Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสร้างและพัฒนาเครือข่ายในการบริหารจัดการศึกษา_ดร.สุวิทย์ มูลคำ

การสร้างและพัฒนาเครือข่ายในการบริหารจัดการศึกษา_ดร.สุวิทย์ มูลคำ

Published by dongthong.da, 2020-09-14 07:52:53

Description: การสร้างและพัฒนาเครือข่ายในการบริหารจัดการศึกษา_ดร.สุวิทย์ มูลคำ

Search

Read the Text Version

3.มคี วามสนใจและผลประโยชนร์ ว่ มกนั (MUTUAL INTERESTS/BENEFITS) • ครอบคลมุ ทง้ั ผลประโยชนท์ เี่ ป็ นตวั เงนิ และผลประโยชนไ์ มใ่ ชต่ วั เงนิ • ถา้ การเขา้ รว่ มในเครอื ขา่ ยสามารถตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการหรอื มผี ลประโยชนร์ ว่ มกนั ก็จะเป็ นแรงจงู ใจใหเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มใน เครอื ขา่ ย มากขนึ้ • ลกั ษณะของผลประโยชนท์ ส่ี มาชกิ แตล่ ะคนจะไดร้ บั ตอ้ งเพยี ง พอทจ่ี ะเป็ นแรงจงู ใจใหเ้ ขาเขา้ มสี ว่ นรว่ ม • พงึ ระลกึ วา่ เมอ่ื ใดก็ตามทสี่ มาชกิ เห็นวา่ เขาเสยี ประโยชนม์ ากกวา่ ได้ หรอื เมอื่ เขาไดใ้ นสงิ่ ทตี่ อ้ งการเพยี งพอแลว้ สมาชกิ เหลา่ นนั้ ก็จะ ออกจาก เครอื ขา่ ยไปในทสี่ ดุ







4.การมสี ว่ นรว่ มของสมาชกิ ทกุ คนในเครอื ขา่ ย (STAKEHODERS PARTICIPATION) • เป็ นกระบวนการทส่ี าคญั มากในการพฒั นาความเขม้ แข็ง ของเครอื ขา่ ย • เป็ นเงอ่ื นไขทท่ี าใหเ้ กดิ การรว่ มรบั รู้ รว่ มคดิ รว่ มตดั สนิ ใจ และรว่ มลงมอื กระทาอยา่ งเขม้ แข็ง • สถานะของสมาชกิ ในเครอื ขา่ ยควรมคี วามเทา่ เทยี มกนั ทกุ คนอยใู่ นฐานะ “หนุ้ สว่ น” ของเครอื ขา่ ย • เป็ นความสมั พนั ธใ์ นแนวราบ (horizontal relationship) คอื ความสมั พนั ธฉ์ นั ทเ์ พอื่ นมากกวา่ ในลกั ษณะเจา้ นาย ลกู นอ้ ง

การมสี ว่ นรว่ ม & ความรว่ มมอื

การมสี ว่ นรว่ ม (Participation) 1. รว่ มคดิ 2. รว่ มวางแผน 3. รว่ มลงมอื ทาตามแผน 4. รว่ มกากบั ตดิ ตาม นเิ ทศ ประเมนิ รายงานผล 5. รว่ มรับผลทเี่ กดิ ขน้ึ (ทงั้ ทางบวกและทางลบ) ทาครบทงั้ 5 ขนั้ ตอน ถอื วา่ เป็ นเจา้ ของงานรว่ มกนั

5.มกี ารเสรมิ สรา้ งซง่ึ กนั และกนั (COMPLEMENTARY RELATIONSHIP) • สมาชกิ ของเครอื ขา่ ยตา่ งก็ตอ้ งสรา้ งความเขม้ แข็งใหก้ นั และกนั • นาจดุ แข็งของฝ่ ายหนงึ่ ไปชว่ ยแกไ้ ขจดุ ออ่ นของอกี ฝ่ าย หนงึ่ แลว้ ทาใหไ้ ด้ ผลลพั ธเ์ พมิ่ ขนึ้ ในลกั ษณะพลงั ทวคี ณู (1+1>2) มากกวา่ ผลลพั ธท์ ่ี เกดิ ขน้ึ เมอื่ ตา่ งคนตา่ งอยู่

6.การเกอื้ หนนุ พงึ่ พากนั (INTERDEPENDENCE) • การทส่ี มาชกิ เครอื ขา่ ยตกอยใู่ นสภาวะจากดั ทัง้ ดา้ นทรัพยากร ความรู ้ เงนิ ทนุ กาลงั คน ไมส่ ามารถทางานใหบ้ รรลเุ ป้าหมาย อยา่ งสมบรู ณไ์ ดด้ ว้ ยตนเองโดยปราศจากเครอื ขา่ ย จาเป็ นตอ้ ง พงึ่ พาซงึ่ กนั และกนั • การทาใหห้ นุ ้ สว่ นของเครอื ขา่ ยยดึ โยงกนั อยา่ งเหนยี วแนน่ จงึ จาเป็ นตอ้ งทาใหห้ นุ ้ สว่ นแตล่ ะคนรสู ้ กึ วา่ หากเอาหนุ ้ สว่ นคนใดคน หนงึ่ ออกไปจะทาใหเ้ ครอื ขา่ ยลม้ ลงได ้ • การดารงอยขู่ องหนุ ้ สว่ นแตล่ ะคนจงึ เป็ นสงิ่ จาเป็ นสาหรับการดารง อยู่ ของเครอื ขา่ ย การเกอื้ หนุนพง่ึ พากนั ในลกั ษณะนจ้ี ะสง่ ผลให ้ สมาชกิ มี ปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งกนั โดยอตั โนมตั ิ

7.มปี ฏสิ มั พนั ธใ์ นเชงิ แลกเปลยี่ น (INTERACTION) • สมาชกิ ในเครอื ขา่ ยตอ้ งทากจิ กรรมรว่ มกนั เพอื่ กอ่ ใหเ้ กดิ การปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ ง กนั เชน่ การแลกเปลย่ี นความคดิ เห็นซง่ึ กนั และกนั กอ่ ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลง ในเครอื ขา่ ย • ลกั ษณะของปฎสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งสมาชกิ ควรเป็ นการแลกเปลยี่ นกนั มากกวา่ ทจ่ี ะ เป็ นผใู้ หห้ รอื เป็ นผรู้ บั ฝ่ ายเดยี ว • ยงิ่ สมาชกิ มปี ฎสิ มั พนั ธก์ นั มากเทา่ ใดก็จะเกดิ ความผกู พนั ระหวา่ งกนั มากขนึ้ เป็ นการสรา้ งความเขม้ แข็งใหก้ บั เครอื ขา่ ย

ระดบั การมสี ว่ นรว่ มในการสรา้ งเครอื ขา่ ย มี 5 ระดบั ระดับ 1 การมสี ว่ นรว่ มในระดบั ใหข้ อ้ มลู ขา่ วสาร (To Inform) การใหข้ อ้ มลู ชอ่ งทางตา่ ง ๆ เชน่ การจัดนทิ รรศการ จดหมายขา่ ว สอื่ สงิ่ พมิ พ์ สอ่ื online เว็บไซต์ Social Network เป็ นตน้ ระดับ 2 การมสี ว่ นรว่ มในระดบั การปรกึ ษาหารอื (To Consult) การใหแ้ สดงความคดิ เห็น ขอ้ เท็จจรงิ ดว้ ยวธิ ตี า่ ง ๆ เชน่ การจัดเวที สาธารณะ การรับฟัง/การสารวจ/การแสดงความคดิ เห็นผา่ นเว็บไซต์ ผา่ น social network เป็ นตน้

ระดบั 3 การมสี ว่ นรว่ มในระดบั ใหเ้ ขา้ มามบี ทบาท (To Involve) การเปิดโอกาสใหม้ สี ว่ นรว่ มปฏบิ ตั งิ าน รว่ มใหข้ อ้ เสนอแนะ เชน่ รว่ มพจิ ารณานโยบายสาธารณะ รว่ มทาประชาพจิ ารณ์ เป็ นคณะทางานจัดทาขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย เป็ นตน้ ระดับ 4 การมสี ว่ นรว่ มในระดบั สรา้ งความรว่ มมอื (To Collaborate) การมสี ว่ นรว่ มทกุ ขนั้ ตอนของการตดั สนิ ใจในการทางานอยา่ งตอ่ เนอื่ ง เชน่ เป็ นคณะกรรมการระดบั ตา่ ง ๆ เป็ นตน้ ระดบั 5 การมสี ว่ นรว่ มในระดบั ใหเ้ สรมิ อานาจ (Empower) ใหม้ บี ทบาทเป็ นผตู ้ ดั สนิ ใจเอง เชน่ การลงประชามติ เป็ นตน้

ประโยชนข์ องการสรา้ งเครอื ขา่ ย 1) ชว่ ยใหม้ กี ารแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ขา่ วสาร ทกั ษะ ความรู้ ประสบการณ์ เครอ่ื งมอื และสอื่ 2) ชว่ ยลดการทางานและการใชท้ รพั ยากรซอ้ น 3) เกดิ ความเขา้ ใจกนั มากขนึ้ นาไปสกู่ ารทางานรว่ มกนั เพอื่ ประโยชนข์ องทกุ ฝ่ าย (win win salution) 4) ใหค้ วามตอ้ งการของประชาชนไดร้ บั การสนองจากรฐั 5) ชว่ ยชใ้ี หเ้ ห็นปญั หาและประเด็นการพฒั นาทซ่ี บั ซอ้ น 6) ชว่ ยเชอ่ื มหนว่ ยงานวชิ าการและแหลง่ ทนุ กบั ผทู้ ต่ี อ้ งการความชว่ ยเหลอื 7) ทาใหค้ นและองคก์ รไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื จากเพอื่ นไดร้ บั กาลงั ใจ การจงู ใจ และการยอมรบั

การเกดิ เครอื ขา่ ย มี 3 ลกั ษณะ 1.เครอื ขา่ ยทเ่ี กดิ โดยธรรมชาติ 2.เครอื ขา่ ยจดั ตง้ั 3. เครอื ขา่ ยววิ ฒั นาการ

1.เครอื ขา่ ยทเ่ี กดิ โดยธรรมชาติ • เกดิ จากการทผ่ี คู้ นมใี จตรงกนั ทางานคลา้ ยคลงึ กนั หรอื ประสบกบั ปญั หาเดยี วกนั มากอ่ นเขา้ มารวมตวั กนั • แลกเปลยี่ นความคดิ และประสบการณ์ รว่ มกนั แสวงหาทางเลอื ก ใหมท่ ด่ี กี วา่ • การดารงอยขู่ องกลมุ่ สมาชกิ ในเครอื ขา่ ยเป็ นแรงกระตนุ้ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ภายในตวั สมาชกิ เอง

1.เครอื ขา่ ยทเ่ี กดิ โดยธรรมชาติ • เครอื ขา่ ยนม้ี กั เกดิ ขน้ึ ในพน้ื ท่ี อาศยั ความเป็ นเครอื ญาติ เป็ นคนในชุมชน หรอื มาจาก ภมู ลิ าเนาเดยี วกนั วฒั นธรรมความเป็ นอยคู่ ลา้ ยคลงึ กนั • อยรู่ วมกนั เป็ นกลมุ่ โดยจดั ตง้ั เป็ นชมรมทม่ี กี จิ กรรมรว่ มกนั กอ่ น เมอ่ื มี สมาชกิ เพมิ่ ขนึ้ จงึ ขยายพนื้ ทดี่ าเนนิ การออกไป หรอื มกี ารขยายเป้ าหมาย/ วตั ถปุ ระสงคม์ ากขนึ้ • มกั ใชเ้ วลาสรา้ งตวั แตเ่ มอื่ เกดิ ขนึ้ แลว้ จะเขม้ แข็ง ยง่ั ยนื และมแี นวโนม้ ทจ่ี ะ ขยายตวั เพมิ่ ขนึ้

2.เครอื ขา่ ยจดั ตง้ั • มกั จะมคี วามเกยี่ วพนั กบั นโยบายหรอื การดาเนนิ งานของ ภาครฐั อยใู่ น กรอบความคดิ เดมิ ทใี่ ชก้ ลไกของรฐั ผลกั ดนั ใหเ้ กดิ งานทเ่ี ป็ นรปู ธรรม โดยเร็ว • สว่ นมากสมาชกิ ทเี่ ขา้ รว่ มเครอื ขา่ ยมกั จะไมไ่ ดม้ พี นื้ ฐาน ความตอ้ งการ ความคดิ ความเขา้ ใจ หรอื มมุ มองในการ จดั ตงั้ เครอื ขา่ ยทตี่ รงกนั มากอ่ นทจ่ี ะเขา้ มารวมตวั กนั

2.เครอื ขา่ ยจดั ตง้ั • เป็ นการทางานเฉพาะกจิ ชว่ั คราวทไี่ มม่ คี วามตอ่ เนอ่ื ง และมกั จะจางหายไป ในทสี่ ดุ • แมว้ า่ กลมุ่ สมาชกิ จะยงั คงรกั ษาสถานภาพของ เครอื ขา่ ยไวไ้ ด้ แตม่ แี นวโนม้ ทจี่ ะลดขนาดของ เครอื ขา่ ยลงเมอื่ เปรยี บเทยี บระยะกอ่ ตง้ั

3. เครอื ขา่ ยววิ ฒั นาการ • เรม่ิ ทก่ี ลมุ่ บคุ คล/องคก์ รมารวมกนั ดว้ ยวตั ถปุ ระสงคก์ วา้ งๆทอ่ี าจยงั ไมช่ ดั เจนแตม่ กี ารสนบั สนนุ กนั และเรยี นรไู้ ปดว้ ยกนั • สรา้ งพนั ธสญั ญาเป็ นเครอื ขา่ ยชว่ ยเหลอื และพฒั นาตนเอง เมอื่ ไดร้ บั การกระตนุ้ และสนบั สนนุ เป็ นเครอื ขา่ ยทเ่ี ขม้ แข็งเหมอื นกบั เครอื ขา่ ยทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยธรรมชาติ • เครอื ขา่ ยในลกั ษณะนี้ เชน่ เครอื ขา่ ยผสู้ งู อายุ เครอื ขา่ ยโรงเรยี น สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ

ทฤษฎแี ละแนวคดิ การสรา้ งเครอื ขา่ ย • การแลกเปลยี่ น (exchange theory )แลกเปลยี่ น ผลประโยชนซ์ ง่ึ กนั และกนั • การรวมพลงั (synergy) เป็ นการรวมพลงั ทางานทส่ี รา้ ง ผลลพั ธแ์ ละคณุ คา่ มากกวา่ ทแ่ี ตล่ ะองคก์ รจะทาโดยโดด เดย่ี ว

การสรา้ งเครอื ขา่ ย (NETWORKING) • การทาใหม้ กี ารตดิ ตอ่ สนบั สนนุ ใหม้ กี ารแลกเปลย่ี นขอ้ มลู ขา่ วสาร และ การรว่ มมอื กนั ดว้ ยความสมคั รใจ • การสรา้ งเครอื ขา่ ยควรสนบั สนนุ และอานวยความสะดวกใหส้ มาชกิ ในเครอื ขา่ ยมคี วามสมั พนั ธก์ นั ฉนั ทเ์ พอื่ นทตี่ า่ งก็มคี วามเป็ นอสิ ระ มากกวา่ สรา้ งการคบคา้ สมาคมแบบพง่ึ พงิ • การสรา้ งเครอื ขา่ ยตอ้ งสรา้ งระบบตดิ ตอ่ ดว้ ยการเผยแพร่ แลกเปลย่ี นขอ้ มลู ขา่ วสารแบบสองทาง

กลมุ่ เป้ าหมายทคี่ วรเป็ นเครอื ขา่ ย • ภาคประชาชน / ชุมชน • ภาคราชการ • ภาคเอกชน • ภาคนกั วชิ าการ • ภาคสอื่ มวลชล • ภาค NGO • ฯลฯ

การสรา้ งและพฒั นาเครอื ขา่ ยบคุ คล/กลมุ่ บคุ คล สมาชกิ ผนู้ า ผบู ้ รหิ าร ระดบั กลาง 2.1

ธรรมชาตขิ องบคุ คล/กลมุ่ บคุ คลภายในจังหวัด บทบาท / หนา้ ทข่ี อง ศธ.จ. และ รอง ศธ.จ.

ทาอยา่ งไร ❑ สรา้ งและพัฒนาเครอื ขา่ ยการจัดการศกึ ษาภายในจังหวดั ใหบ้ คุ คล/กลมุ่ บคุ คลในองคก์ รของเรา สามคั คกี นั และกา้ วเดนิ ไปพรอ้ มกนั ในทศิ ทางเดยี วกนั ❑ สรา้ งเครอื ขา่ ยและพัฒนาภาวะผนู ้ าใหค้ นทกุ ระดบั ใหเ้ ขาเป็ นผนู ้ าไดใ้ นทกุ สถานการณ์

ขอ้ คดิ ❖ คณุ ตอ้ งเปลย่ี นแปลง ในสง่ิ ทคี่ วรจะเป็ น ❖ การเป็ นตวั อยา่ งทด่ี ี เป็ นสงิ่ ทสี่ าคญั มาก ❖ การเปลย่ี นแปลง ตอ้ งเรม่ิ ตน้ ทต่ี ัวเองกอ่ น

ผนู ้ า (LEADER) 3 แบบ 1. แบบควายอเมรกิ นั 2. แบบนก 3. แบบมด

1. ผนู้ าแบบควายอเมรกิ นั

2. ผนู้ าแบบนก

บทเรยี นจากผนู้ าแบบนก 1.รวมกนั เราอยู่ 2. คนเดยี วหวั หาย 3. ตวั ตายตวั แทน 4. กาลังใจ 5. ความเออ้ื อาทร 6. การมสี ว่ นรว่ ม 7. ใครเกง่ เรอื่ งใดใหเ้ ป็ นผนู ้ า 8. อาสางาน 9. ผลดั เปลย่ี นกนั เป็ นผนู ้ า ฯลฯ

3. ผนู้ าแบบมด

บทเรยี นจากการนาแบบมด (ปรชั ญามดแดง) 1. มคี วามคลอ่ งตวั ไมก่ ลัวอปุ สรรค 2. ทางานรวมตวั เกง่ กลมุ่ ไมเ่ กง่ เดยี่ ว ดรี วมไมด่ เี ดย่ี ว เหนอื่ ยดว้ ยกนั หนักดว้ ยกนั 3. สรา้ งระเบยี บวนิ ัย ใจกลา้ หาญ 4. สรู ้ วม ไมเ่ กย่ี งงาน ไมห่ นงี าน แตแ่ ขง่ ขนั ทางานไดด้ ี 5. หวงไข่ หวงรัง เป็ นคนตอ้ งหว่ งบา้ นและหวงแหนแผน่ ดนิ พน้ื มาตภุ มู ิ 6. สรา้ งผนู ้ าและวางใจผนู ้ า 7. เป็ นตวั ของตวั เอง 8. อาสางาน 9. ตอ่ สศู ้ ตั รู แมค้ อขาด 10. ฯลฯ

อาชพี ผบู้ รหิ าร ผบู้ รหิ ารอาชพี ผบู้ รหิ ารมอื อาชพี

2.2 การสรา้ งและพัฒนาเครอื ขา่ ยองคก์ าร

การประเมนิ ผล กรอบความคดิ ระดบั คณุ ภาพ ภาครฐั /เอกชนมสี ว่ นรว่ มพฒั นาโรงเรยี น ใหเ้ ป็ นแหลง่ เรยี นรู้ ระดบั 1 องคก์ ร 5 แหง่ รว่ มพัฒนา รร.จัดกจิ กรรมอยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ รร.1 แหง่ ควรมี 5 องคก์ รสนบั สนุน ครัง้ มลู คา่ 50,000 บ./ปี 3 เป้ าหมาย ปี รอ้ ยละ ระดบั 2 องคก์ ร 5 แหง่ รว่ มพัฒนา 2553 70 รร. จัดกจิ กรรมอยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ 2554 80 2ครัง้ มลู คา่ 100,000 บ./ปี 2555 90 ระดบั 3 องคก์ ร 5 แหง่ รว่ มพัฒนา 2556 100 รร. จัดกจิ กรรมอยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ 3 ครัง้ มลู คา่ 200,000 บ./ปี วธิ กี ารดาเนนิ งาน 1.ประชาสมั พันธ์ 2.วางแผนรว่ มกนั 3.รว่ มจัดกจิ กรรม 4.ทาป้ายชอ่ื องคก์ รตดิ หนา้ รร. 5.มอบเครอื่ งหมายเชดิ ชเู กยี รติ 6.รายงานผล

โครงการโรงเรยี นร่วมพัฒนา (Partnership School Project) สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้นั พ้ืนฐำน กระทรวงศึกษำธิกำร

ความเป็ นมา คณะกรรมการขบั เคลือ่ นการปฏิรูปเพอ่ื รองรบั การปรบั เปลย่ี นตามนโยบาย THAILAND 4.0 ไดม้ ีมติในการประชุม เมอื่ วันที่ 8 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2560 กาหนดให้จัดการศึกษา ในรปู แบบโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School) โดยมอบหมายใหน้ ายมีชยั วรี ะไวทยะ และศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. เทียนฉาย กีระนนั ทน์ ขบั เคลื่อนโครงการน้รี ่วมกบั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร โดยขอใหด้ าเนนิ การตัง้ แต่ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 กับสถานศึกษา สงั กัดกระทรวงศึกษาธิการ ใหค้ รอบคลมุ พืน้ ทท่ี ั้ง ๗๗ จังหวัดทวั่ ประเทศ 87

ภายใต้บทบาทความร่วมมอื ระหวา่ งกระทรวงศกึ ษาธกิ าร และ บรษิ ทั มูลนธิ ิ องคก์ ร หรือสถาบนั ท่สี นับสนุนทรัพยากรและมสี ว่ นร่วมในการบริหารให้กับสถานศึกษา ซึ่งเป็นส่วนขยายของ โรงเรียนประชารัฐ โดยม่งุ เนน้ การยกระดับคณุ ภาพการศึกษาด้านต่าง ๆ 88

ภาเพคอื่ สส่ว่งเนสรติม่ใาหง้ ๆ เขำ้ มำมีส่วนร่วมในกำร ปรับปรุง พฒั นำ หรือ ร่วมบริหำร โรงเรียนของรัฐ

วตั ถปุ ระสงคโ์ ครงการโรงเรยี นรว่ มพฒั นา ๑. เพอื่ สรา้ งการมสี ่วนรว่ มของภาคส่วนต่าง ๆ ในการบรหิ ารจดั การ รว่ มพฒั นา และสนับสนุนสถานศกึ ษาในสงั กดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร และสงั กดั อน่ื ๆ ๒. เพื่อพฒั นาคณุ ภาพและรงั สรรค์นวตั กรรมการบริหารจดั การของสถานศกึ ษาให้สามารถยกระดบั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน และเตรียมความพรอ้ ม สาหรบั อนาคตให้แก่ผ้เู รยี น ๓. เพ่อื ใหส้ ถานศึกษาเปน็ แหล่งเรยี นรตู้ ลอดชีวติ ของทกุ คนในชมุ ชน เปน็ ศนู ย์กลางการพัฒนาทกั ษะและคณุ ภาพชวี ติ 4. เพื่อให้สถานศกึ ษาไดร้ ับโอกาสในการพัฒนาอย่างทว่ั ถึง น้าไปสู่การลดความเหลือ่ มลา้ ทางการศกึ ษา 90

หลกั ในกำรดำเนินโครงกำร 91

ผลการดาเนินงาน ปจั จุบันมสี ถานศึกษาเขา้ ร่วมโครงการแล้ว ๒ รนุ่ จานวน 134 โรงเรยี น ครอบคลุม ๖๑ จังหวัดท่ัวประเทศ รุ่นที่ 1 ดาเนินการในภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2561 - ผสู้ นบั สนนุ จานวน 11 บรษิ ัท 1 มลู นิธิ - ดาเนินการใน 34 จังหวดั สถานศึกษาในโครงการ จานวน 50 โรงเรยี น เป็นสถานศึกษาในสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน จานวน 47 โรงเรยี น สังกดั สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จานวน 2 โรงเรยี น และสังกัดสานกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา จานวน 1 โรงเรยี น - พิธลี งนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความรว่ มมอื วนั ท่ี 5 มถิ ุนายน 2561 ณ ตกึ สนั ติไมตรีหลังนอก ทาเนยี บรัฐบาล - ไดล้ งพ้นื ทีม่ อบนโยบายสถานศึกษา จานวน 27 แห่ง พรอ้ มท้ังไดป้ ระชุมร่วมกบั ผ้บู ริหารสถานศกึ ษาและผู้ใหก้ ารสนับสนนุ

ผลการดาเนนิ งาน รนุ่ ที่ 2 ดาเนนิ การในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 - ผู้สนบั สนนุ จานวน 13 บริษทั 4 มูลนิธิ 3 สถาบนั 3 สมาคม 2 สภาอุตสาหกรรม และ 2 โรงเรยี นนานาชาติ - ดาเนินการใน 27 จงั หวดั สถานศกึ ษาในโครงการ จานวน 84 โรงเรียน โดยแบ่งเปน็ สถานศกึ ษาในสงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน จานวน 47 โรงเรียน สงั กัดสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา จานวน 7 โรงเรยี น สังกดั สานกั งาน คณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จานวน 3 โรงเรยี น สังกัดสานกั งานการศกึ ษาพเิ ศษ จานวน 15 โรงเรียน สงั กัดกรมส่งเสรมิ การปกครองทอ้ งถ่นิ จานวน 1 โรงเรียน และสังกดั กรงุ เทพมหานคร จานวน 1 โรงเรียน - จดั ประชมุ กบั ผู้อานวยการโรงเรียนร่วมพัฒนา เพ่อื แลกเปล่ียนเรียนร้ปู ระสบการณ์การบรหิ ารจดั การ รับทราบปญั หา อุปสรรคจากการดาเนินงาน เพ่อื นาไปส่กู ารหาแนวทางแกไ้ ข - พิธีลงนามบนั ทึกวามเขา้ ใจว่าดว้ ยความร่วมมือโครงการโรงเรยี นร่วมพัฒนา วนั ท่ี 14 กุมภาพนั ธ์ 2562 ณ ตกึ สนั ตไิ มตรหี ลงั นอก ทาเนยี บรฐั บาล

การดาเนินงานต่อไป ผลการดาเนนิ งาน 1. ขบั เคล่ือนให้มีสถานศกึ ษาใหค้ ลอบคลุม 77 จังหวดั ท่วั ประเทศ ปจั จบุ นั มสี ถานศกึ ษาและภาคเอกชนท่ีตอ้ งการสนับสนุน สมคั รเข้ารว่ ม โครงการจานวนมาก จึงทาให้มีสถานศกึ ษาในโครงการโรงเรียน 1. ปลดลอ็ คระเบยี บคณะกรรมการการศึกษาขนั พืนฐานว่าดว้ ยองค์ประกอบ รว่ มพฒั นาเพ่ิมขึน้ ขึ้นจานวน 6 จงั หวัด คงเหลือท่ยี งั ไม่มีสถานศกึ ษา หลักเกณฑ์ วิธกี ารสรรหาและจา้ นวนคณะกรรมการสถานศึกษาขันพนื ฐาน ในโครงการ จานวน 10 จงั หวดั ไดแ้ ก่ จังหวัดจันทบรุ ี จงั หวดั พะเยา ส้าหรับสถานศึกษารปู แบบโรงเรยี นร่วมพัฒนา พ.ศ. 2561 ส้านกั จังหวัดพิจิตร จงั หวดั ยโสธร จงั หวัดหนองบัวลาภู จังหวัดอตุ รดิตถ์ นายกรัฐมนตรไี ด้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา 17 มกราคม 2562 จังหวดั สงขลา จังหวัดพัทลุง จังหวดั สตลู และจงั หวัดยะลา 2. ลงพืนท่ีตดิ ตามสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา รุ่นที่ 1 จา้ นวน 50 โรงเรยี น ระหว่างเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2562 เพอ่ื ติดตาม 2. สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน มีนโยบายขบั เคลื่อนให้มี ความกา้ วหน้าของโรงเรยี นในโครงการ รวมทงั ปญั หาและอปุ สรรคในการด้าเนิน สถานศึกษา ครอบคลมุ 225 สานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาทั่วประเทศ โครงการ ขณะนม้ี สี ถานศึกษาเขา้ ร่วมโครงการแล้ว จานวน 71 สานักงานเขต พน้ื ท่กี ารศกึ ษา 99

โรงเรยี นรว่ มพฒั นา (Partnership School) 1.โรงเรยี นวดั ปลกั ไมล้ าย อ.กาแพงแสน จ.นครปฐม สงั กดั สพป.นครปฐม เขต 2 (กลมุ่ สยามพรเี สรฟ์ิ ฟดู ส)์ 2.โรงเรยี นวดั บางกอบวั อ.พระประแดง จ.สมทุ รปราการ สงั กดั สพป.สมทุ รปราการ เขต 1 (ปตท. จากดั มหาชน, มลู นธิ ชิ ยั พฒั นา, บรษิ ทั ไทยเบรฟ และ กลมุ่ บ รบิ ทั เซ็นทรลั )

นายพบิ ลู ย์ แกว้ ไทรนนั ท์ เป็ น ผอ.รร. เปิ ดสอนตง้ั แต่ อ.2-ป.6 มนี กั เรยี น 270 คน ครู 15 คน ผสู้ นบั สนนุ คอื กลมุ่ สยามพรเี สรฟ์ิ ฟดู ส์ มกี ารชว่ ยเหลอื โดยการจดั ตงั้ 4 กองทนุ 1. กองทนุ พอ่ คยุ้ แมส่ ทุ นิ เนตรจรสั แสง จานวน 2,000,000 บาท ใชส้ าหรบั การพฒั นาโรงเรยี น/จา้ งคร/ู จดั ซอื้ อปุ กรณก์ ารเรยี นการสอน 2. กองทนุ คณุ วไิ ล เนตรจรสั แสง จานวน 1,000,000 บาท ใชส้ าหรบั การดแู ลเด็กพเิ ศษซง่ึ มจี านวน 42 คน 3. กองทนุ อาหารเชา้ จานวน 100,000บาท ใชส้ าหรบั จดั อาหารเชา้ ใหน้ กั เรยี น 80 คนโดยมผี ปู้ กครอง บางสว่ นทานอาหารเชา้ กบั นกั เรยี นดว้ ย 4. กองทนุ พระธรรมประดษิ ฐ ์ จานวน 800,000 บาท ใชด้ อกผลเป็ นทนุ ชว่ ยเหลอื นกั เรยี นยากจน นอกจากนคี้ ณุ อจั ฉราพรรณ ไพบลู ยส์ วุ รรณ ใหท้ นุ การศกึ ษาแกน่ กั เรยี นทกุ คนเนอ่ื งใน งานครบรอบวนั เกดิ ทนุ ละ 1,000บาท ทกุ ปี

การจดั การเรยี นการสอน เนน้ ดา้ นทกั ษะอาชพี และทกั ษะชวี ติ มโี ครงการสง่ เสรมิ ทกั ษะอาชพี โดยนกั เรยี นไดเ้ รยี นการทาขนมไทย (ทองมว้ น),และคกุ กี้ การจกั สาน การตดั ผม เป็ นตน้ สาหรบั ดา้ นวชิ าการ มมี หาวทิ ยาลยั พเ่ี ลย้ี งคอื คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครปฐม และโรงเรยี นพเี่ ลยี้ งคอื โรงเรยี นสาธติ มรภ.นครปฐม

ผอ.รร. : นางพรรณภิ า ชว่ ยเมอื ง เปิ ดสอนตงั้ แต่ อ.2-ป.6 นกั เรยี น 85 คน ครู 7 คน • โรงเรยี นขนาดเล็ก(ขาดผอ.รร.มา 5 ปี ) • นกั เรยี นเคยลดลงเหลอื 40 คน • ปี 62 มนี กั เรยี น 85คนเป็ นนกั เรยี นตา่ งดา้ ว35คน • ใช้ DLTV ทาให้ NT เพม่ิ ขนี้ 53% O-NETจากลาดบั สดุ ทา้ ยขยบั ขนึ้ มา32 ลาดบั • โรงเรยี นมกี ารพฒั นาอยา่ งรวดเร็วภายใน 2 ปี

Partnership School • กลมุ่ แอรโ์ ฮสเตส ไทยไลออนแอร์ • ม.เทคโนโลยรี าชมงคล ธญั บรุ ี • วดั นพรตั นาราม • มหาวทิ ยาลยั ราชจนั ทรเกษม • บรษิ ทั NEC นวนคร • บรษิ ทั FOOD PLANNER ญปี่ ่ นุ • คลงั กระจายสนิ คา้ เทสโกโลตสั • บรษิ ทั ปตท.จากดั มหาชน • มหาวทิ ยาลยั ธรุ กจิ บณั ฑติ • ฯลฯ

จงั หวดั สมทุ รปราการ ประกาศ Partnership School 100 % 28 กนั ยายน 2562 โดยทา่ นรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงศกึ ษาธกิ าร(นายณฏั ฐพล ทปี สวุ รรณ) ประธานในพธิ มี อบโลเ่ ชดิ ชูเกยี รตใิ หบ้ รษิ ทั /โรงงาน/องคก์ าร/ หนว่ ยงาน/บคุ คลฯลฯ ทเ่ี ป็ น Partnership School จานวน 500 โล่ 1. สพป.สมทุ รปราการ เขต 1 จานวน 71 โรงเรยี น 2. สพป.สมทุ รปราการ เขต 2 จานวน 67 โรงเรยี น 3. สพมุ .เขต 6 (สมทุ รปราการ) จานวน 25 โรงเรยี น รวม 163 โรงเรยี น โดยทา่ นเลขาธกิ าร กพฐ.(ดร.สเุ ทพ ชติ ยวงษ)์ รายงานการดาเนนิ งานโครงการ