Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สาระการเรียนรู้วินัย-ม.ปลาย

สาระการเรียนรู้วินัย-ม.ปลาย

Description: สาระการเรียนรู้วินัย-ม.ปลาย

Search

Read the Text Version

หลักสูตรการศึกษาพระปริยตั ิธรรม แผนกสามญั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นรู้วินยั ระดบั มธั ยมศกึ ษ การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้วินยั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๕ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส ๑.๓ รู้ เขา้ ใจ และปฏิบัติตนตามหลักพระวินัยบัญญัติ และปร ตวั ชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้ ม.๕/๓ วิเคราะห์ปฐมเหตุพระวินยั บัญญตั ิกณั ฑท์ ี่ ๒๕ สมมติเจา้ สาระการเรยี นรู้ สาระสาคัญ ช้นิ งาน/ภาระงาน ประเดน็ ศึกษาความสาคญั ของปฐมเหตุพระวินัย สมมติเจา้ หนา้ ทท่ี าการสงฆต์ อ้ งมีลกั ษณธ สมมติว่าเจ้าอ บัญญตั ิกณั ฑท์ ่ี ๒๕ สมมตเิ จ้าหน้าที่ทา การสงฆ์ อยู่ ๕ ประการคือ อย่างคือ - เจ้าหนา้ ที่ทาการสงฆ์ - คุณสมบตั ภิ กิ ษผุ เู้ ป็นเจา้ หนา้ ท่ีทาการ ๑.ไมล่ าเอียงเพราะชอบ ๑.รับจีวร สงฆ์ ๒.ไม่ลาเอยี งเพราะชงั ๒.เก็บจวี ร - ประเภทของเจา้ หน้าที่ทาการสงฆ์ ๓.ไม่ลาเอยี งเพราะงมงาย ๓.แจกจวี ร ๔.ไม่ลาเอียงเพราะกลวั ๕.ชอบและเขา้ ใจในการทาหน้าทต่ี รงนน้ั

ษาตอนปลาย หน้า ๔๓ ระกาศ กฎ ระเบียบ คาสง่ั มหาเถรสมาคม และพระราชบัญญัตคิ ณะสงฆ์ าหนา้ ที่ทาการสงฆ์ นและเกณฑ์ประเมนิ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชื่อหน่วย /เวลา อธิการแห่งจีวรมหี นา้ ท่อี ยู่ ๓ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เชน่ กัณฑท์ ี่ ๒๕ - จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสอน สมมตเิ จ้าหนา้ ทที่ า พทุ ธวิธี ๙ รูปแบบ การสงฆ์ - จดั กจิ กรรมการเรยี นรดู้ ้วยกระบวนการ ปฏบิ ตั ิงานกลมุ่ จานวน.........ชว่ั โมง - จัดกิจกรรมการเรียนรดู้ ้วยการสร้าง ความคิดรวบยอด - จดั กจิ กรรมการเรยี นรูด้ ว้ ยกระบวนการฝกึ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นสือ่ ความ - จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการ แก้ปัญหา - จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการ สร้างคาถาม-คาตอบ ทส่ี อดคล้องกับปัญหา - จดั กิจกรรมการเรยี นร้ดู ว้ ยกระบวนการอนื่ ๆ (ตามความเหมาะสม)

หลกั สตู รการศึกษาพระปริยตั ิธรรม แผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรู้วนิ ัย ระดับมธั ยมศึกษ การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรวู้ นิ ัย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๕ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส ๑.๓ รู้ เขา้ ใจ และปฏบิ ตั ติ นตามหลกั พระวินยั บญั ญัติ และปร ตัวชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ ม.๕/๔ วิเคราะห์ปฐมเหตุพระวนิ ัยบัญญตั กิ ณั ฑ์ท่ี ๒๖ กฐิน สาระการเรยี นรู้ สาระสาคัญ ช้ินงาน/ภาระงาน ประเด็น ศึกษาความสาคญั ของปฐมเหตพุ ระวนิ ยั กณั ฑ์ท่ี ๒๖ การกรานกฐิน ภกิ ษุผกู้ ราน จานวนสงฆ์ผ บญั ญตั ิกณั ฑ์ท่ี ๒๖ กฐนิ กฐนิ ตอ้ งเปน็ ผจู้ าพรรษามาแลว้ ถว้ นไตร ประกอบด้วย - การกรานกฐนิ มาสไม่ขาดในอาวาสเดยี วกันมีจานวน - ผ้าท่คี วรใช้เป็นผ้ากฐนิ ตงั้ แต่ ๕ รปู ข้ึนไป ผทู้ ี่ควรใชเ้ ปน็ ผกู้ ฐิน - ผา้ ท่ีไมค่ วรใชเ้ ปน็ ผ้ากฐนิ ผา้ ใหม่ ผา้ เทียมใหม่ ผา้ ฟอกสะอาด ผา้ - จานวนสงฆ์ผใู้ หผ้ า้ กฐนิ เก่า ผา้ บังสกุ ลุ ผา้ ตกตามรา้ นอันคฤหสั ถ์ - คุณสมบัตขิ องภกิ ษผุ คู้ วรกรานกฐนิ หรอื สหธรรมิกดว้ ยกันถวายแลว้ แกส่ งฆ์ - สงฆค์ วรใหผ้ ้ากฐนิ แกใ่ คร ห้าผ้าที่เปน็ นสิ สัคคยี ์

ษาตอนปลาย หน้า ๔๔ ระกาศ กฎ ระเบียบ คาสั่งมหาเถรสมาคม และพระราชบญั ญัตคิ ณะสงฆ์ นและเกณฑป์ ระเมนิ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ชื่อหน่วย ผใู้ หผ้ า้ กฐนิ คือ ๕ รปู /เวลา ยองค์ ๔ คอื รู้ บพุ พกรณ์ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เชน่ กณั ฑท์ ่ี ๒๗ กฐิน - จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการสอน พทุ ธวธิ ี ๙ รูปแบบ จานวน.........ช่ัวโมง - จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการ ปฏบิ ัติงานกลมุ่ - จัดกิจกรรมการเรยี นรดู้ ้วยการสร้าง ความคดิ รวบยอด - จัดกจิ กรรมการเรยี นรดู้ ้วยกระบวนการฝกึ การอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนส่ือความ - จดั กิจกรรมการเรยี นรดู้ ้วยกระบวนการ แก้ปัญหา - จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการ สร้างคาถาม-คาตอบ ท่ีสอดคลอ้ งกบั ปญั หา - จัดกจิ กรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยกระบวนการอนื่ ๆ (ตามความเหมาะสม)

หลักสตู รการศกึ ษาพระปรยิ ตั ิธรรม แผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นรู้วนิ ยั ระดับมธั ยมศกึ ษ การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรวู้ นิ ยั ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๕ มาตรฐานการเรียนรู้ ส ๑.๓ รู้ เขา้ ใจ และปฏบิ ตั ติ นตามหลกั พระวินยั บญั ญัติ และปร ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรยี นรู้ ม.๕/๕ วิเคราะห์ปฐมเหตุพระวินัยบัญญัติกณั ฑ์ที่ ๒๗ บรรพชา สาระการเรียนรู้ สาระสาคญั ชน้ิ งาน/ภาระงาน ประเดน็ ศึกษาความสาคญั ของปฐมเหตพุ ระวินยั ชน้ิ งาน ประเดน็ ประ บัญญตั กิ ณั ฑ์ที่ ๒๗ บรรพชา -ใบความรเู้ รือ่ งการบรรพชา อปุ สมบท -วธิ ีการบรรพ - การบวชในสมัยพทุ ธกาล -ภาพพทุ ธประวัติเก่ยี วกบั การบรรพชา -วิธกี ารอปุ สม - การบรรพชาเปน็ สามเณร อปุ สมบท -ใบงาน - คาบอกภัณฑกู รรม ภาระงาน -สนทนา สรปุ - การบรรพชา -การท่องคาบรรพชา อปุ สมบท เกณฑ์การปร - การอุปสมบท -การแสดงบทบาทสมมติ -ประเมนิ พฤต - องค์กาหนดความถกู ต้องในการ -ประเมนิ ใบง -ประเมินผลง อปุ สมบท -ตอบขอ้ ซักถ - บุรพกิจแห่งอปุ สมบท เครือ่ งมอื ประ - มัชฌมิ กิจแห่งอปุ สมบท -แบบทดสอบ - ปัจฉมิ กิจแหง่ อปุ สมบท -แบบประมเน -แบบประเมิน -แบบสงั เกต

ษาตอนปลาย หน้า ๔๕ ระกาศ กฎ ระเบียบ คาสัง่ มหาเถรสมาคม และพระราชบัญญัตคิ ณะสงฆ์ นและเกณฑป์ ระเมนิ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ชื่อหน่วย ะเมิน /เวลา พชา มบท การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ เชน่ กัณฑ์ที่ ๒๗ ปองค์ความรู้ - จัดกจิ กรรมการเรียนร้ดู ้วยกระบวนการสอน บรรพชา ระเมิน ตกิ รรม พุทธวธิ ี ๙ รูปแบบ งาน งาน - จัดกิจกรรมการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการ จานวน.........ชั่วโมง ถามได้ ะเมิน ปฏิบตั งิ านกลมุ่ บกอ่ นเรยี น นใบงาน - จัดกิจกรรมการเรียนร้ดู ้วยการสร้าง นผลงาน ความคิดรวบยอด - จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการฝกึ การอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสอ่ื ความ - จดั กจิ กรรมการเรยี นรูด้ ว้ ยกระบวนการ แก้ปัญหา - จดั กิจกรรมการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการ สร้างคาถาม-คาตอบ ที่สอดคลอ้ งกบั ปัญหา - จดั กิจกรรมการเรยี นรดู้ ้วยกระบวนการอ่ืนๆ (ตามความเหมาะสม)

หลกั สตู รการศกึ ษาพระปริยตั ิธรรม แผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นรูว้ ินัย ระดับมัธยมศกึ ษ การออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูว้ ินัย ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๕ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส ๑.๓ รู้ เขา้ ใจ และปฏบิ ตั ิตนตามหลักพระวนิ ัยบัญญัติ และปร ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรู้ ม.๕/๖ รแู้ ละเข้าใจพระราชบญั ญัติคณะสงฆ์ สาระการเรยี นรู้ สาระสาคญั ชิน้ งาน/ภาระงาน ประเดน็ ศึกษาความสาคญั ของพระราชบญั ญัติ ชิน้ งาน ประเดน็ ประ คณะสงฆ์ -ใบความรเู้ รอ่ื ง พร..บ.คณะสงฆ์ -พ.ร.บ.คณะส - ขอ้ ควรรู้เบ้ืองตน้ เกีย่ วกบั -บทความเกย่ี วกับ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ -ใบงาน -การสืบค้น พ.ร.บ.สงฆจ์ ากอินเทอรเ์ นต -แบบทดสอบ พระราชบญั ญัติคณะสงฆ์ ภาระงาน -การสนทนา - พระราชบญั ญัตคิ ณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ -การอภปิ รายมาตราแตล่ ะมาตรา พ.ร.บ. เกณฑก์ ารปร สงฆ์ -ประเมนิ พฤต (แก้ไขเพมิ่ เตมิ ) พ.ศ. ๒๕๓๕ -ประเมนิ ผลง - หมวดท่ี ๑ สมเดจ็ พระสังฆราช -ตอบข้อซกั ถ - หมวดที่ ๒ มหาเถรสมาคม เครอื่ งมือประ - หมวดท่ี ๓ การปกครองคณะสงฆ์ -แบบสงั เกต - หมวดท่ี ๔ นิคคหกรรมและการสละ -แบบประเมนิ -แบบประเมนิ สมณเพศ

ษาตอนปลาย หน้า ๔๖ ระกาศ กฎ ระเบยี บ คาส่งั มหาเถรสมาคม และพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ นและเกณฑป์ ระเมิน การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ชอ่ื หน่วย ะเมนิ /เวลา สงฆ์ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เช่น พระราชบัญญตั ิ บ ซักถาม สรปุ องคค์ วามรู้ - จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการสอน คณะสงฆ์ ระเมิน ตกิ รรม พุทธวิธี ๙ รปู แบบ งาน ถาม - จดั กจิ กรรมการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการ จานวน.........ช่ัวโมง ะเมิน ปฏิบตั งิ านกลมุ่ นใบงาน นผลงาน - จัดกิจกรรมการเรียนรดู้ ้วยการสรา้ ง ความคดิ รวบยอด - จัดกจิ กรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยกระบวนการฝึก การอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขยี นส่ือความ - จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ด้วยกระบวนการ แก้ปัญหา - จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการ สรา้ งคาถาม-คาตอบ ท่สี อดคลอ้ งกบั ปญั หา - จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ด้วยกระบวนการอ่นื ๆ (ตามความเหมาะสม)

หลกั สูตรการศึกษาพระปรยิ ตั ิธรรม แผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นรู้วนิ ัย ระดบั มธั ยมศกึ ษ การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้ สาระการเรยี นร้วู ินัย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๕ มาตรฐานการเรียนรู้ ส ๑.๓ รู้ เขา้ ใจ และปฏิบตั ติ นตามหลกั พระวินัยบัญญตั ิ และปร ตัวชี้วดั /ผลการเรียนรู้ ม.๕/๖ รแู้ ละเข้าใจพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ สาระการเรียนรู้ สาระสาคัญ ชิ้นงาน/ภาระงาน ประเดน็ ศึกษาความสาคญั ของพระราชบญั ญตั ิ ชน้ิ งาน ประเด็นประเ คณะสงฆ์ -ใบความรูเ้ ร่ือง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ หมวดที่ -ใบงาน - พระราชบัญญตั คิ ณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ๕,๖,๗,๘ -สนทนาซักถ -เอกสารเกยี่ วกบั พ.ร.บ. ความรู้ (แกไ้ ขเพิ่มเตมิ ) พ.ศ. ๒๕๓๕ ภาระงาน เกณฑ์การปร - หมวดท่ี ๕ วัด -การพดู สนทนาซักถาม -ตอบขอ้ ซักถ - หมวดที่ ๖ ศาสนสมบตั ิ -เขยี นสรปุ ใบความรู้ -ประเมนิ ใบง - หมวดท่ี ๗ บทกาหนดโทษ -แบบสังเกต - หมวดท่ี ๘ เบด็ เตลด็

ษาตอนปลาย หน้า ๔๗ ระกาศ กฎ ระเบยี บ คาสง่ั มหาเถรสมาคม และพระราชบญั ญัตคิ ณะสงฆ์ นและเกณฑป์ ระเมนิ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ช่อื หน่วย เมิน /เวลา ถาม อภิปราย สรปุ องค์ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ เชน่ พระราชบัญญัติ ระเมิน - จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการสอน คณะสงฆ์ ถามได้ งาน พทุ ธวธิ ี ๙ รูปแบบ - จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการ จานวน.........ชว่ั โมง ปฏิบัติงานกลมุ่ - จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ดว้ ยการสรา้ ง ความคดิ รวบยอด - จดั กจิ กรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยกระบวนการฝึก การอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขยี นสอ่ื ความ - จดั กจิ กรรมการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการ แกป้ ญั หา - จดั กิจกรรมการเรียนร้ดู ้วยกระบวนการ สร้างคาถาม-คาตอบ ทส่ี อดคล้องกับปัญหา - จัดกจิ กรรมการเรยี นรูด้ ้วยกระบวนการอ่ืนๆ (ตามความเหมาะสม)

หลักสูตรการศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรูว้ ินยั ระดบั มัธยมศกึ ษ การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรวู้ ินยั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ มาตรฐานการเรียนรู้ ส ๑.๓ รู้ เข้าใจ และปฏิบตั ติ นตามหลกั พระวนิ ยั บญั ญตั ิ และปร ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรู้ ม.๖/๑ วิเคราะห์ปฐมเหตุพระวินัยบัญญตั กิ ณั ฑ์ที่ ๒๘ วิธีระงบั ว สาระการเรยี นรู้ สาระสาคญั ชนิ้ งาน/ภาระงาน ประเด็น ศึกษาความสาคญั ของปฐมเหตพุ ระวนิ ัย ชิน้ งาน (ใบความรู)้ ได้แก่ ประเด็นประ บญั ญัตกิ ณั ฑ์ท่ี ๒๘ วิธีระงับวิวาทาธกิ รณ์ - งานเขียน/บทความ เชน่ - หลกั ธรรมค - ววิ าทาธกิ รณ์ ๑๘ ทุกะ หมวด - ประเภทแห่งวิวาทาธกิ รณ์ เรียงความ จดหมาย โคลงกลอน การ - ใบงาน - กรณวี ิวาทาธิกรณ์ บรรยาย การเขยี นตอบ ฯลฯ - ตรวจแบบท - ทางปูองกนั วิวาทาธกิ รณ์ - ภาพ/แผนภูมิ เช่น แผนผงั แผนภมู ิ - สนทนาซักถ - วธิ รี ะงับวิวาทาธิกรณ์ วาดภาพ กราฟ ตาราง ฯลฯ ความรู้ - สงิ่ ประดษิ ฐ์ เชน่ งานประดิษฐ์ งาน เกณฑป์ ระเม แสดงนิทรรศการ หุ่นจาลอง ฯลฯ - ประเมนิ พฤ ภาระงาน (ใบงาน) ไดแ้ ก่ - ประเมินใบ - การพดู /รายงานปากเปล่า เช่น การ - ประเมนิ ผล ทอ่ ง การอ่าน กลา่ วรายงาน เขยี น - ตอบขอ้ ซักถ รายงาน โตว้ าที นาเสนอ สมั ภาษณ์ - ทดสอบหล บทบาทสมมตุ ติ ฯลฯ เครื่องมือประ - แบบทดสอ - แบบประเม - แบบประเม - แบบสงั เกต

ษาตอนปลาย หน้า ๔๘ ระกาศ กฎ ระเบียบ คาสั่งมหาเถรสมาคม และพระราชบัญญัตคิ ณะสงฆ์ ววิ าทาธกิ รณ์ นและเกณฑป์ ระเมิน การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่อื หน่วย ะเมนิ เชน่ /เวลา คาสอนในธรรมวภิ าค ด๒ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เช่น กัณฑ์ท่ี ๒๘ ทดสอบกอ่ นเรยี น - จดั กิจกรรมการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการสอน วธิ รี ะงบั ววิ าทาธกิ รณ์ ถาม อภปิ ราย สรปุ องค์ พุทธวิธี ๙ รปู แบบ มนิ เชน่ ฤตกิ รรม - จดั กิจกรรมการเรียนรดู้ ว้ ยกระบวนการ จานวน.........ชวั่ โมง บงาน ลงาน ปฏิบัติงานกลมุ่ ถามได้ ลงั เรยี น - จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ด้วยการสรา้ ง ะเมนิ เช่น อบกอ่ นเรยี น ความคดิ รวบยอด มินใบงาน มินผลงาน - จัดกจิ กรรมการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการฝึก ต การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียนส่ือความ - จดั กิจกรรมการเรยี นรดู้ ้วยกระบวนการ แกป้ ญั หา - จดั กจิ กรรมการเรยี นรดู้ ้วยกระบวนการ สร้างคาถาม-คาตอบ ท่ีสอดคล้องกบั ปัญหา - จดั กิจกรรมการเรียนรูด้ ว้ ยกระบวนการอ่นื ๆ (ตามความเหมาะสม)

หลกั สตู รการศึกษาพระปริยตั ธิ รรม แผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรูว้ นิ ัย ระดับมัธยมศึกษ การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้ สาระการเรียนรวู้ นิ ัย ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๖ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส ๑.๓ รู้ เขา้ ใจ และปฏบิ ตั ติ นตามหลกั พระวินัยบัญญตั ิ และปร ตัวชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ ม.๖/๒ วเิ คราะห์ปฐมเหตุพระวินยั บัญญตั กิ ณั ฑ์ท่ี ๒๙ วิธีระงับอ สาระการเรยี นรู้ สาระสาคญั ชิ้นงาน/ภาระงาน ประเด็น ศึกษาความสาคัญของปฐมเหตพุ ระวนิ ยั บญั ญัติ ชิ้นงาน -ปฐมเหตุแห่ง กณั ฑท์ ี่ ๒๙ วธิ ีระงบั อนวุ าทาธิกรณ์ -ใบงาน คาถาม ตอบ ๒๙ - ประเภทแห่งการโจท -การค้นคว้าขอ้ มูลเพ่มิ เตมิ เพือ่ ขยาย -วธิ ีระงับอนุว - เรื่องมีมลู เป็นองค์แหง่ การโจท หัวขอ้ ทตี่ นเองไดร้ บั มอบหมาย เกรฑ์ประเมิน - องคป์ ระกอบแหง่ อรรถคดที ี่ควรโจท -เขียนสรุปสาระสาคญั ของเร่ือง -ประเมนิ พฤต - คุณสมบตั ขิ องการโจท -ทารายงาน -ใบงานและช - ลักษณะของการโจท -เขียนโครงสรา้ งของหวั ข้อ -การทาแบบท - วนิ จิ ฉยั อธกิ รณ์ -คัดลอกเนอื้ หา เคร่ืองมอื - คุณลกั ษณะของภิกษุผ้เู ขา้ สู่ทวี่ นิ ิจฉยั -การพูดอภปิ รายหวั ข้อเรื่อง -การสังเกต - คาขอโอกาสของโจทก์ต่อจาเลย -เขยี นแยกแยะเหต-ุ ผลของหวั ขอ้ -ใบความรู้ ใบ - ลกั ษณะของภิกษผุ ไู้ มค่ วรใหข้ อทาโอกาส -การจดั ทาบอรด์ ความรู้ -แบบทดสอบ - คุณสมบัติของภิกษุผูพ้ จิ ารณาคดี - ขอ้ ท่หี า้ มไมใ่ หถ้ าม - วธิ ีระงับอนวุ าทาธกิ รณ์ - ลกั ษณะคาพยานท่คี วรฟงั ไดห้ รือฟังไมไ่ ด้ - การสบื พยานและการซกั ถามพยาน - การซกั พยาน - ขอ้ พจิ ารณาและสนั นิษฐานของสงฆ์ - ทฏิ ฐาวกิ ัมมอ์ ันชอบแก่ระเบยี บ - ตัสสปาปยิ สกิ า ๒ นัย - ถอ้ ยคาทรี่ บั ฟงั โดยฐานเปน็ โจทไม่ได้ - อธิกรณท์ ่อี ุทธรณไ์ ด้และไมไ่ ด้ - การระงบั อนุวาทาธกิ รณโ์ ดยไมต่ ้องพจิ ารณา - โทษของอนุวาทาธกิ รณ์

ษาตอนปลาย หน้า ๔๙ ระกาศ กฎ ระเบียบ คาสั่งมหาเถรสมาคม และพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ อนุวาทาธกิ รณ์ นและเกณฑป์ ระเมิน การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ชอื่ หน่วย/เวลา งพระวินยั บัญญติกัฯฑ์ที่ -การจดั กิจกรรมงานกลมุ่ กณั ฑ์ที่ ๒๙ -การเขียนความคดิ รวบยอดของเนื้อหา วธิ รี ะงับอนุวาทาธิกรณ์ วาทาธิกรณ์ -การฟงั บรรยาย และทาใบงาน น -จดั ทาบอร์ดความรู้หรอื การจดั นทิ รรศการ จานวน.........ชัว่ โมง ติกรรม -การคน้ คว้าข้อมลู ดว้ ยตนเอง ชนิ้ งาน ทดสอบ บงาน บก่อนเรยี นหลังเรียน

หลักสูตรการศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม แผนกสามญั ศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นรูว้ ินยั ระดบั มัธยมศกึ ษ การออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้ สาระการเรยี นรวู้ นิ ัย ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๖ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส ๑.๓ รู้ เขา้ ใจ และปฏิบตั ิตนตามหลักพระวินยั บญั ญตั ิ และปร ตัวช้ีวดั /ผลการเรยี นรู้ ม.๖/๓ วเิ คราะห์ปฐมเหตุพระวนิ ยั บัญญตั ิกณั ฑท์ ่ี ๓๐ วิธรี ะงับอ สาระการเรยี นรู้ สาระสาคัญ ชิ้นงาน/ภาระงาน ประเดน็ ศึกษาความสาคญั ของปฐมเหตุพระวนิ ัย ช้ินงาน(ใบความร้)ู ไดแ้ ก่ ประเด็นประ บญั ญตั กิ ณั ฑท์ ี่ ๓๐ วธิ รี ะงับอาปตั ตาธกิ รณ์ - ประเภทของอาบัติ -งานเขยี น/บทความ เช่น การบรรยาย -หลักธรรมคา - วิธีระงบั ครกุ าบัติ - จานวนสงฆผ์ ู้ทากรรม การเขยี นตอบ วธิ ีระงบั อาปัต - วฏุ ฐานวธิ สี าหรับอาบตั ทิ ไ่ี มไ่ ดป้ ดิ - รตั ตเิ ฉทของผภู้ ิกษผุ ปู้ ระพฤติมานตั -ภาพ/แผนภมู ิ เชน่ แผนผังแผนภมู ิ -ใบงาน - ข้อห้ามของมานัตตจารกิ ภกิ ษุ - วัตรสาหรบั มานัตตจารกิ ภิกษุ วาดภาพ -ตรวจแบบท - วุฏฐานวิธสี าหรบั อาบตั ทิ ่ปี ดิ - ปรวิ าส ๓ ภาระงาน(ใบงาน) ไดแ้ ก่ -สนทนาซกั ถ - วุฏฐานวธิ สี าหรบั อนั ตราบตั ิ - ภกิ ษผุ ้คู วรกลบั ประพฤติวุฏฐานวธิ ใี หม่ การพดู /รายงานปากเปลา่ เชน่ การ ความรู้ - วิธรี ะงับลหุกาบตั ิด้วยตณิ วตั ถารกวนิ ยั ทอ่ ง การอ่าน กล่าวรายงาน เขยี น เกณฑ์การปร การนาเสนอ บทบาทสมมติ -ประเมินพฤต -ประเมินใบง -ประเมนิ ผลง -ตอบขอ้ ซกั ถ -ทดสอบหลงั เคร่อื งมอื ประ -แบบทดสอบ -แบบประเมนิ -แบบประเมิน -แบบสงั เกต

ษาตอนปลาย หน้า ๕๐ ระกาศ กฎ ระเบียบ คาสัง่ มหาเถรสมาคม และพระราชบัญญัตคิ ณะสงฆ์ อาปัตตาธิกรณ์ นและเกณฑป์ ระเมนิ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชื่อหน่วย /เวลา ะเมิน เช่น การจัดกจิ รรมการเรียนรู้ าสอนในบญั ญัตกิ ณั ฑท์ ี่ ๓๐ -จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการ กัณฑ์ท่ี ๓๐ ตตาธิกรณ์ สอนพทุ ธวิธี ๙ รปู แบบ วธิ ีระงบั อาปตั ตาธิกรณ์ -จัดกจิ กรรมการเรียนรดู้ ว้ ยการสรา้ งการ ทดสอบกอ่ นเรียน ปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ จานวน.........ชว่ั โมง ถาม อภิปราย สรุปองค์ -จดั กจิ กรรมการเรียนรูด้ ว้ ยการสรา้ ง ความคิดรอบยอด ระเมิน เช่น -จัดกิจกรมการเรียนรดู้ ว้ ยกระบวนการฝึก ติกรรม การอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขียนสือ่ ความ งาน -จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการ งาน แก้ปัญหา ถามได้ -จัดกิจรรมการเรียนร้ดู ้วยกระบวนการ งเรยี น สรา้ งคาถาม คาตอบ ทีส่ อดคลอ้ งกับ ะเมินเช่น ปญั หา บก่อนเรยี น -จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการ นใบงาน อ่ืน ตามความเหามะสม นผลงาน

หลกั สตู รการศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม แผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นร้วู นิ ัย ระดบั มธั ยมศึกษ การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้วินัย ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ มาตรฐานการเรียนรู้ ส ๑.๓ รู้ เขา้ ใจ และปฏบิ ตั ิตนตามหลกั พระวินัยบัญญัติ และปร ตัวช้วี ัด/ผลการเรียนรู้ ม.๖/๔ วเิ คราะห์ปฐมเหตุพระวินยั บัญญัติกณั ฑ์ท่ี ๓๑ กิจจาธิกร สาระการเรยี นรู้ สาระสาคญั ช้ินงาน/ภาระงาน ประเดน็ ศกึ ษาความสาคญั ของปฐมเหตุพระวินัย ชิน้ งาน(ใบความรู้) ไดแ้ ก่ ประเดน็ ประเ บญั ญตั กิ ณั ฑท์ ่ี ๓๑ กจิ จาธกิ รณ์และวิธี -งานเขยี น/บทความ เชน่ เรยี งความ,การ -หลกั ธรรมสง่ั ระงับด้วยนิคคหะ บรรยาย การเขียนตอบ อ่นื ๆตามสมควร -วธิ ีระงับวิวา - กจิ จาธกิ รณ์ -ภาพ/แผนภูมิ เช่น แผนผงั แผนภมู ิ วาด -ใบงาน - นิคคหกรรม ภาพ กราฟ -สนนาซกั ถาม - นิคคหกรรมสาหรบั ลงโทษแกภ่ ิกษุ -ส่ิงประดิษฐ์ เช่น งานประดษิ ฐ์ งาน เกรฑ์การประ - ขัน้ ตอนการลงนิคคหกรรม แสดงนิทรรศการ -ประเมนิ พฤต - ภกิ ษผุ ถู้ ูกลงนคิ คหกรรมต้องประพฤติ ภาระงาน(ใบงาน) ได้แก่ -ประเมนิ ผลง วัตร -การพดู /รายงานปากเปล่า เช่น การทอ่ ง -ตอบขอ้ ซกั ถ - ข้ันตอนการระงบั นคิ คหกรรม การอ่าน กล่าวรายงาน เขยี นรายงาน โต้ -ทดสอบหลัง - ลกั ษณะการระงบั นคิ คหกรรม วามี นาเสนอ บทบาทสมมติ เคร่อื มอื ประเ - การลงนคิ คหกรรมแกค่ ฤหัสถ์ -แบบทดสอบ - วิธีควา่ บาตร -แบบประเมิน - วิธีหงายบาตร -แบบสังเกต - คุณธรรมของสงฆผ์ ้ทู ากรรม

ษาตอนปลาย หน้า ๕๑ ระกาศ กฎ ระเบยี บ คาสง่ั มหาเถรสมาคม และพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ รณ์และวธิ รี ะงับดว้ ยนคิ คหะ นและเกณฑป์ ระเมิน การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ือหน่วย/เวลา เมนิ เชน่ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เชน่ กณั ฑ์ท่ี ๓๑ งสอนในบญั ญตั ิกณั ฑท์ ี่ ๒๔ -จัดกิจกรรมการเรยี นรดู้ ้วยกระบวนการสอน กิจจาธิกรณ์และวิธี าททาธิกรณ์ พทุ ธวธิ ี ๙ รปู แบบ ระงับด้วยนิคคหะ -จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการ ม อภปิ ราย สรปุ องคค์ วามรู้ ปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ จานวน.........ช่ัวโมง ะเมนิ เช่น -จัดการเรียนรดู้ ว้ ยการสรา้ งความคดิ รวบยอด ติกรรม -จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ด้วยกระบวนการฝกึ การ งาน อา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขียนสอื่ ความ ถามได้ -จดั กจิ กรรมการเรียนรูด้ ว้ ยกระบวนการ งเรยี น แกป้ ญั หา เมิน เช่น -จดั กจิ กรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยกระบวนการสร้าง บก่อนเรยี น คาถาม คาตอบทสี่ อดคล้องกบั ปญั หา นผลงาน -จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ด้วยกระบวนการอ่นื ๆ ตามความเหมาะสม

หลกั สตู รการศึกษาพระปริยตั ิธรรม แผนกสามญั ศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรวู้ ินัย ระดับมัธยมศกึ ษ การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรวู้ นิ ยั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๖ มาตรฐานการเรียนรู้ ส ๑.๓ รู้ เขา้ ใจ และปฏบิ ัติตนตามหลักพระวนิ ัยบัญญัติ และปร ตวั ช้ีวดั /ผลการเรียนรู้ ม.๖/๕ วิเคราะห์ปฐมเหตุพระวนิ ัยบัญญตั ิกณั ฑท์ ่ี ๓๒ สงั ฆเภทแ สาระการเรียนรู้ สาระสาคัญ ช้นิ งาน/ภาระงาน ประเดน็ ศกึ ษาความสาคญั ของปฐมเหตุพระวินยั ชน้ิ งาน ไดแ้ ก่ ประเด็นประเ บัญญตั กิ ณั ฑ์ท่ี ๓๒ สังฆเภท และ -งานเขียน/บทความ เช่น การบรรยาย -ใบงาน/หลกั สงั ฆสามัคคี เรยี งความยกตัวอยา่ งเหตกุ ารณ์ เขยี น ๒๘ - บุคคลผู้ทาสังฆเภท ตอบ -ตรวจแบบท - บุคคลผ้ทู าสังฆเภทไมไ่ ด้ -ภาพ/แผนภมู ิ เชน่ แผนผงั แผนภูมิ -สนทนาซกั ถ - เหตทุ ที่ าให้สงฆแ์ ตกกนั ตาราง ความรู้ - ลักษณะการแตกแหง่ สงฆ์ -สง่ิ ประดษิ ฐ์ เช่น งานประดษิ ฐ์ งาน เกณฑ์การปร - ลกั ษณะสังฆเภทและสงั ฆราชี แสดงนทิ รรศการ -ประเมนิ พฤต - ทางท่ีจะเกดิ สังฆสามัคคี ภาระงาน(ใบงาน) ไดแ้ ก่ -ประเมินใบง - การทาสงั ฆสามคั คี -การพูด/รายงานปากเปลา่ เชน่ การท่อง -ประเมนิ ผลง การอ่าน กล่าวรายงาน เขยี นรายงาน -ตอบขอ้ ซักถ โต้วาที นาเสนอบทบาทสมมติ -ทดสอบหลัง เครือ่ งมือกระ -แบบทดสอบ -แบบประเมนิ -แบบประเมิน

ษาตอนปลาย หน้า ๕๒ ระกาศ กฎ ระเบียบ คาสง่ั มหาเถรสมาคม และพระราชบัญญัตคิ ณะสงฆ์ และสงั ฆสามัคคี นและเกณฑ์ประเมิน การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ชอื่ หน่วย /เวลา เมนิ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ กธรรมในการบญั ญตั กิ ณั ฑ์ท่ี -จดั กิจกรรมการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการสอน กัณฑ์ที่ ๓๒ พทุ ธวิธี ๙ รปู แบบ สงั ฆเภท และ ทดสอบก่อนเรียน -ปฏิบตั ิงานกล่มุ สงั ฆสามัคคี ถาม อภิปราย สรุปองค์ -การสรา้ งความคดิ รอบยอด -กระบวนการฝึกอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี นสอ่ื จานวน.........ชั่วโมง ระเมนิ ความ ตกิ รรม -กระบวนการแก้ปญั หา งาน -กระบวนการสร้างคาถาม ตอบคาถาม ที่ งาน สอดคล้องกบั ปญั หา ถาม -กระบวนการอ่นื ๆ ตามความเหมาะสม งเรียน ะเมนิ เชน่ บก่อนเรียน นใบงาน นผลงาน

หลักสตู รการศกึ ษาพระปรยิ ตั ิธรรม แผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นรู้วินยั ระดบั มัธยมศกึ ษ การออกแบบหน่วยการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้วนิ ยั ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ มาตรฐานการเรยี นรู้ ส ๑.๓ รู้ เขา้ ใจ และปฏบิ ัติตนตามหลกั พระวินัยบญั ญตั ิ และปร ตวั ชี้วัด/ผลการเรียนรู้ ม.๖/๖ วิเคราะห์ปฐมเหตุพระวนิ ยั บัญญตั ิกณั ฑ์ท่ี ๓๓ ปกิณณกะ สาระการเรียนรู้ สาระสาคญั ชนิ้ งาน/ภาระงาน ประเดน็ ศกึ ษาความสาคญั ของปฐมเหตพุ ระวนิ ยั ชนิ้ งาน(ใบความรู้) ไดแ้ ก่ ประเด็นประเ บญั ญตั ิกณั ฑ์ที่ ๓๓ ปกณิ ณกะ -งานเขยี น/บทความ เช่น เรยี งความ -หลกั คาสอน ๑. การลาสกิ ขา ๒. นาสนา โคลงกลอน การบรรยาย การเขยี นตอบ ๓๓ ปกณิ ณก ๓. ทณั ฑกรรม ๔. ประณาม -ภาพ/แผนภูมิ เช่น แผนภมู ิ ภาพวาด -ใบงาน กราฟ ตาราง -ตรวจแบบท -ส่งิ ประดิษฐ์ เช่น การแสดงนิทรรศการ -สนทนาซักถ ภาระงาน(ฆใบงาน) ได้แก่ ความรู้ -การพูด/รายงานปากเปล่า เชน่ การทอ่ ง เกณฑ์ประเม การอ่าน กลา่ วรายงาน เขียนรายงาน -ประเมนิ พฤต โต้วาที นาเสนอ เขยี นรายงาน โตว้ าที -ประเมนิ ใบง นาเสนอ สมั ภาษณ์ บทบาทสมมติ -ประเมินผลง -ตอบข้อซกั ถ -ทดสอบหลงั เครอื่ งมอื ประ -แบบทดสอบ -แบบประเมนิ -แบบประเมนิ -แบบสังเกต

ษาตอนปลาย หน้า ๕๓ ระกาศ กฎ ระเบยี บ คาสั่งมหาเถรสมาคม และพระราชบญั ญัติคณะสงฆ์ ะ นและเกณฑ์ประเมนิ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ชอื่ หน่วย /เวลา เมิน เชน่ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ เช่น นในพระวนิ ยั บญั ญติกฯั ฑ์ที่ -จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ตามประบวนการสอน กัณฑท์ ี่ ๓๓ กะ พุทธวธิ ี ๙ รปู แบบ ปกณิ ณก -จดั กจิ กรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยกระบวนการ ทดสอบก่อนเรียน ปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ จานวน.........ชั่วโมง ถาม/อภิปราย สรุปองคื -จัดกจิ กรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยการสรา้ งความคดิ รวบยอด มิน เช่น -จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการฝึก ตกิ รรม การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นสอื่ ความ งาน -จดั กจิ กรรมการเรียนร้ดู ้วยกระบวนการ งาน แกป้ ญั หา ถามได้ -จัดกจิ กรรมการเรียนรดู้ ว้ ยกระบวนการสร้าง งเรยี น คาถาม คาตอบ ทสี่ อดคล้องกบั ปญั หา ะเมิน เชน่ -จดั กิจกรรมการเรยี นรู้กระบวนการอน่ื ตาม บ ความเหมาะสม นใบงาน นผลงาน

หลกั สูตรการศึกษาพระปริยตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรู้วินยั ระดบั มัธยมศึกษ การออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้วนิ ัย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖ มาตรฐานการเรียนรู้ ส ๑.๓ รู้ เข้าใจ และปฏบิ ตั ติ นตามหลกั พระวินยั บญั ญตั ิ และปร ตวั ชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ ม.๖/๗ รู้และเขา้ ใจเกีย่ วกับกฎหมาย กฎ ระเบยี บ ประกาศ คาส สาระการเรียนรู้ สาระสาคญั ชิ้นงาน/ภาระงาน ประเด็น ศึกษาความสาคัญของกฎหมาย กฎ ชน้ิ งาน ประเด็นประเ ระเบียบ ประกาศ คาสั่ง และมติมหาเถร -เขียนรายงาน -หลักการปฏ สมาคมทเ่ี ก่ียวกับโรงเรียนพระปริยัติธรรม -การทารายงานเช่น จัดทามายแมปป้ิง -ประกาศ ก แผนกสามัญศกึ ษา แผนผงั หรอื ใบงาน สมาคม และพ - พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ -เขียนสรุปใจความสาคัญตามเนื้อหา เกณฑก์ ารปร พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ สาระท่ีกาหนดให้ -พฤติกรรม และ (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ -เขยี นอธบิ ายหัวข้อทีค่ รูกาหนดให้ -การสอบก่อน - กฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิการจัด -เขียนแยกแยะความแตกตา่ ง -ตรวจสอบต การศึกษาข้ันพ้ืนฐานโดยสถาบัน การะงาน มอบหมายให พระพุทธศาสนา พ.ศ. ๒๕๔๘ -การอภปิ รายกลุ่ม -การทาข้อสอ - ประกาศมหาเถรสมาคมว่าด้วย -การจดั ทานิทรรศการ -การซักถาม โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ -การจัดบอรด์ ความรู้ในหอ้ งเรยี น ศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๓ - คาส่งั มหาเถรสมาคม - ประกาศคณะกรรมการการศึกษาพระ ปรยิ ตั ิธรรม แผนกสามัญศกึ ษา - คาส่ังคณะกรรมการการศึกษาพระ ปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามัญศึกษา

ษาตอนปลาย หน้า ๕๔ ระกาศ กฎ ระเบียบ คาส่ังมหาเถรสมาคม และพระราชบญั ญัตคิ ณะสงฆ์ สงั่ และมตมิ หาเถรสมาคมทเี่ กยี่ วกับโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม แผนกสามัญศึกษา นและเกณฑป์ ระเมิน การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ชอ่ื หน่วย /เวลา เมนิ -การค้นคว้าด้วยตนเอง(การหาข้อมูลตาม กฎหมาย กฎ ระเบียบ ฏบิ ัติตนตามพระวินยั บญั ญัติ ชน้ิ งานหรือหัวขอ้ ที่ตนเองไดร้ บั มอบหมาย) ประกาศ คาส่ัง และ กฎ ระเบียบ คาส่ังมหาเถร -การฟงั อภปิ ราย มติมหาเถรสมาคมท่ี พระราชบญั ญตั คิ ณะสงฆ์ -อธิบายตามเนือ้ หาสาระและทาใบงาน เกี่ยวกับโรงเรียนพระ ระเมิน -จัดทาบอร์ดนทิ รรศการตามตัวชีว้ ัด ปริยัติธรรม แผนก -จดั ทารายงาน สามญั ศึกษา นเรียน-หลังเรียน ตามใบงานหรือภาระงานท่ี จานวน.........ช่ัวโมง ห้ อบ

หลกั สูตรการศึกษาพระปรยิ ตั ิธรรม แผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นรู้วินัย ระดับมธั ยมศึกษ สาระสาคญั ช้ินงาน/ภาระงาน ประเด็น - ระเบียบสานักงานพระพุทธศาสนา แหง่ ชาติ - ฯลฯ

ษาตอนปลาย การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ หน้า ๕๕ นและเกณฑ์ประเมิน ช่อื หน่วย /เวลา

หลกั สตู รการศึกษาพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรวู้ ินัย ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย หน้า ๕๖ การวดั และประเมนิ ผลสาระการเรียนรู้วินัย ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ประเดน็ การประเมิน ระดบั คุณภาพ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๔ มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๔/๑ ระดบั ๔ ระดบั ๓ ระดับ ๒ ระดับ ๑ วเิ คราะหป์ ฐมเหตพุ ระวินยั นกั เรยี นวเิ คราะห์ นักเรียนวิเคราะห์ บัญญตั กิ ณั ฑ์ที่ ๑๗ ปฐมเหตุพระวินยั นกั เรียนวิเคราะห์ นักเรยี นวิเคราะห์ ปฐมเหตุพระวินัย อุโบสถ ปวารณา บัญญตั กิ ณั ฑ์ท่ี ๑๗ บัญญตั ิกณั ฑ์ที่ ๑๗ อุโบสถ ปวารณาได้ ปฐมเหตุพระวนิ ัย ปฐมเหตุพระวนิ ัย อุโบสถ ปวารณาได้ มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๔/๒ ถกู ต้องและสมบรู ณ์ น้อยและไม่สมบูรณ์ วิเคราะหป์ ฐมเหตุพระวินยั บัญญัติกณั ฑท์ ่ี ๑๗ บัญญัติกณั ฑ์ที่ ๑๗ บญั ญัติกณั ฑท์ ี่ ๑๘ นกั เรียนวิเคราะห์ นักเรียนวิเคราะห์ อปุ ปถกริ ิยา ปฐมเหตพุ ระวนิ ัย อโุ บสถ ปวารณาได้ อุโบสถ ปวารณาได้ ปฐมเหตุพระวินัย บัญญตั กิ ณั ฑท์ ี่ ๑๘ บญั ญตั กิ ณั ฑท์ ่ี ๑๘ มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๔/๓ อปุ ปถกริ ยิ าได้ถกู ต้อง ถูกต้องแต่ไมส่ มบูรณ์ บางสว่ นและไม่ อปุ ปถกริ ยิ าได้น้อย วเิ คราะหป์ ฐมเหตุพระวินยั และสมบูรณ์ และไม่สมบรู ณ์ บัญญตั ิกณั ฑท์ ่ี ๑๙ สมบรู ณ์ กาลกิ ๔ นกั เรียนวิเคราะห์ นักเรยี นวิเคราะห์ ปฐมเหตุพระวนิ ัย นักเรียนวิเคราะห์ นักเรยี นวิเคราะห์ ปฐมเหตพุ ระวนิ ยั มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๔/๔ บญั ญัติกณั ฑ์ที่ ๑๙ บัญญัติกณั ฑท์ ่ี ๑๙ วิเคราะหป์ ฐมเหตุพระวนิ ยั กาลิก ๔ ได้ถกู ตอ้ ง ปฐมเหตุพระวนิ ัย ปฐมเหตุพระวินัย กาลิก ๔ ไดน้ อ้ ยและ บญั ญตั กิ ณั ฑท์ ี่ ๒๐ และสมบรู ณ์ ไมส่ มบรู ณ์ ภณั ฑะตา่ งเจา้ ของ นกั เรยี นวเิ คราะห์ บญั ญัตกิ ณั ฑท์ ่ี ๑๘ บัญญตั ิกณั ฑท์ ี่ ๑๘ นักเรยี นวเิ คราะห์ ปฐมเหตุพระวินยั ปฐมเหตพุ ระวนิ ัย มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๔/๕ บญั ญัติกณั ฑ์ที่ ๒๐ อุปปถกิริยาไดถ้ กู ต้อง อปุ ปถกริ ยิ าได้ บญั ญัตกิ ณั ฑ์ท่ี ๒๐ วเิ คราะหป์ ฐมเหตพุ ระวินยั ภณั ฑะต่างเจา้ ของได้ ภณั ฑะตา่ งเจ้าของได้ บญั ญตั กิ ณั ฑ์ที่ ๒๐ ถูกตอ้ งและสมบูรณ์ แต่ไมส่ มบรู ณ์ บางสว่ นและไม่ น้อยและไมส่ มบรู ณ์ วินัยกรรม นกั เรยี นวเิ คราะห์ สมบรู ณ์ นกั เรยี นวเิ คราะห์ มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๔/๖ ปฐมเหตพุ ระวินัย ปฐมเหตุพระวินยั วเิ คราะหป์ ฐมเหตุพระวนิ ยั บญั ญัตกิ ณั ฑ์ท่ี ๒๐ นกั เรยี นวเิ คราะห์ นกั เรยี นวเิ คราะห์ บัญญัตกิ ณั ฑท์ ่ี ๒๐ บัญญัตกิ ณั ฑท์ ่ี ๒๑ วนิ ัยกรรมได้ถูกตอ้ ง วนิ ัยกรรมไดน้ อ้ ยและ ปกิณณกะ และสมบรู ณ์ ปฐมเหตุพระวนิ ยั ปฐมเหตพุ ระวนิ ยั ไมส่ มบูรณ์ นักเรียนวเิ คราะห์ นักเรียนวิเคราะห์ ปฐมเหตุพระวินยั บัญญตั กิ ณั ฑ์ที่ ๑๙ บัญญตั ิกณั ฑ์ที่ ๑๙ ปฐมเหตพุ ระวนิ ัย บญั ญตั ิกณั ฑ์ที่ ๒๑ บญั ญตั ิกณั ฑท์ ่ี ๒๑ ปกิณณกะไดถ้ กู ต้อง กาลกิ ๔ ได้ถกู ต้องแต่ กาลกิ ๔ ได้บางสว่ น ปกณิ ณกะได้น้อยและ และสมบูรณ์ ไมส่ มบรู ณ์ ไม่สมบรู ณ์ และไม่สมบรู ณ์ นกั เรียนวเิ คราะห์ นักเรยี นวเิ คราะห์ ปฐมเหตพุ ระวนิ ัย ปฐมเหตุพระวนิ ัย บัญญัติกณั ฑท์ ี่ ๒๐ บญั ญัติกณั ฑท์ ี่ ๒๐ ภัณฑะต่างเจ้าของได้ ภณั ฑะต่างเจา้ ของได้ ถูกต้องแตไ่ มส่ มบูรณ์ บางส่วนและไม่ สมบูรณ์ นักเรียนวเิ คราะห์ นักเรยี นวเิ คราะห์ ปฐมเหตุพระวนิ ัย ปฐมเหตพุ ระวนิ ยั บญั ญตั ิกณั ฑ์ที่ ๒๐ บัญญตั ิกณั ฑท์ ี่ ๒๐ วินยั กรรมได้ถกู ต้อง วนิ ยั กรรมไดบ้ างสว่ น แต่ไมส่ มบรู ณ์ และไม่สมบรู ณ์ นกั เรยี นวเิ คราะห์ นักเรียนวเิ คราะห์ ปฐมเหตุพระวนิ ัย ปฐมเหตพุ ระวนิ ัย บญั ญตั ิกณั ฑ์ท่ี ๒๑ บัญญัติกณั ฑ์ที่ ๒๑ ปกณิ ณกะได้ถกู ต้อง ปกณิ ณกะไดบ้ างสว่ น แต่ไมส่ มบรู ณ์ และไมส่ มบูรณ์

หลักสูตรการศึกษาพระปริยตั ธิ รรม แผนกสามญั ศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรวู้ ินัย ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย หน้า ๕๗ การวัดและประเมินผลสาระการเรียนรู้วินัย ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๕ ประเด็นการประเมนิ ระดับคุณภาพ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๕ ระดบั ๔ ระดบั ๓ ระดบั ๒ ระดับ ๑ มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๕/๑ นกั เรียนวเิ คราะห์ นักเรียนวเิ คราะห์ นักเรยี นวเิ คราะห์ นกั เรียนวิเคราะห์ วิเคราะหป์ ฐมเหตุพระวนิ ยั ปฐมเหตพุ ระวินัย ปฐมเหตุพระวนิ ัย ปฐมเหตุพระวนิ ัย ปฐมเหตพุ ระวนิ ยั บัญญัติกณั ฑท์ ี่ ๒๓ บัญญตั ิกณั ฑท์ ี่ ๒๓ บญั ญัติกณั ฑ์ที่ ๒๓ บัญญัตกิ ณั ฑ์ที่ ๒๓ บญั ญตั กิ ณั ฑ์ท่ี ๒๓ สงั ฆกรรม สงั ฆกรรมได้ถกู ตอ้ ง สงั ฆกรรมไดถ้ ูกต้อง สงั ฆกรรมไดบ้ างสว่ น สงั ฆกรรมได้นอ้ ยและ และสมบรู ณ์ แตไ่ มส่ มบรู ณ์ และไมส่ มบรู ณ์ ไมส่ มบรู ณ์ มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๕/๒ นกั เรยี นวิเคราะห์ นักเรียนวิเคราะห์ นกั เรยี นวิเคราะห์ นักเรยี นวิเคราะห์ วิเคราะหป์ ฐมเหตุพระวนิ ยั ปฐมเหตุพระวินัย ปฐมเหตพุ ระวินยั ปฐมเหตพุ ระวนิ ัย ปฐมเหตุพระวนิ ยั บญั ญัติกณั ฑ์ท่ี ๒๔ สมี า บัญญตั ิกณั ฑท์ ่ี ๒๔ บัญญัตกิ ณั ฑ์ท่ี ๒๔ บัญญัติกณั ฑ์ที่ ๒๔ บัญญัตกิ ณั ฑ์ที่ ๒๔ สีมาได้ถกู ต้องและ สีมาไดถ้ ูกต้องแตไ่ ม่ สมี าได้บางสว่ นและ สมี าได้นอ้ ยและไม่ สมบูรณ์ สมบรู ณ์ ไมส่ มบรู ณ์ สมบรู ณ์ มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๕/๓ นักเรียนวเิ คราะห์ นกั เรียนวเิ คราะห์ นักเรียนวิเคราะห์ นักเรียนวิเคราะห์ วเิ คราะหป์ ฐมเหตพุ ระวนิ ยั ปฐมเหตุพระวินัย ปฐมเหตุพระวนิ ยั ปฐมเหตพุ ระวินยั ปฐมเหตพุ ระวินยั บัญญตั ิกณั ฑท์ ี่ ๒๕ บัญญตั กิ ณั ฑ์ท่ี ๒๕ บัญญตั กิ ณั ฑ์ท่ี ๒๕ บญั ญตั กิ ณั ฑท์ ่ี ๒๕ บัญญัติกณั ฑท์ ี่ ๒๕ สมมติเจา้ หนา้ ท่ีทาการสงฆ์ สมมติเจา้ หนา้ ที่ทา สมมตเิ จา้ หนา้ ที่ทา สมมติเจา้ หนา้ ทีท่ า สมมติเจา้ หนา้ ท่ที า การสงฆไ์ ดถ้ กู ต้อง การสงฆไ์ ดถ้ กู ตอ้ งแต่ การสงฆไ์ ด้บางส่วน การสงฆไ์ ด้น้อยและ และสมบูรณ์ ไมส่ มบรู ณ์ และไม่สมบูรณ์ ไมส่ มบูรณ์ มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๕/๔ นกั เรียนวิเคราะห์ นกั เรยี นวิเคราะห์ นักเรยี นวเิ คราะห์ นักเรยี นวิเคราะห์ วเิ คราะหป์ ฐมเหตุพระวนิ ยั ปฐมเหตพุ ระวินัย ปฐมเหตุพระวินยั ปฐมเหตุพระวนิ ยั ปฐมเหตพุ ระวินยั บญั ญัติกณั ฑท์ ี่ ๒๖ กฐิน บญั ญตั กิ ณั ฑท์ ่ี ๒๖ บัญญตั ิกณั ฑ์ที่ ๒๖ บญั ญตั ิกณั ฑท์ ่ี ๒๖ บญั ญัตกิ ณั ฑท์ ี่ ๒๖ กฐนิ ไดถ้ ูกต้องและ กฐินได้ถูกต้องแตไ่ ม่ กฐินไดบ้ างสว่ นและ กฐนิ ไดน้ อ้ ยและไม่ สมบรู ณ์ สมบูรณ์ ไม่สมบรู ณ์ สมบูรณ์ มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๕/๕ นักเรยี นวเิ คราะห์ นักเรยี นวเิ คราะห์ นกั เรียนวิเคราะห์ นกั เรยี นวิเคราะห์ วเิ คราะหป์ ฐมเหตุพระวนิ ยั ปฐมเหตพุ ระวินัย ปฐมเหตุพระวินยั ปฐมเหตพุ ระวนิ ัย ปฐมเหตพุ ระวินัย บญั ญตั ิกณั ฑท์ ี่ ๒๗ บญั ญัติกณั ฑท์ ี่ ๒๗ บัญญตั กิ ณั ฑท์ ี่ ๒๗ บญั ญัติกณั ฑท์ ี่ ๒๗ บญั ญตั ิกณั ฑ์ที่ ๒๗ บรรพชาและอปุ สมบท บรรพชาและ บรรพชาและ บรรพชาและ บรรพชาและ อปุ สมบท ไดถ้ ูกต้อง อปุ สมบทไดถ้ กู ตอ้ ง อุปสมบทได้บางส่วน อปุ สมบทได้นอ้ ยและ และสมบูรณ์ แตไ่ มส่ มบรู ณ์ และไมส่ มบูรณ์ ไม่สมบรู ณ์ มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๕/๖ นักเรียนรู้และเข้าใจ นักเรียนรู้และเข้าใจ นกั เรยี นรู้และเขา้ ใจ นกั เรยี นรู้และเขา้ ใจ รแู้ ละเขา้ ใจ พระราชบัญญตั คิ ณะ พระราชบัญญตั ิคณะ พระราชบัญญตั ิคณะ พระราชบัญญัตคิ ณะ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ สงฆ์ได้ถกู ตอ้ งและ สงฆ์ไดถ้ กู ตอ้ งแตไ่ ม่ สงฆ์ได้บางส่วนและไม่ สงฆ์ได้นอ้ ยและไม่ สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ สมบูรณ์ สมบูรณ์

หลักสตู รการศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรูว้ ินัย ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย หน้า ๕๘ การวัดและประเมินผลสาระการเรียนรู้วินัย ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๖ ประเด็นการประเมนิ ระดับคุณภาพ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๖/๑ ระดบั ๔ ระดับ ๓ ระดบั ๒ ระดบั ๑ วเิ คราะหป์ ฐมเหตุพระวินยั นกั เรียนวเิ คราะห์ นักเรยี นวเิ คราะห์ บัญญตั กิ ณั ฑ์ท่ี ๒๘ ปฐมเหตุพระวนิ ัย นกั เรยี นวิเคราะห์ นกั เรยี นวิเคราะห์ ปฐมเหตพุ ระวนิ ัย วิธีระงับวิวาทาธิกรณ์ บัญญัติกณั ฑท์ ี่ ๒๘ บญั ญัติกณั ฑท์ ่ี ๒๘ วิธรี ะงบั ววิ าทาธิกรณ์ ปฐมเหตุพระวินัย ปฐมเหตพุ ระวินัย วิธรี ะงับววิ าทาธกิ รณ์ มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๖/๒ ไดถ้ ูกต้องและ ไดน้ อ้ ยและไมส่ มบูรณ์ วิเคราะหป์ ฐมเหตุพระวนิ ยั สมบูรณ์ บญั ญตั ิกณั ฑ์ท่ี ๒๘ บญั ญตั ิกณั ฑ์ที่ ๒๘ บัญญัตกิ ณั ฑท์ ี่ ๒๙ นกั เรียนวิเคราะห์ นักเรยี นวเิ คราะห์ วิธรี ะงับอนุวาทาธกิ รณ์ ปฐมเหตุพระวินยั วิธรี ะงับวิวาทาธิกรณ์ วธิ ีระงบั ววิ าทาธิกรณ์ ปฐมเหตพุ ระวินัย บัญญตั ิกณั ฑท์ ี่ ๒๙ บัญญตั กิ ณั ฑ์ที่ ๒๙ มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๖/๓ วธิ รี ะงับอนวุ าทาธิ- ได้ถกู ต้องแตไ่ ม่ ไดบ้ างส่วนและไม่ วิธรี ะงบั อนุวาทาธ-ิ วิเคราะหป์ ฐมเหตุพระวินยั กรณไ์ ดถ้ กู ต้องและ กรณไ์ ดน้ ้อยและไม่ บญั ญตั กิ ณั ฑท์ ี่ ๓๐ สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ สมบูรณ์ สมบูรณ์ วิธีระงบั อาปตั ตาธิกรณ์ นักเรยี นวิเคราะห์ นักเรยี นวเิ คราะห์ ปฐมเหตพุ ระวนิ ัย นกั เรียนวเิ คราะห์ นักเรยี นวเิ คราะห์ ปฐมเหตุพระวนิ ยั มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๖/๔ บัญญตั ิกณั ฑ์ที่ ๓๐ บญั ญัตกิ ณั ฑท์ ่ี ๓๐ วิเคราะหป์ ฐมเหตุพระวนิ ยั วธิ ีระงบั อาปัตตาธิ ปฐมเหตุพระวนิ ัย ปฐมเหตุพระวนิ ัย วิธีระงับอาปตั ตาธิ บัญญตั ิกณั ฑท์ ี่ ๓๑ กรณไ์ ด้ถกู ตอ้ งและ กรณไ์ ดน้ ้อยและไม่ กจิ จาธกิ รณ์และวิธรี ะงบั สมบรู ณ์ บัญญตั ิกณั ฑท์ ี่ ๒๙ บัญญัตกิ ณั ฑท์ ี่ ๒๙ สมบรู ณ์ ด้วยนิคคหะ นกั เรียนวเิ คราะห์ นกั เรยี นวเิ คราะห์ ปฐมเหตุพระวนิ ยั วิธรี ะงบั อนวุ าทาธ-ิ วิธรี ะงับอนวุ าทาธ-ิ ปฐมเหตุพระวินัย มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๖/๕ บัญญตั กิ ณั ฑท์ ่ี ๓๑ บญั ญตั กิ ณั ฑท์ ่ี ๓๑ วเิ คราะหป์ ฐมเหตพุ ระวนิ ยั กิจจาธิกรณว์ า่ ดว้ ย กรณ์ ได้ถกู ต้องแต่ไม่ กรณ์ ได้บางสว่ นและ กจิ จาธิกรณ์ว่าด้วย บัญญตั กิ ณั ฑท์ ่ี ๓๒ นคิ คหกรรมได้ถูกต้อง นิคคหกรรมไดน้ อ้ ย สงั ฆเภท และสงั ฆสามัคคี และสมบรู ณ์ สมบูรณ์ ไม่สมบรู ณ์ และไมส่ มบรู ณ์ มาตรฐาน ส ๑.๓ ม.๖/๖ นักเรียนวเิ คราะห์ นกั เรียนวิเคราะห์ นักเรยี นวเิ คราะห์ นกั เรียนวิเคราะห์ วเิ คราะหป์ ฐมเหตุพระวินยั ปฐมเหตุพระวินยั ปฐมเหตุพระวนิ ัย บัญญตั ิกณั ฑ์ท่ี ๓๓ บัญญัติกณั ฑ์ท่ี ๓๒ ปฐมเหตุพระวนิ ัย ปฐมเหตพุ ระวินัย บัญญตั ิกณั ฑท์ ี่ ๓๒ สังฆเภท และสงั ฆ- สงั ฆเภท และสังฆ- สามคั คไี ดถ้ ูกต้องและ บัญญัตกิ ณั ฑ์ที่ ๓๐ บญั ญตั ิกณั ฑท์ ่ี ๓๐ สามัคคไี ดน้ ้อยและไม่ สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ นกั เรียนวิเคราะห์ วิธรี ะงบั อาปตั ตาธิ วิธีระงบั อาปัตตาธิ นักเรียนวิเคราะห์ ปฐมเหตพุ ระวินยั ปฐมเหตพุ ระวินัย บญั ญัติกณั ฑ์ที่ ๓๓ กรณไ์ ด้ถกู ต้องแตไ่ ม่ กรณไ์ ดบ้ างส่วนและ บัญญตั ิกณั ฑ์ท่ี ๓๓ สมบูรณ์ ไมส่ มบูรณ์ นักเรียนวิเคราะห์ นักเรยี นวเิ คราะห์ ปฐมเหตพุ ระวินัย ปฐมเหตพุ ระวนิ ยั บัญญตั กิ ณั ฑ์ที่ ๓๑ บญั ญัติกณั ฑท์ ่ี ๓๑ กจิ จาธกิ รณ์ว่าดว้ ย กจิ จาธิกรณว์ า่ ด้วย นคิ คหกรรมได้ถกู ต้อง นคิ คหกรรมได้ แต่ไมส่ มบรู ณ์ บางสว่ นและไม่ สมบูรณ์ นกั เรียนวเิ คราะห์ นกั เรียนวเิ คราะห์ ปฐมเหตพุ ระวนิ ยั ปฐมเหตพุ ระวินัย บัญญตั ิกณั ฑท์ ี่ ๓๒ บัญญัตกิ ณั ฑ์ท่ี ๓๒ สงั ฆเภท และสังฆ- สงั ฆเภท และสังฆ- สามัคคไี ดถ้ ูกต้องแต่ สามัคคไี ดบ้ างสว่ น ไมส่ มบรู ณ์ และไม่สมบูรณ์ นักเรียนวเิ คราะห์ นักเรยี นวิเคราะห์ ปฐมเหตพุ ระวินัย ปฐมเหตุพระวินยั บัญญตั ิกณั ฑท์ ่ี ๓๓ บัญญัติกณั ฑท์ ี่ ๓๓

หลกั สตู รการศึกษาพระปริยตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนร้วู นิ ยั ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย หน้า ๕๙ ประเด็นการประเมิน ระดับคุณภาพ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ ปกณิ ณกะ ระดับ ๔ ระดบั ๓ ระดบั ๒ ระดบั ๑ ปกิณณกะได้ถกู ตอ้ ง ปกิณณกะได้นอ้ ยและ และสมบูรณ์ ปกณิ ณกะได้ถูกตอ้ ง ปกณิ ณกะได้บางส่วน ไม่สมบูรณ์ แต่ไมส่ มบรู ณ์ และไม่สมบรู ณ์ ภาคผนวก

หลักสตู รการศกึ ษาพระปรยิ ตั ิธรรม แผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นรูว้ นิ ัย ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย หน้า ๖๐ เทคนคิ วิธสี อนของพระพทุ ธเจา้ ๑. การทานามธรรมให้เปน็ รูปธรรม ทาของยากใหง้ ่าย ธรรมะเป็นเรือ่ งนามธรรมท่ีมีเนอ้ื หาลกึ ซึง้ ยากที่จะเข้าใจ ยิ่งเป็นธรรมะระดับสูงสุดก็ยิ่ง ลกึ ล้าคัมภีรภาพยิง่ ขนึ้ …..ความสาเรจ็ แหง่ ภารกิจการสงั่ สอนประชาชนส่วนหนง่ึ เพราะพระองค์ทรงใช้เทคนิควิธีการ ทาของยากให้งา่ ย เช่น ๑.๑ การใช้อุปมาอุปไมย วิธีน้ีเป็นวิธีทรงใช้บ่อยที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะทาให้ผู้ฟังมองเห็นภาพและเข้าใจง่าย โดยไม่ต้องเสยี เวลาอธิบายความให้ยดื ยาว ๑.๒ ยกนิทานประกอบ เป็นเทคนิคหรือกลวธิ ีหนงึ่ ทพ่ี ระพุทธองคท์ รงใช้บ่อย ๑.๓ ใช้อุปกรณ์หรือส่ือการสอน เทคนิควิธีสอนด้วยการกระทาของยากให้ง่าย หรือทานามธรรมให้เป็น รูปธรรมนอกจากใช้อุปมาอุปไมยและเล่านิทานประกอบแล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่งอันเป็นวิธีท่ีพระพุทธองค์ทรงใช้มาก พอๆ กับสองวธิ ีขา้ งต้น คือ การใช้สื่ออปุ กรณห์ รอื ใชส้ อื่ การสอน ๒. ทาตนเปน็ ตัวอย่าง ในแงข่ องการสอนอาจแบ่งออกเป็น ๒ อยา่ ง คือ ๒.๑ ทาใหด้ ู หรือสาธติ ให้ดู ๒.๒ ปฏบิ ัติให้ดเู ป็นตวั อย่าง ๓. ใช้ถ้อยคาเหมาะสม การสอนทีจ่ ะประสบความสาเรจ็ ผสู้ อนจะต้องรู้จักใช้คา ต้องให้ผู้ฟังรู้สึกว่า ผู้พูดพูดด้วยเมตตาจิต มิใช่พูด ดว้ ยความมุง่ ร้าย ๔. เลอื กสอนเป็นรายบุคคล ผู้สอนต้องรู้ว่าคนฟังนั้นต่างภูมิหลังต่างความสนใจ ต่างระดับสติปัญญาการเรียนรู้ เพราะฉะน้ันการเลือก สอนเป็นรายบคุ คลจะชว่ ยให้การสอนประสบความสาเรจ็ เป็นอย่างดี ถ้าทาได้ก็ควรใช้วิธีนี้ แม้จะสอนเป็นกลุ่มก็ต้อง เอาใจใส่นกั เรยี นที่มปี ญั หาเป็นรายบุคคลใหไ้ ด้ ๕. ร้จู กั จังหวะและโอกาส ดคู วามพร้อมของผู้เรียน รู้จกั คอยจงั หวะอันเหมาะสม ถ้าผเู้ รยี นไม่พร้อมกเ็ หนอ่ื ยเปลา่ ๖. ยืดหย่นุ ในการใช้เทคนคิ วธิ ี เทคนคิ วิธีบางอย่างใช้ได้ผลในวันน้ี ตอ่ ไปวันข้างหนา้ อาจใชไ้ มไ่ ดก้ ไ็ ด้ จึงควรยืดหยนุ่ วิธีการ ๗. การเสรมิ แรง มีคาพูดสรรเสริญพระพุทธเจ้าว่า “ทรงชมคนท่ีควรชม ตาหนิคนที่ควรตาหนิ” การชมเป็นการยอมรับ ความสามารถหรือใหก้ าลงั ใจใหท้ าอย่างนัน้ ยงิ่ ๆ ขึ้นไป การตาหนเิ ปน็ การตักเตอื นมใิ ห้ประพฤติเชน่ นน้ั อีกต่อไป

หลกั สตู รการศึกษาพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรู้วินัย ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย หน้า ๖๑ หลกั สาคญั ท่ีครผู ้สู อนควรทราบ หลกั สาคญั คอื หลักการใหญ่ๆ ของการสอนไมว่ า่ จะสอนเรอื่ งอะไรก็มอี ยู่ ๓ หลัก คือ ๑. หลักเกย่ี วกับเนื้อหาทีส่ อน ๒. หลกั เกี่ยวกับตัวผเู้ รียน ๓. หลักเกย่ี วกับตัวการสอน ก. เกี่ยวกบั เน้อื หา คนจะสอนคนอืน่ ต้องรวู้ ่าจะเอาเร่อื งอะไรมาสอนเขาเสียก่อน ไม่ใชค่ ิดแต่วิธีการสอนว่าจะสอนอย่างไร ต้อง คิดกอ่ นวา่ จะเอาอะไรไปสอนเขา พระพุทธเจ้าแนะนาว่าผู้สอนต้องคานึงเสมอว่า ต้องสอนส่ิงท่ีรู้เห็นหรือเข้าใจง่าย ไปหาสงิ่ ทเี่ ข้าใจยาก ๑. สอนเนอื้ หาท่ีลุ่มลกึ ลงไปตามลาดับ ๒. สอนด้วยของจริง ๓. สอนตรงตามเน้ือหา ๔. สอนมเี หตุผล ๕. สอนเท่าที่จาเปน็ จะตอ้ งรู้ ๖. สอนสิ่งทม่ี คี วามหมายและเป็นประโยชน์แกผ่ ูเ้ รียน ข. เกี่ยวกบั ตัวผเู้ รียน ๑. พุทธองคจ์ ะทรงสอนใคร ทรงดูบคุ คลผรู้ ับการสอนหรือผู้เรียนก่อนว่าบุคคลน้ันๆ เป็นคนประเภทใด มี พ้นื ความรู้ ความเข้าใจหรอื ความพรอ้ มแคไ่ หนและควรจะสอนอะไร แคไ่ หน ๒. นอกจากดูความแตกต่างของผูเ้ รียนแล้ว ยงั ตอ้ งดคู วามพรอ้ มของผเู้ รยี นดว้ ย ๓. สอนใหผ้ ู้เรยี นทาดว้ ยตนเอง ๔. ผ้เู รียนจะตอ้ งมบี ทบาทร่วมด้วย ๕. ครูต้องเอาใจใส่ผเู้ รยี นทมี่ ีปญั หาเป็นพเิ ศษ ค. เก่ียวกบั ตัวการสอน ๑. สร้างความสนใจในการสอนคนนน้ั (การนาเขา้ สูบ่ ทเรยี น) ๒. สรา้ งบรรยากาศในการเรยี นการสอนใหป้ ลอดโปรง่ ๓. มุง่ สอนเนอื้ หา ม่งุ ใหผ้ ู้ฟงั เกดิ ความรู้ความเข้าใจและเปลี่ยนพฤติกรรมในทางทีด่ ี ๔. ตง้ั ใจสอน สอนโดยเคารพ ถอื วา่ งานสอนเป็นงานสาคัญ ๕. ใช้ภาษาเหมาะสม ผู้สอนคนอ่ืนควรมีความสามารถในการสื่อสาร ใช้คาพูดท่ีถูกต้องและเหมาะสมกับ บุคคลและสถานการณ์

หลกั สูตรการศึกษาพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นรู้วินยั ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย หน้า ๖๒ หลกั การสอนแนวพุทธวิธี พระพุทธเจ้านั้นทรงเป็นพระบรมครู ยอดครูของผู้สอน พระองค์ทรงมีหลักการในการสอนมากมายหลาย หลกั การ เรียกว่า “หลัก ๔ ส” คือ ๑. สนั ทสั สนา อธบิ ายในเหน็ ชดั แจง้ เหมอื นจูงมือใหม้ าดูดว้ ยตา ๒. สมาทปนา ชักจงู ให้เหน็ จริงเห็นจังตาม ชวนให้คลอ้ ยตาม จนยอมรับเอาไปปฏิบตั ิ ๓. สมุตเตชนา เรา้ ใจเกิดความกลา้ หาญ มกี าลงั ใจ มัน่ ใจว่าทาได้ไม่หวัน่ ไหวตอ่ อุปสรรค์ทมี่ ีมา ๔. สมั ปหงั สนา มีวิธีสอนทช่ี ว่ ยให้ผฟู้ งั รา่ เรงิ เบกิ บาน ฟงั ไม่เบอื่ เปย่ี มลน้ ไปดว้ ยความหวัง สรปุ หลกั การท่วั ไปของการสอน คือ แจม่ แจ้ง-จงู ใจ-หาญกล้า-ร่าเริง หลักการสอนพทุ ธวิธีแบบสนทนา (สากัจฉา หรือธรรมสากจั ฉา) เป็นวิธีที่ทรงใช้บ่อยท่ีสุด พระองค์ชอบใช้วิธีนี้อาจเป็นด้วยว่าผู้ฟังได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นทาให้การ เรียนการสอนสนุกไม่รู้สึกว่าตนกาลัง “เรียน” หรือกาลัง “ถูกสอน” แต่จะรู้สึกว่าตนกาลังสนทนาปราศรัยกับพระ พทุ ธองคอ์ ยา่ งสนกุ สนาน หลกั การสอนพุทธวิธีแบบตอบปญั หา (ปจุ ฉา-วสิ ชั ชนา) ผูถ้ ามปญั หาอาจถามดว้ ยจดุ ประสงคห์ ลายอย่าง เช่น ๑. บางคนถามเพอ่ื ต้องการคาตอบในเรื่องท่สี งสยั มานาน ๒. บางคนถามเพื่อลองภมู วิ ่าคนตอบรหู้ รอื ไม่ ๓. บางคนถามเพื่อขม่ หรือปราบใหผ้ ู้ตอบอบั อาย ๔. บางคนถามเพ่อื เทียบเคียงกับความเช่อื หรอื คาสอนในลัทธิศาสนาของตน พระพุทธองค์ตรัสรู้ว่าการตอบปัญหาใดๆ ต้องดูลักษณะของปัญหาและเลือกวิธีตอบให้ถูกต้องเหมาะสมพระองค์ จาแนกประเภทของปัญหาไว้ ๔ ประการ คอื ๑. ปญั หาบางอยา่ งต้องตอบตรงไปตรงมา ๒. ปญั หาบางอย่างต้องยอ้ นถามก่อนจงึ ตอบ ๓. ปัญหาบางอย่างต้องแยกความตอบ ๔. ปญั หาบางอยา่ งต้องตดั บทไปเลยไม่ตอบ วธิ ีคดิ แบบอริยสจั จ/์ คดิ แบบแก้ปญั หา เป็นการคดิ แบบแก้ปัญหาเรยี กวา่ “วิธีแห่งความดับทุกข์” จัดเป็นวิธีคิดแบบหลักอย่างหน่ึงเป็นวิธีคิดตาม เหตุและผลหรอื เป็นไปตามเหตุและผล สืบสาวจากผลไปหาเหตแุ ลว้ แกไ้ ขและทาการทีต่ ้นเหตุ จัดเปน็ ๒ คู่ คอื ค่ทู ่ี ๑ ทุกขเ์ ปน็ ผล เป็นตวั ปัญหา เปน็ สถานการณท์ ปี่ ระสบ ซึ่งไม่ต้องการ สมทุ ยั เป็นเหตุ เปน็ ทม่ี าของปญั หา เป็นจุดท่ีจะต้องกาจดั หรอื แกไ้ ข จงึ จะพ้นจากปัญหาได้ คู่ที่ ๒ นโิ รธเปน็ ผล เปน็ ภาวะสิ้นปัญหา เปน็ จดุ หมายซ่ึงต้องการจะเข้าถึง มรรคเป็นเหตุ เปน็ วิธกี าร เปน็ ขอ้ ปฏิบัติท่ีต้องกระทาในการแก้ไขสาเหตุ เพ่ือบรรลุจุดหมายคือ ภาวะสิ้นปญั หาอนั ได้แก่ความดับทกุ ข์

หลกั สตู รการศกึ ษาพระปรยิ ตั ิธรรม แผนกสามญั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรวู้ ินยั ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย หน้า ๖๓ กระบวนการจัดกจิ กรรมเรียนรู้ แบบพุทธวธิ ี ๙ อย่าง ๑. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้พทุ ธวธิ แี บบอุปมา-อปุ ไมย (การเปรียบเทียบ) ข้ันสบื ค้น-ขั้นเชือ่ มโยง - เปรยี บเทยี บนามธรรมกบั รูปธรรมใหผ้ ู้เรียนเห็นชดั เจน ครูผู้สอนและผูเ้ รยี นมสี ว่ นรว่ ม - ความแตกต่างระหวา่ งส่งิ ที่เป็นนามธรรมกับรปู ธรรม ขั้นฝกึ - ยกตวั อย่างสงิ่ ที่เปน็ นามธรรมและรปู ธรรม - ผู้เรียนแตล่ ะรูปหรือแตล่ ะกลมุ่ รว่ มอภปิ รายหรือนาเสนอสงิ่ ท่ีเป็นนามธรรมหรือรปู ธรรม - หาขอ้ สรุปเกีย่ วกับเนอ้ื หาที่เป็นนามธรรม-รปู ธรรม ขั้นประยกุ ต์ - คน้ ควา้ สิง่ ทเ่ี ป็นนามธรรมกับรปู ธรรมในเน้อื หาอ่ืน ๆ นอกเหนือจากเน้ือหาทีก่ าหนดให้ ๒. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้พทุ ธวธิ ีแบบปจุ ฉา-วสิ ัชนา (การถาม-ตอบ) ขน้ั สบื ค้น-ข้นั เชือ่ มโยง - การทาหน้าที่เป็นผถู้ าม-ตอบทถี่ กู ต้องเหมาะสมแก่กาลเทศะ - วิธถี าม-ตอบ (ตอบทันทีเม่อื มีผูถ้ าม, ตอบแบบมเี งื่อนไข, ย้อนถามผู้ถามก่อนแล้วจึงตอบ, น่ิงเสียไม่ตอบ เปน็ ตน้ ) ขน้ั ฝึก - ตัวอยา่ งการถาม-ตอบ - ถาม-ตอบแบบคนต่อคน, ถาม-ตอบแบบกลุม่ ตอ่ กลมุ่ , ถาม-ตอบแบบกลุ่มต่อคน เปน็ ตน้ - หาขอ้ สรปุ เน้ือหาท่เี ก่ียวกับการถาม-ตอบ ขัน้ ประยกุ ต์ - คน้ คว้าเพ่ิมเติมนอกเหนือจากเนอื้ หาที่กาหนดไวใ้ นแผนจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ๓. การจดั กิจกรรมการเรียนรพู้ ุทธวิธีแบบธรรมสากัจฉา (การสนทนา) ขั้นสบื คน้ -ขั้นเชอื่ มโยง - ครูผสู้ อนเสนอสถานการณท์ ่เี ปน็ ปัญหาหรือจาลองสถานการณ์ ขั้นฝกึ - ผูเ้ รียน/ครูผสู้ อน-อภิปรายในประเดน็ ท่เี ปน็ ปญั หา หวั ขอ้ หรอื สถานการณ์ ตามเน้ือหาทก่ี าหนด - หาข้อสรุปในประเด็นทเี่ ปน็ ปัญหา หัวขอ้ หรือสถานการณจ์ ากการสนทนาอภิปราย ขั้นประยกุ ต์ - ศึกษาเพิ่มเตมิ การสนทนา-อภิปรายของบุคคล, กลุ่มคน, ละคร, องค์กร ฯลฯ

หลักสตู รการศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรวู้ นิ ัย ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย หน้า ๖๔ ๔. การจดั กจิ กรรมการเรียนรูพ้ ุทธวิธีแบบอรยิ สัจ ๔ (กาหนดปัญหา, ตัง้ สมมตุ ิฐาน, ทดลอง, วเิ คราะห์ สรุป) ขน้ั สืบคน้ (ทกุ ข)์ - กาหนดปญั หา, ท่ีมาของปัญหา, การเกิดปัญหา (ตามเนื้อหาทีก่ าหนด) ขั้นเช่ือมโยง (สมุทยั ) - ต้งั สมมุตฐิ าน, การอนมุ าน, การคาดคะเน, ความนา่ จะเป็น, ปัจจยั เสี่ยง ขน้ั ฝกึ (นิโรธ) - ทดลอง, เกบ็ ข้อมลู - วิเคราะห์, สรุปผล ขน้ั ประยุกต์ (มรรค) - การนาไปประยกุ ตใ์ ชก้ ับสิ่งอ่นื ๆ นอกเหนอื จากเนื้อหาทเี่ รียนรู้ ๕. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้พุทธวิธีแบบไตรสิกขา (ระเบียบวนิ ัย, จติ ใจแนว่ แน่, แกป้ ัญหาถูกต้อง) ขั้นสบื ค้น (ศีล) - สรา้ งความมีระเบียบวนิ ยั ความมศี รทั ธา ความตระหนกั ความเรา้ ใหเ้ กดิ กบั ผู้เรยี นพรอ้ มที่จะเรยี น ขน้ั เชื่อมโยง (สมาธิ) - ให้ผู้เรียนรวมพลังจิตใจ ความคิดอันแน่วแน่ในการต้ังใจฟัง ตั้งใจดู ต้ังใจจดจาและเห็นความสาคัญต่อ เน้ือหาท่ีจะนาเสนอ ขน้ั ฝกึ (ปัญญา) - ใชส้ มาธิ จติ ใจอันแนว่ แนท่ าความเขา้ ใจกบั ปัญหา - คน้ หาสาเหตุทมี่ าทไ่ี ปของปญั หา - แก้ไขปญั หาอยา่ งถูกต้องและถูกวธิ ี ขน้ั ประยุกต์ (ปัญญา) - ผู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้, เกิดปัญญาและมีมโนทัศน์ในเรอื่ งนั้นๆ ถูกต้อง ๖. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้พทุ ธวธิ ีแบบพหสู ตู (ฟงั มากๆ, เขียนมากๆ, ถามมากๆ, คิดวิเคราะห์มากๆ) ข้นั สบื ค้น-ขน้ั เชอ่ื มโยง (การสรา้ งศรทั ธา) - การจัดบรรยากาศในการนาเข้าสบู่ ทเรียน - การสรา้ งแรงจูงใจในการนาเขา้ สูบ่ ทเรยี น - บคุ ลกิ ภาพตลอดถงึ การวางตัวที่เหมาะสมของผู้สอน - การสรา้ งความสมั พันธร์ ะหว่างผเู้ รียนกับผูส้ อน ขน้ั ฝึก (การฝกึ ทักษะ) - กิจกรรมกลุ่ม/รายบุคคล - การปฏิบตั ิ/การนาเสนอ/การแสดงออก - ฝึกการเขียน, การฟงั , การถาม, และการคดิ วเิ คราะห์ ขน้ั ประยุกต์ (การประเมิน)

หลกั สูตรการศึกษาพระปริยตั ิธรรม แผนกสามญั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นรู้วนิ ยั ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย หน้า ๖๕ - การประเมินตนเอง - การประเมนิ ของกลั ยาณมติ ร - การศกึ ษาค้นคว้าเพิม่ เตมิ และการนาไปประยกุ ตใ์ ช้ ๗. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้พทุ ธวิธแี บบโยนโิ สมนสิการ (การทาไว้ในใจโดยแยกคาย, การใช้ความคดิ ถกู วิธี) แบบที่ ๑ ขัน้ สืบคน้ -ขั้นเช่อื มโยง - ผู้เรยี นรู้จักคิด คิดเปน็ คดิ อย่างมรี ะบบ - ผู้เรยี นรู้จกั มอง รจู้ ักพิจารณา ไตรต่ รอง วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ขั้นฝกึ - ฝกึ การคิดหาเหตผุ ล - ฝึกการสืบคน้ ถงึ ต้นเค้า - ฝึกการสบื สาวใหต้ ลอดสาย - ฝกึ การแยกแยะส่งิ น้ันๆ ปญั หาน้นั ๆ ตามสภาวะแหง่ เหตแุ ละปจั จยั ขน้ั ประยุกต์ - ผเู้ รียนนาการใชค้ วามคดิ อย่างถกู วิธไี ปประยุกตใ์ ช้กบั เหตุการณ์ปจั จุบัน ๘. การจดั กิจกรรมการเรียนรพู้ ุทธวธิ แี บบโยนโิ สมนสกิ าร (สร้างศรทั ธาและวธิ ีคิดให้กับผเู้ รยี น) แบบที่ ๒ ขั้นสืบคน้ -ข้นั เชอ่ื มโยง - ครผู ูส้ อนสร้างเจตคติทีด่ ตี อ่ ผเู้ รียน - ครผู ้สู อนเสนอปัญหาทเี่ ป็นสาระสาคญั , หวั เร่อื ง - ครูผู้สอนแนะแหล่งวิทยาการ, แหลง่ ข้อมลู ขน้ั ฝึก - ผู้เรียนฝึกการรวบรวมข้อมลู - ครูผู้สอนจัดกิจกรรมให้เกิดกระบวนการคิดแก่ผู้เรียน เช่น คิดสืบค้นต้นเค้า, คิดสืบสาวตลอดสาย, คิด สบื คน้ ต้นปลาย, และคดิ โยงสายสมั พันธ์ - ฝึกการสรุปประเด็น เปรียบเทยี บ ประเมนิ ค่า โดยวธิ ีอภปิ ราย ทดลอง ทดสอบ - ดาเนินการเลือกและตัดสินใจ - กจิ กรรมฝกึ ปฏบิ ัติเพ่ือพิสจู นผ์ ลการเลือกและตัดสินใจ ข้ันประยกุ ต์ - สังเกตวธิ ีการปฏิบตั ิ ตรวจสอบ ปรับปรงุ - อภิปรายและสอลบถาม - สรุปบทเรยี นการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ - วัดและประเมนิ ผลตามสภาพจริง

หลักสูตรการศึกษาพระปรยิ ตั ิธรรม แผนกสามญั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรู้วินยั ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย หน้า ๖๖ ๙. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้พุทธวิธีแบบอิทธิบาท ๔ (พอใจในส่ิงที่เรียนรู้, พากเพียรต่อสิ่งท่ีเรียนรู้เสมอ, มงุ่ มนั่ และเอาใจใส่ต่อส่งิ ทีเ่ รยี นร,ู้ คิด วิเคราะห์ ไตร่ตรอง กอ่ นนาไปใช้) ข้ันสืบคน้ (ฉนั ทะ) - สรา้ งความพอใจและความสาคญั ต่อส่ิงท่ีเรยี นรู้ และสิง่ ที่ไดร้ ับ ข้นั เชือ่ มโยง (วริ ิยะ) - ฟงั ใหห้ มด จดให้มาก ปากตอ้ งไว ใจตอ้ งคิด (หัวใจบณั ฑติ สุ จิ ปุ ล)ิ ข้ันฝึก (จติ ตะ) - มุ่งมน่ั โดยฝกึ ฟังมากๆ ฝึกคิดมากๆ ฝึกถามมากๆ และฝกึ เขยี นมากๆ ขั้นประยกุ ต์ (วิมงั สา) - พิจารณา ไตร่ตรอง แยกแยะ อธบิ าย นาเสนอ และประยกุ ต์ใช้ การนิยามศัพท์ขัน้ ตอน/กระบวนการ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้พทุ ธวธิ ี สบื ค้น หมายถงึ สืบสาวราวเร่อื ง, ค้นคว้าใหไ้ ดเ้ รื่อง เชื่อมโยง หมายถึง ทาใหต้ ิดเปน็ เนอ้ื เดียวกัน, ทาใหป้ ระสานกัน ฝกึ หมายถึง ทา เชน่ บอก, แสดง, หรอื ปฏิบตั ิ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเข้าใจจนเปน็ หรือมี ความชานาญ ประยกุ ต์ หมายถงึ นาความรู้ในวทิ ยาการตา่ งๆ มาปรบั ใช้ใหเ้ ป็นประโยชน์

หลกั สูตรการศึกษาพระปริยตั ิธรรม แผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นรู้วนิ ัย ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย หน้า ๖๗ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้พระพุทธศาสนา (ธรรม พทุ ธ วนิ ัย) กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ สาระท่ี ๑ ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้ และเข้าใจประวัติ ความสาคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับ ถือและศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดมั่น และปฏิบัติตามหลักธรรม เพ่ืออยู่ร่วมกันอย่าง สันตสิ ขุ มาตรฐาน ส ๑.๒ เข้าใจ ตระหนักแ ละปฏิบัติตนเป็นศาสนิกชนที่ดี และธารงรักษาพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาที่ตนนับถอื สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ท่ีขอปรับและเพ่มิ เป็น... สาระท่ี ๑ พระพทุ ธศาสนา มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้ และเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาและศาสนาอ่ืน มี ศรัทธาที่ถูกต้อง ยึดม่ัน และปฏิบัติตามหลักธรรม เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข (ใช้เป็น มาตรฐานสาระการเรยี นรธู้ รรม, กระทู้ธรรม) มาตรฐาน ส ๑.๒ เขา้ ใจ ตระหนัก และปฏิบัติตนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี และธารงรักษาพระพุทธศาสนา (ใช้ เปน็ มาตรฐานสาระการเรยี นรพู้ ุทธประวตั ิ, ศาสนพธิ ี) มาตรฐาน ส ๑.๓ รู้ เข้าใจ และปฏิบัติตนตามหลักพระวินัยบัญญัติ และประกาศ กฎ ระเบียบ คาสั่งมหาเถร สมาคม และพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ใช้เป็นมาตรฐานสาระการเรียนรู้วินัย, พระราชบญั ญัติคณะสงฆ์)

หลักสูตรการศกึ ษาพระปริยตั ิธรรม แผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนร้วู นิ ยั ระดบั มัธยมศกึ ษ ขอบข่ายเน้อื หาส ในการจัดทาหลักสูตรการศกึ ษาพระปริยตั ิธรรม แผน สาระการเรยี นรู้วนิ ยั , พระราชบญั ญัตคิ ณะสงฆ์ รหสั ม.๑ ส๒๑๒๓๑, ส๒๑๒๓๒ ม.๒ ส๒๒๒๓๓, ส๒๒๒๓๔ รหัส ม.๔ ส๓๑๒๓๑, ส๓๑๒๓๒ ม.๕ ส๓๒๒๓๓, ส๓๒๒๓๔ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ เนื้อหานักธรรมช้นั ตรี เนื้อหานกั ธรร ศึกษาปฐมเหตุพระวินัย ศึกษาปฐมเหตพุ ระวนิ ัย ศกึ ษาปฐมเหตพุ ระวนิ ยั ศ บญั ญตั ิ (วนิ ยั มขุ เลม่ ๑) บัญญตั ิ (วินยั มุขเลม่ ๑) บัญญตั ิ (วินยั มุขเลม่ ๒) ดงั นี้ บ ดังนี้ ดงั นี้ ---------------------------- - ---------------------------- ---------------------------- กัณฑท์ ่ี ๑๑ กายบริหาร ก กัณฑท์ ่ี ๑ อปุ สมั ปทา กณั ฑ์ที่ ๖ นสิ สัคคิยปาจิตตยี ์ - อธิบายกายบริหาร - - วิธอี ปุ สมบท ๓๐ ท้ัง ๑๔ ข้อ - - วิธกี ารอุปสมบทด้วยญตั ติ - จีวรวรรคที่ ๑ (หมวดว่า กัณฑ์ที่ ๑๒ บรขิ ารอุปโภค - จตตุ ถกรรม ดว้ ยจีวร) ๑. จีวร - - อนศุ าสน์ ๘ อย่าง - โกสิยวรรคที่ ๒ (หมวดวา่ ๒. บาตร - - สิกขา ๓ ดว้ ยสนั ถัต) ๓. เครอ่ื งอุปโภค - - สงฆ์มี ๒ ประเภท - ปัตตวรรคที่ ๓ (หมวดวา่ ๔. เคร่ืองเสนาสนะ - - อฏั ฐวาจกิ าอปุ สัมปทา (การ ด้วยบาตร) กัณฑท์ ี่ ๑๓ นิสสยั ก บวชภกิ ษุณ)ี กัณฑท์ ี่ ๗ ปาจิตตยี ์ ๙๒ - มูลเหตทุ ที่ รงอนญุ าตใหม้ ี - กณั ฑท์ ่ี ๒ พระวนิ ัย - มสุ าวาทวรรค หมวดว่า อปุ ัชฌายอ์ าจารย์ -

ษาตอนปลาย หน้า ๖๘ สาระการเรียนรู้วินยั นกสามัญศกึ ษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ม.๓ ส๒๓๒๓๕, ส๒๓๒๓๖ ม.๖ ส๓๓๒๓๕, ส๓๓๒๓๖ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๕ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ รมชั้นโท เน้ือหานกั ธรรมช้ันเอก ศึกษาปฐมเหตุพระวินยั ศกึ ษาปฐมเหตพุ ระวินัยบญั ญตั ิ ศกึ ษาปฐมเหตพุ ระวินยั บัญญัติ บญั ญัติ (วนิ ัยมุขเลม่ ๒) ดังน้ี ---------------------------- (วนิ ัยมุขเลม่ ๓) และ (วนิ ยั มุขเล่ม ๓) และกฎหมาย กฎ กณั ฑท์ ี่ ๑๗ อโุ บสถ ปวารณา - อุโบสถ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ดังน้ี ระเบียบ ประกาศ คาส่ัง และมติ - สงั ฆอโุ บสถ - ปารสิ ุทธอิ โุ บสถ ---------------------------- มหาเถรสมาคม ดงั น้ี - ปวารณา - สงั ฆปวารณา กณั ฑ์ท่ี ๒๓ สงั ฆกรรม ---------------------------- - คณปวารณา - ปุคคลปวารณา - มูลเหตเุ กดิ สงั ฆกรรม กัณฑท์ ่ี ๒๘ วธิ ีระงับ กัณฑ์ที่ ๑๘ อปุ ปถกิรยิ า - อนาจาร - คาสวดในการทาสงั ฆกรรม ววิ าทาธกิ รณ์ - ปาปสมาจาร - สังฆกรรม ๔ - ววิ าทาธิกรณ์ ๑๘ - กาหนดจานวนสงฆท์ า - ประเภทแห่งวิวาทาธิกรณ์ สงั ฆกรรม (การกสงฆ์) - กรณวี วิ าทาธิกรณ์ - ภกิ ษผุ ู้ควรแกก่ รรม - ทางปูองกนั วิวาทาธกิ รณ์ - คุณสมบตั ิของภกิ ษผุ เู้ ข้ากรรม - วิธรี ะงบั ววิ าทาธิกรณ์ - เหตุให้สงั ฆกรรมวบิ ัติ กณั ฑ์ที่ ๒๙ วธิ รี ะงบั - อกั ขรวิธีในการสวด อนวุ าทาธกิ รณ์

หลกั สูตรการศกึ ษาพระปริยตั ิธรรม แผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนรวู้ นิ ัย ระดบั มธั ยมศึกษ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ เนื้อหานักธรรมชน้ั ตรี เน้อื หานกั ธรร - การบัญญตั ิพระวนิ ยั ด้วยพูดปด - วิธถี อื พระอปุ ัชฌาย์ - - อาบัติ - ภูตคามวรรค หมวดว่าด้วย - วธิ ีประณามและถอน ก - ประเภทของอาบัติ การพรากภตู คาม ประณาม - - สมุฏฐานแหง่ อาบัติ - โอวาทวรรค หมวดว่าด้วย - การถอื ภกิ ษอุ นื่ เป็นอาจารย์ - - อาบตั ิเพ่งโดยเจตนา ๒ เรื่องสัง่ สอนภิกษณุ ี - นสิ สัยมุตตกะ - อย่าง - โภชนวรรค หมวดวา่ ดว้ ย กณั ฑ์ท่ี ๑๔ วัตร - - โทษของอาบัติ การฉันอาหาร ๑. กิจวตั ร - - อาการที่ต้องอาบตั ิ ๖ อย่าง - อเจลกวรรค หมวดว่าดว้ ย ๒. จริยาวัตร - - หลักการปฏบิ ัติในการออก นกั บวชนอกศาสนา ๓. วธิ ีวตั ร ก จากอาบัติ - สรุ าปานวรรค หมวดว่า กัณฑ์ท่ี ๑๕ คารวะ เ - อาการทที่ รงบญั ญตั ิ ด้วยดม่ื นา้ เมา - วิธแี สดงความเคารพ - พระวนิ ยั - สปั ปาณวรรค หมวดวา่ - การแสดงความเคารพ - - อานสิ งส์แห่งการปฏบิ ตั ติ าม ด้วยฉันนา้ มตี วั สัตว์ ทางวาจา - พระวินยั - สหธรรมกิ วรรค หมวดว่า - การแสดงความเคารพ - - จดุ มุง่ หมายของการบญั ญตั ิ ดว้ ยสหธรรมิก ทางกาย ก พระวินัย ๘ อยา่ ง - รตนวรรค หมวดวา่ ดว้ ย - ธรรมเนยี มการแสดงความ - - ประโยชนข์ องการบญั ญัติ รตั นะ เคารพอ่นื ๆ - พระวนิ ยั กัณฑ์ที่ ๘ ปาฏิเทสนียะ ๔ กัณฑ์ที่ ๑๖ จาพรรษา - - มังสะ (เนือ้ ) ๑๐ อยา่ ง ท่ี และเสขิยวัตร ๗๕ - พิธจี าพรรษา - ห้ามภิกษุฉัน - ปาฏเิ ทสนยี ะ ๔ - คาอธษิ ฐาน ก - วนิ ัย ๒ ประเภท - เสขยิ วัตร ๗๕ - การเขา้ จานาพรรษาขณะ - กัณฑท์ ่ี ๓ สิกขาบท - สารูปหมวดท่ี ๑ เดนิ ทางไปกับพวกโคตา่ ง - - สิกขาบททีม่ าใน - โภชนปฏสิ ังยตุ หมวดท่ี ๒ เป็นตน้ - พระปาฏโิ มกข์ - ธัมมเทสนาปฏสิ งั ยตุ หมวด - หา้ มต้งั กตกิ าอนั ไม่เป็นธรรม -

ษาตอนปลาย หน้า ๖๙ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๔ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๕ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ รมช้ันโท เนอ้ื หานกั ธรรมช้ันเอก - อเนสนา - ลกั ษณะกรรมวาจาวิบตั ิ - ประเภทแห่งการโจท กัณฑท์ ่ี ๑๙ กาลิก ๔ - ยาวกาลกิ - การสวดทไี่ ม่ถือว่ากรรมวาจา - เรอ่ื งมีมลู เปน็ องคแ์ หง่ การโจท - กปั ปยิ ภมู ิ ๔ ชนิด - ยามกาลิก วบิ ตั ิ - องคป์ ระกอบแห่งอรรถคดีท่คี วร - สตั ตาหกาลกิ - ยาวชวี กิ กณั ฑท์ ่ี ๒๔ สมี า โจท - กาลิกระคนกนั กณั ฑท์ ี่ ๒๐ ภัณฑะตา่ ง - สมี า - คณุ สมบตั ิของการโจท เจา้ ของ - ของสงฆ์ - พัทธสีมา - ลกั ษณะของการโจท - ของเจดยี ์ - ของบุคคล - นิมติ - วนิ ิจฉัยอธิกรณ์ - การปลงบรขิ าร กัณฑ์ที่ ๒๑ วนิ ยั กรรม - ขัน้ ตอนในการผูกพัทธสีมา - คุณลกั ษณะของภิกษผุ เู้ ขา้ สูท่ ี่ - วิธีแสดงอาบตั ิ - อธิษฐาน - ขนาดของสีมา วินิจฉยั - เหตขุ าดอธิษฐาน - วกิ ัป - เหตทุ ่ที าใหส้ มี าวบิ ัติ - คาขอโอกาสของโจทก์ต่อจาเลย กัณฑ์ที่ ๒๒ ปกิณณกะ - มหาปเทส ๔ - ชนดิ ของพัทธสีมา - ลกั ษณะของภิกษผุ ู้ไมค่ วรให้ขอทา - พระพทุ ธานุญาตพเิ ศษ - ขออารกั ขา - ประโยชนข์ องการสมมตสิ มี า โอกาส - วิบัติ ๔ สองชนั้ - คุณสมบตั ิของภกิ ษุผพู้ ิจารณาคดี - อพทั ธสีมา - ข้อท่ีหา้ มไม่ให้ถาม - สมี าสังกระ - วิธีระงับอนวุ าทาธกิ รณ์ กณั ฑท์ ี่ ๒๕ สมมติเจา้ หน้าทท่ี า - ลักษณะคาพยานท่คี วรฟังได้หรอื การสงฆ์ ฟงั ไมไ่ ด้ - เจ้าหนา้ ทีท่ าการสงฆ์ - การสบื พยานและการซักถาม - คุณสมบตั ภิ กิ ษุผเู้ ปน็ เจา้ หนา้ ท่ี พยาน ทาการสงฆ์ - การซักพยาน - ประเภทของเจ้าหนา้ ท่ี - ข้อพจิ ารณาและสนั นษิ ฐานของ ทาการสงฆ์ สงฆ์ กณั ฑท์ ี่ ๒๖ กฐนิ - ทฏิ ฐาวิกมั ม์อันชอบแกร่ ะเบยี บ - การกรานกฐนิ - ตัสสปาปิยสิกา ๒ นัย

หลกั สตู รการศกึ ษาพระปริยตั ิธรรม แผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรียนร้วู นิ ยั ระดับมัธยมศึกษ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ เนื้อหานักธรรมช้นั ตรี เนอ้ื หานกั ธรร - การปรบั อาบตั ิ ๒ อย่าง ที่ ๓ ระหว่างเข้าพรรษา - - อุทเทส - ปกณิ ณกะหมวดที่ ๔ - สตั ตาหกรณยี ะ - อันตราย ๑๐ กัณฑ์ท่ี ๙ อธิกรณสมถะ ๗ - อานสิ งส์ของการเขา้ พรรษา กัณฑ์ท่ี ๔ ปาราชิก ๔ - อธกิ รณ์ ๔ - ปาราชกิ ๔ - อธิกรณสมถะ ๗ - อาการทป่ี รบั อาบตั ิ - วธิ รี ะงับอธกิ รณ์ รองลงมา กณั ฑ์ที่ ๑๐ มาตรา - องคแ์ ห่งการเสพเมถุน ๒ ๑. มาตราเวลา อยา่ ง ๒. มาตราวดั - อาการทีไ่ มต่ ้องอาบตั ิ ๓. มาตราตวง - อวหาร ๑๓ ๔. มาตราชง่ั - การปรับอาบตั ิ ๕. มาตรารปู ยิ ะ - องคแ์ ห่งการลักทรัพย์ - อาการท่ีไมต่ ้องอาบัติ - องคแ์ ห่งการฆา่ - อาการทไี่ มต่ ้องอาบัติ - องคแ์ ห่งการอวด อตุ ตริมนสุ สธรรม กัณฑ์ท่ี ๕ สังฆาทเิ สส ๑๓ - สังฆาทเิ สส ๑๓ - อนยิ ต ๒ - ที่ลับ ๒ อย่าง - วธิ ปี รบั อาบัติ

ษาตอนปลาย หน้า ๗๐ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๕ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖ รมช้ันโท เนือ้ หานกั ธรรมช้นั เอก - อโคจร - ผา้ ทคี่ วรใช้เปน็ ผา้ กฐิน - ถอ้ ยคาท่ีรบั ฟังโดยฐานเป็นโจท - ผา้ ที่ไมค่ วรใช้เป็นผ้ากฐนิ ไมไ่ ด้ - จานวนสงฆผ์ ใู้ หผ้ ้ากฐนิ - อธกิ รณ์ท่ีอุทธรณไ์ ด้และไมไ่ ด้ - คุณสมบตั ิของภกิ ษุผคู้ วรกราน - การระงบั อนวุ าทาธิกรณ์โดยไม่ตอ้ ง กฐนิ พจิ ารณา - สงฆ์ควรใหผ้ า้ กฐินแกใ่ คร - โทษของอนุวาทาธิกรณ์ กัณฑท์ ี่ ๒๗ บรรพชาและ - คณุ สมบัติของโจทกแ์ ละจาเลย อุปสมบท กัณฑ์ท่ี ๓๐ วิธีระงับ - การบวชในสมยั พุทธกาล อาปัตตาธกิ รณ์ - การบรรพชาเปน็ สามเณร - ประเภทของอาบตั ิ - คาบอกภัณฑูกรรม - วธิ รี ะงับครกุ าบตั ิ - การบรรพชา - จานวนสงฆ์ผู้ทากรรม - การอปุ สมบท - วฏุ ฐานวธิ สี าหรบั อาบัติท่ีไม่ไดป้ ดิ - องค์กาหนดความถกู ต้องในการ - รตั ตเิ ฉทของผภู้ กิ ษุผู้ประพฤติ อุปสมบท มานัต - บุรพกิจแหง่ อปุ สมบท - ข้อห้ามของมานัตตจารกิ ภิกษุ - มัชฌมิ กิจแห่งอปุ สมบท - วัตรสาหรบั มานัตตจาริกภกิ ษุ - ปัจฉมิ กิจแหง่ อุปสมบท - วุฏฐานวธิ ีสาหรับอาบตั ิที่ปดิ - ปรวิ าส ๓ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ - วฏุ ฐานวธิ สี าหรบั อันตราบตั ิ - ขอ้ ควรรูเ้ บ้อื งต้นเกี่ยวกบั - ภกิ ษผุ ู้ควรกลับประพฤติ วฏุ พระราชบัญญตั คิ ณะสงฆ์ ฐานวธิ ใี หม่ - พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ - วิธีระงบั ลหกุ าบตั ดิ ้วย ตณิ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ วัตถารกวนิ ยั

หลักสูตรการศกึ ษาพระปริยตั ิธรรม แผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นรูว้ ินยั ระดับมธั ยมศึกษ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๒ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ เนื้อหานกั ธรรมชน้ั ตรี เนื้อหานกั ธรร

ษาตอนปลาย หน้า ๗๑ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๕ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖ รมชน้ั โท เนือ้ หานักธรรมชัน้ เอก - พระราชบัญญตั ิคณะสงฆ์ พ.ศ. กณั ฑท์ ่ี ๓๑ กจิ จาธิกรณ์และวิธี ๒๕๐๕ แกไ้ ขเพิม่ เตมิ โดย ระงบั ดว้ ยนคิ คหะ พระราชบญั ญัติคณะสงฆ์ - กิจจาธกิ รณ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ - นิคคหกรรม - หมวด ๑ สมเด็จพระสงั ฆราช - นคิ คหกรรมสาหรบั ลงโทษแก่ - หมวด ๒ มหาเถรสมาคม ภกิ ษุ - หมวด ๓ การปกครอง - ข้ันตอนการลงนิคคหกรรม คณะสงฆ์ - ภกิ ษุผู้ถกู ลงนคิ คหกรรมตอ้ ง - หมวด ๔ นิคคหกรรมและการ ประพฤติวตั ร สละสมณเพศ - ขั้นตอนการระงับนคิ คหกรรม - หมวดที่ ๕ วัด - ลกั ษณะการระงับนิคคหกรรม - หมวดท่ี ๖ ศาสนสมบัติ - การลงนคิ คหกรรมแกค่ ฤหสั ถ์ - หมวดที่ ๗ บทกาหนดโทษ - วธิ ีคว่าบาตร - หมวดที่ ๘ เบด็ เตล็ด - วธิ ีหงายบาตร - คณุ ธรรมของสงฆผ์ ทู้ ากรรม กณั ฑท์ ่ี ๓๒ สงั ฆเภท และ สังฆสามัคคี - บคุ คลผ้ทู าสังฆเภท - บุคคลผู้ทาสังฆเภทไมไ่ ด้ - เหตทุ ท่ี าให้สงฆแ์ ตกกัน - ลักษณะการแตกแห่งสงฆ์ - ลักษณะสงั ฆเภทและสงั ฆราชี - ทางทจี่ ะเกดิ สงั ฆสามคั คี - การทาสงั ฆสามัคคี

หลักสูตรการศกึ ษาพระปริยตั ิธรรม แผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นรูว้ ินยั ระดับมธั ยมศึกษ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๒ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ เนื้อหานกั ธรรมชน้ั ตรี เนื้อหานกั ธรร

ษาตอนปลาย หน้า ๗๒ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๖ รมชน้ั โท เนือ้ หานกั ธรรมชั้นเอก กณั ฑท์ ่ี ๓๓ ปกิณณกะ ๑. การลาสกิ ขา ๒. นาสนา ๓. ทัณฑกรรม ๔. ประณาม กฎหมาย กฎ ระเบยี บ ประกาศ คาสงั่ และมติมหาเถรสมาคมท่ี เกี่ยวกบั โรงเรยี นพระปรยิ ัตธิ รรม แผนกสามัญศกึ ษา - พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษา แหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และ (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ - กฎกระทรวงวา่ ดว้ ยสทิ ธิการจดั การศึกษาขน้ั พนื้ ฐานโดยสถาบนั พระพทุ ธศาสนา พ.ศ. ๒๕๔๘ - ประกาศมหาเถรสมาคมวา่ ด้วย โรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนก สามญั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๓ - คาสัง่ มหาเถรสมาคม - ประกาศคณะกรรมการการศึกษา พระปริยตั ธิ รรม แผนกสามญั ศึกษา

หลักสูตรการศกึ ษาพระปริยตั ิธรรม แผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ สาระการเรยี นรูว้ ินยั ระดับมธั ยมศึกษ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๒ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ เนื้อหานกั ธรรมชน้ั ตรี เนื้อหานกั ธรร

ษาตอนปลาย หน้า ๗๓ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๔ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๖ รมชั้นโท เนื้อหานักธรรมช้ันเอก - คาสั่งคณะกรรมการการศกึ ษา พระปริยตั ธิ รรม แผนกสามญั ศกึ ษา - ระเบยี บสานกั งาน พระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ - ฯลฯ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook