Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชามนุษย์สัมพันธ์-บทที่-10-การขัดเเย้งในองค์การ

วิชามนุษย์สัมพันธ์-บทที่-10-การขัดเเย้งในองค์การ

Published by 230-ธนศิลป์ บุญปั้น, 2021-08-30 12:28:00

Description: วิชามนุษย์สัมพันธ์-บทที่-10-การขัดเเย้งในองค์การ

Search

Read the Text Version

หน่วยท่ี 10 ความขดั แย้งในองค์การ Intra-organization Conflict

หน่วยท่ี 10 ความขดั แย้งในองค์การ หวั เร่ือง (Topics) 10.1 ความหมายของความขดั แยง้ 10.2 สาเหตุของความขดั แยง้ 10.3 แนวคิดเกี่ยวกบั ความขดั แยง้ 10.4 ประเภทของความขดั แยง้ 10.5 ผลดีและผลเสียของความขดั แยง้ 10.6 ยทุ ธวธิ ีในการขจดั การขดั แยง้ 10.7 วีธีการลดความขดั แยง้ ภายในองคก์ าร 10.8 การบริหารความขดั แยง้ อยา่ งสร้างสรรค์ 10.9 การบริหารความขดั แยง้ ดว้ ยหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง สมรรถนะยอ่ ย (Element of Competency ) - แสดงความรู้เก่ียวกบั การบริหารความขดั แยง้

สมรรถนะยอ่ ย (Element of Competency ) - แสดงความรู้เกี่ยวกบั การบริหารความขดั แยง้ วตั ุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม (Benhavioral Objectives) ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ นกั เรียนสามารถ ดา้ นความรู้ ผเู้ รียนสามารถ 1.หาสาเหตุความขดั แยง้ ที่เกิดข้ึนในสถานการณ์ต่างๆได้ 1.อธิบายความขดั แยง้ ได้ 2.แยกแยะผลของความขดั แยง้ ท้งั ดา้ นดีและดา้ นเสียได้ 2.บอกสาเหตุของความขดั แยง้ 3.หาแนวทางจดั การความขดั แยง้ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 3.พิจารณาประเภทของความขดั แยง้ ในองคก์ ารได้ 4นายทุ ธวธิ ีในการขจดั ความขดั แยง้ ไปใชไ้ ด้ 4.คาดการณ์ถึงผลดีและผลเสียของความขดั แยง้ ได้ ดา้ นคุณธรรมและค่านิยมท่ีพงึ ประสงค์ 5.อธิบายถึงยทุ ธวธิ ีในการขจดั ความขดั แยง้ ได้ 1.มีทศั นคติที่ดีเกี่ยวกบั ความขดั แยง้ 6.แกป้ ัญหาความขดั แยง้ ในอยา่ งสร้างสรรคไ์ ด้ 2.เห็นความสาคญั ของการบริหารความขดั แยง้ อยา่ งสร้างสรรค์ 3.คาดการณ์ในส่ิงท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคตท้งั ใกลแ้ ละไกล 4.วางแผนและมีความระมดั ระวงั ในข้นั ตอนปฏิบตั ิอยา่ งมีคุณธรรม

เนื้อหาสาระ (Content) ความแตกต่างกนั ท้งั ในดา้ นค่านิยม วฒั นธรรม เป้าหมาย วีธีการทางาน นาไปสู่การคิด ความรู้สึกการกระทาต่อส่ิงหน่ึงสิ่งใด แตกต่างกนั ไม่ยอมกนั และกนั เกิดเป็นความขดั แยง้ ข้ึนได้ โดยทว่ั ไปความขดั แยง้ ท่ีเกิดข้ึนในหน่วยงานเป็นความขดั แยง้ ระหวา่ งบุคคลสามารถ เกิดข้ึนไดท้ ุกท่ีทุกเวลาซ่ึงจะใหเ้ กิดผลดีและเสียต่อองคก์ าร การเรียนรู้สาเหตุการเกิดการขดั แยง้ เป็นกระบวนการหน่ึงในการบริหารความ ขดั แยง้ ไม่ใหค้ วามขดั แยง้ ไปสู่ระดบั ท่ีเป็นอนั ตรายต่อองคก์ ารไดแ้ ละทาใหผ้ บู้ ริหารสามารถจดั การความขดั แยง้ ได้ เพราะการร่วมอยขู่ องคน ยอ่ มมีความแตกต่างกนั จึงทาใหเ้ กิดความขดั แยง้ ข้ึนได้ ความขดั แยง้ เป็นธรรมชาติของสรรพส่ิง ความขดั แยง้ นาไปสู่ความสร้างสรรคไ์ ดห้ ากมีการเขา้ ใจและจดั การที่ดี แต่ถา้ ไม่มีการ จดั การที่ดีกส็ ามารประทุไปสู่ความรุนแรงไดเ้ หมือนกนั ดงั น้นั มนุษยจ์ ึงดารงชีวติ ควบคู่ไปกบั ความขดั แยง้ ไม่วา่ จะดา้ นใดกต็ ามเพราะวา่ ความ ขดั แยง้ มีท้งั ผลดีผลเสียโทษและประโยชนน์ น่ั เอง

10.1 ความหมายของความขดั แย้ง เดวดิ จอห์นสนั และแฟรงค์ จอห์สนั ทองพนั ชงั่ พงษว์ าริน (2552) ไดใ้ ห้ (David W.Johnson and Frank P.Johnson,2012) ความหมายของ ความขดั แยง้ ไวว้ า่ หมายถึงพฤติกรรมอนั เป็นปรปักษห์ รือการ ไดใ้ หค้ วามหมายขอความขดั แยง้ ไวว้ า่ หมายถึง กิจกรรม ไม่ลงรอยกนั ในองคก์ าร หน่ึงที่เกิดข้ึนในลกั ษณะขดั แยง้ ขดั ขวาง กิจกรรมที่ทาให้ เกิดความเสียหรือดาเนินไปไดย้ ากหรือมีผลทางดา้ นใดดา้ น หน่ึง อาจจะเกิดจากระหวา่ งบุคคล 2 คนข้ึนไปหรือ มากกวา่ น้นั ผรู้ ู้ สรุปความขดั แยง้ ไวว้ า่ เป็นความรู้สึกนึกคิด หรือการกระทาท่ีขดั แยง้ กนั ท้งั ภายในตนเอง ระหวา่ งบุคคล ระหวา่ งกลุ่ม ซ่ึงมีผลทาใหเ้ กิดการ แข่งขนั หรือการทาลายกนั

10.2 สาเหตุของความขดั แย้ง 10.2.1สาเหตุของความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือกล่มุ บุคคล ความไม่เขา้ ใจกนั ความสมั พนั ธ์ที่พกิ เฉยไม่เก้ือกลู กนั ความลม้ เหลวของการสื่อความหมายอยา่ งเปิ ดเผยและซ่ือตรง บรรยากาศของการไม่ไวว้ างใจซ่ึงกนั และกนั การรับรู้ของบุคคลอื่นที่อยใู่ นสภาวการณ์ความขดั แยง้ การแข่งเพ่อื ใหไ้ ดร้ างวลั ซ่ึงมีอยจู่ ากดั องคป์ ระกอบส่วนบุคคลเพราะแต่ละคนมีความแตกต่างกนั

10.2.2สาเหตุของความขัดแย้งในองค์การ ความแตกต่างกนั ในการรับรู้ขอ้ มูลหรือขอ้ เทจ็ อาจจะทาใหเ้ กิดการเขา้ ใจต่างกนั เป้าหมายความตอ้ งการของสมาชิกไม่เหมือนกนั ทาใหเ้ ลือกวธิ ีปฏิบตั ิที่ต่างกนั ค่านิมยมของสมาชิกแตกต่างกนั ทาใหว้ ถิ ีแห่งความคิดแตกต่างกนั ออกไปยากท่ีจะทาใหก้ ลมกลืนกนั โครงสร้างขององคก์ ารทาใหน้ าไปสู่ความขดั แยง้ ได้ เช่นลาดบั ช้นั การบงั คบั บญั ชา เพราะทาใหส้ มาชิกเกิดความอึดอดั การคาสงั่ การเปลี่ยนตวั บุคคล โครงสร้างหรือเป้าหมายเพราะการเปลี่ยนแปลงยอ่ มกระทบต่อการยอมรับและผลประโยชน์ องคป์ ระกอบส่วนบุคคลเพราะแต่ละคนมีความแตกต่างกนั แต่ถา้ ตวั บุคคลไม่แตกต่างกนั มากจะทาใหค้ วามขดั แยง้ นอ้ ยลง

10.3 แนวคดิ เกย่ี วกบั ความขดั แย้ง 10.3.2 แนวคดิ ใหม่ 10.3.1 แนวคดิ เดมิ เป็นผลร้ายขององคก์ ารและส่วนบุคคล เป็นความ ความขดั แยง้ เป็นส่ิงท่ีหลีกเล่ียงไม่ได้ เป็นเรื่องปกติที่มี ในสงั คม และมีท้งั คุณและโทษความขดั แยง้ จึงเป็นส่ิงที่ ลม้ เหลวในการบริหารเป็นสิ่งที่ไม่จาเป็นและเป็น สญั ญาณของความผดิ พลาดบางอยา่ งขององคก์ ารคน ตอ้ งควรศึกษาและทาความเขา้ ใจจนสามารถใช้ ส่วนมากจึงหลีกเล่ียงและกลวั การมีความขดั แยง้ ดงั น้นั ประโยชน์จากความขดั แยง้ ได้ จึงควรหลีกเลี่ยงตอ้ งกาจดั ใหห้ มดไป

10.4 ประเภทของความขดั แย้ง ความขดั แย้งในสังคมย่อมเกดิ ขนึ้ ได้เสมอ โดยเฉพาะความ 10.4.1 ความขดั แยง้ ในตวั บุคคล เป็นความขดั แยง้ ที่ ขัดแย้งในองค์การบุคลากรในระดบั กบั ผู้ใต้บังคบั บัญชาเพราะท้ัง เกิดในตวั บุคคลเองสามารถ จาแนกเป็น 3 ลกั ษณะ สองฝ่ ายมจี ุดประสงค์และจุดหมายท่ีต่างกนั จึงทาให้จาเเนกได้ ดงั นี้ 1.ความขดั แยง้ แบบพอใจท้งั คู่ 10.4.2 ความขดั แยง้ ระหวา่ งบุคคล ( Approach-Approach Conflict) เป็ นความ (Interpersonal Conflict) ความเขา้ ไมไ่ ดร้ ะหวา่ งบุคคลสอง ขดั แยง้ ที่มีความตอ้ งการ 2 สิ่งในเวลาเดียวกนั คนหรือมากกวา่ 2 2.ความขดั แยง้ แบบไม่พอใจท้งั คู่ 10.4.3 ความขดั แยง้ ระหวา่ งกลมุ่ (Avoidance-Avoidance Conflict) เป็ นความ (Intergroup Conflict) จาแนกได้ 2 รูปแบบ คือกลุม่ ภายใน ขดั แยง้ เมื่อไมต่ อ้ งการท้งั สองอยา่ ง และใตผ้ บู้ งั คบั บญั ชา 3.ความขดั แยง้ แบบพอใจ-ไมพ่ อใจ 10.4.5 ความขดั แยง้ ระหวา่ งองคก์ าร (Approach-Avoidance Conflict) เป็ นความ (InterorganizationaI Conflict) คือความขดั แยง้ กบั ขดั แยง้ ที่เกิดข้ึนกบั ส่ิงใดส่ิงหน่ึงซ่ึงเป็นที่พอใจและไม่ องคก์ ารอื่น พอใจในเวลาเดียวกนั

10.5 ผลดีและผลเสียของความขดั แยง้ ความขดั แยง้ ไม่เฉพาะแต่ใหผ้ ลเสียหรือสร้างความรู้สึกเชิงลบเท่าน้นั แต่ยงั มีขอ้ ดีอยา่ งคาดไม่ถึงท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั ผลดา้ นไหน ผลเสียของความขดั แยง้ (Negative Effects of conflict) ทาใหเ้ กิดความรุนแรงในเชิงลบ ทาใหบ้ ุคคลมีความเครียด การส่ือสารไม่ราบรื่น ทาใหพ้ ลงั งานที่ทุ่มเทกบั งานน้นั ถูกหนั เหออกไป ในองคก์ ารความขดั แยง้ ท่ีเกิดข้นั มีผลเสีย คือ 1. ความขดั แยง้ ระหวา่ งกลุ่มจะเปลี่ยนจากใชภ้ าวะผนู้ าเป็นเผดจ็ การ 2. ความขดั แยง้ จะทาใหท้ ้งั สองฝ่ ายมีอคติแบบฝ่ังใจทางลบกบั ฝ่ ายตรงขา้ ม 3. ความขดั แยง้ นาไปสู่การยดึ ติดกบั ฝ่ ายตนเองมากเกินไปและมองอีกฝ่ ายเป็นศตั รู

10.5.2 ผลดีของความขดั แยง้ (Positive Effects of conflict) ความขดั แยง้ เป็ นเร่ืองท่ีเกิดข้ึนในทุกสังคม ทุกกลุ่ม หากทาใหผ้ ลความขดั แยง้ เป็นบวก เป็นลกั ษณะเชิงสร้างสรรคต์ ่อองคก์ ารแลว้ ผลดีท่ีเกิดข้ึน คือ 1.ความขดั แยง้ ทาใหป้ ัญหาที่ซอ้ นอยปู่ รากฏออกมาใหร้ ู้ทว่ั กนั ซ่ึงจะทาใหม้ ีการแกป้ ัญหาน้นั ต่อไป 2.ความขดั แยง้ จะทาใหจ้ ูงใจท้งั สองฝ่ ายรู้จกั กนั เขา้ ในสถานภาพของกนั และกนั และนาไปสู่การยอมรับฟังกนั 3. ความขดั แยง้ มกั ทาใหเ้ กิดความคิดใหม่ๆนาไปสู่การเกิดนวตั กรรมและการเปลี่ยนแปลง 4.ความขดั แยง้ นาไปสู่การตดั สินใจท่ีดีกวา่ 5.ความขดั แยง้ เสริมสร้างความจงรักภกั ดีในกลุ่มเพิ่มแรงจูงใจในการปฏิบตั ิงานท่ีจะสามารถชนะคู่แข่งได้ 6.ความขดั แยง้ ท่ีมีลกั ษณะเป็น “ความขดั แยง้ ทางปัญญา” (Cognitive Conflict) ทาใหแ้ ต่ละฝ่ ายเสนอแนวคิด จะทาใหบ้ ุคคลในองคก์ ารอุทิศตนใหก้ บั งานมากข้ึน

10.6 ยุทธวธิ ีในการขจดั ความขดั แย้ง -เม่ือมีเร่ืองระหองระแหงตอ้ งพดู กนั ใหร้ ู้เรื่อง อยา่ ละเลย -เมื่อต่างฝ่ ายต่างใจเยน็ ลงแลว้ ใหเ้ ร่ิมพดู กนั พดู แบบเป็นกนั เอง -ก่อนท่ีจะตาหนิควรยกยอ่ งชื่นชมก่อน -ระบุความขดั แยง้ ใหต้ รงจุด อยา่ เพิ่งจะตดั สินใจวา่ ผดิ หรือวจิ ารณ์ -เม่ือมีฝ่ ายตรงขา้ มใชค้ ารุนแรง ใหใ้ ชค้ วามอดทนใหอ้ ีกฝ่ ายใจเยน็ ลง -อยา่ งตาหนิ ด่า เยาะเยย้ -เมื่อทาผดิ ขอใหต้ รวจสอบหาเหตุแห่งการทาผดิ และหาทางแกไ้ ข -เมื่อเกิดขอ้ ผดิ พลาดใหพ้ ยายามมองส่วนท่ีดีและคน้ หาส่วนท่ีตอ้ งแกไ้ ข -หากจาเป็นตอ้ งตกั เตือนแกไ้ ขพฤติกรรมผทู้ ่ีรู้จกั ควรทาอยา่ งรวดเร็ว รวบรัด -ก่อนที่จะลากนั ไปขอใหต้ ่างฝ่ ายต่างพดู สิ่งที่ขอ้ งหมองใจ เพอ่ื จะไดส้ าเหตุและปัญหา -จงไกล่เกล่ียใหท้ ้งั สองฝ่ ายมีความรู้สึกที่ดีต่อกนั -เมื่อใชย้ ทุ ธวธิ ีเพื่อขจดั ความขดั แยง้ แลว้ ใหพ้ ยายามติดตามพฤติกรรมของแต่ละฝ่ ายวา่ เปล่ียนไปมากนอ้ ยแค่ไหน

10.7 วธิ ีการลดความขดั แยง้ ภายในองคก์ าร ผบู้ ริหารสามารถจดั ระเบียบความขดั แยง้ ใหเ้ หมาะสมเพื่อลดความขดั แยง้ ภายในองคก์ ารโดยปฏิบตั ิดงั น้ี 1. การประชุมผเู้ ก่ียวขอ้ ง 5. การเปิ ดขอ้ เสนอแนะ การสารวจความคิดเห็นจากผทู้ ่ีเก่ียวขอ้ ง 2.การต้งั ทีมงานเพอ่ื การแกไ้ ข 6. ความขดั แยง้ เป็นส่ิงที่หลีกเล่ียงไม่ได้ แต่สามารถเป็น โอกาสได้ 3.การโอนยา้ ยงาน การทางานแบบขา้ มสายงาน 7. ใชท้ กั ษะที่สาคญั อยา่ งหน่ึงในการแกไ้ ขปัญหา ความขดั แยง้ คือ ทกั ษะในการฟัง 4. การออกเสียงขา้ งมาก 8.เปิ ดใจยอมรับฟังปัญหาดว้ ย “ความเขา้ ใจ” 9. มองหาคาตอบท่ีทุกคนไดใ้ นสิ่งที่ตอ้ งการ (Think Win-Win)

10.8 การบริหารความขดั แยง้ อยา่ งสร้างสรรค์ โจนส์(Jones) ไดอ้ ธิบายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความขดั แยง้ กบั ประสิทธิผล(Effectiveness) ขององคก์ ารเป็ นกราฟ รูประฆงั ควา่ สรุปไดว้ า่ ยง่ิ ความขดั แยง้ สูงข้ึนเท่าไร ประสิทธิผลขององคก์ ารกจ็ ะยงิ่ ลดลงๆ และลดลงอยา่ งรวดเร็ว นกั วชิ าการไดใ้ หแ้ นวทางแกไ้ ขปัญหาความขดั แยง้ ไว้ 5 แนวทาง คือ วธิ ีท่ี 1 การหลีกเล่ียง(Avoidance) ใชเ้ มื่อ วธิ ีที่ 3 การแข่งขนั (Competition) ใชเ้ มื่อ ความขดั แยง้ ไม่มาก ซ่ึงทาไดโ้ ดยยอมๆกนั ไป สองฝ่ ายเกิดความขดั แยง้ แลว้ ไม่ทาอะไรเลย เรื่องจะไดจ้ บ ขอ้ ดีคือฝึกใหเ้ ราใจกวา้ ง แกไ้ ขไดโ้ ดยจดั การแข่งขนั ขอ้ ดีคือสอนให้ เรามุ่งมนั่ ในการทางานอยา่ งไม่ลดละเพราะ ตอ้ งการเอาชนะ วธิ ีที่ 2 การประนีประนอม(Compromise) ใช้ วธิ ีที่ 4 การยอมจานน(Accommodation) เม่ือเกิดการเผชิญหนา้ ซ่ึงทาไดโ้ ดยนบั 1-100 รอ ใชก้ บั ฝ่ ายที่ผดิ กบั ฝ่ ายท่ีแพไ้ ดย้ อมรับและ ใหส้ ถานการณ์เยน็ ลงก่อนค่อยมาเจรจา ขอ้ ดีคือ เปิ ดใจแลว้ กล่าวคาวา่ “ขอโทษ” ขอ้ ดีคือ ไดฝ้ ึกฝนใหใ้ จกวา้ งและใจเยน็ ช่วยฝึ กฝนการมีน้าใจ วิธีที่ 5การร่วมมือ(Collaboration) ใชเ้ มื่อ ตอ้ งการหาทางออกร่วมกนั ไม่รู้จะขดั แยง้ กนั ทาไมมาช่วยกนั คิดกนั ทาดีกวา่

10.9 การบริหารความขดั แย้งด้วยหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ประเทศไทยทุกวนั น้ีเกิดวกิ ฤตการเมืองข้ึนซ่ึงนาไปสู่วกิ ฤตทางสงั คม เกิดการแตกแยกอยา่ งไม่เคย เป็นมาก่อน ซ่ึงปัญหาสมเดก็ พระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลท่ี 9 ซ่ึงทรงมีพระเนตรท่ียาวไกลไดท้ รงเห็นมา ตลอดเละทรงพยายามใชแ้ ผนชีวติ ชุมชน เพื่อการพฒั นาอยา่ งมน่ั คงและยง่ั ยนื พระราชดารัสเน่ืองในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา วนั ท่ี 4 ธันวาคม 2543 “… เศรษฐกิจพอเพียงท่ีไดย้ ้าแลว้ ย้าอีกแปลเป็นภาษาองั กฤษวา่ sufficiency economy ใครต่อใครก็ ต่อวา่ วา่ ไม่มี sufficiency economy แต่วา่ เป็นคาใหม่ของเรากไ็ ดก้ ห็ มายความวา่ ประหยดั แต่ไม่ใชข้ ้ีเหนียว ทา อะไร ดว้ ยความอะลุม้ อล่วย กนั ทาอะไรดว้ ยเหตุและผล จะเป็น เศรษฐกิจพอเพียง แลว้ ทุกคนจะมีความสุข แต่พอเพยี งเศรษฐกิจ พอเพียงน้ี เป็นสิ่งท่ี ปฏิบตั ิยากที่สุด…”

จัดทาโดย นายธนศิลป์ บุญป้ัน รหัสนักศึกษา 64301040230 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพช้ันสูงช้ันปี ที่ 1 แผนกวชิ าช่างไฟฟ้าควบคุม (1สฟ.13) เสนอ อาจารย์ ชุตกิ าญจน์ ทาเอือ้ THANK THANK YOU YOU