Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปัญหาการดำเนินการทางวินัยฯ ท่านทรงยศ พรานเนื้อ

ปัญหาการดำเนินการทางวินัยฯ ท่านทรงยศ พรานเนื้อ

Published by dongthong.da, 2020-09-15 23:04:47

Description: ปัญหาการดำเนินการทางวินัยฯ ท่านทรงยศ พรานเนื้อ

Search

Read the Text Version

ว่าทเ่ี รือตรีทรงยศ พรานเนือ้ นิตกิ รเชี่ยวชาญ



การปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีราชการจะใหถ้ กู ใจใครไปทงั้ หมด ยอ่ มเป็นไปไม่ได้ จงึ ทาใหม้ ีการรอ้ งเรยี น กลา่ วโทษขา้ ราชการ พนกั งานหรอื ลกู จา้ งผเู้ ป็นตน้ เหตใุ หเ้ กิดความไมพ่ อใจอยู่เสมอ

เจา้ หนา้ ท่ีของ รฐั ประชาชนผู้ ไดร้ บั ผลกระทบ ประชาชน ท่วั ไป

คณะรัฐมนตรี เมื่อวนั ท่ี ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๔๑ • ในเบื้องต้น ให้ถือเป็ นความลบั ทางราชการ ลับ • บัตรสนเท่ห์ ให้พจิ ารณาเฉพาะรายทรี่ ะบุหลกั ฐาน กรณแี วดล้อมปรากฏชัดแจ้ง ตลอดจนชี้พยานบุคคลแน่นอน เท่าน้ัน • ปกปิ ดช่ือผู้ร้องเรียน ปกปิ ด • ส่งใหผ้ ู้บงั คับบญั ชาของผู้ถกู กล่าวโทษทาการสืบสวนทางลบั ว่ามีมูลความจริงเพยี งใด หรือไม่ • แจง้ ใหผ้ ู้ร้องเรียนทราบในทางลับ หลงั จากทไี่ ดร้ ับเร่ืองราวร้องทกุ ข์ และภายหลังการสืบสวน ในเวลาอันสมควร แจ้ง

คณะรัฐมนตรี เม่ือวนั ท่ี ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๔๑ • ดาเนินคดอี าญา พบวา่ ผิด • ดาเนินการทางวินัย • ผู้ร้อง คุ้มครอง • พยาน • เจา้ หน้าทผี่ ู้สบื สวนในทางลบั ไดก้ ระทาละเมิดตอ่ ขา้ ราชการผู้ถกู กล่าวโทษหรือบุคคลภายนอก เสียหาย • หน่วยงานตอ้ งรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสยี หายตามหลกั เกณฑใ์ นพระราชบัญญัติ ความรับผิดทางละเมิดของเจา้ หน้าที่ พ.ศ.๒๕๓๙

ความหมายจาก พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน บัตรสนเทห่ ์ จดหมายฟ้องหรอื กล่าวโทษผู้อน่ื ผู้เขยี น • ไม่ได้ลงชอ่ื • ไม่ลงชอ่ื จริง



ตวั อยา่ ง

นอกเหนือจากกรณีมีผรู้ ้องเรียนกล่าวโทษ ผบู้ งั คบั บญั ชา ศนู ยด์ ารงธรรม แตง่ ตั้ง พบเหน็ เอง ผตู้ รวจการ คณะกรรมการ แผน่ ดนิ และ อ่ืนๆ สบื สวน ไม่ต้องตัง้ คณะกรรมการ ปปท. ปปช. สอบสวน ลงโทษไดเ้ ลย สตง. ไม่ตอ้ งตง้ั คณะกรรมการ สืบสวนอีก เว้นแตย่ ังไม่ชีต้ วั ผู้กระทาความผิด

พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการตรวจเงินแผน่ ดิน พ.ศ. ๒๕๖๑ ไม่มีบทบญั ญตั ิใดกาหนดใหห้ น่วยรับตรวจตอ้ งดาเนินการทาง วินยั โดยผกู พนั ขอ้ เทจ็ จริงตามผลการตรวจสอบของสานกั งานการตรวจ เงินแผน่ ดิน การดาเนินการทางวนิ ยั จึงตอ้ งเป็นไปตามกฎหมายและ ระเบียบท่ีเก่ียวขอ้ งซ่ึงในกรณีน้ีไดแ้ ก่ มาตรา ๙๕ วรรคสี่ แห่ง พระราชบญั ญตั ิระเบียบขา้ ราชการครูและ 11

บุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗ ที่กาหนดวา่ เม่ือปรากฏกรณีมีมูลท่ี ควรกล่าวหาวา่ ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผใู้ ดกระทาผดิ วินยั โดยมีพยานหลกั ฐานในเบ้ืองตน้ อยแู่ ลว้ ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชา ดาเนินการทางวนิ ยั ทนั ที ซ่ึงจะเห็นไดว้ า่ บทบญั ญตั ิดงั กล่าวมิไดบ้ งั คบั ใหท้ ุกกรณีตอ้ งมีการสืบสวนก่อน หากเป็นกรณีท่ีมีพยานหลกั ฐานใน เบ้ืองตน้ อยแู่ ลว้ กย็ อ่ มดาเนินการทางวนิ ยั ต่อไปไดท้ นั ที 12

ประกอบกบั ขอ้ ๖ วรรคหน่ึง ของระเบียบสานกั นายกรัฐมนตรีวา่ ดว้ ย การเร่งรัดติดตามเก่ียวกบั กรณีเงินขาดบญั ชีหรือเจา้ หนา้ ที่ของรัฐทุจริต พ.ศ.๒๕๔๖ กาหนดวา่ กรณีสานกั งานการตรวจเงินแผน่ ดินตรวจสอบ พบวา่ เจา้ หนา้ ท่ีของรัฐทุจริตและไดช้ ้ีมูลความผดิ แลว้ ใหห้ น่วยงานของ รัฐดาเนินการทางแพง่ ทางอาญา หรือวินยั แก่ผทู้ ี่เกี่ยวขอ้ งอยา่ ง เคร่งครัดโดยไม่ตอ้ งแต่งต้งั คณะกรรมการสืบสวนหาขอ้ เทจ็ จริงอีก 13

ดงั น้นั เม่ือปรากฏวา่ ผลการตรวจสอบของสานกั งานการตรวจเงิน แผน่ ดินดงั กล่าวไดร้ ะบุพฤติการณ์น่าเช่ือวา่ มีการทุจริต และไดร้ ะบุ ชดั เจนถึงตวั เจา้ หนา้ ที่ท่ีกระทาผดิ วา่ เป็นใคร พร้อมท้งั พยานหลกั ฐาน ในเบ้ืองตน้ เก่ียวกบั การกระทาความผดิ แลว้ ผมู้ ีอานาจตามมาตรา ๕๓ ยอ่ มตอ้ งมีหนา้ ที่ดาเนินการทางวนิ ยั ตามบทกฎหมายและระเบยี บ ดงั กล่าว โดยไม่ตอ้ งแต่งต้งั คณะกรรมการสืบสวนหาขอ้ เทจ็ จริงอีก (เทียบเคียงความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ ๙๔๔/ ๒๕๖๑) 14

คำพพิ ำกษำศำลปกครองสูงสุด อ.๗/๒๕๕๗กำรสงั่ ลงโทษวินัยอยำ่ งร้ำยแรงกรณี ป.ป.ช.ชม้ี ูล • คดนี ีผ้ บู้ งั คบั บัญชำไดเ้ คยมคี ำสั่งลงโทษตดั เงนิ เดือน สำหรับกำรกระทำควำมผิด ในกรณีผฟู้ อ้ งคดี ได้รบั แตง่ ตงั้ เปน็ ประธำนกรรมกำรตรวจกำรจำ้ งโดยไม่ได้ออกไป ตรวจสอบโครงกำรกอ่ สร้ำงตำมแบบแปลนที่กำหนด ตอ่ มำ ปปช. มมี ติว่ำ กำร กระทำของผ้ฟู ้องคดตี ำมพฤตกิ ำรณ์ดังกลำ่ วเป็นกำรกระทำผิดวนิ ัยอย่ำงร้ำยแรง ฐำนทุจริตต่อหน้ำที่รำชกำร ผบู้ ังคับบญั ชำจงึ ต้องดำเนินกำรตำมมำตรำ ๙๒ มำตรำ ๙๓ แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ โดยถือเอำสำนวนไต่สวนเปน็ สำนวนสอบสวนทำงวนิ ยั และ มีคำสัง่ ลงโทษไล่ผ้ฟู ้องคดอี อกจำกรำชกำร กรณีกระทำกำรทจุ รติ ต่อหนำ้ ทีร่ ำชกำร จำกพฤติกำรณ์กำรกระทำเดมิ ตำมมติ ป.ป.ช.

คำพิพำกษำศำลปกครองสูงสดุ ฟ.๒๕/๒๕๖๐ คดีนเ้ี ปน็ กรณที ี่ผ้บู ังคบั บัญชาสง่ั ลงโทษไล่ผู้ฟอ้ งคดอี อกจากราชการ ตามฐานความผิดท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช.มมี ติ และ ก.พ.ค. มีมติลดโทษเป็น ปลดอกจากราชการ ซ่งึ ศาลเห็นวา่ พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ดว้ ยการป้องกันและ ปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. ๒๕๔๒ (ขณะกระทาความผดิ ) มาตรา ๑๙ บัญญตั ใิ ห้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอานาจหนา้ ท่ีดงั ต่อไปนี้(๓) ไต่ สวนและวินิจฉัยว่าเจา้ หนา้ ท่ขี องรฐั รา่ รวยผดิ ปกติ กระทาความผดิ ฐานทจุ รติ ต่อหน้าท่ี หรอื กระทาความผดิ ตอ่ ตาแหนง่ หน้าทร่ี าชการ หรอื ความผิดตอ่ ตาแหนง่ หนา้ ท่ใี นการยตุ ิธรรม... และ

คำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด ฟ.๒๕/๒๕๖๐ (ตอ่ ) ตามมาตรา ๙๒ วรรคหนึ่ง บัญญตั วิ า่ ในกรณมี ีมูลความผดิ ทางวนิ ัย เมอ่ื คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พจิ ารณา พฤตกิ ารณแ์ ห่งการกระทาความผิดแล้วมมี ติว่า ผถู้ กู กลา่ วหาผใู้ ดไดก้ ระทาผิดวนิ ยั ใหป้ ระธานกรรมการส่งรายงาน และเอกสารท่มี อี ยพู่ ร้อมเอกสารทงั้ ความเห็นไปยงั ผบู้ งั คบั บัญชาหรือผมู้ ีอานาจแตง่ ต้งั ถอดถอนผถู้ กู กล่าวหาน้นั เพ่อื พจิ ารณาโทษทางวินยั ตามความผิดท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมตโิ ดยไมต่ อ้ งแต่งตง้ั คณะกรรมการสอบสวนทางวินยั อกี ในการพิจารณาโทษทางวนิ ยั แกผ่ ถู้ กู กลา่ วหาใหถ้ ือวา่ รายงาน เอกสาร และความเห็นของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เปน็ สานวนการสอบสวนทางวินยั ของคณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั ตามกฎหมายหรอื ระเบยี บหรอื ข้อบงั คับว่าดว้ ยการบรหิ ารงานบุคคลของผถู้ กู กลา่ วหาน้ัน ๆ แล้วแตก่ รณี ข้อกล่ำวหำทีอ่ ย่ใู นอำนำจไต่สวนและพิจำรณำของคณะกรรมกำร ป.ป.ช. หมำยถงึ เฉพำะข้อกล่ำวหำที่เก่ยี วกับกำรกระทำควำมผดิ ฐำนทุจริตต่อหนำ้ ท่ี กระทำควำมผิดต่อตำแหน่งหนำ้ ทีร่ ำชกำร หรอื กระทำควำมผดิ ต่อตำแหน่งหนำ้ ที่ในกำรยุติธรรมเทำ่ น้นั

คำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด ฟ.๒๕/๒๕๖๐ (ต่อ) โดยท่ปี ระมวลกฎหมายอาญาไดบ้ ัญญตั อิ งค์ประกอบความผดิ และโทษเกยี่ วกับความผดิ ตอ่ ตาแหน่งหน้าท่ีราชการไว้ในมาตรา 147 ถึงมาตรา 166 และความผดิ ตอ่ ตาแหน่งหน้าท่ีในการ ยุตธิ รรมไว้ในมาตรา 200 ถึงมาตรา 205 ดงั น้นั ความผิดต่อตาแหน่งหน้าทร่ี าชการและความผดิ ตอ่ ตาแหนง่ หนา้ ทใี่ นการยตุ ิธรรม จงึ เป็นมูลความผดิ ทางอาญา ส่วนความผดิ ฐานทจุ รติ ต่อหนา้ ท่ี ถือเป็น มลู ความผิดทางวนิ ยั นอกจาก 3 กรณีนัน้ แลว้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่มีอานาจไต่สวน ดังนนั้ รายงานการไตส่ วนข้อเท็จจรงิ และความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในสว่ นทเี่ ก่ยี วกับ ความผดิ ทางวินยั ฐานทุจริตตอ่ หนา้ ท่ีเท่าน้นั ท่ผี ู้บงั คบั บญั ชาหรือผู้มีอานาจแต่งต้งั ถอดถอนของผ้ฟู ้อง คดจี ะต้องถือเอามาเปน็ สานวนการสอบสวนทางวินยั โดยไมต่ อ้ งแต่งตงั้ คณะกรรมการสอบสวนวนิ ัย อีก คดีน้ี คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไตส่ วนข้อเทจ็ จริงและมมี ติวา่ การกระทาของผ้ฟู อ้ งคดเี ปน็ ความผิด วินัยฐานทุจรติ ต่อหน้าทร่ี าชการ ฐานไม่ปฏิบัติหน้าทร่ี าชการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบยี บฯ โดยไมเ่ สยี หายแกท่ างราชการ

คำพิพำกษำศำลปกครองสงู สุด ฟ.๒๕/๒๕๖๐ (ตอ่ ) ในคดศี าลเหน็ ว่ากรณยี ังไมพ่ อฟังไดว้ ่าการกระทาของผฟู้ ้องคดเี ป็นการปฏบิ ัตหิ รอื ละเว้นการ ปฏิบัตหิ น้าทโ่ี ดยมชิ อบเพอื่ ใหต้ นเองหรอื ผอู้ ื่นได้รบั ประโยชน์อันมิควรได้ ที่จะถอื วา่ เปน็ การทจุ ริต ตอ่ หน้าท่ีราชการจึงไมผ่ กู พนั ผ้บู งั คับบัญชาหรือผ้มู ีอานาจแตง่ ตั้งถอดถอนผฟู้ ้องคดีใหล้ งโทษตาม ฐานความผดิ ท่คี ณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติ โดยไมต่ ้องแตง่ ตง้ั คณะกรรมการสอบสวน และไมอ่ ำจ ถือเอำรำยงำนกำรไต่สวนขอ้ เท็จจรงิ และควำมเหน็ ในสว่ นนนั้ มำเป็นสำนวนกำรสอบสวนทำงวินัย ของคณะกรรมกำรสอบสวนวินยั สว่ นการไตส่ วนข้อเท็จจรงิ และช้ีมูลความผิดผฟู้ ้องคดีในความผิดฐานอน่ื (ฐานปฏบิ ัติหนา้ ทีร่ าชการ ให้เปน็ ไปตามกฎหมาย และระเบยี บฯ ) ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปน็ การกระทาท่ีไม่มอี านาจ ตามกฎหมายไม่ผูกพนั ผู้บังคับบัญชาหรอื ผูม้ อี านาจแตง่ ตง้ั ถอดถอนทีจ่ ะต้องถือเอารายงานการไตส่ วน ข้อเท็จจริง และความเหน็ ในส่วนน้ันมาเป็นสานวนการสอบสวนทางวินัยของคณะกรรมการสอบสวน วินัยแต่อยา่ งใด ดงั น้นั ผบู้ งั คบั บญั ชาหรือผ้มู ีอานาจแต่งต้ัง มีคาสั่งลงโทษโดยไมต่ อ้ งแต่งตงั้ คณะกรรมการ สอบสวนวนิ ัย เพือ่ ดาเนินการสอบสวนผู้ฟอ้ งคดใี นฐานความผิดทค่ี ณะกรรมการ ป.ป.ช. มมี ติ จึงไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย

มำตรำ ๑๓๖ เม่อื ผบู้ งั คับบญั ชาของเจา้ พนักงานของรฐั มีคาสัง่ ให้ ดาเนนิ การสอบสวนทางวนิ ัย แก่เจ้าพนกั งานของรัฐในความผิดฐานทจุ ริต ต่อหน้าท่ีให้แจง้ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบภายใน สามสบิ วันนบั แตว่ ันท่ี มีคาสง่ั ในกรณีเชน่ นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะสง่ั ให้ผ้บู งั คับบัญชารายงาน ความคบื หนา้ และผลของการดาเนินการ หรือจะใหส้ ่งเรือ่ งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพอ่ื ดาเนินการต่อไปก็ได้ และให้นาความในมาตรา ๖๖ มาใช้บงั คับ ด้วยโดยอนุโลม

คำวินจิ ฉยั ศำลรฐั ธรรมนูญ ที่ 2/2546 ลงวันท่ี 6 กุมภำพันธ์ 2546  ศำลรัฐธรรมนญู วนิ จิ ฉัยว่ำ อำนำจหนำ้ ทีข่ องคณะกรรมกำร ป.ป.ช. ในกำรไต่สวน และวินจิ ฉยั ตำมรัฐธรรมนญู มำตรำ 301 วรรคหนึ่ง (3) เพอ่ื ดำเนินกำรตอ่ ไป ตำม กฎหมำยประกอบรฐั ธรรมนญู วำ่ ด้วยกำรปอ้ งกนั และปรำบปรำมกำรทจุ ริต เม่อื คณะกรรมกำร ป.ป.ช.ไดไ้ ต่สวนและวินิจฉัยว่ำ เจ้ำหน้ำที่ของรัฐกระทำควำมผดิ ฐำนทุจริตตอ่ หน้ำทจี่ ึงเป็นอนั ยตุ ิ ดังน้นั องค์กรทีม่ ีอำนำจพจิ ำรณำอทุ ธรณ์ จึงไมอ่ ำจ พจิ ำรณำเปลย่ี นแปลงฐำนควำมผิดทำงวินัยตำมทค่ี ณะกรรมกำร ป.ป.ช. วินจิ ฉยั ยุติแล้ว ให้เปน็ ประกำรอนื่ ได้อีก

ป.ป.ช. ช้มี ลู ไมร่ า้ ยแรงจะตอ้ งทาอยา่ งไร

ขน้ั ตอนก่อนการดาเนินการทางวนิ ยั การสบื สวนขอ้ เทจ็ จรงิ / การตรวจสอบขอ้ เท็จจรงิ

การสืบสวน • ผู้บังคับบญั ชา ขอ้ เทจ็ จรงิ • มอบหมายบคุ คล • แต่งตัง้ คณะกรรมการ แสวงหา • ขอ้ เท็จจรงิ • พยานหลกั ฐาน พิสจู นก์ รณี • มมี ูล รอ้ งเรยี นกลา่ วโทษ • ไม่มมี ูล

วิธีการสืบสวนทางวินยั ไมม่ ีกฎหมาย ดาเนนิ การ ขนึ้ อยกู่ บั ระเบยี บ อยา่ งไรก็ได้ สภาพของเรอ่ื ง กาหนด วา่ จะใชว้ ธิ ีการ แนวทางปฏิบตั ิ อะไร

ประเภทการสืบสวนทางวนิ ัย การสืบสวนก่อนดาํ เนินการทางวนิ ัย การสืบสวนซ่ึงเป็ นการดําเนินการทางวินัย การสืบสวนซ่ึงเป็ นการดําเนินการ ทางวินัย ได้แก่ ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อ ในคราวเดียวกันเป็ นเวลาเกินกว่า ๑๕ วัน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร อันเป็ นความผิดปรากฏชัดแจ้งท่ีจะ พจิ ารณาโทษโดยไม่ต้องแต่งต้งั คณะกรรมการขนึ้ สอบสวนกไ็ ด้ 26

การสืบสวนซึ่งเป็ นการดาํ เนินการทางวนิ ัย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากไม่ มีการแจ้ งข้ อกล่ าวหาและพยานหลักฐาน ที่สนันสนุน ข้อกล่าวหาให้ทราบ เพ่ือให้มโี อกาสชี้แจง นําสืบพยานแก้ข้อกล่าวหา 27

กรณคี วามผดิ ทปี่ รากฏชัดแจ้ง กระทาํ ความผดิ อาญาจนได้รับโทษจําคุก หรือโทษท่หี นักกว่าจําคุก โดยคาํ พพิ ากษาถึงทสี่ ุดให้จาํ คุกหรือให้ลงโทษหนักกว่าจาํ คุก เว้นแต่เป็ นโทษ สําหรับความผดิ ทไ่ี ด้ กระทาํ โดยประมาทหรือความผดิ ลหุโทษ ละทิง้ หน้าทร่ี าชการติดต่อในคราวเดยี วกนั เป็ นเวลาเกนิ กว่าสิบห้า วนั และ ผู้บังคบั บัญชาได้ดาํ เนินการสืบสวนแล้วเห็นว่า ไม่มเี หตุผลอนั สมควร หรือมี พฤตกิ ารณ์อนั แสดงถงึ ความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ 28

กรณคี วามผดิ ที่ปรากฏชัดแจ้ง กระทาํ ผดิ วนิ ัยอย่างร้ายแรง และได้รับสารภาพเป็ น หนังสือต่อ ผู้บังคบั บญั ชา หรือให้ถ้อยคาํ สารภาพ ต่อผู้มหี น้าท่ีสืบสวนหรือคณะกรรมการสอบสวน ตามกฎหมาย และได้มกี ารบนั ทึกถ้อยคาํ รับสารภาพ เป็ นหนังสือ 29

เมื่อไดด้ าเนินการสืบสวนเสร็จสิ้นแลว้ หน้าทผี่ ู้บงั คบั บญั ชา กรณมี มี ูล ร้ายแรง สง่ั ต้งั สอบวนิ ยั • พจิ ารณาสํานวน • กรณีไม่มีมูลใหส้ งั่ ยตุ ิ หรือเสนอต้งั สอบวนิ ยั อยา่ ง สืบสวนแล้ว เห็นว่า เรื่อง ร้ายแรง • ไม่ร้ายแรง • ส่ังต้งั สอบวนิ ยั ไม่ ร้ายแรง • เสนอต้งั สอบวนิ ยั ไม่ ร้ายแรง 30

การสืบสวน • เป็ นข้นั ตอนภายใน ยงั ไม่มผี ลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิ และหน้าทข่ี องผู้ถูกต้งั คณะกรรมการสืบสวน จงึ มิใช่ผู้ เดือดร้อนเสียหายทจ่ี ะมสี ิทธิฟ้องคดตี ่อศาลปกครอง (คาํ ส่ังศาลปกครองสูงสุด ท่ี 750/2547) 31

คาถาม • ศึกษาธิการจังหวัด มีอํานาจส่ั งแต่ ง ต้ัง คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณมี ีการ ร้ องเรี ยนข้ าราชการครู และบุคลากรทางการ ศึกษา สังกดั ร.ร./สพป. /สพม. หรือไม่ 32

การดาํ เนินการทางวนิ ัยไม่ร้ายแรง ของผู้บงั คบั บัญชา • สืบสวนข้อเทจ็ จริงผู้ใตบ้ งั คบั บญั ชา ว่าเป็ นไปตามข้อ กล่าวหา หรอื ไม่ • แตง่ ตงั้ คณะกรรมการสอบสวนวนิ ัยไม่ร้ายแรง • แจง้ คาส่ังใหผ้ ู้ถูกกล่าวหา และคณะกรรมการสอบสวน • พจิ ารณาส่ังสานวน / ออกคาส่ังลงโทษวนิ ัยไม่ร้ายแรง • รายงานการดาเนินการตอ่ กศจ.

การดาเนินการทางวนิ ยั ไม่ร้ายแรงกบั ผทู้ ี่ช่วยราชการ • กรณีทเี่ ป็ นการช่วยปฏิบัตริ าชการใน หน่วยงานอน่ื หวั หน้าหน่วยงานนั้น จะมี เพยี งอานาจการบงั คบั บญั ชา แต่ไม่มี อานาจดาเนินการทางวนิ ัยหรือส่ังลงโทษ กรณีเช่นนีจ้ ะตอ้ งรายงานใหผ้ ู้บงั คบั บัญชา ตน้ สังกดั เป็ นผู้ดาเนินการ

คาํ ถาม • นายนกเล็ก ข้าราชการสังกัด สพม.8 ไป ช่วยราชการท่ี สพม.9 ถ้านายนกเล็ก ถูกกกล่าวหาว่ากระทาผิดวินั ยไม่ ร้ายแรงใครคือ ผู้มีอานาจแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวน

คาถาม • นายนกเล็ก ข้าราชการสังกัด สพม.8 ไปช่วย ร า ช ก า ร ที่ส า นั ก ง า น ศึ ก ษ า ธิ ก า ร จั ง ห วั ด สมุทรสงคราม ถ้านายนกเล็กถูกกกล่าวหาว่า กระทาผิดวินัยไม่ร้ายแรงใครคือ ผู้มีอานาจ แตง่ ตงั้ คณะกรรมการสอบสวน

คาถาม • นายนกเล็ก ข้าราชการสังกัด สพม.8 ไปช่วย ราชการทส่ี านักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้น พืน้ ฐาน ถ้านายนกเล็กถูกกกล่าวหาว่ากระทา ผิดวินัยไม่ร้ายแรงใครคือ ผู้มีอานาจแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวน

ปัญหาที่พบบ่อย • ผอ.สพท. เห็นวา่ มีมูลร้ายแรง • ถา้ ศธจ. เห็นวา่ ไม่ร้ายแรงจึงส่ง สานวนคืน หรือใหส้ ืบเพิ่ม • เอาเขา้ กศจ.ตดั สินไดไ้ หม 38

หนังสือสํานักงาน ก.ค.ศ • ท่ี ศธ ๐๒๐๖.๑๐/๑๒ ลว. ๘ พ.ค. ๒๕๖๓ • ม. ๙๕ เป็ นหน้าท่ี ผบช. ชี้มูล • กฎหมายไม่ได้ให้อาํ นาจผู้มอี าํ นาจสั่งแต่งต้งั ใช้ ดุลพนิ ิจทบทวนผล • แต่มหี น้าทต่ี ้องส่ังตามท่ี ผบช.ชี้มูล 39

ถ้าไม่ส่ัง • ม.๑๐๐ วรรคหก ให้ ผบช.เหนือข้ึนไป ของผมู้ ีอานาจตาม ม.๕๓ สงั่ แต่งต้งั คกก.สอบสวน • ใครกนั แน่ระหวา่ ง เลขา กพฐ. หรือ ปศธ. ท่ีมีอานาจสงั่ 40

การดาเนินการทางวนิ ยั แก่ขา้ ราชการ ซ่ึงพน้ จากราชการไปแลว้ 41

กรณีตาย • ม.53 พ.ร.บ. บําเหน็จบาํ นาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔ • ต้องหาว่ากระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ถึงแก่ความตาย ก่อนได้รับวินิจฉัยในเรื่องการกระทําผิด ให้ กระทรวง เจ้าสังกัดวินิจฉัยว่า หากผู้น้ันไม่ถึงแก่ความตาย เสียก่อนจะต้องได้รับโทษถึงไล่ออกหรือไม่ • ถ้าถึงโทษไล่ออก ทายาทไม่มีสิทธิได้รับบําเหน็จตก ทอดตาม ม.๔๘ 42

พระรำชบัญญัติระเบียบขำ้ รำชกำรครู และบคุ ลำกรทำงกำรศึกษำ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2562 ประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำ เม่ือวันท่ี 5 เมษำยน 2562 และมผี ลใชบ้ ังคบั ตงั้ แตว่ นั ที่ 6 เมษำยน 2562 ให้ยกเลิกควำมในมำตรำ 102 แห่งพระรำชบัญญัติ ระเบียบข้ำรำชกำรครูและบคุ ลำกรทำงกำรศกึ ษำ พ.ศ. 2547

ยน่ื ลาออกก่อนถูกต้งั คกก.สอบสวน • หนงั สือสานกั งาน ก.พ. ท่ี สร ๐๗๑๐/ว๑๐ ลง วนั ท่ี ๒๔ ต.ค. ๒๕๒๓ • การยบั ย้งั การลาออกจะตอ้ งเป็นกรณีท่ี ผสู้ งั่ บรรจุ และแต่งต้งั เห็นวา่ จาเป็นเพ่ือประโยชนแ์ ก่ทาง ราชการเท่าน้นั จะยบั ย้งั ไวเ้ พือ่ ลงโทษทางวนิ ยั ไม่ได้ 44

กรณีที่จงั หวดั ไดม้ ีคาสง่ั อนุญาตใหข้ า้ ราชการลาออกจากราชการไปแลว้ แต่ก่อนถึง วนั ที่คาสง่ั มี ผล ขา้ ราชการผนู้ ้นั ไดย้ น่ื คาร้องขอระงบั การลาออกจากราชการ คาสง่ั จงั หวดั ดงั กล่าวจะมีผล หรือไม่ หากไม่มีผล จงั หวดั จะตอ้ งออกคาสงั่ ยกเลิกคาสง่ั ท่ีอนุญาตใหล้ าออกหรือไม่ • ประเดน็ น้ี สานกั งาน ก.พ.เห็นวา่ เมื่อขอ้ เทจ็ จริงปรากฏวา่ ขา้ ราชการผขู้ อ ลาออกจาก ราชการไดย้ น่ื หนงั สือแสดงความจานงขอระงบั การลาออกตอ่ ผบู้ งั คบั บญั ชาก่อนวนั ท่ีการลาออก จะมีผลแลว้ หนงั สือขอระงบั การลาออก ดงั กลา่ วยอ่ มใชไ้ ด้ และมีผลทาใหค้ าสั่งของผบู้ งั คบั บญั ชาท่ีอนุญาต ใหล้ าออก จากราชการได้ เป็นคาสง่ั ที่ไม่ถูกตอ้ งกบั ขอ้ เทจ็ จริงและไม่มีผลใชบ้ งั คบั ท้งั น้ี เพราะไม่มี กรณีการขอลาออกจากราชการต้งั แตว่ นั ท่ีขอระงบั การลาออกแลว้ กรณีเช่นน้ีผบู้ งั คบั บญั ชาจึงควรจะ ไดย้ กเลิกคาสง่ั อนุญาตใหอ้ อกจากราชการ น้นั เพอื่ ใหถ้ ูกตอ้ งตรงตามขอ้ เทจ็ จริงตอ่ ไป 45

พระรำชบัญญัตริ ะเบยี บขำ้ รำชกำรครูและบคุ ลำกรทำงกำรศกึ ษำ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2562 มำตรำ 102 มหี ลกั กำรสำคัญ ดงั น้ี  1. มกี รณกี ล่ำวหำข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำที่ออกจำกรำชกำรไปแล้วว่ำ ในขณะท่ผี นู้ ้นั รับรำชกำรได้กระทำหรือละเว้นกำรกระทำใด อันเปน็ ควำมผิดวนิ ยั อย่ำง ร้ำยแรง หรือกระทำควำมผิดที่เป็นมลู เหตุให้ถูกฟ้องคดีอำญำหรือต้องหำคดีอำญำท่ีมิใช่ ควำมผดิ อำญำทไ่ี ดก้ ระทำโดยประมำทท่ไี ม่เก่ียวกับรำชกำรหรือควำมผิดลหุโทษ  2. กำรกล่ำวหำว่ำกระทำผดิ วนิ ยั อย่ำงร้ำยแรงตอ้ งทำเป็นหนังสอื ต่อผู้บงั คับบญั ชำของผูน้ ั้น หรอื ตอ่ ผ้มู ีหนำ้ ที่สบื สวน สอบสวนหรอื ตรวจสอบ ตำมกฎหมำยหรือระเบยี บของทำงรำชกำรหรอื เป็นกำรกลำ่ วหำของผู้บงั คบั บัญชำของผู้น้ัน

พระรำชบญั ญัตริ ะเบียบข้ำรำชกำรครูและบคุ ลำกรทำงกำรศึกษำ (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2562 มำตรำ 102 มหี ลกั กำรสำคญั ดังน้ี  3. กำรกล่ำวหำผทู้ ีอ่ อกจำกรำชกำรไปแลว้ วำ่ กระทำควำมผดิ วินัย อย่ำงรำ้ ยแรงหรือกำรถกู ฟอ้ ง คดอี ำญำหรือตอ้ งหำคดีอำญำ จะกลำ่ วหำหรอื กระทำกอ่ นที่ผนู้ นั้ ออกจำกรำชกำรหรือหลงั จำกผนู้ นั้ ออกจำก รำชกำรไปแลว้ กไ็ ด้

พระรำชบัญญตั ริ ะเบียบขำ้ รำชกำรครแู ละบุคลำกรทำงกำรศึกษำ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ. 2562 มำตรำ 102 มหี ลกั กำรสำคญั ดังนี้ 5. กรณีถูกล่ำวหำหรือถูกฟ้องคดีอำญำหรือต้องหำคดีอำญำหลังจำกท่ีพ้นจำกรำชกำรแล้ว ผู้มีอำนำจดำเนินกำร ทำงวินัยจะต้องเร่ิมดำเนินกำรสอบสวนภำยในหนึ่งปีนับแต่วันท่ีผู้นั้นพ้นจำกรำชกำร และต้องส่ังลงโทษภำยในสำม ปีนบั แต่วนั ที่ ผู้น้ันพน้ จำกรำชกำร ถ้ำเป็นควำมผิดที่ปรำกฏชัดแจ้งต้องต้องสั่งลงโทษ ภำยในสำมปีนับแต่วันท่ีผู้น้ัน พ้นจำกรำชกำร 6. กรณที ศี่ ำลปกครอง มคี ำพิพำกษำถงึ ทสี่ ุดใหเ้ พกิ ถอนคำสัง่ ลงโทษ หรอื โดยองคก์ รพิจำรณำอทุ ธรณ์ หรือองค์กร ตรวจสอบรำยงำนกำรดำเนินกำรทำงวินัยมคี ำวนิ ิจฉัยถงึ ท่สี ุดหรือมมี ติให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษเพรำะเหตุกระบวนกำร ดำเนนิ กำรทำงวินัยไม่ชอบดว้ ยกฎหมำย ผูม้ อี ำนำจจะตอ้ งดำเนินกำรทำงวินยั ใหแ้ ล้วเสร็จ ภำยในสองปี นับแตว่ นั ท่ีมีคำพพิ ำกษำถงึ ท่ีสุด หรอื มคี ำวินจิ ฉัยถงึ ทีส่ ดุ หรือมมี ติ 48

พระรำชบัญญัตริ ะเบยี บขำ้ รำชกำรครูและบคุ ลำกรทำงกำรศึกษำ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2562 มำตรำ 102 มีหลักกำรสำคัญ ดงั น้ี 7. ในกำรดำเนินกำรทำงวินัย ถำ้ ผลกำรสอบสวนพจิ ำรณำปรำกฏวำ่ ผนู้ น้ั กระทำผิดวนิ ัยไมร่ ้ำยแรงก็ ใหง้ ดโทษ ๘.ขอ้ ยกเวน้ มิใหใ้ ชบ้ งั คบั กบั ผูช้ ึง่ ถูกสั่งให้ออกจำกรำชกำรไว้กอ่ น ตำมมำตรำ ๑๐๓ แห่ง พระรำชบญั ญัตริ ะเบียบข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ พ.ศ.๒๕๔๗ ๙.กรณที ่ี ป.ป.ช. หรือ ป.ป.ท. ช้มี ลู ควำมผดิ ข้ำรำชกำรซงึ่ พ้นจำกรำชกำรไปแล้วนั้น กำรดำเนินกำร ทำงวนิ ยั และสั่งลงโทษแก่ผู้นน้ั ให้เป็นไปตำมหลกั เกณฑ์และเง่ือนไข ทก่ี ำหนดไว้ใน กฎหมำยประกอบรัฐธรรมนญู วำ่ ด้วยกำรป้องกันและปรำบปรำมกำรทจุ ริต หรอื กฎหมำยวำ่ ดว้ ย มำตรกำรของฝ่ำยบรหิ ำรในกำรปอ้ งกนั และปรำบปรำม กำรทุจริต แลว้ แตก่ รณี 49

การต้งั เร่ืองกล่าวหา เป็ นการต้งั เร่ืองการดาํ เนินการทางวนิ ัยแก่ข้าราชการ เมื่อ ปรากฏกรณมี มี ูลทคี่ วรกล่าวหาว่า กระทาํ ผดิ วนิ ัย มาตรา 98 แห่ งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและ บุ ค ล า ก ร ท า งก า ร ศึ ก ษ า พ . ศ . 2 5 47 กําห นด ให้ ผู้บังคับบัญชาแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนเพ่ื อ ดําเนินการสอบสวนให้ ได้ ความจริ งและความยุติธรรม โดยไม่ชักช้า 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook