Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานนำเสนอ

งานนำเสนอ

Published by Guset User, 2021-10-31 16:51:46

Description: งานนำเสนอ

Search

Read the Text Version

WILDLIFE DOCUMENTARYES

• นกกระเรยี น • นกกระเรียน (Crane) เป็นนกขนาดใหญ่ อาศยั อยู่ท่วั โลก ยกเวน้ ทวปี แอนตารก์ ติกา และ ทวีปอเมรกิ าใต้ ส่วนในประเทศ ไทยพบเพียงชนิดเดียว • นกกระเรยี นไทย (Sarus crane) เป็นนกพนื้ ถิน่ ไมใ่ ชน่ กอพยพ เป็นนกบนิ ไดท้ ี่สูงทสี่ ดุ ใน โลก เมื่อยนื จะสงู ถึง ๒ เมตร หนักราว ๖-๑๒ กโิ ลกรัม ชว่ งปีกยาว ๒๕๐ เซนติเมตร มีลาตวั และปีกสเี ทา คอตอนบนและหัวเป็นหนังเปลอื ยสีแดง ไมม่ ขี น ตรงกระหมอ่ มเป็นสเี ทาหรอื เขียว คอยาว เวลาบนิ คอจะเหยยี ดตรง ขนปลายปีกและขนคลมุ ขนปลายปีกสดี า ขนคลุมขน ปีกดา้ นล่างสเี ทา ขนโคนปีกสีขาว ขายาวเป็นสีชมพู มแี ผน่ ขนหสู เี ทา • มา่ นตาสสี ม้ แดง ปากแหลมสดี าแกมเทา หนังเปลอื ยสีแดงบรเิ วณหวั จะแดงสดใสในชว่ งฤดู ผสมพันธุ์ หนังบริเวณนีจ้ ะหยาบเป็นตะป่มุ ตะป่ า มีขนสีดาตรงขา้ งแกม้ และทา้ ยทอยบริเวณ แคบๆ ทง้ั สองเพศไมม่ ีความแตกต่างทีช่ ัดเจนนัก •

• แมลงเต่าทอง หรือดว้ งเต่าทอง หรอื นยิ มเรยี กกนั วา่ เต่าทอง หรอื Ladybird, Ladybug ใน ภาษาองั กฤษ จดั เป็นแมลงปีกแข็งขนาดเล็กเมอ่ื เทียบกบั แมลงปีกแข็งท่วั ไป ตัวปอ้ มๆ ลาตัวส่วนหลงั มสี ี เหลือง หรือสีทอง หรือสีแดง บางสกลุ มหี ลงั สีเงิน หรอื สใี ส เรียกว่า เต่าเงนิ บางชนิดมีจดุ วงกลมสดี า ปีก แข็งใส โคง้ นนู เม่ือหบุ ปีกเข้าหากนั จะจดกบั ดา้ นหลงั ทาใหม้ องคลา้ ยหลงั เต่า และโดยมากจะมหี นวด • วงจรชวี ิตของแมลงเตา่ ทอง แมลงเต่าทองวางไข่ใช้เวลา ๓ วัน ไข่จะฟักออกมาเป็ นหนอนที่ยัง เป็ นตัวออ่ น กอ่ นจะกลายเป็ นหนอนท่ีมีขนยาวปกคลมุ ทง้ั ตัวเมอื่ อายุ ๗ วัน และเข้าสกู่ ารเป็ น ดักแด้ในวันที่ ๑๐-๑๒ ใชเ้ วลา ๕ วันก่อนจะออกมาจากดักแด้ และกลายเป็ นแมลงเต่าทองในท่สี ดุ • ข้อมลู จากสานกั วจิ ยั เศรษฐกจิ การเกษตร เขียนวา่ สนั นษิ ฐานกนั ว่าแมลงเต่าทองมีอยบู่ นโลกใบนยี้ าวนาน กว่า ๓๐๐ ลา้ นปี โดยมมี ากกวา่ ๑๐๐ สายพนั ธุ์มเี รอื่ งเล่าวา่ ช่วงปลายปี ค.ศ. ๑๘๘๐ รฐั แคลิฟอรเ์ นีย สหรฐั อเมริกา เกิดฝงู แมลงเข้าทาลายผลสม้ ชาวสวนนกึ ไดถ้ งึ เรือ่ งเล่าท่ีว่าเกดิ แมลงศัตรูพืชจานวนมากมา ทาลายขา้ วในนา ชาวนาอบั จนปัญญาชว่ ยตวั เองไมไ่ ด้ จงึ สวดออ้ นวอนพระแมม่ ารี พระนางกไ็ ดส้ ง่ แมลง เต่าทองจานวนมากมายลงมาชว่ ยจดั การกบั เหลา่ ศตั รพู ืชจนหมด จากเรื่องเล่าชาวสวนสม้ แคลฟิ อรเ์ นยี จึง รวมกนั ส่งั ซอื้ แมลงเต่าทองจานวน ๑,๐๐๐ ตวั จากออสเตรเลีย เขา้ มาปล่อยใหแ้ พร่พันธใุ์ นสวนสม้ ซ่ึงเลดี้ บกั๊ กไ็ ด้ช่วยกนั กาจดั แมลงศัตรพู ืชจนหมดสนิ้

• ห่ิงห้อยหรือแมลงแสง แมลงคาเรอื ง แมลงทงิ้ ถ่วง เป็นแมลงปีกแขง็ ในวงศแ์ ลมพายรีดี (Lampyridae) อนั ดับโคลอี อปเทอ รา (Coleoptera) สาหรบั ภาษาองั กฤษก็มเี รยี กหลายชื่อลว้ นแตแ่ ปลว่าแมลงมีแสงท้ังนั้น ทัง้ ไฟเออร์ฟลาย – Firefly, ไลต์นงิ่ บ๊กั – Lightning bug, แลมพายริด – Lampyrid และโกลว์ เวิร์ม – Glow worm ส่วนความหมายของ คาวา่ “หิ่งหอ้ ย” พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน อธิบายไว้สนั้ ๆ วา่ แมลงชนดิ หนงึ่ มีแสงเรอื งๆ ทกี่ น้ • จากข้อมลู สารวจพบท่วั ทัง้ โลกมหี ิ่งหอ้ ยประมาณ ๒,๐๐๐ ชนิด ประเทศไทยมปี ระมาณ ๑๐๐ ชนิด หิ่งหอ้ ยตัวแรกท่ีมหี ลักฐาน อยู่ในพิพธิ ภณั ฑแ์ มลงกองกีฏและสตั ววิทยา กรมวชิ าการเกษตร คอื Luciola substriataGorham พบโดยชาวองั กฤษ ชอ่ื ดับเบลิ ยู.เอส.อาร์. ลาเดล (W.S.R. Ladell) จาแนกชนดิ โดย จี.อ.ี บี. กอแรม (G.E.B. Gorham) เม่อื วนั ท่ี ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๒ ระบสุ ถานทีพ่ บวา่ ประเทศไทย • ห่ิงห้อยมีแสงท้ังระยะหนอน ดักแด้ และตวั เตม็ วัย ส่วนระยะไขม่ แี สงเฉพาะบางชนดิ เทา่ น้ัน ห่ิงห้อยตัวผู้มีปีก ขณะท่ีตัวเมยี มี รปู รา่ งหลายแบบ มที ง้ั ปีกปกติ ปีกสั้น และมีรูปรา่ งคล้ายหนอน หง่ิ ห้อยระยะหนอนกนิ หอย ไส้เดือน กงิ้ กือ และแมลงตัวเลก็ ๆ เป็นอาหาร มีแหล่งอาศัยแตกต่างกันไปตามชนดิ ของมัน เชน่ อาศัยตามบรเิ วณนา้ จดื นา้ กรอ่ ยทีม่ นี า้ ทะเลหนุน และสภาพทเี่ ป็น สวนป่ า หรือภเู ขาทีม่ ีสภาพแวดล้อมด้ังเดิมไมถ่ ูกทาลาย • ตวั เต็มวัยของห่งิ ห้อยมีอวัยวะทาแสงอยู่ที่ปลอ้ งทอ้ งด้านลา่ ง ตวั ผูใ้ ห้แสง ๒ ปล้อง ตวั เมยี ใหแ้ สง ๑ ปลอ้ ง แสงในตัวผู้จงึ สว่าง กวา่ ตัวเมีย แตบ่ างชนดิ ตัวเต็มวัยเพศเมยี มรี ปู ร่างคล้ายหนอน มอี วยั วะทาแสงด้านขา้ งของลาตวั แสงของหิ่งห้อยเป็นแสงเย็น เกดิ จากปฏกิ ิรยิ าของสารลซู เิ ฟอรนิ (luciferin) ทีอ่ ยูใ่ นอวัยวะ ทาแสง กบั ออกซิเจน มีเอนไซมล์ ซู ิเฟอเรส (Luciferase) เป็นตวั เรง่ ปฏกิ ิริยา และมีสารอดีโนซนี ไตรฟอสเฟต (Adenosine Triphosphate: ATP) เป็นตัวให้พลงั งานทาใหเ้ กดิ แสง ทงั้ นี้ ห่ิงหอ้ ยกะพรบิ แสงเพื่อการผสมพันธุ์และสื่อสารซึง่ กนั และกนั ส่วนวงจรชีวิตของหิง่ ห้อยจะยาวนานหรอื สนั้ ขนึ้ อยกู่ ับ ฤดกู าล อุณหภมู ิ ความชนื้ และความสมบรู ณ์ของอาหาร

• แมวเซา เป็นงูพิษชนดิ หนง่ึ มีชอ่ื วิทยาศาสตร์วา่ Daboia russellii (ต้งั ชอื่ ตาม แพทรกิ รสั เซลล์ นกั ฟิสิกส์และนกั ธรรมชาติวิทยาชาวสกอต) ในวงศ์ Viperidae ทมี่ ีอยใู่ นประเทศไทย และเป็นสิง่ มชี ีวิตเพียงชนดิ เดยี วทอ่ี ยู่ในสกุลDaboia • ขนาดโตเต็มทไ่ี ด้ ๑๒๐-๑๖๖ เซนติเมตร หวั เป็ นรปู สามเหลยี่ มยาว คอเลก็ ตัวอว้ นสนั้ หางส้ัน มักทาเสียงข่ฟู ่ อยาวๆ เม่ือรวู้ า่ มศี ตั รูเข้าใกล้ • งแู มวเซาแบง่ ไดเ้ ป็น ๒ ชนดิ ย่อย ได้แก่ งูแมวเซาอนิ เดยี Indian Russell”s vipe อนทุ วีปอินเดยี ปากีสถาน บงั กลาเทศ ตลอดจนศรีลังกา มีลายสีนา้ ตาลเข้ม เป็นวงแยกจากกัน • งแู มวเซาสยาม Eastern Russell”s viper พบในพม่า ไทย ลาว กัมพูชา เวยี ดนาม อินโดนเี ซยี ภาคใตข้ องจีนและเกาะไตห้ วัน มสี เี ทานา้ ตาลหรอื นา้ ตาลอมชมพแู ละมลี ายสนี า้ ตาลเข้มเป็นวงปื้นใหญ่เชอ่ื มตดิ ตอ่ กัน ทอ้ งสีขาวนวลมจี ดุ สีนา้ ตาลเล็กๆ เกล็ดมขี นาดเลก็ และมีสนั หวั เป็นรูปทรงสามเหล่ยี ม และมีลายดาคล้ายลูกธนู มีเกล็ดเล็กละเอียดบนหวั เขยี้ วพษิ มีความยาว • งแู มวเซาในประเทศไทยเป็นชนดิ ย่อย (Subspecies) แตกตา่ งจากทพี่ บในอินเดยี พบในแถบจงั หวัดในภาคกลางและตะวนั ออก เช่น นครนายก ลพบุรี สระบุรี ชยั นาท นครราชสมี า ปราจนี บรุ ี • เป็นงทู ม่ี ีรูปร่างอว้ นปอ้ มลาตัวสั้น หางสัน้ เวลาตกใจหรอื ถูกรบกวนมกั ขดตวั เหมือนแมวนอนขด พรอ้ มทง้ั ทาเสียงขคู่ ลา้ ยแมวอกี ด้วย แตฟ่ ังดๆี เสียงมนั คลา้ ยยางรถยนต์ร่วั หลังจากมนั สูบลมเข้าไปในตัวจนตัวพอง แลว้ พ่นลมออกมาทางรูจมกู แรงๆแทนทจ่ี ะเลอื้ ยหนีฉกกัดได้รวดเร็วแทบไม่ทนั ตั้งตัวทงั้ ๆ ทขี่ ด ตวั อยู่ • สว่ นหวั ของงแู มวเซา มีพฤติกรรมชอบอยูต่ ามทรี่ าบแหง้ ๆ เชงิ เขาทเ่ี ป็นดนิ ปนทราย ตามทด่ี อน หรือซ่อนตวั ในซอกหนิ โพรงดิน ใต้กอหญ้าใหญ่ๆ ไมช่ อบยา้ ย ทอ่ี ย่บู อ่ ยๆ ปกติไมเ่ ลอื้ ยขนึ้ ต้นไม้ ออกหากินไม่ไกลจากทอ่ี ยู่ เป็นงูทมี่ คี วามเช่ืองช้าไมป่ ราดเปรยี ว มอี ุปนสิ ัยดุ เมื่อถูกรบกวนจะสง่ เสียงขู่ • ชอบความเยน็ แต่ไม่ชอบนา้ มกั ออกหากินในเวลากลางคืน แต่ในสถานทท่ี มี่ ีความเย็น ก็อาจออกหากนิ ในเวลากลางวันด้วย โดยกนิ หนหู รือสตั วเ์ ลือ้ ยคลานท่ี มีขนาดเล็กชนดิ ตา่ งๆ • เป็นงูทอี่ อกลูกเป็นตัว คร้งั ละประมาณ ๒๐-๓๐ ตวั (สูงสุด ๖๓ ตัว) ผสมพันธช์ุ ว่ งเดือนตลุ าคมถึงเดอื นธันวาคม และไปออกลกู ช่วงฤดูร้อน ลกู งูแรกเกดิ มี นา้ หนกั ๗.๒-๑๔.๔ กรมั และความยาวโดยเฉล่ีย ๒๔-๓๐ เซนติเมตร • พิษงูแมวเซา มีฤทธติ์ ่อระบบโลหติ เป็น haematotoxin ส่งผลต่อผลการแขง็ ตวั ของเลือด ทาใหเ้ กดิ เลอื ดออกง่าย เนอ่ื งจากองค์ประกอบในการแขง็ ตัว ของเลอื ดถกู ใชห้ มดไป นอกจากนแี้ ลว้ พษิ ของงแู มวเซายังมผี ลต่อไต ทาใหเ้ กดิ อาการไตวายได้ และยงั มีฤทธใ์ิ นการทาลายเซลลเ์ มด็ เลอื ดแดงโดยตรง

• คาวา่ เตา่ ตนุ ออกเสียง ตะหนุ ชือ่ ภาษาองั กฤษว่า Green turtle กรีนเทอรเ์ ทลิ แปลว่า เตา่ เขียว จากสขี องกระดอง มีชอื่ วทิ ยาศาสตรว์ า่ Chelonia mydas อยู่ในวงศ์Cheloniidae และเป็นเพียงชนดิ เดยี วเทา่ นั้นทอ่ี ยใู่ นสกลุ Chelonia • เป็นเต่าทะเลท่ีมีขนาดค่อนขา้ งใหญ่และมีนา้ หนักมากเมื่อโตเตม็ ท่ี โตเตม็ ทเี่ มอื่ อายุได้๔-๗ปี มี ขนาดใหญ่รองจาก เต่ามะเฟื อง ยาวประมาณ ๑.๕เมตร • ลักษณะเด่น มเี กลด็ บนสว่ นหวั ๑ คู่ บนกระดองแถวขา้ ง๔เกลด็ นา้ หนักราว ๑๓๐ กิโลกรัมหวั ป้อม สั้น ปากสั้น เกลด็ เรยี งตอ่ กันโดยไมซ่ อ้ นกัน กระดองหลงั โคง้ นูนเลก็ นอ้ ย บรเิ วณกลางหลงั เป็นแนว นูนเกือบเป็นสัน ทอ้ งแบนราบขาทั้ง ๔ แบน เป็นใบพาย • ขาคูห่ ลงั มขี นาดเล็กกว่าขาคู่หนา้ มาก ขาคู่หนา้ มเี ลบ็ แหลมเพียงขา้ งละชนิ้ สขี องกระดองดูเผนิ ๆมี เพียงสนี า้ ตาลแดงเทา่ น้ัน แตถ่ ้าหากพจิ ารณาใหล้ ะเอียด จะพบวา่ เกลด็ แต่ละเกลด็ ของกระดองหลงั มสี ีนา้ ตาลแดงหรือนา้ ตาลอมเขยี ว ขอบเกลด็ มีสีอ่อนๆ เป็นรอยด่างและมลี ายเป็นเสน้ กระจายออก จากจดุ สแี ดงปนนา้ ตาล คลา้ ยกบั แสงของพระอาทติ ยท์ ล่ี อดออกจากเมฆเตา่ ชนิดนจี้ งึ มีอกี ช่อื ว่า เต่าแสงอาทิตย ์ • ไขข่ องมัน บางครั้งชาวบา้ นก็เรยี กรวมๆ กับเตา่ ทะเลชนดิ อนื่ ว่า ไข่จะละเม็ด • เช่ือว่าเต่าตนอุ ายุยนื ๘๐ ปี เป็นสตั วป์ ่ าคมุ้ ครองตามพระราชบญั ญัตสิ งวนและคมุ้ ครองสตั วป์ ่ า พ.ศ. ๒๕๓๕ • พบกระจายพันธทุ์ ั้งในมหาสมุทรแอตแลนตกิ มหาสมุทรอนิ เดียและมหาสมทุ รแปซิฟิ ก ในไทยพบได้ บริเวณอา่ วไทย และทะเลอนั ดามัน มักพบในเขตทมี่ อี ุณหภูมนิ า้ ทคี่ อ่ นขา้ งอุน่ คอื สูงกว่า ๒๐ องศา เซลเซียสขนึ้ ไป • เต่าตนเุ ป็นเตา่ ท่กี ินท้งั พชื และสตั ว์แตจ่ ะกินพชื เป็นหลักจาพวกหญา้ ทะเลหรอื สาหรา่ ยทะเล สว่ น สตั วน์ า้ ขนาดเล็กท่วั ไปเชน่ ปลาหรือแมงกะพรุน เป็นอาหารรองลงไป

• หมึกเป็นสตั ว์นา้ ไม่มีกระดูกสันหลงั อย่ใู นกลุ่มเดยี วกบั หอย หรอื ทางวทิ ยาศาสตร์เรียกกล่มุ Mollusk ซ่ึง ในโลกนมี้ หี มกึ อยหู่ ลายสายพนั ธุ์ มีขนาดต้งั แต่เลก็ ไมก่ ีม่ ิลลเิ มตรที่เรยี กวา่ หมกึ แคระ จนถงึ ขนาดใหญห่ ลาย สบิ เมตรทีเ่ รยี กว่าหมกึ ยกั ษ์ โดยหมึกจะกนิ สัตว์ขนาดเล็กทล่ี อยในทะเล และกินปลาท่ีมขี นาดเลก็ เป็นอาหาร • หมกึ ถกู นามาปรุงเป็นอาหารมากมายหลายเมนู ตงั้ แตบ่ รโิ ภคแบบสดอย่างชาวญป่ี ่ นุ หรอื นามาประกอบเป็น อาหารคาว หรือแปรรูปเป็นผลิตภณั ฑต์ ่างๆ โดยทั้งหมดล้วนแต่ใช้ส่วนที่เป็นเนอื้ หมกึ คุณค่าทางโภชนาการท่ี ได้กจ็ ะเป็นโปรตนี เป็นหลัก ซงึ่ เมอื่ ดูในรายละเอียดด้านคุณภาพของโปรตีนในเนอื้ หมึก โดยวเิ คราะห์หา ปรมิ าณกรดอะมโิ น พบว่าเป็นโปรตนี ท่ีประกอบด้วยกรดอะมโิ นทจี่ าเป็นต่อรา่ งกายสูง • ท้งั นี้ กรดอะมโิ นจาเป็นก็คอื กรดอะมโิ นทีร่ า่ งกายสรา้ งเองไม่ได้ ต้องไดร้ บั จากอาหารเท่านัน้ โดยเฉพาะไลซี นและทรีโอนีนซ่งึ มีผลต่อการเจริญเติบโตในเดก็ และจากการประเมินคุณภาพของโปรตีนโดยใชค้ ่าคะแนน ของกรดอะมโิ น พบว่าโปรตีนของหมึกมีคณุ ภาพดีพอสมควร เชน่ หมกึ กล้วยไดค้ ะแนนเท่ากบั ๗๔ (นา้ นมววั มคี า่ เทา่ กบั ๙๑) นอกจากโปรตนี ก็จะมสี ่วนท่เี ป็นไขมนั และวิตามินต่างๆ เช่น บี ๑ บี ๒ และ ไนอะซิน • นอกเหนือจากเนอื้ หมึกยังมอี ีกส่วนที่นามาใชเ้ ป็นอาหารได้ และน้อยคนจะร้วู า่ มีประโยชนน์ า่ สนใจทีเดยี ว ส่ิง นั้นกค็ อื นา้ สีดาๆ ของหมึกน่นั เอง ท่นี าไปทาอาหารอยา่ งเช่นเสน้ สปาเกตตีสดี า ซอสครีมหมกึ ดา พซิ ซ่าหมกึ ดา ฯลฯ และนา้ หมึกยงั ใช้สาหรับเป็นหมกึ พมิ พไ์ ด้ดว้ ย

• ปลาตนี มีชื่อวทิ ยาศาสตร์ Periophthalmus chysospilos ชอ่ื วงศ์ GOBIIDA จดั เป็นสตั ว์สะเทินนา้ สะเทินบกและเป็นปลากระดกู แข็ง ลกั ษณะสณั ฐานวทิ ยา คลา้ ยปลามีปอดที่พบในทวีปแอฟรกิ า ขนาดลาตัวยาว ๕- ๓๐เซนตเิ มตร มคี รีบค่หู นา้ หรือครีบอกที่แข็งแรง ซงึ่ ปลาตีนก็ใช้ครบี อกทแ่ี ข็งแรงนเ่ี องยนั ตัวไถลหรอื กระโดดไปบนพนื้ เลน หรอื ตามผวิ หนา้ ของพนื้ นา้ รวมถงึ ยนั ตวั คลานขนึ้ ต้นไม้ โดยเฉพาะยดึ เกาะกบั ตน้ โกงกาง หรอื แสม ในป่าชายเลน ซ่งึ เป็นทอ่ี ยอู่ าศัยสาคัญ โดยมีการบดิ งอโคนหางแลว้ ดดี ออกเหมอื นสปริงเป็นตัวช่วยทท่ี าให้เคลอ่ื นไหวไปได้ จึงดไู ป คลา้ ยมันมเี ท้าหรอื ตีนพาตัวเคลอื่ นไหนมาไหน • ปลาตนี เพศผมู้ ีขนาดลาตัวแบนเลก็ น้อย มเี กลด็ ปกคลมุ ท่วั ลาตัว มสี เี ทาแถบสนี า้ ตาลพาด บริเวณหวั และตามตวั มีจดุ วาวสเี ขยี วมรกต ปลายครีบหลงั สขี าว สนี า้ ตาล สนี า้ เงิน วาวเหมอื นมุก • สว่ นเพศเมียสลี าตวั คอ่ นข้างเหลอื ง ปลาตีนเม่ืออยบู่ นบกจะหายใจผา่ นผวิ หนังและชอ่ งเหงือก อาหารทกี่ ินเป็นลกู ก้งุ ลกู ปู ตัวอ่อนของสตั ว์นา้ ขนาดเลก็ สาหร่ายและซากพชื และสตั วบ์ นผวิ เลน • ปลาตนี มที ั้งหมด ๙ สกลุ ๓๘ ชนิด กระจายพนั ธอ์ุ ยทู่ ่วั ไปตามชายทะเลโคลนและป่าชายเลนในเขตรอ้ น ต้ังแตเ่ ขต มหาสมุทรแอตแลนติก ชายฝ่งั แอฟรกิ าจนถงึ เอเชยี แปซิฟิก มีความยาวลาตัวแตกตา่ งออกไปตั้งแตเ่ พยี งไมก่ ่ีเซนติเมตร ในชนิด Zappa confluentus จนถงึ เกอื บ ๑ ฟุต ในชนดิ Periophthalmodon schlosseri • ลกั ษณะพเิ ศษและพฤตกิ รรม หวั มีขนาดโต มตี าหนงึ่ คู่ต้ังอยสู่ ว่ นบนสดุ ของหัวโปนออกมาเหน็ ไดช้ ัด ดวงตากลอกไปมา ได้ จึงใช้มองเหน็ ได้ดเี มื่อพน้ นา้ สามารถเคลอ่ื นทบ่ี นบกได้โดยใชค้ รีบอกทีแ่ ข็งแรงไถลตวั ไปตามพนื้ เลนและกระโดดได้ ดว้ ยทงั้ ยงั ใช้ชวี ติ อยบู่ นบกได้เป็นเวลานาน เนือ่ งจากมอี วัยวะพเิ ศษอยขู่ ้างเหงือกท่สี ามารถเก็บความชมุ่ ชนื้ ได้ •

• ปลาจระเข้ มีชือ่ อยา่ งเป็นทางการว่า ปลาอลั ลเิ กเตอร์ มีช่อื วทิ ยาศาสตร์ Lepisosteus spatula อยใู่ นวงศ์ Lepisosteidae เป็นปลากนิ เนอื้ นา้ จดื ขนาดใหญ่ทีส่ ดุ ในกลุ่มปลาการ์ คนส่วนใหญ่เรียกว่า ปลาจระเข้ จากรูปร่างหน้าตาของมนั • โดยเฉพาะลักษณะมปี ากคลา้ ยกับจระเขร้ ปู ร่างกลม ยาวเรียว หัวจะเล็กลง ปากยาว คลา้ ยจระเข้ ตา กลมสีดา บรเิ วณลาตัวจรดหางคลา้ ยปลา มคี รีบเล็กใต้ทอ้ ง ๒ ครีบคู่ ใตท้ ้องสีขาวบริเวณปลายหาง โคนหางด้านบนจะยาวกว่าโคนหางดา้ นลา่ งอยา่ งเหน็ ไดช้ ัด แพนหางกลมแขง็ แรงคล้ายพัด มีเกลด็ ท่ี แข็งและสาก ปกคลุมลาตัวเป็นรปู ส่เี หลี่ยมขนมเปียกปนู ใกลห้ างมคี รีบใหญ่อีก ๒ ครบี • เมื่อโตเต็มวยั จะมคี วามยาวถึง ๓ เมตรคร่งึ นา้ หนักถึง ๑๒๗ กโิ ลกรมั มีอายยุ นื ยาว • ถ่นิ อาศยั เดิมคอื แถบลมุ่ นา้ มสิ ซสิ ซิปปี รฐั ฟลอรดิ า ในสหรัฐอเมรกิ า และแม่นา้ อะเมซอน ประเทศ บราซิล ไปจนถึงประเทศเม็กซิโก • ความทเ่ี กลด็ ของปลาอลั ลิเกเตอรห์ นาและแขง็ ลกั ษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมเหมอื นเพชร ท้ังมีสาร เหมอื นกับสารเคลอื บฟันเคลอื บอยู่ มีความคม ชนเผ่าอนิ เดยี นแดงของอเมรกิ าจึงใช้เกล็ดของปลาอลั ลเิ กเตอรท์ าเป็นหวั ลูกศร • สภาพแวดล้อมทอี่ ย่อู าศัยคอื นา้ จืด อุณหภมู ิ ๒๘-๓๐ องศาเซลเซียส ชอบอยู่ในทอ้ งนา้ กว้างๆ กิน ปลาเล็ก กบ รวมถงึ อาหารสดประเภท เนอื้ หมู เนอื้ ปลา • มอี วัยวะท่ีช่วยในการหายใจ ทาใหอ้ าศยั อยใู่ นนา้ ท่ีมีปรมิ าณออกซิเจนต่าไดด้ ี • แมจ้ ะมีหนา้ ตาคลา้ ยจระเขจ้ ะทาใหด้ ูนา่ กลัว แตโ่ ดยธรรมชาติแล้วอปุ นิสยั ของปลาชนิดนี้ คอ่ นข้างรกั สงบ ไมก่ ้าวร้าว เลยี้ งรวมกบั ปลาชนดิ อน่ื ๆ ที่มีขนาดใกล้เคียงได้ หรือชนดิ เดียวกันได้ หลายๆ ตัว

• ปลาท่ีเรยี กกนั ท่วั ไปวา่ ปลามงั กร มอี ีกชอื่ วา่ ปลาตะพดั หรือ ปลาอะโรวาน่า ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Scleropages formosus เป็นปลานา้ จดื ทถ่ี ือไดว้ ่าสืบเผา่ พนั ธุม์ าตัง้ แต่ปลาในยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ จัดเป็นซากดกึ ดาบรรพ์ มีชวี ิตชนิดหนง่ึ และนบั เป็นปลาท่ใี กล้ สูญพันธ์ใุ นธรรมชาติ เนอื่ งจากเป็นปลาทีส่ ืบพนั ธย์ุ าก ประกอบกับแหลง่ ที่ อยู่ถกู ทาลายไป ท้งั ยังเป็นที่นยิ มอยา่ งสงู ในหม่นู กั เลยี้ งปลาสวยงาม • ลักษณะท่วั ไป ลาตัวยาว ด้านขา้ งแบน เกลด็ มีขนาดใหญส่ ีเงินอมเขียวฟ้าเรยี งเป็นระเบียบสวยงาม เกลด็ เส้นข้าง ลาตัวมี ๒๔ ชนิ้ ตาโต ปากใหญเ่ ฉียงขนึ้ ดา้ นบน ฟันแหลม ครีบหลงั และครบี ก้นยาวไปใกลบ้ ริเวณครีบหาง สัน ทอ้ งคม มหี นวด ๑ คอู่ ยใู่ ตค้ าง ขนาดโตเต็มท่ียาวได้ราว ๙๐ เซนติเมตร หนักได้ถงึ ๗ กโิ ลกรมั อาหารของปลา ตะพัด ไดแ้ ก่ สตั ว์นา้ ขนาดเล็ก แมลง สัตว์เลอื้ ยคลานและสตั ว์ครึง่ บกคร่งึ นา้ ขนาดเลก็ ปลาโตเต็มวัยสามารถโดด งับอาหารได้สูงถงึ ๑ เมตร • อาศัยอย่ใู นแมน่ า้ ท่ีมีสภาพใสสะอาด นิสัยดุ กา้ วรา้ ว ขตี้ กใจ มกั อยู่ลาพังตัวเดียวหรือเป็นคู่ ถา้ อยู่เป็นฝูงก็จะเป็น ฝูงเลก็ ๆ ไม่เกนิ ๓-๕ ตวั พบได้ในทุกประเทศเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ แตใ่ นแตล่ ะแหลง่ นา้ กจ็ ะมีสีสนั แตกต่างกนั ออกไป เชอ่ื ว่าเนอื่ งจากลกั ษณะทางพันธุกรรมและสภาพแวดลอ้ มท่อี ยู่ เชน่ สที อง สีแดง สีเงิน สีทองออ่ น • จัดเป็นสดุ ยอดปลาสวยงามท่ีไดร้ ับความนิยมสงู มาโดยตลอด อาจเป็นเพราะรปู รา่ งสวย มเี กล็ดขนาดใหญ่ มสี ีสนั แวววาว และมีหนวดลกั ษณะคลา้ ยมงั กร ทีม่ าของความเชอื่ ตามคติจีน วา่ ผู้ใดเลยี้ งปลาชนิดนแี้ ลว้ จะร่ารวยมีโชค ลาภ น่นั ยงิ่ ทาใหไ้ ดร้ ับความนยิ มยง่ิ ขึ้น

• อ่งั เปา” ละมัง่ ท่เี กิดจากการผสมเทียมตวั แรกของประเทศไทย ผลงานของคณะวจิ ัยผสมเทยี มละม่งั อนั เป็นความร่วมมือ ระหวา่ งมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์องคก์ ารสวนสตั วแ์ ละกรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ ่ าและพนั ธพุ์ ืชเพ่ืออนุรักษแ์ ละขยายพนั ธุ์ ละม่งั ใหจ้ านวนเพม่ิ มากขนึ้ • และไดผ้ ลออกมาเป็น “อ่งั เปา” ซง่ึ เกิดเม่ือวนั ท่ี ๑ กมุ ภาพนั ธ์๒๕๕๓ เป็นเพศเมยี ร่างกายสมบูรณ์สขุ ภาพแข็งแรง เกิดจาก ละม่งั สายพันธพุ์ ม่า อายตุ งั้ ทอ้ งประมาณ ๘เดอื น นับเป็นการทดลองผสมเทียมนาร่องก่อนจะผสมเทยี มละม่ังสายพนั ธไุ์ ทย • ทั้งนี้ กระบวนการผสมเทียมเริม่ จากรดี นา้ เชอื้ ละม่งั ตัวผขู้ องสถานเี พาะเลยี้ งสัตวป์ ่ า บางละมุง จ.ชลบรุ ี กรมอทุ ยานแหง่ ชาติฯ แลว้ นามาตรวจสอบคุณภาพความแข็งแรงของนา้ เชอื้ และปริมาณอสุจวิ า่ มีเพียงพอหรือไม่ เพ่ือนาไปเก็บรักษาในรูปแช่แขง็ ส่วน ละม่งั ตัวเมยี อยใู่ นสวนสตั วเ์ ปิดเขาเขียว ตอ้ งคดั เลือกตัวทีพ่ รอ้ มผสมเทียมเตม็ ที่ โดยฉดี นา้ เชอื้ เข้าไปในรังไข่ ซ่ึงเป็นเทคนิค ซับซอ้ น และกระตนุ้ ดว้ ยฮอรโ์ มนใหร้ ่างกายพรอ้ มปฏสิ นธิ โอกาสทจ่ี ะผสมเทียมละม่งั ไดส้ าเรจ็ จงึ เป็นเร่ืองยาก • โครงการวจิ ยั ผสมเทยี มละม่งั มจี ุดประสงคห์ ลกั คอื เพาะพันธลุ์ ะม่งั ไทยปล่อยกลบั คืนสธู่ รรมชาติ เน่อื งจากละม่งั ไทยเป็นสาย พันธทุ์ ี่มีจานวนนอ้ ยและหายากกว่าละม่งั พมา่ คาดวา่ ละมงั่ ไทยเหลอื เพยี ง ๒ แห่ง คอื ท่ีสวนสตั วด์ ุสิต หรือเขาดิน และ สถานเี พาะเลีย้ งสตั วป์ ่ า บางละมงุ ซึ่งลูกละม่งั ท่เี กิดจากการผสมพนั ธใุ์ นเครอื ญาติ ทาใหม้ ีปัญหาสายพนั ธกุ รรมบกพร่อง เพราะอย่ใู นภาวะเลอื ดชดิ ลูกละม่งั จะมีรา่ งกายอ่อนแอรูปร่างเล็กและตดิ เชอื้ โรคงา่ ย ทาใหโ้ อกาสรอดชีวิตตา่ เสย่ี งตอ่ การสญู พนั ธไุ์ ดใ้ นท่ีสุด ดงั นน้ั การอนรุ ักษแ์ ละขยายพนั ธลุ์ ะม่งั ไทยจึงตอ้ งเร่งดาเนินการ • เหตทุ ่ีตอ้ งผสมเทียมก็เพราะละม่งั เป็นสัตวป์ ่ าสงวนหน่ึงใน ๑๕ชนดิ ตามพระราชบญั ญัตสิ งวนและคมุ้ ครองสตั วป์ ่ า พ.ศ.๒๕๓๕ มสี ถานะทีเ่ สี่ยงต่อการสญู พนั ธุ์ในปัจจบุ นั ละม่งั ทัง้ สองสายพนั ธคุ์ ือสายพนั ธไุ์ ทยและสายพันธุพ์ ม่า ไดส้ ญู พนั ธไุ์ ปแลว้ จากป่ า ธรรมชาติของประเทศไทย

• เรามักพบกวางเรนเดยี ร์ (reindeer) ในประเทศรายรอบมหาสมทุ รอาร์กตกิ เช่น นอรเ์ วย์ แคนาดา ไซบีเรียสวเี ดน ฟินแลนด์ กรีนแลนด์ และรฐั อะแลสกา สหรัฐอเมริกา • ทั้งนเี้ พราะภูมิประเทศแถบนัน้ หรอื ทเ่ี รียกว่าทุนดรา (tundra) นน้ั เมอื่ ถงึ หนา้ หนาวท่มี หี มิ ะตกนาน ๙ เดือนใน ๑ ปี นา้ ในทะเลสาบและ แม่นา้ จะกลายเป็นนา้ แข็ง ขณะท่ีฤดรู อ้ นมรี ะยะเวลา ๒-๓ เดอื นซง่ึ สนั้ มาก ทาให้ตน้ ไม้ขนาดใหญไ่ มข่ นึ้ มีแตต่ น้ ไม้ขนาดเลก็ และหญ้ามอสส์ เทา่ นั้นที่ขนึ้ ได้ และเมื่อถึงหนา้ รอ้ นท่หี มิ ะละลายดอกไม้จะเรมิ่ บาน แมลงจะออกบนิ ดวงอาทิตยจ์ ะขนึ้ สงู ๆ ทกุ วัน กลางวันจะนานขนึ้ ๆ จนใน ทส่ี ดุ ดวงอาทิตยจ์ ะยงั ปรากฏแม้เป็นเวลาเทย่ี งคืน แลว้ ฤดหู นาวก็หวนกลบั มาอกี น่นั คอื กลางวนั จะสน้ั ลงๆ จนในทีส่ ดุ ไม่มีกลางวันเลย • น่นั คือสภาพภมู ิประเทศทกี่ วางเรนเดยี รอ์ าศัยอยู่แต่กวางชนดิ นเี้ มอ่ื ถึงหนา้ หนาวจะพากันอพยพลงใต้ มนั จะเดนิ เป็ นขบวนอยา่ งรู้จุดหมายโดย ใหต้ วั เมยี เดินนาไปกอ่ น แลว้ อีก ๒-๓ ตวั ต่อมา ตวั ผจู้ ะเดนิ ตาม และขณะอพยพศัตรูของมนั ซ่ึงไดแ้ ก่สนุ ขั ป่าก็อาจเฝา้ ดอู ยใู่ กลข้ บวน เพอื่ จบั กิน กวางตวั ทอี่ อ่ นแอ หรอื พลดั ฝงู เวลาอพยพเหลา่ กวางจะเดินตามกันอยา่ งตอ่ เน่อื ง ไม่หยดุ เดินแม้เห็นรถไฟกาลงั มา รถไฟจึงต้องหยดุ ให้ฝงู กวาง ข้ามทางรถไฟไปจนหมด เพราะถ้าไม่หยดุ ฝงู กวางกจ็ ะเดินพงุ่ ชนรถไฟเรอื่ ยๆ เม่อื ฝงู กวางเดนิ ทางถงึ จุดหมายปลายทาง ซึง่ เป็ นสถานทีท่ ่ีอากาศ อบอนุ่ และมอี าหารอุดมสมบรู ณ์ มันจะเร่ิมผสมพนั ธเ์ุ พอ่ื ให้ลกู กวางเกิดทนั ฤดใู บไม้ผลิ • กวางเรนเดยี ร์ลาตัวสงู ประมาณ ๑เมตร สว่ นกวางคารบิ ู (caribou) ซึง่ เป็นเรนเดียร์อีกพนั ธ์ุหนง่ึ มลี าตวั สงู กว่าคือประมาณ ๑.๓ เมตร เรน เดยี ร์ทกุ ตัวมคี อหนา ลาตัวยาว เท้ามี ๒ กบี เหมอื นเทา้ วัว เวลายนื บนหมิ ะกบี ท้ังสองจะแยกออกเพอ่ื รับนา้ หนกั ตวั ไม่ใหจ้ มลงในหิมะ และกวาง มักใช้กีบท่ีคมนคี้ ยุ้ เขีย่ หาอาหารท่ีฝงั อยใู่ ตห้ มิ ะ ตามปกตกิ วางจะอ้วนทว้ นสมบรู ณใ์ นหน้ารอ้ น ซ่งึ เป็นเวลาที่มอี าหารอดุ มสมบรู ณ์ และเมือ่ ถงึ หน้าหนาวซง่ึ เป็นเวลาท่อี าหารขาดแคลน กวางจะผอม • กวางเรนเดยี ร์ตามปกตเิ ปลย่ี นสขี น ในหน้าร้อนขนที่ขนึ้ ดกตามตัวจะมีสนี า้ ตาลขนคอและขนทอ้ งสขี าว แต่เมอื่ ถึงหน้าหนาว ขนตวั จะ เปลยี่ นเป็นสเี ทา เพอื่ ให้เขา้ กบั สขี องหมิ ะทกี่ าลงั จะตก ชาวเอสกโิ มและชาวแลปป์ มักใชข้ นกวางทอเป็นเสอื้ กนั หนาว เป็ นผา้ ห่ม สว่ นหนังกวาง นิยมใชท้ าเต๊นทท์ ม่ี ลี กั ษณะเหมอื นกระโจมอินเดียนแดง เพราะหนังกวางทนพายหุ มิ ะทพี่ ดั ไมร่ ุนแรงนกั ได้ นอกจากนี้นมกวางกด็ ่ืมไดด้ ว้ ย

• กระทิง ภาษาองั กฤษเรียก Gaur (กาวเออร์) หรือบางทเี รยี กวา่ Indian bison (อนิ เดยี น ไบ ซัน) สถานะในประเทศไทย เป็น สตั วป์ ่าคุ้มครองประเภทที่ ๒ พบเพยี งที่เดียวคือ เขาแผงมา้ ใน อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ • สถานะในสหภาพนานาชาติเพอื่ การอนรุ ักษ์ธรรมชาตแิ ละทรพั ยากรธรรมชาติ (IUCN) จัดให้อยใู่ น ระดับ CR (Critically Endangered) หรือเสยี่ งตอ่ การสญู พนั ธใ์ุ นพนื้ ท่ีธรรมชาติ • กระทงิ มีรูปรา่ งคลา้ ยววั ขนยาว ตัวสดี าหรอื ดาแกมนา้ ตาลเว้นแตท่ ตี่ รงหนา้ ผากและครึ่งลา่ งของขา ทั้ง ๔ เป็นสขี าวเทาๆ หรือเหลอื งอยา่ งสที อง เรยี กวา่ หนา้ โพสนั กลางหลงั สงู ขาท้งั ๔ ข้างต้งั แต่ เหนือเข่าลงไปถงึ กบี เทา้ มีสขี าวเทาหรือเหลอื งทอง ทาใหม้ องดูเหมอื นสวมถงุ เทา้ • สขี นของกระทิง บริเวณหน้าผากและถงุ เทา้ เกิดจากคราบนา้ มันในเหงือ่ ใต้ผวิ หนงั มีต่อมนา้ มนั ซง่ึ นา้ มนั มกี ลน่ิ ฉนุ เลก็ นอ้ ย ซ่ึงเป็นลกั ษณะเฉพาะของสตั วช์ นิดนี้ คอสนั้ และมีพมื (เหนียงคอ) ห้อยยาว ลงมาจากใต้คอ มเี ขาท้ังตวั ผแู้ ละตัวเมีย เขาโคง้ เขามสี เี ขยี วเขม้ ปลายเขามสี ดี า บรเิ วณโคนเขามี รอยยน่ ซงึ่ รอยนจี้ ะมีมากขนึ้ เม่อื สงู วยั ขนึ้ • กระทิงเป็นววั ป่าขนาดใหญท่ ่ีสดุ ในโลกใหญ่ยง่ิ กว่าควายป่าเอเชียและควายป่าแอฟริกัน จะเลก็ กวา่ ก็แค่ช้าง แรด และฮิปโปเท่าน้นั เมื่อเทียบกบั สตั ว์บกดว้ ยกัน • ความสงู จากพนื้ ถงึ ไหล่ อาจถึง ๒๒๐ ซ.ม. แตค่ วามสงู เฉลยี่ ของกระทงิ ตัวผู้คอื ๑๘๐-๑๙๐ ซ.ม. โดยตวั เมยี จะเตยี้ กวา่ ประมาณ ๒๐ เซนตเิ มตร นา้ หนกั ตัวของตวั ผู้๑,๐๐๐-๑,๕๐๐ กิโลกรัม ตัวเมยี ๗๐๐-๑,๐๐๐ กโิ ลกรัม ท่วั เรอื นร่างเตม็ ไปดว้ ยมดั กลา้ มเหน็ ไดช้ ัด • การกระจายพนั ธุใ์ นภาคใต้ของจนี อินเดยี ภูฏาน บังกลาเทศ เนปาล พมา่ ไทย ลาว กมั พชู า เวยี ดนาม มาเลเซีย

• ควาย หรอื ราชการเรียก กระบอื จัดอยู่ในไฟล่มั สตั วม์ แี กนสนั หลงั ชนั้ สตั ว์เลยี้ ง ลูกด้วยนม เป็นสัตวเ์ ลยี้ งท่ใี กลช้ ดิ กบั งานเกษตรกรรมของประเทศแถบเอเชียมาก ทส่ี ุด ชาวนาเลยี้ งควายเพ่ือใช้เป็นแรงงานไถนา เป็นพาหนะเข้าไปทาไร่ทานา รวมถงึ กนิ เนอื้ • สายพนั ธุ์ควายแยกไดเ้ ป็นสองกลุ่ม คอื ควายป่ ากับควายบา้ น และควายบ้านนัน้ ก็ แบ่งไดเ้ ป็น ๒ ชนดิ คือ ควายปลกั (Swamp buffalo) หรอื ทีต่ า่ งประเทศใช้ ศพั ท์ วอเตอร์ บฟั ฟาโล -Water buffalo เรยี กควายทีเ่ ลยี้ งท่วั ไปในทุ่งนา้ เอเชยี กบั ควายแม่นา้ (River buffalo) • ท้ังสองชนดิ จดั อยใู่ นวงศ์และสกุลเดียวกนั Bubalus bubalis แต่มีความ แตกต่างกนั ทางสรีระรูปร่างอยา่ งเห็นได้ชัดเจน • จากการศึกษาทางดา้ นชีวภาพโมเลกลุ พบวา่ ควายปลักมจี านวนโครโมโซม ๒๔ คู่ ส่วนควายแม่นา้ มจี านวนโครโมโซม ๒๔ คู่ แต่ควายทั้งสองชนิดนผี้ สมข้ามพนั ธุ์ได้ • ควายปลักเลยี้ งกันในประเทศไทย ฟิ ลปิ ปินส์ มาเลเซยี อนิ โดนเี ซยี เวียดนาม พม่า กมั พชู า ลาว เลยี้ งไวใ้ ชแ้ รงงานใน ไรน่ า และเมอ่ื อายุมากขนึ้ กส็ ่งเข้าโรงฆ่าเพอื่ นา เนอื้ เป็นอาหาร ชอบนอนแชป่ ลกั มรี ูปรา่ งลา่ สัน ลาตัวหนาลกึ ท้องใหญ่ ผิวหนังมี สีเทาเข้มเกอื บดา หรืออาจมสี ีขาวเผอื ก มขี นเลก็ น้อย หัวยาวแคบ เขามีลกั ษณะ แบบโค้งไปข้างหลัง หนา้ สน้ั หน้าผากแบบราบ ตานนู เด่นชัด ช่วงระหว่างรจู มกู ทั้ง สองขา้ งกว้าง คอยาวและบริเวณใต้คอจะมีขนขาวเป็นรปู ตัววี หวั ไหล่และอกนูน เหน็ ชัดเจน •

• เต่ากระดองสวยๆเหมอื นแฉกดาว มชี ือ่ ว่า เตา่ รศั มดี ารา ภาษาอังกฤษเรียกเรดิเอ เต็ด ทอรเ์ ทสิ Radiated tortoise มีช่ือวิทยาศาสตรว์ ่า Astrochelys radiata แอสโตเคลีส ราเดียตา้ บางทอี า่ นว่า เรดิเอตา้ เป็นเต่าบกชนดิ หนึง่ มี กระดองทมี่ สี ีสวยโดยเฉพาะในวยั เลก็ คลา้ ยกบั เตา่ ในสกลุ Geochelone ที่เคย อยรู่ ว่ มสกุลเดยี วกันมาก่อนแต่มลี วดลายทล่ี ะเอยี ดกวา่ มากเหมอื นกับลายของ “ดาว” โดยเฉพาะในตวั ที่มสี ีเหลอื งมาก จะเรียกวา่ ไฮเยลโล่ • มถี ิ่นกาเนิดอยทู่ ป่ี ระเทศมาดากัสการบ์ ริเวณตอนใต้ทวีปแอฟริกา ในสภาพที่เป็น ทะเลทราย ส่วนใหญ่พบอย่ทู างภาคกลางและภาคใต้เนอ่ื งจากชอบอาศัยอยู่ใน พนื้ ท่แี หง้ แลง้ แต่ก็เป็นเตา่ ท่ชี อบความเยน็ และความชนื้ พอสมควร เนอ่ื งจากสภาพ ทอ่ี ยอู่ าศยั มีสภาพฝนตกชกุ อย่ดู ว้ ย • เตา่ ชนิดนกี้ ินผักและผลไมห้ ลากชนิด และตน้ กระบองเพชร (Opuntia cactus) เป็นอาหารโปรด ตัวเมียมีขนาดใหญ่กวา่ ตัวผู้วางไข่ในหลุมที่ตัวเมียเปน็ ฝ่ ายขุดประมาณ ๗-๙ฟอง แลว้ เวน้ ช่วงไปจากน้นั ก็จะขดุ หลุมใหมเ่ พ่ือวางไข่ ทา อย่างนไี้ ปเรื่อยๆจนกวา่ ไขจ่ ะหมด ใชเ้ วลาฟักประมาณ ๒๐๐ วันซงึ่ ไข่จะฟักเป็นตัว เร็วหรอื ชา้ ขนึ้ อยกู่ ับอณุ หภูมิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook