนรเส้กจิารกทแเะาสมกยีรแบลทรถนรรยีะณบทอ้ ู้เรทาสนนบวบ์ทนมะ้งั นรกื้อทกก่ีปตทู้แา่อง้อจิรารส่ีลตานนกเมะถรก้นเ(สรหยีรRาฏะสรยีนนนขeทมนาํรv้ึนทว่้อหดู้รทiยนeู้ี่ตว้ร่ีห(ไwเกยา่Bบัปรลากงอ่ืeสกaราาfู่รงๆทnากรoะตdรคส่ีrหดทe่าอำ�ดิ rับลคงี่เeภaเกแาญัfขcๆlปินยยี่eยีtiรวcป๒วนoขtคาขnรiอแoยปิดะ้อลงnrแรกeงซะแ)ะลvกพอกักตะเiับชาบดูหeถล่ รอื่wเปลดาะกคมัก)มรว้กยี่อื โกะยวแยรแาเกละงดรลปะบับ็นเะรสรสวะเกวารนรสรม็จายีบกะทสรทนกานิ้ศ้ังไี่ารรแกกึดรเู้นารณษเ้ รรวียายีเ์นทรนตนำ�ยีารคอ่รงนใูู้้กวเรหนาาู้ ม้มร(อ่ื Aนคีรงู้ไวำ�fปtไาeปมสrู่ กา4ร.ปฏกิบตัาริ เมปอน็ บกาหรมาอยบสหือ่มหายรใอืหเ้บอนั กทสกึ ากราใรหเร้ศียึกนษรู้แาบบ reflective learning journal ทปี่ ระกอบดว้ ยการ ทบทวนข้อมลู ท่ไี ด้รับ การสะทอ้ นการเรียนรู้ และบันทกึ ผลการนำ� ผลการเรียนรูไ้ ปประยุกต์ใช้ ในแตล่ ะโมดลู มกี ารทบทวนและสะท้อนการที่สาํ คัญ 2 ประการคอื แผ่กิ่ง : รายงานการพฒั นาหลักสูตรพัฒนาศึกษานเิ ทศกร์ ุ่นใหมเ่ พือ่ การขับเคลอ่ื นการปฏริ ูปการเรยี นรู้ : 46 5/17/2017 8:37:12 PM_Final.indd 46
กระบวนการเรยี นรูท้ ง้ั ๖ กระบวนการเรียนรู้ มดี ังนี้ • กระบวนการเรยี นร้ทู ่ี ๑ : การเรยี นรูเ้ พ่ือพฒั นาตน (New Paradigm for Education) • กระบวนการเรียนรทู้ ี่ ๒ : ภาวะผู้นำ� การเปลีย่ นแปลง (Transformational Leadership) โดยการใหแ้ นวคดิ หลกั การและวธิ กี ารนำ� ไปใชใ้ นการทำ� งาน พรอ้ มการถอดบทเรยี นจากบคุ คล ตน้ แบบ • กระบวนการเรยี นรทู้ ี่ ๓ : การจดั การศกึ ษาในศตวรรษท่ี ๒๑ ประกอบดว้ ยการศกึ ษาแนวคดิ การจัดการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย (Democratic Citizenship Education) และการศึกษาดูงานแนวทางการประยุกต์ใชโ้ รงเรียนรุ่งอรณุ • กระบวนการเรียนรู้ที่ ๔ : กระบวนทัศน์ใหม่ทางการศึกษาและการเรียนรู้รูปแบบใหม่ ประกอบด้วยการศึกษาแบบบ้านเรียน (Home-school) กรณีศึกษาวัดพระธาตุดอยผาส้ม การจัดการศึกษาทางเลือก (Alternative Education) กรณีศึกษาโฮงเฮียนสืบสานล้านนา และการจัดการศกึ ษาพเิ ศษ กรณีศึกษาโรงเรยี นศกึ ษาสงเคราะห์เชียงใหม่ • กระบวนการเรยี นรทู้ ่ี ๕ : เทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื การเรยี นรู้ และเพื่อใชใ้ นการพัฒนาครู (Information technology for learning and professional development) • กระบวนการเรียนรู้ที่ ๖ : การสร้างนวัตกรรมส�ำหรับการนิเทศ เพื่อขับเคล่ือนการปฏิรูป การเรียนรู้ ประกอบด้วยการสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community) การพัฒนาผลการปฏิบัติที่เป็นตัวอย่างได้ (Best Practices) และการท�ำ Benchmarking ตารางที่ ๒ ความสอดคลอ้ งระหวา่ งสมรรถนะศกึ ษานเิ ทศกก์ บั กระบวนการเรยี นรใู้ นการพฒั นาศกึ ษานเิ ทศก์ กระบวนการเรยี นรู้ มาตรฐานความรู้ สมรรถนะศึกษานิเทศก์ ๑ : การเรยี นร้เู พือ่ พัฒนาตน และ การพัฒนาวชิ าชีพ ๑. สร้างศรัทธาผรู้ ับการนเิ ทศเพ่อื ให้ตระหนักและ กระบวนทัศนท์ างการศกึ ษาใหม่ มองเหน็ ประโยชนข์ องการนเิ ทศ (New Paradigm for Education) ๒. สรา้ งความกา้ วหนา้ และพฒั นาวชิ าชพี อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง การนเิ ทศการศึกษา สรา้ งวัฒนธรรมในการพฒั นางานวชิ าการ และนำ� สู่ การเป็นบุคคลแหง่ การเรยี นรู้ ๒ : ภาวะผู้นำ� การเปลยี่ นแปลง การพัฒนาวชิ าชพี ๑.สรา้ งศรทั ธาผรู้ ับการนเิ ทศเพ่ือใหต้ ระหนกั และ (Transformational Leadership) มองเห็นประโยชนข์ องการนเิ ทศ โดยการให้แนวคิดหลักการ ๒. สรา้ งความกา้ วหนา้ และพฒั นาวชิ าชพี อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และวธิ กี ารน�ำไปใชใ้ นการทำ� งาน พรอ้ มการถอดบทเรียนจากบคุ คล ต้นแบบ ๓ : กระบวนทัศน์ทางการศกึ ษา การพฒั นาวชิ าชพี สร้างความก้าวหนา้ และพฒั นาวิชาชีพอยา่ งตอ่ เน่อื ง ใหม่ การเรยี นรใู้ นรูปแบบใหม่ การนเิ ทศการศึกษา สร้างวฒั นธรรมในการพฒั นางานวิชาการ และนำ� สู่ และ System thinking การเป็นบุคคลแหง่ การเรยี นรู้_Final.indd 47 โครงการศึกษานเิ ทศกร์ นุ่ ใหม่เพอ่ื ขบั เคล่อื นการปฏริ ูปการเรยี นรู้ : 47 5/17/2017 8:37:12 PM
ตารางท่ี ๒ ความสอดคลอ้ งระหวา่ งสมรรถนะศึกษานิเทศกก์ บั กระบวนการเรียนรใู้ นการพฒั นา ศึกษานิเทศก์ (ต่อ)กระบวนการเรียนรู้ มาตรฐานความรู้ สมรรถนะศกึ ษานเิ ทศก์๔ : เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือ นวตั กรรมและ ประยกุ ต์ใช้ และการประเมินสือ่ นวตั กรรมการเรยี นรู้ และเพอ่ื ใชใ้ นการ เทคโนโลยสี ารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื การเรียนรู้พัฒนาครู (Information ทางการศึกษาtechnology for learning and สามารถใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การสอื่ สารprofessional development)๕ : กระบวนทศั น์ใหมท่ าง การนเิ ทศการศกึ ษา ๑. ใช้เทคนคิ การนเิ ทศอยา่ งหลากหลายดว้ ยการศกึ ษาและการเรยี นรู้ ความเป็นกัลยาณมิตรรูปแบบใหม่ ๒. สร้างวัฒนธรรมในการพัฒนางานวชิ าการ และน�ำสู่การเป็นบคุ คลแห่งการเรยี นรู้ แผนและกิจกรรม ๑. สามารถวางแผนพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา การนเิ ทศ และพัฒนาแผนการนิเทศท่ีน�ำสกู่ ารปฏิบตั ไิ ด้จรงิ ๒. ประเมินและปรบั ปรุงแผนการนเิ ทศ๖ : การสร้างนวตั กรรมสำ� หรบั การนเิ ทศการศกึ ษา ๑. ใช้เทคนิคการนเิ ทศอยา่ งหลากหลายด้วยการนิเทศ เพอื่ ขบั เคลอื่ น ความเปน็ กัลยาณมติ รการปฏิรปู การเรียนรู้ ๒. สรา้ งวฒั นธรรมในการพฒั นางานวิชาการ และน�ำสูก่ ารเป็นบคุ คลแหง่ การเรียนรู้ การวจิ ยั ทางการศกึ ษา ๑. สามารถดำ� เนนิ การวจิ ยั เพ่อื พฒั นาคณุ ภาพ การศกึ ษา ๒. สามารถนำ� ผลการวิจยั ไปใชใ้ นการพัฒนา คณุ ภาพการศกึ ษา แผก่ งิ่ : รายงานการพฒั นาหลกั สูตรพฒั นาศึกษานเิ ทศกร์ ุ่นใหมเ่ พื่อการขบั เคลื่อนการปฏริ ปู การเรยี นรู้ : 48 5/17/2017 8:37:12 PM_Final.indd 48
การสร้างนวัตกรรมสาํ หรบั การเรียนรเู้ พ่อื พัฒนาตน และ ภาวะผ้นู ําการเปล่ยี นแปลง สร้างศรทั ธา/สร้างความกา้ วหน้า การนเิ ทศเพอื่ ขับเคลอ่ื น กระบวนทัศน์ทางการศกึ ษาใหม่ (Transformational พัฒนาวิชาชีพ การปฏิรูปการเรยี นรู้ Leadership) (New Paradigm for Education) การพฒั นาวิชาชพี การนเิ ทศการศึกษาเทค ินคหลากหลาย/ กลกุ่มกาเรปรศะ้าึกบหศษวมึกนาษาแทยาลัศนะนิเกทใ์ าหศรมกเร่ท์ทยี าที่ นงํารหู้ นา้ ทีส่ ่งเสริมการปฏสนาวริ รตัปูสกนกรเราทมรศแศทลาึกะงเกษทาคารโศนจกึโลําษยนาี วน 25 คน กระบวนทัศน์ทางการศึกษาใหม่ ส ้ราง ัวฒนธรรม/วางแผน ัพฒนา/ รูปแบบใหม่ การเรียนรู้ในรปู แบบใหม่และ ประเมินและปรับปรุง System thinking เทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ การ เรยี นรู้ และเพื่อใชใ้ นการพฒั นาครู (Information technology for learning and professional development) ภาพที่ 1ภ5าพอทงี่ค๑ป์ ๕ระอกงอคบ์ปขรอะงกกอาบรขพอัฒงนการศพกึ ฒัษานนาเิศทึกศษกา์รนนุ่ เิ ใทหศมก่เพร์ ุน่ ื่อใขหบั มเ่เคพล่ือือ่ ขนับกเาครลปอ่ื ฏนริ กูปากราปรฏเริ ียปู นกราู้รเรยี นรู้_Final.indd 49 โครงการศึกษานิเทศก์รุ่นใหม่เพ่ือขับเคล่ือนการปฏริ ปู การเรยี นรู้ : 49 5/17/2017 8:37:13 PM
ระยะเวลา การพัฒนาด้วยกระบวนการหลัก จ�ำนวน ๖ กระบวนการ ใช้ระยะเวลาการอบรม ๓ วันต่อ ๑กระบวนการหลกั โดยมีการปรับเปน็ การประชมุ ๔ คร้งั ต่อเน่อื งกนั ไป ๑ ปีการวัดและประเมนิ ผลตารางท่ี ๓ การวดั และประเมินผลโครงการสิ่งที่ประเมิน วธิ ีการประเมนิ แหล่งขอ้ มูล เครือ่ งมือท่ีใช้๑. ความรคู้ วามเข้าใจที่ การสอบก่อนและหลังการ ผลการทดสอบก่อนและ แบบทดสอบแบบปรนัยเกี่ยวขอ้ งกับกระบวนการ เขา้ รับการพฒั นา หลงั เข้าร่วมกระบวนการ ๔ ตัวเลอื ก จ�ำนวน ๒๕หลกั ท้งั ๖ กระบวนการ ข้อ๒. ผลการด�ำเนนิ การ ประเมนิ ความคิดเหน็ ของ ศกึ ษานิเทศก์ท่ีเขา้ รว่ ม แบบประเมนิ ผลการพฒั นาจำ� นวน ๔ ครง้ั ผู้เข้าร่วมกระบวนการ กระบวนการพฒั นา ดำ� เนนิ การ พฒั นา๓. ความคดิ เหน็ และบท กระบวนการไตร่ตรอง - บนั ทกึ การเรยี นรู้ราย - แบบบันทกึ การเรยี นรู้เรียนทไี่ ด้รบั จากการเข้า (Reflection) และการ บคุ คล - แบบเขียนสะท้อนการร่วมกระบวนการ ทบทวนหลังการปฏิบตั ิ - บนั ทึกสะท้อนการเรียน เรยี นรู้ งาน (After action ร้ใู นภาพรวมของ review: AAR) ศกึ ษานเิ ทศก์หลกั สูตรการพฒั นาศกึ ษานิเทศก์ยุคปฏิรปู การศกึ ษา การด�ำเนนิ การตามกระบวนการเรียนร้ทู ้ังหมด ไดอ้ อกแบบกระบวนการเรยี นรู้ทงั้ ๖ โดยจดั เปน็การประชมุ จ�ำนวน ๔ ครง้ั ดงั นี้การประชมุ ครงั้ ที่ ๑กระบวนการเรยี นรูท้ ี่ ๑ การเรยี นรเู้ พอ่ื พฒั นาตน และกระบวนทศั นท์ างการศกึ ษาใหม่ (New Paradigm for Education): จติ ปัญญาศึกษาสถานที่ กนกรัตน์ รสี อรท์ จังหวดสมทุ รสงครามระยะเวลา ๔ วัน (ระหว่างวนั ที่ ๒๑ - ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘)ผรู้ บั ผดิ ชอบกระบวนการเรยี นรู้ ดร.เฉลิมชัย พันธเ์ ลิศ นักวิชาการศกึ ษา ผู้อำ� นวยการสถาบันสงั คมศึกษา สำ� นกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐานคำ� อธิบาย ศกึ ษา เรยี นรู้ และฝกึ ฝนตนเองในทกุ ดา้ นของชวี ติ โดยเฉพาะสามารถผสม ผสานความรทู้ างสมองและหัวใจเข้าด้วยกัน เพื่อเข้าถึงความดี ความงาม และความจริง ซึ่งจะเป็นรากฐานส�ำคัญที่น�ำไปสู่ แผก่ ิ่ง : รายงานการพัฒนาหลกั สูตรพฒั นาศกึ ษานิเทศกร์ ุ่นใหมเ่ พื่อการขับเคลอ่ื นการปฏริ ปู การเรยี นรู้ : 50 5/17/2017 8:37:13 PM_Final.indd 50
Search