Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรฝึกอบรมเชิงปฎิบัติการ การส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะด้านโค้ดิ้งสู่สังคมดิจิทัล ระดับมัธยมศึกษา

หลักสูตรฝึกอบรมเชิงปฎิบัติการ การส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะด้านโค้ดิ้งสู่สังคมดิจิทัล ระดับมัธยมศึกษา

Published by Bhuvanai Onsaard, 2020-10-04 09:20:47

Description: หลักสูตรฝึกอบรมเชิงปฎิบัติการ การส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะด้านโค้ดิ้งสู่สังคมดิจิทัล ระดับมัธยมศึกษา

Search

Read the Text Version

2. แบบทำงเลอื ก (Decision) ลก รทิ มึ รูปแบบน้ี มีเง่ื นไขเปน็ ต กำ� นดเ น้ ทำงกำรท�ำงำนข งกร บ นกำรแก้ ปญั ำ โดยต เลื กนน้ ำจจ มีตง้ แต่ 2 ต ขนึ้ ไป เชน่ บข้ เขยี น ค แนนเต็ม 50 ไดค้ แนน 30 บผ่ำน ถำ้ ตำ�่ ก ่ำ 30 บไมผ่ ำ่ น เร่ิมต้น ตั อยำ่ ง ลก รทิ มึ ตดเกรด ิชำค มพิ เต ร์ 1. ค แนน บข งนกเรยี น จริง 2. ตร จ บค แนน ตเรงอื่ จนไอขบ (ค แนนท่ี บผ่ำน 50 ค แนน) ค�ำ ่ัง 3. ถ้ำมำกก ำ่ 50 ค แนน บผ่ำน 4. ถ้ำน้ ยก ่ำ 50 ค แนน บตก เทจ็ 5. ปร กำ ผล คำ� ั่ง จบกำรทำ� งำน อัลกอรทิ มึ แบบทำงเลือก 3. แบบท�ำซ�้ำ (Loop) ลก รทิ มึ แบบน้คี ลำ้ ยกบแบบทำงเลื ก คื มกี ำรตร จ บเง่ื นไข แต่แตกตำ่ งกนตรงท่เี มื่ กำรทำ� งำนตรงตำมเงื่ นไขท่ีกำ� นด โปรแกรมจ กลบไปท�ำงำน กี ครง้ นกำรท�ำงำนแบบนี้เร่ื ยๆ จนกร ท่งไม่ ตรงกบเงื่ นไขท่ีกำ� นดไ ้จงึ ยุดกำรท�ำงำน รื ทำ� งำนในขน้ ต่ ไป เรม่ิ ตน้ ตั อย่ำง ลก รทิ มึ กำรซ้ื มงคุด 1 กโิ ลกรม 1. ยิบถุงพลำ ตกิ 2. ยิบมงคดุ มำเลื ก โดยกดทเี่ ปลื กท่ีนมิ่ ๆ 3. ตร จ บเง่ื นไข (น้ ยก ่ำ 1 กิโลกรม) จริง 4. ถำ้ จริง เลื กมงคดุ ต่ ตเรงอื่ จนไอขบ 5. ถ้ำเท็จ ยุดเลื ก เท็จ ค�ำ ั่ง 6. จำ่ ยเงนิ ใ ก้ บผู้ทขี่ ำย คำ� ่ัง จบกำรทำ� งำน อัลกอรทิ มึ แบบท�ำซ้ำ� - 50 -

กำรท�ำงำนพน้ื ฐำนของระบบ Output ร บบจ ท�ำงำนผ่ำนโปรแกรมค มพิ เต ร์ ปร ก บด้ ย 3 ขน้ ต น คื • กำรรบข้ มูลเข้ำ (Input) • กำรปร ม ลผล (Process) • กำรแ ดงผลลพธ ์ (Output) Input Process กำรรับข้อมูลเขำ้ (Input) กำรรบข้ มลู เข้ำ คื กำรทีผ่ ู้ใช ้ ่งข้ มูลใ ก้ บค มพิ เต ร์ ผำ่ นทำงคีย์บ ร์ด เมำ ์ รื ื่ นำ� เข้ำ ่นื ๆ เพื่ ใ ้ ค มพิ เต ร์ท�ำตำมค�ำ ง่ ที่ต้ งกำร กำรประม ลผล (Process) กำรปร ม ลผล คื กำรน�ำข้ มลู เขำ้ (Input) มำปร ม ลผล ผ่ำน CPU (Central Processing Unit) โดยมี น่ ย ค ำมจ�ำ (Memory) เป็นที่จดเก็บแล นบ นุนข้ มลู กำรแ ดงผลลัพธ์ (Output) กำรแ ดงผลลพธ ์ คื กำรนำ� เ ำผลลพธ์ที่ได้จำกกำรปร ม ลผล (Process) มำแ ดงผลผ่ำนทำง ื่ ใ ้ผใู้ ช้ เชน่ นำ้ จ เครื่ งพิมพ ์ รื จดเก็บลง ื่ บนทึก ข้นั ตอนในกำรพัฒนำโปรแกรม (Software กำรวิเครำะหค์ วำมตอ้ งกำร Development Life Cycle : SDLC) โปรแกรมท่ีผู้พฒนำโปรแกรมน้นมีท้ง ตดิ ตัง้ และ ออกแบบ โปรแกรมเล็ก ๆ ทเี่ ขยี นข้นึ มำทำ� งำนงำ่ ย ๆ บ�ำรงุ รกั ษำ กำรทำ� งำน รื โปรแกรมท่ีมขี นำดใ ญ ่ ๆ ทมี กี ำรทำ� งำน ซบซ้ น โปรแกรมบำงโปรแกรม ำจจ ต้ งใช้ โปรแกรม ผพู้ ฒนำร่ มกน ลำยคน ในกำรช่ ยกนพฒนำ ดงน้นกำรพฒนำโปรแกรมจ ต้ งมีแน ทำง ทดสอบ พฒั นำ รื รปู แบบในกำรพฒนำ เพื่ ใ พ้ ฒนำไดต้ รง โปรแกรม โปรแกรม ค ำมต้ งกำร ธี ีกำร นึ่งทีใ่ ชเ้ ปน็ แน ทำงใน กำรพฒนำโปรแกรม คื งจรกำรพฒนำ Software Development Life Cycle: SDLC โปรแกรม (Software Development Life Cycle: SDLC ) ปร ก บด้ ยขน้ ต นตำ่ ง ๆ 5 ขน้ ต น ดงน ้ี - 51 -

1. วเิ คราะหค์ วามต้องการ (Requirement Analysis) เป็นกำร เิ ครำ ค์ ำมต้ งกำร ่ำปัญ ำน้คี ื ไร ต้ งกำรใ โ้ ปรแกรมท�ำงำน ไร โดยร บร มข้ มลู จำก ่ นต่ำง ๆ เพ่ื ใ ้เข้ำใจภำพร มข งกำรทำ� งำน ถำ้ ำกไม่ร บร มค ำมต้ งกำรทถี่ กู ต้ งจ ่งผลใ ้โปรแกรม ท�ำงำนผดิ พลำด รื ไม่ตรงกบค ำมต้ งกำร แล ปรบเปล่ียนภำย ลงได้ยำก แผนในกำรแก้ปัญ ำ ลงจำกท�ำค ำมเข้ำใจแล ิเครำ ์ปัญ ำโจทย์จนได้ข้ ุป ่ำโจทย์ต้ งกำร ไรแล้ ผ้เู ขยี นโปรแกรมก็จ ทำ� กำรก�ำ นดแผนในกำรแก้ไขปญั ำโดยกำรเขียนผงงำน (Flowchart) ซึ่งกำรเขยี นผงงำน คื กำรเขียนแผนภำพที่เป็นล�ำดบเพื่ แ ดงข้นต นกำรท�ำงำนข งโปรแกรมเพ่ื ใ ้ง่ำยต่ กำรท�ำค ำมเข้ำใจกำร เขยี นผงงำนม ี 3 แบบคื แบบเรยี งลำ� ดบ (Sequential) แบบมกี ำรก�ำ นดเงื่ นไข (Condition) แล แบบมีกำร ท�ำงำน นร บ (Looping) ซึง่ ญลก ณข์ งผงงำน (Flowchart Symbol) มดี งนค้ี ื ัญลัก ณ์ ค ำม มำย ญั ลัก ณ์ ค ำม มำย เริม่ ตน้ ทำ� งำน ใช้แ ดงผลข้ มูลทำงจ ภำพ กำ� นดค่ำ รื ปร ม ลผล ใช้แ ดงผลข้ มลู กทำงเ ก ำร รบข้ มลู แล แ ดงผลข้ มูล ทิ ทำงกำรดำ� เนินงำน รบข้ มลู ทำงแปน้ พมิ พ์ ต เชื่ มต่ ภำยใน น้ำเดยี กน กำรตด นิ ใจ ต เชื่ มต่ ไปยง น้ำ น่ื แ ดง ัญลกั ณท์ ี่ใชใ้ นกำรเขยี นผงั งำน - 52 -

2. การออกแบบ (Design) เป็นข้นต นกำร กแบบ ่ นปร ก บต่ำง ๆ ข งโปรแกรมใ ้ ดคล้ งกบกำร ิเครำ ท์ ไ่ี ดจ้ ำกข้ 1 กแบบใ ้เ น็ แน ทำงกำรปร ม ลผลตำ่ ง ๆ โดย กแบบ ่ นต่ำง ๆ ท่ีเก่ยี ข้ ง เช่น กำรไ ลข งข้ มูล Data Flow Diagram ผงงำนร บบ System Flowchart ร มไปถงึ กำรติดต่ ปร ำนงำนกบผู้ใช้งำน User interface 3. พฒั นาโปรแกรม (Development) เป็นข้นต นกำรพฒนำ รื เขยี นโปรแกรมตำมที่ได้ กแบบไ ้ โดยเลื กใชภ้ ำ ำค มพิ เต ร์ตำมทต่ี ้ งกำร รื ใช้เคร่ื งมื ในกำรพฒนำโปรแกรมตำ่ ง ๆ ตำมทถ่ี นด ซงึ่ ขน้ ต นนค้ี ื กำรเขยี นโปรแกรมนน่ เ ง 4. ทดสอบ (Testing) เป็นกำรทด บกำรท�ำงำนข งโปรแกรมเพ่ื ตร จ บค ำมถูกต้ งข งกำรปร ม ลผล ทด บป้ นข้ มลู เขำ้ แล้ พิจำรณำข้ มลู ที่ ่ง ก รื ผลลพธ์ ่ำเปน็ ไปตำมท่ตี ้ งกำร รื ไม ่ ำกมีข้ ผิดพลำดจำกกำรเขียน โปรแกรมใ ้แก้ไขปรบปรงุ ใ ถ้ กู ต้ ง โดยข้ ผิดพลำดในกำรเขียนโปรแกรม ำจแบ่ง กเปน็ 3 ข้ ดงน้ี 4.1 ข้ ผดิ พลำดทำงไ ยำกรณ์ รื เขยี นโปรแกรมผิด ตำม ลกกำรเขยี นข งภำ ำท่ีใช้ ำจจ กดผดิ ใชค้ �ำผดิ โดยข้ ผดิ พลำดปร เภทนจ้ี แ ดง กมำต นค มไพลโ์ ปรแกรม 4.2 ข้ ผดิ พลำดทเ่ี กดิ ขนึ้ ขณ โปรแกรมท�ำงำน เป็นข้ ผดิ พลำดร ่ำงทโี่ ปรแกรมกำ� ลงปร ม ลผล ซง่ึ ำจจ ผดิ เปน็ บำงกรณขี ้ึน ยกู่ บ ถำนกำรณ์ต่ำง ๆ รื ข้ มลู ทปี่ ้ นเขำ้ ไป 4.3 ข้ ผดิ พลำดทำงตรรก เปน็ ข้ ผิดพลำดทเี่ กิดข้ึนจำกกำร กแบบโปรแกรมผิด เชน่ ค�ำน ณผิดโครง รำ้ งผิด เงื่ นไขตำ่ ง ๆ ผดิ โดยข้ ผดิ พลำดนจี้ ไม่ ำมำรถตร จ บได้จำกกำรค มไพลโ์ ปรแกรม แตจ่ พบเม่ื ผลลพธ์ไมถ่ ูกต้ ง 5. ติดตงั้ และบ�ารุงรักษา (Deployment & Maintenance) เป็นกำรน�ำร บบท่ีพฒนำข้ึนมำใช้งำนแล แน น�ำใ ้ผู้ ่ืนใช้งำนพร้ มท้งบ�ำรุงรก ำปรบปรุงใ ้มี ปร ทิ ธิภำพที่ดขี ึ้น รุปได้ ำ่ ถ้ำผู้พฒนำโปรแกรม พฒนำโปรแกรมข้นึ มำ �ำ รบใช้งำนใดงำน นง่ึ ต้ ง ิเครำ ์ค ำมต้ งกำร ่ำจ เขียนโปรแกรมเพ่ื ไร แล้ กแบบ รื เขียน ลก รทิ มึ ที่ต้ งกำรใ โ้ ปรแกรมทำ� งำน จำกน้นเปลี่ยน ลก รทิ ึมใ ้เปน็ โปรแกรมด้ ยภำ ำโปรแกรมทเ่ี ลื กใช้ แล้ ทด บ ่ำโปรแกรมทีเ่ ขียนข้ึนนน้ ท�ำงำนถกู ต้ ง รื ไม่ กำรเขียนโปรแกรม ำจจ เขียนผิดไม่ตรงกบรูปแบบค�ำ ่งข งภำ ำท่ีเลื ก รื เง่ื นไขที่ก�ำ นดใ ้กบ โปรแกรมผดิ ผพู้ ฒนำโปรแกรมต้ งแกไ้ ขใ ้ถกู ต้ ง แล ปรบปรงุ โปรแกรมใ ท้ ำ� งำนได้ดีเ ม - 53 -

ตัวอยำ่ งกำรพฒั นำโปรแกรม ถำ้ ำกต้ งกำรเปน็ โปรแกรม �ำ รบค่ำต เลข 2 ต เขำ้ มำบ กกน งจรกำรพฒนำโปรแกรมจ เป็น ยำ่ งไร ิเครำะ ์ค ำมตอ้ งกำร โปรแกรมนต้ี ้ งกำรพฒนำโปรแกรมโดยรบข้ มูลทำง input เขำ้ มำ 2 ค่ำ โดยแทนค่ำโดย A แล B แล้ นำ� (Input) ท้ง 2 ต มำบ กกน เปน็ กำรปร ม ลผล (Process) จำกนน้ นำ� ค่ำท่ีได้มำแ ดงผลลพธ์เป็น (Out- put) Input Process Output ก�ำ นดค่ำ ประม ลผล แ ดงผล A sum = A+B sum B ต แปรทีใ่ ช ้ A B แล sum ออกแบบ เรมิ่ ตน้ รบคำ่ A รบคำ่ B sum = A+B แ ดงผล sum จบกำรท�ำงำน - 54 -

พัฒนำโปรแกรม น�ำผงงำนมำเปลี่ยนเป็นโปรแกรมตำมภำ ำ รื เคร่ื งมื กำรเขยี นโปรแกรมตำมท่เี ลื ก ทดสอบ ทด บ ่ำโปรแกรมทำ� งำนได้ รื ไม่ ถ้ำทำ� งำนไมไ่ ด้ รื ผดิ ผลำดใ ป้ รบปรุง ตดิ ต้งั บำ� รงุ รกั ษำโปรแกรม เขียนคมู่ ื กำรใช้งำน ่ำจ ต้ งใช้โปรแกรม ยำ่ งไร - 55 -

สื่อรายการท่ี 3/7 ใบกิจกรรมท่ี 3.4 กิจกรรม micro:bit คา� ชีแ้ จง 1. ทิ ยำกรแน น�ำกำรใช้ micro:bit เบื้ งตน้ แล ผเู้ ขำ้ รบกำร บรม กึ ำเพิ่มเติม ื่ รำยกำรที่ 3/5 เ ก ำรเ ริม ค ำมร ู้ เร่ื งทำ� ค ำมรจู้ กกบ micro:bit แล ่ื รำยกำรท ่ี 3/6 เ ก ำรเ รมิ ค ำมร ู้ เร่ื งขน้ ต นกำรพฒนำโปรแกรม แล ลก รทิ ึม 2. ผู้เขำ้ ร่ ม บรมใช ้ micro:bit ในกำรเขยี นโปรแกรมตำม Mission ท่ีก�ำ นดใ ้ กจิ กรรมที่ 3.4.1 ไฟจรำจร กจิ กรรมท ่ี 3.4.2 เกมฝึก มำธิ ไต่ล ดไฟฟำ้ กิจกรรมที่ 3.4.3 มำตร ด ณุ ภูมิ 3. ร่ มกน รุปค ำมร ู้ อปุ กรณท์ ี่ใช้ 1. เ บ็ ไซต์ makecode.microbit.org 2. ื่ micro:bit ผลท่ีคาดว่าจะได้รบั 1. ผู้เขำ้ ร่ ม บรมได้ฝึกกำรเขียนโปรแกรมแล กำรแก้ไขปญั ำเป็นขน้ ต น 2. ผูเ้ ข้ำร่ ม บรมไดฝ้ ึกกำรทำ� งำนเป็นทมี เพื่ แกป้ ญั ำ 3. ผเู้ ข้ำร่ ม บรม ำมำรถจดกำรเรียนร้ ู กำรเขียนโปรแกรมแล กำรแก้ไขปัญ ำเปน็ ข้นต นโดยกำรทำ� งำนเป็นทีมได้ - 56 -

ส่ือรายการท่ี 3/8 เอกสารเสริมความรู้ เร่ือง Breakout Board หรอื Octopus:bit ลงจำกเรำไดเ้ รยี นรเู้ กยี่ กบ micro:bit เบื้ งต้นไปแล้ ยงมี ุปกรณ ์ Breakout broad กี ชนดิ น่ึงชื่ Octo- pus:bit ทชี่ ่ ยใ เ้ ชื่ มต่ กบ LED รื Sensor ต่ำง ๆ ได้งำ่ ยข้ึน Octopus:bit ข ง ELECFREAKS เป็น Breakout board ำ� รบ micro:bit มน ำมำรถช่ ยใ เ้ รำใชพ้ ร์ต GPIO, พ ร์ต นกุ รม, พ รต์ IIC แล พ รต์ SPI บน micro:bit ได้ ด ก น กจำกนี้มนยงช่ ยปรบร ดบไฟฟ้ำ �ำ รบพ รต์ GPIO บำงต ท�ำใ ้ micro:bit ทำ� งำนกบเซ็นเซ ร์ทีใ่ ช้ร ดบ กย์ไฟฟำ้ ท่ ี 5 โ ล์ตได้ด้ ย คุณสมบัติของตวั บอรด์ • แรงดนไฟฟ้ำ ินพตุ : 3.3V (ซ่ึงได้พลงงำน ไฟฟำ้ จำก micro:bit โดยต้ งเ ียบข บข ง micro:bit กบต บ รด์ ดงต ยำ่ งตำมรปู ท ี่ 1) รปู ท ี่ 1 กำรเ ยี บ micro:bit เข้ำกบ Octopus:bit ( ้ำง ิง : https://www.elecfreaks.com/learn-en/microbitExtensionModule/octopus_bit.html) • มขี ำ (Pin) GPIO ทง้ มดดงนี ้ P0 ~ P16, P19 ~ P20 ดงรปู ท ่ี 2 • ทแ่ี ตล่ พิน I/O, มีพนิ ำ� รบ VCC แล GND มี ีทแ่ี ตกตำ่ งกน ( แี ดง แล ด�ำตำม ลำ� ดบ ดงรูปท่ี 2) ท�ำใ ้เรำ ำมำรถเชื่ มต่ โมดลู ่ นขยำยข งคุณได้ ย่ำงงำ่ ยดำย รปู ท ่ี 2 ขำ GPIO ( ้ำง ิง : https://www.elecfreaks.com/learn-en/microbitExtensionModule/octopus_bit.html) - 57 -

• มีโมดูลเพม่ิ แรงดนไฟฟ้ำ จำกภำพที ่ 3 จ เ ็น ่ำ เรำ ำมำรถเลื่ นท่ ี VCC Switch (ดง รูปท่ ี 3) เพ่ื ปรบร ดบแรงดนกำรทำ� งำน ข งพนิ P8, P9, P11 ~ P16 ไปมำ ร ำ่ ง 3.3V แล 5V รูปท่ ี 3 VCC Switch ( ้ำง งิ : https://www.elecfreaks.com/learn-en/microbitExtensionModule/octopus_bit.html) • น กจำกน้ ี Octopus ยงมพี รต์ ท่ีเช่ื มต่ กบพ ร์ต นุกรม (Serial TX แล RX), พ ร์ต I2C แล พ รต์ SPI ข ง micro:bit โดยพ รต์ I2C ำมำรถเชื่ มต่ ุปกรณ ์ I2C ได ้ 3 Channel แล พ รต์ SPI ำมำรถเชื่ ม ต่ กบ ปุ กรณ์ SPI ได้ 2 Channel ดงแ ดง ในรปู ท่ ี 4 รปู ท ่ี 4 พ ร์ต นุกรม แล พ รต์ ตำ่ ง ๆ ( ้ำง งิ : https://www.elecfreaks.com/learn-en/microbitExtensionModule/octopus_bit.html) กำรตอ่ ล�ำโพง (Buzzer) กับ micro:bit ผ่ำน Octopus:bit เรำจ มำล งใช้ Octopus:bit เลน่ เ ียงเพลงกน (ซง่ึ เรำจ นำ� มำปร ยกุ ตใ์ ช้เปน็ เ ียงเพลงไฟจรำจรภำย ลง) ใ ้ ต่ Buzzer กบ Octopus:bit ตำมรปู ท ี่ 5 ซงึ่ มีข้ ค รร ง คื เ ลำเ ยี บ ำยไฟข ง Buzzer เขำ้ กบ Pin0 ต้ งเ ียบใ ้ ีข ง ำยไฟตรงกบ ีข ง Pin ( ไี ฟ ีเ ลื งตรงกบ Pin ี เ ลื ง, ไี ฟ ีด�ำตรงกบ Pin ีดำ� ) รูปท่ี 5 กำรเช่ื มต่ Buzzer กบ Pin0 จำกน้นเข้ำไปท ี่ makecode.microbit.org เพื่ เขียน Block code ตำมรปู ท ี่ 6 เพ่ื ่งใ ้ Buzzer ่งเ ยี งท�ำน ง Happy birth day (ใ ้ งเกต ่ำ ลงจำกเรำ ง่ ใ ้ Buzzer ง่ เ ยี งทำ� น งแล้ เรำต้ ง ง่ ใ ้ micro:bit ยุดทำ� งำน ก 15 ินำที เพื่ ใ ้เลน่ ท�ำน งจนจบ ก่ นจ เลน่ ซ้�ำ) - 58 -

กำรต่อหลอดไฟ (LED) กบั micro:bit ผ่ำน Octopus:bit ลงจำก กึ ำกำรต่ แล ใชง้ ำนล�ำโพงแล้ เรำจ มำ ล งใช้ Octopus:bit ทำ� ไฟกร พรบิ ย่ำงง่ำยดกู ่ น ใ ้ต่ LED แี ดงตำมรปู ท ี่ 7 รูปท ี่ 7 กำรเชื่ มต่ LED กบ Pin0 จำกนน้ เขำ้ ไปที่ makecode.microbit.org เพ่ื เขียน Block code ตำมรูปท่ี 8 เพ่ื ่งใ ้ LED ท ่ี Pin0 (เขียน น้ ๆ ำ่ P0) ปดิ เปน็ เ ลำ 1 ินำที จำกนน้ ง่ ใ ้ LED ที ่ P0 เปิด เป็นเ ลำ 1 นิ ำท ี น ลบปิด-เปิด ย่ำงน้เี รื่ ยไป รูปท ่ี 8 Block code �ำ รบ นลปู เปิดปิดไฟ LED ทกุ ๆ นิ ำที - 59 -

กจิ กรรมที่ 3.4.1 กจิ กรรม ไฟจราจร ค�าช้ีแจง ในบทเรียนนี้ จ เปน็ กำรทดล ง รำ้ ง งจรร บบไฟจรำจร ยำ่ งง่ำยตำมรูปภำพด้ำนล่ำง ซ่งึ ร บบไฟจรำจรจ ม ี 3 ี คื แี ดง ีน้ำ� เงิน แล ีเขยี ซ่ึงจ นร บกำรทำ� งำน เมื่ คนเดนิ เทำ้ กดปุ่มไฟจรำจรเพ่ื เดินขำ้ มถนน แล เมื่ ร บบไฟ แ ดง ีใด ี นึง่ กมำ แต่ล ช่ งทมี่ ไี ฟเปดิ จ มกี ำรถ่ งเ ลำเพ่ื ใ ้คนทกี่ ดปุ่มไฟจรำจรเตรยี มเดนิ ข้ำมมำ้ ลำย (ไฟ ีน�ำ้ เงินข้ึน) จำกน้นไฟเขีย จ ขึน้ ใ ้คนข้ำมถนน แล เปน็ ไฟแดงเพื่ ใ ้คน ยดุ ร รถก่ นตำมลำ� ดบ ดงน้น ในบทเรียนน้ี เรำจ ได้เ ็นถงึ กำรกร ท�ำทเี่ กดิ ขนึ้ ลงจำกมเี ตกุ ำรณ์กำรกดปุม่ (Event Driven) ร มถึงเรื่ งกำร น่ งเ ลำ (Delay) พร้ มกนน ้ี เรำจ เรียนรู้ ธิ ี ร้ำง งจรแล กำรเขยี นค�ำ ง่ ใชง้ ำน micro:bit ำ� รบกำรปร ยุกต์ใชง้ ำนในโลกแ ง่ ค ำม เป็นจรงิ ใกล้ ๆ ต ขอ้ เ นอแนะ: ลงจำกท�ำโครงงำนนี้ได้แล้ เรำ ำมำรถปร ยกุ ตใ์ ช้ท�ำใ ้ Micro: bit 4 ต เชื่ มต่ กน เพ่ื จ�ำล งไฟ จรำจรท ี่ 4 แยกได้ รปู ที่ 9 ภำพร มข งร บบไฟจรำจร - 60 -

อุปกรณ์ทีต่ ้องใช้ 1. BBC micro:bit 2. ELECFREAKS Octopus:bit 3. Micro:bit Tinker Kit LED ีแดง 4. Micro:bit Tinker Kit LED ีนำ�้ เงิน (แทน เี ลื ง) 5. Micro:bit Tinker Kit LED เี ขีย 6. ล�ำโพง Micro:bit Tinker Kit Buzzer กำรเชอ่ื มตอ่ วงจร รปู ท ี่ 10 กำรต่ ไฟจรำจร (LED) เข้ำกบ Pin ข้ันตอนกำรทำ� ไฟจรำจร ขัน้ ตอนท่ี 1 เชื่ มต่ micro:bit ใ เ้ มื นกบ งจรดำ้ นบน โดย ต่ Buzzer กบ Pin0, ล ด LED ีแดงกบ Pin1, ล ด LED นี �ำ้ เงนิ กบ Pin2, แล ล ด LED ีเขยี กบ Pin8 - 61 -

ขนั้ ตอนที่ 2 โปรแกรม micro:bit ตำม Block Code แล ผงงำนด้ำนล่ำง เริ่มต้น แอลอีดีทกุ ีดบั ยกเ ้น แี ดง เมอื่ กดปมุ่ A คดิ ล�ำดับข้ันตอน กำรทำ� งำน เ ตุกำทรำ� ณค�ำท์ กี่ งั่ ำ� นด เ ตกุ ำทรำ� ณค�ำ์ทก่ี ง่ั �ำ นด แล้ เปลยี่ นเป็น เ ตุกำทรำ� ณคำ�์ท่กี ัง่ �ำ นด ภำ ำโปรแกรม เ ตุกำทร�ำณค�ำ์ทก่ี ง่ั �ำ นด เ ตุกำทรำ� ณค�ำท์ กี่ ่งั ำ� นด ทเี่ รำถนดั เ ตุกำทร�ำณคำ�ท์ ก่ี ั่งำ� นด รูปท่ี 11 ผงงำนร บบไฟจรำจรแล คำ� ง่ micro:bit จำกรูปท ี่ 11 เมื่ ต่ LED เรม่ิ ตน้ จำกกำ� นดใ ไ้ ฟจรำจร แี ดง ่ำงเพยี งด งเดีย ก่ น ซงึ่ เรำจ เขยี น ขน้ั ตอนที่ 3 เป็นคำ� ่ง คื digital write pin P1 = 1 แล P2 = P8 = 0 กลำ่ คื คำ� ่งน้ ี จ ไม่มกี ำร ง่ ไฟฟ้ำไปยง LED นี �ำ้ เงนิ แล เี ขยี แต่จ ง่ กร แ ไฟฟำ้ ไปยง LED ีแดงเพียง ล ดเดยี เม่ื เกิดเ ตุกำรณค์ นกดปุม่ A, เรำต้ งกำรใ ้ไฟ ีเ ลื งติด 1 นิ ำท ี (เพ่ื ใ ้คนเตรยี มต ขำ้ มทำงมำ้ ลำย) เรำกต็ ้ ง ง่ ใ ้ digital write pin P2 = 1 ขณ เดีย กนนน้ P1 = P8 = 0 พร้ มกนนี้ เพื่ ใ ไ้ ฟ ีเ ลื ง ติด ยูช่ ่ งเ ลำ นงึ่ เรำจำ� เปน็ ต้ ง น่ งเ ลำ ด้ ยคำ� ง่ Pause (1000) ำ� รบกำร ่งใ ้ไฟจรำจร ี ื่น ท�ำงำนน้น กม็ ี ลกกำรเชน่ เดยี กน ท�ำเ ำไฟจรำจรจำกไมเ้ จำ รกู ร ดำ �ำ รบ ดไฟ LED แล ติดกร ดำ กบเ ำ เพื่ ร้ำงไฟจรำจรใ ้ ยงำม จำกนน้ น�ำ ล ดไฟไป ดในรทู ี่เจำ ไ ้ในกร ดำ ดงรปู ที่ 9 - 62 -

กิจกรรมท่ี 3.4.2 กจิ กรรม เกมฝกึ สมาธิ ไตล่ วดไฟฟ้า (Buzz Wire Game) คา� อธบิ ายโครงงาน เกมฝกึ มำธไิ ตล่ ดไฟฟำ้ นเ้ี ป็นเกมทผ่ี ู้เลน่ จ ต้ งใช้ขดล ดเลื่ นผำ่ นแน เ ้นล ดทก่ี �ำ นด โดยไม่ใ ข้ ดล ดไป มผ กบแน เ ้นดงกล่ำ ซ่ึงถำ้ ผูเ้ ลน่ เผล ไปโดน แต้มข งผเู้ ลน่ จ ถูกท�ำโท จ เพิ่มขึ้น น่ึงแตม้ เกมนจ้ี แขง่ ขนกน ่ำผู้ เลน่ คนใดมีแตม้ น้ ยที่ ดุ จ เป็นฝำ่ ยชน รปู ภำพโครงงำนเมอ่ื แล้วเสรจ็ รูปท ่ี 1 ไตล่ ดไฟฟำ้ อุปกรณท์ ต่ี ้องใช้ 1. เ ้นล ดขนำดเ ้นผ่ำ นู ย์กลำง 2-3 มลิ ลเิ มตร (ค ำมยำ ปร มำณ 50 เซนติเมตร) รื ำมำรถใช้ไมแ้ ข นเ ้ื เก่ำ แทนได้โดนแก พลำ ตกิ มุ้ ก 2. ดินน้ำ� มน รื กล่ งทีจ่ น�ำมำเป็นฐำน ำ� รบเ ยี บล ด (ต้ งไมน่ �ำไฟฟำ้ ) 3. เทปพน ำยไฟ ( ำจจ ไมใ่ ชก้ ็ได้) 4. ำยไฟคลิป นบี ปำกจร เข้ - 63 -

ข้ันตอนกำรต่อ ขั้นตอนที่ 1 ร้ำงเกม 1. ตดล ดยำ 20 เซนตเิ มตร แล้ ง เ ้นล ดเขำ้ ำกน (พบครึ่ง) รปู ท ี่ 2 พบครึง่ ขดล ด 2. พนปลำยเ ้นล ดทง้ คู่ใ ้เปน็ เกลีย เพื่ เป็นทจี่ บเพิ่มค ำมม่นคง โดยทำ� เป็น ่ งใ ้มีขนำดปร มำณเ ้นผำ่ น ูนยก์ ลำง 1 นิ้ รปู ที ่ 3 พนล ดเปน็ เกลีย 3. ตดเ ้นล ด ีกเ ้น น่ึง ยำ ปร มำณ 30 เซนตเิ มตร ง เ ้นล ด ดดใ เ้ ป็นรูปร่ำงตำมต้ งกำรโดย ำมำรถ เลื กค ำมยำกงำ่ ยในกำรเลน่ เกม ไดจ้ ำก ่ นน้ี รูปท่ี 4 ดดล ดใ เ้ ป็นรูปร่ำงทตี่ ้ งกำร - 64 -

4. ถำ้ มีเทปพน ำยไฟ ใ ้พนเทปทีป่ ลำยทง้ งด้ำนข งเ น้ ล ดโดยเ ้นปลำยไ เ้ ลก็ น้ ย เพ่ื ใช้ป้ งกนล ด แต กนในขณ เริม่ เลน่ แล จบเกม รูปที่ 5 พนเทปท่ปี ลำยล ด 5. น�ำขดล ดทพ่ี นเปน็ เกลีย ไ ้ในต นแรก ดเข้ำไปในเ ้นล ดท่เี รำง เป็นรูปร่ำงที่ต้ งกำรไ ้โดย ดผำ่ น ่ งท่ีเรำทำ� เป็นรูป งกลมไ ้ ปักเ น้ ล ดลงบนฐำนที่เตรียมไ ้ ( ำจใชด้ ินน�้ำมน รื กล่ งกร ดำ ทำ� เป็น ฐำนเพื่ ค ำมม่นคงในกำรตง้ เพื่ เลน่ เกม) รูปที่ 6 ปร ก บล ดเขำ้ กบฐำนตง้ 6. ใช้ ำยไฟคลปิ นบี ปำกจร เข้ นบี ปลำยขดล ดเขำ้ กบ micro:bit ด้ำน น่ึงต่ เขำ้ กบ ground pin (GND) แล กี ดำ้ น นีบ ำยท่ีพนเกลยี ต่ เข้ำกบ Pin0 เพ่ื เชื่ ม งจรท้ง มดเข้ำด้ ยกน รปู ท่ี 7 เชื่ มต่ งจรเขำ้ กบขดล ด - 65 -

7. ทำ� กำรโ ลดโปรแกรมจำกข้นต นที่ 2 แล ท�ำกำรทด บเกม โดยกดปุ่ม A เพ่ื เรมิ่ เล่น (ต้งค่ำแตม้ ที่จ ถูก ลงโท เป็น 0) แล ทำ� กำรย้ำย ่ งล ดจำกฝั่ง นึง่ ไปยง กี ฝง่ั โดยร งไมใ่ ้ล ดท้ง งแต กน ำกถำ้ พลำด ท�ำใ เ้ น้ ล ดแต กน micro:bit จ แ ดงจ�ำน นครง้ ทแี่ ต กนใ ้ผ้เู ลน่ ทรำบ รปู ท ี่ 8 กำรทด บ ข้นั ตอนท่ี 2 รำ้ งพ้นื ที่ในกำรเก็บจำ� น นคร้งที่ผ้เู ลน่ ทำ� ผิดพลำด (พลำดไปโดนเ น้ ล ด) 1. เขำ้ ไปท่ ี makecode.microbit.org ลบบล็ กค�ำ ง่ start แล forever ก 2. เมื่ เร่ิมเกม ผเู้ ล่นกดปุ่ม A ดงนน้ ในบล็ กค�ำ ่ง ใ เ้ ลื กเมน ู Input แล้ เลื กบล็ กค�ำ ่ง on button A pressed รปู ท่ี 9 เมนเู ร่มิ ต้น 3. ร้ำงต แปรเพื่ จำ� คำ่ ำ่ ผู้เล่นท�ำพลำดไปโดนขดล ดก่ีครง้ ( รำ้ งต แปรโดยเลื กเมนู Variables แล้ เลื ก Make a Variable ในทีน่ ี้ใ ต้ ้งช่ื ต แปร ่ำ fails) 4. ลำกบล็ กค�ำ ง่ set ค่ำต แปร fails ใ ้เป็น 0 ไป ำงในบล็ กข งกำรกดป่มุ A รปู ท ่ี 10 ก�ำ นดคำ่ ต แปร fails - 66 -

5. ทดล งแ ดงค่ำข งต แปร fails กทำง micro:bit โดยกำรลำกบล็ กค�ำ ง่ show number จำกเมนู Basic มำ ำงต่ ในบล็ กข งกำรกดปมุ่ A รปู ท่ ี 11 คำ� ง่ แ ดงคำ่ ต แปร 6. คลกิ run เพื่ ทด บคำ� ่งที่ ร้ำงไ ้ เมื่ กดป่มุ A แล้ micro:bit ค รจ แ ดงผลเลข 0 ซ่ึงเป็นค่ำข ง ต แปร fails ท่ถี กู กำ� นดคำ่ เร่มิ ต้นไ ้ ขั้นตอนที่ 3 กำรนบจำ� น นครง้ ทผี่ ้เู ลน่ ท�ำผิดพลำด 1. เมื่ ผู้เลน่ พลำดไปโดนเ ้นล ดแต่ล ครง้ ต แปร fails จ เพมิ่ คำ่ ข้ึนคร้งล 1 เพ่ื ค ยนบ ่ำผดิ กค่ี รง้ โดยกำรตร จ บ ่ำผเู้ ล่นพลำดโดนเ ้นล ดทำ� ไดโ้ ดย ดู ำ่ มกี ำรเชื่ มกบ Pin0 รื ไม ่ ดงน้นบล็ กคำ� ่งที่ใชใ้ นกำรตร จ บคื on pin P0 pressed ซ่ึง ยใู่ นเมนู Input รปู ที ่ 12 บล็ กค�ำ ง่ ำ� รบ ตร จ บ ่ำเ ้นล ดมีกำร มผ กน 2. เมื่ มีกำรเชื่ มเกดิ ขึน้ ที่ Pin0 ใ ้แ ดง ญลก ณ์กำกบำทใ ้ผู้เลน่ ทรำบ โดย ใ ้ ญลก ณน์ ี้แ ดงผลค้ำงไ ้ 1 นิ ำที รูปที่ 13 แ ดง ญลก ณก์ ำกบำท 3. เพิ่มค่ำต แปร fails ขน้ึ ครง้ ล 1 เมื่ ผู้เลน่ พลำดมำโดนเ น้ ล ด โดยใช้บล็ ก คำ� ง่ chage item by 1 (ต้ งเปลย่ี น item เปน็ ต แปร fails) รปู ท ่ี 14 น่ งเ ลำแล นบค่ำท่ผี ้เู ลน่ ทำ� พลำด - 67 -

4. แ ดงคำ่ ข งต แปร fails รูปท่ี 15 แ ดงค่ำต แปร fails 5. ทด บโดยกดปมุ่ A แล ทกุ ครง้ ที่เ ำเมำ ค์ ลกิ ท ่ี Pin0 ใน simulator ค รจ ต้ งเ ็นค่ำข งต แปร fails เพมิ่ ขนึ้ คร้งล 1 6. ติดตง้ ชุดคำ� ง่ ที่ ร้ำงข้ำงตน้ ลงใน micro:bit แล้ ทดล งกดปมุ่ A กบ เลื่ นขดล ดใ ้มำชนกน โปรแกรม micro:bit ตำมโคด้ แล ผงงำนดำ้ นลำ่ ง รปู ท่ี 16 ข้นต นผนในกำร รำ้ งต แปร เพื่ นบจ�ำน นคร้งทผี่ ู้เลน่ ท�ำพลำด เมื่อกดปุ่ม A แ ดง กำกบำท ทำง led แ ดงผลคำ้ งไ ้ 1 ินำที เพิ่มคำ่ ของตั แปร fails ขนึ้ 1 แ ดงค่ำของตั แปร fails รปู ที่ 17 ข้นต นกำรท�ำงำนในกำรแ ดงผลเมื่ ผเู้ ล่นพลำดไปโดนขดล ด - 68 -

กจิ กรรมท่ี 3.4.3 กิจกรรม มาตรวัดอณุ หภมู ิ คา� อธบิ ายโครงงาน ในโครงงำนนจี้ แน นำ� ธิ ีกำร ร้ำงมำตร ด ุณ ภมู ิ ย่ำงง่ำย โดย น ธิ กี ำร ำ่ นค่ำ ุณ ภมู ิแล กำรค บคมุ กำร ทำ� งำนข งเซ รโ์ โดยใช ้ micro:bit รูปที่ 1 มำตร ด ุณ ภูมิ ยำ่ งง่ำย อุปกรณท์ ่ีต้องใช้ 1. micro:bit 2. ำย USB-A to Micro-USB 1 เ ้น 3. Male/Female Jumper Wire 3 เ น้ 4. 180 Degree Servo 1 ต 5. กร ดำ แข็ง 1 แผน่ �ำ รบทำ� มำตร ด ขน้ั ตอนกำรต่อ ข้ันตอนที่ 1 ตดกร ดำ แข็งแล้ ำดเปน็ รปู มำตร ด โดย ำดเปน็ รูปครง่ึ งกลม แบง่ ขดี เป็นช่ ง ุณ ภมู ิในกำรแ ดง ผล เจำ รูตรงกง่ึ กลำงข งรูปคร่งึ งกลม ทำ� ลกู รชไ้ี ปท่คี ่ำ ณุ ภมู ิที่แบง่ ช่ งไ ้ รปู ท่ ี 2 รูปมำตร ดท่ีแบง่ เปน็ เกล - 69 -

ขั้นตอนที่ 2 ปร ก บ ปุ กรณเ์ ซ รโ์ ุปกรณ ์ Servo Motor ต้ งกำรพลงงำน 3v จำก micro:bit โดยใ ้ต่ Servo motor กบ Pin 0 ตำมรปู ที่ 3 (ใ ้ แ งไฟ ี ม้ ตรงกบ Pin เี ลื ง, ำยไฟ แี ดงตรงกบ Pin ีแดง แล ำยไฟ นี �ำ้ ตำลตรงกบ Pin ีดำ� ) เบื้ งตน้ เกี่ย กบ Servo motor ง ำที ่ Servo Motor จ มุนได้จ ยู่ในช่ ง 0-180 ง ำ แล กำร ง่ งำนใ ้ Servo Motor มนุ จ ใชค้ ำ� ง่ บล็ ก “servo write” เช่น เรำใช้ค�ำ ่งบล็ ก servio write pin P0 to 0” เพ่ื ง่ ใ ้ Servo motor ทเ่ี ช่ื มต่ กบ Pin0 มนุ ไปที่ 0 ง ำ รูปท่ ี 3 กำรต่ งจร ข้นั ตอนที่ 3 รำ้ งบล็ กค�ำ ง่ ำ� รบค บคุมกำรท�ำงำน 1. เขำ้ ไปท่ ี makecode.microbit.org ลบบล็ ก start ก คงเ ลื ไ ้แค่บล็ ก forever 2. เลื กเมนู variable เพ่ื ร้ำงต แปรช่ื Temperature จำกน้นแล้ เลื กบล็ กคำ� ่ง set มำ ำงในบล็ ก forever 3. ไปที่เมนู input แล้ เลื ก Temperature มำ ำงต่ จำกบล็ กคำ� ง่ set Temperature to ดงรปู ที่ 4 รปู ท่ี 4 ต แปรที่เก็บค่ำ ณุ ภูมิ - 70 -

4. ไปที่เมนู logic แล้ เลื กบล็ กคำ� ่ง if then else (เพื่ ค บคมุ กำรทำ� งำนด้ ยเงื่ นไข) กบบล็ กค�ำ ง่ 0=0 (เพ่ื ใช้เปรยี บเทียบคำ่ ) รูปท่ี 5 บล็ กค�ำ ่ง logic เนื่ งจำกมำตร ดในรปู ท่ ี 2 ข งเรำมีคำ่ ตำ�่ ดุ ท ่ี 20 แล ูง ุดท ี่ 35 ดงน้น ค่ำ Temperature จ ไม่ตำ�่ ก ่ำ 20 แล ไม่ ูงก ่ำ 35 ง ำ ซ่งึ เรำต้ งเพิ่มเง่ื นไขข งบล็ กค�ำ ่ง if then else เขำ้ ไป เพื่ จ กำ� นด ่ำถ้ำ ุณ ภมู ิน้ ยก ำ่ 20 ง ำ ใ ้คำ่ ข งต แปร Temperature มีค่ำเปน็ 20 ำกไม่ใชจ่ ตร จ บเงื่ นไข ำ่ ุณ ภมู มิ ำกก ำ่ 35 ง ำ รื ไม ่ ถ้ำมำกก ่ำใ ้กำ� นดคำ่ ใ ต้ แปร Temperature เป็น 35 ( มำยเ ต ุ ผู้ ท�ำโครงงำน ำจเปล่ยี นคำ่ เ ลำ่ นใ้ี ้เ มำ กบ ุณ ภูมขิ งแตล่ ถำนท่ี) รูปที่ 6 กำรก�ำ นดเง่ื นไข 5. ปรบคำ่ ง ำกำร มุนข งเซ รโ์ เพ่ื แ ดงคำ่ ุณ ภูมติ ำมมำตร ด เน่ื งจำกเรำต้ งทำ� บญญตไิ ตรยำงค์เปลยี่ น ง ำทเ่ี ปน็ ุณ ภูมิใ เ้ ป็น ง ำข ง Servo Motor (น่นคื 20 ง ำเซลเซีย ต้ งถกู เปล่ยี นเป็น 0 ง ำข งม เต ร ์ แล 35 ง ำเซลเซยี ต้ งถูกเปลีย่ นเปน็ 180 ง ำข งม เต ร)์ เรำจึงจ�ำเป็นต้ งใชบ้ ล็ กคำ� ง่ Map ตำมรปู ท่ ี 7 ใ ไ้ ปท่เี มน ู pin เลื กบล็ ก map แล้ เลื ก servo write ใ ใ้ ค่ ่ำ 180 ไปท ี่ servo write pin แล้ กำ� นด คำ่ กำร มนุ ข งเซ ร์โ ตำม เกล ณุ ภูมิที่ไดก้ ำ� นดไ บ้ นมำตร ด เช่น ในทนี่ ก้ี ำ� นด ุณ ภมู ิต�ำ่ ุดไ ้ท ี่ 20 ง ำ แล ูง ุดท ี่ 35 ง ำ โดยถ้ำ ณุ ภมู เิ ปน็ 20 ง ำ จ ใ ้เซ ร์โ ยู่ท ่ี 0 แล ถำ้ ณุ ภมู ิเป็น 35 ง ำ ใ ้เซ รโ์ ยูท่ ่ี 180 รูปที่ 7 กำรปรบค่ำกำร มุนข งเซ ร์โ - 71 -

โปรแกรม micro:bit ตำมโค้ด แล ผงงำนดำ้ นลำ่ ง ใ ต้ ั แปร temperature มคี ำ่ เท่ำกบั อณุ ภมู ทิ ี่ ดั ได้ Tem=pe2r0ature temp<e2r0ature temp>e3r5ature Tem=pe3r5ature ก�ำ นดคำ่ เกลท่ี Pin P0 ใ อ้ ณุ ภูมิ 20 อง ำ ตรงกบั มุม 0 อง ำของเซอรโ์ ใ อ้ ุณ ภมู ิ 35 อง ำ ตรงกบั มุม 180 อง ำของเซอรโ์ รปู ที่ 8 ผงงำนแ ดงขน้ ต นกำรทำ� งำน - 72 -

กิจกรรมที่ 3.4.4 กิจกรรม เครือ่ งคดั แยกเหรียญ ดว้ ย micro:bit คา� อธิบายโครงงาน เช่ื ่ำทุกคนเคย มเ รยี ญ ลำกชนิดไ ้ในข ดเดีย กน แล ต้ งมำยุ่งยำกต นแยกเ รียญ เพ่ื นำ� เ รียญไปใช้ ภำย ลง บทเรียนนีเ้ รำมำจ มำ นุกไปกบกำร ร้ำงเครื่ งคดเเยกเ รยี ญด้ ย micro:bit แล ลทรำซำ ดเ์ พื่ นบจำ� น น เงินท้ง มด อุปกรณท์ ตี่ ้องใช้ 1. กร ดำ ลงขนำด 5 x 25 ซม.(กร ดำ ลง ่ นปร ก บ A แล B) จำ� น น 3 แผน่ 2. กร ดำ ลงขนำด 25 x 2.5 ซม.จ�ำน น 2 แผ่น 3. กร ดำ ลงขนำด 19 x 26 ซม.(กร ดำ ลง ่ นปร ก บ C) จ�ำน น 2 แผน่ 4. กร ดำ ลงขนำด 5 x 19 ซม.(กร ดำ ลง ่ นปร ก บ D) จ�ำน น 2 แผน่ 5. กร ดำ ลงขนำด 5 x 5 ซม.(กร ดำ ลง ่ นปร ก บ E) จ�ำน น 5 แผ่น 6. กร ดำ ลงขนำด 2 x 5ซม.(กร ดำ ลง ่ นปร ก บ F) จ�ำน น 1 แผน่ 7. เทปกำ ขุ่น จ�ำน น 1 ม้ น 8. ำยไฟ Jumper จำ� น น 1 9. คลปิ นบี จร เข ้ จำ� น น 3 น 10. เทปฉน นไฟฟำ้ จำ� น น 1 รื ท่ ด จำ� น น 3 น 11. แรง้ บดกรี พร้ มต ก่ แล ปุ กรณบ์ ดกรี ื่น ๆ จำ� น น 1 ชุด 12. ถ่ำนขนำด 5 V จ�ำน น 1 ก้ น รื ถ่ำน AA จ�ำน น 3 ก้ น พร้ มรำงถำ่ น 13. micro:bit พร้ ม ำย micro USB จ�ำน น 1 ชดุ 14. Ultrasonic HC SR04 จ�ำน น 1 ต 15. กำ Superglue (กำ ตรำชำ้ ง) จ�ำน น 1 ล ด - 73 -

ขั้นตอนกำรทำ� ตัวเครอื่ งคัดแยก (Hardware) ขนั้ ตอนที่ 1 กำร รำ้ งช่ ง �ำ รบเ รยี ญแตล่ ชนดิ (Coin slot) 1.1 น�ำกร ดำ ลงขนำด 5 x 25 ซม. (กร ดำ ลง ่ นปร ก บ A) มำ แล ำดเ ้นขนำนกบดำ้ นยำ โดยเ ้น ่ำงจำกข บ 0.5 ซม. 1.2 เ น้ ช่ ง ่ำง 5 ซม. จำกข บ ้นไปยงเ รียญแรกแล ำดเ น้ ำ้ ง งิ 1.3 ำงเ รียญขนำด 1 บำท ที่มมุ ข งทง้ งบรรทดแล ำดเ ้นตำมข บข งเ รียญ ดงรูปดำ้ นล่ำง 1.4 ำด ่ีเ ลี่ยมผืนผำ้ ใ ้มีค ำมก ำ้ งเท่ำกบเ ้นผำ่ น ูนยก์ ลำงข งเ รยี ญ แตม่ ีค ำมยำ น้ ก ำ่ เ ้นผ่ำน ูนย์ กลำงข งเ รยี ญปร มำณ 0.2 ซม. แรเงำ เ่ี ล่ียมนด้ี งรูปด้ำนลำ่ ง ซึง่ จ ี่เ ล่ยี มนถี้ ูกตด กในภำย ลง 1.5 เ น้ ช่ ง ำ่ ง 2 ซม.ไปทำงดำ้ นซำ้ ยข ง เี่ ล่ียมข้ำงตน้ ย่ำลืมลำกเ น้ ำ้ ง งิ ีกเ น้ ด้ ย - 74 -

1.6 ท�ำซ�ำ้ ข้นต นท ่ี 3 ถึง 5 โดยใช ้ 2 บำท 5 บำท แล เ รยี ญ 10 บำท ตำมลำ� ดบ (ดรู ปู ด้ำนล่ำงเปน็ ต ยำ่ ง) 1.7 ตด เี่ ลี่ยมท่ไี ด้แรเงำไ ด้ ้ ยคตเต ร ์ 1.8 กำรตดกร ดำ ลงท�ำใ บ้ ำง ่ นยุบแบนก ำ่ ่ น น่ื ๆ เรำต้ งทำ� ใ ก้ ร ดำ ลง ่ น ่นื แบนในร นำบ เดยี กน มดก่ น 1.9 กร ดำ ลงมลี ก ณ ค่ นขำ้ ง ยำบท�ำใ ม้ ีแรงเ ยี ดทำนมำกเกนิ ก ำ่ ทเ่ี รียญจ เลื่ นลงไดง้ ่ำย เรำแกไ้ ข ปัญ ำโดยติดเทปกำ ีขุ่นผิ เรียบดงรปู ด้ำนล่ำง (ปล. เทปใ ำจมีแรงเ ียดทำนมำกเกนิ ไป) 1.10 ณ ต นน ้ี เรำจ ได้ช่ ง Slot ำ� รบเ รียญทกุ ชนดิ โดยแต่ล ช่ ง Slot จ มีกร ดำ ลงคน่ ยู่ทำ� ใ แ้ ต่ล ช่ ง Slot ำ่ งกน 2 ซม.ใ เ้ รำ ดร ย จำกทำ้ ยกร ดำ ไปยงแต่ล จุดกึง่ กลำงข งกร ดำ ลงทคี่ ่นช่ ง Slot ยู ่ พร้ มกบ ำดเ น้ ้ำง ิงบนกร ดำ ลง 5x25 ซม. ีกชนิ้ นึง่ (กร ดำ ลง ่ นปร ก บ B) ดงรูปดำ้ นล่ำง 1.11 ำงกร ดำ ลงขนำด 25x2.5 ซม. ท้ง งชนิ้ ลงบนข บข งกร ดำ ลง ่ นปร ก บ A ดงรปู ดำ้ นล่ำง - 75 -

ข้ันตอนท่ี 2 กำร ร้ำงช้ิน ่ นด้ำน นำ้ 2.1 ำด เี่ ลยี่ มจตรุ 5.5x5.5 ซม.ท่มี มุ ข งกร ดำ ลง ่ นปร ก บ C แล ำด ี่เ ลีย่ มผืนผ้ำข้ำงใน ่เี ล่ยี ม จตรุ ตำม ด ่ น ดงทแ่ี ดงดำ้ นล่ำง 2.2 ลำกเ น้ ำ้ ง ิง ำ่ งจำกข บด้ำนยำ ข งกร ดำ ลงขนำด 19x26 ซม. (กร ดำ ลง ่ นปร ก บ C) เป็น ร ย ำ่ ง 5.5 ซม. แล ตด ่ีเ ลยี่ มผนื ผำ้ ท่รี ำ่ งไ ้ขำ้ งตน้ 2.3 ำด ีเ่ ล่ยี มผืนผำ้ ขนำด 5x18 ซม. จำกเ ้น ้ำง งิ นต้ี ำมท่แี ดงในรปู ด้ำนล่ำง เพ่ื เปน็ ช่ งเปิดใ เ้ ็น เ รียญทคี่ ดแยกไ แ้ ล้ 2.4 ตดค ำมก ำ้ งข ง ี่เ ล่ยี มผนื ผำ้ ดงที่แ ดงเพื่ ร้ำงปร ตู 2.5 ใชไ้ ม้บรรทดกดท่ีด้ำนขำ้ งข งปร ตเู พื่ ใ ง้ กไดง้ ่ำยขนึ้ - 76 -

ขนั้ ตอนท่ี 3 กำร รำ้ งช้ิน ่ นดำ้ นขำ้ ง 3.1 นำ� กร ดำ ลงขนำด 5x19 ซม. (กร ดำ ลง ่ นปร ก บ D) 3.2 ตดกร ดำ ลงใ เ้ ป็นช่ งใ เ่ รยี ญรปู ีเ่ ล่ยี มผนื ผำ้ ขนำด 0.3x3 ซม. โดยใ ้ช่ งใ เ่ รยี ญ งู จำกข บลำ่ ง ข งกร ดำ ลง 16 ซม. แล ตดกร ดำ ลงใ ้เปน็ ช่ ง �ำ รบ ำยไฟใ เ้ ป็นช่ ง ่ีเ ลีย่ มขนำด 1x2 ซม. ท่ี ต�ำแ น่ง งู จำกดำ้ นลำ่ งข งกร ดำ ลง 10 ซม.(ตำมภำพดำ้ นล่ำง) ขั้นตอนที่ 4 กำรเชื่ มต่ งจร ิเล็กทร นกิ ์ 4.1 ำง ลทรำซำ ด์ลงบนกร ดำ ลงขนำด 2x5 ซม. 4.2 บดกรจี มเป ร์ต เมยี เข้ำกบคลปิ จร เข ้ พนเทปกำ ฉน นกนไฟฟ้ำ รื ใชท้ ่ ด ( ธิ ที �ำดูต ย่ำงไดจ้ ำก https://youtu.be/SSfhj1tq07U) เพ่ื ป้ งกนมื ไป มผ ำยไฟโดย 4.3 ท�ำซำ้� ขน้ ต นท่ี 1 กี 2 ครง้ เพ่ื รำ้ ง ำย ่ง ญญำณ 2 เ ้นแล ำยกรำ ด์ 1 เ น้ 4.4 ใช้ ำย ง่ ญญำณ 2 เ ้น เพื่ เช่ื ม Pin Trig แล Pin echo ข ง ลทรำซำ ด ์ กบ Pin0 แล Pin1 ข ง micro:bit ตำมลำ� ดบ 4.5 ใช้ ำยกรำ ด์เชื่ มต่ Pin กรำ ด์ข ง ลทรำซำ ด์เข้ำกบ Pin กรำ ดข์ ง micro:bit - 77 -

4.6 เช่ื มต่ micro USB ข ง micro:bit 4.7 ทำ� กำรจ่ำยไฟใ ้ ลทรำซำ ด์ โดยเชื่ มต่ ำยจมเป รท์ ่ี Pin 5V แล Pin กรำ ด์ข ง ลทรำซำ ดก์ บแ ลง่ จ่ำยไฟ 5V ขัน้ ตอนท่ี 5 กำรนำ� ทุก ยำ่ งมำปร ก บกน 5.1 ำงกร ดำ ลงขนำด 5x5 ซม. 6 ช้ิน ลงบนเ ้น ้ำง งิ ทก่ี ร ดำ ลง ่ นปร ก บ B 5.2 ำงกร ดำ ลง ่ นปร ก บ D ท่ดี ำ้ นข ำข งกร ดำ ลง ่ นปร ก บ B 5.3 ำง ลทรำซำ ด์ทก่ี ร ดำ ลง ่ นปร ก บ D โดยใ ้ งู จำกด้ำนล่ำงปร มำณ 5.7 ซม. 5.4 ใชเ้ ทปตดิ ไมโครบติ งู 0.5 ซม. จำกด้ำนล่ำงข ง กร ดำ ลง ่ นปร ก บ B โดยใ ้ น้ำจ แล ปมุ่ น กด้ำนน ก 5.5 ด ำยทง้ มดผำ่ นรู ำ� รบ ำยไฟ - 78 -

5.6 ำงกร ดำ ลงขนำด 5x19 ซม. ีกต (กร ดำ ลง ่ นปร ก บ E) ท่ี ด้ำน ลงข ง B 5.7 จด ำงกร ดำ ลง ่ นปร ก บ A ใ ช้ ่ งเ รียญ 5 ซม. ยูท่ ำงข ำ จำกนน้ ใ ้ ำงกร ดำ ลง ่ นปร ก บ A ลงบนกร ดำ ลง ่ น ปร ก บ B โดยใ ด้ ำ้ นท่ีมชี ่ งเ รียญ 10 บำท ูง 9 ซม. จำกดำ้ นล่ำง ข ง B แล ดำ้ นท่ีมีช่ งเ รยี ญ 1 บำท ูง 16 ซม. จำกดำ้ นล่ำงข ง B (ดภู ำพเพื่ ค ำมเข้ำใจ) 5.8 แป กร ดำ ลง ่ นปร ก บ C ที่ด้ำน น้ำข งเครื่ งคดเเยกเ รยี ญ โดยใ ้ A ูง 8 ซม. แล 15 ซม. จำกด้ำนลำ่ งข ง C 5.9 แป กร ดำ ลงขนำด 5 x 19 ซม. ีกชน้ิ ท่ีด้ำนซำ้ ยข งเครื่ งคดเเยก เ รยี ญ แล แป กร ดำ ลงขนำด 5x25 ซม. แผน่ ุดท้ำยท่ดี ้ำนบนข งเครื่ งคดเเยกเพ่ื ปิดเครื่ งคดแยก ขนั้ ตอนท่ี 6 ทดล งเปดิ เคร่ื ง micro:bit แล ปุ กรณ ์ ultrasound 6.1 ต่ ำยกรำ ดแ์ ล ำย 5V ข ง ลทรำซำ ด์เขำ้ กบแ ล่งจำ่ ยไฟ 4.5V ถงึ 5V 6.2 ำมำรถใช้แ ลง่ จำ่ ยไฟเดีย กนเพื่ จำ่ ยพลงงำนใ ้ micro:bit แล ลทรำซำ ด์ ขนั้ ตอนกำรเขยี นโปรแกรม ขน้ั ตอนท่ี 1 กำรเทียบค่ำมำตรฐำนใ ้กบ ุปกรณ์ ลทรำซำ ด์ แม้ ำ่ ต ปุ กรณ์ ลทรำซำ ดจ์ ำ่ งจำก ตถเุ ท่ำ ๆ กน แต่ ปุ กรณ์ ลทรำซำ ดแ์ ตล่ ต จ ใ ้ค่ำร ย ำ่ งทแี่ ตก ตำ่ งกน แล ภำพแ ดล้ มในแต่ล กำรใชง้ ำนกต็ ำ่ งกน ดงนน้ เพ่ื ใ ้คำ่ ร ย ทำงทไ่ี ด้แมน่ ย�ำ เรำจ�ำเป็นต้ งเทียบ แล ปรบคำ่ ข ง ลทรำซำ ดใ์ ไ้ ดม้ ำตรฐำน โดยกำรเทยี บแล ปรบคำ่ ใ เ้ ปน็ มำตรฐำนมขี ้นต นดงน้ี 1.1 ดำ น์โ ลดแพ็กเกจ Sonar เพ่ื ใ ้ง่ำยต่ กำรเขำ้ ถงึ ฟังก์ชน ลทรำซำ ด ์ 1.2 รำ้ งฟังก์ชนเพ่ื ใ ไ้ ดร้ ย ทำงข ง ลทรำซำ ดต์ ำมทแ่ี ดง - 79 -

1.3 รำ้ งฟังกช์ นเพื่ แ ดงร ย ทำงที่ ลทรำซำ ดต์ ร จจบบน น้ำจ แล เรียกใช้ฟังกช์ นนไี้ ปเร่ื ย ๆ 1.4 ตร จ บใ แ้ น่ใจ ำ่ ลทรำซำ ดน์ ้น ำงในแน ตง้ ย่ำงเรยี บร้ ยแล ไม่มี ิง่ กดี ข ำง 1.5 ย่ นเ รียญแตล่ ปร เภทลงในเครื่ งคดแยกเ รียญ ลำย ๆ คร้ง พร้ มกบบนทกึ ร ย ทำงข้นต�่ำ (min) แล ร ย ทำงข้น งู ุด (max) ที่ ปุ กรณ์ ลตรำซำ ด์ ดไดจ้ ำกกำร ย่ นเ รยี ญแตล่ ชนดิ ข้นั ตอนท่ี 2 กำร ำผลร มข งมลู ค่ำข งเ รียญ 2.1 เริ่มจำกกำร ร้ำงต แปรต่ ไปนี้ ชือ่ ตั แปร คำ่ ทต่ี ั แปรเกบ็ coin ชนิดข งเ รยี ญทตี่ กลงมำ sum จ�ำน นเงนิ ทง้ มดที่ ย ดเ รียญลงมำ 1L ค่ำร ย ทำงตำ่� ดุ ข งเ รียญบำท (ท่ไี ดจ้ ำกข้นต นกำรปรบคำ่ มำตรฐำน) 1U คำ่ ร ย ทำง ูง ดุ ข งเ รียญบำท (ท่ีไดจ้ ำกขน้ ต นกำรปรบค่ำมำตรฐำน) 2L ค่ำร ย ทำงตำ่� ดุ ข งเ รียญ 2 บำท (ทีไ่ ด้จำกข้นต นกำรปรบค่ำมำตรฐำน) 2U คำ่ ร ย ทำง งู ุดข งเ รียญ 2 บำท (ท่ไี ด้จำกข้นต นกำรปรบค่ำมำตรฐำน) 5L คำ่ ร ย ทำงต�ำ่ ดุ ข งเ รียญ 5 บำท (ท่ีไดจ้ ำกขน้ ต นกำรปรบค่ำมำตรฐำน) 5U ค่ำร ย ทำง ูง ุดข งเ รยี ญ 5 บำท (ที่ไดจ้ ำกข้นต นกำรปรบคำ่ มำตรฐำน) 10L คำ่ ร ย ทำงต่ำ� ุดข งเ รียญ 10 บำท (ที่ไดจ้ ำกขน้ ต นกำรปรบคำ่ มำตรฐำน) 10U ค่ำร ย ทำง งู ดุ ข งเ รยี ญ 10 บำท (ท่ีได้จำกข้นต นกำรปรบคำ่ มำตรฐำน) - 80 -

2.2 บนทกึ ค่ำร ย ทำงขน้ ต่ำ� แล ข้น ูง ดุ ข งเ รยี ญแตล่ ชนดิ จำกดำ้ นบนไ ใ้ นต แปร 1L, 1U, 2L, 2U, 5L, 5U, 10L แล 10U 2.3 เริ่มตน้ ต้งคำ่ ผลร มข งเ รยี ญเป็น 0 ก่ น (ต้งค่ำต แปร sum ใ ้เปน็ 0) 2.4 เร่ิมต้นต้งค่ำชนดิ ข งเ รียญใ เ้ ปน็ 0 (ตง้ คำ่ ต แปร coin ใ ้เปน็ 0) 2.5 เรำจ ำผลร มตำม ลกกำรต่ ไปน้ี ถ้ำ ลทรำซำ ด์แ ดงผลร ่ำงขน้ ต่�ำแล งู ุดข งเ รียญชนิดใด เ รยี ญทถ่ี กู ย่ นลงมำกน็ ำ่ จ เปน็ เ รียญชนดิ นน้ ๆ ดงน้น ำกเรำ ่ำนค่ำท่ีไดจ้ ำก ลทรำซำ ด์แล้ ค่ำที่ ำ่ นมำมีค่ำมำกก ำ่ รื เท่ำกบค่ำข้นต�่ำแล น้ ยก ำ่ รื เทำ่ กบค่ำ ูง ุดข งเ รียญชนดิ ใด เรำก็จ เพม่ิ ค่ำ ข งผลร มตำมมูลค่ำข งเ รียญชนดิ น้น โดยเรำ รำ้ งฟงั ก์ชนเพ่ื ตร จ บแล ร มค่ำตำมท่ไี ด้ ธิบำยน้ี 2.6 เรยี กใช้ฟงั ก์ชนนี้ ย่ำงต่ เน่ื ง 2.7 ำกเรำต้ งกำรเร่ิมต้นนบเ รยี ญใ ม ่ ลงจำกเรำนำ� เ รียญ กไป มดแล้ เรำก็แคต่ ้งค่ำใ ้ผลร มเ รยี ญ เป็น 0 โดยกำรกดปุ่ม A แล B พร้ มกน - 81 -

- 82 -

สื่อรายการท่ี 3/9 เอกสารเสรมิ ความรู้ เรอื่ ง การจัดการเรยี นรู้โดยใช้โครงงานเปน็ ฐาน (Project Based Learning Using CT) ความหมาย กำรจดกำรเรยี นรู้แบบใช้โครงงำนเปน็ ฐำน มำยถึง กำรจดกำรเรยี นรู้ท่ีมคี รูเป็นผู้กร ตุ้นเพื่ น�ำค ำม นใจทเ่ี กดิ จำกต นกเรยี นมำใชใ้ นกำรทำ� กจิ กรรมคน้ ค ำ้ ำค ำมรดู้ ้ ยต นกเรยี นเ ง นำ� ไป กู่ ำรเพมิ่ ค ำมรทู้ ไี่ ดจ้ ำกกำรลงมื ปฏบิ ต ิ กำรฟังแล กำร งเกตจำกผ้เู ชี่ย ชำญ โดยนกเรียนมีกำรเรยี นรผู้ ำ่ นกร บ นกำรท�ำงำนเปน็ กลุ่ม ทีจ่ นำ� มำ ู่กำร รปุ ค ำมรู้ใ ม ่ มกี ำรเขยี นกร บ นกำรจดท�ำโครงงำนแล ไดผ้ ลกำรจดกจิ กรรมเปน็ ผลงำนแบบรปู ธรรม (ดุ ฎ ี โยเ ลำ แล คณ , 2557: 19-20) กำรจดกำรเรยี นร้แู บบใชโ้ ครงงำนเป็นฐำน (Project-Based Learning) เป็น ธิ กี ำร นท่มี ุง่ ใ ้นกเรยี นได้เรียนรู้ จำกปร บกำรณ์จริงซึ่งมีรำกฐำนมำจำกแน คดิ ข ง John Dewey ในช่ ง ค. . 1859-1952 นกปรชญำแล นกกำร ึก ำแบบพฒนำกำรนยิ ม (Progressive education) ทีเ่ ชื่ ่ำกำร ึก ำเป็นกำร รำ้ งปร บกำรณท์ ีต่ ่ เน่ื งโดยมผี ู้ เรียนเป็น นู ยก์ ลำง ผลกำรจดกำรเรยี นรู้ทีผ่ ่ำนมำใ ค้ ำม �ำคญกบกำรทำ� ค แนน บที่ งู จนล เลยกำรจดกำรเรียนกำร นแล ิง่ แ ดล้ มกำรเรยี นรู้ทเี่ น้นกำรปฏิบตจิ ริง โดยได้กล่ำ ำ่ กำรเรียนกำร นแบบโครงงำนนน้ จ ท�ำใ ผ้ ู้เรียนได้ รบปร บกำรณจ์ ริง ซ่ึงเปน็ ปร บกำรณ์ทีผ่ ู้เรยี นไดเ้ รยี นรู้รูปธรรมทำ� ใ เ้ กิดกำรเรียนรู้ ยำ่ งมคี ำม มำย ตรงกบค ำม นใจข งผูเ้ รยี นแล ผทู้ �ำใ ้ผ้เู รียนมคี ำมกร ตื รื รน้ ยู่เ ม ร มถงึ กำรเรียนรขู้ งผเู้ รียนตำมแน คิดกำร ร้ำงค ำมรู้ ด้ ยตนเ ง (Constructivism) มำตรฐำนกำร ึก ำ กำรเรียนรู้จำกกำรทำ� งำนกำรจดกลุ่มผเู้ รียนแบบคล ลำยค ำม ำมำรถ ผู้ นมีบทบำทเพียงผู้ช่ ยค ย �ำน ยค ำม ด กในกำรเรยี นรู้ ลดบทบำทในกำรถำ่ ยท ดค ำมรู้โดยกำร บรรยำยลง เพิม่ กำรเน้นผ้เู รียนปฏิบติจรงิ แล เนน้ กำรคดิ ข้น ูง จดปร บกำรณ์ใ ผ้ ้เู รยี นท่ี ลำก ลำย ดคล้ งกบค ำม ำมำรถแล นใจข งผเู้ รยี น Krichner, P. A., Sweller, J., and Clark, R, E, (2006) กลำ่ ำ่ กำร นแบบโครงงำน มำยถงึ กำร นที่ใช้โครงงำนเปน็ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ กจิ กรรมดงกลำ่ ท�ำใ ้เกิดกำร ืบเ ำ ค ำมรแู้ ล ธิ กี ำรแกป้ ญั ำ ข งนกเรียน ซง่ึ กจิ กรรมโครงงำนจ ต้ งปร ก บด้ ยงำนท่นี กเรยี นเป็นผู้ก�ำ นดขนึ้ เพ่ื น�ำไป ่เู ปำ้ มำยเฉพำ ท่ีเป็นจรงิ แล มคี ุณคำ่ เป้ำ มำยนี้เป็น ่งิ ท่ี มผ ไดโ้ ดยไม่ต้ งกำร ธิบำยมำกมำยนก น กจำกน้โี ครงงำนยงร มถงึ กำรใช้แล กำร จดทำ� ดุ ผลผลติ ท่ี มผ ได้ด้ ย แล �ำนกงำนคณ กรรมกำรกำร กึ ำแ ง่ ชำต ิ (2542: 4) ใ ้ค ำม มำยข งโครงงำน ่ำ กำรจดกจิ กรรมโครงงำนเป็นกำรจดปร บกำรณ์กำรเรียนรูท้ ใี่ ้ผ้เู รยี นได้เลื กแล ร้ำงกร บ นกำรเรียนรู้เร่ื งใด เรื่ ง น่ึง ยำ่ ง ุ่มเลื กด้ ยตนเ ง โดย ธิ กี ำรแล แ ล่งกำรเรียนรทู้ ่ี ลำก ลำย แล ำมำรถนำ� ผลกำรเรยี นรู้ไปใช้ในชี ิต จริงได ้ ( ำ้ งถึงใน จรยิ ำ พชิ ยค�ำ, 2559) รปุ ได้ ำ่ กำรจดกำรเรียนรูแ้ บบใช้โครงงำนเปน็ ฐำน (Project-Based Learning) เป็น ิธีกำร นท่ีผู้ นช่ ย กร ตนุ้ ใ ผ้ ู้เรียนนำ� ค ำมรทู้ ี่ไดจ้ ำกแ ลง่ เรยี นรูท้ ่ีผเู้ รียนต้ งกำรผ่ำนกร บ นกำรท�ำงำนเป็นกลุม่ บรู ณกำรเข้ำกบกิจกรรม ท่ผี เู้ รียนได้ลงมื ทดล งเพ่ื น�ำไป ูค่ ำมรู้ใ ม่ - 83 -

ลักษณะส�ำคัญของกำรเรียนรแู้ บบโครงงำนเป็นฐำน จรยิ ำ พิชยคำ� (2559) กลำ่ ถงึ ลก ณ ำ� คญข งกำรเรียนรู้แบบโครงงำนเป็นฐำนไ ้ ่ำ 1. ปร เด็นปัญ ำ ปร เด็นปญั ำทน่ี �ำมำจดกำรเรยี นรูแ้ บบโครงงำน ค รเป็นเร่ื งท่ีนกเรียน นใจ ง ย ต้ งกำร ำ คำ� ต บ 2. แน ทำงในกำรแก้ปญั ำ รื ำค�ำต บค รเป็นกำร กึ ำด้ ยตนเ ง ย่ำงมรี บบ มี ิธกี ำร กึ ำ ลำย ธิ ี ซง่ึ คร บคลุมถึงกำรแลกเปลี่ยนเรียนรกู้ บผู้ นื่ โดยกำร กึ ำจำกแ ล่งกำรเรียนรูท้ ี่ ลำก ลำย มคี รเู ปน็ ที่ปรึก ำ ตล ดกร บ นกำรทำ� งำน 3. กำร รปุ งค์ค ำมร้ ู ข้ คน้ พบค รเป็นกำร รุปค ำมรู้ท่ี ำมำรถน�ำไปใชใ้ นชี ิตจริงได้กร ตุ้นใ ้ผเู้ รยี นต้ งกำร กึ ำ ำค�ำต บ ยำ่ งต่ เนื่ ง แล ำมำรถแลกเปลย่ี นเรยี นรู้กบผู้ ืน่ ได้ ผู้ น ำมำรถจดกำรเรยี นรแู้ บบโครงงำนเป็นฐำนได้ ลำยปร เภท ท้งน้ขี ึ้นเกณฑ์ทใี่ ช้ในกำรจำ� แนก ในท่นี ี้จ ข แบ่งโครงงำนโดยใชเ้ กณฑ์กำรจดกจิ กรรมกำรเรยี นกำร นซ่งึ ำมำรถแบง่ ได ้ 2 ปร เภท ไดแ้ ก่ 1) โครงงำนตำม ำระ กำรเรียนร้ ู เปน็ โครงงำนทีท่ ำ� ข้ึนเพื่ ใ ้นกเรยี นเกดิ กำรเรียนรตู้ ำมเนื้ ำ ำร ที่ ลก ูตร รื ผู้ นกำ� นดไ ้ ลก ณ ข งกิจกรรมจ เป็นกำรบูรณำกำรค ำมรู้ ทก คณุ ธรรม จรยิ ธรรม แล คำ่ นยิ มในเนื้ ำทีเ่ กย่ี ข้ งเปน็ พืน้ ฐำนในกำร กำ� นดโครงงำน แล 2) กำรปฏิบตั โิ ครงงำนตำมค ำม นใจ เปน็ โครงงำนที่ผู้เรยี นก�ำ นดขนึ้ ตำมค ำมถนด ค ำม นใจ แล ค ำมต้ งกำรท่ี ลำก ลำยซงึ่ ำจจ เกี่ย ข้ งกบเนื้ ำ รื ลก ูตรทกี่ �ำลงเรยี น ยู่ รื ไม่กไ็ ด้ ยำ่ งไรก็ตำมกำรทำ� โครงงำนน้ตี ้ ง ำ ยค ำมรู้ ทก คุณธรรม จริยธรรมแล ค่ำนยิ มจำกกลมุ่ ำร กำรเรยี นรตู้ ำ่ ง ๆ ทีน่ กเรียนมีมำก่ นมำ บูรณำกำรเพื่ ก�ำ นดเป็นโครงงำน แล กำรปฏบิ ตติ ำมค ำม นใจ ทง้ น้ ี ในกำร กแบบกำรจดกำรเรียนรแู้ บบโครงงำน เปน็ ฐำน ครูผู้ น ำจต้งคำ� ถำมเพื่ ใช้เป็นแน ทำงด�ำเนินกำร ดงน้ี 1) ต้ งกำรใ ้นกเรยี นบรรลุ ตถปุ ร งคใ์ ด รื มำตรฐำนใด 2) ปร เมนิ ผลกำรเรยี นร้ขู งนกเรียน ย่ำงไร 3) ถำนกำรณ์ในชี ติ จริง รื ำชีพใดทีจ่ มำปร ยุกต์ใช้ในกำรจดกำรเรียนรู้ 4) ปญั ำ ไรที่จ นำ� มำใชภ้ ำยใตเงื่ นไขค�ำถำมในข้ 1-3 5) มีแ ลง่ เรียนรู้ทน่ี กเรียนต้ งกำร เช่น นง ื เ บ็ ไซต์ ุปกรณ์ เครื่ งมื ที่ นบ นนุ กำรเรยี นรู้ 6) ใ ก้ ำร นบ นุน รื ช่ ยเ ลื กำรเรยี นรูข้ งนกเรียนได้ ยำ่ งไร 7) มกี ำรจดกลุ่มนกเรยี น ยำ่ งไรเพื่ ำ� น ยค ำม ด กในกำรเรียนร ู้ แล มีกฎร เบียบ ย่ำงไร 8) กำรปร เมนิ ผลแบบใดบำ้ งทนี่ ำ� มำใช้ในกำรปร เมนิ พฒนำกำร กำรเรียนรู้ข งผ้เู รียนในช้นเรยี น 9) ใ น้ กเรยี นน�ำเ น ผลกำรน�ำเ น ผลกำรแก้ปัญ ำด้ ย ิธีกำรใด 10) ใ ้ข้ มูล ท้ นกลบต่ กำรเรยี นรขู้ งนกเรียน ยำ่ งไร เม่ื ครผู ู้ นต บค�ำถำมเ ล่ำนี้เรียบร้ ยแล้ ผู้ นย่ มมน่ ใจได้ ่ำผู้ นมำถูกทำงแล พร้ มทจ่ี กแบบกำร จดกำรเรียนรูแ้ บบโครงงำนเป็นฐำนได ้ เพ่ื ทำ� ใ ้ผเู้ รียนใชก้ ร บ นกำรเรียนร ู้ กำรคิด แล กำรทำ� งำนเปน็ ร่ มกน ผเู้ รยี น แ ง ำค ำมรู้แล รำ้ งค�ำ ธบิ ำยด้ ยตนเ งเพื่ ต บคำ� ถำม �ำคญข งปัญ ำที่ทำ� โครงงำน - 84 -

ลกั ษณะเดน่ ของกำรเรยี นรูโ้ ดยกำรท�ำโครงงำน กำรเรียนรู้แบบโครงงำนช่ ยใ ้ผู้เรียน ำมำรถน�ำค ำมรู้ท่ีได้มำจำกกำรเรียนรู้ท้งในแล น ก ้ งเรียนมำปรบใช้ใน กำรท�ำโครงงำน ทำ� ใ ผ้ ู้เรียนมีโ กำ ในกำรเรียนรแู้ ล พฒนำใน ลำยดำ้ น เปน็ ีกรูปแบบ นง่ึ ที่มผี ู้ใ ้ค ำม นใจมำกในปจั จุบน McDonell (2007) ไดก้ ล่ำ ่ำ กำรเรียนรู้แบบโครงงำนเป็น รูปแบบ นงึ่ ข ง Child- centered Approach ทเ่ี ปดิ โ กำ ใ ้นกเรียนไดท้ �ำงำนตำมร ดบทก ทีต่ นเ งมี ย ู่ เป็นเรื่ งท่ี นใจแล รู้ กึ บำยใจที่จ ท�ำ นกเรยี นได้รบ ิทธใิ นกำรเลื ก ่ำจ ต้งค�ำถำม ไร แล ต้ งกำรผลผลติ ไรจำกกำร ทำ� งำนชิน้ น้ ี โดยครทู �ำ นำ้ ทเ่ี ป็นผู้ นบ นนุ ปุ กรณแ์ ล จดปร บกำรณ์ใ ้แกน่ กเรยี น นบ นนุ กำรแก้ไขปัญ ำ แล รำ้ งแรงจงู ใจใ แ้ กน่ กเรียน โดยลก ณ ข งกำรเรียนรูแ้ บบโครงงำน มดี งน้ี 1) นกเรยี นก�ำ นดกำรเรียนรูข้ งตนเ ง 2) เช่ื มโยงกบชี ิตจรงิ ง่ิ แ ดล้ มจรงิ (ค ำมคดิ กบข้ เทจ็ จรงิ ) 3) มีฐำนจำกกำร จิ ย รื งคค์ ำมรู้ทเ่ี คยมี 4) มีกำรเรียนรู้ร่ มกนภำยในกลุม่ ง่ ผลใ ค้ ำมรู้ค ำม ำมำรถแล ทก ตำ่ ง ๆ ในต ข งผเู้ รียนถูกนำ� มำใช้ ยำ่ งเตม็ กยภำพ 5) ใชแ้ ลง่ ข้ มูล ลำยแ ล่ง 6) ฝังตรึงด้ ยค ำมรแู้ ล ทก บำง ย่ำง (embedded with knowledge and skills) 7) ใช้เ ลำมำกพ ในกำร รำ้ งผลงำน 8) ช่ ย ่งเ รมิ คณุ ธรรม จริยธรรม ค่ำนิยมต่ำง ๆ เชน่ ปร ชำธปิ ไตย กำรรบฟงั ค ำมคิดเ ็นซ่ึงกนแล กน 9) มีผลผลิต แนวคิดส�ำคญั กำรเรยี นรแู้ บบโครงงำนนน้ มแี น คดิ ดคล้ งกบ John Dewey เรื่ ง “learning by doing” ซึ่งได้กล่ำ ำ่ “Education is a process of living and not a preparation for future living.” (Dewey John, 1897: 79 cite in Douladeli Efstratia, 2014) ซึ่งเป็นกำรเนน้ กำรจดกำรเรยี นรู้ทใี่ ้นกเรียนได้รบปร บกำรณช์ ี ติ ขณ ท่ีเรยี น เพื่ ใ ้ นกเรียนไดพ้ ฒนำทก ตำ่ ง ๆ ซงึ่ ดคล้ งกบ ลกพฒนำกำรคดิ ข ง Bloom ท้ง 6 ขน้ คื ค ำมรู้ค ำมจำ� (Remem- bering) ค ำมเขำ้ ใจ (Understanding) กำรปร ยุกต์ใช ้ (Applying) กำร ิเครำ ์ (Analyzing) กำรปร เมินคำ่ (Evalu- ating) แล กำรคดิ รำ้ ง รรค ์ (Creating) ซ่งึ กำรจดกำรเรียนรแู้ บบใช้โครงงำนเป็นฐำน น้นจึงเปน็ เป็น ีกรปู แบบ น่งึ ท่ี ถื ได้ ่ำเปน็ กำรจดกำรเรยี นรูท้ ีเ่ น้นผู้เรยี นเป็น �ำคญ เนื่ งจำกผู้เรยี นได้ลงมื ปฏบิ ตเิ พื่ ฝึกทก ต่ำง ๆ ด้ ยตนเ งทกุ ข้นต น โดยมคี รูเป็นผจู้ ดปร บกำรณก์ ำรเรียนรู้ กำรเตรียมตวั ของครูกอ่ นกำรจัดกำรเรยี นรู้ ในกำรจดกำรเรยี นรู้แตล่ คร้ง ครจู ต้ งเป็นผ้ทู ม่ี ีค ำมพร้ มแล มีค ำมแมน่ ยำ� ในเนื้ ำเพื่ ใ ก้ ำรจดกำรเรียนรู้ เปน็ ไป ยำ่ งรำบรนื่ แล ำมำรถ ำ� น ยค ำม ด กใ ้ผูเ้ รยี นเกิดกำรเรียนรไู้ ด้ขณ กิจกรรม ซ่งึ กำรจดกจิ กรรมกำรเรียน รดู้ งกลำ่ มแี น ทำงในกำรจดกำรเรียนรู้ 2 รูปแบบ คื กำรจดกจิ กรรมตำมค ำม นใจข งผ้เู รยี น แล กำรจดกิจกรรมตำม ำร กำรเรียนรู้ - 85 -

กำรจดกิจกรรมตำมค ำม นใจข งผู้เรียน เปน็ กำรจดกจิ กรรมท่ีใ ผ้ ้เู รยี นเลื ก กึ ำโครงงำนจำก ่ิงที่ นใจ ยำก รทู้ ่มี ี ยใู่ นชี ิตปร จำ� น ิง่ แ ดล้ มใน งคม รื จำกปร บกำรณต์ ่ำง ๆ ทีย่ งต้ งกำรค�ำต บ ข้ รุปซึ่ง ำจจ ยูน่ ก เ นื จำก ำร กำรเรียนรูใ้ นบทเรยี นข ง ลก ตู ร มีขน้ ต นดงน้ี 1) ตร จ บ ิเครำ ์ พิจำรณำ ร บร มค ำม นใจข งผ้เู รยี น 2) กำ� นดปร เดน็ ปญั ำ/ ข้ เรื่ ง 3) ก�ำ นด ตถุปร งค์ 4) กำ� นด ิธกี ำร กึ ำแล แ ลง่ ค ำมรู้ 5) ำงแผนแล ิเครำ โ์ ครงงำน 6) ลงมื ปฏิบติ รื แกป้ ญั ำ 7) ปร เมนิ ผลร ำ่ งปฏบิ ติงำน 8) รุปผลกำร ึก ำแล กำรน�ำไปใช้ 9) เขียนรำยงำน จิ ยแบบงำ่ ย ๆ 10) จดแ ดงผลงำน ขนั้ ตอนกำรจัดกำรเรียนรแู้ บบใชโ้ ครงงำนเปน็ ฐำน กำรจดกำรเรียนรูแ้ บบใช้โครงงำนเปน็ ฐำนนน้ มีกร บ นกำรแล ขน้ ต นแตกต่ำงกนไปตำมแต่ล ทฤ ฎ ี ซึง่ ในคูม่ ื กำรจดกำรเรยี นรแู้ บบใช้โครงงำนเปน็ ฐำนฉบบน ้ี ข นำ� เ น 3 แน คดิ ทถี่ ูกพจิ ำรณำแล้ เ มำ มกบบริบทข งเมื งไทย คื 1. กำรจดกำรเรียนรูแ้ บบใชโ้ ครงงำนข ง �ำนกงำนเลขำธิกำร ภำกำร กึ ำแล กร ทร ง กึ ำธกิ ำร (2550) 2. ข้น กำรจดกำรเรียนรู้ตำมโมเดลจกรยำนแ ่งกำรเรียนรแู้ บบ PBL ข ง จิ ำรณ์ พำณชิ (2555) แล 3. กำรจดกำรเรยี นรู้แบบ ใชโ้ ครงงำนเป็นฐำนทีไ่ ดจ้ ำกโครงกำร รำ้ งชดุ ค ำมรเู้ พื่ รำ้ งเ รมิ ทก แ ่ง ต รร ท่ี 21 ข งเดก็ แล เยำ ชน: จำก ปร บกำรณค์ ำม ำ� เร็จข งโรงเรียนไทย ข งดุ ฎ ี โยเ ลำ แล คณ (2557) ดงน้ี แน คิดที่ 1 ข้นต นกำรจดกำรเรียนรู้แบบโครงงำนข ง �ำนกงำนเลขำธิกำร ภำกำร ึก ำแล กร ทร ง กึ ำธิกำร ซง่ึ ได้น�ำเ น ขน้ ต นกำรจดกำรเรยี นร้แู บบโครงงำน ไ ้ 4 ขน้ ต น ดงนี้ ภำพ 1 ข้นต นกำรจดกำรเรยี นรูแ้ บบโครงงำน �ำนกงำนเลขำธิกำร ภำกำร กึ ำแล กร ทร ง ึก ำธิกำร - 86 -

1) ขัน้ นำ� เ นอ มำยถงึ ขน้ ท่ผี ู้ นใ ผ้ ู้เรยี น ึก ำใบค ำมร้ ู ก�ำ นด ถำนกำรณ ์ กึ ำ ถำนกำรณ ์ เลน่ เกม ดู รูปภำพ รื ผู้ นใช้เทคนคิ กำรตง้ ค�ำถำมเกี่ย กบ ำร กำรเรยี นรูท้ ่กี ำ� นดในแผนกำรจดกำรเรยี นร้แู ต่ล แผน เชน่ ำร กำรเรยี นรู้ตำม ลก ูตรแล ำร กำรเรียนรู้ท่ีเปน็ ข้นต นข งโครงงำนเพื่ ใช้เปน็ แน ทำงใน กำร ำงแผนกำรเรยี นรู้ 2.) ขั้น ำงแผน มำยถงึ ข้นทผ่ี ู้เรยี นร่ มกน ำงแผน โดยกำรร ดมค ำมคดิ ภิปรำย ำรื ข้ รุปข งกล่มุ เพื่ ใชเ้ ปน็ แน ทำงในกำรปฏิบติ 3) ขั้นปฏิบัติ มำยถึง ข้นทีผ่ เู้ รยี นปฏิบตกิ จิ กรรม เขยี น รุปรำยงำนผลที่เกิดข้ึนจำกกำร ำงแผนร่ มกน 4) ขนั้ ประเมินผล มำยถึง ข้นกำร ดแล ปร เมนิ ผลตำม ภำพจริง โดยใ บ้ รรลจุ ดุ ปร งค์กำรเรียนรู้ท่ี กำ� นดไ ้ในแผนกำรจดกำรเรียนรู้ โดยมผี ู้ น ผ้เู รยี นแล เพ่ื นร่ มกนปร เมิน แน คดิ ท่ี 2 ขน้ กำรจดกำรเรยี นร ู้ ตำมโมเดลจกรยำนแ ง่ กำรเรยี นรูแ้ บบ PBL ข ง จิ ำรณ ์ พำณิช (2555:71-75) ซง่ึ แน คดิ น้มี คี ำมเชื่ ำ่ ำกต้ งกำรใ ก้ ำรเรยี นรู้มีพลงแล ฝงั ในต ผเู้ รยี นได ้ ต้ งเป็นกำรเรยี นร้ทู ี่เรยี นโดยกำร ลงมื ทำ� เปน็ โครงกำร (Project) ร่ มมื กนทำ� เปน็ ทมี แล ท�ำกบปัญ ำทม่ี ี ยู่ในชี ิตจริง ซึ่ง ่ นข ง งล้ แต่ล ช้ิน ไดแ้ ก่ Define, Plan, Do, Review แล Presentation ภำพ 2 โมเดล จกรยำนแ ง่ กำรเรยี นรแู้ บบ PBL 1.) Define คื ข้นต นกำรท�ำใ ้ มำชิกข งทมี งำน ร่ มทง้ ครดู ้ ยมีค ำมชดเจนร่ มกน ่ำ ค�ำถำม ปัญ ำ ปร เด็น ค ำมท้ำทำยข งโครงกำรคื ไร แล เพื่ ใ เ้ กดิ กำรเรยี นรู้ ไร 2) Plan คื กำร ำงแผนกำรทำ� งำนในโครงกำร ครูก็ต้ ง ำงแผน ก�ำ นดทำง นที ไี ลใ่ นกำรท�ำ นำ้ ที่โค้ช ร ม ทง้ เตรียมเครื่ ง ำ� น ยค ำม ด กในกำรทำ� โครงกำรข งนกเรียน แล ท่ี ำ� คญเตรยี มค�ำถำมไ ้ถำมทมี งำน เพ่ื กร ตุ้นใ ้คดิ ถึงปร เดน็ ำ� คญบำงปร เดน็ ที่นกเรยี นม งข้ำม โดยถื ลก ่ำ ครูต้ งไมเ่ ขำ้ ไปช่ ยเ ลื จนทมี งำนขำดโ กำ คดิ เ งแก้ปญั ำเ ง นกเรยี นทเ่ี ป็นทีมงำนก็ต้ ง ำงแผนงำนข งตน แบง่ นำ้ ทก่ี นรบ ผดิ ช บ กำรปร ชมุ พบป ร ่ำงทมี งำน กำรแลกเปลีย่ นข้ ค้นพบแลกเปล่ียนค�ำถำม แลกเปลี่ยน ิธกี ำร ยิ่งท�ำค ำมเขำ้ ใจร่ มกนไ ช้ ดเจนเพยี งใด งำนในขน้ Do กจ็ ด กเล่ื นไ ลดเี พยี งน้น - 87 -

3) Do คื กำรลงมื ท�ำ มกจ พบปัญ ำท่ไี มค่ ำดคดิ เ ม นกเรียนจงึ จ ได้เรียนรู้ทก ในกำรแก้ปัญ ำ กำร ปร ำนงำน กำรท�ำงำนร่ มกนเป็นทมี กำรจดกำรค ำมขดแย้ง ทก ในกำรทำ� งำนภำยใตท้ รพยำกรจำ� กด ทก ในกำรค้น ำค ำมรูเ้ พม่ิ เตมิ ทก ในกำรท�ำงำนใน ภำพท่ีทมี งำนมคี ำมแตกต่ำง ลำก ลำย ทก กำรท�ำงำนใน ภำพกดดน ทก ในกำรบนทึกผลงำน ทก ในกำร ิเครำ ผ์ ล แล แลกเปลี่ยนข้ เิ ครำ ์ กบเพ่ื นร่ มทมี เปน็ ต้น ในขน้ ต น Do นี้ ครเู พ่ื ิ ย์จ ได้มีโ กำ งเกตท�ำค ำมร้จู กแล เข้ำใจ ิ ยเ์ ป็นรำยคน แล เรียนรู้ รื ฝกึ ทำ� น้ำที่เปน็ “ ำทยำกร” แล โค้ชด้ ย 4) Review คื กำรท่ที ีมนกเรียนจ ทบท นกำรเรยี นรู ้ ทไี่ ม่ใชแ่ ค่ทบท น ำ่ โครงกำรได้ผลตำมค ำมม่งุ มำย รื ไม ่ แตจ่ ต้ งเนน้ ทบท น ่ำงำน รื กจิ กรรม รื พฤติกรรมแต่ล ข้นต นได้ใ ้บทเรียน ไรบำ้ ง เ ำ ทง้ ขน้ ต นที่เป็นค ำม �ำเร็จแล ค ำมลม้ เ ล มำทำ� ค ำมเข้ำใจ แล กำ� นด ธิ ีท�ำงำนใ มท่ ถี่ ูกต้ งเ มำ มร มท้งเ ำเ ตกุ ำรณร์ ทกึ ใจ รื เ ตกุ ำรณท์ ี่ภำคภูมใิ จ ปร ทบใจ มำแลกเปลี่ยนเรยี นรกู้ น ขน้ ต นนี้ เปน็ กำรเรยี นรู้แบบทบท นไตรต่ ร ง (reflection) รื ในภำ ำ KM เรียก ่ำ AAR (After Action Review) 5) Presentation คื กำรนำ� เ น โครงกำรต่ ช้นเรียน เป็นข้นต นทีใ่ ้กำรเรียนรทู้ ก กี ชดุ นึง่ ต่ เน่ื ง กบข้นต น Review เป็นข้นต นท่ีทำ� ใ เ้ กดิ กำรทบท นข้นต นข งงำนแล กำรเรียนร้ทู เ่ี กดิ ขึ้น ย่ำงเขม้ ขน้ แล้ เ ำมำนำ� เ น ในรปู แบบที่เร้ำใจ ใ ้ ำรมณ์แล ใ ้ค ำมร ู้ (ปัญญำ) ทมี งำนข งนกเรียน ำจ รำ้ ง น ตกรรมในกำรนำ� เ น กไ็ ด ้ โดย ำจเขยี นเป็นรำยงำน แล นำ� เ น เป็นกำรรำยงำน นำ้ ช้น มเี พำเ ร์ พ ยท์ (PowerPoint) ปร ก บ รื จดทำ� ดี ิท น์น�ำเ น รื นำ� เ น เปน็ ล คร เปน็ ตน้ แน คดิ ที่ 3 กำรจดกำรเรียนรู้แบบใชโ้ ครงงำนเป็นฐำน ทป่ี รบจำกกำร กึ ำกำรจดกำรเรียนรู้แบบ PBL ทไ่ี ด้จำก โครงกำร ร้ำงชดุ ค ำมรูเ้ พ่ื รำ้ งเ ริมทก แ ่ง ต รร ท ่ี 21 ข งเด็กแล เยำ ชน: จำกปร บกำรณ์ค ำม �ำเร็จ ข งโรงเรียนไทย ข ง ดุ ฎ ี โยเ ลำแล คณ (2557) โดยมที ง้ มด 6 ข้นต น ดงน้ี ภำพ 3 ขน้ ต นกำรจดกำรเรยี นรแู้ บบใช้โครงงำนเปน็ ฐำน (ปรบปรุงจำก ดุ ฎ ี โยเ ลำแล คณ , 2557: 20-23) - 88 -

ในกำรจดกำรเรียนรแู้ บบใช้โครงงำนเปน็ ฐำนครง้ น ้ี ได้น�ำแน คดิ ทีป่ รบปรุงจำก ดุ ฎ ี โยเ ลำ แล คณ (2557: 20- 23) ซึง่ เปน็ แน ทำงกำรจดกำรเรียนรทู้ ่ี ร้ำงข้นึ มำจำกกำร ึก ำโรงเรียนในปร เท ไทย โดยมขี น้ ต นดงน้ี 1) ขน้ ใ ้ค ำมรู้พ้ืนฐำน ครูใ ค้ ำมรพู้ ้นื ฐำนเก่ยี กบกำรท�ำโครงงำนก่ นกำรเรยี นร้ ู เน่ื งจำกกำรทำ� โครงงำนมี รูปแบบแล ข้นต นทีช่ ดเจนแล รดกลุม ดงนน้ นกเรยี นจงึ มคี ำมจำ� เป็น ย่ำงยิ่งทจี่ ต้ งมีค ำมรเู้ ก่ีย กบ โครงงำนไ เ้ ปน็ พ้ืนฐำน เพ่ื ใชใ้ นกำรปฏบิ ติขณ ท�ำงำนโครงงำนจรงิ ในข้นแ ง ำค ำมรู้ 2) ขน้ กร ตุน้ ค ำม นใจ ครูเตรียมกจิ กรรมที่จ กร ตุ้นค ำม นใจข งนกเรียน โดยต้ งคดิ รื เตรยี มกิจกรรม ท่ีดึงดูดใ น้ กเรียน นใจใครร่ ู้ ถงึ ค ำม นกุ นำนในกำรท�ำโครงงำน รื กจิ กรรมร่ มกน โดยกจิ กรรมน้น ำจเปน็ กจิ กรรมท่คี รกู ำ� นดข้นึ รื ำจเปน็ กจิ กรรมทนี่ กเรียนมีค ำม นใจต้ งกำรจ ทำ� ยแู่ ล้ ท้งน้ใี น กำรกร ตุ้นข งครูจ ต้ งเปิดโ กำ ใ ้นกเรียนเ น จำกกิจกรรมที่ได้เรียนรู้ผ่ำนกำรจดกำรเรียนรู้ข งครูท่ี เก่ีย ข้ งกบชมุ ชนที่นกเรยี น ำ ย ย ู่ รื เปน็ เร่ื งใกล้ต ท่ี ำมำรถเรียนรไู้ ดด้ ้ ยตนเ ง 3) ข้นจดกล่มุ ร่ มมื ครใู น้ กเรยี นแบ่งกลุ่มกนแ ง ำค ำมรู ้ ใช้กร บ นกำรกลมุ่ ในกำร ำงแผนด�ำเนนิ กจิ กรรม โดยนกเรียนเปน็ ผู้ร่ มกน ำงแผนกิจกรรมกำรเรยี นข งตนเ ง โดยร ดมค ำมคดิ แล ำรื แบ่ง น้ำท่ีเพื่ เปน็ แน ทำงปฏิบติร่ มกน ลงจำกท่ไี ดท้ รำบ ข้ ่ิงท่ีตนเ งต้ งเรยี นรู้ในภำคเรียนนน้ ๆ เรียบร้ ยแล้ 4) ข้นแ ง ำค ำมร้ ู ในข้นแ ง ำค ำมรู้มีแน ทำงปฏิบติ �ำ รบนกเรียนในกำรทำ� กจิ กรรม ดงน้ี - นกเรียนลงมื ปฏบิ ตกิ ิจกรรมโครงงำน ตำม ข้ ที่กลุ่ม นใจ - นกเรยี นปฏิบติ น้ำท่ขี งตนตำมข้ ตกลงข งกลุม่ พร้ มท้งร่ มมื กนปฏิบตกิ ิจกรรม โดยข ค�ำปรกึ ำ จำกครเู ป็นร ย เมื่ มีข้ ง ย รื ปัญ ำเกดิ ขึน้ - นกเรยี นร่ มกนเขียนรปู เล่ม รุปรำยงำนจำกโครงงำนที่ตนปฏิบติ 5) ข้น รุป ่งิ ทีเ่ รยี นรู้ ครใู น้ กเรยี น รปุ ิ่งที่เรียนรจู้ ำกกำรท�ำกจิ กรรม โดยครูใช้คำ� ถำม ถำมนกเรียนนำ� ไป ู่ กำร รปุ ่ิงท่เี รยี นรู้ 6) ข้นนำ� เ น ผลงำน ครูใ น้ กเรียนนำ� เ น ผลกำรเรียนรู้ โดยครู กแบบกจิ กรรม รื จดเ ลำใ ้นกเรยี นได้ เ น ่ิงทีต่ นเ งได้เรยี นรู ้ เพ่ื ใ เ้ พ่ื นร่ มช้น แล นกเรยี น นื่ ๆ ในโรงเรยี นได้ชมผลงำนแล เรยี นรูก้ จิ กรรม ทีน่ กเรียนปฏิบตใิ นกำรท�ำโครงงำน แน คิดท่ี 4 ขน้ ต นกำรจดกจิ กรรมกำรเรียนรู้แบบโครงงำนเป็นฐำนเป็นแน ทำง ำ� รบผูเ้ รียนดำ� เนินกำรเ ำ แ ง ำค ำมรู้ที่ตนมีค ำม ง ยใคร่รู้โดย ำ ยกร บ นกำรทำง ิทยำ ำ ตร์แล กำร ึก ำค้นค ้ำแล เรียนรู้จำก กำร ึก ำข งผู้ ่นื กร ทำ� ไ ้ โดยมคี รู ำจำรยแ์ ล ผู้เช่ีย ชำญเป็นผู้ใ ค้ ำ� ปรึก ำ ค ำมรู้ใ ม ่ ๆ ่งิ ปร ดิ ฐ์ใ มแ่ ล ิธกี ำรใ ม่น้น ผเู้ รียนแล ผู้ นไม่เคยรู้ รื มีปร บกำรณม์ ำก่ น (Unknow by all) (พิมพนธ์ เดช คปุ ต ์ แล คณ , 2551: 25) ดงน้น จงึ ต้ ง ำ ยขน้ ต นกำรจดกิจกรรมท่ี ง่ เ รมิ ผ้เู รียน ดงนี้ 1) ขน้ กำ� นดปัญ ำ รื �ำร จค ำม นใจ ผู้ นเ น ถำนกำรณ์ รื ต ย่ำงท่ีเปน็ ปญั ำแล กร ตุน้ ใ ผ้ ู้ เรยี น ำ ธิ ีกำรแก้ปัญ ำ รื ย่ ยุใ ้ผ้เู รียนมคี ำมกร ำยใคร่รใู้ นเร่ื งใดเร่ื ง นงึ่ - 89 -

2) ก�ำ นดจุดมุ่ง มำยในกำรเรียน ผู้ นแน นำ� ใ ผ้ ูเ้ รียนก�ำ นดจดุ ม่งุ มำยใ ้ชดเจน ่ำเรียนไปเพ่ื ไร จ ท�ำโครงงำนนน้ เพ่ื แก้ปญั ำ ไร ซึง่ ทำ� ใ ้ผ้เู รียนกำ� นดโครงงำนแน ทำงในกำรด�ำเนินงำนไดต้ รงตำมจุด มุ่ง มำย 3) ขน้ ำงแผนแล เิ ครำ ์โครงงำน ใ ผ้ ้เู รียน ำงแผนแก้ปัญ ำ ซึ่งเป็นโครงงำนเดีย่ รื กลุม่ ก็ได้ แล เ น แผนกำรด�ำเนนิ งำนใ ้ผู้ นพิจำรณำ ใ ้ค�ำแน น�ำช่ ยเ ลื แล ข้ เ น แน กำร ำงแผนโครงงำนข งผู้ เรยี น ผ้เู รยี นเขียนโครงงำนตำม ข้ ซ่งึ มี ข้ ำ� คญ (ช่ื โครงงำน ลกกำรแล เ ตผุ ล ตถุปร งค์ รื จุดมงุ่ มำย เจำ้ ข งโครงกำร ท่ปี รกึ ำโครงกำร แ ล่งค ำมร ู้ ถำนท่ีด�ำเนินกำร ร ย เ ลำดำ� เนนิ กำร งบปร มำณ ธิ ีด�ำเนินกำร เคร่ื งมื ท่ีใช้ แล ผลท่คี ำด ่ำจ ไดร้ บ) 4) ข้นลงมื ปฏบิ ติ รื แก้ปัญ ำ ใ ้ผเู้ รยี นลงมื ปฏบิ ติ รื แกป้ ญั ำตำมแผนกำรท่กี ำ� นดไ ้ โดยมีผู้ นเปน็ ทปี่ รึก ำ ค ย งเกต ติดตำม แน นำ� ใ ้ผู้เรยี นรจู้ ก งเกต เก็บร บร มข้ มลู บนทึกผลด�ำเนินกำรด้ ยค ำม มำน ดทน มีกำรปร ชุม ภปิ รำย ปรกึ ำ ำรื กนเปน็ ร ย ๆ ผู้ นจ เข้ำไปเก่ีย ข้ งเท่ำทจี่ ำ� เปน็ ผเู้ รียนเป็นผใู้ ช้ค ำมคดิ ค ำมรูใ้ นกำร ำงแผนแล ตด ินใจท�ำด้ ยตนเ ง 5) ขน้ ปร เมนิ ผลร ำ่ งปฏบิ ติงำน ผู้ นแน น�ำใ ้ผูเ้ รยี นร้จู กปร เมินผลก่ นดำ� เนนิ กำรร ่ำงดำ� เนนิ กำร แล ลงกำรด�ำเนนิ กำร คื รู้จกพจิ ำรณำ ำ่ ก่ นท่จี ด�ำเนนิ กำรมี ภำพเปน็ ย่ำงไร มปี ญั ำ ย่ำงไรร ำ่ ง ทดี่ ำ� เนินงำนตำมโครงกำรนน้ ยงมี ่ิงใดท่ีผิดพลำด รื เปน็ ข้ บกพร่ ง ยู่ ต้ งแกไ้ ข ไร ีกบำ้ ง มี ิธีแกไ้ ข ยำ่ งไร เม่ื ด�ำเนินกำรไปแล้ ผูเ้ รียนมแี น คดิ ย่ำงไร มคี ำมพงึ พ ใจ รื ไม ่ ผลข งกำรดำ� เนินกำรโครง งำน ผเู้ รยี นไดค้ ำมรู้ ไร ไดป้ ร โยชน์ ย่ำงไร แล ำมำรถน�ำค ำมรนู้ ้นไปพฒนำปรบปรุงงำนได้ ยำ่ งดียงิ่ ขึ้น รื เ ำค ำมรู้น้นไปใชใ้ นชี ติ ได้ ยำ่ งไร โดยที่ผู้เรยี นปร เมนิ โครงงำนข งตนเ ง รื เพ่ื นร่ มปร เมิน จำกผู้ น จึงปร เมินผลโครงงำนตำมแบบปร เมิน ซึ่งผูป้ กคร ง ำจมี ่ นร่ มในกำรปร เมนิ ด้ ยกไ็ ด้ 6) ขน้ รปุ รำยงำนผล แล เ น ผลงำน เม่ื ผเู้ รียนทำ� งำนตำมแผนแล เก็บข้ มูลแล้ ต้ งทำ� กำร เิ ครำ ์ ข้ มูล รุปแล เขยี นรำยงำนเพื่ น�ำเ น ผลงำน ซึ่งน กเ นื จำกรำยงำนเ ก ำรแล้ ำจมีแผนภูมิ แผนภำพ กรำฟ แบบจำ� ล ง รื ข งจริงปร ก บกำรนำ� เ น ำจจดได้ ลำยรปู แบบ เชน่ จดนทิ รร กำร กำรแ ดงล คร ล บทบำทของครใู นฐำนะผู้กระตนุ้ กำรเรียนรู้ น กจำกน้นแล้ เพ่ื ใ ้นกเรียนเกดิ กำรเรยี นร้ ู ดุ ฎี โยเ ลำ แล คณ (2557) ไดก้ ลำ่ ถงึ บทบำท �ำคญข งครใู น ขณ จดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ ่ำ ครจู ต้ งแ ดงบทบำทตำ่ ง ๆ เพื่ ง่ เ ริมใ ้เกดิ กร บ นกำรเรียนร้แู บบ Active Learning ข้นึ คื ครูจ ต้ งเป็นผู้ งเกต โดย งเกตกำรท�ำงำนข งนกเรียนแล กำรเลน่ ข งนกเรยี น ครตู ้ ง รำ้ งแรงบนดำลใจในกำร เรยี นรู้ โดยใชค้ ำ� ถำมปลำยเปดิ กร ตุ้นกำรเรียนร้แู ทนกำรบ กกลำ่ ครตู ้ ง กึ ำแล ร้จู กข้ มลู นกเรียนเป็นรำยบุคคล เพ่ื แ ดงบทบำทใ ้เ มำ มในกำรท�ำใ ้เกิด Active Learning กบนกเรยี นเปน็ รำยคน ซึ่งบทบำท รื ิง่ เ ลำ่ น้ีที่ครู แ ดง ก มีผลต่ กำรเรยี นร้ขู งนกเรียน เพื่ ่งเ รมิ กำรเรียนร้ขู งนกเรยี นด้ ยกำร รำ้ งบรรยำกำ ในกำรเรยี นรู้ บทบำทข งครจู ึงมคี ำม ำ� คญ ย่ำงย่ิง ครูเ งจ ต้ งจดกำรเรียนรูแ้ บบบรู ณำกำรรำย ิชำ โดยใชแ้ ล่งเรียนรู้ชุมชนแล ื่ กำรเรียนรตู้ ำ่ ง ๆ ที่เปน็ เรื่ งใกล้ต - 90 -

นกเรียนแล มีค ำมเปน็ ปจั จุบน ณ ขณ นน้ เชน่ ข่ำ ล ครที ี เร่ื งรำ ในท้ งถิน่ เป็นต้น มำเชื่ มโยงกบเน้ื ำบทเรยี น น กจำกน้นแล้ ครูเ งจ ต้ งค ยใ ้ค�ำแน น�ำ ช้แี น ช้ีแจงใ ้รำยล เ ยี ดต่ำง ๆ เทำ่ ที่จำ� เป็นเมื่ นกเรียนเกดิ ค ำม ง ย โดยครูจ ต้ งแ ดงบทบำทเปน็ ผกู้ ร ตุ้นกำรเรยี นรู้ใ แ้ ก่นกเรียนดงน้ี ภำพ 4 บทบำทข งครูในฐำน ผกู้ ร ตุ้นกำรเรยี นรู้ ครใู ช้ค�ำถำมกร ตุน้ กำรเรียนรู้ คำ� ถำมท่ีใช้ในกำรกร ต้นุ กำรเรยี นรู้นน้ ต้ งเปน็ คำ� ถำมทีม่ ีลก ณ เปน็ คำ� ถำมปลำย เปิด แล เพ่ื ใ น้ กเรียนได้ ธบิ ำย โดยขนึ้ ตน้ ่ำ “ท�ำไม” รื ลงท้ำย ่ำ “ ยำ่ งไรบ้ำง” “ ไรบ้ำง” “เพรำ ไร” โดย คำ� ถำมเ ลำ่ น้ี ำจเปน็ ค�ำถำมในใบกจิ กรรม รื ครถู ำมก่ นปฏิบติกิจกรรม กำ� ลงลงมื ปฏบิ ตกิ ิจกรรม แล / รื ลง ปฏบิ ตกิ จิ กรรม ทุกคำ� ถำมต้ งเช่ื มโยงไปยงรำย ชิ ำที่เรียนเพื่ ใ ้นกเรียนได้ฝกึ ทก กำรคิดด้ ย ครูท�ำ น้ำท่เี ปน็ ผู้ งเกต ครจู ต้ งค ย งเกต ำ่ นกเรียนแตล่ คนมีพฤตกิ รรม ย่ำงไร ขณ ปฏบิ ติกจิ กรรมโดย กำร งเกตต้ งเปน็ ไป ยำ่ งเ มำ ม คื เม่ื ครเู น็ ่ำพฤตกิ รรมทนี่ กเรียนก�ำลงเรยี นรู้ไม่ก่ ใ ้เกดิ ค ำมเดื ดร้ น รื นตรำยแก่นกเรยี น ืน่ ร บต แต่ในทำงกลบกน ำกพฤติกรรมทนี่ กเรยี นก�ำลงเรียนรทู้ �ำใ เ้ กดิ ค ำมเดื ดร้ น รื เกิด นตรำยต่ ต นกเรียนเ งแล นกเรยี นคน ืน่ ครูจ ต้ งเข้ำไปแทรกแซงแล ยดุ พฤติกรรมดงกล่ำ ทนที ครู นใ ้นกเรียนเรยี นรกู้ ำรต้งคำ� ถำม เมื่ นกเรยี น ำมำรถต้งค�ำถำมได้ จ ท�ำใ ้นกเรียนรจู้ กถำมเพ่ื ค้นค ำ้ ข้ มูล รจู้ กรบฟังค ำมคิดเ ็นข งผู้ ่นื แล ร่ มแ ดงค ำมคิดเ ็นข งตนเ งในเร่ื งทีเ่ กี่ย ข้ งกบกำรเรียนรู้เร่ื งกำร ร้จู กถำมเปน็ ีก ิธี นึง่ ทน่ี กเรยี นจ ไดเ้ รียนรู้แล ได้มำซ่ึงค ำมรู้ทนี่ กเรียน นใจ ครเู ปน็ ผู้ค ยใ ้ค�ำแน นำ� เม่ื นกเรยี นเกิดข้ ง ย ครูจ ต้ งเป็นผู้ค ยแน นำ� ชแี้ จง ใ ข้ ้ มลู ตำ่ ง ๆ รื ยก ต ยำ่ งเ ตุกำรณ์ใกล้ต ตำ่ ง ๆ ที่เกดิ ข้ึนในชี ิตปร จำ� นข งนกเรยี นเช่ื มโยงไป ู่ค ำมรู้ด้ำน นื่ ๆ ในขณ ทำ� กจิ กรรม เม่ื นกเรียนเกิดข้ ง ย รื ค�ำถำม โดยไม่บ กคำ� ต บแกน่ กเรียน - 91 -

ครเู ปดิ โ กำ ใ น้ กเรยี นคิด ำค�ำต บด้ ยตนเ ง ซึง่ ในกำรจดกิจกรรมกำรเรียนรคู้ รง้ นึง่ ๆ ครจู เป็นผู้ งเกตแล ค ยกร ตนุ้ ด้ ยคำ� ถำมใ ้นกเรยี นได้คดิ กิจกรรมท่ี ยำกเรียนรู้แล ำคำ� ต บใน ง่ิ ท่ี ง ยด้ ยตนเ ง ครเู ปดิ โ กำ ใ ้นกเรยี น ร้ำง รรคผ์ ลงำน ย่ำง ิ ร ตำมค ำมคิดแล ค ำม ำมำรถข งนกเรยี นเ ง เพื่ ใ ้ นกเรยี นไดใ้ ชจ้ ินตนำกำรแล ค ำม ำมำรถข งตนเ งในกำรคิด ร้ำง รรค์ ย่ำงเตม็ ท่ี กำรประเมินผลกำรเรียนรู้ตำม ภำพจริง ิธกี ำรประเมินกำรเรียนรู้ ำ� รบกำรปร เมินผลกำรเรยี นรขู้ งนกเรียนนน้ ครูปร เมินจำกผลงำนข งนกเรยี น โดยกำรปร เมนิ ตำม ภำพ จริง ใช้เกณฑก์ ำรปร เมินแบบรบู คิ ทง้ นี้ครูจ ต้ ง กแบบปร เมินผลกำรจดกำรเรยี นรูใ้ ้นกเรยี นร่ มปร เมนิ ด้ ย กำร กแบบดงกลำ่ ต้ งปร เมินตำมต ชี้ ดท่ี ่ นกลำงก�ำ นด มีกำรทด บก่ นเรียนแล ลงเรยี นพร้ มปร เมนิ จำก กำรน�ำเ น ผลงำนข งนกเรียน ำจใ ้นกเรียนเล่ำเร่ื งแล้ งเกตพฤติกรรม ตร จชนิ้ งำน รื จำกกำรพูดคยุ โดย พจิ ำรณำผล ลงจำกกำรจดกำรเรยี นร ู้ ซ่ึงมีแน ทำงกำรปร เมิน ดงน้ี 1) ยึดรูปแบบกำรปร เมินจำก ่ นกลำง มีกำร ำงโครงร่ำง รื นำ�้ นกค แนนในกำรปร เมนิ จำกรูปแบบที่ ่ นกลำงกำ� นดเป็น ลก 2) ใชเ้ กณฑก์ ำรปร เมินแบบรูบิค เกล ท�ำกำรปร เมินตำมลำ� ดบค ำม ำมำรถ รื ลำ� ดบพฤตกิ รรมที่คำด ง ท่ีนกเรยี นแ ดง ก รื ท่คี รู งเกตเ น็ ยำ่ งเปน็ ล�ำดบขน้ โดยใช้กำรใ ้ค แนนแบบ รบู คิ เกล ซึ่งครูต้ ง กแบบเกณฑ์ รื ก�ำ นดแน ทำงกำรปร เมนิ ใ ้ ดคล้ งกบเน้ื ำบทเรียนเปน็ ลก 3) ดแล ปร เมินผลตำมเนื้ ำแล กจิ กรรมกำรเรียนรู้ เน้นกำรปร เมินผล/ ดผลตำมเนื้ ำท่ี น ดคล้ ง กบต ชี้ ดทร่ี บใุ น ลก ูตร โดยพจิ ำณำขณ นแล ด ลงกำรจดกำรเรียนรู้ 4) งเกตแล บนทึกพฤติกรรมกำรเรียนรขู้ งนกเรียน โดยบนทึกผลกำร งเกตลงในแบบปร เมินพฤติกรรม กำรเรยี นรู้ 5) ใ ้ครทู ่ำน ืน่ แล นกเรียนร่ มปร เมนิ ผลงำน กำรปร เมนิ ผลกำรจดกำรเรยี นรู้นน้ น กจำกครูผู้ นจ เปน็ ผู้ปร เมินเ งแล้ ครูเ งค รเปดิ โ กำ ใ ้นกเรยี นแล ครูท่ำน ืน่ ร่ มปร เมนิ ด้ ย 6) ใ ้ผปู้ กคร งเขำ้ มำมี ่ นร่ มในปร เมินผลกำรเรยี นรู้ข งนกเรยี น เปดิ โ กำ ใ ้ผู้ปกคร งเขำ้ มำมี ่ นร่ ม ในกำรปร เมินผลกำรเรยี นรู้ข งนกเรยี น ซึง่ เปน็ กำรเข้ำมำมี ่ นร่ มในลก ณ ข งกำรเรยี นรไู้ ปพร้ ม ๆ กบนกเรยี น แล กำรมำชมกำรเ น ผลงำนข งนกเรยี น เพื่ ใ ผ้ ู้ปกคร งไดเ้ ขำ้ ใจถงึ ร ดบกำรเรยี นรขู้ งลกู ค ำม ำมำรถที่ลกู มี ตล ดจนไดเ้ ็นพฒนำกำรข งลกู ก่ น/ ลงได้รบกำรจดกำรเรียนรู้ - 92 -

สิง่ ทีค่ รูตอ้ งประเมนิ ในกำรปร เมนิ นกเรยี นน้น ครูจ มกี ำรพิจำรณำปร เมนิ ลำยดำ้ น คื ดำ้ นผลกำรเรยี นรู้ แล พฤตกิ รรม ลงกำร เรียนรู้ โดยกำรปร เมนิ ดงกลำ่ เปน็ กำรปร เมิน ง่ิ ทเ่ี ปล่ยี นแปลง ลงจำกนกเรียนได้รบกำรจดกำรเรยี นรทู้ เ่ี มำ มแล้ โดย ำมำรถกลำ่ ในรำยล เ ียดไดด้ งน้ี ด้ำนผลกำรเรยี นร ู้ ครจู ต้ งท�ำกำรทด บค ำมรทู้ ี่นกเรียนได้รบ ลงจำกที่ไดท้ �ำกำรจดกำรเรยี นรู้ใ ้แกน่ กเรียน แล้ เพื่ ใ เ้ น็ พฒนำกำรข งนกเรียน ลงจดกำรเรียนร้ตู ำมเนื้ ำบทเรยี นทคี่ รูเป็นผู้ น พฤติกรรมนกเรยี น ลงกำรจดกำรเรยี นร ู้ นกเรยี นลดพฤตกิ รรมไมพ่ ึงปร งค์ โดยท่ีนกเรียนมกี ำรเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมไปในทำงทีด่ ีข้ึน ย่ำงชดเจนแล เพื่ นใน ้ งย มรบในต นกเรยี นเพิม่ ข้นึ ประโยชน์ของกำรจดั กำรเรียนรแู้ บบโครงงำนเปน็ ฐำน ตำมทก่ี ลำ่ ไปแล้ ำ่ กำรจดกำรเรียนร้แู บบโครงงำนเปน็ ฐำน ถื เปน็ กำรจดกำรเรียนกำร นทมี่ ่งุ เนน้ ผูเ้ รียนเป็น ูนยก์ ลำงข งกำรเรยี นรู้ โดยมงุ่ เนน้ ใ ้ผเู้ รยี นไดร้ ูจ้ กแก้ปัญ ำตำ่ ง ๆ ด้ ยตนเ ง ซึง่ ผลจำกกำรจดกำรเรียนกำร นโดย ิธี นที้ �ำใ ผ้ ู้เรยี นไดเ้ กิดกำรเรยี นรู้ ิธกี ำรทำ� งำนตง้ แต่กำรก�ำ นดจดุ ปร งค์ข งโครงงำน รู้จก ำงแผนข้นต นกำรท�ำงำน แล ทำ� งำนไปตำมขน้ ต นท่ี ำงไ ร้ มทง้ กำรปร เมินผลกำรดำ� เนินงำน เกดิ ทก กำรท�ำงำนแล กำรแกป้ ัญ ำทเี่ กิดขน้ึ ร ่ำงกำรด�ำเนินงำน ซ่งึ ตรงตำมจุดปร งค์ข งกำรจดกำร ึก ำในปัจจบุ นที่ต้ งกำรโครงงำนน้นมีทง้ ทำงตรงแล ทำง ้ ม น กเ นื จำกกำรท่ผี ้เู รยี นจ ไดร้ บกำรพฒนำทก กร บ นกำรทำง ิทยำ ำ ตรโ์ ดยตรงแล้ กำรเรยี นโดย ธิ ีกำร ท�ำโครงงำนยง ง่ ผลต่ ผ้เู รียนด้ำน ีก ลำยดำ้ น ซ่งึ พ รปุ ได้ดงนี้ 1) ค ำมรใู้ นเน้ื ำ ิชำ ผ้เู รยี นจ ได้รบค ำมรซู้ ่ึงเปน็ ผลมำจำกกำร ึก ำคน้ ค ำ้ ค ำมรู้ดงกลำ่ ทง้ จำกกำร ึก ำเ ก ำรต่ำง ๆ เพื่ มำปร ก บค ำมรูน้ น้ ร มท้งค ำมรู้ที่ไดจ้ ำกกำร ึก ำค้นค ้ำในครง้ น้น 2) ทก กร บ นกำรทำง ิทยำ ำ ตร์แล ทก ในกำรแ ง ำค ำมรู้ ในกำรท�ำโครงงำนทำง ิทยำ ำ ตรผ์ เู้ รียนจ ไดม้ ีโ กำ ใชท้ ก ตำ่ ง ๆ ย่ำงเต็มที่จำกกำรทำ� โครงงำนใน ครง้ น ้ี เช่น ทก กำร งเกต กำรตง้ มมตฐิ ำน กำร กแบบกำรทดล ง แล กำรค บคุมต แปร กำร ด กำร ร บร มข้ มลู กำรจดกร ท�ำข้ มูลแล กำรแปลค ำม มำยข้ มูลกำรใชเ้ ครื่ งมื ตำ่ ง ๆ ในกำรทดล ง กำร ่ื ค ำม มำยใ ้ผู้ ื่นเข้ำใจด้ ยกำรเขียนรำยงำนโครงงำน เปน็ ตน้ ง่ิ ดงกล่ำ ล้ นแต่ท�ำใ น้ กเรยี นได้รบ กำรพฒนำค ำม ำมำรถในทก ด้ำนตำ่ ง ๆ เ ลำ่ น้นเปน็ ย่ำงดี 3) ค ำม ำมำรถในกำรถ่ำยโยงกร บ นกำรเรยี นรู้กร บ นกำรแก้ปญั ำ จำกกำรท่ีผเู้ รยี นได้ลงมื ปฏิบติกำร กึ ำ คน้ ค ำ้ ท�ำโครงต เ งตล ดโครงงำนท่ที �ำ โดยมผี ู้ น รื ผู้ เชยี่ ชำญมี น้ำที่ใ ้ค�ำแน น�ำเท่ำนน้ ซงึ่ ำก ่ำนกเรียนได้มโี กำ กร ท�ำเชน่ นี้ ลำย ๆ ครง้ กจ็ เกดิ กำร เรียนรู้ในกร บ นกำรดงกล่ำ ซ่ึงกร บ นกำรแก้ปัญ ำ รื กร บ นกำรแ ง ำค�ำต บข งปัญ ำท่ีเกิด ค ำม ง ย จนท�ำใ ้ ำมำรถปรบใช้กร บ นกำรดงกล่ำ นีไ้ ปใช้ในกำรแก้ปัญ ำ ืน่ ๆ กี ด้ ย - 93 -

4) เจตคติ กำรท่ีผู้เรียนไดม้ ีโ กำ เลื เร่ื งท่ีตนเ ง นใจ ึก ำ ลงมื กึ ำเ งแล พบคำ� ต บข งปญั ำดงกลำ่ ด้ ย ตนเ งเชน่ นี้ จ ท�ำใ ผ้ ูเ้ รยี นเกิดค ำมช บแล นใจต่ ชิ ำนน้ ๆ ทำ� ใ ผ้ เู้ รียนเกิดเจตคตทิ ี่ดตี ่ ิชำ ิทยำ ำ ตร ์ น กจำกน้ี กำรท่ผี เู้ รยี นลงมื ปฏบิ ติ ย่ำงนก ิทยำ ำ ตร์ได้ด้ ยตนเ ง ไดเ้ ผชญิ ปัญ ำตำ่ ง ๆ แล แกป้ ัญ ำเ ล่ำน้นด้ ยตนเ งจ ค่ ย ๆ พฒนำเจตคตแิ ล คำ่ นิยมทำง ิทยำ ำ ตร์ เจตคติดงกลำ่ ได้แก่ กำรช บเกิดค ำม ง ย ในปรำกฏกำรณ์ทำงธรรมชำติต่ำง ๆ มคี ำม ยำกรู้ ยำกเ น็ ต่ ปรำกฏกำรณเ์ ลำ่ น้น ไม่เช่ื ปรำกฏกำรณ์ ไรง่ำยๆ มีค ำมใฝร่ ูใ้ ฝเ่ รียน ยู่ มำ�่ เ ม มีเ ตุผลแล เปิดใจในกำรรบฟงั ค ำมคิด เ น็ ข งผู้ นื่ แล มคี ำมซื่ ตย์ ดทน เปน็ ต้น 5) คุณ มบตดิ ้ำน ื่น ๆ กำรท�ำโครงงำน ทิ ยำ ำ ตรจ์ ช่ ยพฒนำคุณ มบตดิ ้ำน น่ื ๆ ใ แ้ กผ่ ูเ้ รียน กี เชน่ ค ำมคดิ ริเร่มิ ร้ำง รรค ์ ค ำมเชื่ ม่นในตนเ ง ค ำมมรี เบยี บ ินย ค ำมรบผดิ ช บ แล ทก ในกำรร่ มงำนกบบุคคล ื่น ๆ ได้ เปน็ ต้น น กจำกน ี้ ยงพบ ่ำ มีงำน ิจยเก่ีย กบกำรน�ำโครงงำนไปใชใ้ นกำรพฒนำกำรจดกำรเรียนรู้ ไมเ่ พยี งแต่ ทิ ยำ ำ ตร์ แล คณติ ำ ตรเ์ ท่ำนน้ ยงร มถงึ ทุก ำร ชิ ำ คร บคลุมในเน้ื ำ ำร เดีย แล กำรบูรณำกำรข้ำม ำ ตร์ ทำ� ใ ผ้ เู้ รยี น เกิดกำรเรียนรู้ ย่ำงลกึ ซ้งึ แล ก ้ำงข ำง อำ้ งองิ ถำบน ิจยพฤตกิ รรม ำ ตร ์ ม . (8 เม ำยน 2558). กำรจดั กำรเรยี นรแู้ บบใช้โครงงำนเปน็ ฐำน (Project-Based Learning) ตอนท่ี 1, ืบคน้ จำก https://candmbsri.wordpress.com/2015/04/08/กำรจดกำรเรยี นรแู้ บบใช-2/ พิมพนธ์ เดช คปุ ต ์ แล คณ . (2551). กำร อนคดิ ด้ ยโครงงำน กำรเรยี นกำร อนแบบบูรณำกำร. กรุงเทพม ำนคร: จุ ำลงกรณ์ม ำ ิทยำลย. �ำนกงำนคณ กรรมกำรกำร ึก ำแ ่งชำติ. (2542). ปฏิรูปกำรเรียนรู้ ผู้เรียนเป็น �ำคัญ. กรงุ เทพม ำนคร: คุรุ ภำ ลำดพรำ้ . จริยำ พชิ ยคำ� . (2559). ทกั ะกำรเรยี นร้แู ละน ตั กรรมพฒั นำไดด้ ้ ยกำรจัดกำรเรียนรูแ้ บบโครงงำนเปน็ ฐำน. ำร ำร ชิ ำกำร ม ำ ทิ ยำลยรำชภฏ ตุ รดิตถ;์ Vol 11 No 1 (2016): มกรำคม - มิถนุ ำยน 2559; 1-12 ; - 94 -

สือ่ รายการท่ี 3/10 ใบกิจกรรมที่ 3.5 การจดั การเรยี นรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน PBL (Project Based Learning Using CT) ค�าชี้แจง 1. แบง่ กลุม่ ผเู้ ข้ำรบกำร บรม กลุ่มล 3-5 คน กึ ำเ ก ำรค ำมรู้เกย่ี กบกำรจดกำรเรยี นรู้โดยใช้โครงงำนเปน็ ฐำน PBL (Project Based Learning Using CT) 2. ใ แ้ ต่ล กลุม่ เิ ครำ ์ แล ภปิ รำย แลกเปลี่ยนเรียนรูเ้ กี่ย กบกำรน�ำกิจกรรมกำรเรยี นรู้ ทิ ยำกำรค มพิ เต ร ์ (Computer Science) ไปจดท�ำโครงงำนโดยกำ� นดปร เภทใ ้ เช่น เก ตร คำ้ ขำย ่ิงแ ดล้ ม ท่ งเที่ย เป็นต้น 3. แต่ล กลุ่มนำ� เ น ข้ โครงงำน แล กร บแน คิด 4. แตล่ กลมุ่ น�ำ ข้ โครงงำนไปด�ำเนนิ กำรท�ำโครงงำนโดยใช้ ด ุ ุปกรณ ์ ท่ี ทิ ยำกรจดเตรียมใ ้ แล นำ� เ น ผำ่ น ื่ ดิจิทล แล ช้ินงำนโครงงำน 5. กจิ กรรมนีใ้ ช้เ ลำ 4 ช่ โมง 30 นำที - 95 -

แบบฟอร์มกำรเขียนรำยงำนโครงงำน 1. ชื่ โครงงำน ……………………………….....................................................…………………………….....................…………... 2. ช่ื ผู้ท�ำโครงงำน 1) …………………………………………………………….......………........................................................................................ 2) …………………………………………………………….......………........................................................................................ 3) …………………………………………………………….......………........................................................................................ 4) …………………………………………………………….......………........................................................................................ 5) …………………………………………………………….......………........................................................................................ 3. ทม่ี ำแล ค ำม ำ� คญข งโครงงำน ( ธบิ ำย ำ่ เ ตใุ ดจงึ เลื กทำ� โครงงำนน้ ี โครงงำนเร่ื งนม้ี ีค ำม ำ� คญ ย่ำงไร มี ลกกำร รื ทฤ ฎี ไรทีเ่ ก่ยี ข้ ง ) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………...…………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………...………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………...…………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ิธดี �ำเนนิ กำร 1) ดุ ปุ กรณ์ท่ใี ช้ 1.1 ………………………………………...................................................................................................................… 1.2 ………………………………………...................................................................................................................… 2) ขน้ ต นกำรดำ� เนนิ งำน 2.1 ………………………………………...................................................................................................................… 2.2 ………………………………………...................................................................................................................… 2.3 ………………………………………...................................................................................................................… 2.4 ………………………………………...................................................................................................................… 2.5 ………………………………………...................................................................................................................… - 96 -

5. ปร โยชน์ท่ีคำด ำ่ จ ไดร้ บ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………...…………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………...………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………...…………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………...………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………...…………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………...………………………………………………………………………………………………………………………… 6. เ ก ำร ้ำง งิ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………...…………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………...………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………...…………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………...………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………...…………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………...………………………………………………………………………………………………………………………… - 97 -

หนว่ ยที่ 4 การนา� กจิ กรรมการเรยี นรวู้ ทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ไปประยกุ ต์ใช้ วตั ถปุ ระสงค์ (Computer เพ่ื ใ ผ้ ู้เข้ำรบกำร บรมน�ำค ำมรแู้ ล ทก กำรจดกิจกรรมกำรเรยี นรเู้ กีย่ กบ ิทยำกำรค มพิ เต ร ์ Science) ไปปร ยกุ ตใ์ ชใ้ นกำรเรียนกำร นได้ เนือ้ หา กำร กแบบกิจกรรมกำรเรียนรู้ ทิ ยำกำรค มพิ เต ร์ (Computer Science) ร ดบมธยม กึ ำ กจิ กรรม 1. บรรยำย 2. ท�ำกิจกรรม 3. ทด บ รูปแบบกจิ กรรม - ฟังบรรยำย/ชมคลิป ดี โิ - ท�ำใบกิจกรรม - ทด บ ลงกำร บรม - 98 -

หลกั สตู รและกิจกรรมหน่วยที่ 4 เรื่อง การน�ากิจกรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ไปประยุกต์ใช้ ระดบั มัธยมศึกษา 1. สาระส�าคญั กจิ กรรมกำรเรยี นร้โู ดยใช้โครงงำนเป็นฐำน ื่ กำรเรยี นรแู้ ล กจิ กรรมตำมโครงกำร กำรเรยี นรู้เพื่ พฒนำทก ด้ำนโค้ดดิ้ง ู่ งคมดิจทิ ลใน นำคต ำมำรถนำ� ไปปร ยุกตใ์ ช้ในกำรจดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ใ ้กบนกเรียนได้ โดยผ่ำนกำร เิ ครำ ต์ ช้ี ดแล ำร กำรเรียนรู้แกนกลำง กลมุ่ ำร กำรเรยี นรู้ ิทยำ ำ ตร ์ (ฉบบปรบปรุง พ. .2560) ตำม ลก ูตร แกนกลำงกำร กึ ำข้นพน้ื ฐำน พุทธ กรำช 2551 จำกนน้ กแบบกจิ กรรมตำม งคป์ ร ก บข งกำรจดกำรเรียนรู้ เชื่ ม โยงไปยงกำรเก ตร คำ้ ขำย ่งิ แ ดล้ ม ท่ งเทยี่ รื ปร เดน็ ชี ติ เ ร ฐกจิ งคม ง่ิ แ ดล้ มที่เช่ื มโยงกบท้ งถิน่ ซง่ึ จ ทำ� ใ ก้ ำรเรียนรูม้ คี ำม มำยต่ ผ้เู รยี น พฒนำทก กำรคดิ เชิงค�ำน ณ แล เปน็ ปร โยชน์ในกำรด�ำรงชี ติ ในยุค ดจิ ทิ ล 2. วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่ื ใ ้ผู้เข้ำรบกำร บรมมีค ำมรู้ ค ำมเข้ำใจ ลกกำรแน คิดเชิงค�ำน ณแล กำรจดกำรเรียนรู้โดยโครงกำรไป ปร ยุกตใ์ ชก้ ิจกรรมกำรเรียนร้ ู 2. เพื่ ใ ้ผู้เข้ำรบกำร บรมปร ยุกต์ใช้แน คิดเชิงค�ำน ณแล กำรจดกำรเรียนรู้โดยโครงกำรไป กแบบกำรจดกำร เรยี นรูข้ งตนเ งได้ 3. รปู แบบการจดั กจิ กรรม - ฟังบรรยำย - ทำ� ใบกิจกรรม 1-5 - แลกเปลีย่ นเรยี นรแู้ ล ท้ นผลกำรปฏบิ ติงำน - 99 -