Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประมวลองค์ความรู้ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ประมวลองค์ความรู้ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

Published by sukworadet29, 2020-11-17 11:44:02

Description: ประมวลองค์ความรู้ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

Keywords: ร.10

Search

Read the Text Version

ที่ จังหวัด แหล่งน�้ำศกั ด์ิสทิ ธิ์ สถานที่ประกอบพธิ ีเสกน�้ำ ๕ พะเยา ๑. ขนุ น้�ำแม่ปีม พระวิหารวัดศรโี คมค�ำหรือ ทตี่ ง้ั : บ้านไรอ่ ้อย อ�ำเภอแม่ใจ วัดพระเจา้ ตนหลวง ๒. น้ำ� ตกตะ หรอื น�ำ้ คะ อ�ำเภอเมืองพะเยา ที่ตง้ั : บ้านปางค่าเหนือ (บา้ นนำ้� คะ) อ�ำเภอปง ๖ เพชรบูรณ์ ๑. สระแก้ว พระอุโบสถวัดมหาธาตุ ทต่ี ้งั : บรเิ วณอทุ ยานประวตั ศิ าสตร์ศรเี ทพ อำ� เภอเมอื งเพชรบรู ณ์ บา้ นศรเี ทพน้อยอำ� เภอศรเี ทพ ๒. สระขวญั ทต่ี ้ัง: บรเิ วณอุทยานประวตั ิศาสตร์ศรเี ทพ บ้านหลกั เมือง อำ� เภอศรีเทพ ๗ อุทยั ธานี ๑. แมน่ ำ้� สะแกกรัง พระอุโบสถวดั มณีสถิตกปิฏฐาราม ทต่ี ้ัง: บรเิ วณปากคลองวัดขมุ ทรพั ย์ อ�ำเภอเมืองอุทยั ธานี อำ� เภอเมอื งอทุ ยั ธานี ๒. สระนำ�้ มนตศ์ กั ดสิ์ ทิ ธิ์ วดั มณสี ถติ กปฏิ ฐาราม ที่ตั้ง: วดั มณสี ถิตกปฏิ ฐาราม อ�ำเภอเมืองอทุ ยั ธานี 101

จงั หวัดทีม่ ีแหลง่ น�้ำศักดสิ์ ิทธ์ิ จำ� นวน ๓ แหล่งนำ้� มจี �ำนวน ๕ จังหวัด จำ� นวน ๑๕ แหล่งน้ำ� ที่ จังหวัด แหลง่ น้ำ� ศักดสิ์ ิทธ์ิ สถานท่ีประกอบพิธเี สกนำ้� อุโบสถวัดพลับ ๑ จันทบรุ ี ๑. สระแก้ว อ�ำเภอเมอื งจนั ทบุรี ทต่ี ั้ง: อำ� เภอทา่ ใหม่ ๒. ธารนารายณ์ พระวิหารวัดพระสงิ ห์ ทตี่ ้ัง: อ�ำเภอเมืองจนั ทบรุ ี อ�ำเภอเมอื งเชยี งใหม่ ๓. บอ่ น�้ำศกั ดสิ์ ิทธว์ิ ัดพลับ ทีต่ ัง้ : วดั พลับ อ�ำเภอเมืองจนั ทบรุ ี พระอุโบสถวดั อดุ มธานี อำ� เภอเมอื งนครนายก ๒ เชียงใหม่ ๑. บอ่ น้�ำศักด์ิสทิ ธ์วิ ดั บุพพาราม ท่ีตั้ง: วดั บพุ พาราม อ�ำเภอเมอื งเชียงใหม่ ๒. อ่างกาหลวง ทต่ี ั้ง: อทุ ยานแห่งชาตดิ อยอินทนนท์ อ�ำเภอจอมทอง ๓. ขนุ น�ำ้ แมป่ งิ ที่ตง้ั : บ้านเมืองนะ อ�ำเภอเชยี งดาว ๓ นครนายก ๑. เขื่อนขุนด่านปราการชล ทีต่ ง้ั : บ้านท่าดา่ น อำ� เภอเมอื งนครนายก ๒. บ่อนำ้� ทิพย์ ที่ตง้ั : อยู่ในเมืองโบราณดงละคร อำ� เภอเมอื งนครนายก ๓. บงึ พระอาจารย์ ทต่ี ั้ง: อ�ำเภอองครักษ์ 102

ที่ จงั หวดั แหลง่ นำ�้ ศกั ดิส์ ทิ ธ์ิ สถานที่ประกอบพธิ เี สกน�้ำ ๔ พทั ลงุ ๑. สระน�้ำศกั ด์สิ ทิ ธ์ิวดั ดอนศาลา พระอุโบสถวัดคหู าสวรรค์ ทตี่ ง้ั : อ�ำเภอควนขนนุ อำ� เภอเมอื งพทั ลุง ๕ สุโขทัย ๒. ถ�้ำน�้ำบนหุบเขาชยั บรุ ี ที่ต้ัง: เขตวนอทุ ยานเมืองเกา่ ชัยบุรี พระอุโบสถวดั พระศรรี ัตน อ�ำเภอเมอื งพัทลุง มหาธาตุ ๓. บอ่ น้ำ� ศักด์ิสทิ ธพ์ิ ระบรมธาตุเขยี นบางแกว้ อ�ำเภอศรีสชั นาลยั ที่ตง้ั : อ�ำเภอเขาชยั สน ๑. บอ่ แกว้ ท่ตี ง้ั : วดั เขาอินทร์ อ�ำเภอศรสี ชั นาลัย ๒. บอ่ ทอง ที่ตง้ั : อ�ำเภอศรสี ชั นาลัย ๓. ตระพงั ทอง ท่ีตั้ง: อทุ ยานประวตั ิศาสตร์ ถนนจรดวถิ ีถอ่ ง อ�ำเภอเมอื งสุโขทัย 103

จังหวัดที่มแี หล่งน้ำ� ศกั ด์ิสทิ ธ์ิ จำ� นวน ๔ แหลง่ นำ�้ มจี ำ� นวน ๓ จังหวัด จ�ำนวน ๑๒ แหล่งน�ำ้ ท่ี จงั หวดั แหล่งนำ้� ศกั ด์ิสิทธิ์ สถานท่ปี ระกอบพธิ ีเสกน�้ำ ๑ ปัตตานี ๑. นำ้� สระวงั พายบัว พระอโุ บสถวัดตานนี รสโมสร ที่ตง้ั : อำ� เภอโคกโพธ์ิ อ�ำเภอเมืองปตั ตานี ๒. บอ่ ทอง หรอื บอ่ ช้างขุด ทต่ี ั้ง : อำ� เภอปะนาเระ ๓. บ่อไชย ท่ตี ง้ั : อ�ำเภอปะนาเระ ๔. นำ้� บอ่ ฤษี ที่ตงั้ : อำ� เภอมายอ ๒ สพุ รรณบรุ ี ๑. สระแกว้ พระวรวหิ ารหลวงพอ่ โต ท่ตี ั้ง: อ�ำเภอเมอื งสุพรรณบรุ ี วัดป่าเลไลยก์ ๒. สระคา อ�ำเภอเมืองสพุ รรณบรุ ี ทต่ี ง้ั : อ�ำเภอเมืองสุพรรณบุรี ๓. สระยมนา ทต่ี ง้ั : อำ� เภอเมืองสพุ รรณบุรี ๔. สระเกษ ทต่ี ั้ง: อำ� เภอเมืองสพุ รรณบุรี ๓ แพร่ ๑. บ่อน�้ำศักด์สิ ทิ ธ์ิลำ� น้�ำแม่คำ� มี พระอุโบสถวดั พระบาทมงิ่ เมอื ง ทต่ี งั้ : เทศบาลตำ� บลแมค่ ำ� มี อำ� เภอเมอื งแพร่ อำ� เภอเมืองแพร่ ๒. บ่อนำ�้ วัดบา้ นนันทาราม ที่ตง้ั : วดั บา้ นนันทาราม อำ� เภอเมอื งแพร่ ๓. บอ่ น้�ำพระฤาษี ที่ต้งั : สำ� นักปฏบิ ตั ิธรรมบ่อน้�ำพระฤาษี อ�ำเภอวงั ช้นิ ๔. บ่อนำ้� ศกั ด์สิ ิทธ์วิ ัดพระหลวง ทต่ี ง้ั : อ�ำเภอสงู แมน่ 104

จงั หวัดท่มี แี หลง่ นำ�้ ศักดส์ิ ทิ ธิ์ จ�ำนวน ๖ แหลง่ น�ำ้ มีจำ� นวน ๑ จังหวัด ที่ จังหวดั แหล่งน�้ำศกั ด์ิสิทธิ์ สถานทป่ี ระกอบพิธเี สกน�้ำ ๑ นครศรธี รรมราช ๑. บ่อน�ำ้ ศกั ดส์ิ ทิ ธวิ์ ัดหน้าพระลาน พระวิหารหลวง ทตี่ ้ัง: วดั หน้าพระลาน วัดพระมหาธาตุ อ�ำเภอเมืองนครศรธี รรมราช อำ� เภอเมืองนครศรธี รรมราช ๒. บอ่ นำ�้ ศกั ด์ิสทิ ธ์ิวัดเสนาเมอื ง ทต่ี ัง้ : วัดเสนาเมือง อำ� เภอเมืองนครศรธี รรมราช ๓. บอ่ นำ�้ ศกั ดิ์สิทธ์วิ ดั เสมาไชย ทต่ี ั้ง: โรงเรียนวดั เสมาเมอื ง อ�ำเภอเมืองนครศรธี รรมราช ๔. บ่อนำ�้ ศักด์ิสทิ ธว์ิ ดั ประตูขาว ทตี่ ง้ั : โรงเรยี นอนบุ าลนครศรธี รรมราช (ณ นครอุทศิ ) อ�ำเภอเมอื ง นครศรีธรรมราช ๕. ห้วยเขามหาชยั ท่ีตั้ง: มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ นครศรธี รรมราช อำ� เภอเมืองนครศรีธรรมราช ๖. หว้ ยปากนาคราช ทต่ี งั้ : อ�ำเภอลานสกา 105

อภิธานศัพท์ เกย ทีส่ ำ� หรับพระมหากษตั รยิ เ์ สด็จขน้ึ หรือลงจากพระราชพาหนะ เช่น ชา้ ง ม้า พระราชยาน คานหามตา่ งๆ ความสงู ของเกยขึน้ อยู่กบั ลักษณะพระราชพาหนะทใ่ี ชเ้ ทยี บ บางครั้งเกยจะสร้างเปน็ ถาวรวัตถเุ ชือ่ มต่อชาลาพระมหาปราสาท พระที่นัง่ หรอื ฐานไพทพี ระอุโบสถ เรยี กวา่ เกยชาลา หาก เป็นเกยส�ำหรับทรงช้างพระท่ีนั่งจะมีเสาตะลุงเบญพาดส�ำหรับยืนช้าง เรียก เกยพระคชาธาร หรือ เปน็ เกยต้ังอยูโ่ ดดๆ เรียกว่า เกยโถง สว่ นเกยลา เป็นเกยขนาดเล็กท่ียกไปได้ เกย พระทนี่ ่ังอาภรณพ์ โิ มกขป์ ราสาท 106

เกยพระราชยาน วัดพระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม เกยชาลา ศาลาเปล้อื งเคร่ือง วัดราชบพธิ สถติ มหาสีมาราม ครอบพระกร่งิ เปน็ ภาชนะสำ� รดิ ทรงดอกบวั ตมู ประกอบดว้ ยสว่ นขนั ฐานและฝา ภายในขนั มนี มตรงกลาง สำ� หรบั นำ� พระกรงิ่ มาตดิ ไว้ เรยี กอกี อยา่ งวา่ ครอบนำ้� มนตพ์ ระกรงิ่ ใชส้ ำ� หรบั สมเดจ็ พระสงั ฆราชถวายนำ้� พระพทุ ธมนตท์ พ่ี ระปฤษฎางค์ (หลงั ) ในการสรงพระมรุ ธาภเิ ษก เรมิ่ ใชใ้ นการพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก สมยั รชั กาลท่ี ๔ เปน็ ครง้ั แรก ครอบยนั ตรนพคณุ (ยนั -ตระ-นบ-พะ-คนุ ) เป็นเครื่องใช้ในหมวดเครื่องมุรธาภิเษก เป็นภาชนะแบบขัน มีฐานและฝา ทรงรูปไข่ ในพธิ สี รพระงมรุ ธาภเิ ษก ณ มณฑปพระกระยาสนาน ในพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก รชั กาลที่ ๙ สมเดจ็ พระสงั ฆราช (ม.ร.ว.ชน่ื นพวงศ์ สจุ ติ โต) ถวายนำ�้ พระพทุ ธมนตด์ ว้ ยครอบยนั ตรนพคณุ ทพี่ ระหตั ถ์ 107

บน พระสงั วาลพระนพ พระธ�ำมรงค์วิเชยี รจนิ ดา ลา่ ง พระสังวาลนพรตั นราชวราภรณ์ พระธ�ำมรงคร์ ัตนวราวุธ เคร่อื งบรมขตั ติยราชวราภรณ์ (บอ-รม-มะ-ขดั -ติ-ยะ-ราด-ชะ-วะ-รา-พอน) เป็นเคร่ืองประดับแสดงเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ ในท่ีนี้หมายถึง เครื่องประกอบ พระราชอิสริยยศแหง่ พระมหากษตั ริย์ ซึง่ พระครูพราหมณ์เป็นผู้ทลู เกลา้ ฯ ถวาย ประกอบดว้ ย พระสังวาลพราหมณธ์ ุร�ำ ทรงรับแลว้ ทรงสวมพระองค์เฉวียงพระอังสาซา้ ย พระสังวาลนพรัตนราชวราภรณ์ เป็นสังวาลแฝดท�ำด้วยทองค�ำล้วน มีดอกประจ�ำยาม ๓๖ ดอก ทำ� ดว้ ยทองคำ� ฝงั นพรตั น์ ดอกละชนดิ สลบั กนั ไปตลอดทง้ั สาย พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว โปรดให้สร้างเมอ่ื พุทธศักราช ๒๔๐๐ - ๒๔๐๒ เมอื่ ทรงรับแล้ว ทรงสวมพระองค์เฉวียง พระองั สาขวา พระสงั วาลพระนพ ทำ� ดว้ ยทองคำ� ลว้ น มี ๓ เสน้ มดี อกประจำ� ยาม ประดบั อญั มณนี พรตั น์ ๑ ดอก สร้างมาแต่ครั้งกรงุ ศรีอยุธยา ทรงรบั แลว้ ทรงสวมพระองคเ์ ฉวยี งพระอังสาขวา พระธำ� มรงคว์ ิเชียรจินดา และพระธ�ำมรงค์รตั นวราวธุ ทรงรับมาแลว้ ทรงสวม 108

ทรงเครือ่ งบรมขัตติยราชภูษติ าภรณ์สำ� หรับพระราชพิธบี รมราชาภิเษก เคร่ืองบรมขัตติยราชภษู ิตาภรณ์ (บอ-รม-มะ-ขัด-ต-ิ ยะ-ราด-ชะ-พู-ส-ิ ตา-พอน) เปน็ ฉลองพระองคใ์ นพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก ในสมยั รชั กาลที่ ๙ ทำ� จากไหมทองสลบั ไหม สฟี า้ กลดั กระดมุ นพรตั น์ ๗ กระดมุ และจบี หลงั ๒ กระดมุ ทรงฉลองพระองคค์ รยุ รว้ิ ทองพน้ื สเี หลอื งออ่ น ชนั้ นอก ทรงสวมสายสะพายนพรตั นราชวราภรณ์ ประดบั จกั รดี ารา ทรงพระภษู าเขยี นทองพน้ื สนี ำ้� เงนิ พระสนบั เพลาเชงิ งอนสเี ขยี ว รดั พระองคส์ ายทองหวั ฝงั เพชร ถงุ พระบาทแพรสฟี า้ ฉลองพระบาท (เขม็ ) ไหมทองสลับสฟี า้ 109

เครอื่ งราชกกธุ ภัณฑ์ (ราด-ชะ-กะ-กุด-ทะ-พนั ) เครื่องราชกกุธภัณฑ์ คอื เครอื่ งหมายแหง่ ความเป็นพระราชาธิบดี จึงเป็นสง่ิ สำ� คญั ย่งิ ที่ ต้องทลู เกล้าฯ ถวายในการพระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษก เปน็ ประเพณีสบื เนือ่ งมาจากลัทธิพราหมณ์ โดยพระมหาราชครูพราหมณ์เป็นผู้ถวาย ประกอบด้วย พระมหาเศวตฉัตร พระมหาพิชัยมงกุฎ พระแสงขรรคช์ ยั ศรี ธารพระกร วาลวชิ นี และฉลองพระบาทเชงิ งอน 110

พระมหาเศวตฉัตร (มะ-หา-สะ-เหวด-ตะ-ฉัด) หรือพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร (นบ-พะ-ปะ-ดน-มะ-หา-สะ-เหวด-ตะ-ฉัด) เปน็ ฉตั ร ๙ ชนั้ หมุ้ ผา้ ขาว มรี ะบาย ๓ ชน้ั ขลบิ ทองแผล่ วด มยี อด ชน้ั ลา่ งสดุ หอ้ ยอบุ ะจำ� ปาทอง ส�ำหรับพระมหากษัตริย์ที่ทรงรับพระบรมราชาภิเษกแล้ว ใช้แขวนหรือปักเหนือพระราชอาสน์ราช บัลลังก์ในท้องพระโรงพระมหาปราสาทราชมณเฑียร ถือเป็นเคร่ืองราชกกุธภัณฑ์ที่ส�ำคัญย่ิงกว่า ราชกกุธภณั ฑ์อ่นื ๆ ในรชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ทรงพระกรณุ า โปรดเกลา้ ฯ ใหน้ ำ� ขน้ึ ทลู เกลา้ ฯ ถวาย ณ พระทนี่ ง่ั อฐั ทศิ อทุ มุ พรราชอาสน์ หลงั จากทรงรบั นำ�้ อภเิ ษกแลว้ ๑ องค์ ซง่ึ ทำ� เปน็ ฉตั ร ๙ ชน้ั ขนาดเลก็ เปน็ สญั ลกั ษณ์ 111

พระมหาพิชัยมงกุฎ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดให้สร้าง ท�ำดว้ ยทองลงยาประดบั เพชร ในสมัยโบราณถือว่า มงกุฎมีค่าสำ� คญั เท่ากับราชกกุธภณั ฑ์อื่น ๆ และ พระมหาเศวตฉตั รเปน็ สง่ิ ทส่ี ำ� คญั สงู สดุ แตต่ อ่ มาเมอื่ ประเทศไทยตดิ ตอ่ กบั ประเทศในทวปี ยโุ รปมากขนึ้ จึงนิยมตามราชสำ� นกั ยุโรปทถี่ อื ว่า ภาวะแห่งความเปน็ พระมหากษัตรยิ อ์ ยทู่ ี่การสวมมงกฎุ แตน่ นั้ มา จงึ ถือวา่ พระมหาพชิ ยั มงกฎุ เปน็ ส่ิงสำ� คญั และพระมหากษตั รยิ จ์ ะทรงสวมพระมหาพชิ ยั มงกฎุ ในการ พระราชพธิ ีบรมราชาภิเษก 112

พระแสงขรรคช์ ยั ศรี เปน็ พระแสงราชศสั ตราวธุ ประจำ� พระองคพ์ ระมหากษตั รยิ ์ ใบพระขรรค์ เปน็ ของเก่า เจา้ พระยาอภัยภเู บศร์ (แบน) ให้ขา้ ราชการจากเมอื งพระตะบองน�ำมาทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เม่ือพุทธศักราช ๒๓๒๗ และทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ท�ำด้ามและฝักขึ้นด้วยทองลงยาประดับอัญมณี ใช้เป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ในการ พระราชพิธบี รมราชาภเิ ษก เมอื่ พทุ ธศกั ราช ๒๓๒๘ ธารพระกร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดให้สร้าง ท�ำด้วยไม้ ชัยพฤกษ์ปิดทอง หัวและส้นเป็นเหล็กคร�่ำลายทอง ที่สุดส้นเป็นส้อมสามง่าม เรียกว่า ธารพระกร ชัยพฤกษ์ คร้ันถึงรัชกาลท่ี ๔ ทรงสร้างธารพระกรข้ึนใหม่ท�ำด้วยทองค�ำ ภายในมีพระแสงเสน่า (สะ-เหนา่ )ยอดมรี ปู เทวดา เรยี กวา่ ธารพระกรเทวรปู มลี กั ษณะเปน็ พระแสงดาบมากกวา่ เปน็ ธารพระกร ครั้นถึงรัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ธารพระกรชัยพฤกษ์ในการพระราชพิธีบรม ราชาภิเษกสบื มาจนถึงรัชกาลที่ ๙ 113

วาลวชิ นี (วาน-วดิ -ชะ-น)ี (พดั และแส)้ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช โปรดให้สร้าง ลกั ษณะเปน็ พดั ใบตาล ท่ใี บตาลปดิ ทองท้ัง ๒ ด้าน ขอบขลิบทองคำ� ดา้ มทำ� ด้วยทอง ลงยา เรียกว่า พชั นฝี ักมะขาม ตอ่ มาพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั ทรงพระราชด�ำริวา่ ตาม พระบาลีที่เรียกว่า “วาลวิชนี” ไม่ควรจะเป็นพัดใบตาล ควรจะเป็นเคร่ืองโบกปัดที่ท�ำด้วยขนจามรี เพราะวาล แปลวา่ ขนโคชนดิ หนง่ึ ตรงกับทีไ่ ทยเรยี ก จามรี จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ใหส้ ร้าง แส้ขนจามรีเป็นเคร่ืองราชกกุธภัณฑ์ ภายหลังใช้ขนหางช้างเผือก เรียกว่า “พระแส้หางช้างเผือก” แต่ก็ไม่อาจท่ีจะเลิกใช้พัดใบตาลของเดิมได้ จึงโปรดให้ใช้พัดใบตาลและพระแส้จามรีควบคู่กัน โดยเรยี กว่า วาลวิชนี ฉลองพระบาทเชิงงอน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้สร้าง เปน็ เครอ่ื งราชกกธุ ภณั ฑต์ ามแบบอนิ เดยี โบราณ ทำ� ดว้ ยทองคำ� ลงยาราชาวดฝี งั เพชร ประธานพระครู พราหมณเ์ ปน็ ผสู้ วมถวายในการพระราชพิธบี รมราชาภเิ ษก 114

เคร่อื งราชปู โภค (รา-ชู-ปะ-โพก) เป็นเคร่ืองใช้สอยประกอบพระบรมราชอิสริยยศ ตั้งไว้ในที่พระมหากษัตริย์เสด็จประทับ โดยทอดไว้บนโต๊ะเคียงขา้ งพระราชอาสน์ ประกอบดว้ ย พระมณฑปรตั นกรัณฑ์ พานพระขันหมาก (มน-ดบ-รดั -ตะ-นะ-กะ-รนั ) พานหมากทำ� ด้วยทองคำ� ลงยา ภาชนะใสน่ �้ำเสวยท�ำดว้ ยทองคำ� ลงยา ประดบั อัญมณี ประดับอญั มณี พระสพุ รรณศรบี ัวแฉก พระสพุ รรณราช (ส-ุ พัน-นะ-สี) กระโถนเล็ก (ส-ุ พัน-นะ-ราด) กระโถนใหญ่ ท�ำด้วยทองคำ� ลงยา ประดบั อัญมณี ท�ำด้วยทองคำ� ลงยาจำ� หลกั ลาย 115

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงจดุ เทยี นเทา่ พระองคใ์ นพระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษก พุทธศกั ราช ๒๔๙๓ เทียนเทา่ พระองค์ เป็นเทียนที่พระมหากษัตริย์ทรงจุดบูชาพระรัตนตรัย ๑ คู่ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และพระราชพิธีเฉลมิ พระชนมพรรษา ความสูงเทา่ พระองค์ ไสเ้ ทียน ๓๒ เสน้ หนกั ๘๐ บาท 116

เทียนมหามงคล เป็นเทียนท่ีพระมหากษัตริย์ทรงจุดบูชาพระรัตนตรัยในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและ พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา จ�ำนวน ๑ คู่ เทียนมีความสูงเท่ากับความยาวของรอบพระเศียร ไสเ้ ทยี นมากกว่าพระชนมายุ ๑ เสน้ หนัก ๘ บาท เทยี นชัย เป็นเทียนท่ีถวายประธานสงฆ์จุดในพระราชพิธีส�ำคัญ เพ่ือถือเป็นเวลาฤกษ์ดีในการที่จะ ประกอบพิธี มีไส้เทียนจ�ำนวน ๑๐๘ เส้น โดยปกติเทียนชัยจะมีความสูงเท่ากับผู้เป็นประธาน ของงาน ในพระราชพธิ บี รมราชภเิ ษกพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร เทียนชัยสงู ๑๗๒ เซนติเมตร หนกั ๘๐ บาท เบญจสทุ ธคงคา (เบน็ -จะ-สดุ -ทะ-คง-คา) หมายถึง แม่น้�ำส�ำคัญในประเทศ ๕ สาย คือ แม่น�้ำบางปะกง แม่น้�ำป่าสัก แม่น้�ำ เจ้าพระยา แม่น�้ำราชบุรี และแม่น�้ำเพชรบุรี อนุโลมว่าเป็นแหล่งน�้ำศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับแม่น�้ำ ๕ สายในประเทศดินเดียที่เรียกว่า ปัญจมหานที ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลท่ี ๑ ถึง รัชกาลท่ี ๕ แม่น้�ำบางปะกง ตักที่บึงพระอาจารย์ แขวงเมืองนครนายก แม่น้�ำป่าสัก ตักที่ต�ำบล ท่าราบ แขวงเมืองสระบุรี แม่น้�ำเจ้าพระยา ตักที่ต�ำบลบางแก้ว แขวงเมืองอ่างทอง แม่น้�ำราชบุรี ทต่ี �ำบลดาวดงึ ส์ แขวงเมอื งสมุทรสงคราม และแมน่ �ำ้ เพชรบุรี ตกั ทต่ี �ำบลทา่ ไชย แขวงเมืองเพชรบุรี รชั กาลต่อมาซ่งึ ได้น�ำน�้ำจากแหล่งน�ำ้ สำ� คญั อ่ืนๆ เจอื ลงด้วย รัชกาลท่ี ๑๐ แม่น�้ำบางปะกง ตักท่ีบึงพระอาจารย์ ต�ำบลพระอาจารย์ อ�ำเภอองครักษ์ จงั หวดั นครนายก แมน่ ำ้� ปา่ สกั ตกั บรเิ วณบา้ นทา่ ราบ ตำ� บลตน้ ตาล อำ� เภอเสาไห้ จงั หวดั สระบรุ ี แมน่ ำ้� เจา้ พระยา ตักบรเิ วณปากคลองบางแกว้ ตำ� บลบางแกว้ อำ� เภอเมอื งอา่ งทอง จงั หวดั อ่างทอง แมน่ �้ำ ราชบรุ ี ตักบริเวณสามแยกคลองหนา้ วดั ดาวดงึ ส์ ตำ� บลบางชา้ ง อำ� เภออมั พวา จงั หวัดสมุทรสงคราม แม่น�ำ้ เพชรบุรี ตกั บริเวณท่าน้ำ� วดั ทา่ ไชยศิริ ตำ� บลสมอพลือ อ�ำเภอบา้ นลาด จังหวัดเพชรบุรี 117

ปัญจมหานที (ปนั -จะ-มะ-หา-นะ-ที) หมายถึง แม่น้�ำ ๕ สายในชมพูทวีป ประเทศอินเดีย เชื่อว่าไหลมาจากเขาไกรลาส ซึ่งเปน็ ทีส่ ถติ ของพระอศิ วร ได้แก่ แมน่ ำ�้ คงคา แม่นำ้� ยมนา แม่น�้ำมหิ แมน่ ำ�้ อจิรวดี และแม่น้ำ� สรภู ในการพระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษก สมัยรัชกาลที่ ๕ ครง้ั ท่ี ๒ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหใ้ ชน้ ำ�้ จาก ปัญจมหานที เป็นน�้ำสรงพระมรุ ธาภเิ ษก สืบมาจนถงึ รัชกาลท่ี ๙ ปนื มหาฤกษ์ มหาชัย มหาจกั ร มหาปราบยคุ (มะ-หา-เริก/มะ-หา-ชยั /มะ-หา-จัก/มะ-หา-ปราบ-ยกุ ) การยิงปืนใหญ่เป็นสัญญาณเพ่ือเอาฤกษ์เอาชัยในการสงคราม มีมาต้ังแต่สมัยอยุธยา ปนื มหาฤกษใ์ ชย้ งิ เมอ่ื เรมิ่ การเดนิ ทพั ถอื เปน็ การเอาฤกษ์ ปนื มหาชยั ยงิ เปน็ สญั ญาณเพอื่ ตอ้ นรบั กองทพั ทม่ี ีชัยกลบั มา ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั โปรดเกล้าฯ ใหส้ ร้างปืนใหญ่ขนาดเลก็ ใชใ้ นการพระฤกษ์ ประกอบด้วยปนื มหาฤกษ์ มหาชยั มหาจักร และมหาปราบยคุ ขึน้ เพือ่ ใชส้ ำ� หรับ ยงิ สลตุ ในการพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก และพระราชพธิ สี �ำคญั 118

พระเต้านพเคราะห์ เป็นเครือ่ งใชใ้ นหมวดเคร่อื งมุรธาภิเษก สรา้ งในสมัยรัชกาลที่ ๔ ลกั ษณะเปน็ ภาชนะทรง คล้ายดอกบัวตูม มีฐานและฝา ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลท่ี ๙ พิธีสรงพระมุรธาภิเษก ณ มณฑปพระกระยาสนาน โหรหลวงถวายนำ้� พระพทุ ธมนต์ด้วยพระเตา้ นพเคราะห์ ทรงรบั ไปสรง ทพ่ี ระอังสาทง้ั สองข้าง พระเต้าเบญจคัพย์ (เบน็ -จะ-คบั ) บางแหง่ เขียนวา่ “เบญจครรภ” (เบ็น-จะ-คบั ) เป็นพระเต้าสำ� หรับบรรจนุ �ำ้ พระพทุ ธมนต์ และน�้ำเทพมนตร์ ถวายพระมหากษัตริย์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีเฉลิม พระชนมพรรษา เปน็ ตน้ พระเต้าเบญจคัพย์มหี ลายองคท์ �ำด้วยศิลาสีต่าง ๆ พระเตา้ เบญจคัพย์ ( เบญจครรภ) 119

พระแทน่ มณฑล ตง้ั อยรู่ มิ ผนงั ดา้ นตะวนั ออกของพระทน่ี งั่ ไพศาลทักษิณ ใช้เป็นท่ีประดิษฐานเครื่องมงคล ต่าง ๆ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้แก่ พระพุทธปฏิมากรส�ำคัญ พระสุพรรณบัฏ ดวง พระบรมราชสมภพและพระราชลัญจกร พระแสง อัษฎาวุธ พระแสงราชศัสตราวุธ รูปเทพยดาเชิญ พระขรรค์ ฯลฯ หน้าพระแท่นตั้งเคร่ืองนมัสการ ลงยาราชาวดี และพระแทน่ ทรงกราบ พระแทน่ มณฑลพธิ ีและพระแท่นทรงกราบ ในพระทน่ี งั่ ไพศาลทกั ษณิ พระแท่นราชบรรจถรณ์ (ราด-ชะ-บนั -จะ-ถอน) ประดิษฐานในพระท่ีนั่งจักรพรรดิ พิมานองค์ตะวันออก เป็นพระแท่นบรรทม ของพระมหากษตั รยิ ใ์ นพระบรมราชจักรีวงศ์ ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จฬุ าโลกมหาราช เหนือพระแทน่ กางกั้นด้วย พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร หน้าพระแท่น ทอดพระแท่นลด ถึงรัชกาลท่ี ๔ เป็นต้นมา เมื่อเสด็จขึ้นเฉลิมพระราชมณเฑียรและประทับอยู่ระยะหน่ึงแล้ว จะเสด็จพระราชด�ำเนินไปประทับ อยูป่ ระจ�ำ ณ พระราชมณเฑยี รอนื่ แตย่ งั คงรักษาโบราณราชประเพณี โปรดเกลา้ ฯ ให้ประกอบการ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เฉลิมพระราชมณเฑียร ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานและบรรทมเหนือ พระแทน่ ราชบรรจถรณ์เพ่ือเป็นมงคลฤกษ์ 120

พระบรมวงศานวุ งศ์ หมายถงึ พระประยรู ญาตใิ หญน่ อ้ ยของพระมหากษตั รยิ ์ประกอบดว้ ยคำ� ๒คำ� คอื พระบรมวงศ์ และพระอนุวงศ์ พระบรมวงศ์ แปลว่า วงศป์ ระเสรฐิ หรอื วงศใ์ หญ่ หมายถงึ พระญาตสิ นทิ ของพระมหากษัตริย์ ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชนิ ีลงมาถึงพระองค์เจา้ ที่เปน็ พระราชโอรส พระราชธดิ าของพระมหากษตั ริย์ พระอนวุ งศ์ แปลว่า วงศ์น้อย ได้แก่ เจ้านายที่มีพระอิสริยยศตั้งแต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจา้ พระเจ้าหลานเธอ ลงมาถงึ หม่อมเจ้า พระเบญจา เป็นพระแท่นมีเสารับเพดานดาด และระบายด้วยผ้าขาว ท�ำเป็นฐานซ้อนขึ้นไป ๕ ชั้น บางคร้ังท�ำเป็นชั้นเดียว ๒ ช้ัน ๓ ช้ัน หรือ ๔ ช้ัน ข้ึนอยู่กับขนาดท่ีตั้ง โดยท่ัวไปมักท�ำ ๔ ช้ัน เมื่อนับรวมฐานที่ตั้ง จึงเป็น ๕ ชั้น ใช้เป็นที่ประดิษฐานส่ิงส�ำคัญ เช่น พระพุทธรูป เทวรูป เคร่ืองประกอบพระราชอสิ ริยยศเจ้านายชนั้ สงู เปน็ ต้น 121

พระราชบลั ลงั ก์ และพระราชอาสน์ พระท่ีนั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ (พุด-ตาน-กาน-จะ-นะ-สิง-หาด) ประดิษฐานภายใน พระทน่ี งั่ อมรนิ ทรวนิ จิ ฉยั มไหสรู ยพมิ าน เปน็ พระราชบลั ลงั กท์ องขนาดยอ่ ม ทำ� ดว้ ยไมแ้ กะสลกั ปดิ ทอง มีรูปครุฑและเทพนมประดับเรียงรายโดยรอบฐานทั้ง ๒ ช้ัน เมื่อมีพระราชพิธีจะเชิญมาทอดบน พระราชบัลลังก์ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตรอีกช้ันหนึ่ง เรียกว่า “พระที่น่ังพุดตานกาญจน สิงหาสน์” พระมหากษัตริย์เสด็จขึ้นประทับในพระราชพิธีส�ำคัญ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาเพ่ือรับการถวายพระพรชัยมงคล เม่ือใช้เป็นพระราชยาน เรียกว่า “พระราชยานพดุ ตานทอง” พระท่ีน่ังพุดตานกาญจนสงิ หาสน์ 122

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ประทบั พระราชยานพดุ ตานทอง เสด็จพระราชดำ� เนินโดยขบวนราบใหญ่ ไปยงั วดั พระศรีรัตนศาสดาราม วันท่ี ๕ พฤษภาคม พทุ ธศักราช ๒๔๙๓ 123

พระทน่ี งั่ ภทั รบฐิ (พดั -ทระ-บดิ ) ประดษิ ฐานภายในพระทน่ี งั่ ไพศาลทกั ษณิ ดา้ นทศิ ตะวนั ตก พระทนี่ งั่ มลี กั ษณะคลา้ ยเกา้ อี้ มกี งเทา้ แขน ดา้ นหลงั มพี นกั พงิ และตง้ั โตะ๊ เคยี ง ๒ ขา้ งสลกั ปดิ ทองประดบั กระจก ขาเปน็ รปู พญานาคราช สำ� หรบั ทอดเครอ่ื งราชกกธุ ภณั ฑแ์ ละเครอ่ื งราชปู โภค แตเ่ ดมิ รชั กาล ที่ ๑ ถงึ รชั กาลท่ี ๘ ปกั สปั ตปฎลเศวตฉตั รกางกน้ั ครนั้ ในการพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ไดเ้ ปลยี่ นเปน็ กางกนั้ พระนพปฎลมหาเศวตฉตั ร 124

พระที่น่ังอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ (อัด-ถะ-ทิด-อุ-ทุม-พอน-ราด-ชะ-อาด) ประดิษฐาน ภายในพระท่ีนั่งไพศาลทักษิณ ด้านทิศตะวันออก เป็นพระแท่นท�ำจากไม้อุทุมพรหรือ “มะเดื่อ” ทรงแปดเหล่ียมสลักปิดทองประดับกระจก กางก้ันด้วยสัปตปฎลเศวตฉัตร เป็นพระท่ีนั่งส�ำหรับ พระมหากษัตริย์ประทับรับน�้ำเทพมนตร์จากพระราชครูวามเทพมุนี น้�ำอภิเษกจากสมาชิกรัฐสภา เวียนไปทง้ั ๘ ทิศ ในการพระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษก 125

พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยหู่ วั ฉลองพระองคเ์ ครือ่ งแบบเต็มยศทหารเรือ ประทบั พระทนี่ งั่ ราชยานกง ณ เกยหนา้ พระท่ีนงั่ บรมพมิ าน เสดจ็ พระราชดำ� เนินโดยขบวนราบ มายังท้องพระโรง พระที่นงั่ อมรินทรวินิจฉัย วนั ท่ี ๒๕ กมุ ภาพนั ธ์ พทุ ธศักราช ๒๔๖๘ พระราชพาหนะ พระราชยานกง (ราด-ชะ-ยาน-กง) เป็นพระราชยานสำ� หรับประทับหอ้ ยพระบาท ทำ� ด้วยไมส้ ลกั ลายปิดทอง ฐานประดับดว้ ย ครฑุ แบก มกี งส�ำหรบั วางแขนและมีพนกั พิง มคี านหาม ๒ คาน กบั แอกและลกู ไม้ หาม ๘ คน ส�ำหรบั ทรงเวลาปกติ และในการเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ โดยขบวนราบ 126

พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจา้ อยู่หัว ประทบั พระท่ีนั่งราเชนทรยาน เสด็จพระราชดำ� เนินไปยัง วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม เพื่อถวายตน้ ไม้ทอง เงนิ บูชาพระพุทธมหามณรี ตั นปฏิมากร วนั ที่ ๒๕ กมุ ภาพันธ์ พทุ ธศักราช ๒๔๖๘ พระทน่ี งั่ ราเชนทรยาน (รา-เชน-ทระ-ยาน) พระราชยานทม่ี บี ษุ บก ใชค้ นหาม ๕๖ คน เปน็ ทปี่ ระทบั เมอ่ื เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ โดยขบวน พระราชอสิ รยิ ยศในพระราชพธิ สี ำ� คญั เชน่ พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก 127

พระราชพิธีเฉลมิ พระปรมาภไิ ธย (ปะ-ระ-มา-พ-ิ ไท/ปอ-ระ-มา-พิ-ไท) เป็นพระราชพิธีถวายพระนามแด่พระมหากษัตริย์ในการเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ตามโบราณราชประเพณี การเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติของพระเจ้าแผ่นดินไทยนั้นถือว่าเป็น พระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ก็ต่อเม่ือทรงประกอบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว โดยบรรดา สมณพราหมณาจารยแ์ ละเหลา่ เสนาพฤฒามาตยท์ เ่ี ปน็ ผใู้ หญใ่ นบา้ นเมอื งประชมุ ถวายพระนามพระเจา้ แผ่นดนิ พระองค์ใหม่ และจารึกพระปรมาภไิ ธยลงในพระสุพรรณบัฏ พระราชลญั จกร (ราด-ชะ-ลัน-จะ-กอน) พระราชลัญจกร เป็นเคร่ืองหมายอย่างหนึ่งที่แสดงถึงพระราชอิสริยยศ พระเกียรติยศ และพระราชอำ� นาจของพระมหากษตั ริย์ ตามโบราณราชประเพณีถือวา่ พระราชลญั จกรเป็นเครือ่ ง มงคลในหมวดพระราชสริ ิอยา่ งหนึ่ง อนั ประกอบด้วย พระสุพรรณบฏั ดวงพระบรมราชสมภพ และ พระราชลัญจกรประจ�ำรชั กาล พระราชลัญจกรประจ�ำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เป็นพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์แกะสลักจากงา มีพระปรมาภิไธยบนขอบรอบ พระราชลัญจกร ใช้ประทับก�ำกับพระปรมาภิไธยในเอกสารส�ำคัญอันเป็นราชการแผ่นดินทั้งปวง ประจำ� รชั สมยั เชน่ รฐั ธรรมนญู พระราชบญั ญตั ิ พระราชกฤษฎกี า พระราชกำ� หนด ประกาศพระบรม ราชโองการตา่ ง ๆ เปน็ ต้น 128

พระสุพรรณบัฏ (ส-ุ พนั -นะ-บดั ) แผ่นทองค�ำรูปส่ีเหลี่ยมผืนผ้า หนา ๐.๑ เซนติเมตร ความกว้างยาวขึ้นอยู่กับอักษรหรือ ขอ้ ความทจี่ ะจารกึ พระปรมาภไิ ธยพระมหากษตั รยิ ์ และพระนามาภไิ ธย พระนามพระบรมวงศ์ ตงั้ แต่ ชั้นพระองค์เจ้าข้ึนไป เจ้าประเทศราช และสมเด็จพระสังฆราชในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อถวายน้�ำอภิเษกแล้ว พระราชครูพราหมณ์จะร่ายเวทสรรเสริญเปิดศิวาลัยไกรลาส และถวาย พระสุพรรณบฏั พระปรมาภไิ ธยกอ่ นที่จะถวายเครื่องราชกกธุ ภณั ฑ์อืน่ ๆ 129

พระแสงราชศัสตราวุธ (ราด-ชะ-สัด-ตรา-วุด) คือ อาวุธของพระมหากษัตริย์ ท่ีส�ำคัญเช่น ๑. พระแสงราชศัสตรา ดาบท่ีพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างขึ้นพระราชทาน แกเ่ มอื งสำ� คญั ตา่ ง ๆ เปน็ พระแสงอาญาสทิ ธแิ์ ทนพระองค์ ในการปกครอง ๒. พระแสงอัษฎาวุธ อาวุธที่ใช้ต้ังแต่งในการ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และพระราชพิธีท่ีส�ำคัญ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรด เกล้าให้สร้างมี ๘ พระองค์ ได้แก่พระแสงตรี พระแสง จักร พระแสงธนู พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย พระแสง ปืนคาบชดุ ขา้ มแมน่ ำ้� สะโตง พระแสงหอกเพชรรตั น์ หรือ พระแสงหอกชัย พระแสงดาบเชลย พระแสงดาบมีเขน ๓. พระแสงดาบคาบค่าย ดาบ ฝักและด้าม ทำ� ด้วยทองค�ำ ๔. พระแสงดาบใจเพชร ดาบ ฝัก และด้าม ทำ� ดว้ ยทองคำ� ฝงั เพชร ๕. พระแสงเวียด ดาบ ฝัก และด้ามท�ำด้วยทองค�ำ พระเจ้าเวียดนามญาลองถวาย พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช ๖. พระแสงฟนั ปลา ดาบ มลี ายทใ่ี บดาบลกั ษณะคลา้ ยฟนั ของปลา ฝกั และดา้ มทำ� ดว้ ยทองคำ� ๗. พระแสงแฝด ดาบ มี ๒ เลม่ ซ้อนอยู่ในฝักเดียวกนั ฝกั และดา้ มท�ำด้วยทองค�ำ ๘. พระแสงฝกั ทองเกล้ียง ดาบ ฝกั และด้ามท�ำดว้ ยทองค�ำ 130

พระแสงฝักทองเกลี้ยง พระแสงดาบฟันปลา 131

มณฑปพระกระยาสนาน เป็นอาคารช่ัวคราวทรงมณฑป มีหลังคาเครื่องยอดทรงจอมแห ผนังเปิดโล่ง ท่ีเสามีพระ วิสูตรทั้งส่ีด้าน ตรงกลางต้ังตั่งไม้อุทุมพรหรือไม้มะเด่ือซึ่งเป็นไม้มงคล ข้างต่ังไม้อุทุมพรต้ังโต๊ะทอง ๒ ชน้ั บนโต๊ะต้ังครอบมรุ ธาภิเษก บนเพดานเป็นท่ีเก็บนำ้� สรงพระมุรธาภิเษกสำ� หรับสรงผ่านทุ้งสหสั ธารา มณฑปพระกระยาสนานนี้ใช้ส�ำหรับพระมหากษัตริย์หรือเจ้านายประทับสรงพระมุรธาภิเษก ในการพระราชพธิ ีส�ำคญั ตา่ ง ๆ เชน่ พระราชพิธบี รมราชาภิเษก พระราชพธิ โี สกันต์ ฯลฯ ในการพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก รัชกาลที่ ๙ และรชั กาลที่ ๑๐ ตั้งแต่ง ณ ชาลาพระท่นี ง่ั จักรพรรดิพมิ าน 132

ไมช้ ัยพฤกษ์ เปน็ ไมม้ งคลนาม มคี ณุ คา่ สงู หมายถงึ การมชี ยั ชนะเหนอื สง่ิ ชว่ั รา้ ยทงั้ ปวง ทง้ั ยงั อาจบนั ดาล โชคชัยให้แกผ่ ู้เป็นเจา้ ของ ต�ำราโบราณจึงนยิ มนำ� ไมน้ ี้มาใชใ้ นพธิ ีสำ� คญั ตา่ ง ๆ เชน่ พระบาทสมเด็จ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดใหส้ รา้ งธารพระกรด้วยไมช้ ยั พฤกษป์ ดิ ทอง ท�ำเสาหลกั เมอื ง คทาจอมพล คันพระมหาเศวตฉัตร และยอดธงชัยเฉลิมพล เป็นตน้ มีความเข้าใจสับสนว่า ไม้ชัยพฤกษ์เป็นไม้ชนิดเดียวกับราชพฤกษ์ ในพระต�ำราครอบโขน ละคอนฉบบั หลวง รชั กาลที่ ๔ กลา่ วชดั เจนวา่ มที ง้ั ใบราชพฤกษแ์ ละใบไชยพฤกษ์ ดงั นน้ั พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๔ จงึ ไดน้ ยิ ามความหมายว่า ชยั พฤกษ์ เป็นช่ือตน้ ไมช้ นดิ Cassia javanica L. ในวงศ์ Leguminosae ดอกสชี มพเู ขม้ เมอื่ ออกดอกไมท่ งิ้ ใบ ฝกั เกลย้ี งใชท้ ำ� ยาได้ ซง่ึ ชดั เจนวา่ เปน็ คนละชนิดกับราชพฤกษ์ หรือ คนู หรือลมแลง้ ทีม่ ีดอกเปน็ ช่อยาวสเี หลอื ง ไมอ้ ทุ มุ พร ไม้อุทมุ พร หรือไม้มะเด่อื บางครง้ั อาจเรียกวา่ ไมม้ ะเดอ่ื ชมุ พร หรอื มะเด่อื ทุมพร การใชไ้ มม้ ะเดอ่ื ทำ� พระทน่ี งั่ สำ� หรบั อภเิ ษกพระมหากษตั รยิ น์ นั้ นา่ จะไดร้ บั อทิ ธพิ ลความเชอื่ มาจากพราหมณ์ ซงึ่ กลา่ ววา่ ไมม้ ะเดอ่ื เปน็ ทป่ี ระทบั ของเทพเจา้ ตรมี รู ติ อนั เปน็ เทพเจา้ สำ� คญั รวม ๓ องค์ ของฮินดู คอื พระพรหม พระศวิ ะ และพระวษิ ณเุ ป็นองคเ์ ดียวกนั ดังน้ันการน�ำไม้มะเด่ือมาท�ำเปน็ พระทีน่ ัง่ สำ� หรบั พระมหากษตั ริย์อาจมาจากความเชอ่ื ที่ว่า พระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นสมมตุ เิ ทพ ต�ำนานทางพระพทุ ธศาสนากล่าววา่ ต้นมะเดื่อ เปน็ ตน้ ไมท้ ่ีอดตี พระพุทธเจ้าพระโกนาคม ทรงตรสั รทู้ ใี่ ตต้ น้ ไมน้ ี้ ดงั นนั้ ไมม้ ะเดอ่ื จงึ มคี วามสำ� คญั ทางพระพทุ ธศาสนา และศาสนาพราหมณ์ ถอื วา่ เปน็ ไม้เฉพาะส�ำหรบั ผู้เปน็ พระมหากษัตรยิ ์เท่าน้ัน 133

ทรงพระภูษาเศวตพสั ตร์ ทรงสะพกั ขาวขลบิ ทอง ประทับเหนอื ตั่งไม้อทุ มุ พรในการสรงพระมุรธาภิเษก เศวตพสั ตร์ (สะ-เหวด-ตะ-พดั ) เศวตพสั ตร์ แปลตามรปู ศพั ท์ หมายถงึ ผา้ สขี าว ใชเ้ รยี กฉลองพระองคข์ องพระมหากษตั รยิ ์ ที่มสี ขี าวขลิบทอง ทรงฉลองพระองคใ์ นการสรงพระมุรธาภเิ ษก ในการพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก 134

สัปตปฏลเศวตฉตั ร (สับ-ตะ-ปะ-ดน-สะ-เหวด-ตะ-ฉัด) หรือท่ีพระบาทสมเด็จพระจอม เกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเรียกกว่า พระสัตปฏล เศวตฉตั ร หรอื พระบวรเศวตฉตั ร (ใชส้ ำ� หรบั กรมพระราชวังบวรสถานมงคล) มี ๗ ช้ัน มีระบายขลิบทองแผ่ลวด ๓ ชั้น ชั้นล่าง สุดห้อยอุบะจ�ำปาทอง ใช้ส�ำหรับพระมหา กษัตริย์ท่ียังมิได้รับการบรมราชาภิเษก สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรม ราชินี สมเด็จพระบรมราชชนก สมเด็จ พระยุพราช สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร สมเดจ็ พระเทพรตั นราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากน้ี ใช้แขวนหรือปักเหนือพระที่น่ังพุดตาน ปักเหนือพระคชาธารพระท่ีน่ัง ปักเหนือ พระแท่นอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ส�ำหรับ รับน้�ำอภิเษกและปักเหนือพระท่ีนั่งภัทรบิฐ ที่ประทับรับเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ปักพระนพปฎลมหาเศวตฉัตรเหนือพระท่ีน่ัง ภัทรบิฐแทนพระสัปตปฏลเศวตฉัตร นอกจากนั้นใช้ปักหรือแขวนเช่นเดียวกับพระนพปฎลมหา เศวตฉตั ร 135

สระ ๔ สระ คอื สระน้�ำศกั ดิ์สทิ ธใ์ิ นท้องที่บา้ นท่าเสด็จ ตำ� บลสระแกว้ อ�ำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัด สุพรรณบุรี จ�ำนวน ๔ สระ คอื สระแก้ว สระคา สระยมนา สระเกษ เช่อื ว่าเปน็ โบราณสถานสมัยเขมร โบราณทมี่ ไิ ดส้ รา้ งเปน็ ปรางค์ แตส่ รา้ งเปน็ สระนำ�้ ถอื เปน็ สระนำ้� ศกั ดส์ิ ทิ ธทิ์ ใี่ ชใ้ นการพระราชพธิ ตี า่ งๆ ตลอดมา 136

สรงพระมรุ ธาภเิ ษก (ม-ุ ระ-ทา-พิ-เสก) “มรุ ธาภเิ ษก” แปลวา่ การรดนำ้� ทพ่ี ระเศยี ร นำ้� ที่รดเรยี กว่า “น้�ำมุรธาภเิ ษก” การสรงพระ มรุ ธาภิเษก หมายถึงการยกให้ หรือการแต่งต้งั โดยการทำ� พธิ รี ดนำ้� ซ่ึงตามคตคิ วามเช่ือของพราหมณ์ ถอื วา่ การยกใหผ้ ใู้ ดเปน็ ใหญ่ ทรงสทิ ธอิ์ ำ� นาจนนั้ จะตอ้ งทำ� ดว้ ยพธิ รี ดนำ้� ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ ซง่ึ นำ�้ สรงพระมรุ ธา ภิเษกในการพระราชพิธบี รมราชาภิเษกทบี่ รรจใุ นทุ้งสหัสธารานน้ั ในการพระราชพธิ บี รมราชาภิเษก รชั กาลที่ ๙ เป็นน้ำ� ปัญจมหานที จากประเทศอนิ เดยี เบญจสทุ ธคงคา และน้ำ� จากสระ ๔ สระในราช อาณาจกั รไทย (สระแกว้ สระเกษ สระคา และสระยมนา) สว่ นในรชั กาลที่ ๑๐ ไมไ่ ดน้ ำ� นำ้� จากประเทศ อินเดยี มาเจอื ดว้ ย แต่เป็นน�้ำจากเบญจสุทธคงคา นำ้� จากสระ ๔ สระ นำ้� อภเิ ษก คอื นำ้� ซึ่งท�ำพธิ ีพลีกรรม ตกั มาจากแหลง่ น้ำ� สำ� คัญในจังหวดั ตา่ ง ๆ ทั่วประเทศ และกรุงเทพมหานคร ส�ำหรบั ถวายที่พระท่นี ่งั อัฐทศิ อุทมุ พรราชอาสน์ สหัสธารา (สะ-หัด-สะ-ทา-รา) หมายถงึ นำ้� ทอี่ อกมาจากภาชนะคลา้ ยฝกั บวั มจี ำ� นวนนบั พนั สาย (สหสั = หนง่ึ พนั ) ในการ พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว รชั กาลที่ ๙ พระยาอนุรักษร์ าชมณเฑียร ไขสหัสธาราโปรยน้�ำพระมุรธาภิเษกอันเจือด้วยน�้ำปัญจมหานที เบญจสุทธคงคา และน�้ำจากสระ ๔ สระ ซ่ึงเก็บอยู่บนเพดานมณฑปพระกระยาสนานให้ลงมาต้องพระองค์ (เหตุที่ต้องสรงน�้ำสหัส ธารานั้น เนื่องจากขัตติยราชประเพณี ผู้ใดจะหล่ังน้�ำพระพุทธมนต์หรือเทพมนตร์ท่ีพระเศียรของ พระมหากษตั รยิ ์ไมไ่ ด้ จะถวายกด็ ้วยพระเต้าเบญจคพั ย์ (ที่ใส่นำ�้ เทพมนตร)์ หรือดว้ ยพระมหาสังข์ที่ พระหัตถ์ เท่านั้น) 137

สวดภาณวาร (พา-นะ-วาน) ภาณวาร หมายถึง วาระแห่งการสวดข้อความในคัมภีร์ต่าง ๆ เข่น ในพระสูตรขนาดยาว ท่ีท่านจัดแบ่งไว้เป็นหมวดหนึ่ง ๆ ส�ำหรับสาธยายเป็นคราว ๆหรือเป็นตอน ๆ มี ๔ ภาณวาร คือ ปฐมภาณวาร ทตุ ิยภาณวารตตยิ ภาณวาร จตุตถภาณวาร ลกั ษณะการสวดภาณวาร พระ สงฆ์ผสู้ วดจะสวดเปน็ คู่ ๆ จึงเรยี กวา่ พระคสู่ วด พระสงฆท์ ขี่ นึ้ นง่ั เตยี งสวด นัน้ จะตอ้ งขึ้นคราวละ ๔ รูป เพอ่ื ให้ ได้จ�ำนวนครบเป็นองค์สงฆ์ แต่การ สวดจะผลัดกันสวดทีละคู่ ไม่ได้สวด พรอ้ มกนั ทงั้ ๔ รปู และพระคสู่ วดนน้ั จะตอ้ งสวดใหช้ ดั เจนถกู ตอ้ งตามหลกั พระบาลไี มใ่ ห้อกั ขระวบิ ตั ิ ถา้ สวดไม่ ชัดเจนผิดพลาดจากพระบาลีถือว่า สังฆกรรมไม่บริสุทธิ์ จุดประสงค์ใน การสวดภาณวารก็เพื่อให้เกิดเป็นสิริ มงคล และคุ้มครองป้องกันเสนียด จญั ไร และภยนั ตรายตา่ ง ๆ กระโจมเทียนชัยขึงผ้าขาวบางปักทองแลง่ กับพระแทน่ เตยี งสวดภาณวาร ในพระราชพิธเี จริญพระพุทธมนต์ต้งั นำ้� วงดา้ ย ณ ท้องพระโรง พระทีน่ ง่ั อมรนิ ทรวินิจฉัย 138

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอย่หู ัว เรือพระทนี่ ่งั ศรีสุพรรณหงสล์ �ำทรง เสด็จพระราชดำ� เนนิ เลียบพระนครทางสถลมารค ในขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เสด็จพระราชด�ำเนนิ เลียบพระนคร ตามโบราณราชประเพณี ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระมหากษัตริย์จะเสด็จ พระราชดำ� เนนิ เลยี บพระนคร โดยขบวนพระราชอิสรยิ ยศ เป็นขบวนพยุหยาตรา ทั้งทางสถลมารค (สะ-ถน-ละ-มาก) และทางชลมารค (ชน-ละ-มาก) เพื่อให้พสกนิกรเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทแสดง ความจงรักภักดี เรียกรูปแบบการจัดริ้วขบวนตามลักษณะความยิ่งใหญ่ของการจัดขบวน แบ่งเป็น ขบวนพยุหยาตราใหญ่ ขบวนพยุหยาตราน้อย ขบวนราบใหญ่ ขบวนราบน้อย ส่วนทางชลมารค มีขบวนราบยอ่ อกี รปู แบบหน่งึ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามโบราณราชประเพณี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว จะเสด็จเลียบพระนครท้ังทางสถลมารคและชลมารค แต่ในรัชกาลท่ี ๙ มิได้เสด็จพระราชด�ำเนิน เลยี บพระนคร หากแตเ่ สด็จฯ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๓ รอบ โดยจัดเปน็ ขบวน พยุหยาตราใหญ่ เพื่อเสด็จฯ ไปทรงนมัสการพระพุทธชินสีห์ ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ ๗ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๖ การพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ เสด็จเลียบ พระนคร โดยขบวนพยหุ ยาตราทางสถลมารค ในวนั ท่ี ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ โดยเสดจ็ ฯ ไปยงั วดั บวรนเิ วศวหิ าร วดั ราชบพธิ สถติ มหาสมี าราม และวดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลาราม สว่ นการเสดจ็ พระราชด�ำเนินเลียบพระนครทางชลมารค ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีข้ึนหลังการพระราชพิธี บรมราชาภเิ ษก ในการพระราชพธิ ีทรงบ�ำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐนิ ณ วัดอรุณราชวราราม ปลายเดอื นตลุ าคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒ 139

เสดจ็ ออกมหาสมาคม พระราชพิธีเสด็จออกรับ การถวายพระพรชัยมงคลจากคณะ บุคคลกลุ่มต่างๆ อาทิ พระบรม วงศานุวงศ์ คณะรัฐมนตรี ผู้แทน รัฐสภา ทูตานุทูต ผู้น�ำทางศาสนา ข้าราชการ และประชาชน เนื่องใน การพระราชพิธีส�ำคัญต่างๆ หรือใน โอกาสสำ� คญั ของชาติ เชน่ พระราช พธิ ีบรมราชาภเิ ษก พระราชพธิ เี ฉลิม พระชนมพรรษา พระราชพิธีฉลอง สิริราชสมบัติ พระราชพิธีสมโภช กรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี เป็นต้น ณ สถานท่ีในพระบรมมหาราชวัง พระราชวัง และพระที่นั่งซึ่งอาจ จัดสร้างขึ้นเป็นการชั่วคราวใน มณฑลพิธี ตามที่ทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั เสดจ็ ออกมหาสมาคม ณ มุขเด็จหน้าพระท่ีน่งั ดุสติ มหาปราสาท ในพระราชพธิ บี รมราชาภิเษกสมโภช วันท่ี ๒ ธนั วาคม พุทธศักราช ๒๔๕๔ 140

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร เสดจ็ ออกมหาสมาคม ณ พระท่ีน่งั อมรินทรวนิ ิจฉยั ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วนั ที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศกั ราช ๒๔๙๓ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร เสดจ็ ออกมหาสมาคม ณ พระทน่ี ง่ั อมรินทรวนิ จิ ฉัย ในการพระราชพิธรี ชั ดาภเิ ษก ฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๒๕ ปี วันที่ ๙ มิถนุ ายน พทุ ธศักราช ๒๕๑๔ 141

เสด็จออก ณ สีหบญั ชร พระทน่ี งั่ สุทไธสวรรยป์ ราสาท ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้ประชาชนเฝ้า ทูลละอองธลุ ีพระบาทถวายพระพรชยั มงคล สหี บัญชร (สี-หะ-บัน-ชอน) หนา้ ตา่ งของพระทนี่ งั่ ทพ่ี ระมหากษตั รยิ เ์ สดจ็ ออกใหข้ า้ ราชการและประชาชนเฝา้ ทลู ละออง ธลุ ีพระบาทในโอกาสส�ำคญั มลี กั ษณะเปน็ ระเบียงยน่ื ออกไป เชน่ สหี บญั ชรท่พี ระทน่ี ัง่ อนนั ตสมาคม พระราชวังดสุ ิต สหี บญั ชรท่พี ระที่นง่ั สทุ ไธสวรรยป์ ราสาท ในพระบรมมหาราชวงั ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ รเสดจ็ ออก ณ สหี บญั ชรพระทน่ี งั่ สทุ ไธสวรรยป์ ราสาทพรอ้ มดว้ ยสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชินนี าถ เพอ่ื ให้ประชาชนเฝา้ ทลู ละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๑๐ ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้พสกนกิ รเฝา้ ทลู ละอองธลุ ีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล ณ สหี บญั ชร พระทน่ี ่ังสทุ ไธสวรรยป์ ราสาทเช่นเดียวกนั 142

หลั่งทักษิโณทก (ทัก-ส-ิ โน-ทก) ทกั ษิโณทก มาจากศพั ท์ “ทกั ษิณา” แปลวา่ ของทำ� บญุ และ “อุทก” แปลวา่ น้�ำ เปน็ ราชาศพั ท์ หมายถงึ กรวดนำ�้ (แผส่ ว่ นบญุ ดว้ ยวธิ หี ลง่ั นำ�้ ) ใชส้ ำ� หรบั พระมหากษตั รยิ จ์ นถงึ พระอนวุ งศ์ ชน้ั พระองค์เจา้ ในการพระราชพธิ บี รมราชาภิเษก เมือ่ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั มพี ระปฐมบรม ราชโองการแลว้ ทรงหลง่ั ทกั ษโิ ณทกตง้ั สตั ยาธษิ ฐานจะทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ โดยทศพธิ ราชธรรม 143

ประมวลองค์ความรู้ พระราชพธิ ีบรมราชาภิเษก กระทรวงวฒั นธรรม จัดพิมพ์พุทธศกั ราช ๒๕๖๒ จ�ำนวน ๓,๐๐๐ เล่ม ISBN: 978-616-283-427-1 ที่ปรึกษา รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงวัฒนธรรม นายวีระ โรจนพ์ จนรัตน ์ ปลดั กระทรวงวัฒนธรรม นายกฤษศญพงษ์ ศริ ิ รองปลัดกระทรวงวฒั นธรรม นางยุพา ทววี ฒั นะกจิ บวร นางสาวเพลนิ พศิ กำ� ราญ บรรณาธิการ และคณะทำ� งาน นายสมชาย ณ นครพนม นางสาวพิมพ์พรรณ ไพบลู ย์หวังเจริญ นางจฑุ าทพิ ย์ โคตรประทมุ นางเบญจมาส แพทอง นางสาวอรสรา สายบวั จดั พมิ พ์ กลุม่ ประชาสมั พันธ์ ส�ำนกั งานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ๑๐ ถนนเทียมร่วมมติ ร แขวงหว้ ยขวาง กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๑๐ โทรศพั ท ์ ๐ ๒๒๐๙ ๓๕๐๔ - ๑๐ โทรสาร ๐ ๒๒๐๙ ๓๕๐๓ เว๊บไซต ์ www.m-culture.go.th พมิ พท์ ่ี บรษิ ัท ร่งุ ศิลป์การพมิ พ์ (1977) จ�ำกดั โทรศพั ท์ ๐ ๒๑๑๘ ๓๕๕๕


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook