Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทำเนียบแหล่งเรียนรู้ สิงหาคม 2563

ทำเนียบแหล่งเรียนรู้ สิงหาคม 2563

Published by library sriboon, 2020-09-10 23:20:46

Description: ทำเนียบแหล่งเรียนรู้ สิงหาคม 2563

Search

Read the Text Version

ทำเนียบแหลง่ เรยี นรู้ และภูมปิ ัญญำทอ้ งถ่นิ ประจำเดอื น สิงหำคม 2563 รวบรวมโดย กศน.อำเภอศรบี ุญเรอื ง

คำนำ ทำเนียบแหลง่ เรยี นรู้ เลม่ น้ี ได้รวบรวมแหล่งเรียนรู้ดำ้ นต่ำง ๆ ทง้ั 9 ด้ำน ประจำเดือน สงิ หำคม 2563 เพื่อเกบ็ รวบรวมเปน็ ขอ้ มลู พ้ืนฐำนดำ้ นแหล่งเรยี นรปู้ ระจำอำเภอศรบี ุญเรอื ง หำกผดิ พลำดประกำรใด ขออภัยมำ ณ ท่นี ้ดี ว้ ย กศน.อำเภอศรบี ุญเรอื ง สิงหำคม 2563

สำรบัญ แหล่งเรียนรูต้ ำบล หนำ้ ทรำยทอง 1 ศรบี ญุ เรอื ง 5 เมืองใหม่ 8 โนนม่วง 11 โนนสะอำด 16 กดุ สะเทยี น 19 นำกอก 23 ยำงหลอ่ 27 หนองแก 33 หนองบัวใต้ 36 หนั นำงำม 39 หนองกงุ แก้ว 42

ตำบลทรำยทอง ประวตั ิและผลงำนครูภูมิปญั ญำท้องถิน่ จังหวัดหนองบัวลำภู ดำ้ นอตุ สำหกรรมและหตั ถกรรม สำขำกำรทำไม้กวำดดอกหญ้ำ นำงผอ่ งศรี นิระพนั ธ์

2 * หมำยเหตุ ใสร่ ูปภำพ 2 – 5 รปู ขึ้นไป รูป รูป ภาพ ภาพ

3 นางผ่องศรี นิระพนั ธ์ ประวัตปิ ระวัตแิ ละผลงานครูภูมิปญั ญาท้องถิน่ จงั หวัดหนองบัวลาภู ดา้ นอุตสาหกรรมและหตั ถกรรม สาขาการทาไม้กวาดดอกหญ้า 1. ประวัตแิ ละผลงาน นางผ่องศรี นริ ะพนั ธ์เป็นประธานกล่มุ วสิ าหกจิ ชุมชน บา้ นดอนขา่ หมู่ท่ี 5 ตาบลทรายทอง อาเภอศรีบุญเรอื ง จงั หวัดหนองบัวลาภู เม่อื ปี พ.ศ.2552 ได้มกี ารรวมกลมุ่ ภายในหม่บู ้านทาตะกรา้ โครง เหลก็ ได้ประมาณ 1ปี แต่ไมป่ ระสบผลสาเรจ็ เนอ่ื งจากมตี ้นทนุ การผลิตท่สี ูงและไมม่ ตี ลาดรองรับ สมาชิกใน กลมุ่ จึงคิดหาวธิ ีท่ีจะทาให้กลมุ่ คงอยู่ตอ่ ไปจงึ ระดมความคดิ กันภายในกลมุ่ วา่ จะผลิตอะไรออกจาหน่าย ต่อมา จงึ ได้พบกับกลมุ่ ทาไม้กวาดออ่ น ซึง่ เปน็ กลมุ่ ของแมบ่ ้านในอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบวั ลาภู และไดเ้ กดิ ความสนใจจงึ ตดั สนิ ใจนาสมาชกิ ในกลมุ่ ไปเรียนทาไมก้ วาดออ่ นจากกลุ่มแม่บ้านในอาเภอนากลาง เมือ่ สมาชกิ ทุกคนทาเปน็ แล้วทางประธานกลุ่มจึงไดร้ วบรวมเงินภายในกลมุ่ เพอ่ื นาไปซือ้ อปุ กรณ์ในการทาไม้กวาดออ่ น ซึ่ง เมอ่ื นาออกจาหน่ายปรากฏว่ามีรายไดเ้ ข้ากลุ่มเป็นทีน่าพอใจและสามารถนาไปจุนเจอื ครอบครวั ได้ 2. องคค์ วามรู้และความเช่ยี วชาญ วิธีการ/ข้นั ตอน 1นาดอกหญ้า (หรอื ทเ่ี รียกกนั ว่าดอกแขม)ไปตากแดดประมาณ 1 แดดในวันที่มีแดดจดั และตาก 2-3 แดดในวนั ทไ่ี ม่ค่อยมแี ดด 2.นาดอกหญา้ มาตีหรือฟาดกบั พนื้ เพ่อื ใหด้ อกหญ้าดอกเลก็ ๆหลดุ ออกให้เหลือแต่ กา้ นเลก็ ๆเพ่ือที่ดอกหญา้ จะได้ไมร่ ่วงเวลานาไม้กวาดไปใช้งาน 3 แกะกา้ นดอกหญ้าที่ตดิ กนั ออกจากน้ันนามา มดั รวมกันประมาณ 1 กามอื หรือ 2ขีด 4.ใชเ้ ชอื กไนลอนเย็บมัดดอกหญา้ เข้าด้วยกนั ให้แน่น แลว้ ถักสลบั ฝัน ปลาประมาณ 3-4 ชั้นพรอ้ มทัง้ จัดมดั ดอกหญ้าให้แบนราบ ใช้มีดตัดโคนรดั ดอกหญ้าท่ถี กั แล้วให้เสมอเปน็ ระเบยี บสวยงาม 5.เตรยี มดา้ มไมท้ ม่ี คี วามยาวประมาณ 80 เซนตเิ มตร(นิยมนาต้นปอมาทาดา้ ม) 6. ใชด้ า้ มไม้ เสียบตรงกลางแล้วตอกตะปขู นาด 1 นวิ้ 2 ตัว เพื่อยดึ ดอกหญา้ กบั ด้ามใหม้ ีความแขง็ แรง 7. ทานา้ มนั กันชื้น บรเิ วณโคนทม่ี เี ชอื กรดั เพ่ือเพ่มิ ความแขง็ แรงและไมใ่ หก้ ้านดอกหญา้ หลดุ ออกจากเชอื ก 8. นาไมก้ วาดไปวาง ในท่โี ลง่ เพ่ือใหส้ ีทากนั ชืน้ แห้ง วัสดุ/อปุ กรณ์ - ดอกแขม(หรอื ท่ีเรยี กว่า ดอกหญา้ ) - ด้ามไม้(ซ่ึงทามาจากตน้ ปอ) - ตะปู - สีทากนั ช้ืน - เชือกไนลอน - เขม็ เย็บกระสอบ 3. การถา่ ยทอดความรู้และความเชย่ี วชาญ เรยี นรแู้ บบการสอนปฏิบัติ และทดลองทา 4. ลกั ษณะของเครือขา่ ยและการสรา้ งเครอื ขา่ ย สาธิตแก่นกั เรียนและชาวบ้านท่ีสนใจ

4 5. ผลงานทเ่ี ปน็ ประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและสังคม บ้านดอนข่า นอกจากจะมชี ือ่ เสยี งด้านการทาไม้กวาดหญา้ แลว้ ยังมชี ื่อเสยี งดา้ นการสานกระตบิ ข้าวทท่ี าการจากคลา้ ขนาดตา่ ง ๆ กระเป๋าถอื สตรี กระจาด ตะกร้า ชะลอมใสผ่ ลไม้ ถาดรองแก้วน้า ผอบลายขิด กระเป๋าสะพาย กระเช้า ในรูปแบบตา่ ง ๆ 6. รางวัลหรือเกียรติคุณทไี่ ดร้ บั ได้รับใบรองมาตรฐานผลิตภัณฑช์ ุมชนจากสานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดหนองบวั ลาภู ในปพี .ศ. 2547 ปจั จบุ ันมเี งนิ ทุนหมุนเวียน 150,000 บาท

ตำบลศรบี ุญเรอื ง แหลง่ เรียนรู้/ศูนย์เรียนรูท้ ่ปี ระสบควำมสำเรจ็ ช่ือภมู ปิ ญั ญำ ทอผำ้ พนื้ เมืองลำยน้ำไหล สำขำคลังปัญญำ ดำ้ นหัตถกรรม สำขำภูมิปญั ญำท้องถ่นิ สำขำหตั ถกรรมท้องถิ่น ชอ่ื นำงมณวี รรณ บญุ หลำ้ บำ้ นโคกสงู หมู่ 6 ตำบลศรบี ญุ เรอื ง อำเภอศรีบญุ เรอื ง จังหวดั หนองบวั ลำภู

6 ภำพกจิ กรรมในแหลง่ เรียนรู้

7 ควำมเป็นมำของบคุ คลคลังปัญญำ ผำ้ ทอพ้นื เมอื งลำยน้ำไหลที่เปน็ เอกลกั ษณ์ของชำวบำ้ นโคกสงู หมู่ 6 ตำบลศรีบุญเรอื ง อำเภอศรีบุญ เรือง จังหวดั หนองบัวลำภู ทไี่ ด้วำดลวดลำยของผ้ำซ่นิ ของผหู้ ญิงในรูปเปน็ ลำยผ้ำซน่ิ ท้ังหมดดว้ ยผ้ำทอลำยน้ำ ไหลท่ีดดั แปลงมำจำกผำ้ ลำยชำวลอ้ื สมยั แรกๆ นยิ มใช้ไหมเงิน และไหมคำดำ้ นลำยผำ้ ตรงสว่ นท่ีเป็นหยกั ของ กระแสนำ้ จำกนั้นใช้ลำยมุกรูปสัตว์แทรกเพอื่ แสดงว่ำผูค้ ิดลำยนำ้ ไหล ไมไ่ ดล้ อกแบบของชำวลอ้ื มำท้ังหมด ผ้ำ ทอลำยนำ้ ไหล สำเหตุท่ีเรยี กผ้ำทอลำยน้ำไหล เพรำะลวดลำยทีอ่ ออกมำมีลักษณะเหมือนลำยนำ้ ไหล จึงเรยี กว่ำผำ้ ลำย นำ้ ไหล แตป่ จั จบุ ันไดค้ ดิ พลกิ แพลงลวดลำยต่ำงๆ เพิ่มขน้ึ มำอกี มำกมำย และได้ขยำยพนื้ ทีก่ ำรทอผำ้ เพมิ่ ข้ึน เปน็ จำนวนมำก แต่ยังคงเรยี กชื่อเดมิ วำ่ ผ้ำลำยนำ้ ไหล ผำ้ ทอลำยนำ้ ไหลจังหวัดหนองบัวลำภู ปัจจบุ ันมกี ำรทอ ลวดลำยตำ่ งๆ มำกมำย เช่น ลำยน้ำไหล มลี ักษณะเปน็ คลืน่ เหมอื นขั้นบันไดมองดเู หมอื นสำยนำ้ กำลงั ไหลเปน็ ทำงยำว นบั ว่ำเป็นลำยต้นแบบ และดง้ั เดิม จงึ เรยี กลำยน้ำไหล นอกจำกน้ี ลำยจรวด เปน็ กำรเพิ่มหยกั ใน ลำยน้ำไหลเป็นลำยท่มี ีลกั ษณะคล้ำยจรวดกำลงั พุ่ง หรือตอปโิ ด ลำยดอกไมห้ รอื ลำยแมงมุม เมือ่ นำผ้ำลำยนำ้ ไหลมำตอ่ กันมจี ุดชอ่ งว่ำงตรงกลำงเตมิ เส้นลำยขำเล็กๆ แยกออกรอบตัว มองดคู ลำ้ ยดอกไมห้ รอื แมงมมุ เรยี กว่ำลำยดอกไมห้ รือ ลำยแมงมุม ลำยปลำหมกึ มีลกั ษณะลวดลำยคลำ้ ยแมงมุม แตท่ ง้ิ หำงยำวกว่ำลำยแมง มมุ ลำยเลบ็ มือนำง คือ กำรนำลำยนำ้ ไหลมำหกั มุมใหท้ ู่ และทอสอดสีด้ำยให้เล่ียมเปน็ ชั้นๆ ลำยธำตุ เป็น ลวดลำยที่ประยกุ ต์ขึ้นมำตำมลกั ษณะคล้ำยเจดยี ์เป็นช้ันๆ ยอดเจดียป์ ลำยแหลม ลำยกำบ ลักษณะใชเ้ ส้นฝ้ำย หลำยสีทอซอ้ นกันหลำยชั้นเปน็ กำบ ลำยใบมีด มีลกั ษณะกำรสอดสีด้ำยหลำยๆ สีในผนื ผ้ำดูลักษณะเหมอื น ใบมีดโกนบำงๆ สลับสหี ลำยสใี นผืนผ้ำ สำหรบั ลำยลำยน้ำไหลเป็นลำยท่ีมคี วำมนิยม และมียอดจำหน่ำยมำก ท่ีสุด และนอกจำกน้ี ยังมีลำยแมงมุมสลับกับลำยนำ้ ไหลเพ่อื เพิ่มควำมสวยงำม จดุ เด่นของภูมปิ ัญญำทอ้ งถิ่น นำงมณีวรรณ บญุ หลำ้ บ้ำนโคกสงู หมู่ 6 ตำบลศรบี ญุ เรอื ง อำเภอศรีบญุ เรอื ง จังหวดั หนองบวั ลำภู ได้รบั กำรคัดเลือกให้เปน็ บุคคลต้นแบบในกำรทำหัตถรรม กำรทอผำ้ พืน้ เมืองลำยน้ำไหล และเปน็ ชมุ ชน ต้นแบบเร่ืองหัตถกรรมกำรทอผำ้ พื้นเมืองลำยน้ำไหล กิจกรรมกำรเรียนรขู้ องแหลง่ /ศูนยเ์ รียนรู้ (กล่ำวโดยสรปุ ) เปน็ แหลง่ เรยี นรู้ในกำรทำหัตถกรรม กำรทอผ้ำพืน้ เมืองลำยนำ้ ไหล เป็นตน้ แบบหมู่บ้ำนเศรษฐกจิ พอเพยี ง

8 ตำบลเมอื งใหม่ แหลง่ เรยี นรู้/ภมู ิปญั ญำท้องถนิ่ จังหวัดหนองบวั ลำภู ด้ำน...ศนู ยเ์ รียนรเู้ กษตรวิถี อินดีช้ มพทู อง สำขำ...เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฏีใหม่ แหล่งเรียนรู้ เกษตร อนิ ด้ี วิถชี มพูทอง

9

10 ประวัตปิ ระวัตแิ ละผลงำนครูภูมิปญั ญำทอ้ งถิ่นจงั หวดั หนองบวั ลำภู ดำ้ น...ศนู ย์เรียนรู้เกษตรวถิ ี อนิ ด้ชี มพูทอง สำขำ...เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฏใี หม่ 1. ประวตั แิ ละผลงำน ไรส่ วนผสม...ไร่ผกั และไม้ดอกปลอดสำรพษิ ผลงำนที่โดดเด่นของชมชนบ้ำนชมพูทอง หมู่ท่ี 5 ตำบลเมอื งใหม่ อำเภอศรีบญุ เรอื ง มคี วำมโดดเด่นเพรำะเป็นแหง่ แรกของจงั หวดั หนองบัวลำภู ที่เป็น เกษตรกรปลูกผักและไม้ดอกไมป้ ระดับรำยใหญ่ของอำเภอศรีบุญเรือง ทร่ี ่วมมือกับสำนกั งำนเกษตร มีกำร พฒั นำเพือ่ ใหเ้ หมำะสมกบั สภำพพน้ื ดนิ หรือบริบทของชุมชนและควำมต้องกำรของตลำด มีกำรสร้ำงงำน สร้ำงอำชีพท่ีมนั่ คงให้กับชุมชน และสร้ำงช่ือเสยี งใหก้ ับกลุ่มปลกู พืชเศรษฐกจิ ที่มีกำรร่วมมอื กันในหมู่บำ้ น ชมพูทอง ตำบลเมืองใหม่ ของอำเภอศรีบุญเรือง 2. องค์ควำมรู้และควำมเชย่ี วชำญ ตลอดเวลำ 5 ปี ท่ผี ่ำนมำ แหลง่ เรียนรู้ด้ำนเกษตรพอเพียงแหง่ นี้ มคี วำมเป็นเอกลักษณ์ของ ตนเองดำ้ นกำรปลกู พืชเศรษฐกิจทุกประเภทเป็นอย่ำงดี มีกำรพัฒนำสำยพันธ์ของพชื และพันธไ์ มท้ เี่ พำะปลูก ในแหล่งเรยี นรแู้ ห่งนี้ตลอดเวลำและเผยแพร่แลกเปล่ยี นเรียนรดู้ ำ้ นกำรปลกู ผกั และไม้ดอกไมป้ ระดบั และปลูก พชื เศรษฐกิจกบั ทุกกลุ่ม ทุกชุมชนเพือ่ นำเอำควำมรทู้ ีไ่ ด้มำปรบั เปล่ยี นหรือพัฒนำใหม้ ีควำมเหมำะสมกับ บรบิ ทและควำมนิยมต่ำงๆตลอดเวลำ 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรูแ้ ละควำมเช่ยี วชำญ ท่ีผ่ำนมำ แหล่งเรยี นร้แู ห่งนี้มีเกษตรกรที่ มคี วำมรู้ควำมชำนำญดำ้ นกำรปลกู พืชเศรษฐกิจที่ สรำ้ งรำยไดแ้ กค่ รอบครัวและชุมชนบำ้ นชมพูทองเป็นอยำ่ งดี และมีกำรพัฒนำสำยพนั ธ์ุตลอดเวลำและเผยแพร่ แลกเปลย่ี นเรียนร้ดู ำ้ นกำรพฒั นำสำยพนั ธขุ์ องพืชตำ่ งๆกบั ทุกกลุ่ม ทกุ ชมุ ชนเพ่อื นำเอำควำมร้ทู ไ่ี ด้มำ ปรับเปลย่ี นหรอื พฒั นำใหม้ คี วำมเหมำะสมกบั บริบทและควำมนิยมต่ำงๆตลอดเวลำ 4. ลกั ษณะของเครอื ข่ำยและกำรสรำ้ งเครือขำ่ ย มกี ำรแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับทกุ องคก์ ร ทกุ ชุมชน เพอื่ สร้ำงควำมเชอื่ ถือกบั เครือข่ำยหรือลูกค้ำ เปิดโอกำสให้ทกุ ภำคเี ครือข่ำยแลกเปลย่ี นควำมรเู้ พอื่ พัฒนำสำยพันธ์ุใหท้ นั สมัยและเหมำะสมกบั ควำมตอ้ งกำร ของลูกคำ้ เชน่ พฒั นำกำรปลกู พืชอนื่ ลงในชอ่ งวำ่ งระหวำ่ งแถว ในรปู แบบของไรส่ วนผสม และมกี ำรเลีย้ งสัตว์ เศรษฐกจิ เช่นเลยี้ ง ววั ไก่ เป็ด และ หมู ที่มีกำรประกันคณุ ภำพและรำคำ และมกี ำรพฒั นำเปน็ แหลง่ เรยี นรู้ สำหรับผู้สนใจในกำรศึกษำดูงำนดว้ ย

11 5. ผลงำนทเ่ี ป็นประโยชน์ตอ่ ชมุ ชนและสังคม สรำ้ งรำยได้ ลดรำยจำ่ ยและใช้เวลำวำ่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์ เปิดโอกำสให้คนในชมุ ชนมำรวมกลมุ่ กนั เพื่อสรำ้ งจุดแข็งใหก้ ับกับชมุ ชน มีเอกลกั ษณ์ที่โดดเด่นทำใหเ้ ป็นทีส่ นใจกับชุมชนอ่นื ๆเพ่ือนำเป็นแบบอย่ำง เป็นท่สี นใจและพดู ถงึ ในดำ้ นกำรปลกู พืชเศรษฐกิจแบบไรส่ วนผสม ทีเ่ หมำะสมกบั ควำมตอ้ งกำรของตลำดใน ปัจจบุ ันและอนำคต 6. รำงวัลหรือเกียรติคุณทไี่ ด้รับ - รำงวัลดีเด่นด้ำนหมู่บ้ำนเศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎีใหม่พืชเศรษฐกิจใหม่ ระดบั ดีเด่น ของจังหวัดหนองบวั ลำภู - รำงวัลดเี ดน่ ปรำชญช์ ำวบ้ำนด้ำนหมอดนิ และปุ๋ยอินทรยี ์สำหรบั วิทยำกรประจำแหล่งเรยี นรู้ เกษตรอนิ ดี้ วิถีชมพทู อง ของอำเภอศรบี ญุ เรอื ง

11 ตำบลโนนม่วง ประวัตแิ ละผลงำนครูภมู ิปัญญำท้องถิ่นจงั หวัดหนองบัวลำภู ด้ำนอตุ สำหกรรมและหัตถกรรม สำขำคลังปัญญำ นำงลำดวน ตรศี ำสตร์

* หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รูปข้ึนไป 13 รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ

14 นำงลำดวน ตรีศำสตร์ ประวตั ิและผลงำนครูภมู ปิ ัญญำทอ้ งถน่ิ จงั หวัดหนองบัวลำภู ดำ้ นคลังปญั ญำ สำขำคลังปัญญำอตุ สำหกรรมและหตั ถกรรม 1. ประวตั แิ ละผลงำน ท่ีอยู่นำงลำดวน ตรีศำสตร์ อำยุ 49 ปี ที่อยู่ 71 หมทู่ ่ี 9 บ้ำนโนนสงวนพัฒนำ ตำบลโนนม่วง อำเภอ ศรีบญุ เรอื ง จังหวดั หนองบวั ลำภู facebook ลำดวน ตรีศำสตร์ โทรศัพท์ 0934275629 “ยำมวำ่ งจำกนำ ผู้หญงิ ทอผ้ำ ผู้ชำยจักสำน” ในอดีตท่ผี ่ำนมำ กำรทอผำ้ ถอื เปน็ หน้ำที่สำคัญของ ผหู้ ญงิ ชำวอสี ำน เพรำะจะตอ้ งทอผำ้ เพ่อื ใชเ้ ปน็ เครือ่ งนงุ่ ห่มในชวี ิตประจำวัน ผู้หญิงอีสำนต้องเรียนรู้และ ฝึกหัดกำรทอผ้ำมำตั้งแต่เด็ก จนกลำยเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต กำรทอผ้ำเพื่อใช้ในครอบครัวจึงเป็นสิ่ง สำคญั ทผ่ี ้หู ญงิ อสี ำนจะตอ้ งเรยี นรแู้ ละฝึกหัด โดยเรมิ่ จำกผู้เป็นแม่ได้ถ่ำยทอดควำมรู้และเทคนิควิธีกำรทอ ผ้ำให้ลูกหลำน สืบทอดกันมำ ผ้ำที่ทอได้ นิยมสวมใส่ไปทำบุญที่วัด หรือในงำนพิธีและงำนมงคลต่ำงๆ รวมทั้งเกบ็ ไวเ้ ป็นมรดกใหล้ ูกหลำน โดยนำงลำดวน ตรศี ำสตร์ ได้เร่ิมเรียนรู้กำรทอผ้ำจำกผู้เป็นญำติคือคุณยำย โดยได้เร่ิมฝึกกำรทอผ้ำ ตัง้ แตอ่ ำยุ 13 ปี เป็นส่ิงทช่ี อบทำ จนได้เรียนรู้ขั้นตอนกำรทำด้วยตนเองและคิดค้นเพื่อให้เกิดลวดลำยใหม่ข้ึน เพื่อใหเ้ กิดควำมสวยงำมและเปน็ ของที่ระลึก เพอื่ เพิม่ มลู ค่ำผลิตภณั ฑ์ 2. องค์ควำมรู้และควำมเชยี่ วชำญ กำรถ่ำยทอดควำมรู้ เนน้ กำรถ่ำยทอดควำมรู้โดยตรงจำกผถู้ ่ำยทอดส่ผู ้รู บั กำรถ่ำยทอด ในอดตี จะ ถำ่ ยทอดใหก้ ับบุคคลในครอบครัว แต่ในปัจจุบันจะถ่ำยทอดควำมรู้ให้กับสมำชิกกลุ่มทอผ้ำหรือบุคคลทั่วไปที่ สนใจโดยจะมีกำรผสมผสำนกันท้ังวิธีกำรสำธิตและกำรให้ลงมือปฏิบัติจริง เป็นวิธีท่ีดีที่สุดที่จะทำให้ผู้เรียน สำมำรถทอผ้ำได้ ผู้เรียนจะต้องสังเกตจนเกิดควำมเข้ำใจและจดจำข้ันตอนต่ำงๆ ของกำรทอผ้ำ ผู้สอนจะ อธิบำยข้ันตอนและเทคนิควิธีกำรทอผ้ำในระหว่ำงกำรสำธิต จำกน้ันจึงให้ผู้เรียนหรือผู้รับกำรถ่ำยทอดฝึก ปฏบิ ัตกิ ำรทอผำ้ ทกุ ข้นั ตอนวิธีกำรถ่ำยทอดควำมรู้กำรกำรทอผ้ำที่ได้ผลดีท่ีสุด ส่วนใหญ่จะสอนแบบตัวต่อตัว หรอื สอนเปน็ รำยคน ซ่ึงเป็นวธิ สี อนแบบดั้งเดมิ 3. กำรถ่ำยทอดควำมรูแ้ ละควำมเชี่ยวชำญ กำรนำควำมรู้ไปใช้ สมำชิกกลุ่มทอผ้ำหมัดหมี่ มีกำรทอผ้ำเป็นอำชีพเสริม ควำมรู้ท่ีนำไป ประยกุ ต์ใช้ มำจำกกำรกำหนดควำมรู้และกำรแสวงหำควำมรู้จำกแหล่งต่ำง ๆ ได้แก่ ควำมรู้ภูมิปัญญำท่ีได้รับ กำรถ่ำยทอดจำกบรรพบรุ ุษ ควำมรจู้ ำกประสบกำรณ์ทีช่ ำ่ งทอผำ้ ได้ลงมือปฏิบัติมำอย่ำงยำวนำนจนเกิดทักษะ ควำมรู้ทีไดร้ บั จำกแหล่งควำมรู้ตำ่ งๆ และเทคนคิ ใหมๆ่ ควำมรู้ท่ีได้รับจำกกำรศึกษำดูงำนและกำรแลกเปลี่ยน เรยี นรู้ รวมทงั้ ควำมรู้ทส่ี มำชิกกลุ่มทอผ้ำได้ประยุกต์จำกควำมรู้เดิมผสมผสำนกับควำมรู้ใหม่ให้เกิดลำยใหม่ๆ และกำรประดิษฐ์ตวั อกั ษรลงบนในกำรมดั หมี่

15 4. ลกั ษณะของเครือข่ำยและกำรสรำ้ งเครือข่ำย กำรถำ่ ยทอดกระบวนกำรทอผ้ำท้งั สองวิธีดังกลำ่ วเป็นกำรถ่ำยทอดโดยตรง และใชว้ ิธีเดียวกันใน กำรถ่ำยทอดให้ผ้เู รียนเทคนิคสำคัญของวิธีกำรถ่ำยทอดควำมรู้กำรทอผ้ำ ที่ได้ผลดีที่สุดส่วนใหญ่จะสอนแบบ ตวั ตอ่ ตัวหรอื สอนเป็นรำยคน ซง่ึ เปน็ วธิ สี อนแบบดั้งเดิม 5. ผลงำนท่เี ป็นประโยชนต์ อ่ ชุมชนและสงั คม กจิ กรรมจดุ เรยี นรูประจำตำบล / กลุ่มสมั มำชีพทอผำ้ มัดหม่ีบ้ำนโนนสงวนพฒั นำ 6. รำงวลั หรือเกยี รติคุณท่ไี ด้รบั เป็นวทิ ยำกรด้ำนกำรทอผ้ำมัดหม่ี /ผู้ผลติ และส่งเสรมิ ผลิตภัณฑ์ของชุมชนอำเภอศรบี ญุ เรอื ง ไดร้ ับรำงวัลชนะเลศิ กำรประกวดผ้ำไหมลำยสรำ้ งสรรค์ในงำน “สกั กำระสมเด็จพระนเรศวรมหำรำช-กำชำด หนองบวั ลำภู” ประจำปี 2547

16 ตำบลโนนสะอำด ประวัตแิ ละผลงำนครูภูมปิ ญั ญำทอ้ งถ่ินจังหวัดหนองบวั ลำภู ด้ำนกำรจกั สำนไมไ้ ผ่ สำขำศลิ ปะหัตถกรรม นำยคำ ภไู วย

17 รูปภาพ

18 นายคา ภูไวย ประวัตแิ ละผลงานครภู มู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ต.โนนสะอาด อ.ศรีบญุ เรอื ง จงั หวัดหนองบัวลาภู ด้านการจักสานไม้ไผ่ สาขาศลิ ปะหัตถกรรม 1. ประวตั ิและผลงำน นำยคำ ภูไวย อย่บู ำ้ นเลขที่ 15 ม.9 บำ้ นนำอดุ ม ตำบลโนนสะอำด อำเภอศรีบุญเรือง จงั หวัดหนองบวั ลำภู อำยุ 74 ปี เร่มิ ทำงำนด้ำนจักสำนตง้ั แต่วยั หนุม่ จนถึงปัจจบุ นั ได้มีหน่วยงำนภำครฐั เข้ำมำสนบั สนุนเปดิ กลมุ่ อำชพี กำรจกั สำน สรำ้ งอำชพี กับคนในชุมชน และทำยังทำอยู่ มคี นในชมุ ชนมำรับซ้ือสินค้ำถึงทีบ่ ำ้ น และนำไปขำยท่ีตลำดบ้ำง 2. องค์ควำมรู้และควำมเชย่ี วชำญ กำรจกั สำนไมไ้ ผ่ กำรทำมวยหงุ ข้ำว กระติบขำ้ วเหนยี ว 3. กำรถ่ำยทอดควำมรแู้ ละควำมเชี่ยวชำญ ถำ่ ยทอดควำมรูใ้ ห้กับชำวบำ้ นในชมุ ชน ในกำรจกั สำนไม้ไผ่ เร่มิ ตั้งแต่กำรคดั เลอื กไม้ไผ่ เลือก แบบไม้ไผอ่ อ่ น หรือไมไ้ ผแ่ ก่ ต้องมอี ำยเุ ท่ำไหร่ กำรเลอื กไม้ไผ่ ควรเลือกไมไ้ ผ่ ทมี่ ปี ลอ้ งยำวอำยุประมำณ 10 เดอื น ถงึ 1 ปี ไดไ้ ม้ไผม่ ำแลว้ นำมำจักตอกไม้ไผ่ให้เป็นเสน้ กำรจักตอก ต้องมขี นำดควำมกว้ำง ควำมยำวใหเ้ ท่ำ ๆ กนั ทกุ เสน้ เพือ่ จะไดก้ ระติบรูปทรงสวยงำม 4. ลักษณะของเครอื ขำ่ ยและกำรสร้ำงเครอื ขำ่ ย เครือขำ่ ยเทศบำลตำบลโนนสะอำด , กศน. , พฒั นำชมุ ชน เคยไดร้ ับกำรสนบั สนนุ จำก กศน. อำเภอศรีบญุ เรือง เข้ำมำเปดิ กลุ่มสรำ้ งอำชพี ให้คนในชมุ ชน มีรำยได้เสริม 5. ผลงำนทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อชมุ ชนและสังคม กำรให้ควำมรดู้ ำ้ นกำรจักสำนไมไ้ ผก่ ับคนในชุมชน และสรำ้ งรำยไดใ้ หก้ ับคนในชมุ ชนทำใหค้ นใน ชมุ ชนมอี ำชพี เสริม จำกกำรทำไรทำนำ คุณค่ำของภมู ิปญั ญำไทย ได้แก่ ประโยชน์ และควำมสำคัญของภมู ิ ปญั ญำ ที่บรรพบรุ ษุ ไทย ไดส้ รำ้ งสรรค์ และสบื ทอดมำอย่ำงต่อเนือ่ ง จำกอดีตสู่ปจั จุบนั ทำใหค้ นในชำตเิ กิด ควำมรกั และควำมภำคภมู ิใจ ท่ีจะร่วมแรงร่วมใจสบื สำนตอ่ ไปในอนำคต เชน่ โบรำณสถำน โบรำณวัตถุ สถำปัตยกรรม ประเพณีไทย กำรมนี ำ้ ใจ 6. รำงวลั หรือเกียรติคุณท่ไี ด้รบั -

19 ตำบลกดุ สะเทียน ประวตั แิ ละผลงำนครภู ูมปิ ญั ญำท้องถิ่นจงั หวัดหนองบัวลำภู ดำ้ นบุคคล ตำบลกดุ สะเทยี น สำขำกำรทำผ้ำหม่ , กำรทำแจว่ บอง นำงพทุ ธำ มีบำ้ นต้น

20 * หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รปู ข้นึ ไป

21 นำงพทุ ธำ มบี ำ้ นต้น ประวตั ปิ ระวัติและผลงำนครูภูมปิ ัญญำทอ้ งถ่ินจังหวัดหนองบวั ลำภู ดำ้ นบุคคล สำขำกำรทำผำ้ หม่ ,กำรทำแจว๋ บอง 1. ประวัตแิ ละผลงำน เป็นปรำชญช์ ำวบำ้ นคลองเจริญ หมูท่ ี่ 8 ตำบลกดุ สะเทียนมีกำรคิดคน้ ในกำรทำผ้ำหม่ สำลีท่จี ะมี รำยไดเ้ กิดข้นึ ตอ่ ตนเองและครอบครวั จงึ เริม่ ตน้ จำกกำรทำผำ้ ห่มสำลีเพียงในครวั เรือนและมกี ำรสง่ ขำยตำม ทอ้ งถน่ิ และตำมตลำดทำใหเ้ กิดกำรรู้จกั มำกขน้ึ ตอ่ มำหนว่ ยงำนพฒั นำชมุ ชนเขำ้ มำในพื้นท่ตี ำบลกดุ สะเทยี น และมีกำรสนับสนุนให้เกิดรำยได้จงึ ได้ร่วมกลุ่มในกำรทำผ้ำห่อสำลีจนมีช่ือเสยี งและได้ผลิตภัณฑ์ในระดับ 3 ดำวมกี ำรขำยผ่ำนสอ่ื ตำ่ งๆ กำรออกบูทที่เมอื งทอง โดยมีกำรสนบั สนนุ จำกพัฒนำชุมชนและมสี มำชิกมำกข้ึน ปัจจบุ ันก็มีกำรทำหลำยอยำ่ ง 2. องค์ควำมรูแ้ ละควำมเชี่ยวชำญ เปน็ เรอื่ งทง่ี ำ่ ยมำกเพรำะปรำชญม์ คี วำมเชีย่ วชำญทำงด้ำนกำรทำผ้ำหม่ สำลีท่ซี ึ่งในฤดกู ำลท่ี อำกำศหนำว ควำมต้องกำรผำ้ หม่ มจี ำนวนมำกและรำคำค่อนขำ้ งสงู จึงมผี ู้คิดคน้ ประดษิ ฐ์ผ้ำหม่ จำกเศษผำ้ โดยเฉพำะเศษผ้ำท่มี ีควำมอ่อนนมุ่ ให้ควำมอบอุน่ และแข็งแรงทนทำน เศษผ้ำสำลีเปน็ เศษผำ้ ท่ีได้จำกโรงงำน เย็บเสอ้ื ผ่ำสง่ ออกตำ่ งประเทศ มีสีสันสวยงำมและมคี ุณสมบตั ดิ งั ทไ่ี ด้กล่ำวมำแล้วนอกจำกน้ตี น้ ทนุ ในกำรผลิตก็ ไม่สูงมำกนักรำคำที่เสนอขำยไม่แพงมำกนกั เหมำะสมกบั คณุ ภำพ จึงทำใหไ้ ดร้ บั ควำมนยิ มจำกผู้ซอื้ 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรูแ้ ละควำมเชยี่ วชำญ มีควำมเชีย่ วชำญในกำรทำและสำมำรถถ่ำยทอดควำมร้ไู ด้วัสดุอปุ กรณท์ ใี่ ชใ้ นกำรจดั ทำ 1. เศษผ้ำสำลี/ผำ้ ยืดกำมะหยี่,ผำ้ ยดื ขนหนู (สำหรับผู้ไมช่ อบผ้ำมขี นหรอื อุ้มน้ำ) 2. ด้ำยเยบ็ ผ้ำ 3. จกั รเยบ็ ผ้ำ 4. ถงุ พลำสติกสำหรบั ใส่บรรจผุ ลติ ภัณฑ์ 5. กรรไกรตดั ผำ้ วิธีทำ 1. นำเศษผ้ำท่ซี อ้ื มำนนั้ วำงเรยี งและตดั ให้มขี นำดเดยี วกนั และสำมำรถเย็บต่อกันใหเ้ ปน็ แถวหรือ ส่เี หล่ียมได้ 2. นำเศษผ้ำท่ีตัดแล้วมำเย็บต่อกัน แต่ละขนำดท่ีได้หลังจำกเยบ็ แล้วกม็ ว้ นไว้ 3. นำผำ้ ทเี่ ย็บไวแ้ ล้วมำวัดตำมขนำดที่ตอ้ งกำรจำกน้นั เยบ็ ต่อกันใหเ้ ป็นแถวตดิ กันจนเป็นสี่เหล่ียม มี ขนำดกว้ำงยำวตำมเกณฑ์จำนวน 2 ผนื 4. นำผำ้ 2 ผืนน้นั มำเย็บประกบกันแล้วกลบั ตะเข็บเข้ำ เย็บปดิ ปำกผ้ำและเย็บริมขอบผ้ำใหส้ วยงำม เป็นอันเสร็จ 5. ตรวจดคู วำมเรยี บร้อยตัดเศษด้ำยเยบ็ ผำ้ กอ่ นพับใสถ่ ุง

22 4. ลักษณะของเครือขำ่ ยและกำรสรำ้ งเครือข่ำย มกี ำรเย่ยี มดูงำนจำกเครื่อขำ่ ยชุมชน องค์กำรบรหิ ำรสว่ นตำบล พัฒนำชมุ ชน มีกำรร่วมกลุ่มท่ี เข้มแขง็ มีรำยไดเ้ กดิ ขึน้ ในกล่มุ และมีกำรปันผลกำไรทเ่ี กดิ จำกกำรจำหนำ่ ยผ้ำหม่ สำลีและสำมำรถนำควำมร้ทู ่ี ได้จำกกำรเยย่ี มหรอื ศกึ ษำดูงำนนำไปพัฒนำต่อยอดได้ 5. ผลงำนทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ ชุมชนและสังคม มีควำมเช่ียวชำญในกำรทำและสำมำรถถำ่ ยทอดควำมรไู้ ด้ดีคอื สำมำรถบรรยำยและสำธติ วธิ กี ำร ทำผำ้ ห่มสำลีให้ผ้สู นใจไดท้ ำและเรยี นรู้ เพม่ิ รำยไดแ้ ก่สมำชกิ กลมุ่ ในพ้นื ท่ีตำบลได้ 6. รำงวลั หรือเกียรติคณุ ทไ่ี ด้รับ กลุ่มวิสำหกิจชุมชนและไดผ้ ลติ ภัณฑ์ ระดบั 3 ดำว

23 ตำบลนำกอก ประวัตแิ ละผลงานครภู ูมิปัญญาทอ้ งถน่ิ จงั หวัดหนองบวั ลาภู ดา้ น.....เศรษฐกิจพอเพียง สาขา...เกษตรผสมผสาน . นางเพ็ญศรี กัลยาวงษ์

24 * หมายเหตุ ใสร่ ปู ภาพ 2 – 5 รปู ข้นึ ไป

25 นายสมยศ หมูห่ มืน่ ศรี ประวตั ิประวัติและผลงานครภู มู ปิ ัญญาท้องถน่ิ จังหวดั หนองบวั ลาภู ด้านเศรษฐกิจพอเพยี ง สาขาดา้ นการเกษตรผสมผสาน 1. ประวัติและผลงาน เป็นปราฃญ์ชาวบา้ นโคกล่าม เปน็ หมอดนิ กอ่ นที่ผมจะกลบั มาชว่ ยครอบครัวของผมอยา่ งเตม็ ตวั ผม เปลี่ยนวถิ ีการทาเกษตรหลังจากเรียนรู้เกษตรทฤษฎใี หม่ว่าด้วยเร่อื งการแบ่งพื้นที่เป็น 4 ส่วน มนี ้า มีนา มี พ้นื ท่ีปลูกผกั และทอ่ี ยูอ่ าศยั ส่ิงที่ฉนั ทาไมใ่ ชก่ ารหยิบยกวิธกี ารทง้ั หมดมาทาอยา่ งไมป่ ระมาณตน แตท่ า่ นดู บรบิ ทที่สาคญั และทาไดจ้ รงิ กอ่ น ซึ่งผมพบว่าน้ามคี วามสาคัญในการทาเกษตร ถ้ามถี นน มีไฟฟา้ และอ่ืนๆ แต่ ไมม่ นี ้า ยงั ไงกท็ าเกษตรไมไ่ ด้ จงึ ขุดสระนา้ ข้ึนมา ซึ่งก็ต้องใชเ้ งนิ แต่ไมม่ ใี ครยอมใหก้ ู้ พอดผี มรจู้ ักกับคนขุดดิน ขายก็เลยยกดนิ 1 ไร่ให้เขาแลกกับหนองนา้ ไว้ทาเกษตร พอมีน้าก็ปลูกกลว้ ย มะละกอ มกี นิ แลว้ ยังมรี ายไดเ้ ขา้ มา 2. องค์ความรูแ้ ละความเชีย่ วชาญ เป็นเรอ่ื งง่ายมากทใ่ี ครจะเรมิ่ ทาเกษตรแบบมกั ง่าย และเลย้ี งสตั ว์ท่ใี ช้บริโภคแบบตามมีตามเกดิ แล้ว น่งั หวังกบั ฟา้ กบั ฝนว่าจะไดผ้ ลผลิตท่ีดี “กม็ คี นมาเสนอขายปุย๋ ถึงที่นี่เหมอื นกันนะ ยาฆา่ แมลงก็เยอะ เวลาพดู เรอื่ งเกษตรอินทรยี ์ทกุ คนจะนึกถึงการ ปลูกพืชผลไมโ้ ดยไมใ่ ชส้ ารเคมี ยาฆา่ แมลง มีขอ้ จากัดมากมายเต็มไปหมด เกษตรกรจงึ ไมค่ ่อยอยากทา แต่ใน ความเขา้ ใจของเรา เกษตรอินทรียค์ ือการปลกู ไว้กนิ ไวแ้ บง่ ปนั คนอน่ื เมอ่ื นิยามคนละแบบวิธีการกค็ นละแบบ เลย เราจะคิดถึงความปลอดภยั และการปลอดสารกบั ทกุ เร่อื ง ซง่ึ หากเอาตวั เลขผลกาไรจากผลิตภัณฑเ์ กษตร อนิ ทรีย์มาเปน็ แรงจงู ใจให้ทาเกษตรอินทรยี ์ เม่ือไมเ่ ปน็ ตามที่คาดหวังเกษตรกรก็ร้สู กึ ล้มเหลว 3. การถ่ายทอดความรู้และความเชย่ี วชาญ ที่มาของชดุ ความคิดน้มี าจากการปฏิบัติจรงิ ในบา้ นของเขา ซ่ึงตอนแรกอาจจะเรม่ิ จากไมม่ ีเงิน แต่ แทนทจี่ ะหาแตร่ ายได้เขาต้องรู้จกั การลดรายจา่ ย มวี ธิ กี ารและองคค์ วามรู้มากมายเพยี งเลือกใช้ใหเ้ หมาะสมกบั ภูมศิ าสตร์และสังคมของตวั เอง ขอยกตัวอย่างในพื้นทแี่ ปลงผกั ท่ีบุญล้อมเล่าวา่ เขาไมม่ ีเงนิ ซอื้ ผา้ มาคลมุ จึงเลอื กปลูกกลว้ ยใหใ้ บโตพรางแสง เขาบอกว่า ปลูกกลว้ ยไดท้ งั้ เครือ ได้ท้ังหน่อ กา้ นกลว้ ยกใ็ ชเ้ ปน็ ที่ค้าผักใหเ้ ครอื ของบวบ ถั่ว และตาลงึ พันก้าน ขน้ึ ไป ปกตเิ กษตรกรนยิ มใชต้ าข่ายหรือไม้ลอ้ มซ่งึ ใช้ไดห้ นเดยี วก็ต้องท้ิง แต่กา้ นกล้วยที่หมดอายุขัย เมอ่ื วางลง ไปในดิน ราดด้วยน้าหมกั เขม้ ขน้ กลบด้วยดิน ทิง้ ไว้ 2 สัปดาห์แล้วสับให้กลายเป็นปยุ๋ ก้านเหล่าน้ันจะยอ่ ย สลาย ดินกไ็ ด้ธาตอุ าหารเพ่ิมขน้ึ ไม่ตอ้ งยา้ ยท่ีปลกู เพราะเรารู้จกั ปรงุ ดนิ ใหด้ ี

26 4. ลกั ษณะของเครอื ข่ายและการสร้างเครอื ข่าย การใหผ้ ลผลิตทกุ ๆอย่างในบา้ นของเรากบั ทกุ ๆหน่วยงานท่ีมาเยี่ยมชอบและแลกเปล่ียนองค์ความรู้ 5. ผลงานทีเ่ ป็นประโยชนต์ ่อชุมชนและสงั คม น้นั ก็คือการไปบรรยายร่วมเปน็ วิทยากรให้กบั ชมุ ชนในตาบลนากอกและหนว่ ยงานทีไ่ ดร้ ับเชิญให้ ความรู้ 6. รางวัลหรอื เกยี รติคุณทไี่ ด้รบั เกษตรกรดีเด่นด้านการปลกู พชื แบบผสมผสานตาบลนากอก

27 ตำบลยำงหล่อ ประวัติและผลงำนครภู ูมปิ ญั ญำทอ้ งถิ่นจงั หวัดหนองบวั ลำภู ด้ำน จดั กำรบริหำรส่ิงแวดล้อมในชุมชน สำขำ จดั กำรบรหิ ำรสงิ่ แวดล้อม นำยกิรศักดิ์ ฝอยทอง อำยุ 55 ปี หมทู่ ่ี 14 ตำบลยำงหล่อ อำเภอศรบี ุญเรือง จงั หวัดหนองบวั ลำภู 39180 เบอรโ์ ทรศพั ท์ 089-9434522

28 ภำพ แหลง่ เรยี นรู้

29 นำยกิรศัดดิ์ ฝอยทอง ประวตั ิประวตั แิ ละผลงำนครภู มู ปิ ญั ญำท้องถิน่ จังหวัดหนองบวั ลำภู ดำ้ นจัดกำรบริหำรสงิ่ แวดล้อม 1. ประวตั ิและผลงำน นำยกริ ศกั ดิ์ ฝอยทอง ปจั จปุ นั เปน็ ผู้บ้ำนบำ้ นนำหว้ำ หมู่ที่ 14 ต.ยำงหล่อ อำเภอศรีบญุ เรือง จังหวัด หนองบัวลำภู และยงั เปน็ วิทยำกรผู้นำสมั มำชีพ ทำเกษตรผสมผสำน กำรเล้ียงสตั ว์ 2. องคค์ วำมรแู้ ละควำมเชีย่ วชำญ - การทาน้าหมัก - การเลีย้ งเป็ดไก่ - การปลูกพืช ผกั 3. กำรถ่ำยทอดควำมรแู้ ละควำมเช่ยี วชำญ เป็นวทิ ยำกรให้ควำมร้เู ร่ืองจัดกำรบริหำรสิ่งแวดล้อม ในชุมชน พรอ้ มท้งั ยงั ศึกษำปัญหำและ ขอบเขต และวิเครำะหข์ ้ันตอนของกำรดำเนนิ กำร เพอ่ื วำงแผนถำ่ ยทอดองค์ควำมรู้ให้แก่ชมุ ชนในพทน้ ท่ี ตำบลยำงหล่อ 4. ลักษณะของเครือข่ำยและกำรสรำ้ งเครอื ข่ำย เทศบำลตำบลยำงหล่อ กศน.ตำบลยำงหล่อ กำนนั , ผู้ใหญ่บำ้ น 5. ผลงำนทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ ่อชมุ ชนและสงั คม เป็นกำรอนุรกั ษแ์ ละรกั ษำทรัพยำกรธรรมชำติโดยปลูกจิตสำนึกใหป้ ระชำชนในหมบู่ ำ้ นงดใช้ สำรเคมี มำใชส้ ำรชีวภำพแทนกำรใช้สำรเคมี โดยลดรำยจำ่ ยในกำรซ้อื สำรเคมี หนั มำใช้วิธีทำงธรรมชำติ เพือ่ ใหไ้ ดผ้ ลผลิต และปรบั ควำมสมดุลของดิน ชุมชนสำมำรถดำรงอย่ไู ดป้ รำศจำกสำรพิษ 6. รางวลั หรือเกยี รติคณุ ที่ได้รบั วิทยากรผนู้ าสมั มาชพี

30 ตำบลศรบี ุญเรอื ง แหล่งเรยี นรู้/ศนู ยเ์ รยี นรทู้ ่ีประสบควำมสำเร็จ ชอ่ื ภมู ปิ ญั ญำ ทอผำ้ พนื้ เมืองลำยน้ำไหล สำขำคลงั ปัญญำ ดำ้ นหตั ถกรรม สำขำภมู ปิ ญั ญำท้องถิ่น สำขำหตั ถกรรมท้องถิน่ ช่ือ นำงมณีวรรณ บุญหลำ้ บำ้ นโคกสงู หมู่ 6 ตำบลศรีบุญเรอื ง อำเภอศรบี ญุ เรอื ง จังหวดั หนองบวั ลำภู

31 ภำพกจิ กรรมในแหลง่ เรียนรู้

32 ควำมเป็นมำของบคุ คลคลังปัญญำ ผำ้ ทอพ้นื เมอื งลำยน้ำไหลที่เปน็ เอกลกั ษณ์ของชำวบำ้ นโคกสงู หมู่ 6 ตำบลศรีบุญเรอื ง อำเภอศรีบุญ เรือง จังหวดั หนองบัวลำภู ทไี่ ด้วำดลวดลำยของผ้ำซ่นิ ของผหู้ ญิงในรูปเปน็ ลำยผ้ำซน่ิ ท้ังหมดดว้ ยผ้ำทอลำยน้ำ ไหลทีด่ ดั แปลงมำจำกผำ้ ลำยชำวลอ้ื สมยั แรกๆ นยิ มใช้ไหมเงิน และไหมคำดำ้ นลำยผำ้ ตรงสว่ นท่ีเป็นหยกั ของ กระแสน้ำ จำกนั้นใช้ลำยมุกรูปสัตว์แทรกเพอื่ แสดงว่ำผูค้ ิดลำยนำ้ ไหล ไมไ่ ดล้ อกแบบของชำวลอ้ื มำท้ังหมด ผ้ำ ทอลำยน้ำไหล สำเหตุท่ีเรยี กผ้ำทอลำยน้ำไหล เพรำะลวดลำยทีอ่ ออกมำมีลักษณะเหมือนลำยนำ้ ไหล จึงเรยี กว่ำผำ้ ลำย นำ้ ไหล แตป่ จั จบุ ันไดค้ ดิ พลกิ แพลงลวดลำยต่ำงๆ เพิ่มขน้ึ มำอกี มำกมำย และได้ขยำยพนื้ ทีก่ ำรทอผำ้ เพมิ่ ข้ึน เปน็ จำนวนมำก แต่ยังคงเรยี กชื่อเดมิ วำ่ ผ้ำลำยนำ้ ไหล ผำ้ ทอลำยนำ้ ไหลจังหวัดหนองบัวลำภู ปัจจบุ ันมกี ำรทอ ลวดลำยตำ่ งๆ มำกมำย เช่น ลำยน้ำไหล มลี ักษณะเปน็ คลืน่ เหมอื นขั้นบันไดมองดเู หมอื นสำยนำ้ กำลงั ไหลเปน็ ทำงยำว นบั ว่ำเป็นลำยต้นแบบ และดง้ั เดิม จงึ เรยี กลำยน้ำไหล นอกจำกน้ี ลำยจรวด เปน็ กำรเพิ่มหยกั ใน ลำยน้ำไหลเป็นลำยท่มี ีลกั ษณะคล้ำยจรวดกำลงั พุ่ง หรือตอปโิ ด ลำยดอกไมห้ รอื ลำยแมงมุม เมือ่ นำผ้ำลำยนำ้ ไหลมำต่อกันมจี ุดชอ่ งว่ำงตรงกลำงเตมิ เส้นลำยขำเล็กๆ แยกออกรอบตัว มองดคู ลำ้ ยดอกไมห้ รอื แมงมมุ เรยี กวำ่ ลำยดอกไมห้ รือ ลำยแมงมุม ลำยปลำหมกึ มีลกั ษณะลวดลำยคลำ้ ยแมงมุม แตท่ ง้ิ หำงยำวกว่ำลำยแมง มมุ ลำยเลบ็ มือนำง คือ กำรนำลำยนำ้ ไหลมำหกั มุมใหท้ ู่ และทอสอดสีด้ำยให้เล่ียมเปน็ ชั้นๆ ลำยธำตุ เป็น ลวดลำยที่ประยกุ ต์ขึ้นมำตำมลกั ษณะคล้ำยเจดยี ์เป็นช้ันๆ ยอดเจดียป์ ลำยแหลม ลำยกำบ ลักษณะใชเ้ ส้นฝ้ำย หลำยสีทอซอ้ นกันหลำยชั้นเปน็ กำบ ลำยใบมีด มีลกั ษณะกำรสอดสีด้ำยหลำยๆ สีในผนื ผ้ำดูลักษณะเหมอื น ใบมีดโกนบำงๆ สลับสหี ลำยสใี นผืนผ้ำ สำหรบั ลำยลำยน้ำไหลเป็นลำยท่ีมคี วำมนิยม และมียอดจำหน่ำยมำก ท่ีสุด และนอกจำกน้ี ยังมีลำยแมงมุมสลับกับลำยนำ้ ไหลเพ่อื เพิ่มควำมสวยงำม จดุ เด่นของภูมปิ ัญญำทอ้ งถิ่น นำงมณีวรรณ บญุ หลำ้ บ้ำนโคกสงู หมู่ 6 ตำบลศรบี ญุ เรอื ง อำเภอศรีบญุ เรอื ง จังหวดั หนองบวั ลำภู ได้รบั กำรคัดเลือกให้เปน็ บุคคลต้นแบบในกำรทำหัตถรรม กำรทอผำ้ พืน้ เมืองลำยน้ำไหล และเปน็ ชมุ ชน ต้นแบบเร่ืองหัตถกรรมกำรทอผำ้ พื้นเมืองลำยน้ำไหล กิจกรรมกำรเรียนรขู้ องแหลง่ /ศูนยเ์ รียนรู้ (กล่ำวโดยสรปุ ) เปน็ แหลง่ เรยี นรู้ในกำรทำหัตถกรรม กำรทอผ้ำพืน้ เมืองลำยนำ้ ไหล เป็นตน้ แบบหมู่บ้ำนเศรษฐกจิ พอเพียง

33 ตำบลหนองแก ประวัตแิ ละผลงำนครูภูมปิ ญั ญำทอ้ งถ่นิ จงั หวัดหนองบวั ลำภู ดำ้ น ภมู ิปัญญำดำ้ นเกษตรผสมผสำน นำงดวงจนั ทร์ วงษ์อำด

34

35 นำงดวงจนั ทร์ วงษ์อำด ประวัติประวตั ิและผลงำนครูภมู ปิ ัญญำทอ้ งถนิ่ จงั หวัดหนองบวั ลำภู ด้ำน เกษตรผสมผสำน 1. ประวัตแิ ละผลงำน เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ได้รับรำงวัลชนะเลิศ กำรปลูกผักปลอดสำรพิษ ของบ้ำนสำรำญสุข ตำบล หนองแก อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู และเป็นแหล่งศึกษำดูงำนของผู้ท่ีสนใจในตำบลและ นักเรยี นนักศกึ ษำที่สนใจในกำรทำเกษตรผสมผสำน 2. องคค์ วำมรู้และควำมเชย่ี วชำญ จัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนโดยยึดหลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ตำมแนว พระรำชดำริ กลำ่ วคือ เศรษฐกิจพอเพียงกบั แนวทำงปฏบิ ัตขิ องเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นแนวทำงในกำรพัฒนำ ทนี่ ำไปสูค่ วำมสำมำรถในกำรพึง่ ตนเองในระดับตำ่ งๆ อยำ่ งเป็นขัน้ ตอนโดยลดควำมเส่ยี งเก่ียวกับควำมผันแปร ของธรรมชำติหรือกำรเปล่ียนแปลงจำกปัจจัยต่ำงๆ โดยยึดหลัก ควำมพอประมำณ ควำมมีเหตุผล และมี ภูมคิ มุ้ กันในตวั ทด่ี ี โดยมีสองเงือ่ นไขคือ ควำมรู้ และคุณธรรม มคี วำมเพียรและควำมอดทน สติและปัญญำ กำรช่วยเหลือซงึ่ กันและกนั และควำมสำมัคคี กศน.ตำบลหนองแก จึงจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ - เกษตรทฤษฏีใหม่ - กำรจัดทำบญั ชีครวั เรือน - กำรทำปยุ๋ หมักน้ำยำชวี ภำพ 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรู้และควำมเชี่ยวชำญ ถำ่ ยทอดควำมรโู้ ดยนำยเฉลิม วงษ์อำด เกษตรกรตวั อยำ่ งในตำบลหนองแกโดยกำรทำแผ่นพับ แนะนำกำรทำเกษตรผสมผสำน ใหก้ ับผทู้ ่เี ข้ำมำศกึ ษำดูงำน และกำรทำโดยยึดหลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ ตำมแนวพระรำชดำริ 4. ลักษณะของเครือข่ำยและกำรสร้ำงเครือข่ำย แนะนำประชำสมั พนั ธ์ใหห้ น่วยงำนหรอื บคุ คลที่สนใจกำรทำเกษตรผสมผสำน เข้ำมำเรียนรู้ใน สถำนที่จริง โดยกำรสนับสนุนจำกสำนักงำนเทศบำลตำบลหนองแก สำนักงำนเกษตรอำเภอศรีบุญเรือง กศน.ตำบลหนองแก พฒั นำชมุ ชนอำเภอศรบี ุญเรอื ง 5. ผลงำนทีเ่ ปน็ ประโยชน์ต่อชมุ ชนและสังคม เปน็ ศนู ย์เรียนรเู้ กษตรผสมผสำน บำ้ นสำรำญสุข หมู่ที่ 7 ตำบลหนองแก อำเภอศรบี ุญเรอื ง จังหวดั หนองบัวลำภู สร้ำงรำยได้ลดรำยจ่ำยในครวั เรอื นของคนในชุมชน 6. รำงวลั หรอื เกยี รติคุณท่ไี ด้รบั ชนะเลิศผู้นำด้ำนเศรษฐกิจพอเพียง นำงดวงจนั ทร์ วงษ์อำด เปน็ ผนู้ ำด้ำนเศรษฐกิจพอเพยี งตัวอยำ่ งในตำบลหนองแก

36 ตำบลหนองบวั ใต้ ประวัติและผลงำนภมู ิปัญญำทอ้ งถ่นิ ตำบลหนองบวั ใต้ อำเภอศรบี ุญเรอื ง จงั หวดั หนองบัวลำภู ดำ้ นอตุ สำหกรรมหัตถกรรม สำขำกำรจักสำน นำยสิงห์ทอง สกี หุ ลำบ

37

38 ชื่อ-สกุล นำยสิงหท์ อง สีกุหลำบ ประวตั ิและผลงำนภูมปิ ัญญำท้องถน่ิ ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรบี ญุ เรือง จังหวัดหนองบวั ลำภู ดำ้ นอุตสำหกรรมหตั ถกรรม สำขำกำรจักสำน 1. ประวตั แิ ละผลงำน เกดิ เมื่อวนั ที่ 20 เมษำยน พ.ศ. 2496 อำยุ 67 ปี ท่ีอยู่ 67 หมูท่ ่ี 2 บำ้ นดอนปอ ตำบลหนองบวั ใต้ อำเภอศรีบญุ เรือง จงั หวดั หนองบวั ลำภู เบอรโ์ ทรศัพท์ 0962702107 ไดร้ ับสบื ทอดควำมร้มู ำจำก พ่อ แม่ ฝกึ ทำจนมีควำมชำนำญ และถำ่ ยทอดควำมรใู้ หค้ นรุ่นหลงั ทีส่ นใจ ผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย สุ่มไก่ ตะกรำ้ ไซ ขอ้ ง เป็นตน้ 2. องคค์ วำมรแู้ ละควำมเชยี่ วชำญ ใช้วสั ดุขนำดเลก็ และยำว ท่ีเรยี กว่ำตอก หรือ ตน้ ไผท่ ีน่ ำมำขัดจนกลำยเป็นเสน้ เล็กๆ มำขดั ประสำนกนั ตอกในกำรจักสำนนน้ั มขี นำดใหญก่ ว่ำเส้นดำ้ ย ลวดลำยของงำนจึงมีขนำดใหญ่ โดยมีควำม ชำนำญในกำรสำน สมุ่ ไก่ ตะกร้ำ ไซ ข้อง เปน็ ต้น 3. กำรถำ่ ยทอดควำมรู้และควำมเชี่ยวชำญ มกี ำรถ่ำยทอดควำมรูด้ ้ำนกำรจักสำนใหแ้ กป่ ระชำชนในหมู่บำ้ น เพ่ือให้ลกู หลำนมีควำม ภำคภูมิใจในกำรประกอบอำชีพด้ำนหตั ถกรรมจักสำนไม้ไผท่ ่ีได้รับกำรถ่ำยทอดมำจำกบรรพบรุ ษุ 4. ลกั ษณะของเครือข่ำยและกำรสรำ้ งเครอื ขำ่ ย เครอื ขำ่ ยท่ีให้กำรสง่ เสรมิ และสนับสนนุ คอื หน่วยงำนรำชกำรต่ำงๆ อบต. และไดแ้ ลกเปล่ยี น เรยี นรู้กบั กลมุ่ จกั สำนของตำบลใกล้เคยี งเพอื่ นำมำปรับใช้ในงำนของตนเอง 5. ผลงำนทเี่ ป็นประโยชนต์ ่อชมุ ชนและสงั คม มคี วำมภำคภูมิใจในกำรประกอบอำชีพดำ้ นหตั ถกรรมจกั สำนไม้ไผท่ ีไ่ ดร้ บั กำรถ่ำยทอดมำจำก บรรพบุรุษไดจ้ กั สำน สุ่มไก่ ตะกรำ้ ไซ ขอ้ ง ให้กับทำงหมูบ่ ้ำนเพอ่ื ใช้ในงำนบญุ ประเพณีต่ำงๆ 6. รำงวัลหรอื เกียรติคุณท่ีได้รับ -

39 ตำบลหนั นำงำม ประวตั ิและผลงำนครูภูมปิ ัญญำทอ้ งถิน่ จงั หวัดหนองบัวลำภู ด้ำน ปรชั ญำ ศำสนำ และประเพณี สำขำ พธิ กี รทำงศำสนำ ( หมอธรรม ) . นำยสวิน บญุ ประคม

40 * หมำยเหตุ ใสร่ ปู ภำพ 2 – 5 รปู ข้นึ ไป

41 ประวตั ิและผลงำนครภู มู ิปญั ญำท้องถนิ่ จังหวัดหนองบัวลำภู 1. ประวัตแิ ละผลงำน นำยสวนิ บุญประคม เกดิ วนั ท่ี 21 เดือน ตลุ ำคม พ.ศ 2484 บ้ำนเลขท่ี 26 หม่ทู ี่ 8 บำ้ นเหล่ำใหญ่ ตำบลหนั นำงำม อำเภอศรีบุญเรอื ง จงั หวัดหนองบวั ลำภู 39180 เบอรโ์ ทรศพั ท์ 090-342-4087 2. องค์ควำมรู้และควำมเช่ยี วชำญ กำรสู่ขวัญเป็นเรื่องเก่ยี วกับขวญั และกำลังใจซึ่งบรรพบรุ ษุ ของชำวอีสำนได้เหน็ ควำมสำคัญของจติ ใจ มำกกำรดำเนินชวี ิตแทบทุกอย่ำงตอ้ งอำศยั พลงั ทำงจติ เพ่ือจะไดช้ ว่ ยใหม้ จี ติ ใจทเ่ี ขม้ แขง็ มีสตสิ ัมปชัญญะท่ี ม่ันคงซง่ึ จะก่อใหเ้ กดิ ปญั ญำและควำมมงุ่ มนั่ ทมุ่ เทไปสู่เป้ำหมำยสำมำรถเอำชนะฟนั ผำ่ อุปสรรคท่อี ำจจะเกิดขนึ้ จงึ เปน็ มรดกทำงภูมปิ ัญญำที่ควรถือปฏบิ ตั ิสืบทอดกนั 3. กำรถ่ำยทอดควำมรู้และควำมเชีย่ วชำญ ทีม่ ำของชดุ ควำมคิดน้มี ำจำกกำรปฏิบัติจรงิ ในบ้ำนของเขำ ซึ่งบรบิ ทของพ้ืนทีภ่ ำค ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื มวี ัฒธรรม ควำมเชื่อ ทง่ี ดงำม จงึ ทำให้จำเป็นตอ้ งเรยี นรู้เพอื่ สืบสำนและถำ่ ยทอดกำรสู่ ขวัญ โดยกำรสอนเยำวชนเป็นกำรส่วนตัวในเวลำวำ่ ง และกำรพำไปเรียนรู้ประสบกำรณจ์ ริงในงำนต่ำง ๆ 4. ลกั ษณะของเครอื ขำ่ ยและกำรสรำ้ งเครอื ขำ่ ย กิจกรรมในชุมชนทกุ กิจกรรม เขำ้ รว่ มกจิ กรรมชุมชน แนะนำตัวเองถงึ ควำมสำมำรถเฉพำะทำงของ ตัวเอง ให้สงั คมรู้จกั แล้วจะเกิดกำรแนะนำปำกต่อปำก 5. ผลงำนทเ่ี ปน็ ประโยชน์ตอ่ ชุมชนและสงั คม เป็นพิธีกรงำนมงคลต่ำงๆ ในหมู่บ้ำนและในพนื้ ที่ตำบลหนั นำงำม 6. รำงวัลหรอื เกยี รตคิ ณุ ที่ได้รับ -

42 ตำบลหนองกงุ แกว้ ประวตั ิและผลงำนครูภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถิน่ จงั หวดั หนองบวั ลำภู ดำ้ น........กำรตดั เยบ็ เสอ้ื ผ้ำ........ สำขำ....อตุ สำหกรรมและหัตถกรรม.... นำงธำรำทพิ ย์ พิมพำเรอื

43

44 นำงธำรำทิพย์ พมิ พำเรอื ประวตั ิประวัตแิ ละผลงำนครูภูมิปัญญำท้องถนิ่ จังหวดั หนองบวั ลำภู ด้ำน......กำรตัดเยบ็ เส้อื ผำ้ .... สำขำ.......อุตสำหกรรมและหัตถกรรม..... 1. ประวัติและผลงำน นำงธำรำทพิ ย์ พิมพำเรือ อยูบ่ ้ำนเลขท่ี 151 หมู่ที่ 5 บำ้ นผำสุก ตำบลหนองกุงแก้ว อำเภอศรี บุญเรือง จังหวัดหนองบวั ลำภู ซ่ึงเป็นหมบู่ ำ้ นที่อยหู่ ่ำงไกลจำกตวั อำเภอศรีบุญเรืองมำกที่สุด ท่ำนเป็นครูภูมิ ปญั ญำทอ้ งถิ่นทม่ี ีควำมสำมำรถหลำกหลำยด้ำน โดยเฉพำะด้ำนกำรตัดเย็บเสื้อผ้ำชนิดต่ำงๆ ไม่ว่ำจะเป็นกำร ตัดเยบ็ ดว้ ยมอื หรอื จกั ร ท่ำนจะมีควำมชำนำญ กำรออกแบบเสื้อผ้ำชนิดต่ำงๆ เป็นที่ยอมรับของชุมชน ได้รับ เชญิ ใหเ้ ป็นวทิ ยำกรจำกหน่วยงำนและชุมชนตำ่ งๆมำกมำย 2. องค์ควำมรู้และควำมเชย่ี วชำญ ท่ำนเป็นครูภูมิปัญญำท้องถ่ินท่ีมีควำมสำมำรถหลำกหลำยด้ำน โดยเฉพำะ ด้ำนกำรตัดเย็บ เส้ือผ้ำชนิดต่ำงๆ ไม่ว่ำจะเป็นกำรตัดเย็บด้วยมือหรือจักร ท่ำนจะมีควำมชำนำญ กำรออกแบบเส้ือผ้ำชนิด ต่ำงๆ เป็นที่ยอมรบั ของชมุ ชน ไดร้ บั เชิญใหเ้ ปน็ วิทยำกรจำกหน่วยงำนและชมุ ชนตำ่ งๆมำกมำย 3. กำรถำ่ ยทอดควำมร้แู ละควำมเชีย่ วชำญ นำงธำรำทิพย์ พิมพำเรือ เป็นผู้มีประสบกำรณ์ในด้ำนกำรตัดเย็บเสื้อผ้ำอย่ำงยำวนำน และมี ควำมเป็นวิทยำกำรที่มีควำมเชี่ยวชำญ สำมำรถถ่ำยทอดควำมรู้ให้กับผู้เรียนได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ ท่ำน ประกอบอำชพี รบั จ้ำงตัดเยบ็ เสือ้ ผำ้ และได้รบั เชิญเปน็ วทิ ยำกรหลำยจังหวดั 4. ลักษณะของเครอื ขำ่ ยและกำรสรำ้ งเครอื ข่ำย นำงธำรำทพิ ย์ พิมพำเรือ เป็นผูม้ ปี ระสบกำรณใ์ นดำ้ นกำรตดั เยบ็ เสอ้ื ผำ้ อย่ำงยำวนำน มีควำมรู้ ควำมสำมำรถในด้ำนกำรตัดเย็บเส้ือผ้ำ เป็นท่ีรู้จักของบุคคล หน่วยงำน ทำให้ท่ำนได้รับเชิญเป็นวิทยำกร ถ่ำยทอดองค์ควำมร้ใู นหลำยจงั หวดั ทำใหไ้ ด้รจู้ กั กบั เครอื ขำ่ ยตำ่ งๆมำกมำย 5. ผลงำนท่เี ป็นประโยชนต์ ่อชุมชนและสังคม นำงธำรำทิพย์ พมิ พำเรือ ถือได้ว่ำเป็นบุคคลที่มีควำมสำคัญต่อชุมชน ได้เป็นวิทยำกรมำอย่ำง ยำวนำน มีลูกศิษย์ที่ได้รับกำรถ่ำยทอดควำมรู้ไปประกอบอำชีพ และประสบผลสำเร็จมำกมำย ถือเป็น ประโยชน์ต่อชุมชนและสงั คมเปน็ อนั มำก 6. รำงวัลหรอื เกยี รติคุณทไ่ี ด้รับ ท่ำนได้รับรำงวัลต่ำงๆมำกมำย ทงั้ เป็นบุคคลตวั อยำ่ งของชุมชน ได้รบั รำงวัลจำกหน่วยงำน รำชกำรต่ำงๆ เชน่ พฒั นำชุมชน อบต. เทศบำล เปน็ ตน้

คณะผจู้ ดั ทำ นำยประมวล ไชยศรี ผอ.กศน.ศรีบญุ เรือง น.ส.สุรรี ตั น์ ชัยวี บรรณำรักษ์ปฎิบัติกำร น.ส.ปรทิ ัศน์ กองคำ ครอู ำสำสมคั รฯ ครู กศน.ตำบล ครู ศรช. ครผู สู้ อนคนพกิ ำร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook